Text_book#2 ภาคผนวก ก.P.32[3/08/2562]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Text_book#2 ภาคผนวก ก.P.32[3/08/2562]  (อ่าน 279205 ครั้ง)

ออฟไลน์ SOMCHAREE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-2
อ่านรวดเดียวเลย ซับซ้อนมากกกกกก แต่ก็สนุกมากกกกก

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
Special moment : ลอยกระทง

วันนี้พี่ฮาร์ฟไปลอยกระทงที่ไหนคะ” หนึ่งในกลุ่มแพทย์ประจำบ้านที่เข้าร่วมผ่าตัดด้วยเอ่ยขึ้นหลังจากช่วงเวลาแห่งความเคร่งเครียดผ่านพ้นไป ถ้าหากไม่มีอะไรผิดพลาดหรือความซวยแกล้งมาหล่นทับ คืนนี้พวกเขาที่อยู่เวรก็คงจะได้มีเวลาออกไปผ่อนคลายและเข้าร่วมกิจกรรมในวันสำคัญซึ่งจะมีเพียงปีละครั้งนี้บ้าง

“ลอยกระทง?” นรกรทวนคำ นานแค่ไหนแล้วนะที่ในหัวของเขาไม่เคยมีเรื่องงานเทศกาลรื่นเริงเลย ไม่สิ! ต้องเรียกว่าไม่เคยคิดถึงมากกว่า

“จริงๆ อยากไปเอเชียทีคล่ะ เห็นว่าที่นั่นมีงานใหญ่ ว่าจะไปแอ่วสาวๆ สักหน่อยแต่ดันติดเวรซะได้ พวกเราเลยเปลี่ยนแผนไปลอยกันที่คลองหลังโรงพยาบาลครับ พี่ฮาร์ฟไปกันด้วยกันไหม” แพทย์ประจำบ้านอีกคนพูดขึ้น “เจ้าหน้าที่ที่โรงพยาบบาลเราก็ไปกันเยอะครับ กระทงไม่มีก็ไปหาเอาดาบหน้าได้ มีขายรายทางให้เลือกเยอะแยะเลย”

“จะว่าไปชุมชนตรงนั้นเขาก็มีจัดประกวดนางนพมาศด้วยไม่ใช่เหรอ ฉันได้ยินเขาประกาศแว่วๆ ผ่านลำโพงมา”

“เฮ้ย! จริงดิ งั้นเรารีบไปกันเถอะครับพี่ฮาร์ฟ”

“เอ่อ...” นรกรอึกอัก เขาไม่ได้รังเกียจที่จะไป แต่งานแบบนี้นี่แหละที่พวกวิญญาณชอบมารวมตัวกัน ปะปนเที่ยวเล่นไปกับพวกมนุษย์ ครั้งสุดท้ายที่เขาเข้าร่วมงานนี้คือที่โรงเรียนจัดตอนมัธยมปลายเพราะเลี่ยงไม่ได้ถึงตอนนั้นเขาจะปรับตัวได้มากแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีหลุดบ้างอยู่ดี ดังนั้นพอเข้ามหาวิทยาลัยเขาจึงปฏิเสธโดยการอ้างว่าต้องอ่านหนังสือตลอดมา

“อะไรกันไอ้หนูพวกนี้” จิงโจ้ที่ตอนนี้เลื่อนขึ้นมาเป็นแพทย์ประจำบ้านปีสี่วิ่งมากอดคอน้องไว้คนละข้าง “พี่ฮาร์ฟน่ะเขาไม่ไปกับพวกแกหรอกเพราะอะไรรู้ไหม? ก็เพราะว่าพี่ฮาร์ฟน่ะต้อง...” ยังไม่ทันจะพูดจนจบประโยคคนที่คิดว่าจะเป็นสาเหตุให้นรกรต้องปฏิเสธแน่ๆ ก็เดินเข้ามาร่วมวง

“คุยอะไรกัน” วินทร์ถามพลางจ้องตาเจ้ารุ่นน้องตัวดีที่ทำหน้าตามีพิรุธอย่างเห็นได้ชัด

“เปล่าครับ” จิงโจ้บุ้ยใบ้กับน้องๆ ที่พยักหน้ารับอย่างรู้กัน

“ฮาร์ฟกลับกันเถอะ” พร้อมกับพยักหน้าเป็นสัญญาณให้ครั้งหนึ่งแล้วออกเดินนำไป

นรกรโบกมือลาน้องๆ แล้วจึงตามเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า วินทร์ยังคงไม่ถอดชุดยืนรอให้เขาเดินแทรกเข้าไปก่อนจึงเปิดประตูล็อกเกอร์ของตนเอง

มือเรียวคว้าชายเสื้อที่เป็นแบบสวมเตรียมจะถอดหากก็ชะงักไว้ เมื่อคำชวนของแพทย์รุ่นน้องยังคงติดอยู่ในหัว โดยส่วนตัวเขาไม่ยินดียินร้ายอะไรอยู่แล้ว แต่ฟังจากคำบอกเล่า สำหรับคนอื่นๆ มันคงน่าสนุกทีเดียว ตั้งแต่รู้จักกันมาเขายังไม่เคยเห็นวินทร์ไม่ไปงานไหน หลังจากคบกันแล้วจึงไม่อยากให้นักกิจกรรมตัวยงต้องพลาดงานสำคัญนี้เพราะมัวมาติดแหงกอยู่กับเขา

“พี่วินทร์ครับ”

“มีอะไร” เสียงก่อกแก่กดังมาจากอีกฟากของประตูโลหะดูเหมือนวินทร์จะเปลี่ยนชุดเสร็จแล้ว

“วันนี้วันลอยกระทง”

“ใช่” วินทร์ตอบสั้นๆ ใครๆ ก็รู้เรื่องนั้น

“คือผม...” นรกรอึกอักและกลับกลายเป็นคนถูกชวนที่พูดขึ้นมาก่อน

“อยากไปหรือไม่อยากไป”

“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ คือ... ผมไม่เคยไปลอยที่ไหนเลย แต่สมัยเป็นเดนท์ผมเคยเห็นพี่วินทร์ไปกับพวกพี่ๆ น้องๆ ถ้าพี่วินทร์อยากไปจะไปก็ได้นะครับ ไม่ต้องเป็นห่วงผม”

มือใหญ่ผลักประตูล็อกเกอร์ของนรกรปิดเพื่อมองหน้ากันให้ชัดๆ “แล้วนายล่ะ อยากไปหรือเปล่า”

“ผมยังไงก็ได้ครับ”

“ตอบแค่ว่านายอยากไป หรือไม่อยากไป”

“กับพี่วินทร์”

“หืมมม” คนอายุมากกว่าย่นคิ้วกับส่วนของคำตอบที่ดูเหมือนจะขาดหายไป

“ก็... ผมเคยไปแต่งานโรงเรียน ที่เขาจัดๆ กันผมไม่เคยไปเลยสักครั้ง” นรกรบอกตามตรง“เห็นเขาลอยกันแต่ในทีวี ไม่รู้ว่าไอ้ประทัดที่เขาจุดกันมันจะสนุกสำหรับผมไหม หรือผมจะตื่นตาตื่นใจกับพลุ การแสดงและการประกวดนางนพมาศหรือเปล่า แถมคนก็เยอะ ผมกลัวว่าถ้าไปกับคนอื่นจะพาเขาหมดสนุก แต่ถ้าพี่วินทร์ไปผมก็อยากไปด้วย หรือถ้าพี่วินทร์เหนื่อยเรากลับห้องไปกินข้าวแล้วนอนพักก็ได้ครับ เพราะผมแค่อยากอยู่กับพี่วินทร์”

วินทร์ถอนหายใจทิ้งแรงๆ ครั้งหนึ่งพร้อมกับสืบเท้าเข้าหา ยกแขนข้างหนึ่งขึ้นยันกำแพงข้างศีรษะไม่ให้คนตัวเล็กกว่าขยับหนีได้แล้วเอ่ยถามเสียงนุ่ม “ตอบไม่ตรงคำถามนะ”

“เอ่อ...”

“นายคิดว่าฉันจะปล่อยนายไปคนเดียวหรือไง ยิ่งปล่อยให้ไปกับคนอื่นนี่ยิ่งไม่มีทาง”

“ก็...”

“หืมมม” วินทร์ลากเสียงหวานถามพร้อมกับขยับใบหน้าเข้าไปใกล้ เขาชอบเวลาที่นรกรอ่อยโดยไม่รู้ตัว แต่ในขณะเดียวกันก็เกลียดตัวเองที่มีน้ำอดน้ำทนต่ำกับนัยน์ตาสีอ่อนที่มองมาแบบสั่นๆ นั่นจนเกินไป

นรกรยืนตัวแข็งทื่อเมื่อถูกดันจนแผ่นหลังติดกำแพงพร้อมๆ กับริมฝีปากอุ่นประทับลงข้างซอกคอ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าประโยคไหนที่พูดออกไปแล้วดันไปกดติดสวิตช์ของวินทร์เข้า

ร่างสูงเบียดสะโพกเข้าหาพร้อมกับลากริมฝีปากขึ้นมาตามลำคอ คาง ใบหู จนกระทั่งมาถึงปลายจมูกที่ลมหายใจเริ่มปั่นป่วน เขาแตะเล่นอย่างหยอกเย้าก่อนจะมาหยุดลงตรงริมฝีปาก   ทีแรกก็เชื่องช้าเนิบนาบค่อยๆ กำซาบความรู้สึกผ่านปลายลิ้นสลับกับขบเม้มเล่นเบาๆ เมื่อรู้สึกได้ว่ามือที่ดันอยู่กลางหน้าอกค่อยผ่อนแรงลงและเลื่อนขึ้นเกี่ยวกระหวัดรอบลำคอหนา มือใหญ่ก็สอดเข้าใต้เสื้อตัวโคร่งของห้องผ่าตัดแล้วกำจัดให้พ้นทางโดยการดึงผ่านศีรษะโยนทิ้งลงพื้น หลังจากเสี้ยววินาทีที่ริมฝีปากละออกจากกันเพื่อให้เสื้อผ่านไปได้ ตาคมมองจ้องคนตรงหน้าราวกับเป็นการถามคำถามครั้งสุดท้าย นัยน์ตาสีอ่อนสั่นไหวแต่เพราะนรกรไม่ได้แสดงอาการขัดขืนอะไรอีก วินทร์จึงถือว่านั่นคือการตกลง มือใหญ่ไม่รอช้ากระตุกปมเชือกผูกเอวของกางเกงผ้าออกแล้วจัดการร่นมันลงไปกองไว้ที่ข้อเท้า

“อย่า...”

“สายไปแล้ว” เสียงของวินทร์สั่นพร่าไปด้วยอารมณ์ที่ยากเกินจะฉุดรั้ง เขายึดสะโพกเล็กที่เหลือเพียงชั้นในตัวเดียวไว้ด้วยการบดเบียดต้นขาของตัวเองในขณะที่มือทั้งสองสอดเข้าไปในร่มผ้าชิ้นสุดท้ายนั่นแล้วแทรกนิ้วไปตามเนินเนื้อที่ด้านหลัง ค่อยๆ ผ่านเข้าไปตามทางที่คุ้นเคย

“พี่วินทร์... อย่า...”

อุทธรณ์ได้เพียงเท่านั้นคำพูดก็ถูกดูดกลืนไปกับริมฝีปากหยักลึกที่ทาบทับลงมา ปลายนิ้วที่พยายามจะรุกรานชะงักไปและเปลี่ยนตำแหน่งมารุกเร้าที่ปลายลิ้นแทน เพียงอึดใจกล้ามเนื้อที่ขัดขืนก็เริ่มคลายลงและยอมให้เขาผ่านนิ้วเข้าไปได้จนสุด

วินทร์ดูดริมฝีปากที่ครอบครองไว้แรงๆ อีกครั้งเมื่อรู้สึกได้ถึงเนื้อตัวที่สั่นสะท้านและแรงบีบรัดจากด้านใน เขาเริ่มขยับปลายนิ้วเข้าออกช้าๆ เพื่อสร้างความคุ้นเคยเหมือนทุกครั้ง สารหล่อลื่นตามธรรมชาติที่หลั่งออกมาจนชุ่มช่ำทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายพร้อมแล้วที่จะรับเขาเข้าไป เขากลั้นหายใจ มือข้างหนึ่งเลื่อนลงรั้งต้นขาขยับยกขึ้นเล็กน้อยเตรียมเผด็จศึก

แต่ทันใดนั้นประตูล็อกเกอร์ด้านหลังก็เขย่าอย่างแรงคล้ายมีคนมาผลักหรือกระโดดถีบ

ตึง!

นรกรสะดุ้งเฮือกได้สติจากอารมณ์ที่กำลังดำดิ่งผวากอดคออีกฝ่ายแน่น ในขณะที่วินทร์จิ๊ปากเบาๆ อย่างขัดใจ กำลังจะเอ่ยปากบ่นคนทำเสียงดัง จู่ๆ ประตูห้องล็อกเกอร์ก็ถูกเปิดออกพร้อมๆ กับที่แพทย์ประจำบ้านอีกกลุ่มซึ่งเพิ่งเสร็จจากการผ่าตัดเดินเข้ามา

“วันนี้อาจารย์สรวิชญ์ไม่รู้ไปอารมณ์เสียมาจากไหน ปกติก็น่ากลัวอยู่แล้ว วันนี้นึกว่าระเบิดจะลง”

“ก็บอกแล้วใช่ไหมว่าให้ตามพี่วินทร์ๆ แกดันไปตามอาจารย์สรวิชญ์มาช่วยเองนี่หว่า”

“ก็โทรแล้วพี่แกไม่รับโทรศัพท์ จะให้ข้าทำยังไงล่ะวะ ผ่าเองได้ไม่ตามมาช่วยหรอก”

โชคดีประตูล็อกเกอร์ซึ่งเปิดค้างไว้นั้นใหญ่พอจะปิดทางเดินแคบๆ ได้เกือบหมด ประกอบกับวินทร์เป็นคนตัวใหญ่แผ่นหลังกว้าง ถ้าจะมีใครชะเง้อมองเข้ามาก็คงจะได้เห็นแค่ตัวเขาเท่านั้น

นรกรสบตาคนตรงหน้าเริ่มลนลานทำอะไรไม่ถูกเพราะทั้งตัวไม่มีเสื้อผ้าติดกายเลยสักชิ้น มือกำปกเสื้อด้านหน้าของอีกฝ่ายแน่น “พี่...”

เพราะปลายนิ้วยังคงติดอยู่ในตัวอีกฝ่าย วินทร์จึงใช้ริมฝีปากปิดปากคนในอ้อมแขนไม่ให้เสียงดังพร้อมกับส่งสายตาให้เงียบ เมื่อเห็นว่านรกรพยักหน้ารับจึงค่อยๆ ดึงนิ้วออกและเพราะยังใช้ปากปิดปากไว้อยู่จึงไม่มีเสียงแปลกปลอมเล็ดลอดออกมา เขากดศีรษะที่ประกอบด้วยเรือนผมสีอ่อนซุกในอ้อมอกปลอบขวัญพร้อมกับตะโกนออกไป

“จะนินทาอะไรให้มันเบาๆ หน่อย” ถึงจะไม่ได้ดุหากก็มีความเฉียบขาดในน้ำเสียง อันที่จริงวินทร์ไม่ได้แคร์เรื่องนั้นหรอกแค่หงุดหงิดที่โดนขัดจังหวะมากกว่า
สิ้นเสียง กลุ่มแพทย์ประจำบ้านก็ปิดปากสนิท ก่อนที่ใครคนหนึ่งจะเอ่ยขึ้นมา

“ขอโทษครับ”

“ฉันติดเคสอยู่ห้องข้างๆ พวกนายน่ะแหละ ที่ไม่ได้รับโทรศัพท์เพราะวางลืมไส้ในล็อกเกอร์” วินทร์พยายามทำเสียงให้เป็นปกติ เพราะตอนนี้แม้แต่นรกรเองก็เริ่มมองหน้าเขาด้วยความเป็นห่วง “แต่ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือไง อาจารย์สรวิชญ์อุตส่าห์มาสอนเองเลยนะ”

“ไอ้ดีมันก็ดีครับพี่วินทร์ แต่หัวพวกผมก็ไม่เหลือแล้วเหมือนกันคร้าบบบบ”

“โดนอะไรกันมาล่ะ”

“คืองี้นะครับ...”

ระหว่างที่กำลังฟังน้องๆ แย่งกันระบายความอัดอั้นตันใจ วินทร์ก็เอื้อมมือไปแง้มประตูเปิดออกแล้วหยิบเสื้อเชิ้ตจากไม้แขวนในตู้มาตวัดอ้อมหลังให้นรกรใส่ก่อนจะช่วยติดกระดุมให้จนครบและส่งกางเกงให้ กว่าจะเรียบร้อยแพทย์รุ่นน้องก็เปลี่ยนชุดเสร็จพอดีพร้อมๆ กับที่บ่นจบและเอ่ยลา

“พี่วินทร์พวกผมไปก่อนนะครับ”

“เออ” วินทร์ส่งเสียงออกไป เขารอจนแน่ใจว่าเสียงฝีเท้าสุดท้ายผ่านออกประตูไปจึงก้มลงดูคนที่ยังขดตัวอยู่ในอ้อมแขน

“ผมบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าทำ” นรกรบ่นเสียงอู้อี้ออกมาจากอก มองเห็นลายริ้วสีแดงเป็นปื้นตั้งแต่แก้มไปจนถึงใบหูจนวินทร์อดไม่ได้ที่จะก้มลงหอมสักฟอดหวังจะปลอบให้คลายใจ แต่กลายเป็นยิ่งทำให้จุดที่ประทับริมฝีปากนั้นขึ้นสีเข้มจัดจนคนถูกกอดต้องเป็นฝ่ายขืนตัวออกห่างเพราะกลัวจะโดนคนอื่นมาเห็นเข้าจริงๆ

“แหม ตื่นเต้นดีออก” บอกพลางพยายามปั้นหน้าไม่ให้ดูยิ้มระรื่นจนน่าหมั่นไส้ แหม ก็สีหน้าของนรกรตกใจกลัวว่าจะถูกจับได้ตอนกำลังเข้าได้เข้าเข็มน่ะมันโคตรน่ารักเลยนี่นา แล้วเจ้าตัวก็คงไม่รู้หรอกว่าตอนนี้นัยน์ตาสีอ่อนฉ่ำน้ำตานั่นดูคล้ายกับคนหงุดหงิดเพราะโดดขัดจังหวะมากกว่าจะโกรธเขาเสียอีก “ว่าแต่ฝากไว้ก่อนเถอะ คอยดูนะฮาร์ฟสักวันฉันจะปล้ำนายในนี้ให้ผีบางตัวอกแตกตายให้ได้”

ตึง!

เสียงที่ดังขึ้นอย่างไม่มีที่มาที่ไปทำเอาคนปากดีสะดุ้งเฮือกก่อนจะทำเก๊กเหมือนไม่กลัวอะไร

นรกรเหลือบตามองบนหลังตู้ก่อนจะเอื้อมมือไปดึงชายเสื้อคนตรงหน้า “ครั้งแรกนั่นเขาไม่ได้แกล้งนะครับ เขาช่วยเราต่างหาก”

คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูง วินทร์คิดสะระตะอยู่อึดใจ ตอนนั้นถ้าไม่มีคนมาผลักประตูล็อกเกอร์พวกเขาคงหูอื้อและยังไม่ยอมหยุดง่ายๆ ตาคมตวัดขึ้นมองบนหลังตู้ล็อกเกอร์ใบแรก “ถ้างั้นก็ขอบคุณนะครับ” เอ่ยเบาๆ ทั้งที่เห็นเพียงความว่างเปล่าก่อนจะปิดประตูล็อกเกอร์ให้เรียบร้อยและหันมาคว้ามือนรกร “ไปกันเถอะ”

“ไปไหนครับ?”

“ลอยกระทงไง”

“ผมนึกว่า...”

“อะไร? ไม่อยากไปแล้วเหรอ” วินทร์กรีดยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมกับนัยน์ตาที่พราวระยับขึ้นอีกครั้ง “คงอยากกลับบ้านแล้วสินะ แหม นายนี่ทะลึ่งจริงๆ เลย”

“ผม... เปล่านะ” นรกรรีบเถียงแต่ก็ฟังดูไม่เต็มเสียงเท่าใดนัก

“ตกลงจะกลับบ้านหรือจะไปลอยกระทง” วินทร์ถามซ้ำ

“ไปลอยกระทงครับ”

ทันทีที่ทั้งสองออกไปห้องเปลี่ยนเสท้อผ้าก็กลับมามืดมิดและเงียบเชียบอีกครั้ง หากในความมืดนั้นถ้าจะมีใครสักคนตั้งใจเงี่ยหูฟังก็คงจะได้ยินเสียงฮัมเพลงเบาๆ และถ้าใจกล้าพอจะแหงนหน้ามองขึ้นไปหลังตู้ใบแรก ก็คงจะได้เห็นหญิงสาวผมยาวในชุดขาวยาวกรอมเท้านั่งห้อยขาลงมา เรียวขาแห้งเหี่ยวขยับไปมาตามจังหวะเพลง ไม่รู้ทำไมเหมือนกันว่าทำไมวันนี้ผีสาวคนนี้ถึงได้อารมณ์ดีเป็นพิเศษ

(ต่อด้านล่างค่ะ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-11-2016 15:12:06 โดย leGGyDan »

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
Specual Moment : ลอยกระทง (ต่อ)

เนื่องจากยังอยู่ในช่วงเวลาแห่งความสูญเสียครั้งใหญ่ของประเทศไทย งานเทศกาลที่เคยจัดอย่างใหญ่โตถึงถูกลดขนาดและแสงสีลงมาให้เหมาะสม เพลงครื้นเครงทำนองโจ๊ะโดนใจวัยรุ่นถูกแทนด้วยบทเพลงในพระราชนิพนธ์ ถึงจะอวลไปด้วยความเศร้าแต่ก็ผสมด้วยความหวานในบรรยากาศของความคิดถึง

ถึงนรกรจะบอกว่าไปลอยที่ไหนก็ได้ แต่วินทร์คิดแล้วว่าครั้งแรกควรจะเลือกที่ใกล้ๆ ดีกว่าจึงพามางานที่จัดขึ้นโดยชุมชนที่อยู่ใกล้ๆ กับโรงพยาบาล

“คนเยอะจัง” นรกรกระซิบเขาไม่คิดว่าชุมชนเล็กๆ ที่เงียบสงบแท้จริงแล้วจะมีคนอาศัยอยู่มากมายขนาดนี้

“นี่ว่าเลือกจุดที่คนไม่น่าจะเยอะแล้วนะ” วินทร์กวาดตามองไปรอบๆ ซึ่งผู้คนยังค่อนข้างหนาตาแม้การประกวดบนเวทีจะจบไปแล้วตั้งแต่ช่วงหัวค่ำ แถมจุดนี้ยังเป็นต้นน้ำที่ต้องขับรถย้อนขึ้นมาอีกไกลพอสมควร

“ไม่เป็นไรครับ” นรกรรีบบอกพร้อมกับปั้นยิ้มสนับสนุน “เราไปกันเถอะครับ” ถึงจะเป็นยิ้มเล็กๆ แต่ก็ไม่ได้ดูเสแสร้งจนเกินไป กลับกันวินทร์เห็นถึงความพยายามที่จะเข้าใจและเรียนรู้ในสังคมและสิ่งที่เขาชอบ เพราะปกติแค่ออกไปกินข้าวกับน้องๆ นรกรยังคิดแล้วคิดอีก นั่นยิ่งทำให้วินทร์รู้สึกประทับใจจนนึกอยากขอขมาพระแม่คงคาแค่ตรงริมถนนนี่แล้วลากนรกรขึ้นรถพากลับบ้านซะตอนนี้เลย

จิตคิดอกุศล แต่สมองยังมีสติคิดดีอยู่บ้าง เขาจึงรีบก้าวมายืนข้างกันและรีบเอ่ยชวนก่อนที่สมองจะยอมตามใจ “ไปกันเถอะ”

ถึงจะดึกแล้วแต่ร้านแผงลอยเล็กๆ ที่เปิดเฉพาะกิจเพื่อขายกระทงก็ยังเรียงรายเต็มสองข้างทาง พวกเขาเลือกแวะร้านหนึ่งที่คนขายเป็นหญิงสูงวัยร่างท้วมท่าทางใจดี

“ชอบแบบนี้เหรอ” วินทร์ถามคนที่ดูจะสนอกสนใจกระทงใบหนึ่งเป็นพิเศษ มันทำจากหยวกกล้วยประดับด้วยใบตองพับเป็นรูปกลีบผกาแปะรอบฐานและใส่ดาวเรืองดอกใหญ่ไว้ตรงกลาง

“เห็นแล้วนึกถึงสมัยเรียนน่ะครับ ตอนทำประกวดเพื่อนผู้หญิงที่เก่งงานฝีมือมักจะเรียกให้ผมไปช่วยบ่อยๆ”

“โห นี่นายทำกระทงเป็นด้วยเหรอ ไม่ธรรมดาเลยนะเนี่ย”

“เปล่าครับ” นรกรตอบ “ผมแค่ไปช่วยเช็ดใบตองกับทาน้ำมันมะกอกให้ขึ้นเงาสวยๆ น่ะครับเพราะเพื่อนผู้ชายคนอื่นหนีไปเตะบอลกันหมด”

“ว่าแล้ว” วินทร์ขำในลำคอแล้วหันไปหาแม่ค้า “เอาใบนี้ครับคุณป้า”

“กระทงใบตองเหลือใบเดียวนะพ่อหนุ่ม” คุณป้าเจ้าของร้านบอกเพราะเห็นมากันสองคน “อีกใบเอาแบบขนมปังไปแทนไหม หรือจะเอาแบบที่ทำจากกะลามะพร้าวนี่ก็เก๋ดีนะจ๊ะ”

“งั้นเอา...” นรกรกำลังจะหันไปเสนอความเห็นว่าเอาแบบไหนก็ได้ที่เหมือนกันสองใบ วินทร์ก็แทรกขึ้นเสียก่อน

“ไม่เป็นไรครับเอาใบนี้ใบเดียวเดี๋ยวลอยด้วยกันครับ” บอกพร้อมกับส่งธนบัตรสีแดงให้ใบหนึ่งโดยไม่รับเงินทอนก่อนจะรับกระทงใบตองมา

“ปกติเขาต้องลอยกันคนละใบไม่ใช่เหรอครับ” นรกรถามเมื่อเดินพ้นออกมาจากร้าน

“โบราณเขาถือน่ะ ถ้าคนเป็นแฟนกันมาลอยกระทงคนละใบแล้วน้ำพัดกระทงหลงไปคนละทางจะเป็นลางว่าต้องเลิกกัน” วินทร์แต่งเรื่องตอบไปเรื่อยเปื่อย แต่พอเห็นคิ้วเรียวที่มุ่นเข้าหากันของคนคงแก่เรียนจึงต้องรีบเฉลย “ล้อเล่นน่ะ ก็นายอยากได้ใบนี้แต่มันมีใบเดียวแล้วฉันไม่อยากได้กระทงไม่เหมือนนาย เลยตัดปัญหาซื้อใบเดียวลอยด้วยกัน แบบนี้ก็ประหยัดดีแถมยังช่วยลดโลกร้อนด้วย”

“ครับ” แก้มขาวซับสีเข้มขึ้นเล็กน้อยด้วยรู้สึกดีใจที่คนที่มาด้วยกันคิดเหมือนกัน

ทางเดินลงไปชายน้ำไม่ไกลเท่าใดนัก แต่ก็ค่อนข้างทุลักทุเลพอสมควรเพราะฝูงชนมีทั้งที่เดินสวนกันขึ้นมาและเดินเบียดเสียดกันลงไป นอกจากจะต้องคอยระวังไม่ให้พลัดหลงกันแล้วยังต้องระวังกระทงในมือไม่ให้พังอีก แต่ไปๆ มาๆ ที่น่ากลัวจะช้ำมากกว่าเห็นจะเป็นคนซึ่งไม่คุ้นชินกับการมาในที่ที่มีคนเยอะๆ

ทีแรกพวกเขาก็เดินมาด้วยกันดีๆ แต่หลังจากที่นรกรโดนคนดันไปทางนั้นทีทางโน้นทีจนวินทร์ต้องเดินย้อนกลับมาตามเป็นครั้งที่สาม เขาก็แก้ปัญหาด้วยการคว้ามือจูงให้มาเดินข้างกัน ถึงจะมีคนแอบมองมือที่กุมกันไว้หลายครั้งจนนรกรต้องสะกิดให้ปล่อย แต่ที่วินทร์ทำคือยิ้มให้และบีบมือแน่นขึ้นอีก

ทว่า ดูเหมือนปัญหาจะไม่จบง่ายๆ เมื่อคนตัวเล็กกว่าก็ยังคงโดนชนอยู่เนืองๆ หากปัญหาที่ใหญ่กว่านั้นคือการวินทร์สังเกตเห็นว่าหลายครั้งที่นรกรหันไปขอโทษทั้งที่ไม่มีใครแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร จนครั้งล่าสุดที่หันไปยิ้มกับความว่างเปล่าข้างตัวเขาคงแกล้งทำเป็นไม่เห็นต่อไปไม่ได้

“พี่วินทร์เขยิบไปหน่อยได้ไหมครับ เขาบอกว่าเราเบียด”

กำลังจะเอ่ยปากถามว่า ‘เบียดใคร?’ คนที่มองเห็นในสิ่งที่เขาไม่เห็นก็รีบบอก

“เอ่อ... ขอโทษครับ” นรกรหน้าเจื่อนไปเล็กน้อยเพราะแบบนี้แหละถึงไม่อยากมา เขาไม่ได้กลัวหรือรังเกียจที่จะทักทายและคุยด้วย แต่มันไม่ใช่สิ่งที่คนอื่นจะรับได้

ยิ่งได้ยินเสียงถอนหายใจแม้จะแผ่วค่อยจากคนข้างๆ ยิ่งรู้สึกไม่ดีจนอยากกลับบ้านเสียตอนนี้

เมื่อจู่ๆ มือใหญ่ที่จับไว้ก็คลายออกแล้วยกขึ้นวาดข้ามไหล่มาคล้องลงรอบเอวและดึงไปชิดจนเหมือนกับกอด

“พี่วินทร์?”

“จะได้ไม่ไปเบียดกับใครไง” วินทร์บอก “นายเลิกเกรงใจฉันด้วยเรื่องนี้สักทีเถอะ”

“ก็พี่วินทร์กลัวผี”

“ก็ถ้ามาหลอกแบบหลอนๆ หน้าเหี่ยวๆ ทำคอยื่นคอยาวหรือมาแต่เสียงอย่างพี่สาวในห้องล็อกเกอร์นั่นมันไม่ไหวจะเคลียร์นี่นา” คิดถึงภาพนั้นทีไรก็อดขนลุกขนพองไม่ได้ “แต่เอาจริงๆ นะ ตอนนี้ฉันน่ะกลัวผีเพราะ ‘หึง’ มากกว่า”

“หึง?” นรกรทวนคำงงๆ “ยังไงครับ”

“ก็เพราะฉันมองไม่เห็นไง แบบนี้ใครมาคุยอะไรกับนายฉันจะรู้ได้ไง ดูสิขนาดจับมือตัวติดกันไว้ซะขนาดนี้ยังกล้ามาทักอีกแน่ะ”

“พี่วินทร์” นรกรเน้นเสียง อยากจะขำแต่ก็ไม่กล้าเพราะอีกฝ่ายดูจริงจังเกินกว่าจะล้อเล่น “ผมจะไปชอบผีได้ยังไงครับ”

คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูงเป็นเชิงให้คิดดูอีกครั้ง “จริงเหรอ?”
นรกรเข้าใจในที่สุด ไม่รู้จะตอบว่าอะไรเลยแกล้งทำเป็นหัวเราะแก้อาการเขินของตนเอง เชื่อแล้วว่าเป็นคนขี้หึงจริงๆ อย่างที่เจ้าตัวเคยบอก

“ถือสิ” วินทร์บอกพร้อมกับยัดกระทงใส่มือ

“แล้วทำไมพี่วินทร์ไม่ถือเองล่ะครับ”

“มือไม่ว่าง จับคนบางคนอยู่ไม่เห็นเหรอครับ”

คำตอบที่อยู่ในใจดังออกมาหากไม่ใช่เสียงของตน ทำให้ทั้งสองหันไปมองคนต่างวัยสองคนที่กำลังทุ่มเถียงกันอยู่ข้างๆ

ถึงจะไม่มีแสงไฟ แต่เพราะเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวงที่ปราศจากเมฆมาบดบังทำให้เห็นหน้าคนพูดชัด หนึ่งในนั้นเป็นแพทย์รุ่นพี่ที่โรงพยาบาลในขณะที่อีกคนเป็นชายหนุ่มที่ถึงจะแต่งกายด้วยชุดดูภูมิฐานเสื้อเชิ้ตสีสุภาพกางเกงสแลคเหมือนเพิ่งเลิกงานแต่เขาก็ยังดูอ่อนเยาว์กว่าคนที่มาด้วยกันหลายปี จะบอกว่าเป็นน้องชายก็หน้าตาไม่ละม้ายคล้ายกันเสียเลย

“แล้วจับทำไม” ปาวัสม์บ่นพลางยกมือข้างหนึ่งที่ถูกอีกคนจับไว้แน่นเป็นตีนตุ๊กแกถึงจะแกล้งสะบัดแรงยังไงก็ไม่ยอมปล่อย

ชายหนุ่มที่มาด้วยกันฉีกยิ้มกว้าง นานๆ จะได้มีโอกาสหาเรื่องแต๊ะอั๋งนอกสถานที่ทั้งที เขาก็ต้องรีบฉวยโอกาสนี้ไว้สิ “คนเยอะแยะ ไม่จับไว้เดี๋ยวลุงก็หลงทางน่ะสิ”

“ฉันบอกนายแล้วว่าให้กลับไปลอยในอ่างอาบน้ำที่บ้านก็ไม่เชื่อ”

“อันนั้นมันลอยเป็ดยางก้าบก้าบแล้วครับ ต้องมาลอยในคลองแบบนี้สิถึงจะเรียกว่าขอขมาพระแม่คงคา”

“สร้างขยะเพิ่มให้พระแม่ท่านปวดใจล่ะไม่ว่า” ปาวัสม์อ่อนใจจะเถียง

“เพราะแบบนี้เขาถึงได้รณรงค์ให้ใช้วัสดุธรรมชาติกับของที่ปลากินได้อย่างขนมปังนี่ไงครับ” ภาวัฒน์บอกพร้อมกับยกกระทงในมือขึ้นอวดด้วยความภาคภูมิใจ “ผมอุตส่าห์ตั้งใจทำนะ หมอปืนนี่ล่ะก็ไม่โรแมนติกเอาเสียเลย”

“อยากโรแมนติกมีวิธีที่ดีกว่าชวนฉันมาลอยกระทงตั้งเยอะ”

“ลอยอะไรครับ? โคม? เขารณรงค์กันให้รึ่มว่าห้ามลอยในเขตกทม.นี่เคยฟังข่าวดูทีวีบ้างหรือเปล่าเนี่ย”

“จะสนใจทำไมก็มีนายช่วยอัพเดตให้แล้วนี่ไง” พลันคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเมื่อคนหน้าทะเล้นฉีกยิ้มกว้างพร้อมกับแบสองมือออกตรงหน้า “อะไร”

“ทำดีต้องมีรางวัลสิครับ”

ปาวัสม์พ่นลมหายใจออกอย่างแรงจนจมูกบานครั้งหนึ่งพร้อมกับยกมือขึ้น “เอาไปเลย”

“โอ๊ย! หมอปืนทำอะไรน่ะ ผมเจ็บนะ” ภาวัฒน์ร้องเสียงหลงเมื่อรางวัลที่ได้รับคือมะกอกดอกใหญ่ที่ดีดป้าบเข้ากลางแสกหน้า จนหน้าผากแดงแปร๊ด

“ก็รางวัลไง”

“เจ็บจัง” ชายหนุ่มยกสองมือขึ้นกุมหน้าผากทำตารื้น คะแนนความเจ็บแค่ห้าแต่ลีลาออเซาะเต็มสิบ

“อ้าวเหรอ โทษๆ มาเป่าให้” ปาวัสม์หัวเราะในลำคอ และถึงจะรู้ว่าอีกฝ่ายแกล้งแต่ก็ยอมตามน้ำคว้าหลังศีรษะดึงเข้าเป่าลมที่ดูคล้ายๆ กับพ่นน้ำลายใส่มากกว่า “แหม~ แค่นี้ทำเป็นงอแงนะเจ้าตัวแสบ”

“พี่ปืน สวัสดีครับ” วินทร์ที่หาจังหวะอยู่นานเอ่ยออกไปในที่สุดพร้อมกับยกมือไหว้หลังจากชั่งใจว่าควรแกล้งทำเป็นไม่เห็นหรือเปล่า แต่เพราะอยู่ใกล้กันเกินไปถ้าจะไม่ทักกันเลยก็คงจะน่าเกลียด

“เอ่อ...” ปาวัสม์หันมารับไหว้ กำลังจะเอ่ยทักทายไปตามเรื่อง แต่พอสายตาเหลือบไปเห็นอีกคนที่อยู่ในวงแขนและกำลังยกมือไหว้เขาเช่นกันจึงเปลี่ยนใจเป็นพูดเรื่องอื่น “นี่พวกนายน่ะ ทำแบบนั้นไม่คิดว่าประเจิดประเจ้อไปหน่อยเรอะ”

วินทร์สบตาแพทย์รุ่นพี่ก่อนจะตวัดลงมองมือของเจ้าตัวที่จับมืออีกคนไว้ไม่ยอมปล่อยแม้จะรู้ว่าเขามองอยู่ก็ตาม “แล้วแบบนั้นล่ะ เรียกว่าอะไรครับ”

ปาวัสม์ก้มลงมองฝ่ามือที่จับไว้ก่อนจะเลื่อนขึ้นสบตาคนที่มาด้วยแล้วจึงตอบคำถาม “ก็หมอนี่มันชอบมึน ไม่จับไว้เดี๋ยวก็หลงกันน่ะสิ”

“อ๋อเหรอออ~ ครับ” วินทร์แกล้งลากเสียงล้อเลียน หลังจากลอบมองอยู่อึดใจเขาก็นึกออกแล้วว่าเคยเห็นผู้ชายคนนี้ที่ไหน ที่แท้ก็เป็นคนที่แวะเวียนเอาข้าวเอาน้ำมาส่งเจ้าหน้าที่ที่ห้องฉุกเฉินบ่อยๆ เห็นว่าเคยทำงานเป็นกู้ชีพแล้วลาออกไปเรียนต่อ แต่ดูท่าว่าปัจจุบันจะมีตำแหน่งอื่นพ่วงมาด้วย

“อะไรกันหมอปืน” ภาวัฒน์ร้องเสียงหลงเมื่อรู้ตัวว่าโดนใส่ร้าย “ทำเป็นมาว่าผม ตัวเองน่ะแหละที่ชอบหลงทาง”

“พี่วินทร์ครับ!” นรกรกระซิบเรียก

“อะไรล่ะเนี่ยดึงแขนเสื้อฉันยิกๆ อยู่ได้เดี๋ยวก็จับหอมแก้มซะเลยนี่” วินทร์หันมาเอ็ดคนในอ้อมแขนเบาๆ

“ไปแซวอะไรพี่เขาแบบนั้นครับ” นรกรบ่นพลางทำมือให้ลดเสียงลง แต่วินทร์ไม่สนใจ

“พี่ปืนไม่โกรธหรอก” เขาบอกพลางพยักเพยิดไปทางแพทย์รุ่นพี่กับชายหนุ่มคนนั้น “ดูสิ ฉันพูดขนาดนี้ยังไม่ปล่อยมือเลยแถมยังมาทำสวีทโชว์อีก ดูเขาไม่ได้อายหรือปิดปังอะไรนี่ ก็คงเหมือนกับพวกเราน่ะแหละ ไม่ได้อยากป่าวประกาศให้ใครรู้แต่ถ้าถามก็บอกตรงๆ ใช่ไหมล่ะ”

“เหรอครับ” นรกรทำเสียงประชดเพราะเจ้าตัวเป็นคนออกปากเองว่าอยากอวดให้ทุกคนรู้ใจจะขาด แล้วก็ทำไปแล้วด้วย จนไม่รู้ว่าตอนนี้เรื่องไปถึงหูพ่อของเขาหรือยัง พวกเขาเพิ่งจะเริ่มปรับความเข้าใจกันได้ไม่นานจึงยังไม่อยากให้มีเรื่องอะไรมาทำให้ความสัมพันธ์แย่ลงอีกเพราะคนหัวโบราณอย่างศาสตราจารย์สรวิชญ์ไม่มีทางรับได้แน่ๆ ถึงจะรู้มานานแล้วว่าเขาไม่มีวันชอบผู้หญิง แต่นั่นก็คนละเรื่องกับการเปิดตัวแฟนที่เป็นผู้ชาย

เพราะแก้ตัวไม่ได้ วินทร์จึงรีบเปลี่ยนเรื่อง “เลิกสนใจคนอื่นแล้วหันมาสนใจฉันได้แล้ว”

“พี่วินทร์น่ะแหละที่เอาแต่สนใจคนอื่นไม่สนใจผม”

“อ้าวเหรอ โทษๆ” วินทร์หัวเราะกลบเกลื่อน เขาปล่อยให้ปาวัสม์กับชายหนุ่มเถียงกันต่อและประคองหลังคนในอ้อมแขนย่อตัวลงนั่งลงข้างแม่น้ำ “นายอธิษฐานเสร็จหรือยัง จะได้ลอยกระทงกันเสียที”

“ไม่ต้องมาเร่งผมเลยครับ” นรกรค้อนไปครั้งหนึ่งก่อนยกกระทงในมือขึ้นจบเหนือศีรษะพร้อมกับหลับตาตั้งจิตอธิษฐานกับกระทงใบแรกในชีวิตที่ตั้งใจมาลอยด้วยตัวเองจริงๆ “เรียบร้อยแล้วครับ”

แล้วทั้งสองก็ช่วยกันประคองกระทงใบตองวางลงในน้ำ ใช้มือพุ้ยน้ำให้ลอยออกจากฝั่ง เพียงแค่อึดใจเมื่อกระทงของเขาจับกระแสน้ำได้ก็ลอยตามกระทงใบอื่น เห็นเป็นดวงไฟสีอมส้มรายเรียงไปเป็นสายบนผิวน้ำสีนิลที่เป็นเงาวาววับยามคลื่นกระทบกับแสงจันทร์ถึงจะรู้ว่าปลายทางของแม่น้ำสายนี้จะไปจบลงที่ใด แต่ในใจลึกๆ ก็อดคิดไม่ได้ว่าอยากให้มันลอยต่อไปแบบนี้เรื่อยๆ ให้แสงเทียนไม่มีวันดับ และนำพาคำอธิษฐานของทุกคนไปส่งให้ถึงให้คนที่อยู่ฟ้า

ไม่นานกระทงของพวกเขาก็ลอยไปจนลับตา วินทร์จึงถอนสายตากลับมาหาคนข้างกาย “เมื่อกี้นายอธิษฐานนานจัง ขออะไรเหรอ”

“ไม่บอกครับ”

“บอกหน่อยน่า” วินทร์ยังไม่ละความพยายาม “เอางี้ แลกกันก็ได้ ฉันขอให้ปีหน้าได้มาลอยกับนายอีก แล้วนายขออะไร”

“ไม่บอกครับ”

“อ้าวเฮ้ย! ขี้โกงนี่”

“ผมยังไม่ได้ตอบตกลงสักคำนะ พี่วินทร์พูดเองเออเองอยู่คนเดียว ใบ้ให้นิดหนึ่งก็ได้ ไม่ใช่เรื่องไม่ดีแน่ๆ ครับ”

“โห นั่นช่วยได้เยอะเลย”

นรกรยิ้มขันพลางยกมือขึ้นลูบแก้มที่เป่าลมเข้าจนป่องของหมีตัวโตให้หายงอน ถึงจะไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไหร่ แต่ก็ยังไม่คิดจะบอกสิ่งที่อธิษฐานกับพระแม่คงคาออกไป

นัยน์ตาสีอ่อนเหลือบมองพระจันทร์เต็มดวงบนท้องฟ้าที่ส่องแสงสกาวราวกับจะเป็นพยานให้

ขอให้ความรักครั้งนี้เป็นเหมือนสายน้ำ หัวใจที่ให้ไปอย่าได้ถูกปฏิเสธเหมือนน้ำที่ไม่ไหลย้อนกลับ ไม่มีวันแห้งเหือด และส่งต่อความสุข สร้างรอยยิ้มให้คนรอบข้าง เหมือนน้ำที่พาเอาความอุดมสมบูรณ์ไปส่งให้ทุกที่ที่ไหลไปถึง

เขาตวัดสายตากลับลงมาหาคนข้างกาย ถึงจะทำเป็นเบือนหน้าหนีไปอีกทางหากมือยังกอดเอวเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

บอกไม่ได้หรอก ใครจะไปกล้าบอกเรื่องน่าอายขนาดนี้ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขากล้าพูดเต็มปากเต็มคำ

ริมฝีปากคลี่ยิ้มกว้างขึ้น นรกรวางมือข้างหนึ่งทาบมือข้างที่วางอยู่รอบเอวและเอ่ยออกไป “ปีหน้าจะมาด้วยกันแน่ๆ ครับ”

เพียงเท่านั้นก็ทำให้หน้าที่ตูมอยู่คล่อยคลายออกและยอมหันกลับมาสบตากันตรงๆ อีกครั้ง “สัญญาแล้วนะ”

“ครับ”
...
...
...
...
...

ถึงจะได้คำสัญญาอื่นมาทดแทน แต่จนกลับมาถึงบ้าน อาบน้ำอาบท่าใส่ชุดนอนเรียบร้อยวินทร์ก็ยังคงไม่หายติดใจว่านรกรขออะไรไป ร่างสูงนั่งกางสองแขนแผ่เต็มโซฟาตัวยาว ทีวีตรงหน้าก็เปิดทิ้งไว้อย่างนั้นไม่ได้ให้ความสนใจอะไร นัยน์ตาจับจ้องอยู่ที่คนซึ่งนั่งอ่านหนังสืออยู่อีกฟากหนึ่งของโซฟาตัวเดียวกัน

“ตกลงนายขออะไรไป” เอ่ยถามเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ในค่ำคืนนี้

นรกรพลิกกระดาษไปหน้าถัดไป เพราะเบื่อจะพูดแล้วครั้งนี้รูปประโยคจึงถูกปรับเปลี่ยนไปนิดหน่อย “ขอเหมือนพี่วินทร์น่ะแหละ”

คนรอฟังคำตอบตาโตขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นว่าการอ้อนสัมฤทธิ์ผล “แน่ใจเหรอ?”

“ครับ”

“ไม่ใช่มั้ง เพราะถ้าขอแค่นั้นทำไมนายไม่ยอมบอกดีๆ แต่แรกล่ะ มีอะไรอีกบอกมาให้หมดนะ”

“พี่วินทร์เองก็ไม่ได้ขอแค่นั้นสักหน่อย” นัยน์ตาสีอ่อนเหลือบขึ้นมองคนที่ดูจะอึ้งไปเล็กน้อยแต่ก็แก้เกมได้ทัน

“นายพูดจริงๆ เหรอเพราะฉันขอให้คืนนี้เรา...” คนที่กำลังคิดเรื่องลามกกรีดยิ้มมีเลศนัยน์ “ถ้านายคิดเหมือนฉันจริง... อ๊ะ! อ๊ะ! เห็นเงียบๆ แบบนี้นี่ทะลึ่งไม่เบานะ เราน่ะ”

คนโดนแซวไม่สนใจและก้มหน้าลงอ่านหนังสือในมือต่อพร้อมกับเอ่ยถามเสียงเรียบ “แน่ใจเหรอครับว่าใช่”

“ใช่สิ” วินทร์ด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยมก่อนจะเขยิบเข้าไปนั่งเบียดจนชิดแล้วทำเล่นหูเล่นตาให้เป็นสัญญาณชวนเข้านอน

“งั้นก็ได้ครับ”

"หืมมม" คำตอบสั้นๆ อย่างตรงไปตรงมา ทำให้คนชวนกลายเป็นฝ่ายแปลกใจเสียเอง พร้อมกับจ้องตาเขม็งเพื่อย้ำให้แน่ใจว่าไม่ได้หูฝาด

นรกรผ่อนลมหายใจออกจมูกพร้อมกับปิดหนังสือในมือแล้วหันมาสบตากันให้ชัดๆ ก่อนจะเอ่ยคำที่คนบางคนอยากจะฟังใจแทบขาดแต่กลับไม่ยอมถามคำถามนั้นออกมาตรงๆ เอง “รักนะครับ”

วินทร์นั่งมองตาปริบๆ แก้มแดงไปจนถึงหู “ฮาร์ฟ~ เล่นตัวหน่อยสิ”

“ชอบแบบนั้นมากกว่าก็ไม่บอก” นรกรมุ่นคิ้วทำเป็นครุ่นคิด โวยวายก็ว่าตามใจก็บ่นคนอะไรเอาใจยากจริงๆ “ตกลงจะทำไหมครับ ถ้าไม่ทำผมนอนแล้วนะ”
เขาลุกขึ้นเตรียมจะไปนอน แต่แล้วก็ร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆ วงแขนแข็งแรงของคนตัวโตกว่าตวัดเข้ารอบเอวแล้วรวบตัวเขายกลอยขึ้นพาดบ่า

“พี่วินทร์จะทำอะไรครับ” จะดิ้นก็ไม่กล้าเพราะกลัวตกนรกรจึงทำได้เพียงเกาะเสื้อด้านหลังอีกฝ่ายไว้แน่น

“วันนี้วันลอยกระทง ฉันก็จะพานายไปลอยนี่ไง”

“แต่เราลอยกันไปแล้ว!”

“ยังเหลืออีกใบ” วินทร์ตอบพร้อมกับผิวปากเดินไปห้องนอนพลางครุ่นคิดในใจว่ากระทงใบนี้จะใช้อะไร ‘จุดไฟ’ ดี

************************************************
ก็ว่าจะไม่เขียนแล้วนะ แต่ก็อดใจไม่ได้เลย

สำหรับคนที่รอเล่ม ข่าวดีคือตอนนี้เราส่งต้นฉบับทั้งหมดให้สนพ.แล้วค่ะ ทีนี้ก็เหลือรอกระบวนการของสนพ.เนอะ^^

ปล. เค้าฝากเรื่องใหม่ที่แต่งกับ คุณพี่ถ้าเธอเป็นท้องฟ้าด้วยนะคะ ช่วยเชียร์ #หมอโมหัวเถิก ให้จีบหนุ่มจิตรกรท่ามากติดด้วยนะคะ

Once กาลครั้งหนึ่งเมื่อแรกเจอ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-11-2016 21:54:57 โดย leGGyDan »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
พี่วินทร์ ฮาร์ฟ :mew1: :mew1: :mew1:
มาลอยกระทงด้วยแหละ  :katai2-1:
แต่ว่า พี่วินทร์ ลอยฮาร์ฟ บนเตียงอะ
เอ่อ.....น้ำไม่กระฉอกแย่เหรอ  :o8: :-[ :impress2:
พี่วินทร์ ใช้อะไรจุดไฟ นะ  :katai1: :katai1: :katai1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ Dezzerr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 547
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
น่ารักกกก ปีนี้ไม่ได้ลอยกระทงเลยค่ะ ปั่นเคสรัวๆ มาอ่านในนิยายก็ได้ฟีลไปอีกแบบ  :hao5:

ออฟไลน์ May@love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 827
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-2
ฮาร์ฟน่ารัก

รอหนังสือค่ะ

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
มาลอยสองคู่เลย
หมอฮาร์ฟน่ารักที่สุด

ออฟไลน์ Nattarat

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
น่ารักมากๆเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
สองคู่ชูชื่นซินะคับ
ดีใจมากที่ได้อ่านตอนพิเศษอีก....ขอบคุณที่นำมาลงให้ได้อ่านนะคับ :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ taltal020441

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
ชอบมากกกก

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ฮาร์ฟน่ารักมากเลย  :-[ ตอนนี้มีหมอปืนกับพลุด้วย คิดถึงจัง

ออฟไลน์ scottoppa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-0
ฮาร์ฟน่าฟัดตลอดดดดดด ฮืออออ
พี่วินทร์ชอบแกล้ง แง้ แล้วยังจะแกล้งพี่ปืนอีกแหนะ

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
น่ารักจัง

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ masterjj

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
พี่วินทร์กับฮาร์ปช่างเข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย
ส่วนคุณลุงหมอนั่น ก็น้ำมันตราเต่าชราเหมือนเดิม

รอหนังสือ วางแผงเมื่อไหร่แจ้งด้วยนะคะ

ออฟไลน์ up2goo

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
ลุ้นเรื่องห้องั้นมากกว่าลอยกระทงอีก  อิอิ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ wargroup

  • Twitter/IG : @inaSSusani
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 454
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +52/-3
โว้ววว ชอบมาก ดีมาก และอ่านสนุกมากๆเลยค่ะ
รู้สึกทึ่งกับมิติใหม่แห่งพล็อตนิยายวาย มีความอินเซ็ปชั่น มีความแมทริกซ์สุดฤทธิ์
บางบทอ่านจบแล้ว มีปรัศนีลอยเต็มหัว ...ชิบละ ทำไมอ่านแล้วงงวะคะเนี่ย กรี๊ดดด
เสียเซลฟ์เบาๆ เราก็ว่าตัวเองสกิลการอ่าน การจับทาง การเดานิยายแน่นพอตัวแล้วนะ
แต่สุดท้าย พอพล็อตคลายตัวลง ก็เข้าใจแจ่มแจ้ง และชื่นชมคนเขียนมากๆๆๆๆ

อยากบอกว่านี่ #ทีมพี่วินทร์ ตั้งแต่แรกด้วยนะคะ อิอิ //ดีใจชูคอลอยหน้าลอยตา ...มันก็คนเดียวกันป่ะ โว๊ะ! - -"

ปล. ต้องขอขอบคุณสองนักอ่านมา ณ ที่นี้ คือ คุณถ้าเธอเป็นท้องฟ้า และคุณ arjinn
ที่เม้นท์อธิบายไทม์ไลน์ให้ทางนี้หายรับประทานจุด โมเม้นท์นั้นแบลงค์จริงๆอะไรจริง 555 #กราบค่ะ

ออฟไลน์ namaquaru

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
น่ารักกกกกกกกกกกกกกกกก

ออฟไลน์ care_me

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 162
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
ตอนพิเศษ มีความเป็นคู่รักมากเลยค่ะ :-[


ลอยกระทงด้วยกัน แถมมีแขกรับเชิญพิเศษอีก :katai2-1:

ออฟไลน์ Pine_apple

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1

ออฟไลน์ natsikijang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 540
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-4
น่ารัก  อ่านแล้วอยากมีแฟนเป็นหมอ ขอบคุณนะคะสำหรับตอนพิเศษ

ออฟไลน์ ♠♥♦♣

  • ex-ChCh13
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1612
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-7
น่ารักมากค่ะ
ละมุนมาก
ช่วงที่บีบคั้นอารมณ์ก็เขียนได้ดีจริงๆ

ออฟไลน์ diltosscap

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 520
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
สนุกมากค่ะ วางไม่ลงอ่านตั้งแต่ต้น จนจบ พี่วินทร์ พี่หมีถ้ำ น่ารักจริงๆ

ออฟไลน์ sunakai

  • *~CrAzY_KiLL~*
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 867
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-0
เป็นคนกลัวผีเข้าขั้นโคม่า แต่ผีในเรื่องนี้คือน่าเอ็นดูทุกตน

ฮือออออ ได้แต่ถามตัวเองซ้ำๆ ว่าทำไมเพิ่งมาเจอนิยายเรื่องนี้
พลอตเรื่องแบบนี้ถือว่าแปลกใหม่สำหรับเรามาก
ตอนอ่านมีความลุ้นและคิดตามอยู่ตลอดเวลา
ในขณะเดียวกันก็อุ่นหัวใจไปด้วย ชอบความมีมิติของตัวละครจังเลยค่ะ
ไม่มีใครดีสุดขั้ว ไม่มีใครชั่วสุดขีด ทุกคนมีเหตุผลของตัวเอง
คนเขียนแต่งเก่งมากจริงๆ ขอชื่นชมจากหัวใจเลย  เยี่ยมจริงๆ เยี่ยมจริงๆ เยี่ยมจริงๆ o13

ปล. ดีใจที่ #ทีมพี่วินทร์ มาตั้งแต่แรก ดิฉันรักมนุษย์หมี~~ คนอะไรหื๊นหื่น... เอ้ย! อบอุ๊นนน อบอุ่น ประหนึ่งสืบเชื้อสายมาจากไมโครเวฟ  :hao7:

ออฟไลน์ ZwolfTD

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
นั่งอ่านตั้งแต่ต้นเรื่องตามมาอ่านต่อจาก ER ค่ะ
แอบเสียน้ำตาไปหลายเลย จากการไม่เข้าใจกันของครอบครัวพี่ฮาร์ฟ มีแต่คนเจ็บปวด อ่านไปก็สงสารพี่วินทร์ไป ทั้งๆที่เป็นคนเดียวกันแท้ๆแต่กลับต้องทำเหมือนไม่ใช่ แต่พออ่านมาจนจบรวมถึงตอนพิเศษก็ถือว่าทั้งสองคนหมอวินทรงหมอฮาร์ฟได้ชดเชยให้แก่กันและกันแล้ว อ่านตอนภาคผนวกจนมาถึงตอนสุดท้ายนี่ยิ้มตามตลอดเลยค่ะ โดยเฉพาะตอนลอยกระทง หมอปืนกับพลุแอบมาแจมด้วย แหมๆหมอปืนมัวแต่แซวรุ่นน้อง ตัวเองใช่ย่อยนะคะ555 ขอบคุณที่เขียนเรื่องราวดีๆให้อ่านค่ะ ได้ความรู้เกี่ยวกับทางการแพทย์เพิ่มขึ้น รวมถึงวิธีการทำงานของคุณหมอทั้งหลายด้วยค่ะ :)

ออฟไลน์ M.J.

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 206
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ขอบคุณนะคะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด