Text_book#2 ภาคผนวก ก.P.32[3/08/2562]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Text_book#2 ภาคผนวก ก.P.32[3/08/2562]  (อ่าน 279109 ครั้ง)

ออฟไลน์ Inwoสูs

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
ทิดดดด หมอจะร้องไห้แล้วนะ ทิดหายไปนานอะ แล้วแบบนี้ ใครจะพาหมอไปเที่ยว(ร้านเกม) พาไปกินข้าว  :hao7:

ออฟไลน์ phoenixa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 569
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
ผิดหวังกับฮาร์ฟมาก ไม่ควรปล่อยปละละเลยตัวเองขนาดนี้

ออฟไลน์ im4gine_32

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
พี่วินทร์จะเป็นทิดจริงๆหรอ...แต่คนมันไม่ใช่ไปแล้วมันจะกลับมาใช่ก็ยังไงๆอยู่ แต่เหมือนคนเขียนบอกว่าพระเอกเป็นทิดไม่พลิก..โอ๊ยย...ไม่กล้าเดาได้แต่รอตอนต่อปายยย

ออฟไลน์ fanglest

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
เดี๋ยววววว. งงงงงงงงง มากกกก
อะไรยังไงเนี้ย
จากที่ตอนแล้วๆมาเรานึกว่าทิดเรียนวิศวะซะอีก
แต่ดันมาคล้ายๆกับวิน เอ้า งง
วินญาณทะลุมาอนาคตเหรอ
ทำไมตอนทิดอยู่ วินก็ยังอยู่ล่ะ เอ้างง
นี่ตกลง คนเขียนจะให้เข้าใจว่าทิตคือวินใช่มะ
มันก็มีเค้าลางอยู่
แต่ time มันไม่ได้อะ
อะไรยังไงเนี้ย สับสนมากมาย
รอตอนต่อไปแล้วกันค่ะ
--*

ออฟไลน์ Yunatsu

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-5
 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:

โอ้ยยยยย พี่วินทร์ทำคะแนนใหญ่แล้ว
สงสารฮาฟฟฟฟฟ

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
สรุปว่าทิดเป็นใครเนี่ย เหมือนจะเป็นพี่วินทร์ แต่จะใช่รึป่าวก็ไม่รู้  :katai1:

ออฟไลน์ Roman chibi

  • Death is not the end. Death can never be the end. Death is the road. Life is the traveller. The soul is the guide.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3
อ่านแล้ว วิเคราะห์ไปมา งงหมดเลย  :katai4:
รอติดตามตอนต่อไปอยู่นะคะ  o13

ออฟไลน์ banazjj

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 103
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
สงสัยไปหมดเลย รอความกระจ่างต่อไป  :katai1:

ออฟไลน์ miniHONEE

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อ่านรวดเดียวจนถึงตอนล่าสุด
มีความมั่นใจเต็มเปี่ยมเลยว่าผีทิดกับพี่วินทร์เป็นคนคนเดียวกันชัวร์ คือเริ่มตงิดตั้งแต่ช่วงกลางๆแล้ว ยิ่งอ่านมาถึงตอนที่ทิดบอกว่าฝนมักจะเรียกทิดว่า'พี่' ยิ่งมั่นใจเลย
คนแต่งผูกโยงเนื้อเรื่องได้ดีมากค่ะ แรกๆอ่านเหมือนไม่มีอะไรนะ แต่พออ่านไปเรื่อยๆทั้งตอนสร้างปมแล้วค่อยๆคลายไปทีละปม เรายิ่งรู้สึกว่ามันดีอะ มีความลึกซึ้ง มีที่มาที่ไป
ปกติเราจะอยู่แต่ในเงามืดแต่นี่ต้องล็อคอินเข้ามาเม้นเลยอ่ะ ชอบมากค่ะ ติดตามนะคะ อยากรู้ว่านรกรจะรู้ความจริงทั้งหมดได้ยังไง แล้วพี่วินทร์จะทำยังไงต่อไปเพราะดูท่าแล้วนรกรยังฝังใจกับทิดอยู่แล้วก็ไม่ได้ระคายเลยสักนิด(ก็ไม่แปลก ถ้านรกร'เชื่อ'ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องราวในช่วงของ'ปัจจุบัน')

ออฟไลน์ May@love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 827
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-2
รอลุ้นตอนต่อไปค่ะ สู้ๆนะฮาร์ฟ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
บทที่ 14 Still


ในห้องผ่าตัดแคบๆ เต็มไปด้วยบุคลากรมากมายทั้งวิสัญญีแพทย์-พยาบาล พยาบาลผู้ช่วยส่งเครื่องมือผ่าตัดอีกอย่างน้อยสองถึงสามคน ทุกคนอยู่ในตำแหน่งเตรียมพร้อม ภายใต้แสงสว่างจ้าจากโคมไฟผ่าตัดเหนือหัวมีร่างเล็กของลลินนอนอยู่บนเตียง
เธอถูกโกนผมออกทั้งหมดและใส่ท่อหายใจดมยาสลบเป็นที่เรียบร้อย

ศาสตราจารย์สรวิชญ์ซึ่งเป็นเจ้าของไข้เปิดโอกาสให้ทั้งสองแสดงฝีมือเพราะอีกไม่ถึงหนึ่งเดือนทั้งสองต้องผันตัวจากผู้ถูกสอนมาเป็นผู้สอน ส่วนตัวเขาก็เข้าไปนั่งสังเกตการณ์อยู่หลังกระจกในห้องที่อยู่ติดกัน โดยที่เขาก็แต่งตัวไว้พร้อมอยู่แล้วถ้าหากเห็นท่าไม่ดีก็จะรีบเข้าไปรับช่วงต่อ

“พร้อมนะ” วินทร์ถามคนในชุดปลอดเชื้อตั้งแต่หัวจรดเท้าที่ยืนอยู่ข้างกัน

นรกรพยักให้แทนคำตอบ เขาสูดลมหายใจเข้าจนสุดก่อนจะหยิบมีดขึ้นมา

การผ่าตัดเริ่มต้นไปอย่างราบรื่น จนกระทั่งเปิดมาเจอก้อนเนื้อร้าย มันมีสีออกคล้ำ และปกคลุมด้วยเส้นเลือดที่มาเลี้ยง

เขาค่อยๆ เลาะมันออกด้วยความระมัดระวัง พยายามตัดเลี่ยงเส้นเลือดเพื่อให้เกิดการสูญเสียน้อยที่สุด แต่ก็ทำได้ยากยิ่งเพราะเส้นเลือดที่มันเกาะอยู่มีขนาดใหญ่และมากมายเหลือเกิน

เลือดเริ่มออกมากขึ้นทุกทีจนวิสัญญีแพทย์เริ่มเติมเลือดทางสายน้ำเกลือให้ไม่ทันทำให้ความดันตกลงเรื่อยๆ

“พอก่อนไหมหมอ คนไข้จะไม่ไหวเอานะ”

นัยน์ตาสีอ่อนเหลือบมองกระปุกที่ดูดเอาเลือดเสียทิ้งออกมาจนเต็มไปสองกระปุกแล้ว ซึ่งเท่ากับว่าตอนนี้ลลินเสียเลือดไปราวสองลิตร แต่การผ่าตัดเพิ่งดำเนินไปได้แค่ครึ่งเดียว

จะพอแค่นี้และรอให้ลลินฟื้นตัวแล้วกลับมาผ่าตัดซ้ำอีกครั้งก็ได้ แต่ก้อนเนื้อร้ายนี้อยู่ลึกมากการจะเลาะเข้ามาได้ถึงจุดนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย และการดมยาสลบหลายครั้งก็ไม่ส่งผลดีกับร่างกายของเธอเลย

แต่ถ้าจะไปต่อ...

ในขณะที่กำลังลังเลนั้นเองที่เขาเห็นเงาร่างของเด็กสาวที่กำลังผ่าตัดอยู่ยืนอยู่ปลายเตียง
ใบหน้าของลลินซีดเผือด เธอเดินอ้อมคนอื่นๆ ซึ่งไม่มีใครเห็นมายืนที่ข้างศอกเขา ชะโงกหน้ามองดูสมองของตัวเองอยู่อึดใจก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ แล้วหันหลังเดินไปที่ประตู

นัยน์ตาสีอ่อนเบิกโตขึ้นเล็กน้อย เขาเข้าใจดีว่าท่าทีแบบนั้นของเธอมันหมายความว่าอะไร ทำให้เกิดคำถามในใจว่าหมออย่างเขาเองก็ควรจะถอดใจด้วยใช่ไหม

“หมอคะ” ทีมเริ่มวิตกเมื่อเห็นศัลยแพทย์มือหนึ่งไม่ตอบและชะงักมือไป บางคนเหลือบมองศาสตราจารย์สรวิชญ์ที่นั่งกอดอกดูอยู่หลังบานกระจก เขาเคาะนิ้วลงบนท่อนแขนเป็นจังหวะราวกับกำลังนับถอยหลัง

วินทร์สังเกตเห็นอากัปกิริยานั้น เขาใช้ปลายนิ้วก้อยสะกิดที่หลังมือครั้งหนึ่ง “มองอะไรฮาร์ฟ”

“ผม…”

ศาสตราจารย์สรวิชญ์เคาะนิ้วลงเป็นครั้งสุดท้าย และนิ่งมอง

“มองตาฉันสิ แล้วบอกมาว่าจะทำยังไง” วินทร์กระซิบถามที่ได้ยินกันแค่สองคน “ไม่สู้ก็เลิก แต่ถ้านายจะสู้ ฉันก็จะสู้กับนายเอง”

นรกรละสายตาจากร่างเล็กหันไปสบสายตาที่มองมาอยู่อึดใจ แล้วกลับไปมองเด็กสาวที่ยังยืนหันหลังคาอยู่ที่ประตูอีกครั้ง มือเรียวกำด้ามมีดแน่น

“เราจะสู้ต่อครับ” กระซิบเสียงเบา ทว่าหนักแน่น เขาหันมาพยักหน้าให้ทีม แล้วจรดปลายมีดอีกครั้งด้วยความเร็วที่มากขึ้นกว่าเดิม

ศาสจารย์สรวิชญ์ลดมือลงล้วงกระเป๋าและหยิบเอาโทรศัพท์ออกมากดส่งข้อความหาภรรยา

[วันนี้อยากกินข้าวต้มมื้อดึกฝีมือคุณจัง]



เด็กสาวหนีออกมานั่งอยู่หน้าห้อง ถัดออกไปไม่ไกลจากจุดที่พ่อกับแม่ของเธอกำลังกุมมือกันและช่วยกันอธิษฐานสุดหัวใจ เธอผ่อนลมหายใจแรงๆ ครั้งหนึ่ง นึกอยากจะเข้าไปขอโทษท่านทั้งสอง และไปบอกให้คุณหมอพอเสียทีเพราะเธอไม่อยากสู้อีกต่อไปแล้ว เมื่อใครคนหนึ่งร้องทัก

“มานั่งทำอะไรตรงนี้ครับ”

“คุณ!” ลลินอุทานพลางเหลียวหลังกลับไปมองในห้องผ่าตัดก่อนจะหันกลับมาจ้องคนตรงหน้าเขม็ง ไม่ได้ตกใจที่นานๆ ทีจะได้เจอชายหนุ่มร่างสูงหล่อมีใบหน้าคมสัน แต่เพราะเขาช่างละม้ายคล้ายคนที่กำลังช่วยทำการผ่าตัดให้เธออยู่ เพียงแต่ดูอ่อนเยาว์กว่าหลายปีและที่สำคัญคือดูสะอาดสะอ้านกว่า

“ขอนั่งด้วยคนนะ”

“ค่ะ” เธอยังคงจ้องเขาไม่วางตาในขณะที่เขานั่งลงและค้อมตัวมาด้านหน้าเล็กน้อยเพื่อให้ระดับสายตาเสมอกัน

“เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงคิดจะยอมแพ้ล่ะ” เขาเดาได้ไม่ยากเพราะถ้าใจยังสู้ก็คงไม่มานั่งห่อเหี่ยวทำหน้าเศร้าอยู่ตรงนี้

“เมื่อวานประกาศผลสอบ” ลลินเริ่มต้นเล่า “หนูสอบไม่ติด”

“ก็เลยถอดใจงั้นเหรอ”

ลลินพยักหน้าพร้อมกับหลุบสายตาลงต่ำ รู้สึกผิดกับคนที่กำลังพยายามช่วยเธอขึ้นมาจับใจ

“ฉันเข้าใจนะ ก็นั่นมันความฝันของเธอนี่นา” เม้มปากสนิทครั้งหนึ่ง “แต่รู้อะไรไหม บางทีคนเรามันก็ต้องมีแผนสำรองนะ”

เธอเงยหน้าขึ้นมอง “เช่นอะไรคะ”

“ฉันอกหัก แล้วฉันก็ฆ่าตัวตาย” เพราะไม่รู้จะยกตัวอย่างอะไร เขาจึงเล่าเรื่องของตัวเอง

เด็กสาวยกมือขึ้นปิดปากพลางหันกลับไปมองในห้องผ่าตัดอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้เข้าใจผิดไป “ไม่จริงน่า”

“จริงสิ ฉันถึงได้มาอยู่ที่นี่ไง” เขาเล่าต่อ “แต่ก็อย่างที่เธอเห็น ฉันยังไม่ตาย”

“แล้วนี่คือแผนสำรองของคุณเหรอ” เธอถามด้วยความสงสัย “ยังไงคะ หนูไม่เห็นเข้าใจเลย”

“สาเหตุที่ฉันอยากตายก็เพราะชีวิตฉันมันไม่เหลืออะไรแล้ว ทั้งอกหัก พ่อแม่ก็ตายหมด แต่เป็นเพราะ ‘เขา’ ทำให้ฉันรู้ว่าฉันยังมีที่ให้กลับมา”

“เขา?”

“คนที่อยู่ในห้องผ่าตัดและกำลังพยายามช่วยชีวิตเธอนั่นไง”

“พูดแบบนี้ตั้งแต่แรกก็รู้เรื่องแล้ว” ลลินหลิ่วตา

ชายหนุ่มยิ้มเขิน “การได้เฝ้ามองดูเขามันทำให้ฉันรู้ว่าชีวิตมันยังมีอีกหลายด้านที่ยังไม่เห็น ทั้งครอบครัวที่ไม่เคยพูดกันหรือทะเลาะกันทุกวันแต่ถึงอย่างนั้นเราก็ยังรักกัน เพื่อนร่วมงานที่เห็นนิ่งๆ แต่จริงๆ แล้วเขาอาจจะเป็นห่วงเรายิ่งกว่าใคร เราไม่จำเป็นต้องเกลียดแฟนเก่าและเป็นศัตรูกับแฟนใหม่ของเขา และเรื่องราวของคนไข้ที่ได้รับฟังในแต่ละวัน ความเจ็บป่วยมันก็เหมือนความโชคร้ายของฉัน มันเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากเจอ แต่ในเมื่อมันมาหาเราแล้วไม่ยอมไปไหน สิ่งที่เราทำได้คือต้องเข้มแข็ง ยอมรับและอยู่กับมันให้ได้ ดูอย่างเธอสิ ตัวแค่นี้แต่กลับสู้ยิบตากับโรคที่ไม่มีวันหาย” เขามองเธอพลางยิ้มกว้าง “นี่ล่ะแผนสำรองของฉัน แล้วเธอล่ะ… ปีนี้พลาดก็ยังมีปีหน้านี่ แต่ถ้าเธอยอมแพ้ตอนนี้โอกาสก็จะไม่มีอีกแล้วนะ”

เด็กสาวครุ่นคิดยังไม่ทันจะอ้าปากตอบ จู่ๆ คุณแม่ของเธอก็ร้องเสียงดังหลังจากรับโทรศัพท์สายหนึ่ง

ทั้งสองหันไปมอง

“จริงเหรอคะ! ค่ะ รับทราบค่ะ เธอจะไปค่ะ ไปแน่ๆ ขอบคุณมากนะคะที่โทรมา”

“เกิดอะไรขึ้นเหรอคุณ” พ่อถาม

“เมื่อกี้ทางมหาวิทยาลัยโทรมาบอกว่ามีคนสละสิทธิ์และเรียกลูกเราไปสอบสัมภาษณ์ค่ะ” แม่ชะงักไป น้ำใสเอ่อขึ้นเต็มสองตา “ฉะ… ฉันตอบตกลงเขาไปแล้ว เราจะได้พาลูกไปใช่ไหม”

“ผมแทบจะรอวันที่จะได้เห็นเธอใส่ชุดนักศึกษาไม่ไหวแล้ว” พ่อบอกพลางโอบแขนรอบบ่าที่สั่นสะท้านของแม่และบีบแรงๆ ครั้งหนึ่ง

“ท่าทางตอนนี้เธอก็น่าจะมีแผนสำรองของตัวเองแล้วนะ” เขาบอก “ว่าไง จะลองลุยดูอีกสักตั้งหรือจะปล่อยมันไปล่ะ”

“ไม่ค่ะ”

เขามีสีหน้าผิดหวังในทันที “ก็... เข้าใจนะ”

“ไม่ปล่อยไปแน่นอน” ลลินพูดต่อ

ชายหนุ่มหันมามอง ประกายในดวงตาที่หายไปของเด็กสาวกลับมาเจิดจ้าอีกครั้ง “ให้มันได้อย่างงี้สิ มา คนเก่งเดี๋ยวฉันเดินไปส่ง” พลางลุกขึ้นยืนและส่งมือให้ข้างหนึ่ง

ลลินเด้งตัวขึ้นจากเก้าอี้พร้อมทั้งคว้ามือนั้นไว้

“ทำไมคุณถึงมาช่วยหนูคะ” เธอถามระหว่างที่กำลังเดินไปด้วยกัน

“เพราะฉันรู้ว่าจริงๆ แล้วเธอยังไม่ยอมแพ้ เพียงแต่เหนื่อยเกินไป ก็เลยอยากหยุดนั่งพักสักนิด” เขาบอกยิ้มๆ “ฉันอยากเห็นทนายสาวคนเก่งเอาชนะคดีนี้ให้ได้นะ”

“คุณอยู่ตั้งแต่ตอนนั้นเลยเหรอคะ”

“ก่อนหน้านั้นนิดหน่อย” เขาแก้ให้ถูกต้อง “จะบอกอะไรให้ฟังนะลลิน จริงอยู่ว่าฉันอยากอยู่ต่อไปเพราะ ‘เขา’ แต่เธอคือคนที่ทำให้คนที่อยากจะ ‘ไป’ อย่างฉันเริ่มคิดถึงคำว่า ‘อยู่ต่อ’ นะ ความเข้มแข็งของเธอมันส่งผ่านมาถึงฉันด้วย… ขอบคุณมากนะครับ”

ลลินเงียบไปอึดใจ ริมฝีปากอมยิ้มน้อยๆ รู้สึกเต็มตื้นในหัวใจที่คนไม่มีอะไรอย่างเธอก็สามารถช่วยใครสักคนได้เหมือนกัน เธอบีบมือเขาแรงขึ้นเล็กน้อย “นี่”

“ครับ”

“สัญญากับหนูได้ไหม”

“อะไรครับ”

“เราสองคนจะไม่ยอมแพ้ไปก่อนจนกว่าจะได้พบกันอีกครั้ง”

“จนกว่าจะได้พบกันอีกครั้ง” เขารับคำ

ลลินพยักหน้าพลางปล่อยมือและเดินตรงไปยืนข้างเตียง “หนูกลับมาแล้วค่ะ” เธอบอกด้วยน้ำเสียงสดใสเหมือนอย่างเคย

ไม่มีใครได้ยินเสียงกระซิบเล็กๆ นั้นนอกจากศัลยแพทย์มือหนึ่งที่กำลังทำการผ่าตัด ใบหน้ายับย่นจากความเครียดเบื้องหลังหน้ากากระบายยิ้มกว้างไปจนถึงนัยน์ตา

ลลินยิ้มตอบนัยน์ตาสีอ่อนที่มองมาพลางพยักเพยิดไปทางประตูก่อนที่ร่างของเธอจะหายวับไป

นรกรเหลียวมองตามด้วยหางตา แล้วเขาก็เห็นใครคนหนึ่งยืนอยู่

ใครคนนั้นชูนิ้วโป้งให้สองข้างพร้อมกับส่งยิ้มกว้างที่ราวกับไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยมาให้เหมือนเคยก่อนจะหันหลังออกประตูไป

“เขาฝากบอกว่าจะรอคุณหมอในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าค่ะ” เสียงเล็กๆ ของลลินดังขึ้น

“มีอะไรเหรอ” วินทร์ถาม รู้สึกได้ถึงบรรยากาศของคนข้างตัวที่เปลี่ยนไป

“เธอกลับมาแล้ว” นรกรตอบพลางโยนชิ้นเนื้อก้อนใหญ่ลงในชาม นัยน์ตาสีอ่อนเหลือบมองมอร์นิเตอร์ซึ่งแสดงสัญญาณชีพที่ขึ้นมาอยู่ในเกณฑ์ปกติและสีผิวที่กลับมามีสีเลือดอีกครั้ง ก่อนจะวางมีดลงและหยิบเข็มสำหรับใช้เย็บแผลขึ้นมา “ขอบคุณพี่วินทร์มากนะครับที่มาช่วยกัน”

ศาสตราจารย์สรวิชญ์ที่นั่งดูอยู่ยกโทรศัพท์ขึ้นดูอีกครั้งแล้วลุกขึ้นยืน

“จะกลับแล้วเหรอคะอาจารย์” หัวหน้าพยาบาลประจำห้องผ่าตัดที่เดินผ่านมาร้องทัก

“เมียตามไปกินข้าวน่ะครับ” ตอบอย่างคนกันเอง

พยาบาลมองตามแผ่นหลังอาจารย์แพทย์จนกระทั่งประตูปิดก่อนจะไหวไหล่ครั้งหนึ่ง เพราะไม่บ่อยนักที่เธอจะได้เห็นเขายิ้มอย่างอารมณ์ดี โดยเฉพาะรอยยิ้มแบบนี้ ครั้งล่าสุดที่เห็นก็วันที่ทนยืนขาแข็งข้ามคืนผ่าตัดรวดเดียวสองเคสเพราะต้องรีบไปงานรับปริญญาลูกชายในตอนเช้า


หลังจากไปส่งลลินที่ไอซียูและรอดูจนแน่ใจว่าสัญญาณชีพคงที่ นรกรซึ่งยังอยู่ในชุดหมีก็วิ่งเต็มฝีเท้ากลับมาที่ห้องเปลี่ยนชุด

วินทร์กลับไปแล้ว และตอนนี้ก็ไม่มีเคสผ่าตัดอื่นๆ แล้วทั้งห้องจึงปิดไฟเงียบ

“อทิฏฐ์!” ด้วยร้อนใจจึงส่งเสียงเรียกไปก่อนที่จะเปิดไฟ และทันทีที่ดวงไฟกลางห้องสว่างขึ้น เขาก็แทบจะพุ่งเข้าใส่ร่างโปร่งแสงที่ยืนยิ้มอยู่

“ครับ”

“ยังมาทำหน้าระรื่นอีก เดินหนีออกมาทำไมอีกนิดเดียวผมก็จะผ่าตัดเสร็จแล้วแท้ๆ”

“ไม่ได้หนีสักหน่อยแค่ออกมารอ ก็ผมไม่ได้เป็นผี UHT นี่นาจะได้สะอาดปลอดภัย เลยกลัวว่าจะเอาเชื้อโรคไปติดน้องเขา”

นรกรนึกอยากกระโดดบีบคอคนช่างยวนให้ตายไปอีกหนให้รู้แล้วรู้รอด “แล้วนี่หายไปไหนมาหลายวัน รู้ไหมว่าผมเป็นห่วงแค่ไหน”

“ซ้อมตายน่ะ แค่อยากรู้ว่าจะมีใครร้องไห้ให้ผมไหม”

“ไม่ตลกนะ”

“ก็ไม่ได้เล่นตลกให้ดูนี่” เมื่อเห็นคุณหมอหนุ่มไม่ขำด้วยอทิฏฐ์จึงยอมเข้าเรื่อง “ฮาร์ฟ ผมมาลา”
“จากเป็นหรือจากตาย” นรกรถามตรงๆ

อทิฏฐ์กรอกตา “โดนจับได้แล้วสินะ”

“คุณจำได้แล้วใช่ไหม ทุกๆ อย่าง ทำไมคุณถึงไม่บอกผมล่ะ”

“เพราะผมแค่อยากจะเป็นอทิฏฐ์ของคุณ” เขาตอบและนั่นคือความจริงจากใจอย่างที่สุด “ให้คุณเห็นแค่ส่วนที่เป็นสีขาว ไม่ใช่สีดำที่น่ารังเกียจ”

“ฟังดูดีนะ” นรกรกระซิบ เข้าใจแล้วว่าสิ่งที่อทิฏฐ์ต้องการจะบอกจริงๆ ไม่ใช่คำลา หากกลับมาเพื่อขอให้ตัดใจลืมเขาไปต่างหาก “แต่คนเราไม่ได้อยู่ด้วยกันได้เพราะมองเห็นแค่ข้อดี แต่เป็นเพราะเรายอมรับข้อเสียของกันและกันได้ต่างหาก”

“ข้อเสียผมมีเป็นร้อยเลยนะ”

“ลองบอกมาสิ”

“จริงๆ แล้วผมเป็นคนซกมกมากหน้าหนาวก็ไม่ชอบอาบน้ำ สถิติสูงสุดที่เคยทำไว้คือเจ็ดวัน ขนก็เยอะแต่ดันไม่ชอบโกนหนวดแถมยังปากไม่ดีอีกนะ”

“ก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่”

“ขี้หวง”

“นั่นก็เพราะเป็นห่วงไม่ใช่เหรอ”

“ชอบแกล้ง”

“คุณก็แค่อยากให้ผมยิ้ม”

“ผมติดเหล้าด้วยนะ” ถึงตรงนี้เสียงของอทิฏฐ์แหบพร่าไปเล็กน้อย “คุณลองนึกถึงพวกขี้เมาที่ถูกส่งมารักษาแผนกจิตเวชสิ ตัวผมไม่ได้ดูดีแบบที่คุณเห็นตอนนี้หรอกนะ”

“ต่อให้คุณพิการผมก็รัก” นรกรว่า “คิดว่าผมสนใจเหรอว่าคุณรูปร่างหน้าตาแบบไหน อย่าลืมสิว่าตอนนี้คุณเป็นผีนะ ที่ผมรู้และเป็นสิ่งเดียวที่ผมสนคือหัวใจคุณที่มันเป็นของจริงและผมรักคุณตรงนั้น คุณก็เหมือนกับตำราที่ผมอ่านไม่ออกแต่ผมเข้าใจมันได้”

อทิฏฐ์มองคนตรงหน้า หมดข้อโต้แย้งใดๆ จะปฏิเสธ เขารู้สึกเหมือนหัวใจที่เคยแหลกสลายและโยนทิ้งไปถูกมือของผู้ชายคนนี้หยิบขึ้นมาประกอบใหม่ หากมันยังคงเปราะบางและเต็มไปด้วยรอยร้าว

แต่อย่างที่นรกรเคยบอกว่าคนเราไม่จำเป็นต้องลืมความรักครั้งเก่าเพื่อก้าวต่อไป

และตอนนี้เขาก็มั่นใจแล้วว่าจะก้าวไปกับใคร ทว่ามันยังไม่ถึงเวลานั้น

“ฮาร์ฟ” อทิฏฐ์เรียกพร้อมกับขยับเข้าไปใกล้มากขึ้นอีก “อย่าลืมสิว่าหนังสือทุกเล่มย่อมมีบทสุดท้าย และตอนนี้เรื่องของเรามาถึงบรรทัดที่เขียนคำว่า The End แล้ว” เว้นวรรคเล็กน้อยเพื่อสบตาคนตรงหน้าให้ชัดๆ รอจนนรกรพยักหน้ารับจึงพูดต่อ “ก่อนไป ผมจะไม่บอกให้คุณเข้มแข็งเพราะคุณมีมันมากพออยู่แล้ว มีสองสิ่งที่ผมจะขอและคุณต้องทำ สัญญานะ”
“อะไร”

“รักตัวเองให้มากเหมือนที่คุณรักผม อย่าทำร้ายตัวเองเพื่อคนอื่น ยิ้มให้ตัวเองเยอะๆ จำไว้ว่าในวันที่คุณไม่เหลือใครคุณยังมีตัวเองที่รักคุณนะ”

แม้ยากจะทำใจแต่นรกรก็ยอมพยักหน้า

“ข้อสองล่ะ”

“ลืมผมไปซะ”

“ไม่!” นรกรตอบทันที “ทำไมผมต้องลืมคุณด้วย”

“ถ้าเช่นนั้นก็อย่าปิดกั้นใครที่เข้ามา” เขาบอกอย่างอ่อนโยน “ให้คนที่รักคุณจริงๆ ได้มีโอกาสดูแลคุณ อย่าให้ความทรงจำที่มีร่วมกับผมมามีอิทธิพลเหนือคนที่อยู่ตรงหน้า ผมขอแค่ได้เป็นเศษเสี้ยวความทรงจำเล็กๆ ที่จะทำให้คุณยิ้มได้ยามเมื่อนึกถึงแค่นี้ก็พอ สัญญานะ”

นรกรไม่ยอมตอบเพราะเขารู้ดีว่าทันทีที่ตอบคนตรงหน้าจะจากไป

“ฮาร์ฟ สัญญานะครับ”

เมื่อโดนถามซ้ำอีกครั้งนรกรจึงยอมพยักหน้าอย่างไม่มีทางเลี่ยง

“ขอบคุณนะ แม้จะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ที่ได้อยู่กับคุณ แต่มันมีความหมายกับชีวิตของผมมาก” ปลายเสียงที่เริ่มสั่นทำให้เขาเม้มริมฝีปากสนิท อยากมีคำพูดที่ดีกว่านี้จะมอบให้แต่เขาก็นึกอะไรไม่ออกอีกแล้ว จึงเอ่ยซ้ำคำเดิม “ขอบคุณนะครับ”

แล้วร่างของเขาก็ค่อยๆ จางลงเรื่อยๆ กลายเป็นจุดแสงเล็กๆ ไล่ขึ้นมาจากปลายขา

“เดี๋ยวก่อนอทิฏฐ์” นรกรร้องเรียก “คุณยังไม่ได้ตอบคำถามผมเลยนะว่าตกลงคุณจะกลับมาหาผมใช่ไหม แล้วคุณเป็นใครกันแน่อย่างน้อยก็บอกชื่อจริงให้ผมรู้หน่อยได้ไหม ผมจะได้ตามหาคุณถูก”

ร่างโปร่งแสงขยับปาก ทว่าก็สายเกินไปแล้ว ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาเมื่อจุดแสงนั่นไล่ขึ้นมาถึงใบหน้า แล้วเขาก็หายไปพร้อมกับที่แสงสุดท้ายกะพริบดับลง

หากรอยยิ้มกว้างกับนัยน์ตาอบอุ่นนั้นยังคงติดตรึงอยู่ในตา นรกรไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้เห็นเป็นครั้งสุดท้ายกับคำอ่านของริมฝีปากที่อ่านได้ทันแบบครึ่งๆ กลางๆ

เขาเปิดตู้ล็อกเกอร์ออกและควานหาซองเอกสารที่ตฤณกรส่งมาให้เมื่อเช้า

ทันทีที่ภาพในซองถูกดึงออกมา นัยน์ตาสีอ่อนเบิกโพลง เขากวาดตามองดูรูปใบนั้นซ้ำไปซ้ำมา ในหัวเต็มไปด้วยคำถามว่า “ทำไม” กับ “มันเป็นไปไม่ได้”


(ต่อด้านล่างค่ะ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-05-2016 23:15:56 โดย leGGyDan »

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
(ต่อตรงนี้ค่ะ)

“ร่ำลากันเรียบร้อยแล้วสินะ”

ชายหนุ่มหันไปมองคนในชุดขาวที่เดินมือไพล่หลังเข้ามา ตอนนี้เขากลับมาอยู่ในพื้นที่ว่างเปล่าอีกครั้ง ต้องขอบคุณผู้ชายคนนี้ที่ทำให้เขาได้มีโอกาสบอกลา “คุณเป็นใครกันแน่ ยมบาล?”

“อย่าเอาฉันไปเปรียบเช่นนั้น ฉันก็แค่คนที่ติดต่อกับท่านได้” อาจารย์องค์อินทร์ตอบ

“คุณบอกว่าติดต่อกับยมบาลได้ใช้ไหม งั้นผมขอรบกวนฝากข้อความไปถึงเขาหน่อย”

“ด่าได้แต่อย่าแรงนะ ฉันแก่แล้วหัวใจไม่ค่อยแข็งแรง”

“ขอบคุณครับ”

คิ้วสีดอกเลาของร่างทรงเลิกขึ้นสูง

“ผมรู้ว่ามันไม่ถูกต้อง คุณจะคิดว่าผมบ้าก็ได้… แต่พูดไปคุณต้องไม่เชื่อแน่ๆ ว่าใน ‘นรก’ ที่คุณส่งผมมาลงทัณฑ์มีเทวดาอยู่องค์หนึ่ง และเขาก็น่ารักมากเลยด้วย”

“พูดแบบนี้แสดงว่าลืมที่ฉันเคยเตือนไปแล้วสินะ”

“ขอโทษนะครับ ไม่ใช่ว่าผมไม่เชื่อ เพียงแต่สิ่งที่คุณเรียกมันว่ากรรม... สำหรับผมมันคือพรหมลิขิต”

“คิดดีแล้วเหรอ” อาจารย์องค์อินทร์ถามกลับ “ก็เห็นแล้วนี่ว่าอะไรรออยู่ ฉันอุตส่าห์ให้โอกาสพ่อหนุ่มได้มาเห็นอนาคตก่อนที่จะตัดสินใจ แต่พ่อหนุ่มยังยืนยันที่จะเลือกกลับไปตกนรกทั้งเป็นโดยการ ‘เดินซ้ำรอยเดิม’ อีกอย่างนั้นเหรอ” อาจารย์องค์อินทร์ว่า “อย่าปล่อยให้ ‘น้ำตา’ มาทำให้พ่อหนุ่มมีห่วงสิ”

“แล้วคุณลืมที่เคยบอกผมแล้วเหรอครับ” อทิฏฐ์ถามกลับด้วยประโยคเดียวกัน “อย่ายึดติดกับอดีต อย่าไขว้คว้าหาอนาคต แต่จงอยู่กับปัจจุบัน… อีกอย่าง” เพียงแค่คิดถึงตรงนี้ริมฝีปากก็แอบซ่อนซ่อนยิ้มไว้ได้ไม่มิด เพราะน้ำตาในวันนั้นมันไม่ได้ตกลงแค่ที่พื้นแต่มันหยดลงกลางหัวใจของเขา “ผมไม่ได้เลือกนรก แต่ผมเลือกนรกร และผมจะกลับไปหาเขา”

อาจารย์องค์อินทร์หมดคำจะทัดทาน เขาขยับเปิดทางให้พร้อมกับผายมือ “เชิญ”

เขาค้อมศีรษะให้ครั้งหนึ่งและออกเดินตามแสงไป
ทันทีที่อทิฏฐ์หายลับไปก็ปรากฏร่างของใครอีกคนขึ้นในพื้นที่ว่าง ผู้สูงวัยในชุดขาวก้าวช้าๆ เข้ามายืนข้างคนที่ยังยืนอยู่ “หมดห่วงแล้วสินะ”

คนที่ยืนอยู่ก่อนหันมาสบตากับคนที่เหมือนกับตัวเองราวกับส่องกระจกก่อนที่ใบหน้าและร่างกายของเขาจะค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นชายวัยกลางคนคนหนึ่ง “ขอบคุณอาจารย์มากนะครับที่ช่วยเป็นสื่อให้”

อาจารย์องค์อินทร์ตัวจริงยกมือขึ้นลูบหนวดทรงนายจันทร์หนวดเขี้ยวที่ลงเจลจนแข็ง “ไม่เป็นไร ผมก็แค่ทำในเรื่องที่ทำได้”

“ขอบคุณมากครับ” ชายคนนั้นค้อมศีรษะอีกครั้ง

“จริงๆ แล้วทั้งคุณเองและภรรยาก็สามารถ ‘ไป’ ได้ตั้งนานแล้วนะ แต่เพราะเอาห่วงมาผูกคอแท้ๆ ถึงได้ต้องรอมานานถึงขนาดนี้”

“ไม่ใช่หรอกครับ ผมไม่ได้มีห่วงอะไรเลย” ชายคนนั้นบอก “นี่เป็นสายสัมพันธ์ที่ไม่มีวันตัดขาดได้ต่างหาก แม้ว่าร่างกายจะตายจากกันแล้วก็ตาม”

อาจารย์องค์อินทร์พยักหน้า “โชคดีนะ”

ชายคนนั้นหันมาค้อมศีรษะให้อีกครั้งก่อนที่ร่างของเขาจะหายไปยังภพภูมิที่ถูกที่ควร

“พ่อลูกนี่มันเหมือนกันจริงๆ… ชอบยอกย้อน” อาจารย์องอินทร์ส่ายหน้าครั้งหนึ่งก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปยังที่พักของตน พลางคิดในใจว่าไปหาหมอคราวหน้าคงต้องขอยาคลายเครียดเพิ่มซะแล้ว

อาจารย์องค์อินทร์หัวเราะในลำคอ

เขาก็แค่บ่นไปอย่างนั้นแหละ ใครมันจะสามารถไปฝืนชะตาฟ้าลิขิต สิ่งที่เขาทำก็แค่อยากช่วยให้มั่นใจว่ามันจะเป็นไปตามนั้นจริงๆ และผู้ชายคนนี้จะไม่กลับมาที่นี่อีกก่อนจะถึงเวลาอันสมควร

จะว่าไป… ครั้งหน้าขอเปลี่ยนหมออีกทีดีไหมนะ เพราะไม่ว่ายังไงเขาก็อยากจะเจอพ่อหนุ่มคนนั้นอีกสักครั้งนี่นา

oooooo

ร่างสูงใหญ่นอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียง เหงื่อกาฬเม็ดใหญ่แตกพลั่กแม้ห้องจะเปิดแอร์จนเย็นเฉียบ

เขากำลังฝัน และในฝันนั้นเขายืนอยู่ท่ามกลางความเวิ้งว้างสีดำมืด มีคนสองคนยืนคุยกันอยู่ คนหนึ่งอยู่ในชุดขาวคล้ายร่างทรง ในขณะที่อีกคนซึ่งมองไม่เห็นหน้าหากก็คลับคล้ายคลับครามากเหลือเกิน

ทั้งสองคุยกันในเรื่องที่เหมือนเขาจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ จนกระทั่งถึงประโยคที่ชื่อหนึ่งถูกเอ่ยขึ้นพร้อมกับที่ผู้ชายคนนั้นหันหน้ามา

“ผมไม่ได้เลือกนรก แต่ผมเลือกนรกร และผมจะกลับไปหาเขา”

เปลือกตาเปิดพรึ่บ ร่างสูงผุดลุกขึ้นนั่ง หัวใจเต้นรัวจนเจ็บ วินทร์ยกมือขึ้นกุมหน้าอกแน่นภาพของผู้ชายคนนั้นยังคงติดตา และนั่นคือใบหน้าของเขาเอง

นี่ไม่ใช่ครั้งแรก หากเป็นร้อยเป็นพันครั้งนับตั้งแต่วันที่เขาฟื้นขึ้นมาบนเตียงในโรงพยาบาลเมื่อแปดปีก่อนหลังจากนอนป่วยอยู่ร่วมสองเดือน ไม่มีวันไหนที่เขาจะไม่ฝันเห็นเรื่องราวระหว่างเขากับผู้ชายคนหนึ่ง แม้จะจดจำไม่ได้ทุกรายละเอียด แต่ก็ไม่เคยลืมรอยยิ้มและน้ำตาหยดนั้นกับคำพูดที่ว่าจะอยู่เคียงข้างซึ่งมันเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยเยียวยาหัวใจให้เขาผ่านช่วงวันเวลาเลวร้ายหลังจากการกินยาฆ่าตัวตายเพราะอกหักจากเพียงพิรุณและการสูญเสียพ่อกับแม่ไปได้

เพียงอึดใจก็รู้ตัวว่าไม่ได้อยู่ลำพัง นัยน์ตาคมตวัดขึ้นมองไปที่ปลายเตียงซึ่งร่างของใครคนหนึ่งยืนอยู่ แม้จะเป็นแค่เงาตะคุ่มในความมืดแต่เขาก็รู้ทันทีว่าเป็นใคร

“จะไปแล้วสินะ” ถามออกไปกับความมืด

“ก็สาปแช่งอยู่ทุกวันไม่ใช่เหรอ” ร่างในเงามืดตอบบ “สมใจแล้วล่ะสิ”

“ก็นะ” วินทร์ยกมือขึ้นเสยผมที่ลู่ลงปรกหน้าให้เข้าที่ “แต่ก็ไม่ได้ดีใจหรอกนะ”

“ทำไมล่ะ”

“นายก็เห็นแล้วนี่ว่าฮาร์ฟเป็นยังไง จริงอยู่ว่าฉันอยากเป็นเหตุผลที่ทำให้เขายิ้มได้ แต่นายรู้อะไรไหม หลังจากที่ได้เฝ้ามองมาหลายปีมันกลับกลายเป็นว่าตอนนี้ฉันแค่จะอยากเห็นเขายิ้มแม้ว่ามันจะไม่ได้ถูกส่งมาให้ฉันก็ตาม”

“นายเปลี่ยนไปนะ” ร่างปลายเตียงขยับตัวเล็กน้อยพ้นออกมาจากเงามืดเผยให้เห็นใบหน้าชัดเจน และเขาคือคนๆ เดียวกับผู้ชายที่อยู่ในฝัน “ตอนนี้ฉันนึกภาพผู้ชายเห็นแก่ตัวที่อยากจะทำลายชีวิตของผู้หญิงที่ตัวเองรักไม่ออกเลย นอกจากเป็นผู้เป็นคนแล้วนายยังดูอบอุ่นใส่ใจคนรอบข้างมากขึ้นนะ”

“ไม่หรอก ฉันก็ยังเป็นคนเดิมน่ะแหละ” วินทร์ที่นั่งอยู่บนเตียงตอบ “เพียงแต่ตอนนั้นนายคงลืมไป”

“ขอโทษนะที่ทำให้นายต้องยุ่งยาก”

“นายไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอก” วินทร์บอก “เพราะนั่นเป็นสิ่งที่ฉันทำกับนายไว้ทั้งนั้น… แล้วก็ขอโทษด้วยนะที่วันนี้ฉันยังเป็นคนอย่างที่นายคาดหวังไม่ได้”

“กว่าจะมาถึงวันนี้ได้นายคงผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาเยอะสินะ”

“ทำกายภาพสามเดือน พบหมอจิตเวชรักษาอาการ  PTSD อยู่ครึ่งปี และโดนอาจารย์สรวิชญ์พูดกรอกหูทุกวันเรื่องความเข้มแข็งกับการกินข้าวกินยาให้ครบสามมื้อ” วินทร์ไหวไหล่ครั้งหนึ่ง “ยาปรับฮอร์โมนพวกนั้นน่ะโคตรขมเลยแต่ก็ยอมรับล่ะว่ามันช่วยได้เยอะ แล้วฉันพูดเลยว่าวิธีที่ฮาร์ฟเล่าให้ฟังมันเวิร์คมาก แค่นายบอกหมอจิตเวชว่านายโอเค แล้วทุกอย่างก็จะดีเอง แต่อย่าให้มันเวอร์ไปล่ะจะดูมีพิรุธบางครั้งนายก็ต้องร้องไห้บ้างอะไรบ้าง”

“เดี๋ยวหัวเราะเดี๋ยวร้องไห้ หมอก็จะคิดว่าฉันเป็นไบโพล่าร์น่ะสิ”

“ก็ถึงได้บอกไงว่าอย่าเยอะไป… ตอนฝึกเดินแรกๆ ก็ล้มบ่อยหน่อย อย่าเอาแต่มองคนอื่นที่มีญาติห้อมล้อมคอยให้กำลังใจเพราะมันจะทำให้นายไม่หยุดร้องไห้เสียที ลุกขึ้นยืนด้วยตัวเองให้ได้นะ ราวจับมันอาจจะสูงแต่ไม่เกินที่แขนนายจะเอื้อมถึงหรอก”

“แค่ฟังก็เหนื่อยแล้ว”

“ข้อดีอย่างเดียวของการอยู่โรงพยาบาลนานๆ คือทำให้นายเลิกเหล้าไปได้เอง”

ทั้งสองเงียบไปและสบตากันอยู่อึดใจ

“ผ่านมันมาให้ได้นะ” วินทร์ให้กำลังใจ

“ถ้านายทำได้ ฉันก็ต้องทำได้” คนที่อยู่ปลายเตียงตอบ “ฉันฝากนายดูแลฮาร์ฟด้วยนะ”

“ไม่ต้องบอกก็ทำเต็มที่อยู่แล้ว”

“ไม่ต้องเป็นห่วงนะ สักวันฮาร์ฟจะลืมฉันไปเอง” ถึงตรงนี้ใบหน้านั่นกลับหม่นเศร้าลงเล็กน้อย

“ฉันจะทำแน่ใจว่ามันจะไม่เป็นอย่างนั้น” วินทร์บอก
ริมฝีปากระบายยิ้มกว้างขึ้นทันที “ขอบคุณ”

เปลือกตาเปิดพรึบขึ้นอีกครั้ง วินทร์ผุดลุกขึ้นนั่งพลางเหลียวมองรอบตัวที่มีเพียงความว่างเปล่าก่อนจะกระโดดลงจากเตียงคว้าเสื้อกาวน์สั้นหน้าตู้มาสวมทับเสื้อยืดคอกลมที่ใส่เป็นชุดนอนลวกๆ และวิ่งพรวดพราดออกประตูไป

จนบัดนี้เขาก็ยังไม่สามารถหาข้อพิสูจน์ให้กับเรื่องเหนือธรรมชาตินี้ได้ แต่ถึงแม้ว่าเสียงที่ยังดังก้องอยู่ในหัวนั้นจะเป็นเพียงความฝัน ถ้าหากว่าทุกเรื่องราวที่ได้เห็นจะไม่ได้เกิดขึ้นจริง ก็ไม่เป็นไร ในเมื่อความรู้สึกเป็นห่วงคนที่เฝ้ามองมาแรมปีมันเอ่อจนล้นอยู่ในหัวใจ และนี่ต่างหากคือความจริงอย่างที่สุด

oooooo

นัยน์ตาสีอ่อนที่หลุบมองพื้นอยู่ตวัดขึ้นมองทางเดินมืดมิดที่ทอดยาวอยู่ตรงหน้า หูไม่แว่วได้ยินเสียงอะไร แต่หัวใจกลับเต้นแรงขึ้น และยิ่งแรงขึ้นเรื่อยๆ

นรกรยืดตัวขึ้นเล็กน้อยเพื่อเพ่งมองความมืดตรงหน้านั่นให้ชัด และลุกขึ้นยืนทันทีเมื่อเห็นบางสิ่งกระเพื่อมไหวในความเปล่านั้น

“อทิฏฐ์?” เขาส่งเสียงเรียกออกไปเบาๆ

ในความเงียบนั้นมันเหมือนโยนหินลงในบ่อน้ำ เกิดความเงียบขึ้นอึดใจก่อนที่เสียงของตัวเองจะสะท้อนกลับไปกลับมาในทางเดิน

คุณหมอหนุ่มทรุดตัวลงนั่ง มือประสานกันไว้เบื้องหน้า พร้อมกับหลุบตาลงมองพื้นอีกครั้ง

ไม่รู้เป็นครั้งที่เท่าไหร่ที่พยายามฝืนน้ำตาไม่ให้ไหล บอกตัวเองว่าอย่าร้องไห้ แต่เขาก็มาถึงขีดสุดท้ายของความอดทนแล้ว

“อทิฏฐ์” ในที่สุดก็หลุดเสียงเครือต่ำทั้งที่กัดริมฝีปากจนเจ็บ มือทั้งสองกุมกันแน่นราวกับมันเป็นปราการกั้นน้ำตาด่านสุดท้าย

“เป็นอะไร ฮาร์ฟ” เสียงทุ้มที่คุ้นเคยดังขึ้นเบื้องหน้าพร้อมกับที่สัมผัสอบอุ่นของมือใหญ่แตะลงบนหัวไหล่

นรกรเงยหน้าขึ้นมอง ในสายตาที่พร่ามัวด้วยหยาดน้ำตา ใครคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น

แต่เขาไม่ใช่คนที่เรียกหา

วินทร์กวาดตามองคนที่ขอบตาแดงก่ำด้วยความเป็นห่วง พร้อมกับคุกเข่าลงตรงหน้าเพื่อให้ตัวเสมอกันและสบตากันให้ชัดๆ “นายร้องไห้เหรอ”

นรกรยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาเร็วๆ แต่กลับไม่ทันมือของคนเฝ้ามองอยู่

มือใหญ่ประกบลงบนกรอบหน้า แตะปลายนิ้วโป้งลงบนหัวตาแล้วค่อยเกลี่ยเช็ดน้ำตาให้

หากยิ่งเช็ดความเศร้าในใจที่เก็บไว้กลับยิ่งหยดเผาะลงมาเป็นสาย นรกรยกมือทั้งสองขึ้นกุมมือนั้นไว้แน่น ก่อนที่ความอ่อนแอจะพาตัวเองโผเข้ากอดคนตรงหน้า

วินทร์ไม่ได้มีทีท่าตกใจ เพียงแค่แปลกใจเล็กน้อย เขาโอบสองแขนกระชับรอบแผ่นหลังคนตัวเล็กกว่าพร้อมทั้งกระซิบคำหนึ่งซ้ำๆ ที่ข้างหู

“ไม่เป็นไรนะฮาร์ฟ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันยังอยู่ตรงนี้กับนายนะ”

นรกรกำกระดาษในมือแน่นจนมันยับย่น และถึงคนวาดจะถ่อมตัวว่าฝีมือไม่เข้าขั้น แต่น่าแปลก ที่ไม่ว่ามองมุมไหน มันก็ช่างเหมือนกันกับเจ้าของอ้อมแขนนี่เสียเหลือเกิน


****************************TBC****************
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-05-2016 23:28:31 โดย leGGyDan »

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ Yunatsu

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-5
 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
อ๊ากกกกก
ขอคุณพ่อมาอธิบายหน่อย เวลามันดูสับสนน
แล้วที่มายืนคืออะไร พี่วินทร์แยกวิญณานได้หรอออ
 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
เหมือนได้คำตอบ
แต่ก็งงว่าได้มาได้อย่างไร

รักด้วยใจ รักจิตใจ รักทุกอย่างที่เป็น และรักด้วยทุกอย่างที่เป็น

ออฟไลน์ treenature

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0
สนุกมากเลย แต่คงต้องอ่านใหม่อีกสักรอบ มันซ้อนกันไปมาหลายเรื่องมากเลย แต่ดีใจที่หมอรู้แล้วว่าผีทิดเป็นใคร

ออฟไลน์ fanglest

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
อ่าาา สุดท้ายก็เป็นวิน
นึกว่าจะกลายเป็นำระรองที่แสนดี
แดกแห้วไปแล้วว 55555
ลืมคิดถึงเหตุผลที่ทำไมวินถึงชอบฮาร์ฟไปได้
ทุกอย่าเป็นไปได้สินะ
มันทะลุมาอนาคตจริงๆนี่สิ 555555
แต่ก็ยังไม่สมเหตุสมผลช่วงนึง
ตอนที่บอกให้เลือกว่าจะอยู่หรือตาย
ทั้งที่บอกให้เลือก แต่คำตอบมันก็เห็นๆอยู่ว่ามีชีวิต
แถมยังดูรัก
เอาเป็นว่าการออกจากร่างครั้งนี้
ให้เหตุผลมันว่าเพราะกรรมที่ควรจะรักกัน
หรือเพราะพรหมลิขิตที่ต้องมารักคนนี้น่ะเหรอ
อ่าาา ช่างเป็นการขีดกรอบให้ความรักเหลือเกิน

ออฟไลน์ im4gine_32

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เหมือนจะได้คำตอบแต่ก็ยังมีงงๆ สรุปเฮียทิดของเราทะลุมาจากอดีตจริงๆสินะ ปั๊ดโธ่!...แต่มันยังให้อารมณ์ว่าพระเอกคืออทิดไม่ใช่วินทร์แน่ๆมาแต่แรก แล้วทำไมฮาร์ฟอธิบายหน้าทิดได้แต่ไม่รู้ว่าเป็นพี่วิน (อันนี้คิดมากไปใช่ไหม 555)
คนที่เราไม่ได้ชอบเลยเรียกได้ว่านอกสายตา ถึงสุดท้ายจะเป็นคนๆเดียวกันแต่..มันบ่จ้ายย! เอาเฮียทิดขี้เล่นของเค้าม๊าาาา ขอให้เป็นฝาแฝด เพี้ยง 55555

แต่คือข้ามเวลามารักกันเลยอะ อยากรู้ว่าแล้วก่อนหน้านั้นอะไรทำให้พี่วินทร์ชอบฮาร์ฟขนาดนี้ เพราะเหมือนว่าอันนี้ข้ามเวลามาก็มาเจอฮาร์ฟ พอกลับไปฟื้นในอดีตเลยจำได้แล้วเข้าหมอมาเจอฮาร์ฟหรอ??

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
อ่า...ทิดคือพี่หมอวินทร์จริงๆด้วย
แต่ตอนนี้สงสัยอยู่อย่างเดียวคือ จิตหรือวิญญาณในอดีตของพี่วินทร์ซึ่งก็คือทิด ทำไมถึงโผล่มาหาหมอฮาร์ฟในปัจจุบันได้ล่ะ

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

เราลำดับเหตุการณ์ก่อนนะ

ปัจจุบัน (A) คือที่เปิดมาตอนแรก มีคนส่งดอกไม้ให้หมอฮาร์ฟ

อดีต (ฺB) คือเรื่องราวทั้งหมดที่ดำเนินอยู่

อดีตกว่านั้น (C) คือตอนที่หมอวินทร์ (ทิด) ฆ่าตัวตาย

จากตอนนี้เราสรุปได้ว่า วินทร์และทิดคือคนเดียวกัน ที่ฮาร์ฟจำไม่ได้เพราะว่าหมอวินทร์ต้องเป็นหมอหมีหนวดเฟิ้ม ซกมกแน่ ๆ

(แต่คนเดียวก็นไก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น)

พ่อกับแม่ของวินทร์ที่ตายไปขอให้อาจารย์องค์อินทร์มาช่วยพาวินทร์ให้มาเห็นอนาคต (B)

เดาว่าเพื่อจะให้มาเห็นว่าถ้าเขายังมีชีวิต เขาจะเป็นยังไง อย่างน้อยอาจจะได้พบว่าก็มีฮาร์ฟที่รักเขา

แต่ในมุมของวินทร์ (ทิด) นี่อาจจะเป็นการลงโทษก็ได้ค่ะ ที่ฆ่าตัวตาย / ทำให้พ่อแม่เสียใจ

แต่นั่นแหละ มันก็ทำให้อยากกลับไปมีชีวิต พอทิดจะกลับไป (C) ก็เลยแวะคุยกับวินทร์


สุดท้าย ถึงฮาร์ฟรักทิด แต่เราทีมวินทร์ เราว่ามันเป็นเรื่องท้าทายสำหรับวินทร์ค่ะ ที่จะทำให้ฮาร์ฟรักวินทร์ที่เป็นวินทร์ในปัจจุบัน (A)

อยากรู้จังว่าคนเขียนจะเฉลยว่ายังไง รอลุ้นค่ะ เป็นกำลังใจให้หมอวินทร์ไปโอลิมปิคให้ได้ หมอวินทร์ ปู๊น ๆ 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-05-2016 03:34:18 โดย ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ May@love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 827
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-2

กรี๊ดดด ซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากก
วิญญาณทะลุเวลามาอนาคต

คุณพ่อกับคุณแม่ ห่วงลูกชายมาก
ถึงพยายามทุกทางเพื่อให้เค้าสู้มีชีวิตต่อ

ตอนนี้ลุ้นหัวใจของฮาร์ฟว่าจะสามารถ
ยอมรับหัวใจพี่วินได้รึเปล่า

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
อ้าววววว  เกิดเรื่องไม่คาดคิด 

แต่จะเป็นยังไงต่ออ่ะ คนที่นรกรรักคือทิตไม่ใช่วินน่ะ ถึงจะเป็นคนเดียวกันก็เถอะ แต่ความรู้สึกมันไม่ใช่

ออฟไลน์ banazjj

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 103
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
เหมือนจะเข้าใจ ถึงจะงงนิดหน่อย แต่เข้าใจ ลึกซึ้งมาก
ทิดคือหมอวินทร์เมื่อ 8ปีที่แล้ว เหมือนเดินทางมาดูตัวเองให้อนาคตใช่ไม๊
พอทิดกลับไป ก็คือต้องไปเป็นวินทร์ที่เพิ่งฟื้น เมื่อ 8ปีที่แล้ว
คนแต่งเก่งมากกกกกกกก ลึกซึ้งสุด ตอนแรกเดาไม่ออกจริงๆว่ามันจะยังไง
สนุกมากกกกกกก รอตอนต่อไปนะคะ อยากรู้แล้วฮาร์ฟจะรักวินทร์ได้ยังไง
ในเมื่อก็ไม่ได้สนใจมาตลอดดด พอมารู้ว่าเป็นทิด แล้วจะสนใจขึ้นเหรอ?? นั่นก็ดูยึดติดเนอะ
ดูเหมือนไม่ได้มาจากใจจริงๆ แต่จริงๆแล้วก็คงเป็นไปได้ เพราะทิดบอกให้เปิดใจ 555

ออฟไลน์ Takarajung_TK

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 931
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-2
หนูทิดเป็นคนเดียวกับวินจริงๆด้วย ^^


ออฟไลน์ natsikijang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 540
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-4
ชอบวินา์ ดีใจที่ทิดและวินทร์เป็นคนเดียวกัน วินทร์ก็คล้ายๆทิด แต่เข้มแข็งกว่า และฮาล์ฟเองก็รู้สึกดีกับวินทร์ แต่รักทิด เพราะฉะนั้นถ้าฮาล์ฟรักทิดเพราะความใกล้ชิดและรู้ว่าทิดคือวินทร์แล้ว อยากรู้ว่า จะรักวินทร์ในปัจจุบันอย่างไร น่าสนใจมากๆ

ออฟไลน์ NUBTANG

  • Nothing is impossible. "[+++++]"
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 97
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
โอ้ย รีบมาต่อนะ ให้ไวด้วย ซึ้งจะขาดใจ

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
เกาะขอบจอ รออยู่นะค๊ะ อยากรู้ต่อไปจะเป็นไง   ชอบเรื่องนี้

ออฟไลน์ myapril

  • Tomorrow
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1436
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-3
ตามมาจากกระทู้นิยายแนะนำค่ะ
ไม่ผิดหวังเลย สนุกมากกกก ตอนนี้ยัง งง นิดนึง พยายามลำดับเหตุการณ์อยุ่
วินทร์คือทิดอันนี้ชัวร์ ตอนนี้สงสารฮาร์ฟอ่ะ เปิดใจคุยกันเร็วๆนะ
+1+เป็ด

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6
บาทีก็คิดเหนื่อยไป...

ออฟไลน์ maew189870

  • รักทุกคนนะคับ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 736
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
จะรอวันที่เขาพบกัน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด