- บทที่ 19 - สับสน -
-------------------------------------------
“เอ้า วันนี้เลิกซ้อมแค่นี้ก่อน พรุ่งนี้วันอังคาร ซ้อมเบาๆแต่เน้นเทคนิค เพราะวันพุธเราต้องแข่งแล้ว เพราะงั้นขอให้เบาทุกอย่าง อ่านหนังสงหนังสือเงี้ย ก็เบาๆ อย่าหักโหม จนดึกดื่น นะ เข้าใจนะ พักผ่อนเยอะๆ เก็บแรงไว้”
“ไอ้พี่ภาค ก็บอกน้องไปตรงๆ เลย ว่างดสวัสดีแฟนช่วงมีแข่ง” พี่เสือคนจริงครับ ตรงจริงๆ
“กูว่าน้องเข้าใจที่กูพูดอยู่นะ” พี่ภาคยังยืนยันในแนวทางของตัวเอง
“เข้าใจแป๊ะอะไร ผมพูดมันถึงเข้าใจเนี่ย ดูหน้าพวกมันดิ พี่จะบอกเลยนะน้อง ก่อนแข่งถือว่าสำคัญมาก อย่าทำให้ทีมแพ้เพราะมัวแต่ทำการบ้านกับ เมีย จนลืมทีม”
เฮ่ สายตาเชือดเฉือนกับหางเสียงที่ตวัดไปทางพี่ภาคนี่แปลว่าเคยเกิดกรณีตัวอย่างงั้นสิ
“มึงนี่แค้นฝั่งหุ่น นั้นแหละ เพราะเรามีแข่งติดๆ กันทุกวัน วันพฤหัสมีสองนัดด้วยซ้ำ ตายแน่มึง เจอเกษตรกับวิทยาในวันเดียวกันเล่นเอาวันแรกที่เจอไอทีเลยดูไม่น่าห่วงไปเลย ประมาณนี้มั้ง ปีหนึ่ง ใครมีเรียนเย็นวันไหนไปคุยกับพวกปีสอง ลงชื่อไว้เลยนะ ถ้าเป็นวิชาที่ขอเวลาได้จะได้ขอให้ ถ้าขอไม่ได้จะได้หาตัวลงแทนไม่ฉุกละหุก แยกย้ายได้ เจอกันพรุ่งนี้ โชคดีพวกมึง”
เราไม่ได้รีบร้อนกลับนัก ยังนั่งและนอนเอกเขนกกับพื้นยิมเพราะทุกคนเหนื่อย เหงื่อโทรม และตัวเหม็นน่ารังเกียจสำหรับคนข้างนอกที่ไม่ได้มาซ้อมกับเรา หันไปดูทีมหญิง เขายังฟิตซ้อมความถนัดรายตัวอยู่เลย
ผมกำลังเดินไปหาพี่บอลที่นั่งรอจดนั่นนี่อยู่ แต่ผมรู้สึกได้ ว่ามีคนกอดอกแอบมองผมอยู่อีกทาง จนเขาเรียก ผมถึงกล้าหันไปสบตา
“แม็ต”
“ครับพี่” พี่ปราณยืนนิ่งๆ รอผม ชัดเจนว่าหาจังหวะเรียกอยู่นานแล้ว
“มานี่หน่อย” ผมปลีกตัวออกมาโดยดี พยายามทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ในทุกๆเรื่อง หรือความขุ่นใจที่เคยมีต่อเขา ผมก็พยายามเก็บไว้ รอดูท่าทีเขาก่อน
ผมเดินแยกออกไป ไม่มีคนสนใจเท่าไหร่ ยกเว้นสาวๆ ที่คอยมองตามผมตลอด แต่ก็อยู่ไกลเกินกว่าจะได้ยินบทสนทนา
“เพื่อนมึง อยู่กับชนะใช่ไหม?”
“เอ๋ พี่รู้ได้ไง” ผมตีหน้าซื่อ
“กูขี้เกียจโทร ถ้ามึงโทรหามะนาวก็บอกมะนาวให้บอกไอ้แก่ด้วย” เขาเลี่ยงที่จะตอบ เลือกพูดธุระของตัวเองต่อไป
ผมแอบผงะนิดนึง ไอ้แก่นี่คือ?
“ว่าจะกลับไปรอที่คอนโด ถ้าไม่เห็นหน้าในครึ่งชั่วโมงก็ไม่ต้องมาให้เห็นหน้าอีก”
“อ่า ครับ” ผมพยายามทำท่าเข้าใจ ไม่แสดงออกว่าสงสัยอะไรทั้งนั้น ทั้งที่ที่จริงแล้วคำถามมากมายเกิดขึ้นในหัว
รู้ได้ยังไง? ทำไมไม่บอกเอง ทำไมต้องฝาก อะไรทำให้เขาแน่ใจว่าผมจะติดต่อมะนาวทันทีที่เลิกซ้อม เขารู้อะไรมากแค่ไหน แล้วแบบนี้มันไม่เท่ากับสารภาพกับผมเหรอว่าตัวเองมีแฟนเป็นคนที่กล่าวถึง
คำถามและความสงสัยหมุนวนจนผมปั้นหน้าได้ลำบาก
“แล้วก็สำหรับเรา แม็ต”
“เอ๋ ผมเหรอ?”
“ดูแลมะนาวดีๆ เห็นเจ็บแบบวันนี้ บอกตรงๆ พี่ไม่ค่อยโอเค”
“...” แล้วนี่มันแปลว่าอะไรอีก?
เขาพูดแล้วเอาแต่มองหน้าผมนิ่งๆ ผมเองก็ได้แต่เงียบ ใจสับสน เป็นห่วง หวงใย เขายังชอบมะนาวอยู่หรือเป็นแค่ความห่วงใยในฐานะคนเคยมีใจ หรือความจริงแล้วเขายังมีใจ
หรือนี่คือจุดประสงค์จริงๆที่เรียกผมมาคุย เพื่อบอกว่าตัวเองยังเป็นห่วงมะนาวอยู่?
แล้วประโยคสุดท้ายที่เขาทิ้งไว้ก่อนจากไป กลับยิ่งทำให้ผมสับสน
“ฝากมะนาวด้วย” เขาพูดแค่นั้น ตบๆ ที่แขนผมแล้วจากไป
ฝาก เหรอ? ฝากผม
เขาทำผมสับสน
ใจหนึ่งเหมือนยังอาลัย ใจหนึ่งเหมือนพยายามตัดใจ
เขาอยากบอกว่าเขามองออกเรื่องผมกับมะนาว หรือบอกว่าตัวเองกำลังพยายามตัดใจกันแน่ ผมไม่อยากมองเขาในแง่ร้ายตลอดเวลา เพราะจริงๆ แล้วเขาอาจจะไม่ได้คิดอะไรเลยก็ได้
แล้วอะไรล่ะที่ซ่อนอยู่ในใจเขาจริงๆ
ผมเลือกไม่คิดฟุ้งซ่าน โทรหามะนาวให้จิตใจสงบ
// ฮัลโหล อยู่ร้านข้าวแฟ // มะนาวรีบรายงานสถานการณ์ทันทีที่รับสาย
“อ้าว กินข้าวกันเหรอ นึกว่าไปร้านเหล้ากัน” ผิดคาดแหะ
// ช่าย ไม่ได้กิน ยังหัวค่ำอยู่เลยนะเว้ย กินข้าวเสร็จละกำลังกินเค้ก //
“บอกพี่ชนะนะ ว่าพี่ปราณฝากบอก ว่ากลับไปรอที่ห้องให้รีบกลับในครึ่งชั่วโมง”
// อ้อได้ ว่าอีกทีสิ พี่ชนะ มีข้อความฝากถึง //
“ทวนคำนะ”
// อื้ม //
“ฝากบอกไอ้แก่ด้วย ว่าจะกลับไปรอที่คอนโด ถ้าไม่เห็นหน้าในครึ่งชั่วโมง ก็ไม่ต้องมาให้เห็นหน้าอีก”
มะนาวทวนคำโดยใส่อารมณ์ที่ผมไม่มีให้ด้วย ทำเอาผมยิ้มคนเดียว
// หา // ผมได้ยินเสียงอุทานและเสียงคุยกันดังมาจากปลายสาย
// เขารออยู่ รีบกลับดิพี่ //
// แล้ว แล้วถ้าเขาแค่เรียกไปบอกเลิกล่ะ //
// ก็ง้อแบบที่คนรักเขาง้อกันจิ แบบนั้นๆ อ่ะ เข้าใจใช่ป่ะ? // ฮ่าๆๆ ดูคำแนะนำมะนาว ถ้าใครเดินผ่านไปผ่านมาแถวนี้คงหาว่าผมบ้ายืนหัวเราะในมุมมืดๆข้างโรงยิมอย่างนี้คนเดียว คิดได้ผมก็เริ่มออกเดินไปลานจอดรถหลีกเลี่ยงสถานการจำลองคนบ้าของตัวเอง
“เฮ้ย แม็ต”
ผมหันไปตามเสียงเรียก
พี่ยีนส์นั่งไขว่ห้างเขย่าแก้วน้ำอยู่โต๊ะม้าหินข้างโรงยิม มันมืดจนผมไม่ทันสังเกตว่ามีคนอยู่ตรงนั้น
“หวัดดีครับพี่ ไมมานั่งมืดๆ”
“พักทำโปรเจค” พี่ยีนส์พยักเพยิดไปตึกฝั่งตรงข้ามที่เป็นตึกเรียนของเขา ความจริงฝั่งโน้นก็มีโต๊ะหน้าตึก ที่นั่งสว่างๆ เยอะแยะ แล้วทำไมต้องมานั่งฝั่งนี้?
“ไม่ไปนั่งข้างในสว่างๆ มืดงี้ยุงกัดตายนะพี่”
“ไม่ล่ะ ไม่อยากทำให้ใครอารมณ์เสีย”
“สาวๆ น่าจะดีใจมีแรงซ้อมมากกว่านะ ถ้าพี่ไปเชียร์”
“ยกเว้นเพื่อนมึง” เขาพูดนิ่งๆ ยกแก้วขึ้นดูดซ้ำจนหมดก้นแก้ว
“แปลว่าพี่แคร์เม”
“เห้อ” เขาถอยหายใจ “ไม่มีอะไรหรอก ไปเถอะ จะกลับแล้วไม่ใช่รึไง” เขาตัดบท
“...” ผมพยายามทำความเข้าใจกับคำตอบของพี่ผม ทำยังไงก็ยังไม่เข้าใจ
เห็นผมเงียบไป พี่ยีนส์เลยพูดขึ้น
“วันศุกร์เลี้ยงสายนะ จริงๆ จะเลี้ยงตั้งแต่วันนี้แล้ว แต่โนอาบอกแม็ตมีแข่งบาส พวกพี่ๆ เขาเลยรอวันศุกร์ เขาอยากเจอมึงกันทุกคน” เขาพูดจบ ก็มองหน้าผมนิ่งๆ เหมือนยังพูดไม่จบ ผมเลยรอว่าเขาจะบอกอะไรอีก
“มึงไม่ไปกูไปเองก็ได้”
อ้าว
พี่ยีนส์ลุกขึ้นยืน โยนแก้วน้ำที่เหลือแต่น้ำแข็งลงถังขยะ ก่อนจะโยกหัวบิดขี้เกียจเดินข้ามถนนกลับไปตึกภาคตัวเอง
ผมมองเขาเดินหายไป ยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหูอีกครั้ง มะนาวยังไม่วางสาย แต่ปลายสายอีกด้านเงียบสนิท พี่ชนะคงไปแล้ว
“นาว นาว มะนาว”
// อ้าวเห้ย ยังอยู่ในสายเหรอ //
“เออ ก็กูขับรถ มึงไม่กดวางเอง แล้วเมื่อกี้ แนะนำอะไรพี่มึง?”
// ถ้าได้ยินแล้วจะถามอีกทำไมวะ รีบๆมา ของกินเต็มโต๊ะเลยมึง พี่ชนะลุกลี้ลุกลนให้แบ้งพันมา ฮ่าๆๆ หวานมะนาว //
“อย่าตะกละมาก อย่ากินสุ่มสี่สุ่มห้านะ ใกล้ถึงแล้ว”
// เออ งั้นมึงขับรถดีๆ โต๊ะขวามือ ริมกระจกนะ //
“โอเค”
ไม่นานผมก็มานั่งตรงข้ามเขาที่เป็นที่นั่งเดิมของพี่ชนะ มะนาวยืนยันให้ผมกินข้าวที่นี่เพราะบรรยากาศดีและที่สำคัญ มีเจ้ามือเป็นแบ็คพันที่วางอยู่กลางโต๊ะ
“ขอโทษนะคะ”
ผมหันไปมองพร้อมๆ กับมะนาว กินข้าวไม่ถึงไหนก็มีคนเดินเข้ามาทัก
“ขอถ่ายรูปคู่ได้ไหมคะ?”
เธอมองผมกับมะนาวด้วยสายตาอ้อนวอน
ถ่ายรูป?
“แม็ตเหรอครับ?” มะนาวถาม
“ไม่ไม่ใช่คะ ไม่ใช่พี่ถ่ายคู่กับเรา น้องนาวกับน้องแม็ตคู่กัน”
“เอ๋?”
งงอะไรมะนาว เขาก็พูดออกชัด
ผมลุกขึ้นยืน ย้ายไปนั่งข้างเดียวกับมะนาว มะนาวยังมีท่าทางงงๆ จนผมมานั่งเท้าคางเก็กให้พี่เขาถ่ายรูปอยู่ข้างๆ มันก็เอาแต่มองมาที่ผม
“อะไร?”
“เอาจริงอ่ะ?”
“แค่ถ่ายรูปเองนี่ เอ้า ยิ้มหน่อยนาว” ผมบอก เขย่าไหล่มะนาวให้หันไปยิ้มให้กล้อง
“อื้มมมม” พี่คนที่ถ่ายรูปกำลังหลับตาแล้วยิ้มกับตัวเอง
“พี่ครับ พี่ จะถ่ายอยู่ไหมครับ?”
“อ้อ ค่ะๆ 1 2 3 เรียบร้อย ขอบคุณคะ”
เขาจัดการเก็บภาพอย่างรวดเร็ว แล้วหมุนตัวจะเดินออกไป แต่กลับวนกลับมาทำท่าเหมือนจะพูดอะไร แต่ไม่ยอมปริปาก ยืนเม้มปากอยู่ข้างหน้าพวกเรา
“มีอะไรครับพี่”
“พี่ขอเอารูปลงเพจ cute boys ได้ไหมจ๊ะ?”
“รูปเมื่อกี้อ่ะเหรอครับ?” มะนาวถาม
“ใช่จ๊ะ จริงๆอยากขอเผื่อไว้รูปอื่นๆในอนาคตด้วย คือมีแฟนเพจขอมาเยอะมากแล้ว แต่พี่ยังไม่ได้ขอพวกน้องเลยยังไม่ได้ลง”
“อ้อ” มะนาวอ๋อ แต่หันมามองหน้าผม คืออะไร ให้ผมตัดสินใจว่างั้นเถอะ
“คือ ถ้าเป็นรูปปกติ ไม่ล่อแหลม หรือไม่เหมาะสม ก็ไม่มีปัญหานะครับ ผมยังไงก็ได้”
“เหมือนกันครับ”
“จริงนะ ขอบใจนะจ๊ะ พี่จะไปบอกแอดมินนะ แต้งกิ้วๆ ไปละๆ”
แล้วพี่เขาก็หายไปจากร้านทันที เร็วจนผมเริ่มไม่แน่ใจ
“หรือเราจะคิดผิดที่อนุญาตพี่เขาไปแบบนั้นวะ” มะนาวเองก็คิดเหมือนผม
“เขาเคยลงรูปกูตอนประกวดดาวเดือนแล้วไง กูเลยไม่รู้จะห้ามทำไมอีก”
“อ๋อ คนกดไลค์รูปมึงกับเมตั้งสองพัน”
“กลัวรูปกูกับมึงจะน้อยกว่านั้นรึไง”
“อะไร?”
“ไลค์ไง”
“เปล่า ไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นเลย”
“เหรอ?”
“กลับไปนั่งฝั่งโน้นได้แล้วมึงน่ะ”
“...” ผมไม่พูดอะไร ยกจานกับแก้วข้ามโต๊ะมาวางข้างหน้า แล้วเริ่มกินข้าวต่อโดยใช้มือซ้ายแค่ข้างเดียว
“ปล่อย” มะนาวพูดเสียงเข้มแทบไม่ขยับปาก
“อะไร พูดเรื่องอะไรไม่เห็นนรู้เรื่อง”
“เนี่ย” มะนาวพยายามบิดมือไปมา ไม่ยอมอยู่นิ่งๆ
“หึ” ผมยิ้มมุมปาก จับมือเขาแน่นขึ้น
เขาไม่พูดอะไรอีก เลิกขัดขืน ได้แต่นั่งเท้าคางรอผมกินข้าว ดูงอนๆแต่ก็เหมือนเขิน
ผมจะกุมมือเขาไว้อย่างนี้แหละ กุมมือนี้ไว้จนกว่าเขาจะไม่อยากให้ผมกุมจริงๆ ไม่ใช่บิดมือไปเขินไปแบบตอนนี้
.............................................
Backwater : ส่งรูปภาพในกลุ่ม
ผมกำลังนอนคว่ำเล่นมือถือ ตาปรือเตรียมหลับ แต่ก็ยังมีแรงกดเข้าไปดูในกลุ่มที่น้ำมันโพส เป็นรูปแคปหน้าจอเพจ Cute boys ของมหาลัย รูปผมกับมะนาวที่ถ่ายวันนี้เนี่ยแหละครับ ค่อนข้างแปลกจากรูปอื่นๆในเพจมาก เพราะเป็นรูปคู่จากแทบทั้งหมดเป็นรูปเดี่ยวแถมยังเป็นรูปอิริยาบทต่างๆ ทำเป็นตาราง 9 ช่อง เรียงตั้งแต่ผมยืนข้างมะนาว นั่งลง มะนาวทำหน้างง เรามองหน้าตอนคุยกัน ไปจนถึงรูปสุดท้ายที่ผมยกแขนพาดไหล่มะนาวแล้วยิ้มให้กล้องกันทั้งคู่
แคปชั่นเขียนแค่ว่า
‘no caption คะ แอดมินจะไม่พูด
แม็ต #1 วิดวะคอม (เดือนคณะ) & มะนาว #1 วิดวะอิเล็กฯ’
เห็นเวลาที่ลง เขาลงตั้งแต่ผมยังกินข้าวไม่เสร็จด้วยซ้ำ ประมาณว่าถ่ายปุ๊บลงปั๊บ ตอนนี้ไลค์ปาไปพันกว่าทั้งที่เวลาที่ลงผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง
Backwater : พวกมึงไปสวีตกันในที่สาธารณะ แถมยังประกาศให้โลกรู้อีกเหรอวะ
เอเอ้ : กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
พิ้งพิ้งคึ : ดอก
พิ้งพิ้งคึ : กูไม่เคยห้ามมึงสวีตต่อหน้ากูนะ ทำไมเวลาอยู่ด้วยกันมึงไม่หวานอวดกูบ้าง
Maths : ส่งสติ๊กเกอร์ (โคนี่ส่งสายตาชั่วร้าย)
NAWNAW : เฮ้ย ไม่มีอะไร
NAWNAW : พี่เขาแค่มาขอถ่ายรูป
เอเอ้ : หราาา
พิ้งพิ้งคึ : มีเถอะ กูไม่ขออะไรมากขอนอนใต้เตียงพวกมึงพอ
Backwater : นาววววว โกหกตกนรกนะมึง 5555+
Maths : เหรอ งั้น ไม่มีอะไร
พิ้งพิ้งคึ : มีเถ้อะะะะะ
Backwater : แม็ต มึงโกหก แปลว่ามึงจะยอมตกนรกตามมะนาวไปว่างั้นเถอะ
Maths : อื้ม ก็กะไว้ว่างั้น
เอเอ้ : อื้อหื๋อ
พิ้งพิ้งคึ : ผัวทำเมียฟินมาก ขอบคุณผัวหมายเลขสองสำหรับการแปลมา ณ ที่นี้
Am เม : แม่งงงง กูเกลียดพวกเมิงงงงงงง
หลังจากนั้นผมก็ไม่รู้พวกเพื่อนๆ โวยวายอะไรกันอีก เพราะผมโดนหมอนฟาดยับ จนต้องกลิ้งหลบจนสุดเตียง เจ้าตัวก็ยังไม่หยุดตีผมซ้ำๆ
“นาว ฮ่าๆๆๆ เป็นอะไร”
“มึงพูดแบบนั้นเพื่อนจะคิดยังไง” ผมชิงหมอนมา แล้วรีบรอบกอดเขาไว้ไม่ให้มือว่างมาทำร้ายผมได้อีก
“หรือจะให้บอกว่า มี ตรงๆ เลยล่ะ?”
“ไม่เอาโว้ย กูเขิน”
“ฮ่าๆๆๆ กูเชื่อ มึงหน้าแดงมาก” ผมฉกหอมแก้มเขาให้สีระเรื่อแดดขึ้นไปอีก
“ฮึ้ย มึงอ่ะ”
“แบบนี้ก็ดีแล้ว ให้คนอื่นคิดกันเอาเอง กูรู้ว่ามึงยังไม่พร้อม จริงไหม”
“ก็ ใช่อยู่”
ผมยิ้มให้กับความสับสนของเขา
ถึงแม้เราจะไม่ได้บอกโลกภายนอกว่าเราเป็นอะไรมีความลึกซึ้งกันแค่ไหน แต่ผมค่อนข้างมั่นใจ ว่าพวกเขารู้
ผมไม่กลัวเลย ว่าจะมีใครมาแทรกกลางระหว่างเราได้สำเร็จ
ผมไม่เคยเห็นมะนาวมองคนอื่น ในขณะที่ผมเองก็ชัดเจนว่าไม่สนใจใครที่ไหน นอกจากเขา
“นอนเถอะ ง่วงจัง” ผมคลายวงแขนกอดหลวมๆ ดึงเขาให้ทิ้งตัวลงนอนข้างๆ กัน
“นอนเลยเหรอ?”
“อื้ม ซ้อมมาหนักมากเลย” ผมแทบจะหลับกลางประโยคของตัวเองด้วยซ้ำ
ตอนนี้กี่ทุ่มกันนะ ทำไมง่วงขนาดนี้...
สิ่งสุดท้ายที่รู้สึก คือมะนาวดึงผ้าห่มมาห่มให้ นอนลงข้างๆ ดึงมือผมไปกอดไว้
................................................
ในที่สุดก็ถึงวันแข่งกีฬาเฟรชชี่นัดแรก ห้าโมงเย็น เรารวมกับที่ข้างสนามบาส ต่างคนต่างวอร์มร่างกายเตรียมการแข่งขัน ผมสังเกตฝั่งวิดวะผู้หญิงมาเชียร์พวกเราเยอะมาก ทั้งที่คณะผมผู้หญิงน้อยมาก
มะนาวนั่งริมๆ ข้างๆเป็นเอ้กับพงศ์ เมเดินขึ้นๆ ลงๆ เพราะเดี๋ยวก็มีแข่งเหมือนกัน
พอได้เวลาแข่ง ทุกอย่างก็วุ้นวายไปหมด ไม่ใช่เพราะเป็นการแข่งเปิดสนามนัดแรก แต่เพราะกองเชียร์ของทั้งบาสหญิงบาสชายยกกลองเข้ามาตีและเต้นวุ้นวายไปทั่งแสตน
แต่พอเริ่มการแข่งขันทุกคนกลับหยุดเล่น แล้วนั่งดูพวกเราแข่งกันอย่างจดจ่อ
ไม่รู้ว่าเป็นแผนของไอทีหรือยังไง ผมรู้สึกว่ามีมากกว่าหนึ่งคนล็อกเป้ามาที่ผม เบอร์ 9 ที่ตัวเล็กสุดในทีมจะคอยกันผมแทบทุกวินาที เหมือนเขาไม่สนใจลูกบาสเลยด้วยซ้ำ
และเพราะเขาตัวเล็ก จึงมาพร้อมความไวที่เป็นจุดอ่อนของคนตัวใหญ่แบบผม
เลวร้ายมาก เพื่อเดินเกมต่อให้ได้ตามแผนผมกับเขากระแทกกันหลายครั้งจนผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นจุดเริ่มต้นให้ในเกมมีความรุนแรงทวีขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนเริ่มประชิดและตั้งใจกระแทกกันจนล้มกลิ้งก็มี
เพื่อนพยายามส่งบอลมาให้ผมทำสามแต้ม ผมแทบไม่เลี้ยงบอล จับโยนจับโยนเพื่อเลี่ยงการกระทบกระทั้ง
ว่าแต่ทำไมพวกมึงไม่ไปชูตกันเองบ้างวะ ไอ้พวกขี้อู้
ประมาณเบรกที่สอง พี่ยีนส์เข้ามาในสนามในลุคเดิมที่ผมคุ้นเคย คือลุคประธานเชียร์ ชุดเรียบร้อย เชิตแขนยาวพับแขนถึงศอกไม่ผูกไท้ด์ ผมเซตทรงสุภาพกางเกงยีนส์สีเข้มกับรองเท้าเซพตี้ทำให้ดูสุขุมและแตกต่างจากคนอื่นจนสะดุดตา ที่ผมมีเวลาไล่รายละเอียดทั้งหมดของพี่ผมมากขนาดนี้เพราะผมนั่งพักครึ่งอยู่ข้างสนาม ฟังโคชคือพี่เสือบอกจุดอ่อนจุดแข็งทั้งหมดของเราจากสองควอเตอร์ที่ผ่านมา
ก่อนเริ่มเกม พี่ยีนส์สั่งแสตนวิดวะให้ร้องเพลงเชียร์พวกผม
โอ้โห นี่เองพลังของการเข้าเชียร์ กองเชียร์ที่คละชั้นปี แต่ร้องเพลงเชียร์ดังลั่น
หลังจากนั้นทีมเชียร์ กับทีมสันฯก็ผลัดเปลี่ยนกันสร้างสีสัน ผมเห็นเพื่อนๆผมลุกขึ้นเต้นไปกับเขาด้วย
ควอเตอร์สุดท้าย ผมถูกเปลี่ยนตัวออกมาพัก มานั่งเหนื่อยข้างสนาม เพราะคะแนนนำห่างจนแทบไม่ต้องลุ้น
จบเกมก็ยังไม่มีอะไรผิดไปจากที่คาด วิศวะชนะไอทีไปด้วยแต้มต่างกับเกือบครึ่งต่อครึ่ง
ตอนจับมือหลังแข่งจบ เบอร์ 9 ก็เอ่ยปากขอโทษผม ทั้งที่ผมไม่ได้คิดอะไรด้วยซ้ำ เกมคือเกม ออกมมานั่งพักจนเกือบลืมไปแล้วว่ากระแทกกันกี่ที
ผมมองหามะนาวเพราะเพลงเชียร์จบลงแล้ว ทุกคนย้ายฝั่งไปนั่งข้างสนามที่ทีมบาสหญิงวิดวะกำลังเตรียมตัวลงแข่งเช่นกัน ผมเก็บของเตรียมขึ้นไปนั่งบนแสตนกับเพื่อนๆ แต่ก็มีเสียงนึงรั้งไว้
“แม็ตๆ”
“อ้อ ไง” ผมอยากจะทักทายนะ แต่ไม่รู้จัก จำได้แต่หน้าไม่รู้จักชื่อนี่นะ จำได้แค่ว่า เบอร์ 9 "เจ็บรึเปล่าเกมวันนี้แรงอยู่นะ"
“ไม่หรอกๆ เอ้า นี่ยาทาแก้พกช้ำ ใช้ดีนะ อาร์มใช้อันนี้ตลอดเลย”
เขายื่นหลอดยาเล็กๆมาตรงหน้า เป็นเชิงให้ผมรับไว้
ผมก็รับไว้
“แต่เราไม่เจ็บเท่าไหร่นะ นายต่างหากโดนกระแทก ทั้งแขนทั้งชายโครง เก็บไว้ใช้เถอะ” ผมพยายามยื่นคืน
“ไม่ต้องๆ เรามีอีก” เขาตบๆกระเป๋า
“เหรอ งั้นก็ขอบคุณนะ”
“อื้ม”
“เอ่อ ชื่ออาร์มใช่ไหม?” ผมตัดสินใจถาม เพราะไม่รู้จะพูดอะไรต่อ “ยินดีที่รู้จัก”
“เหมือนกัน ไว้เจอกันนะ เราไปเชียร์เพื่อนก่อน” เขายิ้มแล้วเดินไปที่บันได ขึ้นอัฒจันทร์ฝั่งกองเชียร์วิศวะที่รวมกลุ่มกันหนาแน่น
ผมเองก็เดินตามเขาเพราะเป็นทางเดียวกัน เขาไปนั่งริมๆ กับเพื่อนสองสามคน คงมีเพื่อนอยู่ทีมหญิง
“กูว่าแล้วทำไมมันกันแต่มึงไม่สนใจห่าอะไรเลย”
ผมยังไม่ทันนั่ง พงศ์ก็ลุกขึ้นยืนพูดกับผม ก่อนจะไปหาที่ว่างถัดออกไป เป็นเชิงว่าให้ผมนั่งที่เดิมของเขา ผมทิ้งตัวลงนั่ง วางขวดน้ำกับผ้าเย็นที่เริ่มจะไม่เย็นลงกับตัก
“อะไร?” ผมถาม
“ไอ้ไอทีเบอร์ 9 นั่นไง”
“แล้วทำไมเหรอ?”
“ก็มันอ่อยมึง ไหน เอาอะไรมาให้ ไหนดูสิ” เอ้แย่งพงศ์ตอบ แถมยังก้มลงมาหยิบของในมือผมไปดูว่าเขาให้อะไรมา
“ยากากๆ จะใช้ได้เหรอ” เอ้ดูถูก
“ผสมน้ำมันพรายรึเปล่าก็ไม่รู้ ไม่ต้องใช้หรอก” พงศ์แย่งไปดู แถมยังเปิดออกดมแล้วพึมพำว่าก็หอมดีอีกต่างหาก ผมล่ะสับสนในความแปรปรวนของพงศ์
“เอามา” ผมหยิบของเจ้าปัญหาคืนมา ยัดใส่มือมะนาว
“นี่เลย ปวดไหล่ นวดให้หน่อย” ผมลุกขึ้นถอดเสื้อ แล้วลงไปนั่งที่นั่งว่างๆ ข้างหน้ามะนาวพอดี เอ้กับพงศ์จะได้เลิกโวยวายสักที
มะนาวที่ไม่ยังไม่พูดอะไรสักคำตั้งแต่ผมมาถึงเริ่มทายาแบบไม่เบามือนัก เริ่มบีบและกดแรงจนผมต้องย่นคอ ถ้าคนอื่นอาจจะคอหักได้เลยนะ มะนาวมือไม่เบานะครับ!
เขายังคงไม่สนใจอาการทุรนทุรายของผม จนผมต้องเอียงตัวไปมองหน้าเขาว่ากำลังทำสีหน้ายังไงตอนที่กำลังทำร้ายผมแบบนี้
โฮ มันคือยิ้มของโคนี่
“อ้าว แรงไปเหรอ?”
“...” ผมพูดไม่ออก เพราะเหมือนเขาจะจงใจมากกว่าไม่ตั้งใจนะ
“เฮ้ย ไง ถึงกับต้องนวดเลยเหรอ” ผมกับเพื่อนพร้อมใจกันยกมือไหว้คนที่เข้ามาทักผม
พี่ปกป้องเป็นผู้ชายดูสะอาด ท่าทางใจดี หน้าตาเด็กเรียน ถ้าบอกว่าเรียนหมอยังจะน่าเชื่อกว่าบอกว่าเรียนวิดวะเยอะ ผมยังไม่ค่อยได้ทำความรู้จักคุณลุงมากนัก แต่เท่าที่สัมผัสมา เขาก็ใจดีกับผมนะ
“เจ่งนี่หว่า ชูตสามแต้มลงทุกเม็ด” พี่ป้องทำท่าชูตในอากาศ “ไอทีแทบจะเก็บของกลับตั้งแต่ควอเตอร์แรก”
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกพี่ เขาก็เก่งอยู่ แล้ว พี่ยีนส์ล่ะพี่? เมื่อกี้ยังเห็นอยู่เลย”
“ไปรับโนอา เพิ่งเลิกเรียนเย็น”
“อ้อ”
“นั่นไงพี่มึง” มะนาวชี้ไปที่ประตูทางเข้า พี่โนอาเดินเข้ามาหยุดตรงทางเข้า มองไปมองมาเหมือนหาอะไร ข้างหลังมีพี่ยีนส์เดินตามไม่ห่าง
พอเห็นผมพี่โนอายิ้มน่ารักโบกมือให้ผมดุกดิก ก่อนจะหันไปยื่นกระเป๋าตัวเองให้พี่ยีนส์ เห็นพี่โนอาไม่ตามพี่ยีนส์ขึ้นมา แต่เดินไปรวมกับนักกีฬาข้างสนาม พวกผมมองตามแบบลืมตัว
เขาไปนั่งข้างๆ เม และพูดคุยกัน
“มองอะไรกันขนาดนั้นวะ”
อ้าว พี่ยีนส์เดินมาถึงแล้ว เขาเอากระเป๋าพี่โนอายื่นให้เพื่อนเขา
“ใส่เสื้อเหอะแม็ต พี่แกจะให้ร้องเพลงแน่ท่านี้” พี่ป้องหันมาบอกผมก่อนลุกขึ้นเดินไปสมทบกับพี่ยีนส์
พี่ยีนส์กำลังยืนพิงรั่วเหล็กกั้นหันหลังให้สนาม มองไปที่กลุ่มคนที่นั่งกระจัดกระจายรอดูบาสหญิง ส่วนผมใส่เสื้อกลับขึ้นมานั่งข้างมะนาว
“อื้ม นวดดีจริงๆ แบบนี้ต้องใช้บ่อยๆ”
“ได้ แต่กูจะคิดตัง”
“ฮ่าๆๆๆ”
สักพักพี่ยีนส์ก็ให้พวกเราร้องเพลงจริงๆ เป็นเพลงเชียร์ช้าๆ ที่ความหมายดี ทำไมช่างต่างจากตอนร้องให้ทีมชายที่มีแต่เพลงเร็วแถมดุดันนะ
ผลการแข่งขันของทีมหญิงก็ไม่ต่างจากของผมเท่าไหร่คือทิ้งห่างแบบลุ้นไม่เหนื่อย
จบเกมผมถึงรู้ว่าแฟนคลับเมเยอะขนาดไหนเขาได้ทั้งดอกไม้ และกล่องที่ผมเดาว่าเป็นเค้ก
“เดี๋ยวกูจะไปแย่งเค้กมันมากิน” พงศ์เสนอตัว
“คิดว่ามันจะยอม?” มะนาวหันขึ้นไปถาม
“มันต้องไดเอ็ดไปประกวดดาว มันต้องยอม”
“อย่างกับมันจะแคร์” ผมบอกพงศ์ให้ทำใจ ทำให้เกิดอาการหัวฟัดหัวเหวี่ยงพาลมาเขย่าตัวผมจนหัวคลอน
โอ้ย ผมผิดตรงไหน ผมแค่พูดความจริง
---------------------------------------
TBC.
ในส่วนของคู่ 3P ยังคงสตีลความสับสนไว้อย่างสตรอง 555+
ส่วนความสัมพันของคู่หลัก ก็ยังคงดำเนินไปอย่าง... ไม่บอกให้คิดเอง ฮี่
หายหน้าหายตาไปนาน อย่าเพิ่งทิ้งกันนะค่าาาาา
ตอนหน้าจะมาให้ไวเลยยยย
*ปล. แก้ประมาณแล้วนะคะ ขอโทษไว้ ณ ที่นี้ที่ทำให้ขัดตา เข้าใจอารมณ์คนอ่านที่แบบ 'ฮึ้ย ฉันเห็นมันๆๆๆๆ' เพราะเราก็เป็นเวลาอ่านอย่างอื่นที่ไม่ใช่ฟิกตัวเอง 5555+
อันนี้คงเป็นความเข้าใจผิดของตัวคนเขียนเอง ไม่ได้พิมพ์ผิดเฉยๆ 555 คาดว่าตอนอื่นก็คง มาร มาเป็นระยะ ไว้ตามแก้ทีหลังเนอะ แต่ต่อไปคงไม่ผิดแล้ว ไม่สัญญาแต่จะพยายามจ้า