【嫦娥 ลิขิตจันทรา】[พีเรียดจีนโบราณ] ตอนที่๑๓ ๔/๔/๕๙
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 【嫦娥 ลิขิตจันทรา】[พีเรียดจีนโบราณ] ตอนที่๑๓ ๔/๔/๕๙  (อ่าน 57249 ครั้ง)

ออฟไลน์ duaenmaysa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0




ตอนที่ ๑๐ ยาดีกินขมปาก[1]



กลิ่นยาขมสายหนึ่งโชยฉุนจนบรรดาขันทีน้อยพากันเบือนหน้าหนี  ข้ากระชับหน้ากากให้แนบชิดติดใบหน้าลอบเบ้ปากกับกลิ่นชวนอาเจียนพิจารณายาสีเขียวพิสดารว่าขุ่นข้นจนได้ที่แล้วจึงสั่งขันทีน้อยข้างตัวให้ช่วยกันนำใส่ชาม  เด็กๆเหล่านั้นไม่กล้าชักช้ารีบเร่งทำหน้าที่ของตัวเองเพราะรู้ดีว่าเจ้าของยานี้ที่แท้เป็นผู้ใด

 

ตลอดทางที่เดินผ่านไม่ว่าผู้ใดพบปะก็พลันหลีกห่างกันไปหลายจ้าง  ข้าหัวเราะในลำคอแผ่วเบา  อารมณ์ขุ่นมัวจากเมื่อวานดีขึ้นบ้างหลายส่วน  ยามที่ล่วงเข้าสู่ห้องบรรทมใหญ่ บุรุษผู้นั้นยังคงนั่งอยู่ข้างเตียงราวกับเป็นก้อนหินก้อนหนึ่งเฝ้ามองร่างงดงามที่นอนขดอยู่บนเตียงอย่างตัวขี้เกียจตัวหนึ่ง  ข้าหรี่ตามองกระต่ายโง่เง่าตัวนั้นอย่างชิงชังเขาพลันสะดุ้งจนน่าขบขันตัวสั่นระริกถดไปอยู่ที่มุมเตียง  จิ่นสือเบนสายตาจากเหวินฉีลี่ฉางตัวปลอม  ใบหน้าอ่อนโยนเมื่อครู่เลือนหายราวริ้วหมอกสลายเมื่อพบข้า

 

“กระหม่อมจิ่วเมิ่งถวายพระพรฝ่าบาท”

 

“ไม่ต้องมากพิธี” แววตาสงสัยของเขาจับจ้องมายังถาดยาที่เด็กน้อยขันทีเป็นผู้ถือติดตามมา  มือหนากวักเรียกเด็กขันทีให้เข้าไปใกล้  เปิดชามยาขึ้นมาพิจารณาอย่างละเอียดด้วยสายตาไม่วางใจนัก

 

“นี่คือยาของลี่ฉาง?” เพียงแค่เปิดชามยากลิ่นความขมก็แล่นมาจุกที่ลำคอ  ข้าคลี่ยิ้มคราหนึ่งกลั้นหายใจขณะที่ตอบคำถาม

 

“เป็นยาของคุณชายลี่ฉางพะย่ะค่ะ” ยาดีเสียด้วยล่ะ..หึ..สมุนไพรแต่ละชนิดล้วนแต่เลิศล้ำ ยาชามนี้แม้รสชาติไม่ดีแต่มูลค่ามากประมาณ  ตอนข้ายังเด็กท่านเหมยให้ดื่มอยู่หลายครั้งหลายคราไม่ว่าจะยามป่วยหรือยามที่ข้าซุกซนสมควรโดนลงโทษ

 

จิ่นสือยังไม่ละมือออกจากชามยานั้นคงกลัวข้าจะวางยาสุดที่รักของเขากระมัง  คิดมาถึงตรงนี้ในอกก็อุ่นวาบ  จะประชดประชันเขาก็ไม่ถูกต้องนัก เขาจะห่วงใยเหวินฉีลี่ฉางก็ไม่แปลก หากไม่ใยดีเลยข้านี่แหละจะเป็นผู้กรอกยาสงบใจนี่เข้าปากเขาเช้าเย็นๆต่อให้นิทราก็ยังต้องคิดถึงรสชาติรัญจวนนี้ในความฝัน

 

“ฝ่าบาทยานี้มีรสชาติขมเล็กน้อยแต่สรรพคุณนั้นดีต่อร่างกายของคุณชายลี่ฉางอย่างมาก” นอนร่วมหมอนกับเขามาสองปีควรเกลี้ยกล่อมเขาอย่างไรมีหรือข้าจะไม่รู้  ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งสุดท้ายเขาก็พยักหน้าเอ่ยเรียกคนบนเตียงมากินยาอย่างอ่อนโยน  เจ้าขอทานน้อยตัวสั่นงันงกมองถ้วยยาอย่างหวาดระแวง

 

“ฝ่าบาท ท่านหมอเหมยฮวามาขอเฝ้า” ข้าหรี่ตามองขันทีน้อยที่เข้ามารายงานลอบนิ่วหน้าคราหนึ่ง  กลัวว่าอาจารย์จะมาขัดขวางเรื่องสนุกข้า เขาไม่ชมชอบให้ข้ารังแกกลั่นแกล้งผู้อื่น

 

“ให้เขาเข้ามาได้” ไม่ทันขาดคำร่างในชุดขาวราวหิมะก็ปรากฏกาย  ใบหน้าเยือกเย็นสูงส่งมีรอยมุ่นขมวดที่ตรงหว่างคิ้วอย่างชัดเจน กระนั้นหากบอกว่าคนผู้นี้วัยล่วงเลยถึงสี่สิบปีแล้วคงไม่มีผู้ใดเชื่อ  ท่านเหมยปรายตามองข้าทีหนึ่งก่อนจะเอ่ยวาจาตรงไปตรงมาไม่มีอ้อมค้อม

 

“กลับหมื่นวสันต์ไม่กี่คืน  เพิ่งจะทราบว่าฝ่าบาทเชิญผู้อื่นมารักษาลี่ฉางแทนข้า” จิ่นสือวางสีหน้าเรียบเฉยแต่แววตามีรอยไม่สบใจปรากฎ คำว่า ’ข้า’ คำนี้ฟังดูหยิ่งผยองอย่างยิ่งจะมีกี่คนที่ขวัญกล้าใช้คำนี้ต่อหน้าหวงตี้ผู้ชี้เป็นชี้ตายคนทั้งแผ่นดิน เว้นตัวข้าเหวินฉีลี่ฉางไว้คนหนึ่ง ท่านเหมยเองก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่จิ่นสือไม่กล้าบุ่มบ่ามล่วงเกิน ดังนั้นแม้น้ำเสียงเขาจะยังคงแข็งกระด้างแต่วาจาก็ไม่ตัดรอนเกินไปนัก   

 

“บางอย่างมีมากย่อมดีกว่าน้อย  ท่านทั้งสองล้วนแต่เป็นหมอมากฝีมือเมื่อร่วมกันรักษา ลี่ฉางย่อมหายเร็วในวัน”



“ข้าซาบซึ้งยิ่งนักที่ฝ่าบาทห่วงใยลี่ฉางถึงเพียงนี้  เพียงแต่ท่านหมอผู้นี้ข้ากลับไม่เคยทราบชื่อเสียงเรียงนามมาก่อน” ท่านเหมยยิ้มเย็นดวงตาคู่นั้นหันมามองหัวใจของข้าถึงกับสะท้านเยือก  ข้าเคยได้รับสายตาห่างเหินเช่นนี้เพียงไม่กี่ครั้งจึงรู้สึกไม่เคยชินนัก

 

“ตัวข้ามีนามว่าจิ่วเมิ่งเป็นศิษย์ของท่านหมอผู้เลิศล้ำผู้หนึ่ง  นามของข้าไม่เป็นที่ประจักษ์ท่านเหมยจะไม่ทราบก็คงไม่แปลก เพียงแต่นามอาจารย์ข้าท่านคงเคยได้ยินมาบ้าง”

 

“อาจารย์เจ้าคือ..?”

 

“นามของอาจารย์ข้าคือเสวี่ยหลิน  ชาวบ้านเรียกเขาว่าหมอเทวดาท่านคงเคยได้ยินมาบ้าง” ข้าเอ่ยวาจายกย่องอาจารย์อย่างท่าทางศรัทธาเลื่อมใส  แววตาเยือกเย็นของท่านเหมยปรากฎร่องรอยสั่นระริกราวกับขบขันมีประกายยิ้มจางๆแล้วสูญหายไปอย่างรวดเร็วเป็นความห่างเหินดั่งเดิม

 

“อ้อ..ย่อมต้องเคย” ...ละครฉากนี้นับว่าเล่นได้แนบเนียนอย่างยิ่ง

 

“เอาล่ะ  เมื่อทั้งสองรู้จักกันไว้ก็ดีแล้ว” ผู้เป็นฮ่องเต้ตัดบท เขาหยิบชามยาที่คลายความร้อนมาถือไว้ประคองคนในอ้อมกอดให้ดื่มยาสงบใจ  ข้ากระพริบตาอย่างงุนงงจ้องเขม็งที่เด็กขอทานที่ไม่ทราบไปอยู่ในอ้อมกอดจิ่นสือตั้งแต่เมื่อไหร่   อารมณ์หนึ่งพุ่งพล่านขึ้นมาในอก....โกรธแค้นชิงชังหรือ? ย่อมมิใช่...

 

ข้าเผลอสัมผัสที่อกตัวเองคราหนึ่งอย่างไม่เข้าใจ  ยามเห็นร่างงดงามอยู่ในอ้อมกอดเขามันรู้สึกขมปร่าในปลายลิ้นจนต้องเผลอนิ่วหน้า  ในอกบีบรัดเข้าหากันราวกับหวาดกลัวว่าจะถูกฉกชิงสิ่งสำคัญออกไป  หรือว่า...ความรู้สึกเช่นนี้คือหึงหวง? ที่แท้ข้ากำลังหึงหวงจิ่นสืออยู่หรือ?

 

ที่ผ่านมาข้ารับรู้ความในใจของจิ่นสือมาตลอด  ตั้งแต่ยามที่เป็นองค์ชายเจ็ดผู้องอาจจนถึงยามที่เขาสวมชุดมังกรขึ้นนั่งบัลลังค์..สายตาของเขา..หัวใจของเขาเป็นของข้าเพียงผู้เดียวมา  ดังนั้นข้าจึงไม่เคยนึกหึงหวงเหล่าสนมนางในที่ชม้ายชายตาให้เขา  คนที่กำเนิดมาในหมื่นวสันต์เรื่องหึงหวงเป็นความรู้สึกอันน่าขบขัน  ไม่ใช่เพราะเราเป็นคนดีงามปฎิบัติตามหลักจรรยาสามคุณธรรมสี่[2]หรอก เพียงแต่หากเจ้าหึงหวงผู้ใดนั่นหมายถึงเจ้าไม่มั่นใจในตนเอง  ไม่มั่นใจว่าตัวเจ้าจักสามารถมัดใจคนผู้นั้นให้ภักดีต่อเจ้าได้  ข้าหัวใจสั่นสะท้าน...นี่ข้ากำลังไม่มั่นใจในตนเองหรือ? ข้าหวาดกลัวเจ้าเด็กขอทานผู้นั้นอยู่หรือ? หมกมุ่นกับความคิดนี้อยู่เพียงครู่หนึ่งก็ถูกเสียงของท่านเหมยรั้งกลับคืนมา

 

“เดี๋ยวก่อน..นี่คือยาอะไร” ข้าวางท่าสำรวมคลี่ยิ้มสุภาพ

 

“คุณชายลี่ฉางมีอาการสับสนหวาดกลัว  อินและหยางในร่างสับสนปั่นป่วนจึงจำเป็นต้องให้ยาสงบจิตใจเสียก่อน” ท่านเหมยย่นคิ้วคราหนึ่งคงรู้ดีกระมังว่าข้าต้องการกลั่นแกล้งเจ้าเด็กบนเตียงนั้น

 

ข้ามองท่านเหมยที่นั่งลงตรงข้ามกับจิ่นสือด้วยท่าทีนิ่งสงบเอ่ยเรียกเจ้ากระต่ายขี้ขลาดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนโยน  ร่างที่ถูกกอดไว้หลวมๆในหัตถ์ของจิ่นสือก็พลันถลาไปหา  สีหน้าของบุรุษในชุดมังกรเขียวคล้ำลงอย่างไม่ปิดบัง

 

“ลี่ฉางยาสงบใจเป็นยาดี เพียงแต่รสชาติอาจจะขมไปหน่อย เจ้าทนดื่มสักนิดร่างกายจะได้แข็งแรง” น้ำเสียงของท่านเหมยอบอุ่นอย่างยิ่ง  เขาชิงถ้วยยาจากมือของจิ่นสือไปด้วยรอยยิ้มจางๆ ข้าเฝ้ามองอาจารย์ป้อนยาให้กับเหวินฉีลี่ฉางตัวปลอมด้วยรอยยิ้มดั่งแสงจันทร์อันอาทร  มือสีขาวคู่นั้นประคองที่ศรีษะไม่ให้หันหนี  หัวใจข้าที่เมื่อครู่รู้สึกสั่นไหวก็พลันเบิกบาน คนเลิศล้ำอย่างข้ายังหลบหนีชามยานั้นไม่รอดพ้นเพราะอะไรหากไม่ใช่เพราะคนที่ป้อนเป็นท่านเหมย! นี่จึงเรียกว่านอกเขายังมีเขา เหนือเหวินฉีลี่ฉางยังมีท่านเหมยอย่างไรเล่า[3]







 

หลังจากเฝ้ามองเจ้าขอทานผู้นั้นดื่มยาขมจนหมดถ้วย  ข้าก็รู้สึกดีจนเผลอคลี่ยิ้มออกมาหลายครั้งหลายคราความรู้สึกขุ่นมัวในอกมลายหายไปสิ้น  กระทั่งยามซือ[4]มาถึงจิ่นสือจำต้องปลีกตัวออกไป ผู้เป็นหวงตี้มองมาที่ข้าคราหนึ่งอย่างซ่อนความนัย ข้าพลันเข้าใจ..อยากพบข้าเป็นการส่วนตัวหรือ?  ข้าเดินตามเขาออกมามองแผ่นหลังมองคนที่ยืนอยู่บนระเบียงตำหนักอย่างเดียวดาย  เฝ้ามองมือหนาลูบตั่งไม้สลักลายอันเรียบง่าย  แววตาปวดร้าวของเขาทำให้ข้าปวดใจ ความรักลึกล้ำของเขายิ่งทำให้ข้าไม่อาจถอนตัว

 

หลายครั้งหลายคราวที่เห็นเขามองข้าด้วยความรวดร้าวในยามราตรี ข้าเคยนึกสงสัยอยู่หลายคราไม่เคยเข้าใจว่าสิ่งใดทำให้เขาเจ็บปวด ทว่าตอนนี้กลับกระจ่างแจ้ง  คนที่รักอยู่ใกล้เพียงปลายนิ้วเอื้อมแต่ไม่อาจไขว่คว้ามาไว้ในอ้อมกอดได้  เขากอดข้าด้วยความรักแค่กลับไม่เคยคว้าใจข้าไว้ได้  ในตอนนี้ข้าอยากกอดเขาเพียงไรแต่เขาไม่เคยหันมามอง ความรู้สึกทรมานของท่านเป็นอย่างไรตอนนี้ข้าประจักษ์แก่ใจแล้วจิ่นสือ..

 

“อาการป่วยของลี่ฉางเป็นของจริง?” ข้าหยุดพิศมองแผ่นหลังของเขา คลี่ยิ้มจางๆสายหนึ่งตอบบุรุษตรงหน้าอย่างนอบน้อมด้วยฐานะของนายแลบ่าว

 

“คุณชายลี่ฉางป่วยจริงพะย่ะค่ะ กระหม่อมตรวจดูหลายครั้งหลายคราจนแน่ใจว่าไม่ใช่เรื่องเท็จ”

 

“เมื่อไหร่เขาจะหายเป็นปกติ” เขาทั้งคล้ายดีใจแลเสียใจ  ข้าย่อมรู้ดีว่าเขาระแวงสงสัย เหตุที่ไม่อยากให้ท่านเหมยเข้าใกล้ข้าเพราะหวั่นกลัวว่าข้าจะถูกแย่งชิงไป  ในตอนนี้มีท่านเหมยผู้เป็นหลักชีวิตอยู่ตรงหน้า หากเหวินฉีลี่ฉางปรารถนาจะออกจากอ้อมกอดเขาจริงๆจิ่นสือมีหรือจะรั้งข้าได้ไหว 

 

“ทูลฝ่าบาทตามตรง  ร่างกายคุณชายลี่ฉางนั้นหายดีแล้ว เท่าที่กระหม่อมตรวจดูไม่มีพิษใดตกค้าง  สุขภาพแข็งแรง...เพียงแต่ว่า...”

 

“แต่ว่าอะไร..” เขานิ่วหน้าอย่างสงสัยแลกังวล  ข้าคลี่ยิ้มขื่นขม...ข้าขอโทษจิ่นสือ  วิธีชั่วช้าเช่นนี้อาจทำให้ท่านเจ็บปวดใจแต่ข้าไม่มีทางเลือก หากมันจะทำให้ท่านห่างจากเด็กคนนั้นได้  หากมันจะทำให้ข้ากลับไปอยู่ข้างกายท่านได้  ข้าสูดลมหายใจคราหนึ่งเอ่ยตอบเขาอย่างสงบเยือกเย็น

 

“ฝ่าบาท คำพูดกระหม่อมอาจทำให้ทรงกริ้ว แต่ว่า...จิตใจของคุณชายลี่ฉางบอบช้ำอย่างมาก  อาการที่เป็นอยู่ตอนนี้เกิดจากสภาพจิตใจ  กระหม่อมคาดว่าไม่อาจดีขึ้นได้ในเร็ววัน...หากอยู่ใกล้กับฝ่าบาท”

 

“เจ้า!!!” เขาตวาดขึ้นอย่างเกรี้ยวโกรธ ใบหน้าคมคร้ามบิดเบี้ยวอย่างทุกข์ทรมาน  ร่างกายสูงใหญ่ซวนเซจนต้องจับพนักของตั่งไม้ไว้เพื่อพยุง  แต่เพียงแค่ครู่เดียวจิ่นสือก็ข่มกลั้นใบหน้าเจ็บปวดลงใต้หน้ากากของกษัตริย์  มีเพียงประโยคพึมพำราวกับเสียงลมร้าวรานพัดมาจากบูรพาทิศที่ห่างไกล “ที่แท้เขาเกลียดข้าถึงเพียงนั้น...” 

 

ข้าเฝ้ามองแผ่นหลังเขาเดินจากไป  ลูบบนพนักพิงที่ปรากฏรอยร้าวอย่างปวดใจ  หัวใจของบุรุษที่ข้ารักเล่าคงร้าวรานไม่ต่างกันใช่หรือไม่  จิ่นสือ..ข้าผิดต่อท่าน ฉางเอ๋อร์ผิดต่อท่าน  ทั้งที่รู้ว่าท่านรักข้าเพียงไรแต่ยังกล้าใช้ความรักผลักไสท่านให้เจ็บปวดถึงเพียงนี้

 

จิ่นสือ...ที่จริงแล้วข้าเป็นตัวโง่งมตัวหนึ่ง ตลอดมาเฝ้าปฏิเสธความรักท่านแต่กลับไม่เคยสำรวจใจตัวเองดูเลยสักครา  แม้แต่รักท่านตอนไหนข้าก็ยังไม่ทราบ  อาจจะเป็นวันแรกที่ได้พบท่านในสวนเบญจมาศแห่งนั้น หรือเป็นวันที่ทิวธงปลิวไสวต้องเฝ้ามองท่านบนหลังอาชาลาไกลบนหออย่างเดียวดาย  หรือจะเป็นยามสารทฤดู[5]ปีนั้นตอนที่ท่านสอนข้าขี่ม้าในทุ่งหญ้าสีทองอันกว้างใหญ่  หรือจะเป็นในงานชมบุปผาตอนเฝ้ามองพลุไฟสว่างไสวในอ้อมกอดของท่านที่สระบัวแห่งนั้น  ตอนท่านเกรี้ยวกราดและแย้มยิ้มอ่อนโยน  ตอนท่านเอาอกเอาใจและเรียกข้าว่าฉางเอ๋อร์อย่างอ่อนหวานถึงเพียงนั้น  หรือจะเป็นตอนที่ท่านกระซิบคำรักอยู่ข้างหูเราสองคลอเคลียกันดั่งยวนยางคู่หนึ่ง

 

จิ่นสือข้าภาวนาขออย่าให้ทุกอย่างสายเกินไป  สวรรค์มอบโอกาสล้ำค่าแก่ข้าแล้วข้าจะไม่มีวันปล่อยมือจากท่านอีก  รออีกหน่อยได้หรือไม่  รอวันที่ข้าจะทำให้ท่านเชื่อได้หมดใจและบอกกับท่านในฐานะฉางเอ๋อร์ที่ท่านรักว่า..ข้ารักท่าน..รักท่านเหลือเกิน..







 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-02-2016 00:35:29 โดย duaenmaysa »

ออฟไลน์ duaenmaysa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0




จิ่นสือจากไปครู่หนึ่งข้าจึงสงบอารมณ์รวดร้าวลงได้  ยามกลับเข้ามาในห้องบรรทมที่คุ้นเคยเฝ้าพิศมองในห้องอย่างละเอียดลออ  ไม่มีสิ่งใดถูกเคลื่อนย้ายโดยพลการทุกอย่างยังคงอยู่ดั่งเดิมเหมือนที่เคยเป็น  หย่อนตัวลงนั่งข้างเตียงหันกลับมามองร่างงดงามที่กำลังหลับใหลก็พลันถอนหายใจคราหนึ่ง

 

“จะแสร้งหลับไปทำไม ลืมตาขึ้นมาคุยกันเดี๋ยวนี้” เจ้ากระต่ายน่าชังสะดุ้งทันทีที่ถูกจับได้  คิดจะเสแสร้งต่อหน้าข้าหรือ...เร็วไปพันปี กลแสร้งนิทรานี้ข้าฝึกฝนฝีมือมากี่ปีจนเลิศล้ำมีหรือเด็กเพิ่งตั้งไข่หัดเดินจะหลอกตาข้าได้

 

“ท..ท่าน” คนงามผู้หนึ่งทำสีหน้าสะดุ้งตกใจได้น่ารักถึงเพียงนี้เชียว ด้วยท่าทางเช่นนี้คงเด็ดเอาใจคนได้ทั้งปฐพีเลยกระมัง  อ้อ ยกเว้นข้าไว้ผู้หนึ่ง  ข้ามองดูอย่างเฉยชาตอบกลับอย่างรำคาญเพียงสองคำ

 

“ข้าเอง”

 

“ท..ท่านแกล้งข้าหรือ” สีหน้าราวมุสิกน้อยถูกแมวเหมียวร้ายกาจรังแกนี่มันอะไรกัน  ใบหน้าข้าก็ทำสีหน้าเช่นนี้ได้ด้วยหรือ? ข้าเผลอเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ   เจ้าหนูร้ายกาจชี้นิ้วสั่นระริกไปที่ชามยาข้างเตียง  ข้ายักคิ้วคราหนึ่งตอบอย่างตรงไปตรงมาที่สุด

 

“ใช่ ข้าแกล้งเจ้า”

 

“ท...ท่านทำไม..ใจร้าย” ข้าหัวเราะร่วน...ข้าหรือใจร้าย...  กลอกตามองด้านบนสองสามทีจึงค่อยสงบใจเอ่ยประโยคตอบกลับเขาได้

 

“เพราะเจ้าใจร้ายกับข้าก่อน”

 

“ข..ข้า..ม..” ข้าถอนหายใจหนักๆอีกครา  มิอาจทนมองร่างกายตัวเองแสดงท่าทีราวกับลูกเต่าน่าเวทนาเช่นนี้  ความอดทนที่อุตส่าห์รวบรวมมาสิ้นสุดลงง่ายดายต่อหน้าศศกน่าชังบนเตียง

 

“จะติดอ่างอีกนานหรือไม่  ข้าไม่ใช่ภูตผีเจ้าจะขลาดกลัวอันใดกันนักหนา  หากเจ้ายังเป็นลูกเต่าหดหัวทำตัวน่าสงสาร  ไม่ต้องรอให้ข้าเปิดโปงเจ้าทุกคนในวังก็คงรู้ได้เอง!”

 

“ข้า..ข้า..” ไม่รอให้เขาแสดงท่าทีน่าสมเพชต่อ ข้าพลันตัดบทขึ้นมาเสียก่อน

 

“ข้ามีนามว่าเหวินฉีลี่ฉาง เป็นผู้เลิศล้ำอันดับหนึ่งแห่งตำหนักหมื่นวสันต์  อายุสิบสองเจนจบศาสตร์แลศิลป์  ข้าเกลียดความพ่ายแพ้ ไม่ชมชอบการเป็นรองผู้อื่น ข้าไม่ก้มหัวให้ใคร ไม่เคยกลัวใครหน้าไหนทั้งนั้น  ใครดีมาข้าย่อมดีตอบ ใครร้ายมาข้าจะร้ายคืนร้อยเท่าพันทวี  ผู้เลี้ยงดูข้าคือท่านเหมยคนที่รักษาเจ้า  ข้าเป็นคนรักของหวงตี้รัชกาลนี้ ชัดเจนพอหรือไม่” เจ้าขอทานกระพริบตาปริบๆอย่างงุนงง  ข้ารินน้ำชาข้างเตียงอย่างไม่รีบร้อน ชาโมลี่ฮวาชั้นดีเช่นนี้คงเป็นของที่ท่านเหมยนำมา

 

“ข้าเล่าประวัติข้าแล้ว ถึงคราวของเจ้าบอกเรื่องราวของเจ้ามาให้ละเอียด เรื่องเมื่อวานข้ายังมีบางส่วนไม่กระจ่างแจ้ง”  เด็กคนนั้นรีบละล่ำละลักตอบมิกล้าชักช้า

 

“ข..ข้ามีนามว่าซีหยาง อายุสิบห้าปี  แต่เดิมข้าเป็นเด็กที่เกิดจากหญิงคณิกา เนื่องจากเป็นเด็กชายจึงถูกนำไปขายเป็นทาส  กลายเป็นคนรับใช้อยู่หลายบ้านสุดท้ายกลายไปเป็นทาสพิษอยู่สองปี ข้าไม่อาจทนทานพิษของพวกเขาไหว  ร่างกายอยู่ก็เหมือนตาย พอดีกับที่ทางคนเลวพวกนั้นหยุดกิจการพวกเขาตั้งใจจะกำจัดข้าแต่ข้าหนีออกมาได้ก่อน  แต่กระนั้นร่างกายก็บอบช้ำไร้เรี่ยวไม่มีแรงขยับเขยื้อนสุดท้ายก็อดตายอยู่ข้างกองขยะ  แต่ไม่ทราบว่าอย่างไรจู่ๆก็ตื่นมาในร่างท่าน”



ข้าพยักหน้าคราหนึ่งอดเวทนาเขาไม่ได้ ความทุกข์ยากที่เด็กคนนี้ผ่านมานับว่าสาหัสกว่าข้าอยู่มากนัก เราทั้งสองเงียบกันอยู่ครู่ใหญ่  ข้ากำลังคิดถึงต้นสายปลายเหตุที่ทำให้วิญญาณของเราสองสลับกัน  เด็กน้อยกลับผู้นั้นเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาเสียก่อน

 

“ท่าน..เกลียดข้ามากหรือไม่”

 

“...เกลียด...?” ข้าถอนหายใจคราหนึ่งวางถ้วยชาลงมองเขา ท่าทีลังเลแลขลาดกลัวอย่างเด็กๆทำให้ใจข้าอ่อนลงอยู่หลายส่วน  เจ้าขอทานอายุน้อยกว่าข้าสี่ปี..เด็กจะอย่างไรก็ยังเป็นเด็กล่ะนะ  “ข้าไม่ได้เกลียดเจ้า...ข้าชังเจ้า”

 

“ช..ชังข้า?

 

“ชีวิตข้าถูกเจ้าช่วงชิงไป จะให้ข้ายิ้มแย้มสุขใจได้หรือ หากข้าบอกไม่ชังเจ้านั่นคือข้าปดเจ้าเสียแล้ว” เด็กน้อยผู้นั้นหน้าสลดลงวูบหนึ่งพึมพำด้วยเสียงแผ่วเบา

 

“ท่านอยากได้ร่างคืน?”

 

“แน่นอน ข้าย่อมอยากได้ “

 

“แต่ข้าไม่รู้วิธีคืนร่างให้ท่านแล้วเราจะคืนร่างกันอย่างไรเล่า..ห...หากว่าเราสลับร่างคืนไม่ได้จะทำเช่นไรดี” ข้าเงียบอยู่ครู่หนึ่ง มือที่หมุนถ้วยชาหยุดลง

 

“ถึงตอนนัันหากไม่ได้ร่างคืนก็ช่าง แต่ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าแย่งชิงอย่างอื่นไปจากข้า”  ข้าจ้องมองเขากระตุกยิ้มอย่างเยือกเย็นดั่งคำเตือน “จำเอาไว้หลิวซีหยาง  แค่ร่างกายข้ายอมยกให้เจ้าได้  แต่หัวใจของข้าข้าไม่มีวันมอบมันแก่เจ้า แม้ว่าเจ้าจะอยู่ในร่างข้าแต่ถ้าข้ารู้ว่าเจ้าปีนขึ้นเตียงเขาเมื่อไหร่ ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่” ข้าจ้องมองเขาอย่างจริงจัง  สายตาไม่ผ่อนปรนปราณีดั่งก่อนหน้า  เด็กน้อยเงียบลงคราหนึ่งสุดท้ายเอ่ยพึมพำออกมาด้วยท่าทางขลาดเขิน

 

“ข..ข้าเป็นผู้ชาย ไม่ชมชอบบุรุษ”

 

“สำหรับข้าความรักใยต้องแบ่งแยกบุรุษสตรี คนที่เติบโตมาในตำหนักหมื่นวสันต์เรารู้เพียงแต่ว่าความรักมีเพียงรักกับไม่รัก คำว่าบุรุษหรือสตรีไม่มีความหมายใดๆทั้งสิ้น” ข้าดมกลิ่นหอมอันสุขสงบจากถ้วยชาอันเรียบหรู  เด็กน้อยไม่นั่งตัวเกร็งแล้วเขาขยับเข้ามาหาข้าใกล้ขึ้นกว่าเดิม

 

“ลำดับที่สองจำไว้ให้ดี หากอยู่ในร่างนี้เจ้าต้องรักษากริยาอยู่เสมอ  สูงส่งเลิศล้ำคือเหวินฉีลี่ฉาง ห้ามเจ้ายิ้ม กินมูมมาม ซุ่มซ่ามซุกซน หากข้าเห็นข้าจะส่งยาขมมาให้เจ้าดื่มหลังอาหารทุกมื้อ” ข้าหยิกปรางค์งามของร่างตัวเองที่กำลังฉีกยิ้มอย่างประจบประแจง  เจ้าหนูน้อยสะดุ้งโหยง

 

“ท..ท่านใจร้าย” เด็กคนนั้นทำสีหน้าหวาดกลัวได้อย่างน่ารัก  ข้ามองใบหน้าของตัวเองที่ประเดี๋ยวเปลี่ยนสีก็นึกขัน

 

“เรื่องหวงช่างเจ้าไม่ต้องกังวล ช่วงนี้เขาจะไม่มาพบหน้าเจ้า ส่วนเจ้าก็หลีกห่างเขาเอาไว้ให้มาก”

 

“ดียิ่ง! ทุกคืนเขามานั่งข้างเตียงเอาแต่จ้องข้าจนข้านอนหลับไม่สนิทสักคืน” ข้าหลับตาลงอย่างรวดร้าวเมื่อคิดถึงความหลังเก่าก่อน  ยามที่ข้าโกรธจะปีนขึ้นเตียงคลุมผ้าห่มไม่ขอพบหน้าเขา  จิ่นสือนั่งอยู่ในที่ที่ข้านั่งอยู่ยามนี้เฝ้ามองข้าอย่างเงียบเชียบ  มือข้างนั้นลูบตัวข้าผ่านผ้าห่มอย่างปราณี  สัมผัสอ่อนโยนของเขายังตราตรึงราวกับพึ่งผ่านมาไม่กี่ราตรี

 

“ข้าขอโทษ..ท่าน..ท่านรักเขามากหรือ” ข้าลืมตาขึ้นมาอย่างเชื่องช้าคลี่ยิ้มให้แก่เด็กเบื้องหน้าอย่างขื่นขม แม้แต่เด็กน้อยผู้หนึ่งยังรับรู้ถึงความเจ็บปวดของข้าได้

 

“ข้ารักเขา..รักมาก..มากจนไม่อาจตัดใจปล่อยมือจากเขาไปได้” 

 

“ข้าขอโทษ..ข้าไม่ได้ตั้งใจมาอยู่ในร่างท่าน  ถ้าข้าไม่มาท่านกับเขาคงได้รักกันไม่เจ็บปวดเหมือนตอนนี้” เด็กน้อยในร่างข้าพลันเกิดตาแดงขึ้นมากะทันหัน ข้ามองเด็กที่ปาดน้ำตาสะอื้นอย่างน่าสงสาร  ความรู้สึกชิงชังเขาอ่อนลงไปหลายส่วนจึงได้ยิ้มละไมสายหนึ่งใช้ปลายนิ้วซับหยดน้ำตาให้เขาอย่างปราณี  ไม่ลืมดุที่เขาทำท่างอย่างเด็กกะโปโลเหมือนคราวที่อาจารย์ดุข้า

 

“เด็กโง่ข้าเพิ่งเตือนเจ้าให้รักษากริยาอยู่หยกๆ”







 

อาทิตย์ยามบ่ายสาดแสงแรงกล้า  ข้าเร่งฝีเท้ากลับคืนเรือนพักอาการปวดหัวตั้งแต่เมื่อวานยังคงไม่หายดีนัก  อาณาเขตเรือนพักยังคงเงียบสงบแต่พี่จื่อหรงกลับไม่ปรากฏตัวเป็นดั่งสัญญาณบอกว่ามีบุคคลอื่นอยู่ภายในเรือนนี้  ข้าสลัดท่าทางเหนื่อยล้าทิ้งไปยืดตัวขึ้นตรงเดินเข้าไปด้านในอย่างสงวนท่าที  เมื่อได้กลิ่นชาที่คุ้นเคยก็ยิ้มละไมขึ้นสายหนึ่ง

 

“ลี่ฉางกลับมาแล้วหรือ” ท่านเหมยนั่งอยู่ที่ห้องโถงเล็กด้านหน้า  ท่าทีเยือกเย็นอย่างในตอนเช้าดูอ่อนโยนขึ้นหลายส่วน  ด้านข้างเขาคือหลี่ฮุ่ยเหอที่กำลังแสดงสีหน้ากังวลใจ  ข้าหยุดยิ้มมองเขาสองคนสลับไปมาดูเหมือนว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีนัก

 

“ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น”

 

“ฝ่าบาทประทานแพรขาวสามฉื่อ[6]แก่เฉวียนหวงกุ้ยเฟย[7]” ฮุ่ยเหอวางจอกน้ำดื่มลงถอนหายใจคราหนึ่งอย่างไม่ใคร่สบายใจนัก  ข้ามองเขาอย่างไม่เข้าใจเรื่องร้ายแรงเพียงใดถึงต้องมอบความตายให้แก่นาง

 

“ในรายงานสำนักตรวจสอบบอกว่าเฉวียนเฟยเป็นผู้วางยาท่าน” ข้าส่ายหน้านี่นับเป็นเรื่องผิดพลาดอย่างยิ่ง  จริงอยู่เฉวียนหวงกุ้ยเฟยที่ข้ารู้จักเป็นคนร้ายกาจนางเคยลอบวางยาข้าสุดท้ายถูกจับได้มาแล้วครั้งหนึ่ง  ในตอนนั้นนางบังคับให้ขันทีน้อยที่ข้าเอ็นดูที่สุดเป็นผู้วางยาในอาหารข้าเพียงแต่ข้าจับได้เสียก่อนและไม่คิดจะเอาผิดอะไรนาง  อีกอย่างข้าเอ็นดูเด็กคนนั้นรู้ว่าเขาถูกบังคับจึงสั่งให้ทุกคนที่รู้ปิดปากเงียบถือว่าแล้วกันไป  กลับกลายเป็นว่าภายหลังจิ่นสืออ้างเรื่องที่ข้าอดอาหารคร่าชีวิตเด็กผู้นั้นไปกลายเป็นสาเหตุให้ข้าไม่พูดคุยกับเขา

 

“คนของเฉวียนหวงกุ้ยเฟยที่แฝงตัวอยู่ในตำหนักหลวงล้วนถูกกำจัดออกไปจนสิ้น  อีกอย่างข้ามั่นใจว่านางไม่มีทางคิดฆ่าข้าอีก” บุตรชายคนเดียวของสกุลเฉวียนถูกส่งไปอยู่ชายแดนอย่างกะทันหัน  ด้วยเป็นคุณชายหน้าขาวอ่อนแอผู้หนึ่งตรากตรำเดินทางจึงล้มป่วยลง  แต่ข้ารู้ดีคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ย่อมเป็นเขา  ราชโองการประทานรางวัลเลื่อนขั้นไปชายแดนไม่ต่างจากเนรเทศไปอยู่ในกรงขังของจิ่นสือ  ตระกูลเฉวียนมีหรือจะกล้าคิดทำร้ายข้าได้อีกเมื่อมีลูกชายคนเดียวเป็นตัวประกันอยู่ในมือฮ่องเต้

 

“เช่นนั้นหากไม่ใช่เฉวียนหวงกุ้ยเฟยแล้วจะเป็นผู้ใด” ข้าสบตากับท่านเหมย  หลังจากฟื้นตื่นในร่างนี้ข้าเคยสงสัยอยู่บ้างว่าผู้ใดกันแน่ที่เป็นผู้วางยาสุดท้ายหลังจากไตร่ตรองถี่ถ้วนดีแล้วก็ได้ผู้ต้องสงสัยมาสองคน  แต่ในครานี้เมื่อจิ่นสือเล่นงานเฉวียนเฟยข้าก็กระจ่างใจเสียแล้ว  คนที่วางยาข้ามิใช่หวงโฮ่ว[8]แต่เป็นสวี่ไท่เฟย[9]...อดีตสนมของจักรพรรดิรัชกาลก่อน

 

จิ่นสือเชือดเฉวียนหวงกุ้ยเฟยเพื่อเป็นตัวอย่างให้แก่วังหลังแม้จะรู้ดีว่าเรื่องนี้นางไม่ผิด  แต่เฉวียนหวงกุ้ยเฟยเป็นลูกหลานของตระกูลเฉวียนตระกูลข้างมารดาของสวี่ไท่เฟย เขาไม่แตะต้องไท่เฟยเพราะนางมีบุญคุณที่เลี้ยงดูมาแต่ยังเยาว์แม้จะไม่ใช่มารดาแท้ๆ จึงมาลงที่หลานสาวของนางแทน อีกอย่างตระกูลสวี่ในตอนนี้รากฐานคลอนแคลนคนในตระกูลถูกเข่นฆ่าไปก็มากเหลือหัวหงอกไม่กี่คน สู้มาลงที่ตระกูลเฉวียนที่กำลังเรืองอำนาจย่อมคุ้มค่ากว่ามาก



  นี่ไม่เพียงแต่เป็นการปกป้องข้าแต่เขากำลังแสดงอำนาจในอีกทางหนึ่ง  ข้าเริ่มเข้าใจคำสอนของอาเตียแลอาจารย์กระจ่างแจ้งขึ้นมาก เมื่อก่อนข้าเชือนแชการเมืองในราชสำนักวันๆใช้ชีวิตสำราญอยู่ในหมื่นวสันต์  แต่ในตอนนี้จะวางเฉยต่อไปไม่ได้  การกระทำของจิ่นสือในครานี้จะก่อให้เกิดรอยร้าวในราชสำนักมากขึ้น  แต่เดิมตอนเป็นองค์ชายเหล่าขุนนางบุ๋นก็ไม่ฝักใฝ่ข้างจิ่นสือเรียกว่าไม่อยู่ในสายตา  พลังของเขาล้วนมาจากแรงสนับสนุนของขุนนางบู๊ทั้งสิ้น   



หลังจากเหตุการณ์แย่งชิงบัลลังค์  รัชทายาทถูกวางยาพิษ องค์ชายสามและองค์ชายห้าแก่งแย่งบัลลังค์เข่นฆ่าผู้คนไปมากมาย ในตอนนั้นจิ่นสือรุดกลับเมืองหลวงสุดท้ายยุติการต่อสู้อันบอบช้ำขึ้นครองบัลลังค์กลายเป็นหวงตี้รัชกาลที่สิบเจ็ด เฉลิมพระนามหย่งเสียนหวงตี้  เริ่มรัชสมัยเหยียนผิงเมื่อสองปีก่อน แรกขึ้นครองราชย์จิ่นสือถอนรากถอนโคนขุนนางกังฉินไปจำนวนมากทำเอาขุนนางน้อยใหญ่นอนหลับไม่สนิทเลยสักคืน  เกิดความบาดหมางร้าวลึกในราชสำนัก  ขุนนางบุ๋นบู๊ไม่เสวนาแยกฝั่งฝ่ายอย่างชัดเจน  ระยะสองปีมานี้เกิดกบฎอยู่บ่อยครั้งพี่ร่วมสาบานทั้งสี่ของเขาวุ่นวายไม่ได้หยุดพัก  มาถึงตอนนี้บัลลังค์เขายังไม่มั่นคง  ข้าไม่อาจให้เรื่องของข้ากลายเป็นชนวนเหตุให้แผ่นดินต้าหลงลุกเป็นไฟขึ้นมาได้อีก





“ได้ยินมาว่าท่านแม่ทัพหลี่ต้องไปจากเมืองหลวงหลายวัน” ท่านเหมยเปลี่ยนหัวข้อสนทนาด้วยรอยยิ้มจางๆ  ฮุ่ยเหอพยักหน้ารับ

 

“ใช่แล้วตอนนี้ข้าเหลือเวลาไม่มาก ฝ่าบาทให้ข้าเดินทางไปด่านตะวันออกเพื่อดูแลคุ้มครองคณะทูต” ข้าทราบมาจากท่านเหมยแล้วว่าคณะทูตในคราวนี้มาจากแคว้นผิง  แคว้นผิงเป็นแคว้นที่อยู่ไกลทางตะวันออก  ถูกคั่นไว้ด้วยทะเลทราย มีพวกชนเผ่าเร่ร่อนหลายกลุ่มคอยสร้างปัญหาให้ทั้งดินแดนต้าหลงแลต้าผิง ระยะหลังเคยได้ยินจิ่นสือบ่นเรื่องชนเผ่าเร่ร่อนเหล่านี้หลายครั้ง  ทั้งสองแคว้นต่างต้องการกำจัดพวกมันเพียงแต่พวกมันชำนาญชายแดนอย่างยิ่ง  ยามถูกทหารต้าหลงไล่ตามก็หนีเข้าไปในเขตต้าผิง  เมื่อถูกต้าผิงกำจัดก็หนีมายังต้าหลง  ถึงเวลาที่ทั้งสองแคว้นจะร่วมมือกันปราบปรามแล้วกระมัง

 

“ทางนี้ท่านไม่ต้องเป็นห่วง  คนที่อยู่ในร่างข้ามีนามว่าหลิวซีหยาง เขาเป็นเด็กขอทานไม่ประสาคนหนึ่งที่อดตายเพราะความหิวโหย จากที่ดูเขาเป็นคนหัวอ่อนว่าง่ายไม่ยากที่จะควบคุม” สีหน้าฮุ่ยเหอดูไม่ตื่นตระหนกคงทราบเรื่องนี้จากท่านเหมยแล้ว

 

 “ท่านต้องระมัดระวังให้มากอย่าได้ประมาท” ข้าคลี่ยิ้มจางๆ รับทราบถึงความห่วงใยของเขา

 

“อย่าห่วงเลยข้าจะทำทุกอย่างด้วยความรอบคอบ จะไม่ชักนำภัยสู่สกุลหลี่แน่นอน” ฮุ่ยเหอพยักหน้า หยัดตัวลุกขึ้นเต็มความสูงด้วยท่าทางองอาจสมเป็นแม่ทัพใหญ่

 

“เช่นนั้นข้าต้องไปเตรียมตัวแล้ว นายท่านเหมยโปรดรักษาตัว น้องสะใภ้ห้ารักษาตัวด้วย” ข้าพลันคลี่ยิ้มจางๆ นานแล้วที่เขาไม่ได้เรียกข้าว่าน้องสะใภ้   พลันรู้สึกคิดถึงเรือนไผ่อันสงบสุข รอยยิ้มสุภาพอ่อนโยนของฮุ่ยหรงแลเจ้าดำของข้า 

 

“ท่านเองก็เช่นกันโปรดรักษาตัวด้วย”





เชิงอรรถ

[1] ยาดีกินขมปาก – จริงๆแล้วประโยคนี้ผู้เขียนนำมากจากสามก๊ก ประโยคเต็มคือ ‘ยาดีกินขมปากแต่เป็นประโยชน์ต่อคนไข้ คนซื่อกล่าวคำไม่ไพเราะหูแต่เป็นประโยชน์ต่อการภายหน้า’

[2] จรรยาสามคุณธรรมสี่ – จรรยาสามและคุณธรรมสี่คือหลักการอันพึงปฏิบัติของหญิงสาวจีนในยุคโบราณ จำแนกเป็นจรรยาสามคือก่อนแต่งให้เชื่อฟังบิดา หลังแต่งให้เชื่อฟังสามี และเมื่อสามีตายจากก็ให้เชื่อฟังลูกชาย คุณธรรมสี่คือรูปร่างหน้าตาจะต้องสะอาดสะอ้าน อีกทั้งกริยามารยาทเพียบพร้อม กล่าวมธุรสวาจา อีกทั้งการบ้านการเรือนไม่ขาดตกบกพร่อง

[3]นอกเขายังมีเขา – นอกเขายังมีเขาเป็นสำนวนจีน ประโยคเต็มคือ นอกเขายังมีเขา เหนือฟ้ายังมีฟ้า (山外有山,天外有天) โดยในเนื้อเรื่องปรับเป็นนอกเขายังมีเขา เหนือเหวินฉีลี่ฉางยังมีท่านเหมย

[4] ยามซือ – เวลา 9.00 – 10.59 นาฬิกา

[5] สารทฤดู – ฤดูใบไม้ร่วง

[6] แพรขาวสามฉื่อ (白绫三尺) – แพรขาวที่จักรพรรดิประทานให้สตรีในวังหลังผู้ต้องโทษตายเพื่อจบชีวิตตนเอง

[7] หวงกุ้ยเฟย (皇貴妃) – หมายความว่าพระอัครราชเทวีผู้สูงศักดิ์ในองค์จักรพรรดิตำแหน่งรองลงมาจากฮองเฮา  เป็นพระมเหสีรองซึ่งมีอำนาจในการปกครองวังหลังรองจากฮองเฮา ตำแหน่งนี้จึงมีได้เพียง 1 คน

[8] หวงโฮ่ว (皇后) - ตำแหน่งจักรพรรดินีองค์ปัจจุบันของจักรพรรดิ มักรู้จักกันในชื่อ "ฮองเฮา" พระอัครมเหสีเอกซึ่งมีตำแหน่งเดียวและมีศักดิ์สูงสุดในการปกครองฝ่ายใน ไม่นับรวมขั้นกับพระชายาและพระสนมอื่นๆ

[9] หวงไท่เฟย (皇太妃)  หรือ ไท่เฟย (太妃) – พระชายาหรือพระสนมผู้มีชาติกำเนิดต่ำต้อยแต่ให้กำเนิดพระโอรสผู้ขึ้นเป็นจักรพรรดิ ไม่สามารถขึ้นเป็นฮองไทเฮาได้แต่จะได้รับตำแหน่งเป็นไท่เฟย ซึ่งเป็นตำแหน่งรองจากฮองไทเฮาอีกขั้นแทน อีกกรณือพระเทวีชายาหรือพระสนมที่เป็นพระมารดาเลี้ยงให้แก่จักรพรรดิตั้งแต่ยังเป็นองค์รัชทายาท เมื่อทรงขึ้นครองราชย์แล้วอาจจะแต่งตั้งพระมารดาเลี้ยงให้มีตำแหน่งไท่เฟยได้เช่นกัน



ทักทายนักอ่าน

สวัสดีค่านักอ่านที่น่ารักทุกคนวันนี้เมษามาเสิร์ฟตอนที่สิบร้อนแล้วค่า  เนื้อเรื่องตอนนี้กำลังเข้มข้นขึ้นเรื่อยเพราะเดินทางเข้าสู่องก์สองของเรื่องแล้วนะคะ  องก์สองนี้จะเริ่มเข้าสู่การเมืองในราชสำนักขึ้นเรื่อยๆ  จริงๆมีรายละเอียดค่อนข้างซับซ้อนมากกว่านี้  แต่เนื่องจากเมนหลักของเรื่องเป็นโรแมนติคดราม่าเนื้อความรักไม่ใช่การเมืองเลยยัดเข้ามาพอให้เข้าใจสถานการณ์กันคร่าวๆ  อีกอย่างคือตัวลี่ฉางเป็นประเภทไม่สนใจการเมืองอยู่แล้วด้วยเลยทำให้เขียนได้ยากขึ้นไปอีก

ส่วนน้องซีหยางของเรามีบทแล้วๆๆ >< จริงๆขอชี้แจงอย่างนึงนะคะ อายุสิบห้าของยุคนี้ไม่เรียกเด็กถือว่าโตพอที่จะสร้างครอบครัวแล้ว  สาวๆนี่ออกเรือนตั้งแต่สิบสาม(วัยเริ่มมีประจำเดือน) อย่างรัชทายาทที่ตายไปก็มีลูกชายตั้งแต่อายุสิบสี่  จิ่นสือของเราก็เข้าร่วมกองทัพตั้งแต่สิบสี่เช่นกัน แม้แต่ลี่ฉางก็ขึ้นตำแหน่งเป็นอันดับหนึ่ง(พูดง่ายๆคือเริ่มรับแขกถึงแม้ว่าในทางปฏิบัติจะไม่ได้รับแขกจริงๆและส่วนมากคนในหมื่นวสันต์จะเริ่มตอนอายุสิบห้าปี)ตั้งแต่อายุสิบสอง  เพียงแต่น้องซีหยางของเราโมเอ้เกินไป ดาเมจลี่ฉางรัวๆ  ฉางๆเลยเอ็นดูนางมากเรียกแต่กระต่ายน้อง หนูน้อย เด็กน้อย 5555555

ส่วนคู่จิ่นสือลี่ฉางยิ่งเขียนยิ่งมีโมเม้นท์ ด้วยความที่ว่าเขาผูกพันกันมาตั้งแต่ยังเด็ก ตอนนี้มือลั่นสั่นรัวๆอยากเขียนพาร์ทอดีตของจิ่นสือคนช่างตื๊อกับลี่ฉางคนซึนจริงๆเลย  >///<




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-02-2016 00:37:27 โดย duaenmaysa »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
เย้ๆๆๆๆๆ ได้อ่านแล้ว~~~ ชอบมากๆเรื่องนี้

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
โอ๊ยตอนนี้ลี่ฉางนางน่ารัก กระต่ายน้อยก็น่ารักอะค่ะ แต่ไม่ใช่ไทป์5555


ออฟไลน์ ZYSQ_

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1

ดูท่าตอนหน้าเนื้อเรื่องจะเข้มข้นน่าดูชม

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
รออ่านตอนต่อไปจ้าา

ออฟไลน์ yokky34

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
อ่านถึงตอนที่ 10 แล้วชอบมากเลยค่ะ เลยอยากถามว่า จิ่นสือนี่คู่กับลี่ฉางแน่ๆ ใช่มั้ยคะ ถึงตอนนี้จะสลับร่างกันก็เถอะ
ตอนจบคงไม่หักมุมให้จิ่นสือหันมาชอบซีหยางนะคะ เราคงช้ำใจมาก TT

ออฟไลน์ ycrazy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
ซีหยางจะไม่หักมุมตอนหลังใช่มั๊ย
แบบว่ายึดติดกับความสบายและร่างกายสวยๆไรงี้ :a5:

ออฟไลน์ PiSCis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 346
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2

ออฟไลน์ waza

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
อร๊ายย คนเขียนอยากเขียนพาร์ทอดีต เราก็อยากอ่านเหมือนกัน :o8:  มองข้ามดราม่าไปเพราะพูดถึงมันจะเศร้า ซีหยางก็เป็นเด็กอะเนอะ จะโกรธก็โกรธไม่ลง เริ่มปันใจละ
ปล เราชอบเชิงอรรถ ที่มีท้ายเรื่องมากๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
น่าเอ็นดูทั้งลี่ฉางและซีหยาง

ออฟไลน์ lovewannabe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
โอย อยากรู้แล้ว หลังจาก อุบัติเหตุ ที่ทั้งสองเจอกันในคืนที่ จิ่นสือโดนยา จน มาลักพาตัวลี่ฉาง ไปกักขัง มันเป็นมายังไง ทำไมฝ่ายนึงถึงรักมาก อีกฝ่ายกลับ เกลียดมากๆ

ออฟไลน์ ammchun

  • Don't Worry,Be Happy
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1389
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
สนุกมากกกกกกกกกก

ออฟไลน์ Malimaru

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-4
    • facebook


คือเดาทางออกของเรื่องนี้ไม่ได้เลยค่ะ บอกตรง ๆ
เพราะตามท้องเรื่อง วิทยาการก็ไม่น่าจะล้ำหน้า แถมการเดินเรื่องยังออกจะเน้นความสมจริงสมจังเสียอีก
เราเลยไม่รู้ว่าลี่ฉางจะกลับเข้าร่างเดิมได้ยังไง... หรือลี่ฉางในร่างซีหยางจะโมดิฟายตัวเองใหม่ให้กลายเป็นชายหนุ่มที่คู่ควรกับองค์ฮ่องเต้ก็ไม่รู้ โฮววว! มืดแปดด้านจนอยากจะอ่านตอนต่อไปเร็ว ๆ เสียเหลือเกิน

เป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ ๆ คนทางนี้รออยู่เยอะเลย!!  :กอด1:


ออฟไลน์ kong6336

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
สนุกๆ ชอบบบบบบบบบบบบบบ :impress2: :impress2: :impress2:

มาต่อเร็วๆน๊าาาาาาาาาาาา

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
สนุกมากเลยค่ะ อ่านเพลินมาก  :mew1: ติดตามๆ

เดาเนื้อเรื่องไม่ออกเลยว่าจะไปทางไหน :hao4:

สงสารน้องขอทานนะ ถ้าเกิดไม่สลับร่างชีวิตจะแย่กว่านี้รึเปล่า

ออฟไลน์ ratnalin

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 743
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
ตอนแรกว่าจะนอนแล้ว แต่อ่านได้ตอนนึง ดันติด อ่านยาวจบสิบตอนเลยค่า 55555
คือหานิยายแนวจีนที่เลอค่าแบบนี้มานานแล้ว คือภาษาสวยมาก ตัวละครมีมิติ เป็นสีเทาๆ
รู้สึกว่ามีความเป็นมนุษย์และสมเหตุสมผลจริงๆ แล้วก็ยังโครงเรื่องแปลกด้วยแหละ เดาต่อไม่ถูกเลยค่ะ

ปกติไม่ถนัดนิยายจีนค่ะ เพราะจำชื่อยาก ศัพท์แสงเยอะเหลือเกิน แต่แบบเรื่องนี้ชอบบบบบบบบอ่ะ ชอบมากๆ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ  o13

ปอลิง ไม่ทราบว่าคุณคนเขียนเคยอ่านเรื่อง พันธนาการแห่งสายน้ำ ไหมคะ คือเห็นแต่งแนวพีเรียดจีน คิดว่าเรื่องนี้น่าจะชอบ เลยลองแนะนำน่ะค่า เผื่อยังไม่เคยอ่าน

มาต่ออีกน้า :pig4:


ออฟไลน์ zaturday

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
ดีงาม เลอค่า สองคำนี้ช่างเหมาะสมกับนิยายเรื่องนี้เหลือเกิน ภาษาสวย สำนวนดี คำผิดน้อย เนื้อเรื่องก็วางโครงมาดี คือชอบอ่ะ โดยส่วนตัวชอบอ่านพีเรียดจีนอยู่แล้ว ยิ่งมาเจอเรื่องนี้ยิ่งรู้สึกเหมือนเจอคู่แท้ที่ตามหามาเนิ่นนาน หวังว่าคนแต่งจะไม่ทิ้งเราไปไหนนานๆนะ อาทิตย์ละครั้งก็ยังดี :mew1:

ออฟไลน์ Sorso

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 795
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-3
ปัก

ปูเสื่อรอ

ออฟไลน์ ผ้าขนหนูสีฟ้า

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
กำลังติดเลย สนุกมากกกกกก
เราเข้ามารอทุกวันเลยนะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-02-2016 00:14:37 โดย ผ้าขนหนูสีฟ้า »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
ขอบคุณมากนะคะ ต้องค่อยๆอ่านทำความเข้าใจไปด้วย เรื่องชื่อตัวละครค่อนข้างจำยาก เนื่องจากเราไม่ค่อยอ่านนิยาย จีนเท่าไหร

ออฟไลน์ SaJung13

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1057
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
สงสารทุกคนเลยแหะ เรื่องนี้ไม่มีใครไม่เจ็บปวดเลย
โดยเฉพาะ จิ้นสือ กับ อีฉาง อยากให้กลับร่างได้ไวๆ
จะได้เลิกเต็บปวดสักที แค่นี้ก็เจ็บมาเยอะแล้ว

ออฟไลน์ Atroce

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เป็นกำลังใจให่คนเขียน จะเป็นยังไงต่อไปนะ อยากรู้ๆ

ออฟไลน์ zaturday

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
ส่องแล้วส่องอีก เข้ามาให้กำลังใจค่ะ เรื่องนี้สนุกมาก ครบนสจริงๆ เป็นนิยายเรื่องแรกเลยที่เราคิดจะซื้อหลังจากที่อ่านออนไลน์

ออฟไลน์ duaenmaysa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0



ตอนที่ ๑๑  คืนจันทร์ไร้ดาว



ข้ายืนนิ่งอยู่หน้าระเบียงสายลมยามราตรีพัดเยือน  ต้นไม้นอกตำหนักหลวงเอนไหวราวถูกมือยักษ์จับเขย่า  เจ็ดราตรีแล้วที่เขาไม่มาเยือน เป็นเจ็ดราตรีที่มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย ทั้งข่าวเรื่องเหวินฉีลี่ฉางป่วยหนักเก็บตัวรักษาแม้แต่ท่านเหมยยังไม่พบหน้าประสาอะไรกับจักรพรรดิที่ถูกปิดประตูไล่  ทั้งเรื่องที่หวงตี้เบื่อหน่ายคนงามผู้เอาใจยากจนไม่ย่างกรายเข้าใกล้ตำหนักแม้เพียงก้าว  ขุนนางน้อยใหญ่ล้วนยิ้มหน้าบานจัดหาสาวน้อยงดงามขัดสีฉวีวรรณยกใหญ่หวังส่งเข้าวังหลัง ผู้ใดไหวพริบสูงหน่อยก็จัดหาบุรุษหน้าตางามดั่งหยกหวังจะส่งมาอยู่ข้างกายเขา

 

สตรีวังหลังเองหรือจะอยู่เฉย  พวกนางเป็นดั่งบัวแล้งน้ำมานานปี ล้วนริษยาชิงชังแช่งชักหักกระดูกให้ข้าป่วยตายอยู่ทุกวี่วัน  เมื่อจู่ๆพิรุณโปรยปรายต้องกลีบปทุมมาลย์ยังความชุ่มชื้นมาสู่ผืนดินแห้งแล้งโดยมิคาดฝันมีหรือจะไม่ไขว่คว้าโอกาสนี้ไว้  ได้ยินมาว่าเจ็ดวันนี้กลสาวงามสารพัดถูกขุดขึ้นมาใช้มากมายนัก 



ทั้งสนมหม่าที่บังเอิญเป็นลมล้มพับขวางทางเสด็จของจักรพรรดิ ฝ่าบาทไม่ทรงกริ้วแต่ประทานยาพร้อมฝากรับสั่งห่วงใย  สนมหลิงร่ายรำในสวนบังเอิญพบเข้ากับหวงช่าง วันต่อมาได้ผ้าไหมชั้นดีหลายหีบพร้อมคำชมเชย  สนมลู่บังเอิญดีดพิณขับลำนำดังเข้าสู่พระกรรณ  วันรุ่งขึ้นหยกล้ำค่าหลายชิ้นก็ถูกประทานแก่นาง เมื่อเช้านี้ระหว่างเดินทางไปท้องพระโรงบังเอิญพบเข้ากับสนมฉินที่ไล่ตามลูกสุนัขหลงเข้าไปยังพระราชฐานชั้นนอก  ไม่เพียงไม่เอาผิดยังประทานกระพรวนทองให้แก่เจ้าสุนัขตัวนั้น ผู้เป็นเจ้าของมีหรือจะไม่ยิ้มหน้าบาน

 

 เจ็ดวันมานี้ภายในวังหลวงสนุกครึกครื้นไม่น้อย  ตัวข้าก็มีเรื่องให้จัดการมากมายนัก ต้องคอยจับตาดูเจ้าเด็กตัวปลอมผู้นั้นไ่ม่ให้ซุกซนเสียกริยา รู้สึกคล้ายว่าเวรกรรมนี่ช่างติดตามได้รวดเร็วเหลือเกิน  เหมือนเมื่อวันก่อนเพิ่งวิ่งซุกซนเป็นมารน้อยให้ท่านเหมยและพี่จื่อหรงปวดเศียรเวียนเกล้า  มาวันนี้ต้องมาคอยดูแลเจ้าเด็กตะกละทั้งยังซุกซนยิ่งกว่าสิงเจ่อ[1] มองร่างตัวเองที่งดงามเลิศล้ำทำตัวกระโดกกระเดกประหนึ่งลิงแล้วนึกอยากหยิบแส้มาเฆี่ยนเจ้าเด็กตัวร้ายสักทีสองที



 นอกจากเรื่องในตำหนักหลวงที่ต้องจัดการ  ยังมีเรื่องของหอเหมยที่เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อท่านเหมยได้เปิดเผยว่ามีศิษย์ผู้อื่นนอกเหนือจากเหวินฉีลี่ฉาง  ซึ่งแต่ไหนแต่ไรมาทุกคนล้วนคาดไว้แล้วว่าตัวข้าต้องกล้ายเป็นผู้ดูแลหอสืบทอดนามเหมยฮวาต่อจากอาจารย์  เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นแม้ผู้อื่นไม่แสดงท่าทีตกตื่นใช่ว่าจะสงบเงียบอย่างที่ตาเห็น  มีคนมากมายกำลังพยายามสืบหาตัวศิษย์ลึกลับผู้นั้น  แต่พยายามกันไปเถิดสุดท้ายพวกเขาล้วนต้องกลับไปมือเปล่า...ซ่อนดอกไม้ไว้ในดงบุปผา  ซ่อนเหวินฉีลี่ฉางไว้กับเหวินฉีลี่ฉาง  ชาตินี้คงจะหาพบได้โดยง่ายดอก



นอกจากนี้ยังมีเรื่องของเฉวียนหวงกุ้ยเฟยที่ถูกลบเลือนออกไปจากบันทึกพระราชวังอย่างเงียบเชียบ  ตำหนักโอ่อ่ากลับกลายเป็นตำหนักร้างเพียงชั่วข้ามคืน  สวี่ไท่เฟยถึงกับล้มป่วยลงกระทันหัน  ตอนนี้ตระกูลเฉวียนมีหรือจะข่มตานอนหลับได้สนิท  ยิ่งข่าวจากชายแดนแว่วมาเป็นระยะว่านายน้อยเฉวียนผู้นั้นเพิ่งทำผิดกฎลอบหลบหนีจากกองทัพ  ยังดีที่โดนโทษสถานเบาโดนเฆี่ยนไปสิบยี่สิบทีใส่ตรวนไม่ให้ข้าวให้น้ำอยู่สามวัน  โชคดีที่รักษาชีวิตเอาไว้ได้  แต่ว่าตระกูลเฉวียนคงไม่พ้นกลายเป็นตระกูลซึ่งสิ้นวาสนาไปอีกหนึ่งตระกูลแล้ว



คิดมาถึงตรงนี้ก็อดถอนหายใจออกมาคราหนึ่งไม่ได้  ตัวข้าไม่เคยคิดอยากเข้ามายุ่งกับความวุ่นวายเหล่านี้แม้ซักนิด การเมืองเช่นนี้น่าปวดหัวออกดุจดั่งการมองหมากบนกระดานอันซับซ้อนยุ่งเหยิงไม่เป็นแบบแผน  ตัวหมากไม่มีดำขาวกลับเป็นตัวหมากสีเทาอันอิสระเสรีควบคุมได้ยากยิ่ง..ไม่สนุกเลยแม้แต่น้อย



ตอนจิ่นสือขึ้นครองราชย์ใหม่ๆ กวาดล้างขุนนางกังฉินไปมากมายเท่าไร  สี่ตระกูลใหญ่ที่เคยเรืองอำนาจตอนนี้นับเป็นอะไรได้  คนคุ้นหน้าล้มหายตายจาก  สายใยอำนาจที่พัวพันยุ่งเหยิงถูกตัดขาดสะบั้นอย่างไม่ใยดี  เส้นบางๆระหว่างมหาราชและทรราชย์นั้นเปราะบางยิ่งนัก  สมควรเรียกว่าโชคดีหรือเตรียมการมาดีเพราะทุกบ้านที่เขาสั่งประหารล้วนแต่มีความผิดเป็นหลักฐานยืนยันชัดเจน  ประชาชนที่ถูกกดขี่มานานล้วนเป็นแรงหนุนให้เขาจัดการคนเหล่านั้นได้โดยชอบธรรม

 

ข้าเผลอใจลอยครู่หนึ่งทอดมองผ่านความมืดออกไปยังนอกระเบียง โคมไฟดวงน้อยดวงหนึ่งอยู่ไกลลิบ  เห็นดังนั้นจึงจัดชุดขาวสะอาดให้เข้าที่หมุนกายกลับสู่ห้องหนังสือ  ข้างตั่งนอนมีหนังสือตำรามากมายทั้งที่เปิดอ่านไว้ระเกะระกะและบางส่วนถูกกองไว้ด้านข้างอย่างสงบเรียบร้อย  ถัดไปเป็นกระดานหมากที่เดินไว้ยุ่งเหยิงยากแก้ไขได้โดยง่าย  ข้าดับตะเกียงเอนกายนอนบนตั่งไม้  กลิ่นกำยานหอมสงบทำให้ผ่อนคลายชวนง่วงแต่สติยังสดใสแจ่มชัด

 

เพียงชั่วครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียงเปิดประตูพร้อมกับแสงไฟ  ได้ยินเสียงชายผ้าเสียดสีแลกลิ่นอันคุ้นเคยของของบุรุษผู้หนึ่งลอยมาแตะนาสิกแต่ตอนนี้ทำได้เพียงอดทนข่มกลั้นแสร้งหลับต่อไป  ผู้มาเยือนนั้นอยู่ไม่ไกลนักดูท่าคงกำลังสนใจพิศมองกระดานหมากอยู่กระมัง  ได้ยินเสียงเม็ดหมากกระทบกระดานอยู่ครู่หนึ่ง  ฟังเสียงเขาเผลอครางอืมในลำคออย่างสุขุม  หัวใจข้าก็พลันอบอุ่นราวกับได้ย้อนไปในช่วงเวลาเก่าก่อน

 

เผลอหรี่ตาขึ้นมองแผ่นหลังกว้างของเขา  แสงไฟทอดละมุนทำให้ความเข้มคร้ามดูอ่อนโยนลงหลายส่วน  แผ่นหลังที่เองที่ข้าเคยอิงแอบ  รอยแผลเป็นกี่รอยบนร่างเขาข้าจำได้ขึ้นใจ  เงาร่างเขาในยามนี้ดูราวกับย้อนไปในครั้งอดีต ทุกค่ำคืนต้องตื่นมาพบแผ่นหลังของเขานั่งตรวจฎีกาอยู่ข้างเตียงตั้งแต่ดึกดื่นจนตะวันใกล้เยือนฟ้า  พลันนึกอยากรู้ว่าหากเอ่ยเรียกนามเขา ‘จิ่นสือ’ อย่างแต่ก่อน  เขาจะวางมือจากหมากกระดานนั้นแล้วลุกมาจุมพิตข้ากล่อมให้หลับ หรือจะลงดาบให้ข้าตกตายฐานที่กล้าดูหมิ่นเบื้องสูง

 

พิศมองแผ่นหลังกว้างอยู่ครู่หนึ่งก็ต้องหลับตาลงเมื่อเขาเริ่มขยับตัว  เสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้ข้าขึ้นทุกทีจนรู้สึกได้ว่าอยู่ไม่ไกลนัก  เสียงกระดาษถูกพลิกเปิดดังขึ้นหลายครั้กระทั่งเงียบลงไป  หัวใจข้าเต้นแรงขึ้นอย่างมิอาจควบคุมเมื่อเขาหย่อนตัวลงมานั่งด้านข้าง  นิ้วเรียวคุ้นเคยสัมผัสบนใบหน้าอย่างเชื่องช้าเมื่อมือของเขาเลื่อนขึ้นมาแตะที่หน้ากากเงินข้าพลันลืมตาขึ้น  แสร้งทำเหมือนคนเพิ่งตื่นได้อย่างแนบเนียน

 

“ฝ่าบาท?”

 

“ทำไมเจ้าถึงมานอนอยู่ที่นี่?” มือคู่นั้นละออกไปอย่างรวดเร็ว แสงตะเกียงส่องสะท้อนใบหน้าเขากลายเป็นเงาดำมืดทะมึน เป็นผู้อื่นคงตกใจจนขวัญบินหนีหมดเสียละกระมังยามเห็นเขาทำใบหน้าเคร่งขรึมดุดัน  ข้าลุกลงจากตั่งหมอบต่ำแทบเท้าเขากล่าวรายงานด้วยความใจเย็น

 

“หลายวันมานี้คุณชายลี่ฉางอนุญาตให้กระหม่อมเข้ามาศึกษาตำรายาจากห้องหนังสือเพื่อหาวิธีรักษาอาการป่วยบ่อยครั้งที่อ่านตำราดึกดื่นคุณชายจึงให้กระหม่อมพักผ่อนอยู่ที่นี่พะย่ะค่ะ”

 

“ถึงกับกล้าให้ผู้อื่นพักในห้องนี้..”ท่าทีอดทนอดกลั้นไม่ดึงข้าไปบีบคอนี่ช่างน่าขำ  คนผู้นี้ใยจึงขี้หึงขี้หวงได้น่ารักถึงเพียงนี้กันหนอ  ข้าแสร้งหมอบต่ำลงกว่าเดิมราวกับจะแทรกหายไปบนพื้น  บุรุษขี้หึงก็ยังไม่กล้าผลุนผลันออกไปโวยวายยังห้องนอนที่อยู่อีกฝั่งของตำหนัก  ก็ไม่แปลกนักเพราะตอนนี้มันยามโฉ่ว[2]แล้วเขาจะกล้ารบกวนผู้ที่หลับใหลอยู่ในห้องนั้นได้อย่างไร  คิดถึงตรงนี้ก็อดจะอมยิ้มกับความใส่ใจของเขาไม่ได้

 

“ช่วงนี้อาการของลี่ฉางเป็นอย่างไรบ้าง” บุรุษในชุดมังกรทิ้งตัวลงบนตั่งที่ปูด้วยขนจิ้งจอก  ท่าทางเคร่งขรึมซ่อนความเคร่งเครียดเอาไว้เห็นเขานวดขมับติดกันหลายครั้งก็พลันปวดใจ  เมื่อก่อนไม่ได้ห่วงใยดูแลมีเพียงเขาเป็นฝ่ายกังวลเรื่องข้า  ถึงตอนนี้นึกอยากจะดูแลก็มิอาจทำได้เหมือนเก่า

 

“อาการของคุณชายสงบลงบ้าง แต่มีท่าทางหวาดกลัวผู้อื่นเป็นพักๆ นิสัยยังสะดุ้งตกใจง่าย คาดว่ามิอาจหายเป็นปกติได้ในเร็ววันพะย่ะค่ะ” เนตรคมกริบคู่นั้นหลับตาลงคราหนึ่ง ถอนพระปัสสาสะออกมาเฮือกใหญ่  ท่าทางทุกข์ตรมที่ซ่อนอยู่ใต้พักตร์เรียบเฉยมีหรือคนข้างหมอนเขาจะมองไม่ออก

 

“หากปล่อยเขากลับไปอยู่หมื่นวสันต์ อยู่ให้ห่างไกลจากข้า ไม่ต้องทนอยู่ในตำหนักแห่งนี้ที่เขาชัง ไม่ต้องทนอยู่ใช้อากาศร่วมกับข้า..อาการเขาจะดีขึ้นหรือไม่” ประโยคนี้ยากนักจะจำแนกว่าเขาพูดด้วยอารมณ์ใด  ฟังดูคล้ายประชดประชันหนึ่งส่วน  จริงจังอีกหนึ่งส่วน แข็งกระด้างและอ่อนแออีกหนึ่งส่วน พิจารณาอยู่ชั่วอึดใจไม่ทราบว่าควรยินดีที่เขาไม่แทนตัวเองอย่างห่างเหินว่า 'เรา' หรือสมควรสำนึกเสียใจที่กรีดหัวใจเขากลายเป็นแผลได้อีกหนึ่งรอยแล้วดี สุดท้ายได้แต่รำพึงคำแสนสั้นคำหนึ่งอันเปี่ยมไปด้วยความขมขื่น

 

“ฝ่าบาท..”



ท่าทางเขาคล้ายเพิ่งรู้ตัวว่าหลุดท่าทีอันไม่สมควรให้คนนอกได้พบเห็นออกมา  ดวงตาคมกริบกลับลุกโชนแสง ใบหน้าหล่อเหลายิ่งนิ่งเฉยเย็นชาประดุจรูปปั้น  เอ่ยวาจาวางอำนาจออกมาด้วยท่าทีของจักรพรรดิไม่ใช่ชายที่ตัดพ้อคนรักอย่างเมื่อครู่

 

“แต่ถึงอย่างนั้นชาตินี้เขาต้องอยู่ที่นี่ไปจนตาย  อยู่กับคนที่เขาชังไปกว่าจะสิ้นลมหายใจ  ดังนั้นหากเจ้ารักษาเขาไม่ได้ก็ทนอยู่ที่นี่ไปจนตายเสียเถอะ!” ข้าลอบหัวเราะอยู่ในใจ อยู่ที่นี่ก็ดีได้อยู่กับท่านข้ายังจะปรารถนาสิ่งใดอีกเล่า  มองเขาสะบัดเศียรอยู่หลายครั้งหลายครา  ครู่ต่อมาร่างสูงใหญ่ที่ทอดอิริยาบถบนตั่งเตียงก็ผล็อยหลับไป

 

ข้าลุกจากพื้นมานั่งเคียงกายเขาอยู่ครู่หนึ่ง  จุมพิตตามใบหน้าคมคร้ามกร้านแดดอย่างคะนึงหา  ตรงหว่างคิ้วหยักลึกเป็นร่องทำให้ใบหน้าทวีความดุดัน  จมูกโด่งเป็นสันที่ทำให้ใบหน้านี้ยิ่งดูหล่อเหลาแข็งแกร่ง  เมื่อก่อนตอนเป็นองค์ชาย  นางกำนัลต่างพากันหลีกรี้หนีหน้าเพราะเขาไว้หนวดราวกับคนป่า  ผิวคล้ำดำด้วยแดดกว่าตอนนี้อยู่มาก  ร่างกายเหมือนแผ่รัศมีดุดันองอาจไม่น่าคบหาอย่างพวกองค์ชายอื่นๆ  มองดูเขาตอนนี้แตกต่างจากหลงจิ่นสือที่ข้าเคยพบเมื่อเจ็ดปีก่อนราวกับกลับฝ่ามือ

 

ยามทอดกายนอนลงข้างเขาชวนให้นึกถึงวันเก่า ตอนนั้นเป็นปีแรกที่มาอาศัยตำหนักหลวงเป็นบ้าน  เขาหวงข้าจนไม่อยากให้ก้าวออกจากตำหนัก  ชีวิตในตอนนั้นน่าเบื่อหน่ายจนต้องมาขลุกอยู่ในห้องหนังสือที่มิเคยชมชอบ  บนชั้นหนังสือเมื่อก่อนมีแต่ตำรายุทธศาสตร์เห็นแล้วพาลครั่นเนื้อครั่นตัว  โชคดีที่ตอนนั้นได้ตำรายามากมายหลากหลายมาจากแพทย์หลวงมาอ่านคลายเบื่อ  กระทั่งรู้ตัวอีกทีครึ่งหนึ่งของตู้ก็เต็มไปด้วยตำรายาเสียแล้ว  บางครั้งเผลออ่านดึกดื่นหนังสือกระจัดกระจายไม่เรียบร้อยไม่ได้ต่างอันใดจากสภาพห้องในตอนนี้  ไม่ทราบเขาจะยังจำได้หรือไม่

 

ตั่งตัวนี้ก็เช่นกัน..ตอนนั้นชังเขาจนไม่อยากเห็นหน้าหนีมาอยู่ในห้องหนังสือคนหน้าไม่อายผู้นี้ยังตามมานอนด้วย  เมื่อก่อนตั่งตัวเดิมเล็กกว่าปัจจุบันหลายเท่ายังจะดึงดันมานอนร่วมตั่งเตียง   สุดท้ายตั่งตัวนั้นร้าวกลายเป็นเรื่องน่าขายหน้าอีกเรื่องทุกครั้งที่นึกถึง  พิศมองใบหน้าเขา..กอดร่างกายเขา..สูดดมกลิ่นของเขา ครุ่นคิดเรื่องราวก่อนเก่าจนหลับไปครู่หนึ่ง กระทั่งเสียงเคาะเกราะไม้บอกเวลายามเหม่า[3]  ข้าลุกขึ้นจากตั่งเตียงกระชับผ้าห่มบนร่างสูงใหญ่  ด้านนอกเงียบสงัดไร้ผู้คนมีเพียงพี่จื่อหรงยืนนิ่งรอคอย

 

“ข้าบอกให้พี่ไปพักผ่อนก่อนมิใช่หรือ”

 

“ข้าไม่วางใจ”

 

“เขาโดนฤทธิ์กำยานของข้าไปจะตื่นได้หรือ” ข้าคลี่ยิ้มจางๆให้คนขี้ห่วง  หันกลับไปมองห้องนั้นอย่างอาวรณ์คราหนึ่งหมุนตัวกลับคืนเรือนพัก  ยิ่งก้าวเท้าห่างจากห้องนั้นไกลเท่าไหร่  หัวใจยิ่งรู้สึกอ้างว้างมากขึ้นเท่านั้น..







ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ lovewannabe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
 :hao5:เศร้ามากมาย สงสาร จิ่นสือ

ออฟไลน์ Sorso

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 795
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-3
หายไปนานเลยยยยย

ออฟไลน์ Veesi3

  • coHon3 {ต้นฝ้าย}
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 715
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
คิดไม่ออกจริงๆ ว่าหลีฉางจะกลับร้างยังไง

ออฟไลน์ ammchun

  • Don't Worry,Be Happy
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1389
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
จะได้กลับคืนร่างมั้ยนะ :ling1: :ling1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด