(ต่อตรงนี้ค่ะ)
“พี่วินทร์!”
“ไม่เห็นต้องตกใจขนาดนั้นเลย” วินทร์ขยับลุกขึ้นนั่งบ้างพลางยกมือปิดปากหาว “นายเมามากฉันก็เลยมาส่งที่ห้อง”
“เรื่องนั้นผมเดาได้ แต่ว่า… ทำไมพี่วินทร์ถึง…”
วินทร์ก้มลงมองท่อนบนของตัวเองซึ่งเปลือยเปล่า “ก็อากาศมันร้อนแถมตัวก็เหม็นเลยถอดเสื้อน่ะ”
“แล้ว…”
“ขี้เกียจเดินกลับห้อง” ตอบทั้งๆ ที่ยังไม่ทันได้ฟังคำถาม
ไม่คิดจะบอกความจริงว่าโดนรั้งไว้เพราะตัวเองก็ผิดที่ห้ามใจไว้ไม่ไหว แต่สาเหตุที่ถอดเสื้อนั่นไม่ได้โกหก ถึงจะแอบฉวยโอกาสแต่ก็ไม่คิดรังแกคนเมาหรอกนะ
วินทร์ลุกขึ้นยืนและก้มหยิบเสื้อขึ้นสวมพลางเดินไปที่ประตู “ฉันไปก่อนนะ”
“จะไปไหนก็ไปเลยครับ”
ร่างสูงหยุดกึกที่กรอบประตู และเหลียวมามองคนที่นั่งหันหลังให้เขาอยู่บนเตียง “ฮาร์ฟ ฉันไปจริงๆ นะ”
“ครับ”
“ไม่คิดจะไปส่งกันหน่อยเหรอ” วินทร์แกล้งกระเซ้า
“ไม่ครับ”
“อืม” วินทร์ส่งเสียงในลำคอ เขากำลังจะปิดประตูอยู่แล้วเมื่อพูดขึ้นอีกครั้ง “ขอโทษนะถ้าทำให้นายไม่พอใจ”
คนบนเตียงไม่ตอบและไม่หันหน้ามา วินทร์จึงหมดแรงจะฝืนยิ้ม เขาดึงประตูปิดและจากไปเงียบๆ
ทันทีประตูปิดสนิท นรกรก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงพร้อมทั้งดึงผ้าห่มขึ้นคลุมศีรษะจนมิด เขาไม่ได้โกรธวินทร์ แต่เขาโกรธตัวเอง ทั้งที่เคยบอกว่าไม่คิดอะไรแต่ทำไมหัวใจกลับเต้นแรง กลิ่นกายที่ไม่ใช่ของตัวเองซึ่งยังคงติดอยู่ที่ผืนผ้ายิ่งทำให้จินตนาการถึงไออุ่นที่โอบรัดร่างไว้ทั้งคืน และทั้งที่ไม่น่าจะเคยสัมผัสมาก่อนแต่ทำไมกลับคุ้นชินจนรู้สึกโหยหา มันเป็นเพราะอะไร เพราะรักเหรอ?
ไม่สิ! มันต้องไม่ใช่แบบนั้น
นรกรตะโกนในใจ และทั้งที่พยายามปฏิเสธแต่สองมือกลับขยุ้มผืนผ้าแน่นพร้อมกับฝังจมูกลงกับเตียง ราวกับจะดูดซับอุณหภูมิและความรู้สึกนี้ไว้
oooooo
“โจ้ เห็นพี่วินทร์ไหม” นรกรถามนายแพทย์รุ่นน้องเพราะไม่เห็นเจ้าตัวนับตั้งแต่ออกจากห้องไปเมื่อเช้าและนี่ก็เที่ยงกว่าแล้ว
“พี่วินทร์ไปแล้วครับ”
“ไปไหน”
“กลับไปใช้ทุนที่ต่างจังหวัดไงครับ พวกผมไปส่งขึ้นรถแต่เช้าแล้ว”
“ไปวันนี้เหรอ”
“พี่วินทร์บอกว่าลาพี่ฮาร์ฟแล้วนี่ครับ” จิงโจ้ถามกลับ “เมื่อคืนพี่วินทร์ก็แบกพี่ฮาร์ฟไปส่งที่ห้องนี่นา ไม่ได้คุยกันหรอกเหรอ”
นรกรไม่ตอบ สองมือกำหนังสือในมือแน่นด้วยความรู้สึกผิดเต็มหัวใจ แต่ก็พยายามทำเหมือนไม่มีอะไรและพยายามเปลี่ยนเรื่อง “จิงโจ้”
“ครับ”
“นายพอจะรู้ไหมว่าฉันจะไปซื้อแซนด์วิชไส้ไข่ชีสได้ที่ไหนอีก พอดีซื้อจากเซเว่นมาแล้วมันไม่อร่อยเหมือนที่เคยกินน่ะ” เขาถามพลางชูถุงพลาสติกในมือให้ดู
“ผมไม่เคยเห็นมีที่ไหนขายอีกนะครับ”
“มีสิ พี่วินทร์ซื้อมาฝากฉันตั้งหลายครั้ง”
“อ้อ” จิงโจ้ทำหน้านึกขึ้นได้พร้อมกับเปิดกระเป๋าของตนและหยิบเอาถุงพลาสติกใบหนึ่งออกมาวางลงบนโต๊ะแล้วหยิบของที่อยู่ข้างในออกมา “หมายถึงอันนี้หรือเปล่าครับ”
“ใช่ๆ แล้วบอกว่าไม่มีไง”
“ไม่มีขายจริงๆ ครับ” จิงโจ้ยืนยัน “เพราะพี่วินทร์ทำเองรวมทั้งข้าวกล่องพวกนี้ด้วย เมื่อเช้าก่อนจะไปพี่วินทร์ฝากให้ผมเอามาให้พี่ฮาร์ฟ”
“ทำเอง” นรกรทวนคำ
“จริงๆ แล้วพี่วินทร์ห้ามผมบอกพี่ฮาร์ฟนะ ให้โกหกว่าซื้อมาจากร้านที่คาเฟ่เพราะนี่เจ้าตัวก็อุตส่าห์ลงทุนไปซื้อกล่องต่อจากพ่อค้าเขามาเพื่อไม่ให้พี่ฮาร์ฟสงสัย” จิงโจ้เว้นวรรคไปเล็กน้อย “แต่ผมว่าพี่ฮาร์ฟควรจะรู้นะ”
นรกรนึกถึงรายการอาหารมากมายที่หอบหิ้วมาฝากทุกวัน เขารู้ว่าหน้าตามันไม่เหมือนปกติ แต่ก็แค่คิดว่าเป็นเพราะวินทร์สั่งทำพิเศษมาให้ เขาสัมผัสมือไปบนกล่องของพวกนั้นก่อนจะเอ่ยถามเสียงแหบแห้ง “ทำไมพี่วินทร์ถึงทำแบบนี้ล่ะ”
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน” จิงโจ้บอก “อาจจะแค่อายมั้งครับ หรือไม่ก็กลัวพี่ฮาร์ฟไม่กิน แต่ผมกล้าพูดเลยว่าพี่วินทร์มีความสุขมากที่ได้ทำ และผมคิดว่านี่แหละคือเหตุผล”
นรกรนึกถึงสิ่งที่อทิฏฐ์เคยบอก ไม่ว่าจะเรื่องปลุกตอนเช้าและทำอาหารให้กิน หรือที่ทำไปทั้งหมดนี่แค่เป็นเพราะอยากทำความฝันให้เป็นจริงก่อนที่จะจากไปอีกครั้งอย่างนั้นเหรอ
“พี่ฮาร์ฟครับ” จิงโจ้เรียกเบาๆ พร้อมกับเอาของอย่างสุดท้ายที่ฝากไว้ออกมาจากกระเป๋า มันเป็นกระดาษโน้ตที่พับมาและติดสก๊อตเทปไว้ป้องกันไม่ให้คนอื่นแอบอ่าน
“ขอบใจมาก”
เมื่อจิงโจ้กลับออกไป นรกรจึงเปิดจดหมายออก หัวใจเต้นระรัวอยากรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่วินทร์อยากจะบอกเป็นครั้งสุดท้าย
กินให้อร่อยนะ แล้วอย่าใส่น้ำปลาเยอะล่ะ
“นึกว่ามีอะไรสำคัญซะอีก นี่ใจคอจะไปโดยไม่ยอมบอกลากันเลยใช่ไหม” มือเรียวกำจนเล็บฝังแน่นลงในเนื้อหากมันก็เทียบไม่ได้เลยกับความรู้สึกเจ็บในหัวใจ “ไม่ว่าจะเป็นใครก็เลือกที่จะทิ้งฉันไปอยู่ดีสินะ”
อยากจะไปตามก็ไม่รู้จะไปทำไม ในเมื่อจนถึงตอนนี้ยังไม่เข้าใจหัวใจตัวเองว่ารักคนไหน และมันก็ไม่แฟร์กับใครเลยถ้าจะคบแบบครึ่งๆ กลางๆ โดยเฉพาะกับวินทร์ ถ้าหากตอนนี้หัวใจที่เอนเอียงเป็นเพราะรู้ว่าเป็นคนเดียวกัน ถ้าหากสุดท้ายแล้วคำตอบของหัวใจยังไม่ใช่เขา
ยิ่งคิดถึงยิ่งเจ็บ และเขาแทบขาดใจเมื่อนึกถึงรอยยิ้มสุดท้ายที่ส่งให้มาทั้งที่เขาเอ่ยปากไล่ให้ไป นรกรวางจดหมายลง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดโทรหา ถึงไม่รู้จะพูดอะไร แต่อย่างน้อยก็ขอให้เขาได้ขอโทษเรื่องเมื่อเช้าเถอะนะ
***********************TBC********************