- บทที่ 12 - จุ๊บๆๆๆ - ------------------------------------
ในตอนสาย ผมตื่นก่อนเขาเหมือนเคย ผมก้มมองใบหน้าเล็กๆ ใต้คาง กลิ่นหอมอ่อน กับเส้นผมนุ่มๆ เขายังกอดผมอยู่ ผมก็เช่นกัน
มะนาวค่อยๆ ลืมตาช้าๆ เสียงแหบของคนเพิ่งตื่นนอน
“อรุณสวัสดิ์”
“อรุณสวัสดิ์”
เขาบิดขี้เกียจด้วยการกอดผมแรงๆ หนึ่งที ผมเลยทำบ้าง แต่แรงกว่าหลายเท่า
“โอ้ยๆ ยอมแพ้แล้ว กูยอมแพ้”
“ฮ่าๆๆ
เขาตื่นแล้วแต่ยังนอนซุกอกผมไม่ขยับไปไหน ผมเขี่ยผมเขาเล่นไปมาไม่อยากลุกไปไหนเช่นกัน วันนี้เป็นวันเสาร์ ไม่มีเรียนแต่มีกิจกรรมรออยู่ในตอนบ่าย ไม่ต้องรีบก็ได้
“มะนาว”
“หื๋อ?”
“ถามจริงๆ ก่อนนี้ที่เมาๆ นั่นจำอะไรไม่ได้เลยเหรอ” ผมสงสัยเพราะผมจำได้ทุกอย่าง
“ไม่ได้นะ จำได้แค่ความรู้สึกก่อนเมา อย่าง ไม่กลับกับคนอื่น ไม่พอใจ หรือพอใจ แต่จำรายละเอียดไม่ได้”
“แล้วเมื่อคืนมึงไม่เมาเหรอ?”
“กูกินไปสองแก้วเอง นอกนั้นโค้กกับน้ำเปล่าสลับกัน กูเห็นสภาพมึงโดนรุมกูกลัวมึงเมาแล้วถ้ากูเมาอีกคนจะกลับกันยังไง”
“กูนึกว่ามึงจำได้แล้วแกล้งจำไม่ได้”
“ห่า อันนั้นมึงแล้ว”
“อย่าพูดไม่เพราะดิ”
“ทำไม จะทำอะไรกู” มะนาวสบตาท้าทาย
“ทำงี้ไง” ผมชักมือขึ้นจี้เอวมะนาวครับ แหย่จนเขาดิ้นพล่าน ที่นอนกระจุย ออกไปยืนหอบอยู่ปลายเตียง
“โอ้ย เหนื่อย แฮ่กๆ มึงอ่ะ”
“มะนาวมึงก็อย่าเมาอีกแล้วแล้วกัน ไม่งั้นกูปล้ำจริง” ผมขู่เขา
“งั้นไปซื้อเบียร์เดี๋ยวนี้เลย กูจะมอมตัวเอง ฮ่าๆๆ โอ้ะ เอาวอดก้าดีกว่าเมาเร็วเมาจริงไม่มีช่วงลังเล”
“หึ มึงนี่ปากดี ไปอาบน้ำเลย แล้วอย่านานนะเว้ย”
“กลัวนานก็มาอาบด้วยกันดิ”
“ไม่ได้ กูไม่ได้เมา กูป็อด” ผมตอบตรงๆ
“ฮ่าๆๆๆ”
จุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ที่ไม่มีชื่อของเราสองคน เริ่มขึ้นจริงๆ แล้ว
…………………………
“มึง วันนี้หลังงานพบพี่ศิษย์เก่าพี่สายกูนัดเลี้ยงต่ออ่ะ จริงๆ ก็คงไปกันทั้งห้องนั้นแหละ แต่เขามากันหลายคนเลยแกมบังคับว่ากูต้องไป”
“อื้ม กูไปด้วยอยู่แล้ว”
วันนี้เป็นวันเสาร์ หลังจากงานเลือกดาวเดือน เราสองคนตื่นสาย นี่ถ้ากินข้าวเสร็จก็ใกล้ได้เวลานัดเข้าห้องเชียร์พอดีเลยมานั่งกินข้าวเช้ากันตอนเกือบอยู่ในคณะ
เอฟเฟคของคนที่เดินผ่านผมในคณะค่อนข้างจะชัดเจน แทบทุกคนเหลียวมอง คนที่อยู่กันเป็นกลุ่มเริ่มพูดคุยโดยที่หันมองผมเป็นระยะ ดูแล้วไม่รู้เลยว่าพูดเรื่องอะไร
“พี่สายมึงไม่มาบ้างเลยเหรอ”
“ไม่รู้ดิ ไม่ได้ถามพี่โนอา แต่ถ้ามาเขาคงบอกแล้วจริงไหม คงไม่ว่างมากันมั้ง”
“ดี มึงไม่ต้องรับมือคนแก่ แม่งเดาใจยาก”
“ถ้าเขาเล่นแรงเกินก็บอก”
“มึงคงช่วยอะไรไม่ได้หรอกถ้าเขาจะแกล้งกูจริง”
“นั่นก็เรื่องนึง แต่กูอยากให้มึงบอกกูเวลามีอะไร”
ผมพูดแค่นี้ ทำไมต้องทำหน้าอึ้ง?
“กูว่ากูไม่ทันบอกหรอก แว่นๆ อย่างมึงตาดีจะตาย คงเห็นเองก่อนแล้ว”
มะนาวยิ้มอย่างรู้ทัน แปลว่าเขารู้ว่าผมเป็นห่วง
“แต่มีอะไรกูจะบอกมึงคนแรกแน่นอน” มะนาวอมยิ้ม ตอบสิ่งที่ทำให้ผมสบายใจในที่สุด ก็แค่เนี่ย กว่าจะยอมรับปาก
“มึงอย่าทำให้โรงอาหารมีบรรยากาศเป็นไอเย็นๆ สีชมพู ตอนแดดเปรี้ยงๆ แบบนี้ได้ไหม”
“อิจฉาเหรอเม” ผมถามกลับ
วันนี้เมเซตผมมาเหมือนปกติ ใส่เสื้อนักศึกษาหญิงตัวหลวมๆ กับกางเกงวอร์มพร้อมเข้าเชียร์ หล่อไหมก็หล่อนะ แต่ดูไปดูมา ปากมันยังแดงๆ ระเรื่อกว่าปกตินะผมว่า
“กูสงสารชะนีน้อยที่อกหักจากพวกมึงต่างหาก เอ้ะ หรือเขาจะสมหวังถ้าพวกมึงได้กันจริงๆว่ะ”
กะจะยิงมุขว่า อีกไม่นานก็คงสมหวัง แต่คิดไปคิดมา ไม่เล่นดีกว่า ปล่อยให้คิดกันไป
“มึงจะเข้าเชียร์เหรอวันนี้ โลกแตก”
“ก็วันนี้มันวันพบพี่ศิษย์เก่า น้ากูเรียนที่นี่ แล้ววันนี้เขาบอกจะมา ขู่ว่าถ้าไม่มีชื่อกูในรายชื่อคนเข้าห้องเชียร์จะไปฟ้องแม่ให้ตัดเงินเดือน”
“น้ามึงรุ่นอะไรวะ?”
“34”
“โห เราว่าที่ 55 น้ามึงอายุเท่าไหร่เนี่ย” มะนาวพยายามคิดเลขทำปาดขมุบขมิบ
“39” ผมตอบให้ ถ้าให้มันคิดเองคงอีกพัก น้ำเดินมายกมือไฮไฟทักทายกับผม วางจานข้าวพึมพำหวัดดีกับคนอื่นๆ
“กูยังลบรุ่นไม่เสร็จเลย มึงนี่คิดเลขไวจริงๆ”
“ไม่ไวได้ไง มันเป็นแช้มป์ภูมิภาคจินตคณิตตอนประถม ตอน ม.ปลายก็เข้าค่ายโอลิมปิควิชาการเลขได้ถึงค่ายสองเกือบได้ไปเมืองนอก แม่สอนเลขมัธยม พ่อสอนแม็ตมหาลัย มิทเทอมนี่ถ้ามันไม่ได้เต็มกูให้เตะมัน อ้อ เมื่อวานได้ตำแหน่งเดือนคณะมาด้วยนี่หว่า ยังไม่ได้ฉลองเลย เอ้า ดาว นี่ก็ดาวคณะ แม่งเพื่อนกูแต่ละคน”
“มึงเก็บพอร์ตฟอลิโอกูไว้ตรงไหน เอาออกมานะ”
“กูกิ๊กเก่ามึงนะ กูต้องจำไว้เวลาแฟนคลับถาม กูจะได้ตอบถูกเอาใจแฟนคลับไง นี่กูมาบอกเมกับมะนาวนะเนี่ย เก็บไว้ในฐานข้อมูลด้วยนะ กูส่งต่อตะขาบให้” มึงเป็นคุณยายวรนาถเหรอ ไม่พูดเปล่า น้ำมันทำนิ้วกระดิกเหมือนขาตะขาบอีก
“ฐานข้อมูลอะไรกันคะหนุ่มๆ ว้ายตาย หล่อทั้งโต๊ะ ขอนั่งกลางค่ะขอนั่งกลาง” พงศ์ยกจานข้าวมาแทรกกลางระหว่างเมกับน้ำ
“ฐานข้อมูลเดือนคณะ” น้ำบอก
“อ้อ งั้นกูคงเป็นรองแค่ผัวที่ 2 เนี่ยแหละคะ ถ้าเราจับมือกันนี่แทบจะเอาบัตรเอทีเอ็มมันไปกดเงินใช้ได้เลย”
“เออ กูกดได้ กูรู้” น้ำบอก ผมรีบขัด
“เอิ้ยยยย ไม่ด้าย กูเปลี่ยนแล้ว”
“อ้าว มึงนี่ เปลี่ยนเมื่อไหร่ร้อยวันพันปีไม่เห็นเคยเปลี่ยน”
“เปิดเทอม กูเปลี่ยนพร้อมกับตั้งรหัสมือถือ แม่กูบอกให้เปลี่ยนซะบ้าง”
“มือถือก็ตั้งรหัสด้วยเหรอสัส ความลับเยอะใช่ไหมมึง”
“มะนาว มึงรู้รหัสมือมือแม็ตไหม?” อยู่ๆ เมก็ถามขึ้น เล่นเอาทุกคนหันไปมองหน้าเม เสร็จแล้วก็มองที่มะนาว
“เอ่อ...”
“ถ้ารู้พวกกูจะยกตำแหน่งแฟนพันธ์แท้พ่อแม็ตให้” พงศ์จิกตา
ผมยิ้ม ถ้ามันตอบความจริง ต้องโดนล้ออีกยาวแน่ เพราะผมบอกมะนาวไว้นานแล้ว แถมบางทีถ้าคนที่มันรู้จักทักไลน์หรือแชตเฟสมาผมยังใช้มันพิมพ์เลย
“ก็รู้นะ อยู่ๆไมมึงถามงี้เม จะหลอกให้กูบอกรหัสใช่ไหมเนี่ย”
“กูเห็นมึงโยนมือถือให้กันวันคัดตัวบาส มึงคงลืมว่าวันนั้นกูอยู่ด้วย แล้วแฟนคลับพวกมึงก็ทั้งทีมบาสหญิงอ่ะ กรี๊ดกันชิบหาย กูนี่โดนกระชากคอแทบหยุดเวลาพวกมันกรี๊ดกัน”
“เธอๆ อิสองคนนี้มันให้รหัสมือถือกันด้วยล่ะเธอ” พงศ์หันหลังไปจับแขนเพื่อนที่บังเอิญเดินผ่าน
แล้วมึงไปบอกเขาทำไมมมมม
สาวเจ้าทำตาโตแล้วเดินต่อแบบไม่ค่อยมีสติ แอบยิ้มแล้วมองพวกผมแบบมีลับลมคมใน
“ไม่เห็นแปลกเลย กูยังรู้รหัสมึงเลยพงศ์ 1112 เบอร์พิซซ่า” มะนาวทำเหมือนไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะรู้รหัสเข้ามือถือเพื่อน
“ฮ่าๆๆๆ ตลกแล้ว วันเกิดกูคะ อินี่ ไม่รู้จริง แม็ตมึงดูแลคู่จิ้นมึงดีๆด้วยนะ เพ้อแล้ว”
“กูก็ว่ากูดูดีอยู่น่า สงสัยกินยาเยอะไปหน่อย”
มะนาวหันมาแยกเขี้ยวทำเสียงแฮ่ๆ เหมือนหมาเวลาขู่ ผมเลยจับหัวกลางกบาลของมัน หันไปให้คนอื่นดู
“พวกมึงดู”
“อาการหนักนะมึงอ่ะ” เมทำหน้าเอือม
“มะนาว”
มีเสียงเรียกมะนาวจากคนมาใหม่ ผมหันไปดูพร้อมๆกับทุกคนในโต๊ะ คนที่มาทักทำให้ผมตื่นตัว
“พี่ชนะ หวัดดีครับ เอ่อ ทุกคุณนี่พี่ชนะสายรหัสกู”
“หวัดดีครัยพี่” ทุกคนยกมือไหว้พร้อมกัน รวมผมด้วย
“พี่ชนะ นี่แม็ต น้ำ พง เม กับเอ้เพื่อนผมครับ อย่าโหดกับพวกนี้นะพี่ผมขาไว้ก่อน ฮ่าๆๆ”
เอ้ที่เดินมาถึงพอดียกมือไหว้คนแปลกหน้าด้วยหน้าแปลกๆ ให้ผมเดามันกำลังคิดว่าใครวะหล่อจัง
“เออๆ หวัดดี มะนาวไปนั่งเป็นเพื่อนพี่หน่อยสิ เพื่อนพี่ยังไม่มากันเลย” แล้วเขาก็บอกเหตุผลที่เดินเข้ามาทัก
“ครับ ได้ครับ” มะนาวลังเล แต่ก็เลี่ยงไม่ได้ มีแต่ต้องตอบรับ
มะนาวจับไหล่ผมทำเป็นช่วยทรงตัวตอนลุกขึ้นยืน ผมพยักหน้าให้มะนาวไปเถอะ แล้วทำนิ้วโป้งทำท่าเหมือนเวลากดมือถืออยู่ใต้โต๊ะ ประมารว่ามีอะไรก็ไลน์มาบอก มะนาวทำท่าเข้าใจ ก่อนจะเดินตามพี่ชนะที่รออยู่ห่างๆ ไป คงไปร้านกาแฟแถวในคณะ
“กูคันปาก อยากเม้าค่ะ” ผมนึกว่าพงศ์พูด แต่เสียงมันเสียงเมนี่หว่า
“กูไม่น่ามาช้าเลย รู้สึกพลาดอะไรๆ ไปเยอะ” เอ้นั่งลงที่ว่างที่มะนาวเพิ่งลุกไป
“เล่าค่ะผัว ให้ไว”
“มึงมีคู่แข่งเป็นพี่บิ๊กเลยเหรอวะเนี่ย” น้ำเหมือนจะมองทุกอย่างออก สายตาเฉียบคมของมันนี่น่ากลัวจริงๆ
ผมถอนหายใจ จะเล่ายังไงดี
“พวกมึงจำวันที่มะนาวบอกว่ามีเลี้ยงสายได้ใช่ไหม” ทุกคนพยักหน้า รวมทั้งเมด้วย ไอ้นี่เนียนตอนนั้นมึงยังอยู่กับบรรดากิ๊กๆอยู่เลย “ก็นั่นอ่ะ พี่สายมัน”
“เขาชอบมะนาวใช่ไหม”
“กูก็ไม่รู้ แต่วันนั้นมะนาวเมาน็อคไปแล้ว เขากลัวมันไม่มีที่นอนเลยจะพากลับคอนโดเขา”
“ชอบแน่ๆ”
“เขาอาจจะเอ็นดูแบบน้องจริงๆ ก็ได้”
“มึงอย่าโลกสวยเกินไป เอาแต่พอดีๆ อันนี้มันเกินพอดีมึงก็ยอมรับว่าเขาเกินพอดี กูเสียสละตัวเองจัดการเขาเองดีมะ” เอ้บอกผม
“ถ้าวันนี้กูกินอีกกูต้องตายแน่นี่กูยังไม่สร่างเลย แต่คืนนี้กูจะไปช่วยมึงดูมะนาวนะ” เมคิดหนัก
“อื้ม กูก็จะช่วยดูนะผัว”
“กูคงคนละร้าน แต่จะแวะไปเยี่ยมมึงแล้วกันนะ” เอ้ด้วยอีกคน
อะไรพวกมึงจะร่วมมือร่วมใจกันขนาดนี้วะ
“อย่าเวอร์น่า ไม่มีอะไรหรอก ก็ตามประสาสายรหัส พวกมึงบอกจะมาช่วยๆ นี่มึงก็ต้องอยู่กับพี่บัณฑิตสายตัวเองกันป่าวว่ะ”
“พวกกูไม่ได้จะไปดูจริงหรอก พวกกูแค่แหย่มึงเล่นๆ”
“ฮ่าๆๆ จริง” เมกับพงษ์กับไอ้น้ำจับมือกันแบบเห็นด้วย
ไอ้พวกนี้
พี่ชนะก็เรื่องนึงครับ แต่อีกเรื่องนึงที่ผมไม่ได้บอกเพื่อน คือพี่ปราณพี่ชมรมบาสฯ ของผมเนี่ยสิ ผมไม่เคยคุยกับมะนาวอีกหลังจากวันนั้นที่ไปกินเอ็มเค แต่ผมเห็น มะนาวเองก็เห็น พี่ปราณมักจะมาปรากฏตัวไม่ใกล้ไม่ไกล เวลากินข้าวก็นั่งห่างออกไปแบบพอมองเห็น เวลานั่งอ่านหนังสือใต้ตึก เขาก็จะเดินผ่านบ่อยๆ เวลาเรียนเสร็จบางทีก็เห็นเขานั่งอยู่หน้าตึกบ่อยจนเกินบังเอิญ เราทั้งคู่เห็นแต่ทำไม่สนใจเพราะเขายังไม่แสดงตัวอะไรชัดเจน อยู่ๆ จะไปถามเขาว่าพี่ทำแบบนี้ทำไม? ก็ใช่ที่
วันนี้ผมก็เห็นเขาตั้งแต่มาถึงแล้ว หลังมะนาวเดินไปกับพี่ชนะ ผมหันไปจะดูท่าทีเขา ไอ้พี่ปราณนี่ก็หายไปจากโต๊ะแล้ว
กินข้าวกันเสร็จ เวลาเหลือ ผมกับเมเลยรีเควสกาแฟ เพราะเมื่อคืนเราโดนหนักกันทั้งคู่ นอนก็น้อย ปล่อยไว้ได้ไปหลับในห้องเชียร์แน่
“ไปร้านโอเคกาแฟ หน้าภาคกูนะ”
“ไกลนะมึง วิ่งซี่โครงบานกลับมาเข้าห้องเชียร์เลยนะ” พงศ์ขัดเม
“มึงก็ออกมาก่อนเวลาสิ แล้วไปเถอะเมีย มะนาวอยู่นั่น กูแอบไลน์ถามมันเมื่อกี้”
“โอเค งั้นไป” เอ้กับพงศ์คล้องแขนกันนำลิ่ว
เป็นวันเสาร์ที่ค่อนข้างคึกคักร้านกาแฟทุกร้านมีคนนั่งกันเกือบเต็ม เรามาถึงก็เหลือแต่โต๊ะโซนนอกใต้ต้นไม้
“เอาอะไรกัน เดี๋ยวกูไปสั่งให้”
ผมเห็นแล้ว ทั้งมะนาว ทั้งพี่ปราณ
นี่ผมควรจะห่วงเรื่องไอ้พี่นี่ไหมเนี่ย ทำตัวน่าสงสัยเกินไปแล้วมั้ง
“กูไม่เอา ช่วงนี้หมอสั่งห้ามกินครีมเทียม”
“หมอหรือเมียมึงพูดมาเลยตรงๆ”
“อันเดียวกัน ฮ่าๆๆ” น้ำชอบอกชอบใจที่พงศ์แซว “มันมีพี่รหัสอยู่ด้วยนี่หว่าข้างรหัสมึงอ่ะ”
ผมเห็นตั้งแต่เดินไม่ถึงร้านแล้ว มะนาวนั่งอยู่โต๊ะข้างในร้าน ติดกระจก โต๊ะมันมีกันสามคนไม่ได้นั่งกันสองต่อสอง
“อื้ม เอาไรๆ”
“ห่างกันแป็บเดียวมึงคิดถึงกันแล้วรึไง โอ้ยเซง อยากมีผู้ชายเข้ามาในชีวิต กูเอาน้ำส้มปั่นนะเอาเคล็ดเผื่อชีวิตจะมีพระเอกกับเขาบ้าง มึงอ่ะ” เอ้บอก หันไปถามพงศ์ต่อ
“เมียเอาชาเขียวนะผัว”
“ป่ะ กูจะไปเลือกเค้กด้วย”
เมเดินนำเข้าไปในร้าน ตรงไปหน้าตู้เค้ก เมไม่ค่อยกินข้าว แต่ขนมนี่สู้ไม่ถอย สงสัยเหมือนกันทำไมไม่อ้วน
ผมเดินตาม ไม่ลืมมองมะนาวที่ฟังพี่ๆสายมันคุยกันติดลม มะนาวเห็นผมแถมยังยักคิ้วกวนๆ ให้
“โอ้ะ น้องเมดาวคณะนี่นา เมื่อวานพี่โหวตให้น้องด้วยนะ” พนักงานหนึ่งในสองพูดขึ้นทันที ดูเหมือนจะเป็นพี่ในคณะเนี่ยแหละคงทำงานพิเศษ
“พี่ฟี่อย่าแซวดิ” เมทำไหล่ห่อ หันซ้ายหันขวา
“อ้าว มากับเดือนด้วย ยืนตรงนั้นก่อน พี่หยิบกล้องแปป” คนแทบทั้งร้านได้ยิน หันมองกันมาจนผมยังเขิน
พี่พนักงานเดินออกมาจากเค้าร์เตอร์โดยในมือมีกล้องโพรารอยติดมือมาด้วย พี่จัดท่าให้เรายืนหันหลังให้เค้าเตอร์จะได้เห็นชื่อร้าน กดถ่ายภาพอย่างรวดเร็วแล้วก็หยิบมือถือขึ้นมาถ่ายซ้ำอีก กลับไปชื่นชมผลงานสะบัดภาพโพรารอยอยู่หลังเค้าเตอร์เหมือนเดิม
“พี่ รับออเดอร์ก่อนมั้ย ขายของๆ” เมตบโต๊ะเร่ง
“ดังแล้วเอาใหญ่เลยนะย่ะ เอานี่ ไปเลือกติดที่ผนังได้เลย” เมรับรูปใบเล็กที่เริ่มปรากฏภาพชัดขึ้นมา ผมก้มลงไปดูด้วย ผันกับเมยืนเอียงหันหน้าเข้าหากัน ก็ดี หน้าไม่เบี้ยว ไม่ได้หลับตาก็พอใจแล้ว “รับอะไรดีจ๊ะพ่อเดือนสดใหม่ซิงๆ”
“เพื่อนผมเอาน้ำส้มปั่น ชาเขียวเย็น กับอเมริกาโน่นะครับ”
“จ้า รอสักครู่น้า เดี๋ยวเอาไปเสริฟที่โต๊ะ”
“เม มึงมาสั่งน้ำก่อน”
“คาปูไม่หวานเลย กับบูลเบอร์รี่ชีสเค้กนะครับ”
เมพูดโดยไม่ได้หันมา ยืนเลือกที่ว่างๆ เพื่อติดรูป ก่อนจะกวักมือเรียกผมยิกๆ ให้ไปที่ผนัง มีรูปอยู่เป็นร้อยรูปแปะอยู่ก่อนแล้ว ดูรูปมะนาวกับพี่ชนะ คงเพิ่งถ่ายเมื่อกี้ ก่อนจะแปะรูปใหม่ของเราไปตรงกลาง ที่โคตรเด่น
“นี่ๆ ถามจริงๆ เถอะ ที่เขาว่าน้องสองคนคบกันนี่จริงป่ะ?” คงเพราะเรายืนซ้อนหลังซุบซิบคุยกันสองคนกันผนัง เลยมีคำถามทำนองนี้ตามมาให้จักกะจี้เล่น
“หึหึ” ผมกับเมมองหน้ากันแล้วหัวเราะ
“บ้าแล้ว ไอ้นี่หล่อไป ไม่ใช่สเป็ค”
“มึงต้องตอบแบบดารา” ผมขำๆ กับความคิดคนอื่นนะ อีกอย่าง ผมไม่ต้องกลัวว่าเขาจะเข้าใจผิดอีกแล้ว ผมเลยชวนเมเล่นไปเรื่อย
“กูต้องหัดเป็นคู่จิ้นมืออาชีพใช่ป่ะ ได้” เมเท้าแขนกับเค้าเตอร์เอียงคอแสดงละคร “แหมพี่ ก็ดูๆ กันอยู่ ฮ่าๆๆๆ ไม่เอาดีกว่า กูขนลุก” เมหันมาหัวเราะใส่ผม ยื่นคอป้องปากเหมือนจะกระซิบ แต่เสียงดังปกติ “เดี๋ยวตัวจริงมันเข้าใจผิด”
เมหันไปยักคิ้วให้มะนาว เลยได้ ‘เหี้ย’ แบบไม่มีเสียงมา
“ไม่เข้าใจผิดหรอก กูเคลียร์กันแล้ว”
ผมตอบหน้าตาย แต่พูดจบในใจก็อดขำท่าทางคนฟังไม่ได้ พี่ที่ชื่อฟี่กับพี่พนักงานอีกคนทำช้อนคนตกพร้อมกัน เมเองก็อ้าปากหวอ
“เยดเข้! ไอ้พวกนี้ อย่าให้กูมีบ้าง เฮ้ย หญิงหายหมดชีวิตกู”
“กูว่ามึงถึงจุดเปลี่ยนแปลงแล้ว เปลี่ยนเถอะถ้าเปลี่ยนเป็นผู้ชายมึงจะหัวกระไดไม่แห้งเลยนะ”
“ไอ้เหี้ยแม็ต” เมทำท่าจะไล่เตะผม ผมเลยก้าวสองทีถึงประตู
เออวะ ยังไม่ได้เล่าเรื่องเมื่อวานให้พวกนั้นฟังเลย ผมกะจะไปเล่าให้เอ้กับน้ำฟังขำๆ ปรากฏว่าพงศ์กำลังเล่าอยู่ก่อนแล้ว
ผมเลยสมทบเสริมรายละเอียด พูดซ้ำคำพูดที่ประธานเชียร์พูดกับมัน ที่พงศ์เองก็คงยังไม่รู้ เอ้อึ้งและกรี๊ดมาก
เมนั่งฟังแล้วทำท่าบีบน้ำตา
“เลวร้ายมากอ่ะมึง” เมเป็นทอมที่ไม่ค่อยห่วงภาพพจนความแมนเท่าไหร่เลย ตอนนี้มันนั่งดึงทิชชู่มาทำท่าซับน้ำตา
“ตอนอยู่บนเวทีประธานเชียร์ก็มองมาแต่ทางที่มันยืน”
“อันนี้จริงคะ กูยืนยัน ด้วยว่ากูมองเขาตลอดเพราะเขาหล่อ ทีแรกนึกว่ามองกู กูนี่มือสั่นปากสั่น แต่ก็สำเหนียกตัวเองไง ว่ากูคงไม่ใช่แบบที่เขาชอบ เศร้าแพ็บ”
“เฮ้ยเม ไม่ต้องคิดถึงจนร้องให้ก็ได้ อีกแป็ปเดียวก็ได้เจอเขาแล้วนี่”
“ห่า”
แป็บเดียวจริงๆครับ อีกครึ่งชั่วโมงต่อมาเขาก็ยืนอยู่ตรงหน้าเรา แต่มาแค่แป็ปเดียวจริงๆ เมคงไม่ทันหายคิดถึง ฮ่าๆ ก็ส่งต่อให้บรรดาพี่บัณฑิตที่มารอพูดคุยกับเรากันหลายร้อย เริ่มที่กลุ่มแรกเป็นรุ่นพี่ที่เพิ่งจบไป เรียกตัวเองว่าเฟรสชี่พี่บัณฑิต มากันเยอะมากเกือบห้าสิบคน บางคนก็ทำงานวันเสาร์ บ้างก็อยู่ต่างจังหวัด อยู่ต่างประเทศ เป็นการบอกเล่าถึงความแตกต่างของวัยเรียนกับวัยทำงานเตือนสติพวกเราว่าอย่าเล่นจนลืมเรียน แล้วก็อย่าเรียนจนลืมเล่น เพราะถึงเวลาทำงานจะไม่เหลือเวลาทำอะไรเลย
พี่ที่จบไปไม่กี่ปียังหนุ่มยังสาว ที่พูดอย่างนี้เพราะพี่ๆที่จบไปนานมากๆ อย่างน้าเม เจอข้างนอกผมคงไม่กล้าเรียกพี่กลัวเสียมารยาท แต่วันนี้ถ้าไม่เรียกพี่ พี่จะไม่ยอม ขนาดคุณพ่อรุ่น 12 ลูกรุ่น 41 ยังมานั่งเรียกพี่เรียกน้องเล่นมุขกันให้ฮาครืนกันทั้งห้องประชุม (เลขรุ่นยิ่งน้อยเขาจะเริ่มนั่งครับ เพราะยอมรับตรงๆ ว่าข้อขาข้อเข่าเริ่มไม่ดี)
การพูดคุยหมุนเวียนสลับสับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จนค่ำ พี่ๆเลี้ยงมื้อเย็นด้วยการจัดบุพเฟ่อาหารนานาชาติ มีทั้งขนมจีนน้ำยา น้ำเงี้ยว แกงไตปลา เขียวหวาน คั่วกลิ้ง ก๋วยเตี๋ยวเรือ ข้าวมันไก่ ลาบ ส้มตำ ยำมาม่า เงาะจากระยองตั้งเป็นเข่งๆ เรียกว่าตามอัธยาศัยสุดๆ เลี้ยงที่โรงอาหารเนี่ยแหละครับแน่นอนว่าโนแอลฯ แต่หลังจากนี้พี่ๆส่งซิกส์มีต่อแน่นอน
ตอนเข้าห้องเชียร์เราไม่เคยได้นั่งใกล้กันกับเพื่อนครับ เขามีวิถีสลับแถวยังไงไม่รู้ เราโดนแยกกันตลอดแม้จะลองทั้งยืนข้างกัน หรือยืนต่อหลังกันก็หลงกันทุกที แต่หลังปล่อยฟรีแบบนี้พวกเราก็กลับมานั่งด้วยกันแบบไม่ต้องนัด ไม่รู้ผมคิดไปเองรึเปล่า ไม่มีใครกล้ามานั่งกับพวกเรา แม้ตอนแรกจะมีเพียงผมมานั่งที่โต๊ะก่อนคนอื่น
มะนาวตักมาเยอะมาก มันบอกหิว
“ไปต่อกันไหมพวกมึง” เมถาม หลังทำปากจู๋ดูดเส้นก๋วยเตี๋ยวเข้าปาก
“กูไม่ไป นอกนั้นไปหมดแหละ” น้ำบอก
“มึงรู้ได้ไงน้ำ” เอ้ถาม
“มึง” ชี้หน้าเอ้ “ไปแอ้วผู้ชาย พงศ์ก็ด้วย” พงศ์แย้ง
“เรียกกูพิ้งพิ้งคะ กูเปลี่ยนชื่อแล้ว” แต่แย้งเรื่องชื่อเล่น ไม่ได้แย้งเรื่องผู้ชายนะครับ
“มะนาว ชอบของฟรี แม็ตก็ตามข้างรหัสไป มึงก็ต้องไปกับน้าไง”
“แล้วไมมึงไม่ไปอ่ะ” เมถามน้ำ
“ครีมเทียมกูยังแดกไม่ได้ เหล้านี่มึงว่าจะรอดไหม?”
“หึ ฮ่าๆๆ อนาจ”
“กินได้ แต่ซดไปสองแก้วก็เมาพับอย่างมึงก็ไม่น่าดีใจนะ” มะนาวจับผิด ความไวไฟต่อของมึนเมามึงไม่น่ามีหน้าว่าคนอื่นได้นะ
“กูไม่อยากกินกูเลยแกล้งเมา”
“เหรอออออออ” มะนาวเย้ยหยัน
เมาแล้วเป็นเรื่องอย่างมึงก็ไม่ควรว่าคนอื่นเหมือนกันล่ะน่า
..........................
“วันนี้งานหนักแน่ๆ” มะนาวยืนพับแขนเสื้ออยู่หน้าตู้เสื้อผ้า ผมที่อาบน้ำเสร็จทีหลังยังเช็ดหัวอยู่ปลายเตียง
“มานี่ กูพับให้” ผมบอก นาวหยุด และคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินมานั่งข้างๆ ผม ยื่นแขนข้างที่พับค้างอยู่ให้
“มึงเจอทั้งสายอีกแล้วนี่”
“มึงอ่ะสบาย กูอยากให้ไม่มีพี่สายมาเหมือนมึงมากกว่า”
“กูจะกลายเป็นแก้วเวียน ชนแก้วกับพี่ที่กูจำชื่อไม่ได้แล้วก็โดนแกล้งจากใครบ้างก็ไม่รู้นะ ดีตรงไหน เอาอีกข้างมา”
มะนาวที่นั่งข้างๆผมกำลังจะเอี้ยวตัวหมุนอีกแขนมาให้แต่ก็ชักกลับไป พอผมใช้สายตาถามว่า ทำไม? เขายิ้มเจ้าเล่ห์ แล้วเอียงตัวนอนพาดไปกับหน้าขาผม
“ฮ่าๆๆ”
“อะไรมึง อ้อนเหรอ” ผมเผลอยิ้มออกมาแล้วเริ่มพับอีกข้าง
“เปล่า กูแค่เมื่อย จริงจริ๊ง”
ผมพับแขนเสื้ออีกข้างให้เขา ไม่สูงมากเดี๋ยวไหล่โผล่ ผมไม่ค่อยชอบ
“เสร็จแล้ว” อ้าวนิ่ง “เฮ้ย เฮ้ย หลับแล้วเหรอ”
“ไม่อยากไปแล้ว อยากนอนเลย”
“ไหนเคยบอกกลัวขาดทุนไง”
“มันก็ต้องมีอารมณ์ขี้เกียจกันบ้าง แล้วก็นะ มึงยังฮ็อตอยู่อาจจะโดนเล่นหนักเหมือนเมื่อวาน กูก็คงเลี่ยงพี่ๆที่น่ารักของกูไม่ได้ ถ้าเละทั้งคู่ จะทำไง”
“กูเมากูก็เอามึงกลับได้น่า แค่อาจจะเซนิดหน่อย แต่ไม่ลืมมึงไว้ร้านแน่ อีกอย่าง พี่มึงอ่ะ”
“พี่ชนะอ่ะเหรอ” มะนาวทำหน้าเซงอย่างเห็นได้ชัด แต่ทำไมผมเห็นแล้วสบายใจ ฮ่าๆๆๆ
“เขาอาจจะชอบๆ มึงอยู่”
“ไม่อาจหรอก เขาชอบกูมากเลยแหละ”
“มึงรู้เหรอ?” ผมค่อนข้างแปลกใจ นึกว่าเขาจะไม่รู้ตัว
“ข้างรหัสมึงดึงดูดเพศเดียวกัน มึงไม่รู้เหรอ ตอนนั้นกูโคตรอยากเขียนในใบสมัครเรียนเลยเวลามีช่องให้กรอกความสามารถพิเศษ ว่ากูเสกผู้ชายเดินตามได้” มะนาวลุกขึ้นนั่งแล้วบ่นยาวยืด
“อ้าว นี่กูโดนมนต์ดำอยู่เหรอ ฮ่าๆๆ” เขาก็ช่างเปรียบเปรย แต่ถ้าจริงอย่างเขาว่า ก็น่าห่วงแหะ
“เปล่าเลย มึงเป็นข้อยกเว้น”
“เว้น?” ยกเว้น ยังไงวะ?
“กูต่างหากที่เดินตามมึง” ผมงงกับสิ่งที่เขาพูดไม่ทันถามต่อจากนั้นก็เป็นภาพตัด
ผมถูกผ้าห่มคลุมหัวมิด รู้สึกมีอะไรนิ่มๆมาชนที่หน้าผาก เบ้าตา โหนกแก้มซ้ำๆ ผมที่อยู่ในความมืดพยายามรวบตัวต้นเหตุไว้ถูกเขารัดถึงต้นแขนแล้วนอนกลิ้งเกลือกไปกับเตียง มะนาวหัวเราะชอบใจ
เรื่องแรงเขาสู้ผมไม่ได้อยู่แล้วในที่สุดผมก็สะบัดแขนเขาออกได้แล้วเป็นฝ่ายรวบตัวเขาไว้
“อ้ากกก ปล่อย ผมผิดไปแล้วก้าบบบ ปล่อยผมไปเต้อะ”
“ฮึ้ย” ผมสะบัดผ้าห่มออกจากหัวได้ก็จ้องหน้าเขาทันที
“เมื่อกี้ทำอะไร?” ผมถามเสียงเข้ม เพราะกำลังกลั้นหัวเราะ
“เปล่านี่” มะนาวไม่สบตาผมอย่างตั้งอกตั้งใจ ผมเอียงหน้าตามไปเพื่อจะสบตาเขาให้ได้
“ทำอะไร?”
“เอาผ้าคลุม แค่นั้นเอง”
“หลังจากนั้นล่ะ”
“เอ่อ รัดไว้ไม่ให้มึงหลุด แค่นั้นจริงๆ”
“แค่นั้นแน่เหรอ”
“อื้ม แล้วมึงก็ดิ้นหลุด”
“ให้โอกาสพูดอีกที” ผมขยับหน้าเข้าใกล้ อีกนิดจมูกจะชนกันอยู่แล้ว
“...”
มะนาวยังคงเก็บปากเงียบ
“ทำอะไร มะนาว”
“งื้ออออ ทำ จุ๊บๆๆ” ในที่สุดก็ยอมปริปาก
“จุ๊บยังไง?” ผมแกล้งถามต่อ ตอนนี้เขาหน้าแดงมาก หลับตาปี๋ และเอียงหัวหนีสุดความยาวคอ
“งั้นแหละ”
“ไหนทำให้ดูสิ”
“ไม่เอา จะบ้าเหรอ”
“แล้วทำไมเมื่อกี้ทำได้”
“ก็มึงไม่เห็นอ่ะ”
“มะนาว”
“งื้อ มึงอย่าดุดิ” ผมรู้ เขาไม่ชอบให้ผมเรียกชื่อเต็ม ไม่รู้ทำไม
“นาว” ผมเปลี่ยนวิธีเรียกเผื่อว่าเขาจะยอมเปิดตาขึ้นมามองผมบ้าง
“...” เขาไม่พูดอะไร ใกล้ขนาดนี้ หลับตานานขนาดนี้ นี่รอให้ผมจูบอยู่รึเปล่า?
“นาว คอย่นหน้ายู่ขนาดนี้กูจูบไม่ลงนะ” ผมกลั้นหัวเราะเต็มที่
“มึงก็ปล่อยก่อนสิ” เขาหรี่ตาขึ้นมองข้างหนึ่ง
ปล่อยเหรอ? ผมคลายแรงนิดหน่อย ไม่รัดเขาแน่น แต่ก็ยังไม่ปล่อย จะเชื่อเขาได้แค่ไหนล่ะเนี่ย เกิดปล่อยปุ๊บหนีปั๊บ จะทำไง ขี้เกียจตามจับนะ
มะนาวก้มลงพยายามดึงผ้าห่มที่เป็นก้อนๆ ระหว่างเราออก ผมเลยละแขนมาดึงโยนไปข้างหลัง
เขาจับผมให้นอนหงาย วางมือเกาะสองไหล่ผมกดไว้ ผมจับเอวเขาหลวมๆ สายตาเขามองหน้าผมสลับกับหน้าอกผม ผมยังไม่ได้ใส่เสื้อเลยนี่นา
ผมมองมะนาวที่ตัวแดงเหมือนตอนเมาๆ เม้มปาก และเหมือนจะยังแดงขึ้นเรื่อยๆ
แล้วเขาก็เลือกไปนอนซบอกผมเป็นลูกแมว
“ไม่ไหวกูไม่กล้าอ่ะ รอเมาๆก่อนได้ป่ะ?”
ผมอยากจะหัวเราะออกมาดังๆ แต่เกรงใจ คนอะไรตอนไม่เมานี่หน้าบางที่สุด พอเมาเท่านั้นล่ะ อย่างกับม้าศึก
ฮ่าๆๆ เห็นแก่ความน่ารัก จะปล่อยไปก่อนก็ได้
------------------------------------
TBC.
ตอนนี้เป็นยังไงกันบ้าง หนูๆลุ้นให้พ่อจับลูกกดก็เก็บจริตกันนิดนะคะ คนเขียนก็อยากให้จับผลิก ตัวแทบสั่น(อ้าว) แต่พ่อพระเอกของเราบอกไม่ยอม ย้ำว่ารอได้ แหมมมม พระเอ้กกก พระเอก ถามมะนาวสักนิดไหมว่าอยากรอกับพ่อไหมอ่ะ 555
เจอคอเม้นต์โดนใจสถานที่กับรายละเอียดของเรื่องคุ้นๆนะคะ ใช่มหาลัยที่มีรถไฟตัดผ่านรึเปล่าน้าาาา อิอิ
- จุ๊ๆๆๆ คุณคะอย่าเอ็ดไป คนเขียนอุส่าไม่ใส่คีย์เวิร์ด อย่าง รางรถไฟ โหล ปีแก่ สถาบัน หรือเก4เก5 แล้วนะ ไม่เอาไม่พูด เดี๋ยวคนรู้ว่าใช้ที่ไหนเป็นแรงบันดาลใจ 5555 คนเขียนอยากให้มันดูกลางๆเป็นมหาลัยไหนก็ได้
เอ หรือจะเปิดเผยไปเลยดี เวลาคนอ่านผ่านไปแถวนั้นจะได้ไปตามรอย 555+ (ช่วงนี้ฟังเดอะช็อคถ้าเปิดเรื่องสถาบันจะมีเรื่องผีตามมาแน่ มะนาวกลัวผีนะเออ)
คนเขียน หัดทำเพจ >> https://www.facebook.com/Brosohub/
[แก้ไขคำผิดตามคำบอกจ้า]