Text_book#2 ภาคผนวก ก.P.32[3/08/2562]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Text_book#2 ภาคผนวก ก.P.32[3/08/2562]  (อ่าน 279382 ครั้ง)

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
โอ้ยยย อดดูก้นแน่นๆของหมอเลย

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เริ่มมีมุ้งมิ้งกันแล้ว  ทิด หวงฮาร์ฟด้วยอ่ะ :o8:
มีการสั่งให้ฮาร์ฟเลือกกาวน์แบบยาว เพรากลัวคนเห็นเรียวขายาว กับก้นแน่นๆ
แถมกำชับซะด้วย
"ถ้าคุณเอาแบบสั้นผมจะกัดลิ้นตายหนีไปเกิดใหม่เดี๋ยวนี้แหละ" :hao5:
รออย่างใจจดใจจ่อ  :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ phoenixa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 569
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
ทำไมทิดจะหวงอะไรปานนั้น
คนมองก็ทำได้แค่มองป่ะ
อยากเห็นก้นแน่นๆ

ไม่ค่อยเข้าใจทิดเลย ทำไมไม่บอกอะไรฮาร์ฟบ้าง

ออฟไลน์ treenature

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0
มีมุมมุ้งมิ้งด้วย แต่ตกลงทิดคือใครกัน รู้สึกผิดกันใคร?  :katai1:

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
 :mew1:ชอบเรื่องนี้มากค่ะ เอาใจช่วยทั้งคู่ให้ happy ending ค่ะ

ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1

ฮาร์ฟมองทิด แล้วพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติเพราะสิ่งที่เห็นนั้นมันเป็นไปไม่ได้เลย หมายถึงอะไรคะ
และที่บอก จิตใต้สำนึกของฮาร์ฟรู้สึกผิดกับใครมากเกินไป ใครคะ และที่ได้เห็นเป็นแบบนั้นคืออะไร เห็นแบบไหน
ลุ้นค่ะลุ้น

Happy Ending จริงนะคะ


ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
ขี้หวงชะมัด  อิอิ

ออฟไลน์ natsikijang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 540
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-4
ฉากหวานน่ารักกุ๊กกิ๊กดีค่ะ อยากให้ทิดได้มีโอกาสขับรถพาคุณหมอฮาล์ฟไปเที่ยว จู๋จี๋ในห้องกันแบบคนรักทั่วไปจัง ตอนนี้เริ่มจะบอกรักกันแล้วด้วย  อยากรู้จัง ทิดเป็นใคร

ออฟไลน์ cinnsin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
งานหวงก็มาาาาาา 555555 ทำใจนะทิดนะ ก็พี่หมอเขาน่ารัก >/////<

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
เดี๋ยวนะ
โรแมนติค? คอมเมดี้?
นี่ฉันอ่านพลาดตัวอักษรไหนไปหรือเปล่า? ถึงได้รู้สึกอารมณ์พวกนี้ได้อย่างเบาบางยิ่งกว่าวิญญาณพ่อทิดเสียอีก

ก้นแน่น ๆ ฮือ.....อดเลย
ทิดขี้หวงว่ะ

ออฟไลน์ rayaiji

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 817
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
    • ray's deviantart
ยิ่งใกล้เหมือนยิ่งไกลจีจี  พ่อตัวเองรักษาแสดงว่าก็ต้องอยู่ใกล้ๆกัน แต่ทำไมตามที่ รพ.ไม่เจอ?

ออฟไลน์ appattap

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ดีกับใจมากๆค่ะ หมอฮาร์ฟน่ารักก
 :katai2-1:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ Zxjmm

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เพิ่งเข้ามาอ่านรู้สึกว่าตัวเองพลาดมากกกกก
พอถึงตอนนี้รู้สึกสงสารหมอวินทร์นิดหน่อย

ออฟไลน์ chaoyui

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
ปมเยอะแยะไม่หมด สารภาพว่าแก้ไม่ออกสักปม :ruready

ออฟไลน์ 182x406

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
โอ๊ยย ตายแล้ว น่ารักมาก น่ารักมากมากเลยค่ะ
ฮื ออออ /ชูป้ายเชียร์ทิดสักร้อยป้าย
มีหึงด้วยอะ แง เขิน555555

ยิ่งอ่านยิ่งอยากรู้ว่าฮาร์ฟกับทิดมีอะไรเกี่ยวข้องกัน?
แต่คิดว่าต้องเคยรู้จักกันมาก่อนแล้วแน่ๆ
รอมาต่ออย่างใจจดใจจ่อเลยค่ะ รัก

ออฟไลน์ iota

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +83/-2
ทิดเริ่มมีกำลังใจที่จะอยู่ต่อแล้ว :n1: เราจะสู้ไปด้วยกัน

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
Bside(s) my side (ต่อ)

“เป็นอะไร” อทิฏฐ์ถามคนที่เอาแต่ลอบมองเขาเป็นระยะพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แต่ก็ไม่ยอมพูดอะไรออกมา

“เพิ่งรู้ว่าคนเราตายได้สองรอบ” นรกรบอกพลางเปิดประตูตู้ล็อกเกอร์ในห้องเปลี่ยนชุด หลังจากวัดตัวเสร็จเขาก็โดนโทรตามให้มาเข้าเคสผ่าตัดฉุกเฉิน สุดท้ายแล้วเขาก็ยอมเลือกกาวน์ยาวเพราะกลัวคนที่ยืนกอดอกจ้องหน้าถมึงทึงจะกระโดดกัดคอช่างตัดเสื้อโทษฐานคะยั้นคะยอจะให้เขาถอดเสื้อเพื่อวัดตัวให้ได้ทั้งที่ไม่จำเป็นสักนิด

“ผมก็แค่เป็นห่วง” อทิฏฐ์พูดอ้อมแอ้ม จะให้ตอบตรงๆ ว่าหวงก็เกรงใจเพราะไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะทำแบบนั้นได้

“จะห่วงอะไร หุ่นขี้ก้างแบบผมจะมีใครเขาอยากดู ช่างตัดเสื้อเขาก็พูดแซวไปอย่างนั้นแหละ”

“ขี้ก้างตรงไหน แบบนี้เขาเรียกผอมเพรียว แถมก้นก็แน่นน่าตีจริงๆ น่ะแหละ ชิ ยัยช่างนั่นตาดีชะมัด” แล้วยกมือขึ้นปิดปากเพิ่งรู้ตัวว่าหลุดพูดอะไรออกไป อทิฏฐ์เหลือบตามองคนข้างตัวที่หันมามองเขาเช่นกัน

“เมื่อกี้คุณว่าไงนะ

“เปล่า” ส่ายหน้าโบกมือพัลวัน “แค่บ่น… ยุงน่ะว่ามันมาบินตอมอยู่ได้น่าตีชะมัด” และรู้สึกโล่งอกขึ้นมาทันทีที่นรกรคงจะฟังไม่ทันจริงๆ เพราะเจ้าตัวไม่ได้เค้นถามอะไรต่อ

“ทิด”

“อะไรครับ”
“ถอยออกไปหน่อย ผมจะเปิดประตู”

“คุณจะเปิดตู้เอาอะไร ยังเปลี่ยนชุดไม่เสร็จสักหน่อย”

“อย่าถามมาก บอกให้ถอยก็ถอยไปเหอะน่า”

อทิฏฐ์เลิกคิ้วขึ้นสูง แต่พอเห็นนัยน์ตาสีอ่อนที่มองมาทางหางตากับมือซึ่งถือเสื้อสีเขียวของห้องผ่าตัดปิดหน้าอกเปลือยเปล่าไว้ครึ่งหนึ่งเขาก็เข้าใจ ใครว่านรกรฟังไม่ทัน นี่ได้ยินเต็มสองหูเลยต่างหาก จริงๆ แล้วเขาก็อยากจะหันหนีดีๆ อยู่หรอกนะ แต่พวงแก้มที่เข้มขึ้นจนออกแดงระเรื่อไปจนถึงใบหูดูน่าเอ็นดูนั้นทำให้เขาอดจะแกล้งต่อไม่ได้ “แหมคุณ จะมาอายอะไรเอาตอนนี้เล่า ผมเห็นออกจะบ่อยแถมยังทุกซอกทุกมุม…” พูดไม่จบประโยคดีประตูตู้ล็อกเกอร์ก็เหวี่ยงผ่านร่างไปดังตึง! กลายเป็นกำแพงโลหะเล็กๆ กั้นทั้งสองเอาไว้ “ฮาร์ฟฟฟ เป็นอารายยย~ งอนเหรอ”

ไม่มีเสียงตอบรับจากอีกฟากของบานประตู จนกระผ่านไปอีกอึดใจประตูก็ถูกดึงปิด ร่างสูงโปร่งในชุดหมีสีเขียวของห้องผ่าตัดยืนหน้ามุ่ย มือก็ดึงชายเสื้อลงซ้ำแล้วซ้ำอีก ทั้งที่มันเข้าที่เข้าทางดีแล้วแท้ๆ

“ดูไปก็ทำอะไรไม่ได้ คุณก็น่าจะปล่อยๆ ให้ผมดูไปนะ” อทิฏฐ์ยังไม่เลิกแซว

“ก็เพราะทำอะไรไม่ได้น่ะสิถึงไม่อยากให้ดู” นรกรกระซิบอ้อมแอ้ม และรีบก้าวยาวๆ ผ่านหน้าไปเพื่อหนีเข้าห้องผ่าตัด

“ผมรออยู่ข้างนอกนะ” อทิฏฐ์ทำเป็นปากดีตะโกนตามหลัง แต่พออีกฝ่ายลับตาไปเขากลับทรุดตัวลงนั่งยองๆ บนพื้นและยกมือปิดหน้าแน่นด้วยความเขิน ให้ตายสิ! สาบานได้ว่าเขาไม่ได้เป็นเกย์ ไม่เคยแม้แต่จะคิดชอบผู้ชายและหลงรักผู้หญิงชื่อเพียงพิรุณเพียงคนเดียวมาทั้งชีวิตจนไม่คิดว่าจะรักใครได้อีก

แต่ทำไมตอนนี้ ไม่ว่าผู้ชายจืดชืดแถมยังเป็นเด็กเนิร์ดเต็มขั้นคนนี้จะทำหรือจะพูดอะไรทำไมหัวใจเจ้ากรรมมันต้องเต้นแรงจนแทบจะคลั่งทุกทีเลยนะ

 ...หัวใจเต้น?...

อทิฏฐ์ยกสองมือขึ้นทาบที่หน้าอก

แน่นอนว่ามันไม่มีอะไรในอากาศที่ว่างเปล่า แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกว่ายังมีอะไรบางอย่างขยับอยู่ตรงนั้น รับรู้ถึงความอ่อนแรงล้า หากก็ดิ้นรนที่จะทำหน้าที่ต่อไป

เขาเงยหน้าขึ้นมองไปตามทางที่นรกรเดินหายเข้าไปอีกครั้ง สองมือกำเป็นหมัดแน่นก่อนจะลุกขึ้นยืน

แม้จะอยู่ในห้องที่แทบจะไม่มีแสง แต่ถ้าหากตอนนี้ใครสักคนบังเอิญเดินเข้ามา ถึงจะไม่มีสัมผัสพิเศษแบบนรกรแต่เขาจะได้เห็นชายหนุ่มร่างสูงโปร่งหน้าตาหล่อเหลาที่กำลังเดินทะลุผ่านประตูออกไป

อทิฏฐ์อาจไม่เคยรู้ตัวว่าความชัดเจนของรูปลักษณ์ของตัวเองนั้นขึ้นอยู่กับความตั้งใจที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ หากใครคนหนึ่งรู้ แต่ก็เลือกที่จะเฝ้าดูอยู่เงียบๆ บนหลังตู้ล็อกเกอร์

หญิงสาวผมยาวในชุดกระโปรงสีขาวถดเรียวขาที่ห้อยไว้ขึ้นไปกอดแนบอกพลางโยกตัวเบาๆ ถึงอยากบอกใจแทบขาด แต่ไม่อาจฝืนชะตาฟ้าลิขิต เพราะถ้าทำได้เธอก็คงทำไปตั้งนานแล้ว...

oooooo

อทิฏฐ์ออกเดินไปตามทางที่เริ่มคุ้นเคยในโรงพยาบาล พลางทบทวนเรื่องราวของตนเองในหัว

คนทุกคนมีความผิดพลาด...

แต่ความผิดพลาดในครั้งนี้ของเขามันเกินกว่าจะให้อภัย

เขาอาศัยอยู่ต่างจังหวัดในที่ที่ค่อนข้างห่างไกลในภาคอีสาน ครอบครัวของเขาเป็นชนชั้นกลางที่มีรากฐานดั้งเดิมมาจากการทำนา จนถึงรุ่นพ่อกับแม่ที่เป็นครูทั้งคู่ทำให้มีกำลังพอจะส่งเสียลูกชายคนเดียวมาเรียนโรงเรียนในตัวจังหวัด

ต้องยอมรับว่าพ่อกับแม่ไม่เคยเลี้ยงให้ต้องลำบาก แต่เขาก็ไม่เคยพอใจในสิ่งที่ตัวเองมี การที่พ่อแม่มีอาชีพครูไม่ใช่เรื่องน่าอายหากมันไม่มากพอจะให้ไปอวดใครได้ เขามีความทะเยอทะยานสูง และโชคดีที่ตัวเองมีความสามารถมากพอจะตอบสนองความต้องการนั้น

เขาสอบได้ที่หนึ่งของชั้นมาโดยตลอด เล่นกีฬาก็เก่งอยู่ในทีมฟุตบอลโรงเรียนไปคว้าแชมป์มาหลายต่อหลายครั้ง ทั้งยังเป็นเดือนคณะ พยายามทำตัวเองให้เด่นดังเพื่อเป็นที่ยอมรับ

และทั้งหมดที่เขาทำก็เพื่อผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขาหลงรัก เพียงพิรุณเป็นคนสวย ครอบครัวของเธอเป็นตระกูลผู้ดีเก่าเจ้าของรีสอร์ทและที่ดินหลายร้อยไร่

เมื่อเรียนจบมหาวิทยาลัยเขาก็โหมทำงานหามรุ่งหามค่ำเพื่อถีบตัวเองขึ้นมาให้เทียมเท่าเธอ เพื่อที่วันหนึ่งจะได้ไปขอความรักจากเธอโดยไม่ถูกพ่อแม่ของเธอดูแคลน

แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขาลืมไป เขารักเธอมากในขณะที่เธอมองเขาเป็นเพียงพี่ชายที่แสนดี เมื่อไม่รักก็คือไม่รัก มันไม่สามารถแปรเป็นอย่างอื่นได้ ซ้ำเธอยังยินยอมพร้อมใจแต่งงานกับผู้ชายที่ครอบครัวหมายหมั้นให้ตั้งแต่เด็ก

ความฝันทั้งหมดพังทลายเหลือเพียงเถ้าธุลี

แล้วความผิดพลาดมันก็เริ่มต้นขึ้น เมื่อเขาเริ่มเกลียดตัวเอง เริ่มกินเหล้าเมาหัวราน้ำ งานการไม่ทำและถึงขั้นขาดงานไปเสียเฉยๆ หลายต่อหลายครั้ง

พ่อกับแม่พยายามเข้ามาเตือนสติ แต่เขาก็ไม่เคยฟังและเถียงด้วยถ้อยคำหยาบคาย

หัวใจที่ช้ำรักกับพิษสุราไม่ได้ทำให้เขาให้แค่ตามืดบอด แต่มันทำให้เขาหลงลืมพระคุณผู้ให้กำเนิด

จนในสุดเขาก็ตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง ด้วยการกินยานอนหลับในเช้าวันงานแต่งงานของเธอ

เขาโทรเรียกให้เธอมาหาบอกมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย แน่นอนว่าเธอต้องมาตามประสาน้องสาวที่แสนดี

แต่เธอมาเร็วเกินไปเพราะต้องรีบไปแต่งหน้า ทำให้มาเห็นตอนยายังไม่ทันจะออกฤทธิ์ เธอคิดว่าเขาแค่ยังนอนไม่ตื่นและกลับไปเตรียมงานต่อ

แม่เป็นคนเข้ามาเจอเขาก่อนและตามพ่อให้พาส่งโรงพยาบาล ตอนนั่นเขาไม่รับรู้อะไรแล้ว หมอพยายามล้างท้อง ให้น้ำเกลือ และยาต่างๆ เรียกได้ว่าทำทุกวิถีทางเพื่อยื้อชีวิตเขาคืนมา

เขานอนโรงพยาบาลไม่กี่วันร่างกายที่เคยกำยำเริ่มผ่ายผอมเพราะก่อนหน้านั้นก็แทบไม่กินอะไรอยู่แล้วนอกจากเหล้า
นับวันอาการมีแต่ทรงกับทรุด ก็จะมีแรงสู้ไหวได้อย่างไรในเมื่อใจมันยอมแพ้เสียแพ้

หลายครั้งที่น้ำตาของบุพการีที่หยดลงบนหลังมือทำให้เขาสำนึกได้ว่าอะไรคือความรักที่แท้จริง และคิดอยากจะเริ่มต้นใหม่

ทว่า เหมือนชีวิตยังสามารถตกลงเหวที่อยู่ในนรกได้อีก เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนและโชคร้ายก็มาตกลงที่ครอบครัวของเขา

แม่จากเขาไปอย่างไม่มีวันกลับ

ตอนนี้เขาเหลือแต่พ่อที่นอนโคม่าอยู่เตียงข้างกัน

คิดถึงตรงนี้น้ำตาก็ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว เมื่อคำพูดสุดท้ายที่เขาพูดกับพ่อคือ “ผมเกลียดพ่อ และผมจะตายให้พ่อดู”

อทิฎฐ์หยุดเดินและเงยหน้าขึ้นมองฝ้าเพดานพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าจนสุด

นรกรอาจมองว่าเขาเป็นคนดีที่คอยพูดเตือนสติและอยู่เคียงข้างเสมอถึงได้รู้สึกดีกับเขา แต่เปล่าเลย เขาก็แค่คนธรรมดาคนหนึ่งที่เคยทำสิ่งที่ชั่วช้ามาก่อนและไม่อยากให้นรกรทำผิดพลาดเหมือนเขาแล้วต้องมาทนทุกข์กับผลกรรมนั้นทีหลัง

ไม่ใช่ว่ารักไม่ได้ แต่เขาไม่มีค่าพอให้นรกรมารักด้วยซ้ำ

เขาทอดสายตามองร่างของพ่อที่ต่อสายช่วยชีวิตระโรงระยางอยู่บนเตียง แล้ววางมือลงบนฝ่ามือเหี่ยวย่น

“พ่อครับ ผมขอโทษ”

ทันที่ที่พูดจบเขารู้สึกได้ถึงแรงที่บีบมือตอบกลับมาเหมือนกับจะเริ่มรู้ตัว อทิฏฐ์ขยับเข้าไปใกล้มากขึ้นอีก
แต่แล้วรอยยิ้มในหน้าพลันจางหายลงทันทีเมื่อมือของพ่อหลุดออกจากมือของเขาอย่างอ่อนแรงพร้อมๆ กับที่เสียงเตือนของมอนิเตอร์ข้างเตียงแผดดังขึ้น

ติ๊ด... ติ๊ด... ติ๊ดดดดดดดด

ประตูห้องเปิดผัวะออกแทบจะในทันทีพร้อมกับที่พยาบาลประจำห้องไอซียูสามคนวิ่งเข้ามาและเริ่มทำการช่วยเหลือ

“คนไข้หัวใจหยุดเต้น ตามหมอเร็ว”

นายแพทย์เจ้าของไข้วิ่งมาถึงในไม่กี่นาทีถัดมา แล้วภาพตรงหน้าก็เคลื่อนไหวไปอย่างรัวเร็วคล้ายกับมีคนกำลังกรอหนัง เสียงอื้ออึงฟังไม่ได้ศัพท์ แต่ถึงอย่างนั้นเขากลับเข้าใจทุกสิ่งอย่างว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น

ร่างของอทิฏฐ์เซไปพิงผนังด้านหลังบุคลากรในชุดขาวที่กำลังกลุ้มรุมช่วยชีวิตร่างบนเตียง ก่อนจะทรุดลงคุกเข่าบนพื้น

สองมือปล่อยทิ้งลงข้างตัวอย่างหมดเรี่ยวแรง เขาไม่ได้ร้องไห้ น้ำตามันแห้งเหือดไปหมดแล้วนับแต่ตอนที่แม่จากไป

ความหวังที่เริ่มมีแหลกสลายลงในพริบตา เมื่อตอนนี้ไม่มีอีกแล้วที่ที่จะให้เขาไป

oooooo

   “เป็นอะไรหมอ ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ” ศาสตราจารย์สรวิชญ์ทักลูกศิษย์ตนที่นั่งประสานมือไว้ตรงหน้าในห้องตรวจของ OPD ที่ตอนนี้แทบจะไม่มีคนอยู่แล้ว

   วินทร์เม้มปากอยู่อึดใจ กำลังจะตอบหากผู้ผ่านน้ำร้อนมาก่อนก็เข้าใจและดึงเก้าอี้นั่งลงตรงหน้า

   “ผมบอกคุณแล้วว่าให้ลาพักร้อนต่อวันนี้อีกวัน”

   “ผมโอเคครับ”

   ศาสตราจารย์สรวิชญ์กวาดตาดูคนตรงหน้าเงียบๆ เมื่อวานเป็นวันครบรอบวันตายของคุณแม่ของวินทร์ และถึงจะไม่เคยขอเป็นกรณีพิเศษแต่เขาก็แอบช่วยดูตารางเวรให้ว่างไว้ตลอดเพื่อให้ชายหนุ่มได้ไปไหว้หลุมศพหรือทำกิจกรรมทางศาสนา หรืออะไรก็ตามที่เจ้าตัวต้องการ

“ถ้าคุณว่างั้นผมก็จะไม่พูดถึงเรื่องนั้น แต่ผมจะขอถามถึงอีกเรื่องแทนแล้วกัน”

   วินทร์เงยหน้าขึ้นสบตา “เรื่องอะไรครับ”

   “ข้อตกลงของเรา” ศาสตราจารย์สรวิชญ์บอก “นี่ก็ห้าปีแล้ว ดูท่าจะยังไม่มีวี่แววสำเร็จนะ ผมว่าคุณถอดใจได้แล้วมั้ง... เรื่องที่จะขออนุญาตจีบลูกชายผมน่ะ” แล้วอดยิ้มเยาะเล็กๆ ตรงมุมปากไม่ได้

   ข้อตกลงนี้เริ่มต้นเมื่อห้าปีก่อน ในวันที่ชายหนุ่มในชุดกาวน์สั้นเดินเข้ามาหาเขาที่ภาควิชาศัลยกรรมประสาทและสมอง อันที่จริงวินทร์สอบสัมภาษณ์ตกไปแล้วแม้จะสอบผ่านข้อเขียนด้วยคะแนนดีเยี่ยม และที่สำคัญคือมันมากว่าคะแนนของลูกชายของเขาที่อุตส่าห์ทำลายสถิติคะแนนสูงที่สุดของปีก่อนๆ ไว้ด้วยซ้ำ

นั่นจึงทำให้เขาสนใจจะเรียกคุณหมอคนนี้กลับมาสอบสัมภาษณ์อีกครั้งเป็นการส่วนตัว และพอมาคิดๆ ดูตอนหลัง บางทีการที่อาจารย์ธนบดีไม่ชอบหน้าเขาส่วนหนึ่งอาจจะมาจากสาเหตุนี้ก็ได้เพราะมันเป็นการหักหน้าหัวภาควิชาซึ่งยื่นเรื่องส่งผอ.โรงพยาบาลไปแล้วว่ามีผู้สอบผ่านแค่สองคน

ใบหน้าของคุณหมอหนุ่มประหม่าจนเห็นได้ชัด แต่แววตาจริงจังและน้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นจนเขาอดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมคนอื่นๆ ถึงให้สอบตก บางทีอาจเป็นเพราะสาเหตุทีวินทร์ป่วยหนักต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลนานอยู่เกือบหนึ่งปี ซ้ำยังมีประวัติพบหมอจิตเวชเพื่อป้องกันเรื่องภาวะซึมเศร้าอีก

แล้วมันยังไงล่ะ... เขายอมรับว่านั่นสำคัญมากพอจนจะตัดสินอนาคตคนๆ หนึ่งได้ แต่ในอีกด้านหนึ่ง เขากลับมองเห็นสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น

คนเราเดินสะดุดหินล้มครั้งแรกเป็นบทเรียน แต่ครั้งที่สองเรียกว่าโง่

ซึ่งเขาไม่คิดว่าคุณหมอหนุ่มคนนี้จะมีครั้งที่สอง นอกจากนั้นเขายังมี ‘บทเรียนชีวิตราคาแพง’ ที่จะนำไปถ่ายทอดและเป็นตัวอย่างให้คนอื่นๆ ได้อีก

และนั่นทำให้ศาสตราจารย์สรวิชญ์กล้าที่จะเสี่ยงยื่นข้อตกลงนั้นออกไป

‘ผมรับคุณเป็นแพทย์ประจำบ้านสายศัลยกรรมประสาทและสมอง โดยมีข้อแม้ว่าคุณต้องมาเป็นอาจารย์ที่นี่หลังจากเรียนจบ’

แต่วินทร์กลับปฏิเสธข้อตกลงที่ถ้าเป็นคนอื่นคงรีบกระโดดรับไว้อย่างไม่ใยดี หนำซ้ำยังกล้ายื่นข้อเสนอใหม่กลับคืนมาด้วยซ้ำ

‘ผมไม่ต้องการเป็นอาจารย์ที่นี่ แต่ถ้าคุณอยากจะให้ผมเป็น ผมขออนุญาตจีบลูกชายคุณได้ไหมครับ’

กล้าขอ เขาก็กล้าให้

“ตัดใจซะเถอะนะ” ศาสตราจารย์สรวิชญ์พูดซ้ำ

   วินทร์กำมือแน่น “ผมก็รับ ‘ตำแหน่งอาจารย์’ ให้แล้วนี่ไงครับ”

   คิ้วของผู้สูงวัยเลิกขึ้นเล็กน้อย

   “ทุกอย่างยังคงเป็นไปตามข้อตกลง” วินทร์ยืนยัน

“ถึงแม้ว่าฮาร์ฟจะไม่รักคุณเลยน่ะเหรอ” ศาสตราจารย์สรวิชญ์ถามต่อ “ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าฮาร์ฟรักใคร แต่ในสายตาของเขา ผมไม่เคยเห็นว่ามันจะมีคุณอยู่ในนั้นสักนิด”

“ไม่เป็นไรครับ”

“ถ้างั้นก็พยายามเข้านะ” ศาตราจารย์สรวิชญ์ลุกขึ้นยืน แล้วก็นึกอะไรขึ้นได้ “ขอผมถามหน่อยได้ไหมว่าทำไม” มันเป็นคำถามที่เขาถามตั้งแต่เมื่อห้าปีที่แล้ว และจนถึงตอนนี้คำตอบที่ได้ก็ยังคงเป็นความเงียบเช่นเดิม ศาสตราจารย์สรวิชญ์พ่นลมออกจมูกอย่างจนใจจะเค้นเอาคำตอบ “ไม่ตอบก็ไม่เป็นไร แต่ยังไงก็ช่วยไปจัดการกับหนวดเครารุงรังเหมือนมนุษย์ถ้ำนั่นหน่อยได้ไหม ผมรู้ว่าลูกชายผมคงไม่คบกับคนที่หน้าตา แต่อย่างน้อยก็เห็นแก่พิธีจบการศึกษาเดือนหน้าที่มีผมเป็นประธานในพิธีหน่อยละกัน”

ทิ้งท้ายไว้เท่านั้นแล้วก็กลับออกไป ปล่อยให้คุณหมอหนุ่มจมอยู่กับความคิดของตัวเองอีกครั้ง

ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากตอบ หรือว่ากลัวที่จะพูดมันออกไป เพียงแต่คำๆ นั้นเขาแค่อยากจะพูดให้นรกรได้ยินเป็นคนแรก และถึงแม้สุดท้ายแล้วจะไม่ได้พูดออกไปชั่วชีวิตก็ไม่เป็นไร เพราะความรู้สึก ‘รัก’ ที่มียังไงก็ไม่มีวันหายไป

เมื่อผู้ชายคนนั้น คือ ‘หัวใจของเขา’    

   วินทร์เก็บของเตรียมจะไป ตอนนั้นเองที่เปิดกระเป๋าเป้เห็นคลับแซนวิซไส้ไข่ชีสของโปรดของใครบางคนแล้วถอนหายใจ ตั้งใจว่าจะให้เป็นมื้อเช้าแต่ก็ดันลืมซะสนิท ตอนนี้ก็เกือบจะบ่ายโมงแล้วไม่รู้ว่านรกรจะผ่าตัดเสร็จแล้วได้กินอะไรหรือยังเพราะเจ้าตัวเป็นพวกห่วงงานมากกว่าห่วงตัวเอง เขารูดซิปกระเป๋าและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตั้งใจจะโทรชวนไปกินข้าวด้วยกัน ก่อนจะเปลี่ยนใจไปเพียงลำพังเพราะตอนนี้เขายังไม่พร้อมถ้าต้องโดนปฏิเสธสองวันติดกัน

oooooo

   เพราะเป็นเคสที่ไม่ยากทำให้นรกรผ่าตัดเสร็จเร็วกว่าที่คิด เขาปลี่ยนชุดจนเสร็จพลางกวาดตามองหาอทิฏฐ์แต่ก็ไม่เห็นแม้เงา “หายไปไหนของเขานะ”

   “เห็นเดินออกประตูไปน่ะ”

เสียงแหบแห้งดังตอบคำถามของเขา นรกรเหลือบตาขึ้นมองหญิงสาวที่นั่งกอดเข่าโยกตัวเบาๆ อยู่บนหลังตู้ล็อกเกอร์

“ไปไหนครับ”

เธอส่ายหน้าจนเรือนผมยาวสะบัดกระจายเป็นวงในอากาศให้แทนคำตอบ

“ขอบคุณครับ” นรกรค้อมศีรษะ เขากำลังจะอออกไปแล้วก็นึกอะไรขึ้นได้ บางทีผีสาวตนนี้อาจจะรู้คำตอบที่เขานอนคิดมาทั้งคืนก็ได้  “คุณครับ ขอผมถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ”

หญิงสาวหยุดโยกตัว เธอเงยหน้าที่ซูบตอบเหลือแต่กะโหลกขึ้นมาจ้องดูเขาอยู่อึดใจ ก่อนจะตวัดขาลงมาห้อยไว้เหมือนทุกครั้ง เอามือยันกับขอบตู้ล็อกเกอร์แล้วชะโงกตัวลงมาตอบคำถาม “คะ คุณหมอ” เสียงของเธอยานคางราวกับจะขาดใจ

“ทำไมคุณถึงไม่ไปผุดไปเกิดครับ คุณจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน”

“ไม่รู้สิคะ เราทุกคนที่นี่รู้แค่เพียงว่าที่ยังไปไหนไม่ได้เพราะยังไม่ถึงเวลาของเรา” เธอตอบตามตรง “คุณหมอรู้จัก ‘ตายโหง’ ไหม”

นรกรพยักหน้า เขาเคยได้ยินอาจารย์องค์อินทร์พูดเรื่องนี้ครั้งหนึ่ง “แล้วเวลาที่ว่าน่ะเมื่อไหร่ครับ เราจะรู้ได้ยังไงหรือมีใครบอก”

“ไม่มีใครบอกได้ค่ะ ก็แค่รอ รอไปเรื่อยๆ และเมื่อถึงเวลานั้นเราจะรู้เอง”

“เหรอครับ” นรกรเสียงอ่อยไปเล็กน้อย แบบนี้เขาก็ไม่มีทางคาดเดาหรือรู้ล่วงหน้าเลยใช่ไหมว่าอทิฏฐ์จะอยู่กับเขาได้อีกนานแค่ไหน “เอ่อ… ผมมีอีกคำถามครับ ทำไมพวกคุณคุยกันได้ แต่ทำไมเขาถึงคุยกับพวกคุณไม่ได้ล่ะ”

ผีสาวนิ่งคิดอยู่อึดใจ ไม่ใช่ไม่รู้คำตอบแต่เธอไม่รู้จะพูดออกไปได้ยังไง “คนเป็นไม่ชอบคุยกับคนตายฉันใด คนตายก็ไม่ชอบคุยกับคนเป็นฉันนั้นน่ะแหละ”

“ยังไงครับ”

“ก็ตามนั้นแหละค่ะ ฉันบอกคุณหมอได้แค่นี้” แล้วเธอก็ตวัดขากลับขึ้นไปกอดไว้ตามเดิมก่อนจะซุกหน้าลงไปเป็นการตัดบท

แต่เพียงเท่านั้นก็พอแล้วสำหรับนรกร

“ขอบคุณมากครับ” ค้อมศีรษะขอบคุณอีกครั้งและรีบวิ่งออกไปทันที

จริงอยู่ว่าตอนนี้เขาไม่ยังรู้ว่าอทิฏฐ์หายไปไหน แต่ถ้าหากว่าเรื่องที่ผีสาวพูดเป็นเรื่องจริง เขาก็รู้แล้วว่าจะไปตามหาได้ที่ไหน เพราะจริงๆ แล้วมันเป็นที่ๆ เขาควรจะไปมาตั้งนานแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายยืนยันว่าตัวเองตายไปแล้วเขาจึงไม่คิดจะไปที่นั่นอีก

เขาเชื่อจนหมดใจว่าผีสาวพูดความจริง ไม่ใช่เพราะคิดเข้าข้างตัวเอง แต่ไม่มีประโยชน์อะไรที่เธอต้องโกหก

แต่ทำไมล่ะ ทำไมอทิฏฐ์ต้องโกหกเขา หรือว่าจริงๆ แล้วเจ้าตัวก็ไม่รู้ตัวเหมือนกัน

คุณหมอหนุ่มก้าวออกจากลิฟต์มาหยุดยืนมองป้ายที่เขียนว่า ‘หอผู้ป่วยอายุรกรรมหก’

“ก็แค่เข้าไปถาม เหมือนถามหาคนไข้เอง”

เขาให้กำลังใจกับตัวเอง พยายามไม่คาดหวังว่าจะได้เจอกับใครหรืออะไร

“สวัสดีครับ” นรกรกล่าวทักทายพยาบาลสาวร่างอวบซึ่งกำลังนั่งหน้ามุ่ยอยู่หลังแฟ้มคนไข้ที่กองท่วมหัว

เธอเงยหน้าขึ้นมอง “มีอะไรเหรอคะคุณหมอ”

“ผมมาหาคุณพยาบาลผู้ชายที่ชื่ออธิษฐ์น่ะครับ เขาอยู่วอร์ดนี้ใช่ไหมครับ”

“โปรดน่ะเหรอคะ” เธอเอ่ยชื่อเล่นของคนที่เขามาตามหา และเขาก็นึกจำได้ทันทีเพราะเจ้าตัวแนะนำว่ามันพ้องกับชื่อจริงซึ่งมาจากคำว่าอธิษฐาน

“ใช่ครับ”

“น้องเขาไปฉีดยาให้คนไข้อยู่น่ะค่ะ คุณหมอนั่งก่อนสิคะเดี๋ยวสักพักก็คงมา”

นรกรกวาดตามองไปรอบหอผู้ป่วยที่มีคนไข้นอนอยู่เต็ม เตียงที่ติดเคาน์เตอร์จะเป็นคนไข้ที่ต้องให้การดูแลอย่างใกล้ชิดที่ทั้งที่ยังใส่ท่อช่วยหายใจและไม่รู้สึกตัว “ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าที่นี่มีคนไข้ที่กินยาฆ่าตัวตายเพิ่งย้ายมาจากไอซียูศัลยกรรมไหมครับ”

พยาบาลสาวนิ่งคิดอยู่อึดใจ “ถ้าเป็นคนไข้ที่กินยาฆ่าตัวตายไม่มีนะคะแต่ถ้าเป็นคนไข้ที่ย้ายมาจากไอซียูศัลยกรรมละก็มีค่ะ นอนอยู่เตียงสี่”

นรกรเกือบจะไม่สนใจอยู่แล้ว แต่เพราะความบังเอิญของหมายเลขเตียงทำให้เขาต้องถามต่อเพราะบางทีหมายเลขเตียงที่อทิฏฐ์เห็นอาจจะไม่ใช่เตียงในไอซียู “ขอโทษนะครับแล้วคนไข้เป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย”

“ผู้ชายค่ะ”

“อายุเท่าไหร่ครับ”

“25ปีค่ะ”

นรกรนิ่งคิดอยู่อึดใจนั่นน้อยกว่าที่เคยคำนวนไว้ แต่ก็ถือว่าใกล้เคียง “แล้วเขาทำงานอะไรครับ”

“วิศวกรค่ะ”

“แล้ว…”

“คนไข้ชื่อศุภพัฒน์ค่ะ เป็นคนเชียงใหม่ และถ้าคุณหมออยากทราบอะไรอีก นี่ค่ะ แฟ้มประวัติคนไข้” เธอบอกพลางส่งแฟ้มเล่มที่ว่าให้

“ไม่แล้วครับ ขอบคุณมาก ผมขอไปดูคนไข้หน่อยได้ไหมครับ”

“เชิญเลยค่ะ” พยาบาลสาวกล่าวพลางผายมือบอกทาง

นรกรเดินตรงไปที่เตียงนอนซึ่งอยู่ในสุดติดกับหน้าต่าง ทุกๆ ย่างที่ก้าวเข้าไปใกล้ หัวใจก็เต้นรัวแรงขึ้นทุกที

ในที่สุดเขาก็มาหยุดยืนข้างเตียงหมายเลขสี่ ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่นอนหลับตาพริ้มอยู่ มีผ้าห่มของโรงพยาบาลคลุมจนถึงคอ หน้าอกที่กระเพื่อมขึ้นลงเบาๆ ไปตามจังหวะหายใจบอกให้รู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่

ถึงจะยังไม่แน่ใจ แต่ผู้ที่นอนอยู่ตรงหน้าก็ดูคล้ายมากเกินไปเสียจนเขาอดหวังลึกๆ ไม่ได้ว่าจะใช่

ปลายมือที่โผล่พ้นขอบผ้าออกมาดูเหมือนจะขยับน้อยๆ จนนรกรอดจะเอื้อมมือไปจับไว้ไม่ได้ ฝ่ามือนั้นใหญ่และเย็น แต่ก็จับต้องได้ สัมผัสตุบเบาๆ ของชีพจรที่กระทบปลายนิ้วช่วยยืนยันอีกเสียงว่าคนๆ นี้ยังคงมีชีวิต

“อทิฏฐ์” นรกรหลุดปากกระซิบออกไป

คนถูกเรียกขยับตัวเล็กน้อยตอบสนองต่อเสียงเรียก เขารีบปล่อยมือออกก่อนที่ฝ่ามือนั้นจะเป็นฝ่ายเอื้อมมารั้งมือเขาไว้เสียเอง

“จะไปไหน” เสียงทุ้มกระซิบถามทั้งที่ยังหลับตา

หัวใจของนรกรเต้นแรงขึ้นอีกจนเจ็บไปทั้งหน้าอก “เปล่า”

“นึกว่าจะไม่มาหากันแล้วซะอีก”

“มาสิ ก็สัญญาไว้แล้วนี่นา” นรกรตอบ

“หิวข้าวจัง กี่โมงแล้วอะโปรด”

หากสรรพนามที่เรียกไม่ใช่ชื่อตนทำให้นรกรพูดไม่ออก เกิดความรู้สึกเจ็บแปลบลึกๆ ร้าวไปทั่วกับความผิดหวัง

คนที่อยู่บนเตียงลืมตาตื่นเต็มตาในที่สุด “อะ… อ้าว ขอโทษทีครับคุณหมอ ผมแค่ละเมอน่ะ” พร้อมกับปล่อยมือและค้อมศีรษะขอโทษ

นรกรกำมือของตนที่กลับมาว่างเปล่าอีกครั้งแน่นแล้วสอดลงในกระเป๋าเสื้อกาวน์เพื่อซ่อนไม่ให้ใครเห็นว่ามันกำลังสั่น “ไม่เป็นไรครับ”

“ตื่นมาก็หาเรื่องแกล้งคุณหมอเขาเลยนะ”

นรกรหันไป แล้วพยาบาลหนุ่มคนที่เขามาตามหาเดินเข้ามาร่วมวง

“เปล่าสักหน่อย ฉันละเมอจริงๆ” คนไข้รีบบอก

“เห็นพี่อุ้มบอกว่าคุณหมอมาถามหาผมมีธุระอะไรเหรอครับ” อธิษฐ์ถาม

นรกรเหลือบมองคนที่นอนบนเตียงพลางบอกธุระของตน “เอ่อ… มันออกจะแปลกสักหน่อย แต่ผมอยากให้คุณช่วยนึกดูหน่อยว่าเคยเจอหรือดูแลคนไข้กินยาฆ่าตัวตายไหมครับ”

“คำถามยากจัง ผมอยู่วอร์ดอายุรกรรมนะครับเจอเคสแบบนี้แทบทุกวัน”

“งั้นเอ่อ…”

“อย่าไปดุคุณหมอเขาสิโปรด” คนไข้แซวดูท่าเขาจะสนิทกับพยาบาลหนุ่มไม่น้อย

“ไม่ได้ดุสักหน่อย” อธิษฐ์หันไปปรามด้วยสายตาก่อนจะหันมาถามต่อ “คุณหมอพอจะให้รายละเอียดอะไรได้อีกไหมครับอย่างชื่อ เพศ รูปร่างหน้าตาหรือสาเหตุที่พยายามฆ่าตัวตาย”

“เรื่องชื่อผมไม่ทราบครับ รู้แต่ว่าเขาเป็นผู้ชาย แล้วยาที่กินเป็นยานอนหลับ สาเหตุที่กินก็เพราะอกหัก แล้วก็เหมือนจะเคยนอนที่ไอซียูศัลยกรรมเตียงสี่”

“ไม่คุ้นเลยครับ” อธิษฐ์บอก “ถ้าเคยนอนไอซียูทำไมคุณหมอไม่ไปถามที่นั่นล่ะครับ ผมทำงานอยู่วอร์ดสามัญนะ”

“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมากนะครับ” นรกรค้อมศีรษะ “ขอโทษนะครับแล้วคุณป่วยเป็นอะไรมาเหรอครับ” เขายังคงติดใจสงสัย

“เรื่องมันซับซ้อนน่ะครับ” คนไข้ว่า

“โดนคนที่แอบชอบมาตั้งแต่เด็กหักอกน่ะครับ” พยาบาลหนุ่มตอบแทน

“โปรด”

“หมอถามก็ต้องให้ประวัติให้ครบถ้วนสิ” อธิษฐ์ว่า

“แล้วยังไงอีกครับ” นรกรถามต่อ เพราะมันใกล้เคียงกับเรื่องราวที่ได้ฟังมามากทีเดียว

“ก็กินไม่ได้นอนไม่หลับจนโรคกระเพาะถามหา แถมยังฉี่เป็นเลือดจนเพื่อนต้องหามมาส่งโรงพยาบาลครับ แถมวันก่อนยังดันแอบหนีลงไปซื้อขนมที่เซเว่นจนตกบันไดกระดูกข้อเท้าร้าวมาด้วย” พลางพยักเพยิดให้ดูขาข้างซ้ายซึ่งใส่เฝือกยาวจนถึงหัวเข่า

“แหม ชมกันต่อหน้าแบบนี้ก็เขินแย่สิ”

“ด่า” อธิษฐ์ว่า “แล้วยังไม่สลดอีกนะ”

คุณหมอหนุ่มมองคนสองคนตรงหน้า พอจะเดาได้ถึงความสัมพันธ์ที่มากเกินคนรู้จัก และแอบลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่ ‘อทิฏฐ์’ ที่เขามาตามหาแน่นอน ไม่ใช่แค่เพราะเรื่องราวที่ได้รับฟัง แต่เขาสัมผัสได้ถึงความแตกต่างของบรรยากาศยามที่อยู่ใกล้กัน และนึกอิจฉาในใจว่าอยากให้อทิฏฐ์มีชีวิตขึ้นมาพูดคุยจับต้องได้แบบนี้บ้าง อย่างน้อยเวลาที่สารภาพความในใจอีกฝ่ายจะได้ไม่อ้างว่าเพราะตัวเองตายไปแล้วได้อีก

“ขอให้หายไวๆ นะครับ” เขาอวยพรก่อนจะกลับออกไปเพื่อตามหาที่อื่นต่อ

เมื่อคุณหมอหนุ่มคล้อยหลังไป คนไข้ที่นอนอยู่บนเตียงจึงพูดขึ้น “ไม่ลองนึกดูอีกสักหน่อยเหรอโปรด ท่าทางเป็นคนไข้สำคัญมากเลยนะ คุณหมอเขาถึงดูกังวลขนาดนั้น”

“นึกแล้ว" พยาบาลหนุ่มบอก

“แล้ว…”

“มีอยู่คนนึง” อธิษฐ์ว่า “ตรงตามที่บอกมาทุกอย่าง เป็นคนไข้ที่ฉันไม่เคยลืมเลยเพราะเป็นคนไข้ที่ดูแลสมัยเป็นนักเรียนพยาบาลน่ะ”

“อ้าว แล้วทำไมนายไม่บอกเขาไปล่ะ”

พยาบาลหนุ่มเหลียวมามอง “นายลืมอะไรไปหรือเปล่าเทมส์ ฉันเรียนจบแล้วนะ เรื่องมันตั้งแปดปีมาแล้วไม่ใช่คนที่คุณหมอมาถามหาหรอก”

“แล้วตอนนี้คนไข้คนนั้นเป็นยังไงบ้าง นายได้ข่าวเขาบ้างไหม”

“ก็สบายดี เมื่อวันก่อนยังเจอกันอยู่เลย ฉันถึงได้บอกไงว่ามันเป็นไปไม่ได้หรอกที่จะมาถามหาอะไรเอาป่านนี้”

“อะไรกันนี่แอบไปมีความหลังอะไรกับคนไข้ด้วย ชักจะหึงซะแล้วสิ”

“ดูพูดเข้า เดี๋ยวเตะตกบันไดให้ขาหักอีกข้างเลย ฉันจะไปทำอย่างนั้นกับคนไข้ได้ยังไง”

คนถูกว่ายิ้มกรุ้มกริ่ม “แล้วฉันล่ะ”

พยาบาลหนุ่มเหลือบตามองเพดานพร้อมกับถอนหายใจ “ฉันไปทำงานต่อดีกว่า”

******************** TBC***********************

ในที่สุดก็ได้รู้เรื่องของผู้ชายคนนี้แล้วใช่ไหมคะ

มาถึงตรงนี้คงเข้าใจแล้วว่าทำไม ฮาร์ฟ กับ อทิฏฐ์ ถึงได้มาเจอกัน

เพราะทั้งคู่ต่างมี  ‘เสียงร้องขอความช่วยเหลือในใจที่ตะโกนออกไปสุดเสียง’

กระตุกปมสุดท้ายแล้วนะคะ คิดว่าหลายคนคงอ๋อแล้วกะลังบ่น(ด่า) คนเขียนในใจหรือเปล่า555

ปล.ตอนนี้ยังไม่จบ ยังมีอีกหลายหน้า ขอเวลาดริฟต์อีกนิด ใบ้นิดนึงว่ามีดารารับเชิญมาช่วยเฉลยด้วย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-05-2016 09:15:05 โดย leGGyDan »

ออฟไลน์ im4gine_32

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
คือว่าคาใจมากจนได้อ่านวนไปหลายรอบ จนมีฟามรู่สึกว่า...คนที่อธิษฐ์พูดถึงเนี่ยคือหมอหนุ่มที่ตามจีบลูกชายของอ.สรวิชญ์อยู่ใช่หรือไม่คะ! 5555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ polkadot

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 54
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
สรุปคือ ทิดตายไปแล้วหรือยังไม่ตายกันแน่ เริ่มงงละ เรื่องมันเกิดเมื่อ8ปีก่อน แต่ทำไมฮาฟเพิ่มเจอทิดตอนนี้ และถ้าทิดยังไม่ตายแล้ววิญญาณออกมาจากร่างได้ยังไง แล้วที่ทิดนอนหลับไม่ยอมตื่นใกล้ตายและพ่อของฮาฟยื้อชีวิตอยู่นั่นคืออะไร งงงงงง

ออฟไลน์ natsikijang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 540
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-4
สุดท้ายฮาร์ฟก็หาอทิดไม่เจอ แต่คงไม่นานแล้ว เพราะฮาร์ฟเริ่มมาตามหาแล้ว สงสัยวินนะ ตามจีบฮาร์ฟมาตั้งนาน สุดท้ายก็แห้ว

ออฟไลน์ Yunatsu

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-5
 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
โอ้ยยยยยยย ทำไมมมมมมมมมมม ตื่นเต้นมากก
เอามาอ่านอีกได้ไม๊
โอ้ยยย เมื่อไหร่จะเข้าร่างได้
หรือต้องให้พ่อหมอบอกงะ
โอ้ยย
ยากจะคาดเดา
แล้วพี่วินทร์ เกี่ยวอะไรกับ พระเอกของเราไม๊
แม่ตายเหมือนกันเลย

ออฟไลน์ May@love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 827
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-2
ท้ายสุดฮาร์ฟก็ยังหาทิดไ่ม่เจอ

ทิดนอนหลับมาแปดปีแล้วเหรอ
แล้วไปแอบอยู่ตรงไหนมาฮาร์ฟถึงไม่เคยเจอ

ลุ้นต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ PookPick

  • มองฉัน รักฉันสิ!
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
ทิดคือพี่วินทร์!!! แหงๆ # สปอยไปแล้วรึป่าววะเรา 5555

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ตามมาจากER อ่านรวดเดียวเลยค่ะ สนุกมาก
อ่านแต่ละตอนก็ลุ้นจนวางไม่ลง 555555
งงเลยค่ะทีนี้ สรุปว่าทิดอยู่ไหน เป็นใครกันแน่
จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ สู้ๆค่ะ

ออฟไลน์ fanglest

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
หืมมม งงอะ. ตกลงทิดฟื้นแล้ว
แล้ว?  อะไรผ่านไป 8 ปี ฟื้นมานานรึยัง
ยังไม่ออกจากโรงบาลใช่มั้ย
ฮาร์ฟ พยายามเข้านะ

ออฟไลน์ phoenixa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 569
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
ห๊ะ อะไร ยังไงนะ
หรือ ทิดคือพี่วินทร์ ไม่จริงน่าาา
แต่คนไม่ใช่ก็คือไม่ใช่หรือเปล่า


ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
บอกได้สั้น ๆ #ทีมวินทร์

เราเริ่มปวดตับปวดไตแล้ว อ่านจากตอนนี้เราคิดว่าวินทร์กับทิดน่าจะเป็นคนเดียวกัน
เดาไม่ออกว่าคนเขียนจะโยงยังไง ให้เห็นเห็นว่า มีทั้งวินทร์และทิดในเวลาเดียวกัน แต่เขาเป็นคนเดียวกัน

แต่เราว่า ถึงจะเป็นคนเดียวกันก็ไม่ให้ช่วยให้อะไรง่ายขึ้น เพราะฮาร์ฟไม่ได้ชอบวินทร์
และถ้าเราเป็นวินทร์ เราก็คงเกลียดตัวเองมากถ้ารู้ จะเอาทิดออกจากชีวิตก็ไม่ได้ เพราะมันคือตัวเอง

ส่วนฮาร์ฟ...ถ้าหากคิดแบบธรรมดามาก ๆ ไม่อิงนิยายเรื่องใด ๆ
จะให้ทำใจชอบวินทร์ที่ไม่ได้ชอบมาก่อนเลย ด้วยเหตุผลว่า เพราะวินทร์คือทิด อันนี้ก็ไม่น่าได้ ยังไงก็ทำใจไม่ได้
ถึงบอกว่าไม่ได้ช่วยให้อะไรง่ายกับการรู้ว่าสองคนคือคนเดียวกัน
เพราะที่ผ่านมา เหมือนวินทร์กับทิดคือคนละคนกันอยู่แล้ว และคนที่ฮาร์ฟก็ชอบคือทิด

เป็นกำลังใจให้ค่ะ ลุ้นอยู่ว่าคนเขียนจะเขียนไปในทิศทางไหน แต่ยังไงเราก็ #ทีมวินทร์ เหมือนเดิม

แม้ไม่ใช่คนโปรดดดด อย่างคนอื่นเขา แม้จะดูว่างเปล่า...ในสายตาเธอ...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-05-2016 10:39:39 โดย ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า »

ออฟไลน์ chaoyui

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
วินกับทิดคนเดียวกันหรอ งงค่ะ ขอไปอ่านใหม่อีกหลายๆรอบ  :katai1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด