ตอนที่ 8
เสียงท่วงทำนองของบทเพลงรักที่แสนไพเราะดังแผ่วเบาออกมาจากเปียโนตัวสวยสีดำขลับขับให้บรรยากาศยามเช้าในคฤหาสน์หลังงามอบอวลไปด้วยความอบอุ่น ร่างเล็กกะทัดรัดของเด็กชายตัวน้อยแก้มกลมสวมใส่เสื้อผ้ามีราคากำลังนั่งบรรเลงบทเพลงที่ร่ำเรียนมาจากคุณครูอย่างตั้งอกตั้งใจ ข้อนิ้วเล็กกรีดกรายไปตามแป้นเปียโนอย่างชำนิชำนาญเรียกรอยยิ้มภาคภูมิใจให้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาของผู้เป็นบิดาได้เป็นอย่างดี คุณพิสิทธิ์ในวัยสามสิบกว่าปียืนมองทายาทตัวน้อยขับขานบรรเลงเครื่องดนตรีขนาดใหญ่อยู่ห่างๆโดยมีเด็กชายคนหนึ่งยืนขนาบข้างด้วยท่าทีสงบเสงี่ยม ก่อนที่เสียงปรบมือจะดังขึ้นเมื่อบุตรชายเล่นเปียโนจนจบเพลงและหันมาส่งยิ้มสดใสให้แก่ผู้เป็นบิดา
“จบแย้ว~ เพราะมั้ยฮะพ่อ” เด็กตัวน้อยเอ่ยถามชายหนุ่มก่อนจะกระโดดลงจากเก้าอี้และวิ่งดุ๊กดิ๊กเข้าสู่อ้อมกอดของผู้เป็นพ่อพลางหัวเราะคิกคักโชว์ฟันกระต่ายคู่สวย
“เพราะที่สุดในโลกเลย หนูนาของพ่อเก่งมากกกกก มาให้พ่อหอมที” ผู้เป็นบิดาพูดพร้อมกับอุ้มลูกชายขึ้นมาแนบอกก่อนจะกดจมูกลงบนแก้มใสหลายทีจนเจ้าตัวหัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ
“คิกคิก นาจั๊กกะจี้น้าา คิกคิก” สองพ่อลูกหยอกล้อกันอย่างสนุกสนานโดยมีอีริค เด็กกำพร้าที่พิสิทธิ์รับอุปการะยืนอมยิ้มมองพวกเขาอยู่ไม่ไกล ชายหนุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรงกอดลูกชายเอาไว้แนบอกก่อนจะเรียกให้เด็กตัวสูงผิวคล้ำกว่าเข้าไปหาและตวัดร่างของอีริคให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดเช่นเดียวกับนารา
“โตขึ้นเราสองคนต้องรักกันให้มากๆนะ ริค ... เป็นพี่ต้องดูแลน้องนะเข้าใจไหม”
“ครับท่าน” เด็กชายอีริครับคำอย่างหนักแน่นพลางมองคุณหนูนาราตัวจิ๋วที่กำลังจ้องหน้าเขาตาแป๋ว คนโตกว่าส่งยิ้มไปให้เด็กน้อยแก้มกลมบางๆ นาราเห็นแบบนั้นก็ส่งยิ้มกลับมาอย่างน่ารักเรียกเสียงหัวเราะจากผู้ใหญ่ได้เป็นอย่างดี พิสิทธิ์หยอกล้อเด็กน้อยสองคนในอ้อมกอดด้วยความสนุกสนานจนเกิดเสียงหัวเราะชอบใจดังขึ้นทั่วบริเวณกว้าง
“คุณคะ คุณคลีนกับคุณซาร่ามาหาแน่ะ” เสียงหวานของนรีรัตน์ผู้เป็นภรรยาดังขึ้นขัดจังหวะของร่างสูงพร้อมกับพาร่างอันบอบบางเดินเข้ามาจับมือนาราเอาไว้ เด็กน้อยมองผู้เป็นมารดาพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างแล้วร้องเสียงเจื้อยแจ้ว
“คุณแม่~ หนูนาอยากกินขนม~” หนูน้อยอ้อนขอผู้เป็นมารดา นรีรัตน์ฉีกยิ้มกว้างก่อนจะเอื้อมมืออีกข้างไปเขี่ยแก้มนิ่มของลูกชายพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงไพเราะ
“ไปรับแขกกับแม่ก่อนนะถึงจะได้กินขนม” หญิงสาวพูดพร้อมกับจูงมือเด็กตัวน้อยเดินตามสามีไปยังห้องรับแขก ก่อนไปนรีรัตน์หันมาหาอีริคที่ยืนมองเธออยู่ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“ริคไม่ต้องตามไปดูน้องหรอกจ้ะ เดี๋ยวแม่ดูน้องเอง ไปเล่นกับเพื่อนเถอะ”
“ฮะ ถ้านายหญิงมีอะไรก็เรียกผมได้ตลอดเลยนะฮะ” เด็กชายอีริคพูดเสียงใสเรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากหญิงสาวตรงหน้า
“เด็กคนนี้นะ บอกให้เรียกแม่ เอาเถอะ ไปเล่นเถอะ” นรีรัตน์พูดยิ้มๆก่อนจะจูงมือนาราออกไปโดยมีดวงตากลมสุกใสของอีริคมองตามจนลับหลังไป
ถ้าอีริครู้ว่าวันนั้นจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของนารา เขาสาบานเลยว่าเขาจะเดินไปดึงเด็กตัวเล็กแก้มกลมให้ไปเล่นกับเขาดีกว่าให้คุณหนูของตระกูลนฤทัยต้องออกไปเจอแขกของคุณพิสิทธิ์...
“นารา นี่พี่คลาร์กนะ ลูกชายของลุงคลีน หนูจำลุงคลีนกับป้าซาร่าได้มั้ยลูก” นรีรัตน์พูดกับลูกชายที่นั่งอยู่นตักของตัวเองพร้อมกับพยักเพยิดไปยังเด็กผู้ชายตัวสูงใบหน้าคมเข้ม นารามองตามสายตาของคุณแม่พร้อมกับส่งยิ้มแฉ่งให้กับคลีนที่มองอยู่ก่อนแล้ว
“จำได้ฮะ ลุงคีนใจดี ให้ลูกอมหนูนาด้วย~~” เด็กน้อยพูดเสียงสดใสเรียกรอยยิ้มให้ปรากฏขึ้นทั่วบริเวณ สองครอบครัวพูดคุยทักทายถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกัน หัวข้อสนทนาส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เกี่ยวกับคลาร์กและนารา จนเวลาผ่านไปซักพักเด็กตัวน้อยก็ปีนลงจากตักของคุณแม่และเดินไปหาพี่คลาร์กที่นั่งเงียบมองน้องอยู่นานแล้ว
“สวัสดีพี่คลาร์ก เราชื่อหนูนานะ” เด็กน้อยทักทายพร้อมกับฉีกยิ้มให้พี่ชายตัวโตกว่า คลาร์กเลิกคิ้วพร้อมกับทวนชื่อของน้องตัวเล็กด้วยความงุนงง
“หนูนา...?”
“น้องชื่อนาราจ้ะคลาร์ก” นรีรัตน์ขยายความ คลาร์กเผยยิ้มก่อนจะหันกลับมามองเด็กแก้มกลมอีกครั้งพร้อมกับดึงตัวนาราให้มานั่งบนตัก
“กินยูกอมมะ เค้าเพิ่งซื้อมา” น้องตัวเล็กเอี้ยวตัวไปถามคลาร์กพร้อมกับชี้มือป้อมๆไปยังถ้วยมาชเมลโล่ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ คลาร์กส่ายหน้าไปมาพร้อมกับอมยิ้มแล้วตอบน้องเสียงนุ่ม
“พี่โตแล้ว หนูนากินเถอะ” เด็กชายคลาร์กพูดพร้อมกับมองเด็กแก้มป่องที่กำลังยัดมาชเมลโล่เข้าปากจนเต็มแก้ม คลาร์กอมยิ้มกับตัวเองก่อนจะเอื้อมมือไปเขี่ยแก้มนุ่มนิ่มสีชมพูระเรื่อของนาราก่อนจะเอียงคอมองใบหน้าน่ารักของเด็กน้อยตรงหน้า
“น่ารักจัง...” พี่ชายตัวสูงเอ่ยปากชม น้องตัวเล็กหันมาทำตาโตแก้มป่องใส่พี่ชายที่เพิ่งรู้จักก่อนจะเคี้ยวขนมในปากจนเกิดเสียง คลาร์กฉีกยิ้มจนเต็มแก้มก่อนจะโฉบใบหน้าเข้าไปกดจมูกลงกับแก้มใสแล้วก็หันไปหาผู้ใหญ่ที่กำลังคุยกันพร้อมกับพูดเสียงดังฟังชัด
“อาพิสิทธิ์ครับ ผมขอน้องได้มั้ย?”
“หืม ทำไมว่างั้นล่ะคลาร์ก ไปขอลูกเค้าโต้งๆได้ไงไอ้ลูกคนนี้” คลีนแซวยิ้มๆ
“นะครับ โตขึ้นผมขอน้องนะ สัญญานะฮะว่าจะให้นารากับผม”
“ว๊ะไอ้ลูกคนนี้ น้องเป็นผู้ชายนะคลาร์ก”
“ไม่รู้ล่ะ โตขึ้นมาจะมาเอาน้อง ผมขอแล้ว แล้วผมก็ไม่ให้ใครด้วย...หนูนารอพี่นะ!” ท้ายประโยคเด็กชายหันมาพูดกับน้องตัวเล็กบนตัก นารากะพริบตาปริบๆ สมองก็ประมวลผลคำพูดของพี่ชายหน้าตาน่ารักตรงหน้า พอเรียบเรียงได้เจ้าตัวเล็กก็ฉีกยิ้มจนแก้มป่อง
“ฮับ เค้าจะลอน้า”
เพียงประโยคเดียวที่เปล่งออกมาจากความไร้เดียงสา ก่อเกิดเป็นคำสัญญาที่มีเพียงเด็กชายตัวน้อยเท่านั้นที่ยึดมั่น
สัญญาที่ว่าเขาจะเป็นของพี่ชายคนนี้เพียงแค่คนเดียว...
“คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ... คลาร์ก” นาราพูดพร้อมกับหอบหายใจ ร่างบอบบางสั่นไหวอย่างรุนแรงจนเห็นได้ชัด น้ำตาเม็ดใสไหลรินลงตกกระทบกับพื้นถนนและซึมลงอย่างรวดเร็วจนแทบไม่เห็นร่องรอย กีรติมองอาการของคนตรงหน้าด้วยหัวใจที่กระตุกอย่างรุนแรง คุณหมอตัวบางพยายามขืนตัวออกจากอ้อมแขนแข็งแรงของคลาร์กแต่ก็ไร้ผล
“ปล่อยผมพี่คลาร์ก หนูนากำลังแย่นะ!!!” กีรติร้องประท้วงพร้อมกับออกแรงดิ้น เสียงตะโกนของอดีตคนรักดึงให้สติของชายหนุ่มกลับคืนมาในที่สุด คลาร์กสะดุ้งพร้อมกับผ่อนแรงรัดกีรติลงจนคุณหมอตัวบางหลุดจากพันธนาการและถลาเข้าไปหานาราที่กำลังนั่งกองอยู่กับพื้น
“หนูนา เฮ้! มองหน้าฉัน” กีรติจับไหล่เล็กแน่นก่อนจะเขย่าตัวนาราเบาๆแต่คนตรงหน้ากลับเอาแต่กอดตัวเองและจ้องมองพื้นถนนอยู่อย่างนั้น กีรติร้องเรียกชื่อของเพื่อนตัวเล็กซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่ดูเหมือนว่านาราจะไม่รับรู้
ให้ตายสิ อย่านะนารา
“หนูนา ทำใจดีๆเอาไว้นะ...พี่คลาร์กกลับไปก่อนเถอะ ผมขอร้อง” กีรติพูดกับนาราพร้อมกับดึงร่างเล็กเข้ามากอดแนบอก ท้ายประโยคหันไปบอกกับอดีตคนรักที่ยืนทำหน้าไม่เข้าใจอยู่ตรงหน้า คลาร์กเลิกคิ้วสูงด้วยความงุนงงกับคำพูดของกีรติ สมองพยายามปะติดปะต่อเรื่องราวแต่ก็ไร้ผล เวลานี้คำถามมากมายมันวนเวียนอยู่ในหัวของคลาร์กเต็มไปหมด
อย่างแรกคือทำไมกีรติกับนาราถึงได้...
“พี่คลาร์กได้โปรดเถอะ ผมบอกให้กลับไปซะ!” กีรติตะโกนออกมาอย่างดุดันเมื่อหูได้ยินเสียงสะอื้นของนาราแว่วเข้ามา คลาร์กสะดุ้งสุดตัวกับแววตาน่ากลัวของกีรติและน้ำเสียงที่เขาไม่เคยได้ยิน แต่ชายหนุ่มก็ไม่ใช่คนที่จะยอมทำตามใครง่ายๆ เรื่องอะไรที่เขาจะต้องกลับ คลาร์กมั่นใจว่าถ้าเขากลับไปตอนนี้เขาจะไม่ได้เจอกีรติอีกเป็นครั้งที่สอง
“พี่ไม่กลับ นี่มันเรื่องอะไรกัน นายทิ้งพี่ไปเจ็ดปี เจ็ดปีก่อนนายหนีพี่ไปเพราะคนในอ้อมกอดนายไม่ใช่เหรอ ทำไมวันนี้นายถึงได้ปกป้องเขา มันเกิดอะไรขึ้นกีรติ นายเป็นบ้าไปแล้วหรือไง!!!!”
“พี่นั่นแหละเลิกบ้าซักที!” กีรติตวาดกลับไป บทสนทนาเริ่มรุนแรงขึ้นทีละน้อยจนคนในบริเวณใกล้เคียงหันมามองด้วยความสนใจ
“ให้มันจบไปได้แล้ว เรื่องงี่เง่าในอดีตน่ะ พี่ควรจะลืมมันได้แล้ว ลืมผม ลืมสิ่งที่เคยเกิดขึ้น ต่างคนต่างอยู่มันก็ดีอยู่แล้ว” กีรติพูดต่อ คลาร์กได้ฟังก็นิ่งอึ้งไปพักใหญ่ก่อนจะแค่นหัวเราะออกมาเบาๆ
“ลืมนายงั้นเหรอ ลืมสิ่งที่เคยเกิดขึ้นงั้นเหรอกีรติ นายพูดเหมือนมันง่าย นายไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเมื่อห้าปีก่อนมันเกิดอะไรขึ้น!” คลาร์กตวาดกร้าวสุดเสียงพร้อมกับตวัดสายตาไปมองร่างบอบบางที่กำลังขดตัวเข้าหากีรติด้วยความหวาดกลัว กีรติได้ยินก็เถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้จนคลาร์กต้องเงียบไป
“พี่เองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหลังจากนั้นหนูนาเป็นยังไง!”
“...”
“เรื่องรณกรอะไรนั่นหนูนาผิด ใช่เขาผิด และเขาก็ได้รับผลนั้นแล้ว! เพราะงั้นผมขอร้องล่ะ หันหลังกลับไปซะแล้วไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกับพวกเราอีก”
“นายพูดง่ายเหลือเกินนะกีรติ กับชีวิตคนคนหนึ่งที่เสียไปนายพูดมันออกมาง่ายเหลือเกิน แล้วพี่ล่ะ ความเจ็บปวดที่พี่ได้รับล่ะ มีใครมองเห็นมันบ้างมั้ย ความยุติธรรมของรณกรล่ะ เขาไม่สมควรตายด้วยซ้ำ คนที่สมควรตายคือหนูนาของนายมากกว่ากีรติ!” คลาร์กตะโกนเสียงดังพร้อมกับตวัดสายตาไปมองคนตัวเล็ก นาราหลุดสะอื้อออกมาทันทีที่ได้ยินคำด่าทอเหล่านั้น
“ฮึก”
“คนที่สมควรตายคือหนูนาของนาย นาราคนนั้น! คนที่นายกำลังกางปีกปกป้อง! คนที่ต่อให้หนีไปอีกกี่ร้อยครั้งมันก็ลบล้างความชั่วในตัวไม่ได้!! คนที่ควรตายคือเขาไม่ใช่รณกร!!!!!!” คลาร์กพูดเสียงดังก่อนจะหอบหายใจ บัดนี้ดวงตากลมของชายหนุ่มแดงก่ำและคลอไปด้วยหยาดน้ำตา
ทำไมทุกคนถึงต้องปกป้องนารากันไปหมด แล้วเขาล่ะ คลาร์กคนนี้ไม่มีค่า เจ็บปวดไม่เป็นเลยหรืออย่างไร
ไม่มีใครเห็นใจคลาร์กเลยอย่างนั้นหรือ
“นายรู้มั้ยว่าครั้งแรกที่พี่รู้ว่านายโดนย่ำยีพี่รู้สึกยังไง พี่ปกป้องนายไม่ได้ด้วยซ้ำกีรติ พี่ทำได้แค่นั่งร้องไห้ตอนนายทิ้งไป ได้แต่ถามตัวเองว่าพี่ผิดอะไรพระเจ้าถึงทำร้ายกันแบบนี้” คลาร์กพรั่งพรูความรู้สึกที่เก็บมานานออกมาพร้อมกับหยาดน้ำตา
เขามันก็แค่คนโง่คนหนึ่ง โง่ที่ปกป้องคนที่ตัวเองรักเอาไว้ไม่ได้ โง่ที่รักษาหัวใจตัวเองเอาไว้ไม่ได้
“...”
“พอมีกร พี่ก็ต้องเสียเขาไปอีกเพราะความเห็นแก่ได้ของผู้ชายคนนี้ไง! หนูนาของนายไม่มีคำว่ารู้จักพอ นายลืมไปแล้วเหรอว่าผู้ชายคนนั้นทำลายชีวิตเรา! นายลืมมันไปแล้วรึยัง!!!” ชายหนุ่ยกมือขึ้นชี้หน้านาราพร้อมกับพูดขึ้นอย่างดุดันจนคนถูกว่าหมดความอดทน นาราปล่อยโฮกอดร่างของกีรติเอาไว้แน่นและอ้อนขอเสียงสั่น
“ฮือออ กีย์...กลับบ้าน ฉันอยากกลับบ้าน ฮืออออ กลับบ้านกันนะ ฮืออ”
“นายจะกลับก็กลับไปคนเดียวเลยนารา ส่วนนายกีรติ พี่จะไม่ปล่อยนายจนกว่าพี่จะรู้ว่ามันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น” คลาร์กพูดเสียงห้วนหลังจากที่ยกแขนขึ้นมาปาดน้ำตาออกไป กีรติตวัดสายตาไปมองอดีตคนรักพร้อมกับขมวดคิ้วมุ่น ปากบางเอ่ยตำหนิชายหนุ่มตรงหน้าออกไปพร้อมกับกอดคนตัวเล็กที่ตัวสั่นอยู่ข้างกายให้แน่นขึ้นกว่าเดิม
“พอเถอะ พี่เห็นสภาพเขาบ้างรึเปล่า หันมามองสภาพของคนที่ยังมีชีวิตอยู่บ้างรึเปล่าว่าเขาย่ำแย่แค่ไหน เรื่องในอดีตมันยังสอนพี่ไม่พออีกหรือไง เมื่อไหร่จะคิดได้ซักทีว่ายิ่งพี่พูดจาบั่นทอนจิตใจหนูนาสถานการณ์มันก็จะมีแต่แย่ลง”
“แล้วนายคิดว่าพี่ไม่แย่เหรอกีย์ นายคิดว่าพี่ไม่เจ็บไม่ทรมานเลยหรือไง” คลาร์กสวน กีรติส่ายหน้าอย่างหมดหนทางก่อนจะพูดเสียงแผ่วเบา
“สิ่งเดียวที่ทำให้พี่ยังทุกข์ทรมานอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะพี่ไม่รู้จักคำว่าปล่อยวาง คนตายฟื้นขึ้นมาไม่ได้หรอกนะครับ เรากลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้”
“...” จบประโยคของกีรติความเงียบก็คืบคลานเข้าปกคลุมทั่วทั้งบริเวณ กีรติกับคลาร์กจ้องตากันโดยไม่ละจากไปไหนโดยมีเสียงร้องไห้ของนาราดังเป็นระยะๆ ไม่นานคนตัวบางก็ผละใบหน้าออกจากอกของคุณหมอตัวขาวก่อนจะเรียกชื่อคลาร์กด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
“คลาร์ก...”
“...”
“ผมขอโทษ ฮึก หนูนาขอโทษ”
“...”
“ขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ ยกโทษให้ได้มั้ย ฮึก ไม่ต้องรักกันก็ได้ แต่อย่าพูดจาทำร้ายผมอีกเลย ขอร้อง ฮึก ผมขอร้อง ... หนูนาขอร้อง ฮือ”
“ขึ้นรถเถอะหนูนา คนมองใหญ่แล้ว กลับบ้านกัน” กีรติพูดปลอบพร้อมกับลูบแขนเล็กไปมา นาราเงยหน้าขึ้นสบตากับคลาร์กพลางเม้มปากแน่นจนเป็นเส้นตรง กีรติหันไปหาคลาร์กบ้างพร้อมกับแสดงท่าทีอึดอัดออกมาด้วยการถอนหายใจอย่างหนักหน่วง
“ให้มันจบไปเถอะครับพี่คลาร์ก ถ้าไม่คิดจะเริ่มต้นใหม่กับพวกผมพี่ก็หันหลังกลับไปซะ หันกลับไปจมอยู่กับอดีต จมอยู่กับความผิดพลาดของพวกเราเถอะถ้าพี่คิดว่าตัวเองมีความสุข ส่วนพวกผมก็จะใช้ชีวิตต่อไปและจำเหตุการณ์เหล่านั้นเอาไว้เป็นบทเรียน เราทุกคนเจ็บปวดกับมันมามากเกินพอแล้ว”
“...”
“ไม่ว่าจะยังไง รู้เอาไว้นะว่าทั้งตัวผมและคุณกรไม่มีความสุขหรอกที่พี่ยังยึดติดแบบนี้ อะไรที่มันหนักน่ะก็ทิ้งมันไปและก้าวเดินไปข้างหน้าซะ” กีรติร่ายยาวเพื่อเตือนสติอดีตคนรักก่อนจะค่อยๆพยุงร่างบอบบางราวกับแก้วขึ้นมาช้าๆ
“กลับบ้านเรากันเถอะ ป่านนี้ริคคงบ่นเป็นหมีกินผึ้งไปแล้วล่ะมั้ง” กีรติพูดข้างใบหูเล็ก นาราพยักหน้าเบาๆก่อนจะค่อยๆเคลื่อนตัวจะขึ้นรถ แต่ยังไม่ทันที่คนทั้งคู่จะได้ขยับไปไหน ร่างของนาราก็ลอยหวือไปปะทะอกแกร่งของคลาร์กอย่างรวดเร็วจนทั้งกีรติและคนแก้มกลมตกใจ
“ขอพี่คุยกับหนูนาตามลำพังหน่อย” คลาร์กพูดขึ้นเสียงราบเรียบพร้อมกับวาดมืออีกข้างไปแตะลงที่เอวบางของนารา คนถูกกอดกลายๆสะดุ้งโหยงเม้มปากแน่นพลางเงยหน้าขึ้นไปมองคลาร์กด้วยความไม่เข้าใจ คนถูกมองก้มหน้าลงมามองร่างเล็กในอ้อมกอดด้วยสายตาราบเรียบเพียงชั่วครู่ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปสบตากลมโตของคุณหมอตัวบาง
“พี่มีเรื่องจะคุยกับคนของนาย ขอตัวแปปนึงนะ” คลาร์กพูดขึ้นเร็วๆก่อนจะออกแรงดึงร่างของนาราให้เดินตามไปทันทีโดยไม่ฟังเสียงประท้วงของกีรติเลยซักนิด คุณหมอตัวขาวเตรียมตัวก้าวเดินตามนาราไปแต่ร่างเล็กก็หันมาส่งสายตาบอกกีรติว่าไม่เป็นไรก่อนจะสาวเท้าตามแรงลากของคลาร์กไปอย่างรวดเร็ว
“หนูนา...” กีรติได้แต่พึมพำตามหลังคนตัวเล็กไปด้วยความเป็นห่วง
ได้แต่ภาวนาขอให้คลาร์กอย่าพูดอะไรให้นาราเสียใจจนปิดกั้นตัวเองอีกครั้งเลย
ได้โปรด อย่าให้นาราต้องเดินกลับเข้าไปในสถานที่แห่งนั้นอีกเลย
“คลาร์ก คุณจะพาผมไปไหน...” นาราถามขึ้นขณะที่กำลังก้าวเดินอย่างรวดเร็วไปตามแรงลากของคนตรงหน้า คนถูกถามไม่ตอบแต่กลับเร่งความเร็วของฝีเท้าให้มากขึ้นจนคนตัวเล็กเริ่มหอบเพราะเดินตามไม่ทัน ดวงตากลมของนาราจ้องมองไปยังข้อมือของตนเองที่ถูกเกาะเกี่ยวเอาไว้แล้วเลื่อนขึ้นไปมองแผ่นหลังกว้างที่ไม่ได้เห็นมากว่าห้าปีอย่างโหยหา
คลาร์กดูเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนมากเหลือเกิน คงจะโหมงานหนักจนลืมดูแลตัวเองสินะ
นาราคิดในใจ พอคิดไปถึงต้นสายปลายเหตุที่ทำให้ร่างสูงตรงหน้าเป็นแบบนี้ก็อดรู้สึกเจ็บไม่ได้ ดวงหน้าหวานสลดลงพร้อมกับขยับริมฝีปากพึมพำกับตัวเอง
“ขอโทษนะ...”
หากย้อนเวลากลับไปได้ หรือหากมีหนทางที่จะช่วยให้คลาร์กรู้สึกดีขึ้น นาราสาบานเลยว่าจะทำ เขาจะพาความสุขกลับมาคืนคนตรงหน้าอีกครั้ง
ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม…
พลั่ก
“อ๊ะ!” คนตัวเล็กกว่าร้องเสียงหลงทันทีที่ร่างบอบบางถูกคลาร์กเหวี่ยงให้กระแทกไปกับรถยนต์ของเขา นาราลูบไหล่เล็กของตัวเองแผ่วเบาพลางก้มหน้านิ่ง คลาร์กจ้องมองคนตรงหน้าด้วยสายตาราบเรียบก่อนจะก้าวเดินเข้ามาหาพร้อมกับยกแขนเท้ากับรถเพื่อกักตัวนาราเอาไว้
การกระทำของอดีตคู่หมั้นหนุ่มสร้างความหวาดกลัวแก่คนตัวเล็กเป็นอย่างมาก นาราได้แต่ก้มหน้าจนคางชิดอกและบีบมือตัวเองเอาไว้ คลาร์กมองอาการของคนที่กำลังยืนสั่นเหมือนลูกนกตัวน้อยพร้อมกับหัวเราะขึ้นมาเบาๆในลำคอ
“หายหน้าหายตาไปห้าปี ความร้ายกาจไปไหนแล้วล่ะนารา...”
คลาร์กพูดเสียงเย็นพลางโน้มหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าอ่อนเยาว์จนคนตัวเล็กตรงหน้าสะดุ้งแรงๆพร้อมกับยกมือขึ้นมาดันอกแกร่งให้ออกห่างด้วยความกลัวจับใจ
“มะ...มันใกล้เกินไปแล้วคลาร์ก ผมว่าคุณถอยออกไปแล้วยืนคุยกันดีๆดีกว่ามั้ย” นาราพูดเสียงสั่นจนคนตรงหน้าแค่นยิ้มออกมา
“ทำไม ใกล้กว่านี้เราก็เคยทำกันมาแล้วนี่ ไม่เห็นมีอะไรน่ากลัวซะหน่อย” คลาร์กแสยะยิ้มพร้อมกับขยับกายเข้าไปแนบชิดกับร่างเล็ก ใบหน้าหวานก้มลงไปใกล้ใบหน้าตื่นกลัวของอีกคนก่อนจะจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของนาราพร้อมกับพูดเสียงแหบพร่า
“นายทำอะไรไว้รู้ตัวบ้างรึเปล่า” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับเอียงใบหน้าเข้าไปคลอเคลียที่ใบหูเล็ก นาราขนลุกซู่กับการกระทำของคนตรงหน้า ร่างบอบบางออกอาการสั่นจนเห็นได้ชัด
“นายทำลายชีวิตฉัน ทำลายหัวใจของฉันแล้วก็หนีมา เท่านั้นไม่พอ นายยังเอาแฟนเก่าฉันไปเป็นพวกของนายอีก นายไปโกหกอะไรกีรติล่ะหืม” คลาร์กพูดพร้อมกับเลื่อนใบหน้าลงไปยังซอกคอขาว ไม่ได้สนใจว่าที่ตรงนี้จะมีคนมากมายแค่ไหน สิ่งที่ชายหนุ่มสนใจคือกลิ่นหอมอ่อนๆที่ออกมาจากร่างของนาราก็เท่านั้น
ด้านนาราเองเมื่อถูกคุกคามในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนก็ใจสั่น คนตัวเล็กหายใจติดขัดยามที่จมูกและปากของคลาร์กดูดซับไปทั่วลำคอ ใบหน้าหวานเห่อแดงขึ้นมาจนเห็นได้ชัด เขาไม่เข้าใจการกระทำของคลาร์กในเวลานี้เอาเสียเลย
คลาร์กต้องการอะไรกันแน่?
“คลาร์ก เรื่องกีย์ผมอธิบายได้นะ” นาราพยายามตั้งสติและพูดขึ้น
“อธิบายอะไร อธิบายเรื่องที่เขาไปเป็นพวกของนายงั้นเหรอ” คลาร์กถามเสียงแข็งพร้อมกับหยุดรุ่มร่ามแถวซอกคอของนารา แววตากวางดุดันขึ้นพลางจิกเล็บลงบนตัวรถยนต์จนแน่นแต่นารามองไม่เห็น
“มันไม่มีพวกของใครอีกแล้วคลาร์ก เรื่องมันจบไปแล้ว ทิ้งอดีตแล้วมาเริ่มต้นกันใหม่ได้มั้ย ผมขอโทษ” นาราอ้อนวอนพร้อมกับยกมือขึ้นกอดร่างโปร่งจนแน่น คลาร์กได้ฟังก็นิ่งเงียบแต่ก็ยังปล่อยให้นารากอดอยู่แบบนั้น
“ผมรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันเลวร้ายสำหรับคุณมาก แต่ผมก็อยากจะขอโอกาสแก้ตัว ให้ผมได้ทำอะไรเพื่อชดเชยสิ่งที่เคยทำไม่ดีเอาไว้ได้มั้ย”
“...”
“ได้โปรดคลาร์ก จะให้ทำอะไรก็ได้ ผมยอมทุกอย่าง” นาราพูดพร้อมกับถือวิสาสะซบใบหน้าลงบนไหล่แกร่งที่แสนคุ้นเคย ความเงียบเกิดขึ้นในเวลาต่อมาเนิ่นนาน นาราได้แต่ภาวนาขอให้คลาร์กยอมให้เขาได้แก้ตัวบ้าง
ได้โปรด ให้นาราได้ล้างบาปที่เคยทำ ให้เขาทำอะไรก็ได้ขอแค่คลาร์กให้อภัย
เนิ่นนานที่ความเงียบโรยตัวไปรอบๆชายสองคน สุดท้ายคลาร์กก็ปล่อยมือจากตัวรถมาตวัดร่างเล็กของนาราให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดพร้อมกับพูดเสียงเย็นยะเยือก
“ถ้าอยากให้ฉันให้อภัยในสิ่งที่นายทำก็ช่วยฉันสิ...หนูนา ช่วยให้กีรติกลับมาเป็นของฉันเหมือนเดิม”
“ช่วยกลับไปแก้ปมที่นายเป็นคนผูกมันขึ้นมา กลับไปแก้มันก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป...ทำได้รึเปล่า” คลาร์กถามในขณะที่นารายืนนิ่ง ในหัวรู้สึกตื้อไปหมดกับประโยคมากมายที่พรั่งพรูออกมาจากปากของคลาร์ก หัวใจที่เคยคิดว่าด้านชากลับมาเต้นอีกครั้งอย่างเจ็บปวด คลาร์กนิ่งรอคอยคำตอบของคนตัวเล็กอยู่เนิ่นนาน ชายหนุ่มกอดร่างของนาราอยู่อย่างนั้นพร้อมกับจมดิ่งลงสู่ห้วงความคิดของตัวเอง
ต่างคนต่างจ่อมจมลงไปในความคิดของตนเอง
คลาร์กแค่อยากพิสูจน์อะไรบางอย่าง
เขาอยากจะลองให้โอกาสหัวใจตัวเองที่ปิดตายไปกว่าห้าปี
“ถึงเวลาที่ฉันควรทิ้งอดีตและเริ่มต้นใหม่ได้แล้ว นายจะยอมช่วยฉันรึเปล่า” คลาร์กพูดเสียงเย็นพร้อมกับเงยหน้าออกมาจ้องลึกลงไปในดวงตาคู่สวยของคนตัวเล็ก
“ว่าไง...นายจะช่วยฉันมั้ย”
“...”
“ช่วยให้ฉันได้มีชีวิตใหม่ มีความรักอีกครั้ง“
ช่วยให้ฉันมีความรักอีกครั้ง
...กับคนที่สมควรจะรักเสียที
นารานิ่งอยู่นานหลังจากคลาร์กพูดจบ ริมฝีปากบางถูกเม้มเข้าหากันจนแน่น
ถ้านี่จะเป็นทางเดียวที่จะทำให้คลาร์กยอมให้อภัยเขา แน่นอนนารายอม แม้ว่ามันจะหมายถึงเขาจะต้องกลับไปเจ็บอีกครั้ง แต่ในความเจ็บนั้นนารามั่นใจว่าเขาจะต้องมีความสุข
ความสุขที่เห็นคนที่เรารักสองคนมีความสุข
“ตกลง ผมจะช่วยให้คุณกับกีย์กลับมารักกันอีกครั้ง” นาราพูด คลาร์กได้ฟังก็ยิ้มกว้าง ชายหนุ่มมองดวงหน้าเล็กของนารานิ่ง สองชีวิตสบตากันพร้อมกับจ้องลึกลงไปในแววตาของกันและกัน
ดวงตาของคลาร์กสะท้อนแววดีใจ หากแต่ในแววตาของนารายังคงสะท้อนใบหน้าของคลาร์กดังเดิม ไม่เปลี่ยนแปลงมาตลอดยี่สิบกว่าปีนับจากสัญญาในวันนั้น
แต่นาราก็ทำได้มากสุดแค่มอง หลังจากนี้เขาคงได้แค่มองคลาร์กมีความสุข ส่วนตัวเขาก็คงทำได้เพียงนอนหลับไปพร้อมคำสัญญาที่คลาร์กลืมเลือนมันไปแล้ว
“อันที่จริง ยังมีอีกอย่างที่ฉันอยากได้...” คลาร์กพูดเสียงเรียบ นาราเอียงคอมองชายหนุ่มด้วยความสงสัยก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อคนตรงหน้าเชยคางมนของนาราพร้อมกับโฉบใบหน้าลงมากดริมฝีปากของตนแนบกับกลีบปากอิ่มของนารา คลาร์กรั้งเอวบางให้ร่างเล็กเข้ามาประชิดกับร่างกายของตัวเองก่อนจะบดเบียดจูบลงไปอย่างล้ำลึก
ถ่ายทอดทุกความรู้สึกที่เคยมีผ่านความดุดัน
“อื้อ” ร่างเล็กครางผะแผ่วลอดช่องวางของริมฝีปาก โพรงปากเล็กถูกลิ้นร้อนของคลาร์กกวาดต้อนเก็บเกี่ยวความหอมหวานจนทั่วทุกซอกทุกมุมก่อนจะไปหยุดที่ลิ้นนุ่มนิ่มของนารา คลาร์กเกี่ยวกระหวัดลิ้นเล็กอย่างดุดันพร้อมกับกดเน้นสัมผัสให้ลึกล้ำจนนาราใจเต้นแรง ความชื้นแฉะส่งผ่านจากปากอีกคนไปสู่อีกคน แลกเปลี่ยนความหวานซ้ำๆอยู่เนิ่นนาน คลาร์กบดเบียดจูบร้อนแรงลงไปบนปากอิ่มที่บัดนี้ขึ้นสีระเรื่ออย่างโหยหา
ใช่ เขาโหยหาร่างกายนี้มาตลอดห้าปี
“มีอีกอย่างที่ฉันต้องการนารา มันเคยเป็นของฉัน และมันก็จะยังคงเป็นของฉัน” คลาร์กพูดเสียงแหบพร่าหลังจากที่ถอนจูบออกจากกลีบปากแดงก่ำ นารามองใบหน้าหวานตรงหน้าด้วยความไม่เข้าใจก่อนจะเบิกตากว้างกับประโยคต่อมา
“ฉันต้องการนาย ร่างกายของนาย”
“ไม่ อย่า...”
“ฉันอยากได้นายนารา” คลาร์กพูดพลางหอบสะท้านก่อนจะฉกใบหน้าเข้าไปบดเบียดริมฝีปากคู่สวยของนาราอีกครั้งอย่างห้ามใจไม่อยู่
“อื้อ!”
สิ่งที่คลาร์กต้องการจากนาราก็คงมีเพียงแค่ร่างกาย
ความรู้สึกที่คลาร์กมีให้กับนาราก็คงเป็นเพียงแค่ความใคร่
...
เพียงเท่านั้น