{ ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } SPECIAL CHAPTER - 10.05.2016
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: { ::::: ร้ายเกินกว่ารัก ::::: } SPECIAL CHAPTER - 10.05.2016  (อ่าน 46385 ครั้ง)

ออฟไลน์ March. Marcia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +166/-5
ตอนที่ 8


เสียงท่วงทำนองของบทเพลงรักที่แสนไพเราะดังแผ่วเบาออกมาจากเปียโนตัวสวยสีดำขลับขับให้บรรยากาศยามเช้าในคฤหาสน์หลังงามอบอวลไปด้วยความอบอุ่น ร่างเล็กกะทัดรัดของเด็กชายตัวน้อยแก้มกลมสวมใส่เสื้อผ้ามีราคากำลังนั่งบรรเลงบทเพลงที่ร่ำเรียนมาจากคุณครูอย่างตั้งอกตั้งใจ ข้อนิ้วเล็กกรีดกรายไปตามแป้นเปียโนอย่างชำนิชำนาญเรียกรอยยิ้มภาคภูมิใจให้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาของผู้เป็นบิดาได้เป็นอย่างดี คุณพิสิทธิ์ในวัยสามสิบกว่าปียืนมองทายาทตัวน้อยขับขานบรรเลงเครื่องดนตรีขนาดใหญ่อยู่ห่างๆโดยมีเด็กชายคนหนึ่งยืนขนาบข้างด้วยท่าทีสงบเสงี่ยม ก่อนที่เสียงปรบมือจะดังขึ้นเมื่อบุตรชายเล่นเปียโนจนจบเพลงและหันมาส่งยิ้มสดใสให้แก่ผู้เป็นบิดา

“จบแย้ว~ เพราะมั้ยฮะพ่อ” เด็กตัวน้อยเอ่ยถามชายหนุ่มก่อนจะกระโดดลงจากเก้าอี้และวิ่งดุ๊กดิ๊กเข้าสู่อ้อมกอดของผู้เป็นพ่อพลางหัวเราะคิกคักโชว์ฟันกระต่ายคู่สวย

“เพราะที่สุดในโลกเลย หนูนาของพ่อเก่งมากกกกก มาให้พ่อหอมที” ผู้เป็นบิดาพูดพร้อมกับอุ้มลูกชายขึ้นมาแนบอกก่อนจะกดจมูกลงบนแก้มใสหลายทีจนเจ้าตัวหัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ

“คิกคิก นาจั๊กกะจี้น้าา คิกคิก” สองพ่อลูกหยอกล้อกันอย่างสนุกสนานโดยมีอีริค เด็กกำพร้าที่พิสิทธิ์รับอุปการะยืนอมยิ้มมองพวกเขาอยู่ไม่ไกล ชายหนุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรงกอดลูกชายเอาไว้แนบอกก่อนจะเรียกให้เด็กตัวสูงผิวคล้ำกว่าเข้าไปหาและตวัดร่างของอีริคให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดเช่นเดียวกับนารา

“โตขึ้นเราสองคนต้องรักกันให้มากๆนะ ริค ... เป็นพี่ต้องดูแลน้องนะเข้าใจไหม”

“ครับท่าน” เด็กชายอีริครับคำอย่างหนักแน่นพลางมองคุณหนูนาราตัวจิ๋วที่กำลังจ้องหน้าเขาตาแป๋ว คนโตกว่าส่งยิ้มไปให้เด็กน้อยแก้มกลมบางๆ นาราเห็นแบบนั้นก็ส่งยิ้มกลับมาอย่างน่ารักเรียกเสียงหัวเราะจากผู้ใหญ่ได้เป็นอย่างดี พิสิทธิ์หยอกล้อเด็กน้อยสองคนในอ้อมกอดด้วยความสนุกสนานจนเกิดเสียงหัวเราะชอบใจดังขึ้นทั่วบริเวณกว้าง

“คุณคะ คุณคลีนกับคุณซาร่ามาหาแน่ะ” เสียงหวานของนรีรัตน์ผู้เป็นภรรยาดังขึ้นขัดจังหวะของร่างสูงพร้อมกับพาร่างอันบอบบางเดินเข้ามาจับมือนาราเอาไว้ เด็กน้อยมองผู้เป็นมารดาพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างแล้วร้องเสียงเจื้อยแจ้ว

“คุณแม่~ หนูนาอยากกินขนม~” หนูน้อยอ้อนขอผู้เป็นมารดา นรีรัตน์ฉีกยิ้มกว้างก่อนจะเอื้อมมืออีกข้างไปเขี่ยแก้มนิ่มของลูกชายพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงไพเราะ

“ไปรับแขกกับแม่ก่อนนะถึงจะได้กินขนม” หญิงสาวพูดพร้อมกับจูงมือเด็กตัวน้อยเดินตามสามีไปยังห้องรับแขก ก่อนไปนรีรัตน์หันมาหาอีริคที่ยืนมองเธออยู่ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

“ริคไม่ต้องตามไปดูน้องหรอกจ้ะ เดี๋ยวแม่ดูน้องเอง ไปเล่นกับเพื่อนเถอะ”

“ฮะ ถ้านายหญิงมีอะไรก็เรียกผมได้ตลอดเลยนะฮะ” เด็กชายอีริคพูดเสียงใสเรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากหญิงสาวตรงหน้า

“เด็กคนนี้นะ บอกให้เรียกแม่ เอาเถอะ ไปเล่นเถอะ” นรีรัตน์พูดยิ้มๆก่อนจะจูงมือนาราออกไปโดยมีดวงตากลมสุกใสของอีริคมองตามจนลับหลังไป

 

 

ถ้าอีริครู้ว่าวันนั้นจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของนารา เขาสาบานเลยว่าเขาจะเดินไปดึงเด็กตัวเล็กแก้มกลมให้ไปเล่นกับเขาดีกว่าให้คุณหนูของตระกูลนฤทัยต้องออกไปเจอแขกของคุณพิสิทธิ์...

 

 

“นารา นี่พี่คลาร์กนะ ลูกชายของลุงคลีน หนูจำลุงคลีนกับป้าซาร่าได้มั้ยลูก” นรีรัตน์พูดกับลูกชายที่นั่งอยู่นตักของตัวเองพร้อมกับพยักเพยิดไปยังเด็กผู้ชายตัวสูงใบหน้าคมเข้ม นารามองตามสายตาของคุณแม่พร้อมกับส่งยิ้มแฉ่งให้กับคลีนที่มองอยู่ก่อนแล้ว

“จำได้ฮะ ลุงคีนใจดี ให้ลูกอมหนูนาด้วย~~” เด็กน้อยพูดเสียงสดใสเรียกรอยยิ้มให้ปรากฏขึ้นทั่วบริเวณ สองครอบครัวพูดคุยทักทายถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกัน หัวข้อสนทนาส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เกี่ยวกับคลาร์กและนารา จนเวลาผ่านไปซักพักเด็กตัวน้อยก็ปีนลงจากตักของคุณแม่และเดินไปหาพี่คลาร์กที่นั่งเงียบมองน้องอยู่นานแล้ว

“สวัสดีพี่คลาร์ก เราชื่อหนูนานะ” เด็กน้อยทักทายพร้อมกับฉีกยิ้มให้พี่ชายตัวโตกว่า คลาร์กเลิกคิ้วพร้อมกับทวนชื่อของน้องตัวเล็กด้วยความงุนงง

“หนูนา...?”

“น้องชื่อนาราจ้ะคลาร์ก” นรีรัตน์ขยายความ คลาร์กเผยยิ้มก่อนจะหันกลับมามองเด็กแก้มกลมอีกครั้งพร้อมกับดึงตัวนาราให้มานั่งบนตัก

“กินยูกอมมะ เค้าเพิ่งซื้อมา” น้องตัวเล็กเอี้ยวตัวไปถามคลาร์กพร้อมกับชี้มือป้อมๆไปยังถ้วยมาชเมลโล่ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ คลาร์กส่ายหน้าไปมาพร้อมกับอมยิ้มแล้วตอบน้องเสียงนุ่ม

“พี่โตแล้ว หนูนากินเถอะ” เด็กชายคลาร์กพูดพร้อมกับมองเด็กแก้มป่องที่กำลังยัดมาชเมลโล่เข้าปากจนเต็มแก้ม คลาร์กอมยิ้มกับตัวเองก่อนจะเอื้อมมือไปเขี่ยแก้มนุ่มนิ่มสีชมพูระเรื่อของนาราก่อนจะเอียงคอมองใบหน้าน่ารักของเด็กน้อยตรงหน้า

“น่ารักจัง...” พี่ชายตัวสูงเอ่ยปากชม น้องตัวเล็กหันมาทำตาโตแก้มป่องใส่พี่ชายที่เพิ่งรู้จักก่อนจะเคี้ยวขนมในปากจนเกิดเสียง คลาร์กฉีกยิ้มจนเต็มแก้มก่อนจะโฉบใบหน้าเข้าไปกดจมูกลงกับแก้มใสแล้วก็หันไปหาผู้ใหญ่ที่กำลังคุยกันพร้อมกับพูดเสียงดังฟังชัด

“อาพิสิทธิ์ครับ ผมขอน้องได้มั้ย?”

“หืม ทำไมว่างั้นล่ะคลาร์ก ไปขอลูกเค้าโต้งๆได้ไงไอ้ลูกคนนี้” คลีนแซวยิ้มๆ

“นะครับ โตขึ้นผมขอน้องนะ สัญญานะฮะว่าจะให้นารากับผม”

“ว๊ะไอ้ลูกคนนี้ น้องเป็นผู้ชายนะคลาร์ก”

“ไม่รู้ล่ะ โตขึ้นมาจะมาเอาน้อง ผมขอแล้ว แล้วผมก็ไม่ให้ใครด้วย...หนูนารอพี่นะ!” ท้ายประโยคเด็กชายหันมาพูดกับน้องตัวเล็กบนตัก นารากะพริบตาปริบๆ สมองก็ประมวลผลคำพูดของพี่ชายหน้าตาน่ารักตรงหน้า พอเรียบเรียงได้เจ้าตัวเล็กก็ฉีกยิ้มจนแก้มป่อง

“ฮับ เค้าจะลอน้า”

 

เพียงประโยคเดียวที่เปล่งออกมาจากความไร้เดียงสา ก่อเกิดเป็นคำสัญญาที่มีเพียงเด็กชายตัวน้อยเท่านั้นที่ยึดมั่น

 

สัญญาที่ว่าเขาจะเป็นของพี่ชายคนนี้เพียงแค่คนเดียว...

 

 

 

 

 

“คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ... คลาร์ก” นาราพูดพร้อมกับหอบหายใจ ร่างบอบบางสั่นไหวอย่างรุนแรงจนเห็นได้ชัด น้ำตาเม็ดใสไหลรินลงตกกระทบกับพื้นถนนและซึมลงอย่างรวดเร็วจนแทบไม่เห็นร่องรอย กีรติมองอาการของคนตรงหน้าด้วยหัวใจที่กระตุกอย่างรุนแรง คุณหมอตัวบางพยายามขืนตัวออกจากอ้อมแขนแข็งแรงของคลาร์กแต่ก็ไร้ผล

“ปล่อยผมพี่คลาร์ก หนูนากำลังแย่นะ!!!” กีรติร้องประท้วงพร้อมกับออกแรงดิ้น เสียงตะโกนของอดีตคนรักดึงให้สติของชายหนุ่มกลับคืนมาในที่สุด คลาร์กสะดุ้งพร้อมกับผ่อนแรงรัดกีรติลงจนคุณหมอตัวบางหลุดจากพันธนาการและถลาเข้าไปหานาราที่กำลังนั่งกองอยู่กับพื้น

“หนูนา เฮ้! มองหน้าฉัน” กีรติจับไหล่เล็กแน่นก่อนจะเขย่าตัวนาราเบาๆแต่คนตรงหน้ากลับเอาแต่กอดตัวเองและจ้องมองพื้นถนนอยู่อย่างนั้น กีรติร้องเรียกชื่อของเพื่อนตัวเล็กซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่ดูเหมือนว่านาราจะไม่รับรู้

ให้ตายสิ อย่านะนารา

“หนูนา ทำใจดีๆเอาไว้นะ...พี่คลาร์กกลับไปก่อนเถอะ ผมขอร้อง” กีรติพูดกับนาราพร้อมกับดึงร่างเล็กเข้ามากอดแนบอก ท้ายประโยคหันไปบอกกับอดีตคนรักที่ยืนทำหน้าไม่เข้าใจอยู่ตรงหน้า คลาร์กเลิกคิ้วสูงด้วยความงุนงงกับคำพูดของกีรติ สมองพยายามปะติดปะต่อเรื่องราวแต่ก็ไร้ผล เวลานี้คำถามมากมายมันวนเวียนอยู่ในหัวของคลาร์กเต็มไปหมด

อย่างแรกคือทำไมกีรติกับนาราถึงได้...

“พี่คลาร์กได้โปรดเถอะ ผมบอกให้กลับไปซะ!” กีรติตะโกนออกมาอย่างดุดันเมื่อหูได้ยินเสียงสะอื้นของนาราแว่วเข้ามา คลาร์กสะดุ้งสุดตัวกับแววตาน่ากลัวของกีรติและน้ำเสียงที่เขาไม่เคยได้ยิน แต่ชายหนุ่มก็ไม่ใช่คนที่จะยอมทำตามใครง่ายๆ เรื่องอะไรที่เขาจะต้องกลับ คลาร์กมั่นใจว่าถ้าเขากลับไปตอนนี้เขาจะไม่ได้เจอกีรติอีกเป็นครั้งที่สอง

“พี่ไม่กลับ นี่มันเรื่องอะไรกัน นายทิ้งพี่ไปเจ็ดปี เจ็ดปีก่อนนายหนีพี่ไปเพราะคนในอ้อมกอดนายไม่ใช่เหรอ ทำไมวันนี้นายถึงได้ปกป้องเขา มันเกิดอะไรขึ้นกีรติ นายเป็นบ้าไปแล้วหรือไง!!!!”

“พี่นั่นแหละเลิกบ้าซักที!” กีรติตวาดกลับไป บทสนทนาเริ่มรุนแรงขึ้นทีละน้อยจนคนในบริเวณใกล้เคียงหันมามองด้วยความสนใจ

“ให้มันจบไปได้แล้ว เรื่องงี่เง่าในอดีตน่ะ พี่ควรจะลืมมันได้แล้ว ลืมผม ลืมสิ่งที่เคยเกิดขึ้น ต่างคนต่างอยู่มันก็ดีอยู่แล้ว” กีรติพูดต่อ คลาร์กได้ฟังก็นิ่งอึ้งไปพักใหญ่ก่อนจะแค่นหัวเราะออกมาเบาๆ

“ลืมนายงั้นเหรอ ลืมสิ่งที่เคยเกิดขึ้นงั้นเหรอกีรติ นายพูดเหมือนมันง่าย นายไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเมื่อห้าปีก่อนมันเกิดอะไรขึ้น!” คลาร์กตวาดกร้าวสุดเสียงพร้อมกับตวัดสายตาไปมองร่างบอบบางที่กำลังขดตัวเข้าหากีรติด้วยความหวาดกลัว กีรติได้ยินก็เถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้จนคลาร์กต้องเงียบไป

“พี่เองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหลังจากนั้นหนูนาเป็นยังไง!”

“...”

“เรื่องรณกรอะไรนั่นหนูนาผิด ใช่เขาผิด และเขาก็ได้รับผลนั้นแล้ว! เพราะงั้นผมขอร้องล่ะ หันหลังกลับไปซะแล้วไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกับพวกเราอีก”

“นายพูดง่ายเหลือเกินนะกีรติ กับชีวิตคนคนหนึ่งที่เสียไปนายพูดมันออกมาง่ายเหลือเกิน แล้วพี่ล่ะ ความเจ็บปวดที่พี่ได้รับล่ะ มีใครมองเห็นมันบ้างมั้ย ความยุติธรรมของรณกรล่ะ เขาไม่สมควรตายด้วยซ้ำ คนที่สมควรตายคือหนูนาของนายมากกว่ากีรติ!” คลาร์กตะโกนเสียงดังพร้อมกับตวัดสายตาไปมองคนตัวเล็ก นาราหลุดสะอื้อออกมาทันทีที่ได้ยินคำด่าทอเหล่านั้น

“ฮึก”

“คนที่สมควรตายคือหนูนาของนาย นาราคนนั้น! คนที่นายกำลังกางปีกปกป้อง! คนที่ต่อให้หนีไปอีกกี่ร้อยครั้งมันก็ลบล้างความชั่วในตัวไม่ได้!! คนที่ควรตายคือเขาไม่ใช่รณกร!!!!!!” คลาร์กพูดเสียงดังก่อนจะหอบหายใจ บัดนี้ดวงตากลมของชายหนุ่มแดงก่ำและคลอไปด้วยหยาดน้ำตา

ทำไมทุกคนถึงต้องปกป้องนารากันไปหมด แล้วเขาล่ะ คลาร์กคนนี้ไม่มีค่า เจ็บปวดไม่เป็นเลยหรืออย่างไร

ไม่มีใครเห็นใจคลาร์กเลยอย่างนั้นหรือ

“นายรู้มั้ยว่าครั้งแรกที่พี่รู้ว่านายโดนย่ำยีพี่รู้สึกยังไง พี่ปกป้องนายไม่ได้ด้วยซ้ำกีรติ พี่ทำได้แค่นั่งร้องไห้ตอนนายทิ้งไป ได้แต่ถามตัวเองว่าพี่ผิดอะไรพระเจ้าถึงทำร้ายกันแบบนี้” คลาร์กพรั่งพรูความรู้สึกที่เก็บมานานออกมาพร้อมกับหยาดน้ำตา

เขามันก็แค่คนโง่คนหนึ่ง โง่ที่ปกป้องคนที่ตัวเองรักเอาไว้ไม่ได้ โง่ที่รักษาหัวใจตัวเองเอาไว้ไม่ได้

“...”

“พอมีกร พี่ก็ต้องเสียเขาไปอีกเพราะความเห็นแก่ได้ของผู้ชายคนนี้ไง! หนูนาของนายไม่มีคำว่ารู้จักพอ นายลืมไปแล้วเหรอว่าผู้ชายคนนั้นทำลายชีวิตเรา! นายลืมมันไปแล้วรึยัง!!!” ชายหนุ่ยกมือขึ้นชี้หน้านาราพร้อมกับพูดขึ้นอย่างดุดันจนคนถูกว่าหมดความอดทน นาราปล่อยโฮกอดร่างของกีรติเอาไว้แน่นและอ้อนขอเสียงสั่น

“ฮือออ กีย์...กลับบ้าน ฉันอยากกลับบ้าน ฮืออออ กลับบ้านกันนะ ฮืออ”

“นายจะกลับก็กลับไปคนเดียวเลยนารา ส่วนนายกีรติ พี่จะไม่ปล่อยนายจนกว่าพี่จะรู้ว่ามันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น” คลาร์กพูดเสียงห้วนหลังจากที่ยกแขนขึ้นมาปาดน้ำตาออกไป กีรติตวัดสายตาไปมองอดีตคนรักพร้อมกับขมวดคิ้วมุ่น ปากบางเอ่ยตำหนิชายหนุ่มตรงหน้าออกไปพร้อมกับกอดคนตัวเล็กที่ตัวสั่นอยู่ข้างกายให้แน่นขึ้นกว่าเดิม

“พอเถอะ พี่เห็นสภาพเขาบ้างรึเปล่า หันมามองสภาพของคนที่ยังมีชีวิตอยู่บ้างรึเปล่าว่าเขาย่ำแย่แค่ไหน เรื่องในอดีตมันยังสอนพี่ไม่พออีกหรือไง เมื่อไหร่จะคิดได้ซักทีว่ายิ่งพี่พูดจาบั่นทอนจิตใจหนูนาสถานการณ์มันก็จะมีแต่แย่ลง”

“แล้วนายคิดว่าพี่ไม่แย่เหรอกีย์ นายคิดว่าพี่ไม่เจ็บไม่ทรมานเลยหรือไง” คลาร์กสวน กีรติส่ายหน้าอย่างหมดหนทางก่อนจะพูดเสียงแผ่วเบา

“สิ่งเดียวที่ทำให้พี่ยังทุกข์ทรมานอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะพี่ไม่รู้จักคำว่าปล่อยวาง คนตายฟื้นขึ้นมาไม่ได้หรอกนะครับ เรากลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้”

“...” จบประโยคของกีรติความเงียบก็คืบคลานเข้าปกคลุมทั่วทั้งบริเวณ กีรติกับคลาร์กจ้องตากันโดยไม่ละจากไปไหนโดยมีเสียงร้องไห้ของนาราดังเป็นระยะๆ ไม่นานคนตัวบางก็ผละใบหน้าออกจากอกของคุณหมอตัวขาวก่อนจะเรียกชื่อคลาร์กด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง

“คลาร์ก...”

“...”

“ผมขอโทษ ฮึก หนูนาขอโทษ”

“...”

“ขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ ยกโทษให้ได้มั้ย ฮึก ไม่ต้องรักกันก็ได้ แต่อย่าพูดจาทำร้ายผมอีกเลย ขอร้อง ฮึก ผมขอร้อง ... หนูนาขอร้อง ฮือ”

“ขึ้นรถเถอะหนูนา คนมองใหญ่แล้ว กลับบ้านกัน” กีรติพูดปลอบพร้อมกับลูบแขนเล็กไปมา นาราเงยหน้าขึ้นสบตากับคลาร์กพลางเม้มปากแน่นจนเป็นเส้นตรง กีรติหันไปหาคลาร์กบ้างพร้อมกับแสดงท่าทีอึดอัดออกมาด้วยการถอนหายใจอย่างหนักหน่วง

“ให้มันจบไปเถอะครับพี่คลาร์ก ถ้าไม่คิดจะเริ่มต้นใหม่กับพวกผมพี่ก็หันหลังกลับไปซะ หันกลับไปจมอยู่กับอดีต จมอยู่กับความผิดพลาดของพวกเราเถอะถ้าพี่คิดว่าตัวเองมีความสุข ส่วนพวกผมก็จะใช้ชีวิตต่อไปและจำเหตุการณ์เหล่านั้นเอาไว้เป็นบทเรียน เราทุกคนเจ็บปวดกับมันมามากเกินพอแล้ว”

“...”

“ไม่ว่าจะยังไง รู้เอาไว้นะว่าทั้งตัวผมและคุณกรไม่มีความสุขหรอกที่พี่ยังยึดติดแบบนี้ อะไรที่มันหนักน่ะก็ทิ้งมันไปและก้าวเดินไปข้างหน้าซะ” กีรติร่ายยาวเพื่อเตือนสติอดีตคนรักก่อนจะค่อยๆพยุงร่างบอบบางราวกับแก้วขึ้นมาช้าๆ

“กลับบ้านเรากันเถอะ ป่านนี้ริคคงบ่นเป็นหมีกินผึ้งไปแล้วล่ะมั้ง” กีรติพูดข้างใบหูเล็ก นาราพยักหน้าเบาๆก่อนจะค่อยๆเคลื่อนตัวจะขึ้นรถ แต่ยังไม่ทันที่คนทั้งคู่จะได้ขยับไปไหน ร่างของนาราก็ลอยหวือไปปะทะอกแกร่งของคลาร์กอย่างรวดเร็วจนทั้งกีรติและคนแก้มกลมตกใจ

“ขอพี่คุยกับหนูนาตามลำพังหน่อย” คลาร์กพูดขึ้นเสียงราบเรียบพร้อมกับวาดมืออีกข้างไปแตะลงที่เอวบางของนารา คนถูกกอดกลายๆสะดุ้งโหยงเม้มปากแน่นพลางเงยหน้าขึ้นไปมองคลาร์กด้วยความไม่เข้าใจ คนถูกมองก้มหน้าลงมามองร่างเล็กในอ้อมกอดด้วยสายตาราบเรียบเพียงชั่วครู่ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปสบตากลมโตของคุณหมอตัวบาง

“พี่มีเรื่องจะคุยกับคนของนาย ขอตัวแปปนึงนะ” คลาร์กพูดขึ้นเร็วๆก่อนจะออกแรงดึงร่างของนาราให้เดินตามไปทันทีโดยไม่ฟังเสียงประท้วงของกีรติเลยซักนิด คุณหมอตัวขาวเตรียมตัวก้าวเดินตามนาราไปแต่ร่างเล็กก็หันมาส่งสายตาบอกกีรติว่าไม่เป็นไรก่อนจะสาวเท้าตามแรงลากของคลาร์กไปอย่างรวดเร็ว

“หนูนา...” กีรติได้แต่พึมพำตามหลังคนตัวเล็กไปด้วยความเป็นห่วง

 

ได้แต่ภาวนาขอให้คลาร์กอย่าพูดอะไรให้นาราเสียใจจนปิดกั้นตัวเองอีกครั้งเลย

 

ได้โปรด อย่าให้นาราต้องเดินกลับเข้าไปในสถานที่แห่งนั้นอีกเลย

 

 

 

 

 

“คลาร์ก คุณจะพาผมไปไหน...” นาราถามขึ้นขณะที่กำลังก้าวเดินอย่างรวดเร็วไปตามแรงลากของคนตรงหน้า คนถูกถามไม่ตอบแต่กลับเร่งความเร็วของฝีเท้าให้มากขึ้นจนคนตัวเล็กเริ่มหอบเพราะเดินตามไม่ทัน ดวงตากลมของนาราจ้องมองไปยังข้อมือของตนเองที่ถูกเกาะเกี่ยวเอาไว้แล้วเลื่อนขึ้นไปมองแผ่นหลังกว้างที่ไม่ได้เห็นมากว่าห้าปีอย่างโหยหา

คลาร์กดูเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนมากเหลือเกิน คงจะโหมงานหนักจนลืมดูแลตัวเองสินะ

นาราคิดในใจ พอคิดไปถึงต้นสายปลายเหตุที่ทำให้ร่างสูงตรงหน้าเป็นแบบนี้ก็อดรู้สึกเจ็บไม่ได้ ดวงหน้าหวานสลดลงพร้อมกับขยับริมฝีปากพึมพำกับตัวเอง

“ขอโทษนะ...”

หากย้อนเวลากลับไปได้ หรือหากมีหนทางที่จะช่วยให้คลาร์กรู้สึกดีขึ้น นาราสาบานเลยว่าจะทำ เขาจะพาความสุขกลับมาคืนคนตรงหน้าอีกครั้ง

ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม…

พลั่ก

“อ๊ะ!” คนตัวเล็กกว่าร้องเสียงหลงทันทีที่ร่างบอบบางถูกคลาร์กเหวี่ยงให้กระแทกไปกับรถยนต์ของเขา นาราลูบไหล่เล็กของตัวเองแผ่วเบาพลางก้มหน้านิ่ง คลาร์กจ้องมองคนตรงหน้าด้วยสายตาราบเรียบก่อนจะก้าวเดินเข้ามาหาพร้อมกับยกแขนเท้ากับรถเพื่อกักตัวนาราเอาไว้

การกระทำของอดีตคู่หมั้นหนุ่มสร้างความหวาดกลัวแก่คนตัวเล็กเป็นอย่างมาก นาราได้แต่ก้มหน้าจนคางชิดอกและบีบมือตัวเองเอาไว้ คลาร์กมองอาการของคนที่กำลังยืนสั่นเหมือนลูกนกตัวน้อยพร้อมกับหัวเราะขึ้นมาเบาๆในลำคอ

“หายหน้าหายตาไปห้าปี ความร้ายกาจไปไหนแล้วล่ะนารา...”

คลาร์กพูดเสียงเย็นพลางโน้มหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าอ่อนเยาว์จนคนตัวเล็กตรงหน้าสะดุ้งแรงๆพร้อมกับยกมือขึ้นมาดันอกแกร่งให้ออกห่างด้วยความกลัวจับใจ

“มะ...มันใกล้เกินไปแล้วคลาร์ก ผมว่าคุณถอยออกไปแล้วยืนคุยกันดีๆดีกว่ามั้ย” นาราพูดเสียงสั่นจนคนตรงหน้าแค่นยิ้มออกมา

“ทำไม ใกล้กว่านี้เราก็เคยทำกันมาแล้วนี่ ไม่เห็นมีอะไรน่ากลัวซะหน่อย” คลาร์กแสยะยิ้มพร้อมกับขยับกายเข้าไปแนบชิดกับร่างเล็ก ใบหน้าหวานก้มลงไปใกล้ใบหน้าตื่นกลัวของอีกคนก่อนจะจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของนาราพร้อมกับพูดเสียงแหบพร่า

“นายทำอะไรไว้รู้ตัวบ้างรึเปล่า” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับเอียงใบหน้าเข้าไปคลอเคลียที่ใบหูเล็ก นาราขนลุกซู่กับการกระทำของคนตรงหน้า ร่างบอบบางออกอาการสั่นจนเห็นได้ชัด

“นายทำลายชีวิตฉัน ทำลายหัวใจของฉันแล้วก็หนีมา เท่านั้นไม่พอ นายยังเอาแฟนเก่าฉันไปเป็นพวกของนายอีก นายไปโกหกอะไรกีรติล่ะหืม” คลาร์กพูดพร้อมกับเลื่อนใบหน้าลงไปยังซอกคอขาว ไม่ได้สนใจว่าที่ตรงนี้จะมีคนมากมายแค่ไหน สิ่งที่ชายหนุ่มสนใจคือกลิ่นหอมอ่อนๆที่ออกมาจากร่างของนาราก็เท่านั้น

ด้านนาราเองเมื่อถูกคุกคามในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนก็ใจสั่น คนตัวเล็กหายใจติดขัดยามที่จมูกและปากของคลาร์กดูดซับไปทั่วลำคอ ใบหน้าหวานเห่อแดงขึ้นมาจนเห็นได้ชัด เขาไม่เข้าใจการกระทำของคลาร์กในเวลานี้เอาเสียเลย

คลาร์กต้องการอะไรกันแน่?

“คลาร์ก เรื่องกีย์ผมอธิบายได้นะ” นาราพยายามตั้งสติและพูดขึ้น

“อธิบายอะไร อธิบายเรื่องที่เขาไปเป็นพวกของนายงั้นเหรอ” คลาร์กถามเสียงแข็งพร้อมกับหยุดรุ่มร่ามแถวซอกคอของนารา แววตากวางดุดันขึ้นพลางจิกเล็บลงบนตัวรถยนต์จนแน่นแต่นารามองไม่เห็น

“มันไม่มีพวกของใครอีกแล้วคลาร์ก เรื่องมันจบไปแล้ว ทิ้งอดีตแล้วมาเริ่มต้นกันใหม่ได้มั้ย ผมขอโทษ” นาราอ้อนวอนพร้อมกับยกมือขึ้นกอดร่างโปร่งจนแน่น คลาร์กได้ฟังก็นิ่งเงียบแต่ก็ยังปล่อยให้นารากอดอยู่แบบนั้น

“ผมรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันเลวร้ายสำหรับคุณมาก แต่ผมก็อยากจะขอโอกาสแก้ตัว ให้ผมได้ทำอะไรเพื่อชดเชยสิ่งที่เคยทำไม่ดีเอาไว้ได้มั้ย”

“...”

“ได้โปรดคลาร์ก จะให้ทำอะไรก็ได้ ผมยอมทุกอย่าง” นาราพูดพร้อมกับถือวิสาสะซบใบหน้าลงบนไหล่แกร่งที่แสนคุ้นเคย ความเงียบเกิดขึ้นในเวลาต่อมาเนิ่นนาน นาราได้แต่ภาวนาขอให้คลาร์กยอมให้เขาได้แก้ตัวบ้าง

ได้โปรด ให้นาราได้ล้างบาปที่เคยทำ ให้เขาทำอะไรก็ได้ขอแค่คลาร์กให้อภัย

เนิ่นนานที่ความเงียบโรยตัวไปรอบๆชายสองคน สุดท้ายคลาร์กก็ปล่อยมือจากตัวรถมาตวัดร่างเล็กของนาราให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดพร้อมกับพูดเสียงเย็นยะเยือก

“ถ้าอยากให้ฉันให้อภัยในสิ่งที่นายทำก็ช่วยฉันสิ...หนูนา ช่วยให้กีรติกลับมาเป็นของฉันเหมือนเดิม”

“ช่วยกลับไปแก้ปมที่นายเป็นคนผูกมันขึ้นมา กลับไปแก้มันก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป...ทำได้รึเปล่า” คลาร์กถามในขณะที่นารายืนนิ่ง ในหัวรู้สึกตื้อไปหมดกับประโยคมากมายที่พรั่งพรูออกมาจากปากของคลาร์ก หัวใจที่เคยคิดว่าด้านชากลับมาเต้นอีกครั้งอย่างเจ็บปวด คลาร์กนิ่งรอคอยคำตอบของคนตัวเล็กอยู่เนิ่นนาน ชายหนุ่มกอดร่างของนาราอยู่อย่างนั้นพร้อมกับจมดิ่งลงสู่ห้วงความคิดของตัวเอง

ต่างคนต่างจ่อมจมลงไปในความคิดของตนเอง

คลาร์กแค่อยากพิสูจน์อะไรบางอย่าง

เขาอยากจะลองให้โอกาสหัวใจตัวเองที่ปิดตายไปกว่าห้าปี

“ถึงเวลาที่ฉันควรทิ้งอดีตและเริ่มต้นใหม่ได้แล้ว นายจะยอมช่วยฉันรึเปล่า” คลาร์กพูดเสียงเย็นพร้อมกับเงยหน้าออกมาจ้องลึกลงไปในดวงตาคู่สวยของคนตัวเล็ก

“ว่าไง...นายจะช่วยฉันมั้ย”

“...”

“ช่วยให้ฉันได้มีชีวิตใหม่ มีความรักอีกครั้ง“

ช่วยให้ฉันมีความรักอีกครั้ง

 

...กับคนที่สมควรจะรักเสียที

 

นารานิ่งอยู่นานหลังจากคลาร์กพูดจบ ริมฝีปากบางถูกเม้มเข้าหากันจนแน่น

ถ้านี่จะเป็นทางเดียวที่จะทำให้คลาร์กยอมให้อภัยเขา แน่นอนนารายอม แม้ว่ามันจะหมายถึงเขาจะต้องกลับไปเจ็บอีกครั้ง แต่ในความเจ็บนั้นนารามั่นใจว่าเขาจะต้องมีความสุข

ความสุขที่เห็นคนที่เรารักสองคนมีความสุข

“ตกลง ผมจะช่วยให้คุณกับกีย์กลับมารักกันอีกครั้ง” นาราพูด คลาร์กได้ฟังก็ยิ้มกว้าง ชายหนุ่มมองดวงหน้าเล็กของนารานิ่ง สองชีวิตสบตากันพร้อมกับจ้องลึกลงไปในแววตาของกันและกัน

ดวงตาของคลาร์กสะท้อนแววดีใจ หากแต่ในแววตาของนารายังคงสะท้อนใบหน้าของคลาร์กดังเดิม ไม่เปลี่ยนแปลงมาตลอดยี่สิบกว่าปีนับจากสัญญาในวันนั้น

แต่นาราก็ทำได้มากสุดแค่มอง หลังจากนี้เขาคงได้แค่มองคลาร์กมีความสุข ส่วนตัวเขาก็คงทำได้เพียงนอนหลับไปพร้อมคำสัญญาที่คลาร์กลืมเลือนมันไปแล้ว

“อันที่จริง ยังมีอีกอย่างที่ฉันอยากได้...” คลาร์กพูดเสียงเรียบ นาราเอียงคอมองชายหนุ่มด้วยความสงสัยก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อคนตรงหน้าเชยคางมนของนาราพร้อมกับโฉบใบหน้าลงมากดริมฝีปากของตนแนบกับกลีบปากอิ่มของนารา คลาร์กรั้งเอวบางให้ร่างเล็กเข้ามาประชิดกับร่างกายของตัวเองก่อนจะบดเบียดจูบลงไปอย่างล้ำลึก

ถ่ายทอดทุกความรู้สึกที่เคยมีผ่านความดุดัน

“อื้อ” ร่างเล็กครางผะแผ่วลอดช่องวางของริมฝีปาก โพรงปากเล็กถูกลิ้นร้อนของคลาร์กกวาดต้อนเก็บเกี่ยวความหอมหวานจนทั่วทุกซอกทุกมุมก่อนจะไปหยุดที่ลิ้นนุ่มนิ่มของนารา คลาร์กเกี่ยวกระหวัดลิ้นเล็กอย่างดุดันพร้อมกับกดเน้นสัมผัสให้ลึกล้ำจนนาราใจเต้นแรง ความชื้นแฉะส่งผ่านจากปากอีกคนไปสู่อีกคน แลกเปลี่ยนความหวานซ้ำๆอยู่เนิ่นนาน คลาร์กบดเบียดจูบร้อนแรงลงไปบนปากอิ่มที่บัดนี้ขึ้นสีระเรื่ออย่างโหยหา

 

ใช่ เขาโหยหาร่างกายนี้มาตลอดห้าปี

 

“มีอีกอย่างที่ฉันต้องการนารา มันเคยเป็นของฉัน และมันก็จะยังคงเป็นของฉัน” คลาร์กพูดเสียงแหบพร่าหลังจากที่ถอนจูบออกจากกลีบปากแดงก่ำ นารามองใบหน้าหวานตรงหน้าด้วยความไม่เข้าใจก่อนจะเบิกตากว้างกับประโยคต่อมา

“ฉันต้องการนาย ร่างกายของนาย”

“ไม่ อย่า...”

“ฉันอยากได้นายนารา” คลาร์กพูดพลางหอบสะท้านก่อนจะฉกใบหน้าเข้าไปบดเบียดริมฝีปากคู่สวยของนาราอีกครั้งอย่างห้ามใจไม่อยู่

“อื้อ!”

 

สิ่งที่คลาร์กต้องการจากนาราก็คงมีเพียงแค่ร่างกาย

 

ความรู้สึกที่คลาร์กมีให้กับนาราก็คงเป็นเพียงแค่ความใคร่

 

...

 

เพียงเท่านั้น

 

 

 

ออฟไลน์ March. Marcia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +166/-5
ตอนที่ 9


“อะไรนะ คุณหนูไปกับไอ้คลาร์กงั้นเหรอ!” เสียงตะโกนด้วยความตกใจดังลั่นไปทั่วออฟฟิศของบริษัทนำเข้าและส่งออกรถยนต์ชื่อดังแห่งหนึ่ง พนักงานชายหญิงต่างก็มองมาที่ต้นเสียงด้วยความสงสัยจนคนที่เผลอส่งเสียงดังต้องก้มหัวขอโทษขอโพยเสียยกใหญ่

[ใช่ ฉันกำลังจะพากลับอยู่แล้วเชียว แต่จู่ๆพี่คลาร์กเค้าก็มาลากหนูนาออกไปเลย] กีรติส่งเสียงเครียดตอบกลับมาตามสายส่งผลให้อีริคต้องยกมือขึ้นมากุมขมับก่อนจะถอนหายใจยาวเหยียด

“แล้วทำไมนายไม่เข้าไปห้ามฮะ! เกิดมันบ้าจี้ฆ่าปาดคอคุณหนูขึ้นมาทำยังไง” อีริคอดที่จะดุคุณหมอตัวบางด้วยความขัดใจไม่ได้ กีรตินึกยังไงถึงปล่อยให้นารากับคลาร์กไปคุยกันตามลำพังสองคนทั้งๆที่เมื่อก่อนแทบจะฆ่ากันตายเสียให้ได้

[ก็คุณหนูของนายห้ามเอาไว้นี่นา ฉันนึกว่าจะคุยแปปเดียวอ่ะ พอรู้ตัวอีกทีพี่คลาร์กก็พาตัวหนูนาขึ้นรถไปแล้ว] กีรติพูดเสียงอ่อยอย่างรู้สึกผิด อีริคส่งเสียงขัดใจในลำคอเมื่อทำอะไรไม่ได้ ยอมรับว่าตกใจไม่น้อยเลยที่อยู่ๆกีรติก็โทรมาบอกว่าเจอกับคลาร์กที่สวนสาธารณะและนาราก็ถูกลากขึ้นรถออกไปโดยที่คุณหมอตัวบางตั้งตัวไม่ทันเลยเสียด้วยซ้ำ พอจะโทรหาก็นึกขึ้นได้ว่านาราไม่พกโทรศัพท์ทำเอากีรตินั่งไม่ติดจนต้องโทรมาหาอีริคพร้อมกับเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟังคร่าวๆ

“อุตส่าห์หนีมาไกลถึงนี่ ทำไมแฟนเก่านายมันยังตามมาเจอกันได้วะ แล้วเวลาที่ผ่านมาที่พวกเราคอยช่วยเยียวยาคุณหนูกันแทบตายมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยน่ะสิ ถ้าหนูนากลับไปซึมเศร้าอีกจะทำยังไง คราวนี้ไม่ต้องส่งไปอยู่โรงพยาบาลบ้าเลยหรือไง!” อีริคพูดอย่างหัวเสีย

[ใจเย็นๆก่อนเถอะ ฉันเองก็ห่วงพวกเขาไม่แพ้นายหรอกนะ] กีรติว่า ร่างสูงพอได้ฟังคำของคุณหมอตัวขาวก็แค่นหัวเราะ

“อย่าใช้คำว่าพวกเขา ฉันห่วงแค่คุณหนูคนเดียว ส่วนไอ้ผู้ชายเฮงซวยของนายมันจะไปตายห่าที่ไหนก็ช่างหัวมัน” อีริคพูดอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะหันไปเห็นสายตาดุดันของเจ้านายที่มองมาที่เขาทำให้ชายหนุ่มรู้ตัวว่าตัวเองคุยโทรศัพท์เสียงดังเกินไป อีริคก้มหัวลงเป็นเชิงขอโทษก่อนจะลุกออกจากโต๊ะไปหาที่คุยอย่างเงียบๆ

“แล้วทีนี้จะเอายังไง นายมีเบอร์ไอ้บ้านั่นรึเปล่า” อีริคถามขึ้น

[จะไปมีได้ยังไงล่ะ ถามอะไรบ้าๆ ฉันว่าเรารอฝั่งนู้นติดต่อมาดีไหม หนูนาคงไม่เป็นอะไรมากหรอก ฉันเชื่อว่าพี่คลาร์กต้องรู้ว่าอะไรเป็นอะไรนะ] กีรติบอกมาตามสาย อีริคเม้มปากอย่างขัดใจเพราะทำอะไรไม่ได้ แต่อยู่ๆชายหนุ่มก็ร้องออกมาเสียงหลงพร้อมกับกรอกเสียงไปตามสายโทรศัพท์อย่างตื่นเต้น

“คุณท่านไง โทรไปขอเบอร์ไอ้คลาร์กกับคุณท่านซะก็สิ้นเรื่อง แค่นี้ก่อนนะกีย์ นายขี่รถกลับไปรอที่บ้านไป ได้เรื่องยังไงฉันจะโทรไปบอก” อีริคพูดอย่างรวดเร็วก่อนจะกดตัดสายทันทีโดยที่กีรติยังไม่ทันจะพูดอะไร ชายหนุ่มจัดการต่อสายหาคุณพิสิทธิ์อย่างรวดเร็วก่อนจะขอเบอร์คลาร์กมาได้แต่เขาก็ต้องเสียเวลาตอบคำถามเกือบชั่วโมง พอวางสายจากบิดาของนาราแล้วอีริคก็กดโทรหาคลาร์กทันที

เสียงสัญญาณรอสายดังอยู่นานแต่ก็ไม่มีคนรับจนมันตัดไป แต่ถึงอย่างนั้นร่างสูงก็ยังคงกดโทรออกซ้ำๆอย่างไม่ละความพยายาม

ตู๊ด... ตู๊ด... ตู๊ด...

“รับสิวะไอ้บ้าเอ๊ย!” ชายหนุ่มสบถออกมาอย่างร้อนรน เสียงสัญญาณรอสายยังคงดังอยู่ซักพักก่อนที่ตัวเลขจับเวลาจะปรากฏขึ้นบ่งบอกว่าปลายสายกดรับโทรศัพท์ของเขาเรียบร้อยแล้ว อีริคผวาสุดตัวก่อนจะกรอกเสียงลงไปตามสายทันที

“คลาร์ก คุณหนูอยู่ที่ไ...”

[อ๊ะ...อื้อ...]

!!!

อีริคตัวแข็งทื่อทันทีที่ได้ยินเสียงครางกระเส่าดังเล็ดรอดออกมาจากปลายสาย

เขาจำได้ดี...

[อื้อ อ๊ะ...คลาร์ก อึ่ก]

เสียงนี่มัน...

[ฮื่อ คุณ...คลาร์ก อ๊ะ]

...

[คลาร์ก อ่ะ เจ็บ...ผมเจ็บ อื้ออออ]

[นารา...]

เสียงของนารา

อีริคยืนนิ่งกำโทรศัพท์ในมือเอาไว้จนแน่น ริมฝีปากขบเม้มเข้าหากันจนเป็นเส้นตรง เลือดในกายสูบฉีดพลุ่งพล่านยามที่ได้ยินเสียงของนาราดังลอดออกมาจากปลายสายพร้อมกับเสียงครางผะแผ่วของคลาร์กและเสียงอะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย ความโกรธคนตัวเล็กที่เขาเฝ้าดูแลมาตลอดหลายปีทวีคูณขึ้นจนชายหนุ่มแทบจะระงับเอาไว้ไม่อยู่ สุดท้ายความอดทนของอีริคก็ขาดผึงเมื่อเสียงหวีดร้องของคุณหนูของเขาดังขึ้นเคล้าคลอไปกับเสียงกึกกักที่ไม่ต้องเดาให้เสียเวลาก็รู้ว่าสองคนนั้นกำลังทำอะไรกันอยู่ ร่างสูงเขวี้ยงโทรศัพท์ใส่ผนังทางเดินอย่างแรงจนมันแตกเป็นเสี่ยงๆก่อนจะทุบกำปั้นลงไปกับกำแพงเพื่อระบายความอัดอั้นในใจ

“คุณกำลังทำตัวไร้ค่าอยู่รู้ตัวบ้างรึเปล่า”

อีริคพูดเสียงอ่อนล้าพร้อมกับซบใบหน้าลงกับผนัง

“เหลือศักดิ์ศรีไว้ให้ตัวเองได้ภาคภูมิใจบ้างเถอะ หนูนา...”

 

 

 

 

 

ยานพาหนะสี่ล้อสีดำสนิทถูกจอดเอาไว้บริเวณลานจอดของโรงแรมหรูแห่งหนึ่งมานานกว่าสองชั่วโมงโดยที่ร่างโปร่งของเจ้าของรถกำลังง่วนอยู่กับคนตัวเล็กแสนบอบบางที่กำลังร้องครางเสียงผะแผ่วอยู่ใต้ร่างของเขาบนห้องสวีทหรูหราชั้นบนสุดของโรงแรมแห่งนี้ คลาร์กเท้าแขนลงกับเตียงกว้างพลางใช้สายตากลมจ้องมองไปยังกรอบหน้าเล็กชื้นเหงื่อของคนด้านล่างที่กำลังส่งเสียงแหบพร่าออกมาเบาๆ

“คลาร์ก อ่ะ เจ็บ...ผมเจ็บ อื้ออออ”

“นารา...” ชายหนุ่มเรียกชื่ออดีตคู่หมั้นเสียงสั่นพร้อมกับค่อยๆดันกายแกร่งเข้าหาร่างบอบบางช้าๆ นาราผวาสุดตัวพร้อมกับเอื้อมมือที่วาดสะเปะสะปะไปทั่วเตียงกว้างขึ้นไปเกาะไหล่ของคลาร์กแน่น ความเจ็บแล่นเป็นริ้วทั่วสะโพกเล็กและช่องทางที่กำลังถูกรุกราน

“อ่ะ...อึ่ก!” นาราเกาะไหล่คนด้านบนเอาไว้พร้อมกับเม้มปากจนเป็นเส้นตรงแล้วส่งเสียงร้องเบาๆในลำคอเมื่อคลาร์กยังคงดันร่างเข้ามาช้าๆ

“เจ็บมากมั้ย” คลาร์กถามคนตรงหน้าเสียงอ่อน นาราปรือตามองคลาร์กก่อนจะส่งยิ้มบางๆไปให้พร้อมกับส่ายหน้าช้าๆเรียกร้อมยิ้มบางๆจากคนด้านบนได้เป็นอย่างดี

“ไม่ ผมไม่เป็นไร”

“นายเปลี่ยนไปเยอะนะ รู้ตัวรึเปล่า” คลาร์กพูดขึ้นขณะที่แช่ร่างกายเอาไว้ให้คนด้านล่างได้ปรับตัว นาราเลิกคิ้วสงสัยพร้อมกับเอียงคออย่างน่ารักจนชายหนุ่มหลุดยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู

“นายน่ารักขึ้น...น่ารักมาก” คลาร์กพูดพร้อมก้มลงบดเบียดริมฝีปากของตนลงไปบนกลีบปากอิ่ม นาราเผยอปากรับลิ้นร้อนชื้นของคลาร์กก่อนจะส่งเสียงครางออกมาเบาๆพร้อมกับที่สะโพกสอบของร่างสูงจะค่อยๆขยับกายเข้าออกช้าๆเรียกเสียงครางหวานให้ดังลอดผ่านริมฝีปากอิ่ม

คลาร์กจ้องใบหน้าหวานที่แหงนไปด้านหลังด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก จังหวะรักที่ดำเนินไปอย่างเชื่องช้าในคราแรกค่อยๆเปลี่ยนไปร้อนแรงขึ้นตามอารมณ์ของคลาร์ก สะโพกแกร่งเร่งความเร็วขึ้นจนร่างเล็กโยกไหวไปมา เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้องกังวานปะปนไปกับเสียงครางกระเส่าของสองร่างที่กำลังบรรเลงบทเพลงแห่งกามารมณ์อยู่อย่างเร่าร้อน ร่างสูงกดกายเน้นย้ำเข้าออกซ้ำๆอย่างหนักหน่วงพร้อมกับพรมจูบทั่วใบหน้าหวาน

“อ๊ะ อื้ออ ฮ่ะ...” ร่างเล็กครางออกมาเมื่อคลาร์กกระแทกกายเข้ามาล้ำลึกและรุนแรง กายแกร่งของคลาร์กกระทบโดนจุดกระสันของนาราซ้ำๆจนร่างเล็กแทบจะขาดใจ ริมฝีปากอิ่มเผยอเอาอากาศเข้าปอดเพื่อหายใจก่อนจะหวีดร้องเสียงกระเส่าเมื่อคลาร์กรั้งเรียวขาเล็กออกกว้างและโถมกายเข้ามาอย่างรุนแรงเพราะระงับอารมณ์ไม่อยู่

“อ๊าาา คลาร์ก...จะ เจ็บ อ๊ะ!”

“อีกนิดนะ อ่ะ อีกนิดนารา อีกนิด” คลาร์กพูดเสียงสั่นพลางแหงนหน้าสูดปากด้วยความเสียวซ่าน ร่างโปร่งรั้งขาเล็กขึ้นมาวางที่ข้อพับแขนก่อนจะเลื่อนมือไปกระชับสะโพกมนจนแน่นและโยกกายเข้าออกแรงๆจนนาราใจแทบขาด

คลาร์กยังคงกระแทกร่างถาโถมใส่นาราอย่างรุนแรงเป็นเวลานานจนขาของคนตัวเล็กสั่น นารากระชับมือพร้อมกับบีบไหล่แกร่งของคนที่กำลังเคลื่อนกายเหนือร่างเอาไว้แน่นก่อนจะหวีดร้องออกมาเพื่อปลดปล่อยความอัดอั้นที่ไหลเวียนอยู่ภายในร่างกาย ความต้องการของคลาร์กถูกเติมเต็มครั้งแล้วครั้งเล่าเป็นเวลานานจนนาราเหนื่อยหอบและหลับไปทันทีหลังจากที่ร่างโปร่งปล่อยให้คนตัวเล็กได้เป็นอิสระ

คลาร์กรวบร่างเปลือยเปล่าของนาราเข้ามาสู่อ้อมอกขนาดพอดีของตนเองก่อนจะจูบขมับชื้นแผ่วเบา สองหูได้ยินเสียงครางอืออาจากคนตัวเล็กก่อนที่แมวน้อยนาราจะขยับกายซุกเข้าหาไออุ่นของเขาและจมดิ่งลงสู่ห้วงแห่งความฝัน รอยยิ้มบางเบาเผยขึ้นยามที่สายตากลมทอดมองใบหน้าหวานที่กำลังหลับ คลาร์กเอื้อมมือไปเขี่ยแก้มนุ่มนิ่มแผ่วเบาก่อนจะค่อยๆเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้กับใบหน้าของนาราพร้อมกับช่วงชิงความหอมหวานและนุ่มหยุ่นมาจากพวงแก้มอิ่ม

“ฝันดีนะ...หนูนา” ชายหนุ่มกระซิบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพลางลูบแก้มกลมแผ่วเบาแล้วเลื่อนต่ำไปยังแผ่นอกขาวที่ปรากฏรอยแผลเป็นขนาดยาวลากผ่านจากหน้าอกลงสู่เอวบาง คลาร์กลูบไล้รอยแผลเป็นของนาราเบาๆด้วยใบหน้านิ่งเรียบก่อนจะเบนสายตาไปยังลำแขนขาวที่ไร้ผ้าพันแผลเนื่องจากคลาร์กถอดมันออกก่อนที่เขากับนาราจะมีอะไรกัน

ดวงตากลมจ้องมองชื่อของตนเองที่สลักเป็นรอยแผลอยู่บนแขนของนาราชั่วครู่ก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าแขนเรียวมาพรมจูบบางเบาพลางกระซิบด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง

“เจ็บรึเปล่า” ชายหนุ่มถามแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ คลาร์กมองรอยแผลเป็นที่แขนเล็กก่อนจะนำมันมาทาบกับอกของเขาพร้อมกับทอดมองคนที่กำลังนอนหลับตรงหน้าด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก

มันต้องเจ็บแน่อยู่แล้ว ทำไมคลาร์กจะไม่รับรู้ความเจ็บปวดของนาราล่ะ

เขารู้...รู้มาตลอดแต่เลือกที่จะมองข้าม

ต้นเหตุของเรื่องราวเลวร้ายทั้งหมดคือเขา คือคลาร์กคนนี้

คนที่ทรยศต่อความรักที่นารามอบให้

คนที่ทำร้ายและปล่อยให้นาราเดินทางผิด

คนที่เลือกที่จะมองข้ามตัวตนที่แท้จริงของนาราและเล่นไปตามเกมของม่านมายาที่คนตัวเล็กสร้างขึ้นมาปกคลุมกาย นาราไม่ใช่คนชั่วแบบที่คลาร์กด่าว่าอยู่ทุกวัน เขารู้ดีว่าตัวตนที่แท้จริงของนาราเป็นยังไง

รู้ว่านาราในตอนนั้นแค่หลงผิด สับสน อ่อนแออีกทั้งยังเยาว์วัย

ทั้งๆที่รู้ แต่คลาร์กกลับมองเพียงแค่เกราะที่นาราสร้างขึ้นมาและปล่อยให้เกราะนั้นทำร้ายผู้คนรอบข้างที่เขารัก เขาละเลยนาราและเลือกที่จะไม่มองเนื้อแท้ข้างในจิตใจของคนตัวเล็กในอ้อมกอดจนเรื่องทุกอย่างเลวร้ายยากที่จะเยียวยา

กว่าจะตาสว่างและรับรู้ความผิดพลาดของตัวเองนาราก็หนีหายไปไกลแล้ว ไกลเสียจนคลาร์กคิดว่าจะไม่มีโอกาสได้พานพบอีกครั้ง

“ฉันคิดถึงนายหนูนา”

“...”

“คิดถึงน้องหนูนาคนนั้น” คนที่เขาปล่อยให้หลุดมือไป

 

“พี่คิดถึงหนูนาคนนั้น...”

 

หนูนาคนนั้น...คนที่คงตายจากพี่คลาร์กไปตั้งนานแล้ว

 

“คิดถึงมากจริงๆ”

 

สุดท้ายแล้ว โชคชะตาก็นำพาคนตัวเล็กให้กลับมาอีกครั้ง

นำพานารากลับมาเพื่อให้คลาร์กได้แก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดและกลับไปยืนที่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง

 

 

 

 

 

นาราลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งตอนกลางดึกในอ้อมกอดของคลาร์ก ดวงตากลมจ้องใบหน้าหวานที่กำลังนอนหลับสนิทด้วยความไม่เข้าใจก่อนจะขยับกายแผ่วเบาเพราะกลัวว่าร่างสูงจะตื่น

เมื่อเท้าเล็กแตะพื้นห้องสิ่งแรกที่รับรู้คือความเจ็บที่สะโพกเล็ก นารานิ่วใบหน้าน้อยๆก่อนจะค่อยๆพยุงร่างกายเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำพร้อมกับกลับออกมาสวมใส่เสื้อผ้าตัวเดิมที่ถูกถอดทิ้งไว้ที่ปลายเตียง หลังจากแต่งตัวเรียบร้อยคนตัวเล็กก็สอดส่ายสายตาหาสิ่งที่ต้องการก่อนจะพบว่ามันวางไว้อย่างหมิ่นเหม่ที่ข้างเตียงจวนจะตกอยู่ร่อมร่อ ร่างเล็กก้าวเบาๆไปหยิบเครื่องมือสื่อสารของคลาร์กขึ้นมาก่อนจะค่อยๆก้าวเดินออกไปยังห้องนั่งเล่น นิ้วเรียวสวยปลดล็อคโทรศัพท์จนหน้าจอสว่างวาบแสดงข้อความสายที่ไม่ได้รับอยู่หลายสาย นาราเม้มปากแน่น ความอยากรู้อยากเห็นเข้าครอบงำคนตัวบางทำให้ข้อนิ้วบางกดเปิดดูข้อมูลการโทรของคลาร์กอย่างถือวิสาสะ

ประวัติเบอร์โทรเข้าและโทรออกของคลาร์กถูกลูกแก้วใสสำรวจอยู่นาน ส่วนใหญ่จะเป็นเบอร์ของบริษัทยิบย่อยต่างๆซึ่งนาราจำได้เลือนราง รอยยิ้มน้อยๆผุดขึ้นบนใบหน้าเมื่อพบว่าไม่มีรายชื่อที่ต้องสงสัยว่าจะเป็นคนรักของคลาร์กเลย จะมีก็แต่เบอร์แปลกที่ไม่ได้บันทึกเอาไว้โทรเข้ามาเมื่อหลายชั่วโมงก่อน พอดูหมายเลขที่ปรากฏก็ได้รู้ว่าเบอร์ดังกล่าวถูกโทรมาจากประเทศเดียวกัน ด้วยความสงสัยปนอยากรู้นาราจึงกดโทรออกไปยังเบอร์ปริศนาดังกล่าวแต่กลับไม่มีสัญญาณตอบรับ คนตัวเล็กขมวดคิ้วเข้าหากัน ดูจากระยะเวลาเบอร์นี้โทรเข้ามาในช่วงที่เขากับคลาร์กอยู่บนเตียง

“หรือว่า...” ดวงตากลมเบิกกว้างขึ้นมาด้วยความตกใจเมื่อสมองประมวลผลได้ว่าตนเองพลั้งมือไปกดโทรศัพท์ของคลาร์กเข้าในช่วงที่คลาร์กกำลังครอบครองตัวเขา นาราหน้าซีดเผือดหัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ แน่นอนว่าปลายสายที่นาราไม่รู้ว่าเป็นใครคงได้ยินเสียงของเขากับคลาร์กเข้าไปเต็มๆเป็นแน่แท้

มือเล็กกำโทรศัพท์เอาไว้แน่น หวั่นใจเหลือเกินว่าเบอร์ดังกล่าวจะเป็นคนสำคัญที่คลาร์กตั้งใจมาพบ กลัวเหลือเกินว่าจะทำให้ปลายสายเข้าใจคลาร์กผิด นาราไม่ต้องการให้คลาร์กต้องมาผิดใจกับใครเพราะเขาอีกต่อไปแล้ว แต่ครั้นพอโทรกลับไปอีกก็ยังคงไม่มีสัญญาณตามเดิม สุดท้ายนาราเลยถอนหายใจอย่างปลงตกในที่สุด ร่างบางวางโทรศัพท์ของคลาร์กไว้บนโต๊ะก่อนจะเลื่อนสายตามาปะทะกับรอยแผลเป็นบนแขน ดวงตากลมจ้องมันอยู่นานพลางลูบไล้ไปมาเบาๆ มุมปากอิ่มจุดยิ้มขึ้นมาพลางพึมพำกับตัวเอง

“เดี๋ยวมันก็ผ่านไป ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย” พูดพร้อมกับล้มตัวลงนอนกอดตัวเองบนโซฟาตัวยาว ในใจได้แต่ตอกย้ำซ้ำๆว่าเดี๋ยวทุกอย่างก็จะดีขึ้น

เมื่อเขาทำให้คลาร์กกับกีรติรักกัน เมื่อนั้นทุกอย่างก็จะเรียบร้อย แม้ว่าจะต้องคอยเป็นเครื่องระบายความใคร่ให้กับคลาร์กในช่วงที่ชายหนุ่มกำลังขอคืนดีกับกีรติอยู่ก็ไม่เป็นไร ขอแค่อย่าให้กีรติรู้ ขอแค่ให้คลาร์กมีความสุข นาราขอแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว

เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย เขาก็จะไป เมื่อทุกคนมีความสุข นาราก็จะไป

 

ขอแค่ทุกคนมีความสุขก็พอ...

 

 

ออฟไลน์ March. Marcia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +166/-5
ตอนที่ 10


บางทีกีรติก็ไม่เข้าใจว่าคลาร์กต้องการอะไร ไม่เข้าใจว่าทำแบบนี้ทำไม เพื่ออะไร...

เขาไม่เคยเข้าใจเลย

“พี่...พี่พูดอะไรออกมารู้ตัวรึเปล่าน่ะ” คุณหมอตัวบางถามคลาร์กด้วยเสียงสูง กีรติใช้สายตาแปลกประหลาดมองไปที่ร่างเล็กของนาราที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากพวกเขาพลางหันกลับมามองคลาร์กด้วยสายตางงงวย

“ผมว่าพี่ต้องล้อเล่นแน่ๆ มันไม่ตลกเลยนะพี่คลาร์ก ผมไม่ตลกด้วยเลยซักนิด!” กีรติโวยวายออกมาอย่างเหลืออด ไม่เข้าใจในการกระทำของอดีตคนรักเลยแม้แต่น้อย

มีอย่างที่ไหน พานาราหายไปเกือบสองวันแล้วอยู่ๆก็พามาส่งพร้อมกับพูดด้วยใบหน้าราบเรียบว่าปรับความเข้าใจกันแล้วเนี่ยนะ!?

ก็รู้อยู่หรอกว่าคลาร์กเป็นคนตรงไปตรงมาและบ้าบิ่น แต่กีรติไม่นึกว่าจะบ้าขนาดนี้นี่! ง่ายแบบนี้เลยงั้นหรือ ทั้งสองคนไปคุยกันอีท่าไหนกัน ตอนนี้ความสับสนงุนงงฉายฉัดอยู่บนใบหน้าอ่อนเยาว์ของกีรติจนคนมองถึงกับต้องหลุดยิ้ม

“ทำไมทำหน้าเหมือนเห็นผีแบบนั้นล่ะหืม” คลาร์กถามเสียงนุ่มพลางยกมือขึ้นมายีกลุ่มผมนุ่มของกีรติด้วยความเอ็นดู ร่างเล็กของใครอีกคนเบือนหน้าหนีภาพที่เห็นพลางสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อเรียกกำลังใจ ได้แต่บอกตัวเองซ้ำๆว่าต้องเข้มแข็ง ไม่ว่าอย่างไรก็อย่าได้กลับไปเป็นคนอ่อนแอหรือลุกขึ้นสู้ในหนทางที่ผิดจนทำให้เรื่องทุกอย่างเลวร้ายแบบในอดีตอีก นาราเตือนตัวเองในใจว่าเขาต้องเมินเฉยกับท่าทีของคลาร์กเพื่อให้ทุกคนสบายใจ ก็แค่โยนความรู้สึกของตัวเองทิ้งไป แค่นี้ง่ายๆทำไมจะทำไม่ได้ แค่ไม่ต้องไปคิดถึงมัน ลืมๆไปซะให้หมดและทำสิ่งที่ตัวเองต้องทำ แค่ต้องเข้มแข็ง อย่างน้อยที่สุดก็ต่อหน้าสองคนนี้

ต่อหน้ากีรติกับคลาร์ก

ไม่รู้ทำไม ในเวลานี้นารากลับคิดถึงอีริคเหลือเกิน คิดถึงไหล่กว้างที่เขาเคยซบ แผ่นอกแกร่งที่คอยรองรับร่างกายของเขาเข้าสู่อ้อมกอดและริมฝีปากที่ค่อยๆกดจูบลงบนขมับของเขาและกระซิบถ้อยคำแผ่วเบาเพื่อพาให้นารานอนหลับฝันดี เมื่อก่อนกีรติก็เป็นอีกคนที่นาราชอบซบอกและผล็อยหลับไป พวกเขาทั้งสามคนทำแบบนี้กันเป็นประจำ นอนกอดกันสามคนในฤดูหนาว วันไหนมีโปรแกรมฟุตบอลที่อีริคชื่นชอบพวกเขาก็จะหอบผ้าผ่อนออกมาปูหน้าทีวีและนอนเบียดกันพร้อมกับคุยเรื่องราวที่ตัวเองประสบพบเจอให้นาราฟัง แล้วกีรติกับอีริคก็จะทะเลาะกันเล็กน้อยเพราะอีริคไม่ยอมให้เปลี่ยนช่องไปไหนและในท้ายที่สุดคนทั้งคู่ก็จะลงไม้ลงมือตีกันเพื่อแย่งอ้อมกอดของนารา วันเวลาเหล่านั้นทำให้นารามีความสุข ทำให้เขายิ้มได้โดยปราศจากคลาร์ก นาราชอบกอดของอีริค และเช่นเดียวกับกอดของกีรติ มันอบอุ่นและปลอดภัย หากแต่ ณ เวลานี้นารารู้ดีว่าเขาไม่สามารถทำแบบนั้นกับกีรติได้อีกต่อไปแล้ว ทำไม่ได้ตั้งแต่คลาร์กกลับเข้ามาในชีวิต

“หนูนากินอะไรมารึยัง หิวมั้ย” เสียงของกีรติดึงสติของคนตัวเล็กให้กลับสู่ปัจจุบัน นาราหันหน้าไปมองกีรติก่อนจะยิ้มน้อยๆและพยักหน้าให้ คุณหมอตัวบางจึงเดินเข้าไปยังห้องครัวเพื่อเตรียมอาหารโดยมีคลาร์กอาสาตามเข้าไปช่วย ... ทิ้งนาราไว้ที่ห้องนั่งเล่นตามลำพัง

ร่างเล็กทรุดลงนั่งบนโซฟาตัวยาวทันทีที่แผ่นหลังของคนทั้งคู่หายไป สองหูได้ยินเสียงกีรติแว่วๆมา คงกำลังจับต้นชนปลายกับพฤติกรรมของคลาร์กไม่ถูกอยู่เป็นแน่ อย่าว่าแต่กีรติเลย นาราเองก็ไม่เข้าใจว่าคลาร์กคิดจะทำอะไร

อดีตคู่หมั้นของนาราพาเขาไปทำเรื่องแบบนั้นถึงสองวัน สองวันที่นาราไม่ได้กลับมาที่บ้าน สองวันที่เขาเอาแต่นอนอยู่บนเตียงของโรงแรม ซึ่งน่าแปลกและน่าน้อยใจอยู่ในทีที่กีรติและอีริคไม่ได้ออกพยายามตามหา พอกลับมาถึงจึงได้คำตอบว่าอีริคเป็นคนบอกให้รอคลาร์กพานารากลับมาเอง นาราไม่รู้ว่าเพราะอะไรอีริคถึงบอกแบบนั้น และเขาคงต้องถามเมื่อชายหนุ่มกลับมาจากที่ทำงานในตอนเย็น หากว่าอีริคไม่ได้มีท่าทีแข็งกร้าวใส่คลาร์ก เรื่องทุกอย่างคงง่ายเพราะนาราก็เบาใจเรื่องความสัมพันธ์ของอีริคกับคลาร์กไปได้ระดับหนึ่ง

แต่ก็แค่ระดับหนึ่งนั่นล่ะ

สิ่งที่น่าหนักใจที่สุดในตอนนี้เห็นจะเป็นความสัมพันธ์ที่แสนจะซับซ้อนของพวกเขา คลาร์กอยากคืนดีกับกีรติ ส่วนกีรติกับอีริคก็ยังคลุมเครือเฉกเช่นเดียวกับสถานะความสัมพันธ์ระหว่างอีริคและนารา หากถามว่าอีริครักกีรติไหม นาราพูดได้เต็มปากเต็มคำเลยว่ารัก และถ้าถามต่อว่าอีริครักนารารึเปล่า ก็แทบจะตอบแบบไม่ต้องคิดเลยว่ารักเช่นเดียวกัน แต่ความรักของอีริคนั้นไม่ชัดเจน มันไม่ชัดเจนเอาเสียเลย ต่างจากความรู้สึกระหว่างเขา คลาร์ก และกีรติโดยสิ้นเชิง

ระหว่างนารากับกีรติ มันคือครอบครัว คือความรักบริสุทธิ์ที่มากมายยิ่งกว่านั้น ไม่ใช่ฉันท์ชู้สาว แต่เป็นความรักที่ต่างคนต่างพร้อมจะยืนเคียงข้างกันและดูแลกันไปจนตายโดยไม่มีเรื่องบนเตียงเข้ามาเกี่ยวข้อง พวกเขากอดกัน จูบกัน หรือแม้แต่เปลือยกายอาบน้ำด้วยกันก็ยังเคยทำมาแล้ว แต่พวกเขาไม่คิดถึงเรื่องเซ็กซ์และจะไม่มีวันคิด มันซับซ้อนและอธิบายได้ยาก แต่นาราก็บอกได้เลยว่าเรื่องระหว่างเขากับกีรตินั้นใสสะอาด

ระหว่างนารากับคลาร์ก แน่นอนว่านารารักคลาร์ก รักแบบที่อยากได้มาเป็นคนรัก แต่คลาร์กไม่ได้คิดแบบเขา ตัวคลาร์กแสดงออกชัดเจนว่าต้องการเริ่มต้นใหม่ แต่เริ่มชีวิตใหม่กับกีรติ ไม่ใช่คนที่คอยแต่จะทำลายคลาร์กตลอดเวลาแบบนารา

แต่กับอีริค นาราไม่รู้ว่าอีริครักใครแบบไหน ตลอดห้าปีพวกเขาสามคนกอด จูบ และนอนร่วมเตียงกันจนเป็นกิจวัตร แต่นาราไม่สามารถบอกได้ว่าอีริคคิดกับใครในแง่ไหน บางครั้งบอร์ดี้การ์ดหนุ่มก็รุ่มร่ามกับกีรติจนเกินพอดี แต่ก็นั่นแหละ นาราเองก็โดนเช่นกัน และเพราะความคลุมเครือนี้เองที่ทำให้นารายังชั่งใจ หากว่าอีริครักกีรติ แน่นอนว่านาราทำร้ายจิตใจของอีริคไม่ได้แม้จะรับปากคลาร์กไปแล้ว

แต่หากอีริครักกีรติในแบบที่เขารัก นาราก็จะเดินหน้าช่วยคลาร์กจนสุดกำลังได้อย่างสบายอกสบายใจ

“พี่คลาร์ก ใช้ช้อนกลางตักสิ!” เสียงของกีรติดังโวยวายออกมาจากห้องครัวเสียจนนาราสะดุ้ง เพียงไม่นานก็ได้ยินเสียงของคลาร์กหัวเราะตามมา เรียกรอยยิ้มบางเบาแต้มบนดวงหน้าหวานของนารา

กี่ปีมาแล้วที่คลาร์กไม่ได้หัวเราะ กี่ปีมาแล้วที่ใบหน้าของคนที่เขารักมีแต่ความเคร่งเครียด

“นี่หนูนา มาเอาพี่คลาร์กออกไปจากห้องครัวที ไม่งั้นวันนี้กับข้าวไม่เสร็จแน่ แถมใกล้เที่ยงฉันนัดคนไข้ไว้ด้วยนะ” กีรติตะโกนออกมาจากห้องครัวอย่างเหลืออด นาราจึงลุกขึ้นและไปกึ่งลากกึ่งจูงคลาร์กออกมาและบังคับให้ชายหนุ่มนั่งรออยู่นิ่งๆที่ห้องนั่งเล่น ร่างสูงยอมอยู่เฉยแต่โดยดีพร้อมกับกวาดสายตามองบรรยากาศรอบๆ

“อยู่ที่นี่กันสามคนเหรอ อยู่มานานแค่ไหนแล้ว” คลาร์กถามขึ้นเสียงเรียบทำเอาคนตัวเล็กชะงักทันที นาราหลับสายตากลมที่มองมาก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา

“ห้าปีได้มั้ง ไม่รู้สิไม่ได้นับ”

คลาร์กพยักหน้าก่อนจะจ้องร่างเล็กที่นั่งห่างออกไปด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก นาราหลบสายตาของคลาร์กพร้อมกับทำทีเป็นอ่านหนังสือในมือโดยไม่สนใจอะไรอีก

“แล้วทำไมถึงได้ไปเจอกีย์ได้ล่ะ นายยังไม่เล่าให้ฉันฟังเลยนะ” ร่างสูงถามขึ้นมาอีก

“พอดีผมไม่สบายน่ะ แล้วบังเอิญคลินิกของกีย์อยู่แถวนี้พอดี” นาราพูดแค่นั้นก่อนจะเงียบไป รู้สึกแปลกไม่น้อยที่ตัวกับคลาร์กพูดคุยกันปกติเหมือนไม่เคยบาดหมางกันมาก่อน คลาร์กดูไม่ประหม่าเลยต่างจากนาราซึ่งทำตัวไม่ถูก เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ชินที่จะพูดคุยกับอดีตคู่หมั้นดีๆ

แหงละ เมื่อก่อนมีแต่ร้ายใส่กัน ไม่ด่าก็ขว้างปาข้าวของนี่ – นาราคิดในใจ

“ไม่สบาย? นายเป็นอะไร?” คลาร์กขมวดคิ้วถาม นาราเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา

“ติดเชื้อในกระแสเลือดน่ะ”

คำตอบของคนตัวเล็กทำเอาร่างสูงอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้ารับเบาๆ คลาร์กไม่ได้ซักไซร้อะไรให้นาราอึดอัดอีกซึ่งนับว่าเป็นเรื่องดี คนตัวเล็กก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือในมือราวกับว่ามันสนุกเสียเต็มประดาทั้งๆที่ความจริงแล้วหนังสือหมดทุกเล่มในบ้านหลังนี้นั้นนาราใช้เวลาตลอดห้าปีอ่านมันจนหมด แต่เขาก็ยอมกวาดสายตาผ่านตัวอักษรบนหน้ากระดาษดีกว่าต้องมาเผชิญหน้ากับคลาร์กอีกเป็นไหนๆ

ไม่นานหลังจากที่คนทั้งคู่ปล่อยให้ความเงียบงันเข้าปกคลุมพื้นที่โดยรอบ กีรติก็โผล่หน้าออกมาจากห้องครัวพร้อมกับกวักมือเรียกให้ออกไปทานอาหารเช้าด้วยกัน วันนี้อีริคออกไปทำงานเช้าเพราะมีประชุม อันที่จริงนาราได้ยินว่าพักนี้อีริคออกจากบ้านแต่เช้าและกลับถึงบ้านดึกมาตั้งแต่ช่วงที่คลาร์กพาตัวนาราไป ทั้งๆที่แสดงอาการเป็นห่วงอย่างชัดเจนแต่กีรติก็ไม่เข้าใจว่าทำไมอีริคถึงยังเพิกเฉยราวกับรู้อะไรบางอย่างมา และถ้าอีริคไม่ได้ทำอะไร คนอย่างกีรติก็จะไปทำอะไรได้ล่ะจริงไหม

“ว่าแต่...ถามได้มั้ยว่าไปคุยปรับความเข้าใจกันยังไงถึงได้กลับมาเอาป่านนี้ อย่างน้อยก็น่าจะติดต่อกลับมาบ้างสิ” กีรติถามสิ่งที่ค้างคาใจพลางหรี่ตามองอาการของคนทั้งสองบนโต๊ะอาหาร ทีแรกก็อยากจะไล่คลาร์กกลับไปอยู่หรอกแต่ติดที่ว่านาราบอกว่าวันนี้คลาร์กจะมากินข้าวด้วย

นาราหันไปสบตากลมโตของคลาร์กด้วยใบหน้าขึ้นสีระเรื่อ จะให้บอกยังไงละว่าไม่ได้ออกไปไหนเลย ร่างเล็กรอฟังคำตอบจากคลาร์กอย่างใจจดใจจ่อขณะที่แสร้งทำเป็นตักอาหารเข้าปาก

“ก็ไม่มีอะไร ตอนแรกก็เกือบจะได้ฆ่ากันตายแล้วแหละ” คลาร์กพูดเสียงเรียบ

“แต่พอมาคิดดีๆ พี่ก็ไม่รู้จะโกรธหนูนาไปทำไมอีก อย่างที่นายบอกว่าเรื่องมันก็นานมาแล้ว เก็บเอามาคิดก็ทุกข์ใจซะเปล่าๆ” ชายหนุ่มพูดต่อ กีรติขมวดคิ้วด้วยความสงสัยปนแปลกๆในใจ ไม่คิดว่าคนที่เกลียดกันปานจะฆ่ากันเสียให้ได้จะมาพูดคุยกระชับสัมพันธ์กันง่ายดายเสียแบบนี้

ไม่ มันง่ายเกินไป มันต้องมีอะไรมากกว่านี้แน่ๆ กีรติมั่นใจแบบนั้น แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ฉลาดพอที่จะทำทีเป็นพยักหน้ารับรู้และเข้าใจ

“แล้วที่หายไปสองวัน ก็แค่ทำตัวให้ชินกับมิตรภาพใหม่เท่านั้นแหละ ไปช้อปปิ้งบ้าง เดินเล่นบ้าง เที่ยวเพลินจนไม่มีใครสนโทรศัพท์ จากนั้นก็กลับมานอนที่โรงแรม ตื่นเช้ามาก็พามาส่งเนี่ยแหละ ไม่ว่ากันนะที่พาตัวหนูนาหายไปดื้อๆ” คลาร์กยังคงพูดต่อแต่นารากลับรู้สึกว่าบรรยากาศรอบด้านนั้นอึดอัดจวนเจียนจะเป็นลม

แน่นอน คลาร์กโกหก

ไม่มีการเดินเล่น ช้อปปิ้ง หรือทำตัวให้ชินกับมิตรภาพใหม่อย่างที่ชายหนุ่มบอกกีรติไป มีแค่การที่เขาต้องนอนเป็นเครื่องระบายอารมณ์ของคลาร์กอยู่บนเตียงกว้างเพียงเท่านั้น

“ตอนนี้เราก็เป็นเพื่อนกัน อาจจะมีมองหน้ากันไม่ติดบ้าง แต่พี่ก็แค่อยากเริ่มต้นใหม่กับหนูนา...แล้วก็นาย ไม่รังเกียจกันนะกีย์” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงนุ่ม ท้ายประโยคดวงตากลมโตทอดมองไปยังร่างของคุณหมอตัวขาวด้วยสายตาที่สื่อความหมาย นาราขยับตัวอย่างอึดอัดก่อนจะก้มหน้างุดลงกับจานข้าวแล้วแสร้งทำบ่นเสียงแหลม

“รีบกินสิ จีบกันอยู่นั่นแหละ ข้าวติดคอไม่รู้ด้วยนะ” บรรยากาศบนโต๊ะอาหารกลับมาเงียบอีกครั้งเมื่อต่างคนต่างสนใจอาหารเพื่อสุขภาพฝีมือของกีรติ คลาร์กบ่นอุบเล็กน้อยเพราะเจ้าตัวไม่ชอบกินผักเรียกร้อยยิ้มหยันจากกีรติได้เป็นอย่างดี

“พี่นี่ไม่เปลี่ยนเลยนะ” กีรติเย้าพลางตักผักสีสันสดใสใส่จานของนารา ร่างเล็กส่งยิ้มขอบคุณไปให้ก่อนจะหันไปเจอสายตานิ่งเรียบที่ส่งมาจากคนที่นั่งตรงข้าม ไม่นานอาหารบนโต๊ะก็ถูกกวาดจนเรียบ คลาร์กอาสาล้างจานให้ในขณะที่นารามีหน้าที่ทำความสะอาดโต๊ะ ตอนแรกนารากะว่าจะเดินไปดูความเรียบร้อยในครัวเสียหน่อยแต่พอมองไปเห็นร่างของคนสองคนที่ยืนเถียงกันในนั้นก็ได้แต่เม้มปากและตัดสินใจตะโกนบอกกีรติว่าขอขึ้นห้องก่อนเพราะอยากจะพักผ่อนโดยไม่สนเสียงทักท้วงของกีรติและสายตาเย็นเยียบของคลาร์กแม้แต่น้อย

เหนื่อย การเสแสร้งว่าปกตินั้นมันเหนื่อยมาก

นาราเหนื่อยเหลือเกิน

เขาไม่ใช่คนโง่ เขารู้ดีว่ากีรติไม่มีทางเชื่อว่าคนที่ผ่านอดีตที่แสนเลวร้ายจะกลับตัวกลับใจมาสร้างมิตรภาพกันเพียงข้ามคืน ใครๆก็รู้ว่ากีรติมีเพียงคนเดียวในโลก ฉลาดและใจดี แต่คลาร์กไม่ใช่กีรติ ชายหนุ่มไม่มีทางปล่อยเรื่องในอดีตให้ผ่านไปง่ายๆแล้วทำเป็นว่าความสัมพันธ์ของตนกับนาราราบรื่นดีหรอก แต่ก็นั่นแหละ หากว่ากีรติเลือกที่จะไม่ถามและเล่นตามเกม นาราเองก็จะทำเป็นว่าไม่รับรู้อะไรและทำสิ่งที่ต้องทำก็เพียงพอ นาทีนี้ขอเพียงอย่างเดียว ขอแค่ให้นาราได้ชดใช้ความผิดให้แก่คลาร์กเพื่อที่ว่าเขาทั้งคู่จะได้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก

นาราเจ็บมามากพอแล้ว เจ็บจนซักวันหนึ่งมันคงจะกลายเป็นความเฉยชา แต่คำถามคือเมื่อไหร่? และนาราจะทนได้อีกนานแค่ไหน?

ก๊อกก๊อกก๊อก


“หืม...กีย์เหรอ” คนตัวเล็กเอ่ยขึ้นกับคนที่ยืนอยู่หลังบานประตู คิ้วเข้มขมวดเป็นปมในขณะที่สองขาพาร่างกายไปหยุดยืนหน้าประตูพร้อมกับเอื้อมมือไปจับลูกบิดเตรียมเปิดประตูให้คนข้างนอกเข้ามาเพราะนึกว่าเป็นกีรติ แต่พอนารามองเห็นคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าร่างกายก็แข็งทื่อทันทีพร้อมกับกระแทกประตูเตรียมปิดแต่ทว่าคลาร์กกลับแทรกตัวเข้ามาในห้องนอนของเขาได้อย่างรวดเร็ว

“เดี๋ยวสิคุณ!” คนตัวเล็กแหวเสียงแหลมก่อนจะร้องเสียงหลงเมื่อคลาร์กกระแทกประตูปิดดังปังก่อนจะดันร่างเล็กให้ถลาเข้าไปชิดติดผนังพร้อมกับบดเบียดร่างกายเข้าไปจนชิดแทบไม่เหลือช่องว่างใดๆให้อากาศลอดผ่าน นาราใจหายวาบที่โดนคนตรงหน้ารุ่มร่าม ร่างเล็กออกแรงดิ้นพร้อมกับส่งเสียงประท้วงในลำคอเบาๆเพื่อให้หลุดจากพันธนาการ

“คลาร์ก ปล่อย!” กลีบปากเล็กประท้วงพร้อมกับจ้องมองใบหน้าหวานด้วยแววตาดุดัน คลาร์กเองก็ไม่ยอมแพ้ จ้องกลับเข้าไปในลูกแก้วคู่สวยด้วยความไม่พอใจไม่แพ้กัน

“ไหนนายบอกจะช่วยฉัน แล้วนี่อะไร หนีขึ้นมานอนขลุกอยู่บนห้องเนี่ยนะ” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น นาราเม้มปากเมื่อรู้เจตนาของคนตรงหน้าก่อนจะถนหายใจ

“ผมปวดหัว อยากนอนพัก”

“แล้วที่นายบอกว่าจะช่วยฉันน่ะ นายจะช่วยยังไง” ชายหนุ่มถามขึ้นอีกครั้ง คำถามของคลาร์กทำเอาแววตาคู่สวยวูบไหวไปชั่วครู่ นาราเม้มปากเน้นจนเป็นเส้นตรงก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ

ดวงหน้าหวานเบือนหน้าหนีสายตาคาดคั้นของคลาร์กจนไปปะทะเข้ากับกรอปรูปที่ตั้งอยู่ไม่ไกล มันเป็นรูปถ่ายของพวกเขาสามคนเมื่อหลายปีก่อน มีนาราในชุดคนไข้นั่งอยู่บนรถเข็นในขณะที่อีริคกับกีรติยืนประกบซ้ายขวา ใบหน้าของนาราในภาพนั้นฉีกยิ้มกว้างแต่ดูเป็นการฝืนยิ้มเสียมากกว่า ส่วนกีรติกำลังยืนทอดมองมาที่คนไข้บนรถเข็นด้วยสายตาอ่อนโยน มือเรียววางแหมะไว้บนกลุ่มผมนุ่มพร้อมกับรอยยิ้มที่จุดขึ้นมุมปาก กริยาของคุณหมอตัวขาวตกอยู่ในสายตานิ่งเรียบของอีกคนที่ยืนอยู่อีกข้าง อีริคยืนมองกีรติลูบผมนาราด้วยสายตาลึกซึ้ง

บางทีคงไม่ต้องหาคำตอบหรอกว่าอีริครักใครแบบไหน เพราะหากมาคิดดูดีๆแล้วคำตอบมันก็ชัดเจนอยู่ในแววตาของบอร์ดี้การ์ดหนุ่มแล้ว

ขอโทษนะริค

“ผมจะช่วยกันริคออกจากกีย์ให้คุณไง”

ฉันขอโทษจริงๆ

.
.
.

ออฟไลน์ March. Marcia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +166/-5
“กันอีริคออกให้ฉัน?” คลาร์กทวนคำพูดพร้อมกับขมวดคิ้วจนแน่น

“ใช่ อีริคน่ะรักกีย์ไม่น้อยไปกว่าที่เขารักผม เพราะแบบนั้นเขาคงไม่ยอมให้คุณกลับเข้ามาวุ่นวายกับชีวิตพวกเราง่ายๆหรอก” นาราอธิบาย คลาร์กได้ยินก็พ่นลมหายใจออกอย่างหงุดหงิดก่อนจะตอกกลับไปด้วยความโมโห

“แล้วที่มันเป็นแบบนี้เพราะใคร เพราะนายไม่ใช่เหรอนารา นายเลวเอง ไอ้บ้านั่นมันก็ซื่อสัตย์จนขึ้นสมอง อย่าลืมสิ่งที่ตัวเองเคยทำไว้กับคนอื่นสิ” ชายหนุ่มถากถางทำเอาคนตัวเล็กสะอึก

“...”

“รู้มั้ยว่าพวกนายทำเหมือนเรื่องเมื่อก่อนฉันเป็นคนผิดทั้งๆที่ความจริงแล้วคนผิดคือนาย ต้นเหตุคือนาย แต่ทำไมเป็นฉันที่ไม่เหลืออะไรเลยล่ะ” คลาร์กถามเสียงราบเรียบ นาราเม้มปากแน่นพลางจ้องมองใบหน้าหวานตรงหน้าพร้อมกับตัดพ้อออกไป

“ไม่ใช่แค่คุณคนเดียวหรอกที่ไม่เหลืออะไร เราทุกคนไม่เหลืออะไรเหมือนๆกันนั่นแหละคลาร์ก”

“...”

“แต่เราก็สร้างมันขึ้นมาใหม่ได้ อะไรที่มันเสียไปเราก็หามาใหม่ได้เสมอนั่นแหละ ขอแค่คุณเปิดใจยอมรับมันก็เท่านั้น” นาราพูด คลาร์กเงียบไปอึดใจก่อนจะถอนหายใจออกมาช้าๆพร้อมกับเคลื่อนกายเข้าไปซบลาดไหล่เล็กเอาไว้อย่างคนที่ต้องการหาที่พักพิง

“จริงๆแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่หนูนา เรื่องเลวร้ายนี้มันเริ่มต้นจากตรงไหนเหรอ” ร่างสูงถามขึ้นด้วยความอ่อนล้า การใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพังมานานทำให้เขาอ่อนแรงเต็มที คลาร์กแค่อยากหาที่ระบาย หรือใครซักคนที่เข้าใจในสิ่งที่เขาเผชิญมาตลอด นาราหัวเราะอย่างขมขื่นก่อนจะวาดแขนกอดร่างสูงโปร่งของคนตรงหน้าเอาไว้แน่น

“ผิดที่ผมเองแหละ ผมยึดติดกับคำสัญญาในตอนนั้นมากเกินไป ทั้งๆที่มันก็เป็นแค่คำพูดไม่คิดแบบเด็กๆ พอคุณเปลี่ยนไปผมก็เลยตั้งรับความรู้สึกไม่ทัน ขอโทษนะ”

“...”

“ผมไม่หวังให้คุณจำเรื่องในตอนนั้นได้หรอกนะ ตอนนี้ผมทิ้งอดีตไปหมดแล้ว ผมจะไม่หันหลังกลับไปมองมันอีก คุณเองก็ควรทำอย่างนั้นด้วยเหมือนกัน”

“ใครบอกว่าฉันจำไม่ได้…” คลาร์กพูดเสียงอู้อี้ ทำไมเขาจะจำคำพูดที่หลุดออกมาจากปากตัวเองไม่ได้

“อะไรนะ?”

“...”

“คุณจำได้?” นาราเลิกคิ้วถาม รู้สึกเจ็บแปลบวาบขึ้นมาในอก คลาร์กพยักหน้าน้อยๆก่อนจะกระชับอ้อมกอดรั้งให้กายเล็กแนบชิดกับร่างของเขามากยิ่งขึ้นพร้อมกับกระซิบชิดลำคอขาว

“ฉันจำได้หมดนั่นแหละว่าฉันบอกหนูนาให้รอฉันกลับไปหา ฉันจำคำพูดตัวเองได้ดี แต่หัวใจคนมันห้ามกันไม่ได้หรอก ฉันห้ามตัวเองไม่ให้ตกหลุมรักกีย์ไม่ได้จริงๆ ฉันขอโทษ” คลาร์กพูด นาราได้ยินก็ตัวชาวาบขึ้นมาทันที ดวงตากลมโตสั่นระริกพร้อมกับอัตราการเต้นของหัวใจที่แผ่วเบาจวนเจียนจะหยุดอยู่ร่อมร่อ

 

คลาร์กจำได้ แต่เลือกที่จะละเลยความรู้สึกเขาอย่างนั้นหรือ

 

“ใจร้าย...” นาราพูดเสียงแหบแห้ง ถ้าบอกว่าระยะเวลาที่คลาร์กไปเรียนต่อนั้นเขาไม่ได้จดจำคำพูดของตัวเองที่เคยพูดเอาไว้นารายังไม่เจ็บเท่ากับการรู้ว่าคลาร์กรับรู้มันแต่เลือกที่จะเมินเฉย

“อย่างน้อยก็น่าจะบอกกัน” นาราตัดพ้อ

“ขอโทษ ขอโทษนะนารา”

“อย่างน้อยนายน่าจะบอกผมว่าไม่ต้องรอ ไม่ต้องถามหา คุณน่าจะติดต่อกลับมาหรือฝากพ่อมาบอกก็ได้นี่ว่าคุณรักคนอื่นไปแล้ว แต่คุณก็ยังปล่อยให้ผมรอตั้งหลายปี รออย่างมีความหวัง คุณให้ผมรอคุณกลับมา แล้วคุณก็กลับมาพร้อมกับทำเป็นจำไม่ได้ว่าเคยพูดอะไรไว้ กลับมาพร้อมกับจับมือใครอีกคนและบอกว่าคุณรักเขา คุณมัน...ฮึก” นาราพรั่งพรูคำพูดออกมายาวเหยียดอย่างสุดจะทน สิ่งที่รับรู้ทำให้หัวใจบีบรัดจนเจ็บเจียนตาย

ครานั้นหลังจากที่คลาร์กบอกให้นารารอ หลังจากนั้นเพียงไม่กี่เดือนคลาร์กก็เดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศ ทิ้งเอาไว้เพียงคำบอกลาผ่านข้อความจากปากของบิดาของนาราว่าให้รอ และนาราเองก็เชื่อ เชื่อคำพูดที่ว่าพี่คลาร์กของเขาจะกลับมา นาราตั้งตารอคลาร์กตั้งแต่วันนั้น ไม่มองใคร ไม่หวั่นไหว ตั้งใจเรียนและเติบโตจนได้เข้ามาทำงานในบริษัทที่บิดาของตนเป็นเจ้าของ แม้เวลาจะผ่านไปนานเป็นสิบๆปีนาราก็ยังรอ คอยถามไถ่ความเป็นไปผ่านทางบิดาของคลาร์กอยู่เสมอ เขาจำได้ดีว่าดีใจมากแค่ไหนที่รู้ข่าวว่าคลาร์กกำลังจะกลับมา วันนั้นนาราตื่นแต่เช้าและมาหาคลาร์กที่บ้าน หัวใจเต้นตึกตัก เอาแต่คิดว่าคลาร์กจะยังจำเขาได้อยู่ไหม มัวแต่คิดว่าจะทักทายคลาร์กยังไงจนไม่ได้สังเกตว่าคนที่เขารอจูงมือใครอีกคนเข้ามาในบ้านด้วยท่าทีสนิทสนมรักใคร่

“พ่อครับ นี่กีรติ คนรักของผม”

เหมือนฟ้าถล่มลงมาตรงหน้าเมื่อร่างสูงของคลาร์กยืนเคียงข้างชายหนุ่มหน้าตาดีอีกคนที่นาราเทียบไม่ติด นาทีนั้นนาราแทบจะล้มทั้งยืน แต่เขาก็ฝืนเดินเข้าไปหาคลาร์กพร้อมกับทักทายอย่างเป็นมิตรทั้งที่ในใจเต้มไปด้วยคำถามมากมาย

“ผมหนูนาไง พี่จำผมได้มั้ย” นาราเอ่ยถามเสียงเบาหวิว คลาร์กขมวดคิ้วมองมาที่เขาชั่วครู่ก่อนจะพยักหน้าน้อยๆแล้วส่งยิ้มให้

รอยยิ้มที่มีแต่ความว่างเปล่า

“จำได้ โตขึ้นเยอะเลยนะเนี่ยเรา” คลาร์กพูดพร้อมกับยีหัวเขาด้วยความเอ็นดู นาราใจชื้นขึ้นทันทีก่อนจะส่งยิ้มหวานไปให้

“คิดถึงพี่คลาร์กจัง ไปตั้งนานทำไมไม่ติดต่อมาหาผมบ้างเลย ก่อนไปพี่พูดไว้ว่ายังไงผมยังจำได้อยู่นะ” นาราเจื้อยแจ้วพร้อมกับเดินไปเกาะแขนคลาร์กทันที

“หืม?” คลาร์กเลิกคิ้วถามทำเอานาราขมวดคิ้วทันที แต่คนตัวเล็กก็คิดว่าคลาร์กเพียงแค่ลองใจเขาเล่นๆเท่านั้นจึงไม่ได้ใส่ใจอะไร

“พี่นี่นะ จริงสิ สโนว์บอลที่พี่ส่งมาให้ผมเมื่อตอนคริสต์มาสปีที่แล้วผมทำแตกไปแล้วอ่ะ อย่าโกรธผมเลยนะ” นาราพูดถึงของขวัญที่พ่อของเขาบอกว่าคลาร์กส่งมาให้ทุกๆปีตามเทศกาลต่างๆ แต่ของขวัญปีที่แล้วนั้นนาราเผลอทำแตก แต่ก็แตกไปแค่ชิ้นเดียวเท่านั้น ของขวัญชิ้นอื่นๆยังคงอยู่ดีในตู้เก็บของ คนตัวเล็กได้แต่ภาวนาขอให้คลาร์กไม่โกรธที่ทำของขวัญล้ำค่านั้นแตกไป แต่ทว่าคำตอบของคลาร์กกลับเป็นเพียงการขมวดคิ้วงุนงงพร้อมกับเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสงสัย

“ของขวัญอะไรเหรอ” นาราใจเต้นตึกตัก เริ่มเห็นความผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้น แต่ก็ยังฝืนอธิบายต่อ

“ก็ของขวัญจากอเมริกาที่พี่ซื้อมาให้ผมทุกๆปีไง คริสต์มาสปีที่แล้วพี่ซื้อสโนว์บอลมาให้ผม พี่จำไม่ได้เหรอ” นาราเอ่ย คลาร์กหันไปมองหน้ากีรติด้วยใบหน้างุนงงก่อนจะหันกลับไปสบตาบิดาของตนเอง เมื่อพบแววตาตกใจก็เข้าใจทุกอย่าง ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนจะอธิบายกับนาราช้าๆ

“หนูนาครับ คือ…” ชายหนุ่มอ้ำอึ้ง ชั่งใจว่าควรทำตามสายตาคาดคั้นของบิดาหรือบอกความจริงกับคนตรงหน้า แต่ทว่าสุดท้ายชายหนุ่มก็ตัดสินใจพูดออกไปเมื่อคนตัวขาวข้างกายบีบมือเขาเป็นเชิงให้กำลังใจ

“พี่ไม่ได้เป็นคนซื้อของขวัญให้เรา...พี่ไม่ได้ส่งอะไรกลับมาที่นี่เลย ขอโทษนะ” คลาร์กพูด นาราได้ยินก็ได้แต่ขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ จนสุดท้ายก็เป็นบิดาของคลาร์กที่เอ่ยสารภาพออกมา

“ลุงกับพ่อของหนูเป็นคนซื้อให้หนูเองแหละนารา”

เพียงเท่านั้นทุกอย่างก็กระจ่าง ที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นการ์ดอวยพรหรือของขวัญ ทุกสิ่งล้วนมาจากบิดาของเขากับบิดาของคลาร์ก ส่วนเจ้าตัวนั้นไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาวใดๆกับนาราเลย หนำซ้ำยังไปมีคนรักอย่างคุณหมอกีรติอะไรนั่นและพากลับมา

เมื่อทุกอย่างกระจ่างชัด ความเจ็บปวดจากการถูกหลอกลวงหักหลังก็พุ่งชนจนเจ็บเจียนตาย นาราเหมือนตัวเองเป็นแมลงโง่ตัวหนึ่งที่ทุกคนเฝ้ามองและหัวเราะเยาะ พอมองย้อนกลับไปก็เห็นเพียงแค่เด็กชายคนโง่ที่เอาแต่ร้องดีใจกับของขวัญที่ไม่ได้มาจากคนที่เขาคิด ความรู้สึกมากมายถาโถมเข้าใส่จนแทบจะเป็นบ้าต่อหน้าทุกคน ความเสียใจและหยดน้ำตาแปรเปลี่ยนเป็นความคลั่งแค้นและอยากเอาชนะ หลังจากนั้นนาราจึงทำทุกอย่างเพื่อนแย่งคลาร์กมาจากกีรติ ทุกอย่างแม้กระทั่งสั่งให้อีริคไปข่มขืนกีรติจนเจ้าตัวหนีคลาร์กไป และที่คลาร์กต้องหมั้นกับนารานั้น นอกจากการที่นาราขู่จะฆ่าตัวตายแล้วก็ยังมีอีกเหตุผลหนึ่งซึ่งก็คือการที่คลาร์กต้องดูแลรักษากิจการของบิดาที่กำลังล้มละลาย

แน่นอน นี่ก็เป็นฝีมือของนาราซึ่งไม่มีใครรู้นอกจากอีริค

ไม่มีใครรู้และจะไม่มีวันรู้

ทุกอย่างดำเนินไปตามสิ่งที่มันควรจะเป็น หมุนวนเรื่อยไป นาราทำให้ทุกคนเจ็บปวดทรมาน กว่าจะคิดได้ว่าหัวใจเจ็บจนเกินเยียวยาก็เกือบจะสายไป ได้แต่ขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้เขามีสติและคิดได้ว่าทำอะไรลงไปแม้เรื่องมันจะเลวร้ายมากไปแล้วก็ตาม

 

“ฮึก...ออกไป คลาร์ก ออกไป” นาราสะอื้นพร้อมกับเริ่มผลักร่างสูงของคนที่กำลังกอดเขาไว้ให้ออกห่าง รู้สึกเหมือนโดนหักหลังซ้ำแล้วซ้ำเล่า ที่ผ่านมาก็นึกว่าเป็นเพราะอายุยังน้อยตอนที่เอ่ยออกมา จึงไม่แปลกหากคลาร์กจะลืมสิ่งที่เคยพูดไว้ แต่พอมารู้ว่าคลาร์กจำได้แต่ก็ยังเลือกที่จะไปรักกีรติมันยิ่งทำให้รู้ว่าคลาร์กไม่เคยแคร์นาราเลยซักนิด

ถ้าจำได้คลาร์กก็ต้องรักษาสัญญาให้ได้ แต่นี่คลาร์กกลับละเลยมันและปล่อยหัวใจตัวเองให้คนอื่น มันบ่งบอกชัดเจนแล้วว่านาราไม่เคยมีค่าในสายตาของคลาร์กเลย ไม่เคย ไม่เคยมี

“ขอโทษนะนารา ฉันขอโทษ” คลาร์กกอดกระชับคนตัวเล็กแน่นขึ้น แต่ยิ่งกอดนารากลับยิ่งร้องไห้และผลักไสเขาให้ไกลห่าง

“พอแล้วคลาร์ก ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ออกไปจากห้องผม กลับไป ผมจะไม่ทำอะไรให้คุณอีกแล้ว ฮึก...กลับไปซะแล้วอย่ามาที่นี่อีก ฮึก กลับไป ฮือ…” นาราพูดเสียงกระท่อนกระแท่นพลางพยายามดิ้นเพื่อให้คนตรงหน้าคลายอ้อมกอด แต่คลาร์กกลับไม่ยอมปล่อยคนตัวเล็กง่ายๆ เมื่อความอดทนของร่างสูงสิ้นสุดคลาร์กจึงตรึงร่างของนาราเอาไว้แน่นพร้อมกับกดริมฝีปากปิดเสียงสะอื้นของคนตรงหน้าอย่างแผ่วเบา

“อื้อ” ร่างบางร้องประท้วงพร้อมกับดิ้นไปมา แต่ยิ่งดิ้นคลาร์กก็ยิ่งกดกลีบปากให้แนบสนิท จนสุดท้ายนาราก็ได้แต่จำยอมให้คลาร์กทำตามที่ต้องการ

“ฮึก เกลียด ผมเกลียดคุณ ฮือ...ไปตายซะ” นาราพูดพร้อมกับน้ำตาไหลอาบแก้ม คลาร์กได้แต่กอดคนตัวเล็กเอาไว้จนแน่นพร้อมกับเอาแต่พูดคำว่าขอโทษเสียจนนาราอยากจะอาเจียน

เขาจะไม่มีวันเชื่ออะไรคลาร์กอีกแล้ว เขาจะไม่มีวันเชื่อคำพูดของผู้ชายคนนี้อีก

“ฮือ ริค ริคอยู่ไหน…” นาราร้องเรียกหาอีริคเสียงดังลั่น กายบางสั่นระริกอย่างน่าสงสารพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมาแทบขาดใจ หมดแล้ว ฟางเส้นสุดท้ายที่มีมันขาดออกจากกันอย่างสิ้นเชิง ที่ผ่านมานาราหลงคิดว่ากาลเวลาพาลให้คลาร์กลืมเลือน แต่ความจริงกลับเป็นตัวคลาร์กเองที่เลือกที่จะหมางเมิน

“นาราอย่าร้อง ขอโทษ...พี่ขอโทษ” คลาร์กกระซิบชิดแก้มแดงปลั่งแต่ทว่าในตอนนี้คนตัวเล็กไม่มีสติมากพอที่จะรับรู้ กลีบปากบางเอาแต่ร้องหาอีริคเสียงแหบแห้งราวกับเจ็บจวนเจียนจะขาดใจ

“ริค ฮึก ริคอยู่ไหน ฮือ...อยากหาอีริค ฮือ อีริคอยู่ไหน” นาราร้องพร้อมกับตะเกียกตะกายให้หลุดจากอ้อมกอด แต่คลาร์กก็ยังคงเกาะเกี่ยวเอาไว้แน่น สุดท้ายเมื่อทนไม่ไหวร่างสูงจึงพานารากดลงไปกับเตียงกว้างพร้อมกับจูบซับน้ำตาเป็นการขอโทษ

“พี่ขอโทษ พี่ผิดเอง ขอโทษ อย่าเป็นแบบนี้” คลาร์กพร่ำบอกแต่คำพูดทุกคำของชายหนุ่มบัดนี้ส่งไปไม่ถึงนาราเสียแล้ว

“ฮึก...ริค นายอยู่ไหน ฮึก...” นาราสะอื้นจนตัวโยน กลีบปากบางเอาแต่ร้องหาบอร์ดี้การ์ดหนุ่มที่ซึ่งเป็นที่พึ่งหนึ่งเดียว เป็นเพียงคนเดียวที่นาราไว้ใจได้ เป็นเพียงคนเดียวที่จะไม่ทำร้ายนาราไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

“ฮึก... ช่วยด้วย ช่วยลบรอยคลาร์กออกไปที ฮึก ลบไปให้หมด ฮือ…” นาราพูดเสียงสั่นอย่างน่าสงสารแต่คนฟังที่ได้ยินกลับกัดฟันกรอด คลาร์กจ้องมองใบหน้าเปื้อนน้ำตาของคนตรงหน้าก่อนจะพูดขึ้นเสียงดุดัน

“นายพูดบ้าอะไรของนายนารา!”

“ฮึก กอดฉัน ฮือ...ลบรอยคลาร์กไปให้หมด ขอร้อง ลบมันออกไป เอามันออกไป ฮือ” นาราอ้อนวอนทั้งน้ำตาแต่ทว่าประโยคดังกล่าวกลับกระชากสติของคลาร์กให้ขาดผึง ชายหนุ่มตรึงร่างเล็กลงกับที่นอนสุดแรงก่อนจะกระซิบชิดรีฝีปากคู่สวย

“คนที่มีสิทธิ์กอดนายได้มีแค่พี่คนเดียว นารา…”

 

 

ออฟไลน์ March. Marcia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +166/-5
ตอนที่ 11


“คนที่มีสิทธิ์กอดนายได้มีแค่พี่คนเดียว นารา…” คลาร์กพูดขึ้นพร้อมกับก้มลงประกบริมฝีปากลงบนกลีบปากเล็กทันที จุมพิตดุดันของชายหนุ่มทำให้นาราเกิดอาการกลัวขึ้นมาจับใจ กายบางสั่นระริกพร้อมกับดวงหน้าหวานที่พยายามเบือนหนีการรุกราน เสียงสะอื้นยังคงดังอย่างต่อเนื่องพร้อมกับเรียกหาอีริคอย่างคนไร้สติ

“ปล่อย! ฮืออออ ริคอยู่ไหน อยากหาริค” นาราร้องขอเสียงแหบเสียงแห้งจนแสบไปทั่วลำคอ ความเจ็บปวดถูกกลั่นกรองออกมาผ่านของเหลวสีใสที่ไหลรินออกมาจากดวงตาคู่สวย หัวใจที่ถูกขยี้จนแทบละเอียดบัดนี้ขาดวิ่นจนเกินเยียวยา ฝันร้ายที่พยายามลืมเลือนผุดพรายขึ้นมาจากส่วนลึกของความทรงจำจนคนตัวเล็กต้องหลับตาด้วยความหวาดกลัว

“ฮึก ฮือ” คนตัวเล็กเอาแต่ร้องเรียกหาใครอีกคนจนคลาร์กหงุดหงิด ชายหนุ่มกระแทกจูบลงบนกลีบปากคู่สวยเพื่อปิดเสียงร้องแสนทรมานของนาราเอาไว้ก่อนจะจัดการกระชากเสื้อผ้าออกจากร่างกายของนาราจนร่างเล็กเปลือยเปล่า

“อย่าเรียกชื่อคนอื่นตอนอยู่กับพี่!” คลาร์กตะโกนจนร่างบอบบางสะดุ้งและปล่อยโฮออกมาอย่างเสียขวัญ

“ฮึก ริค ฉันอยากหาริค อีริคอยู่หนะ...อื้อ!” เสียงร้องขาดหายไปเมื่อร่างสูงทนไม่ไหว ความโกรธพุ่งทะยานจนทะลุปรอท ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องรู้สึกหงุดหงิดยามที่ได้ยินคนตัวเล็กด้านล่างร้องเรียกหาคนอื่นที่ไม่ใช่เขา อาจจะเพราะว่ามันเหมือนหยามเขาก็ได้ ก็ตอนนี้นาราอยู่กับเขานี่ นาราไม่มีสิทธิ์เรียกชื่อผู้ชายคนอื่นเวลาอยู่ต่อหน้าคลาร์ก ไม่มีสิทธิ์เรียกและจะไม่ไม่วันได้เรียก

ชายหนุ่มปลดเข็มขัดพร้อมกับซิปกางเกงยีนส์ออกก่อนจะแยกเรียวขาขาวออกกว้างพร้อมกับแทรกกายเข้าหานาราอย่างรวดเร็วจนคนตัวเล็กร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

“โอ๊ย! ฮึก...ออกไป ไปให้พ้นนะ ไป!!!” นารายกแขนขึ้นมาผลักอกคลาร์กออกแต่ชายหนุ่มกลับตรึงแขนเล็กลงกับพื้นเตียงพร้อมกับบีบจนแน่น

“ฉันเจ็บ ฮือ ริคช่วยด้วย ฮือ” นาราร้องเสียงหลงและยังคงเอ่ยปากเรียกชื่อบอร์ดี้การ์ดหนุ่มด้วยน้ำตานองหน้า คลาร์กถึงกับเลือดขึ้นหน้าเมื่อเห็นคนด้านใต้ที่ยังคงร้องเรียกหาคนอื่นทั้งๆที่คนที่กำลังครอบครองนาราอยู่คอเขา ชายหนุ่มคำรามในลำคอก่อนจะขยับกายถาโถมใส่ร่างเล็กที่แสนบอบบางอย่างไม่ยั้งแรงจนนารากรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด ร่างเล็กไหวกายไปมาตามแรงกระแทกที่คลาร์กส่งมาพร้อมกับหวีดร้องเป็นระยะๆ

“ฮึก…”

“เรียกชื่อพี่นารา เรียก…” ชายหนุ่มกระซิบเสียงแหบพร่าแต่ทว่านารากลับส่ายหน้าเร็วๆ

“ไม่ ไม่ ฮึก ไม่”

“เรียก! เรียกชื่อพี่นารา!!!!!” ร่างสูงขึ้นเสียงพร้อมกับขยับกายแรงๆเป็นการลงโทษ แต่นาราก็ยังคงส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมกับร้องเรียกหาอีริคอยู่อย่างนั้น คลาร์กกัดฟันกรอดก่อนจะยืดตัวขึ้นแล้วเลื่อนมือไปบีบเรียวขาเล็กอย่างแรงพร้อมกับโถมกายเข้าหานาราด้วยอารมณ์ที่โหมแรงราวกับไฟทำพร้อมจะทำลายทุกสิ่งให้พังพินาศ นาราร้องไห้ออกมาอย่างสิ้นหวังพร้อมกับภาวนาให้อีริคมาช่วยโดยเร็ว

รีบมาก่อนที่นาราจะทนความเจ็บปวดนี้ไม่ไหว ได้โปรด

 

ปึง!

 

พลั่ก!

 

“เชี่ยเอ๊ย!!!!!”

 

ตุ้บ! พลั่ก!

“อะไรวะ!!!!” คลาร์กร้องเสียงหลงเมื่อถูกแรงมหาศาลกระชากจนตัวปลิวออกห่างจากเตียงนอนและถูกชกอย่างแรงโดยไม่ทันตั้งตัว ยังไม่ทันจะเงยหน้ามาดูร่างสูงของเขาก็ถูกอัดอย่างแรงซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“มึงมันเหี้ย ไอ้เลว! ไปตายซะ!” น้ำเสียงดุดันที่คลาร์กจำได้ดีว่าเป็นใครดังขึ้นขณะที่เจ้าตัวตามกระทืบเขาอย่างไม่ออมแรง พอคลาร์กตั้งหลักได้ก็รีบรูปซิปกางเกงก่อนจะสวนกลับอย่างไม่ยอมแพ้ เมื่อโดนเตะมาเขาก็สวนกลับ หากถูกต่อยเขาก็ต่อยกลับอย่างไม่ยอมแพ้

“มึงทำแบบนี้กับคุณหนูได้ยังไงวะ!!!!” อีริคพูดขึ้นอย่างเดือดดาลพร้อมกับประเคนหมัดใส่คนตรงหน้าอย่างไม่ลดละ

“นาราเป็นของกู กูจะทำยังไงก็ได้!!!!” ชายหนุ่มตอบกลับไปพร้อมกับเบี่ยงหน้าหลบกำปั้นที่ถูกส่งมา คำตอบของคลาร์กทำเอาอีริคถึงกับอารมณ์ขึ้นด้วยความโมโห

“แล้วไง เป็นของมึงแล้วจะข่มขืนเขาก็ได้งั้นเหรอไอ้เลว!” ชายหนุ่มตะโกนถามพร้อมกับยืนหอบอย่างเหนื่อยล้า คลาร์กเช็ดเลือดที่มุมปากออกลวกๆก่อนจะเหลือบตาไปมองร่างเปลือยเปล่าบนเตียงที่กำลังกอดตัวเองพร้อมกับสะอื้นไห้จนตัวโยน

สภาพบอบช้ำของนาราที่คลาร์กเห็นเรียกสติของชายหนุ่มให้กลับคืนมา ร่างสูงครางออกมาในลำคอเบาๆก่อนจะถลาเข้าไปหาคนตัวเล็กบนเตียงแต่ทว่าอีริคกลับห้ามเอาไว้

“หนูนา…”

“หยุดอยู่ตรงนั้นเลย มึงไม่เห็นสภาพของนาราหรือไง” อีริคตวัดสายตาคมไปมองคลาร์กด้วยความแค้นก่อนจะเข้าไปรวบร่างเปลือยเปล่าของคนตัวเล็กเข้ามากอดแนบอก นาราสะดุ้งพร้อมกับขยับตัวหนีอย่างหวาดกลัวจนชายหนุ่มต้องรีบปลอบ

“คุณหนูครับ ผมเอง อีริคไง ไม่ต้องกลัวนะ” เมื่อเสียงของอีริคลอยกระทบเข้าสู่โสตประสาทนาราก็ร้องไห้โฮพร้อมกับตะเกียกตะกายคว้าตัวอีริคเข้าไปกอดจนแน่น

“ฮือ ริค ฉันเจ็บ ฮึก ฉันเจ็บ” นาราพึมพำเสียงสั่นไม่แพ้ร่างกาย อีริคมองสภาพบอบช้ำของคนตัวเล็กแล้วก็น้ำตาไหล เจ็บใจที่ปกป้องนาราไม่ได้ เจ็บปวดที่ในครั้งนี้นาราดูจะบอบช้ำมากจนเกินเยียวยา

“ชู่ว อย่าร้องไห้ ผมอยู่ตรงนี้แล้ว ไม่ร้องนะครับ” ร่างสูงพูดพร้อมกับกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นก่อนจะตวัดสายตาไปมองคนที่ยืนอึ้งอยู่ไม่ไกล

“สะใจมึงแล้วใช่ไหมคลาร์กที่เห็นนาราเป็นแบบนี้ พอใจแล้วใช่ไหมที่สามารถทำให้เขาเจ็บเจียนตายแบบนี้น่ะ ถ้าพอใจแล้วก็ไสหัวไปให้พ้นแล้วอย่ามาให้คุณหนูเห็นหน้าอีก” อีริคพูดเสียงสั่น น้ำตาลูกผู้ชายหลั่งไหลออกมาด้วยความเจ็บปวด

“มึงยังเป็นคนอยู่รึเปล่า กูถามจริงๆเถอะ มึงทำลงไปได้ยังไงวะ นาราตัวแค่นี้ มึงทำร้ายเขาอย่างเลือดเย็นได้ยังไง”

“...” คลาร์กไม่ตอบ ได้แต่มองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง ความโกรธชั่ววูบทำให้เขาทำสิ่งเลวร้ายลงไปอีกแล้ว และครั้งนี้มันร้ายแรงเกินไป

“กลับไปซะก่อนที่กูจะฆ่ามึง กูขอร้องล่ะคลาร์ก กลับไป” อีริคพูดเสียงเบาหวิว คลาร์กเบือนหน้าหนีความบอบช้ำตรงหน้าก่อนจะเลือกเดินจากไปอย่างเงียบๆ

“ฮึก อีริค…” นาราเรียกชื่อคนตรงหน้าเสียงเบาหวิว เจ้าของชื่อขานรับเสียงนุ่มพร้อมกับยกมือขึ้นมาไล้น้ำตาออกจากดวงตาคู่สวย

“ผมขอโทษที่มาช้า ผมขอโทษนะ” ชายหนุ่มเอ่อยออกมาอย่างรู้สึกผิด ก่อนหน้านี้เขาได้รับโทรศัพท์จากกีรติให้มาที่นี่เพราะเจ้าตัวติดเคสคนไข้ที่โรงพยาบาล ตอนแรกอีริคก็ไม่เข้าใจว่ากีรติสั่งให้เขาหนีงานกลับมาทำไม แต่พอคุณหมอตัวขาวบอกว่าตนปล่อยให้คลาร์กกับนาราอยู่ตามลำพังเท่านั้นแหละอีริคก็ไม่รอช้า รีบบึ่งรถกลับมาทันทีแต่ทว่าก็ยังช้าเกินไป

เขามาไม่ทันจนนาราโดนรังแกไปแล้ว

“ฮึก รังเกียจฉันมั้ย” นาราถาม ในยามนี้เขาเหมือนเด็กตัวเล็กที่ถูกทำร้ายอย่างทารุณ รอบกายมีแต่ความมืดมิด ไม่มีทางให้ก้าวเดิน ไม่มีแสงสว่างให้เฝ้ามอง

“เกลียดฉันมั้ย”

“ไม่ ผมรักคุณ คุณก็รู้” ชายหนุ่มตอบ นารายิ้มกับคำตอบนั้นก่อนจะกอดร่างสูงของอีริคจนแน่น ไม่ไหว นาราเจ็บจนเกินจะทนไหว เขาคิดว่าเขาไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว

“ช่วยฉันทีได้มั้ย ฮึก ช่วยฉัน...” คนตัวเล็กอ้อนขอด้วยน้ำเสียงเว้าวอน น้ำตายังคงไหลไม่ขาดสายในขณะอีริคจ้องมองลึกลงไปในแววตาคู่สวยของคนตรงหน้าด้วยความสับสน

“พาฉันออกไปจากวังวนนี้ที ได้โปรด”

“คุณหนู...รู้ตัวรึเปล่าว่ากำลังพูดอะไรออกมา” ชายหนุ่มเอ่ยถามร่างเปลือยเปล่าด้านใต้ นาราพยักหน้าทั้งน้ำตาก่อนจะรั้งใบหน้าคมเข้มให้ลงมารับจูบจากกลีบปากอิ่ม เสียงครางอื้ออึงดังขึ้นลอดริมฝีปากที่กำลังแนบสนิทมอบจุมพิตที่แสนล้ำลึกให้แก่กัน นาราถอนจูบออกอย่างอ้อยอิ่งก่อนจะกระซิบชิดริมฝีปากของคนด้านบนด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง

“ช่วยลบ...ลบรอยพวกนี้ออกไปจากตัวฉันทีอีริค ลบรอยคลาร์กออกไปจากตัวของฉันที ขอร้อง” จบประโยคแขนเล็กก็ยกขึ้นโอบรอบลำคอแกร่ง อีริคเม้มปากแน่นเมื่อร่างบอบบางไร้อาภรณ์บดเบียดกับร่างเแกร่งของเขา

“ใจเย็นก่อนนะนารา แบบนี้ไม่ดีแน่” อีริคพูดพร้อมกับพยายามควบคุมสติของตนเอง แต่นารากลับไม่ยอมฟัง ร่างเล็กตวัดขาเกี่ยวเอวสอบของชายหนุ่มก่อนจะอ้อนวอนทั้งน้ำตา

“ไม่ ฮึก...ช่วยฉัน ฉันเจ็บ ฉันเจ็บมากแล้ว ทำให้ฉันลืมเขาทีได้ไหม ลบคลาร์กออกไปจากชีวิตและร่างกายฉันที” นาราอ้อนวอนอย่างน่าสงสาร คงถึงเวลาแล้ว เวลาที่หัวใจนาราไม่ยอมแบกรับความเจ็บปวดใดใดอีกต่อไป

อีริคจ้องมองใบดวงหน้าหวานที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาก่อนจะตัดสินใจก้มลงจูบซับไปทั่วพร้อมกับกระซิบเสียงพร่า

“งั้นลืมหมอนั่นซะ ผมจะทำให้คุณหนูจดจำแค่ผมเพียงคนเดียว คุณจะต้องจำแค่ผมเพียงคนเดียว”

“อื้อ”

“ลืมหมอนั่นซะ แล้วจำแค่ผมเพียงคนเดียว”

 

 

 

 

 

นาราลืมตาตื่นขึ้นอีกครั้งในอ้อมกอดของอีริคบนเตียงกว้าง ดวงตากลมจ้องมองใบหน้าคมเข้มที่กำลังหลับสนิทเพราะความเหนื่อยล้า ที่มุมปากปรากฏรอยแตกและรอยช้ำจากการปะทะกันกับคลาร์ก เมื่อมองเรื่อยลงมาที่ลำคอแกร่งและไหล่กว้างก็มีรอยเล็บข่วนเป็นทางยาว ร่างบางเม้มปากจนเป็นเส้นตรงขณะเอื้อมมือไปสัมผัสรอยเล็บที่เกิดจากฝีมือตนเองแผ่วเบาเพราะกลัวคนที่กำลังหลับใหลจะรู้สึกตัว กลีบปากอิ่มเอ่ยขอบคุณอีริคเบาๆพร้อมกับเลื่อนใบหน้าหวานเข้าไปกดจูบที่ขมับของบอดี้การ์ดหนุ่มก่อนที่นาราจะขยับตัวลงจากเตียง

“อ่ะ...” เสียงร้องแผ่วเบาดังขึ้นเนื่องจากความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น นารายกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองเอาไว้แน่นก่อนจะเดินไปยังตู้เสื้อผ้าและหอบเอาชุดใหม่ออกมาแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ร่างบอบบางพาตัวเองไปยืนอยู่หน้ากระจกก่อนจะใช้สายตาสำรวจไปทั่วร่าง ดวงตากลมโตจ้องมองรอยรักสีกุหลาบที่ลำคอระหงเรื่อยไปจนถึงแผ่นอกบางแล้วหลั่งน้ำตาลงอย่างเงียบๆ

นี่ไม่ใช่รอยที่คลาร์กทำ ก่อนหน้านี้ผู้ชายคนนั้นไม่ได้สร้างรอยรักมากมายขนาดนี้เอาไว้บนคอของเขา แต่รอยที่นาราเห็นในตอนนี้แน่นนอนว่ามันเกิดจากฝีมือของอีริค

นารานึกย้อนไปยังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากที่เขาขอร้องให้อีริคทำเรื่องแบบนั้นเพื่อให้ลืมคลาร์ก แน่นอนว่าอีริคทำ แต่ถึงแบบนั้นสัมผัสของคลาร์กมันก็ยังไม่ได้จางหายไป บางจุดที่อีริคไม่ได้ลบเลือนยังคงมีคลาร์กอยู่ แม้ว่าร่องรอยตามร่างกายจะถูกบอดี้การ์ดหนุ่มจูบซับและทับรอยลบเลือนแต่ทว่าร่องรอยบาดแผลภายในจิตใจของนารากลับยังเด่นชัด

รอยที่เกิดจากผู้ชายที่ชื่อว่าคลาร์ก

“ฮึก” คนตัวเล็กน้ำตาไหลอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อภาพความอ่อนโยนของอีริคถูกแทนที่ด้วยความโหดร้ายป่าเถื่อนของใครอีกคนที่รังแกเขาก่อนหน้านี้ ใบหน้าดุดันที่จ้องมองมาที่เขาพลางตะโกนเสียงกร้าวเพื่อบังคับให้เขาเรียกชื่อของเจ้าตัว กายแกร่งที่ถาโถมเข้าหาอย่างรุนแรงพร้อมกับความเจ็บปวดที่ทบทวีตอนนี้ยิ่งเด่นชัดจนนาราทรุดตัวลงกับพื้นห้องน้ำและกอดตัวเองแน่นพร้อมกับโยกกายไปมาเพื่อปลอบประโลมตนเอง

“เดี๋ยวมันก็ผ่านไปนะ เดี๋ยวทุกอย่างก็หายไป ฮึก นายจะต้องไม่เป็นไรนะนารา ไม่เป็นไร” คนตัวเล็กพึมพำเสียงเบา กายบางสั่นเทิ้มพร้อมกับหัวใจที่เต้นแรงจนรู้สึกหนักหน่วงไปทั่วอก นาราปล่อยให้น้ำตาหลั่งรินรดหัวเข่าอยู่ซักพักก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบเสื้อผ้ามาสวมใส่ลวกๆ ไม่แม้แต่จะชำระล้างคราบที่คลาร์กและอีริคทิ้งเอาไว้บนร่าง เมื่อแต่งตัวเสร็จนาราก็ค่อยๆก้าวเท้าออกจากห้องน้ำอย่างระมัดระวังก่อนจะเดินไปหยุดอยู่ที่ข้างเตียง

คุณหนูตัวขาวทอดมองร่างแกร่งที่กำลังหลับใหล ผ้าห่มผืนใหญ่ร่นลงมาจนถึงเอวสอบเผยให้เห็นแผ่นอกแกร่งที่นาราเกาะเกี่ยวมาก่อนหน้านี้ ร่างบางยกยิ้มขึ้นก่อนจะโน้มตัวไปจูบแก้มสากของอีริคอีกครั้งแล้วถือวิสาสะหยิบกุญแจรถที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงยีนส์ของชายหนุ่มบนพื้นห้องและเดินจากมา ระหว่างทางที่เดินไปที่รถนาราก็คว้าโทรศัพท์ของอีริคที่เจ้าตัวหยิบติดมือมาด้วยพร้อมกับกดเบอร์โทรที่เขาจำได้ขึ้นใจ รอไม่นานปลายสายก็กดรับพร้อมกับกรอกเสียงมาตามสายเป็นเวลาเดียวกันกับที่นาราเดินมาถึงตัวรถพอดี

[ว่าไงอีริค] น้ำเสียงนุ่มทุ้มน่าฟังดังขึ้นพลอยให้หัวใจที่เต้นแรงของนาราสงบลงไปได้บ้าง หากแต่ความรุ้สึกหนักหน่วงและปั่นป่วนยังคงอยู่ นาราเปิดรถเข้าไปนั่งประจำที่ก่อนจะกรอกเสียงลงไปด้วยน้ำเสียงสั่นระริก

“ผมนารานะครับ”

[อ้าว...ว่าไงนารา มีอะไรหรือเปล่า] ปลายสายถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจ นาราเม้มปากแน่นพลางพูดกับปลายสายในขณะที่ร่างกายที่เคยปกติเริ่มสั่นเทิ้มขึ้นเรื่อยๆ

“ผมคิดว่าตัวเองกำลังจะกลับไปเป็นแบบเดิม คุณอยู่ที่ไหน ช่วยผมทีได้ไหม ผม...อึ่ก ผมกลัว ผมกลัวโทมัส ผมกลัว” ร่างเล็กละล่ำละลั่กบอก ความทรงจำต่างๆเริ่มไหลเวียนเข้ามาปะปนกันจนนาราปวดหัว

[ใจเย็นนะนารา คุณมาหาผมที่โรงพยาบาลนะ มาได้รึเปล่า] ปลายสายถาม นาราพยักหน้าน้อยๆก่อนจะตอบกลับไป

“ได้ครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้” นารารับคำก่อนจะกดตัดสายพร้อมกับสตาร์ทรถและขับออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว

ตลอดทางสมองของนาราคิดอะไรไม่ออก ในหัวของเขามีแต่ภาพคลาร์กตั้งแต่เด็กจนครั้งล่าสุดที่เขาถูกผู้ชายคนนั้นทำร้ายย่ำยี ภาพของกีรติในวันแรกที่พบกันหรือแม้แต่ร่างแกร่งของอีริคที่กำลังทาบทับร่างของเขาเอาไว้พร้อมกับมองเขาด้วยสายตาจงรักภักดี คำพูดมากมายหลั่งไหลเข้าถาโถมจนร่างกายของนาราสั่นเทิ้มพร้อมกับน้ำตาที่ยังคงไหลรินออกมาไม่หยุดหย่อน

“อย่าเอาตัวเองไปเทียบกับกีย์เลย กีรติน่ะดีกว่านายเยอะนารา”

“ฮึก...หยุด...”

“เรื่องรณกรน่ะ ขอล่ะนารา คนนี้ฉันรักจริงๆ”

“นี่นารา หัดทำตัวให้มีเหตุผลหน่อยได้มั้ยฮะ ก็บอกว่าไม่ว่างก็คือไม่ว่างสิ จะไปไหนก็ไปเถอะไปฉันรำคาญ”

“ความรักมันไม่สนคนดีหรือคนเลวหรอกครับ มันก็แค่ทำหน้าที่ของมัน ส่วนตัวเรามีหน้าที่ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันให้ได้ หากรักสมหวังก็ต้องเรียนรู้ที่จะประคับประคองให้มันคงอยู่จนตลอดรอดฝั่ง แต่หากไม่สมหวังเราก็ต้องเรียนรู้ที่จะเจ็บปวด ปล่อยวางและเข้มแข็ง”

“พอที ออกไปจากหัวฉันให้หมดนะ...” ร่างเล็กเค้นเสียงพูดพลางกำพวงมาลัยจนเจ็บมือแต่ทว่าภาพและคำพูดต่างๆกลับยิ่งถาโถมเข้ามาในหัวของนาราราวกับเดจาวู

“พอเถอะครับ คุณหนูของผมเหนื่อยมามากพอแล้ว คุณหนูตัวเล็กของผมเจ็บมามากพอแล้ว อย่าถลำลึกลงไปกว่านี้อีกเลย”

“รักฉันมากใช่มั้ยนารา รักมากก็ตายเพื่อฉันสิ ตายเหมือนที่กรตาย ควักมันออกมา ควักหัวใจนายออกมา!!! ควักมันออกมาสิ!! ไอ้หัวใจเฮงซวยไร้ค่าที่บอกว่ารักฉันนักหนาน่ะ ลองควักมันออกมาให้ฉันดูซิ กล้าฆ่าคนอื่นเพราะรักฉันแล้วกล้าฆ่าตัวเองที่มารักฉันบ้างมั้ยนารา ควักมันออกมา!!!!!”

“ฮึก...ไม่ ไม่ พอแล้ว”

“มันจะไม่มีวันนั้นนารา นายจะไม่มีวันมีความสุข”

“ในเมื่อนาราทำมันลงไปแล้วก็ต้องทำใจยอมรับกับผลที่มันตามมา ยอมรับบาดแผลที่จะติดตัวนายไปตลอดชีวิต นายกลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้หรอก”

“อาพิสิทธิ์ครับ ผมขอน้องได้มั้ย?”

“ไม่รู้ล่ะ โตขึ้นมาจะมาเอาน้อง ผมขอแล้ว แล้วผมก็ไม่ให้ใครด้วย...หนูนารอพี่นะ!”

“ทำไมนายถึงยังยืนอยู่ตรงนี้ นารา”

“นายพูดง่ายเหลือเกินนะกีรติ กับชีวิตคนคนหนึ่งที่เสียไปนายพูดมันออกมาง่ายเหลือเกิน แล้วพี่ล่ะ ความเจ็บปวดที่พี่ได้รับล่ะ มีใครมองเห็นมันบ้างมั้ย ความยุติธรรมของกรล่ะ เขาไม่สมควรตายด้วยซ้ำ คนที่สมควรตายคือนาราของนายมากกว่ากีรติ!”

“ฮือ พอที ได้โปรด”

“ฉันต้องการนาย ร่างกายของนาย”

“ไม่!!!!!!!”

“นายน่ารักขึ้น...น่ารักมาก”

“อีกนิดนะ อ่ะ อีกนิดนารา อีกนิด”

“ใครบอกว่าฉันจำไม่ได้…”

“นาราอย่าร้อง ขอโทษ...พี่ขอโทษ”

“เรียกชื่อพี่นารา เรียก…”

“เรียก! เรียกชื่อพี่นารา!!!!!”

“นาราเป็นของกู กูจะทำยังไงก็ได้!!!!”

“บอกให้ออกไปไง ออกไปให้หมด ออกไปจากหัวฉัน ฮืออออ ออกไปนะ” ร่างเล็กตะโกนพลางละมือออกจากพวงมาลัยรถมากุมหัวตัวเองเอาไว้พร้อมกับหลับตาปี๋ สองขาที่ควรจะเหยียบเบรกและคันเร่งถูกเจ้าตัวนำขึ้นมาชันเข่าแนบลำตัวพร้อมกับกอดตัวเองเอาไว้พลางตะโกนอย่างบ้าคลั่ง รถยนต์คันสวยส่ายไปมาเนื่องจากไร้การควบคุม เสียงบีบแตรดังขึ้นอย่างกลลาหนในขณะที่สติของนาราเลือนหายไปแทบทุกที

“สะใจมึงแล้วใช่ไหมคลาร์กที่เห็นนาราเป็นแบบนี้ พอใจแล้วใช่ไหมที่สามารถทำให้เขาเจ็บเจียนตายแบบนี้น่ะ ถ้าพอใจแล้วก็ไสหัวไปให้พ้นแล้วอย่ามาให้คุณหนูเห็นหน้าอีก”

“ลืมหมอนั่นซะ แล้วจำแค่ผมเพียงคนเดียว”

“ของขวัญอะไรเหรอนารา”

“ก็ของขวัญจากอเมริกาที่พี่ซื้อมาให้ผมทุกๆปีไง คริสต์มาสปีที่แล้วพี่ซื้อสโนว์บอลมาให้ผม พี่จำไม่ได้เหรอ”

“พี่ไม่ได้เป็นคนซื้อของขวัญให้เรา...พี่ไม่ได้ส่งอะไรกลับมาที่นี่เลย ขอโทษนะ”

“ไม่!!!!! ไปให้พ้น!!!!” นารากรีดร้องสุดเสียงพลางทึ้งหัวตัวเองแน่นในขณะที่รถยนต์เสียการควบคุมจนเคลื่อนที่ล้ำไปยังเลนส์ที่มีรถบรรทุกคันใหญ่ขับสวนมา เพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่ทุกอย่างจะเกิดขึ้น สิ่งสุดท้ายที่นารารับรู้คือคำพูดและใบหน้าของคลาร์กที่พูดกับเขาด้วยน้ำเสียงดุดันและสายตาคมเฉียบที่จ้องมองมา

“คนที่มีสิทธิ์กอดนายได้มีแค่พี่คนเดียว นารา…”

ปรื๊นนนนนนนนนนนนนน ตึง โครมมมมมมมมมมมมมมม!!!!

ยานพาหนะขนาดต่างกันปะทะกันอย่างรุนแรงจนเกิดเสียงอึกทึกคึกโครมพร้อมกับเสียงกรีดร้องของผู้คนรอบข้าง ร่างของนาราถูกโครงเหล็กของรถเสียบทะลุช่องท้อง เสียงโวยวายและเสียงรถดังอื้ออึงในขณะที่สติสัมปชัญญะของชายหนุ่มลดน้อยลงเต็มที อัตราการเต้นของหัวใจที่เคยทำงานอย่างหนักบัดนี้กลับแผ่วเบา

นาราเหนื่อยมามากแล้ว ถึงเวลาแล้ว...

นาราเผยยิ้มให้กับตัวเองก่อนจะหลับตาลงพร้อมกับน้ำตาที่หลังรินปนกับเลือดสีแดงฉาน ความรู้สึกเจ็บถาโถมไปทั่วร่าง ศีรษะกลมแหงนไปด้านหลังช้าๆก่อนที่ทุกอย่างจะมืดสนิท

“หนูนา!!!!!!!!!!”

ถึงเวลาที่นาราจะได้โบยบินไปไกลแสนไกลโดยไม่หันกลับมา

 

 

ตลอดกาล

 

 

ออฟไลน์ March. Marcia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +166/-5
ตอนที่ 12


ดวงตาคู่สวยของคลาร์กบัดนี้ชุ่มฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำตา ร่างสูงสั่นเทิ้มด้วยความกลัวที่ก่อขึ้นภายในใจ ภาพเหตุการณ์ก่อนหน้านี้สะท้อนกึกก้องไปทั่วห้วงความคิด ร่างบอบบางของนาราที่อยู่ในสภาพโชกเลือดยังคงติดตา ช่วงท้องของร่างเล็กถูกโครงเหล็กของเครื่องยนต์แทงเข้าไปจนทะลุไปทางด้านหลัง ใบหน้าหวานเปื้อนน้ำตาและคราบเลือดจากศีรษะที่ถูกกระแทกอย่างแรงบวกกับเศษกระจกที่แตกเป็นเสี่ยงๆ กระเด็นเข้าไปฝังตัวอยู่ภายใต้ผิวเนื้อนวลเนียน แขนข้างขวาถูกบาดเป็นแผลยาวในขณะที่ร่างทั้งร่างติดอยู่ในรถยนต์คันหรู คลาร์กยกมือขึ้นมาปิดหน้าพลางส่งเสียงสะอื้นออกมา หัวใจเหมือนถูกถ่วงด้วยสิ่งของที่มีน้ำหนักมหาศาลและถูกเข็มนับร้อยนับพันเล่มทิ่มไปพร้อมๆกัน

คลาร์กจำมันได้ดี ภาพทุกภาพที่เขาเห็น เสียงทุกเสียงที่เขาได้ยินมันชัดเจนเสียจนชายหนุ่มรู้สึกกลัวเมื่อหวนไปนึกถึงมัน ทั้งเหตุการณ์ของนารากับอีริคในห้องนอนไปจนถึงตอนที่รถของนาราแล่นไปประสานงากับรถบรรทุกที่สวนมาบีบให้กำแพงและความเข้มแข็งที่เขาสร้างขึ้นพังทลายลง อกข้างซ้ายซึ่งเป็นที่อยู่ของหัวใจรู้สึกร้าวและปวดปลาบ จังหวะการเต้นของหัวใจเขาทรมานเหลือเกินเมื่อนึกถึงร่างเล็กที่อยู่ในห้องผ่าตัด

“ขอโทษ...หนูนาพี่ขอโทษ” กลีบปากคู่สวยพึมพำเสียงสั่น ดวงตากลมกลั่นน้ำสีใสออกมาครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่หยุดหย่อน ในสมองของคลาร์กมีแต่สีแดงฉานของเลือดที่มาจากร่างของนารา ในห้วงของความนึกคิดมีแต่ภาพที่รถยนต์ของคนตัวเล็กที่เขาขับตามพุ่งไปปะทะเข้ากับรถบรรทุกอีกฝั่งอย่างรวดเร็วและรุนแรง

หากเขาเข้าไปหานาราที่บ้าน เขาไปคุยไปอธิบายแทนที่จะปล่อยให้คนแก้มกลมนั้นขับรถออกมาเรื่องทุกอย่างก็คงไม่เป็นแบบนี้

“อึ่ก...” คลาร์กกลั้นก้อนสะอื้นจนรู้สึกเจ็บไปทั่วลำคอ สองมือประกบกันแน่นพร้อมกับจรดไว้ที่หน้าผากแล้วก็ได้แต่ภาวนาขอให้นาราปลอดภัย

ความจริงแล้วหลังจากที่ทะเลาะกับอีริคและโดนไล่ให้ออกจากห้องคลาร์กไม่ได้หนีไปไหน เขายังคงอยู่หลังบานประตูและได้ยินทุกอย่างที่นาราพูด

คลาร์กได้ยินทุกอย่างที่นาราอ้อนวอนขอ

นาทีนั้นสาบานได้ว่าคลาร์กโกรธ โกรธเอามาก ๆ มือแกร่งกำลูกบิดประตูเอาไว้แน่นพลางซบใบหน้าลงกับบานประตู เสียงร้องไห้ของนาราดังกึกก้องด้วยความเจ็บเจียนจะขาดใจ เสียงร้องไห้ที่กระชากความรู้สึกของเขาอกมา

คลาร์กไม่เคยเป็นแบบนี้ เขาไม่เคยรู้สึกทรมานแบบนี้ ทรมานเหมือนโดนใครซักคนมาบีบหัวใจของเขาแรงๆและขยี้มันจนแหลกละเอียด

 

ไม่...คลาร์กไม่เคยเป็น

 

“ใจเย็นก่อนนะหนูนา แบบนี้ไม่ดีแน่”เสียงอีริคดังแว่วมาทำให้ชายหนุ่มใจชื้น หากแต่พอได้ยินคำอ้อนวอนของนาราร่างกายของคลาร์กก็หมดแรงลงแทบจะในทันที

“ไม่ ฮึก...ช่วยฉัน ฉันเจ็บ ฉันเจ็บมากแล้ว ทำให้ฉันลืมเขาทีได้ไหม ลบคลาร์กออกไปจากชีวิตและร่างกายฉันที”

นาราร้องขอ คลาร์กเม้มปากแน่น ภาพความโหดร้ายทารุณต่างๆที่ทั้งเขาและนาราสร้างให้แก่กันฉายชัดขึ้นมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้คลาร์กกลับมองมันด้วยความรู้สึกที่ต่างออกไป

เมื่อไหร่กันที่ความรู้สึกของเขาเปลี่ยนไป

มันไม่ใช่ความสงสาร

การที่เขาใจจะขาดเพียงได้ยินเสียงร้องไห้ของนารามันคงไม่เรียกว่าความสงสารเป็นแน่ แต่เพราะคลาร์กตระหนักได้แล้วในนาทีนี้ว่าคนที่ทำให้นาราเจ็บปวดแบบนี้คือเขา เป็นคลาร์กที่เริ่มเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้น เป็นเขาเองที่ทำให้นารากลายเป็นคนแบบนี้

“งั้นลืมหมอนั่นซะ ผมจะทำให้คุณหนูจดจำแค่ผมเพียงคนเดียว คุณจะต้องจำแค่ผมเพียงคนเดียว”

“อื้อ”

“ลืมหมอนั่นซะ แล้วจำแค่ผมเพียงคนเดียว”สิ้นเสียงของอีริคเสียงครางระงมและเสียงสะอื้นไห้ก็ดังขึ้น และมันก็เหมือนหอกพุ่งตรงเข้ามาทลายกำแพงในใจของคลาร์กจนหมดสิ้น ร่างสูงทรุดลงกับพื้นอย่างอ่อนแรง ดวงตากลมโตอยู่ๆก็มีน้ำไหลลงอาบแก้มแต่ทว่าไร้เสียงสะอื้น เขานั่งอยู่ตรงนั้น หน้าห้องนอนของนารา นั่งฟังเสียงต่างๆนานาที่ดังลอดออกมานอกห้องเพื่อตอกย้ำว่าบัดนี้นาราได้รับอ้อมกอดจากคนอื่นไปแล้ว อ้อมกอดที่อ่อนโยนกว่าและเต็มใจกว่า กอดที่คลาร์กไม่เคยมีให้นาราเลยซักครั้งเดียว เขาไม่รู้ว่าตัวเองนั่งอยู่หน้าห้องเพื่อฟังเสียงนารากับอีริคนานแค่ไหน แต่เมื่อเสียงต่างๆหยุดลงคลาร์กก็หยัดกายลุกขึ้นและเดินกลับมาที่รถของตัวเองที่จอดอยู่ไม่ไกลจากตัวบ้านเท่าใดนัก

และทันทีที่ชายหนุ่มพาร่างกายเข้าไปภายในรถคู่สวยที่ถูกเช่ามาใช้ชั่วคราว ใบหน้าคมเข้มก็ซบลงกับพวงมาลัยทันทีพลางหลับตาแน่น ปล่อยให้น้ำตาที่ไม่รู้มันมาจากไหนและเพราะอะไรหลั่งรินลงไปตกกระทบกับพวงมาลัยโดยไม่สนใจจะเช็ดมันออก ได้แต่ถามหัวใจตัวเองซ้ำๆว่าความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะสาเหตุใด ทำไมเมื่อก่อนมันถึงไม่เคยมี ทำไมเมื่อก่อนเขาถึงไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับนาราเลยแต่กลับไม่ได้คำตอบ

บางทีความรู้สึกของคลาร์กมันอาจจะเปลี่ยนไปนานแล้วก็ได้...

บางครั้งคลาร์กก็นึกเกลียดหัวใจตัวเอง เขาไม่เคยเข้าใจมันเลยซักครั้ง มันมักสร้างความรู้สึกแปลกใหม่ให้กับคลาร์กเสมอโดยที่ตัวเขาเองก็บังคับไม่ได้ อย่างแรกคือการที่เขาตกหลุมรักกีรติทั้งๆที่รู้ว่าตัวเองได้ให้สัญญากับนาราเอาไว้ แต่ทว่าหัวใจของเขากลับเต้นแรงเสมอเมื่อเจอใบหน้ายิ้มแย้มของกีรติเข้า คลาร์กชอบมองตอนกีรติยิ้ม มันทำให้เขาสบายใจเสมอ พอกลับมาที่ไทยหัวใจก็สั่งให้เขาเมินเฉยกับนาราเสียแล้วเลือกกีรติ ชายหนุ่มทำทีเฉยเมยราวกับจำสัญญาที่ให้ไว้ไม่ได้ ทำราวกับคนไม่คุ้นเคย ทำร้ายนาราให้รู้สึกเหมือนตายทั้งเป็น จนเมื่อนาราร้ายคลาร์กก็เลือกที่จะร้ายกลับแทนที่จะพูดจาโดยใช้เหตุผล ทุกอย่างมันเป็นเพราะเขาปิดกั้นนาราออกไปจากชีวิตทั้งนั้น และเมื่อเจอรณกรทุกอย่างก็ยิ่งเลวร้าย ยิ่งเขาปล่อยใจให้รณกรทุกอย่างกลับยิ่งแย่ลง

นารายิ่งอาการแย่ลงแต่คลาร์กกลับไม่สนใจ

คลาร์กคนงี่เง่า เขามันเด็กไม่รู้จักโต ไร้เหตุผล ไร้สัจจะ จริงอยู่ที่สิ่งที่นาราทำมันร้ายแรง หากแต่กีรติก็พูดเรื่องโอกาสที่สองให้เขาฟังเสมอ คลาร์กสามารถมอบมันให้นาราได้ แต่ทว่าพอกลับมาเจอกันอีกครั้งเขากลับเลือกที่จะทำร้ายจิตใจนารามากกว่าจะพูดกันดีๆ เพียงเพราะคิดถึงรณกรที่ตายไป เพียงเพราะคิดว่านารายังชดใช้ไม่สาสม คลาร์กคิด คิดในมุมมองของตัวเอง โดยไม่ได้มองคนรอบข้างเลยแม้แต่น้อย

กีรติเลือกที่จะหนีไปเพียงเพราะคิดว่าตัวเองไม่ดีพอที่จะยืนเคียงข้างเขาโดยไม่คิดจะต่อสู้ รณกรเลือกที่จะจบชีวิตของตัวเองแทนที่จะต่อสู้เพื่อความรักให้ตัวเองได้มายืนข้างเขา

หากมองอีกมุมแล้วนาราก็ไม่ได้ผิดทั้งหมด คนตัวเล็กแค่ทำร้ายกีรติกับรณกร แต่เหตุการณ์หลังจากนั้นก็เป็นคนทั้งคู่ที่ตัดสินใจเองโดยที่นาราไม่ได้บังคับ

นาราเหมือนเป็นเครื่องพิสูจน์ตัวของกีรติกับรณกรว่าพร้อมที่จะผ่านเรื่องทุกอย่างไปกับคลาร์กได้หรือไม่ คนตัวเล็กก็ไม่ต่างอะไรจากตัวกระตุ้นความอดทนของทั้งรณกร กีรติหรือแม้แต่คลาร์กเอง

และบทพิสูจน์นั้นก็คือไม่ ทั้งกีรติและรณกรต่างยอมถอยเพื่อนาราที่สู้สุดใจเพื่อให้ได้ยืนข้างคลาร์กแม้จะเป็นวิธีการที่ผิด แต่คนตัวเล็กนั่นก็เลือกที่จะยืนหยัดสู้ ซึ่งถ้าทั้งกีรติและรณกรคิดสู้แบบนาราแน่นอนว่าต้องชนะ แน่นอนว่านาราไม่มีทางสู้ได้เพราะยังไงคลาร์กในตอนนั้นก็ไม่เข้าข้างนาราเป็นแน่ แต่สองคนนั้นกลับเลือกที่จะถอยและทิ้งเขาไปแม้จะรักเขามากก็ตามที

ที่ผ่านมาคลาร์กเอาแต่สงสัยว่าทำไมรณกรถึงไม่เคยโกรธนาราเลยแม้ว่าจะเจอเรื่องร้ายแรงมามากมายจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต กีรติเองก็สามารถอภัยให้นาราได้อย่างง่ายดายทั้งๆที่สิ่งที่นาราทำมันร้ายแรงมากเกินกว่าคนคนหนึ่งจะรับไหว หากแต่ตอนนี้คลาร์กเข้าใจแล้วว่าทำไมทั้งสองคนถึงไม่โกรธหรือเกลียดนารา

เพราะทั้งรณกรและกีรติมองเห็นตัวตนของนารามาตั้งแต่ต้น สองคนนั้นเข้าใจหัวใจของนาราดีว่ารักเขามากแค่ไหน เข้าใจดีว่านาราร้ายเพราะอะไร ทั้งคู่รู้ว่านาราเองก็ไม่ได้สะใจหรือมีความสุขหรอกที่ทำร้ายคนอื่นอย่างเลือดเย็น แต่เพราะความรักที่มันบดบังความสามารถในการรับรู้ผิดชอบชั่วดีไปจนหมดจึงทำให้นาราหลงผิดแบบนั้น คนหลงผิดไม่ได้เป็นคนชั่วโดยกมลสันดาน หากแต่เป็นความสับสนเพียงชั่ววูบ เป็นเพียงก้าวที่ผิดพลาดที่สามารถหันหลังกลับไปเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ เพราะชีวิตมันไม่ได้ง่าย บางครั้งเรื่องบางเรื่องมันก็หนักหนาแต่ถ้าเราเลือกที่จะไม่ท้อทุกอย่างมันย่อมดีขึ้น

ผมมันก็แค่ไอ้ขี้แพ้คนหนึ่งที่ไม่กล้าพอจะเผชิญหน้ากับความโหดร้ายเลยเลือกทิ้งมา รณกรคนนั้นก็คงเหมือนกัน หนูนาไม่ใช่ความชั่วร้ายหรอกนะพี่คลาร์ก แต่บทพิสูจน์และการกระทำของเขาต่างหากที่ชั่วร้าย เขาหลงผิด เขาสับสน การกระทำของเขาที่ทำกับผม ทำกับรณกร มันคือการกระทำของเขาที่มาจากสมองที่ยังคงสับสนว่าสิ่งไหนควรสิ่งไหนไม่ควร สิ่งไหนที่ทำแล้วมันจะเกิดผลร้ายแรงตามมารึเปล่า แต่มันไม่ได้มาจากตัวตนของเขา

คลาร์กคิดถึงสิ่งที่กีรติบอกกับเขาก่อนที่เจ้าตัวจะออกไปทำงาน

ในมุมมองของพี่ หนูนาเลว นาราร้าย ใช่...แต่ในมุมมองของผม ความเลวร้ายนั้นมันยังไม่มากพอที่จะทำให้ชีวิตของผมพังยับเยิน ผมโดนข่มขืนแต่ผมก็ยังไม่ตาย ก็แค่ร่างกายที่เสียไปไม่ใช่ชีวิต ผมยังหายใจ ยังทำงานได้ รณกรเองก็เหมือนกัน

สิ่งที่ผมได้รับจากหนูนาในตอนนั้นก็เหมือนกับเครื่องทดสอบว่าผมทนรับความเลวร้ายพวกนี้ได้และพร้อมจะสู้กับเขาซึ่งๆหน้าเพื่อพี่รึเปล่า และผมก็ทนมันไม่ได้ รณกรก็ทนมันไม่ได้ แต่พี่รู้อะไรมั้ย...

กีรติพูดพร้อมกับส่งยิ้มจางๆมาให้เขา

คนที่ทนเผชิญหน้ากับสิ่งเลวร้ายทุกอย่างเพื่อให้ได้พี่มายืนข้างกายน่ะมีแค่หนูนาเท่านั้นแหละ ลองถ้าเขาเป็นผมแล้วโดนใครที่ไหนไม่รู้ข่มขืน เขาก็จะยังอยากที่จะยืนข้างพี่ถ้าหากพี่ต้องการเขาจริงๆแทนที่จะหวาดกลัวสิ่งที่จะเจอต่อไปในอนาคตแบบผมและทิ้งพี่มา เขาจะทำทุกอย่างเพื่ออยู่ปกป้องพี่โดยไม่ทิ้งพี่ไปแบบผมและรณกร ผมน่ะไม่ยอมตายแทนพี่หรอกนะพี่คลาร์ก เพราะผมกลัวตายผมเลยหนีพี่มา และสำหรับรณกรผมไม่รู้ แต่หนูนาน่ะ เขายอมทุกอย่างแหละขอแค่พี่รักเขา แม้แต่ชีวิตเขาก็ให้พี่ได้

ไม่มีใครไม่เลวหรอกนะครับ มันมีแค่เลวมากในมุมมองของใครและเลวน้อยในมุมมองใครก็เท่านั้น ที่ผมพูดไม่ได้หมายความว่าหนูนาไม่ผิด เขายังคงผิด ผิดมากกว่าทุกคนเพราะการกระทำของเขา แต่คนผิดก็สำนึกได้และควรได้รับโอกาสในการแก้ไขตัวเองเสียใหม่ อดีตก็เหมือนของเล่นที่มันพังแล้วนั่นแหละ บางชิ้นควรเก็บมันไว้ดูต่างหน้าหากคิดถึง แต่ชิ้นไหนที่เรามองมันแล้วรู้สึกไม่สบายใจก็โยนมันทิ้งไปซะ เรากลับไปซ่อมมันไม่ได้แล้ว ที่ทำได้ก็แค่เลือกจะเก็บมันไว้ให้เราทุกข์ใจหรือโยนมันทิ้งไปไม่ต้องเห็นมันอีกก็เท่านั้น

ใช่ กีรติพูดถูก ถ้าหากเขาลืมอดีตซะแล้วเริ่มต้นใหม่นาราก็ไม่ต้องเป็นแบบนี้ ถ้าเขาเปิดใจตั้งแต่แรกนาราก็คงไม่ต้องเจ็บปวดและทุกข์ทรมานแบบนี้ ครั้งนี้เป็นคลาร์กเองที่ทำเรื่องที่ควรจะดีขึ้นให้แย่ลง

“หนูนา...พี่ขอโทษ...” ชายหนุ่มพูดเสียงแหบแห้ง กลิ่นคาวและรอยเลือดของนาราเปื้อนร่างกายของเขาจนคลาร์กรู้สึกฉุน คลาร์กเป็นคนแรกที่ถึงตัวนาราก่อนใคร นึกดีใจที่ตอนนั้นเขายังประคองสติตัวเองเอาไว้ได้และพาร่างของนาราขึ้นรถและขับมายังโรงพยาบาล หากต้องโทรเรียกรถพยาบาลเขามั่นใจว่ามันจะต้องใช้เวลานานมากแน่ๆ คลาร์กไม่รู้ว่าการดึงเหล็กที่เสียงท้องของนาราออกแบบนั้นจะเป็นยังไง แต่การปล่อยให้มันเสียบเอาไว้และรอรถพยาบาลดูจะมีความเสี่ยงมากกว่า เพราะแบบนั้นทันทีที่พาตัวเข้าไปในรถได้เขาก็จัดการทำทุกอย่างเพื่อพาร่างของนาราออกมาและตรงดิ่งไปยังโรงพยาบาลซึ่ งโชคดีที่อยู่ไม่ไกลมากนักด้วยความรวดเร็ว เขาไม่แม้แต่จะสนใจคนขับรถบรรทุกที่อยู่ในอาการตกใจหรือการจราจรที่ติดขัด นาทีนั้นสิ่งที่คลาร์กสนใจมีเพียงชีวิตของนาราเท่านั้น

“อย่าเป็นอะไรนะ ได้โปรด” ชายหนุ่มพึมพำออกมาด้วยความหวาดกลัวก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามาด้วยความอึกทึกคึกโครม พอหันไปมองก็พบว่าเป็นกีรติที่ยังอยู่ในชุดกาวน์สีขาวและอีริคในชุดลำลองธรรมดาๆเท่านั้น

ตึกตึกตึก

พลั่ก!

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น!!!! ตอบกูมาคลาร์ก!!!”

อีริคเป็นคนแรกที่วิ่งมาถึงตัวของคลาร์กพร้อมกับกระชากคอเสื้อของร่างสูงจนคลาร์กลอยไปกระแทกกับผนังดังปั่ก บอดี้การ์ดหนุ่มตวาดใส่คลาร์กอย่างบ้าคลั่งอย่างคนที่ควบคุมอารมณ์เอาไว้ไม่ได้ ริมฝีปากหนาก็เอาแต่ตะโกนถามคลาร์กซ้ำๆว่ามันเกิดอะไรขึ้นโดยมีกีรติคอยห้ามปรามไม่ให้อีริคเสียงดังหรือทำอะไรรุนแรงไปมากกว่านี้

“ริคใจเย็นก่อน นี่มันโรงพยาบาลนะ”

“เย็นเหรอ! หนูนาอยู่ในนั้นนายยังจะเย็นได้อีกเหรอวะกีย์ แน่สิก็ไอ้นี่มันเป็นแฟนเก่านายนี่ ปกป้องกันเข้าไป หนูนาจะเป็นตายร้ายดีอะไรนายก็ไม่แคร์เลยสินะ!!!” อีริคหันไปตะคอกใส่กีรติด้วยความโมโห คุณหมอตัวขาวได้ฟังก็ถึงกับลมออกหู ร่างบางดันอีริคออกจากคลาร์กก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับคนตัวสูงกว่าพร้อมกับส่งหมัดหนักๆเข้าไปเต็มหน้าของอีริคเต็มแรง

“มีสติหน่อยได้มั้ยไอ้งี่เง่า! โวยวายไปแล้วมันได้อะไรขึ้นมารึเปล่า!” กีรติตวาดพร้อมกับมองคนที่ทรุดลงไปกับพื้นด้วยแววตาดุดัน อีริคก้มหน้านิ่งไม่โต้ตอบในขณะที่กีรติยืนหอบหายใจพร้อมกับพยายามระงับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านในกายเอาไว้ ทั้งความโกรธและความกลัว

“นายเคยเป็นคนมีเหตุผลและมีสติมาตลอดนะริค”

“...”

“ฉันรู้ว่านายห่วงหนูนา แต่ตอนนี้เราทำอะไรไม่ได้นอกจากรอ โวยวายไปมันไม่ได้ช่วยให้อะไรมันดีขึ้นหรอก” กีรติยังคงพูดเสียงอ่อน อีริคเบือนหน้าหนีไปอีกทางก่อนจะเม้มปากแน่น บรรยากาศรอบด้านอึดอัดเสียจนกีรติอยากจะหนีจากตรงนี้ คุณหมอตัวขาวเดินไปนั่งเก้าอี้ที่อยู่ไม่ไกลก่อนจะยกมือขึ้นมาปิดใบหน้าเอาไว้เพื่อซ่อนหยดน้ำตา บัดนี้สามชีวิตต่างก็จ่มจ่อมอยู่ในโลกของตัวเอง เฝ้าภาวนาขอให้คนในห้องผ่าตัดปลอดภัย

คลาร์กมองร่างที่สั่นเทิ้มเบาๆของกีรติเงียบๆพลางมองไปยังร่างสูงของอีริคที่ยังคงนั่งอยู่กับพื้นไม่พูดไม่จา ก่อนจะตัดสินใจเล่าเรื่องทั้งหมดออกมา น้ำเสียงที่นาราเคยบอกว่ามันน่าฟังบัดนี้สั่นระริก หัวใจสูบฉีดเลือดอย่างหนักหน่วง เพียงแค่คิดว่านารากำลังต่อสู้กับความเจ็บปวดทั้งกายและใจขอบตาของคลาร์กก็ร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้ง

“ฉันนั่งอยู่ในรถ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมไม่ยอมสตาร์ทและขับออกไป แค่นั่ง นั่งอยู่แบบนั้นโดยที่ไม่ทำอะไร นั่งอยู่หน้าบ้านของนาย...”

“...”

“แล้วอยู่ๆหนูนาก็ออกมา เขาคุยโทรศัพท์กับใครซักคน ท่าทางร้อนรน แล้วก็ขับรถออกจากบ้านไป ตอนแรกฉันก็แปลกใจว่าทำไมนายไม่ออกมากับนาราด้วยทั้งที่...” คลาร์กพูดพร้อมกับมองหน้าอีริคก่อนจะเงียบไป

“...”

“อืมนั่นล่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนั้นคิดอะไรอยู่ รู้ตัวอีกทีก็ขับรถตามหลังหนูนาแล้ว” คลาร์กจบประโยคด้วยรอยยิ้มบางเบาราวกับสมเพชตัวเอง อีริคหันหน้ามามองใบหน้าหวานก่อนจะชะงักไปเมื่อเห็นน้ำตาที่ยังคงไหลเอื่อยลงมาอาบแก้ม

คลาร์กร้องไห้งั้นเหรอ ร้องทำไม?

“ฉันขับรถตามรถของเขามาเรื่อย แล้วอยู่ๆรถที่แล่นมาดีๆก็ส่ายไปมา ฉันไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่พอเห็นรถข้ามเลนส์ไปอีกฝั่งฉันก็แทบช็อค...”

“...”

“มันเกิดขึ้น...หนูนาขับรถไปชนรถอีกคัน” คลาร์กเอ่ยพร้อมกับส่งเสียงสะอื้นออกมาไม่หยุด ร่างสูงค่อยๆทรุดตัวลงกับพื้นก่อนจะยกมือขึ้นมาทึ้งหัวตัวเองแรงๆ

“นายรู้มั้ยว่าตอนฉันเห็นหนูนาในรถยนต์คันนั้นมันเลวร้ายมากแค่ไหน”

“...”

“เขาไม่ลืมตา ฉันเรียกเขาก็ไม่ตอบ จะพาออกมาทันทีก็ทำไม่ได้ ไอ้คนขับรถบรรทุกแม่งก็พูดห่าอะไรไม่รู้” คลาร์กพรั่งพรูความรู้สึกออกมาทั้งน้ำตา อีริคที่นั่งฟังอยู่ตรงหน้าได้แต่จ้องมองสภาพของชายหนุ่มที่บัดนี้ไม่เหลือเค้าเดิมให้เห็น น้ำตาลูกผู้ชายไหลรินลงจากดวงตาคม มันเป็นความผิดของเขาที่หลับจนไม่รู้เรื่องไม่รู้ราวจนนาราต้องมาเจ็บแบบนี้

“ฉันเห็นหนูนานอนอยู่ที่เบาะ เลือดเต็มตัว เขาอยู่ตรงนั้น นอนอยู่ตรงนั้น  หลับตาเหมือนคนที่กำลังหลับฝันดี รู้มั้ยว่าตอนหมอนั่นหลับน่ะน่ารักมาก”

“หนูเหมือนเด็กตัวน้อยๆที่กำลังหลับฝันดี”

“...”

“แต่ว่าครั้งนี้มันไม่ใช่ มันมีแต่เลือด...เลือดเต็มไปหมด”

“...”

“หนูนาไม่ได้หลับ แต่เขากำลังจะตาย หนูนากำลังจะตายได้ยินมั้ย...” เสียงสะอื้นของคลาร์กดังขึ้นพร้อมๆกับประโยคที่เจ้าตัวพูดออกมาอย่างกระท่อนกระแท่น คลาร์กร้องไห้ออกมาโดยไม่สนใจใครพลางกำแขนเสื้อของตัวเองจนแน่น ไม่สนใจว่าตอนนี้อีริคจะมองมาด้วยสายตาแบบไหน ไม่แคร์ว่าใครจะมองเขาเป็นยังไง แต่คลาร์กเจ็บปวดเกินกว่าจะแบกรับสิ่งที่เขาเผชิญเอาไว้ได้อีกต่อไป ความรู้สึกผิดก่อตัวขึ้นและกัดกินจิตใจเขาจนคลาร์กแทบจะแบกรับความเจ็บปวดเอาไว้ไม่ไหว นาราตัวแค่นั้น ตัวเล็กแค่นั้นแต่กลับต้องมาพบเจอเรื่องเลวร้ายมากมายแต่เจ้าตัวก็ยังอดทน ทนเพื่อให้ได้คลาร์กมายืนเคียงข้าง ทนเพื่อให้คลาร์กหันกลับไปมองและมอบความรักมอบอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นให้ ถึงแม้จะเป็นวิธีที่ผิดแต่นาราก็ยังยึดมั่นที่จะยืนหยัดทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการ ในขณะที่คนตัวเล็กนั่นต้องกล้ำกลืนและเก็บความเจ็บปวดเอาไว้ในใจคลาร์กกลับมีความสุขอยู่กับคนที่เขารัก คลาร์กได้รับความสุขจากคนมากมายแต่นาราไม่เคยมีมัน

เพราะความสุขเดียวของนาราคือการที่คลาร์กหันมามองและกอดเขาไว้แน่นๆ คลาร์กเป็นความสุขเดียวที่นารามีแต่คนตัวเล็กนั่นกลับไม่ได้สัมผัสมันเลยซักครั้ง ในขณะที่นาราหลั่งน้ำตามากมายเพื่อเขา แต่เขากลับยิ้มสะใจให้กับน้ำตาเหล่านั้น ยืนมองนาราทุรนทุรายภายใต้ใบหน้าดุดันและคำพูดร้ายกาจที่เจ้าตัวแสดงออกมา ยืนมองและคอยขยี้หัวใจของนาราให้แหลกซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนมันหลั่งเลือดและกัดกร่อนความเข้มแข็งของนาราลงไปทีละเล็กทีละน้อย

แท้จริงแล้วใครกันแน่ที่เลือดเย็นที่สุดในเหตุการณ์ครั้งนี้

เนิ่นนานที่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา มีแต่เสียงร้องไห้ของคลาร์กและเสียงสะอื้นเบาๆจากอีริค บรรยากาศรอบด้านมืดหม่นจนน่าหดหู่ การรอคอยอย่างมีความหวังดูจะเป็นสิ่งเดียวที่ทุกคนทำได้ในตอนนี้

หลังจากนั้นไม่นานประตูห้องผ่าตัดก็เปิดออกพร้อมกับร่างท้วมของคุณหมอสูงวัยคนหนึ่งที่เดินออกมาด้วยสีหน้าเป็นกังวล คลาร์กเป็นคนแรกที่ลุกขึ้นและตรงดิ่งเข้าไปหาคุณหมอพร้อมกับถามถึงอาการของนาราเสียงสั่น

“เขาเป็นยังไงบ้างครับ ปลอดภัยดีใช่รึเปล่า”

“เอ่อ...” คนถูกถามทำหน้าลำบากใจจนสามชีวิตที่รอคอยคำตอบอยู่ถึงกับใจหล่นวูบ คลาร์กตัวสั่นเทิ้มพลางรอฟังคำบอกเล่าจากคุณหมอด้วยความตั้งใจ ได้แต่ภาวนาขอให้คนตัวเล็กในห้องผ่าตัดนั้นปลอดภัย

“บาดแผลในส่วนอื่นนั้นไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่ แต่เนื่องจากเหล็กที่เสียบช่องท้องนั้นทำให้อวัยวะบริเวณนั้นได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะไตทั้งสองข้างที่เราจะต้องตัดทิ้งครับ”

“...”

“ปัญหามันอยู่ตรงที่โรงพยาบาลของเราเพิ่งส่งไตไปให้โรงพยาบาลใกล้เคียงไปเมื่อเช้า ตอนนี้ทางเราไม่เหลือไตอยู่เลย จึงเหลือแค่ญาติคนไข้เท่านั้นที่ต้องบริจาคไตให้ทางเรา” คุณหมอพูดจบพร้อมกับใบหน้าซีดเซียวของอีริคและกีรติ

“ผมมีไตแค่ข้างเดียว/ผมมีไตข้างเดียวเองนะ...” ทั้งอีริคและกีรติพูดขึ้นพร้อมกัน คลาร์กหันไปมองสองคนเพียงชั่วครู่ก่อนจะพูดกับคุณหมอด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“ผมบริจาคเองครับ” ร่างสูงเอ่ย อีริคและกีรติมองคลาร์กด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก มือบางของคุณหมอตัวขาวเลื่อนไปบีบมือแกร่งของอีริคด้วยความดีใจก่อนจะหันไปมองคลาร์กอย่างขอบคุณ

คุณหมอร่างท้วมพยักหน้าก่อนจะพาคลาร์กไปตรวจสภาพร่างกาย ไม่นานร่างสูงในชุดคลุมของโรงพยาบาลก็นอนนิ่งบนเตียงผ่าตัด แสงไฟสว่างจ้าจนเขาต้องหรี่ตา หมอและพยาบาลจำนวนหนึ่งเดินเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็วพร้อมกับพูดคุยกันในขณะที่ฉีดยาสลบให้แก่เขา ชายหนุ่มรู้สึกเวียนหัวและฉุนกลิ่นยาจนคิ้วขมวดเข้าหากันจนยุ่งเหยิง และก่อนที่สติของคลาร์กจะดับไปกลีบปากคู่สวยก็พึมพำชื่อของคนแก้มกลมออกมาอย่างแผ่วเบา

“นารา...”
.
.
.
.

ออฟไลน์ March. Marcia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +166/-5
แพขนตาขยับไปมาพร้อมกับเปลือกตาที่เปิดขึ้นน้อยๆ ดวงตากลมกระพริบอยู่หลายทีเพื่อปรับสภาพก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบห้อง ริมฝีปากส่งเสียงครางอืออาออกมาแผ่วเบาพลางพยายามรวบรวมสติสัมปชัญญะแต่ปะติดปะต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตนเอง

“อือ...”

“ตื่นแล้วเหรอ” เสียงหวานที่เขาจำได้ดีดังขึ้นข้างหูก่อนที่ใบหน้าอ่อนเยาว์จะปรากฏเข้ามาในกรอบสายตา กีรติฉีกยิ้มจนตาหยีก่อนจะปรับเตียงให้เอนขึ้นพร้อมกับรินน้ำใส่แก้วแล้วส่งมาให้เขา มือเรียวหยิบน้ำในแก้วขึ้นมาดื่มจนหมดก่อนจะพูดกับกีรติด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง

“นหนูนาล่ะ” คลาร์กเอ่ยปากถามทันทีเมื่อสติเริ่มกลับคืนมา ชายหนุ่มขยับตัวลุกขึ้นกึ่งนั่งกึ่งนอนโดยมีกีรติช่วยพยุงก่อนจะถามสิ่งที่ต้องการรู้ทันทีและรอคอยคำตอบใจจดใจจ่อ

กีรติได้ฟังก็ยิ้มออกมาน้อยๆก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียงผู้ป่วยพร้อมกับตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงบางเบา

“ยังนอนดูอาการอยู่ในห้องไอซียูอยู่เลย หมอบอกว่าร่างกายกำลังปรับสภาพกับอวัยวะใหม่ คงต้องดูอาการไปอีกซักอาทิตย์สองอาทิตย์ถึงจะหายห่วง” คุณหมอตัวขาวอธิบาย คลาร์กได้ฟังก็นิ่งเงียบพร้อมกับยิ้มออกมาน้อยๆ

แม้จะยังไม่พ้นขีดอันตราย แต่เท่านี้ก็ถือเป็นเรื่องดีสำหรับคลาร์กแล้ว

“พี่หลับไปกี่วันเหรอ” คลาร์กเอ่ยถามอีกครั้งพร้อมกับพยายามขยับตัวแต่ก็รู้สึกเจ็บแปลบบริเวณช่องท้องจนกีรติต้องเอ่ยปราม

“มากี่วันอะไรล่ะ พี่หลับไปแค่สิบห้าชั่วโมงเอง”

“งั้นเหรอ...แล้ว ไปหาหนูนาได้มั้ย” คลาร์กเอ่ยถาม ตอนนี้เขาอยากไปดูให้เห็นกับตาว่านารายังอยู่ กีรติถอนหายใจก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงอ่อน

“แผลพี่ยังไม่หายดีเลยนะ อีกอย่างหนูนามีริคเฝ้าอยู่แล้ว ผมว่าพี่พักผ่อนก่อนจะดีกว่ามั้ย หมอบอกว่าพี่เสียเลือดไปเยอะเหมือนกัน คงเพลียๆ” กีรติแนะนำ คราแรกคลาร์กจะไม่ยอมแต่พอโดนดุชายหนุ่มจึงต้องนอนลงพักผ่อนอย่างช่วยไม่ได้ กีรติเดินไปเปิดรายการทีวีให้เขาดูแก้เบื่อก่อนจะหยิบตะกร้าผลไม้มาปอกใส่จานให้คนป่วยกิน

“อีกสองวันพ่อของหนูนาจะมาที่นี่” กีรติบอกกับคลาร์กซึ่งชายหนุ่มก็พยักหน้ารับรู้ หลังจากนั้นบรรยากาศก็เงียบลงไป มีเพียงเสียงจากรายการโทรทัศน์ที่ถูกเปิดทิ้งเอาไว้เท่านั้น คลาร์กนอนเหม่ออยู่บนเตียงจมดิ่งลงสู่ห้วงความคิดของตนเองก่อนจะสะดุ้งน้อยๆเมื่อกีรติเอ่ยขึ้นมาทำลายความเงียบงัน

“ผมถามอะไรพี่หน่อยสิ”

“อืม...” ร่างโปร่งครางรับคำในลำคอ กีรติหยิบรีโมตมาหรี่เสียงให้เบาลงก่อนจะเอ่ยถามในสิ่งที่ค้างคาใจอยู่นานออกไป

“พี่คิดยังไงกับหนูนากันแน่”

“...”

“ภายนอกพี่ทำเหมือนเกลียด ทั้งการกระทำ คำพูด แต่สายตาพี่มันไม่ได้เป็นแบบนั้นเลยนะ” กีรติพูดต่อ จริงอยู่ที่ตั้งแต่เจอกันคลาร์กก็พูดจาทำร้ายจิตใจนาราต่างๆนานา หากแต่ถ้าลองมองดีๆในแววตาของคลาร์กมันซ่อนความรู้สึกบางอย่างเอาไว้

บางอย่างที่กีรติบังเอิญได้เห็นมันที่สวนสาธารณะตอนที่พวกเขาเจอกับคลาร์กครั้งแรก

แววตาของคลาร์กที่เจอนารามันเต็มไปด้วยความตกใจ ไม่เข้าใจ โกรธ และนอกจากนั้นกีรติยังแอบเห็นบางอย่างในดวงตาของคลาร์กด้วย บางอย่างที่ฉายชัดขึ้นมาเพียงชั่วครู่

ความโหยหา ความคิดถึง

“ลึกๆพี่เองก็อยากจะรักหนูนาใช่มั้ย” กีรติถามต่อ คลาร์กเงียบพร้อมกับเม้มปากแน่นก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างจำยอม

“พี่ไม่ได้ไม่รักหนูนานะกีย์”

“หมายความว่ายังไง?”

“พี่รักหนูนา ใช่พี่รัก แต่พี่รักและเอ็นดูแบบน้องชายคนหนึ่ง นาราในความทรงจำของพี่เป็นเด็กตัวเล็กแก้มป่องที่ยื่นขนมมาให้พร้อมกับยิ้มแฉ่งตอนเจอกันวันแรก พอเจอกันอีกครั้งพี่ก็เอ็นดูเขาเหมือนน้องและหวังให้เขากับนายเข้ากันได้ดี แต่เรื่องมันกลับไม่เป็นแบบนั้น...นายเข้าใจพี่ใช่ไหม” คลาร์กอธิบาย

“หนูนาเคยเป็นเด็กน่ารัก เป็นน้องที่น่ารักคนหนึ่งจนกระทั่ง...”

“พี่พาผมกลับไทยและแนะนำให้เขารู้จักในฐานะแฟน” กีรติต่อประโยคของคลาร์กพร้อมกับถอนหายใจ คลาร์กแค่นหัวเราะก่อนจะพูดเสียงบางเบา

“กับหนูนาถึงจะอยากเกลียดแต่ลึกๆแล้วพี่เกลียดเขาไม่ลง พี่เองที่ผิด เป็นพี่เองที่ทำให้เรื่องทุกอย่างเป็นแบบนี้”

“...”

“ตอนแรกพี่ขอให้หนูนาช่วยให้เราสองคนกลับมารักกันอีกครั้ง” คลาร์กสารภาพซึ่งกีรติก็ปฏิเสธทันทีด้วยใบหน้าปั้นยาก

“เสียใจนะ ผมไม่เอาด้วยหรอก”

“หืม? ทำไมล่ะ” ชายหนุ่มเลิกคิ้วถามคุณหมอตัวบางด้วยความสงสัย กีรติหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะตอบคำถามด้วยท่าทีสบายๆ

“หัวใจผมมันตายไปนานแล้วล่ะ ผมไม่คิดจะรักใครแบบนั้นอีกแล้ว”

“ฮะฮะ ก็...นะ นั่นแหละ ตอนแรกพี่กะจะขอให้หนูนาช่วยเรื่องนาย แต่อยู่ๆก็คิดถึงตอนที่เราเคยมีอะไรกัน แล้วพี่ก็ดันบ้าที่อยากทำแบบนั้นอีก แปลกดีนะ ทั้งๆที่เอ็นดูหนูนาเหมือนน้องชายจนกระทั่งนายทิ้งพี่ไป แต่พี่ก็ยังล้ำเส้นความรู้สึกตัวเองไปรังแกเขาจนได้” คลาร์กพูดขึ้นซึ่งก็โดนกีรติตีแขนแรงๆหลายที

“นี่แสดงว่าที่หายไปสองสามวันนั่นไปมีอะไรกันมาเหรอ พี่บ้าไปแล้วเหรอ รู้ตัวมั้ยว่าทำร้ายจิตใจหนูนามากแค่ไหนน่ะ!!!!!” ร่างบางแหวขึ้นด้วยความโมโห คลาร์กขอโทษกีรติหลายครั้งก่อนจะเริ่มพูดต่อ

“ก็นั่นแหละ พี่เลยเอาเรื่องนายขึ้นมาอ้างให้หนูนาช่วย แล้วก็พาหนูนามาด้วย พอกลับมาส่งที่บ้านเจ้าตัวก็หนีขึ้นห้อง พี่ก็เลยเดินตามขึ้นไปแล้ว...ก็เกิดเรื่อง” คลาร์กเอ่ย ที่เขาเดินตามนาราขึ้นไปเพราะอยากคุยด้วย แต่ไม่รู้ว่าจะคุยอะไรจึงยกเรื่องของกีรติมาอ้างก็เท่านั้น

กีรตินั่งขมวดคิ้วมุ่นอยู่นานสองนอนก่อนจะถามคลาร์กด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“จริงๆแล้วพี่เองก็รักหนูนา แต่ยังติดใจเรื่องรณกรอยู่ใช่รึเปล่า”

“...” คลาร์กเงียบไปอย่างใช้ความคิด จะให้บอกว่าใช่เขาก็ยังพูดได้ไม่เต็มปาก แต่หากถามว่าเขามีความรู้สึกดีๆหลงเหลืออยู่ให้หนูนาบ้างไหมเขาก็ตอบเลยว่ามี เพียงแต่มันไม่มากพอให้เขารักคนตัวเล็กนั่นก็เท่านั้น

เรื่องที่เขาเคยบอกนาราว่าอยากเริ่มต้นใหม่กับคนคนเดิมนั้นเขาพูดถึงนารา แต่เพราะเรื่องของรณกรทำให้คลาร์กยังเปิดรับนาราไม่ได้เขาจึงต้องเอาเรื่องของกีรติมาอ้าง เขาเองก็รู้สึกผิดที่เมินเฉย แต่จะให้กลับไปทำดีกับนาราทั้งๆที่คนตัวเล็กนั่นทำให้รณกรต้องตายเขาก็ทำไม่ได้

“แล้วตอนนี้พี่คิดจะทำยังไงต่อไปล่ะ...”

“เรื่องนี้พี่จะคุยกับหนูนาเอง ขอแค่ให้เขาฟื้น นาทีขอพี่ขอแค่ให้เขาปลอดภัยก็พอ” คลาร์กพูดซึ่งกีรติก็ได้แต่พยักหน้า

“หวังว่าตื่นมาคงจะไม่มีเรื่องอะไรอีกนะ หนูนาเจ็บมามากเกินพอแล้ว ถ้าพี่คิดจะทำร้ายเขาอีกผมก็ขอล่ะ ออกไปจากชีวิตพวกเราจะดีกว่า” กีรติพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง คลาร์กส่งยิ้มจางๆไปให้คุณหมอตัวขาวก่อนจะตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“พี่แค่จะเดินย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นและเปลี่ยนแปลงทุกอย่างให้มันเป็นไปตามแต่ที่มันควรจะเป็น”

“...”

“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น สาบานด้วยชีวิตเลยว่าหลังจากนี้ชีวิตของหนูจะมีแต่ความสุข” คลาร์กให้คำมั่นสัญญาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น หากความรู้สึกของเขามันไม่มากพอให้รักนาราเขาก็แค่ทำให้มันก่อตัวขึ้นมาจนสามารถเอ่ยคำว่ารักได้เต็มปากเต็มคำ จากนี้คลาร์กจะมีหัวใจเพียงเพื่อมอบให้นาราคนเดียว เขาจะชดเชยทุกสิ่งทุกอย่าง ทำทุกอย่างให้ถูกต้อง

ถึงเวลาที่คลาร์กควรจะละทิ้งอดีตที่แสนโหดร้ายนั่นเสียที

ถึงจะบอกว่ายังไม่รัก แต่คลาร์กก็มีความรู้สึก ‘อยากรัก’ คนตัวเล็กแก้มกลมคนนั้น

คลาร์กอยากใช้หัวใจดวงนี้รักนาราแบบที่ไม่ต้องยึดติดกับอดีตอะไรอีกต่อไป ละทิ้งทุกอย่างและเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง

“หนูนาน่ะ ทำให้พี่รักได้ไม่ยากหรอก แต่ขึ้นอยู่กับว่าหลังจากนี้เขายังอยากจะให้พี่รักเขาอยู่รึเปล่าก็เท่านั้น” กีรติทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนจะบีบมือหนาเพื่อให้กำลังใจ คลาร์กยิ้มรับพร้อมกับเสหน้าออกไปมองนอกหน้าต่าง ปลดปล่อยความรู้สึกมากมายให้ล่องลอยไปตามสายลม ปลดโซ่ตรวนที่พันธนาการเขาเอาไว้กับความโหดร้ายและปล่อยให้มันล่องลอยไปตามทาง

ถึงเวลาที่คลาร์กควรจะละทิ้งสิ่งที่พังลงไปแล้วและหันมาสนใจสิ่งที่ยังคงเหลืออยู่ให้ปกป้องเสียที

 

 

 

 

 

“หมอครับ แน่ใจนะว่าเขาอาการพ้นขีดอันตรายแล้ว” คลาร์กในชุดของโรงพยาบาลนั่งแหมะอยู่บนรถเข็นข้างเตียงนอนของนาราเอ่ยถามขึ้นพลางขมวดคิ้วด้วยความว้าวุ่นใจ เกือบสงอาทิตย์แล้วที่นาราเอาแต่นอนหลับอยู่บนเตียงโดยมีสายห้อยระโยงระยางเต็มไปหมด ตอนนี้แผลผ่าตัดของคลาร์กดีขึ้นมากและใกล้จะออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว แต่นารานี่สิที่น่าเป็นห่วง

“ครับ อาการโดยรวมคงที่ ร่างกายก็ฟื้นตัวได้ดี อีกไม่นานคนไข้ก็คงจะฟื้นแล้ว” คุณหมอบอกคลาร์กพร้อมกับยกยิ้มขึ้นอย่างแผ่วเบาก่อนจะก้มลงจดบันทึกประจำวันต่อ ไม่นานทั้งบริเวณก็เหลือเพียงนาราและคลาร์กตามลำพัง ชายหนุ่มใช้มือหมุนล้อรถเข็นเข้าไปใกล้ร่างเล็กบนเตียงก่อนจะเลื่อนมือไปแตะมือนาราอย่างแผ่วเบา ส่งผ่านกำลังใจให้แก่คนที่กำลังหลับใหลพร้อมกับเปิดกลีบปากพูดเสียงแผ่วเบา

“นอนนานเกินไปแล้วนะ ตื่นขึ้นมาหาพวกเราหน่อยสิครับ” คลาร์กพูดพร้อมกับยกยิ้ม ใบหน้านิ่งของคนตรงหน้าดูซีดเซียว ดวงตารีปิดสนิทคล้ายคนที่กำลังนอนหลับ ชายหนุ่มขยับกายเข้าไปใกล้ก่อนจะลูบกลุ่มผมนุ่มแผ่วเบาราวกับกลัวว่าจะทำให้นาราเจ็บไปมากกว่าที่เป็นอยู่

“อีริคกับกีรติทะเลาะกันตลอดเลย ตื่นมาห้ามสองคนนั้นหน่อยสิ” ชายหนุ่มพาดพิงถึงอีกสองชีวิตที่ตอนนี้ไปทำงาน แต่สิ่งที่เขาได้รับกลับมาก็ยังคงเป็นความเงียบงัน มีเพียงเสียงเครื่องมือบางอย่างและเสียงลมหายใจที่ดังอย่างสม่ำเสมอของนาราเท่านั้น

“กีย์บอกพี่ว่าคนเราจะมีโอกาสที่สองเป็นของตัวเองที่จะสามารถมอบมันให้ใครซักคนได้” คลาร์กยังคงพูดต่อ มือเรียวบีบมือเล็กแรงขึ้นหวังให้นาราที่กำลังหลับใหลรับรู้สิ่งที่เขาร้องขอ

“...”

“หนูนายังไม่ได้มอบมันให้ใครใช่มั้ย” ชายหนุ่มถามขึ้นพร้อมกับยกมือนารามาแนบข้างแก้มอย่างอ่อนโยน มือบางเย็นชื้นเล็กน้อยแต่คลาร์กไม่สนใจ ดวงตากลมทอดมองใบหน้าสงบของคนบนเตียงด้วยสายตาสำนึกผิด

“เราเอามาแลกกันนะ เอาโอกาสที่สองนั้นมาแลกกัน”

“...”

“พี่ขอโอกาสอีกครั้ง ให้พี่ได้ปกป้องหนูนาได้มั้ย พี่จะไม่ทำให้เราร้องไห้เสียใจอีก จะไม่ทำให้เราเจ็บปวดอีก”

“...”

“ตื่นขึ้นมามอบมันให้พี่ได้ไหมหนูนา ตื่นขึ้นมาบอกพี่ได้ไหมว่าเราจะเริ่มต้นใหม่ไปด้วยกัน” คลาร์กพูดพร้อมกับกดจูบหนักๆลงบนฝ่ามือเล็กๆของนารา ความเงียบเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามมาหลังจากประโยคของคลาร์กจบลง ชายหนุ่มจ้องมองคนบนเตียงเพื่อหวังให้นาราลืมตาขึ้นมาตอบเขาหากแต่ก็ยังคงเหมือนเดิม

นารายังคงติดอยู่ในโลกแห่งความฝันซึ่งคลาร์กไม่รู้เลยว่าในนั้นนาราพบเจอกับอะไร ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในฝันของนาราบัดนี้มีเขาอยู่ด้วยหรือไม่ ศีรษะกลมของคลาร์กซบลงข้างเตียงคนไข้อย่างอ่อนล้าไร้เรี่ยวแรง ในใจได้แต่ภาวนาขอให้นาราลืมตาขึ้นมามองเขาและยิ้มให้เขา ภาวนาให้นาราให้โอกาส

ภาวนาด้วยความหวังที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิด

“...”

แต่แล้วเมื่อความหวังจวนเจียนจะดับลง เสียงแหบแห้งแผ่วเบาแต่ทว่ากึกก้องนักในโสตประสาทของคลาร์กก็ดังขึ้น ร่างเล็กปรือตาขึ้นน้อยๆในขณะที่กลีบปากเอื้อนเอ่ยประโยคที่ทำให้น้ำตาของคลาร์กไหลออกมาด้วยความดีใจ

“ผมมีโอกาสให้...”

“หนูนา...” คลาร์กทำหน้าอึ้งในขณะที่ร่างเล็กตรงหน้าตื่นเต็มตา นาราส่งยิ้มจางๆมาให้เขาพร้อมกับขยับข้อนิ้วเล็กที่ยังคงแนบอยู่บริเวณแก้มสากแผ่วเบานั่นจึงทำให้คลาร์กได้สติ

“หนูนา! หมอครับเขาฟื้นแล้ว หมอ!!!” ชายหนุ่มตะโกนเสียงดังอย่างตื่นเต้นพร้อมกับจกระชับมือเล็กที่ข้างแก้มจนแน่น คนตัวเล็กยังคงมีรอยยิ้มแต้มอยู่บนใบหน้าขณะที่ส่งเสียงพูดออกไปอย่างกระท่อนกระแท่น

“ผม...มีโอ...กาสให้...”

“ขอบคุณหนูนา ขอบคุณ” คลาร์กเอ่ยขอบคุณพร้อมกับน้ำตาที่หลั่งริน หัวใจของชายหนุ่มพองโตคับอก นารามองใบหน้ายิ้มแย้มของคนตรงหน้าก่อนที่กลีบปากคู่สวยที่เคยยกยิ้มจะหุบลง ดวงตารีที่เคยทอประกายสดใสบัดนี้ว่างเปล่า น้ำเสียงเย็นเยียบดังขึ้นขณะที่เจ้าตัวเปล่งวาจาที่เฉือนหัวใจของคลาร์กพร้อมกับละมือออกจากแก้มของชายหนุ่มทำเอาคลาร์กใจกระตุกวูบพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงอย่างห้ามไม่อยู่

 

 

 

“แต่ผมไม่...มี ‘หัวใจ’ ให้”

 

 

 

!!!

 

 

 

“ไม่มีหัวใจให้พี่อีกต่อไปแล้ว”

 

นาราออกโบยบินไปไกลแสนไกลโดยไม่หวนกลับมา

หัวใจของเขาจะไม่มีวันหวนคืนกลับมา

...ตลอดกาล...

 

 

 

THE END



หลายสิ่งหลายอย่างไม่เคลียร์ ซึ่งเราตั้งใจให้มันไม่เคลียร์ค่ะ โดยเฉพาะความสัมพันธ์ของหนูนา อีริค แล้วก็คุณหมอกีรติแหละ -.,-

ออฟไลน์ March. Marcia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +166/-5
BAD : SPECIAL CHAPTER

45 ปีต่อมา

สายลมอ่อนๆในช่วงต้นฤดูหนาวพัดไปมาบางเบาพาให้อากาศโดยรอบเย็นสบาย ภายในสุสานแห่งหนึ่งปรากฏร่างสูงโปร่งของ ‘กานต์ กมลภพ’ กำลังยืนมองจดหมายในมือด้วยดวงตาราบเรียบ ริมฝีปากเป็นกระจับได้รูปยกยิ้มเย้ยหยันขึ้นมาบางเบาเมื่อจ้องมองชื่อที่สลักอยู่ตรงแผ่นป้ายตรงหน้ากับชื่อที่ถูกเขียนไว้บนจดหมาย

“คลาร์ก เทรย์เวอร์งั้นเหรอ...โลกกลมเกินไปมั้งครับตา”

“หึหึ”

“เอ๊ะ...คุณ!” ร่างบอบบางหันไปมองด้านหลังอย่างตกใจเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะดังขึ้น พอหันกลับไปมองใบหน้าหวานเกินชายก็ฉายแววราบเรียบ

“ไง...คุณเลขาคนสวย” ร่างสูงกำยำของ ‘โคลด์ เทรย์เวอร์’ เอ่ยขึ้น ดวงตามีเสน่ห์กวาดมองรูปร่างโปร่งบางได้สัดส่วนด้วยสายตาหยอกเย้าเล้าโลม

“จะมาทุบหลุมศพปู่ผมหรือไง” โคลด์พูดพลางพยักเพยิดไปยังหลุมศพที่ร่างโปร่งบางยืนอยู่

“บอสมีค้อนให้ผมมั้ยล่ะครับ”

“แหม สวยดุจริง ๆ เลยนะ ทีอยู่บนเตียงทำไมไม่เก่งแบบนี้บ้างล่ะ” โคลด์เอ่ยขึ้น ทำเอากานต์ถึงกับถลึงตาใส่เจ้านายตัวเองด้วยแววตาเอาเรื่อง

ไม่คิด เขาไม่คิดเลยจริง ๆ ว่าโลกมันจะกลมขนาดนี้

ไม่คิดมาก่อนเลยว่าผู้ชายที่คุณตาของเขาฝากจดหมายให้ก่อนตาย จะเป็นปู่ของคนที่เพิ่งจะสอยพรหมจรรย์ของเขาไป!

แถมไอ้ฝรั่งบ้านี่ยังเป็นเจ้านายเขาอีกต่างหาก!

นี่มันบ้าสิ้นดี!!!

“คุณมาก็ดีแล้ว เอ้า! จดหมายของคุณตาผม ท่านฝากมาให้ปู่คุณ”

“จดหมายของคุณตาคุณ...?”

“ใช่ นารา นฤทัย นั่นชื่อคุณตาของผม ไม่รู้ว่าคุณปู่ของคุณเคยเล่าเรื่องคุณตาของผมให้ฟังบ้างหรือเปล่า แต่คุณตาท่านกำชับกับผมว่าหากท่านเสียให้นำจดหมายฉบับนี้มาให้คุณปู่ของคุณ” กานต์อธิบายด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนจะขยับหนีเจ้านายตัวโตเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้

เขากลัว...ภาพความเร่าร้อนคืนนั้นยังคงติดอยู่ในความทรงจำ

“อืม...ผมรู้อยู่แล้วล่ะ ปู่ผมเองท่านก็ฝากจดหมายไว้ให้คุณนาราเหมือนกัน”

“เก็บไว้เถอะ ตาผมท่านเสียแล้ว” กานต์เอ่ยด้วยน้ำเสียงห้วนสั้น

“คุณแค่เอาจดหมายของคุณตาผมไปก็พอ จะเอาไปทิ้งหรือจะเผาไปให้ปู่คุณอ่านก็ตามสะดวก ผมกลับล่ะ” กานต์ว่าพลางเสียบจดหมายไว้กับกระเป๋าเสื้อของคนตัวโตกว่า ร่างโปร่งหมุนตัวเพื่อที่จะเดินหนีอีกฝ่าย ทว่าเขากลับต้องปลิวหวือไปตามแรงดึงของเจ้านายหนุ่ม ก่อนที่เอวคอดจะถูกลำแขนแกร่งโอบเอาไว้แน่น

“คุณโคลด์!!!!”

“จะรีบไปไหนล่ะกานต์ มาอ่านจดหมายของพวกท่านด้วยกันดีกว่า” โคลด์กระซิบ มองใบหน้างอง้ำแล้วก็นึกอยาก ‘รัก’ คนตัวขาวตรงหน้าให้สาแก่ใจ

รักทั้งกาย รักทั้งใจ

รัก...ให้สมกับที่ปู่ของเขาไม่มีโอกาสที่จะรักและดูแลคุณตาของร่างแน่งน้อยตรงหน้านี้

“มาเถอะ ผมไม่ทำอะไรหรอก ไม่โรคจิตขนาดจะปล้ำเลขาตัวเองกลางสุสานหรอกนะ”

โคลด์ให้สัญญากับปู่เอาไว้ก่อนตาย เขาให้คำสัตย์กับคลาร์กเอาไว้...ว่าจะรัก รักและทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างให้กับสายเลือดของ นารา นฤทัย ตราบเท่าที่คนในตระกูลเทรย์เวอร์ยังคงมีชีวิต

จะรักให้มากกว่าในอดีต จะไม่ทำให้คนของนาราต้องเจ็บปวด

เขาสัญญา...

 

 

 

 

 

ถึง นารา นฤทัย

สวัสดีครับหนูนา ตอนที่เราได้อ่านจดหมายฉบับนี้ นั่นแสดงว่าพี่ไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไปแล้ว...ไม่รู้ว่าตอนนี้หนูนาอยู่ที่ไหน ก็ได้แต่หวังว่าเราจะมีชีวิตที่ดี แล้วก็ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้เจ็บ ขอโทษที่ทำร้ายจนเราต้องหนีพี่ไปอยู่ที่อื่น

หลังจากวันที่เราหนีไป ทุกคนที่นี่เสียใจมากเลยรู้มั้ย โดยเฉพาะกีรติ...มันเป็นเพราะพี่เอง พี่ขอโทษ

ไม่รู้ว่าหนูนาจะรู้รึเปล่า ว่าบริษัทนฤทัยถูกขายและเปลี่ยนชื่อแล้วนะ คุณพ่อของเราท่านให้พี่รับช่วงต่อตั้งแต่วันที่เราหายไป แต่ไม่ต้องห่วง พี่จะดูแลมันให้ดี จะทำให้มันยิ่งใหญ่เทียบเท่าที่คุณอาพิสิทธิ์เคยทำ

หนูนาสบายดีใช่มั้ย รู้รึเปล่าว่าตอนพี่ได้ข่าวว่าเรากำลังจะแต่งงาน พี่ตกใจมากเลยนะ แต่ก็ดีใจด้วยที่เราได้เริ่มต้นชีวิตใหม่กับใครซักคน ผู้หญิงคนนั้นจะต้องสวยมากแน่ ๆ เลยใช่มั้ย

ตอนที่หนูนากำลังจะเป็นพ่อคน พี่ดีใจแทบแย่แน่ะ อยากเห็นหน้าลูกของเรามากๆ เลย คงน่ารักเหมือนคนเป็นพ่อน่าดูเลยเนาะ ตอนนั้นพี่ก็เอาแต่คิดว่าพี่เองก็จะเร่งทำคะแนนมีลูกแข่งกับเราไว ๆ เหมือนกัน แต่ก็คงช้ากว่าหลายปีเพราะพี่แต่งงานช้า กว่าจะหาคนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจได้ก็ใช้เวลาหลายปี

และข่าวดีที่พี่ได้รับอีกครั้งคือตอนที่เราทั้งคู่มีหลาน เห็นริคบอกว่าหนูนามีหลานถึงสี่คนแน่ะ พี่เห็นรูปแล้วล่ะ โตมาคงน่ารักกันมากแน่ๆ โดยเฉพาะหนูกลอนกับหนูกานต์ ตัวขาวเป็นหยวกเหมือนหนูนากับลูกสาวเปี๊ยบเลย เชื้อคุณตากับคุณแม่แรงจริงๆ ยินดีด้วยนะครับ...

อ่า เขียนมาเยอะแบบนี้ไม่รู้ว่าเราจะได้อ่านมันหรือเปล่า หรือจะโดนโยนลงถังขยะก็ไม่รู้ แต่ไม่ว่าจะยังไง พี่ก็อยากจะขอโทษกับเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมด ขอโทษที่เคยทำร้ายจนเรื่องของเรามันกลายเป็นทางแยกสองทางที่ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีวันบรรจบกันได้ขนาดนี้ แต่ไม่ว่าจะเป็นยังไงพี่ก็อยากจะบอกอะไรบางอย่างให้หนูนาได้รับรู้ผ่านจดหมายฉบับนี้

 

พี่รักหนูนานะ หวังว่าคงมีซักวันที่เราจะได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง พี่จะรอวันนั้นนะ

 

คลาร์ก เทรย์เวอร์

 

 

 

 

 

ถึง คลาร์ก

ตอนที่คุณได้อ่านจดหมายฉบับนี้ นั่นคงเป็นตอนที่คุณไม่มีผมอยู่ข้างๆแล้ว ผมเองก็ไม่รู้หรอกนะว่าคุณจะได้อ่านจดหมายฉบับนี้ตอนไหน อาจจะหนึ่งปี สองปี หรือมากกว่านั้น แต่ก็หวังว่าซักวันคุณจะได้อ่านมัน

ตอนนี้ผมคงตายไปแล้วล่ะ ต้องกำลังโดนรณกรด่าอยู่อีกโลกหนึ่งแน่ๆ แต่ที่ผมจะบอกก็ไม่มีอะไรมากหรอก แค่อย่าเสียใจในสิ่งที่เคยทำกับผม อย่ารู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้น คุณต้องใช้ชีวิตของคุณให้คุ้มค่า อย่าเอามันมาเสียเปล่ากับการดูแลผมอีกเลย หลังจากนี้เราทั้งคู่ก็ต่างคนต่างใช้ชีวิตของตัวเอง ผมจะจดจำช่วงเวลาดีๆที่เราเคยมีด้วยกัน จดจำทุกการกระทำและคำพูดดีๆที่คุณเคยทำให้ผม ขอโทษที่ผมทนอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนั้นไม่ได้ หวังว่าคุณจะเข้าใจ

อ้อ...มีอีกเรื่องที่ผมอยากจะบอกคุณนะ

ใช่ คุณพูดถูกคลาร์ก ผมไม่มีทางเลิกรักคุณได้ง่ายๆ คนอย่างนาราไม่มีทางหมดรักคลาร์กได้ง่ายๆ

ไม่มีวัน

ผมจะรอวันที่เราสองคนได้มีโอกาสกลับมาเจอกันและอยู่ด้วยกันอีกครั้งนะครับ

 

รัก

นารา นฤทัย

 

 

“ปู่คุณน่ะใจร้าย” กานต์เอ่ยขึ้นหลังจากอ่านจดหมายทั้งสองฉบับจบ

“คุณตาของคุณไม่ร้ายกว่าเหรอ ปู่ผมเล่าให้ฟังว่าเขาทำคนตายเลยนะ” โคลด์เอ่ยขึ้น ดวงตาคมมองจดหมายสองฉบับที่นาราและคลาร์กไม่มีโอกาสได้อ่านมันด้วยแววราบเรียบ

“LOVE IS SO BAD” ร่างสูงเอ่ยขึ้นพลางตวัดสายตามองหลุมศพของผู้เป็นปู่ด้วยแววตาราบเรียบ กานต์มองตามสายตาของเจ้านายก่อนจะถอนหายใจ

“ความรักน่ะไม่ได้เลวร้ายหรอก”

“...”

“คนต่างหาก...ที่ทำให้ความรักกลายเป็นสิ่งที่เลวร้าย”

 

 

END SPECIAL CHAPTER

 

 

จบจริง ๆ แล้วค่ะ
BAD นี่เขียนตอนอายุยังน้อยมาก ๆ มันเลยไม่สมเหตุสมผลซักอย่าง สารภาพเลยว่าขี้เกียจรีไรท์ใหม่ เปลี่ยนแค่ชื่อตัวละครออกแค่นั้น (เด็กๆห้ามเอาเป็นเยี่ยงอย่างเน่อ ฮาาาาาาา) สำหรับใครที่รอเรื่องอื่นๆอย่างนายหัวราม น้องพอน้องเพียง ป๋าภัทรร้อยเมีย ถ้าเห็นเราหายก็อาจจะมาทีเดียวแบบจบเลยเหมือนเรื่องนี้ค่ะ 5555 แต่ไม่แน่อาจจะทยอยลงก็ได้ คือเราเรียนหนักอ่ะ ไม่มีเวลาเขียนเลย ชีวิตไม่แน่นอน แต่จบแน่ค่ะ แค่อาจจะหลายปี (นังคลเฬวววววว ถถถถถ) ขอโทษด้วยนะค้าบบบบบบ

ออฟไลน์ lucifermafis

  • ชีวิตไม่มีไรทำ นั่งชิปนั่งจิ้นไปวันๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เป็นตอนจบที่ดี น้ำตาซึม พูดไม่ออก ความรักมันล้ำลึกทำให้คนต้องเจียนตายขนาดนี้เลย

ออฟไลน์ chaweewong19841

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-2
เขียนได้ดีมาก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Roman chibi

  • Death is not the end. Death can never be the end. Death is the road. Life is the traveller. The soul is the guide.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3
รักมาก หวังมาก พอผิดหวัง ก็จะเจ็บปวดมากๆ
เฮ้อ อ่านแล้วรู้สึกเศร้านิดหน่อย ที่สุดท้ายเค้าก็จากกันไปโดยไม่ได้บอกลากัน เศร้าจัง
ขอบคุณคนแต่งมากๆเลย ที่เขียนนิยายดีๆให้อ่าน ขอบคุณมากๆค่ะ  :pig4:

ออฟไลน์ Seilong2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 366
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
ขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ บรรยายได้ดีมาก เลยล่ะ

ความรักไม่ผิดหรอก ไม่ว่าจะรักมากรักน้อยหรือจมปรักกับความรักมากไปจนคลั่งทำทุกสิ่งให้ได้มาไว้ในครอบครอง ทำได้แม้กระทั่งตัวเอง เข้าใจเลยล่ะ เพราะเราก็เคยเป็นหนึ่งในห้วงอารมณ์นี้ เคยยอมแลกทุกๆสิ่งแค่เพียงให้คนๆ  นึงกลับมาเป็นของเรา

ทั้งนี้..
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆนะคะ  ที่ถ่ายทอดความรู้สึกแบบนี้ ทำใหเรานึกถึงเรื่องที่เราเคยผ่านมา มันยังคงเป็นความทรงจำที่ประทับใจ ที่มีทั้งดีและ แย่มากๆ แต่เชื่อเถอะค่ะ  ทุกๆคนจะผ่านมันไปได้ ..ถ้าเหนื่อยก็พัก ถ้าคนเขาไม่รักก็หยุดดูแลตัวเองค่ะ หายเหนื่อยค่อยสู้ต่อ อย่ายอมแพ้ #^^





รู้สึกจะเวิ่นเวอเกินเหตุ  :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0


ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

เศร้าๆ

แต่ก็สนุกขอรับ


ออฟไลน์ mi22

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ถือว่าจบได้ดี ก็คงนึกไม่ออกว่าจะมารักกันได้อย่างไร


ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ КίmY

  • BJYX♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-3
อ่านแล้วรู้สึกปลงกับความรักเลย ฮ่าๆๆ   :monkeysad:

ออฟไลน์ March. Marcia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +166/-5
SPECIAL
AND WELCOME TO THE SEQUEL STORY 'TI'S NOT ONE NIGHT STAND'
- - - - - - - - - -

กานต์ กมลภพ รักและเทิดทูนคุณตาของเขามาตั้งแต่เด็ก เขาเป็นลูกคนสุดท้องของครอบครัว เป็นหลานคนเล็กของ ‘นารา นฤทัย’ เป็นหลานรักเพียงคนเดียวที่มีโอกาสได้รู้ ‘ความลับบางอย่าง’ ที่คุณตากอบกุมเอาไว้ ไม่ยอมบอกใครมาหลายสิบปี

“เราเชื่อไหม เมื่อสมัยยังหนุ่มตาเคยมีคนรักเป็นผู้ชาย...ไม่ใช่สิ เคยนอนกับผู้ชายต่างหาก”

“หา ตาเนี่ยนะ!?!”

“ใช่ สองคนเลยด้วย” ตายิ้มแลดูภูมิใจ ท่านนั่งอยู่บนวีลแชร์ ยื่นมือออกมาลูบหัวเขาที่นั่งพับเพียบกับพื้นข้างกาย ก่อนจะเหม่อมองออกไปนอกหน้าตาแล้วถอนหายใจ

“ตา...รุกใช่ไหมอ่ะ?” กานต์ถามออกไปอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ทั้งที่คิดว่าตัวเองรู้คำตอบดีอยู่แล้ว

หน้าอย่างตาเขาเนี่ยเหรอจะรุก รุกให้ลูกหนูล่ะสิไม่ว่า

“ไม่อ่ะ นอนรับให้เขา”

นั่นไง ซื้อหวยคงกลายเป็นมหาเศรษฐีไปแล้วไอ้กานต์เอ๋ย

“แล้วยายรู้ไหมว่าตาเคยมีผัว...เอ๊ย หนูหมายถึง เคยมีอะไรกับผู้ชายอ่ะ” เจ้าตัวจ้อยในวัยเพียงสิบเจ็ดปียิ้มแต้ เอ่ยปากถามอย่างนึกสนุก พลางคิดว่าวีรกรรมของไอดอลในดวงใจทำไมถึงได้จ๊าบเยี่ยงนี้ ฟังแล้วก็ตื่นเต้นอยากจะทำตามบ้าง

“รู้ ตาไม่เคยปิดเขา” นาราเผยยิ้มอ่อนโยนเมื่อเอ่ยถึงภรรยาผู้เป็นที่รัก

“ยายใจกว้างจัง ผัวตัวเองมีผัวอีกตั้งสองคน! โอ๊ย อู๊ยยยย เคาะหัวหนูทำไมเล่าาา”

“คำพูดคำจามันน่าตีให้ก้นลายนัก”

“แหะๆ ไม่หยอกแล้วคร้าบ เล่าต่อๆ”

“ก็ไม่มีอะไร เห็นว่าเป็นวันเกิด เลยอยากบอกความลับให้เป็นของขวัญ” นาราหัวเราะเมื่อเห็นว่าหลานรักหน้ามุ่ย

“ไรอ่ะ นี่ของขวัญหนูเหรอ ไรอ่ะตา ไม่เอา หนูไม่อยากฟังสตอรี่ผัวของตาสักหน่อย! อยากได้ดูคาติมาแว๊นเล่นมากกว่าอีก!” เจ้ากานต์ตัวจ้อยฟึดฟัด คนเป็นตาหัวเราะร่วน ดึงแก้มย้วยของหลานชายอย่งนึกเอ็นดู ก่อนจะเอ่ยเสียงอ่อนโยน

“กานต์เอ๋ย ชีวิตตาน่ะพลาดมาก็เยอะ กว่าจะคิดได้อะไรๆในชีวิตก็แทบไม่เหลือ จำเอาไว้นะลูก รักได้ เกลียดได้ แต่อย่าปล่อยให้ความรู้สึกเป็นนายของตัวเรา ปีนี้ก็สิบเจ็ดแล้ว โตขึ้นอีกปีแล้ว ใช้สมองให้เยอะๆ มีสติให้มากๆเข้าใจไหม”

“...”

“ตาไม่หวังให้เรามีเมียมีลูกหรอก ถอดแบบแม่มาขนาดนี้ไม่แคล้วคงได้มีผัว ไอ้เจ้ากลอนก็อีกคน เห็นว่ามีหนุ่มมาตามตูดหยอดขนมจีบต้อยๆ” พาดพิงถึงหลายชายคนที่สามแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้าน้อยๆ

มีหลานอยู่สี่คน ผู้ชายทั้งนั้น...มีแววจะหาเขยเข้ามาไหว้กันทั้งนั้นเช่นกัน

พันธุกรรมของบ้านนฤทัยนี่แรงดีแท้ ปลงเท่านั้นที่ทำได้

“พี่กลอนเขาสวยไงตา ขาวจั๊วน่าเจี๊ยะ แต่กานต์นี่ยังแมนอยู่นา รับรองตาได้อุ้มหลานแน่นอน” เจ้าตัวแสบว่าพลางยิ้มตาปิด นาราหัวเราะเบาๆก่อนจะย้อนกลับ

“ตาคงตายก่อนล่ะ”

“แหม ก็พูดไป”

“น่าๆ จะคอยดู หน้าแบบนี้ไม่รอดมือไปถึงผู้หญิงหร๊อก”

“โห่ตา อย่าเอาตัวเองเป็นบรรทัดฐานสิ เดะปั๊ดฟ้องยายเลยว่าตานอกใจรำลึกถึงสามีในอดีต รักมากเลยดิ แล้วมีพร้อมกันสองคนเลยเหรอ โหยตา จ๊าบว่ะ!”

“ฮะๆ ไม่จ๊าบหรอก ความรักที่ไม่ได้มีแค่คนสองคนน่ะไม่จ๊าบหรอกกานต์ เจ็บล้วนๆเลยต่างหาก”

ใช่ มีแค่ความเจ็บเท่านั้นที่นาราได้เรียนรู้

“รักใครน่ะรักได้ แต่อย่าใช้หัวใจรักทั้งหมด ความรักที่ดีคือการใช้หัวใจครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่ง...”

“...”

“อีกครึ่งคือการใช้สมอง จำเอาไว้”

 

0000000000

เอาสเปสั้นๆขำๆมาลงให้อ่านกันค่ะ ส่วนภาคต่อของเรื่องนี้มีชื่อว่า IT’S NOT ONE NIGHT STAND นะจ๊ะ
ยังไม่มีแพลนที่แน่นอนว่าจะเขียนหลังจากเซตรักจบ หรือเขียนหลังเซตจีวีจบ ยังไงรอดูอีกทีน้า <3

ปูลู. หนูนามีหลาน 4 คน
คนโตชื่อพี่กันต์ แต่งงาน+ลูก1คน+ในท้องเมียอีก2 คน
คนรองชื่อเก้า ยังโสดและโหดมาก
คนที่สามชื่อกลอน สวยหยิ่งไม่จริงใจ สายอ่อยสายยั่วสายเที่ยวกลางคืน
ส่วนคนสุดท้องคือน้องกานต์หลานรักตานาค่ะ

ส่วนฝั่งคุณคลาร์กมีหลานจริงๆแบบแท้ๆชื่อโคลด์
แล้วก็ยังมี 'อังเดร' ซึ่งเป็นหลานที่เกิดจากลูกบุญธรรมที่คุณคลาร์กเขาอุปการะอีก 1 คนค่ะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-06-2017 23:14:26 โดย March. Marcia »

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ Feporchz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 136
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
ไม่อยากให้จบแบบนี้เลย อยากให้รักกัน แต่มันคงเป็นไปไม่ได้  :mew4:

ออฟไลน์ iAlexiajang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อ่านไปก็ปาดน้ำตาไปจนไม่รู้จะปาดยังไงแล้ว มือซ้ายกำผ้าเช็ดหน้าชุ่มๆมือก็ค่อยเลื่อนหน้าจออ่าน ฮื่ออออออ เจ็บปวด ;-;
คนที่ร้ายกาจที่สุดในเรื่องนี้ก็คือคุณคลาส์กสินะ -^-

อยากบอกว่าขอบคุณคุณนักเขียนมากๆเลยค่ะ
ยังก็จะรอเรื่องต่อไปนะคะ สู้ๆ ~>^<~


ตอนนี้ขอตัวไปสั่งขี้หมูกก็นะ ฟืดดกดดดด

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
หน่วงดี แต่อีริคกับกีรติไปไหน อยากรู้บ้างค่ะ  :ling1:

ออฟไลน์ J029

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
เราเห็นด้วยนะที่จะจบแบบนี้ โดนทำร้ายจิตใจมาตั้งเท่าไหร่จะให้แฮปปี้เอนดิ้งมันก็ง่ายเกิน แต่เศร้าจริง ร้องไห้ตลอดเรื่องเลย

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
อ่านรวดเดียวจบ สนุกมากเลยค่าาาาาา

ตอนนี้แอบเชียร์คู่กีรติกับหนูนา 555555

ดูนุ่มนิ่มเข้ากันได้ดี :really2:

ออฟไลน์ question09

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1501
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-10
คนเขียนเขียนได้ถึงอารมณ์มาก น้ำตาซึมทุกบททุกตอน  :mew6: :mew6:
ชอบนะ ถึงจะจบไม่สวยแต่ชอบมาก

ออฟไลน์ Veesi3

  • coHon3 {ต้นฝ้าย}
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 715
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
จบได้สมเหตุผลจริงๆ ค่ะ จับใจมาก ถ้าดีกันไปก็ซ้ำซ้อนอ่ะ แต่แบบบบ จี๊ดใจมากอ่ะ อ่านแล้วเจ็บปวดใจ

ออฟไลน์ tomoe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
เขียนดีอ่ะ ตอนจบน้ำตาไหลเลยค่ะ :hao5:
แต่ก็ไม่สมเหตุสมผลหลายอย่างจริงๆ
จะตามอ่านเรื่องอื่นต่อนะคะ  o13

ออฟไลน์ ติชิลา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
โอย อ่านแล้วดิ้นค่ะ  :ling1: :ling1:
แต่สะใจมากที่ตอนหลังหนูนาไม่ได้กะพี่คลาร์ก  o13

คือส่วนตัวไม่ชอบพระเอกแทงกั๊กหลายใจแบบนี้อะ
คือถ้าจะมีหลายคน ก็จงเป็นหลายเมียที่เมียๆ เขาสมยอมไปเลยจะดีกว่า
ไอ้มาแทงกั๊กทำร้ายกันขนาดนี้ รักอีกไม่ลงจริงๆ อะ
ยอมรับเลยว่าอิน งื้อ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
เรื่องใหม่น่าอ่านค่ะ

ออฟไลน์ ป้ากิ่งkingkarn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 308
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
อ่านกี่รอบก็ร้องไห้ตาบวมไปซะทุกรอบ
รอติดตามอยู่นะคะ เรื่องที่จบแล้วอ่านซ้ำหลายรอบทุกเรื่อง
เรื่องที่ยังไม่จบบอกกงๆว่ายังไม่กล้าอ่าน^^
เพราะนิยายของคุณคนแต่งดรามาน้ำตาท่วมทุกเรื่อง
คือถึงอยากอ่านแค่ไหนก็ขอรอให้จบก่อน
จะได้ปลอบใจระหว่างอ่านดรามาว่าอย่างน้อยๆก็happy ending
ขอบคุณมากๆค่ะ  :กอด1:



ออฟไลน์ Sohso

  • You are my precious thing And I will always love you.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1372
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-3
ทำเอาน้ำตาซึมกันเลยทีเดียว

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด