☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.21 (27/03/59) [END] จบแล้ว ย้ายได้เลยค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.21 (27/03/59) [END] จบแล้ว ย้ายได้เลยค่ะ  (อ่าน 43273 ครั้ง)

ออฟไลน์ เห็ดหอม:)

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
    • นิยายของเห็ดหอม
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************




คำโปรย : แมน นักเขียนนิยายบอยเลิฟ(ที่คิดว่าว่าตัวเอง)หน้าสวย แถมพื้นฐานลึกๆ ยังเป็นคนตลก มาดูกันว่าเขาจะนก หรือเขาจะได้




Chapter 1 : Let me introduce myself




สวัสดีครับ คุณผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน

กระผมนาย ‘แมน’ แฟนไม่มี หน้าตาดีไปวันๆ คันหลังทีไรไม่มีใครช่วยเกา ชอบกินข้าวผัดไข่ แต่ไม่กินแตงกวา อยากเลี้ยงหมา แต่ที่หอไม่ให้ อยากไปตามนักร้องเกาหลี แต่ยังไม่เป็นเศรษฐีเลยไม่เคยไปสักครั้ง ติ่งทุกอย่างตั้งแต่สากกะเบือยันเรือสำเภา ว่าแล้วผมว่าเราว่าเข้าเรื่องกันเถอะครับ

คำคล้องจองข้างต้นบ่งบอกความเป็นตัวผมได้ครบถ้วนเป็นอย่างดี เนื่องจากการสั่งสมและเก็บประสบการณ์ด้านนิยายมาเป็นเวลานานของผม ตัวเอกมักจะแนะนำตัวในตอนต้นเรื่องซะส่วนใหญ่ ดังนั้น ในยุคที่อะไรๆ ก็เป็นเงินเป็นทองไปซะหมด ผมจะเริ่มแนะนำตัวเองอย่างละเอียดเพื่อไม่ให้เสียเวลาดังนี้

ผมชื่อ ‘แมน นันทสิทธิ์’ อย่าแปลกใจที่ชื่อเล่นกับชื่อจริงของผมไม่ได้ขึ้นต้นด้วยพยัญชนะตัวเดียวกันเหมือนในนิยายทั่วไป ก็นี่มันเรื่องเล่าชีวิตจริงของผมนี่นา จะให้มันเพอร์เฟ็คเหมือนในนิยายได้ยังไง

ผมเกิดในครอบครัวที่ป๊าเป็นคนไทยเชื้อสายจีน แต่แม่เป็นคนไทยแท้ ครอบครัวทำธุรกิจโรงงานผลิตน้ำพริกสำเร็จรูปแม่ละอองโดยละอองนั้นคือชื่อของคุณยาย เจ้าของต้นตำรับน้ำพริกแต่ดั้งเดิมนั่นเองครับ

ผมมีพี่น้องรวมตัวผมเองเป็น 3 คน ได้แก่ เฮียฮวง อายุ 33 ปี พี่คนโตผู้ประกอบอาชีพเป็นแพทย์ สถานะ แต่งงานแล้ว มีลูก 2 คน เจ๊หยง อายุ 29 ปี พี่คนรอง สถานะ อยู่อาศัยกับแฟนสาว ไม่ผิดครับ แฟนสาว เจ๊หยงของผมนั้นเป็นผู้หญิงข้ามเพศหรือที่เรียกว่าทอม และตามความเป็นจริงนั้นเธอไม่ให้ผมเรียกเธอว่าเจ๊ด้วย ยกเว้นเวลาอยู่ต่อหน้าป๊ากับแม่ ประกอบอาชีพร้านกาแฟสด และเบเกอรี่ร่วมกับแฟนสาวของเฮียแกนั่นเอง

และคนสุดท้าย กระผม นายแมน...


กำลังงงสินะว่าทำไมชื่อผมไม่เป็นภาษาจีนเหมือนคนอื่นในบ้านเขา...


ผมเองก็เคยสงสัยในตอนเด็กๆ ครับ คิดมาโดยตลอดว่ามันคือปมด้อย แท้จริงแล้วผมอาจไม่ใช่ลูกของแม่กับป๊าก็ได้ พวกท่านจึงไม่ให้ความเท่าเทียมแก่ผมเลย มารู้จากแม่ทีหลังตอนที่โตและพอเข้าใจอะไรแล้วว่า การปฏิสนธิครั้งสุดท้ายของป๊ากับแม่ในวัยที่พวกท่านอายุขึ้นเลข 4 กันแล้ว ในทีแรกแม่ไม่สมยอม แต่ป๊าดึงดันจะเอาให้ได้ แม่จึงยื่นคำขาดว่า ถ้าบังเอิญ พลาดพลั้ง มีผมหลุดออกมา จะต้องให้ตัวเองเป็นคนตั้งชื่อตามแบบที่ตัวเองชอบ


และบังเอิญว่าผมมันมีบุญจริงๆ จึงได้เกิดมาเป็นนายแมนอย่างทุกวันนี้


และเนื่องจากผมเป็นลูกคนสุดท้อง แต่เฮียฮวงก็ได้สร้างหน้าตาชื่อเสียงแก่วงศ์ตระกูลด้วยการเป็นหมอให้ป๊ากับแม่แล้ว ส่วนเจ๊หยงก็มีกิจการเป็นของตัวเอง ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ลูกหลงอย่างผมจึงไม่ถูกคาดหวังอะไรมากมาย ดังนั้น ปัจจุบันผมศึกษาอยู่คณะเศรษฐศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยรัฐแห่งหนึ่งอย่างสบายๆ ในชั้นปี 4 อายุก็กำลังเอ๊าะๆ ห่างจากเจ๊หยง 7 ปี นั่นคือ 22 ปีนั่นเอง

เนื่องจากอายุผมค่อนข้างห่างกับพี่ๆ ของตัวเองมากพอสมควร ทำให้ผมไม่มีเพื่อนเล่น และกลายเป็นเด็กขี้เหงา ผมได้หาวิธีแก้เหงาตัวเองด้วยการเล่นเกมส์ อ่านการ์ตูน ดูอนิเมะ อ่านนิยาย ติ่งนักร้องเกาหลี ฟังเพลงตะวันตก ติ่งกามิกาเซ่ ติ่งนายแบบ ติ่งเน็ตไอดอล และอีกมากมาย

ซึ่งล้วนแล้วแต่หามีสาระไม่...


นอกจากนั้น สิ่งที่น่ากลัวกว่าการที่ผมทำแต่เรื่องไร้สาระในชีวิต ผมพบว่าผมได้รับอิทธิผลอย่างสูงจากนิยาย และการ์ตูน นั่นคือ...

ผมสนใจแต่เรื่องราวที่เป็นชายรักชาย


และเหนือกว่านั้น ผมได้ค้นพบว่าตัวเองมีพรสวรรค์อย่างยิ่งในการสรรสร้างผลงานที่เกี่ยวข้องกับรักร่วมเพศ อย่างการแต่งนิยายที่เรียกชื่ออ้างอิงตามภาษาญี่ปุ่นว่า นิยาย Yaoi หรือที่คนทั่วไปจะเรียกกันว่านิยายเกย์นั่นแหละครับ


ผมแต่งนิยายเกย์ครับพี่น้อง และผมทำมันเป็นอาชีพด้วย!


ก็แหม... คณะผมมันไม่ได้เรียนหนักเหมือนพวกหมอ วิศวะ อะไรนั่นนี่ครับ เลยเหลือเวลาว่างเยอะ ไอ้ครั้นจะปล่อยเวลาว่างไว้เฉยๆ มันดูน่าเสียดายออก

ตอนที่ค้นพบตัวเองแรกๆ ผมก็คิดนะว่าควรทำดีไหม ถ้าป๊า แม่ เฮียฮวง และเจ๊หยงรู้เข้าเขาจะหาว่าผมเบี่ยงเบนหรือไม่ แต่พอลองเอาลงเว็บ และมีแฟนคลับตามกรี๊ดกร๊าดนิยายของผมมากมาย ผมก็เลยได้รู้ว่า เอ๊ะ นี่มันก็สนุกดีเหมือนกันนี่หว่า ของแบบนี้ต้องลองเองครับ

และจากการที่ผมเป็นหนุ่มวาย(คล้ายๆ กับสาววายแต่ใช้ในกรณีที่เป็นเพศชายอย่างผม) ผมจึงชอบการออกกำลังกาย และดูแลตัวเองให้มีรูปร่าง และบุกคลิกภาพคล้ายกับตัวละครของนิยายที่ผมแต่ง และชื่นชอบ


เพราะแบบนี้หรือเปล่านะ เขาถึงได้บอกว่าถ้าจะหาเกย์ ให้ไปหาตามฟิตเนส ไอ้ผมก็ชอบไปฟิสเนตซะด้วยสิ


แต่คงไม่จริงหรอก ผมไม่ใช่เกย์ซะหน่อย ผมแค่แต่งนิยายเกย์เท่านั้นเอง


พูดถึงฟิตเนส ผมเพิ่งจะเล่นเสร็จเมื่อกี้เองครับ ปัจจุบัน ผมกำลังนั่งเช็คคำผิดนิยายตัวเองเป็นรอบที่ร้อย หลังจากโดนเจ๊เจ้าของสำนักพิมพ์โทร.มาจิกให้ส่งต้นฉบับ ทำให้ผมต้องขึ้นลิฟต์จากฟิตเนสหอพัก มาบนห้องของตัวเอง
ผมรู้สึกว่าถ้าให้พูดถึงตัวเองตอนนี้ ผมคงมีลักษณะเป็นเกย์รับ หรือที่เรียกกันเป็นภาษายุ่นว่า เคะ ที่ดีมากๆ เลยล่ะครับ ร่างกายของผมตอนนี้มีมัดกล้ามเนื้อพองาม ผมไม่สูงมาก ตัวค่อนข้างโปร่งเพรียว และมีต้นคอที่เรียวระหง รวมที่มีลูกกระเดือกที่เซ็กซี่ ผมสีน้ำตาลมะฮอกกานีที่ร้านย้อมให้ยาวระต้นคอ มองยังไงก็สมบูรณ์แบบ


ถึงหน้าตาผมมันจะธรรมดาเกินไปหน่อยก็เถอะ แต่เรามองๆ ข้ามมันไปก็ได้มั้ง


เอาจริงๆ ก็คือผมดูต้นแบบมาจากนักร้องเกาหลีคนหนึ่งที่ตัวเองชอบนั่นแหละครับ ผมว่าเขามีรูปร่างเป็นเคะที่ผมชอบ เลยพยายามคอสเพลย์ตัวเองเป็นนักร้องคนนั้นซะเลย

น่าเสียดาย ที่ผมเกิดมาเตี้ยเกินกว่าจะเป็นเมะที่ดีได้ ผมจึงไม่ทำได้ดีที่สุดคือการเป็นเคะเท่านั้น


แต่ผมก็เจอแล้วนะครับ คนที่สามารถเป็นเมะอย่างที่ผมชอบได้ ทั้งลักษณะ หน้าตา บรรยากาศรอบๆ ตัว บุคลิกมันใช่มากๆ ผมมักจะเอาเขามาจินตนาการเป็นตัวเอกในนิยายตัวเองบ่อยๆ ไม่ใช่ใครที่ไหนครับ เป็นเดือนคณะของผมเอง ผมรู้จักน้องเขาก็ตอนน้องแกประกวดดาวเดือนนั่นแหละ


ถ้าผมคิดจะมีแฟนสักคน และผมชอบผู้ชายจริงๆ ผมคงจะอยากได้แฟนเป็นน้องคนนี้แน่ เพอร์เฟ็ค ไม่มีใครเทียบได้อีกแล้ว ผมน่ะ สะสมรูปน้องเขาไว้ในคอมเป็นอัลบั้มๆ เลยนะครับ มีเกือบทุกอิริยาบถ เซฟมาจากเฟซบุ๊กน้องเขาบ้าง ขอจากสายลับส่วนตัวของตัวเองบ้าง นอกจากนั้นผมยังมีหมอนข้างที่สกรีนลายน้องเขาด้วยล่ะครับ


อะไรนะ ผมได้ยินแว่วๆ เหมือนมีคนบอกว่าผมโรคจิตล่ะ!?


ผมคิดว่าไม่นะครับ มันก็อารมณ์เหมือนพวกคุณคลั่งไคล้ศิลปินสักคนนั่นแหละ นอกจากติดตาม ซัพพอร์ต สูบรูป แต่งฟิค คุณก็อยากจะอยู่ใกล้ๆ เขา มันก็เป็นเรื่องธรรมดาไม่ใช่เหรอครับ อย่าบอกนะครับว่าคุณไม่เคยซื้อหมอนข้าง หมอนอิงสกรีนหน้าศิลปินที่ตัวเองชอบกัน?

ผมเองก็เป็นหนึ่งในคนจำพวกนั้นนั่นแหละครับ เปลี่ยนแค่ผมคลั่งไคล้น้องเขาในฐานะที่น้องเขาเป็นเมะแบบที่ผมชอบเท่านั้นเอง


เล่ามาตั้งนาน อยากรู้จักน้องเขาแล้วล่ะสิท่า งั้นผมจะบอกให้พวกคุณรู้ก็ได้ น้องเขาน่ะ ชื่อ....




ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!


โอ๊ะ! ใครมาเคาะประตูห้องผมกันนะ

ผมกดเซฟไฟล์งาน แล้วพับฝาคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คตัวเองลง ก่อนจะลุกจากโซฟาซึ่งเป็นที่สิงสถิตในขณะนี้ ไปที่ประตูห้อง แล้วเปิดประตูออก


โอ้! พระ! เจ้า!


ผมลอบไล่สายตามองผ้าเช็ดตัวที่ขมวดหลวมๆ พันเป็นปมอย่างหมิ่นเหม่อยู่แถวสะโพก ขึ้นไปยังกล้ามแน่นๆ เป็นลอนที่ประดับไปด้วยหยดน้ำแพรวพราว ก่อนที่สายตาจะมาหยุดอยู่ที่ใบหน้ากึ่งตะวันตกของคนตรงหน้า


เฮ้ย นี่มัน...


“โทษนะครับ รบกวนช่วยหยิบบ็อกเซอร์ให้ผมที มันปลิวไปอยู่ระเบียงห้องนายน่ะ”


น้องแมทธิว!!!


“อะ.. เอ่อ ได้ รอแป๊บนะ”




ปัง!!!

ผมเผลอกระแทกประตูอย่างแรงด้วยความตื่นเต้น มือไม้สั่นอย่างควบคุมไม่ได้ แอร์ในห้องที่เปิดทิ้งไว้ตั้งแต่ก่อนลงไปฟิตเนสไม่ช่วยบรรเทาอาการหน้าร้อนเพราะความเขินของผมได้เลย ผมเดินขาสั่นๆ เพื่อไปเปิดประตูระเบียงและเดินไปหยิบบ็อกเซอร์สีน้ำเงินเข้มลายสก๊อตของคนที่ยืนอยู่หน้าห้องมาถือไว้ในมือ พลางจ้องมองมันสลับกับประตูห้อง


น้องแมทธิวตัวเป็นๆ โคตรเหลือเชื่อ!!!


ผมเข้าสังคมไม่ค่อยเก่ง เลยไม่สนิทอะไรกับใครมากมาย ยิ่งกับเดือนคณะอย่างน้องเขานี่มันคนละไลฟ์สไตล์กับผมเลยล่ะ


ตอนนี้เขามายืนเปลือยรอผมอยู่หน้าห้อง และบ็อกเซอร์น้องเขาก็อยู่ในมือผม !


ผมเดินถือมันไปที่ประตูห้อง ชั่งใจว่าจะแอบดมดูสักนิดดีไหม แต่จิตใต้สำนึกด้านดีก็สั่งให้หยุดไว้แค่ความคิด ผมรู้สึกได้ถึงลมหายใจตัวเองที่ติดขัด กับใจที่เต้นแรงจนแทบทะลุอกออกมาเต้น cover dance รอบห้องพลางค่อยๆ เอื้อมมือไปบิดลูกบิดประตู


น้องเขายังยืนรออยู่เลยอ๊ะ!!!


ผมยื่นบ็อกเซอร์ให้คนตรงหน้า หวังเป็นอย่างยิ่งว่าน้องจะไม่เห็นอาการผิดปกติของผม อันได้แก่ หัวใจเต้นแรง หน้าแดงทุกที ใช่เธอหรือนี่ ที่คอยตลอดมานะ มือหนาๆ ของแมทธิวเอื้อมมารับบ็อกเซอร์ผม ซึ่งมันช่างเชื่องช้าราวกับภาพสโลว์ในสายตาของผมเหลือเกิน

วินาทีที่มือของผมสัมผัสกับมือของแมทธิว ผมก็รู้สึกเหมือนมีกระแสไฟฟ้าแล่นผ่าน ในหัวของผมมันตื้อ ยิ่งสายตาเลื่อนไปเห็นไรขนบางๆ ที่หน้าท้องแน่นๆ ซึ่งอุดมไปด้วยกล้ามเนื้อ เลือดผมมันก็ยิ่งสูบฉีด ผมรู้สึกตาพร่ามัว และโลกเอียง ทำให้ทรงตัวไม่ได้ ผมรับรู้ถึงกลิ่นคาวเลือด และสัมผัสได้ถึงของเหลวที่ไหลออกมาจากจมูก แต่ก่อนที่โลกของผมจะดับวูบ และมืดสนิทไป ผมก็ทันสังเกตเห็นว่าร่างสูงที่เปลือยท่อนบนตรงหน้า ถลาเข้ามารับร่างของผมไว้


อา... ตายตอนนี้ก็ไม่เสียเปล่าล่ะ ยมบาลเจ้าค่าเอ๋ย...


.
.
.

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-03-2016 19:44:17 โดย เห็ดหอม:) »

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
Re: รักใสๆ ของนายแมน
«ตอบ #1 เมื่อ07-01-2016 19:10:00 »

ลืมแปะกฎจ้า

ออฟไลน์ เห็ดหอม:)

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
    • นิยายของเห็ดหอม
Re: รักใสๆ ของนายแมน
«ตอบ #2 เมื่อ07-01-2016 19:44:56 »

ผมลืมตาขึ้น และกวาดตามองเพดานอันคุ้นเคยของห้องที่อยู่มานับปีได้ ก่อนจะเหลือบลงมองเสื้อที่เปื้อนคราบเลือดของตัวเองอย่างงงๆ


จำได้ว่าน้องแมทธิวเปลือยอกมาทวงบ็อกเซอร์

ฝันหรือเปล่าเนี่ย?


“โอเคยัง?” เสียงทุ้มๆ ดังขึ้นข้างหูทำให้ผมสะดุ้งเฮือก และรีบหันไปมองต้นเสียงที่นั่งยองๆ ถือทิชชู่เปื้อนเลือด กับสมุดเลคเชอร์ที่ท่าทางถูกเอามาใช้แทนพัดในมือ


อ้าว ไม่ได้ฝันด้วย!!


“อือฮึ” ผมค่อยยันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะพิงหลังกับที่เท้าแขนโซฟา และพยายามจะไม่สบตาโดยตรงกับร่างสูงตรงหน้า แต่ไอ้ครั้นจะวางสายตาไว้แถวๆ ซิกแพ็คของน้องเขาก็เกรงว่าจะเลือกกำเดาพุ่งอีกรอบ เลยก้มมองกางเกงกีฬาตัวเองที่ยังไม่ได้เปลี่ยนเพราะรีบขึ้นมาปั่นนิยาย


“นาย...” แมธทิวพูดแล้วละคำพูดไว้ พลางจ้องหน้าผมที่พยายามหลบตา ผมเม้มปากและเสมองไปทางอื่น


หรือว่าน้องเขาจะรู้ว่าผมเป็นติ่งน้องเขา… ผมคิดพลางมองซ้าย มองขวา หาสิ่งที่แสดงถึงความคลั่งไคล้ที่ผมมีต่อแมธทิว


ก็ไม่นะ...


หรือน้องแมธทิวจะรู้ว่าผมลมจับเพราะคิดอกุศลกับร่างกายของน้องเขา


ไม่นะ ไม่ จะเป็นอย่างนั้นไม่ด๊ายยยยย!!!


“...เพิ่งขึ้นมาจากฟิตเนสใช่ไหมเนี่ย?” แมทธิวพูดพลางเดินไปทิ้งทิชชู่ที่ถังขยะข้างโทรทัศน์ ผมมองตามแผ่นหลังกว้างๆ กับกล้ามแขนแน่นๆ ของร่างสูง พลันรู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาอีกครั้ง


เห็นหุ่นของผู้ชายคนไหน ก็ไม่มีผลต่อจิตใจเท่าหุ่นของน้องแมทธิวเลยจริงๆ

คิดแล้วอยากจะเป็นลมอีกสักรอบ


“อืม” ผมพยักหน้าพลางเสยผมชุ่มเหงื่อตัวเองทีนึง

อ้าว แล้วทำไมผมถึงไปอืมใส่น้องแมทธิวแบบนี้ล่ะเนี้ย...

พี่แมนขอโทษนะครับ ที่พูดไม่เก่ง แต่รักหมดใจ ถ้ารู้ว่าชอบอะไรจะหาให้เธอนะ

“รู้สึกเป็นไงบ้าง?” ร่างสูงของแมทธิวนั่งยองๆ ลงข้างๆ โซฟาพลางเอียงคอเพื่อช้อนตามองหน้าผมที่ก้มงุดมองต้นขาตัวเองอย่างทำตัวไม่ถูก


อย่ามองครับ พี่เขิน


“ก็ดี แล้วบ็อกเซอร์นายล่ะ?” ผมพยายามที่จะสบตาสีน้ำตาลอมเขียวใสๆ คู่นั้น


โอย... ให้ตายเถอะ มองตัวจริงใกล้ๆ เทียบกับมองในรูปไม่ติดสักนิด


นี่มันเกินคำว่าปริ่มแล้ว อยากร้องไห้ ป๊าครับ แม่ครับ ช่วยแมนด้วย


“อ๋อ นี่ไง” แมทธิวพูดพลางคว้าเอาบ็อกเซอร์ตัวเดิมที่วางพาดอยู่บนที่เท้าแขนของโซฟาขึ้นมาชูแล้ววางไว้ตามเดิม

“ถูกตัวแล้วใช่ไหม?” ผมพูดพลางพยายามทำเสียงให้นิ่ง แต่มันกลายเป็นเสียงดุไปซะงั้น

“อื้อ ก็ถูกแล้วแหละ” แมทธิวเอาลิ้นดุนกระพุ้งแก้มพลางมองไปรอบๆ ห้องผม


เฮ้ย อย่ามองมากนะ เดี๋ยวรู้กันพอดีว่าผมติ่งน้องเขาอยู่


“งะ..งั้นก็..”

“ฉันชื่อแมทธิว” ผมที่กำลังจะพูดอะไรบางอย่างรีบกลืนคำพูดลงคอและพยายามอย่างยิ่งที่จะบันทึกทุกประโยคบทสนทนา น้ำเสียงและท่าทางของคนที่นั่งลงตรงที่ว่างบนโซฟาข้างๆ ตัวผม

“เพิ่งย้ายมาห้องข้างๆ ฝากตัวด้วยนะ”


หา!!! จริงดิ!? จริงเหรอ!? น้องแมทธิวอยู่ห้องข้างๆ ห้องผมเหรอ!? จริงจัง!? ไม่หรอก จริงอ๊ะ!?


“อืม...”


อืมอีกแล้ว ผมอืมใส่น้องแมทธิวอีกแล้วล่ะทุกคน!! ทำไมผมต้องเย็นชาใส่น้องเขาด้วย ถ้าน้องเขาเสียใจขึ้นมาผมจะทำยังไง


“ฉันเรียนเศรษฐศาสตร์ปี 1 นะ”


อันนั้นพี่รู้แล้วครับ และพี่แมนก็รู้มากกว่าที่น้องบอกอีกนะเออ


“แล้วนายล่ะ?”

“ชื่อแมน เรียนเศรษฐศาสตร์เหมือนกัน” เพราะการพยายามคุมเสียงให้นิ่งทำให้ดูเหมือนผมหยิ่ง แย่ๆๆ เพราะแบบนี้ไงผมถึงไม่ค่อยอยากคุยกับใคร แล้วก็เข้าสังคมไม่ค่อยเก่ง

“จริงเหรอ ไม่เห็นเคยเจอเลย”

“ฉันอยู่ปี 4 แล้ว” ผมบอกไปสั้นๆ แต่ดูเป็นการหักหน้าน้องแมทธิวเล็กน้อย เพราะตั้งแต่คุยกันมา น้องเขาก็ไม่รู้ว่าผมเป็นรุ่นพี่

“อ๋อ รุ่นพี่นี่เอง ถึงว่าไม่ค่อยเจอ เพราะปี 4 ไม่ค่อยมีเรียนแล้วสินะครับ เออ ถ้างั้น....” ผมเหลือบมองร่างสูงที่พยักหน้าหงึกหงัก ก่อนที่อยู่ๆ แมทธิวจะหันมามองหน้าผมตรงๆ

“...”

“พี่โหวตใครเป็นเดือนเหรอ?”

“แค่ก แค่ก แค่ก..” ผมสำลักน้ำลายทันทีที่ร่างสูงถามคำถามจบ แล้วยกมือขึ้นปิดปากพลางเสตามองไปทางอื่น

ก็โหวตนายน่ะแหละ จะให้พูดหรือไง ผมก็เขินเป็นนะ

“แค่ก.. จำไม่ได้ ฝากเพื่อนโหวต” ผมว่าพลางเหลือบตามองพลางกลืนน้ำลาย ในใจนึกอยากยกมือขึ้นมาเช็ดเหงื่อที่เริ่มผุดออกตามไรผม แต่ก็กลัวน้องเขาจะสงสัยเพราะแอร์ก็เย็นฉ่ำซะขนาดนี้

“โอ้... เสียดายแย่เลยนะครับ”

“ก็... อืม” ผมพยักหน้าน้อยๆ แต่คนที่นั่งข้างๆ ก็จ้องอยู่นั่นแหละ

จ้องอะไรครับ เดี๋ยวพี่แมนก็สึกหรอกหมดกันพอดี

“งั้นผมปะ...”


I’m so sorry but I love you ทา คอจิซมัลอียา มลรัซซอ อีเจยา อารัซซอ~
I’m so sorry but I love you นัลคาโรอุน มัล...~


เสียงริงโทนบ่งบอกความติ่งของผมดังแทรกเสียงทุ้มอันรื่นหูของน้องแมทธิวอย่างน่าอารมณ์เสีย ผมเหลือบมองเบอร์ที่ขึ้นโชว์หราอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ ก่อนจะพบว่าเป็นสายที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ จึงจำใจต้องคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วลุกพรวดไปยืนคุยนอกระเบียง ท่ามกลางสายตางงงวยสงสัยของแมทธิว

“ฮัลโหล”

(แมน ส่งต้นฉบับมาได้แล้วนะ) เป็นเจ๊เจ้าของสำนักพิมพ์นิยายเกย์ท่านหนึ่งที่เคารพสูงยิ่งรองจากป๊า แม่ เฮียฮวง และเจ๊หยงนั่นเอง ที่ขัดจังหวะการได้สนทนา และใช้อากาศหายใจร่วมกันของผมกับน้องแมทธิว

“รู้แล้ว เจ๊แจงอย่าใจร้อนดิ”

(รู้แล้วมัวทำไรวะ ฉันบอกให้แกรีบส่งตั้งแต่ 5 โมงเย็น นี่มันจะ 6 โมงแล้วนะเว้ย)

“ก็แบบว่า มันมีเหตุฉุกเฉินนิดหน่อย” ผมว่าพลางเหลือบสายตาไปมองแมทธิวที่ก็กำลังมองมาทางผมอยู่แล้ว

แอร๊ย เขินจัง

(เหตุฉุกเฉินไรวะ?) ผมฟังคำถามของเจ๊ฝนพลันสายตาก็เห็นน้องแมทธิวชี้ไม้ชี้มือไปทางประตู พลางพะงาบปากเป็นคำพูดที่อ่านได้ว่า

‘ไปแล้วนะ’

“ก็แบบว่า...” ผมคิดหาข้ออ้างพลางพยักหน้ารับรู้ให้น้องแมทธิวเล็กน้อย ร่างสูงส่งยิ้มกว้างมาให้ ก่อนจะโบกมือให้ผมเบาๆ

(อะไร เล่าดิๆ) เสียงแสดงความสงสัยแบบปิดไม่มิดดังมาจากปลายสาย เร่งเร้าให้ผมรีบเล่าว่าผมได้เจอรุ่นน้องที่ชื่นชอบมายืนเปลือยท่อนบนเคาะประตูห้องทวงบ็อกเซอร์ และผมก็เป็นลมเพราะน้องเขา


ฝันไปเหอะโว้ย ใครจะไปเล่าความโรคจิตของตัวเองให้คนอื่นฟังกันเล่า!


“เปล่าๆๆๆ เดี๋ยวจะไปส่งเมล์ให้และ แค่นี้นะเจ๊” ผมมองตามน้องแมทธิวที่เดินออกจากห้องและปิดประตูให้ ก่อนจะตัดบทสนทนากับคนในสายเอาดื้อๆ

(อ้าว ไอ้แมน นี่แกโกหกฉันใช่ไหม!!? @#$%^&*(_@!!!)


โทษทีนะเจ๊ แต่ผมไม่พร้อมจะเล่าให้ใครฟังจริงๆ ว่าตอนนี้ผมฟินแค่ไหน

ป๊าครับ แม่ครับ น้องแมทธิวอยู่ห้องๆ ผมครับ นี่ผมไม่ได้ฝันไปใช่ไหม!?







สวัสดีค่า นี่เห็ดเอง เราแต่งนิยายอยู่นานมากแต่ไม่เคยลงจริงจังสักที ใครหลงเข้ามาอ่านติชมนิยายเราเลยนะคะ เราอยากพัฒนาฝีมือ และอยากรู้ข้อดีข้อเสีย ขอบคุณล่วงหน้าค่าาา
  :-[ :-[ :-[
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-02-2016 17:16:25 โดย เห็ดหอม:) »

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
Re: รักใสๆ ของนายแมน
«ตอบ #3 เมื่อ07-01-2016 21:31:55 »

เนื้อเรื่องก็น่ารักดีค่ะ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: รักใสๆ ของนายแมน
«ตอบ #4 เมื่อ07-01-2016 22:00:16 »

 :pig4:
มาต่ออีกนะ

ออฟไลน์ เห็ดหอม:)

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
    • นิยายของเห็ดหอม
Re: รักใสๆ ของนายแมน | up ch.2 (8/1/59)
«ตอบ #5 เมื่อ08-01-2016 17:33:59 »

Chapter 2 : Chance on or Destiny?



อรุณสวัสดิ์ตอนเกือบๆ 8 โมงครับทุกคน

ช่วงเวลาเช้าๆ แบบนี้ ทุกคนคงสงสัยสินะครับว่านายแมนมายืนทำอะไรทำท่าร้อนรนอะไรอยู่หน้าลิฟต์ ไม่ต้องแปลกใจ ที่ผมแทบจะกดปุ่มลิฟต์รัวๆ ก็เพราะว่าผมมีเรียน 8 โมงนั่นเองครับ

และตอนนี้ 7 โมง 50 แล้วครับ

และถึงแม้ว่าหอของผมมันใกล้มหาวิทยาลัยจนสามารถเดินไปเรียนได้แต่มันก็ไม่มีทางที่ผมจะไปถึงคลาสทัน 8 โมงหรอกครับ ดังนั้น ไอ้คนที่อยู่ข้างล่าง ช่วยรีบนิดนึงครับ นายแมนจะไปเรียนสายอยู่แล้วครับ

อาจารย์นะอาจารย์ เปิดสอนรอบเดียวไม่พอ รอบที่เปิดยังเช้าซะจนน่าใจหาย จงใจแกล้งนักศึกษาชัดๆ!

อ่า... แต่มันก็เป็นความผิดของผมเองแหละ ที่มัวกด snooze นาฬิกาปลุกเพราะความง่วง หลังจากที่เมื่อคืนพยายามข่มตาหลับ เพราะภาพน้องแมทธิวเปลือยท่อนบนมานั่งคุยกับผมยังติดตาอยู่ น้ำเสียงทุ้มๆ นุ่มหูก็ดังก้องอยู่ในหัว จนผมนอนเขินบิดตัวเป็นเกลียวกับหมอนข้างสกรีนหน้าน้องแมทธิว แทบจะไม่ได้หลับไม่ได้นอน


ติ๊ง!

ในที่สุด ลิฟต์ก็มาถึงชั้นที่ผมอยู่ ผมรีบแทรกตัวเข้าไปในลิฟต์ ก่อนจะเอื้อมมือเตรียมจะกดปิดลิฟต์ แต่หูก็ได้ยินเสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นมาจากนอกลิฟต์ซะก่อน

“รอด้วยครับ!” ร่างสูงที่คุ้นเคยเพราะนอนกอดกันอยู่ทุกคืน (ผมกอดหมอนข้างหน้าน้องเขาเองแหละ) แทรกตัวตามเข้าในลิฟต์ก่อนจะหันมามองหน้าผม
“อ้าว พี่แมน” นัยน์ตาสีน้ำตาลเหลือบเขียวคู่นั้นหรี่มองผมน้อยๆ ก่อนจะส่งยิ้มให้ผม

เขินก็เขินนะครับ แต่ตอนนี้พี่แมนกำลังจะไปเรียนสายครับ

“หวัดดี” ผมพยักหน้าส่งๆ เหลือบมองเงาสะท้อนที่ลิฟต์เห็นตัวเองทำหน้าประหนึ่งท้องผูก และพร้อมจะเหวี่ยงใส่คนรอบตัวในรัศมี 5 เมตร

ผมไม่ควรทำตัวอย่างนี้กับน้องแมทธิวเลยอ่ะ หลังจากนี้น้องอาจจะกลัวผม จนเลิกยุ่งกับผมก็ได้
ฮือ พี่มันคนไม่เฟรนด์ลี่ ขอโทษทีนะน้อง

ติ๊ง!
ในที่สุดลิฟต์ก็ลงมาถึงชั้นล่างสุด ผมเดินออกจากลิฟต์ทันทีที่ประตูเปิด แล้วก้าวฉับๆ โดยไม่ได้บอกลาน้องแมทธิว แม้จะรู้สึกเสียดาย แต่วินาทีที่จะเข้าเรียนสาย การเรียนผมย่อมสำคัญกว่าอยู่แล้วครับทุกคน

แหม เห็นผมไร้สาระไปวันๆ แต่ผมก็แยกแยะเป็นนะ

“เดี๋ยวพี่” ผมที่กำลังกึ่งเดินกึ่งวิ่งถูกเสียงทุ้มๆ เรียก ทำให้ฝีเท้ามันชะงักอัตโนมัติ และหันกลับไปมองแมทธิวที่ก้าวยาวๆ ตามผมมา
“จะไปมอใช่ไหม?” น้องแมธทิวเดินเข้ามาประชิดตัวผมที่ยืนเอ๋อด้วยความงง
“อ..อือ ใช่”
“ไปกับผมดิ” พูดเสร็จก็เดินนำผมที่โรงรถ



 รู้ตัวอีกที ผมเดินตามมานั่งอยู่ในรถคันหรูของน้องแมทธิวและคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อย เจ้าของรถสตาร์ทรถและบึ่งตัวออกจากหอ
รถแล่นได้ไม่นาน ผมก็เริ่มหลุดพ้นจากความมึนงง แต่แทนที่อาการใจเต้นตึกตัก และหายใจติดขัด เพราะเป็นผลกระทบจากความใกล้ชิดเกินพอดีของผมกับร่างสูงที่นั่งเป็นสารถีอยู่ข้างๆ


รถแล่นมาจอดหน้าคณะที่ผมกับเจ้าของรถเรียนอยู่ เจ้าของรถหันมามองผู้ร่วมทางอย่างผมเงียบๆ ก่อนจะเริ่มบทสนทนาขึ้น
“พี่เรียนตึกไหน?” น้องแมทธิวดึงกระจกลงมาพร้อมส่องจัดผมสีน้ำตาลไหม้ๆ ของตัวเองพลางเหลือบมองผมที่ทำหน้างงเสมอต้นเสมอปลาย
“จอดตรงนี้ก็ได้” ผมว่าพลางเอื้อมมือไปเปิดประตูรถ แต่กลับถูกคนข้างๆ จับไหล่ไว้เป็นเชิงให้หยุด
“เดี๋ยวครับ” ใจหนึ่งก็อยากกรีดร้องที่ชีวิตไอ้แมนคนนี้จะได้มีโอกาสใกล้ชิดกับเดือนคณะที่ตัวเองชื่นชอบขนาดนี้ แต่เหลือบมองนาฬิกาผมก็อยากจะกรีดร้อง

โชคชะตาทำให้ผมพบพาน้องแมทธิว ถูกที่แต่ผิดเวลา

ผมเหลือบมองคนที่รั้งผมไว้กำลังเบนกระจกเหนือหัวมาทางผม พลางจับเส้นผมสีน้ำตาลมะฮอกกานีของผมขึ้นเป็นเชิงให้จัดทรงผม

อ่ะ จัดก็ได้

“รีบมากเลยเหรอครับ” น้องแมทธิวมองผมแล้วอมยิ้มละลายใจมาให้ผมหนึ่งที
“คลาสเริ่ม 8 โมง” ผมว่าพลางตวัดหางตามองคนข้างๆ

เอาอีกแล้ว ผมแสดงกิริยาไม่ดีต่อน้องแมทธิวอีกแล้วอ่ะ

“อ้าว เหรอครับ นี่มัน 8 โมงแล้วนี่เนาะ” ร่างสูงเหลือบมองนาฬิกาที่ข้อมือตัวเอง แล้วมองผมที่จับผมผมทัดหูลวกๆ
“อืม งั้นฉันไปได้แล้วใช่ไหม?” เสียงนิ่งๆ หลุดออกมาจากปากผมอีกครั้ง

ตายแล้ว ไอ้คนที่พูดถือดีเมื่อกี้มันคือใคร กล้าดียังไงมาประชดประชันใส่น้องแมทธิวมิทราบ!!?

“ครับๆ โชคดีนะครับ” น้องแมทธิวดูงงหน่อยๆ ที่ผมทำตัวเหวี่ยงใส่ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรให้ แต่ก็ยังยิ้มให้ผมเอื้อมมือไปเปิดประตูรถอีกครั้ง
“อ..เออ..” ผมชะงักมือเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองรอยยิ้มนั้น
“...ครับ?”
“ขอบใจที่มาส่ง”
“ยินดีครับ” ว่าพลางใช้ใบหน้าลูกครึ่งของตัวเองส่งยิ้มมาให้ผม

อ๊าก เขิน แดดิ้นระดับพัน

ผมก้าวลงจากรถและไม่ลืมที่จะปิดประตูรถให้ รถคันหรูแล่นออกจากตรงหน้าผม จนลับสายตา ก่อนที่ผมจะถอนหายใจ และรีบจ้ำอ้าวขึ้นเรียนอย่างรวดเร็ว



ผมสายไป 5 นาที หลังจากหาที่นั่งให้ตัวเองได้แล้ว อาจารย์ก็เริ่มเช็คชื่อทันที นับว่าผมโชคดีมากๆ ก่อนที่เสียงบรรยายของอาจารย์ประจำวิชาจะเริ่มขึ้นโดยที่มันไม่เข้าหูของผมแม้แต่น้อย

ในหัวของผมตอนนี้มีแต่หน้าน้องแมทธิวในระยะประชิด กับกลิ่นกายหอมๆ ของน้องเขา
สรุปว่าที่ผมรีบมาเข้าเรียนก็เพราะกลัวโดนเช็คขาดเท่านั้นแหละครับ

ผมพยายามทำสมาธิและหยิบสมุดโน้ตแต่งนิยายตัวเองขึ้นมา ก่อนจะทำในสิ่งที่เป็นกิจวัตรยามเข้าห้องเรียน นั่นก็คือการแต่งนิยาย หลังจากที่เพิ่งปิดต้นฉบับส่งเจ๊ฝนไปเมื่อวานตอนเย็น ผมก็ต้องรีบปั่นเรื่องอื่นๆ ที่ดองไว้เป็นไห นั่งเหม่อคิดเนื้อเรื่องไปได้สักสิบนาที อยู่ๆ ก็มีร่างอรชรเดินมานั่งข้างผม

“ไอ้แมน ทำไมมึงไม่ปลุกกูวะ” เธอชื่อแนทครับ เป็นผู้หญิงที่หน้าตาดีแต่ถ่อย ไม่เข้ากับรูปร่างและหน้าตาตัวเองเท่าไร
“วันนี้กูก็สาย” ผมเหลือบตามองผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ดูสภาพเป็นอีเพิ้งเล็กน้อย ที่โยนกระเป๋าลงกับโต๊ะ และรื้อเอาสมุดเลคเชอร์กับกล่องแว่นออกมา
“แล้วมึงมาก่อนกูได้ไง หอกูอยู่ใกล้มอกว่าหอมึงอีก” แนทสวมแว่นและเปิดสมุดเลคเชอร์ ก่อนจะจดยิก ปากก็บ่นไปด้วย
“ดูดิ๊ กูแต่งหน้าไม่ทัน คอนแทคเลนส์ก็ไม่ทันได้ใส่ แม่ง เดินออกมาคนในหอคงนึกว่าศพ”
“รุ่นน้องมาส่งเลยมาสายนิดหน่อย” ผมเลือกที่จะข้ามประโยคบ่นเรื่องส่วนตัวของแนท แล้วตอบคำถามที่มันถามไว้ทีแรก
“ใครวะ นอกจากกูแล้วมึงรู้จักใครในมอด้วยเหรอ?” แนทเงยหน้ามามองผมเล็กน้อยก่อนจะเพิ่งสายตาไปยังสไลด์ข้างหน้าห้องบรรยายตามเดิม
“ก็สายรหัสกูไง” ผมว่าผมเหลือบมองแนทที่หน้าสดเปลือยสุด
“น้องรหัสมึงเป็นผู้หญิงนะได้ข่าว มึงให้น้องเขามาส่งมึงแงะ?” แนทดันขอบแว่น คิ้วบางที่ถูกกันขวดเป็นปม
เออเว้ย วันนี้แนทหน้าสดมากเลยอ่ะ
“ก็ไม่ได้บอกว่ารุ่นน้องที่มาส่งคือน้องรหัสกูนี่” ผมว่าผมก้มลงเขียนสิ่งที่นึกขึ้นได้ในหัวลงบนสมุด
“แล้วใครมาส่งมึงวะ?” แนทหยุดเขียน และพ่นลมหายใจแรงๆ เมื่ออาจารย์เริ่มนอกเรื่อง
“มึงก็รู้จัก” ผมบอกใบ้ให้แนทไปงมเข็มในมหาสมุทร แนทมันค่อนข้างเซเลบ รู้จักคนเยอะ จ้างมันก็นึกไม่ออกหรอกครับ
“โอ้ บอกแค่นี้มึงไม่ต้องบอกกูก็ได้นะ” มันประชดผมพลางเริ่มจดอีกครั้งเมื่ออาจารย์ทำท่าเข้าเรื่องที่เรียนอยู่
“หึ” ผมหัวเราะในลำคอพลางก้มลงเขียนนิยายต่อ

ต่อไปนี้เป็นเรื่องเล่าของผมกับแนทครับ

ต้องเล่าไหมอ่ะ?? ดูจากที่คุยกันก็น่าจะรู้นะว่าผมสนิทกับมันแค่ไหน
เล่านิดนึงก็ได้ ผมกับแนทเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยมัธยมต้นครับ บ้านแนททำโรงงานน้ำปลา ใกล้ๆ กับโรงงานน้ำพริกของบ้านผมแหละ
แนทหน้าตาน่ารักครับ ในโลกโซเชียล เน็ตเวิร์กเธอเป็นคนที่อัธยาศัยดีมากๆ เลยครับ แต่ตัวจริงก็สถุนถ่อยอย่างที่เห็นนี่แหละ ถ้าไม่สนิทกันก็คงยากที่เจ้าหล่อนจะเปิดเผยธาตุแท้
คนชอบคิดว่าผมกับแนทเป็นแฟนกันล่ะ เพราะเราตัวติดกันแทบเป็นปลิง
แนทมันหลอกใช้ผมเป็นไม้กันหมาด้วยการขู่ว่าจะเปิดเผยความลับตั้งแต่สมัยเด็กของผมให้คนรู้จักผมฟัง โดยเฉพาะเรื่องที่ผมแต่งนิยายวายด้วย

ผมถูกรังแก ถูกบังคับขืนใจให้โดนคิดว่ามีแฟนเป็นผู้หญิง ทั้งที่ความจริงผมสนับสนุนให้ผู้ชายได้กันเองนะ

“เออ แมน เมื่อคืนแก๊งนางฟ้าเขาเม้าธ์กัน” แนทเปิดประเด็นขึ้นกับผม เป็นอันรู้กันว่าถ้า เธอมีเรื่องอะไรก็มักจะมาเล่าให้เพื่อนพ่วงตำแหน่งไม้กันหมาผู้ไม่เข้าสังคมอย่างผมรู้ด้วย จะได้เท่าเทียมและเท่าทันโลก
 “เรื่อง?”
“เรื่องน้องแมทธิวมึงอ่ะ โอ๊ย กูรำคาญแว่นว่ะ” แนททำท่าจะเล่าแต่ก็ยังไม่วายบ่น
“แมทธิวทำไม?” ผมหยุดมือที่กำลังเขียนนิยายแล้วหันไปมองหน้าเปลือยๆ ของเพื่อนตัวเอง
“ก็เมื่อวานเนี้ย มีคนไปเจอน้องเขามีเรื่องในผับแถวๆ มอ” แนทเล่าไปจดไป ผมย้อนนึกถึงเมื่อตอนเช้า
หน้าน้องแมทธิวก็ไม่ได้มีแผลอะไรนะ หรือผมไม่ได้สังเกตเพราะมัวแต่เขิน?
“แล้วไงต่อ?”
“ก็สายบอกมาว่าคู่กรณีเป็นเกย์”
“แล้ว? ทำไมมึงไม่เล่าทีเดียวยาวๆ ล่ะแนท” ผมบ่น ก่อนจะผลักหัวที่รวบผมลวกๆ ของแนท
“เดี๋ยว มึงใจเย็นดิ กูกำลังคิดว่าจะเล่าตรงไหนก่อนดีไง”
“เออ ว่ามา”
“ก็สายของคนในแก๊งกูเล่าว่า น้องโดนเกย์มาจีบในผับ แล้วทีนี้น้องเขาเกลียดเกย์มากเว้ย เลยซัดไอ้เกย์คนนั้นซะร่วง หมัดเดียวน็อคเลยว่ะ” อ๋อ มิน่า ผมถึงไม่เห็นแผลอะไรบนหน้าน้องแมธทิวเลย
“เออ แล้วไงต่อ”
“ทีนี้มันก็มาถึงปมอีกปมนึงของน้องเขาอ่ะแหละ คือทำไมน้องเขาถึงแอนตี้เกย์ขนาดนั้น มึงรู้ป่ะว่าทำไม”
“หึ ไม่รู้ ทำไมๆ?”
“เออ มึงรู้ใช่ไหมว่าน้องเขาอยู่กับแม่ 2 คนอ่ะ?”
“อือ”
“เออ แล้วมึงรู้ป่ะว่าที่น้องเขาอยู่กับแม่แค่ 2 คนเพราะอะไร ก็เพราะว่าพ่อน้องเขาเป็นเกย์เว้ย เลยเลิกกับแม่น้องเขา ก็ประมาณนี้ ไม่รู้ละเอียดเท่าไร แต่หลังจากนั้นน้องก็ฝังใจเกลียดเกย์มากเลยว่ะ น่าสงสาร”

โอ้ นี่ขนาดแนทมันบอกว่ารู้ไม่ค่อยละเอียดนะเนี่ย

“อือ” ผมก้มหน้าลงเขียนนิยายต่อ พยายามอย่างยิ่งที่จะสกัดกลั้นของเหลวใสที่เอ่อคลอหน่วยตาไม่ให้ออกมา

โถ... น้องแมทธิวของพี่

“เฮ้ย มึงโอเคเปล่าวะ?” แนทหันมามองผมที่ก้มหน้าชิดสมุดพลางเขย่าไหล่ผมเบาๆ
“กูไม่ได้เป็นอะไร” ผมว่าพลางเงยหน้าขึ้นหลังจากไล่น้ำตาออกออกหมดแล้ว
“ก็เห็นว่าน้องเขาเกลียดเกย์ เขาอาจจะเกลียดมึงนะ”
“กูไม่ได้เป็นเกย์นะแนท” ผมว่าพลางทำหน้าเบื่อโลก แล้วก้มลงเขียนนิยายต่อ เพราะกลัวจะลืมบทนิยายที่กำลังนึกไว้
“อ้าวเหรอวะ?”
“....”
“เออ ช่างแม่งเหอะ น้องเขาไม่รู้จักมึง แล้วจะมาเกลียดมึงได้ไงเนอะ กร๊าก” แนทขำหมดลุคเซเลบ พลางขยับแว่นให้เข้าที่แล้วจดเลคเชอร์ต่อ

มึงพลาดแล้วล่ะแนท ไม่รู้ซะแล้วว่านายแมนคนนี้น่ะ ได้เห็นไรขนอ่อนของน้องแมทธิวมาแล้วกับตา

เอ่อ แต่หลังจากนี้ผมคงต้องเก็บอาการและรักษาระยะห่างของตัวเองกับน้องเขาเพิ่มขึ้นแล้วล่ะ ผมไม่อยากถูกชกหน้าหงายเหมือนเกย์คนนั้นหรอกนะ


หลังจากหมดวิชาอันแทนทรหด 3 ชั่วโมงรวด ผมก็ออกจากห้องบรรยายมา พร้อมกับบอกลาแนทที่เตรียมไปพบปะกับเพื่อนนางฟ้าของตัวเอง แดดที่แรงจนผมนึกสงสัยว่าประเทศไทยมีแค่ฤดูร้อนฤดูเดียวหรือเปล่า แผดเผาเผาผมจนแทบจะสลายเป็นผงทันทีที่ย่างก้าวออกมานอกตึก ผมเดินฝ่าแดดไปตรงๆ ลัดเลาะไปตามร่มไม้บ้าง เพื่อจะกลับหอเพราะไม่มีเรียนต่อคาบบ่าย

โอย... ร้อนโว้ย

ผมแวะซื้อข้าวเที่ยง และแวะร้านสะดวกซื้อ กินเวลาไปเกือบครึ่งชั่วโมงกว่าจะถึงหน้าหอ ผมเอาคีย์การ์ดแตะประตูหน้าหอก่อนจะผลักประตู้เข้าไปผมกับแอร์ฉ่ำจนอยากจะกรีดร้องขอบคุณสวรรค์

เหนื่อยโคตรๆ เลยครับพี่น้อง

ผมเดินตรงไปที่ลิฟต์ เห็นว่ามันกำลังทำท่าจะปิดจึงวิ่งไปกดเปิดมันอีกครั้งและแทรกตัวเข้าไป ก่อนจะพบกับร่างที่คุ้นเคยที่เพิ่งจากกันไม่กี่ชั่วโมง
“อ้าว พี่แมน” ร่างสูงขยับเสื้อนักศึกษาของตัวเองแทนพัดเพราะความร้อนไม่ต่างจากผมส่งยิ้มมาให้

อา... แต่ร่างกายผมนี่อุณหภูมิพุ่งสูงขึ้นอีกเกือบ 10 องศาเพราะรอยยิ้มของน้องแมทธิวเนี่ยแหละ โอย ทำไมผมเสี่ยวจังเนี่ย

“ไง” ผมทักตอบสั้นๆ แล้วเสมองไปทางอื่น ไม่อยากมองมาก เพราะเรื่องที่แนทเล่ายังติดอยู่ในหัวผมไม่ไปไหน
เดี๋ยวน้องรู้ว่าผมคิดไม่ซื่อกับน้องเขาแล้วเกิดซัดผมคางเหลืองขึ้นมาทำไง

“วันนี้ร้อนนะครับ”
“อืม ก็นิดหน่อย” นิดหน่อยบ้าอะไร น้องขับรถตากแอร์มายังบ่นว่าร้อน ผมนี่เดินตากแดดมาไม่ไหม้เลยหรือไงล่ะครับ
“แล้วพี่กลับหอ ไม่มีเรียนตอนบ่ายเหรอ” น้องยังคงชวนคุยต่ออย่างอัธยาศัยดีแต่ไอ้ปากเจ้ากรรมของผมนี่สิ
“อืม” อืมอาร้ายยย ให้ตายเถอะ ผมนึกอยากตบปากตัวเองจริงๆ


หลังจากนั้นน้องแมทธิวก็หมดความพยายามที่จะชวนผมคุย เป็นผมก็คงจะเลิก เล่นโดนตอบตัดบทซะขนาดนี้ แถมอากาศก็ร้อนซะจนจะทำให้คนอารมณ์เสียได้ง่าย บรรยากาศในลิฟต์จึงเงียบและน่าอึดอัดอย่างเสียไม่ได้

กึ่ก!

หือ..???

กึ่ก! กึ่ก! พรึ่บ

“เฮ้ย!?/เห้ย!!” อยู่ๆ ลิฟต์ที่กำลังเคลื่อนที่ขึ้นชั้นบนก็หยุดกึกอยู่กับที่ ไฟและแอร์ในลิฟต์พร้อมใจกันหยุดทำงาน ผมอุทานออกมาพร้อมๆ กับแมทธิว จนสุดท้ายผมก็ตัดสินใจล้วงหาโทรศัพท์ในกระเป๋าขึ้นกดให้เกิดแสงสว่าง แมทธิวที่อยู่ใกล้กับปุ่มต่างๆ บนลิฟต์ เอื้อมมือไปกดกริ่งฉุกเฉินอย่างรู้งาน ก่อนที่น้องจะสนทนากับพนักงานประจำหอ
“โทษนะครับ ลิฟต์มันค้าง มีคนติดอยู่ข้างใน 2 คนครับ”
(ทราบแล้วค่ะ ต้องขอโทษจริงๆ นะคะ พอดีอากาศร้อนให้ไฟฟ้ามีปัญหานิดหน่อย รอไม่เกิน 10 นาทีนะคะ เราจะพยายามแก้ปัญหาให้เร็วที่สุดค่ะ)
“ครับ ขอบคุณมากครับ” แมทธิวพูดจบก็หันมาสบตากับผมที่ยืนลุ้นตัวโก่งว่าจะมีทางรอดไหม ตอนนี้ในลิฟต์ทั้งร้อนอบอ้าว ทั้งมืด จนผมรู้สึกหายใจไม่สะดวก จากที่เดินตากแดดแล้วก็เข้ามาโดนแอร์เย็นๆ ในหอ แล้วยังมาเจออากาศร้อนในลิฟต์อีก ทำให้ผมรู้สึกตาลาย คล้ายจะเป็นลมให้ได้
“พี่แมน พี่โอเคไหม ดูหน้าซีดๆ นะ” น้องแมทธิวขยับมาประชิดตัวผม แล้วบีบต้นแขนผมเบาๆ

อย่าใกล้พี่แมนมากครับ พี่แมนหายใจหายคอไม่สะดวก

“อือออ...” ผมครางรับในลำคอ ก่อนจะพยายามก้มหน้าหลบดวงตาที่เป็นประกายเพราะสะท้อนแสงจากโทรศัพท์
“พี่กลัวที่แคบหรือเปล่า มานี่ ขยับมาใกล้ๆ ผม” แมทธิวไม่พูดเปล่ายังจับมือไว้แน่น แล้วตบบ่าผมเบาๆ
“หายใจเข้าลึกๆ นะครับ รอแป๊บเดียว” ผมทำตามที่แมทธิวบอก เงยหน้าอีกทีก็พบกับใบหน้าของร่างสูงที่ห่างจากหน้าผมไม่ถึงคืบ
“ดีขึ้นไหมครับ?” แมทธิวหยิบเอาสัมภาระในมือผม ทั้งกระเป๋า ถุงพลาสติกทั้งหลายไปถือไว้เองก่อนจะงัดเอาสมุดเลคเชอร์ในกระเป๋าตัวเองออกมาพัดให้ผม
“ม..มะ ไม่” ผมพยายามหายใจเข้าลึกๆ แต่ไม่ช่วยอะไรเลยเพราะยิ่งเห็นจมูกโด่งอยู่ใกล้แค่ขยับตัวก็จะแตะกันแล้ว ผมก็หน้าร้อนขึ้นมาอีก แถมยังใจเต้นแรงจนน่ากลัว
“หายใจเข้าลึกๆ...” แมทธิวบอกผมอีกครั้งผมเอามือลูบผมที่ปรกหน้าผากผมขึ้น เท่านั้นแหละ ถึงจุดสิ้นสุดของผมเลย
“มะ..ไม่ไหว” เป็นอีกครั้งที่ผมได้กลิ่นคาวเลือดในโพรงจมูกตัวเอง ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบอีกครั้ง





เห็ดจะพยายามอัพนะคะ มาร่วมกันภาวนาให้มีคนหลงเข้ามาอ่านเยอะๆ กันเถอะค่ะ อย่าลืมรับประทานมื้อเย็นนะคะ ด้วยรัก  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
Re: รักใสๆ ของนายแมน | up ch.2 (8/1/59)
«ตอบ #6 เมื่อ08-01-2016 19:01:45 »

พี่แมนโดนฟีโรโมนน้องเล่นงานหรือเป็นลมแดดนะเนี่ย??



ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: รักใสๆ ของนายแมน | up ch.2 (8/1/59)
«ตอบ #7 เมื่อ08-01-2016 19:22:34 »

 :pig4:
จริงเนาะ เวลาที่เราชอบใคร แค่จะยืนแบบปกติยังไงในลิฟ ยังทำไม่ได้เลย

ออฟไลน์ Greens 26

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: รักใสๆ ของนายแมน | up ch.2 (8/1/59)
«ตอบ #8 เมื่อ09-01-2016 22:20:18 »

น่าสนุกจังค่ะ ชอบนิสัยพี่แมน 555 รอๆ

ออฟไลน์ เห็ดหอม:)

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
    • นิยายของเห็ดหอม
Re: รักใสๆ ของนายแมน | up ch.3 (10/1/59)
«ตอบ #9 เมื่อ10-01-2016 10:08:51 »

Chapter 3 : You got me dizzy



ผมลืมตาและพบกับเพดานห้องอันคุ้นเคยอีกครั้ง แต่เมื่อมองไปรอบๆ ตัว สิ่งที่เห็นกับแตกต่างกันออกไป ผมนอนอยู่บนเตียงที่ปูด้วยผ้าปูที่นอนสีเข้ม กับผ้าที่ถูกเลิกไปกองอยู่ข้างๆ เตียง ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ใช่เตียงห้องผม เพราะนอกจากการตกแต่งไม่ใช่แล้ว ยังไม่มีหมอนข้างลายน้องแมทธิวอีกด้วย
“เป็นไงมั่งครับ?” เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นอีกครั้ง ร่างสูงของแมทธิวเดินเปลือยท่อนบนออกมาจากห้องน้ำ และนั่งลงข้างๆ ผม บนเตียง ก่อนจะส่งยิ้มบางให้
“เอ่อ...” ผมค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง รู้สึกผิดจริงๆ ที่ทำให้น้องต้องลำบากซ้ำแล้วซ้ำเล่า สุดท้ายจึงทำได้แต่หลบสายตา ก้มหน้าแล้วพูดงึมงำ
“ขอโทษทีนะ ลำบากนายอีกแล้ว”
“ฮ่าๆๆ ไม่เป็นไรครับ สบายมาก พี่ตัวเบานิดเดียวเอง” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่มือหนาของแมทธิวกับนวดไหล่ตัวเองเบาๆ ก่อนที่ล้มตัวลงแผ่หลาลงกับเตียง
“....” ผมเหลือบมองคนข้างๆ ที่นอนหลับตา แต่อยู่ๆ แมทธิวก็ลืมตาขึ้น ทำเอาผมหลบสายตาแทบไม่ทัน
“กระเป๋าพี่อยู่ข้างนอกนะครับ” แมทธิวบอกผมพลางส่งยิ้มละมุนมาให้

อา... ผมหลงรอยยิ้มนี้ชะมัด เห็นแล้วทำตัวไม่ถูกเลย

“อ่าฮะ ขอบใจ...”
“พี่คุยไม่เก่งสินะ” ร่างสูงของแมทธิวพลิกตะแคงเข้าหาผม พร้อมๆ กับที่เจ้าตัวยกมือขึ้นเท้ายันหัวเองไว้ แล้วมองผมยิ้มๆ
“อื้อ ก็ทำนองนั้น” ผมพยักหน้าแล้วยกขาขึ้นมานั่งขัดสมาธิ แล้วทดลองสบตากับคนที่นอนยิ้มอยู่ข้างๆ

เออออไปก่อน ขืนบอกว่าเขินเวลาอยู่กับน้องเขาได้โดนจับไต๋พอดี

“แล้วผมชวนคุยอย่างนี้รำคาญรึเปล่า?”

โอย อกอีแป้นของไอ้แมนจะแตก น้องกลัวผมรำคาญหรอกเหรอเนี่ย

“ไม่แน่นอน!” อ้าว แย่ละ เผลอตอบไปซะทันควันเลย ผมรีบหยุดปากตัวเองพลางเสมองคนข้างๆ ที่ยังสายตาจ้องผมไม่ละไปไหน
“ดีจัง ผมคิดว่าพี่จะรำคาญผมซะอีก ถามคำตอบคำทุกที” ใบหน้าแบบฝรั่งของน้องเขากำลังแสดงอาการโล่งใจ โอ๊ย... ผมอยากหยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูปช็อตเมื่อกี้ชะมัด
“ก็ชวนคุยได้นะ ไม่ได้รำคาญ แต่ชวนคุยกลับไม่เป็น” ผมพูดไปตามที่คิด เห็นน้องแมทธิวหลุดขำ ก่อนที่ร่างสูงจะดีดตัวขึ้นนั่งขัดสมาธิบ้าง
“พี่สนิทกับพี่แนทเหรอ?” อยู่ๆ แมทธิวก็เปลี่ยนประเด็นชวนคุย ผมแอบเหวอในใจเล็กน้อย เพราะลางสังหรณ์บางอย่างมันบอกว่าน้องเขาอาจจะแอบชอบแนทก็เป็นได้
“อืม รู้ได้ไง???”
“ก็เมื่อกี้ พี่แนทโทร.มาหาพี่ พอผมรับปุ๊บ พี่เขาก็พูดขึ้นมาเลยว่า แมน มึงเอาเลคเชอร์กูไปเหรอ? อย่างนี้อ่ะ”
“หา!!?”
“อือฮึ ผมเลยบอกว่าพี่เป็นลม นอนอยู่ในห้องผม ไว้จะให้พี่โทร.กลับ เขาก็เลยวางสายไปงงๆ”

ซวยแล้วไง ใครโทร.มาไม่โทร. ดันเป็นแนทโทร.มาซะนี่

“แล้ว... แล้วแนทได้ถามรึเปล่าว่านายเป็นใคร?”
“ไม่ได้ถามครับ”
“อ้อ...” ผมพ่นลมหายใจอย่างโล่งอก หวังว่าแนทมันจะไม่สงสัยแล้วมาซักผมทีหลังนะ
“ว่าแต่พี่.. เป็นแฟนพี่แนทเหรอ?” ผมแอบสะดุ้ง แล้วหันมองคนที่ยิ้มแซวผมหลังจากพูดจบประโยค
“เอ่อ...”
“ได้ยินมาว่าพี่แนทมีแฟนแล้ว แต่ไม่เปิดตัวสักที คนเล่ากันว่าเป็นรุ่นเดียวกัน หน้าตี๋ๆ จืดๆ” เหอๆๆ ใครมันไปนินทาว่าผมหน้าจืดวะ หน้าตาผมออกจะใกล้เคียงกับไอดอลเกาหลี
“อ่อ..อืม”
“แต่พี่ก็ไม่ได้หน้าจืดนะ ก็เป็นผู้ชายหน้าตาดีระดับนึงเลย”

ฮะ!
ฮะ!!
ฮะ!!!

เมื่อกี้น้องแมทธิวชมว่าผมหน้าตาดี!!?

ป๊าครับ แม่ครับ น้องแมทธิวชมผมด้วยแหละครับ โฮรว....

“เอ้าๆ เขินเหรอ หูแดงหมดแล้ว ฮ่าๆๆ” แหงแหละครับน้องแมทธิว ก็เล่นมาชมพี่แมนซึ่งๆ หน้าแบบนี้ ผมยังรู้สึกได้เลยว่าตัวเองหน้าร้อน

ทั้งเขิน ทั้งอาย

“โอเคๆ ผมไม่แซวแล้ว อย่าลืมโทร.กลับหาแฟนนะครับ” สรุปว่าน้องแมทธิวเขาก็สรุปเองไปแล้วว่าผมกับแนทเป็นแฟนกันสินะ
“อือ” ผมก็ไม่กล้าแก้ตัวซะด้วย เคยมีประสบการณ์ปฏิเสธเรื่องมันกับผมกับกิ๊กแนทสมัยตอนปี 2 ปรากฏว่าผมโดนมันแหว เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต

สรุปว่าก็แนทมันก็ไปแก้ข่าวจนคนเชื่อว่าผมกับมันมีซัมธิงกัน

“งั้นฉันกลับห้องก่อนนะ” ผมลุกพรวดขึ้นพลางเดินไปเตรียมจะเดินออกจาห้องนอนของน้องเขา
“ครับๆ อย่าลืมโทร.หาพี่แนทนะครับ!! ฮ่าๆๆ” น้องแมทธิวตะโกนไล่หลังผม ผมหันขวับไปมองนิ่งแล้วเดินหนีออกมาเลย

อย่ามาคิดว่าพี่เขินเพราะแนทนะ พี่เขินเพราะนายนั่นแหละ เฮอะ!



เช้าวันรุ่งขึ้น

วันนี้ผมตื่นเวลาเดียวกับเมื่อวานเลยครับ แต่ไม่มีเรียนตอนเช้า ตื่นขึ้นมาผมก็เช็คเฟซบุ๊ก เห็นคนทักแชทมาสองคน คำขอเป็นเพื่อนอีกสองสามคน

ผมเปิดดูแชทก่อนอันดับแรก แชทอันนึงเป็นเจ๊ฝนทักมาคอนเฟิร์มเรื่องต้นฉบับ ส่วนอีกอันนึงเป็นแนททักมาเมื่อตอนตีสอง

Natty Natcha : อย่าคิดว่ากูไม่รู้นะ
                     โทร.กลับด้วย
                     ไม่งั้นความลับมึงรั่วไหลแน่


ขู่ไอ้แมนแบบนี้ คิดว่าจะได้ผลเหรอครับ...

ผมเดินไปหยิบโทรศัพท์ที่หัวเตียงก่อนจะเดินออกจากห้องแล้วกดโทร.ออกหาเบื่อล่าสุดที่ได้รับสาย

ผมโทร.หาแนทครับ แต่ผมไม่ได้กลัวมันจริงๆ นะ

(ฮัลโหล) เสียงปลายสายงัวเงียเหมือนเพิ่งตื่นนอน ผมมองนาฬิกาที่บอกเวลาว่าเพิ่ง 8 โมงเช้า ก่อนจะกรอกเสียงลงไป
“มึงยังไม่ตื่นเหรอ ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูค่อยโทร.ไปใหม่เนอะ”
(มึงไม่ต้องเลย เคลียร์ให้จบแล้วกูค่อยนอนต่อก็ได้)
“กูไม่อยากฟังเสียงมึงพูดงัวเงียๆ”
(ไม่อยากมึงก็ต้องอยาก เมื่อวานนี้น้องแมทธิวใช่มะ?)
มึงรู้ได้ไงวะแนท!!? ผมตะโดนถามในใจเงียบๆ แต่ปลายสายกลับทำเหมือนอ่านใจผมได้
(มึงไม่ต้องสงสัยหรอกว่ากูรู้ได้ไง มึงชอบเอาคลิปน้องเขาทำนู่นนี่นั่นมาเปิดให้กูดู ทำไมกูจะจำเสียงน้องเขาไม่ได้)
“เออ แล้วไง”
(แล้วมึงไปรู้จัก มักจี่กับน้องเขาได้ไง)
“แล้วตอนคุยกับน้อง เขาไม่ได้เล่าอะไรให้มึงฟังเหรอ?”
(กูไม่ได้ถาม ตอนนั้นยังงงอยู่ สรุปว่าไง)
“ไว้เล่าตอนเจอหน้ากันได้ป่ะ”
(ไม่ได้! เล่าเลย กูอุตส่าห์ตื่นแล้ว)
“มันยาวว่ะแนท ไว้กูเล่าตอนบ่ายนะ กลับไปนอนเหอะ ฝันดี” ผมรีบชิงกดวางสายก่อนจะปิดโทรศัพท์แล้วเดินเข้าครัวบิลด์ อินขนาดเล็กในห้อง เพื่อไปหาอะไรกิน
ตู้เย็นห้องผมมีของกินเยอะมากครับ เนื่องจากป๊า แม่ และบรรดาเฮียของผมกลัวผมอดตาย ทุกครั้งที่กลับบ้านแกจะให้หิ้วของมา ทั้งๆ ที่ร้านสะดวกซื้อกับซุปเปอร์มาร์เก็ตก็ห่างจากหอระยะทางแค่เดิน 10 ก้าวก็ถึง
เหลือบมองในตู้เย็นที่ส่วนใหญ่เป็นขนมกับของสด ผมตัดสินใจหยิบไข่ไก่กับหมูบดออกมา แล้วหยิบโจ๊กสำเร็จรูปที่อยู่บนหลังตู้เย็นมาวางบนเคาน์เตอร์ ก่อนที่ผมจะตั้งหม้อบนเตาแก็ส และต้มน้ำให้เดือด

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

ใครมาแต่เช้าเลย ช่วงนี้ผมจะฮอทไปแล้วนะ

“สวัสดีครับ ผมซื้อน้ำเต้าหู้มาฝาก” ยิ้มละมุนของลูกครึ่งสวีเดนตรงหน้าทำให้ผมอยากเปิดประตู แล้วกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง น้องแมทธิวมาเคาะประตูห้องผมครับทุกคน ซื้อน้ำเต้าหู้มาฝากผมด้วย นอกจากจะหน้าตาดี แล้วยังนิสัยอบอุ่น เฟลนด์ลี่ ผมคิดไม่ผิดจริงๆ ที่หลงรักน้องเขาตั้งแต่แรกพบ
“อ้อ..อือ ขอบใจนะ” ผมรับถุงน้ำเต้าหู้มาถือไว้ น้องหมุนตัวทำท่าจะเดินกลับห้อง แต่ความโลภมากของผมทำให้ผมตัดสินใจเรียกชื่อรั้งน้องไว้
“แมทธิว!”

โอ้... ผมเรียกชื่อน้องต่อหน้าเขาเป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ย ต้องรวบรวมความกล้าจากไส้ตรงผ่านลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ กระเพาะอาหาร หลอดลม และกล่องเสียงเลยนะ กว่าจะทำให้เส้นเสียงสั่นเป็นคำว่าแมทธิวได้ คิดแล้วเขินจัง แฮ่กๆๆ

“...ครับ?” น้องเขาหันมาทำหน้างงๆ
“เข้ามามากินข้าวเช้าด้วยกันก่อนสิ” พูดออกไปแล้ว กรี๊ด.........
“ได้เหรอครับ” น้องแมทธิวยิ้มกว้างก่อนจะหมุนตัวกลับมาแล้วเดินผ่านตัวผมเข้ามาในห้องอย่างอารมณ์ดี ในขณะที่ผมลอบยิ้มเขินเหมือนคนโรคจิต

น้องแมทธิวอารมณ์ดี พี่แมนก็มีความสุขครับ


ผมรีบเดินนำน้องเข้าไปในครัว ก่อนจะจัดแจ้งต้มโจ๊กสำเร็จรูป ใส่หมู และตอกไข่ลงไปง่ายๆ ผมเหลือบมองร่างสูงทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง ก่อนจะเท้าแขนกับโต๊ะกินข้าว แล้วมองมาทางผม ทำให้ผมต้องเก๊กว่าไม่ได้มองน้องเขาอยู่
“โจ๊กคนอร์ กินได้ไหม?” ผมถือถ้วยโจ๊กวางตรงหน้าน้องเขา และตรงที่นั่งตัวเอง แมทธิวพยักหน้าให้ผมก่อนจะชวนผมคุย
“กินได้ ผมเป็นคนกินง่าย ปกติผมกินกาแฟแก้วเดียวแล้วก็ไปเรียนเลย แต่วันนี้ตื่นเช้าเลยลงไปข้างล่าง ได้แต่น้ำเต้าหู้มา” น้องว่าพลางชูถุงใส่น้ำเต้าหู้ของตัวเอง ผมหลบสายตาที่มองมาตรงๆ ของแมทธิวด้วยการหมุนตัวไปหยิบแก้วมาใส่น้ำเต้าหู้
“เอาขนมปังเพิ่มด้วยละกัน” ผมบอกแมทธิว ปล่อยให้น้องเทน้ำเต้าหู้ใส่แก้ว แล้วเดินไปหยิบเนย กับแยมออกมาตั้ง ก่อนจะจัดแจงทาเนยลงบนขนมปังและหย่อนมันลงในเครื่องปิ้ง
หลังจากที่ทำนู่นทำนี่เสร็จแล้ว ผมก็จำใจที่จะต้องมานั่งตรงข้ามน้องเขา แม้ว่าจะเขินแค่ไหนก็ตาม คุณเคยไหมครับ กับใครสักคนหนึ่งที่แค่เขามองคุณ คุณก็จะเขินเขาโดยไม่มีสาเหตุ ผมกำลังตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นเลยล่ะ ยิ่งน้องชวนคุย และยิ้มให้ ผมนี่ใจเต้นแรง ตัวเบาหวิวเหมือนจะบินได้เลยครับ

นึกถึงเพลงน้องดี เดอะดาวเลยครับ อยู่ข้างเธอแล้ว~ เหมือนตัวเบาๆ~ และมือไม้มันสั่น~ มันล่องลอย~

“พี่แมน พี่แมนครับ!” ผมสะดุ้งโหยงเมื่อน้องแมทธิวเอื้อมมือมาแตะหน้าผมเบาๆ ในขณะที่ผมเผลอจ้องหน้าน้องเขาแล้วคิดไปเชื่อมกับนิยายตัวเอง
“หือ!?”
“พี่แมนนี่ ใจไม่ค่อยอยู่กับตัวเลย มัวแต่คิดถึงพี่แนทเหรอ ฮ่าๆ ขอแยมให้ผมหน่อยครับ” แมทธิวส่งสายตาล้อเลียนมาให้ผมก่อนจะชี้นิ้วเลยไปยังกระปุกแยมข้างหลัง
“อ๋อ แยม” ผมเอี้ยวตัวไปหยิบกระปุกแยมแล้วเอามาวางไว้บนโต๊ะ ก่อนจะยกแก้วน้ำเต้าหู้กระดก

เฮ้ย เดี๋ยวนะ

เมื่อกี้น้องแมธทิวบอกว่าผมเหม่อคิดถึงไอ้แนทเหรอ?

“แค่ก แค่ก แค่ก” ผมถึงกับสำลักน้ำเต้าหู้ ถ้าทำได้ผมจะลุกไปโก่งคออ้วกเลยทีเดียว
“อ้าว เป็นไรครับ?” น้องรีบส่งแก้วน้ำเปล่าให้ผม ผมรีบกระดกก่อนจะเหลือบมองคนตรงหน้า
“แมทธิว...”
“ครับ?” แมทธิวหยุดเป่าโจ๊กแล้วเหลือบตามองผม
“สรุปคิดว่าฉันคบกับแนทจริงๆ ใช่ไหม?”
“อ้าว ไม่ใช่เหรอ ในไอจีกับเฟซก็มีรูปถ่ายติดพี่เยอะเลย” เออ ก็จริง แนทนะแนท ชอบทำให้ชาวบ้านคิดไปไกล

...หาประโยชน์กับเพื่อนฝูง!!!

 “ผมว่าน่ารักดีครับ พี่ดูเป็นคนเงียบๆ ส่วนพี่แนทก็ลุคดูสดใส ฮ่าๆ”
“อืม...” ผมลอบถอนหายใจ ทำไมน้องเขาชอบพูดถึงแนทบ่อยจังนะ

หรือว่าน้องเขา... จะชอบไอ้แนท!!?

“นี่หนังสืออะไรเหรอครับ?”
“!!!” ผมสะดุ้งอีกรอบแล้วมองตามมือของแมทธิวที่เอื้อมไปหยิบหนังสือเล่มหนึ่งที่ผมวางทิ้งไว้บนโต๊ะกินข้าวมาพลิกดูปก

ไม่นะ นั่นมันเป็นนิยายวายที่ผมเพิ่งซื้อมา!!

“อ๋อ นิยาย” หลังจากที่พลิกดูหน้าปกเล็กน้อยมือหนาก็วางลงก่อนจะก้มหน้ากินโจ๊กตามเดิม

เฮ้อ.... พี่แมนหัวใจจะวายอยู่แล้ว

“นายชอบอ่านนิยายไหม?” ผมตัดสินใจชวนคุยง่ายๆ แล้วเขี่ยหนังสือมาทางตัวเองเพื่อความปลอดภัย
“ก็อ่านได้นะครับ เวลาว่างๆ”
“อ่อ...” งั้นพี่แมนว่าน้องแมทธิวคงไม่อ่านนิยายเกย์หรอกมั้ง
“เอ้อ พี่แมนครับ!”
“ครับ!” ผมสะดุ้งเป็นรอบที่ล้านของเช้านี้พลางขานรับคำเรียก ก่อนจะจับหน้าอกตัวเองที่ใจเต้นรัวตุบๆๆ
“ฮ่าๆ พี่แมนสะดุ้งอีกแล้ว ตลกจัง” ร่างสูงหัวเราะจนตาปิด ก่อนจะมือหนาจะเท้าคางแล้วเอียงคอมองผม
“ก็..” …มัตตกใจนี่หว่า
“ผมแค่จะถามว่าวันนี้มีเรียนกี่โมง พี่จะได้ติดรถผมไปไง ผมมีเรียน 11 โมงครึ่ง”
“อ๋อ ยังไงก็ได้” แต่ผมมีเรียนตั้งบ่ายโมงเลยอ่ะ ช่างเหอะ ไปก่อนเวลาก็ไม่เสียหายอะไร โอกาสที่จะมีคนขับรถเป็นถึงเดือนคณะ ผมไม่อยากพลาดหรอก
“ให้ช่วยล้างอะไรไหมครับ?” คุยไปคุยมาอาหารง่ายๆ บนโต๊ะก็หมดโดยไม่ทันรู้ตัว ผมส่ายหน้ารัวๆ แทนคำตอบก่อนจะกระดกน้ำเต้าหู้อึกสุดท้ายลงท้อง
“งั้นถ้าผมจะไปเดี๋ยวมาเคาะประตูเรียกนะครับ ขอบคุณสำหรับมื้อเช้าครับ ไว้จะมาฝากท้องอีกนะ” แมทธิวลุกออกไป แล้วโบกมือลาผมเบาๆ

ฮือ น้องแมทธิวน่ารักเกินไปแล้ว


ผมจัดแจงส่งข้อความไปหาแนทให้รีบไปมอ แทนการการโทร.ไปบอกเพราะเมื่อเช้าผมตัดสายมัน และผมขี้เกียจฟังมันบ่น ประมาณ 11 โมงน้องแมทธิวก็มาเคาะประตูหน้าห้องผม และเดินไปขึ้นรถด้วยกัน
น้องแมทธิววันนี้ ใส่เสื้อนักซึกษากับกางเกงยีนส์สีซีดผิดระเบียบ แต่อภัยได้เพราะน้องเขาหล่อ ที่สำคัญน้องยังใส่รองเท้าผ้าใบและสะพายกระเป๋าเป้ Adidas ยี่ห้อที่ผมชอบ และมีสายหูฟัง Beat เป็นพร๊อบประดับ หล่อเท่ มีสไตล์สุดๆ ยิ่งขับรถหรูๆ ไปมหาวิทยาลัย ยิ่งเด่นเข้าไปใหญ่

ผมโชคดีจังที่ได้เป็นตุ๊กตาหน้ารถของน้องเขา กรั่กๆ

“ขอบใจที่มาส่งนะ” ผมพูดเบาๆ แมทธิวพยักหน้ารับแล้วหัวเราะน้อยๆ
“ฮ่าๆ พี่พูดเหมือนเมื่อวานเลย” ผมรีบหลบสายตาอบอุ่นละมุนละไมคู่นั้นก่อนจะก้าวลงจากรถแล้วเดินมองหาแนทในโรงอาหาร

นั่นไง นั่งอยู่กับแก๊งนางฟ้า ท่าทางมันจะเห็นผมแล้ว ถึงได้โบกมือให้เพื่อนในกลุ่มแล้วลุกออกจากโต๊ะเดินมาทางผม

“แมน มึงทำกูแสบมากนะ” แนทกดเสียงต่ำ ผมมองซ้ายมองขวา เริ่มรู้สึกว่ามีคนมองมาทางผมกับแนทเยอะพอสมควร จึงพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบร่างเล็กที่วันนี้ใบหน้าจัดเต็ม
“ไปร้านกาแฟหน้ามอดีไหม คนน้อยๆ ค่อยๆ คุย”
“คุยตรงนี้แหละ กูว้อนท์ และใจร้อนมาก”
“เดี๋ยวกูเลี้ยงเองแนท”
“...เออ ไปก็ไป”





สวัสดีค่า เมื่อวานด้วยความขี้เกียจจึงไม่ได้อัพทั้งๆ ที่ตั้งใจจะอัพวันละตอน ฮ่าๆๆ เห็ดเช็คคอมเม้นท์ทุกวันเลยค่ะ เห็นคนมาเม้นท์นี่ดีใจเหมือนมงลงหัว เมื่อวานได้ดูเดอะเฟซกันไหมคะ ต่อไปนี้เรียกเราว่า "เห็ดช่า" นะคะ (ล้อเล่น) ไปแล้ว สุขสันต์วันเด็กย้อนหลังค่าาา  :katai5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: รักใสๆ ของนายแมน | up ch.3 (10/1/59)
« ตอบ #9 เมื่อ: 10-01-2016 10:08:51 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Alice111

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
Re: รักใสๆ ของนายแมน | up ch.3 (10/1/59)
«ตอบ #10 เมื่อ10-01-2016 14:42:45 »

เนื้อเรื่องน่าสนุกมาก น่ารักใสๆ พี่แมนกับน้องแมททิวแล้วแนทละลือไปลือมาระวังนะ จะซั่มกันจริงๆ ฮาๆ
ปล.ถ้าเว้นบรรทัดจะอ่านง่ายและฟินมากค่ะ  ชอบ ชอบ น่ารักดี  :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

+ 1 แต่งออกมาได้น่ารักกุ๊กกิ๊กดีค่ะ

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
Re: รักใสๆ ของนายแมน | up ch.3 (10/1/59)
«ตอบ #11 เมื่อ10-01-2016 15:13:16 »

 :o8: :o8:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: รักใสๆ ของนายแมน | up ch.3 (10/1/59)
«ตอบ #12 เมื่อ10-01-2016 15:26:57 »

หนุกดีๆๆ. น้องแมทน่าสงสารมีปมเรื่องเกย์ อิอิ

ออฟไลน์ nevergoodbye

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
Re: รักใสๆ ของนายแมน | up ch.3 (10/1/59)
«ตอบ #13 เมื่อ10-01-2016 16:09:17 »

แมน เธอโชคดีมากนะยะ มีไม่กี่คนหรอกที่ได้ใกล้ชิดกับคนที่แอบชอบขนาดนี้   :hao5:

ออฟไลน์ เห็ดหอม:)

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
    • นิยายของเห็ดหอม
Re: รักใสๆ ของนายแมน | up ch.4 (11/1/59)
«ตอบ #14 เมื่อ11-01-2016 18:01:25 »

Chapter 4 : It must be love




“ชาเขียวสองครับ” ผมเงยหน้าสั่งพนักงานหน้าตารุ่นราวคราวเดียวกัน ก่อนจะหันไปถามคนที่นั่งหน้าหงิกตรงหน้า

“เอาเค้กไหม?”

“ไดเอทอยู่”

“งั้นเอาเค้กมะพร้าวมาหนึ่งครับ” ผมเค้กสั่งปิดท้าย ก่อนจะหันไปสบกับดวงตาที่ติดขนตางอนเป็นแพประหนึ่งกันสาด

“กูเห็นนะ” แนทส่งสายตาคาดคั้น ผมไหวไหล่เบาพลางเลิกคิ้วพร้อมถามคำถาม

“เห็นอะไร?”

“มึงนั่งรถมากับน้องแมทธิว”

“อือ แล้วไง”

“เล่ามาให้หมด ก่อนที่กูจะไปบอกน้องแมทธิวว่ามึงคลั่งน้องเขามากถึงขั้นมีคอลเลคชั่นรูปน้องเขาทุกงาน”

“...กูต้องทำตามที่มึงขู่?” ผมถามพลางหันไปรับชาเขียวกับเค้กมาวางบนโต๊ะ

“หรือมึงจะไม่ทำ?”

“เออ เล่าก็ได้” สุดท้ายผมก็เล่าหมดเปลือก ตั้งแต่ตอนเย็นของเมื่อวานซืน เช้าของเมื่อวาน เย็นของเมื่อวาน และตอนเช้าของวันนี้ แนทมีท่าทีตกใจ โอเวอร์แอคติ้งเป็นระยะๆ แทรกด้วยการยิ้มแซวผมยามที่ผมเล่าว่าน้องยิ้มสวยแค่ไหน

“นี่มันพรหมลิขวิดชัดๆ ว่ะแมน”

“พรหมลิขิตเถอะ มึงอย่าเอามุกในนิยายกูมาเล่นเลย ขอร้อง” ผมเลื้อยตัวลงกับโต๊ะ และซุกใบหน้าอมยิ้มลงกับแขนตัวเอง

ผมก็ว่ามันเหมือนพรหมลิขิตถ้าไม่ติดว่า…

“แนท แต่น้องเขาคิดว่ากูเป็นแฟนมึงว่ะ”

“เอ้า แล้วมึงไม่บอกเล่าว่าไม่ใช่” แนทโวยวายแล้วจ้วงเค้กเข้าปาก ไหนว่าไดเอท

“กูจะแน่ใจได้ไงว่ามึงไม่มาด่ากูทีหลัง”

“เอ๊า มึงนี่ก็... ถ้าเป็นคนที่มึงชอบก็ไม่เป็นไรหรอกน่า เดี๋ยวกูค่อยสร้างกระแสกลบเอาทีหลัง” แนทดีดหน้าผากผมเบาๆ พลางเอามือเท้าคาง

“ลึกๆ กูแค่คิดว่าถ้าน้องเขาคิดว่ากูเป็นแฟนกับมึง กูจะได้เข้าใกล้น้องเขามากขึ้นว่ะ” ผมพูดงึมงำๆ แล้วช้อนตามองแนท

“ทำไมวะ?”

“ก็น้องเขาเกลียดเกย์ ถ้าเขาคิดว่ากูมีแฟนแล้วเขาก็จะได้ไม่สงสัยในตัวกู แล้วก็...”

“แล้วก็อะไร?”

“น้องเขาพูดถึงมึงบ่อย กูแค่คิดว่าน้องเขาชอบมึงหรือเปล่าวะแนท”


ปั่ก!


“โอ๊ะ!” แนทเอามือเขกหัวผมแรงๆ แล้วขยี้ผมสีน้ำตาลมะฮอกกานีที่สีเริ่มหลุดแล้ว ก่อนจะก้มหน้าลงมาอยู่ในระดับเดียวกับผม

“มึงนี่เก่งแค่หลังคีย์บอร์ดสินะ ตัวจริงนี่อ่อนหัดซะจริ๊ง”

“ด่ากูอีก” ผมเบะปากแล้วถอนหายใจ

เฮ้อ... ก็ผมบอกแล้วว่าชีวิตจริงมันไม่ได้ง่ายเหมือนในนิยายซะหน่อย





18.20 น. วันเดียวกัน

ผมเดินสะโหลสะเหลกลับหอด้วยสภาพเนือยๆ เหม่อมองท้องฟ้าที่ยังมีแสงแดดสีส้มๆ ของดวงอาทิตย์ที่ใกล้ลาลับขอบฟ้าแล้วก็คิดถึงป๊า กับแม่แล้วก็เฮียฮวง เจ๊หยง ป่านนี้เจ๊หยงกับแฟนคงกลับบ้านแล้ว ส่วนป๊ากับแม่ก็นั่งเช็คบัญชี ผมคงต้องหาเวลากลับบ้านบ้างแล้วแหละ ไว้สอบมิดเทอมเสร็จผมจะกลับเลย ดีไหมนะ?


ปริ๊น! ปริ๊น! ปริ๊น!


เสียงแตรรถที่อยู่ๆ ก็ดังขึ้นทำเอาผมสะดุ้งแทบตกฟุตบาท ร่างสูงและใบหน้าฝรั่งที่คุ้นตาชะโงกออ   กมาจากรถก่อนจะเอ่ยทักผม

“พี่แมน ไปด้วยกันไหม?” ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะพาตัวเองขึ้นนั่งบนรถ

“แวะไหนซุปเปอร์ก่อนได้ไหมครับ?” แมทธิวหันมาถามผมที่นั่งเหม่อมองออกไปนอกรถด้วยไม่อยากมองใบหน้าหล่อๆ นั้นให้ใจเต้น ผู้ชายอะไรไม่รู้ หล่อขนาดผู้ชายด้วยกันยังใจเต้น

“เอาสิ” หลังจากนั้นแมทธิวก็เลี้ยวรถเข้ายังที่จอดรถแล้วเดินไปดึงรถเข็น ก่อนจะเข็นมันเดินเข้าไปในซุปเปอร์มาร์เก็ต

ผมเดินตามแมทธิวที่เข็นรถเข็นไปแถวๆ โซนของใช้ส่วนตัว มองร่างสูงหยิบนู่นนี่นั่นใส่ตะกร้าก่อนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้

“แมทธิว”

“ครับ” ร่างสูงหันมาตามเสียงเรียก ผมลังเลนิดหน่อยว่าจะพูดดีไหมแต่ก็ตัดสินใจพูดออกไปเพราะเกรงใจคนที่อุตส่าห์หันมาขานรับ

“อยากกินอะไรไหม ฉันจะซื้อขึ้นไปทำ”

“พี่ทำอาหารเป็นเหรอ???” แมทธิวแสดงสีหน้าประหลาดใจ ดูถูกกันเกินไปแล้วนะครับ นี่ใคร นี่พี่แมนนะ พี่ทำได้ตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ พร้อมดูแลน้องแมทธิวตลอดชาตินั่นแหละ

“ก็พอได้” ผมเม้มปากเล็กน้อย และเลือกที่จะพูดถ่อมตัวเอง


ขี้อวดไม่ใช่นิสัยผมครับ แต่ถ้าโลกออนไลน์ล่ะก็ไม่แน่

ก็อย่างที่แนทมันว่าผมแหละครับ ผมมันกร่างแค่หลังคีย์บอร์ด


“อยากกินคาโบนาร่า งั้นไปแถวๆ โซนของสดกัน” พูดจบน้องแมทธิวก็เข็นรถเขนเดินนำผมไป ผมสะกิดแขนน้องสองสามครั้งเป็นเชิงให้หยุด เพื่อจะไปหยิบเส้นสปาเกตตี

หลังจากนั้นน้องก็ปล่อยให้ผมเดินนำไปหยิบนู่นหยิบนี่ โดยมีตัวเองเข็นรถเข็นตาม ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังอมยิ้มแก้มปริ เพราะฉากเดินช็อปปิ้งในห้างนี่มันฉากในนิยายผมชัดๆ หวานแหววสุดๆ

“แก ดูผู้ชายคู่นั้นสิ อย่างกับคู่แต่งงานใหม่มาซื้อของเข้าบ้าน”

“เกย์รึเปล่าอ่ะส้ม”

“ฉันว่าใช่นะชมพู่ ดูสิ รุกเดินตามต้อยๆ อยู่ในโอวาทสุดๆ” ผมหันขวับไปมองตามเสียงผู้หญิงที่ดังมาจากข้างหลัง เจ้าหล่อนยังไม่รู้ตัวว่าผมได้ยิน รวมถึงคนที่เลือกชีสอยู่ข้างๆ ผมที่ยังสับสนว่าจะเอายี่ห้อไหนดี ผมมองข้างๆ ที ข้างหลังที เพราะกลัวว่าร่างสูงข้างๆ ได้ยินแล้วจะถลาไปเอาเรื่องชะนีปากเสียข้างหลัง แม้ส่วนตัวผมจะฟินมากก็ตาม ดังนั้น จึงตัดสินใจสะกิดร่างข้างๆ อีกรอบ


วันนี้สะกิดน้องแมทธิวตั้งสองรอบ ผมว่าจะไม่ล้างมือข้างที่สะกิดน้องเขาล่ะครับ

...แลดูโรคจิตเนอะ ผมล้อเล่นครับ

“แมทธิว ไปเลือกเนื้อหมูรอเลย เดี๋ยวฉันเลือกชีสเอง” ผมออกปากไล่ให้น้องเดินไปจากตรงนี้ น้องทำหน้างงๆ ใส่ผมแต่ก็ยอมเดินนำไปแต่โดยดี ผมหันขวับไปมองกลุ่มผู้หญิง 2 คนที่มองมาทางผม ทำให้ผมสบตากับพวกเธอพอดี

“ชู่...” ผมทำเสียงชู่เบาๆ แล้วยิ้มให้พวกเธอ รู้สึกพึงพอใจระดับสิบ ที่มีคนมองว่าผมกับแมทธิวดูเหมือนคู่รักกัน


เดี๋ยวเอาเหตุการณ์วันนี้ไปใส่เพิ่มในนิยายดีกว่า คิกคิก



กว่าผมกับแมทธิวจะซื้อของเสร็จก็เกือบทุ่มนึง ผมช่วยแมทธิวหิ้วของขึ้น พร้อมด้วยความรู้สึกบวก จนหุบยิ้มไม่ได้ แมทธิวเข้าเกียร์ถอยพลางหันมามองหน้าผม แล้วหัวเราะ

“มีอะไรหรือเปล่า?”

“หือ? อ๋อ ผมเห็นพี่อมยิ้มตั้งแต่อยู่ข้างในแล้ว พี่นั่นแหละมีอะไรหรือเปล่า?”

“เปล่า...” ผมเสมองไปนอกหน้าต่างรถและเท้าแขนกับประตูรถแล้วลอบอมยิ้ม ก่อนที่รถจะขับเข้าหอในเวลาไม่กี่นาที





“อ้าว แมทธิว กลับซะดึกเลยเหรอวะ?” ทันทีที่เดินเข้ามาในหอก็เจอกับรุ่นน้องปี 1 คนหนึ่งที่เพิ่งเล่นฟิตเนสเสร็จ ผมจำหน้าน้องเขาได้ เจอกันบ่อยๆ แต่ผมไม่รู้จักน้องเขา

“อืม แวะซุปเปอร์มากับพี่เขามา” แมทธิวชี้นิ้วมาทางผม ขณะที่เรากำลังเดินไปขึ้นลิฟต์

“ใครวะ อ๋อ พี่นี่เอง พี่จำผมได้ป่ะ? เราเจอกันบ่อยๆ” ผมที่พยายามสิงตัวเองกับผนังลิฟต์แล้วถูกชวนคุยอย่างเลี่ยงไม่ได้ เมื่อเป็นดังนั้น ผมจึงพยักหน้ารับน้อยๆ ก่อนจะแกล้งเอาโทรศัพท์มากดเล่น

“พี่เขาชื่อแมน เป็นรุ่นพี่คณะกู พี่แมน นี่โต้” ผมพยักหน้าส่งๆ มือทำหน้าที่เลื่อนโทรศัพท์ไปเรื่อย ตาก็ไม่ยอมเงยขึ้นมอง

“แค่รุ่นพี่เหรอวะ!?” โต้โพล่งออกมา ผมแทบจะสิงกำแพงด้วยความเขิน


ช่วงนี้คนชงบ่อยเกิ๊น เดี๋ยวผมก็หลงรักน้องแมทธิวจริงๆ ซะหรอก

“มึงนี่ เดี๋ยวกูเตะปากแตก” แมทธิวทำท่าจะชกโต้ ซึ่งโต้ก็รับมุกด้วยการตั้งการ์ดแล้วหัวเราะลั่น แต่ผมนี่ เริ่มรู้สึกอารมณ์ติดลบลงทีละนิดและ

“ฮ่าๆๆๆ”


ติ๊ง!

ในที่สุดลิฟต์ก็ถึงชั้นที่ผมอยู่ ผมเดินแทรกออกมาคนแรก เหลือบมองเงาตัวเองในลิฟต์ว่าเก๊กหน้านิ่งพอหรือยัง พอเห็นแล้วก็อารมณ์เสียกว่าเดิม

ไอ้หน้าจืด หน้าบูดเป็นตูดลิงนั่นมันใครวะ เซ็ง!!!

ผมเดินนำไปที่ห้อง ก่อนจะไขกุญแจห้องแล้วเปิดเข้าไป แมทธิวก้าวยาวๆ ตามผมมาแล้วดันประตูห้องที่ผมเตรียมจะปิด

“เดี๋ยว พี่แมน”

“....” ผมตวัดตามอง เห็นนัยน์ตาสีเทาฉายแววรู้สึกผิดก็ใจวูบ

“พี่อย่าโกรธไอ้โต้มันเลยนะ” น้องแมทธิวส่งแววตาเว้าวอนมายังผม ผมตัดสินใจเลิกดันประตูแล้วปล่อยให้แมทธิวเดินตามเข้า

“ผมเข้าใจนะ เวลาใครมาว่าเราเป็นเกย์ เราก็ต้องโกรธเป็นธรรมดา ผมเองก็ไม่ชอบเกย์”

กรี๊ด นั่นแหละที่พี่โกรธ ไม่เกี่ยวกับน้องโต้หรือใครทั้งนั้น จะย้ำอะไรนักหนาว่าไม่ชอบเกย์ครับน้องแมทธิว

“แต่ไอ้โต้มันล้อเล่น อย่าไปใส่ใจเลยนะครับ” แมทธิวยิ้มหวานแล้วเดินถือถุงตามผมเข้ามาในครัว ผมถอนหายใจก่อนจะหาข้ออ้างให้ตัวเอง

“เปล่า พี่ไม่ได้โกรธ แต่พี่คุยกับใครไม่เก่งเฉยๆ” เออ มันเกี่ยวกันไหมวะ มันต้องเกี่ยวนั่นแหละ ผมรื้อสารพัดเครื่องเทศออกมาวางบนเคาน์เตอร์ ก่อนจะไปหยิบอุปกรณ์ทำอาหารออกมา

“ต้มเส้นสปาเกตตีให้ที” ผมพูดสั้นๆ แล้วจัดแจงเตรียมนู่นนี่นั่น

และแล้วผมก็เข้าโหมดจริงจัง ตอนนี้วิญญาณซังกุงได้เข้าสิงผมแล้ว ทุกท่านจงเรียกผมว่า แมนซังกุง นะครับ

ผมเตรียมเครื่องปรุง และส่วนผสมใส่ถ้วยรอไว้ ตอนนี้ผมกำลังหั่นชีสแผ่นแบบรัวๆ ซอยยิกๆ ประหนึ่งเชฟมืออาชีพ แต่พอดีผมยังไม่ถึงขั้นนั้นมีดเลยแฉลบบาดมือผมอย่างจัง

“โอ๊ย..” ผมสะดุ้งตัวโยน รีบชักมือหนีแล้วขว้างมีดออกจากมือร่วงกับพื้นโต๊ะดังเคร้ง จำได้ว่าตอนเรียนชีวะ สมัยมัธยมปลายเขาเรียกอาการนี้ว่า รีเฟลกซ์ แอคชั่น แมทธิวที่กำลังเทน้ำอออกจากหมอต้มสปาเกตตีหันมามองผมอย่างตกใจก่อนจะรีบวางหม้อแล้วเดินเข้ามาดู

แหม อย่างกับฉากในนิยายอีกและ นี่ถ้าน้องแมทธิวก้มลงดูดเลือดที่นิ้วผมซะหน่อย ก็จะคุ้มกับที่โดนมีดบาดมากเลยนะครับ

“เฮ้ย พี่แมน มานี่ๆ ล้างน้ำก่อน”

แต่ชีวิตจริงมันไม่ได้โรแมนติคเหมือนในนิยาย แมทธิวลากผมไปที่ซิงค์แล้วกดน้ำให้ไหลผ่านแผล ก่อนจะเดินไปตามหาพลาสเตอร์แปะแผล

“พี่แมนๆ ห้องพี่มีพลาสเตอร์ไหมครับ?”

“อยู่ในกล่องใต้ชั้นวางทีวี” ผมตะโกนไป พลางก้มมองเลือดที่ไหลไปกับสายน้ำจากก๊อกและเข่นเขี้ยวฟันอย่างโกรธตัวเอง

น้องแมทธิวเขาทำถูกแล้วล่ะครับ ขืนมัวเอาปากมาดูดเลือดให้ผม เชื้อโรคในน้ำลายได้โดนแผลพอดี นึกแล้วเสียดายความโรแมนติก ฮือ...


ในที่สุดน้องแมทธิวก็กลับมาพร้อมพลาสเตอร์แปะแผลและทิชชู่ น้องวางทั้งสองอย่างลงบนโต๊ะ เป็นเชิงให้ผมทำเอง ก่อนจะเดินกลับไปดูหม้อต้มสปาเกตตี ผมเบะปากน้อยๆ นึกขัดใจที่อะไรๆ กลับไม่เหมือนในนิยาย แต่ก็ก้มหน้ารับชะตากรรม แล้วทำแผล ก่อนจะกลับมาหยิบกระทะเตรียมผัดเส้นเข้ากับเครื่อง


.
.
.

หลังจากที่สปาเกตตีเสร็จผมก็เดินถือจานไปหน้าทีวี พลางชวนให้น้องแมทธิวมานั่งด้วยกันเพราะไม่อยากนั่งจ้องหน้าเงียบๆ ที่โต๊ะอาหาร ผมเปิดทีวี เพื่อสร้างบรรยากาศไม่ให้เงียบจนเกินไป เสียงพากย์บอลดังลอดเป็นเสียงแรก ทำให้ผมคว้ารีโมทเตรียมจะเปลี่ยนช่อง

“อ้าว นี่มันแมตช์เมื่อคืนเอามารีรันนี่นา ผมยังไม่ได้ดูเลย” นั่นแหละครับ สุดท้ายผมก็ไม่ได้เปลี่ยนช่อง นั่งดูยาวไปเรื่อยจนกระทั่งกินหมดจานก็ยังไม่จบ สุดท้ายผมจึงผล็อยหลับไปคาทีวี



ผมตื่นมาอีกครั้ง ได้ยินเสียงโคร้งเคร้งในครัวจึงลุกขึ้นไปดู เห็นร่างสูงของน้องแมทธิวถกแขนเสื้อล้างจานอย่างขะมักเขม้น จึงรีบล้วงโทรศัพท์มาแชะภาพเบาๆ ก่อนจะรีบบอกให้น้องหยุดล้าง

“ทิ้งไว้เถอะ เดี๋ยวฉันล้างเอง” ผมเดินเข้าไปชะโงกหน้าดู จังหวะเดียวกันนั้น แมทธิวก็หันมาพอดี

“จะเสร็จแล้วครับ” ผมงี้แทบหัวใจวาย หน้าน้องแมทธิวระยะใกล้ห่างกันไม่กี่เซ็น เห็นขนตาเป็นแพชัดเจนจนผมต้องรีบถอยกรูดไปตั้งหลัก ก่อนจะครางรับในลำคอ

“อือ ขอบใจ” ผมเดินกลับมาทหน้าทีวีอีกครั้งแล้วเหลือบมองนาฬิกาที่ผนังบอกเวลาสามทุ่มนิดๆ บอลจบไปแล้ว และดูเหมือนว่าผมจะหลับยาวมาก

ในที่สุดเสียงโคร้งเคร้งในครัวก็เงียบลง ผมเดินกลับไปดูอีกทีก็เห็นว่าแมทธิวคว่ำทุกอย่างไว้บนชั้นให้ผมแล้ว เดินกลับมาล้างมือ ผมมองภาพเหล่านั้นเงียบๆ อย่างเคลิบเคลิ้ม ไม่คาดฝันว่าชีวิตนี้ อยู่ดีๆ คนที่ตัวเองคลั่งอย่างสุดกู่จะมากินข้าว ล้างจาน พาไปเรียน รับกลับหอ ฟินสุดๆ จนอยากหยุดเวลาไว้แค่นี้เลยทีเดียว

“พี่แมน ผมกลับห้องนะครับ” แมทธิวส่งยิ้มให้พลางเช็ดมือกับผ้าเช็ดมือ ผมพยักหน้าเบาๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองทำหน้าเคลิ้มไปแค่ไหน แมทธิวเดินออกจากครัวไปหยิบกระเป๋าหน้าทีวีก่อนจะเปิดประตู และไม่ลืมหันกลับมาบอกลาผมเป็นครั้งสุดท้าย

“ฝันดีล่วงหน้าครับ” ผมพยักหน้ารับอีกครั้ง ก่อนจะตอบกลับสั้นๆ

“เช่นกัน”


แกร๊ก!
.
..

....กรี๊ดดดด!!!


พี่แมนคิดว่าพี่แมนคงไม่ได้นอนเพราะน้องแมทธิวนั่นแหละครับ





.
.
.
ฮัลโหลๆ เห็ดคัมแบ็คค่ะ มาบ่อยๆ เบื่อกันแล้วมั้ง กรั่กๆๆ (คุยคนเดียวตลอด) ลองเว้นบรรทัดตามคำแนะนำแล้วค่ะ อ่านง่ายขึ้นจริงๆ ด้วย ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นค่ะ :pig4: มันเป็นกำลังใจที่ดีมาก... ไปแล้วนะคะ ด้วยรัก จากเห็ดหอม

ปล. เราอ้างคอมเม้นท์มาตอบไม่เป็น ขอโทษด้วยค่ะ  :z6:

ออฟไลน์ Alice111

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
Re: รักใสๆ ของนายแมน | up ch.4 (11/1/59)
«ตอบ #15 เมื่อ11-01-2016 18:09:08 »

พี่แมนอุตสาฟินแต่มาตกม้าตายตกน้องแมททิวบอกว่าเกลียเกย์นี่แหละเขาบอกว่าเกลียดสิ่งใดจะได้สิ่งนั้นนะน้องแมททิว ได้พี่แมนชัวๆ ฮาๆ ออกตัวเชียร์พี่แมน  :mc4:
พี่แมนแกก็เนียนเก่งจริงๆนะอยากอยู่ใกล้ๆน้องเขา :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

+1

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
Re: รักใสๆ ของนายแมน | up ch.4 (11/1/59)
«ตอบ #16 เมื่อ11-01-2016 19:03:36 »

 :o8: :o8: :o8: :o8:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: รักใสๆ ของนายแมน | up ch.4 (11/1/59)
«ตอบ #17 เมื่อ11-01-2016 19:04:37 »

สวีทกันเชียว อิอิ

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
Re: รักใสๆ ของนายแมน | up ch.4 (11/1/59)
«ตอบ #18 เมื่อ11-01-2016 20:17:57 »

พี่แมนควรรีบเอาหมอนข้างน้องแมทธิวไปหลบไว้ในหลืบนะคะ

นี่ล่ะกลัวใจว่าถ้าน้องมาเจอมันจะกลายเป็นนิยายเอสเอ็มแทนรักใสๆ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: รักใสๆ ของนายแมน | up ch.4 (11/1/59)
«ตอบ #19 เมื่อ11-01-2016 21:35:20 »

เมื่อไรน้าาา น้องจะเข้าใจตัวเอง จะดราม่าไหมอ่ะะะ
 :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: รักใสๆ ของนายแมน | up ch.4 (11/1/59)
« ตอบ #19 เมื่อ: 11-01-2016 21:35:20 »





ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
Re: รักใสๆ ของนายแมน | up ch.4 (11/1/59)
«ตอบ #20 เมื่อ11-01-2016 23:01:26 »

ทำไมฟิลมันเหมือนน้องกำลังเนียนเข้าหาหว่า?

ออฟไลน์ Mintny14891

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
Re: รักใสๆ ของนายแมน | up ch.4 (11/1/59)
«ตอบ #21 เมื่อ11-01-2016 23:06:51 »

 :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ เห็ดหอม:)

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
    • นิยายของเห็ดหอม
Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼ | up ch.5 (13/1/59)
«ตอบ #22 เมื่อ13-01-2016 18:29:00 »

Chapter 5 : That’s impossible.





นี่มันครั้งที่เท่าไรแล้วนะที่เด็กฝรั่งคนนี้มันเดินเข้าออกห้องผมโดยไม่มีการเคาะประตูล่วงหน้า

“พี่แมน ผมยืมสมุดเลคเชอร์ของปราณีตหน่อย มะรืนนี้มีควิซย่อย” ร่างสูงในกางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดสีขาวเดินเข้าในห้องแล้วแวะเปิดตู้เย็นหยิบน้ำเย็นออกมากิน

“รอแป๊บนึง” ผมว่าพลางเร่งเช็คคำผิดนิยายหน้าสุดท้าย แต่ก็มีเสียงทุ้มดังขึ้นข้างหูซะก่อน

“ทำอะไรอยู่เหรอครับ?” แมทธิวชะโงกหน้ามามองหน้าจอโน๊คบุ๊ก ทำเอาผมสะดุ้งโหยง และรีบพับหน้าจอโน๊ตบุ๊กแทบไม่ทัน ผมลุกพรวดก่อนจะชี้นิ้วสั่งร่างสูงให้นั่งรอ

“รอแป๊บนึง เดี๋ยวเข้าไปหยิบในห้องนอนมาให้” ว่ากันว่าผู้ชายมักสนิทกันเร็ว แต่ผมก็ไม่คิดว่าเวลาแค่หนึ่งอาทิตย์นิดๆ จะทำให้เดือนคณะอย่างแมทธิวมาสนิทกับผมได้ง่ายขนาดนี้ ผมสามารถโต้ตอบกับแมทธิวได้ยาวขึ้น และมีภูมิคุ้มกันดวงตา ใบหน้า และรอยยิ้มสูงขึ้น ยกเว้นในระยะประชิดอ่ะนะ ที่ผมยังแพ้ทางน้องอยู่

“ผมเข้าไปดูห้องนอนพี่ด้วยได้ไหมอ่ะ?” เสียงแมทธิวตะโกนดังมาจากข้างนอก ผมที่กำลังรื้อกองหนังสือใจเต้นรัว เหลือบมองไปเห็นรูปแต่ละอากัปกิริยาของร่างสูงที่ถูกอัดใส่กรอบวางไว้ทั่วห้อง และรูปอัดโพราลอยด์ที่แปะตามผนัง กับหมอนข้างลายหน้าแมทธิว ทำให้ต้องรีบตะโกนตอบทันควัน

“ไม่ได้ ห้ามเข้า ถ้าเข้ามาก็ไม่ต้องมาห้องฉันอีก” ผมตบปากตัวเองเบาๆ ที่ไม่ทันคิดก่อนพูด ปากไวกว่าใจตลอด ร่างสูงอึดใจหนึ่ง ในขณะที่ผมยังหาสมุดเลคเชอร์ไม่เจอ

“ผมล้อเล่นเฉยๆ เอง พี่แมนใจร้ายจัง” ผมถอนหายใจเบาๆ อย่างน้อยน้องเขาก็ไม่โกรธเคืองอะไรผม คงจะชินแล้วล่ะมั้ง

“โอ๊ะ พี่แมน รูปล็อคสกรีนพี่นี่มัน...” ผมสะดุ้งอีกครั้ง เหงื่อแตกพลั่ก ทั้งๆ ที่แอร์ก็เย็น คว้าสมุดที่ในที่สุดก็หาเจอ ก่อนจะบึ่งรีบออกจากห้องนอนไปเห็นร่างสูงที่ถือโทรศัพท์ผม โชว์ภาพหน้าจอหราเป็นรูปคู่ผมที่ทำหน้าเอ๋อๆ กับแนทที่มุมกล้องเป๊ะสุดๆ

“เฮ้อ....” ผมถอนหายใจออกมาแรงๆ โชคดีมากที่แนทแอบมาเปลี่ยนเล่นไว้ เพราะอยากแกล้งผมเล่น เพราะผมจำได้ว่ารูปหน้าจอที่ผมตั้งเป็นรูปแมทธิวตอนสมัยรับน้อง

“ฮั่นแน่... เขินเหรอครับ เขินทีไรพี่แมนหน้าแดงทุกที ไม่ต้องเขินหรอกครับ รูปนี้พี่ก็น่ารักดีนะ ฮ่าๆๆ” ผมมองใบหน้าลูกครึ่งที่หัวเราะร่า ก่อนจะทิ้งสมุดเลคเชอร์ลงกับโต๊ะแล้วนั่งเอนหลังกับโซฟา

หัวใจพี่แมนจะวายเสียให้ได้เลย

“เออ พี่แมน พรุ่งนี้ให้ผมไปส่งหรือเปล่า?” เพราะผมติดรถแมทธิววนจนครบทุกวันจันทร์ถึงศุกร์แล้วทำให้ต่างคนต่างพอจำเวลาของแต่ละคนได้ ผมส่ายหน้าน้อยๆ จำได้ว่าวันนี้แมทธิวมีเรียนบ่าย แต่ผมมีเรียนเช้า

“ไม่เป็นไร เกรงใจ” ผมว่าพลางยกโน๊ตบุ๊กที่อยู่บนโซฟาไปวางบนโต๊ะเพื่อให้เหลือที่ว่างให้แมทธิวนั่ง

“ไม่ต้องเกรงใจหรอก พรุ่งนี้ผมนัดทำรายงานกับเพื่อน แต่พี่ไปก่อนเวลาสักครึ่งชั่วโมงได้ไหมอ่ะ”

“อืม ตามใจนายเลย” ผมว่าพลางหลับตาช้าๆ เพื่อทำสมาธิเรียกขวัญที่กระเจิงให้กลับเข้าร่างตัวเอง

ขวัญเอ๋ย ขวัญมานะไอ้แมน

“พี่แมนครับ”

“หือ?”

“พี่แมนเป็นแฟนกับพี่แนทได้ไงเหรอ?” ผมลืมตาขึ้นเล็กน้อย แล้วเหลือบมองคนข้างๆ ที่นั่งขัดสมาธิตั้งใจฟัง

จะตอบไงวะเนี่ย ไม่ได้เป็นแฟนกับแนทจริงๆ ซะด้วย

“ฉันเป็นเพื่อนสมัยเด็กกับแนท” ผมหลับตาลงอีกครั้ง ไม่อยากสบตาสีเทาคู่นั้น เบื่อ เห็นแล้วใจสั่น หวั่นไหว

“แล้วก็เลยเป็นกันเหรอ?”

“ไม่ใช่”

“อ้าว แล้วยังไงอ่ะครับ”

“...” คือพี่แมนไม่ได้เป็นแฟนกับแนทอ่ะครับ ผมตอบอย่างนี้ได้ไหม

“แล้วใครขอใครเป็นแฟนก่อนเหรอครับ?”

“แนท..มั้ง” ผมนึกย้อนไปวันที่มีไอ้หน้าหม้อมาจีบมันแล้วมันบอกให้ผมแกล้งเป็นแฟนมัน เพื่อให้ไอ้นั่นมันเลิกยุ่งกับแนท

“อ๋อ พี่แนทนี่ ทำอะไรขัดกับหน้าตาจัง”

“แมทธิว...”

“ครับ?”

“นายชอบแนทเหรอ?” ผมถามตรงๆ พลางลืมตาแล้วเหลือบมองปฏิกิริยาตอบรับ ซึ่งก็เป็นไปตามคาด แมทธิวหน้าเจื่อนลงเล็กน้อย

โอ๊ย เห็นอย่างนี้แล้วผมเจ็บปวด นี่ผมกลายเป็นคนที่ทำให้คนที่ตัวเองรักต้องเสียใจเหรอ

“พี่แนทเป็นแฟนพี่”

“แล้วนายชอบแนทหรือเปล่า?”

“...ก็พี่เขาก็น่ารักดี” แมทธิวตอบทั้งๆ ที่หน้ายังยิ้มอยู่ ผมรู้สึกเจ็บจี๊ดหัวใจเบาๆ เหมือนมีใครเอาเข็มเล่มเล็กๆ มาทิ่ม

“แต่ผมไม่ได้ชอบพี่เขาหรอกน่า แค่ปลื้มเฉยๆ ไม่ต้องคิดมากนะ” มือหนาของแมทธิวถือวิสาสะเอื้อมมาลูบหัวผม ผมสะดุ้งอีกครั้ง พลางโยกหัวหลบ แล้วถอยกรูดไปชิดที่เท้าแขน โดยที่แมทธิวมองการกระทำของผมอย่างไม่เข้าใจ

“ช..ชะ ชอบมันก็ได้ มันคงไม่ว่าอะไรหรอก” ผมพยายามโต้ตอบ ขวัญที่อุตส่าห์รวมมากระเจิงหนีหายไปอีกแล้ว

“เอ่อ ไม่เอาหรอก ผมไม่นิยมคนมีเจ้าของแล้ว” แมทธิวว่าพลางเหลือบมองหนังสือบนโต๊ะ

“ผมยืมเล่มนี้ไปอ่านนะ” นั่นไง ว่าแล้ว ผมรีบตะปบหนังสือมาจากมือของแมทธิวแล้วพลิกซ้ายพลิกขวา

“ห้ามทำที่คั่นหายนะ” ก่อนจะเนียนๆ ทำเป็นว่าหวงหนังสือธรรมดา ทั้งที่จริงๆ แล้วเอามาเช็กว่ามันใช่นิยายวายหรือเปล่าเท่านั้นแหละ

สงสัยต้องปรับปรุงนิสัยวางหนังสือทิ้งๆ ขว้างๆ แล้วเนี่ย




.
.
.
วันต่อมา

ผมติดรถน้องแมทธิวมาเรียนอีกครั้ง แต่วันนี้ผมไม่ได้นัดกับแนทไว้ ทำให้ตอนนี้ผมเคว้งคว้างยืนอยู่กลางโรงอาหารอย่างโดดเดี่ยว มองไปทางไหนก็มีแต่คนไม่รู้จัก ร่างสูงของแมทธิวที่เพิ่งเอารถไปจอดเดินมาแตะไหล่ผมเบาๆ จนผมแอบสะดุ้ง เพราะรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟช็อต

“พี่แนทยังไม่มาเหรอครับ?”

“ลืมโทร.บอกว่าวันนี้จะมาเร็ว” ผมหันไปตอบ และแสดงความเซ็งออกมาทางสายตา

“งั้นนั่งกับผมก็ได้” แมทธิวเดินลากผมไปยังกลุ่มเพื่อนตัวเอง ผมขืนตัวเล็กน้อย เพราะไม่อยากทำความรู้จักใครแต่ก็โดนร่างสูงหันมาทำหน้าดุๆ

“เพื่อนผมไม่กัดพี่หรอกครับ” แล้วขนาดตัวอย่างผมจะไปสู้ลูกครึ่งร่างบึ้กอย่างแมทธิวได้เหรอครับ สุดท้ายผมจึงถูกลากเดินตามไปยังโต๊ะนอกโรงอาหารอย่างช่วยไม่ได้

 ผู้ชายหน้าตาและรูปร่างดีมาก 4 คนนั่งรออยู่ที่โต๊ะหันมามองผู้มาใหม่อย่างผมและแมทธิว หนึ่งในนั้นส่งยิ้มให้ผม และหนึ่งในนั้นเอ่ยทักแมทธิว

“ไง พาใครมาด้วยเนี่ย?” หล่อหมายเลขหนึ่งเขยิบเพื่อให้ผมกับแมทธิวนั่ง แมทธิวกระแอมนิดนึงก่อนจะแนะนำตัวผมอย่างเป็นทางการ

“ขอแนะนำให้รู้จัก นี่คือต้นฉบับเลคเชอร์ที่กูลอกตลอดหลายวันที่ผ่านมา รุ่นพี่ปีสี่ ชื่อพี่แมน”

“สวัสดีครับพี่แมน” ผมพยักหน้ารับทีละคน ก่อนจะหันไปสบตาสีน้ำตาลเหลือบเขียวใสๆ ของแมทธิว

“พี่เขาคุยไม่เก่ง พวกมึงช่วยกันชวนพี่แมนคุยด้วยนะ” ผมขมวดคิ้วเป็นปม และหยิกต้นขาแมทธิวเบาๆ

“โอ๊ยๆๆ ฮ่าๆๆ พี่แมนอย่าโกรธสิครับ พี่ต้องหัดเข้าสังคมบ้างนะ จะให้ชีวิตรู้จักแต่พี่แนทไม่ได้นะครับ” แมทธิวพาดแขนบนบ่าผมแล้วเอาศอกถูคอผมเป็นเชิงหยอก

อ๋า ขนลุก อย่ามาสกินชิพพี่แมนนะ เดี๋ยวพี่แมนหวั่นไหว

“ฉันรู้จักนาย แล้วก็สายรหัสฉันแล้วกัน” ผมพูดนิ่งๆ แล้วเอียงคอหลบแขนหนักๆ ของแมทธิว

“ฮ่าๆๆๆ” คนอื่นๆ บนโต๊ะก็หัวเราะครืนเมื่อผมพูดออกไป เออ ผมก็พูดไปตาจริงนะ มาหัวเราะทำไมล่ะเนี่ย

“นั่นมันคนทั่วไป ที่ใครๆ ก็ต้องรู้จักไม่ใช่เหรอ?” หล่อหมายเลข 2 หัวเราะตาปิด แล้วซบหน้าขำกับหล่อหมายเลข 3

“เดี๋ยวนะๆ แล้วพี่แนทที่ว่านี่ แนทไหน??”

“ก็แนทตี้ ณัชชาไง พี่แมนเป็นแฟนพี่แนท คุ้นๆ หน้าไหม?” แมทธิวออกตัวแทนผมแทบจะทันที ผมหันขวับเตรียมจะอ้าปากบ่น แต่พอเห็นใบหน้าละมุนเปื้อนรอยยิ้มแล้วก็ต้องทำหน้าเฉยเก็บความรู้สึกเขินของตัวเอง

ผมยังแพ้ทางความหล่อน้องแมทธิวอยู่เลยครับ

ว่าแต่ วันนี้ดูเหมือนว่าตึกคณะผมจะคนเยอะเป็นพิเศษนะ แต่พวกนั้นดูจะไม่ใช่เด็กคณะผมซะทีเดียว เพราะแต่ละคนนี่หน้าช่ำชองโลก แถมยังใส่เสื้อช็อป ส่วนพวกที่ไม่ใส่นี่ก็เห็นเอาพาดไว้ที่บ่า

แปลกใจแต่ไม่แสดงออกหรอกนะ

“มองหาพี่แนทเหรอครับ พี่เขายังไม่มาไม่ใช่เหรอ?” ผมสะดุ้งเบาๆ เมื่อแมทธิวร้องทักขึ้น ก่อนจะลอบกรอกตา

ใจเจ้ากรรมของน้องช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย ทุกวจีที่เอื้อนเอ่ยจึงมีแต่ชื่อแนท

“เปล่า” ผมมองบน แล้วยกแขนขึ้นมาเท้าคาง ทำตัวหลับในจะได้ไม่ต้องมีใครลำบากใจว่าต้องชวนผมคุย


Rrr… Rrr..


นั่งอยู่สักพักโทรศัพท์สั่น ผมล้วงโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกงมองหนน้าจอที่โชว์หน้าและชื่อคนโทร.เข้า

“ฮัลโหล” ผมรับสายด้วยเสียงเบาที่สุด โชคดีที่คนทั้งโต๊ะคุยกันอยู่เลยไม่มีใครสนใจผม

(แมน ช่วยกูด้วย กูอยู่กำลังจะโดนล้อม) เสียงปลายสายฟังดูตื่นตระหนก ผมขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะสั่งให้ปลายสายตั้งสติ

“ใจเย็นๆ อยู่ไหน?”

(ใต้ตึกคณะเนี่ยแหละ มองไปกูยังเห็นมึงนั่งกับน้องแมทธิวเลย  แต่พวกแม่งกำลังโอบล้อมกูอยู่เนี่ย จะฝ่าไปก็ไม่รู้มันจะทำอะไรกู ทำยังไงดีมึง? ตะโกนให้คนช่วยดีไหม!?)

“เดี๋ยวกูไปหา รอแป๊บ”

(เร็วๆ มึง พวกแม่งเริ่มกระชับวงล้อมแคบลงๆ แล้ว เฮ้ย...)


ตู๊ด... ตู๊ด...ตู๊ด...


“...!” ปลายสายตัดไป ผมมึนเบลอแต่ยังมีสติพอที่จะลุกพรวดขึ้นมา แล้วเดินจากโต๊ะไปหาแนท

“พี่แมน ไปไหน!?”แมทธิวดึงแขนผมไว้ แล้วช้อนตาถาม

“ปล่อย” ผมพูดเสียงแข็งอย่างเผลอตัว ก่อนจะสะบัดมือน้องออกจากแขน

พี่ขอโทษครับน้องแมทธิว แต่ตอนนี้เพื่อนพี่ย่อมสำคัญกว่าผู้ชายในฝัน

.
.
.
ผมหาจุดที่แนทยืนอยู่ได้ไม่ยากเมื่อตรงนั้นมีนักศึกษาวิศวะกว่า 10 คนยืนล้อมแนทเป็นวงกลมเหมือนเล่นลิงชิงบอล ผมชะงักไปนิดหน่อยด้วยความงงกับความอุกอาจที่กลุ่มคนเหล่านี้ทำกับเพื่อนผม

นี่พวกเอ็งไม่แคร์สายตาชาวบ้านกับยามแถวนี้เลยเหรอ

ในขณะที่ผมยืนเอ๋อ ลังเลใจว่าจะฝ่าวงล้อม แล้วไปกระชากตัวแนทเพื่อพาหนีออกมาดีไหม เหล่านักศึกษาที่ยืนเป็นวงล้อมก็ทรุดลงนั่งคุกเข่าข้างหนึ่ง พร้อมกับที่น้องแมทธิวและผองเพื่อนวิ่งตามผมทันและยืนข้างหลังผมประหนึ่งเป็นแบ็คอัพ

ชั่วอึดใจเหล่านักศึกษาผู้สวมเสื้อช็อปเหล่านั้นก็ดึงดอกกุหลาบที่เหน็บอยู่ภายใต้เสื้อช็อปออกมาถือกันคนละดอกแล้วยื่นมันออกไปข้างหน้าเหมือนทุกคนจะมาขอความรักจากแนท

นี่มันอเมซิ่งมากๆ!!

“นั่นมันแฟนพี่แมนไม่ใช่เหรอวะ?” หล่อหมายเลขหนึ่งเก็บอาการสงสัยไม่อยู่ จึงร้องถามขึ้นลอยๆ


“แนท เป็นแฟนกันนะ!!!”เสียงทุ่มห้าวตะโกนขึ้นมาท่ามกลางความงุนงงของคนที่เดินผ่านไปมา พร้อมกับร่างสูงร่างหนึ่งเดินถือช่อดอกไม้ฝ่าวงล้อมเข้าไปหาแนท

เดี๋ยวนะ หมอนี่ เดือนวิศวะรุ่นผมที่เขาลือกันว่าเป็นเกย์ไม่ใช่เหรอ???

“ทำอะไรของนายอ่ะก้อง?!!” แนทรับดอกไม้มาถืองงๆ ก่อนจะกวาดตามองไปยังบุคคลที่น่าจะเป็นรุ่นน้องในคณะของอดีตเดือนวิศวะอย่างก้องภพ

“ขอความรักจากคนปากแข็ง” สายตาแพรวพราวที่หมอนั่นส่งให้แนท รวมถึงท่าทางสนิทสนมกันของทั้งคู่ทำเอาผมนี่ถึงขั้นงงเติม er (งงขั้นกว่า)

“ตกลงเป็นจะเป็นแฟนกู เอ้ย.. ก้องไหมครับแนท?!”

“แล้วถ้าฉันตอบว่าไม่ล่ะ?!” แนทเลิกคิ้ว ถ้าคุยกับผมเจ้าหล่อนคงลอยหน้าลอยตา แต่นี่อยู่ท่ามกลางสายตาธารกำนัน แนทเลยเก็บอาการความกวนอวัยวะเบื้องล่างของตัวเองไว้

ต่างฝ่ายต่างจ้องกันไปมา สุดท้ายอดีตเดือนวิศวะอย่างนายก้องจึงหันไปสั่งรุ่นน้องตัวเอง

“เฮ้ย พวกมึง แผน B” พูดจบก็อาศัยทีเผลอ อุ้มแนทตัวลอยแล้วพาวิ่งออกไปจากตึกคณะ พร้อมเหล่าลูกสมุนเดินตามประหนึ่งบอดี้การ์ด

ว่าแต่ที่พวกนั้นกำลังทำมันคือการลักพาตัวไม่ใช่เหรอ?!

“พี่แมน” น้ำเสียงงุนงงเจือความเห็นใจของแมทธิวส่งมาพร้อมกับสัมผัสบางเบาบนบ่าผม ในขณะที่ผมยืนติดสตั๊น

แล้ว 4 ปีที่ผมคิดว่านายก้องอะไรเป็นเกย์คืออะไร!?

ไม่แค่นั้น ที่แนทเที่ยวไปบอกคนนั้นคนนี้ว่ากิ๊กกับผม ใครจะแก้ข่าว ก่อนจะลงจากคานยังจะทิ้งปัญหาให้ผมอีก ณัชชานะณัชชา!!!


“พี่แมน” แมทธิวก้าวเท้ายาวๆ ตามผมที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งกลับไปหยิบกระเป๋าที่โต๊ะ ผมนี่อยากจะนั่งลงกับพื้นแล้วเอามือปิดหู หลับตา ส่ายหน้า แต่ทำไม่ได้

รู้แล้วครับว่าพี่ชื่อแมน แฟนไม่มี เพราะเพิ่งโดนอดีตเดือนวิศวะมาฉกไปต่อหน้าต่อตา ดังนั้น ได้โปรดอย่าเพิ่งถามอะไรพี่ตอนนี้ พี่ยังไม่พร้อมจะตอบ มันเร็วเกินไป พี่ตั้งตัวไม่ทัน!

ผมคว้ากระเป๋าได้ก็วิ่งสี่คูณร้อยเมตรเข้าห้องเรียน ไม่สนใจเสียงนุ่มทุ้มที่ตัวเองชอบฟังนักหนาซึ่งกำลังเรียกรั้งผมไว้




.
.
.
ทุกอย่างมันประดังประเดเหลือเกินครับทุกคน

วันนี้แนทไม่เข้าคลาสตามคาด แต่ก็นั่นแหละ มันไม่มีเช็คชื่อ เจ้าตัวก็รู้ดี แต่วันนี้มันพิเศษตรงที่อาจารย์นัดสอบควิซย่อยวันมะรืน แต่ผมจะไม่บอกแนทหรอก ผมเกลียดมัน

ล้อเล่นครับ ถึงผมไม่บอก เพื่อนคนอื่นก็บอกมันอยู่ดี แนทมันกว้างจะตาย

นอกจากนั้นแล้วผมก็เริ่มสำเหนียกตัวเองได้ว่าโปรเจ็คท์จบผมยังไม่เสร็จเรียบร้อย และอีกไม่ถึงหนึ่งเดือนดีก็จะสอบไฟนอลแล้ว

ชีวิตมันช่างโหดร้าย.....

แต่สำหรับแนท คงจะไม่มีวลีอะไรเหมาะกับมันนอกจาก ชีวิตดี๊ดีอ่ะ เพราะดูเหมือนทุกอย่างจะลงตัวแล้วทั้งการเรียน การเงิน โดยเฉพาะความรัก เพราะข่าวการคบกันทั้งมันกับนายก้องนั้นแพร่กระจายอย่างรวดเร็วสมกับเป็นคงดังในมหาวิทยาลัยทั้งคู่ ซึ่งน่าจะดีแล้วสำหรับไม้กันหมาอย่างผมที่หมดหน้าที่ลงซะที

จะติดก็แต่เด็กฝรั่งข้างห้องนี่แหละที่ผมไม่รู้จะอธิบายยังไง


ผมไม่อยากดูเป็นคนโกหกในสายตาแมทธิว...


วินาทีนี้เองที่ผมอยากย้อนเวลากลับไปตอนที่ไม่รู้จักแมทธิว แล้วใช้ชีวิตสงบสุข ตามน้องเขาประหนึ่งแฟนคลับตามไอดอลคนหนึ่งเท่านั้น

ดีกว่าต้องให้น้องแมทธิวมารู้จักผม แล้วสักวันต้องรู้ว่าผมมันคนไม่ดีที่โกหกเพราะอยากใกล้ชิดเขา


แมทธิวเกลียดเกย์...


ข้อเท็จจริงนี้ยิ่งตอกย้ำว่าผมควรพาตัวเองออกไปให้ไกลจากน้องเขา เพราะยิ่งเวลาผ่านไปมากเท่าไร ความรู้สึกที่ผมมีต่อร่างสูงนั้นคงไม่หยุดแค่ความชื่นชม และคลั่งไคล้แน่

แมทธิวเป็นคนดี เขาปฏิบัติกับทุกคนอย่างสนิทสนม นั่นคือพื้นฐานของคนที่เป็นคนของสังคม

และผมอาจหลงรักในความดีทั้งหมดที่น้องทำให้ผมทุกๆ วัน

พอคิดถึงตรงนี้ขอบตามันร้อนผ่าวอย่างช่วยไม่ได้



ก๊อก ก๊อก ก๊อก


“พี่แมน” เสียงอันคุ้นเคยที่ผมได้ยินมาตลอดหลายสัปดาห์ดังขึ้น ผมหันขวับรีบปิดโน้ตบุ๊กที่ตามความเคยชิน แล้วสำรวจหนังสือบนโต๊ะว่ามีเล่มไหนเป็นบอยเลิฟหรือไม่

“พี่แมน...” เสียงบิดลูกบิดพยายามจะเปิดประตูดังขึ้น อารามตกใจทำให้ผมวิ่งถลาไปที่ประตูเพราะกลัวแมทธิวจะเปิดเข้ามาได้

แต่ลืมว่าตัวเองล็อคประตูไปแล้ว

“พี่แมน อยู่ใช่ไหม? เปิดประตูให้ผมหน่อย”

“กลับไปเถอะ” ผมพูดเสียงเบา ไม่หวังว่าอีกฝ่ายจะได้ยิน

“พี่แมนเหรอ? พี่โอเคไหม? เมื่อเช้าพี่นิ่งไปเลย” น้ำเสียงแฝงความเป็นห่วงอย่างคนทั่วๆ ไป ไม่ใช่ความห่วงใยแบบคนที่รักกันของแมทธิวถามแสดงว่าเขารู้ว่าผมยืนอยู่ตรงนี้ ที่อีกฟากของประตูห้อง

“แมทธิว...” ผมเพิ่มระดับเสียงให้มากกว่าเดิม และควบคุมไม่ให้เสียงสั่น

มีถ้อยคำเป็นร้อยพันที่ผมอยากจะพูดออกไป แต่ก็ต้องกลืนคำพูดเหล่านั้นลงลำคอ

แค่ประตูไม้บางๆ ที่กั้นตรงกลางเท่านั้น...



“อย่ามายุ่งกับฉันอีก”








หลังจากนี้จะพยายามอัพถี่ที่สุดเท่าที่จะทำได้นะคะ อาจจะอาทิตย์ละตอน ไม่ค่อยว่างจริงๆ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์ เป็นกำลังใจที่ดีมากๆ ค่ะ ด้วยีก จากเห็ดหอม
  :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-01-2016 18:55:47 โดย เห็ดหอม:) »

ออฟไลน์ Alice111

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
สงสารพี่แมน  :mew2: :mew2: :mew2:
ไหนแมททิวบอกเกลียดเกย์ไงแล้วทำไมแอบปลื้มพี่แนทละ แถมยังบอกกับพี่แมนที่แอบปลืมนายอยู่อีกแบบนั้น
 :ling3: :ling3: :ling3: :ling3:

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
แนทคะ55555 มีแฟนก็ไม่แก้ข่าวให้เพื่อนก่อนเนอะ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
เฮ้อออ เข้าใจผิดกันทั้งคู่

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :pig4:
เรารออ่านตลอด
พี่แมนนนนน คิดมากจนเศร้า

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17

ออฟไลน์ เห็ดหอม:)

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
    • นิยายของเห็ดหอม
Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.6 (17/1/59)
«ตอบ #28 เมื่อ17-01-2016 13:15:42 »

Chapter 6 : I miss you like I’m gonna die.




“อย่ามายุ่งกับฉันอีก”

“...” ไม่มีคำพูดใดๆ ดังมาจากอีกฟากของประตูอีก ผมกัดริมฝีปากสั่นๆ ของตัวพลางกำมือแน่น และบังคับไม่ให้น้ำตาที่เอ่อคลอเบ้าไหลอาบหน้า

มันไม่คูลเลยนะผู้ชายจะมาร้องไห้กับเรื่องอะไรแบบนี้

เสียงปิดประตูห้องข้างๆ ดังขึ้น เดาว่าแมทธิวคงเข้าห้องไปแล้ว เขาคงเกลียดผม หรือคงไม่ได้รู้สึกอะไรเลยที่เราจะขาดการติดต่อกัน ผมทรุดลงนั่งพิงประตู ก่อนจะยกมือขึ้นกุมหัว

ผมทำถูกแล้ว ผมบอกตัวเองอย่างนั้น

อย่างน้อยๆ ถ้าเขาจะเกลียดผมตอนนี้ ก็ยังดีกว่าให้เขาเกลียดตัวตนของผม

เพราะถ้าเป็นแบบนั้น ผมคงทนไม่ได้...


.
.
.
หลายวันผ่านไป

แม้ว่าห้องเราจะอยู่ข้างกัน ห่างแค่กำแพงกั้น แต่ว่ามันแสนไกล ผมก็ไม่เจอแมทธิวอีกเลย เขาหายไปจากชีวิตผมอย่างไร้ร่องรอย


ไม่มีเสียงทุ้มที่คอยเรียกชื่อผม
ไม่มีรอยยิ้มละมุนที่ส่งมาเวลาเห็นผมหลุดเก๊ก


หากว่าคุณเคยหลงรักใครสักคน แต่ไม่มีสิทธิ์ทำอะไรมากไปกว่าการคิดถึงเขา คุณคงเข้าใจผมในตอนนี้เป็นอย่างดี ...ว่าอาการคิดถึงเหมือนจะขาดใจตายมันเป็นอย่างไร

ผมเคยมีความสุขแค่ได้มองรูป และตามดูน้องอยู่ห่างๆ อย่างหลงใหล แต่พอได้พูดคุยกัน มันก็ต้องการมากกว่านั้น

ไม่ต่างกับยาเสพติดที่พอได้ลองก็มีแต่ต้องการในปริมาณที่มากขึ้นเรื่อยๆ จนที่สุดคงเป็นผมเองที่ได้รับผลร้ายจากมัน

ผมปล่อยมือที่กอดเข่าตัวเองอยู่ แล้วยกมันขึ้นยีหัวอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียงซุกหน้าลงกับแขน

‘พี่แมน’


ในหัวผมฉายภาพซ้ำช่วงเวลาที่ผมเคยใช้กับแมทธิว ชัดเจนทั้งภาพ รส กลิ่น เสียง ตั้งแต่วันแรกที่เราคุยกันจนถึงวันที่สุดท้ายที่ผมได้ยินเสียงเขา แล้วผมกัดปากแน่นกลั่นเสียงสะอื้น

ผมห้ามมันแล้วนะ น้ำตาน่ะ แต่มันไม่ฟังผมเลย ผมเลยต้องปล่อยมันไหลอาบแก้มอย่างนี้ไง





.
.
.
ผมปิดประตูห้อง แล้วหมุนตัวเตรียมจะลงไปหาอะไรกินข้างล่าง ตอนนั้นเองที่สายตาของผมเห็นร่างสูงที่คุ้นเคยเดินออกมาจากลิฟต์

ผมหันหลังหนี รีบเปิดประตูกลับเข้าไปในห้อง ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งพิงประตู แล้วยกมือสั่นๆ ของตัวเองขึ้นมากุมหน้าอกไว้

หัวใจของผมมันเต้นเร็ว และแรงเหมือนจะหลุดออกจากอกเพียงแค่เห็นหน้าแมทธิว ไม่ต่างกับวันแรกที่ร่างสูงนั้นเปลือยท่อนบนมาเคาะประตูห้อง

สมองของผมว่างเปล่า แต่สัญชาตญานของผมสั่งให้เอามือล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋าเกงออกมา แล้วกดโทร.ออกหาเบอร์ที่แอบสืบมาได้ตั้งนานแล้วแต่ยังไม่มีโอกาสได้โทร.สักที
หัวใจผมกำลังทำตามสิ่งที่มันต้องการ ผมยากได้ยินเสียงแมทธิว อีกสักครั้ง...

(ฮัลโหล)

“....” ผมยกมือปิดปากแน่น ก่อนจะเอาโทรศัพท์ออกจากหู   

โอ้แม่เจ้า ผมทำอะไรลงไป  ผมโทร.หาแมทธิว!!!

(ฮัลโหล!?) ปลายสายเรียกซ้ำ ก่อนจะเงียบไปครูหนึ่งแล้วต่อด้วยคำถามที่ทำเอาผมช็อกตายคาโทรศัพท์
   

(พี่แมน นั่นพี่แมนใช่ไหม!?)


น้องรู้ได้ไงว่าเป็นผม!? ผมรีบกดวางโทรศัพท์ แล้วจ้องหน้าจอด้วยอาการงุนงง ก่อนจะสะดุ้งโหยงเพราะเสียงเคาะประตู


ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“พี่แมน อยู่ในนั้นใช่ไหม!? มาคุยกันหน่อยไม่ได้เหรอ!!?”

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

ผมผุดลุกขึ้น ก่อนจะหน้าจ้องประตูด้วยความสับสน สมองกับหัวใจของผมตอนนี้มันทำงานตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง

ประตูถูกเคาะอย่างต่อเนื่อง ยังไม่ทันให้ผมได้ตัดสินใจว่าจะเปิดดีไหม แมทธิวก็เปิดประตูเข้ามาได้เองพร้อมใบหน้านิ่งๆ ของเจ้าตัว

เข้ามาได้ไง..!!?


อ๋อ ผมลืมล็อคห้อง


อาศัยจังหวะที่ต่างคนต่างงง ผมหมุนตัวอย่างรวดเร็ว พาตัวเองไปขังอยู่ในห้องนอน คราวนี้ไม่มีพลาด ผมล็อคประตูอย่างแน่นหนา นั่นทำให้คนด้านนอกต้องเคาะประตูห้องนอนผมอย่างบ้าคลั่ง

“พี่แมน!”

ปัง! ปัง! ปัง!

“พี่แมน ออกมาคุยกันหน่อย ทำไมต้องหลบหน้า พี่โกรธผมเรื่องอะไร” ผมเม้มปากแน่น นั่งกอดเข่ามองประตูจากบนเตียงนอน

ไม่มีทางที่พี่จะบอกเหตุผลที่หลบหน้าแมทธิวหรอก

ปัง! ปัง! ปัง!

“พี่แมน อย่างน้อยผมแค่อยากรู้ว่าพี่ยังสบายดี ออกอยากมาเถอะ”

“...” เสียงเคาะประตูเงียบไป คาดว่าฝ่ายนั้นคงถอดใจ ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะสะดุ้งตัวโยนเมื่อได้ยินประโยคถัดมา

“ถ้าพี่ไม่ออกมา ผมจะพังเข้าไปแล้วนะ”

“...!!!” ไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองหน้าตื่นขนาดไหน ผมหันไปมองผนังห้องและหมอนข้างตัวเองซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นหน้าแมทธิว แล้วรีบลุกจากเตียงไปเปิดประตูอัตโนมัติ ก่อนจะแทรกตัวออกมายืนเผชิญหน้ากับแมทธิว

“...” ผมสบตาเขา ก่อนจะค่อยๆ เบนสายตามองต่ำไปที่เท้าตัวเอง

“พี่แมน” แมทธิวเรียกชื่อผม ก่อนจะเป็นฝ่ายก้มหน้าลงมาสบตาผมซะเอง “ยังเสียใจเรื่องพี่แนทอยู่เหรอ?!”

“เปล่า”

“เปล่าอะไร ตาบวมขนาดนี้ จะบอกว่าโดนชกมาเหรอ?!!” มือหนึ่งของแมทธิวเอื้อมมาจับปลายคางผมให้เงยหน้าขึ้น ในขณะที่อีกมือหนึ่งจับไหล่ผมยึดไว้

“แมทธิว...” ผมจับมือที่ยึดปลายคางผมให้ออกห่างใบหน้า ก่อนจะสบตาเขาตรงๆ

“ครับ..” แมทธิวปล่อยให้ร่างผมเป็นอิสระ แววตาที่ส่งมาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ จากนั้นมันเปลี่ยนเป็นความเศร้าเล็กๆ “พี่จะไล่ผมไปอีกเหรอ?!”

ใจผมกระตุกวูบ อยากเอื้อมมือไปกอดคนตรงหน้าแล้วลูบหัวผมปลอบใจ แต่มันคงไม่งาม อาจถูกซัดคางเหลืองเหมือนคู่กรณีเก่าของน้องเขา

แต่ถ้าโดนฟัดฟ้าเหลืองนี่ก็อีกเรื่อง

ครับขอโทษครับ นี่ไม่ใช่เวลาเล่นมุกสัปดน

“เปล่า คือ...”

“...”

“...” ผมนึกเรียบเรียงคำพูดอยู่ในหัว ก่อนจะถอนหายใจออกมาระดับที่ไม่เหลือคาร์บอกไดออกไซด์ค้างอยู่ในปอด “ฉันหิว”

“ครับ???” แมทธิวเลิกคิ้ว ก่อนจะเปลี่ยนเป็นขมวด ตามด้วยรอยยิ้มมึนงง

อยากถ่ายคลิปหน้าหลากอารมณ์ของแมทธิวเมื่อกี้ไว้จังครับ ฮือ น่ารัก อยากได้

“ฉันหิว จะสั่งพิซซ่า กินด้วยกันนะ” ผมตัดบทด้วยการเดินเลี่ยงไปโทร.สั่งพิซซ่า ก่อนจะลอบมองแมทธิวที่พาร่างสูงของตัวเองไปนั่งลงบนโซฟา




.
.
.
ผมนั่งลงข้างๆ แมทธิวบนโซฟาเงียบๆ ใบหน้าคมหันมาส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตรเหมือนเคย ไม่โกรธเคืองที่ผมพาลใส่สักนิด

ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกผิด ผมไม่ควรโกหกแมทธิวแบบนี้เลย

“แมทธิว...”

ครับ ต่อไปนี้ จะเป็นช่วงนายแมนสารภาพบาป

“ครับ” แมทธิวขยับยกขายาวๆ ขึ้นมาขัดสมาธิ แล้วนั่งจ้องหน้าผมเป็นเด็กโข่ง ผมมองตักหนาของคนฝ่ายตรงข้าม ข่มใจให้ไม่ให้ตัวเองกระโจนไปนั่งบนนั้น

หยุดนะแมน เดี๋ยวนี้ได้คืบจะเอาศอกนะเรา

“จะบอกอะไรหน่อย คือว่า..” ผมเว้นช่วงไปนิดหนึ่ง มองปฏิกิริยาเอียงหัว แล้วเลิกคิ้วถาม

ไอ้หัวใจนี่ก็เต้นเป็นจังหวะ dubstep เลยโว้ย

“คือฉันไม่ได้เป็นอะไรกับแนท”

“ครับ ผมรู้” มือหนายกขึ้นวางบนผมที่เริ่มยาวรุงรัง แถมสีก็หลุดจนเริ่มกลับเป็นสีดำเหมือนเดิมแล้วของผม “แต่อย่าพูดถึงคนที่ทำร้ายเราเลย If it reminds you of the memories you did together”

อะไรนะครับ เอาใหม่ซิแมทธิว พี่ตกพาร์ท Listening

เคยแต่ดูคลิป วันนี้น้องแมทธิวมาสปี๊กอิงลิชให้พี่ฟังต่อหน้า นี่มันเกินคุ้มแล้วครับ

“ไม่คือ...”

“ชู่...” แมทธิวยกนิ้วขึ้นแตะริมฝีปากบางของตัวเองเป็นเชิงให้ผมเงียบ ภาพตรงหน้าทำให้ผมได้ยินเสียง ป๊อง! ในหู ก่อนที่ในหัวผมจะเต็มไปด้วยคำว่า…

หล่อเหี้ยๆ

หล่อเหมือนเทพเจ้าสักองค์ หล่อจนผมอยากลงไปชักดิ้นชักงอกับพื้นเพื่อสรรเสริญความหล่อเหลานี้

ทั้งหมดทั้งมวลอยู่ภายใต้ใบหน้าอันเครงขรึม และเรียบเฉยของผม แน่นอนว่ามุมปากของผมไม่กระดิกแม้แต่มิลเดียว แม้จะอยากยิ้มเขินให้ภาพตรงหน้าเต็มที

“ไม่ต้องพูดแล้วครับ ถ้าพี่ไม่มีใครแล้ว ผมกับเพื่อนผมจะอยู่เป็นเพื่อนพี่เอง”


‘ผมจะอยู่เป็นเพื่อนพี่เอง’ (ตัดคำว่ากับเพื่อนผมเพื่อความฟินส่วนบุคคล)


ไม่ได้ ผมตัดสินใจแล้วว่าจะไม่โกหกแมทธิว จะทำเป็นโดนทิ้ง แล้วหลอกใช้ประโยชน์จากความใจดีเพื่อใกล้ชิดแมทธิว มันไม่แมนเลยสักนิด

ผมนายแมน แมนๆ เตะบอลไม่เก่งไม่ทำอย่างนั้นเด็ดขาด

“แมทธิว ฟังฉัน...” ผมสูดลมหายใจ “คือฉันไม่ได้เป็นอะไรกับแนทตั้งแต่ต้นแล้ว เดิมทีฉันก็เป็นแค่ข้ออ้างของแนทเวลาปฏิเสธคนที่เขามาจีบ ฉันไม่ได้เสียใจอะไรทั้งนั้นที่แนทคบก้อง ฉันก็เพื่อนมันเหมือนเดิม”

“...ครับ?” แมทธิวจ้องผมนิ่ง คิ้วสีเดียวกับผมของเจ้าตัวขมวดจนแทบจะผูกกันเป็นโบว์ แต่ผมยังไม่มีเวลาสนใจ ผมยังพูดไม่จบ ในหัวผมพยายามเรียงร้อยถ้อยคำเพื่อพูดในสิ่งที่ผมคิด

“โอเค ฉันอาจจะงงนิดหน่อยว่ามันไปรู้จักกันตอนไหน แต่....” ผมผ่อนลมหายใจออกช้าๆ เริ่มรู้ตัวว่ามันไม่เกี่ยวกับเรื่องที่ผมอยากจะพูด “ขอโทษที่โกหกนาย”

ขอโทษ.. นั่นคือทั้งหมดที่ผมอยากจะบอกเขา

ถ้าหลังจากนี้แมทธิวจะเกลียดผม ผมก็คงต้องรับมันให้ได้...

แมทธิวคลายปมที่หัวคิ้ว แล้วใบหน้านิ่งนั้นก็ค่อยๆ ระบายยิ้มออกมา “งั้นที่พี่หลบหน้าผม ไม่ยอมคุยกับผม ไม่ใช่เพราะเฮิร์ทที่โดนทิ้ง แต่เป็นเพราะผม??”

ดวงตาคมจับจ้องมาที่ใบหน้าผม แต่บาดลึกไปถึงหัวใจ ผมก้มมองต่ำหลบดวงตาคู่นั่น แล้วพยักหน้าส่งๆ เหมือนไม่ใส่ใจ

“แล้วที่ร้องไห้ก็เพราะกลัวผมโกรธด้วยหรือเปล่า?”

“....”

ไม่ใช่ อันนี้เพราะความคิดถึงล้วนๆ

“โห เด็กน้อย” แมทธิวดึงให้ผมขยับไปนั่งใกล้เขามากขึ้น

ใกล้จนได้กลิ่นกายหอมอ่อนๆ จากตัวแมทธิว

ใกล้จนผมอยากจะขยับอีกนิด แล้วพาตัวเองไปซุกอยู่อ้อมแขนนั้น พร้อมสูดกลิ่นหอมทั้งวันทั้งคืน


“นายก็รู้... ฉันพูดไม่เก่ง” ...เพราะที่ออกจากปากพี่ยังไม่ได้เศษหนึ่งส่วนล้านของสิ่งที่พี่คิดกับแมทธิวเลยนะ

“ก็ตอนนั้นผมเห็นพี่นิ่งไปเลย นึกว่าช็อกที่แฟนตัวเองโดนแย่งไปต่อหน้าต่อตา”

อ๋อ ตอนนั้นน่ะเหรอ? ผมแค่ช็อกที่นายก้องอะไรนั่นไม่ใช่เกย์ต่างหาก

อย่างว่าแหละครับ อย่าตัดสินใครแค่สิ่งที่เห็น และคำพูดจากปากคนอื่น

“เอาเป็นว่าผมผิดเองนะครับ ไหนหันหน้ามานี่หน่อยพี่แมน” แมทธิวจับคางผมให้หันจนผมสะบัด ช่างไร้ความอ่อนโยนเสียนี่กระไร “ดูซิร้องไห้จนตาบวม”

นิ้วหัวแม่มือของแมทธิวสัมผัสลงที่ขอบตาล่างของผมอย่างแผ่วเบา แตกต่างโดยสิ้นเชิงตอนจับให้ผมหันหน้าไปหา พร้อมกันนั้นใบหน้าแบบตะวันตกก็ขยับเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ

“...”

“...”

ใกล้จนปลายจมูกของเราชนกัน… คงเพราะจมูกแมทธิวโด่งเกินไป

วินาทีนั้นมันเงียบจนได้ยินเสียงเครื่องปรับอากาศ และเสียงหัวใจของผมที่ทำงานของมันเป็นอย่างดีแค่เพียงได้มองใบหน้าแมทธิวในระยะประชิดขนาดนี้

และหากว่ามันเป็นฉากหนึ่งในนิยาย คงจะมีแรงดึงดูดบางอย่างที่ทำให้ริมฝีปากเราขยับเข้าหากัน

ผมหลุบมองริมฝีปากบางของแมทธิวตามสัญชาตญาน...


Rrr… Rrrrr….

เสียงโทรศัพท์บ้านดัง พิซซ่าคงมาถึงคอนโดแล้ว แต่โดนยามข้างหน้าดักอย่างไม่ต้องสงสัย ผมจับมือแมทธิวออกจากหน้า แล้วลุกไปรับโทรศัพท์ด้วยหัวใจที่เต้นรัว

ว่ากันว่าดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ ตอนที่เราสบตากัน แมทธิวจะรู้สิ่งที่อยู่ในใจผมไหม เขาจะจับได้หรือเปล่า

ได้แต่ภาวนาอย่าให้เป็นอย่างนั้น เพราะผมได้คำตอบกับตัวเองแล้ว ว่าผมจะขอเก็บเกี่ยวช่วงเวลาที่เราใช้ร่วมกัน แล้วเมื่อถึงเวลา ผมสัญญาว่าผมจะไป...





.
.
.
บรรยากาศโคตรอึดอัด

ผมเหลือบมองแมทธิวที่มือหนึ่งถือพิซซ่า อีกมือถือโทรศัพท์ ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบจนผมเองที่ทนไม่ไหวหยิบรีโมทมากดเปิดโทรทัศน์

แมทธิวเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์มามองโทรทัศน์นิดหนึ่งก่อนจะหันมายิ้มให้ผมแล้วก้มหน้าจิ้มโทรศัพท์ต่อ ในขณะที่ผมเพ่งสายตาไปยังโทรทัศน์ตรงหน้า

ตาดู หูฟัง แต่สมองผมไม่รับรู้อะไรกับมันเท่าไร เพราะมัวแต่สงสัยกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง

แมทธิวรู้ได้ไงว่าเป็นเบอร์ผมตอนผมโทร.ไป จำได้ว่าไม่เคยให้เบอร์ เอ๊ะ หรือเคย...

เสียงพิธีกรรายการเงียบไปเพราะตัดเข้าโฆษณา ตอนนั้นเองผมถึงนึกขึ้นได้ว่าในตู้เย็นมีน้ำแข็ง ควรเอามากินกับน้ำอัดลมบนโต๊ะที่ยังไม่ได้แกะสักขวด

“ไปไหนอ่ะพี่แมน” แมทธิวช้อนตามองผมที่อยู่ๆ ก็ลุกขึ้นกะทันหัน

“ไปเอาแก้วกับน้ำแข็ง”



ผมเดินกลับมาพร้อมแก้วใส่น้ำแข็ง 2 ใบ แมทธิวผละจากโทรศัพท์ แล้วเอื้อมมืมารับแก้วไปวางบนโต๊ะ ก่อนจะก้มลงไปวุ่ยกับหน้าจอเล็กๆ นั้นตามเดิม

“คนคุยเยอะนะ”

“หืม?”  แมทธิวหันมามองหน้าผมที่นั่งลงข้างๆ พลางหยิบพิซซ่าชิ้นใหม่มากัด “ไม่เยอะหรอก ก็ปกติ”

“อือ...” ปกติของคนของสาธารณะแบบนั้นสินะ

“เออ พี่แมน”

“?” ผมเลิกคิ้วถามอีกฝ่ายแทนการพูดว่า ‘มีอะไร?’

“นิยายที่ผมยืมพี่ไปยังไม่ได้คืนเลยอ่ะ”

“อ๋อ...” ผมลืมไปแล้วด้วยซ้ำ “ไม่เป็นไร คืนเมื่อไรก็ได้”

“หึๆ” แมทธิวหัวเราะในลำคอเบาๆ แล้วหันมาจ้องหน้าผมจริงจัง “ตอนแรกนึกว่าจะไม่ได้คืนซะแล้ว อยู่ดีๆ  พี่ก็ตัดขาดกับผม”


“เงียบไปเหอะ มันผ่านไปแล้ว” ผมยกแก้วน้ำมาดื่มแก้เก้อ แอบชำเลืองมองปฏิกิริยาอีกฝ่าย พอเห็นแต่รอยยิ้มกับแววตาล้อเลียน ผมเลยตีหน้านิ่ง

“ฮ่าๆๆ” แต่นอกจากน้องแมทธิวจะไม่สลดยังหัวเราะร่วนใส่พี่อีก ผมก็อยากจะโกรธนะ แต่มองความสดใสตรงหน้าแล้วมันก็ได้แต่ปล่อยอีกฝ่ายหัวเราะไป

ผมยิ้มออกมาบางๆ เมื่อเห็นคนที่กำลังหัวเราะสะดุ้งเพราะโทรศัพท์ในมือสั่น มือหนากดรับมันก่อนจะยกโทรศัพท์แนบหู

“ครับพี่ทราย คิดถึงจัง....” ผมมองใบหน้าเปื้อนยิ้มละมุนที่ตัวเองชื่นชอบตั้งแต่ยังตามมองอยู่ไกลๆ หูสองข้างฟังเสียงออดอ้อนของแมทธิวกับปลายสาย


อันที่จริงผมก็สงสัยนะ ว่าตอนที่ผมกับน้องไม่เจอกัน อีกฝ่ายจะทำอะไรอยู่


“หืม จริงๆ ก็ไม่ได้ยินเสียงพี่ตั้งนาน...”


จะมีผมอยู่ในสักเสี้ยวหนึ่งของความคิดบ้างไหม เพราะผมไม่ได้หวังว่าเขาจะคิดถึงผมแบบที่ผมคิดถึงแมทธิวอยู่แล้ว


“อ๋อ ครับ ถ้างั้นไม่เป็นไร...”


แต่ตอนนี้ ผมพอใจแค่นี้ แค่ได้กลับมาคุยกันเหมือนเดิมก็ดีแล้ว


“ครับ คร้าบ ทานข้าวเย็นด้วยนะ...”


ผมไม่อยากรู้จักแมทธิวไปมากกว่านี้แล้ว สังคมของเขา ชีวิตของเขา

เรื่องบางเรื่องรู้เยอะไปก็ไม่ดี


 “อ้าวเหรอ งั้นอย่าลืมทานอย่างอื่นแทนนะครับ ฝันดีล่วงหน้าครับ”


ปล่อยให้เราต่างมีโลกของใครของมัน ยังไงซะโลกของผมกับแมทธิวก็ไม่มีวันมาบรรจบกันได้อยู่แล้ว...







เห็ดมาแล้น หายไปหลายวันอยู่เพราะขี้เกียจพิมพ์  :katai5:  แต่วันนี้เร่งพิมพ์เลย :katai4: เพราะกลัวทุกคนคิดถึง(หลงตัวเองมาก) ไม่มีอะไรมากแค่อยากขอบคุณทุกคนที่กดเข้ามาอ่านและคอมเม้นท์ค่ะ รักเหมือนเดิม จากเห็ดหอม

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
Re: ☼รักใสๆ ของนายแมน☼| up ch.6 (17/1/59)
«ตอบ #29 เมื่อ17-01-2016 13:28:44 »

โถ พี่แมนคนดี


ตะล่อมน้องสิคะ หว่านเสน่ห์ให้น้องเลย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด