พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : สอนเสือเป่าขลุ่ย (?)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : สอนเสือเป่าขลุ่ย (?)  (อ่าน 159251 ครั้ง)

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
โหยยยย มีความซับซ้อน
หรือจริงๆ แล้วเวสเปอร์ปกติ แต่ถูกทุกคนทำเหมือนเวสเปอร์ไม่ปกติ โอ้ย เดาไม่ออกง่าา

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
ตอนที่ 22

สิ้นคำกล่าวของกษัตริย์ไซมอนด์เรื่องประหลาดก็เกิดขึ้นทันที

โฮกกกกกก

ไคออสคำรามเสียงดังลั่นอย่างเจ็บปวดเมื่อจู่ๆ หางของมันก็กลายเป็นรอยกรีดลึกถึงกระดูก มันอ้าปากกว้างพ่นไฟบรรลัยกัลป์ใส่ทุกสิ่งที่ขวางหน้า ใช้ตัวกระแทกสิ่งที่ขวางทางอย่างบ้าคลั่ง ความเจ็บปวดขั้นรุนแรงกำลังทำให้มันสติแตก บางสิ่งบางอย่างกำลังกระซิบอยู่ข้างหูมันอย่างไม่หยุดไม่หย่อน

เหล่าขุนนางที่รู้ดีว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นต่างพากันสาวเท้าตามกษัตริย์ไซมอนด์ไปอย่างรวดเร็ว ในมือพวกเขายังคงพันธนาการองค์รัชทายามคนรองอย่างสุดชีวิตเมื่อคนถูกพันธนาการทำท่าจะคุ้มคลั่งตามสัตว์ในพันธสัญญาของตัวเอง

"ไคออส! ไคออส! ท่านพ่อ ท่านทำอะไรมัน!!!" เฟเนกส์คำรามความกราดเกรี้ยวทำให้พละกำลังที่คล้ายจะสูญหายไปกลับมาอย่างรวดเร็วหากแต่บางอย่างก็คล้ายกับจะล่วงรู้เท่าทันเฟเนสก์

"เป็นเด็กดีหน่อยสิ เฟเนกส์"  มือเย็นชืดราวกับซากศพสัมผัสกับใบหน้าของเฟเนกส์พร้อมกันนั้นเจ้าของมือยังแสยะยิ้มคล้ายกับเอ็นดูในตัวเด็กน้อย "เจ้ากับข้าจะได้อยู่ด้วยกันแล้วไง.."

เฟเนกส์เบิกตาโพลงหายใจติดขัด สัญชาตญาณที่ฝังลึกลงไปในเลือดทุกหยาดหยดกำลังเตือนเจ้าของร่างอย่างดุร้ายว่าอย่าได้ไปยุ่งกับมันเด็ดขาด!! 

"ไม่!! ไม่ อย่ามายุ่งกับข้า!" ปัดมือสัตว์ประหลาดร่างมนุษย์ตรงหน้าจนมีเสียงดังกร็อบและกระชากตัวเองแรงๆ จนสามารถหลุดออกมาจากพันธนาการได้ 

นัยน์ตาสีทองขององค์ชายรองเรืองรองในความมืดของบันไดชั้นใต้ดินคล้ายกับกำลังกล่าวตนเป็นปฏิปักษ์ต่อมันโดยไร้คำพูด มือกระชากดาบสีแดงชาดที่เคยเป็นสีขาวสว่างออกจากฝักและชี้ไปที่ใบหน้าของมันอย่างไร้ความเกรงกลัว 

ในเมื่อท่านพ่อเลือกที่จะทอดทิ้งข้า ข้าก็จะเลือกทางของตนเอง!

เฟเนกส์คิดอย่างมาดมั่นทั้งๆ ที่หัวใจในอกนั้นแหลกละเอียด การกระทำของท่านพ่อที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ฉายชัดว่าท่านพ่อไม่ได้เห็นเขาเป็นลูกแม้แต่นิดเดียว เพราะคงไม่มีพ่อที่ไหนมาฟันแขนลูกตัวเองทั้งๆ ใบหน้ายังยิ้มแย้มแบบนั้น...

ทั้งๆ ที่ข้าให้ทุกอย่างในชีวิตของข้ากับท่านพ่อ.. แต่ท่านพ่อกลับตอบแทนข้าแบบนี้ ข้าก็แค่อยากได้ความรัก ความสนใจเหมือนที่เวสเปอร์เคยได้รับ.. ข้าอยากได้มันบ้างไม่ได้เหรอ 

ทุกอย่างในชีวิตข้าเหมือนถูกเวสเปอร์ช่วงชิงไปจนหมด ไม่ว่าจะท่านพ่อหรือท่านแม่ทุกคนล้วนให้ความสนใจมัน จนกระทั่งมันปัญญาอ่อนท่านแม่ก็เลือกที่จะอยู่กับมันไม่ใช่ข้า!

น้ำตาหยดซึมเปียกใบหน้าของเฟเนกส์ขัดกับท่าทางองอาจดุจราชาแห่งเมืองเอวินด์

"หากท่านต้องการร่างของข้า ท่านก็จงฆ่าข้าให้ได้ซะก่อน" 

สัตว์ประหลาดฉีกยิ้มยียวนด้วยใบหน้าที่แท้จริงของตัวเอง นัยน์ตาที่มีเพียงดวงไฟสีขาวลุกโชนจับจ้องไปที่เฟเนกส์เขม็งรอยยิ้มบางปรากฎขึ้น "เด็กดี.. เจ้ากำลังเดินไปในทางที่ผิด"

ฉึบ

"อ้ากกกก" เฟเนกส์กรีดเสียงออกมาอย่างเจ็บปวดกุมท้องตัวเองที่กลายเป็นแผลลึกโดยไม่ทันตั้งตัว นัยน์ตาสีทองยังคงเรืองรองส่อความเป็นปฏิปักษ์หากแต่มันก็สั่นระริกด้วยความสิ้นหวังในเวลาเดียวกันเมื่อมันค่อยๆ สาวเท้าเข้ามาใกล้

เสียงฝีเท้าแต่ละก้าวดังลั่นในแว่วความคิดของเฟเนกส์

"ถ้าไม่ติดว่าร่างของเจ้ามันเหมาะสำหรับข้า ข้าคงจะทำโทษเด็กดื้ออย่างเจ้าไปแล้ว" กริมม์หัวเราะหึๆ ใช้ลิ้นเลียดาบที่ชุ่มไปด้วยทั้งเลือดมังกรไฟและองค์รัชทายาทคนรองอย่างเอร็ดอร่อย ก่อนที่มันจะจ้องไปยังเหล่าขุนนางยืนตั่วสั่นระริกใกล้ๆ เชิงออกคำสั่ง

"ขอ ขอรับ!" ขุนนางตัวอ้วนที่รู้ดีว่าร่างตรงหน้าคือใครรีบพาร่างอ้วนๆ ของตัวเองไปกระชากตัวเฟเนกส์ลงบันไดต่อโดยไม่ยากเย็นนัก

โฮกกกก

"ไม่ ไม่ ไคออส ไม่" เฟเนกส์พึมพำพูดออกมาอย่างเจ็บปวด มองมังกรไฟของตัวเองด้วยความสงสารเมื่อเห็นมันกรีดร้องคล้ายกับพยายามเรียกชื่อเขาทั้งๆ ที่เนื้อตัวของมันเต็มไปด้วยรอยฟันลึกจนเห็นกระดูกอีกทั้งนัยน์ตาของมันก็เหมือนจะมืดบอดไปแล้ว..

"มังกรหน้าโง่ เจ้าคิดว่าแมวน้อยจะหลงทางอีกนานไหม?" กริมม์พูดด้วยอารมณ์ดียิ่งมองมังกรไฟที่นอนสิ้นท่าอยู่บนลมหายใจขาดห้วง 

ทั้งๆ ที่ดวงตานั้นมืดบอดไปแล้ว ไคออสกลับพยายามใช้นัยน์ตาสัตว์ร้ายมองกริมม์อย่างเคีียดแค้น มันพยายามยันตัวขึ้นมาสู้ต่อแต่ก็พบว่านอกจากหายใจแล้ว

มันก็คงทำอะไรไม่ได้อีก

มังกรเพลิงพ่นลมหายใจเป็นประกายไฟออกมาเหมือนพยายามให้กำลังใจตนเอง ทั้งๆ ที่มันรู้ตัวว่ามันหมดหนทางสู้แล้วและคงตายในอีกดาบเดียวของสัตว์ประหลาดในร่างมนุษย์ตรงหน้า

ไม่แน่ใจเพราะอะไรที่ทำให้มันหวนนึกถึงตอนที่มันกับนายของมันโลดแล่นเข้าไปในสนามรบต่างๆ ด้วยกัน ในตอนที่มันส่งเสียงคำรามนายของมันก็จะฟันศัตรูไปหนึ่งทัพ หากแต่เมื่อนายของมันเรียกชื่อมัน มันก็จะพ่นไฟเผาที่แห่งให้พังพินาศ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในตอนนั้นทำให้มันรู้สึกสนุกอย่างไม่น่าเชื่อจนมันอยากให้ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลานิรันดร์

ที่มีเพียงนายกับมันกำลังโลดแล่นอยู่ในสนามรบ

ไคออสคิดอย่างเจ็บปวดหลับตาลงยอมจำนนแต่โดยดีทำให้กริมม์ยิ้มกริ่มด้วยความพอใจ

"เจ้า!"

คมดาบคมกริบสาดใส่กริมม์ทันทีเมื่อร่างๆ หนึ่งตามมาถึง

"หาทางกลับบ้านเจอแล้วเหรอแมวน้อย" หากแต่ร่างเป้าหมายก็ไม่ได้ยอมอยู่เฉยๆ ให้โดนคมดาบเล่น กระโดดหลบอย่างง่ายดายไปเหยียบอยู่บนหัวมังกรเพลิง

"ท้าคนอื่นแล้วมุดหัวหนีเข้าไปในรังอย่างเจ้าไม่มีสิทธิ์พูดอะไรหรอกนะ" วิญญาณพยัคฆ์ทมิฬในร่างโลกัสมองกริมม์อย่างดูแคลน กวัดแกว่งดาบที่ส่งแสงสีดำเรืองรองในมือเตรียมจะจู่โจม

กริมม์คิ้วกระตุกเลือดในกายเริ่มเดือดดาลจึงไหวไหล่แสยะยิ้ม "ข้าก็แค่พาเจ้าชมสวนหน้าบ้านของข้าเท่านั้นเอง" ดาบกระแทกกดลงในศีรษะอันแข็งแกร่งของมังกรเพลิงจนส่งเสียงดังกร็อบเสียดหู เไคออสทันทีทำให้วิญญาณของมันค่อยๆ หลุดออกจากร่างด้วยขนาดร่างกายที่เท่าเดิม

และนั่นก็เป็นสิ่งที่กริมม์ต้องการ มันใช้มือกระชากวิญญาณของไคออสที่มีเพียงมันมองเห็นเข้ามาหาตัวมันและกัดกินอย่างตะกละตะกราม

ไคออสพยายามตะเกียกตะกายหนีสุดชีวิต นัยน์ตาของมันสิ้นหวังจนเกินทน ความเจ็บปวดที่ถูกฉีกทึ้งวิญญาณนั้นเจ็บปวดมากกว่าความตายที่มาถึงเมื่อกี้นี้ซะอีก มันอ้าปากกว้างคำรามไร้เสียงออกมาอย่างรวดร้าวก่อนที่ตัวตนของมันจะหายไปในที่สุด
คมดาบคมหนึ่งถูกแทะทะลุอกของกริมม์เมื่เจ้าตัวอเผลอเพลิดเพลินไปกับอาหารมากเกินไป

"เจ้ามันควรตายได้แล้ว!" ฮาร์เคฟคำรามหมุนควงดาบในมือตั้งใจจะคว้านร่างของกริมม์ให้ตายๆ ไป

ลูกไฟสีขาวที่โชติช่วงในดวงตากริมม์กระตุกหนึ่งครั้งก่อนที่มันจะโชติช่วงจนเบ้าตาทั้งเบ้าคล้ายกับถูกเผาด้วยไฟสีขาว "เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่เจ้าจะมาฝันกลางวันนะ ฮาร์เคฟ" มันกระตุกยิ้มร้ายผลักร่างของโลกัสออกด้วยแรงที่มองไม่เห็น แผลในอกสมานกันทันทีด้วยพลังวิญญาณของไคออสที่มันเพิ่งกัดกินเข้าไป

"หุบปาก!" ร่างหนุ่มวัยฉกรรจ์ที่แทบเกือบจะกลายเป็นเสือโคร่งอยู่กลายๆ โยนดาบในมือทิ้ง หอบหายใจหนัก ร่างกายเริ่มเปลี่ยนแปลงมากขึ้นอีกครั้ง

ขนสีดำขาวเริ่มปกคลุมใบหน้าของโลกัสเช่นเดียวกับกระดูกสันหลังที่โค้งงอลง หางค่อยๆ งอกออกมาจากเสื้อผ้าที่ฉีกขาด จากมือมนุษย์เริ่มแปรเปลี่ยนอุ้งเท้าสัตว์นักล่า

ฮื่ออ

เสือโคร่งสีดำร่างยักษ์คำรามดังลั่นและกระโจนเข้าใส่ร่างของกริมม์ทันที 

ปึ่ก

ฮาร์เคฟส่ายหัวมึนๆ เมื่อเหมือนกับเพิ่งกระโดดชนอะไรบางอย่างที่มองไม่เห็นไป

"เจ้าแย่งร่างมาแบบนี้ ไม่กลัวร่างเจ้าเด็กนี้ตายรึไง" กริมม์ว่าขึ้นมาขณะที่กำลังสาวเท้าลงบันไดอย่างสบายใจ จมูกรับรู้ถึงกลิ่นเลือดหอมกรุ่นที่มันชื่นชอบ ยิ่งทำให้มันสาวเท้าลงบันไดเร็วขึ้นอีกหลายระดับ นัยน์ตาสีขาวเป็นประกายระยับด้วยความพอใจและแปรเปลี่ยนเป็นดุร้ายอีกครั้งในแทบจะทันทีเมื่อฮาร์เคฟใช้กรงเล็บผสานกับเวทในการทำลายโล่วิญญาณที่ทำจากวิญญาณไคออสได้

"อย่าดื้อด้านให้มันมากนัก ไอ้เสือเวร!!" กริมม์แทงดาบเข้าที่ตัวของฮาร์เคฟทันทีเมื่อมันกระโจนเข้ามาหาตนเอง
เคร้ง

กรงเล็บที่แข็งดั่งเหล็กกล้ากระทบกับดาบที่สร้างขึ้นจากพลังวิญญาณอัดแน่นกัน ร่างนักล่าคำรนในลำคออย่างฮึกเหิมเมื่อเท้าแตะพื้นอีกครั้งมันก็กระโจนเข้าไปหาอีกครั้งทันที ปากอ้ากว้างเตรียมจะจมคมเขี้ยวของตัวเองลงในร่างของศัตรู

"ดูเจ้าจะอยากกินเนื้อเจ้าองค์รักษ์หน้าโง่นี้ซะเหลือเกินนะ" 

คำพูดแดกดันแปลกประหลาดทำเอาฮาร์เคฟรู้สึกงุนงงเล็กๆ ซึ่งหลังจากนั้นเพียงเสี้ยววินาทีมันกัดเข้าไปในคอที่ไร้ซึ่งชุดเกราะบดบัง เสียงกร็อบที่เกิดขึ้นฟังลื่นหูมันมากเช่นเดียวกับกลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งในปาก แต่ไม่รู้ทำไมทั้งๆ ที่มันสามารถฆ่าร่างของกริมม์ได้แล้วแต่มันกลับไม่รู้สึกว่าตัวเองได้รับชัยชนะแม้แต่นิดเดียว

"อยากกินก็ตามใจ ร่างอ่อนแอแบบนี้ น่าจะพอเป็นอาหารค่ำให้เจ้าอิ่มไปหลายวัน" เสียงดังหยอกเย้าหากแต่แฝงไปด้วยความโหดเหี้ยมกระซิบข้างหูร่างเสือโคร่ง

ฮาร์เคฟขนลุกซู่ไปทั้งตัว หูตั้งชันขึ้นมาอย่างตื่นตระหนกเมื่อได้ยินเสียงวิญญาณที่มันคิดว่าตายไปแล้ว ปากเผลอปล่อยเหยื่อออกจากปากทำให้ร่างมนุษย์ที่อ่อนปวกเปียกกองไร้ค่าอยู่บนพื้น เสียงร่างเหลวๆ กระทบทำมันหันขวับลงไปมอง ยิ่งทำให้มันผวาเฮือกถอยห่างจากศพบนพื้น

มันเป็นศพที่มีใบหน้าเปลี่ยนไปอีกครั้ง เป็นใบหน้าแท้ๆ ของเจ้าของร่าง

"กินซะสิ อร่อยนะ ก่อนที่เจ้าจะไม่มีหมดโอกาสได้กินอีก"

เสียงอันไร้ที่มายังคงดังก้องในหูของฮาร์เคฟแม้ว่ามันจะพยายามเอาอุ้งเท้าหนาๆ ปิดหูของตัวเองไว้ ความหวาดผวาที่น่ารังเกียจปรากฎในอกมัน มันในตอนนี้คล้ายกับแมวที่กำลังหวาดกลัวสุนัข ขนทั้งตัวลุกชัน มันยืนตัวแข็งชาดิกไปทั้งตัว มองศพบนพื้นด้วยความหวาดกลัว

ทั้งๆ ที่มันมั่นใจแล้วแท้ๆ ว่าตัวเองไม่หวาดกลัวทั้งวิญญาณของกริมม์ทั้งร่างของมนุษย์ที่นอนตายอยู่ตรงหน้าตัวเอง

"น่าเสียดาย ที่ข้าฆ่าเจ้าตอนนี้อีกรอบไม่ได้" พูดจบก็ทอดถอนใจคล้ายกับเสียดายนักหนา "ไว้ข้าจะมาเล่นกับเจ้าใหม่อีกครั้งแล้วกันนะ แมวน้อย"

เป็นครั้งแรกที่มันรู้สึกถึงความเมตตาของกริมม์

มันขดตัวแน่นหลับตาหอบหายใจหนัก หัวใจเต้นแรงรู้สึกหวาดกลัวในตัวของกริมม์แทบบ้า มันเริ่มรู้สึกเกลียดตัวเองที่เคยทระนงตนจนมากเกินไป ตอนนี้มันรู้แล้วว่าลำพังแค่พละกำลังกับเวทมนตร์คงจะชนะกริมม์ไม่ได้ เสียงกระซิบข้างหูมันทำให้มันรู้ตัวทันทีว่ามันคงไม่มีปัญญาฆ่ากริมม์ได้ 

ไหนจะร่างมนุษย์ตรงหน้าที่เคยถลกหนังมันทั้งเป็นอีก!

ร่างเสือโคร่งตัวสั่นเทาเมื่อในหัวคล้ายกับจะเห็นภาพตัวเองในอดีตที่ถูกตรึงไว้ด้วยโซ่หนักที่ลงเวทย์อย่างแน่นหนา มันในตอนนั้นถึงกับยอมทิ้งคำสาบานของสายเลือดตัวเองเป็นครั้งที่สอง ที่ว่าไว้เกี่ยวกับการห้ามพูดคุยกับมนุษย์ มนุษย์เป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับปีศาจพยัคฆ์อย่างพวกมันเพราะนอกจากพลังเวทย์กับพละกำลังแล้ว เลือดและหนังของพวกมันยังถือเป็นสื่อกลางเวทย์ชั้นสูงที่หาได้ยาก การข้องเกี่ยวกับมนุษย์ที่ละโลบโลภมากจึงเป็นเรื่องที่เขลาที่สุดสำหรับพวกมัน

หากแต่ครั้งนั้นเมื่อมันเห็นมีดพร้าในมือมนุษย์คนนี้ มันก็กรีดร้องอ้อนวอนทันทีแต่ก็ไม่ได้ผล มันถูกกรีดเนื้อเอาเลือดถูกมีดเฉือนผิวหนังอย่างช้าๆ เพื่อลอกหนังที่มันภาคภูมิใจออกไป ความเจ็บนั้นยากจะระบาย มันกรีดเสียงโหยหวนจนไม่มีเสียง พยายามอ้อนวอนขอความตายแต่ก็ไม่ได้ผล แต่ละวันมันถูกมนุษย์ค่อยๆ บรรจงพรากทุกอย่างที่มีค่าไปจากมัน กรงเล็บ คมเขี้ยว ทุกอย่าง

ความทุกข์ทรมานที่เกิดขึ้นกับมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนทุกครั้งที่ได้ยินเสียงฝีเท้าของมนุษย์คนนี้ทำให้มันผวาจนถึงขีดสุด มันในตอนนั้นเป็นเพียงแค่ปีศาจเสืออ่อนแอ พลังเวทย์ทุกอย่างมันให้เด็กน้อยที่มันเลี้ยงดูไปแล้ว เพราะมันรับรู้ดีว่าหากมันปะทะกับพวกมนุษย์อีกครั้ง มันคงไม่มีโอกาสรอดออกมาเลี้ยงมนุษย์ที่มันเอ็นดูอีก

กลิ่นเลือดคละคลุ้งไปทั่วบริเวณเมื่อสายลมอ่อนพัดเข้ามา

ฮาร์เคฟหลับตาแน่นกรงเล็บจิกพื้นกัดฟันกรอดๆ รู้สึกอับจนหนทางจนน้ำตาคลออย่างคับแค้นใจ

"เจ้าเสือ!"

เสียงเรียกแปร่งๆ ข้างหูทำให้ฮาร์เคฟยอมลืมตาขึ้นมาอีกครั้งทั้งๆ ที่ตัวสั่นเทา มองเห็นใบหน้าน่ามองที่มีสีหน้าเป็นห่วงมาก มือเล็กๆ ลูบหัวเสือโคร่งตัวยักษ์โดยไม่หวาดกลัวก่อนที่จะตระคองกอดแน่นจนหัวฮาร์เคฟฝังลงไปในหน้าท้องนิ่ม

"เจ้าเสือ.. เป็นอะไร.. เจ้าเสือ ข้าอยู่นี้แล้ว" น้ำเสียงร้อนรนรวมกับอ้อมกอดที่พยายามจะอุ่นทำให้จิตใจอันว้าวุ่นของฮาร์เคฟสงบลงอย่างประหลาด 

ฮาร์เคฟหลุบตาต่ำลงมองอุ้งเท้าของตัวเองที่วางเหยียบบนตักมนุษย์ตัวจ้อยตรงหน้า

เวสเปอร์..

คำๆ นี้ปรากฎขึ้นในหัวฮาร์เคฟทันที 

"เจ้าเสือ เจ้าเสือเป็นเสือจริงๆ ด้วย"  ร่างองค์ชายกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นเล็กๆ ก่อนที่จะฝังใบหน้าลงบันหัวอันหนานุ่มของฮาร์เคฟ "

"ฮื่อ..." พยัคฆ์ทมิฬคำรามในลำคอเบาๆ มุดหัวถูไถไปกับหน้าท้องของเวสเปอร์จนเจ้าตัวหัวเราะคิกคักและเลียใบหน้าขาวๆ อย่างเอ็นดู

นานแล้ว.. ที่ข้าไม่ได้เจอมนุษย์ที่ถูกชะตาเหมือนกับโลกัส ฮาร์เคฟคิดขณะที่ปล่อยให้เวสเปอร์กอดคอตัวเองแน่น นัยน์ตาสัตว์ร้ายสบมองร่างไม่เล็กไม่ใหญ่ขององค์ชายราวกับกำลังประเมินอะไรบางอย่าง

ใช่.. มันกำลังประเมินอะไรบางอย่างจริงๆ เห็นได้ชัดว่าเจ้าเด็กน้อยโลกัสที่มันเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็กๆ นี่จะถูกใจเวสเปอร์เข้าแล้วพาเดินทางไปแก้แค้นด้วย เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ฮาร์เคฟหัวเราะหึในลำคอ เลิกนั่งเชิดหน้าทิ้งตัวลงนอนบนพื้น

เจ้าเด็กน้อยของข้านี่มันน่านัก... ข้าอุตส่าห์ให้พลังของข้าไปทั้งหมดให้มันไปมีชีวิตใหม่ที่ดีแทนปีศาจเสือแก่ๆ อย่างข้า แต่มันกลับเลือกที่จะไปแก้แค้นคนที่ฆ่าข้าซะอย่างนั้น ความคิดของโลกัสนั้นแรงกล้าจนข้าที่กลายเป็นวิญญาณเตรียมจะถูกยมทูตพาไปเกิดใหม่ต้องหนียมทูตกลับมาหาเจ้าเด็กนี้ด้วยความเป็นห่วง

ไม่สิ อีกเหตุผลหนึ่งคงเป็นเพราะไอ้เวรกริมม์มันจะกินวิญญาณข้าซึ่งนั่นก็คงทำให้พลังมันเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลแน่ ฮาร์เคฟปล่อยให้ความคิดล่องลอยขณะที่ร่างของมันเริ่มเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง

"เจ้า เจ้าเสือ" เวสเปอร์หน้าแดงก่ำเมื่อรู้ตัวอีกทีพบว่าร่างที่ตัวเองกอดไม่ใช่ร่างเสือโคร่งตัวยักษ์นุ่มนิ่มอีกต่อไปแต่เป็นร่างมนุษย์วัยฉกรรจ์ที่ร้อนรุ่มดุจไฟเผา

ฮาร์เคฟลืมตาขึ้นมายิ้มจางลูบหัวเวสเปอร์และเอ่ยขอโทษเหล่าผู้มีสายเลือดปีศาจพยัคฆ์ในใจเพราะมันกำลังจะผิดคำสาบานอีกแล้วเป็นครั้งที่สามซึ่งก็น่าจะเป็นครั้งสุดท้ายของมัน

"เจ้าไม่ได้ปัญญาอ่อน ข้าเชื่ออย่างนั้น เวสเปอร์" ลูบหัวทุยเล็กๆ คล้ายกับพยายามปลอบประโลมเด็กน้อยที่หลงทางมาเกือบทั้งชีวิต 

องค์ชายกระพริบตาปริบงุนงง

"ฝากเจ้าดูแลโลกัสด้วยเพราะหลังจากนี้ข้าคงจะไม่อยู่แล้ว" พยัคฆ์ทมิฬกล่าวเสียงนุ่มนวล "ข้าเชื่อว่าเจ้าทำได้"

ถึงแม้จะไม่เข้าใจนักแต่เวสเปอร์ก็พยักหน้าหงึกหงัก "ข้า..จะพยายาม"

"ดี" ฮาร์เคฟกล่าวสั้นๆ ทิ้งตัวลงนอนบนพื้น สีหน้าเจ็บปวดเมื่อรู้สึกรวดร้าวไปทั้งวิญญาณเพราะความเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับโลกัสมันใช้วิญญาณของตัวเองรับแทนทั้งหมด มันกระชากตัวเองออกจากร่างของโลกัสเพื่อคืนร่างให้กับวิญญาณที่แท้จริงของเจ้าของร่าง

สาเหตุที่คืนก็คงจะเพราะมันรู้ดีว่า มันไม่มีปัญญาไปแก้แค้นกริมม์แน่นอนและมันเป็นเรื่องเปล่าประโยชน์ที่จะไปฝืนดันทุรังทำในสิ่งที่รู้ว่ายังไงตัวเองก็ทำไม่ได้อีกทั้งร่างๆ นี้ไม่ใช่ของมันแต่เป็นร่างของโลกัส เด็กน้อยที่มันยอมฝืนคำสาบานเป็นครั้งแรกเพื่อตั้งชื่อให้กับมัน

เพียงไม่นานร่างของโลกัสก็ค่อยๆ ทรุดตัวขึ้นมานั่ง มือหยาบนวดขมับตัวเองเบาๆ รู้สึกมึนงงเล็กน้อยเมื่อคล้ายกับจะวูบไปสักพักใหญ่ๆ แต่เรื่องประหลาดก็คือมันรู้สึกเหมือนจะควบคุมพลังในร่างตัวเองได้ดีขึ้นมากทั้งๆ ที่ปกติแล้วจะคล้ายจะถูกกำกับหรือควบคุมพลังไว้อีกทีหากใช้พลังแปลกปลอมที่อยู่ในตัว ก่อนที่มันจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นเสือโคร่งตัวยักษ์กำลังนั่งนิ่งมองมัน

"ท่านพ่อ!" โลกัสอุทานออกมาอย่างตื่นตระหนกมือสั่นเทา มันตื่นเต้นจนไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่าตัวมันเปลือยเปล่าและยังกอดองค์ชายไว้แน่น "ข้าตาฝาดรึเปล่า? นี่เป็นเรื่องจริงใช่ไหม" แม้แต่น้ำเสียงยังสั่นพร่า

ฮาร์เคฟส่งเสียงคำรามในลำคอเชิงตอบรับ เหลือบมองยมทูตหน้าโหดที่ยืนแสยะยิิ้มอยู่ข้างหลังมันในมือถือเคียวสีดำขนาดยักษ์ มันรู้ตัวว่าเวลาของตัวเองเหลือน้อยเต็มทนจึงพูดอย่างรวบรัด "เจ้าไม่จำเป็นต้องแก้แค้นให้กับคนที่ตายไปแล้วอย่างข้าเพราะยังไงข้าก็คงไม่มีวันฟื้นขึ้นมาได้อยู่ดี" กล่าวถึงตรงนี้แววตาก็เปลี่ยนไปเมื่อต้องพูดประโยคถัดไป "แม้แต่ข้ายังไม่สามารถฆ่ามันได้ เจ้าก็ไม่มีวันฆ่ามันได้ ไม่ว่าเจ้าจะพยายามมากแค่ไหนก็ตาม"

สีหน้าของโลกัสสลับระหว่างยินดีกับซีด มันดีใจที่ได้เจอพยัคฆ์ทมิฬแต่ก็เสียใจที่นี่คงจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เจอกันอีกทั้งยังถูกบอกให้เลิกทำในสิ่งที่เป็นเป้าหมายในชีวิตของตัวเอง

"ใครเป็นคนฆ่าท่าน" หากแต่โลกัสก็ยังมีความดื้อดึงของตัวเอง

พยัคฆ์ทมิฬแยกเขี้ยวขู่ส่งเสียงคำราม "นี่เจ้าไม่ได้ยินที่ข้าพูดรึไง โลกัส เจ้าเป็นแค่มนุษย์ที่ฆ่าได้แค่มนุษย์ เจ้าไม่มีทางฆ่ามันได้!!"

"ใครเป็นคนฆ่าท่าน" โลกัสถามต่อสีหน้าเครียดขึ้ง

"อย่าทำอะไรโง่ๆ" ฮาร์เคฟตะคอกด่าเสียงดังลั่นผลุดลุกขึ้นยืนเมื่อเจ้ายมทูตส่งยิ้มเหี้ยมและผายมือไปยังหลุมมิติที่มันสร้างขึ้น

"ท่านพ่อ ท่านจะไปไหน?" โลกัสมองไม่เห็นยมทูตเห็นเพียงร่างจางๆ ของพยัคฆ์ทมิฬที่หันหลังให้และสาวเท้าออกไป "ท่านตอบข้ามาสิ ข้าไม่สนใจหรอกนะว่า ข้าจะฆ่ามันได้ไหม ถ้าหากฆ่าวันนี้ไม่ได้วันหน้าข้าก็ต้องฆ่ามันให้ได้!"

ความมุ่งมั่นจนเกินไปของโลกัสอดทำให้ฮาร์เคฟอดส่งเสียงหัวเราะไม่ได้ มันส่ายหางตัวเองไปมาหยัดเท้าเข้าไปในหลุมมิติข้างหนึ่งและหันหน้ากลับมาพูด "คนที่เป็นลงดาบสุดท้ายฆ่าข้าก็คือ กริมม์ มันเป็นวิญญาณประหลาดที่สามารถยึดร่างของคนอื่นมาเป็นของตัวเอง ถ้าหากเจ้าอยากฆ่ามันจริงๆ เจ้าต้องหาร่างจริงของมันให้เจอ" 

มันเคยคิดว่าการฆ่ากริมม์ในร่างคนอื่นน่าจะเป็นเรื่องที่สามารถทำได้แต่ก็อย่างที่เห็นเมื่อกี้ ล้มเหลวโดยสิ้นเชิงมันพ่ายแพ้อย่างหมดรูป

ฮาร์เคฟฟเหลือบมองเวสเปอร์ที่มองมาที่ตนเองด้วยสายตาใคร่รู้ "ถ้าเจ้ายังอยากมีชีวิตต่อไปก็จงพาองค์ชายหนีไป ไม่ต้องมาห่วงเรื่องแก้แค้นให้ข้าเพราะนอกจากท่านโฟเทียสแล้ว ข้าก็ไม่คิดว่าจะมีใครสามารถฆ่ามันได้อีก" 

สองเท้าหลังถีบตัวขึ้นกระโดดหายเข้าไปในหลุมมิติเป็นอันตัดจบบนสนทนา

ไม่ทันได้เอ่ยถามอะไรต่อทุกสิ่งก็เหลือเพียงความว่างเปล่า โลกัสขบกรามแน่นรู้สึกสับสนในตนเอง

ข้าควรทำอะไรต่อไปดี? ในเมื่อแม้แต่ท่านพ่อยังบอกให้ข้าเลิกทำ แต่นั่นเป็นสิ่งที่ข้าฝันหาและต้องการที่จะทำมันมาทั้งชีวิตเลยนะ.. 

ถ้าหากข้าล้มเลิกไป  สิ่งที่ผ่านมานั้นคืออะไร  แล้วทุกอย่างที่ข้าทุ่มเททำลงไปล่ะ.ดาบของข้าตัดหัวคนไปนับไม่ถ้วนเพื่อที่จะแก้แค้นให้ท่านพ่อ ข้ายอมสู้กับจิตใจอันอ่อนแอในช่วงแรกๆ ที่เกือบจะฆ่าตัวตายหลังจากฆ่าคนตายคนแรก บาดแผลฉกรรจ์มากมายบนตัวข้าอีกล่ะ..

ทุกอย่างที่ข้าทำมาเพื่อความสูญเปล่างั้นเหรอ..?

พยัคฆ์ดำตัวสั่นเทา สีหน้าเจ็บปวด

".. โลกัส" เสียงเรียกแผ่วเบาข้างหูทำเอาโลกัสสะดุ้งสุดตัวและเบิกตากว้างเมื่อเห็นร่างองค์ชายอยู่ในอ้อมกอดของตัวเอง ร่างนักฆ่ารีบอุ้มเวสเปอร์วางลงข้างกาย สีหน้าแตกตื่นซึ่งก็แตกตื่นขึ้นไปอีกเมื่อพบว่าตัวเองนั้นเปลือยเปล่าไร้เสื้อผ้าใดๆ ปกปิดร่างกาย!

ทั้งๆ ที่ปกติโลกัสจะไม่ใส่ใจเรื่องพวกนี้ด้วยซ้ำแต่เมื่อถูกองค์ชายมองมากลับรู้สึกกระดากอย่างประหลาด นัยน์ตาสัตว์ป่าลุกวาวใส่เจ้าม้าดำที่ยืนนิ่งอยู่ไกลๆ บนหลังของมันมีฟินน์คาบกระเป๋าที่ขนาดใหญ่กว่าตัวเองไว้อย่างเหนียวแน่น

เจ้าม้าดำส่งเสียงฮื่อๆ คล้ายกับกำลังขำ มันแสร้งสาวเท้าเชื่องช้าจนสีหน้านักฆ่าดุร้ายมากขึ้นไปอีก ทำให้ฟินน์ทนไม่ได้ที่จะกระโดดลงไปก่อนและลากกระเป๋าวิ่งไปหาโลกัส

"ขอบใจ" โลกัสลูบหัวฟินน์ที่มองมาอย่างเป็นห่วงและดึงกระเป๋าไปควานเอากางเกงมาสวมใส่ทันที

ตลอดระยะเวลาที่โลกัสจัดการกับตัวเองนั้นเวสเปอร์ไม่ได้มองเลยแม้แต่น้อย จิตใจยังคงหมกมุ่นกับร่างเสือยักษ์สีดำที่หายไปในอากาศซะเฉยๆ

"เจ้าเสือตัวโต.. หายไปแล้ว" 

"ท่านพ่อกลับคืนสู่แผ่นดินไปแล้วล่ะ.." โลกัสเหยียดยิ้มลูบหัวเวสเปอร์เมื่อใส่กางเกงเสร็จ ความรู้สึกที่สงบลงเล็กน้อยทำให้ไตร่ตรองเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ดีขึ้น

ข้าไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า ท่านพ่ออาศัยอยู่ในร่างของข้ามาตลอด.. มิน่าล่ะ บ่อยครั้งที่ข้ามักจะควบคุมพลังตัวเองไม่ได้และเผลอวูบเป็นพักๆ ทีแรกข้าคิดว่าอาจจะเป็นอาการล้าของร่างกายข้า แต่ไม่ใข่ สาเหตุที่แท้จริงก็คือวิญญาณเจ้าของพลังที่แท้จริงกำลังอาศัยอยู่ในร่างของข้าต่างหาก

ไม่แน่ใจว่าความเคียดแค้นของท่านพ่อนั้นส่งผลต่อข้ารึเปล่า ถึงทำให้ข้าหมกมุ่นกับการแก้แค้นถึงขนาดนี้ จุดมุ่งหมายนี้กลายเป็นสิ่งที่มากกว่าความคิดแต่เป็นสัญชาตญาณที่ต้องทำ จนร่างกายข้าตอบรับกับมันว่าหากข้าทำไม่สำเร็จมันจะทำให้ข้าอยู่ไม่สุข คอยกระตุ้นให้ข้าหาทางมาแก้แค้นให้ได้

แต่แล้วยังไงล่ะ.. ในเมื่อตอนนี้เจ้าของวิญญาณที่เป็นสาเหตุที่ทำให้ข้าไปตามแก้แค้นกลับบอกให้ข้าเลิกลาซะอย่างนั้น

"เจ้าคิดว่าข้าควรจะทำยังไงดี เวสเปอร์.." โลกัสพูดเสียงแหบพร่าทรุดตัวลงนั่งและรวบเอวเวสเปอร์ขึ้นมานั่งบนตักตัวเองอีกครั้ง ใบหน้าที่ถึงแม้จะบาดแผลฉรรจ์พาดที่แก้มแต่ก็ยังคงความหล่อเหลาไว้อย่างเหลือเชื่อวางเกยบนไหล่องค์ชาย แขนสองข้างกอดองค์ชายแน่นจนแทบจะกลายเป็นเนื้อเดียวกัน

เวสเปอร์ไม่ได้ตอบทำเพียงแค่กอดเจ้าเสือตอบ มือลูบหลังเจ้าเสือตัวใหญ่ที่ทำท่าจะร้องไห้กลายเป็นเสือขี้แย

"ไม่!! ท่านพ่อ ไม่!! ฮือ ท่านอย่าทำแบบนี้กับข้า!"

เสียงตะโกนดังลั่นอย่างเสียขวัญดังมาจากความมืดมิดของชั้นใต้ดิน

"เจ้าเป็นลูกข้า ก็ต้องเชื่อฟังคำสั่งข้า!!"

มือเล็กที่ลูบหลังโลกัสแข็งค้างเช่นเดียวกับใบหน้าของเวสเปอร์ที่ซีดเผือด

"เฟเนกส์... ท่านพ่อ" ครางชื่อออกมาโดยไม่รู้ตัว

อ้อมกอดอุ่นคลายออกแทนที่ด้วยจูบบนริมฝีปากเวสเปอร์ โลกัสจูบเป็นช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้นจึงผละออกไป แววตาคล้ายกับตัดสินใจอะไรบางอย่างได้

"งั้นข้าจะทวงสิ่งที่เป็นของๆ เจ้าคืนมาให้เจ้าเอง เวสเปอร์.."

------------------
TBC.  :z6:

ตอนหน้าก็จุดพีคเรื่องแล้ววว  :z2:

ตอบคุณ บลูเชอร์รี่ : เรื่องฟาร์คัสว่าจะกลับไปแก้ทามไลน์ใหม่ค่ะ  :hao5: สงสัยแต่งตอนง่วงๆ แล้วรนเกิน เวลาในเรื่องเลยผ่านไปอย่างรวดเร็วมาก 5555
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
ขออีกตอนๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


T T

ไม่นะ ไคออส ฮือออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออ  :o12:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
สงสารไคออสอ่ะ

ออฟไลน์ Laliat

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
กริมม์มันร้ายกาจ พยัคฆ์ดำยังสู้ไม่ได้ โลกัสจะไหวไหมนะ
แต่สงสารไคออสจังอ่ะ ฮือ มังกรสุดเท่

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
ตอนที่ 21

เสียงกู่ร้องอย่างเจ็บปวดดังสลับกับเสียงตะโกนอย่างกราดเกรี้ยวยังคงดังมาจากเบื้องล่างไม่หยุดไม่หย่อนราวกับกำลังเกิดสงคราม ซึ่งเสียงเหล่านั้นก็เสียดแทงเข้าไปในหูของเวสเปอร์จนร่างองค์ชายตัวนิ่งงันเย็นเฉียบ

"เจ้าเสือ จะเอา..." เวสเปอร์สูดหายใจลึกพยายามควบคุมการพูดของตัวเอง "บัลลังก์ของข้าคืนมางั้นเหรอ?" นัยน์ตาอมทุกข์สบกับนัยน์ตาสัตว์ร้ายที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นอันแรงกล้าราวกับเป็นตนเองที่ถูกแยกบัลลังก์ไป!

โลกัสพยักหน้าฝ่ามือหยาบร้อนลูบใบหน้าอันเย็นเฉียบของเวสเปอร์พูดเสียงแตกพร่า "มันเป็นของเจ้าไม่ใช่เหรอ เวสเปอร์.."

เวสเปอร์แค่นเสียงหัวเราะเย็นชาผิดวิสัย หัวใจที่เคยใสซื่อเริ่มชาด้านเข้าไปทุกที "ข้าไม่อยากได้.. มัน เจ้าเสือก็รู้ รู้" องค์ชายสะบัดหัวแรงๆ คล้ายกับกำลังเขย่าสมองให้เข้าที่เข้าทาง "ทุกคนไม่ชอบข้า"

"แต่ข้าชอบเจ้า" ร่างนักฆ่าพูดหน้านิ่งสีหน้าจริงจัง

องค์ชายเผลอหน้าแดงเล็กๆ แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้นก่อนที่จะเศร้าสลด "ข้าไม่ต้องการมันสักนิด.. เจ้าเสืออย่ายัดเยียดให้ข้าเลย"

ทุกอย่างมันปรากฎชัดเจนอยู่แล้วว่าบัลลังก์นี่ไม่ต้องการองค์ชายปัญญาอ่อนอย่างข้า..

เวสเปอร์คิดและแค่นเสียงหัวเราะเยาะตัวเอง น่าแปลกที่ความเศร้าที่มักจะมีอยู่เต็มอกนั้นหายไปแล้วเหลือเพียงความรู้สึกแย่ๆ บางอย่างที่คอยกัดกินความคิดตลอดเวลา

เจ้ามันอ่อนแอ... ตายๆ ไปซะ เวสเปอร์

ความคิดบางอย่างพรวดเข้ามาในหัวหากแต่เรื่องแปลกก็ยังคงเป็นเรื่องแปลก เวสเปอร์ไม่รู้สึกสะทกสะท้านอะไรกับมันสักนิดหนำซ้ำยังยิ้มเยาะออกมาอีกต่างหาก

มืออุ่นแตะริมฝีปากเวสเปอร์และเรียกเสียงสั่น "...เวสเปอร์?"  โลกัสหน้าเสียเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติของเวสเปอร์ที่ดูจะเป็นไปทางแย่มากๆ

รอยยิ้มเยาะจึงหายไปกลับมาเป็นใบหน้าเรียบเฉยของเวสเปอร์ 

"ไปจากที่นี้กันเถอะ เจ้าเสือ.." เวสเปอร์แตะมือที่มือเจ้าเสือ ความร้อนจากตัวโลกัสแผ่ซ่านเข้ามาในร่างกายเวสเปอร์ผ่านมืออันเย็นเฉียบขององค์ชาย

องค์ชายยกมือที่หนักอึ้งปาดน้ำตาหยดเล็กซึมที่หางตาออกอย่างยากเย็น

น่าแปลก.. ทั้งๆ ที่รู้สึกว่าตัวเองเข้มแข็งมากขึ้นแล้ว แต่ร่างกายกลับตรงข้าม ทุกอย่างในร่างหนักอึ้งเหมือนถูกถ่วงด้วยความทุกข์ทรมานบางอย่าง ในอกคล้ายกับจุกน้ำตลอดเวลาแม้แต่ในลำคอยังรู้สึกถึงรสเค็มของน้ำตาแม้ว่าจะยังไม่ได้ร้องออกมาก็ตามที

โลกัสมีสีหน้าไม่ยินยอมเท่าใดนักหากแต่เมื่อเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความทุกข์ทรมานของเวสเปอร์ก็ทำเอาปากที่ตั้งใจจะปฎิเสธพูดอะไรไม่ออก คำพูดหยุดอยู่ที่ปลายลิ้น

"อ้ากกกกกกก"

ครั้งนี้องค์ชายสะดุ้งสุดตัวผวาเฮือกกอดโลกัสแน่น นัยน์ตาเบิกโพลงอย่างเสียขวัญ "เสียงไอเรส เสียงไอเรส" พูดพึมพำไปมาอย่างตื่นตระหนก

โลกัสรวบตัวองค์ชายขึ้นมาอุ้มและผลุดลุกขึ้นยืน นัยน์ตามองตามลงไปยังความมืดมิดที่ดูจะพยายามปกปิดอะไรบางอย่างที่ดำเนินอยู่ข้างล่าง 

"ฟินน์" 

ฮื่ออ!

เสือโคร่งขาวร่างยักษ์ปรากฎข้างกายโลกัสทันที ฟินน์มองตามไปยังข้างล่างส่งเสียงขู่คำรามในลำคออย่างดุร้าย

"เจ้าเสือ เจ้าแมว จะ จะทำอะไร" เวสเปอร์มองหน้าโลกัสสลับกับฟินน์เลิกลั่ก ใบหน้าขาวซีดยิ่งกว่ากระดาษ ความตื่นตระหนกทำเอาสิ่งที่ปกคลุมอยู่ในหัวหายไปชั่วคราว 

"ฆ่า" โลกัสตอบสั้นๆ ตามตรง "ของๆ เจ้าข้าจะทวงคืนให้เจ้าเอง"

ความจริงแล้วนอกจากเหตุผลจะทวงคืนบัลลังก์ให้เวสเปอร์ยังมีเหตุผลนอกเหนือจากนั้นอยู่อีกมากแต่โลกัสไม่ได้กล่าวออกไปเพราะมันน่าจะเป็นเรื่องที่เข้าใจยากเกินไปสำหรับองค์ชายเวสเปอร์

ไม่ว่าจะเพราะจะแก้แค้นให้กับท่านพ่อ.. หรือจะฆ่าพ่อของเวสเปอร์..

พ่อที่ทำทุกอย่างเพื่ออำนาจของตัวเอง... ในตลาดค้าข่าวมักจะมีเรื่องความโหดเหี้ยม อำมหิตของพ่อเวสเปอร์ปรากฎอยู่เสมอ ทีแรกข้าก็ไม่ได้เชื่อหากแต่เมื่อมาสัมผัสเองก็รู้ว่ามันเป็นเรื่องจริงทุกประการ

ระหว่างที่คิดเรื่องนี้โลกัสก็เหลือบมองเวสเปอร์ที่ตัวสั่นเทาอย่างน่าสงสาร

"เจ้าไม่ควรเจอเรื่องแบบนี้เลย องค์ชาย" โลกัสพูดและจูบเวสเปอร์อีกครั้งซึ่งมันก็ยังคงเป็นเช่นเดิม เวสเปอร์ยังคงไม่สามารถตอบรับอะไรได้นอกจากปล่อยให้เจ้าเสือนำไปจนทั้งตัวหลอมละลายและปวกเปียกบนแขนแกร่งของเจ้าเสือ

นัยน์ตาสีทองสั่นระริกนั้นชวนให้รู้สึกอยากขย้ำร่างตรงหน้าให้รู้แล้วรู้รอด โลกัสคิดและตำหนิตัวเองในใจ 

"ฮื่อ.. เจ้าเสือ.." เวสเปอร์ครางในลำคอ "เจ้าเสือจะลงไปจริงๆ เหรอ" 

ลางสังหรณ์บางอย่างกำลังบอกเวสเปอร์ว่าอย่างได้ลงไปข้างล่างเด็ดขาด

"อืม" ร่างนักฆ่าตอบอย่างขอไปทีและสาวเท้าไปหาเจ้าม้าดำที่ยืนตัวแข็งจ้องมองไปยังความมืดมิดเบื้องล่าง สองมือประคองตัวองค์ชายเตรียมจะวางลงบนหลังเจ้าม้าดำ

ฮี้!

คล้ายกับเพิ่งได้สติเจ้าม้าดำสะดุ้งเฮือกถอยกรูดออกไปทันที

"เป็นอะไรของเจ้า เจ้าม้า" โลกัสเลิกคิ้วงุนงงทำท่าจะก้าวเข้าไปหาเจ้าม้าดำอีกแต่กลับถูกเพลิงสีกาฬขวางเอาไว้ ทำให้แววตางุนงงของพยัคฆ์ดำแปรเป็นความเย็นเยียบ "เจ้าคิดจะทำอะไร" 

เจ้าม้าดำส่งเสียงคำรามในลำคอฮื่อๆ มันพยักพเยิดไปทางชั้นใต้ดินและส่ายหัวไปมา 

"เจ้าจะไม่ลงไปกับพวกข้า?" 

เมื่อได้ยินคำตอบที่ต้องการเจ้าม้าดำก็พยักหน้าเบาๆ และถอยหลังออกจากพื้นเดิมเล็กน้อยเพื่อสื่อความหมายบางอย่าง

โลกัสขบกรามกำหมัดแน่นเข้าใจความหมายของเจ้าม้าดำดี "นอกจากจะไม่ลงไปกับพวกข้า เจ้ายังคิดจะหนีไปอีก?" ความไว้ใจที่มีไว้ให้กับเจ้าม้าดำหายไปทันทีเมื่อสิ่งที่มันทำคล้ายกับเป็นการทรยศอยู่กลายๆ

เพราะเมื่อมีภัยถึงตัวมันกลับเลือกที่จะหนีจากไม่ใช่การยืนหยัดเคียงข้างอย่างที่ควรเป็น

แววตาของเจ้าม้าดำเย็นชา เดิมทีแล้วมันเป็นเพกาซัสป่าที่แสนทระนงตน การมาอยู่ร่วมกับมนุษย์ยอมให้ขึ้นขี่หลังยอมทำตามคำสั่งเล็กๆ น้อยๆ นี่ก็ถือว่ามากแล้ว สำหรับพวกมัน หากจะให้มันไปเสี่ยงตายกับเจ้าสัตว์ประหลาดนั่นอีกก็คงไม่ใช่เรื่อง ถ้าหากมันตายล่ะ ใครจะรับผิดชอบ นอกจากการหลั่งน้ำตาไม่ถึงวันให้กับร่างไร้วิญญาณของมัน เจ้าพวกมนุษย์มันจะทำอะไรเป็นบ้าง?
ยิ่งคำพูดเหน็บแนมของโลกัสก็ยิ่งทำให้มันเริ่มรู้สึกโกรธจนส่งเสียงคำรามออกมา

พวกมันไม่ใช่สัตว์เลี้ยงของมนุษย์มาตั้งแต่แรก! ไม่ว่าสัตว์ชนิดใดก็ล้วนมีชีวิตเป็นของตัวเองทั้งนั้น มีแต่มนุษย์เท่านั้นที่สะเออะมาจับพวกมันไปเลี้ยงแล้วติ้ต่างว่าตัวเองมีคุณธรรมนักหนาว่าให้อาหาร ให้ชีวิต ให้ที่พักอันปลอดภัย แต่กลับไม่เคยรู้ว่าพวกมันโหยหาป่าขนาดไหน ทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งที่มนุษย์คิดไปเองทั้งนั้น

รวมถึงไอ้มนุษย์ปัญญาอ่อนนี่ที่คิดว่ามันเป็นสัตว์เลี้ยงแล้วคิดจะอ้างสิทธิ์ในตัวมันด้วย!

ฉะนั้นไม่ใช่เรื่องผิดแม้แต่นิดเดียวหากมันเลือกที่จะหนีไป

ร่างทั้งร่างของเจ้าม้าเครียดเขม็งเตรียมจะโจมตีกลับหากเจ้ามนุษย์หน้าโง่ตรงหน้าคิดจะคว้าดาบขึ้นมาฟันมัน

"เจ้าม้า.." 

แต่ดูเหมือนมันก็ลืมอะไรไปบางอย่างเช่นกัน

เพลิงกาฬหายไปทันที เจ้าม้าดำมองมนุษย์ที่มีกลิ่นอ่อนๆ คล้ายลูกม้านิ่งด้วยสายตาเอ็นดู ถ้าหากเจ้ามนุษย์ปัญญาอ่อนไม่เอา

เจ้ามนุษย์กลิ่นลูกม้านี่มาด้วย มันคงไม่สนใจที่จะมาด้วยหรอก

เจ้าม้าดำสบตากับพยัคฆ์ดำนิ่งงันราวกับกำลังสื่อสารทางสายตา

ซึ่งของโลกัสนั้นเต็มไปด้วยความกราดเกรี้ยวแต่ก็แฝงความจำยอมอย่างไม่เต็มใจเอาไว้ ส่วนของเจ้าม้าดำนั้นไม่มีอารมณ์ใดเจือปนทั้งนั้นมีเพียงคำขอสั้นๆ เท่านั้น

"หึ รีบๆ หน่อยแล้วกัน" น้ำเสียงเหมือนจะแช่แข็งเจ้าม้าที่หยุดยืนอยู่ตรงหน้า

เจ้าม้าผงกหัวเชิงขอบคุณ และหลุบตาต่ำมองมนุษย์กลิ่นลูกม้าที่ยังคงอยู่ในอ้อมกอดมนุษย์หน้าโง่

"เจ้าม้า เจ้าจะ.. ไปเหรอ" เวสเปอร์ถามเสียงเบาคล้ายกับไม่แน่ใจว่าตัวเองควรพูดออกไปรึเปล่า "ข้าชอบเจ้าม้านะ อยู่ อยู่กับข้าไม่ได้เหรอ" 

มือเล็กๆ ขององค์ชายยื่นไปลูบหัวเจ้าม้าที่ก้มให้ลูบ เจ้าม้าพ่นลมหายใจออกมาแทนคำปฏิเสธ มันใช้หัวของตัวเองถูไถใบหน้ากับตัวของเวสเปอร์เชิงลา มันไม่คิดจะอยู่ต่อเพราะยังหวงแหนชีวิตของตัวเอง 

"..."

ถึงเจ้าม้าดำจะพูดไม่ได้แต่เวสเปอร์กลับรับรู้ทันทีว่ามันปฏิเสธคำขอของตนเอง จึงทำได้เพียงมองตามเจ้าม้าดำที่หันหลังสาวเท้าจากไปด้วยความเศร้าสลด เสียงฝีเท้าของมันดังก้องกังวานเพียงชั่วครู่และถูกแทนที่ด้วยเสียงกระพือปีกดังลั่น

"ก็คงต้องเป็นเจ้าแล้วล่ะ ฟินน์" โลกัสลูบหัวฟินน์ที่เดินเข้ามาอย่างรู้งาน วางองค์ชายลงบนแผ่นหลังอย่างนุ่มนวลและดึงกระเป๋าสะพายออกจากหลังตัวเองและหยิบของที่เก็บไว้ข้างในยื่นมันให้กับเวสเปอร์

เวสเปอร์สะดุ้งเฮือกเมื่อเห็นว่าสิ่งที่อยู่ในมือเจ้าเสือนั้นคืออะไร ตัวสั่นเทาไปทั้งตัวเมื่อเห็นกล่องไม้โบราณสำหรับที่ใส่เครื่องดนตรีไว้ข้างในพอนึกถึงดนตรี ภาพคนตายกับเสียงดนตรีเสียดหูก็ปรากฎในหัวเวสเปอร์เป็นฉากๆ 

"รับไปสิเวสเปอร์ พวกเราไม่ได้มีเวลามากนักหรอกนะ" โลกัสเอ่ยเร่งพลางตบต้นคอฟินน์เบาๆ เพื่อเริ่มสาวเท้าลงไปข้างล่าง

"ไม่.. ไม่เอา" เวสเปอร์ตอบเสียงสั่นส่ายหน้าหวืด แทบจะร้องไห้ออกมาแต่ก็กลั้นไว้ได้

"เก็บไว้เฉยๆ เจ้าไม่ต้องเล่นมันก็ได้" น้ำเสียงของโลกัสอ่อนลง

ความรู้สึกหวาดกลัวตีตื้นในอกจนน้ำตาคลอแต่องค์ชายก็ยื่นมือสั่นๆ ไปรับมันและเก็บใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อผ้าที่เคยขาดสะอาดหมดจด

"มีนี่ด้วย"

ตุ๊กตาไหมพรมเสือสีดำถูกยัดไว้ในอ้อมกอดขององค์ชาย ทำให้องค์ชายรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง กอดตุ๊กตาในอ้อมกอดแน่น

โลกัสมองภาพที่เกิดขึ้นด้วยรอยยิ้มจางและคาดว่าจะเป็นรอยยิ้มสุดท้ายสำหรับสถานการณ์ในตอนนี้..

แค่เริ่มลงบันไดไปได้เพียงไม่กี่ก้าวก็ได้กลิ่นเหม็นสาบของซากศพทันที โลกัสขมวดคิ้วมุ่นเลือดในกายเดือดพล่าน มือสะบัดหนึ่งครั้งก่อให้เกิดลูกเพลิงสีดำแดงสลัวคอยติดตามพวกมันทุกย่างก้าวเพื่อให้แสงสว่าง เพราะดูเหมือนว่ายิ่งลงไปลึกมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมืดมากขึ้นเท่านั้นรวมถึงกลิ่นเหม็นเน่าที่ชวนให้อยากคายของเก่าออกมาให้หมด

ความตึงเครียดที่เริ่มก่อตัวขึ้นทำให้โลกัสเริ่มลืมเลือนว่าข้างกายนั้นมีเวสเปอร์อยู่... ดาบด้ามยาวสีดำทมิฬถูกกระชับแน่นเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องที่ชัดขึ้นเรื่อยๆ

ซึ่งหากโลกัสรู้ตัวสักนิดจะเห็นว่าเวสเปอร์นั้นผิดปกติอย่างมหันต์ ร่างองค์ชายเบิกตาโพลงนั่งตัวแข็งรู้สึกคล้ายกับถูกสะกิดความทรงจำส่วนลึกบางอย่างเมื่อได้กลิ่นซากศพเน่าเหม็น

ข้อมือเล็กเกร็งแน่นจิกแขนตัวเอง หัวใจเต้นแรง เขี้ยวขบกับริมฝีปากจนห้อเลือด องค์ชายพยายามควบคุมร่างกายของตัวเองสุดชีวิตแต่ก็ไม่ได้ผล 

ทุกระยะทางที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ยิ่งทำให้ร่างกายของเวสเปอร์ต่อต้านอย่างรุนแรง

เลือดค่อยๆ หยดซึมออกมาจากแขนของเวสเปอร์อย่างช้าๆ หากแต่มันก็กลืนหายไปกับกลิ่นซากศพอย่างรวดเร็ว

"อึก" เวสเปอร์ใช้แขนเสื้อปิดปากและสำลักเลือดในปากออกมาจนเปรอะไปทั่วแขนเสื้อสีขาวของตัวเอง สิ่งที่สะท้อนในแววตาขององค์ชายนั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัวก่อนที่จะต้องหลับตาแน่นกุมหัวตัวเอง ครางออกมาหนักๆ เมื่อรู้สึกปวดหัวจนคล้ายกับถูกทุบด้วยไม้ท่อนยักษ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนปวดไปหมด

มันเป็นความทรมานที่มากกว่าความทรมาน องค์ชายคู้ตัวและกุมหัวตัวเองแน่นทำให้ร่างที่ดูมีขนาดกลางๆ นั้นดูเล็กมากลงไปอีก   องค์ชายพยายามจะเอ่ยเรียกเจ้าเสือให้ช่วยตัวเองแต่กลับพบว่าคอตัวเองแห้งผากพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว หลุดตกอยู่ในภวังก์ได้ไม่นานนักอาการปวดหัวแทบจะเบิดก็รุมเร้าอีกครั้ง

องค์ชายกรีดร้องไร้เสียงอย่างทรมาน ไม่เข้าใจว่าทำไมเพียงเพราะแค่กลิ่นกับความมืดมิดตรงหน้าถึงทำให้ร่างของตัวเองต้องต่อต้านขนาดนี้! 

ฮื่อออ

ฟินน์คำรามในลำคอเมื่อมันเกือบจะไปเหยียบอะไรบางอย่างนุ่มๆ หยุ่นๆ บนพื้น มันหลบเลี่ยงของสิ่งนั้นอย่างไม่ประหลาดใจนักก่อนที่จะกระโดดข้ามมันและสาวเท้าลงไปต่อ

"หืม?" ร่างนักฆ่าครางในลำคอเมื่อเห็นสิ่งที่ควรจะเห็นตั้งนานแล้วนับตั้งแต่ก้าวขาแรกเข้ามาซึ่งโลกัสทำเพียงแค่ก้าวข้ามมันอย่างไม่ใส่ใจเช่นเดียวกับฟินน์

การหยุดชะงักฝีเท้าเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ ของฟินน์ก็ทำให้องค์ชายให้ความสนใจเล็กๆ พยายามฝืนร่างกายที่ประท้วงอยากหนีออกจากที่นี่เต็มทนชะเง้อหน้าหันกลับไปมองสิ่งที่อยู่บนพื้น

"!!!"

นัยน์ตาสีทองเบิกค้าง น้ำตาไหลพรากและไหลมากขึ้นไปอีกเมื่อพบว่าสิ่งที่อยู่บนพื้นนั้นคือศพมนุษย์ ซึ่งก็ไม่ได้มีเพียงคนเดียวหากแต่กระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น แสงไฟสลัวทำให้เห็นรายละเอียดร่างบนพื้นไม่ชัดเจนนักแต่ก็สะท้อนเห็นการตายอย่างแปลกประหลาด 

บางศพมีหัวหากแต่บางศพก็ไม่มีหัว.. ร่างกายบางส่วนคล้ายถูกสัตว์กัดแทะจนเป็นรอยฟันยับเยิน ร่างบางร่างก็เหลือเพียงอวัยวะชิ้นใดชิ้นหนึ่งของร่างกาย หากแต่สิ่งที่เหมือนกันก็คือผิวกายของพวกศพนั้นล้วนเป็นสีดำทมิฬราวกับถูกดูดกลืนบางสิ่งไปจนหมด

ข้าต้องไม่กลัว ข้าต้องไม่กลัว ข้าต้องไม่กลัว

เวสเปอร์ท่องเสียงดังลั่นในหัวของตัวเองแม้ว่ามันกำลังจะปวดจนแทบบ้า ทั้งๆ ที่อยากทิ้งตัวไปบนพื้นกรีดร้องระบายความทุกข์ทรมานนี่ออกมาให้หมดแต่ก็ทำไม่ได้ ร่างทั้งร่างเริ่มเปลี่ยนจากแข็งทื่อเป็นสั่นเทิ้ม 

ตุบ

เสียงบางอย่างดังสะท้านในหัว อาการปวดหัวที่ตามมานั้นรุนแรงมากจนรู้สึกอยากตัดหัวตัวเองออกให้รู้แล้วรู้รอด องค์ชายหลับตาแน่นอย่างทรมาน พยายามเรียกร้องหาความเข้มแข็งที่ตนเองบรรจงสร้างมันขึ้นมา หากแต่ก็ไร้ผลนอกจากจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว อาการปวดหัวยังรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดหนึ่งที่ทำเอาสติปัญญานึกคิดขององค์ชายคล้ายจะหายไปชั่วขณะหนึ่ง 
 


"นั่นมันท่านพ่อนี่นา คิกๆ ตรงนั้นมีข้างล่างด้วยเหรอ?" เด็กชายร่างเล็กในชุดหรูหราชะเง้อแอบมองจากมุมห้องอย่างซุกซน นัยน์ตาลุกวาวเมื่อเห็นท่านพ่อเดินออกไปอย่างเร่งรีบเหมือนกับลืมของอะไรบางอย่าง เวลาที่ล่วงเลยไปเกินเที่ยงคืนแล้วคงจะทำให้ท่านพ่อชะล่าใจไปบ้างว่าเด็กน้อยอย่างเขานอนไปแล้ว

แต่หารู้ไม่ นั่นมันไม่ใช่กับองค์ชายเวสเปอร์คนนี้แน่ๆ !

องค์ชายในวัยเด็กหัวเราะคิกคัก รอได้สักพักเมื่อแน่ใจว่าท่านพ่อไม่กลับมาตอนนี้ก็รีบวิ่งสุดฝีเท้าด้วยขาสั้นๆ ทั้งสองข้าง พาร่างเล็กวิ่งพรวดลงบันไดไปอย่างรวดเร็ว แม้จะรู้สึกกลัวๆ ในความมืดมิดอยู่บ้างแต่ความคึกคะนองนั้นมีมากกว่าทำให้องค์ชายยังวิ่งลงไปเรื่อยๆ และรับรู้ถึงกลิ่นแปลกๆ บางอย่างที่ฉุนจมูกจนต้องเอามืออุดจมูกเอาไว้ โชคดีที่ภายในห้องอันมืดมิดนั้นยังพอมีคบไฟที่มีแสงสลัวๆ อยู่บ้าง

เวสเปอร์ขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นเงาร่างบางอย่างคล้ายมนุษย์ถูกล่ามด้วยโซ่สีขาวเรืองรองขนาดยักษ์เอาไว้ซึ่งตรงหน้ามันก็มีมนุษย์ยืนตัวสั่นอยู่ 

ลางสังหรณ์บางอย่างเริ่มคืบคลานเข้ามาในหัวองค์ชายแต่ก็ไม่ทันกาล..

"อย่าฆ่าข้าเลย ข้าขอร้อง ข้าจะหาทางช่วยท่านออกจากพันธนาการนี่ซะ ถ้าท่านไว้ชีวิตข้า ข้าสาบาน ข้าจะช่วยท่าน!!"

มันหัวเราะเสียงดูแลคนในลำคอและสาวเท้าเข้าไปใกล้มนุษย์ผู้นั้น

ครืด... ครืด...

เสียงโซ่ยาวที่ล่ามขามันไว้ฟังดูน่าขนลุกจนองค์ชายผวาเผลอถอยหลังไปหนึ่งก้าวไม่รู้ตัว

"เสียใจด้วย มนุษย์.. ข้าเกลียดคำโกหกที่สุด.." 

ฉัวะ

ศีรษะของมนุษย์ผู้อับโชคกลิ้งหลุนๆ มากระทบเท้าขององค์ชาย

มันเป็นเวลาเดียวกับที่สิ่งๆ นั้นเงยสบขึ้นมามองเวสเปอร์พอดี

"สายัณส์สวัสดิ์ มนุษย์"

ณ นาทีนั้นเวสเปอร์เข้าใจคำว่าหวาดกลัวสุดชีวิตคืออะไร

มันที่เพิ่งฆ่ามนุษย์ไปแลบลิ้นเลียเลือดที่ติดอยู่ที่ปลายเล็บอย่างเอร็ดอร่อย ในมือของมันถือศพมนุษย์ที่เหลือเพียงศีรษะ นัยน์ตาสีขาวจดจ้องเข้ามาเหมือนอยากฆ่าให้ตายทั้งเป็น!

"กลัวข้างั้นเหรอ... เด็กน้อย"

แกร้ง!

โซ่ส่งเสียงประท้วงเมื่อมันถูกกระตุกอย่างรุนแรง ผู้ที่ถูกล่ามปรากฎตัวตรงหน้าเวสเปอร์ในพริบตา มันโน้มตัวลงหาเวสเปอร์ที่จ้องมันตาค้างยืนตัวแข็ง

"ไม่ต้องกลัว..." มันแสยะยิ้ม ยื่นมือที่เต็มไปด้วยเศษเนื้อและเลือดเข้าหาองค์ชายอย่างช้าๆ หมายจะคว้าคอเข้ามากัดกินวิญญาณแทนร่างแก่ๆ ที่มันโยนทิ้งไว้ข้างหลัง

เฮือก!

เวสเปอร์สะดุ้งสุดตัวกรีดร้องเสียงดังลั่นวิ่งกลับทางเดิม หัวขาวโพลน ความนึกคิดคล้ายถูกทำลายและแทนที่ด้วยสัญชาตญาณ วิ่งชนสิ่งกีดขวางทุกอย่างที่ขวางหน้า ล้มหน้าคะมำจนเนื้อตัวเป็นรอยช้ำเลือด เพื่อพาร่างของตัวเองไปอยู่ในที่ๆ ปลอดภัยที่สุด
เวลานั้นผ่านไปไม่นานหากแต่นานชั่วกัลป์สำหรับเวสเปอร์ องค์ชายจำจดไม่ได้ด้วยซ้ำไปว่าตัวเองถึงห้องตอนไหน หญิงรับใช้ตื่นตระหนกเพียงใดเมื่อเห็นสภาพของตนเอง สติปัญญาทุกอย่างคล้ายจะหยุดทำงานเพราะความหวาดกลัวที่ฝังลึกลงไปในวิญญาณ

ทั้งๆ ที่ไม่อยากนึกถึงภาพเหล่านั้นแต่มันก็ปรากฎหัวในเวสเปอร์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่รู้จบ เวสเปอร์ร้องไห้จนไร้เสียง แม้แต่อย่างนอนหลับก็ยังฝันถึงศีรษะมนุษย์น่าสงสารคนนั้นก่อนที่ใบหน้าจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นใบหน้าของตนเอง!

องค์ชายตกอยู่ในห้วงคำสาปที่สร้างขึ้นมาในหัวตัวเองไม่รู้จบ เนื้อตัวสั่นเทารุนแรง บาดแผลบนร่างที่ถูกรักษาจนหายไปแล้วค่อยๆ ฟื้นคืนกลับมาเช่นเดิม หญิงรับใช้ตื่นตระหนกมากจึงรีบนำข่าวไปแจ้งต่อองค์กษัริย์ไซมอนด์ทันที

ทันทีที่องค์ราชารู้ข่าวเวสเปอร์ก็รีบมาหาทันที ร่างสูงใหญ่ของกษัตริย์วัยฉกรรจ์รวบตัวลูกตัวเองมานั่งบนตัก ลูบหัวสีขาวทุยๆ และเอ่ยถามอย่างอ่อนโยน

"เจ้าเป็นอะไร เวสเปอร์"

เมื่อได้ยินชื่อตัวเองเวสเปอร์ก็เงยหน้าขึ้นมอง แต่พอเห็นใบหน้าขององค์กษัตริย์ไซมอนด์กลับยิ่งตัวสั่นมากกว่าเดิม สะอื้นหนักยิ่งกว่าเดิม จนผู้เป็นพ่ออดตื่นตระหนกไม่ได้เตรียมจะเอ่ยปากถาม

"ฮึก ท่านพ่อ ทำไม ทำไมท่านพ่อทำแบบนี้" เวสเปอร์เอ่ยเสียงแหบแห้ง รู้สึกถึงความผิดหวังขั้นรุนแรงผสมปนเปกับความรู้สึกหวาดกลัวในหัว มองคนเป็นพ่อตัวเองอย่างไม่เข้าใจ ก่อนที่จะเบิกตากว้างสีหน้าตกใจ

เพราะใบหน้าของคนเป็นพ่อนั้นได้แปรเปลี่ยนเป็นมัน!

"อำนาจนั้นเป็นสิ่งที่หอมหวานเสมอ เวสเปอร์"

ฟังยังไม่ทันจบ องค์ชายก็สลบไปก่อนหากแต่เมื่อฟื้นขึ้นมา

กลับไม่ใช่องค์ชายเวสเปอร์คนเดิม
 


"เจ้ามาทำอะไรที่นี่ พยัคฆ์ดำ!" 

เสียงที่ดังแทรกเข้ามาในหัว ทำให้เวสเปอร์กลับมามีสติอีกครั้ง กระพริบตาปริบๆ ใช้มือนวดขมับพบว่าอาการปวดหัวของตัวเองบรรเทาลงไปมาก และรู้สึกถึงภาพความทรงจำแปลกๆ ขาดตอน ในหัวที่จำไม่ได้ว่าเคยเกิดขึ้นมาก่อน รู้สึกเหมือนกับเพิ่งรับรู้ความลับลึกๆ ในหัวของตัวเองยังไงยังงั้น

ฉัวะ

หัวศีรษะขุนนางใจกล้าที่ตวาดใส่หลุดออกจากบ่าทันที เจ้าของเพลงดาบยืนเต็มความสูง ใบหน้าคมเข้มสุขุมเย็นชา มองร่างทั้งหลายในห้องที่จ้องมองมาอย่างดุร้ายและตอบออกมาเสียงห้วน

"ข้ามาฆ่าพวกสวะให้หมด"


-----------

TBC. ตอนนี้มาดึกมาก  :z10:

แต่ก็ยังไม่ถึงจุดพีคอยู่ดี  :serius2: 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
 :a5:

นี่คือต้นตอของทุกสิ่งสินะ ทางแก้คืออะไร? T T

เอิ่มมมม เฟเนกส์จริงๆน่าจะเป็นคิงที่ดีได้นะ ถ้าไม่โดนครอบงำไปซะก่อน Y Y

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
ที่แท้เป็นแบบนี้เอง
น่าสงสารเวสเปอร์จังอ่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ใกล้จะพีคแล้วสินะ

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12

ออฟไลน์ try_sasiprapa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
รอตอนต่อไปปปปปปปปปปป :katai1: :katai1:
รีบๆๆมาต่อนะไรท์
________________________
แล้วก็สู้ๆๆนะคนเจียน :katai2-1: :z1:

ออฟไลน์ pipym

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ดุเดือดเผ็นมันมากเลยค่ะ กรีดด

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
ตอนที่ 22

"หึหึ ฮ่าๆๆ"

เสียงหัวเราะฟังเสียงดูเสียสติดังลั่นก้องในชั้นใต้ดิน เจ้าของเสียงหัวเราะน่าขนลุกหัวเราะหนักจนต้องใช้มือกุมท้องเอาไว้ ปลายนิ้วเช็ดน้ำตาที่เลอะที่หางตาออก และยิ้มเหี้ยมมองร่างนักฆ่าเลื่องชื่อที่เป็นที่กล่าวขานว่ามาพร้อมกับเสือขาวประจำกายและดาบสีดำขนาดยักษ์ที่สะพายอยู่ด้านหลัง

"หากเจอมันผู้นั้น จงเรียกขานว่า.." มันผู้นั้นยืนโงนเงนไปมาก่อนที่จะหักกระดูกนิ้วมือดังกร็อบ "พยัคฆ์ดำ"

"ไม่ต้องจดจำชื่อข้าให้เสียเวลาหรอก" โลกัสแค่นเสียงพูดสมเพช มองร่างไร้สติที่เนื้อตัวเกือบเปลือยเปล่าร่างกายเต็มไปด้วยมัดกล้ามและบาดแผลฉกรรจ์เต็มตัวน่าขนลุก สิ่งที่ดูจะสะดุดตาที่สุดสำหรับมันก็คงเป็นโซ่สีขาวสว่างสไวที่ล่ามข้อเท้ามันข้างหนึ่งไว้อย่างเหนียวแน่น บาดแผลสีดำเน่าเปลื่อยบริเวณข้อเท้าของมันบอกกล่าวได้ดีว่าร่างกายกับสิ่งนั้นเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน

"เพราะเจ้าคงไม่มีโอกาสจดจำมันได้เกินวันพรุ่งนี้!"

มันที่ถูกท้าทายทางคำพูด เอียงคอด้วยท่าทางยียวน สืบเท้าเข้ามาหาโลกัสอย่างเชื่องช้าจนเกิดเป็นเสียงโซ่ที่ชวนขนให้ทั้งกายลุกชัน

ครืด... 

"…!" องค์ชายที่กำลังจ้องมองพ่อตนเองกำลังทำอะไรบางอย่างอยู่มุมห้องโดยมีขุนนางจำนวนหนึ่งยืนล้อมกรอบพร้อมด้วยดาบในมือเผลอสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยเอามากๆ

ยิ่งหันกลับไปมองมันที่สาวเท้าเข้ามาเรื่อยๆ ลมหายใจก็ถี่กระชั้น ม่านตาขยายกว้าง นิ้วมือจิกเกร็งลงไปในตุ๊กตาไหมพรมอย่างตื่นตระหนก องค์ชายพยายามเขย่าตัวฟินน์ให้ถอยหนีห่างจากมันแต่ก็ไม่ได้ผล การติดตามพยัคฆ์ดำมาอย่างยาวนานทำให้ฟินด์นั้นแทบจะไม่เกรงกลัวอะไรสักอย่างจึงยืนตัวแข็งเผชิญหน้าเคียงข้างนายของมันอย่างกล้าหาญ แยกเขี้ยวขู่พองขนอย่างดุร้าย

"ฟินด์.." องค์ชายพยายามบังคับตัวให้พูดซึ่งก็สามารถหลุดลอดมาเพียงคำเดียวแต่ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้!

แกร้ง!

มันกระโจนมายืนตรงหน้าพยัคฆ์ดำในพริบตา ดวงไฟสีขาวในดวงตาของมันลุกโชนอย่างกราดเกรี้ยว มันยื่นกรงเล็บขึ้นมาแตะปลายดาบของโลกัสที่ถูกยื่นออกมาเช่นเดียวกัน 

ฉับพลันเบ้าตาอีกข้างที่มืดบอดค่อยๆ ปรากฎดวงเพลิงสีดำขึ้นมาและส่งกลิ่นเนื้อไหม้เหม็นสาบส่งกลิ่นคละคลุ้ง "เป็นแค่มนุษย์ที่พลังปีศาจในตัวนิดๆ หน่อยๆ อย่าคิดว่าเจ้าจะเหนือกว่าข้า!"

มันตะคอกเสียงดังลั่นก่อนที่จะใช้กรงเล็บยาวสีดำทมิฬตวัดใส่ดาบโลกัสและร่นถอยกลับไป มันกระโจนกลับเข้าไปในกรงขนาดยักษ์สีขาวที่เต็มไปด้วยอักขระมากมาย

พยัคฆ์ดำขบกรามกรอดบีบด้ามดาบในมือแน่นส่งผลให้เกิดไฟสีดำทมิฬลุกโชติช่วง หากแต่เมื่อกำลังจะกระโจนเข้าไปฆ่ามันกลับนึกอะไรขึ้นมาได้ซะก่อน ร่างนักฆ่าชะงักงึกหันกลับมามององค์ชายที่นั่งตัวแข็งอยู่บนหลังเจ้าเสืออย่างน่าสงสาร   
การเห็นสีหน้าหวาดกลัวกระตุ้นให้โลกัสอยากทิ้งดาบในมือแล้วรวบตัวองค์ชายเข้ามากอด แต่ก็ทำได้เพียงแค่คิดจึงสะบัดหัวตัวเองเบาๆ ไล่ความคิดนั้นออกไปและพูดเสียงหนักแน่นใส่ฟินด์

"ฝากเจ้าดูแลเวสเปอร์ด้วย"

มันไม่ใช่คำขอหากแต่เป็นคำสั่งที่ห้ามผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว

ฟินด์คำรามขู่ตอบ ต่อให้ไม่ขอให้มันทำมันก็ทำอยู่ดี เพราะองค์ชายสำหรับมันและนายมันก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากแก้วตาดวงใจอะไรทำนองนั้นสักเท่าไหร่

องค์ชายทำให้นายของมันมีความสุขมากกว่าที่มันเคยเห็น ปกติแล้วนายมันแทบจะไม่ยิ้มด้วยซ้ำไป ใช้ชีวิตตายด้านจืดชืด เดินทางไปวันๆ มีจุดหมายคือการแก้แค้นอะไรสักอย่างที่มันไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ อย่างว่าแหละนะ มันเป็นแค่เสือขาวธรรมดา จะไปมีความคิดซับซ้อนขนาดมนุษย์ก็ไม่ใช่เรื่อง 

"เจ้าเสือ" องค์ชายเอ่ยเรียกเสียงเบาน้ำตาคลอ เริ่มกลับมาควบคุมตัวเองได้เพราะสิ่งกระตุ้นนั้นได้หายไปจากครรลองสายตาแล้ว

หากแต่ก็ถูกแทนที่ด้วยอาการปวดหัว ปวดตุบทั้งสองข้างเหมือนมีอะไรมาทุบตลอดเวลา

"มันใกล้จะจบแล้ว เวสเปอร์ เจ้าไม่ต้องกลัว" โลกัสเอ่ยปลอบสั้นๆ และหันขวับเมื่อได้ยินเสียงน้ำฟังเสียดหู ซึ่งพอได้กลิ่นร่างทั้งร่างก็สั่นสะท้านขนลุกชันไปทั้งตัว

กลิ่นเลือดของท่านพ่อ!

นัยน์ตาสัตว์ป่าลุกโชนตั้งใจจะกระโจนเข้าไปฆ่าทุกคนในวงนั้นให้หมด หากแต่ถูกบรรยากาศแปลกประหลาดในห้องห้ามไว้ซะก่อน

ทั้งๆ ที่มีผู้บุกรุกเข้ามาอย่างเปิดเผยแต่กลับไม่ได้ทำให้คนๆ นึงสนใจแม้แต่นิดเดียว ยังคงทำในสิ่งดำเนินการทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการต่อไปอย่างมุ่งมานะ

เลือดจำนวนไม่น้อยถูกสาดไปบนตัวของเฟเนกส์ ย้อมให้ชุดเกราะสีขาวสว่างสไวเป็นสีแดงฉาน แต่ก็คงเทียบไม่ได้กับแขนของไอเรสที่ชุ่มไปด้วยเลือดสดๆ ที่ไหลออกมาไม่หยุด

"ท่านพ่อ... ท่านอย่าทำแบบนี้เลย"

ห้องทั้งห้องที่เงียบงันทำให้คำขอจากองค์ชายเฟเนกส์ดังก้องในห้องโถงเสียงที่เอ่ยมานั้นอ่อนแรงและทุกข์ระทม หากแต่ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ เลือดถูกสาดอีกครั้งย้อมให้เฟเนกส์แดงฉานไปทั้งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้า ทำให้ร่างที่เคยสง่างามไม่ต่างไปกันซากศพที่ทอดกายอยู่บนพื้น

 มือสองข้างที่ถูกตรึงไว้บนกำแพงอย่างแน่นหนาทำให้เฟเนกส์หนีออกจากสถานการณ์นี้ไม่ได้ ทำได้เพียงรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองอย่างเจ็บปวด ความกลัวที่เคยมีนั้นหายไปหมดแล้วเพราะความผิดหวังเกินทนที่ก่อตัวขึ้น

"… ใช่ ฮึก ท่านอย่าทำแบบนี้เลย"

เสียงอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นข้างๆ เฟเนกส์ซึ่งถูกขุนนางร่างยักษ์พันธนาการตัวเอาไว้ นัยน์ตาสีทองที่หน้าตาเหมือนกับองค์กษัตริย์ไซมอนด์เกือบสามส่วนมองพ่อตัวเองอย่างหวาดกลัวและเว้าวอน 

เป็นเสียงของไอเรส บุตรของไซมอนด์ที่หวาดกลัวในพ่อตัวเองที่สุด หากแต่กลับกดความกลัวและเอ่ยปากขอร้องวิงวอนออกมาอย่างผิดวิสัย

สองพี่น้องวอนขอพ่อของตนเองที่กำลังจะสาดเลือดใส่มันที่มีสีหน้าระริกระรี้ราวกับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นสิ่งที่รื่นรมย์สำหรับมันมาก นัยน์ตาที่โชติช่วงจากพลังวิญญาณเหลือบมองเหล่าองค์ชายอย่างดูถูก 

ความขี้ขลาดของทั้งสองทำให้ไซมอนด์ยอมหยุดมือและหันมาตวาดกร้าวเสียงแข็ง ""ข้าจำไม่ได้ว่าข้ามีบุตรอ่อนแอ พวกเจ้าลืมสิ่งข้าสอนไปหมดแล้วงั้นเหรอ? เวร! เฟเนกส์ ข้ากำลังนำพลังมาให้เจ้า กริมม์จะช่วยเจ้าทำให้เจ้ามีพลังมหาศาล เจ้าจะได้ทุกที่เจ้าต้องการ ถ้าหากเจ้ามีพลัง ไอ้เวรพวกเมืองแสงสว่างมันจะได้โดนพวกเราเหยียบให้จมดิน หึ ถึงเวลานั้นเราจะได้กลายเป็นเมืองที่ทรงพลังที่สุดในเมืองมนุษย์! ทุกคนจะยกย่องพวกเรา"

"ข้าเพียงตัวคนเดียวไม่มีทางเอาชนะได้หรอก ท่านพ่อ" เฟเนกส์ตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบนิ่งสงบ ไร้ความรู้สึก
เพราะเดิมทีแล้วสายเลือดแห่งสายลมนั้นมีเพื่อการเกื้อหนุนและสนับสนุนเท่านั้น ยากที่จะไปต่อกรกับเมืองโฮรัสที่เป็นสายเลือดแห่งแสงสว่างและการต่อสู้อย่างแท้จริง

การจะเอาชนะเมืองโฮรัสหากเอาไปเล่าให้คนทั่วไปฟัง คงไม่ต่างจากเรื่องตลกไร้สาระหลังอาหารของพวกชาวบ้าน

องค์กษัตริย์ขบกรามกรอดพูดเสียงลอดไรฟันอย่างโมโห "ข้าถึงได้ยืมพลังของกริมม์ไง ไอ้โง่ อีกอย่างนะ พวกเจ้าช่วยหุบปากกันได้แล้วเพราะนี่ไม่ใช่เวลาคุยเล่น!"

สิ้นคำไซมอนด์ก็สาดเลือดที่ผสมจากเลือดจากพยัคฆ์ทมิฬและเลือดแห่งราชวงศ์เอวินด์ใส่กริมม์

ผู้ที่จะนำพาองค์กษัตริย์ไซมอนด์ไปสู่ความฝันสูงสุดของตนเอง!

เพียงชั่วพริบตาที่ร่างของกริมม์โดนเลือด อักขระเวทรอบกรงก็ส่องแสงสีขาวเรืองรองเป็นชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนจะเปลี่ยนสีดำทมิฬ อักขระแปลกประหลาดที่กริมม์สอนให้ไซมอนด์เขียนค่อยๆ แยกตัวอออกจากลูกกรงและแปรเปลี่ยนเป็นรูปพลังงานบางอย่างกระโจนเข้าใส่กริมม์จนครบทั่วอักษรซึ่งทุกอย่างเกิดขึ้นภายในเสี้ยววินาทีเท่านั้น

บาดแผลแหวะหวะบนร่างกริมม์สมานกันอย่างรวดเร็วรวมถึงนัยน์ตาที่เคยกลวงเปล่ากลับมามีเนื้อเยื่อจริงๆ อย่างรวดเร็ว เส้นผมสีดำสนิทงอกออกมาสั้นๆ เป็นทรงที่เคยไว้ เสื้อผ้าที่เคยขาดจนนึกสภาพเก่าไม่ออกค่อยๆ ทักถอกลับมาเป็นเนื้อผ้าชั้นดีที่หาไม่ได้ในแดนมนุษย์

"เยี่ยม..."

กริมม์พูดเสียงแหบพร่าอย่างพอใจ ใช้มือที่กลับมาสมบูรณ์เหมือนตอนนั้นลูบใบหน้าของตัวเอง หัวเราะเสียงดังลั่น "เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยม ฮ่าๆๆ"

ไซมอนด์ขมวดคิ้วหงุดหงิดติดจะงุนงง "ข้าทำตามสิ่งที่เจ้าบอกครบแล้ว เจ้าก็รีบทำพิธีต่อไปสักทีสิ"

เสียงหัวเราะชะงักกึก เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาราวกับไม่ใช่มนุษย์ค่อยเบือนหน้ากลับมาหาองค์กษัตริย์แห่งเมืองเอวินด์และยิ้มนุ่มนวล ""อ้อ ได้สิ"  มือสมบูรณ์แบบยื่นไปในอากาศออกแรงบีบแน่นและกระชากกลับเข้ามาหาตัวเอง

แค่ก!!

เฟเนกส์ตาเหลือกกระอักเลือดออกมาคำโต ทั้งๆ ที่ในห้องนั้นมืดสลัวแต่กลับมองเห็นหน้าของเฟเนกส์ที่ซีดเผือดอย่างน่ากลัว

"ท่านพ่อ... แค่ก"  องค์ชายอันดับสองแห่งเมืองเอวินด์พยายามเรียกพ่อตัวเองเพื่อขอให้หยุดความทุกข์ทรมานนี้   

ความรู้สึกเจ็บปวดจนแทบบ้า เหมือนกับวิญญาณถูกฉีกทึ้งจากมือที่มองไม่เห็น..

"อดทนหน่อย เฟเนกส์ หลังจากนี้เจ้าจะกลายเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่" ไซมอนด์ยิ้มอย่างพอใจ รับเสื้อคลุมหนังเสือโคร่งดำที่ขุนนางคนนึงยื่นมาเตรียมจะสวมมันให้กับเฟเนกส์

"..." ไร้คำพูดใดๆ หลุดออกมาจากปากเฟเนกส์อีก 

ความเจ็บปวดนั้นมากขึ้นทุกทีจนสติที่มีอยู่พร่าเลือน กลิ่นคาวเลือดของตัวเองลอยฟุ้งในจมูก ไม่สิ มันไหลออกมาจากจมูกต่างหาก.. น้ำตาที่ไหลออกมาเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นเลือดสีแดงก่ำ 

หากแต่เมื่อสติกำลังจะหายไปกลับปรากฎภาพมากมายในหัว ไม่ว่าจะเป็นภาพที่ตนในวัยเด็กมองเวสเปอร์อย่างอิจฉา ภาพที่เห็นแม่ตนเองที่แสนใจดีถูกไล่ไปอยู่กับเวสเปอร์ ภาพที่ตนเองหัวเราะอย่างสะใจเมื่อเห็นกองกำลังทหารโถมบุกเข้าไปในห้องของเวสเปอร์ ซึ่งภาพส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นนั้นล้วนข้องเกี่ยวกับเวสเปอร์ทั้งนั้น

ให้ตายสิ ยิ่งเกลียดยิ่งเห็นภาพ ว่างั้น?

เฟเนกส์คิดอย่างขมขื่นจนกระทั่งภาพสุดท้ายที่เห็นก็อดทำให้ตัวสั่นเทาไม่ได้

มันเป็นภาพที่ข้าเผลอสะดุดล้มตอนกำลังจะขึ้นไปยืนข้างท่านพ่อท่ามกลางธารกำนันและขุนนางมากมาย ความอับอายที่ได้รับยากเกินจะบรรยาย ข้าขบกรามกรอดเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ จากมุมหนึ่ง  เมื่อเงยหน้าขึ้นไปก็เห็นสายตาสมเพชของท่านพ่อยิ่งทำให้ข้ารู้สึกแย่จนแทบบ้า

"เฟเนกส์ เฟเนกส์ เจ้า เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม" น้ำเสียงทุ้มนุ่มนวลเอ่ยเรียกข้าอย่างร้อนรนซึ่งก็มาพร้อมกับมือเล็กๆ ที่จับมือข้าและพยายามพยุงข้าขึ้น

ความรู้สึกอุ่นซ่านแปลกประหลาดฟุ้งในอก หากแต่เมื่อเห็นหน้าว่าเป็นใครข้าก็แค่นเสียงหึและสะบัดมือนั้นทิ้งอย่างไม่ไยดี ผลุดลุกขึ้นยืนอย่างสง่างามราวกับเรื่องเมื่อกี้ไม่เคยเกิดขึ้น

สีหน้าเจ็บปวดนั่นดูน่าสงสารจนข้ารู้สึกผิด...

"ใครให้เจ้าเข้าร่วมพิธีนี้!? ออกไป!" ท่านพ่อตวาดใส่เสียงดัง เวสเปอร์สะดุ้งเฮือกโตพึมพำขอโทษวิ่งหายเข้าไปในธารกำนันอย่างรวดเร็ว

"ทำไมเจ้าถึงไม่ยอมเกลียดข้าสักทีนะ" 

เฟเนกส์หัวเราะลืมตาขึ้นมองผ่านเหล่าขุนนางไปยังร่างที่นั่งนิ่งอยู่บนหลังเสือโคร่งขาว เมื่อเห็นว่าฝ่ายนั้นก็มองตนเองอยู่เหมือนกันก็ยิ้มให้ "ข้าดีใจที่มีเจ้าเป็นพี่ชายนะ" 

เมื่อกล่าวจบก็หลับตาแน่นครางออกมาหนักๆ ก่อนจะทิ้งตัวลงอย่างสงบ

"เฟเนกส์?"

ไซมอนด์เรียกลูกตัวเองงุนงงที่อยู่ๆ ก็นิ่งเงียบไปแต่มือก็ยังคงบรรจงสวมเสื้อคลุมนุ่มให้โดยที่ไม่รู้แม้แต่น้อยว่าบุคคลที่ตนเองหมายมั่นเป็นกษัตริย์นั้นกลายเป็นร่างไร้วิญญาณไปแล้ว

"ข้าชอบความโลภของมนุษย์นะ มันตลกดี" กริมม์หัวเราะคิกคักในมือปรากฎดวงวิญญาณสีขาวเหลือบทองขนาดเท่าลูกแก้วก่อนที่ปล่อยให้กลิ้งวนไปมาในมือ "ความโลภเอย ความเกลียดเอย ทุกอย่างข้าชอบมันทั้งนั้น ทุกอย่างล้วนทำให้พวกแกกลายเป็นไอ้พวกโง่รอวันโดนหลอกใช้ตาย"

"เจ้าหมายความว่ายังไง ไม่สิ เจ้าอยากจะพูดอะไรกันแน่" องค์กษัตริย์แห่งเมืองเอวินด์หน้าถึงกับเปลี่ยนสี มองกริมม์อย่างกราดเกรี้ยว 

กริมม์กระตุกยิ้มตอบพลางโยนลูกแก้วเล็กใส่ปากและเคี้ยวกรุบๆ ราวกับว่ามันเป็นขนมหวานรสเลิศ "ก็หมายถึงแกไงไอ้โง่!" 

แกร้ง

ฉับพลันสิ่งที่ล่ามพันธนาการกริมม์เอาไว้ก็แตกกระจาย กริมม์แค่นเสียงหัวเราะเมื่อเห็นสีหน้าตกใจของไซมอนด์และขุนนางทั้งหลาย 

คิดว่าข้าที่มีพลังเต็มเปี่ยมแบบนี้จะไม่มีปัญญาทำลายพันธนการโซ่ศักดิ์สิทธิ์นี่รึไง? ตลกชะมัด

กริมม์คิดและฮัมเพลงในลำคออย่างอารมณ์ดี 

"เจ้า เจ้าสัญญากับข้าแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะให้ยืมพลังของเจ้าและถ้าทุกอย่างสำเร็จ ข้าจะปล่อยเจ้าไป" ไซมอนด์พูดเสียงกร้าวสั่นๆ พยายามเขย่าปลุกเฟเนกส์เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ

"ก็ตอนนี้ข้าหนีออกเองได้แล้วทำไมข้าต้องรอให้เจ้าปล่อยด้วยล่ะ?" กริมม์ไหวไหล่เลิกคิ้วกวนๆ "อ้อ อีกอย่างนะ ขอบใจสำหรับวิญญาณลูกเจ้านะ รสชาติใช้ได้เลย"

ไซมอนด์เบิกตาโพลงชะงักค้าง "บ้าน่า เจ้าโกหก เจ้าโกหกข้า!" ตะโกนเสียงดังขยำตัวเฟเนกส์เขย่าจนตัวโยนอย่างเสียสติ 

"ตื่น เฟเนกส์ ข้าสั่งให้เจ้าตื่น!!" เสียงของไซมอนด์ดังลั่นอัดแน่นไปด้วยอารมณ์กราดเกรี้ยวแต่ไม่ว่าเขย่าเท่าไหร่ร่างในมือก็ไม่มีท่าทีตอบรับใดๆ แม้แต่นิดเดียว มีเพียงเลือดที่ยังคงไหลหยดลงสู่พื้นอย่างต่อเนื่อง

"ฮึก พี่.. ฮือ เฟเนกส์ ฮือ" ไอเรสร้องไห้ออกมาอย่างอดไม่อยู่ มองพี่ที่ตัวเองชื่นชมมาตลอดกลายเป็นร่างอ่อนปวกเปียกที่ไม่อาจทิ้งตัวลงนอนบนพื้นได้เพราะโซ่ที่ล่ามมือทั้งสองข้างไว้บนกำแพง

โซ่ที่เหมือนกับความโลภของท่านพ่อที่ยังล่ามท่านพี่เอาไว้ไม่ให้ไปไหน ต่อให้ตายไปแล้วก็ตาม..

กริมม์หาวหวอดจนน้ำตาเล็ดเริ่มรู้สึกเบื่อนิดๆ "ไซมอนด์ สายเลือดแห่งสายลมมันเป็นพวกสนับสนุน ต่อให้เจ้าได้พลังข้าไปเจ้าก็พ่ายแพ้ให้กับพวกสายต่อสู้อยู่ดี ถ้าถามว่าทำไมข้าถึงยอมตกลงทำสัญญาลมปากนั่นกับเจ้า คำตอบคือข้าอยากได้ไอ้โง่สักตัวมาทำให้ข้ากลับมาเป็นเหมือนเดิม"

"บัดซบ เจ้าล้อข้าเล่นใช่ไหม กริมม์" นัยน์ตาของไซมอนด์เริ่มเปลี่ยนสีไปมาระหว่างทองกับขาว การอยู่ร่วมกับกริมม์นานๆ ทำให้ดวงวิญญาณในร่างเริ่มจะไม่เสถียรเพราะถูกพลังวิญญาณของไซมอนด์แทรกซึมเข้าไป

"จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่เจ้า แต่เอาเอาเถอะ ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า" กริมม์ไหวไหล่ยิ้มๆ และเหลือบมองไปยังผู้บุกรุกปากดีด้วยแววตาวาวโรจน์ "แต่คงไม่ใช่กับเจ้า พยัคฆ์ดำ!"

---------------------------
กลับมาแล้วค่ะ  :katai5: 

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
TvT
.อย่างน้อยขอให้เฟเนกส์ได้วิญญาณไปสู่สุคติด้วยเถอะ

กอดขาาาาาาาา ได้โปรดดดด

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
โลกัสกระตุกยิ้มเมื่อถูกเอ่ยถึง

"ก็ใช่ว่าข้าจะกลัว"

เคร้ง!

กริมม์เข้าถึงตัวโลกัสในพริบตาตั้งจะใช้กรงเล็บแทงเข้าที่ท้องแต่ก็ถูกดาบยักษ์สกัดไว้ทันท่วงที

"ข้าให้โอกาสเจ้าขอโทษข้าหนึ่งครั้งและข้าจะไว้ชีวิตเจ้า" กริมม์คำรามเสียงลอดไรฟัน เส้นเลือดบริเวณขมับปูดโปนเพราะสีหน้ายียวนของโลกัส

"เจ้าฆ่าพ่อข้า เจ้าทำลายทุกอย่างในชีวิตข้า มีเหตุผลอะไรที่ข้าจะต้องขอโทษเจ้า?" โลกัสแค่นหัวเราะเสียงตอบ ใบหน้าหล่อเหลาบิดเบี้ยว "เจ้าทำให้ข้าต้องฆ่าคนอื่น ทั้งๆ ที่ข้าไม่อยากทำมัน ..ไม่สักนิด" ประโยคสุดท้ายโลกัสพูดพึมพำกับตัวเองเสียงเบา

ไม่มีใครอยากโดนตราหน้าว่าเป็นฆาตกรหรอกนะ

โลกัสคิดอย่างเจ็บปวดแต่ก็ได้ไม่นานนักก็ต้องตั้งรับคมดาบที่รุกเข้ามาอย่างรวดเร็วจนคิดอะไรไม่ทันนอกจากปล่อยให้เป็นไปตามสัญชาตญาณ 

"ถ้าเจ้าหมายถึงฮาร์เคฟ ไม่ใช่ข้าหรอกนะที่เป็นคนฆ่า" กริมม์หัวเราะหึเหลือบมองไซมอนด์ที่เป็นต้นเหตุที่แท้จริงของปัญหาทั้งหมด 

"เจ้าหมายความว่าไง" โลกัสพูดเสียงตื่นนิดๆ แต่ก็ยังไม่หยุดมือ เมื่อกริมม์หยุดชะงักการโจมตีโลกัสก็เป็นฝ่ายบุกเข้าไปบ้าง
"มาๆ ไหนๆ วันนี้ข้าก็เป็นอิสระแล้ว ข้าจะเล่าความเป็นมาของเรื่องราวทั้งหมดให้ฟังแล้วกัน" กริมม์ไหวไหล่อย่างอารมณ์ดี

 ฉัวะ

โลกัสเผลอเคลื่อนไหวช้าไปนิดเพราะเผลอให้ความสนใจกับคำพูดของกริมม์ ทำให้ได้รับบทเรียนเป็นบาดแผลฉกรรจ์บนไหล่ข้างขวา หากแต่ร่างนักฆ่าก็ไม่ได้ใส่ใจมันนัก

"วันๆ นั้นเป็นวันที่ท้องฟ้ามืดมัว ข้าหนีจากเจ้าของเก่ามาโผล่ที่เมืองนี้ ตอนนั้นข้าใกล้ตายเต็มทน แต่ก็ยังดีที่ข้าเป็นพวกทนมือทนเท้า ไม่เช่นนั้นก็คงเป็นหมารับใช้ได้นานขนาดนั้น" กริมม์เผลอหยุดชะงักคำพูดตัวเองไปไม่ใช่เพราะคมดาบที่เกือบจะแทงโดนอกตัวเอง แต่เพราะความเจ็บปวดที่ฝั่งรากลึกและลืมไปนานตีตื้นขึ้นมาซะอย่างงั้น แต่ก็เพียงชั่วเวลาสั้นๆ ทำให้คมดาบของโลกัสเป็นเพียงแค่รอยแผลถากบริเวณแขน

โลกัสส่งเสียงในลำคออย่างเสียดายแต่ก็ยังคงตั้งใจฟังในสิ่งที่สัตว์ประหลาดตรงหน้าต้องการจะบอก ไม่สิ สภาพนี่ไม่สมควรเรียกว่าสัตว์ประหลาด ความสง่างามแฝงไปด้วยความลึกลับนี่สมควรจะเรียกว่าเป็นปีศาจจิ้งจอกเจ้าเล่ห์อะไรทำนองนั้นซะมากกว่า
"ตอนที่ข้ากำลังจะตายก็มีไอ้โง่คนนึงที่อ้างตัวเป็นกษัตริย์บอกว่าจะช่วยข้าถ้าข้าให้พลังของข้ากับมัน ในตอนนั้นนอกจากคำว่าตกลง ข้าจะตอบอะไรล่ะ หึ ไม่รู้ว่ามันไปรู้จักพลังของข้ามาจากไหนถึงได้รู้ว่าเป็นพลังล้ำค่าที่หาไม่ได้ในเมืองมนุษย์" 

ฉัวะ

ปรากฎรอยเฉือนบนใบหน้าของกริมม์ ทำให้บุคคลที่พูดอยู่ยิ้มเหี้ยมเกรียม อากาศรอบกายเริ่มหมุนริ้วอย่างกราดเกรี้ยว พลังงานสีดำกลุ่มหนึ่งกระโจนเข้าใส่ตัวโลกัสหากแต่ก็ถูกเพลิงทมิฬมอดไหม้มันได้อย่างรวดเร็ว

กริมม์เบ้ปากเซ็งๆ "ให้ตายสิ ยังไงพลังข้าก็กลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้สินะ"

"เล่าต่อสิ" โลกัสเอ่ยเร่งรัดทั้งๆ ที่ยืนอยู่ในท่าตั้งรับ นัยน์ตาสีแดงวาวโรจน์จ้องไปที่กริมม์อย่างแน่วแน่ พละกำลังและขุมพลังมหาศาลในร่างกายที่สามารถควบคุมได้เต็มที่คล้ายกำลังกู่ร้องให้เจ้าของร่างรีบๆ ใช้มันออกมาให้หมด

"เรื่องมันก็มีแค่นั้น หลังจากนั้นข้าก็หลอกให้มันหามนุษย์ให้ข้ามากินวิญญาณกับร่างเรื่อยๆ ไม่ก็สรรหาวัตถุดิบหรืออาหารมาให้ข้ากิน อย่างพวกเนื้อพยัคฆ์ทมิฬอะไรทำนองนั้น!" กริมม์หัวเราะดังลั่นอย่างสะใจเมื่อตัวเองสามารถสร้างบาดแผลบนหน้าอกได้พอดีกับตอนที่พูดคำว่าพยัคฆ์ทมิฬ

โลกัสกัดฟันแน่นนัยน์ตาแดงก่ำพยายามไม่หลุดเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดออกไป แผลบนอกที่เคยมีแผลเป็นจากการฆ่าคนช่วงแรกๆ ถูกซ้ำรอยเดิมเป็นรอยกรีดลึก เลือดจำนวนไม่น้อยไหลทะลักออกมาเป็นเวลาเดียวกับพลังสีดำของกริมม์พยายาแทรกตัวเข้าไปในร่างกาย

"ฮื่ออออ" โลกัสคำรามในลำคอเสียงดัง เกิดเพลิงกาฬเผาพลังของกริมม์เป็นจุลแต่บาดแผลลึกก็ไม่ได้สมานกันแต่อย่างใด

"เวร ไอ้ชั่ว นี่เจ้าหลอกข้า!!" 

เสียงทรงอำนาจตะโกนด้วยความโมโห คว้าดาบของเฟเนกส์พุ่งตัวเข้าไปแทงกริมม์ที่หันหลังให้ตนเอง

กริมม์เหลือบมองอย่างดูแคลน "ช่วยไม่ได้ เจ้าเองโง่เอง ข้าก็ไม่ได้บอกซะหน่อย ว่าข้าจะรักษาสัญญา" เอี้ยวตัวหลบคมดาบอย่างง่ายดาย

ไซมอนด์ขบเคี้ยวฟันด้วยความเคียดแค้น รู้สึกโกรธจนแทบบ้า ความฝันทั้งหลายที่เคยวาดไว้อย่างสวยหรูพังทลายทั้งหมดเมื่อรู้ว่าทุกสิ่งที่ตนตรากตรำทำมาตลอดคือการหลอกใช้ของกริมม์ "บัดซบ!!" ความเดือดดาลทำให้พุ่งตัวเข้าไปหากริมม์อีกครั้งพยายามฟันอย่างบ้าคลั่งหมายจะให้มันตายกันไปข้าง

"หยุด ข้าเริ่มจะรำคาญเจ้าแล้ว" กริมม์ขมวดคิ้ว "แล้วอย่าหาข้าไม่เตือน"

"ไม่ ไม่!! ข้าไม่ยอม เจ้าเอาพลังของเจ้ามาให้ข้า เจ้าไม่ให้เฟเนกส์ก็เอาให้ข้า ข้าเอาเอง ข้าจะทำให้ทุกอย่างมันเป็นจริงเอง!" ไซมอนด์ตวาดม่านตาขยายกว้างเริ่มเสียสติ

"ข้าก็เคยบอกแล้วว่าร่างเหี่ยวๆ อย่างเจ้าข้าไม่เอาไง สิงไปก็เสียสุขภาพจิตเปล่าๆ"

ยิ่งกริมม์ตอบกลับมากเท่าไหร่ไซมอนด์ก็ยิ่งอาละวาดมากขึ้นเท่านั้น ลืมไปหมดว่าตนเองกำลังนั้นมีเพียงมันสมองไม่มีฝีมือเชิงดาบและพลังเวทย์เลยแม้แต่นิดเดียว

เหล่าขุนนางที่ยืนอยู่กันไม่กี่คนมองหน้ากันเลิ่กลั่กกระสับกระส่าย รู้สึกทำตัวไม่ถูกเมื่อเห็นผู้นำที่เคยสง่างามและเกรียงไกรของตัวเองสติแตก เดิมพวกเขาก็เป็นเพียงขุนนางคนสนิทที่พอมีฝีมือและไซมอนด์ไว้ใจเท่านั้นถึงมายืนอยู่กันที่ตรงนี้ได้ ค่าตอบแทนที่เป็นเงินก้อนใหญ่กับตำแหน่งใหญ่โตเป็นสิ่งเย้ายวนที่มีค่ามากพอที่พวกเขาจะปิดปากให้สนิทกับเรื่องทั้งหมด

ทั้งๆ ที่ตอนนั้นท่านไซมอนด์บอกว่าทุกอย่างจะดำเนินไปได้ด้วยดี พวกเขามีหน้าที่เป็นแค่ผู้ตามที่ดีเท่านั้น ไม่ต้องลงมือทำอะไรแต่สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้กลับตาลปัตร ผู้นำของพวกเขาสติแตกไปแล้ว แล้วผู้ตามอย่างพวกเขาจะทำอะไรดีล่ะ เงินก้อนโตกับยศตำแหน่งก็ดูจะไม่มีวี่แววจะได้แล้ว

ทำให้ขาของเหล่าขุนนางถูกแช่แข็งที่เดิมได้แต่ยืนกลืนน้ำลายเอือกๆ มองเรื่องราวทั้งหมดขึ้นราวกับเป็นสักขีพยานหรือผู้ที่จะนำเรื่องราวความจริงไปเปิดเผยต่อไป

"ท่านพ่อ.." ไอเรสพูดเสียงสั่น ไม่แน่ใจว่าตัวเองควรจะรู้สึกยังไงกันแน่ กับท่านพ่อผู้โหดเหี้ยมอำมหิตหรือท่านพ่อที่กำลังจะกลายเป็นบ้า

ขุนนางร่างใหญ่ที่เพิ่งรู้ตัวว่าจับตัวองค์ชายนานเกินไปแล้วก็รีบปล่อยองค์ชายไอเรสให้เป็นอิสระทันที

ทำให้ร่างขององค์ชายอันดับสามแห่งเมืองเอวินด์ทรุดฮวบลงกองกับพื้น กุมหัวตัวเองร้องไห้สะอึกสะอื้น รู้สึกเจ็บปวดจนด้านชา พยายามหาเหตุผลถึงเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น

ทำไมทุกอย่างถึงทุกกลายเป็นแบบนี้ได้นะ..?

พี่เวสเปอร์ไม่ควรปัญญาอ่อน ท่านแม่ไม่ควรฆ่าตัวตาย พี่เฟเนกส์ไม่ควรที่จะตายแบบนี้ เพราะความโลภ ความต้องการของท่านพ่องั้นเหรอถึงทำให้ทุกอย่างกลายเป็นแบบนี้ 

"บัดซบ!!"

ฉัวะ

ร่างผู้ทรงอำนาจที่สุดและเกรียงไกรแห่งเอวินด์ทรุดตัวลงนั่งอย่างช้าๆ ก่อนจะล้มลงไปกองบนพื้น โดยที่ร่างนั้นไร้ศีรษะอยู่บนหัว

"ท่านพ่อ.."

เวสเปอร์พึมพำเรียกเสียงเบาเบิกตาโพลงตัวสั่นเทารุนแรง

เพราะมันเป็นอีกครั้ง


ที่มีหัวมนุษย์มาตกลงตรงหน้าและยังเป็นหัวของพ่อตัวเอง!

เสียงตัดของแข็งเรียกให้ไอเรสเงยหน้าขึ้นมาแต่พอเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นก็หน้าซีดเผือดกรีดร้อง "เจ้าทำอะไรน่ะ เจ้าทำอะไรลงไป เจ้าทำอะไรลงไป!! ท่านพ่อ เจ้าฆ่าท่านพ่อ! บัดซบ นี่เจ้าฆ่าท่านพ่อได้ยังไง เจ้า เจ้า อ้ากกกก!" 

ไอเรสหวีดเสียงคู้ตัวกอดตัวเองอย่างขวัญเสียไม่ต่างกับขุนนางคนอื่นๆ ที่เบิกตาโพลงมองตามอึ้งๆ ทำอะไรไม่ถูก

"ก็ข้าบอกแล้วว่าให้หยุดๆ ก็ไม่หยุด ช่วยไม่ได้ล่ะนะ" กริมม์ไหวไหล่ไม่ยี่หระแลบลิ้นเลียปลายดาบที่เพิ่งลิ้มรสเลือดมนุษย์ที่มีศักดิ์เป็นถึงราชาเมืองเอวินด์และหันไปมองร่างนักฆ่าเลิกคิ้วให้ "แล้วเจ้าล่ะ จะหยุดไหม? คนที่เป็นต้นเหตุเรื่องทั้งหมดข้าก็ฆ่าให้แล้ว อยากได้อะไรอีกไหม"

"หลังจากนี้เจ้าจะทำอะไรต่อไป" โลกัสแค่นเสียงถามมือข้างหนึ่งกดแผลตัวเองส่วนอีกข้างใช้ดาบกดพื้นพยุงตัวเอง สิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้คือพยัคฆ์ดำนั้นใช้เวทย์รักษาไม่เป็นหรือถ้าใช้ก็ใช้ได้ห่วยแตกมาก บาดแผลบนร่างจึงมักจะหายเองตามธรรมชาติกลายเป็นรอยแผลเป็นมากมาย

แววตาของกริมม์วูบไหวแต่ใบหน้ายังคงยิ้มกริ่ม "ไม่รู้สิ คงจะออกล่าวิญญาณมนุษย์มาหล่อเลี้ยงตัวเองไปเรื่อยๆ ล่ะมั้ง ยังไงข้าก็โดนเขาทอดทิ้งมาอยู่แล้ว จะทำอะไรเขาก็คงไม่สนใจข้าหรอก"

"หมายความว่าเจ้าจะล่ามนุษย์?" โลกัสพูดเสียงกร้าว 

กริมม์หัวเราะกับท่าทีของโลกัส "ก็ร่างกายข้ามันต้องกินวิญญาณกับร่างมนุษย์เป็นอาหาร มันก็เหมือนพ่อเจ้ากินมนุษย์นั่นแหละ ข้ากับพ่อเจ้าต่างกันตรงไหน แค่ข้ากินจุกว่าก็แค่นั้น" 

"สำหรับเจ้าแค่ไหนถึงจะพอ เจ้าฆ่ามนุษย์ไปกี่ร้อยคนแล้วตลอดสิบปีมานี้ เจ้าไม่สมควรที่จะอยู่ในโลกมนุษย์ กลับไปหาเจ้านายเก่าอะไรของเจ้าไป"  ถึงจะเป็นนักฆ่าเดนตายแต่โลกัสก็ยังพอมีศีลธรรมอยู่บ้าง มองร่างที่คร่ามนุษย์ไปจำนวนมากอย่างดุร้าย หากปล่อยให้มันรอดออกไปคงมีคนอีกไม่น้อยที่จะต้องตายเพราะมัน

ซากศพซากกระดูกที่กองเกลื่อนตามพื้นตามบันไดจำนวนหลายร้อยเป็นหลักฐานชั้นดีว่าไอ้สัตว์ประหลาดตรงหน้ากินมนุษย์ไปมากขนาดไหน

"ก็บอกแล้วว่าข้ากินจุ" กริมม์ยิ้มรับ "ถ้าอยากให้ข้าหยุดก็ฆ่าข้าให้ได้สิ"

โลกัสรู้ข้อจำกัดของตัวเองดีว่าตัวเองในตอนนี้คงไม่มีปัญญาฆ่าสัตว์ประหลาดตรงหน้าลงได้ แต่พลังที่อยู่ภายในร่างกลับปฏิเสธ ทำให้ร่างนักฆ่าร่างยักษ์ปล่อยมือออกจากบาดแผลบนอก เลิกใช้ดาบพยุงร่างตัวเองและจับมันแน่น

กริมม์เอียงคอ "เจ้ารู้ไหม โลกัส ข้าเคยเจอพวกอวดดีมาเป็นร้อยๆ คนซึ่งจุดจบของพวกมันทุกคนก็เหมือนกันหมด" หรี่ตามองโลกัสแยกเขี้ยวดุร้าย "ตายยังไงล่ะ"

เคร้ง!

ดาบกระทบกับดาบอีกครั้ง หากแต่แขนของโลกัสกลับสั่นเทา บาดแผลบนอกสร้างความเจ็บปวดมากกว่าร่างนักฆ่าคิดไปมาก อาการหนาวสั่นเริ่มเกาะกุมร่างทั้งร่างช้าๆ แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก พยายามลืมเลือนทุกสิ่งเพราะหากว่าตัวเองพลาดไป คงยากที่จะหาใครมาต่อกรกับสัตว์ประหลาดตรงหน้า

ฉัวะ

บาดแผลลึกปรากฎอีกครั้งหากแต่ไม่ใช่บนตัวกริมม์ ยังคงเป็นเจ้าของคมดาบที่พยายามโถมดาบเข้าไปหาสัตว์ประหลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนบ้าคลั่งแต่ก็ยังคงไว้ซึ่งแบบแผนการใช้ดาบ 

แต่น่าเสียดายคนที่เพลี่ยงพล้ำเป็นส่วนใหญ่ก็ยังคงเป็นพยัคฆ์ดำ.. เลือดสีแดงฉานหยดแล้วหยดเล่าหยดซึมออกมาจากบาดแผลกรีดลึกที่ปรากฎทั่วลำตัว แตกต่างจากกริมม์ที่มีเพียงรอยแผลเล็กๆ น้อยๆ ไม่กี่ที่ 

"เจ้าตาย? ข้าตาย? ใครจะเป็นคนตายก่อนกันแน่นะ?" กริมม์หัวเราะเสียงใสพูดอย่างอารมณ์ดี สนุกกับการต่อสู้ที่ตนเองนั้
นเหนือกว่าเพียงไม่นานก็สามารถต้อนร่างของร่างนักฆ่าอันดับหนึ่งในเมืองมนุษย์ให้จนมุมได้

ปลายดาบหยุดตรงปลายลำคอพยัคฆ์ดำที่ใช้ดาบพยุงตัวหอบหายใจเสียงสั่น

"เจ้านับว่าเก่งที่สุดในบรรดามนุษย์ทั้งหมดที่ข้าเคยเจอนะ โลกัส" กริมม์ยิ้มละมุน "แต่น่าเสียดายที่เจ้ามาเจอกับพลังที่ไม่ว่ามนุษย์คนไหนก็ต่อกรไม่ได้!"

กริมม์เงื้อดาบขึ้นอย่างเชื่องช้าเตรียมจะสับเข้าที่ลำคอของโลกัสแต่จู่ๆ กลับมีเสียงที่คุ้นเคยเอามากๆ ดังขึ้นในห้อง

~♪

"เวรเอ้ย ไม่จริง ไม่จริงน่า" กริมม์กรีดเสียงร้องทรุดตัวลงกองบนพื้นอุดหูตัวเองแต่ก็ไม่ได้ผล ท่วงทำนองไพเราะที่แสนคุ้ยเคยยังคงกระแทกเข้ามาในโสตประสาทราวกับเป็นมีดบางเฉียบกรีดหัวใจจนขาดเป็นริ้วและบังคับให้ตกอยู่ภายใต้การปกครองของมัน
ซึ่งไม่เพียงแค่กริมม์เหล่าขุนนาง ไอเรสที่ยังพอหลงเหลือสติล้วนถูกเสียงเพลงครอบงำความคิดจนหลงระเริงไปกับมัน ฟังมันอย่างหลงใหลแต่ร่างสัตว์ประหลาดกลับสั่นเทาสะอื้นหนัก "ฮึก หยุด หยุดเล่นมัน! ข้าสั่งให้เจ้าหยุดไง ฮือ"

มันเป็นเพลงที่เขาคนนั้นเล่น เป็นวันที่สุดท้ายที่ข้าได้ยืนข้างกายเขา เป็นวันเดียวกับที่เขาใช้เพลงนี้บังคับให้ข้าฆ่าตัวตาย มันเป็นเพลงที่แต่งขึ้นมาเพื่อหลอกให้คนฆ่าตัวตายทั้งๆ ยังมีความสุข

"แล้วทำไม เจ้าไปเอาเพลงนี้มาจากไหน ฮือ"

การถูกทอดทิ้งนั้นเจ็บปวดแต่นั้นก็เทียบไม่ได้กับการถูกกำจัด เดิมทีข้าเป็นเพียงหมารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของท่านโฟเทียส ผู้ที่สร้างโลกบิดๆ เบี้ยวน่ารังเกียจนี่ขึ้นมา เขาเอ็นดูข้าอย่างดีให้ความสำคัญกับข้ามาตลอดจนกระทั่งข้าเผลอทำงานผิดพลาดไปแต่เขาก็ไม่ให้อภัยข้า เลือกที่จะฆ่าข้าอย่างเลือดเย็นต่อหน้าเพราะชายาที่เขารักยิ่ง

ทั้งๆ ที่ข้าภักดีต่อท่านมาตลอด  แต่ท่านกลับเลือกที่กำจัดข้าทิ้ง ข้าจำไม่ได้ว่าตัวเองหนีมาเมืองเอวินด์ได้ยังไง จำได้แต่ความเจ็บปวดที่ฝังลึกอยู่ในจิตวิญญาณอันบิดเบี้ยว

"ข้าจะไปเอามันมาจากไหน มันก็ไม่สำคัญหรอก" น้ำเสียงทุ้มพูดอย่างนุ่มนวลและอ่อนโยน ใช้มือข้างที่ว่างค่อยๆ หยิบดาบที่ตกลงข้างกายกริมม์ขึ้นมาและออกแรงแทงเข้าที่อกมันอย่างรวดเร็ว

กริมม์เบิกตาโพลงกรีดร้องไร้เสียง มันไม่ได้ตายในทันทีถึงแม้ว่าอกจะเป็นจุดอ่อนของมัน มันใช้นัยน์ตาเบิกโพลงเหลือบมองผู้ที่สามารถฆ่าตัวเองได้ซึ่งก็ยิ่งทำให้มันตกอกตกใจมากขึ้นไปอีก

"สายัณห์สวัสดิ์"

"เวสเปอร์..?" มันพูดเสียงแหบแห้ง

เจ้าของชื่อเหยียดยิ้มรับ "ขอบคุณนะที่ทำให้ข้าปัญญาอ่อน" ออกแรงกดดาบให้ลึกลงไปอีกจนกริมม์กระอักเลือดออกมาคำโต นัยน์ตาสีทองวาวโรจน์ "ขอบคุณที่ทำให้ข้ารู้สึกเหมือนกากเดนไร้ค่าตลอดเวลา!"

"แค่ก" กริมม์พ่นเลือดออกมาเปรอะเสื้อเวสเปอร์ หน้าซีดเผือดพยายามจะตะเกียกตะกายหนีแต่ก็พบว่าแรงขององค์ชายปัญญาอ่อนนัั้นมากเหลือเกิน ทั้งๆ ที่ใช้มือข้างเดียวกดดาบและมืออีกข้างถือขลุ่ย

"ถ้าหากไม่มีเจ้า" พูดเสียงลอดไรฟัน "ท่านพ่อของข้าจะไม่กลายเป็นแบบนี้!" ร่างองค์ชายดึงดาบเปื้อนเลือดสีดำน่าขยะแขยงขึ้นมาและแทงซ้ำลงไปจนเกิดเสียงกระดูกหักดังลั่นก่อนที่จะร่างสัตว์ประหลาดจะค่อยๆ แน่นิ่งไป

เดิมมันก็ไม่ได้แข็งแกร่งและอยากมีชีวิตอะไรอยู่แล้ว หากมีคนมอบความตายให้มันได้ มันจึงยอมรับอย่างง่ายดาย ทำให้ร่างไร้ชีวิตที่ถูกทอดทิ้งจากท่านผู้นั้นมีรอยยิ้มจางปรากฎอยู่บนใบหน้า

ความสุขที่มาจากความตาย เพราะการใช้ชีวิตอยู่เป็นเรื่องที่เจ็บปวดเกินไป..

องค์ชายคนโตปล่อยมือจากดาบแค่นเสียงหัวเราะ เก็บขลุ่ยเข้ากระเป๋าเสื้อพร้อมกับเนื้อเพลงที่จำได้ขึ้นใจอย่างบรรจง ค่อยๆ เดินสาวเท้าไปหาร่างนักฆ่าที่นอนสลบหายใจโรยรินอยู่บนพื้น

"เจ้าเสือ" น้ำเสียงทุ้มนุ่มนวลเอ่ยกระซิบข้างหูโลกัสเมื่อไม่มีปฎิกิริยาตอบรับใดๆ จึงร่ายเวทย์รักษาออกมาอย่างคล่องแคล่ว ทำให้บาดแผลบนร่างของโลกัสสมานกันอย่างรวดเร็วราวกับเป็นนักเวทย์ชั้นสูง 

เมื่อบาดแผลบนร่างฉกรรจ์หายแล้ว องค์ชายก็ย่นคิ้วหงุดหงิดเล็กๆ เมื่อพบว่าตัวเองนั้นตัวเล็กเกินกว่าจะที่จะแบกโลกัสออกไปได้ "ฟินด์"

ฮื่อออ

เสือโคร่งขาวสาวเท้าเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว มันใช้หัวถูไถเวสเปอร์ออดอ้อนเล็กๆ แล้วจึงปล่อยให้องค์ชายประคองตัวโลกัสขึ้นมาก่ายบนหลังตัวเองโดยมีเวทย์ลมช่วยเสริม เมื่อได้ทุกอย่างตามที่ต้องการองค์ชายก็ยิ้มจาง

"ไปกันเถอะ ฟินด์"

"ดะ เดี๋ยวสิ ท่านพี่เวสเปอร์" ไอเรสตกใจกับท่าทางปกติของเวสเปอร์จนพูดอะไรไม่ออกไปพักใหญ่เพิ่งได้สติกลับมาพูดได้

เวสเปอร์ไม่ตอบมองอย่างเย็นชา ความทรงจำทุกอย่างที่เกิดขึ้นในตอนที่ปัญญาอ่อนนั้นครบถ้วน สาเหตุที่กลับมาเป็นปกติได้นั้นก็คงจะเป็นเพราะถูกกระแทกความทรงจำด้วยภาพเดิมๆ แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขาตัดสินใจคือไปจากที่เมืองน่ารังเกียจนี่และเริ่มต้นชีวิตใหม่กับโลกัส

ไอเรสคล้ายกับถูกสายตานั้นแช่แข็ง ภายในอกเจ็บปวดอีกครั้งจนน้ำตาคลอ รู้สึกผิดกับสิ่งที่ตนเองทำกับพี่ทำให้ได้แค่่มองตามร่างทั้งสองสาวเท้าขึ้นไปตรงบันไดจนลับสายตาและสะดุ้งกับเพลิงแปลกประหลาดที่ลุกไหม้เสื้อคลุมหนังเสือโคร่งที่ท่านพ่อใส่ให้พี่เฟเนสก์เพียงชั่วพริบตาหนังเสือโคร่งที่ถูกอ้างว่ามีสรรพคุณมากนักหนาก็เหลือเพียงเถ้าถ่าน

เช่นเดียวกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นภายในห้องลับใต้ดินแห่งนี้ 

-----------------------------
 :m22: ดึกมาก 555

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
สุดท้ายแล้ว ท่านโฟเทียสนี่แหละ สร้างปัญหาทางอ้อมให้ทุกเรื่อง ฮ่าาาาาา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ xหยกน้อยx

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
สนุกมากคะเป็นกำลังใจให้คนแต่มาต่อไวๆนะคะ

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
เหี้ยยยยยยยยย โฮรรร พรูวววววร์~~~เหอออ~~~~ค่อยยังชั่ว ลุ้นจนกลั้นหายใจ 555 อ๊ากกกสนุกมากก //เคยอ่านไว้ 12 ตอนแล้วเบรคไว้เพราะมันสนุกรอแต่ละตอนไม่ไหวเลยกะรวบยอด 55  มาต่ออีก 10 ตอนรวดดด โห๊ยยยยยตื่นเต้นสุดๆแต่ละตอนยิ่งเพิ่มความลุ้นมันส์มากฉากต่อสู้และพิธีกินวิญญาณ เกิดขึ้นเพราะความโลภแท้ๆนำมาซึ่งหายนะทุกสิ่งอย่าง //ดีใจ พีคมาก เวสเปอร์โคตรเจ๋ง เท่ห์ผุดๆ  o13 เออดีแล้วออกไปจากเมืองนี้เหอะ ไปอยู่กับเจ้าเสือนะ วร๊ายยยยยยยยยเจ้าเสือฟื้นขึ้นมาจะว่ายังไงหละนี้  เวสเปอร์จะแกล้งปญอต่อไปม่ะ งื้ออออ โลกัส ฉลาดออก 555//แค่คิดว่าเจ้าเสือกับเวสเปอร์จะมุ้งมิ้งกัน สัส ตรูเขิน 5555 ขอฉากฟินๆหน่อยนะค่ะตอนต่อไปๆ เพราะตอนนี้ลุ้นจนเหนื่อยละเครียดมาก 55555 //สนุกมากกกกค่ะ ชอบบต่อจากนี้จะตามตลอดทุกครั้งที่อัพ ติดงอมแงมละคะ 555 ขอบคุณนะคะ ละสู้ๆตอนต่อไปค่ะ รอคะรอ

ออฟไลน์ whistle

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 766
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-4
สรุปว่าเวสเปอร์ก็ไม่ได้ปัญญาอ่อนจริงๆสินะ แต่เป็นอัจฉริยะ!!! รอตอนต่อไป....

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
T T

อิแก่โฟเทียส เอาอีกแล้วนะ

***

เวิ่นเว้อ

อิแก่โฟเทียสนี่ซ้ำรอยเดิมกับนิโคลัส วงจรวนเวียนอุบาทว์นี่ไม่จบสิ้น

T T
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-09-2016 10:17:08 โดย BlueCherries »

ออฟไลน์ netich

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
เอัยยย สนุกมากอ่ะ
เวสเปอร์หายแล้วด้วย งานนีัเจ้าเสือรอดเพราะเวสเปอร์นะเนี่ย

ออฟไลน์ marshall

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เรื่องนี้สนุกมากเลยค่ะ ชอบเวสเปอร์ที่สุด ปกติเป็นพวกอยู่ฝ่ายเมะนะ แต่เรื่องนี้เวสเปอร์น่ารัก ชอบๆๆ โลกัสมิอาจดึงความสนใจเราไปเลย 55 ตอนอ่านเจอตอนที่มีขลุ่ยและเนื้อเพลง ใจจดใจจ่อรอความสามารถนี้ของเวสเปอร์เลย ลุ้นกว่าปมพยัคฆ์ทมิฬอีก  :really2:

ตอนนี้ติดตามต่อเลยว่า ทำไมความสามารถเวสเปอร์ดูมีความสามารถในการใช้เวทสูงจัง หรือเพราะทุกวิชาที่เรียนในช่วงที่ปัญญาอ่อนเวสเปอร์สามารถเข้าใจได้ทั้งหมดเมื่อหายแล้ว ทำไมตอนล่าสุดเวสเปอร์ถึงรู้จุดอ่อนของกริมอะ ทำไมถึงรู้ว่าเพลงที่ได้มาคือเพลงที่ใช้หยุดกริม หรือเป็นเรื่องที่สามารถรู้ได้กันอยู่แล้วเพราะตอนที่เวสเปอร์ได้โน้ตเพลงมาก็คิดว่าถ้าถามท่านอาก็จะรู้

แต่มีขัดใจนิดนุง ตรงที่คนเขียนชอบใช้คำว่า มัน แทนตัวคนที่ถูกกล่าวถึงจนบ้างทีงงว่ามันคือใคร แต่บางทีเราอาจอ่านไม่ดีเอง อิอิ

ปล. แอบสงสัยทำไมตอนแรกฟินน์ถึงเลือกเวสเปอร์คะ จะมีเฉลยมั้ย หรือเราอ่านไม่เข้าใจตรงไหน

ปล.2 จะมีฉากหวานๆ หรือจั๊กกะจี๊หัวใจไรงี้ป่าว รอๆๆๆ  :hao7:

ปล.3 ขอบคุณที่เขียนเรื่องนี้ให้อ่านนะคะ :mew1: :mew1:
               

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
ลืมเพลงขลุ่ยไปเลย โผล่อีกทีฉากสุดท้ายนี่เอง

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
ตอนที่ 23

ภาพเดิมปรากฎซ้ำในสายตาหากแต่ได้ผลลัพธ์ไม่เหมือนเดิม ซากศพนับร้อยที่ทอดกายอยู่บนพื้นเดิมทีสามารถทำให้องค์ชายปัญญาอ่อนตัวสั่นงั่นงกแต่ตอนนี้กลับไม่สามารถทำอะไรใดๆ ได้ 

องค์ชายอันดับหนึ่งแห่งเมืองเอวินด์สาวเท้าขึ้นบันไดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ก้าวข้ามศพต่างๆ อย่างง่ายดายราวกับว่ามันเป็นเพียงต้นหญ้าดอกไม้ตามทาง ร่างที่เคยดูบอบบางน่าสงสารในเวลานี้กลับเดินอย่างสง่าผ่าเผยถึงแม้จะไม่น่าเกรงขามเหมือนโลกัสหากแต่ก็สามารถสร้างความกดดันให้แก่ผู้พบเห็นได้ไม่น้อย

ฟินด์ส่งเสียงครางฮือในลำคอเมื่อมือนุ่มลูบหัวมันระหว่างที่เดิน นัยน์ตาสีฟ้าสว่างของเสือโคร่งขาวสะท้อนใบหน้าอ่อนเยาว์ที่มีรอยยิ้มน่ารักให้กับมันเมื่อมันหันไปมอง

"ขอบคุณเจ้านะที่อยู่เคียงข้างมาตลอด" องค์ชายพูดเสียงอ่อนโยน สายตาทอดมองไปยังแสงสว่างที่ปลายทางลิบๆ ซึ่งเป็นทางเข้าห้องใต้ดินนี้ ในชั่วขณะหนึ่งอารมณ์ความรู้สึกหวาดกลัวจนแทบบ้าในวัยเยาว์ก็ตีตื้นขึ้นมาแต่องค์ชายก็ไม่มีท่าทีผิดปกติใดๆ ราวกับชินชาไปแล้วกับความรู้สึกพวกนั้น

"ขอบคุณที่เจ้าเลือกข้าในวันนั้นนะ ฟินด์" ไม่ว่าเปล่าเวสเปอร์รั้งให้ฟินด์หยุดเดินสักพัก ใช้เวทย์ลมประคองตัวเจ้าเสือไว้ ส่วนตัวเองก็สวมกอดฟินด์แน่นซึ่งก็ไม่สำเร็จเพราะถูกฟินด์เลียหน้าเอาซะก่อน ทำเอาองค์ชายที่กลับมาปกติแล้วน้ำตารื้นเผลอสะอื้นออกมา ผวากอดคอฟินด์แน่น ขนาดตัวที่แตกต่างกันเกินไปทำให้ฟินน์ต้องค้อมหัวลงมาเพื่อให้เวสเปอร์กอดได้ถนัดขึ้น

"ฮึก ถ้าเจ้าไม่ช่วยข้าวันนั้น ข้าต้องตายแน่ๆ" องค์ชายสะอื้นจนตัวโยน ความจนตรอก ความหวาดกลัว ความขื่นขม ทุกอย่างในวันนั้นเขายังจำได้ดีจนถึงทุกวันนี้

ฟินด์พยายามถูหัวใหญ่ๆ ของมันกับหน้าเวสเปอร์หวังจะปลอบประโลม 

เดิมทีการเจอกันระหว่างเวสเปอร์กับมันในวันนั้นเป็นเรื่องบังเอิญ วันนั้นรู้สึกว่าโลกัสจะปล่อยให้มันเดินเล่นระหว่างที่ไปสืบข่าวเรื่องพยัคฆ์ทมิฬ มันเบื่อๆ เลยเดินทอดน่องไปเรื่อยtแล้วจู่ๆ กลับถูกวงเวทประหลาดกระชากตัวเข้าไปในลานอะไรสักอย่าง รู้ตัวอีกทีก็โดนเวสเปอร์กระโจนเข้าใส่พร้อมกับดาบแล้ว ตอนแรกมันก็กะจะกัดตอบให้จมเขี้ยว แต่พอเห็นหน้ากลับรู้สึกถูกชะตาอย่างประหลาด สัญชาตญาณนักล่าหายไปทันควันกลายเป็นแมวตัวเขืองออดอ้อนอย่างที่เห็นในวันนั้น   

ในตอนนี้ความรู้สึกของมันก็ยังเช่นเดิม สำหรับมันแล้วต่อให้เวสเปอร์เปลี่ยนไปเท่าใดมันก็ไม่สนใจ เพราะยังไงเวสเปอร์สำหรับมันแล้วก็เป็นเพียงองค์ชายน่ารักขี้อ้อนคนนึงเท่านั้น เหตุผลอีกอย่างก็คงเป็นกลิ่นขององค์ชายที่คล้ายๆ กับพลังของโลกัสจางๆ กลิ่นของพยัคฆ์ทมิฬ คงจะเกี่ยวข้องกับสิ่งที่โลกัสตามหาไม่มากก็น้อย มันจึงเลือกที่จะพาเวสเปอร์ไปด้วย

"ฮึก นี่ไม่ใช่เวลามาร้องไห้" องค์ชายพูดพึมพำตำหนิตัวเองและปล่อยแขนออกจากฟินด์แล้วใช้หลังมือเช็ดน้ำตาออกซึ่งท่าทางก็ไม่ต่างอะไรไปจากเด็กนัก ยิ่งพอเหลือบเห็นเจ้าเสือก็ยิ่งทำให้รู้สึกโหยหาถึงอ้อมกอดอุ่นๆ นั่น "ให้ตายสิ ข้าไม่ใช่เด็กสักหน่อย" สบถอีกครั้งเซ็งๆ หน้าแดงซ่าน

ฮื่ออ

ฟินด์ใช้หัวหนุนหลังเวสเปอร์เบาๆ เชิงให้เดินต่อซึ่งเวสเปอร์ก็ยอมทำตามแต่โดยดี เดินต่อโดยจับมืออุ่นๆ เจ้าเสือที่นอนหงายอยู่บนตัวฟินด์ 

ความร้อนแผ่ซ่านมาตามฝ่ามือไล่ไปถึงหัวใจที่เย็นเยียบของเวสเปอร์ น้ำแข็งที่เรียกว่าความเข้มแข็งจอมปลอมถูกละลายอย่างช้าๆ และโอบกอดด้วยความเชื่อมันในตัวโลกัส ถึงเวสเปอร์จะเชื่อว่าตนเองสามารถปกป้องตัวเองได้แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าอยากถูกโลกัสปกป้อง

มันเป็นเหมือนความรู้สึกแบบเด็กๆ ที่อยากให้คนปกป้อง ดูแล เอาใจใส่ เวสเปอร์เคยได้รับมันตอนเด็กๆ เป็นระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่จะต้องดูแลตัวเองและเติบโตด้วยตัวเองเพราะความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับสมอง

“เจ้าเสือ” เวสเปอร์เผลอเรียกออกมาก็สะดุ้งรีบเอามืออีกข้างปิดปากตัวเองหน้าแดง แค่เรียกฉายาที่ตัวเองตั้งให้โลกัสก็รู้สึกอายมากแล้วไหนจะเรื่องที่ถูกขโมยจูบ ถูกลวมลามนั่นอีก ยิ่งคิดองค์ชายก็หน้าแดง พยายามไม่สนใจมองร่างหนาที่เต็มไปด้วยมัดกล้า หันกลับมาสนใจทางข้างหน้าได้สักพักก็คิดไปถึงความรู้สึกเก่าๆ เกี่ยวกับบันไดนี้

บันไดที่องค์ชายเคยคิดว่ามันทอดยาวไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด อาจจะเป็นเพราะความหวาดกลัวถึงได้คิดเรื่องไร้สาระพรรค์นี้ได้ น่าแปลก ที่ตอนนี้กลับรู้สึกว่ามันสั้นเอามากๆ เดินเพียงไม่นานก็พาร่างมาหยุดยืนตรงหน้าแสงสว่างได้ 

"คงจะเป็นเพราะความเข้มแข็งของข้า" องค์ชายพึมพำกับตัวเองเหลือบมองเจ้าเสือเขินๆ 

ให้ตายสิ ถ้าโลกัสตื่นข้าควรจะทำตัวยังไงดี?

องค์ชายคิดอย่างวิตกพลางดันประตูออกไปเพื่อเปิดทางและจะได้ไปพ้นๆ จากที่นี่สักที แต่พอประตูเปิดจนสุดก็อดสะดุ้งในใจไม่ได้

"เวสเปอร์? โลกัส? ข้างล่างเกิดอะไรขึ้นน่ะ โลกัสเป็นอะไรรึเปล่า"

เป็นสิงโตหิมะที่เพิ่งมาถึง ข้างหลังมีกองกำลังอารักขาที่มีบาดแผลเต็มตัวทุกคน เห็นได้ชัดว่าเพิ่งผ่านการต่อสู้มาอย่างดุเดือด ไม่เว้นแม้แต่บนใบหน้าอัลฟินที่มีรอยดาบลากยาวตามแก้มเป็นแผลตื้นๆ หากแต่เลือดซึมออกมาจนย้อมแก้มเป็นสีแดงฉาน

แต่เวสเปอร์ก็ไม่คิดที่จะรักษาให้แต่อย่างใด สีหน้าคงความเรียบเฉย ความทรงจำเกี่ยวกับอัลฟินทั้งด้านดีและด้านร้ายผุดขึ้นในหัว

องค์ชายคลี่ยิ้มเย็นเยียบนัยน์ตาสีทองประกาศกร้าวถึงความเย็นชา ความรู้สึกที่โดนเหยียดหยามต่างๆ นานาค่อยๆ หลอมให้เวสเปอร์กลายเป็นองค์ชายคนใหม่ 

"ถ้าเจ้าอยากได้บัลลังก์ของเมืองเอวินด์ก็ลงไปข้างล่าง หยิบดาบ หยิบหัวพ่อข้าแล้วป่าวประกาศว่าได้ล้มบัลลังก์ได้สำเร็จ" น้ำเสียงของเวสเปอร์ราบเรียบสม่ำเสมอไร้อารมณ์ หากแต่แต่ละคำพูดกลับเสียดแทงอัลฟินไม่ยั้ง

อัลฟินเผยสีหน้าประหลาดใจถึงขีดสุด ใบหน้าหล่อเหลาสุขุมตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก "เวสเปอร์? นั่นเจ้า จริงเหรอ บ้าน่า เจ้าปัญญาอ่อนจริงๆ นี่ พอยซ์ก็บอกว่าเจ้าปัญญาอ่อน"

จะให้อัลฟินคงความสุขุมไว้ก็คงไม่ได้เพราะเวสเปอร์ได้รับการตรวจจากหมอที่ฝีมือดีที่สุดในทุกดินแดนไปแล้วว่าปัญญาอ่อนจริงไม่ได้โกหกและไม่มีทีท่าว่าจะรักษาได้ด้วย

เวสเปอร์แค่นหัวเราะ "ความกลัวที่ฝังลึกในจิตวิญญาณ เจ้ามีปัญญาทำให้มันหายไหมล่ะ?" เลิกคิ้วยียวน

สิงโตหิมะเผลอถอยหลังไปหนึ่งก้าวอย่างไม่รู้ตัว รับรู้ถึงบรรยากาศมาคุที่มาจากองค์ชายปัญญาอ่อน สีหน้าและแววตาทุกอย่างแม้แต่การพูดล้วนแปลกไป 

"เจ้าหายปัญญาอ่อนแล้ว?" อัลฟินเดาสุ่ม นัยน์ตาสีควันบุหรี่จับจ้องเวสเปอร์เขม็งราวกับว่าพยายามหาจุดอ่อนหรืออะไรสักอย่างที่สามารถทำให้เวสเปอร์เป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำได้

องค์ชายไม่ได้ตอบเพียงแค่มองด้วยหางตาและสาวเท้าต่อไม่ใส่ใจอัลฟินอีก หากแต่ร่างสิงโตหิมะกลับมายืนขวางทางเอาไว้ ทำให้เวสเปอร์ต้องถอนหายใจหนักๆ ออกมา

"บัลลังก์โง่ๆ นี่ข้าไม่ต้องการ เจ้าอยากได้ก็เอาไป ถ้าเข้าใจแล้วก็ถอยไป" 

"เจ้าหมายความอะไร หัวของพ่อเจ้า? ดาบ?"

ผลั่ก 

ลมรุนแรงอันไร้ที่มาจู่ๆ กลับพัดอัลฟินจนกระเด็นไปชนกับเจ้าม้าขาวโดยไม่ได้ตั้งตัว อัลฟินจุกจนต้องเบ้หน้าแต่ความตกใจนั้นมากกว่า "เจ้า เจ้าใช้เวทย์ได้? นี่มันอะไรกันแน่ ข้างงไปหมดแล้ว"

แม้แต่สิงโตหนุ่มที่ขึ้นชื่อว่าฉลาดเป็นกรดอย่างครางคำพูดสุดท้ายออกมาอย่างน่าสงสาร ทุกอย่างเกิดขึ้นตอนนี้มันพิศวงเกินไป ไม่ได้อยู่ในขอบเขตที่คิดไว้สักนิดเดียว

"อยากได้นักไม่ใช่เหรอบัลลังก์น่ะ จะมัวสนใจอะไรอยู่อีก?" เวสเปอร์หัวเราะเสียงต่ำมองอย่างดุร้ายไม่ต่างกับร่างนักฆ่าที่สลบอยู่บนหลังฟินด์ "อ้างว่าตัวเองลำบากบ้าง อ้างว่าจนตรอกบ้าง คิดว่าเหตุผลพวกนี้จะทำให้เจ้ามีสิทธิ์เหยียดหยามคนอื่น ข่มขู่คนอื่นงั้นเหรอ? ตลกชะมัด เจ้ามันก็สวะไม่ต่างไปจากคนอื่นๆ หรอก"

สีหน้าของอัลฟินกลับมาสุขุมเหมือนเดิม หน้าชาไปทั้งหน้าขบกรามกรอด "เจ้าไม่ใช่ข้า เจ้าไม่เข้าใจหรอก"

องค์ชายหัวเราะหึ "ก็ใช่ว่าข้าอยากจะเข้าใจ แล้วเจ้าล่ะเข้าใจข้าไหม? จากที่ยืนอยู่บนสรวงสวรรค์อย่างมีความสุขจู่ๆ ก็ถูกฉุดกระชากลงนรก ท่านพ่อเปลี่ยนไป ทุกคนเปลี่ยนไป ไม่สิ ที่เปลี่ยนไปมันข้าต่างหาก แต่เอาเถอะผลมันก็เหมือนกัน ข้ากลายเป็นองค์ชายปัญญาอ่อนที่มีค่าไม่ต่างเศษเดน ใช้ชีวิตไปวันๆ ไม่มีใครเข้าใจ" เสียงของเวสเปอร์ดังขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นตะโกนเมื่อพวกขุนนางคนใช้ที่คุ้นหน้าคุ้นตาปรากฎให้เห็นในสายตาโดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงรับใช้คนนั้น! 

ฉับพลันแววตาสีทองวาวโรจน์

"เจ้าบอกว่าเจ้าจนตรอก เจ้าเคยถูกคนรับใช้เหยียบหน้าตัวเองตอนกินข้าวไหมล่ะ? เจ้าเคยป่วยแล้วถูกทิ้งจนเกือบตายไหม? เจ้าเคยถูกฆ่าแต่ไม่ตายไหม!!"

พายุเกรี้ยวกราดที่รุนแรงกว่าของอัลฟินนับร้อยเท่าพัดเข้าใส่เหล่าผู้สอดรู้สอดเห็นจนกระเด็นออกไป เว้นเสียงแต่หญิงรับใช้ที่ถูกลมตรึงไว้บนพื้น สายลมคมกริบตัดผิวหนังร่างทั้งร่างจนเลือดซิบหนึ่งอึดใจต่อมาเลือดไหล่บ่าออกจากรอยกรีดพวกนั้น 

"อย่าฆ่าข้า ได้โปรด อย่าฆ่า ข้าขอโทษ ข้าขอโทษ ฮือ" หญิงรับใช้กรี๊ดออกมาอย่างขวัญเสียพยายามอ้อนวอนขอชีวิตจากคนที่ตนเองเคยคิดว่าไม่มีวันทำอะไรนางได้ ความเจ็บปวดจากบาดแผลทำให้นางเอาแต่กรี๊ดออกมาไม่หยุด

ไม่ต่างกับขุนนางคนอื่นๆ ที่พากันกลืนน้ำลายเอือกเตรียมจะหนีออกไปแต่ก็ทำไม่ได้ สายลมแปลกประหลาดคล้ายจะพันธนาการขาทั้งสองข้างเอาไว้เหมือนโซ่โลหะหนักๆ 

เวสเปอร์เหยียดยิ้มสมเพชมองหญิงรับใช้ "เจ้าพูดคำนี้กับข้าเป็นด้วยงั้นเหรอ? ข้ามันแค่หมาตัวหนึ่งไม่ใช่เหรอ?"

หญิงรับใช้ส่ายหน้าทั้งน้ำตา "ไม่ ไม่ท่านเป็นองค์กษัตริย์ที่เกรียงไกร"

หากแต่หญิงรับใช้กลับเข้าใจผิดไปอย่างร้ายแรง คิดว่าคำสรรเสริญแบบนี้จะสามารถทำให้องค์ชายไว้ชีวิตตัวเอง

กรี๊ดดดด

นางกรีดร้องตาถลนเมื่อถูกสายลมกรีดเข้าที่ลำคอลึกจนแสบไปหมด รู้สึกถึงหลอดลมของตัวเองที่เกือบจะถูกตัดไปด้วย นางตัวสั่นไปทั้งกลัวอย่างหวาดกลัวพึมพำขอโทษองค์ชายไม่หยุดปาก

"บัลลังก์กษัตริย์งั้นเหรอ ข้าไม่ต้องการมันหรอก" เวสเปอร์ไหวไหล่หัวเราะขับให้ใบหน้าหล่อเหลาดูน่ากลัวขึ้นถนัดตา "โชคดีที่ข้าไม่อยากเป็นสวะเหมือนพวกเจ้า ข้าถึงไม่ฆ่าพวกเจ้าให้หมด"

ทั้งๆ ที่เวสเปอร์เพียงแค่พูดแต่ทุกคนในห้องโถงกลับตัวสั่นไปทั้งตัว รับรู้ว่าองค์ชายปัญญาอ่อนสามารถทำสิ่งที่พูดได้จริง น่าแปลก จู่ๆ ความคิดแปลกประหลาดก็ผุดวาบขึ้นในหัวพวกเขา

ความคิดที่ว่าองค์ชายเวสเปอร์นั้นเหมาะสมกับการเป็นกษัตริย์ที่สุด

"อ้อ จริงสิ รู้สึกว่าข้าจะยังไม่ได้ตอบคำถามเจ้า" เวสเปอร์หันมามองอัลฟินและคลี่ยิ้ม "ก็อย่างที่เจ้ารู้ เชื้อสายแห่งราชวงศ์เอวินด์เป็นพวกสนับสนุน ข้าที่มีเชื้อสายนี้รุนแรงที่สุดการใช้เวทย์ได้คล่องแคล่วก็ไม่เห็นจะแปลก" ไม่ว่าเปล่าชี้หัวตัวเองที่มีสีแปลกขาวล้วนต่างจากพี่น้องคนอื่นๆ และเอียงคอกวนๆ "จริงสิ มันเป็นความลับระหว่างพ่อกับข้านี่นา ลืมไป" พูดจบก็หัวเราะคิกคักในลำคอ

คล้ายกับยืนยันคำพูด สายลมรุนแรงโถมพัดรอบกายเวสเปอร์จนเสื้อผ้าผมเผ้าขยับอย่างรุนแรงตามแรงลม

"เจ้า เจ้าต้องการอะไรกันแน่ เวสเปอร์" อัลฟินพูดเสียงเรียบทั้งๆ ที่ตัวนั้นถูกลมรุนแรงกดไว้กับพื้น พอจะร่ายเวทย์โต้ตอบก็ถูกลมแสกเข้ากลางหน้าจนร่ายไม่ได้

"ก็ข้าบอกแล้วว่าอยากไปให้พ้นจากที่นี้ เจ้าก็เสนอหน้ามาขวางเท้าข้าอยู่ได้" เวสเปอร์ไหวไหล่ "จะว่าไปตอนนี้เจ้าก็หลบให้ข้าแล้วนี่ งั้นข้าไปล่ะ" ตบสะโพกฟินด์เบาๆ เชิงให้เดินต่อทำให้ฟินด์สะดุ้งตื่น มันสะบัดหัวงุนงงกับตัวเองเล็กน้อยที่จู่ๆ ก็เผลอหลับไปซะได้แต่นั่นก็ไม่สำคัญ ที่สำคัญคือมันต้องพาเจ้านายของมันทั้งสองกลับ 

ฟินด์ส่งเสียงคำรามออกมาดังลั่นครั้งหนึ่งแล้วจึงสาวเท้าเดินต่อทำเอาเหล่าพวกคนขวัญอ่อนภายในห้องสะดุ้งเฮือก ทั้งๆ ที่มันแค่หาวเสียงดังไปหน่อยเท่านั้น 

บรรยากาศรอบข้างเงียบงันแทบไม่มีผู้ใดกล้าหายใจแรงเมื่อองค์ชายปัญญาอ่อนสาวเท้าผ่านหน้าไป คนไหนที่ขวางทางก็จะโดนลมพายุพัดออก หากแต่เมื่อเข้าใกล้สาวใช้ องค์ชายกลับหยุดฝีเท้าและแย้มยิ้มให้กับนางที่หน้าซีดเผือด

"ข้าคิดถึงตบของเจ้าจัง” พูดเสียงออดอ้อนทั้งๆ ที่แววตาเย็นเยียบ

สิ่งที่แม้แต่ราชาไซมอนด์ไม่รู้คือ สาวใช้ของเวสเปอร์มักจะมีงานอดิเรกคือการซ้อมองค์ชายเวลาที่องค์ชายทำอะไรไม่ถูกใจหรือเวลาที่นางหงุดหงิด เวสเปอร์จึงตกเป็นที่ระบายอารมณ์เสมอ 

“อย่า ฮือ ขอโทษ อย่าทำอะไรข้าเลย” นางขอร้องเสียงสั่น

“ตอนนั้นที่เจ้าตบข้าจนข้าตัวช้ำม่วงไปทั้งตัว ข้าอ้อนวอนขอร้องแทบตาย เจ้าหาว่าข้าสำออย กับตอนนี้แค่มีแผลนิดๆ หน่อยๆ ไม่สำออยกว่าเหรอ” องค์ชายทรุดตัวนั่งยองๆ ตรงหน้าหญิงรับใช้แล้วแสยะยิ้ม

นางเบิกตากว้างลำคอแห้งผากนึกคำที่จะเอื้อนเอ่ยไม่ออก รู้สึกเพียงมือนุ่มตะปปแน่นที่คอตัวเองและออกแรงบีบแน่นขึ้นเรื่อยๆ

“หยุดนะ นี่เจ้าจะฆ่าผู้หญิงงั้นเหรอ” เสียงขุนนางคนหนึ่งตะโกนขึ้นมาอย่างกราดเกรี้ยว

เวสเปอร์จึงปล่อยมือออกจากลำคอผลุดลุกขึ้นยืนและใช้เท้าถีบเข้าที่ใบหน้าอย่างแรงจนเกิดเสียงกระดูกดังกร็อบ ขุนนางคนเดิมกำลังจะตะโกนต่อว่าต่อหากแต่พอเห็นสีหน้าดุร้ายของเวสเปอร์ก็หุบปากฉับ

“เจ้ากำลังจะบอกข้าว่าเป็นผู้หญิงแล้วมีสิทธิ์ทำร้ายคนอื่นงั้นเหรอ” องค์ชายเหลือบมองหญิงรับใช้ที่สลบไปแล้วอย่างเคียดแค้น “ไร้สาระ ถ้าเจ้าจะเชื่อแบบนั้น ก็เชิญ ข้าไม่สน แค่ข้าไม่ฆ่าตัวบัดซบนี่ก็ถือว่าปราณีมากแล้ว”

เวสเปอร์ในตอนนี้ หมดศรัทธากับเรื่องศีลธรรมอันดีงามไปนานแล้ว เพราะถ้าหากมันดีจริง ทำไมทุกคนถึงปฏิบัติแบบนั่นกับเขาล่ะ?

ฮื่ออ

ฟินด์คำรามเบาๆ เลียมือเวสเปอร์ที่กำแน่นจนเห็นเส้นเลือด

“อ้ะ ขอโทษ ฟินด์ เราไปกันต่อเถอะ” เวสเปอร์อุทานเบาๆ สีหน้าผ่อนคลายขึ้นทันตาเห็น  รีบสาวเท้าเดินต่อโดยสนใจใครอีก

เสือโคร่งขาวรีบสาวเท้าตามไปติดๆ เมื่อเท้าก้าวผ่านธรณีประตูปราสาทก็หันกลับไปมองเพราะได้ยินเสียงความวุ่นวายข้างใน

“รีบไปกันเถอะ ฟินด์ ข้าให้เจ้าเสือ.. ไม่สิ โลกัสนอนบนเตียงนุ่มๆ” องค์ชายพูดกระอึกกระอัก ไม่มีท่าทีอาลัยใดๆ กับเมืองที่ตนเองโตขึ้นแม้แต่นิดเดียว

เมืองที่ฆ่าองค์ชายปัญญาอ่อนทั้งเป็น
 


นัยน์ตาสีทองสวยไล่สายตาอ่านหนังสือพิมพ์ในมือด้วยสีหน้าไร้อารมณ์เพราะข่าวหน้าหนึ่งวันนี้ถูกพาดหัวข่าวว่าด้วยเมืองเอวินด์มีการเปลี่ยนมือเจ้าเมือง

ฉบับที่ 1155

ถึงคราวเปลี่ยนมือเจ้าเมืองแห่งสายลม! เมื่อราชสีห์ดุฆ่าล้างพ่อลูกตระกูลเอวินด์ได้ อยากรู้ราชสีห์หนุ่มรูปหล่อคนนี้เป็นใคร อ่านต่อหน้า 7

คิ้วขมวดมุ่นเมื่ออ่านถึงคำว่าฆ่าล้างพ่อลูก อย่าบอกนะว่าฆ่าไอเรสด้วย? แต่ช่างเถอะ ข้าตัดขาดตัวเองจากเมืองเอวินด์แล้ว จะมีอะไรเกิดขึ้นที่นั้นบ้างล้วนไม่เกี่ยวกับข้า

เวสเปอร์พยายามกล่อมตัวเอง ที่ดูจะเป็นห่วงไอเรสเกินเหตุ

“อ้าว เวสเปอร์ เจ้าเสือของเจ้ายังไม่ฟื้นอีกเหรอ” น้ำเสียงหวานพูดแซวพร้อมกับการลูบหัวองค์ชายอย่างเอ็นดู
องค์ชายสะดุ้งเฮือกหน้าขึ้นสีเล็กๆ เมื่อถูกล้อ “ยังไม่ฟื้นเลย แต่..ข้าเช็ดตัวให้แล้ว" ก้มหน้างุดไม่กล้ามองหน้าพี่สาวใจดีที่รู้เรื่องทั้งหมดแล้ว ทั้งเรื่องที่เขาหายปัญญาอ่อน ทั้งเรื่องการแย่งชิงบัลลังก์

เกลยิ้มกรุ้มกริ่มมองเวสเปอร์สลับโลกัสที่นอนเปลือยอกบนเตียง "เป็นไงบ้างล่ะ?"

เวสเปอร์หน้าแดงก่ำไปทั้งหน้าทั้งๆ ที่พยายามปั้นสีหน้าให้เฉยๆ แล้วแต่ก็ทำไม่ได้ "ก็ตัวอุ่นๆ เหมือนเป็นไข้" องค์ชายรู้ดีว่าสิ่งที่เกลหมายถึงไม่ใช่เรื่องนี้แต่ก็ตอบออกไป

"อ้อ ก็ประมาณนี้แหละ ตอนเด็กๆ เวลาที่เจ้าเสือของเจ้าใช้พลังปีศาจนั่นเยอะๆ ร่างกายจะรับไม่ไหวสลบไปเลย ข้าว่าก็คงวันสองวันล่ะมั้งถึงจะฟื้น" หญิงงามประจำเมืองแสร้งถอนหายใจเหนื่อยๆ "ระหว่างนี้ข้าก็ฝากเจ้าดูแลโลกัสด้วยแล้วกัน" 

องค์ชายพยักหน้าแกนๆ เขินๆ 

เกลยิ้ม  "แล้วเจ้าหิวรึยังล่ะ เดี๋ยวข้าจะหาอะไรมาให้กิน"

"ข้ายังไม่หิว" เวสเปอร์เหลือบมองฟินด์ที่อยู่ในร่างเสือและกำลังกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้นเบื่อๆ "แต่ฟินด์น่าจะหิว"

พอได้ยินชื่อตัวเอง ฟินด์ก็รีบลุกขึ้นมานั่งสงบเสงี่ยมกระพริบตาปริบเอียงคอมองเวสเปอร์งุนงงราวกับว่ากำลังถามว่าเรียกชื่อมันทำไม

"เสือน้อย เจ้าหิวไหม" เกลลูบหัวนิ่มๆ ของฟินด์จนมันครางเครือในลำคออย่างพอใจและพยักหน้าอย่างเอาเป็นเอาตาย ถึงมันจะไม่หิวมากแต่ก็ถือว่าหิว

"งั้นก็ตามข้ามาแล้วกัน เดี๋ยวข้าพาเจ้าไปกินเนื้อวัวป่า"

ฟินด์ตาเป็นประกายส่งเสียงฮื่อๆ ในลำคอใช้หัวไถตัวเกลไม่หยุดอย่างออดอ้อน

ซึ่งนั่นก็เข้าตามแผนเกลพอดี เกลมองเวสเปอร์ที่ดูจะประหม่าตลอดเวลาเมื่อพูดถึงโลกัสด้วยสายตาเอ็นดู 

ดูแค่นี้ก็รู้แล้ว ว่าเวสเปอร์นั่นชอบในตัวโลกัสไม่มากก็น้อยแต่ต้องชอบแน่ๆ ไม่เช่นนั้นคงจะไม่หน้าแดงทุกครั้งที่แตะตัวโลกัสแบบนี้ ไหนจะตอนที่ถอดเสื้อให้โลกัสนั่นอีก ใบหน้าหล่อเหล่าน่ารักนั้นแทบจะกลายเป็นมะเขือเทศแล้วด้วยซ้ำ ใครคิดว่าองค์ชายหายปัญญาอ่อนและจะเคร่งขรึม เจ้าคิดผิดไปมหันต์เลยล่ะ เพราะองค์ชายเวสเปอร์ตรงหน้าข้าเนี่ย ไม่ต่างอะไรกับเด็กสักนิด

"แย่จัง เจ้าต้องอยู่กับโลกัสสองคนแล้วสิ เอาล่ะ ข้าไม่กวนละ พักผ่อนเยอะๆ นะจ๊ะ เด็กๆ" เกลโบกมือลาและดันฟินด์ที่ทำหน้าที่เป็นก้างขวางคอได้ดีเกินไปออกจากห้อง

ฮื่อ!

ฟินด์ขู่หูตกพยายามตะเกียกตะกายกลับเข้าไปในห้อง อยู่ดีๆ มันก็รู้สึกเหมือนจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับเวสเปอร์

"เจ้าอย่าไปเป็นตัวขัดขวางความรักสิ ฟินด์ โลกัสฟื้นวันนี้ตอนนี้แหละ เชื่อข้า ฉะนั้นเจ้าเลิกห่วงแล้วไปกินเนื้อวัวทำตัวเชื่องๆ เหมือนแมวบ้านได้แล้ว"

เสือโคร่งขาวหยุดนิ่งไปสักพักประมวลผลคำพูดของเกลไปสักพัก พอมันเข้าใจก็ยอมสาวเท้าเดินนำไปก่อนอย่างว่าง่าย เพราะสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับมันแล้วคือความสุขของนายมันทั้งสองคน

เกลเหลือบมองบานประตูห้องที่ปิดสนิทแล้วหัวเราะคิกคัก

"ให้ตายสิ ข้าก็อยากเห็นเขินอายของโลกัสนะ" 

----------

มาแล้วว  :katai2-1: โลกัสก็ยังไม่ฟื้นอยู่ดี 555555

ขอบคุณทุกคอมเมนต์นะคะ  :กอด1:

แล้วก็ขอบคุณ คุณ marshall ด้วย ตอนนี้ค่อนข้างยึดเอาคำถามเป็นแกนในตอนเลยค่ะ 5555  :o8:

แต่เหลือประเด็นเรื่องเพลงยังไม่เคลียร์ คงต้องทบไปตอนหน้าค่ะ ;w; ส่วนเรื่องฉากหวานๆ ก็...  :z1:


 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
หื้มมมม เรื่องนี้มีฉากหวานด้วยเหรอค้าาาา  :-[

ต่อไปโลกัสไม่กล้าหืออ่อแหงเลย เวสเปอร์โหดซะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด