{ ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } SPECIAL CHAPTER - 10.05.2016
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } SPECIAL CHAPTER - 10.05.2016  (อ่าน 46389 ครั้ง)

ออฟไลน์ March. Marcia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +166/-5
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ







BAD
ร้ายเกินกว่ารัก


:: CLARK TREVOR ::
THIS CAN NOT BE LOVE, THIS IS NOT WHAT I CALL LOVE”
:: NARA NARUETHAI ::
“YOU KNOW I'M IN LOVE WITH YOU, AND YOU KNOW YOU'RE IN LOVE WITH ME TOO...DON'T RUN AWAY FROM ME



...
“รักผู้ชายด้วยกันน่ะมันไม่ผิดหรอก ที่ผิดน่ะคือการรักคนที่เขาไม่รักเราต่างหาก”
...




ลูกเอ๋ยยังไม่เคยรู้รสร้าย
ที่ความรักกลับกลายแล้วหน่ายหนี
อันเจ็บปวดยวดยิ่งทุกสิ่งมี
ไม่เท่าที่เจ็บช้ำระกำใจ

( ขุนช้างขุนแผน : พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย )

บทนำ

มนุษย์นั้น...ต่อให้เลวร้ายเพียงใด...ต่ำทรามหยาบช้ามากแค่ไหน
หากทว่าก้อนเนื้อที่เรียกว่า ‘หัวใจ’ ก็สามารถถูกทำร้ายย่ำยีได้เช่นเดียวกัน
หัวใจเป็นสิ่งเปราะบาง หากทว่ามีกลไกซับซ้อนจนยากที่ใครจะหยั่งถึงได้
ภายนอกนั้นอาจดูเข้มแข็ง ร้ายกาจ เลือดเย็น
แต่ใครเล่าจะล่วงรู้ ว่าภายใต้ความเลวร้ายที่เราเลือกแสดงออกให้ทุกคนได้เห็นนั้น
แท้จริงแล้ว -- มันก็เป็นเพียงหน้ากากในการปกปิดหัวใจที่ขาดวิ่นของตนเองก็เท่านั้น
เป็นคนชั่วแล้วยังไง คนชั่วมันไม่มีหัวใจเหรอ
เป็นคนเลวแล้วยังไง คนเลวเจ็บปวดไม่เป็นเลยอย่างนั้นเหรอ
นาราก็แค่ผู้ชายเลว ๆ คนหนึ่ง เป็นเพียงคนเลวที่รักคนคนหนึ่งหมดทั้งหัวใจ
และเมื่อเขารักใคร คนคนนั้นก็จะต้องเป็นของเขาเพียงแค่คนเดียว
‘คลาร์ก เทรย์เวอร์’ จะต้องเป็นของเขาเพียงแค่คนเดียว
คนเดียวเท่านั้น

     เพล้ง!

     “นารา!” น้ำเสียงโกรธจัดของคลาร์กตวาดขึ้นลั่นห้องทันทีที่แจกันใบสวยถูกร่างเล็กบอบบางเขวี้ยงผ่านหน้าของเขาไปกระแทกกับผนังห้องจนแตกละเอียด ดวงตาคู่คมดุดันวาวโรจน์ จ้องมองสบกับดวงตาเรียวสวยของคนที่ยืนหอบจนตัวโยน

     ฝ่าย ‘นารา นฤทัย’ เองก็จ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยแววตาโกรธขึงอย่างไม่ลดละ ดวงตาคู่สวยมองใบหน้าหล่อเหลาพร้อมกับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

     “ผมเคยบอกคุณแล้วนะว่าอย่าเอาอีตัวมากกที่คอนโด มันน่าขยะแขยง” จบประโยค ดวงตากลมก็ตวัดมองร่างเปลือยเปล่าบอบบางบนเตียงกว้าง ในขณะที่คู่กรณีมองมาที่นาราด้วยแววตาหวาดกลัว

     คนถูกมองแค่นยิ้ม หันกลับมาจ้องหน้าคลาร์กที่ยังยืนนิ่ง สองมือกำแน่นเพื่อสะกดกั้นอารมณ์ของตัวเองเอาไว้

     “เอามันออกไปจากห้องนี้ซะก่อนที่ผมจะหมดความอดทน คุณก็รู้ว่าผมไม่ได้ใจดีเหมือนเมียเก่าของคุณหรอกนะ”

     “อย่าเอาตัวเองไปเทียบกับกีรติจะดีกว่า กีย์น่ะดีกว่านายเยอะ อย่างน้อย ๆ ก็ไม่เที่ยวทำตัวตกต่ำน่าอับอายแบบที่นายกำลังทำอยู่” คลาร์กพูดเสียงเย็น ทำเอานาราหลุดหัวเราะออกมาพร้อมกับเอ่ยประชดกลับไปด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก

     “ก็ถ้ามันดีนักหนาแล้วคุณตกลงหมั้นกับผมทำไมล่ะ ถ้ารักกันมากนักจะแบกหน้ามาขอผมกับพ่อทำไม!”

     “เพราะฉันสมเพชนายไงล่ะนารา”

     คลาร์กฉีกยิ้มเย้ยหยัน ร่างสูงเดินเข้าไปหาร่างขาวเนียนที่ห่อตัวอยู่ในผ้าห่มผืนหนาแล้วก็ทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงกว้าง สองแขนรั้งร่างเล็กเข้ามากอดแน่นเพื่อปลอบประโลม ในขณะที่นารามองภาพตรงหน้าด้วยแววตานิ่งเรียบไร้ความรู้สึก

     เขาชินชากับมันแล้วล่ะ...

     ชินกับภาพที่คู่หมั้นของเขากอดปลอบคู่นอนอยู่บนเตียงกว้าง โดยมีนารายืนมองอยู่ห่าง ๆ ด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร

     “นายเองก็รู้อยู่แก่ใจดีว่าทำไมฉันถึงต้องลดตัวลงไปหมั้นกับคนน่าสมเพชแบบนาย” คลาร์กตอบกลับมาเสียงเรียบ เรียกโทสะของนาราให้พุ่งสูงขึ้น ชายหนุ่มหันไปคว้าโมเดลตั้งโชว์ทรงสี่เหลี่ยมที่วางอยู่ใกล้มือขึ้นมาแล้วจัดการฟาดมันใส่ร่างของหนุ่มลูกครึ่งเต็มแรงจนเกิดเสียง

     ปั้ก!

     “แล้วไง คนอย่างผมมันทำไมเหรอ ถ้าฝืนใจมากก็ถอนหมั้นซะสิ โง่ดันทุรังทำซากอะไร!!!!” นาราตวาดกร้าว นัยน์ตาคู่สวยวาวโรจน์ขึ้นอย่างน่ากลัวหากแต่คลาร์กกลับไม่มีความรู้สึกกริ่งเกรงคนที่กำลังโมโหร้ายตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย ชายหนุ่มตวาดกลับไปด้วยน้ำเสียงดุดันไม่แพ้กันหวังจะให้คนตรงหน้าได้สำนึก แต่ก็ดูเหมือนคำพูดของเขาแค่ผ่านหูนาราไปเท่านั้น

     “ก็หมาตัวไหนล่ะที่พอฉันจะถอนหมั้นแล้วมันดันเรียกร้องความสนใจด้วยการลุกขึ้นมาจะฆ่าตัวตายน่ะ หมาตัวไหนล่ะที่มันเห่าใส่หูฉันทุกวันว่ารักฉันไม่ให้ฉันทิ้งไป ก็หมาอย่างนายไงล่ะนารา หมาอย่างนายนั่นแหละที่ทำให้ชีวิตฉันต้องเป็นแบบนี้ สำนึกซะบ้างเถอะ!”

     “ทำไม ผมมีอะไรด้อยกว่าไอ้ตัวอีตัวที่คุณกกอยู่ตรงไหน ผมด้อยกว่าไอ้เวรกีรตินั่นตรงไหนทำไมคุณถึงรักผมไม่ได้ ถ้ามันฝืนใจมากก็ปล่อยให้ผมตายไปเลยสิ!”

     “แล้วคิดว่าทุกวันนี้ฉันอยากให้นายมีชีวิตอยู่นักหรือไง!”

     “!!!!”

     “ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อนาย ไม่ใช่เพราะพ่อฉัน ฉันปล่อยให้นายตายห่าไปตั้งแต่วันแรกที่นายคิดจะตายแล้วล่ะจำเอาไว้!!!” คลาร์กพูดจบก็โอบกระชับร่างเล็กให้แน่นขึ้น นารามองภาพตรงหน้าด้วยสายตาวูบไหวเพียงชั่วครู่ก่อนจะแสยะยิ้มร้าย ดวงตากลมเบนทิศไปยังร่างที่กำลังสั่นไหวในอ้อมกอดของคู่หมั้นหนุ่มแล้วก็ฉีกยิ้มกว้าง

     “ชื่อรณกรสินะ”

     “คะ...คุณคลาร์ก”

     “ชู่ว เงียบไว้ หมอนั่นทำอะไรนายไม่ได้หรอก” คลาร์กกระซิบกับคนในอ้อมกอดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนก่อนจะก้มลงจูบที่ขมับบาง รณกรซุกใบหน้าหลบสายตาเชือดเฉือนของนาราพร้อมกับร่างกายขาวบางที่กำลังสั่นระริก

     น่ากลัว...คู่หมั้นของคลาร์กน่ากลัวเกินไปแล้ว

     “กลับไปก่อนไปนารา” คลาร์กเอ่ยไล่คนตัวเล็กพร้อมกับจ้องใบหน้าขาวเนียนตรงหน้า นาราเลิกคิ้วมองคู่หมั้นหนุ่มก่อนจะหัวเราะออกมาเบา ๆ

     “ทำไมล่ะ กลัวผมงั้นเหรอ?”

     “...”

     “หึ! ดูเด็กของคุณเอาไว้ให้ดี ๆ นะคลาร์ก ดูมันเอาไว้ให้ดี ๆ ” นาราพูดพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างออกมาอย่างมุ่งร้าย คลาร์กมองคนตรงหน้าพร้อมกับกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ก่อนจะโอบกระชับร่างของรณกรให้แนบแน่นยิ่งขึ้นไปอีก

     เขารู้ดี รอยยิ้มแบบนี้มักจะตามมาด้วยหายนะเสมอ

    “ดูเด็กของคุณเอาไว้ให้ดี ๆ ก็แล้วกันนะคลาร์ก ระวังเอาไว้ให้ดี ซักวันมันจะมีชะตากรรมไม่ต่างอะไรไปจากเมียเก่าของคุณคนนั้นแน่ จำเอาไว้”



อ่านพระเอกเหี้ยมาเยอะแล้ว มาลองเปลี่ยนแนวอ่านนายเอกอำมหิตบ้างดีกว่าเนาะ
สกรีมในทวิตติดแท็ก #คุณคลาร์กกับหนูนา นะคะ
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-01-2017 12:04:31 โดย March. Marcia »

ออฟไลน์ March. Marcia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +166/-5
สารบัญ

... 0 % ...

ออฟไลน์ March. Marcia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +166/-5
ตอนที่ 1


     พลั่ก!
     
     “อ๊ะ! เจ็บนะ!!!” เสียงเล็กหวีดร้องออกมาทันทีที่คลาร์กก้าวเข้ามาถึงตัวนาราภายในห้องกว้างของเจ้าตัว ร่างสูงของชายหนุ่มอาศัยแรงที่มีมากกว่ากดร่างเล็กลงกับเตียงนอนขนาดคิงไซส์ ก่อนจะเอื้อมมือไปกำรอบลำคอขาวเอาไว้พร้อมกับออกแรงกดจนนาราหายใจสะดุดใบหน้าแดงก่ำ

     “ไอ้ชั่ว ปล่อยนะ คุณไม่มีสิทธิ์มาทำกับผมแบบนี้ อื้อ!!!” ร่างเล็กพยายามดิ้นพร้อมกับวาดมือสะเปะสะปะไปทั่ว หากแต่คลาร์กไม่สนใจ ความโกรธคืบคลานเข้าครอบงำร่างสูงโปร่งจนชายหนุ่มขาดสติ มือแกร่งออกแรงบีบลำคอของคนตัวเล็กกว่าจนสุดแรงทำเอานาราเบิกตากว้าง เอื้อมไปหยิบโคมไฟราคาแพงที่ตั้งอยู่บนหัวเตียงขึ้นมาอย่างทุลักทุเล ตั้งใจจะใช้มันฟาดเข้าที่ร่างของคลาร์กเต็มแรงหากแต่คนตรงหน้ากลับคว้ามือเล็กเอาไว้ได้และจัดการเหวี่ยงโคมไฟจนปลิวไปกระแทกกับผนังห้องจนแตกละเอียด

     เพล้ง!!!!

     “อึ่ก ปะ ปล่อยนะ…” นาราพูดเสียงกระท่อนกระแท่นพร้อมกับน้ำสีใสที่เอ่อคลอขึ้นมาที่ขอบตาเรียว คลาร์กจ้องมองคนใต้ร่างพร้อมกับแสยะยิ้ม

     “อยากตายไม่ใช่หรือไง นี่ไงก็กำลังจะสงเคราะห์ให้ ไม่ดีใจเหรอ!!!!” ชายหนุ่มตะคอกอย่างเดือดดาลพลางออกแรงบีบลำคอขาวจนนาราสะดุ้งสุดตัว

     ไม่ เขายังไม่อยากตาย นารายังไม่อยากตาย

     เขาจะตายไม่ได้ ถ้านาราตายตอนนี้คลาร์กก็จะมีไปความสุขอยู่คนเดียว

     ไม่มีวัน!!!!

     พลั่ก!

     “โอ๊ย!” ร่างเล็กใช้แรงเฮือกสุดท้ายยกขาถีบเข้าที่กลางลำตัวของคลาร์กจนชายหนุ่มกระเด็นไปด้านหลัง และเมื่อร่างกายได้รับอิสระนาราก็ตะกายขึ้นไปนั่งบนเตียงกว้างพร้อมกับจ้องมองมาทางคลาร์กด้วยแววตาดุดัน

     “สารเลว!” คนตัวเล็กตะคอกสุดเสียงพลางยกมือขึ้นปาดน้ำตาออกจากใบหน้าหวาน

     “เออ!” คลาร์กตะคอกกลับพลางมองร่างเล็กบนเตียงด้วยความเกลียดชัง นาราหลับตาลงหนีสายตาของคู่หมั้นหนุ่มก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อเรียกกำลังใจให้แก่ตัวเอง

     คิดไม่ผิดจริง ๆ นารากะอยู่แล้วเชียวว่าสุดท้ายมันก็เหมือนเดิม

     คลาร์กไปมีอะไรกับคนอื่น

     เขาตามไปอาละวาดแล้วก็กลับมาที่ห้องของตัวเอง หลังจากนั้นไม่ถึงชั่วโมงคลาร์กก็ตามมาทำร้ายเขา และจบลงด้วยการที่ต่างฝ่ายต่างเงียบใส่กันและแยกย้ายกันไปคนละทิศคนละทาง มันเป็นแบบนี้ซ้ำ ๆ มาตลอดสองปีที่เขาและคลาร์กใช้ชีวิตอยู่ในฐานะคู่หมั้นของกันและกัน ไม่มีคำขอโทษ ไม่มีประโยคแก้ตัวหรือคำพูดที่บอกว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีก มีแค่เพียงคำพูดร้ายกาจที่พ่นใส่หน้ากัน มีเพียงแค่ฝ่ามือของแต่ละคนที่ส่งแรงลงไปยังร่างกายของอีกคน มีเพียงแค่เสียงข้าวของเครื่องใช้ที่ถูกทำลายไปทั่วห้อง

     ไม่มีใครเอ่ยขอโทษ ไม่มีใครพูดว่าจะหยุด...ไม่มี

     แต่ดูเหมือนครั้งนี้จะต่างออกไปตรงที่คลาร์กโกรธกว่าทุกครั้ง ชายหนุ่มลงมือรุนแรงกว่าทุกครั้ง เรียกได้ว่านี่เป็นครั้งที่สองที่คลาร์กตั้งใจจะฆ่าเขา

     ใช่ นาราบอกว่ามันเป็นครั้งที่สอง

     ครั้งแรกคือตอนที่ชายหนุ่มรู้ว่าเขาส่งคนไปข่มขืน ‘กีรติ’ อดีตคนรักของคลาร์กเพื่อบังคับให้ชายหนุ่มตกลงหมั้นกับเขา หลังจากนั้นสองวันคลาร์กก็ปรากฏตัวขึ้นและตั้งใจจะทำร้ายนาราแต่ก็ไม่สำเร็จ ในตอนนั้นนาราก็แค่คนงี่เง่าอ่อนแอ เขาเจ็บปวดกับสิ่งที่ตนเผชิญ ร้องไห้จนแทบบ้า และเมื่อคิดอะไรไม่ได้ ทางออกเดียวก็คือมีดโกนในห้องน้ำ นาราหยิบมันขึ้นมากรีดไปทั่วแขนจนเลือดชุ่มไปทั่วห้องก่อนจะสลบไป รู้ตัวอีกทีเขาก็อยู่ที่โรงพยาบาล และแน่นอนคนแรกที่เขาถามหาก็คือผู้ชายใจร้ายอย่าง คลาร์ก เทรย์เวอร์

     นาราในตอนนั้นเหมือนคนโง่ เขาวิ่งตามคนคนเดียวโดยไม่สนใจใครมาตั้งแต่เด็ก ๆ เพียงเพราะคำพูดโง่ ๆ ของคนคนหนึ่ง และคุณพิสิทธิ์บิดาของนาราผู้ที่รักลูกชายยิ่งกว่าอะไรจึงต้องบากหน้าไปทวงบุญคุณกับคลาร์กในฐานะที่เคยช่วยให้ครอบครัวของอีกฝ่ายรอดพ้นจากการล้มละลาย คุณพ่อของนาราขอให้คลาร์กหมั้นหมายกับเขา ประจวบเหมาะกับช่วงเวลาที่กีรติหายไป ทิ้งไว้เพียงคำเลิกราผ่านกระดาษเพีบงแผ่นเดียว คลาร์กจึงตกลงอย่างจำยอม

     และเรื่องราวทุกอย่างก็เริ่มต้น

     ชีวิตของนาราเต็มไปด้วยความหวาดระแวง การทะเลาะเบาะแว้ง นาราตามหึงหวงแต่คู่หมั้นหนุ่มกลับไม่สนใจ ชายหนุ่มควงใครต่อใครออกงานมากมายหักหน้านาราไม่เว้นแต่ละวัน และนาราเองก็ตามวีนคลาร์กทุกวันจนคนภายนอกและสื่อต่าง ๆ ชินชากับการทะเลาะเบาะแว้งนี้

     ไม่ใช่แค่คนภายนอกที่ชินชา คุณพิสิทธิ์หรือแม้แต่ตัวนาราและคลาร์กเองก็ชินชากับมันราวกับเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต

     แต่พอมาวันนี้...วันที่นาราตามไปอาละวาดรณกรอะไรนั่น ก็ดูเหมือนว่าคลาร์กจะฉุนจนขาดสติ

     บางทีเวลานั้นอาจจะมาถึงแล้ว

     เวลาที่จะมีใครซักคนมาแทนที่กีรติในหัวใจของคลาร์ก

     ใครซักคนที่จะมาทำให้คลาร์กลืมคนรักเก่า ใครซักคนที่คลาร์กจะมอบหัวใจให้

     ใครซักคนที่ไม่ใช่ นารา นฤทัย คนนี้

     “คุณออกไปเถอะไป ผมง่วง จะนอน” นาราเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบพร้อมกับมองคนที่ยืนหอบหายใจถี่ข่มอารมณ์ตัวเองอยู่ ร่างเล็กพับความเจ็บปวดลงให้ลึกสุดใจและเลือกที่จะใช้สายตาเย็นชาจ้องไปที่ใบหน้าหล่อของอีกคน คลาร์กจ้องดวงหน้าเล็กที่ฉายแววเหนื่อยอ่อนอิดโรยแล้วก็ยิ้มเยาะออกมา

     “หึ เหนื่อยแล้วงั้นสิ นอนแล้วก็ตาย ๆ ไปให้มันจบเรื่องเลยก็ดีนะ คนอย่างนายอยู่ไปก็เปลืองอากาศซะเปล่า ๆ ” ชายหนุ่มพ่นคำพูดร้ายกาจออกมาทำเอาคนฟังหน้าชา นาราสูดหายใจอีกครั้งก่อนจะส่งยิ้มให้คลาร์กพร้อมกับพูดเสียงอ่อนโยน

     “เสียใจด้วยนะ คนชั่วน่ะใคร ๆ เขาก็บอกว่าตายยาก ผมมันหนังเหนียว ไม่ตายหนีคุณไปง่าย ๆ หรอก จะอยู่จองล้างจองผลาญคุณให้ตกนรกตาม ๆ กันไปแบบนี้นี่แหละ...อีกอย่าง ผมยังไม่ได้เล่นอะไรสนุก ๆ กับรณกรเลย เห็นคุณหวงนักหวงหนาคงมีอะไรเด็ด ๆ ซ่อนไว้เยอะน่าดู ตัวเล็ก ๆ ขาว ๆ แบบนั้นลูกน้องของผมน่าจะชอบ...”

     ปึ่ก!

     “อย่าแตะต้องรณกร ฉันขอเตือน” คลาร์กพูดเสียงเย็นหลังจากที่ชายหนุ่มคว้าที่เขี่ยบุหรี่ที่วางอยู่บนโต๊ะใกล้มือเขวี้ยงใส่นารา ดวงตากลมฉายแววดุดันน่ากลัวจนคนมองใจกระตุก นาราหลบสายตาน่ากลัวของคนตรงหน้าพลางมองไปยังที่เขี่ยบุหรี่บนตักของตัวเอง ไม่นานความรู้สึกเจ็บจี๊ดก็แล่นจากบริเวณหางคิ้วพร้อมกับความรู้สึกเย็นเยียบที่ตามมา พอเอื้อมมือขึ้นไปสัมผัสและผละออกมาก็พบกับของเหลวสีแดงฉานของตนเอง

     เลือด...

     “หึ...” คนตัวเล็กแค่นหัวเราะพลางช้อนสายตาขึ้นมามองใบหน้าของคู่หมั้นหนุ่ม

     “ก็เจ็บดี” คลาร์กชะงักทันทีที่เห็นสายตาของคนตัวเล็ก ชายหนุ่มเบนหน้าหนีภาพตรงหน้าด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง นานมากแล้วที่เขาไม่ได้เห็นสายตาแบบนี้ นานมากแล้วที่นาราไม่ได้มองเขาด้วยสายตาเจ็บปวดแบบนี้

     คลาร์กเกลียดมัน เขาเกลียดสายตาแบบนี้ของนาราที่สุด

     “...”

     “คุณไปนอนเถอะ วันนี้เหนื่อยจะทะเลาะแล้วจริง ๆ ผมไม่อยากเผลอทำให้คุณเจ็บตัว” นาราพูดเสียงเบา ไม่สนใจจะเช็ดเลือดที่เริ่มไหลอาบใบหน้าหวาน มือขาวเอื้อมไปหยิบที่เขี่ยบุหรี่ขึ้นมาวางไว้ที่หัวเตียงก่อนจะจัดผ้าห่มเพื่อล้มตัวลงนอน

     “ก่อนหน้านี้ที่เขวี้ยงของใส่น่ะ ถ้ามันช้ำก็อย่าลืมทายาด้วยล่ะ ขอโทษด้วยก็แล้วกัน” ร่างเล็กเอ่ยคำขอโทษออกมาก่อนจะล้มตัวลงนอน ทว่าคนฟังกลับใจหายวาบทันทีที่ได้ยินคำนั้น คำขอโทษที่ไม่เคยมีใครเอ่ย แต่พอมาวันนี้นารากลับเป็นคนพูดมันขึ้นมา คลาร์กควรจะรู้สึกยังไง?

     “นายควรห้ามเลือดก่อนจะนอน ปัญญาอ่อนรึเปล่านอนทั้ง ๆ แบบนั้น” ชายหนุ่มปัดความรู้สึกแปลก ๆ ออกไปจากหัวใจก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ นารายิ้มเยาะกับตัวเองก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงอู้อี้

     “ไปให้พ้นเถอะไป ไม่ต้องมาห่วงผมหรอก ไสหัวออกไปจากห้องได้แล้ว”

     “เหอะ” คลาร์กแค่นยิ้มก่อนจะหันหลังเตรียมตัวเดินออกจากห้อง ชายหนุ่มเอื้อมมือไปเปิดประตูค้างเอาไว้แล้วหันหน้ากลับมามองกองผ้าห่มก้อนกลมบนเตียงอีกครั้งก่อนจะเอ่ยเสียงรามเรียบ

     “เรื่องกรน่ะ ขอล่ะนารา”

     “...”

     “คนนี้ฉันรักจริงๆ ” ชายหนุ่มทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนจะก้าวออกจากห้องไป ทันทีที่ประตูห้องปิดลงความเข้มแข็งและหน้ากากที่มีทั้งหมดก็พังทลายลง

     “...”

     ทำไมนะ

     “อึ่ก”

     ทำไมกัน

     “ฮึก...”

     ทำไมมันเจ็บแบบนี้ล่ะนารา ทำไมการรักใครสักคนมันถึงเจ็บปวดแบบนี้

     “ฮือออ...”
 
 
 
 
 
อีกด้านหนึ่ง

     “เคลียร์กันรู้เรื่องแล้วเหรอครับ” ร่างบางในชุดนอนลายทางสีฟ้าเอ่ยถามคลาร์กทันทีที่ร่างโปร่งปรากฏกายขึ้น รณกรเอื้อมมือไปแตะลำแขนแกร่งด้วยความเป็นห่วงก่อนจะจ้องมองใบหน้าเครียดจัดของอีกคนด้วยความกังวลใจ

     “ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะครับ คุณนาราไม่หายโกรธเหรอ ให้ผมไปช่วยพูดให้ดีมั้ยครับว่าเรา...”

     “ไม่ต้องหรอก อยู่นิ่ง ๆ ไปจะปลอดภัยที่สุด นายไม่รู้หรอกว่านาราสามารถทำอะไรนายได้บ้าง” คลาร์กพูดเสียงเครียดพลางตวัดร่างเล็กเข้าสู่อ้อมกอดพร้อมกับถอนหายใจออกมาเบา ๆ รณกรรับรู้ถึงกระแสความตึงเครียดที่ส่งผ่านมาจากร่างกำยำของอีกคน ชายหนุ่มยิ้มบางเบาก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบหลังคลาร์กเพื่อให้อีกฝ่ายได้ผ่อนคลาย

     “คุณนาราอาจจะร้ายกาจไปบ้าง แต่ที่คุณเขาทำก็เพราะรักคุณมากไม่ใช่เหรอครับ” รณกรเอ่ยขึ้นอย่างมีเหตุผล คนฟังหัวเราะหึออกมาก่อนจะพูดเสียงราบเรียบ

     “รักแล้วไง รักแล้วต้องทำทุกอย่างให้ชีวิตของฉันล่มจมงั้นเหรอ ฉันรักคนเลวแบบนั้นไม่ลงหรอกกร นายไม่เห็นที่หมอนั่นทำวันนี้หรือยังไง นาราน่ะโมโหร้าย นิด ๆ หน่อย ๆ ก็อาละวาดได้ง่าย ๆ ฉันอยู่ด้วยคงประสาทตายเข้าซักวัน”

     รณกรหัวเราะออกมาเบา ๆ กับคำพูดของชายหนุ่ม คลาร์กขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิด ยิ่งคิดไปถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ก็ยิ่งหนักใจ กลัวเหลือเกินว่านาราจะทำอะไรร้ายแรงกับคนตัวเล็กตรงหน้านี่อีก

     “ปากก็บ่นว่าทนไม่ได้ แต่ก็ทนอยู่มาตั้งสองปีไม่ใช่เหรอครับ ทำไมคุณเปิดใจแล้วมองคุณนาราบ้างล่ะ เอาแต่ประชดคุณเขาด้วยการมีคนอื่นแบบนี้ก็ไม่วายจะทะเลาะกันเหมือนเดิม เผลอ ๆ จะดึงคนอื่นมาเดือดร้อนด้วยนะครับ”

     “จะให้ฉันรักคนที่ทำลายชีวิตของกีย์กับฉันได้ยังไงกร ทุกวันนี้สิ่งที่ฉันทำได้อย่างเดียวคืออดทน ได้แต่ภาวนาขอให้หมอนั่นตาย ๆ ไปให้พ้น ๆ ซักที” คลาร์กพูดขึ้น ภาพใบหน้าสวยหวานของนาราที่มีเลือดไหลบริเวณหางคิ้วทำให้รู้สึกหงุดหงิดมากยิ่งขึ้น

     จะทำตัวน่าสมเพชไปถึงเมื่อไหร่กันหนูนา...

     “คุณคลาร์กไม่น่ารักเลย ถ้าคุณนารามาได้ยินเขาจะเสียใจมากรู้มั้ยครับ” รณกรเอ็ดพร้อมกับย่นจมูกใส่คนตัวสูง คลาร์กยิ้มน้อย ๆ กับกริยาท่าทางน่ารักของคนตัวเล็กกว่าก่อนจะก้มลงฟัดแก้มนิ่มของรณกรด้วยความหมั่นเขี้ยว

     “ฮื้อออ คุณคลาร์กพอแล้วนะ ผมเหนื่อยแล้ว!”

     “ไม่พอ เด็กดื้ออย่างนายต้องโดนฉันทำโทษทั้งคืน!” คลาร์กพูดด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ก่อนจะช้อนร่างเล็กขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนและก้าวเดินไปยังเตียงกว้าง ชายหนุ่มวางร่างเล็กของรณกรลงบนเตียงอย่างแผ่วเบาก่อนจะเคลื่อนกายขึ้นไปทาบทับร่างเล็กที่หอมกรุ่นกระตุ้นอารมณ์บางอย่างให้ก่อตัวขึ้น

     “มาทำโทษอะไรกัน ผมยังไม่ดื้อซักหน่อย อย่ามาโมเมสิ” รณกรพูดพร้อมกับดันอกแกร่งของคนด้านบนเอาไว้ยามเมื่อคนตรงหน้าหมายจะก้มลงมาช่วงชิงริมฝีปากคู่สวย คลาร์กยิ้มอ่อนโยนให้กับคนตรงหน้าก่อนจะเคลื่อนตัวไปกดจมูกลงบนขมับบางพร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงน้อยใจ

     “ก็นายน่ะเอาแต่บอกให้ฉันรักนารา เอาแต่เข้าข้างหมอนั่น ทำเหมือนนายไม่รักฉันอย่างงั้นแหละกร ชอบนักเหรอผลักไสฉันให้คนอื่นน่ะ” คลาร์กบ่นข้างใบหูเล็กด้วยน้ำเสียงงอน ๆ รณกรได้ฟังก็ทอดถอนใจอย่างเหนื่อยหน่าย ดูเหมือนคนตรงหน้าจะลืมอะไรไปรึเปล่า...

     “ที่ผมเข้าข้างคุณนาราก็เพราะว่าคุณเขาอยู่ในฐานะคู่หมั้นของคุณ ผมมันก็เหมือนกับคนที่มาแย่งคุณมาจากเขา คุณนารามีสิทธิ์ในตัวคุณทุก ๆ อย่างในขณะที่ผมไม่ต่างอะไรไปจากมือที่สามเลย อย่าให้ผมดูแย่ไปกว่านี้เลยนะครับ คุณต้องเข้าใจผมด้วยนะ ความสัมพันธ์ของเราสองคนมันก็เหมือนคู่นอนทั่ว ๆ ไป ซักวันก็ต้องแยกย้ายกันไปคนละทิศคนละทางอยู่ดี”

     “แต่ฉันรักนายนะกร นายไม่รักฉันบางเหรอ ไม่เจ็บปวดบ้างเหรอที่เห็นฉันไปเป็นของใครคนอื่น” คลาร์กเอ่ยถาม ล้มตัวลงนอนข้าง ๆ ร่างเล็กและกอดรณกรเอาไว้แน่น ทุกลมหายใจเข้าออกหนักอึ้ง ในอกรู้สึกปวดแปลบแปลบราวกับมีคนเอาหินก้อนใหญ่มาถ่วงเอาไว้ มันเจ็บ มันหน่วง คลาร์กอธิบายไม่ได้ว่าทำไม่เขาจึงรู้สึกเช่นนี้

     “รักสิครับ รักมาก แต่คุณเป็นของคนอื่น แน่นอนผมเจ็บปวด แต่เราจะทำอะไรได้ล่ะในเมื่อคุณนาราไม่ยอมปล่อยคุณ” คำพูดของรณกรสะกิดใจคลาร์กอย่างแรง ใช่ ถึงเขาจะรักใครแต่ถ้านารายังมีชีวิตอยู่เขาก็คงไม่มีทางสมหวัง

     “หยุดความสัมพันธ์ของเราเอาไว้แค่ตรงนี้เถอะนะครับ ก่อนที่ทุกอย่างจะแย่ไปกว่านี้” รณกรฉีกยิ้มกว้างแต่นัยน์ตาคู่สวยกลับเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา ทำไมเขาจะไม่รักคลาร์ก เขารัก รักมาก รักมากพอ ๆ กับที่คลาร์กรักเขา รักจนยอมปล่อยตัวปล่อยใจกลายเป็นคนเลวทั้ง ๆ ที่รู้ว่าอีกฝ่ายมีเจ้าของอยู่แล้ว แต่ถึงจะรักมากแค่ไหนแต่รณกรก็ต้องตัดใจ

     เพราะตราบใดที่นารายังหายใจอยู่บนโลกใบนี้ คลาร์กจะไม่สามารถไปเป็นของใครได้อีกแล้ว

     “ฉันรักนายมากนะ สัญญากับฉันนะว่าจะรักฉันตลอดไป” คลาร์กไม่ตอบแต่กลับเลือกที่จะบอกรักคนตัวเล็กแทน รณกรพยักหน้ารับรู้ก่อนจะซุกกายเข้าหาร่างแกร่งของคลาร์กแล้วเอ่ยพึมพำเสียงเบาหวิว

     “ผมก็รักคุณ” ทั้งสองพึมพำบอกรักกันท่ามกลางความมืดมิด สองมือโอบกระชับร่างของกันและกันแน่นราวกับกลัวว่าวันพรุ่งนี้อีกคนจะหายไป คลาร์กหลับตาลง เฝ้าถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมาว่าเขาควรจะปล่อยให้เรื่องนี้มันดำเนินต่อไปอีกนานแค่ไหน

     บางที...มันอาจจะถึงเวลาที่ต้องคุยกับนาราให้รู้เรื่อง

     บางที...มันอาจจะถึงเวลาที่ต้องบอกให้นาราเข้าใจเสียทีว่าเขารักนาราไม่ได้

     ใช่ มันถึงเวลาแล้วที่เขาควรจะทำอะไรซักอย่างเพื่อตัวเองและคนที่เขารัก

     แต่คลาร์กคงไม่รู้ว่าหลังจากวันพรุ่งนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล...
 
 
 
 
 
     ร่างเล็กนอนเหยียดกายไปตามความยาวของเตียงกว้าง ดวงตาเรียวแดงก่ำบ่งบอกว่าเจ้าตัวผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ใบหน้าหวานเกรอะกรังไปด้วยคราบเลือดที่แห้งแล้ว ความเจ็บแสบที่บริเวณคิ้วไม่ได้ทำให้คนตัวเล็กสนใจใยดีเลยแม้แต่น้อย บัดนี้นาราทำเพียงแค่นอนหงาย ดวงตาสีน้ำตาลเข้มจ้องมองไปบนเพดานท่ามกลางความมืดมิด

     อ่อนแอ เผลออ่อนแออีกแล้ว

     เมื่อไหร่เขาจะเข้มแข็ง เมื่อไหร่จะสามารถยืนหยัดอยู่เพียงลำพังได้ ใช่ว่านาราอยากจะเป็นแบบนี้ เขาไม่อยากจะรักคลาร์กจนโงหัวไม่ขึ้น ไม่อยากเป็นคนน่าสมเพชในสายตาคนอื่น แต่จนแล้วจนรอดนาราก็ทำไม่ได้ เขารักคลาร์กมากเกินไป มากเสียจนยอมซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างขอแค่ได้มีร่างสูงของคนคนนั้นมายืนอยู่ข้างกาย

     นารารักและอยากครอบครองคลาร์กเอาไว้คนเดียว เขาไม่คิดจะแบ่งอีกฝ่ายให้กับใคร

     “เมื่อฉันไม่ได้นายก็ต้องไม่ได้ รณกร...” ร่างเล็กพึมพำด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบก่อนจะแสยะยิ้มท่ามกลางความมืดที่ปกคลุมไปทั่ว มือบางควานหาโทรศัพท์ของตนเองก่อนจะหยิบขึ้นมากดเบอร์ที่คุ้นเคยแล้วนำเครื่องมือสื่อสารขึ้นมาแนบใบหูเล็ก รอเพียงไม่นานปลายสายก็กดรับพร้อมกับกรอกเสียงนิ่งเรียบกลับมาให้

     [ครับคุณหนู]

     “ฉันมีงานให้นายทำ” นาราเอ่ยความต้องการออกไปทันที ปลายสายนิ่งไปอึดใจก่อนจะถามกลับมาด้วยน้ำเสียงเหมือนเดิม

     [ครับ] คำตอบรับเพียงหนึ่งพยางค์ทำเอานารายิ้มร่า

     “เหมือนเดิม เพียงแต่ครั้งนี้เอาให้ตาย อย่าให้มันรอดเหมือนคราวของกีรติอีก ไม่งั้นคนที่จะตายคือนาย”

     [ครับ แล้วคนที่คุณนาราจะให้ผมไปทำ...]

     “มันชื่อรณกร...เดี๋ยวจะส่งข้อมูลไปให้พรุ่งนี้เช้า”

     [ครับ...]

     “งานนี้อย่าได้พลาดอีกเป็นอันขาด ถ้าครั้งนี้นายพลาด คงรู้ชะตากรรมตัวเองดีนะ...อีริค”



เคยลงไปนานมากแล้วแต่ไฟล์หาย เราเพิ่งหาเจอเลยหยิบมารีไรท์ใหม่ (เจอแบบบังเอิญมาก ๆ ฮือ ;_;)
ตอนนั้นใช้ชื่อไทย พระเอกไทย นายเอกไทย แต่เวอร์ชั่นนี้ขอพระเอกหรั่งนะคะ ฟามชอบส่วนตัว 5555
ขอฝากคุณคลาร์กกับหนูนาไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของพี่ยกน้องยกด้วยนะคะ <3<3

ออฟไลน์ kdds

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
หลังจากผ่านพระเอกแนวเหี้ยน้ำจืด เหี้ยน้ำเค็ม เหี้ยน้ำฝน แล้ว
มาเจอนายเอกเหี้ยมๆบ้างน่าจะสนุกค่ะ
แต่นิสัยหลงคลาร์กจนโงหัวไม่ขึ้นนี่ ตามมาอาละวาด มันดูอารมณ์เมียหลวงร้ายๆเหมือนละครหลังข่าว
คุณน้องรณกรนี่ก็แปลกทำเป็นพูดว่าให้รักให้เห็นใจนารา แต่สิ่งที่ตัวเองทำมันสวนทางกันเลย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-01-2016 21:13:31 โดย kdds »

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
อารมณ์ที่อ่านตอนที่รณกรบอกว่าตราบใดที่นารายังอยู่จะไม่มีใครสามารถได้อยู่กับคลากนี่เห็นย้ำหลายครั้งเหมือนกับว่านางอยากให้คลากฆ่านาราไปเสีย

ก็จริงตามที่รณกรว่าไว้ว่าคลากทนมาได้ตั้งสองปี  ทนมาทำไม เรื่องบุญคุญ ความแค้น?  โศกนาฏกรรมมากกว่าที่มีคนเข้าไปเกี่ยวข้องกับสองคนนี้

ออฟไลน์ Guill

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 678
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
มารอติดตามค่ะ

ออฟไลน์ March. Marcia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +166/-5
ตอนที่ 2


รักลวง รักจริง ทิ้งขว้าง
รักร้าง รักหลอก ชอกช้ำ
รักไร้ รักร่วง บ่วงกรรม
รักซ้ำ รักซัด ตัดใจ
หยกสีหม่น

     “นี่คุณ ไปกินข้าวกันเถอะ” ร่างเล็กของนาราก้าวเข้ามาในห้องทำงานของคู่หมั้นหนุ่มในวันรุ่งขึ้น ใบหน้าอ่อนเยาว์ดูอิดโรย หากแต่เจ้าตัวก็พยายามปกปิดมันเอาไว้ด้วยรอยยิ้มสดใส ขาเล็กก้าวเร็ว ๆ เข้ามาถึงตัวร่างสูงที่กำลังนั่งก้มหน้าก้มตาทำงาน พร้อมกับเอื้อมมือไปกอดคอคลาร์กจากทางด้านหลังพลางแนบแก้มนุ่มไปกับแก้มเย็น ๆ ของอีกคน
     
     “เที่ยงแล้ว พักงานก่อนแล้วไปหาอะไรกินกันเถอะ” นาราพูดเสียงออดอ้อน เอียงใบหน้าเข้าไปมองคลาร์กจนจมูกเล็กเฉียดกับแก้มของอีกคน

     ร่างสูงถอนหายใจกับกริยาของคู่หมั้นตัวเล็กก่อนจะตอบเสียงราบเรียบ

     “ไม่ได้หรอก โปรเจ็คนี้พ่อนายต้องการด่วน ฉันต้องรีบเคลียร์ให้เสร็จ นายกินไปก่อนเถอะ” คำตอบของคลาร์กทำเอานาราหุบยิ้ม ร่างเล็กทำตีสีหน้านิ่งขึ้นมาทันทีก่อนจะกอดคอชายหนุ่มแน่นขึ้นพร้อมกับเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้จนแก้มกลมแนบกับแก้มของคลาร์กอีกครั้ง

     “ไม่เป็นไรหรอกน่า คุณก็บอกไปสิว่าผมลากไปกินข้าว แค่นี้พ่อก็ไม่ว่าแล้ว” นาราพูดอย่างดื้อดึงจนอีกฝ่ายต้องเอ็ดออกมา

     “นี่นารา หัดทำตัวให้มีเหตุผลหน่อยได้มั้ย บอกว่าไม่ว่างก็คือไม่ว่างสิ จะไปไหนก็ไปเถอะไปฉันรำคาญ”

     “...” นาราเม้มปากแน่นทันทีที่ประโยคของคลาร์กจบลง อีกแล้ว มันเป็นแบบนี้ตลอด หลังจากที่ทะเลาะกันก็แยกย้ายกันไป พอวันรุ่งขึ้นนาราก็จะมาหาคลาร์กและชวนไปนั่นไปนี่ ทำราวกับเหตุการณ์ก่อนหน้าไม่เคยเกิดขึ้น ทำเหมือนกับว่าคำพูดร้ายกาจและบาดแผลตามร่างกายของกันและกันนั้นไม่ได้เกิดจากการทะเลาะกัน นาราพยายามเยียวยาความรู้สึกของเขาและตัวคลาร์กเองแม้จะรู้ดีว่าไม่นานทุกสิ่งทุกอย่างก็จะกลับไปเป็นเหมือนเดิม ทั้ง ๆ ที่รู้แต่เขาก็ยังทำ
 
     กี่ครั้งที่โดนดุ
 
     กี่ครั้งที่โดนด่า
 
     กี่ครั้งที่โดนว่า
 
     กี่ครั้งที่คนตรงหน้าส่งสายตาเย็นชามาให้
 
     มันกี่ครั้งแล้วที่คลาร์กขยี้หัวใจเขาให้มันแหลกจนไม่มีชิ้นดี แต่คนโง่อย่างนาราก็ยังเก็บเศษหัวใจที่ขาดวิ่นขึ้นมาเย็บให้มันเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาใหม่ แม้ว่าเข็มจะทิ่มมือจนเจ็บ แม่รู้ว่าหัวใจดวงน้อย ๆ ดวงนี้มันจะไม่เหมือนเดิมแต่นาราก็ยังจะทำ เจ็บแค่ไหนก็ทน ทนเพียงเพราะเหตุผลเดียว
 
     เพราะรักคนตรงหน้ามากกว่าอะไรทั้งนั้น
 
     ทำตัวดีก็แล้ว กลายร่างเป็นคนเลวร้ายก็แล้ว แต่ผลตอบแทนของความรักในครั้งนี้ก็ยังเหมือนเดิม นาราเริ่มจะเหนื่อยแล้ว เหนื่อยมากแล้วจริง ๆ ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย เขาจะพยายามเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าจนแล้วจนรอดคลาร์กไม่รักเขาจริง ๆ นาราก็จะยอมปล่อยอีกฝ่ายไป

     ปล่อยให้คลาร์กได้มีอิสระอย่างที่เจ้าตัวต้องการ ปล่อยให้คลาร์กได้ทำในสิ่งที่อยากทำ
     ปล่อย...ให้คลาร์กใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวให้สมกับการที่ทิ้งขว้างหัวใจของเขา ให้อยู่เพียงลำพังเหมือนอย่างที่คลาร์กทำกับเขา ปล่อยให้เจ็บเจียนตาย...
     เพราะปกป้องคนที่บอกว่ารักนักรักหนาเอาไว้ไม่ได้
     คุณทำให้เรื่องมันเป็นแบบนี้เองนะ คุณรนหาที่เอง
 
 
 
 
 
Grand Deluxe Hotel
     ร่างขาวบอบบางของรณกรนอนขดอยู่บนเตียงกว้าง ใบหน้าหวานเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา ห้องนอนกว้างบนโรงแรมหรูระดับห้าดาวบัดนี้ดังกึกก้องไปด้วยเสียงร้องไห้ มือบางจิกลงบนแขนเล็กเปลือยเปล่าจนเลือดซึมสร้างความเจ็บปวดให้แก่ร่างกายแต่เจ้าตัวก็หาได้สนใจไม่ ร่างขาวที่ตามเนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยช้ำนอนคุดคู้กกกอดตัวเองเอาไว้ภายใต้ผ้าห่มผืนหนา ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศยิ่งช่วยทำให้ร่างกายและจิตใจหนาวเหน็บเย็นยะเยือก

     น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลเอื่อยจากหางตาตกลงบนหมอนใบกว้าง แรงสะอื้นจากการร้องไห้มาเป็นเวลานานทำให้รู้สึกเจ็บไปทั่วทั้งหน้าอก รวมถึงร่างกายอ่อนล้าที่เพิ่งผ่านการใช้งานมาอย่างหนักนั่นก็ยิ่งทำให้ร่างเล็กเจ็บปวดจนแทบขาดใจ

     “ฮึก รณกร...นายมัน ฮึก คนโง่”

     “คนโง่ ฮึก ไอ้โง่”

     “สมควรโดนแล้ว ฮึก ฮือออออ” รณกรพูดซ้ำ ๆ พร้อมกับกอดตัวเองแน่นขึ้น ชายหนุ่มร้องไห้จนน้ำตาแทบจะไหลออกมาเป็นสายเลือด ความเจ็บจากการถูกทำร้ายทบทวีกับความเจ็บปวดในใจยิ่งทำให้ตอนนี้รณกรราวกับสัตว์ที่กำลังบาดเจ็บ

     มันสมควรแล้ว

     สิ่งที่รณกรโดนมันเป็นสิ่งที่สมควรแล้ว

     รณกรคนโง่ โง่ที่จมดิ่งไปกับความรักจนพาตัวเองเข้ามาสู่กงล้อแห่งความโสมม โง่จนพาตัวเองเข้ามาอยู่ในวังวนแห่งความชั่วร้ายของนารา สมแล้วที่จะโดนแบบนี้ สมควรแล้วที่คนเลวอย่างรณกรจะได้รับผลตอบแทนของการแย่งของของคนอื่น

     เป็นไงล่ะรณกร ทั้ง ๆ ที่ใครหลายคนคอยเตือนเสมอว่าคนอย่างคลาร์กนั้นไม่ใช่คนที่ใครจะเข้าไปยุ่งด้วยง่าย ๆ ไม่ว่าใครก็ตามหากได้หลวมตัวเข้าไปรู้จักกับผู้ชายคนนั้น หากได้หลวมตัวเข้าไปมีความสัมพันธ์ด้วยก็เป็นต้องพบเจอกับความเจ็บปวดทุกราย

     บ้างก็ล่าถอยเพราะไม่อาจทนความร้ายกาจของนาราผู้เป็นคู่หมั้น บ้างก็ต้องเจ็บเจียนตายและพังพินาศก่อนจึงจะสำนึกได้ว่าตนเองพ่ายแพ้และยอมหลีกทางออกมา ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่อาจหนีนาราพ้น แต่รณกรก็ยังดื้อดึง ดื้อที่จะรัก ดื้อที่จะมอบกายมอบใจให้

     สุดท้ายสิ่งที่เขาเจอก็ไม่ต่างจากคู่นอนของคลาร์กคนอื่น ๆ

     หากใครไม่ยอมถอยไปดี ๆ ก็คงจะโดนแบบที่เขาโดนอยู่ในตอนนี้

     รณกรโดนข่มขืน...

     และแน่นอนว่าไม่ใช่ฝีมือใครที่ไหนนอกจากนารา เขารู้ดีเพราะไม่เคยทำให้ใครขุ่นข้องหมองใจนอกจากคู่หมั้นตัวเล็กของคลาร์กคนนั้น รณกรผิดที่เข้าไปยุ่งกับคนของนาราอันนี้เขารู้และเจียมตัวเองอยู่เสมอ เพราะแบบนั้นตัวเขาเองจึงพยายามยุติความสัมพันธ์ลง แต่ก็ดูเหมือนจะสายเกินไป นาราไม่ปล่อยเรื่องของเขากับคลาร์กเอาไว้นาน นาราไม่ปล่อยเขาเอาไว้นาน
ไม่ถึงวันชีวิตของรณกรก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เขาเชื่อแล้วจริง ๆ ว่าคลาร์กคือสิ่งต้องห้าม คลาร์กเกิดมาเพื่อเป็นของนาราคนเดียวเท่านั้น และรณกรก็จะไม่ฝืนแย่งคลาร์กมาจากใคร เขามาทีหลังและแน่นอนคนที่จากไปจะต้องเป็นเขา

     “ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ” ร่างเล็กพึมพำกับตัวเองก่อนจะค่อย ๆ พยุงร่างกายที่อ่อนล้าเข้าไปยังโซนที่จัดไว้สำหรับเป็นห้องครัว สายตากลมกวาดมองไปรอบบริเวณก่อนจะสะดุดอยู่ที่มีดสำหรับปอกผลไม้เล่มเล็กเล่มหนึ่ง รอยยิ้มเล็ก ๆ จุดขึ้นที่มุมปากขณะที่รณกรพาร่างกายที่บอบช้ำให้เข้าไปใกล้และเอื้อมมือไปหยิบมีดเล่มนั้นขึ้นมาถือเอาไว้ในมือ ส่วนมืออีกข้างก็กำโทรศัพท์เครื่องเล็กที่หยิบออกมาด้วยเอาไว้ และดูเหมือนว่าทุกอย่างจะลงตัวเสียเหลือเกินเพราะเพียงไม่กี่อึดใจโทรศัพท์ของเขาก็แผดเสียงขึ้น ร่างบางมองชื่อที่ปรากฏขึ้นในจอก่อนจะยกยิ้มพร้อมกับกดรับ กรอกเสียงแผ่วเบาทักทายคนที่อยู่ปลายสาย

     “ครับคุณคลาร์ก”

     [ทำอะไรอยู่ เลิกงานรึยัง ให้ไปรับรึเปล่า] คลาร์กกรอกเสียงกลับมาอย่างกระตือรือร้น รณกรยิ้มกว้างพร้อมกับพาร่างตัวเองไปนั่งบนโซฟากลางห้อง ก่อนจะตอบคำถามของปลายสายกลับไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

     ได้แต่บอกตัวเองให้อดทน อย่าร้องไห้ให้คลาร์กได้ยินเป็นอันขาด

     “เลิกนานแล้วครับ คุณคลาร์กไม่ต้องมารับผมหรอก”

     [ได้ไงล่ะ ฉันคิดถึง ไม่ได้เจอกันตั้งหลายชั่วโมง คิดถึงมากเลยรู้มั้ย ] ชายหนุ่มส่งเสียงหวานออดอ้อนมาตามสายเรียกเสียงหัวเราะเบา ๆ จากปากเล็กได้เป็นอย่างดี รณกรหัวเราะเบา ๆ ชั่วครู่ก่อนจะเงียบเสียงลงไป

     “...”

     [นี่ ๆ เสาร์อาทิตย์นี้ว่างไหม โปรเจ็คใกล้เสร็จแล้วอยากไปทะเลน่ะ ฉันจองห้องพักไว้แล้วด้วย ไปด้วยกันนะ] คลาร์กชวนมาตามสาย ฟังจากน้ำเสียงก็เดาได้ไม่ยากเลยว่าตอนนี้คนปลายสายต้องกำลังฉีกยิ้มกว้างจนไม่น่าดูอยู่แน่ ๆ

     พอคิดถึงรอยยิ้มของอีกคนรณกรก็อดยิ้มตามออกมาไม่ได้ ชายหนุ่มกำมีดในมือแน่นก่อนจะถอนหายใจบางเบา และนั่นก็นับว่าเป็นสิ่งผิดพลาดเป็นอย่างยิ่งเพราะมันทำให้เขาหลุดสะอื้นออกมาจนคลาร์กได้ยิน

     “ฮึก”

     [กรเป็นอะไรไป เกิดอะไรขึ้น?] คลาร์กถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน รณกรเม้มปากแน่นก่อนจะรู้สึกถึงความเย็นชื้นบริเวณข้างแก้ม
เขากำลังร้องไห้

     “ฮึก...”

     [กร เกิดอะไรขึ้น! นายอยู่ไหน!] ปลายสายถามออกมาอย่างร้อนรน น้ำเสียงสั่นเครือของคนตรงหน้ายิ่งทำให้ร่างเล็กรู้สึกเหมือนตายทั้งเป็น

     “ผมสบายดีครับ สบายดี”

     [กร]

     “ผมรักคุณนะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น สัญญานะว่าคุณจะทำในสิ่งที่คุณควรจะทำ”

     [หมายความว่ายังไง นายอยู่ที่ไหน]

     “ฮึก สัญญานะ สัญญากับผมได้มั้ย...” ร่างเล็กตัวสั่นเทิ้ม พยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่นแต่ก็ทำไม่สำเร็จ รณกรร้องไห้ออกมาจนทำเอาปลายสายใจแทบสลาย แทบจะนั่งไม่ติดพื้น ได้แต่ถามซ้ำ ๆ ว่ารณกรอยู่ที่ไหน

     “ผมรักคุณนะ ผมรักคุณ ฮึก...”

     [...]

     “อย่ารักใครนะครับ ฮึก สัญญากับผมว่าอย่ารักคนอื่นนะ” อย่ารักคนอื่นที่ไม่ใช่คุณนารา...

     [กร นาราทำอะไรนาย...]

     “ชีวิตคุณ ฮึก...เกิดมาเพื่อเป็นของคน...อึก คนคนเดียว” ร่างเล็กพูดด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่นพาเอาหัวใจของปลายสายแทบจะแหลกเป็นชิ้น ๆ รณกรคนดีของคลาร์กจะรู้ไหมว่าตอนนี้เสียงแผ่วเบาของเจ้าตัวทำให้คลาร์กอยากจะร้องไห้ขึ้นมาดื้อ ๆ
 
     ทำไมเขารู้สึกราวกับว่าบทสนทนาครั้งนี้ระหว่างเขากับรณกรมันจะเป็นบทสนทนาครั้งสุดท้าย
 
     [กรครับ อย่าทำแบบนี้ ได้โปรด] คลาร์กอ้อนวอนเสียงแผ่ว

     “อย่ารักใคร ฮึก อย่ารักคนอื่น” รณกรย้ำ ไม่ได้รับรู้เลยว่าบัดนี้ปลายสายกำลังยืนนิ่งหลับตาข่มความเจ็บปวดเอาไว้
คนทั้งคู่ต่างก็เจ็บเจียนตายไม่แพ้กัน

     “ฮึก สัญญากับผมนะ คุณต้องรัก ฮึก ต้องรักคนของคุณ ฮือ คนของคุณเท่านั้น”

     [อย่าทิ้งฉันไปเหมือนกีย์เลยนะกร อย่าทิ้งฉัน ได้โปรด]

     “ผมรักคุณนะ รักคุณมากจริง ๆ ” สิ้นประโยคคนตัวขาวก็กลั้นใจยกมีดเล่มเล็กขึ้นมาและปักลงบนแผ่นอกอย่างรุนแรง
 
     ฉึก!
 
     แรงกดทำให้ใบมีดฝังแน่นลงไปตัดขั้วหัวใจจนมิดด้าม มือบางปล่อยโทรศัพท์ลงไปตามแรงโน้มถ่วงพร้อมกับร่างบางที่ทรุดลงไปนอนราบกับโซฟาและกระตุกสองสามทีก่อนจะแน่นิ่งไป สิ่งสุดท้ายที่รับรู้ก่อนจะสิ้นใจคือเสียงของคลาร์กที่เอาแต่เรียกชื่อเขาซ้ำไปซ้ำมา

     รณกรตัดสินใจแล้ว จะต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไป ต้องไปอยู่ในที่ที่อีกฝ่ายตามไปไม่ได้

     และรณกรก็ขอเลือกที่จะเป็นฝ่ายไปเอง

     [กร...]
     
     “…”
     
     [กร...ตอบฉันที นายไปไหนเหรอ]

     “…”

     [กรครับ ตอบผมหน่อยได้มั้ย ตัวเล็กครับ]

     “...”

     [ตัวเล็ก...ตอบผมหน่อยสิคนดี]
     
     “...”

     [ได้โปรด ตอบผมที]

     “...”

     [ผมรักกรนะ คุณคลาร์กรักน้องกรจริงๆ ]
 
 
 
 
 
     “ว่าไงนะ!!! ไม่ได้ฆ่ามัน!?” นาราตวาดกร้าวขึ้นมาเสียงดังลั่นห้อง ใบหน้าหวานฉายแววหงุดหงิดพร้อมกับทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟากลางห้องนอนด้วยความหงุดหงิด

     [ครับ] ปลายสายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบเรียกอารมณ์หงุดหงิดให้ตีตื้นขึ้นมาจนต้องหยิบหมอนที่วางอยู่ใกล้ตัวขึ้นมาขยำจนแน่น

     “ฉันสั่งนายว่ายังไงอีริค ฉันบอกให้เอาให้มันตาย แค่นี้ทำไม่ได้เหรอ” นาราพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน ทุกทีคนของเขาไม่เคยทำงานพลาด อีริคไม่เคยทำพลาด

     [ฆ่าคนนะครับคุณหนู ถ้าคุณคิดว่ามันง่ายทำไมคุณไม่มาทำเองล่ะ] ปลายสายสวนขึ้นมาอย่างไม่สบอารมณ์

     “จะมาสำนึกอะไรตอนนี้ มันไม่สายไปหน่อยเหรอ เหอะ!” ร่างเล็กพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน ปลายสายถอนหายใจออกมาเบา ๆ เหนื่อยหน่ายกับความเอาแต่ใจของคนตัวเล็กนี่เหลือเกิน

     [เอาเป็นว่าสิ่งที่ผมทำมันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ผู้ชายคนนั้นออกไปจากชีวิตคุณ คุณไม่ต้องตามไปราวีอะไรเขาหรอก] ปลายสายพูดขึ้นทำเอานาราเบ้ปากออกมา คิดว่าสูงส่งนักหรือไงถึงจะมานั่งสอนเขาว่าควรทำยังไงน่ะ

     [คุณควรจะยอมรับความจริงนะครับคุณนารา ผู้ชายคนนั้นไม่ได้รักคุณ และให้ตายยังไงเขาก็ไม่รักคุณ ต่อให้คุณตามไปทำร้ายคนที่เขารักกี่คนต่อกี่คนหมอนั่นก็ไม่มีวันรักคุณ]

     “...”

     [ตรงกันข้าม สิ่งที่คุณทำ สิ่งที่คุณแสดงออกมันจะยิ่งทำให้หมอนั่นเกลียดและอยากจะหนีคุณไปให้ไกล ๆ ยิ่งคุณวิ่งตามเขาก็จะยิ่งอยากวิ่งหนี ไม่เหนื่อยบ้างเหรอครับ]

     “...”

     [จะทนวิ่งตามความรักที่มันไม่มีวันเป็นของเราตลอดชีวิตเลยเหรอครับคุณนารา จะทนเจ็บปวดไปจนวันตายเลยเหรอ จะให้ชีวิตใครอีกกี่คนต้องพังพินาศเพราะคุณกัน]

     “...”

     [เหนื่อยก็หยุดเถอะครับ ผมเป็นห่วงคุณนะ ผมรักคุณเอ็นดูคุณเหมือนกับน้องชายคนหนึ่ง ผมไม่ชอบเห็นคุณในแบบนี้ คุณหนูนาราตัวจริงต้องไม่ใช่คนที่เลวร้ายแบบนี้]  อีริคเตือนสติ เขาคิดถึงนาราผู้ชายตัวเล็กที่แสนดี ร่าเริงสดใสและเข้าใจคนรอบข้าง คนตัวเล็กแก้มยุ้ยลูกของเจ้านายที่เขาทำงานอารักษ์ขาอยู่ อีริคคิดถึงรอยยิ้มจริงใจและใบหน้าเปื้อนยิ้มของนาราคนนั้น ไม่ใช่คนที่จมปลักอยู่กับรักที่ไม่มีวันสมหวังคนนี้

     “ฮึก...ทำไมล่ะริค ฉันไม่ดีตรงไหนเหรอ ทำไมเขาถึงรักฉันไม่ได้” นารายอมพูดขึ้นมาในที่สุด ร่างเล็กถอนสะอื้นพร้อมกับนั่งน้ำตารินเงียบ ๆ ไม่บ่อยนักที่ความอ่อนแอจะเล่นงานจนควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้และร้องไห้ให้คนอื่นเห็น แต่ครั้งนี้ไม่ไหวแล้วจริง ๆ

     คลาร์กเจอคนที่รักแล้ว
     และคนคนนั้นก็ไม่ใช่นารา
     เจ็บปวด เจ็บเหลือเกินนาราเอ๋ย ทั้ง ๆ ที่บอกหัวใจให้ชินชากับความเจ็บปวดนี้แต่ก็ไม่สามารถทำได้ ยามใดที่นึกถึงยามนั้นก็จุกขึ้นมาในอกจนแทบขาดใจ

     ความรักมันช่างน่ากลัวจริงๆ

     [ความรักมันไม่สนคนดีหรือคนเลวหรอกนะครับ มันก็แค่ทำหน้าที่ของมัน ส่วนตัวเรามีหน้าที่ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันให้ได้ หากรักสมหวังก็ต้องเรียนรู้ที่จะประคับประคองให้มันคงอยู่จนตลอดรอดฝั่ง แต่หากไม่สมหวังเราก็ต้องเรียนรู้ที่จะเจ็บปวด ปล่อยวางและเข้มแข็ง]

     “ฮึก...”

     [พอเถอะครับ คุณหนูของผมเหนื่อยมามากพอแล้ว คุณหนูตัวเล็กของผมเจ็บมามากพอแล้ว อย่าถลำลึกลงไปกว่านี้อีกเลย]



ออกตัวก่อนว่าเรื่องนี้เขียนไว้นานแล้ว ตอนนั้นไม่รู้คิดอะไรเหมือนกันที่เขียนให้ตัวละครของกรเลือกที่จะฆ่าตัวตายแทนที่จะหนีไปอยู่ไกล ๆ คนเราเลือกการหนีปัญหาด้วยวิธีที่แตกต่างกัน รณกรก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ตัดสินใจโง่ ๆ ด้วยการทำอะไรโง่ ๆ ตอนแรกก็ลังเลว่าจะเปลี่ยนดีไหม แต่แล้วก็เลือกที่จะคงเรื่องแบบเดิมเอาไว้ อาจจะไม่สมเหตุไม่สมผลไปบ้างก็ต้องขออภัยล่วงหน้าด้วยนะคะ อ่านกันขำ ๆ ก็พอเนาะ ฮาาาาาาาา

ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
รณกร ถ้าดีจริงก็ไม่ควรจะเข้ามายุ่งกับพระเอกแต่แรกแล้วป้ะ? มาฆ่าตัวตายจากไปอีก เฮ้อ

นารานี่ เหนื่อยแทนอ่ะ ทั้งเหนื่อยใจ ทรมานใจ เจ็บปวด ยังจะทนรักมากไปได้อีกเนอะ

คราวนี้ กรตายแล้ว อะไรจะเกิดขึ้นไม่อยากจะเดาเลย

ปกติก็เหมือนผัวเมียอยู่ด้วยกันไม่ได้พร้อมจะแยกทางกันตลอดแต่อีกคนไม่ยอมปล่อยอยู่แล้ว

แล้วนี้มีเชื้อไฟสุมทรวงเข้าไปอีก ทีนี้แหละ ตายกันไปข้างนึงจริงๆแน่ๆเลย

ออฟไลน์ kyungploy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
รออยู่นะคะ จำได้ว่าเคยอ่านมานานมากกกกกแล้ว555555
หลังจากนี้จะเป็นยังไงต่อ คลาร์กจะต้องทำร้ายนาราสุดๆแน่ๆเลย
สงสารนารานะ แค่ก็เพราะตัวเองทั้งนั้น กลับมาเป็นนาราคนเร็วๆนะ ;-;

ออฟไลน์ black sakura

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-8
ขิงก็ราข่าก็แรงจริงๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ kdds

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
ถ้าตัวเองไม่ได้คนอื่นก็ต้องไม่ได้ซินะ
มันน่าลุ้นนะว่าอิตาคลาร์กจะรักนาราได้อย่างไร เพราะนี่ก็เห็นแต่ความเกลียดชัง

ออฟไลน์ Kaemmiizz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 727
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
นารา เราว่านายพอเหอะ ปล่อยเค้าไปเหอะ
เรามาเริ่มชีวิตใหม่ไม่ดีกว่าหรอกับการยื้อคนที่ไม่รักเราอ่ะ

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
นารา รักมาก ถึงขนาดทิ้งสติ เลยเหรออออ

นึกไม่ออก จะรักกันยังไง

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ Paparazzi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1050
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-11
มีแต่คนไม่ชอบรณกร แต่เรารักนาง และก็เชียร์ให้นางเป็นอีกคู่นึง
ชอบคนนิสัยแบบนี้
 เสียดายที่นางไม่สู้ ไม่คิดว่านางจะตายเร็ว บาย

ออฟไลน์ monoboruok

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เจ็บปวดกันไปทุกฝ่าย หวังว่า ต่อไปทุกคนจะเจอหนทางของตัวเองนะ


/จุกตรงหัวใจ

ออฟไลน์ Malimaru

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-4
    • facebook


รอติดตามค่ะ  :pig4:


ออฟไลน์ March. Marcia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +166/-5
ตอนที่ 3


     สายฝนและพายุในยามค่ำคืนโหมกระหน่ำอย่างรุนแรง เสียงฟ้าร้องดังอึกทึกไปทั่วพร้อมกับสายฟ้าที่แลบแปลบปลาบราวกับเทพพิยดากำลังสู้รบเข่นฆ่าซึ่งกันและกัน เม็ดน้ำสีใสตกกระทบหน้าต่างบานสวยเม็ดแล้วเม็ดเล่าพร้อมกับแผ่ไอเย็นทะลุหน้าต่างที่เจ้าของห้องเปิดแง้มเอาไว้ คนตัวเล็กจ้องมองไปยังหน้าต่างที่เปิดแง้มเอาไว้และพื้นห้องที่อยู่ไม่ไกลซึ่งบัดนี้เปียกปอนไปด้วยน้ำฝนด้วยสายตาว่างเปล่า แม้ว่าสายฝนด้านนอกจะโหมกระหน่ำแต่นาราก็ไม่ได้เดินไปปิดหน้าต่าง

     หรืออาจจะเป็นเพราะว่าไร้เรี่ยวแรงในการเคลื่อนไหว เหนื่อยจนไม่อยากจะทำอะไรทั้งสิ้น

     เสียงโทรทัศน์ที่เปิดทิ้งเอาไว้โดยไม่กลัวฟ้าผ่าไม่ได้เข้าหูนาราเลยซักนิด ในหัวของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยคำพูดของอีริคที่เอ่ยกับเขาเมื่อตอนเย็น

     คุณควรจะยอมรับความจริงนะครับคุณนารา ผู้ชายคนนั้นไม่ได้รักคุณ และให้ตายยังไงเขาก็ไม่รักคุณ ต่อให้คุณตามไปทำร้ายคนที่เขารักกี่คนต่อกี่คนหมอนั่นก็ไม่มีวันรักคุณ ตรงกันข้าม สิ่งที่คุณทำ สิ่งที่คุณแสดงออกมันจะยิ่งทำให้หมอนั่นเกลียดและอยากจะหนีคุณไปให้ไกล ๆ ยิ่งคุณวิ่งตามเขาก็จะยิ่งอยากวิ่งหนี ไม่เหนื่อยบ้างเหรอครับ

     จะทนวิ่งตามความรักที่มันไม่มีวันเป็นของเราตลอดชีวิตเลยเหรอครับคุณนารา จะทนเจ็บปวดไปจนวันตายเลยเหรอครับ จะให้ชีวิตใครอีกกี่คนต้องพังพินาศเพราะคุณกัน

     ความรักมันไม่สนคนดีหรือคนเลวหรอกครับ มันก็แค่ทำหน้าที่ของมัน ส่วนตัวเรามีหน้าที่ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันให้ได้ หากรักสมหวังก็ต้องเรียนรู้ที่จะประคับประคองให้มันคงอยู่จนตลอดรอดฝั่ง แต่หากไม่สมหวังเราก็ต้องเรียนรู้ที่จะเจ็บปวด ปล่อยวางและเข้มแข็ง

     พอเถอะครับ คุณหนูของผมเหนื่อยมามากพอแล้ว คุณหนูตัวเล็กของผมเจ็บมามากพอแล้ว อย่าถลำลึกลงไปกว่านี้อีกเลย


     นาราควรจะหยุดจริงๆ หรือ...

     ร่างเล็กสะบัดหัวสองสามทีไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกจากหัวก่อนจะหันไปจ้องข่าวในโทรทัศน์อย่างตั้งใจ และภาพข่าวตรงหน้าที่ปรากฏแก่สายตาก็ทำให้นาราผุดลุกขึ้นจากโซฟาอย่างรวดเร็วด้วยความตกใจ

     นั่นมัน...

     เมื่อเวลา 17 นาฬิกา 23 นาทีของวันนี้ได้เกิดเหตุสะเทือนขวัญขึ้นที่โรงแรมหรูชื่อดัง โดยได้มีการรับแจ้งมาว่ามีคนพบศพชายหนุ่มคนหนึ่งนอนเสียชีวิตอยู่บนโซฟากลางห้องสวีทของโรงแรม สภาพศพตามร่างกายมีรอยฟกช้ำและมีแผลฉีกบริเวณทวารหนัก ที่อกข้างซ้ายมีมีดปอกผลไม้ขนาดเล็กปักเอาไว้ ทราบภายหลังว่าผู้ตายมีชื่อว่า นายรณกร รัตติวงศ์ พนักงานร้านอาหารแห่งหนึ่ง จากผลการชันสูตรแพทย์เผยว่าสาเหตุการตายเกิดจากการที่ใบมีดเสียบทะลุตัดขั้วหัวใจทำให้เสียชีวิตทันที และรอยนิ้วมือบนมีดเล่มดังกล่าวก็เป็นของผู้ตายเอง ส่วนร่องรอยตามตัวและแผลที่บริเวณทวารหนักนั้น แพทย์เผยว่าเกิดขึ้นก่อนการเสียชีวิตประมาณ 1-2 ชั่วโมง รายละเอียดเพิ่มเติมติดตามได้หลังโฆษณาค่ะ...


     ตุ้บ!

     “มะ หมายความว่ายังไง...” ร่างเล็กของนารายืนนิ่งอยู่หน้าจอโทรทัศน์ขนาดใหญ่ในห้องกว้างของตนเอง ใบหน้าหวานซีดเผือดไร้สีเลือดในขณะที่ดวงตากลมโตจ้องมองไปยังภาพเคลื่อนไหวตรงหน้าไม่วางตา ภาพตรงหน้าปรากฏเรือนร่างเล็กของรณกรในสภาพไร้ชีวิต ที่อกข้างซ้ายมีมีดเล่มเล็กปักอกอยู่ รอบกายของร่างไร้วิญญาณถูกฉาบไปด้วยสีแดงของเลือดทำเอาร่างทั้งร่างของนาราสั่นเทิ้ม
     กลัว...
     นารากำลังกลัว
     “ไม่จริง...มันไม่ใช่ความผิดฉัน มันไม่ใช่...ริค...ต้องโทรหาริค!” กลีบปากเล็กพึมพำกับตัวเองอย่างร้อนรน ความกลัวคืบคลานเข้ามากอบกุมจิตใจของนาราจนร่างทั้งร่างอ่อนแรง มือบางควานหาเครื่องมือสื่อสารของตัวเองที่วางไว้ที่ไหนซักแห่งตอนเข้ามา และเมื่อพบมือเล็กก็รีบตะครุบโทรศัพท์เอาไว้แน่นและต่อสายหาอีริคอย่างรีบร้อน
     “ทำอะไรอยู่ รับสิ...” คนตัวเล็กพึมพำเสียงเบาหวิวพร้อมกับกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ก็ไหนเมื่อตอนเย็นอีริคบอกกับเขาว่าแค่ข่มขืนรณกรเพียงแล้วก็จากมา ก็ไหนบอกว่าไม่ได้ฆ่าไง
     แล้วนี่มันอะไรกัน
     ร่างไร้วิญญาณของรณกรที่เขาเห็นในข่าวนั่นมันคืออะไร
     “ริค รับโทรศัพท์หน่อยสิ!” ร่างเล็กพูดออกมาอย่างสิ้นหวังเมื่อปลายสายไม่มีทีท่าว่าจะกดรับโทรศัพท์ของเขา ถึงแม้ว่าตอนนี้ข่าวของรณกรจะจบไปแล้ว หากแต่นารากลับลนลานนั่งไม่ติด เขาอยากได้ยินจากปากอีริคอีกครั้งว่าอีริคเป็นคนฆ่ารณกรหรือเปล่า ถึงแม้ข่าวจะบอกว่าลายมือบนมีดจะเป็นของเจ้าตัวเองแต่นาราก็อยากได้ยินจากปากของอีริคเพื่อให้แน่ใจ

     คนของเขาไม่เคยโกหก ไม่ได้ฆ่าก็คือไม่ได้ฆ่า
     
     และในขณะที่นารากำลังร้อนรนเพราะปลายสายไม่ยอมรับโทรศัพท์อยู่นั้น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นขัดจังหวะทำเอานาราขมวดคิ้วมุ่น หันไปมองที่หน้าประตูก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองสั่งอาหารเย็นจากห้องอาหารด้านล่างไว้
     “เข้ามาเลยครับ ห้องไม่ได้ล็อค” ร่างเล็กตะโกนบอกไปก่อนจะหันมาสนใจกดโทรศัพท์ต่อ พยายามทำตัวปกติเมื่อหางตาเหลือบไปเห็นว่าประตูห้องถูกเปิดเข้ามา
     “วางไว้บนโต๊ะตรงหัวมุมเลยนะครับ” คนตัวเล็กบอกอีกครั้งก่อนจะก้มลงจิ้มโทรศัพท์ในมือด้วยใบหน้าเคร่งเครียด ไม่ได้สังเกตเลยซักนิดว่าคนที่เข้ามาไม่ใช่พนักงานร้านอาหาร แต่เป็นใครอีกคนที่คุ้นเคยกันดี คนคุ้นเคย...ที่กำลังทอดมองมาที่ร่างเล็กด้วยสายตาวาวโรจน์ดุดันพร้อมกับขยับริมฝีปากพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก
     “กินอยู่สุขสบายไม่ได้สนใจคนที่นายเพิ่งฆ่าไปเลยสินะ...นารา”

     !!!

     คนคุ้นเคย...ที่นาราไม่ควรจะเจอที่สุดในเวลานี้

     “คุณ…”

     พลั่ก!!!

     “โอ๊ย! อึ่ก...” คนตัวเล็กร้องเสียงหลงทันทีที่ร่างกายถูกจู่โจมจากร่างโปร่งที่มีความสูงมากกว่าตนเอง ร่างเล็กล้มลงไปนอนหงายอยู่บนโซฟาตามด้วยร่างเปียกโชกของคลาร์กที่ตามขึ้นมาทาบทับนาราเอาไว้อย่างรวดเร็ว สองมือของคู่หมั้นตัวสูงเอื้อมไปคว้าหมับเข้าที่ลำคอขาว ออกแรงล็อคเอาไว้แน่น ดวงตาของคลาร์กแข็งกร้าวดุดันยิ่งนักยามที่จ้องมองดวงหน้าเล็กที่กำลังมองเขา สีฝาดของสีเลือดจางหายไปจากใบหน้าหวานในขณะที่มือเล็กเลื่อนขึ้นมาจับข้อมือคลาร์กเอาไว้แน่น
     “คุณ...อึ่ก ผมไม่...ไม่ได้ทำ” นาราพยายามพูดออกมาด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่นพร้อมกับออกแรงดิ้น แต่แรงเขากลับสู้แรงของคนที่กำลังขาดสติตรงหน้าไม่ได้เลยซักนิด
     “สะใจรึยังนารา สาแก่ใจแล้วใช่มั้ย!!!!” คลาร์กตวาดกร้าวพร้อมกับกดร่างเล็กให้จมหายลงไปกับโซฟานุ่ม ดวงตากลมโตที่นาราหลงรักบัดนี้ฉายแววเกลียดชังเสียจนหัวใจของร่างเล็กด้านใต้เต้นแรงด้วยความเจ็บปวด ขอบตาเรียวมีน้ำใสรื้นขึ้นมาขังคลอและไหลลงไปหยดแหมะอยู่บนโซฟา นาราจ้องมองคนที่ตัวเองรักที่กำลังจะกระชากลมหายใจของเขาเพียงชั่วครู่ก่อนจะหลับตา
     “ฮึก...”
     เอาสิคลาร์ก ฆ่าเลย นาราเหนื่อยที่จะดิ้นรนแล้ว เขาจะไม่ดิ้นอีกต่อไปแล้ว
     ร่างเล็กปล่อยมือที่จับข้อมือของคลาร์กเอาไว้และสงบลง ดวงตาเรียวหลับปี๋เมื่อเริ่มรู้สึกถึงแรงบีบรัดรอบลำคอระหง แม้จะหวาดกลัวความมืดมิดหลังความตายแต่เขาก็คิดว่ามันเป็นสิ่งที่เขาเองสมควรได้รับ เพราะนารารู้ดีว่าเขาคือต้นเหตุของการตายของรณกร

     จริงอย่างที่อีริคบอก ยิ่งร้ายคลาร์กยิ่งจะไม่รัก
     บางทีนาราควรจะหยุดเสียที
     แต่ดูเหมือนเขาจะคิดได้เมื่อทุกอย่างมันสายเกินไป

     “ทำไมล่ะ!!! ทำไมล่ะนารา ทำไมถึงทำกับฉันแบบนี้!!!” คลาร์กพูดเสียงดัง สองมือยังคงออกแรงกดลำคอระหงให้จมอยู่กับโซฟา คลาร์กในตอนนี้ไร้สติ โกรธเกรี้ยวราวกับปีศาจร้ายที่กำลังจนตรอก เสียงกึกก้องของร่างสูงดังซ้ำไปซ้ำมาแข่งกับเสียงคลื่นพายุและเสียงฟ้าผ่าด้านนอก ยิ่งอารมณ์ของร่างสูงปะทุขึ้นมากเท่าไหร่สายฝนก็กระหน่ำอย่างรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น

     นาราที่ทุกทีเคยชั่วร้ายบัดนี้กลับไร้หนทางต่อสู้

     “ฮึก ผมไม่...อึ่ก”
     “หึ อยากได้มากเหรอ...ชาตินี้ต้องได้ฉันไปครองให้ได้เลยงั้นสิ” คลาร์กพูดพลางแสยะยิ้ม ยอมคลายแรงที่ลำคอขาวพร้อมกับจ้องมองใบหน้าหวานที่ชื้นแฉะไปด้วยน้ำตาของนาราด้วยสายตาว่างเปล่า คนถูกมองขนลุกซู่ทันทีที่เห็นสายตาของคู่หมั้นหนุ่มที่มองมา ร่างเล็กส่ายหน้าหวือเป็นพัลวัน กลีบปากอิ่มเอาแต่พึมพำย้ำเตือนกับคนตรงหน้าว่าเขาไม่ได้เป็นคนทำ เขาไม่เกี่ยวด้วย นาราไม่รู้เรื่อง ไม่รู้จริง ๆ
     หากแต่อธิบายอะไรไปก็ดูจะไร้ประโยชน์
     “ก็ได้...ถ้าอยากให้ฉันเป็นของนายนัก ฉันก็จะเป็นให้” คลาร์กพูดด้วยน้ำเสียงสงบเยือกเย็น ดวงตากลมจ้องมองร่างเล็กตรงหน้าด้วยแววตาวาวโรจน์น้อย ๆ ประกายในตาของคลาร์กที่เมื่อครู่คุกรุ่นไปด้วยเพลิงแห่งความกรุ่นโกรธบัดนี้แปรเปลี่ยนไปเป็นความเย็นเยือกทำเอานาราหนาวเหน็บ ความกลัวแล่นปราดขึ้นมาเกาะกุมจิตใจของคนตัวเล็กแต่นาราก็ยังคงนอนนิ่งไม่กล้าขยับกายได้แต่ปล่อยน้ำตาแห่งความเสียใจให้หลั่งรินออกมาอย่างเงียบ ๆ เท่านั้น
     “ไม่ต้องร้องนะนารา ฉันไม่ไปไหนแล้ว ฉันเป็นของนาย จะเป็นของนายเพียงคนเดียว” คลาร์กพูดไปพร้อมกับแสยะยิ้มเหี้ยม ร่างสูงโปร่งผละกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะเอื้อมมือไปดึงนาราให้ลอยหวือเข้ามาปะทะแผ่นอกของตนก่อนจะเช็ดน้ำตาออกจากตาคู่สวยและแก้มกลมนิ่ม นาราขมวดคิ้วงุนงงกับกริยาที่เปลี่ยนไปของอีกฝ่าย ดวงหน้าหวานจ้องมองมาที่คลาร์กอย่างสงสัยหากแต่เพียงไม่นานนาราก็ต้องเบิกตากว้างอย่างตกใจพร้อมกับหันหลังเตรียมตัวหนีอสูรกายตรงหน้า
     ทว่าทุกอย่างกลับสายเกินไป
     “แต่จำเอาไว้อย่างนะ คนชั่วแบบนายสมควรได้แค่ตัวฉัน นายสมควรได้แค่ตัว นายมันไม่คู่ควรกับหัวใจของฉัน!!!!”
     นาราถูกคลาร์กลากเข้ามาในห้องนอนอย่างรวดเร็วพร้อมกับกดลงบนเตียงนอนกว้างอย่างรุนแรง ดวงตากลมฉายแววตื่นตระหนกขณะมองใบหน้าของคู่หมั้นหนุ่มด้วยความหวาดกลัว คลาร์กจ้องมองร่างเล็กด้วยสายตาคุกคามก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น
     “กลัวทำไม ทุกทีเห็นอ่อยฉันจะเป็นจะตายไม่ใช่เหรอ กลัวทำไม!!!!” เสียงตวาดดังกึกก้องเคล้าไปกับเสียงฟ้าร้องด้านนอกทำเอานารากลัวจนตัวสั่น คลาร์กไม่เคยเป็นแบบนี้ ชายหนุ่มไม่เคยใช้สายตาแบบนี้มองนาราเลยซักครั้ง
ทุกครั้งที่คลาร์กมองมานาราจะเห็นความเหนื่อยหน่ายในหน่วยตาคู่คมคู่นั้น หากแต่วันนี้สิ่งเดียวที่นาราเห็นคือความเคียดแค้นชิงชัง ดวงตาของคลาร์กดุดันจนน่ากลัว
     “เพราะรณกรเหรอ คิดว่าผมเป็นคนฆ่าคนรักของคุณงั้นเหรอ” นาราถามเสียงสั่นทำทีใจดีสู้เสือร้ายตรงหน้า
     “ก็แล้วมันไม่ใช่หรือยังไง คิดว่าฉันโง่งั้นสิ!!!!” คลาร์กสวนกลับ นาราหลับตาลงพร้อมกับพึมพำเสียงแผ่วเบา
     “ผมไม่ได้ทำ จะให้บอกอีกกี่ครั้งคำตอบมันก็ยังเหมือนเดิม!”
     “เหมือนหรือไม่เหมือนกรก็ตายไปแล้วนารา คนรักของฉันตายไปแล้ว แล้วรู้อะไรมั้ย ก่อนตายเขาบอกฉันว่ายังไง” คลาร์กพูดเสียงเรียบพลางตรึงสองแขนของนาราไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว คนตัวเล็กเงียบเสียงไม่ตอบคำถามจนในที่สุดคลาร์กก็เอ่ยออกมาเอง
     “เขาบอกว่าชีวิตฉันเกิดมาเพื่อเป็นของนาย...คนเดียว”
     “...”
     “สมใจนายแล้วนารา ฉันเป็นของนาย เป็นของนายคนเดียว”
     “คลาร์ก...”
     “ฉันเป็นของนาย และนายเองก็ต้องเป็นของฉันเหมือนกัน!!!”
     “อื้อ!!!!!”
     เสียงร้องอื้ออึงดังขึ้นแผ่วเบาเคล้าไปกับเสียงร้องของท้องฟ้าในยามที่มีพายุโหมกระหน่ำ สายลมแรงพัดพาเอาละอองฝนและความเย็นเยียบเข้ามากระทบผิวกายของร่างสองร่างที่อยู่บนเตียงนอน ข้อมือเล็กของนาราถูกพันธนาการเอาไว้ด้วยมือแกร่งเพียงข้างเดียวของคลาร์ก ส่วนมืออีกข้างทำหน้าที่ไม่ต่างกับคีมเหล็กที่คอยบีบคางเล็กให้ร่างบางยอมเปิดปากเพื่อที่คนด้านบนจะได้ส่งลิ้นร้อนเข้าไปเกี่ยวกระหวัดลิ้นเล็กในโพรงปากหวาน คลาร์กบดขยี้ริมฝีปากบางอย่างรุนแรงไม่ยอมปราณี ลิ้นร้อนเคลื่อนเข้าไปเกี่ยวกับลิ้นเล็กก่อนจะดูดดึงไปมาจนเกิดเสียงดังน่าอาย
     “อื้อ...” ร่างเล็กส่งเสียงครางประท้วงเมื่อตนเองใกล้จะขาดอากาศหายใจ คลาร์กผละริมฝีปากออกให้คนด้านล่างได้กอบโกยเอาอากาศเข้าปอดก่อนจะฉกวูบเข้าไปดูดกลีบปากอิ่มอีกครั้ง ฟันคมออกแรงกัดริมฝีปากของนาราเต็มแรงจนได้กลิ่นคาวเลือด แต่ถึงอย่างนั้นคลาร์กกลับคิดว่ารสจูบนี้มันหอมหวานจนเขาไม่อยากละจากไปไหน
     มือแกร่งปล่อยให้มือเล็กเป็นอิสระ นาราเอื้อมมือไปดันไหล่ของคู่หมั้นหนุ่มทันทีที่หลุดจากพันธนาการ ร่างเล็กดิ้นหนีกายแกร่งด้านบนหากแต่มันก็เป็นความพยายามที่สูญเปล่า คลาร์กโถมกายเข้าไปทาบทับนาราเอาไว้พร้อมกับตะโกนออกมาสุดเสียง
     “รักฉันมากไม่ใช่เหรอ หนีทำไมเล่า!!!!”
     “หยุดเถอะ ได้โปรด ผมไม่ได้ฆ่ารณกรจริง ๆ นะ” นาราพูดเสียงเบาหวิว พวงแก้มอิ่มแดงรื้นจากไอเย็นของสายฝนด้านนอกที่ล่องลอยเข้ามา นาราพยายามขยับหนีให้ห่างจากคนด้านบนแต่ก็โดนร่างสูงกดลงกับที่นอนนิ่ง
     “หึ คิดว่าฉันจะเชื่อเหรอ นายมันเลวนารา คนอย่างนายมันก็ทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองได้ในสิ่งที่ต้องการ!” คลาร์กพูดขึ้นพร้อมกับจิกมือลงบนอกข้างซ้ายของนาราอย่างแรงผ่านเนื้อผ้าที่นาราสวมใส่จนเจ้าตัวร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บปวด
     “โอ๊ย!!!”
     “รักฉันมากใช่มั้ยนารา รักมากก็ตายเพื่อฉันสิ ตายเหมือนที่กรตาย ควักมันออกมา ควักหัวใจนายออกมา!!!!”
     เปรี้ยงง!
     คลาร์กตะโกนกร้าวเป็นจังหวะเดียวกับท้องฟ้าด้านนอกส่งสายฟ้าฟาดผ่าลงมา มือขาวออกแรกขยี้ตำแหน่งหัวใจของนาราเต็มแรงโดยไม่รู้เลยว่าบัดนี้ผิวกายภายใต้เสื้อผ้าสีสวยแดงรื้นจากแรงที่คลาร์กกระทำ
     “อึ่ก คลาร์ก...เจ็บ!”
     “ควักมันออกมาสิ!! ไอ้หัวใจเฮงซวยไร้ค่าที่บอกว่ารักฉันนักหนาน่ะ ลองควักมันออกมาให้ฉันดูซิ กล้าฆ่าคนอื่นเพราะรักฉันแล้วกล้าฆ่าตัวเองที่มารักฉันบ้างมั้ยนารา ควักมันออกมา!!!!!” ร่างสูงตะโกนอย่างบ้าคลั่งพลางกดแรงลงไปบนอกซ้ายของคนตัวเล็กอย่างไม่ปราณี นาราจ้องมองคลาร์กด้วยแววตาเจ็บปวด ดวงตาคู่สวยพร่ามัวด้วยม่านน้ำตา
     “ฮึก”
     “ร้องไห้ทำไม ร้องให้ฉันสงสารงั้นเหรอ! สายไปแล้ว มันสายไปแล้ว ฉันเกลียดนาย!!”
     “ฮืออ...อื้อ!!!” ร่างเล็กครางฮือทันทีที่กลีบปากเล็กถูกจู่โจมอีกครั้ง คลาร์กละมือออกจากแผ่นอกบางแล้วเลื่อนไปที่สะโพกสวยก่อนจะออกแรงบีบจนร่างเล็กน้ำตาริน ลิ้นร้อนสอดแทรกเข้าไปเกี่ยวกระหวัดลิ้นเล็กอย่างจาบจ้วง กลีบปากอิ่มถูกบดขยี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนบวมแดงและฉ่ำไปด้วยน้ำ ร่างโปร่งผละออกจากริมฝีปากคู่สวยเมื่อช่วงชิมความหอมหวานจนพอใจก่อนจะเลื่อนใบหน้าลงไปซุกไซร้ซอกคอขาว ฟันคมฝังรอยกัดเอาไว้อย่างรุนแรงจนนาราต้องร้องประท้วง มือเล็กเคลื่อนไปดันไหล่คลาร์กให้ห่างกายแต่ก็สู้แรงคู่หมั้นหนุ่มไม่ได้ สุดท้ายสิ่งเดียวที่ทำได้คือระบายความเจ็บปวดที่ได้รับลงกับแผ่นหลังกว้างของคนด้านบน
     “อื้อ...” คนตัวเล็กส่งเสียงครางออกมาเมื่อคลาร์กแตะลิ้นร้อนลงบนรอยกัดตามลำคอ ความเจ็บแสบแล่นขึ้นจนข้อนิ้วเล็กต้องออกแรงจิกลงบนไหล่กว้าง คนด้านบนชะงักทันทีก่อนจะช้อนสายตาขึ้นไปมองใบหน้าเปื้อนน้ำตาของร่างเล็ก และทำให้ดวงตากลมของคลาร์กสบเข้ากับดวงตาวาววับไปด้วยน้ำ และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่คลาร์กเคลื่อนใบหน้าเข้าหาดวงตาคู่สวย รู้ตัวอีกทีรีมฝีปากของเขาก็จูบซับน้ำตาให้กับร่างเล็กด้านใต้อย่างอ่อนโยนเสียแล้ว เพียงเท่านั้นนาราก็ไม่ออกอาการขัดขืนคลาร์กอีกต่อไป
     นาราเพิ่งจะเข้าใจในประโยคที่ว่า ‘ยอมเพราะรัก’ ในวันนี้นี่เอง
     ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าที่อีกฝ่ายทำไปเพราะอยากให้เขาเจ็บปวด ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าหลังจากคืนนี้ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าคลาร์กใช้เขาเป็นเพียงเครื่องระบายอารมณ์และอยากจะทำลาย แต่นาราก็ยังยินยอมเดินลงไปในหลุมที่คลาร์กขุดเอาไว้ หลุมที่เต็มไปด้วยหนามมากมายที่คอยทิ่มแทงร่างเล็กให้ตายทั้งเป็น
     “อ๊ะ...คลาร์ก” ร่างเล็กสะดุ้งสุดตัวเมื่อมือแกร่งเอื้อมมากระชากเสื้อผ้าอาภรณ์ออกจากร่างจนร่างของนาราเปลือยเปล่า คลาร์กไม่ปล่อยเวลาให้เสียเปล่า ชายหนุ่มก้มลงบดจูบลงบนกลีบปากเล็กอีกครั้งพลางจัดการกับเสื้อผ้าของตนเองจนตอนนี้สองร่างอยู่ในสภาพที่เท่าเทียมกัน นาราหอบสะท้านออกมาเมื่อร่างกายสัมผัสความเย็นของอากาศและความเย็นจากร่างของคนด้านบน ดวงตาหวานฉ่ำปรือดูยั่วยวนจน คลาร์กจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย
     ทั้งหงุดหงิด ทั้งเกลียดชัง
     “คิดว่าฉันจะทำให้นายมีความสุขงั้นเหรอ” ร่างสูงกระซิบเสียงเย็นพลางเลื่อนมือไปกระชากเรียวขาขาวแล้วแยกออกจากกันก่อนจะแทรกตัวลงไปบดเบียดหน้าท้องแกร่งกับส่วนอ่อนไหวของนารา ชายหนุ่มส่งแรงบีบต้นขาอ่อนอย่างแรงจนเกิดรอยแดงเด่นชัด ลิ้นร้อนลากผ่านลำคอข่าวไปที่แผ่นอกบางก่อนจะหยุดอยู่ที่ยอดอกเล็ก
     “อ๊ะ อึ่ก”
     “มันจะไม่มีวันนั้นนารา นายจะไม่มีวันมีความสุข”
     คลาร์กทิ้งท้ายเพียงประโยคสั้น ๆ ก่อนจะกลายร่างเป็นอสูรร้ายฉีกทึ้งร่างเล็กของนาราจนบอบช้ำตลอดทั้งคืน





     ภายหลังพายุที่โหมกระหน่ำมักจะทิ้งร่องรอยความเสียหายเอาไว้มากมาย คลาร์กเองก็เช่นกัน...ชายหนุ่มนอนหลับใหลอยู่บนเตียงกว้างแผ่นหลังเปลือยเปล่าปรากฏรอยเล็บเป็นทางยาวตั้งแต่ต้นคอจนถึงสะโพกสอบ ที่หัวไหล่แกร่งมีรอยฟันฝังเอาไว้จนห้อเลือดเด่นชัดจนดูน่ากลัว
     หากแต่รอยบนร่างแกร่งกำยำก็มีเพียงเท่านั้น ตรงข้ามกับร่างเล็กของนาราอย่างสิ้นเชิง
     ร่องรอยบนตัวของร่างสูงนั้นมีเพียงน้อยนิด เทียบไม่ได้กับร่างกายเล็กของนาราที่ซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนา รอยช้ำสีกุหลาบและรอยเขี้ยวคมของคู่หมั้นหนุ่มฝากฝังเอาไว้ทั่วลำคอระหงและแผ่นอกบาง ที่แขนทั้งสองข้างและสะโพกขาวปรากฏรอยนิ้วมือทั้งห้าเด่นชัด ดวงตาเรียวเล็กบวมช้ำและแดงก่ำเพราะผ่านการร้องไห้มาอย่างยาวนาน กลีบปากเล็กมีเลือดซึมเพราะโดนคนข้างกายกัดอย่างแรง ช่องทางด้านหลังที่ถูกรุกรานเจ็บแสบเพราะความรุนแรงของคลาร์ก และเพราะนาราไม่เคยมีสัมพันธ์กับใคร แต่แม้ร่างกายจะเจ็บจนแทบแตกเป็นเสี่ยง ๆ หากแต่มันก็เทียบไม่ได้กับหัวใจที่ตอนนี้ถูกคลาร์กโยนลงเครื่องปั่นและทำลายจนมันแหลกยับเย็บต่อกันไม่ได้ คำพูดเมื่อคืนที่เขาได้ยินยังคงดังกึกก้องในหัวสมอง ภาพความโหดร้ายทารุณแต่แฝงไปด้วยความหอมหวานยังคงฉายชัดราวกับเดจาวู

     รักฉันมากใช่มั้ยนารา รักมากก็ตายเพื่อฉันสิ ตายเหมือนที่กรตาย ควักมันออกมา ควักหัวใจนายออกมา!!!!

     ควักมันออกมาสิ!! ไอ้หัวใจเฮงซวยไร้ค่าที่บอกว่ารักฉันนักหนาน่ะ ลองควักมันออกมาให้ฉันดูซิ กล้าฆ่าคนอื่นเพราะรักฉันแล้วกล้าฆ่าตัวเองที่มารักฉันบ้างมั้ยนารา ควักมันออกมา!!!!!


     “ฮึก....” นาราถอนสะอื้นแผ่วเบา เจ็บหนักทั้งร่างกายและจิตใจ น้ำตาหยดแล้วหยดเล่ากรูกันหลั่งรินออกมาจากดวงตาคู่สวยจนแทบจะแปรเปลี่ยนจากสีใสกลายเป็นสีเลือด นาราจ้องมองร่างที่หลับสนิทเพราะความเหนื่อยล้าก่อนจะค่อย ๆขยับกายลงไปยืนอยู่ข้างเตียงด้วยความลำบาก
     คราแรกที่เท้าเล็กแตะพื้นความเจ็บแปลบก็แล่นจากช่องทางด้านหลังขึ้นสู่ก้านสมอง นาราน้ำตาตกพลางกัดริมฝีปากข่มความเจ็บปวดทั้งหมดและพยุงร่างกายให้ยืนหยัดขึ้นก่อนจะค่อย ๆ เดินเข้าไปในห้องน้ำ

     เหนื่อยเหลือเกิน

     ถึงเวลาพักแล้วนารา ถึงเวลาที่นายต้องพักเสียที ถึงเวลาที่ต้องหยุดทุกอย่างเสียที

     “ฉันขอโทษ...ฮึก ขอโทษ” นาราพึมพำกอดตัวเองใต้สายน้ำเย็นเฉียบ ในยามนี้จะโทษใครไม่ได้นอกจากตัวเองที่ลุ่มหลงในรักจนเกินไป ยึดติดและจมดิ่งจนพาใครต่อใครมากมายให้เข้ามาเดือดร้อนไปด้วย เฝ้าไล่ตามคลาร์กมาเป็นเวลานานเพื่อหวังให้คู่หมั้นหนุ่มหันมาเห็นเขาบ้างแต่ก็ไร้ประโยชน์ ที่ทำไปทั้งหมดสุดท้ายผลตอบแทนที่ได้ก็คือความร้ายกาจทารุณ
     แน่นอน คลาร์กไม่ผิดที่รักนาราไม่ได้ แต่คนที่ผิดคือนาราที่ไม่รู้จักการเสียสละ นาราผูกติดอยู่กับสิ่งสิ่งเดียวนั่นก็คือคลาร์กมาหลายปี แต่สุดท้ายมันก็ล้มเหลว
     คลาร์กไม่ได้เกิดมาเพื่อรักเขา และช่างน่าเศร้าที่มีเพียงนาราเท่านั้นที่เกิดมาเพื่อรักคลาร์กเพียงคนเดียว
     “เหนื่อยก็พอนะหนูนา เหนื่อยก็พอ นายเจ็บมามากพอแล้ว” ร่างเล็กพึมพำพร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบใบมีดโกนที่วางอยู่ตรงอ่างล้างหน้า ความคมของใบมีดแวววาวสะท้อนแสงไฟ ร่างเล็กมองใบหน้าของตนเองที่ฉายชัดออกมาผ่านใบมีดเล่มนั้นก่อนจะยิ้มน้อย ๆ ให้กับการตัดสินใจของตัวเอง
     “ผมรักคุณนะคลาร์ก...ฮึก ผมรักคุณ” คนตัวเล็กบอกรักซ้ำไปซ้ำมาพร้อมกับกดใบมีดลงบนท่อนแขนข้างซ้ายอย่างช้า ๆ เพียงใบมีดเฉือนบาดผิวเนื้อเนียนนุ่มเลือดสีแดงข้นก็ไหลทะลักออกมา ความเจ็บปวดในคราแรกแปลเปลี่ยนเป็นความเฉยชา

     มันเจ็บจนชินชา

     “อึ่ก!...” ดวงตากลมจ้องมองแขนเล็กที่ปรากฏตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวแรกพร้อมกับเผยยิ้มออกมาเล็กน้อย
     “ฮึก เหนื่อยก็พอ...พอ” กลีบปากเล็กพึมพำกับตัวเองพร้อมกับวาดมือที่ถือใบมีดลงไปบนแขนเล็กของตัวเอง จากตัวซีถัดมาก็เป็นตัวแอลที่อยู่ติดกันและอีกหลายต่อหลายตัวที่นารากรีดลงบนแขนเล็ก ๆ ไม่นานลำแขนขาวก็โชกไปด้วยเลือดพร้อมกับรอยแผละเหวอะหวะที่อ่านจับใจความได้ว่า

     ‘CLARK’

     นารายิ้มให้กับผลงานของตัวเอง สายน้ำยังคงหลั่งไหลมาชะล้างน้ำเลือดจากแผลที่นารากระทำ ยิ่งนานไปพื้นห้องน้ำที่เคยเป็นสีขาวสะอาดตาก็เริ่มแปรเปลี่ยนไปเป็นสีแดง นาราจ้องมองชื่อของคู่หมั้นหนุ่มบนแขนของตัวเองชั่วครู่ก่อนจะค่อย ๆ เดินถือใบมีดเล่มเดิมออกไปหยุดยืนอยู่ข้างเตียงของคลาร์ก
     ทางด้านร่างสูงเองเมื่อรู้สึกว่าถูกจ้องมองก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาก่อนจะกระพริบตาถี่ ๆ เพื่อปรับโฟกัสภาพ และเมื่อภาพตรงหน้าฉายชัดชายหนุ่มก็เบิกตากว้าง ผุดลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว
     “นารา นายทำบ้าอะไรวะ!!!!” คลาร์กสบถออกมาเสียงดังก่อนจะถลาเข้าไปหาร่างเปลือยเปล่าที่ยืนมองเขาด้วยแววตาเจ็บปวด แต่ยังไม่ทันที่จะเข้าไปถึงตัวร่างเล็กก็ก้าวถอยหลังและยกมือขึ้นมาห้ามคลาร์กเอาไว้
     “ฮึก...อย่าเข้ามา”
     “ปัญญาอ่อนไปแล้วรึไง นายทำบ้าอะไร!!!!” คลาร์กยอมยืนนิ่งจ้องมองร่างเล็กด้วยแววตาอาฆาต ไม่สนว่าตอนนี้เขาทั้งคู่กำลังเปลือยเปล่า สิ่งที่คลาร์กสนคือร่างเล็กที่โชกไปด้วยเลือดของนารามากกว่า
     “นี่...ที่นายพูดเมื่อคืน...” ร่างเล็กเค้นเสียงออกมาแผ่วเบาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาไม่ขาดสาย แขนข้างซ้ายเองก็ยังคงมีเลือดไหลลงมาและหยดลงบนพื้น
     คลาร์กมองภาพตรงหน้าด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง
     “...”
     นารา...
     รักเขาขนาดนี้เชียวหรือ?
     “เรื่องที่คุณบอกให้ผมควักหัวใจออกให้ดู...ฮึก” นาราพูดต่อ คราวนี้คลาร์กตัวสั่นเทิ้มทันทีที่คู่หมั้นตัวเล็กพูดจบพร้อมกับกำมีดในมือแน่น

     หนูนาอย่าทำ

     “ฮึก ถ้า...ถ้าผมทำ ฮึก...”

     อย่าทำแบบนี้

     “ถ้าผมทำจริงๆ ฮึก...คุณจะรักผมมั้ยคลาร์ก ถ้าผมควักหัวใจออกมาให้คุณดูว่าหัวใจของผมมันเต้นเพราะคุณ ฮึก...คุณจะรัก รักผมบ้างมั้ย” นาราพูดด้วยน้ำเสียงเว้าวอน คลาร์กยืนนิ่งมองภาพตรงหน้าไม่ละสายตา ร่างกายหนักอึ้งขอบตาร้อนผ่าว

     บางทีถ้าเขารักคนคนนี้

     “...”

     “รักผมได้มั้ยพี่คลาร์ก ฮึก ฮือ”

     ถ้าเขารักนารา ไม่ทำให้นาราเสียใจตั้งแต่แรก เรื่องทุกอย่างจะดำเนินมาถึงตรงนี้รึเปล่า?

     “หนูนา...”

     “รักกันได้มั้ย” ร่างเล็กเอ่ยถามคลาร์กอีกครั้งก่อนจะเอื้อมมือขึ้นมาและทำในสิ่งที่คลาร์กคาดไม่ถึง

     “หนูนาอย่า!!!!!!!”

     หากการควักหัวใจคือการพิสูจน์ให้คลาร์กได้เห็นว่าเขารักคลาร์กจริง ๆ นาราก็จะทำ นาราไม่ได้โง่ แต่เขาแค่พาตัวเองออกไปจากวังวนนี้ไม่ได้

     นาราไม่ได้โง่ แต่เขาแค่รักคลาร์กมากเกินไป

     ก็เท่านั้น



หนูนาเป็นเด็กกล้าคิดกล้าทำค่ะ 5555555

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
รักคนอื่นจนลืมรักตัวเองก็ปล่อยตายเหอะคนอ่อนแออยู่บนโลกโหดร้ายไม่ไหวหรอก

ออฟไลน์ Sulwyn22

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
พิมพ์ไม่ออกบอกไม่ถูกกันเลยทีเดียว :hao5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ MysteriOuS

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
หนูนาคนจริง หูววว ใจเด็ดมากอ่ะ
 :katai1: o22

ออฟไลน์ armize

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ทำไมหนูถึงไม่รักตัวเองละลูก.

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ sosi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 246
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
กล้าเกินไปละ ตายเพื่อนที่ไม่รักเราเนี่ยนะ

ออฟไลน์ chaweewong19841

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-2
อยากอ่านต่อแล้ว
เมื่อไหร่จะมาต่อ

ออฟไลน์ smmikie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
ชื่นชมนะ หนุนา :katai2-1: :katai2-1:

ไม่น่าเชื่อว่าคนเราจะโง่ในความรักขนาดนี้
ดีแล้ว ทำร้ายตัวเองแบบนี้ดีแล้ว ทำร้ายจนเขารักเทอนะ หนูนา

ออฟไลน์ March. Marcia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +166/-5
ตอนที่ 4


3 เดือนต่อมา

ร่างสูงแกร่งกำยำในชุดสูทสีดำสนิทยืนสงบนิ่งอยู่ตรงหน้าแผ่นหินทรงสีเหลี่ยมขนาดใหญ่ ดวงตากลมโตดุจกวางป่าหม่นแสงยามจ้องมองตัวอักษรที่สลักอยู่บนแผ่นหินนั้น ใบหน้าคมเข้มของชายหนุ่มทรุดโทรมเนื่องจากอดหลับอดนอนมาเป็นระยะเวลานาน

สายลมอ่อน ๆ พัดโชยผ่านร่างโปร่งช่วยบรรเทาความรู้สึกหนักอึ้งในใจ ริมฝีปากคู่สวยเผยยิ้มบางเบาขึ้นมาน้อย ๆ ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบกาย ป้ายหินที่ใช้บ่งบอกตัวตนของคนที่จากไปตั้งเรียงรายมากมายนับไม่ถ้วน บ้างก็มีแมกไม้เกาะกรังเพราะถูกละเลย แต่บางป้ายก็ยังดูสะอาดสะอ้านเพราะได้รับการดูแลอย่างสม่ำเสมอ ชายหนุ่มเบนสายตากลับมายังป้ายตรงหน้าอีกครั้งก่อนจะยกยิ้มบางเบา

“ที่นี่อากาศดีไม่หยอกเลยนะ...” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นพร้อมกับทรุดกายลงนั่งอย่างเหนื่อยล้า มือเรียวเอื้อมไปลูบไล้ตัวอักษรที่ถูกสลักเอาไว้บนแผ่นหินพร้อมกับทอดมองมันด้วยสายตาโหยหา

“ขอบคุณนะ...ขอบคุณสำหรับทุก ๆ อย่างที่ทำให้ฉัน”

ริมฝีปากหยักแย้มยิ้มพร้อมกับพูดถึงคนที่หลับใหลภายใต้พื้นดินด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน หน่วยตาเข้มดุดันและจมูกโด่งถูกพาดผ่านด้วยสีแดงระเรื่อเป็นสัญญาว่าอีกไม่นานบุคคลที่ยังมีลมหายใจอยู่กำลังจะเผยด้านที่อ่อนแอออกมา

มันช่างเป็นจริงดังคำกล่าวที่ว่า คนตายมักจะไม่เจ็บปวดเท่ากับคนที่ยังมีชีวิตอยู่

“ขอโทษที่ทำให้เหนื่อย ขอโทษที่เป็นต้นเหตุให้นายต้องมานอนอยู่ตรงนี้ ขอโทษสำหรับทุก ๆ สิ่งทุกอย่าง” ชายหนุ่มเอ่ยขอโทษซ้ำไปซ้ำมา มือเรียวยังคงลูบไล้แผ่นหินนั้นด้วยความอาลัยรัก หัวใจที่เคยเต้นแรงเพราะความสุขบัดนี้เต้นอย่างเชื่องช้าจนแทบจะหยุดลง

“หลับให้สบายนะครับคนดี...”

มนุษย์เรานี่ช่างโง่เขลายิ่งนัก คนสมควรรักกลับไม่คิดจะเหลียวแล หากแต่กลับท้าทายอำนาจของกงล้อแห่งโชคชะตาโดยการมอบหัวใจให้ใครอีกคน และเพราะความโง่เง่าดื้อดึงนี้เองที่ทำให้มนุษย์โลกได้รู้จักกับคำว่า

ความเจ็บปวด...

“ฉันรักนายนะ...รณกร”

ความสุขอยู่กับเราเพียงแค่ข้ามคืน หากแต่บาดแผลบนร่างกายรวมถึงบาดแผลในจิตใจนั่นต่างหากที่จะอยู่กับเราไปตลอดชีวิต...

 

 

 

 

 

“ริค” เสียงแหบแห้งของคนตัวเล็กดังขึ้นแผ่วเบา ร่างสูงหันไปสบกับดวงตากลมที่ไร้ความสดใสก่อนจะอมยิ้มบางเบาและเดินเข้าไปหา มือแกร่งยกขึ้นลูบกลุ่มผมนิ่มที่ล้อมกรอบหน้าเล็กอย่างแผ่วเบาก่อนจะขานรับด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ครับคุณนารา”

“ฉันไปหาคลาร์กได้มั้ย” นาราพูดเสียงเบาหวิวพร้อมกับส่งสายตาอ้อนวอนร่างสูงตรงหน้า อีริคหน้าเครียดทันทีที่ร่างเล็กพูดจบก่อนจะเอ่ยเสียงแข็ง

“ยังไม่ลืมอีกเหรอครับ...”

“…”

“เมื่อไหร่จะพอใจครับ ต้องเจ็บอีกซักแค่ไหน ร้องไห้อีกกี่ครั้งคุณถึงจะเข้าใจว่าสุดท้ายสิ่งที่คุณพยายามมาทั้งหมดมันก็สูญเปล่า”

“ฮึก...”

“เหนื่อยมั้ยครับคุณนารา เจ็บมั้ย...”

“ฮึก เหนื่อยสิริค ทั้งเหนื่อยทั้งเจ็บ...แต่ครั้งนี้ ฮึก มันจะเป็นครั้งสุดท้าย ครั้งสุดท้ายจริง ๆ ได้โปรด พาฉันไปหาคลาร์กได้มั้ย” นาราอ้อนวอนพร้อมกับกอดร่างสูงของอีริคแน่น คนผิวเข้มหลับตาลงข่มความรู้สึกหนักอึ้งในจิตใจพร้อมกับยกแขนขึ้นมาตระกองกอดร่างเล็กของนาราเอาไว้แน่น

เป็นเวลาสามเดือนกว่า ๆ แล้ว สามเดือนหลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของนาราอย่างสิ้นเชิง หลังจากที่อีริคไปทำร้ายรณกรตามคำสั่งของนาราเขาก็กลับมาและติดธุระส่วนตัวนิดหน่อย ไม่รู้เลยซักนิดว่าผู้ชายตัวบอบบางคนนั้นจะใจเด็ดถึงขนาดปลิดชีพตัวเองลงหลังจากที่เขากลับไปไม่ถึงสองชั่วโมง และแน่นอนว่าการตายของผู้ชายคนนั้นทำให้คุณหนูของอีริคตกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ถึงขีดสุด

คู่หมั้นของนาราตามไปทำร้ายคนตัวเล็กถึงห้อง อีริคไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนาราบ้าง พอรู้ตัวอีกทีเจ้านายของเขาก็โทรศัพท์มาบอกว่านาราอยู่ที่โรงพยาบาลอาการสาหัส ทุกอย่างมันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนอีริคตกใจ เขากับคุณพิสิทธิ์เดินทางมาถึงโรงพยาบาลหลังจากรู้ข่าวอย่างรวดเร็ว และภาพที่เห็นก็ทำเอาทั้งเขาและบิดาของนาราถึงกับน้ำตาไหล

ร่างเล็กของนาราโชกไปด้วยเลือดสีแดงฉาน ที่แผ่นอกขาวมีรอยมีดกรีดเป็นทางยาวจนถึงสะโพก ข้อมือข้างซ้ายปรากฏแผลเหวอะหวะดูน่ากลัวหากแต่ทั้งเขาก็รู้ดีว่าแผลนั้นไม่ใช่แผลที่เกิดจากการกรีดแขนตัวเองซ้ำไปซ้ำมา

แต่มันเป็นแผลที่ถูกกรีดเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษซึ่งเป็นชื่อของใครคนหนึ่ง

คลาร์ก

อาการของนาราน่าเป็นห่วงอยู่หลายอาทิตย์ ทั้งเขาและบิดาของนาราต่างก็นั่งไม่ติดเพราะเจ้าตัวไม่ยอมฟื้นเสียที ตลอดเวลาที่นาราหลับใหลก็เกิดเรื่องราวขึ้นมากมายให้ปวดหัว เรื่องแรกก็คงไม่พ้นเรื่องการตายของรณกร อีริคถูกตำรวจคุมตัวไปให้ปากคำเพราะมีคนเห็นเขาเข้าห้องไปกับรณกรก่อนจะเสียชีวิต แต่เขาก็รอดมาได้เพราะหลักฐานที่ว่าเขาเป็นฆาตกรมีไม่มากพอ อีกทั้งเขาก็ให้เหตุผลว่าร่องรอยที่เกิดขึ้นเป็นเพราะรสนิยมของรณกรที่ชอบถูกกระทำแบบนั้น อีริคเลวเขายอมรับ แต่เขายังไม่พร้อมกับติดคุกหากนารายังอาการน่าเป็นห่วงอยู่แบบนี้

ส่วนคลาร์ก คู่หมั้นหนุ่มของนาราจัดการเรื่องงานศพของรณกรเพราะอีริครู้มาว่าผู้ชายคนนั้นไม่มีญาติที่ไหน หลังจากจบเรื่องคลาร์กก็มาขอลาออกจากงานที่ทำอยู่ภายในบริษัทแต่ก็ถูกปฏิเสธด้วยเหตุผลบางอย่าง คุณพิสิทธิ์บอกเพียงแค่ว่าให้คลาร์กแยกแยะเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานให้ออกและจะไม่บังคับคลาร์กเรื่องนาราอีกต่อไป

ช่วงสองเดือนแรกเกิดความวุ่นวายอยู่บ้างเพราะทั้งคุณพิสิทธิ์และคลาร์กเองเป็นคนที่มีหน้ามีตาทางสังคม แต่อำนาจของเงินก็บันดาลได้ทุกสิ่ง สุดท้ายเรื่องก็เงียบไปด้วยอำนาจของเงิน และการหมั้นระหว่างนาราและคลาร์กเองก็ถูกยกเลิก

วินาทีที่นาราลืมตาตื่นขึ้นมาและรับรู้ว่าคลาร์กเป็นอิสระจากตน ร่างเล็กไม่ได้อาละวาดอย่างที่ควรจะเป็น อีริคจำได้ดีว่านาราในตอนนั้นทำเพียงแค่ฉีกยิ้มบางเบาและไม่เอ่ยถึงคลาร์กอีกเลย จะว่าไปตั้งแต่ที่นารานอนโรงพยาบาลมา เขาก็ไม่เคยเห็นว่าอดีตคู่หมั้นของนาราจะโผล่หน้ามาเยี่ยมเลยซักครั้ง

มันอาจจะเป็นเรื่องดี เขาคิดว่าคุณหนูของเขาคงทำใจยอมรับเรื่องทุกอย่างและจะหยุดเสียที แต่พอมาวันนี้อีริคก็ได้รู้ว่าตัวเองคิดผิด

แม้จะพยายามหลอกตัวเอง ทำตัวเสแสร้งไม่รับรู้ว่านารานอนร้องไห้ทุกคืนแต่สุดท้ายความจริงก็คือความจริง

คุณหนูของเขายังรักผู้ชายคนนั้น และอีริคไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ความรักนี้จะหมดลง

หรือมันอาจจะไม่มีวันนั้นเลยก็เป็นได้

“นะริค ให้ฉันไปเจอคลาร์กเป็นครั้งสุดท้าย ฮึก...ฉัน...” เสียงเล็กของนาราดึงสติของอีริคให้หันกลับมาสนใจบทสนทนาตรงหน้าต่อ วันนี้เป็นวันที่นาราจะออกจากโรงพยาบาลหลังจากที่พักรักษาตัวและบาดแผลตามร่างกายมาเป็นเวลานาน

“...”

“ได้โปรด...”

“...”

“ฉัน...ฉันจะไปเอา...ฮึก หัวใจฉันคืน” นาราพูดด้วยน้ำเสียงเบาหวิว อีริคถอนหายใจด้วยความลำบากใจก่อนจะมองร่างเล็กในอ้อมกอดที่กำลังซุกตัวร้องไห้กับอกของเขา

“แน่ใจนะครับว่าแค่ไปเอาหัวใจคืน...” ร่างสูงถามเพื่อความแน่ใจ นาราพยักหน้ากับอกแกร่งจนในที่สุดอีริคก็ต้องถอนหายใจออกมาอย่างยอมแพ้

“เอาเถอะ ยังไงผมก็แพ้คุณหนูอยู่วันยังค่ำ” ชายหนุ่มพูดอย่างปลงตกหวังให้บรรยากาศกดดันนี้จางหายไป นาราหลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนจะช้อนดวงตากลมขึ้นไปมองใบหน้าคมแล้วก็ส่งยิ้มไปให้ อีริคมองดวงหน้าหวานที่ยิ้มแฉ่งจนตาหยีแล้วก็อมยิ้มกับตัวเอง

คุณหนูคนเดิมของเขากำลังจะกลับมาใช่ไหม?

 

 

 

 

 

“นาย...” คลาร์กครางเสียงแผ่วเมื่อเห็นนารายืนอยู่หน้าประตูห้อง คนตัวเล็กส่งยิ้มบางเบาก่อนจะถือวิสาสะเดินเข้าไปในห้องกว้างของชายหนุ่มแล้วก็ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาหน้าทีวีพร้อมกับหันมาฉีกยิ้มให้เจ้าของห้องที่ยังยืนจับต้นชนปลายไม่ถูกอยู่หน้าประตู และเมื่อได้สติใบหน้าหล่อเหลาก็เรียบตึงขึ้นทันที ก่อนจะเอ่ยถามนาราด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“มาที่นี่มีธุระอะไรรึเปล่า”

นาราหุบยิ้มทันทีที่จับน้ำเสียงแห่งความไม่พอใจจากร่างสูง ชายหนุ่มหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะพูดสิ่งที่ค้างคาใจมานาน

“เรื่องรณกรเป็นยังไงบ้างเหรอ” จบประโยคร่างเล็กก็ได้ยินเสียงแค่นหัวเราะดังมาจากปากของคลาร์ก ชายหนุ่มหันกลับมามองอดีตคู่หมั้นของตนเองพร้อมกับตอบคำถามของนาราด้วยท่าทีสงบนิ่ง

“จะถามถึงคนที่ตายไปแล้วเพื่อตอกย้ำความเลวของตัวเองให้มันได้อะไรขึ้นมา ไม่ต้องห่วง ฉันรู้แล้วว่านายไม่ได้ทำ” คลาร์กพูดออกมา พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่มองใบหน้าเศร้าหมองของคนตรงหน้า ความรู้สึกผิดที่เกาะกินจิตใจของเขากำลังทำให้คลาร์กอ่อนแอ ได้แต่บอกตัวเองว่าสิ่งที่นาราโดนมันสาสมแล้วกับสิ่งที่คนตัวเล็กนั่นทำ

 

ทำไมคลาร์กจะไม่รู้ว่านาราส่งคนไปทำร้ายรณกรจนทำให้คนรักของเขาฆ่าตัวตาย

 

แต่รื้อฟื้นหรือแก้แค้นอะไรไปรณกรก็ไม่มีทางฟื้นขึ้นมา อีกอย่างนาราก็ได้รับบทเรียนอย่างสาสมไปแล้ว เรื่องทุกอย่างก็ควรจะจบสิ้นเสียที มันอาจจะจบไม่สวยงามเสียเท่าไหร่แต่คลาร์กก็คิดว่านี่เป็นทางออกที่ดีที่สุด

เรื่องบางเรื่องไม่อาจให้อภัย แต่ก็ไม่ควรยึดติดกับมัน สิ่งที่ต้องทำคือต่างคนต่างใช้ชีวิตของตัวเองและไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวซึ่งกันและกันอีก

“ตกลงว่าที่มานี่มีธุระอะไรรึเปล่า ถ้าไม่มีก็กลับไปซะนารา ฉันยังไม่พร้อมที่จะคุยกับนายตอนนี้” คลาร์กบอกกับร่างเล็กก่อนจะพยักเพยิดให้นาราออกจากห้องไป แต่คนตัวเล็กกลับทำเพียงแค่ส่งยิ้มบางเบามาให้เขาแล้วก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“ขอโทษสำหรับเรื่องที่ผ่านมา ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมทำมันทำยากที่จะให้อภัย แต่ช่วยรับคำขอโทษของผมไปหน่อยได้มั้ยครับ”

“...”

“สัญญาว่าหลังจากวันนี้จะหายไป สัญญาจะไม่มาให้คุณเห็นหน้าอีก แต่ช่วยรับคำขอโทษของผมได้มั้ยคลาร์ก” นาราอ้อนวอนด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา คลาร์กถอนหายใจก่อนจะเบือนหน้าหนีดวงหน้าเล็กที่ฉายแววเจ็บปวดแล้วก็พูดเสียงเรียบ

“เก็บคำขอโทษของนายไว้เถอะ ฉันไม่รับอะไรจากนายทั้งนั้นนารา เราสองคนควรออกไปจากชีวิตของกันและกันนั่นแหละคือสิ่งที่ควรทำ” คลาร์กพูดจบก็เตรียมตัวเดินหนีเข้าห้องนอน แต่เพียงไม่นานร่างโปร่งก็ต้องหยุดชะงักเมื่อนาราถลาเข้ามากอดชายหนุ่มเอาไว้แน่นจากทางด้านหลัง แก้มเล็กแนบกับแผ่นหลังกว้างของคลาร์ก แขนเรียวกระชับเอวของร่างสูงแน่นราวกับว่าถ้าปล่อยไปแล้วนาราจะสูญเสียคลาร์กไปตลอดกาล

“ได้โปรดคลาร์ก ผมขอโทษ ผมเสียใจจริง ๆ ”

“...”

“ช่วยรักกันหน่อยได้มั้ย...” นาราอ้อนวอน จนถึงตอนนี้สิ่งที่เขาต้องการก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง

นารา นฤทัย ยังคงต้องการความรักจากผู้ชายที่ชื่อว่า คลาร์ก เทรย์เวอร์

“...”

“แค่วันนี้ สามนาที สามชั่วโมง หรือเท่าที่คุณต้องการ แค่ครั้งนี้ รักผม โกหกก็ได้...” นาราพูดพร้อมกับกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น คลาร์กหลับตาข่มความรู้สึกเอาไว้ก่อนจะเอื้อมมือไปแกะมือเล็กออกจากเอวสอบ ร่างโปร่งหันกลับไปเผชิญหน้ากับร่างเล็กพร้อมกับเอื้อมมือขึ้นไปเกลี่ยดวงตาเรียวที่เอ่อคลอไปด้วยม่านน้ำใสอย่างแผ่วเบา นาราถอนสะอื้นเล็กน้อยก่อนจะช้อนสายตาเว้าวอนขึ้นไปสบกับดวงตากลมของคลาร์กแล้วเอ่ยขอ

“รักผม ครั้งสุดท้าย...”

“...”

“ได้โปร...อื้อ” เสียงหวานขาดหายทันทีที่กลีบปากเล็กถูกคลาร์กเลื่อนใบหน้าเข้าไปบดเบียดดูดซับความหอมหวาน มือแกร่งเลื่อนไปวางที่เอวเล็กพร้อมกับตวัดร่างของนาราให้เข้ามาแนบชิดกับร่างสูง กลีบปากบางถูกบดเบียดอย่างเร่าร้อนและอ่อนหวาน คนตัวเล็กหลับตาซึมซับความรู้สึกหวามไหวที่ทบทวีพลางยกสองแขนขึ้นโอบรอบลำคอของอีกคน

คลาร์กพาร่างของนาราไปยังเตียงกว้างก่อนจะทำตามคำขอครั้งสุดท้ายของนาราก่อนที่วันพรุ่งนี้สองหัวใจจะขาดจากกันอย่างสิ้นเชิง

วันพรุ่งนี้ทุกสิ่งทุกอย่างจะจบลง...

ตลอดกาล...

 

 

 

 

 

สายลมบางเบาในยามค่ำคืนพัดผ่านเข้ามากระทบร่างเปลือยเปล่าสองร่างที่กำลังแนบชิดกันบนเตียงกว้าง นาราจ้องมองเครื่องหน้าคมได้รูปของคนที่กำลังหลับใหลอยู่ข้างกายด้วยความรักที่เต็มเปี่ยม มือบางยกขึ้นมาลูบไล้ใบหน้าของคลาร์กแผ่วเบาก่อนจะเผยรอยยิ้มเมื่อเห็นว่าอีกคนขมวดคิ้วมุ่นเมื่อถูกรบกวนการนอนหลับ

“ถ้าชาติหน้ามีจริง คุณจะยอมให้ผมเกิดมาเป็นคนที่คุณรักได้รึเปล่า” นาราพูดกับคนที่กำลังนอนหลับด้วยเสียงแผ่วเบา มือบางยังคงลูบไล้ใบหน้าของคลาร์กอยู่อย่างนั้น

“แล้วชาติต่อ ๆ ไป คุณยังจะยอมให้ผมได้รักคุณมั้ย”

“...”

“ไม่ว่าจะกี่ภพกี่ชาติ ตราบใดที่ผมมีหัวใจ ทุกครั้งที่ได้เกิดมา ผมก็จะขอรักผู้ชายเพียงแค่คนเดียว...”

“ผมจะรักคุณเพียงแค่คนเดียว คนที่ตอนเด็ก ๆ เคยสัญญาว่าจะกลับมา ผมจะรักคุณไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”

 

รัก แม้ว่าคุณจะไม่เคยจำสิ่งที่เคยพูดเอาไว้ในตอนเด็ก ๆ ได้เลย

 

นาราพูดพร้อมกับยิ้มละไมในความมืดมิด ดวงตากลมทอดมองใบหน้าของคลาร์กด้วยความรักทั้งหมดที่มีก่อนจะเลื่อนใบหน้าเข้าไปแตะริมฝีปากเล็กกับกลีบปากอิ่มของคลาร์กอย่างแผ่วเบาพร้อมกับกระซิบถ้อยคำอำลาสุดท้ายข้างใบหูเล็กของอีกคน

 

ไม่มีอีกแล้ว...ความรักของผู้ชายตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง

 

ไม่มีอีกแล้ว...สุ้มเสียงที่คอยแต่จะด่าทอ ฟาดฟันวาจาร้ายกาจใส่กันและกัน

 

ไม่มีอีกแล้ว...คุณหนูตัวเล็กเจ้าอารมณ์ที่มีความร้ายกาจจนใคร ๆ ไม่กล้าเข้าใกล้

ต่อจากนี้จะไม่มีเขาแล้ว...

 

จะไม่มีผู้ชายที่ชื่อนาราในชีวิตของคลาร์กอีกต่อไป

 

ไม่มี...

 

“ลาก่อน...”

 

 

 

 

 

แสงแดดยามสายสาดส่องเข้ามากระทบแผ่นหลังเปลือยเปล่าของคนที่นอนหลับฝันดีมาตลอดทั้งคืน ความร้อนจากแสงอาทิตย์ปลุกให้คลาร์กรู้สึกตัว แขนแกร่งวาดไปด้านข้างเพื่อดึงร่างเล็กของอีกคนที่เขากอดทั้งคืนเข้ามาสู่อ้อมแขน หากแต่พอวาดมือไปกลับไม่พบร่างนุ่มนิ่มของนารา มีเพียงเตียงนอนที่ว่างเปล่าเท่านั้นที่คลาร์กสัมผัสได้

“หนูนา...” คลาร์กพึมพำก่อนจะลืมตาขึ้น ภาพตรงหน้าที่ปรากฏทำเอาชายหนุ่มใจกระตุกวูบ เตียงนอนยับยู่ยี่บ่งบอกว่าข้างกายของเขามีคนเคยนอนจริง ๆ แต่บัดนี้มันว่างเปล่า ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่งก่อนจะยกมือขึ้นมาขยี้ผมตัวเองไปมา ร่างโปร่งถอนหายใจกับตัวเองพร้อมกับสอดส่ายสายตาไปทั่วห้องแต่ก็พบกับความว่างเปล่า รอบกายของเขาเงียบสงัดจนรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าภายในห้องนี้มีเพียงเขาแค่คนเดียว

 

นาราไปแล้ว...

 

สัญญาว่าหลังจากวันนี้จะหายไป สัญญาจะไม่มาให้คุณเห็นหน้าอีก

 

ชายหนุ่มหลับตาลงพร้อมกับถอนหายใจด้วยความเหนื่อยล้า พลันสายตากลมก็เหลือบไปเห็นรอยบางอย่างบนโต๊ะโคมไฟที่หัวเตียง ชายหนุ่มขยับเข้าไปใกล้ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจกับภาพตรงหน้า

ครีมสีขาวซึ่งคลาร์กจำได้ขึ้นใจว่ามันเป็นครีมโกนหนวดของเขาถูกวาดเอาไว้เป็นรูปหัวใจดวงเล็ก ๆ บนโต๊ะ ชายหนุ่มเอื้อมมือไปแตะครีมบางเบาขึ้นมามองด้วยสายตาว่างเปล่า หัวใจที่เคยเต้นอย่างเหนื่อยล้าพลันเร่งจังหวะขึ้นเล็กน้อย คลาร์กยกยิ้มมุมปากเพียงชั่วครู่ก่อนจะยกมือขึ้นมาเสยผมพร้อมแล้วล้มตัวลงนอนบนเตียงกว้างอีกครั้ง

นาราไปแล้ว หายไปตามสัญญาแล้ว

และคงจะหายไป...ตลอดกาล


ออฟไลน์ March. Marcia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +166/-5
ตอนที่ 5


กรุงลอนดอน, ประเทศอังกฤษ

“เอ่อ...คุณหมอคะ” เสียงหวานเอ่ยเรียกชายหนุ่มใบหน้าอ่อนเยาว์ที่กำลังง่วนอยู่กับเอกสารในมือด้วยน้ำเสียงกล้า ๆ กลัว ๆ คุณหมอหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับใช้ดวงตากลมภายใต้กรอบแว่นจ้องมองไปยังพยาบาลสาวก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นสูงเป็นเชิงถาม

“นี่ก็ดึกมากแล้ว เอ่อ...ดิฉันขอกลับได้มั้ยคะ” หญิงสาวพูดเสียงแผ่ว กลัวถูกตำหนิที่ตนขอกลับก่อนทั้ง ๆ ที่เพิ่งเข้ามาทำงานในคลินิกแห่งนี้ได้เพียงไม่กี่วัน แต่คำตอบที่ได้กลับมีเพียงรอยยิ้มอ่อนโยนพร้อมกับอาการพยักหน้าแผ่วเบา หญิงสาวเห็นดังนั้นก็เผยรอยยิ้มออกมาน้อย ๆก่ อนจะกล่าวขอบคุณและเดินจากไป

หลังจากลับร่างของพยาบาลสาว เสียงถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงันภายในคลินิกเล็ก ๆ ร่างโปร่งของกีรติมองใบสั่งยาในมือก่อนจะถอนหายใจอีกครั้งกับปัญหาตรงหน้า ความอ่อนล้าเนื่องจากต้องตรวจคนไข้ทั้งวันทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลงแต่อย่างไรก็ตามคืนนี้กีรติก็ต้องอยู่ที่คลินิกจนกว่าจะเคลียร์ปัญหาเรื่องยาที่หายไปจนเสร็จ

เขาจะต้องรู้ให้ได้ว่าพยาบาลคนเก่าที่อยู่ ๆ ก็ลาออกไปแอบเอายาไปให้ใคร...

“เฮ้อ...” ร่างโปร่งถอนหายใจอย่างปลงตกอีกครั้งพร้อมกับเบ้หน้าออกมาเหมือนกับเด็กเล็ก ๆ เมื่อสืบหาข้อมูลอยู่เป็นเวลานานแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะได้เรื่องอะไรเพิ่มเติม ใบหน้าหวานซบลงกับโต๊ะพร้อมกับหลับตาลงเพื่อพักสายตา หากแต่พอหลับตาความทรงจำเก่า ๆ เมื่อหลายปีก่อนก็ย้อนกลับเข้ามาในหัวอย่างช่วยไม่ได้

ความทรงจำที่เขาเคยมีความสุขและความทุกข์ไปพร้อม ๆ กัน

ความทรงจำที่มีคลาร์กและอีริคอยู่ในนั้น

คนแรกนั้นกีรติโหยหาอยากพบหน้า แต่อีกคนเขากลับอยากจะลืมเลือนหากแต่ทำไม่ได้

คลาร์กคือคนรัก ชายหนุ่มเจ้าของดวงตาคมดุคนนั้นคือบุคคลที่ได้หัวใจของกีรติไปทั้งดวง

หากแต่อีริคคือฝันร้าย...ร่างสูงเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาและผิวสีแทนดูเซ็กซี่เป็นดั่งมัจจุราชที่คร่าเอาความสุขของกีรติไป

อีริคคือคนที่ทำให้เขาต้องนอนฝันร้ายอยู่ทุกค่ำคืนตลอดระยะเวลาเกือบสองปี

ใบหน้าหล่อเหลายามซุกไซร้ไปตามโครงหน้าเรียวสวย ลิ้นร้อนที่คอยตามไล้เลียทุกส่วนของร่างกายทำให้รู้สึกวูบวาบ ไหล่กว้างที่ครั้งหนึ่งมีมือขาวของกีรติเกาะเกี่ยวและจิกแน่น หน้าท้องและสะโพกแกร่งที่เคยขยับเป็นจังหวะยามที่ร่างสูงกระแทกกายสอดประสานเป็นหนึ่งเดียวกับร่างกายของเขา ทุกสัมผัส ทุกสุ้มเสียงที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากร้อนและแววตาโชนแสงแห่งปราถนาที่ฉายชัดในดวงตาคมชัดเจนนักในความทรงจำของคุณหมอตัวโปร่ง

กีรติไม่เคยลืมความโหดร้ายแต่ทว่าหอมหวานราวกับน้ำผึ้งอาบยาพิษ

คลาร์กคือคนที่เขารัก...ใช่ กีรติไม่เถียง

แต่คนที่ได้ครอบครองร่างกายของเขาคนแรกก็คืออีริค...ครอบครองและทำร้ายเขาอย่างป่าเถื่อนตามคำสั่งของนาราผู้เป็นเจ้านาย

และเพราะรู้สึกผิดที่ไม่อาจรักษาร่างกายเอาไว้ให้คนที่รัก บวกกับแรงกดดันจากผู้ชายหน้าหวานเจ้าของตำแหน่งคู่หมั้นของคลาร์ก กีรติจึงเลือกวิธีที่เห็นแก่ตัวที่สุดนั่นคือการทิ้งคลาร์กมา หนีออกมาให้ไกล ไกลแสนไกลจนแน่ใจว่าคลาร์กจะหาตัวเขาไม่เจอ

เขาเลือกที่จะทิ้งทุกอย่างที่เคยมีและเริ่มต้นชีวิตใหม่

แต่เขาคงลืมไป...โลกนี้น่ะแคบกว่าที่คนคิดนัก

 

กริ้งงง


“ขอซื้อยาหน่อยครับ!” เสียงกระดิ่งของคลินิกดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงของผู้ชายคนหนึ่งวิ่งเข้ามาเกาะที่เคาน์เตอร์และพูดกับกีรติที่ยังฟุ่บอยู่โต๊ะด้านข้าง ร่างโปร่งสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นและลุกจากเก้าอี้ เดินตรงไปยังเคาน์เตอร์จ่ายยาและหันหลังให้กับผู้มาใหม่เพื่อเปิดเตรียมตัวเปิดเอายาที่ต้องการพร้อมกับถามชายหนุ่มเสียงนุ่ม

“ยาอะไรครับ บอกอาการผมได้รึเปล่า”

“ก็ไข้สูง ไอ หายใจแรง...แบบหอบ ๆ อ่ะ หายใจไม่ทันงี้อ่ะ เร็วหน่อยสิหมอ” ชายหนุ่มเร่งกีรติที่ก้ม ๆ เงย ๆ หายาอยู่ คุณหมอตัวขาวกรอกตาไปมากับความรีบร้อนของลูกค้าพร้อมกับไล่สายตามองหาซองยาที่ตรงกับอาการที่ได้ยิน ซักพักร่างบางก็หัวกลับมาพร้อมกับวางยาลงบนเคาน์เตอร์ก่อนจะเงยหน้ามองคนตรงหน้า และเมื่อดวงตาเล็กสบเข้ากับดวงตากลมที่คุ้นเคยร่างบางก็ตัวแข็งทื่อ

“นาย...” ริมฝีปากบางพึมพำเสียงแผ่วเช่นเดียวกับร่างสูงที่เบิกตากว้างมองกีรติอย่างตกใจ

“กีย์...ทำไมนายมาอยู่ที่นี่”

 

ทั้ง ๆ ที่คิดว่าจากมาไกล

ทั้ง ๆ ที่คิดว่าจะลืมเลือน

หากแต่พอได้พบหน้ากันอีกครั้ง

ความทรงจำทุกอย่างกลับยังคงฉายชัดอยู่ในส่วนลึกของหัวใจ

หัวใจ..ที่เคยถูกทำร้ายจนพังยับไม่มีชิ้นดี

 

“อีริค...”

 

 

 

 

 

“ฉันไม่ขาย!!!”

“เฮ้ย ได้ไงวะ!” อีริคสบถออกมาเสียงดังพร้อมกับมองใบหน้าหวานด้วยแววตาเอาเรื่อง กีรติหน้าบึ้งจ้องมองร่างสูงด้วยแววตาเกลียดชัง เหตุการณ์เมื่อสองปีก่อนยังคงชัดเจนอยู่ในความทรงจำ ผู้ชายคนนี้ทำให้เขาตกอยู่ในความฝันที่แสนโหดร้าย อีริคทำให้กีรติสูญเสียความสุขไป

เขาเกลียดผู้ชายคนนี้

“กลับไปซะ คลินิกปิดแล้ว มาทางไหนก็ไสหัวกลับไปทางนั้นเลย!” ร่างโปร่งบางตะคอกออกมาเสียงดัง หันหลังเพื่อที่จะเดินหนี ไม่อยากเห็นหน้า ไม่อยากได้ยินเสียง สองปีสำหรับใครหลาย ๆ คนอาจจะเพียงพอที่จะลบเลือนความเจ็บปวด หากแต่กับกีรติมันไม่มีทางเป็นไปได้

 

สองปีสำหรับเขามันไม่พอ...มันไม่เคยพอ

 

พรึ่บ!

 

“อ๊ะ...นี่!!!” ร่างบางร้องเสียงหลงทันทีที่แขนเล็กถูกใครอีกคนกระชากให้หันกลับไปเผชิญหน้ากัน อีริคใช้ดวงตาดุจ้องมองใบหน้าเนียนใสของอีกคนพร้อมกับดันร่างของกีรติให้ถอยหลังไปจนแผ่นหลังบางแนบกับตู้ยา

“จ่ายยาให้ฉันเดี๋ยวนี้นะกีย์ ฉันไม่มีเวลามากพอมาเล่นเกมวิ่งไล่จับกับนายเหมือนเมื่อสองปีก่อนหรอกนะ” ร่างสูงพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบทว่าดุดันจนน่ากลัว กีรติใจกระตูกวูบเมื่อโดนคนตรงหน้าสะกิดแผลที่เขาพยายามปกปิดมาเนิ่นนาน ระยะห่างที่มีเพียงน้อยนิดทำให้จมูกเล็กสูดกลิ่นกายของคนตรงหน้าเข้าไปเต็มปอด

ไม่เปลี่ยนเลย...อีริคไม่เคยเปลี่ยนไปเลยซักนิด

“มะ...ไม่ ทำไมฉันต้องทำให้นายด้วย นายเคยทำอะไรกับฉันไว้ก็น่าจะรู้ตัวเองดีไม่ใช่เหรอ ออกไปห่าง ๆ เลยนะ” กีรติพูดเสียงสั่นด้วยความหวาดกลัว จบประโยคของคนตัวบาง อีริคก็ชักสีหน้าพร้อมกับขยับร่างแกร่งเข้าไปจนชิดร่างบอบบางจนไม่เหลือช่องว่างใด ๆ

“จะยอมจ่ายยาให้ฉันดี ๆ หรือต้องให้ฉันกระตุ้นต่อมจรรยาบรรณนายก่อนดีล่ะครับคุณหมอ” ร่างสูงพูดจบก็เคลื่อนใบหน้าหล่อเหลาเข้าไปคลอเคลียกับซอกคอขาว ลิ้นร้อนแตะลงบนลำคอระหงของกีรติแผ่วเบาจนคนตัวบางสะดุ้งสุดตัว สองมือยกขึ้นมาหวังผลักอกอีกคนให้ห่างกายหากแต่ข้อมือเล็กก็โดนมือของอีกคนรวบเอาไว้เหนือหัว

“อ๊ะ!” กีรติร้องออกมาเมื่อฟันคมของอีริคกัดลงบนผิวเนื้อเนียนนุ่ม ลิ้นร้อนไล้เลียลำคอข่าวของคนตัวบาง รสชาติหอมหวานยังคงตราตรึงอยู่ในความรู้สึกแม้จะผ่านมานานหลายปี

ร่างกายกีรติยังหวานเหมือนเดิม

ความหอมหวานที่อีริคหลงใหล ร่างขาวบางของคนตรงหน้าดูน่าสัมผัสจนชายหนุ่มอยากจะกระชากเสื้อผ้าและชุดกาวด์สีขาวออกให้พ้นตัว ครอบครองให้กีรติเป็นของเขาเพียงแค่คนเดียว กีรติเป็นของอีริคเพียงแค่คนเดียวตั้งแต่วันนั้น

และในวันนี้ก็เช่นกัน

“อื้อ ปล่อย” คนตัวขาวบอกเสียงแผ่วใบหน้าหวานแดงซ่าน สัมผัสร้อนที่คลอเคลียอยู่ที่ต้นคอเรื่อยขึ้นมาถึงใบหูเล็กทำเอาจิตใจของกีรติเต้นระส่ำ ลมหายใจและเสียงแหบพร่าที่คอยกระซิบอยู่ข้างหูมอมเมาจนสติของเขาเกือบจะเลือนหาย แผงอกแกร่งแนบสนิทชิดกับแผ่นอกบอบบางของคุณหมอตัวบางจนสัมผัสได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจสองดวง

“ว่าไง หืม...จะยอมจ่ายยาให้ฉันดี ๆ แล้วหรือยัง” อีริคกระซิบเสียงแผ่วเบาพร้อมกับขบกัดใบหูเล็กจนกีรติสั่นสะท้าน

“ยะ ยอมแล้ว ปล่อย!” ร่างบางบอกเสียงสั่นเรียกรอยยิ้มจากคนตัวสูงได้เป็นอย่างดี อีริคยอมปล่อยให้อีกคนเดินไปหยิบยาแต่โดยดี ริมฝีปากบางพึมพำก่นด่าร่างสูงจนคนถูกด่าต้องอมยิ้มออกมาเล็กน้อยกับท่าทางน่ารักของคนตรงหน้า

“ช่วยบอกอาการอีกทีได้มั้ย ขอละเอียดหน่อยก็ดี”

“ก็ไอไม่หยุด หายใจลำบากแล้วก็มีแผลอักเสบนิดหน่อย ไข้สูงมาสองสามวันแล้วไม่ลดซักทีด้วย”

“เอ๊ะ ไข้สูงติดกันแบบนี้ทำไมไม่พาไปโรงพยาบาลเลยล่ะ ปล่อยไว้ทำไมอาการน่าเป็นห่วงออก” กีรติขมวดคิ้วจนยุ่งเหยิงพร้อมกับตำหนิอีริคเมื่อชายหนุ่มพูดจบ ด้วยเพราะตนเองทำอาชีพเป็นแพทย์ที่ต้องรักษาคนไข้ ถึงแม้ว่าคนตรงหน้าจะเป็นคนที่เกลียดขนาดไหนและตัวกีรติเองก็ไม่อยากจะวุ่นวาย แต่พอได้ฟังแบบนี้ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ อีริคเองพอโดนตำหนิก็ถอนหายใจออกมาแผ่วเบาก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้า

“ลองแล้วแต่เขาไม่ยอม ไม่รู้จะทรมานตัวเองไปถึงเมื่อไหร่” ร่างสูงบ่นเบา ๆ ท้ายประโยคคนตัวขาวแอบเห็นว่าแววตาของอีกฝ่ายไหววูบไป

“งั้นก็แล้วแต่ก็แล้วกัน ตายมาไม่รู้ด้วยนะ” กีรติพูดพร้อมกับเบ้ปาก ไม่นานซองยาสี่ห้าซองก็ถูกยื่นไปให้ร่างสูงตรงหน้า กีรติอธิบายสรรพคุณของยาและช่วงเวลาในการกินให้อีริคฟังอย่างละเอียดพร้อมกับยื่นใบเสร็จค่าใช้จ่ายให้ร่างสูง

“ราคาทั้งหมดตามนี้”

“แพงว่ะแม่ง ขูดเลือดขูดเนื้อกันชัด ๆ อ่ะ” อีริคบ่นเรียกสายตาค้อนจากร่างบางได้เป็นอย่างดี ชายหนุ่มหัวเราะออกมาแผ่วเบาก่อนจะโบกมือไปมากลางอากาศ

“เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้ามาจ่ายละกัน วันนี้รีบ ไปนะครับคุณหมอคนสวย” ชายหนุ่มเอ่ยลาพร้อมกับส่งยิ้มไปให้อีกคน และในขณะที่กีรติกำลังงุนงงอยู่นั้น ใบหน้าคมก็ถือโอกาสเคลื่อนเข้ามากดจมูกลงบนแก้มใสก่อนจะสูดดมความหอมบนผิวแก้มนุ่มนิ่มเข้าไปจนเต็มปอด

ฟอด

“อ๊ะ!!!”

“ฝันดีนะกีย์” อีริคกระซิบข้างหูกีรติด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ก่อนจะหันหลังแล้วรีบเดินออกจากคลินิกไป คนตัวขาวยกมือขึ้นมากุมแก้มของตัวเองเอาไว้พร้อมกับเบ้ปาก ใบหน้าขาวเนียนพาดผ่านด้วยเฉดสีชมพูระเรื่อดูน่าเอ็นดู แต่ไม่นานจากอาการเขินอายก็แปรเปลี่ยนไปเป็นการขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ไวเท่าความคิดคุณหมอตัวขาวก็รีบปิดคลินิกก่อนจะพาร่างของตัวเองวิ่งตามร่างสูงของอีริคออกไปอย่างรวดเร็ว และเมื่อวิ่งมาจนประชิดตัวคนที่กำลังเดินอย่างรีบเร่งมือขาวก็คว้าหมับเข้าที่ต้นแขนของอีกคนพร้อมกับเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงปนหอบ

“นาย แฮ่ก...มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แล้วยานั่นนายจะเอาไปให้ใคร”

“นายจะรู้ไปทำไม มันไม่ใช่เรื่องของนาย กลับไปเฝ้าคลินิกเถอะไป” อีริคพูดพร้อมกับสะบัดตัวแล้วหันหลังให้ แต่กีรติก็ยังดื้อดึงตามไปยื้อร่างสูงให้หันมาประจันหน้ากัน

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ริค ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่” กีรติคาดคั้น แต่ก็ได้รับความเงียบมาเป็นคำตอบ

“ถ้านายไม่ตอบก็ไม่ต้องไปไหน ปล่อยให้คนของนายเจ็บจนตายไปเลย” คุณหมอหน้าหวานยื่นคำขาด อีริคชั่งใจอยู่ชั่วครู่ก่อนจะถอนหายใจออกมา มือแกร่งเอื้อมไปจับมือเล็กขึ้นมาแนบแก้มของตนเองอย่างต้องการที่พักพิงก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า

“มันจบแล้วกีย์ เรื่องทุกอย่างมันจบลงแล้ว” อีริคพูดขึ้นแต่คนฟังกลับขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ อะไรที่ว่าจบ...?

“เอาไว้ฉันจะเล่าให้นายฟังถ้านายอยากจะฟัง แต่ตอนนี้ฉันต้องรีบกลับแล้ว มีคนรอฉันอยู่” ร่างสูงพูดขึ้นพร้อมกับส่งยิ้มบางเบาไปให้คนตัวขาว กีรติได้ฟังก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเข้าไปอีกก่อนจะเอ่ยถามอีริคด้วยความสับสน

“ใคร?”

อีริคมองใบหน้าน่ารักของคนตรงหน้าก่อนจะกระชับมือบางและออกแรงลากร่างเล็กให้เดินไปด้วยกัน กีรติขืนตัวเอาไว้เล็กน้อยก่อนจะมองร่างสูงด้วยสายตาหวาดระแวง คนถูกมองอมยิ้มเล็กน้อยก่อนจะคว้ามือเล็กมาจับไว้แน่นพร้อมกับออกแรงลากร่างเล็กอีกครั้ง

“นี่! นายจะพาฉันไปไหน!” คุณหมอกีรติแหวออกมาเสียงดังลั่น

“ก็อยากรู้ไม่ใช่เหรอว่ามันเกิดอะไรขึ้น ก็จะพาไปหาอยู่นี่ไง” อีริคพูดพร้อมกับเดินไปเรื่อย ๆ ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญรึเปล่าที่คลินิกของกีรติอยู่ใกล้กับที่พักของเขาพอดิบพอดี

“พาไปหา? ไปหาใคร?” กีรติยังคงสวมบทเป็นเจ้าหนูจำไมถามนั่นถามนี่จนร่างสูงชักรำคาญ อีริคยกยิ้มขึ้นกับท่าทางราวกับเด็กน้อยของคนข้างกายก่อนจะตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ

 

“นาราน่ะ...”

 

“นารา...ไม่ เดี๋ยว...นาราเป็นอะไร? นี่ อย่าลากสิ!!”

“หึ เดี๋ยวนายก็รู้เองละน่า ตามมาเถอะครับคุณหมอคนสวย” อีริคพูดพร้อมกับพากีรติเดินไปตามท้องถนนในยามค่ำคืน ท่ามกลางเสียงโหวกเหวกโวยวายของคุณหมอตัวขาวที่ดังกรอกหูเขาไปตลอดทาง

 

 

 
เรื่องราวบางเรื่องได้ปิดฉากลง หากแต่ก็ยังมีเรื่องราวใหม่ ๆ เริ่มต้นขึ้นเสมอ




ออฟไลน์ March. Marcia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +166/-5
ตอนที่ 6


สายลมบางเบาในยามค่ำคืนพัดผ่านแก้มกลมใสส่งผลให้ผิวสีเนื้ออ่อนปรากฏริ้วสีแดงจางๆขึ้นบนใบหน้า ความเย็นจากอุณหภูมิที่ลดฮวบลงอย่างรวดเร็วทำให้ปลายจมูกเล็กขึ้นสีแดงระเรื่อและมีน้ำมูกเล็กน้อย ดวงตากลมโตทอดมองไปยังแสงไฟบนท้องถนนด้วยแววหม่นหมอง แม้ความเยือกเย็นของอากาศจะทำให้ร่างกายที่ยังไม่คุ้นชินนักสั่นเทิ้มขึ้นเล็กน้อยหากแต่เจ้าของร่างเล็กในชุดนอนสีขาวสะอาดตาก็ยังคงยืนนิ่งจ้องมองวิวทิวทัศน์ผ่านระเบียงห้องอย่างเงียบสงบ

“เหม่ออะไรอยู่ครับ...หืม?” ร่างสูงของอีริคเดินเข้ามาสวมกอดคนตัวเล็กกว่าจากด้านหลังก่อนจะถามเสียงแผ่วเบา จมูกโด่งกดลงที่ขมับเล็กพร้อมกับสูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆของแชมพูที่เขาเป็นคนซื้อให้แล้วก็กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นไปอีกเพื่อให้ร่างเล็กได้รับความอบอุ่น

“คิดถึง...” ปากเล็กขยับพึมพำเสียงแหบแห้ง อีริคเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปเอาแก้มของตนเองแนบกับแก้มกลมนุ่มนิ่มแล้วเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง

“คิดถึง? คิดถึงใครเหรอครับ”

“...”

“อ่า...คุณหนู...”

“คลาร์ก”

กึก. ร่างสูงชะงักทันทีที่ชื่อของใครอีกคนหลุดรอดออกมาจากริมฝีปากคู่สวย แววตาหม่นหมองทอดมองภาพแสงสีเบื้องหน้า เพียงครู่เดียวแก้วตาใสก็วาววับเปล่งประกายสะท้อนแสงไฟเพราะน้ำสีใสที่ขังคลอเอ่อล้นจวนเจียนจะร่วงหล่น อีริคเม้มปากเน้นอย่างเจ็บใจที่ตัวเองได้แต่มองดูความเจ็บปวดที่ฉายชัดบนกรอบหน้าเล็กโดยที่ตัวเองไม่สามารถทำอะไรได้เลย อ้อมแขนแกร่งกระชับแน่นเพื่อปลอบประโลมร่างเล็กที่แสนบอบบางดุจลูกนกตัวน้อยที่กำลังบาดเจ็บพร้อมกับโยกไปมาเบาๆ

“คิดถึงคลาร์ก...”

“ครับคุณหนู ผมรู้”

“คิดถึงคลาร์ก...ฉันคิดถึงคลาร์กมากเลยริค ฮึก.”

“ผมรู้ครับ ผมรู้”

“ฮึก ฮือ”

คลาร์ก ตอนนี้นายกำลังมีความสุขอยู่รึเปล่า? นายรู้บ้างหรือเปล่าว่าผู้ชายคนนี้เจ็บปวดมากแค่ไหน? เขาได้แต่ร้องไห้เพราะความรักที่มีให้กับนาย เขายังคงจมดิ่งอยู่ในวังวนที่ฉันไม่รู้จัก วังวนที่มีนายอยู่ในนั้น

นายรับรู้มันบ้างรึเปล่า

รับรู้ความทรมานพวกนี้บ้างมั้ย?

 

 

 

 

 

“ฉันให้ยาฆ่าเชื้อแล้วก็ยาแก้ปวดแล้ว ยังไงก็ต้องให้เขาพักผ่อนเยอะๆเพราะแผลยังไม่หายดี...” น้ำเสียงห่วงใยดังออกมาจากกลีบปากอิ่มสีแดงระเรื่อของคุณหมอตัวบาง กีรติกับอีริคยืนคุยกันเสียงเบาข้างเตียงของนาราที่บัดนี้หลับสนิทเพราะความอ่อนเพลีย ดวงตาคมของชายหนุ่มทอดมองร่างบอบบางที่เขาเฝ้าดูแลก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยล้า

อีริคไม่ได้เหนื่อยที่ต้องมาดูแลนารา แต่เหนื่อยแทนนาราที่ยังไม่ยอมปล่อยวาง

“นายไหวแน่นะ นี่ไม่ได้นอนมากี่คืนแล้วเนี่ย” กีรติถามขึ้นเมื่อมองเห็นร่องรอยความอิดโรยบนใบหน้าคมเข้ม อีริคยกยิ้มน้อยๆก่อนจะเดินเข้ามาสวมกอดร่างบอบบางของคนตัวขาวกว่าพร้อมกับซบใบหน้าลงกับลาดไหล่เล็กอย่างคนที่ต้องการจะพักใจ

“เหนื่อยกายน่ะมันไม่เท่าไหร่หรอก แต่เหนื่อยใจนี่สิ...” พูดทิ้งท้ายเอาไว้แค่นั้นร่างสูงก็ผ่อนลมหายใจออกมาอีกครั้ง กีรติได้แต่ยืนนิ่งให้อีริคกอดอยู่อย่างนั้น ดวงตากลมเลื่อนไปมองคนบนเตียงที่หลับสนิทเหมือนเด็กอ่อนก่อนจะเผยยิ้มบางเบา นาราในตอนนี้ดูแตกต่างกับนาราคุณหนูที่แสนเอาแต่ใจและร้ายกาจคนนั้นอย่างสิ้นเชิง กีรติไม่อยากจะเชื่อเลยว่าความรักจะทำให้คนที่เคยอ่อนหวานใจดีแปรเปลี่ยนไปได้มากขนาดนั้น จะมีใครซักกี่คนที่มีโอกาสได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของคุณหนูผู้แสนอ่อนโยนคนนี้บ้างนะ...

“นายยังโกรธคุณหนูอยู่หรือเปล่า” อีริคถามขึ้นมาทำลายความเงียบเรียกสติของกีรติให้กลับมา คุณหมอตัวบางยกยิ้มก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ

“ก็บอกแล้วไงว่าฉันลืมมันไปหมดแล้ว สิ่งที่หนูนาเจอมันมากพอที่จะชดเชยสิ่งที่เขาทำกับฉันแล้ว หลังจากนี้ก็ไม่มีอะไรติดค้างกันอีก เริ่มต้นกันใหม่ก็ดีแล้วไม่ใช่รึไง” คนตัวขาวพูดก่อนจะดันร่างของอีริคให้ห่างกายและเดินเข้าไปวัดอุณหภูมิร่างกายของคนที่นอนหลับสนิทบนเตียงอีกครั้ง

“นายต้องดูแลคุณนาราดีๆนะ ช่วงนี้คงเป็นช่วงที่เม็ดเลือดสร้างเซลล์ขึ้นมาซ่อมแซมร่างกายแล้วก็สร้างตัวกำจัดเชื้อโรคออกอยู่ อย่าให้ไปเล่นซนจนได้แผลได้เชื้อโรคมาอีกล่ะ ถึงตายได้เลยนะรู้มั้ย” กีรติพูดเสียงเครียดเรียกรอยยิ้มจากอีริคได้เป็นอย่างดี

“พูดเหมือนคุณหนูเป็นเด็กเล็กๆไปได้ วางใจเถอะ ฉันไม่ปล่อยไปไหนจนกว่าจะหายดีหรอกน่ะ” อีริคยืนยัน กีรติพยักหน้ารับก่อนจะเก็บของให้เข้าที่และเดินนำร่างสูงออกมาจากห้องนอน

“นายแน่ใจนะว่าจะไม่พานาราไปโรงพยาบาล อาการแบบนี้น่าเป็นห่วงใช่เล่นนะริค” กีรติเอ่ยออกมาด้วยความกังวล อีริคพาร่างบอบบางของคุณหมอตัวขาวมานั่งที่โซฟาห้องรับแขกก่อนจะเอ่ยเสียงเครียด

“คุณหนูไม่ยอมไปนี่ งอแงหนักเลยล่ะพอจะพาไปโรงพยาบาล ร้องจ้าเป็นเด็กๆเลย ไอ้ฉันนี่ก็จนปัญญาแล้ว ถึงได้ขอให้นายมาดูแลตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงนี่ไง”

“เฮ้อ เออๆรู้หรอกน่ะ ไม่ต้องมาตีหน้ายุ่งใส่กันเลยนะ ถึงฉันจะยอมมาดูคนของนายแต่ใช่ว่าฉันจะลืมเรื่องเลวๆที่นายเคยทำไว้นะ แค่พักยกเอาไว้ก่อนเท่านั้นแหละ” คุณหมอตัวสูงขู่ฟ่อเหมือนลูกแมวพร้อมกับหันมาทำหน้าบึ้งใส่คนตัวสูง อีริคยกยิ้มก่อนจะพยักหนารับรู้ ชายหนุ่มหมายมั่นปั้นมือในใจว่าตลอดเวลาที่กีรติมาอยู่ที่นี่เขาจะต้องทำให้คนตรงหน้าใจอ่อนและยอมยกโทษให้จนได้ แต่ตอนนี้เขากับกีรติต้องสงบศึกกันชั่วคราวเพราะนาราไม่สบายหนัก ผลพวงก็คงมาจากเหตุการณ์ที่คนตัวเล็กกรีดแขนและแผ่นอกตัวเองนั่นแหละ แม้จะผ่านมาได้ซักระยะแล้วแต่บาดแผลก็ยังไม่หายดีเท่าใดนัก ซ้ำร้ายก่อนหน้านี้นารายังติดเชื้อเข้ากระแสเลือดจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด พอได้ถ่ายเลือดและล้างท้องก็ทำให้ดีขึ้นแต่ก็ต้องนอนห้องไอซียูเกือบสามอาทิตย์ พออาการพ้นขีดอันตรายคนตัวเล็กก็บังคับให้อีริคพากลับบ้านทันทีโดยอ้างว่าไม่ถูกกับโรงพยาบาลของที่นี่ ออกจากโรงพยาบาลไม่เท่าไหร่นาราก็ไข้สูงไม่สบายจนอีริคต้องวิ่งออกไปซื้อยาที่คลินิก และนั่นทำให้เขาได้เจอกับกีรติ

อีริคพากีรติมาดูอาการของนาราและเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังอย่างละเอียดเท่าที่ตัวเขารับรู้มา คราแรกกีรติตกใจจนมือไม้สั่น แต่พอคิดได้ว่าตัวเองเคยโดนอะไรบ้างก็นั่งนิ่งและดูอาการของนาราเงียบๆจนคุณหนูของเขาดีขึ้น พอนาราได้สติและเห็นกีรติก็ช็อคไปครู่ใหญ่ก่อนจะขอเคลียร์กันตามลำพัง อีริคไม่รู้ว่าคนทั้งคู่คุยอะไรกัน แต่พอเขาเข้าไปหาอีกทีก็เห็นคนตัวบางสองคนนั่งกอดกันบนเตียงร้องไห้เป็นเด็กๆ พอเห็นว่าบรรยากาศระหว่างกีรติกับนาราดีขึ้นเขาจึงขอให้กีรติมาดูแลนาราช่วงที่เขาออกไปทำงานจนกว่าคนตัวเล็กจะหายดี ด้วยเพราะนารางอแงไม่ยอมไปโรงพยาบาลและอีริคเองก็ไม่มีความรู้ทางด้านนี้ อ้อนวอนอยู่นานในที่สุดกีรติก็ตกลง ทั้งคู่ตรงไปเก็บข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นของคุณหมอตัวบางที่คอนโดก่อนจะแวะซื้อของกินและกลับเข้ามาที่บ้านพักหลังเล็กที่พวกเขาพักอาศัย

บ้านพักที่พวกเขาอยู่มีสองห้องนอนกับอีกหนึ่งห้องน้ำ อีริคให้กีรตินอนกับนาราส่วนเขานอนอีกห้อง คนตัวขาวเองก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร ตอนนี้ทั้งสามคนก็ใช้ชีวิตร่วมกันมาได้เกือบสองอาทิตย์แล้ว ทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง กีรติเลือกที่จะลืมเรื่องเลวร้ายในอดีตและเริ่มต้นใหม่กับมิตรภาพที่ดี หากแต่นารากลับไม่เป็นเช่นนั้น

คนตัวเล็กยังคงคิดถึงคลาร์กและแอบร้องไห้ก่อนนอนแทบจะทุกคืนจนอีริคและกีรติไม่สบายใจ

“นี่ก็ดึกมาแล้ว นายจะเข้านอนรึยัง” อีริคถามขึ้นทำลายความเงียบ กีรติพยักหน้าเบาๆพร้อมกับตอบกลับไป

“เดี๋ยวอาบน้ำก่อน วันนี้มีเคสรถชนมาด้วย เหม็นคาวจะแย่” คนตัวขาวบุ่นงุ้งงิ้ง อีริคได้ยินก็ยกยิ้มกว้างก่อนจะยื่นใบหน้าเข้าไปสูดดมความหอมจากพวงแก้มใสเต็มแรงจนแกมนุ่มยุบลง คนถูกหอมสะดุ้งสุดตัวก่อนจะหันไปฟาดฝ่ามือลงบนท่อนแขนของคนตัวสูงอย่างแรงพร้อมกับแหวเสียงแหลม

“ทำบ้าอะไรของนายวะ”

“เอ้า ก็เห็นบอกตัวเหม็นเลยดมดู ไม่เห็นเหม็นเลย หอมออก” อีริคลอยหน้าลอยตาตอบจนกีรติทนไม่ไหว คุณหมอหนุ่มยกเท้าขึ้นถีบสีข้างของร่างสูงแรงๆหลายทีก่อนจะวิ่งกลัวเข้าห้องนอนไป อีริคมองตามคนตัวบางไปจนลับสายตาก่อนจะส่ายหน้าไปมาแล้วก็หันมาเปิดรายการโทรทัศน์ดูเพื่อรอเวลาอาบน้ำต่อจากคนตัวขาว แต่ดูทีวีไปได้เพียงครู่เดียวเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ชายหนุ่มก้มลงมองเบอร์ที่โชว์บนหน้าจอก่อนจะกดรับและกรอกเสียงลงไปตามสายด้วยโทนสงบนิ่ง

“ครับท่าน”

[นาราหลับรึยัง] ทันทีที่ชายหนุ่มรับสาย เสียงแหบห้าวก็พูดขึ้นแทบจะในทันที

“หมอให้กินยาแล้วก็พักผ่อนแล้วครับท่าน ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง” อีริคตอบกลับไปพร้อมกับยกรีโมตขึ้นมากดเบาเสียง

[ดีแล้วล่ะ ถ้าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว] ปลายสายพูดออกมาก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอก บทสนทนาเงียบไปชั่วครู่ทำเอาอีริคใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ชายหนุ่มเม้มปากแน่นชั่งใจอยู่นานว่าควรจะเอ่ยถามถึงใครอีกคนดีหรือเปล่า ทั้งๆที่ควรลืมเลือนแต่สุดท้ายริมฝีปากของเขาก็ขยับเป็นคำพูดออกไป

“ท่านครับ คลาร์กเป็นยังไงบ้าง?”

[คลาร์กน่ะเหรอ ทำไมอยู่ๆถึงถามขึ้นมาล่ะ นาราฝากถามเหรอ]

“เปล่าครับ คุณหนูไม่ได้เอ่ยถึงใครเลย ผมแค่อยากรู้ว่าทางฝ่ายนั้นเค้าเป็นยังไง” อีริคอธิบาย ครั้นจะบอกว่าลูกชายของท่านเอาแต่ร้องไห้หาคลาร์กก็ไม่กล้า อีริคเลยได้แต่โป้ปดไปพร้อมกับรอคอยคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ

[ทางนี้ก็ดีล่ะมั้ง เอาแต่ทำงานไม่สนใจใคร ฉันเองก็เดาใจไม่ถูกเหมือนกัน] ปลายสายตอบกลับมา

“อ๋อครับ...” อีริคขานรับเพราะไม่รู้จะตอบกลับไปว่ายังไงทำเอาคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานานอย่างคุณพิสิทธิ์หัวเราะขึ้นมาเบาๆ

[นารางอแงหาคลาร์กตลอดเลยล่ะสิ] ชายสูงวัยพูดขึ้นอย่างรู้ทันจนอีริคถอนหายใจ

“ครับท่าน ผมจนปัญญาแล้วจริงๆ คงต้องหาหนุ่มตาน้ำข้าวซักคนมาดามหัวใจแล้วล่ะ” อีริคเสนอทำเอาปลายสายหัวเราะขึ้น

[ไปหาทำไมเล่า ก็นายนั่นแหละ ดามอกให้นาราเขาหน่อย ถ้าเป็นนายฉันจะได้สบายใจ] พิสิทธิ์พูดติดตลกหากแต่คนฟังไม่ได้รู้สึกตลอกไปด้วย ชายหนุ่มขมวดคิ้วเข้าหากันจนยุ่งเหยิงก่อนจะตอบเจ้านายกลับไปเสียงเครียด

“ก็ถ้าคุณหนูยอมเปิดใจซักนิดทุกอย่างมันคงง่ายกว่านี้ครับ” อีริคบอกก่อนจะฟ้องเจ้านายถึงวีรกรรมที่นาราทำเอาไว้ ชายต่างวัยนั่งคุยกันอีกสามสี่ประโยคก่อนที่อีกฝ่ายจะขอตัวไปทำงานต่อ เมื่อสายตัดไปแล้วอีริคก็วางโทรศัพท์เอาไว้บนโต๊ะพร้อมกับจ้องมองรายการโทรทัศน์ต่อเงียบๆ ไม่นานกีรติก็โผล่หน้าออกมาในชุดนอนสีเทาก่อนจะพูดกับอีริคด้วยน้ำเสียงงัวเงีย

“ห้องน้ำว่างแล้วนะ ฝันดี”

อีริคขานรับก่อนจะปิดโทรทัศน์และพาตัวเองไปชำระร่างกายก่อนจะเข้านอนด้วยความอ่อนเพลีย

 

 

 

 

 

5 ปีต่อมา

กรุงเทพมหานคร

“เอาเป็นว่าตกลงตามนี้ก็แล้วกัน ยังไงก็ฝากให้ทุกคนช่วยกันดูแลโปรเจ็คนี้ด้วยนะ ถ้าเราตีตลาดอาเซียนได้และขยายฐานลูกค้าออกไป อีกไม่นานเราก็จะเจาะตลาดยุโรปได้สบายๆ” คุณพิสิทธิ์พูดขึ้นในที่ประชุมเพื่อสรุปใจความสำคัญและประเด็นหลักของโปรเจ็คก่อนจะปิดการประชุมในเวลาต่อมา บรรดาผู้บริหารต่างวัยวุฒิมากหน้าหลายตาก็พากันทยอยเดินออกจากห้องประชุมไป เช่นเดียวกับคลาร์กที่สวมชุดสูทสีกรมท่าดูภูมิฐานที่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเเละกำลังจะก้าวขาเดินไปยังทางออก หากแต่ชายหนุ่มก็ต้องหมุนตัวกลับเข้ามาอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงเรียกแหบห้าวดังขึ้นจากด้านหลัง

“เดี๋ยวก่อนคลาร์ก ลุงมีเรื่องจะคุยด้วย” พิสิทธิ์พูดขึ้นพร้อมกับส่งยิ้มให้อดีตคู่หมั้นของลูกชายอย่างเป็นมิตร คลาร์กพยักหน้ารับน้อยๆก่อนจะเดินกลับเข้ามานั่งที่เดิมที่ชายหนุ่มเคยนั่งขณะกำลังประชุมงานอยู่

“ช่วงนี้หักโหมงานหนักไปรึเปล่า ผอมลงไปเยอะเลยนะ”

“ผมสบายดีครับท่าน แล้วท่านมีธุระอะไรกับผมรึเปล่าครับ?” คลาร์กตอบเสียงนุ่มนวล พยายามรักษาระดับคำพูดและน้ำเสียงของตัวเองให้คงที่

ชายหนุ่มพยายามทำตัวให้เป็นปกติแม้ในใจจะรู้สึกอึดอัดเหลือเกิน ความรู้สึกผิดเกาะกินหัวใจและสามัญสำนึกของคลาร์กจนเขาไม่กล้าทำตัวตีเสมอหรือผ่อนคลายยามอยู่ต่อหน้าชายอาวุโสตรงหน้า ภาพร่างเล็กของนาราที่ถูกย้อมเต็มไปด้วยเลือดยังติดอยู่ในความทรงจำ ทั้งๆที่เขาเองก็ทำร้ายนาราทั้งทางตรงและทางอ้อมไปขนาดนั้นแต่คนตรงหน้าก็ยังนึกเอ็นดูเขาเหมือนกับลูกคนหนึ่ง ถือได้ว่าท่านเป็นผู้ใหญ่ที่น่านับถือและควรค่าแก่การให้ความเคารพเป็นอย่างยิ่ง คลาร์กคิดในใจแบบนั้น

“เปล่าหรอก แค่เป็นห่วงเห็นนายโหมงานหนักติดต่อกันมาหลายปีแล้ว ยังไม่ลืมเรื่องเมื่อห้าปีก่อนอีกหรือ” พิสิทธิ์ถามเสียงนุ่ม คลาร์กไม่ตอบอะไรกลับไป ได้แต่ตีหน้านิ่ง

“...”

“อย่าคิดมากไปเลยคลาร์ก ลุงรู้จักหนูนาดี รายนั้นทำแสบกับเราเอาไว้เยอะ ลุงไม่ขอให้เรารักน้องหรือให้อภัยน้อง แค่แยกแยะเรื่องของน้องและเรื่องลุงกับบริษัทให้ออกก็พอ” คนอายุมากกว่าพูดพร้อมกับบีบไหล่คลาร์กอย่างให้กำลังใจ ชายหนุ่มก้มหน้าลงเงียบๆ ความรู้สึกเทิดทูนตีตื้นขึ้นมาเต็มอก เขานับถือผู้อาวุโสตรงหน้ามากจริงๆ

“ถ้ายังไงจบโปรเจ็คนี้ก็ลาพักร้อนซะนะ รวบยอดห้าปีที่นายโหมงานมาก็สองเกือบสามเดือน อยากพักผ่อนที่ไหนก็แล้วแต่จะไปเลย แล้วก็อย่าคิดปฏิเสธล่ะ เพราะนี่คือคำสั่ง...” ประธานบริษัทพูดเองเออเองเสร็จสรรพก่อนจะยกยิ้มขึ้นอย่างอ่อนโยน คลาร์กที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกได้แต่ทำหน้างง รู้ตัวอกทีห้องประชุมก็เหลือเพียงแค่เขาเท่านั้น

“พักร้อนเหรอ...” ชายหนุ่มพึมพำก่อนจะเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ เปลือกตาบางปิดลงเพื่อพักผ่อนชั่วครู่ แต่พอหลับตาลงภาพใบหน้าน่ารักของรณกรก็ฉายชัดขึ้นมาในความทรงจำ

รณกรในชุดนอนสีฟ้าแสนน่ารักกำลังส่งยิ้มที่แสนสดใสมาให้เขา รอยยิ้มที่คลาร์กตกหลุมรัก รอยยิ้มที่ทำให้หัวใจของเขากลับมาเต้นแรงอีกครั้ง

รอยยิ้มที่เหมือนกับรอยยิ้มของคนคนนั้น...

“ฉันคิดถึงนาย กร...”

พี่คิดถึงนาย กีย์

 

 

 

 

 

“ฮัดชิ่ววววววว!”

“เห้ย! ... อี๋ ขี้มูกกกกกก คุณหนูดูดิ กีย์เล่นขี้มูกกกก” เสียงโวยวายของอีริคดังขึ้นในเช้าวันหนึ่งในขณะที่ทั้งสามชีวิตกำลังเตรียมตัวจัดสำรับสำหรับรับประทานอาหารเช้า อยู่ๆคุณหมอตัวขาวที่กำลังเช็ดจานอยู่ข้างๆอีริคก็จามออกมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยทำเอาอีริครีบวิ่งแจ้นไปฟ้องคนตัวเล็กอีกคนที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหารแทบจะไม่ทัน กีรติส่งค้อนวงใหญ่ไปให้คนตัวโตพลางเงื้อมมือที่ถือจานขึ้นเหนือหัวทำทีจะฟาดใส่ อีริคเห็นแบบนั้นก็ถลาไปกอดร่างเล็กของใครอีกคนจนแน่นพร้อมกับซุกหน้าลงกับซอกคอหอมกรุ่นพร้อมกับอ้อนเสียงหวาน

“คุณหนู~ ช่วยด้วย หมอโหดจะตีผมอ่ะ” จบประโยคคนตัวโตก็เงยหน้าขึ้นมายักคิ้วให้กีรติหมั่นไส้เล่นๆ คุณหมอตัวบางฮึดฮัดอยู่กับที่ก่อนจะหันไปจัดจานและตักข้าวต่อ

“ฮะๆ กีย์งอนนายแล้วน่ะเห็นมั้ย เล่นอะไรเป็นเด็กๆไปได้” คนที่ถูกกอดพูดขึ้นพร้อมกับอมยิ้ม อีริคเอียงหน้ามองใบหน้ากลมขาวผสมสีชมพูฝาดแล้วก็ยิ้มออกมา มือแกร่งคลายอ้อมกอดออกเเล้วเปลี่ยนมาเป็นลูบกลุ่มผมนุ่มแผ่วเบาแทน

“คุณหนูนายิ้มแล้ว” บอดี้การ์ดหนุ่มพูดขึ้นเรียกสายตาแปลกใจจากคนตัวเล็กให้หันไปมอง

“หือ???” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจ นัยน์ตากลมสุกใสเต็มไปด้วยคำถาม

“ผมแค่ดีใจที่คุณหนูยิ้มได้ซักที คนน่ารักแบบคุณไม่เหมาะกับน้ำตาหรอกนะรู้มั้ย” อีริคขยายความพร้อมกับยกมือขึ้นมาบีบจมูกเล็กไปมา คนตัวเล็กได้ยินก็ส่งยิ้มบางเบามาให้ก่อนจะพูดเสียงแผ่ว

“คนเลวแบบฉันมันไม่คู่ควรกับรอยยิ้มหรอกนะริค คนแบบฉันไม่สมควรมีรอยยิ้ม คนที่ทำลายชีวิตใครหลายคนแบบฉันไม่สมควรมีความสุขหรอก”

“...” อีริคเงียบไปเมื่อคนตรงหน้าพูดจบ

“ช่างมันเถอะ ... แล้วก็เลิกเรียกฉันว่าคุณหนูได้แล้ว บอกกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าให้เรียกว่าหนูนา นี่ฉันบอกนายมาหลายปีแล้วนะริค อยากโดนฉันโกรธอีกคนหรือไง” คนตัวเล็กพูดขึ้นพอดีกับที่กีรติยกสำรับกับข้าวออกมาตั้งที่โต๊ะพอดิบพอดี นาราจึงรีบนั่งตัวตรงเตรียมกินข้าวและส่งยิ้มแฉ่งพูดคุยกับกีรติเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศทันที อีริคเห็นแบบนั้นก็ย้ายตัวขึ้นไปนั่งประจำที่ของตัวเองบ้างก่อนจะลงมือรับประทานอาหารอย่างเงียบๆ

“เออหนูนา อาทิตย์หน้าไปเดินเล่นสวนสาธารณะกันดีมั้ย ช่วงนี้นายเอาแต่อุดอู้อยู่แต่ในห้องคงจะเบื่อแย่ ตอนนี้ร่างกายก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วด้วย” กีรติพูดขึ้นทำลายความเงียบ คนถูกถามเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยจนคุณหมอรีบพูดต่อ

“ก็แล้วทำไมต้องไปอาทิตย์หน้าอ่ะ” นาราถามขึ้น กีรติอมยิ้มอย่างเอ็นดูก่อนจะตอบกลับไป

“อาทิตย์นี้เห็นกรมอุตุบอกว่าพายุจะเข้าน่ะ ดูข่าวบ้างมั้ยเนี่ย!”

“อ้อ อื้อ! อยากออกไปเดินเล่นเหมือนกัน จะได้ไม่ฟุ้งซ่าน” นาราพูดขึ้นก่อนจะก้มลงกินข้าวต่อ

 

อาทิตย์หน้าเขาจะได้ออกจากบ้านเสียที นาราเองก็อยากจะไปพบปะผู้คนภายนอกบ้างเพราะตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่จนเวลาล่วงเลยไปกว่าห้าปีแล้วเขาก็มีโอกาสไปแค่โรงพยาบาล ห้างใกล้บ้าน จบท้ายด้วยการนอนแหมะอยู่บนเตียงเพราะอาการติดเชื้อในกระแสเลือดยังไม่หายดี การออกไปเที่ยวเล่นครั้งนี้อาจจะทำให้เขาได้พบเจอสิ่งใหม่ มันอาจจะช่วยให้เขาเลิกคิดถึงเรื่องราวในอดีตที่คอยหลอกหลอนอยู่ทุกคืนก็ได้

 

แต่ใครจะไปรู้ ว่าการออกจากบ้านในครั้งนี้ไม่ได้ทำให้นาราพบเจอกับอนาคตใหม่อันสดใส แต่กลับเป็นอดีตที่แสนเลวร้ายที่จะมาฉุดเขาให้ก้าวลงไปอยู่ในวังวนเดิมอีกครั้งต่างหาก

 

วังวนที่นาราพยายามลืมเลือน

 

วังวนที่นาราพยายามหลีกหนี

 

วังวนที่มี ‘คลาร์ก’ อยู่ในนั้น

 

 

 

 

 

“จบโปรเจ็คนี้นายจะลาพักร้อนยาวเลยใช่มั้ยคลาร์ก” เพื่อนร่วมงานของคลาร์กถามขึ้นหลังจากที่ทั้งคู่กำลังเดินทางเข้าประชุมเพื่อฟังผลตอบรับของงานที่บากบั่นห้ามรุ่งหามค่ำทำติดต่อกันมาเป็นเวลาเกือบอาทิตย์

“อืม เหนื่อยมาหลายปีแล้ว ขอพักผ่อนบ้าง” คลาร์กพูดขึ้น อันที่จริงต้องบอกว่าเขาโดนประธานบริษัทบังคับให้ลาพักร้อนเสียมากกว่า

“ดีอ่ะ ฉันก็อยากพักบ้าง”

“ก็แล้วทำไมไม่ลาล่ะวะ” คลาร์กถามกลับไปเมื่อได้ยินเสียงเพื่อนบ่น คนถูกถามยิ้มรับจางๆก่อนจะตอบกลับมาเสียงหนักแน่น

“จะเก็บเงินขอแฟนแต่งงานน่ะ”

“...” คำตอบของคนข้างกายทำให้คลาร์กนิ่งเงียบ ชายหนุ่มไม่พูดอะไรได้แต่พยักหน้าบางเบาพร้อมกับสิ่งยิ้มเป็นกำลังใจไปให้

“ว่าแต่นายเถอะ ไม่คิดจะหาใครซักคนมาเป็นคู่ชีวิตบ้างเหรอ ฉันเข้าใจนะว่านายรักกรมาก แต่เขาคงไม่สบายใจหรอกถ้านายยังเอาแต่อมทุกข์อยู่แบบนี้ เรื่องมันก็ผ่านมาห้าปีแล้วนะเว้ย! อีกอย่างตอนนี้คุณนาราก็หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้”

“...”

“ฉันว่าถึงเวลาที่นายควรจะลืมเรื่องร้ายๆแล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้แล้วนะ”

 

นั่นสินะ.

 

ห้าปีมันคงมากพอที่จะลบล้างรอยแผลและความเจ็บปวดออกไปจากหัวใจของเขา ให้มันคงอยู่เพียงแค่ความทรงจำจางๆที่คอยย้ำเตือนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

 

คลาร์กควรจะเริ่มต้นใหม่เสียที.

 

“ขอบใจมากนะ”

“อื้อ ไม่เป็นไรหรอก ... ว่าแต่นายเถอะ พักร้อนนี่จะไปพักผ่อนที่ไหนอ่ะ?” เพื่อนร่วมงานถามขึ้น คลาร์กเงียบไปอึดใจก่อนจะส่งยิ้มไปให้คนข้างกายพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“อังกฤษน่ะ กะว่าจะไปเที่ยวอังกฤษซะหน่อย”

 

มันเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด...

 

หรือเป็นกงล้อแห่งโชคชะตา

 

 

ออฟไลน์ March. Marcia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +166/-5
ตอนที่ 7


สวนสาธารณะในช่วงเช้าของวันหยุดสุดสัปดาห์คลาคลั่งไปด้วยผู้คนมากมายที่มาพักผ่อนหย่อนใจ แดดอ่อนๆส่องแสงลอดผ่านช่องว่างของใบไม้ที่ประดับอยู่บนต้นไม้ใหญ่ทอดผ่านลงมากระทบสู่พื้นหญ้า สายลมอ่อนๆพัดพริ้วไปมาเป็นระยะๆทำให้บรรยากาศบริเวณสวนสาธารณะแห่งนี้ดีขึ้นทบทวี เสียงร้องชอบใจของบรรดาเด็กๆที่ผู้ปกครองพามาเล่นที่สนามเด็กเล่นซึ่งตั้งอยู่ติดกันยิ่งทำให้ที่แห่งนี้ดูครึกครื้น ร่างเล็กของนาราในชุดลำลองสบายๆนอนแผ่หลาไปบนผ้าปูที่พวกเขาเตรียมมาก่อนจะจดจ้องไปยังท้องฟ้าสีครามและปุยเมฆขาวที่ลอยละล่อง หมูนกน้อยบินว่อนไปว่อนมาส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวสอดประสานกับเสียงผู้คนรอบข้างกลายเป็นท่สงทำนองแห่งความสนุกหรรษา ริมฝีปากอวบอิ่มสีเชอรี่ระบายยิ้มขึ้นแต้มบนใบหน้านวลก่อนจะสูดลมหายใจกอบโกยอากาศที่แสนสดชื่นเข้าเต็มปอด

นานแค่ไหนกันที่ไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายแบบนี้

“อากาศที่นี่ดีจังเลยเนาะ” กีรติที่เพิ่งกลับมาจากไปซื้อน้ำพูดขึ้น คุณหมอตัวขาวนั่งแหมะลงข้างๆนาราก่อนจะวางขวดน้ำลงในตะกร้าปิกนิคขนาดย่อมที่พวกเขาช่วยกันจัดเตรียมก่อนออกมา นาราหันไปมองใบหน้าอ่อนเยาว์ก่อนจะเลื่อนตัวไปนอนตักคนตัวบางแล้วก็ฉีกยิ้มไปให้

“นอนแบบนี้สบายอ่ะ” คนตัวเล็กพูดพร้อมกับยิ้มจนเต็มแก้มเรียกค้อนวงใหญ่จากกีรติได้เป็นอย่างดี คุณหมอตัวขาวเลื่อนมือมาลูบกลุ่มผมนิ่มของนาราแผ่วเบา ดวงตากลมเลื่อนไปมองแขนซ้ายที่มีผ้าพันแผลพันเอาไว้ก่อนจะจมเข้าสู่ห้วงความคิดของตัวเอง

ครั้งแรกที่เจอกับนารา กีรติไม่คิดจะให้อภัยคนบนตักเสียด้วยซ้ำ เพราะสิ่งที่นาราทำมันเลวร้ายสำหรับเขามาก แต่ด้วยจรรยาบรรณของความเป็นหมอบวกกับสิ่งที่อีริคเล่าเลยทำให้กีรติยอมดูแลคนตัวเล็กจนอาการดีขึ้น พอนาราได้สติและเห็นหน้าเขาคนตัวเล็กก็เอาแต่ขอโทษ นาราในตอนนั้นสภาพดูย่ำแย่จนกีรติใจหาย ยิ่งเห็นรอยแผลเป็นที่แขนกับแผ่นอกที่เจ้าตัวเป็นคนกรีดเองกับมือก็ยิ่งทำให้กีรติพูดไม่ออก

 

รอยแผลเป็นที่แม้แต่เด็กตัวเล็กๆที่อ่านหนังสือได้ก็อ่านออก

 

รอยแผลที่เป็นชื่อของอดีตคนรักของเขา ‘คลาร์ก’

 

นั่นทำให้กีรติได้รู้ว่านาราถลำลึกลงไปในความรักที่มีต่อคลาร์กมากแค่ไหน และสิ่งที่เกิดขึ้นก็เป็นเครื่องยืนยันชั้นดีว่านาราเจ็บปวดกับมันมากเพียงใด

 

กีรติเชื่อเรื่อง ‘โอกาสที่สอง’

 

เขาจึงลองเปิดใจและให้โอกาสนารากับอีริคได้แก้ตัว เขายอมรับมิตรภาพที่สองคนนั้นวอนขอและทั้งคู่ก็ไม่ทำให้เขาผิดหวัง

เวลาล่วงเลยไปกว่าห้าปี จากคนที่เคยเกลียดกันจนแทบจะทำลายชีวิตของอีกฝ่าย กลับแปรเปลี่ยนมาเป็นสายสัมพันธ์ที่พวกเขาเรียกมันว่า ‘ครอบครัว’ เขาทั้งสามคนเลือกที่จะฝังอดีตของตนเองลงในหีบแห่งความลับและโยนมันลงมหาสมุทร ไม่มีคุณหนูนาราผู้เคยร้ายกายอีกต่อไป เพียงหนูนาเพื่อนที่แสนดีและอ่อนโยนจนน่าปกป้องเท่านั้น

 

นาราตายไปแล้ว ตายลงพร้อมกับความร้ายกาจและหัวใจที่จมปลักอยู่กับคนเพียงคนเดียว...

 

ทุกอย่างในอดีตถูกลืมเลือน

 

“นี่กีย์” นาราที่นอนหลับตาบนตักของชายหนุ่มพูดขึ้นทำลายความเงียบงัน เจ้าของชื่อเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเงียบไปรอให้นาราพูดต่อ

“แผลเป็นที่แขนมันรักษาได้รึเปล่า” คนที่กำลังนอนบนตักของคุณหมอตัวบางช้อนสายตาขึ้นมาถามเสียงสั่น มืออีกข้างเลื่อนไปจับแขนที่ถูกพันเอาไว้ด้วยผ้าพันแผลก่อนจะเม้มปากเน้นอย่างรอคอยคำตอบ

ห้าปีมาแล้ว เหตุการณ์มันผ่านมาห้าปีแล้วแต่แผลนี้ก็ยังไม่หาย


และมันจะไม่มีวันหายไปตลอดชีวิต

นารารู้ดี.

 

กีรติมองคนที่เอาแต่จ้องแผลเป็นที่แขนของตัวเองก่อนจะถอนหายใจ รอยยิ้มบางเบาจุดขึ้นที่ริมฝีปากคู่สวย มือข้างหนึ่งละจากเส้นผมของคนตัวเล็กเเล้วเลื่อนไปแตะแขนซ้ายของคนที่นอนตักเขาอยู่อย่างแผ่วเบา

“ก็...ตอบตามความจริงก็คงไม่ได้อ่ะ นอกซะจากว่าหนูนาจะตัดแขนทิ้งไปเลย” คุณหมอหน้าหวานทำทีพูดติดตลกเรียกร้อยยิ้มน่ารักจากนาราได้เป็นอย่างดีก่อนจะพูดขึ้น

“นั่นสิเนาะ...มันจะไปรักษาได้ยังไง แผลตั้งขนาดนี้”

“ก็แล้วตอนนั้นกรีดแขนตัวเองทำไมล่ะ” กีรติสวนทันทีที่นาราพูดจบ คนถูกถามเงียบไปทันทีพร้อมกับดวงตาที่ไหววูบจวนเจียนจะร่ำไห้ กีรติเห็นแบบนั้นก็ลูบกระหม่อมเล็กเพื่อปลอบประโลมก่อนจะเอ่ยสั่งสอนเด็กน้อยที่กำลังหลงทางบนตัก

“ในเมื่อหนูนาทำมันลงไปแล้วก็ต้องทำใจยอมรับกับผลที่มันตามมา ยอมรับบาดแผลที่จะติดตัวนายไปตลอดชีวิต นายกลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้หรอก” จบประโยคนาราก็เงียบลงพร้อมกับช้อนสายตาขึ้นมาสบกับดวงตากลมของกีรติ ความเงียบเกิดขึ้นเพียงชั่วครู่ก่อนที่คนตัวเล็กจะแลบลิ้นออกมาเล็กน้อยแล้วพูดเสียงสดใส

“อื้อ รู้แล้วน่า แต่พอมองมันทีไร อดีตที่ตั้งใจจะโยนทิ้งมันก็ผุดขึ้นมาในสมองตลอดเลยนี่นา” นาราตัดพ้อติดตลกพร้อมกับชูมือข้างที่ถูกพันเอาไว้ขึ้นมาตรงหน้า แม้แผลจะถูกปกปิดด้วยผ้าผืนบางหากแต่นาราก็จำรูปร่างหน้าตาของมันได้เป็นอย่างดี

 

จะลืมได้ยังไง ในเมื่อแผลนี้นาราเป็นคนทำให้มันเกิดขึ้น

 

จะลืมได้ยังไง ในเมื่อมันเป็นชื่อของคนที่เขารักจนหมดหัวใจ

 

“ถ้าความทรงจำมันควบคุมได้ ฉันก็อยากจะสั่งให้ลืมเรื่องเมื่อก่อนให้หมด...” คนแก้มกลมพูดขึ้นทำลายความเงียบ มือบางเลื่อนไปกอบกุมแก้มขาวของคนที่เขานอนตักแผ่วเบาพร้อมกับส่งยิ้มอ่อนโยนไปให้

“ลืมเรื่องเลวร้ายที่ฉันเคยทำ ลืมตัวตนที่ฉันเคยเป็น ลืมคนที่ฉันเคยเกลียด ลืมว่าฉันเคยทำร้ายใครไปมากมายแค่ไหน ลืมว่าใครเคยเสียน้ำตาเพราะความโง่งมของฉันบ้าง...”

“หนูนา...” กีรติพึมพำเสียงแหบแห้งเมื่อเห็นดวงตาคู่สวยเอ่อคลอไปด้วยน้ำตาก่อนจะไหลลงกระทบกับกางเกงของเขา นาราลูบไล้แก้มนุ่มของกีรติไปมาเบาๆก่อนจะส่งยิ้มที่ตัวเองคิดว่าสดใสที่สุดไปให้

 

แต่นาราจะรู้รึเปล่า การยิ้มทั้งๆที่ดวงตาเรากำลังร้องไห้มันไม่เคยสดใสเลยซักนิด

 

“ฉันอยากจะลืมเรื่องทุกอย่าง ลืมมันไปให้หมด”

 

อย่าร้องไห้ คนบนตักของกีรติตอนนี้ไม่ควรร้องไห้ นาราไม่เหมาะกับน้ำตา

 

“...ฉันอยากลืมเหลือเกินว่าฉันเคยรักเขา...”

 

นาราปล่อยน้ำตามากมายให้ไหลลงผ่านห่างตาจนเปียกกางเกงของกีรติเป็นวงใหญ่ คุณหมอตัวขาวยกมือขึ้นมากอบกุมมือเล็กที่อยู่ข้างแก้มของตัวเองและบีบเบาๆเพื่อให้กำลังใจ

 

นาราจะต้องผ่านมันไปให้ได้ เหมือนกับที่เขาเคยผ่านมันมาแล้ว

 

“ฮึก.”

“อย่าร้องไห้เลยนะหนูนา” กีรติพูดพร้อมกับดึงมือเล็กมาจูบเบาๆ นาราสะอื้นฮักบนตักของคุณหมอตัวขาวโดยไม่สนคนรอบข้าง ความเจ็บปวดอัดอั้นที่สะสมมาหลายปีถูกระบายผ่านหยดน้ำตาหยดแล้วหยดเล่าท่ามกลางผืนฟ้าที่นารานอนหงายประจันหน้าอยู่

“ขอโทษนะกีย์ ฉันขอโทษ อย่าเกลียดฉันนะ ฮึก อย่าเกลียดฉัน” นาราพูดพร้อมกับสะอื้น กีรติยิ้มบางๆให้กับภาพตรงหน้าก่อนจะเลื่อนมือไปเช็ดน้ำตาให้คนตัวเล็ก

“ฉันลืมมันไปหมดแล้วหนูนาก็รู้ ขี้แยจังเลย เดี๋ยวจะฟ้องริคนะ”

“ฮึก ฉันรักกีย์นะ ฮือ ฉันรักนาย” นาราร้องไห้โฮออกมา กีรติหัวเราะออกมา นาราในตอนนี้เหมือนเด็กน้อยที่นอนร้องไห้กอดแขนคุณแม่เพราะกลัวว่าคุณแม่จะหายไป กีรติลูบหัวเล็กเบาๆก่อนจะกระซิบถ้อยคำบอกรักซ้ำๆให้นารามั่นใจ

กีรติเองก็รักนารา สัญญาว่าจะไม่ทิ้งนาราไปไหน

“หยุดร้องไห้ได้แล้ว กางเกงฉันเปียกหมดแล้วเนี่ย เด็กขี้แย” คุณหมอตัวบางพูดพร้อมกับลูบหัวเล็กเบาๆ นารายกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาป้อยๆก่อนจะซุกใบหน้าลงกับตักของกีรติแล้วหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อนโดยมีกีรติคอยลูบกลุ่มผมนุ่มนิ่มและทอดมองนาราด้วยสายตาอ่อนโยน ไม่นานนาราก็นอนหลับไปด้วยความเหนื่อยล้าโดยมีกีรติเป็นหมอนจนเวลาล่วงเลยเข้าสู่ช่วงสายกีรติก็ปลุกนาราให้ตื่นจากนิทราเพื่อที่จะพาคนตัวเล็กกลับบ้านเพราะแดดเริ่มแรงเกรงว่านาราจะเป็นลมเป็นแล้งไปเสียก่อน

“หนูนาเดินไปรอที่รถก่อนเลยก็ได้ เดี๋ยวฉันขอเก็บของก่อนแล้วจะตามไป” คุณหมอตัวบางสั่งคนตัวเล็กพร้อมกับดันหลังนาราที่ยืนทำหน้างัวเงียอยู่ให้ออกเดิน ร่างเล็กพยักหน้าเนือยๆก่อนจะหันหลังและเดินออกมา เป้าหมายคือรถยนต์ของกีรติที่จอดอยู่ริมฟุตบาตรข้างๆสนามเด็กเล่น นาราก้าวเดินไปตามทางเดินพร้อมกับขยี้หูขยี้ตาไปด้วยเหมือนเด็กเล็กๆเรียกรอยยิ้มจากคนรอบข้างได้เป็นอย่างดี

ไม่นานคนแก้มกลมก็พาตัวเองมาหยุดยืนอยู่ที่ข้างรถของกีรติได้ในที่สุด ร่างบางเอนตัวไปพิงกับประตูรถก่อนจะหลับตาเพราะความปวดที่ค่อยๆเกิดขึ้น สาเหตุก็คงมาจากการที่นาราร้องไห้ก่อนหน้านี้นั่นแหละ พอคิดถึงตรงหน้านาราก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง

“อีกแล้วนะนารา...งี่เง่าอีกแล้ว” นาราบ่นพึมพำ ดูเหมือนว่าตลอดระยะเวลาห้าปีที่ผ่านมานั้นมันทำได้แค่เพียงเยียวยาบาดแผลตามร่างกายให้จางลงเท่านั้น หากแต่บาดแผลในจิตใจของนารามันกลับไม่ทุเลาลงเลยแม้แต่น้อย

นาราก็คือนารา ตัวตนที่แท้จริงของเขาคือนาราผู้ที่เคยทำลายชีวิตใครมากมายเพียงเพราะความต้องการของตัวเอง นาราหนีความรู้สึกผิดในใจไม่ได้ เขาทิ้งอดีตอันเลวร้ายของตัวเองไม่ได้

นาราทำไม่ได้

และในขณะที่คนตัวเล็กกำลังจมอยู่กับอดีต ร่างบางของกีรติก็ก้าวฉับๆเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว ใบหน้าอ่อนเยาว์ฉายแววเป็นกังวลและสับสนอย่างเห็นได้ชัด คุณหมอตัวขาวเดินเข้ามาประชิดตัวนาราอย่างรวดเร็วก่อนจะรีบดันร่างเล็กให้ก้าวขึ้นไปบนรถด้วยความร้อนรน

“หนูนา! ขึ้นรถ!” กีรติตะโกนบอกเสียงดุดัน นาราสะดุ้งกับเสียงตะคอกของร่างสูงตรงหน้าก่อนจะขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ

“อะ อะไร รีบไปไหนเนี่ย แล้วนี่ไปโกรธใครมา” นาราไม่ยอมทำตามที่กีรติบอกหนำซ้ำยังเอ่ยถามชายหนุ่มกลับมา กีรติเม้มปากแน่นก่อนจะมองไปด้านหลังจนสายตากลมปะทะเข้ากับร่างสูงของใครคนหนึ่งที่กำลังวิ่งตรงมายังทิศทางของพวกเขา คุณหมอตัวข่าวหน้าซีดทันทีก่อนจะรีบหันกลับไปดันร่างเล็กของนาราให้ขึ้นรถแต่ทว่าดูเหมือนทุกอย่างจะสายเกินไป

“หนูนา ขึ้นรถ! เร็ว!”

“อ่ะ อะไรกัน เป็นอะไร”

“บอกให้รีบขึ้นรถไปไงเล่า อย่าเพิ่งถามตอนนี้ได้มั้ย โธ่!” กีรติพูดพร้อมกับออกแรงดันร่างของนาราสุดแรง แต่แล้วคุณหมอตัวขาวก็ต้องอุทานเสียงหลงเมื่อร่างบอบบางของเขาถูกใครคนหนึ่งกระชากให้หันกลับไปด้านหลังพร้อมกับที่ชายปริศนาคนนั้นถลาเข้ามาสวมกอดกีรติเอาไว้แน่น

“กีย์ นายจริงๆใช่มั้ย ให้ตายสิ! นายทิ้งพี่ นายทิ้งพี่ไปได้ยังไงกีรติ!”

เสียงทุ้มดังกึกก้องขึ้นข้างใบหูเล็กของคุณหมอตัวขาวพร้อมกับอ้อมกอดที่รัดแน่นเสียจนกีรติอึดอัด

“นาย... บ้าเอ๊ย รู้มั้ยว่าพี่คิดถึงนายมากแค่ไหน รู้มั้ยว่านายทำให้พี่รู้สึกเหมือนกำลังจะตาย นายทำมันลงไปได้ยังไงกีรติ ทั้งๆที่พี่รักนายมากขนาดนั้น นายทิ้งพี่ลงได้ยังไง” ชายหนุ่มตรงหน้ายังคงพูดออกมาไม่หยุด กีรติรู้สึกหูอื้อตาลายไปหมด ในใจได้แต่ภาวนาขอให้นาราไม่ได้ยืนอยู่ด้านหลังและกำลังมองภาพนี้อยู่

 

แต่ก็นั่นแหละ...โลกน่ะมันแคบกว่าที่คิด

 

“คุณ...”

เสียงแหบแห้งของนาราดังขึ้นด้านหลังเรียกความสนใจของคนที่กำลังกอดร่างบางของกีรติได้เป็นอย่างดี ชายหนุ่มในชุดออกกำลังกายเงยหน้าขึ้นมองร่างเล็กที่ยืนตัวสั่นพิงประตูรถอยู่ก่อนจะชะงักไป ดวงตาสองคู่สอดประสานกันเนิ่นนาน ความเงียบโรยตัวเข้าปกคลุมไปทั่วบริเวณพร้อมกับบรรยากาศอึดอัดที่พุ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว กีรติขืนตัวจากอ้อมกอดของคนตรงหน้าก่อนจะหันกลับไปมองนาราที่ยืนตัวสั่นอยู่ไม่ไกล คุณหมอตัวขาวกำลังจะถลาเข้าไปหานาราเมื่อเห็นสภาพของคนตัวเล็กแต่ทว่าแขนขาวกลับถูกมือแกร่งของใครอีกคนรั้งเอาไว้แน่น กีรติเงยหน้าขึ้นไปมองผู้มาใหม่ก่อนจะตัวชาวาบเมื่อเห็นสายตาของชายหนุ่ม

!!!

“ทำไม...” ร่างสูงโปร่งขยับริมฝีปากขึ้นอย่างยากลำบาก ภาพเหตุการณ์ในอดีตไหลทะลักกลับเข้ามาในความทรงจำพร้อมๆกับความรู้สึกผิดและโกรธเกลียดผุดขึ้นมาในใจ

“อึ่ก....” นารายกมือขึ้นมาจิกแขนข้างซ้ายของตัวเองแน่น ริมฝีปากบางขบเม้มเข้าหากันอย่างแรงพลางหอบหายใจถี่รัว สองขาที่สั่นระริกพยายามพยุงร่างกายให้ทรงตัว หัวใจที่เคยตายด้านกลับมาเต้นระรัวอย่างรุนแรงจนเจ็บไปทั่วทั้งหน้าอก อดีตที่ชายหนุ่มพยายามหลีกหนีและลบเลือนกลับฉายชัดขึ้นมาอีกครั้ง ความกดดันเกิดขึ้นอย่างหนักหน่วงจนกระบอกตาของนาราร้อนผ่าว

 

เขากำลังจะร้องไห้

 

ทำไมกัน ทั้งๆที่หนีมาไกลถึงที่นี่แท้ๆ

 

ทั้งๆที่คิดเอาไว้ว่าชีวิตนี้จะไม่ขอเจออีกแล้วแท้ๆแต่ก็ยังเจอจนได้

 

นาราจะต้องหนีไปที่ไหนถึงจะหนีพ้น นรก หรือ สวรรค์ ?

 

“ทำไมนายถึง...” ชายหนุ่มตรงหน้านาราถามเสียงเย็นพลางตวัดร่างของกีรติเข้าไปในอ้อมกอดอย่างหวงแหน ในใจเกิดคำถามขึ้นมากมาย

 

ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงยังยืนอยู่ตรงนี้ ยืนอยู่กับอดีตคนรักของเขา

 

“คุณ...”

“ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่”

“ฮึก”

“ทำไมนายถึงยังยืนอยู่ตรงนี้ นารา” น้ำเสียงเย็นยะเยือกที่ถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากคู่สวยทำให้นารารู้สึกเหมือนกำลังตกลงไปในหุบเหวลึก ร่างเล็กทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างหมดแรงด้วยน้ำตานองหน้า นารากอดร่างกายที่กำลังสั่นเทิ้มของตัวเองเอาไว้แน่นก่อนจะค่อยๆเค้นเสียงพูดออกมาอย่างยากลำบาก

 

“คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ... คลาร์ก”

 

กีรติคิดไม่ผิดเลยจริงๆ ... ดูเหมือนทุกอย่างจะสายเกินไป

 

 

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด