"น้องกวิ้นค้า อย่าเอาแต่ดูการ์ตูน มากินข้าวก่อนเร้ววว พี่แต้วทำของโปรดไว้ให้เยอะแยะเลยน้า" เสียงของพี่แต้ว พี่เลี้ยงของไอ้นกบื้อดังแว่วมาให้ได้ยิน สมัยจึงรีบเดินเข้าไปในบ้าน เห็นพี่แต้วกำลังหลอกล่อไอ้เด็กไม่รู้จักโตที่กำลังนอนหน้าง้ำดูการ์ตูนอยู่ที่ห้องนั่งเล่น
"อุ้ย...คุณหมัย" พี่แต้วสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อมีมือจับที่ไหล่ เกือบกรีดร้องแต่ก็เงียบเสียงได้ทันเมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาของนายทหารหนุ่ม
"ผมจัดการเองครับ พี่แต้วไปพักเถอะ"
"ฝากด้วยนะคะ"
สมัยพยักหน้า ก่อนจะเดินไปปิดโทรทัศน์ แล้วหันหน้ากลับมามองคนที่กำลังชักสีหน้าใส่
"พี่หมัย ปิดทำไมเล่า! กำลังสนุก!"
"ไปกินข้าว"
"ไม่กิน ไม่หิว"
"กวิ้น อย่าดื้อนะ" เสียงของสมัยเข้มจัด ไอ้นกบื้อมันจึงลุกขึ้นนั่งแล้วลุกเดินเข้าครัวไปเงียบๆ สมัยมองตามหลัง รู้สึกได้ว่ากำลังถูกอีกฝ่ายโกรธเคือง แต่ก็ยังไม่รู้ว่าถูกโกรธด้วยเรื่องอะไร
"เป็นไรวะ" เพราะความข้องใจจึงเดินเข้าไปคว้าปีกไอ้นกบื้อไว้ แต่มันสะบัดออกโดยแรง ไม่ยอมหันหน้ามามองกันอีก
"กวิ้น"
"พี่หมัยดุทำไมล่ะ" ไอ้กวิ้นย้อนถาม "กับคนอื่นไม่เห็นดุอย่างนี้"
สมัยงงหนัก ไม่เข้าใจว่าทำไมกับเรื่องเล็กน้อย ไอ้กวิ้นมันจึงตีโพยตีพายให้เป็นเรื่องใหญ่ได้
"หันหน้ามาคุยกันหน่อย"
"ไม่ จะไปกินข้าว"
"กวิ้นกวิ้น"
เพราะถูกเรียกด้วยน้ำเสียงที่ชอบฟัง ไอ้กวิ้นจึงใจอ่อน หันตัวกลับเข้าหา แต่ก็ยังก้มหน้างุด
"บอกมาดีๆ ว่าเป็นอะไร"
ไอ้กวิ้นเม้มริมฝีปาก มันนั่งรอพี่สมัยของมันมาหลายชั่วโมงแล้ว รู้ว่าคืนนี้พ่อกับแม่จะไม่อยู่ที่บ้าน แต่ก็ไม่อยากจะโทรไปหา...ไม่อยากจะเป็นฝ่ายเรียกร้อง มันอยากจะให้พี่สมัยมาหามันเอง แต่ว่า...รอเท่าไหร่...อีกฝ่ายก็ไม่มาเสียที จนมันงอแงให้แม่โทรไปขอให้พี่สมัยมาอยู่เป็นเพื่อน ไอ้กวิ้นได้แต่คิดอย่างน้อยอกน้อยใจ ...เพราะไม่ใช่คนที่พี่รักใช่ไหม ถึงไม่เคยคิดอยากจะมาหากัน
"พี่หมัยมาช้า ติดธุระเหรอ หรือไปกินข้าวเย็นกับแฟน"
"มึงชักรวนแล้วนะ กูบอกแล้วไงว่ากูไม่มีแฟน" สมัยพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด แต่ไอ้กวิ้นมันก็ตีความไปอีกทาง เพราะมันรู้ว่าพี่หมัยของมันกำลังคุยกับใครอีกคน น้ำเสียงที่พี่สมัยใช้คุยกับใครคนหนึ่งทางโทรศัพท์ก็ยังติดหูไอ้กวิ้นมาจนถึงวันนี้ อยากคิดว่าไม่ใช่...แต่อะไรบางอย่างในใจกลับตอกย้ำว่า...คงจะใช่อย่างที่คิด
"ขอโทษที่รวนใส่ละกัน"
"กวิ้น!"
"ก็ขอโทษแล้วไง ทำไมต้องเสียงดังใส่กันอีก!"
"แม่ง... กูไม่ได้มาหาเพราะอยากมาทะเลาะนะ ถ้ามึงงี่เง่าอย่างนี้ก็อยู่คนเดียวไปก็แล้วกัน"
ไอ้กวิ้นตาแดงก่ำ กำหมัดแน่น แต่ริมฝีปากของมันกลับเหยียดยิ้ม "เออ อยู่คนเดียวได้อยู่แล้ว พี่หมัยไม่ต้องลำบากหรอก กลับไปเลยก็ได้"
"มานี่ดิ๊" สมัยดึงไอ้นกบื้อเข้าหา แต่มันกลับยื้อไว้ มือข้างหนึ่งเกาะขอบประตูแน่น "ไอ้กวิ้น อย่าให้กูหมดความอดทน"
ไอ้กวิ้นหน้าหดเหลือสองนิ้ว เวลาไอ้เหมอมันโหดไอ้กวิ้นก็ว่าน่ากลัวแล้ว แต่พอมาเจอพี่ชายมันโหดใส่ มีหรือที่ไอ้นกบื้อมันจะสตรองอยู่ไหว
"กับคนอื่นทำไมคุยดีๆ ได้ แล้วกับกวิ้นทำไมต้องดุ ทำไมต้องตี พี่หมัยเกลียดกวิ้นเหรอ เกลียดกันเหรอถึงทำแบบนี้" ไอ้กวิ้นน้ำตาไหลอาบแก้ม เป็นเด็กอ่อนไหวง่ายก็เลยถูกมองว่าเจ้าน้ำตา แต่ความจริงแล้ว...ไอ้กวิ้นมันไม่เคยเจ้าน้ำตาใส่ใครที่ไหน นอกจากพี่สมัยของมันคนเดียว แม้แต่กับพ่อแม่หรือพี่แต้ว ไอ้กวิ้นก็ไม่เคยร้องไห้ให้เห็น
สมัยหลับตานิ่ง ระงับโทสะ ดึงรั้งมันเข้าหาไม่ได้ก็ต้องขยับเข้าหามันเอง มือใหญ่กดหัวไอ้นกบื้อแนบอก "ไม่ได้เกลียด ถ้าเกลียดไม่มาหาแบบนี้หรอก กูไม่ใช่คนซับซ้อนอะไรขนาดนั้น"
ไอ้กวิ้นพอได้รับไออุ่น มือก็เปลี่ยนจากเกาะขอบประตูมาเกาะตัวพี่สมัยแทน สองมือมันรัดร่างของพี่ชายไอ้เหมอแน่น "จริงนะ"
"จริง แล้วมึงร้องไห้เพื่อไรวะไอ้นกบื้อ อย่างนี้แล้วเมื่อไหร่จะโตสักที"
"ไม่อยากโต อยากอยู่อย่างนี้ให้พี่หมัยดูแล"
สมัยได้แต่ผลักหน้าผากไอ้กวิ้นเป็นการลงโทษ แต่คำพูดของมันกลับทำให้โกรธไม่ลง
"พี่หมัย"
"อะไร"
"กินข้าวยัง"
สมัยเกือบหลุดปากว่ากินมาเรียบร้อยแล้ว แต่พอมองตาละห้อยของไอ้กวิ้นก็ตอบกลับไปแค่ว่า "ยัง"
"ดีจัง งั้นมากินข้าวกับกวิ้นนะ"
"อืม"
ไอ้กวิ้นตีปีกกระดี๊กระด๊า แม้ใบหน้าจะยังมีคราบน้ำตา แต่รอยยิ้มของมันก็ทำให้นายทหารหนุ่มพลอยยิ้มตามไปด้วย นอกจากรอยยิ้มของน้องเสมอแล้ว...ก็มีรอยยิ้มของไอ้นกตัวนี้นี่แหละที่สำคัญสำหรับสมัย แม้ว่า...อีกไม่นานอาจจะต้องหักใจ ทำลายรอยยิ้มของมันลงก็ตาม
สมัยรู้...รู้ว่านกตัวนี้มันบินไม่ได้ แต่ก็ยังอยากจะสอนมันหัดบิน อยากจะเห็นมันเติบโตมากกว่านี้ อยากจะเห็นมันมีอนาคตที่ดี เพนกวิ้นที่ได้แค่เดินเตาะแตะตามหลังน้องเหมอ ถูกพาไปทางไหนก็ไม่มีจะท้วง ล้มลุกคลุกคลาน ร้องไห้ก็บ่อยครั้ง แต่มันก็ยังเดินต่อไม่ย่อท้อ จนเมื่อมาเจอกับเขา...มันก็เปลี่ยนเส้นทาง เปลี่ยนมาเดินตามเขา ตามติดจนกลัวว่าสักวัน...มันจะอยู่คนเดียวไม่ได้ เพนกวิ้นตัวนี้ขี้เหงา เป็นนกบื้อที่เขาปล่อยให้ห่างสายตาไม่ได้ แต่พอยิ่งดูแล ยิ่งได้อยู่ใกล้ ถูกมันออดอ้อนทุกวันเข้า...ก็อยากจะเป็นคนเลี้ยงนกตัวนี้ไว้เสียเอง... ทั้งๆ ที่รู้ว่าจะอยู่เลี้ยงดูมันตลอดไปไม่ได้ แต่สมัย...ก็ยังถลำตัวและพาไอ้นกบื้อมันมาไกลกว่าที่เคยขีดเส้นเอาไว้
"กวิ้น"
"หือ"
เพราะถูกชักชวนให้เข้าไปอยู่ในความฝันกับมัน... สมัยจึงอยากให้เป็นฝันดีๆ ที่จะอยู่ในความทรงจำไปตลอดชีวิต อยากให้เป็นความทรงจำที่เวลาหวนคิดถึงก็มีแต่รอยยิ้ม แต่ก็กลัวเหลือเกินว่า...ในวันที่ถูกปลุกจากฝัน นกบื้อตัวนี้...อาจจะอยู่ไม่ไหว
"ไม่มีอะไร" แค่เห็นหน้าเอ๋อๆ ของนกบื้อกับแววตาออดอ้อนของมัน สมัยก็พูดไม่ออก รู้มาตลอดว่ามันคิดยังไง แต่อีกใจก็รู้ว่าไม่สามารถพามันไปได้ไกลกว่าที่เป็น "แล้วมึงกินยังไงให้เลอะ"
ไอ้กวิ้นยิ้มแฉ่ง หน้าร้อนวาบเมื่อนิ้วเรียวสวยของพี่สมัยหยิบเม็ดข้าวออกจากคางให้ "ก็เอาเข้าปากแล้วเคี้ยวๆ"
"กวนตีน"
"กวนพี่หมัยคนเดียวแหละ" ไอ้กวิ้นยักคิ้ว ตักของโปรดของมันใส่จานให้พี่สมัยอย่างเอาใจ "พี่หมัย ไก่ทอดสูตรของพี่แต้ว อร่อยมาก กินนะๆ"
"เออๆ"
"พี่หมัยๆ"
"อะไร"
"ตักให้กวิ้นด้วย"
ไอ้กวิ้นมองอย่างรอคอย สมัยจึงตักผัดผักใส่จานให้มันบ้าง แต่ไอ้นกบื้อหน้าง้ำทันที "ไม่ชอบผัก ทำไมพี่หมัยไม่ตักไก่ให้กวิ้น"
"อยากให้กินของที่กูชอบ"
"ไม่จริงหรอก พี่หมัยแกล้งเค้า"
"หึหึ กินไปเถอะน่า กินผัก จะได้แข็งแรงเหมือนน้องเหมอ"
"แต่ถึกเหมือนไอ้เหมอไม่เอานะ"
"อย่าว่าน้องกู"
"จิ๊"
ช่วงเวลาที่ได้พูดคุย ได้กินข้าว ได้เถียงกันเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็ถือเป็นความทรงจำที่ล้ำค่าแล้ว สมัยคงคิดถึงช่วงเวลาเหล่านี้ไปอีกนาน... เพราะเวลาที่จะปลุกให้ตื่นจากฝัน... ก็ใกล้เข้ามาเต็มทีแล้ว
"พี่หมัย คืนนี้กวิ้นขอเล่นเกมนะ"
"ไม่ได้ จะเริ่มสอบอยู่อีกไม่กี่สัปดาห์นี้แล้ว ยังจะเอาแต่เล่นทำไม"
"ไม่เห็นเป็นไรเลย GAT PAT เขามีสอบหลายรอบ เอาคะแนนรอบที่ดีที่สุดอ่ะ วู้ พี่หมัยนี่ไม่รู้อะไรเลย"
"มึงพลาดโควต้ารับตรง 20 คนมาแล้ว ยังจะมาพูดดีอีก"
"ไม่เป็นไรหรอกน่า"
สมัยมองไอ้เด็กติดเล่นด้วยสีหน้าจริงจัง "ทำให้ดีที่สุดตั้งแต่รอบแรกคงดีกว่า มึงไม่ต้องหวังน้ำบ่อหน้า เจอแล้วก็รีบคว้า"
หมับ!
"เหมือนเจอพี่หมัยแล้วก็คว้าไว้เลยใช่ปะ"
สมัยถึงกับไปไม่เป็น เจอมุกของไอ้นกบื้อเข้าให้ มือของมันทั้งสองข้างก็จับแขนของเขาไว้แน่น "ไม่เล่นดิวะ"
"จริงจังนะ เรื่องพี่หมัยอ่ะ"
"เอาความจริงจังไปลงกับเรื่องเรียนก็พอ"
"วู้ ทำเข้มอีกละ" ไอ้กวิ้นทำหน้าเซ็ง "แม่บอกว่าไม่ต้องเครียด ถ้าพลาดก็รออีกปีก็ได้ ไม่เห็นเป็นไรเลย"
"แต่ถ้ามึงต้องรออีกปี กูคงไม่รอไปกับมึงด้วย"
ไอ้กวิ้นหน้าเจื่อนลงทันที เพราะน้ำเสียงที่จริงจังของพี่ชายไอ้เหมอทำให้มันหวั่นใจ "ทำไมอ่ะ... พี่หมัยจะไปไหน"
แต่คำตอบที่ไอ้กวิ้นได้รับมีเพียงแต่ความเงียบ "พี่หมัย อย่าทิ้งกวิ้นนะ"
"กินอิ่มรึยัง"
"พี่หมัย รับปากมาก่อน"
"ปะ เก็บจาน"
ไอ้กวิ้นมองด้วยสายตาตัดพ้อ เห็นอีกฝ่ายลุก มันก็ลุกตาม แล้วก้มหน้าก้มตาเก็บจานไปเงียบๆ ที่พี่สมัยไม่รับปาก ก็คิดได้แค่อย่างเดียวว่า...พี่หมัยคงทำตามคำขอของไอ้กวิ้นไม่ได้
สมัยเหลือบมองไอ้นกบื้อที่ตั้งอกตั้งใจล้างจาน จวบจนทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย มันก็ทำหน้าหงอยเดินตามหลังมา ขึ้นมาบนห้อง ก็ตรงรี่ไปเอาหนังสือเรียนเสริมมานั่งรอที่โต๊ะญี่ปุ่น ท่าทางของมันทำเอาสมัยต้องถอนหายใจหนัก
"กวิ้น"
"..."
"มานี่มา"
ไอ้กวิ้นลุกขึ้นเดินไปหาอย่างว่าง่าย ก่อนจะถูกรั้งให้นั่งลงบนตักของพี่สมัย "นกบื้อ ถ้าเอาแต่คิดเรื่องอื่น จะอ่านหนังสือเข้าใจได้ยังไง"
"ไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย พี่หมัยมั่ว" ไอ้กวิ้นหลบตา ไม่ยอมมองอีกฝ่ายเพราะไม่อยากให้รู้ว่ามันกำลังโกหก
"กูไม่ได้บื้อเหมือนมึงนะที่จะดูไม่ออก"
นกบื้อถูกหอมแก้มไปหนึ่งทีเพราะท่าทางที่น่าหมั่นเขี้ยวของมันล่อตาล่อใจคนเลี้ยงเสียเหลือเกิน "หื้อออ พี่หมัย ทำไมไม่โกนหนวด ตอนโดนแก้มมันเจ็บอ่ะ"
"พรุ่งนี้เช้าโกนให้หน่อย"
"ใช้น้อง" ไอ้กวิ้นทำหน้าบึ้ง แต่พอมองสบตากับพี่สมัยมันก็ยิ้มเขิน "ทำให้ก็ได้ แต่พี่หมัยต้องให้รางวัลนะ"
"มึงนี่ คิดจะล้างผลาญกูจนหมดตัวเลยใช่ไหม"
ไอ้กวิ้นยิ้มประจบ "รางวัลก็ไม่จำเป็นต้องใช้เงินซื้อให้ซะหน่อย"
"แล้วจะเอาอะไร"
แต่พอเห็นหูแดงก่ำ กับสายตาที่มองตรงมายังริมฝีปากแล้ว สมัยก็เข้าใจว่าไอ้นกบื้อมันกำลังเชิญชวน จึงต้องยกมือปิดตามันไว้แล้วโน้มใบหน้าเข้าใกล้
"พี่หมัย ปิดตาทำ...อืออออ" ไอ้กวิ้นเหมือนกำลังลอยคว้างอยู่ในความฝัน มันถูกริมฝีปากร้อนของผู้ชายที่รักป้อนความหวานให้อย่างอ่อนโยน แต่เพียงครู่ก็ผละหนี จนไอ้กวิ้นครางในลำคอประท้วง
"อ่านหนังสือและทำข้อสอบย้อนหลังได้ครบห้าสิบข้อ กูจะให้รางวัลอีก"
"ง่า ขอล่วงหน้าได้ปะ" ไอ้กวิ้นที่ยังถูกปิดตายกสองแขนขึ้นโอบรัดลำคอแกร่ง "อยากกินสายไหมหวานๆ"
"มึงชอบกินปลาไม่ใช่เหรอ"
"นกเพนกวิ้นตัวนี้ชอบกินสายไหมอ่ะ" มันเถียงอย่างน่าเอ็นดู ในขณะที่สมัยก็ใจอ่อนอีกตามเคย ป้อนสายไหมให้ถึงปาก ไอ้กวิ้นจึงแทบละลาย มันเผยอปากเปิดรับอย่างโหยหา พี่สมัยก็เติมเต็มความโหยหาให้มันได้เป็นอย่างดี ไอ้กวิ้นถูกจูบอย่างหนัก จากที่นั่งตัก ถูกประคองให้นอนเอนหลังไปตามความยาวของโซฟา ไอ้กวิ้นระทวยโอนอ่อน ขยับตัวเข้าหาไออุ่น ริมฝีปากก็แนบสนิทไร้ช่องว่าง เสียงครางอื้ออึงดังในลำคออย่างพึงใจ แต่พอโทรศัพท์มือถือสั่นเตือนเมื่อมีคนโทรเข้า ความหวานที่แทบหลอมละลายนกบื้อก็หยุดชะงัก สมัยผละหนี แต่ไอ้กวิ้นตามติด มันยกขาตวัดรอบเอวของพี่สมัย สองแขนก็โอบรัดดึงรั้งไม่ให้ถอยห่าง
"ห้ามรับ...กวิ้นไม่ให้รับ พี่หมัยห้ามรับสายคนอื่น" ไอ้เด็กหน้าแดงปากบวมบอกเสียงอ้อน แต่ครั้งนี้คงตามใจมันไม่ได้
"ไม่ได้...เดี๋ยวกูมา มึงไปนั่งอ่านหนังสือรอ"
"ไม่เอา"
"กวิ้น อย่างี่เง่า"
แค่เท่านั้น ไอ้กวิ้นก็ไม่มีแรงจะห้าม มันคลายอ้อมแขนที่โอบรอบคออีกฝ่าย ขยับลุกขึ้นนั่ง พลางสายตาเหลือบไปเห็นหน้าจอโทรศัพท์มือถือแล้วหัวใจก็กระตุกหนัก
'สมายด์'
ขนาดเบอร์ของไอ้กวิ้น...พี่สมัยยังไม่เคยคิดจะบันทึกชื่อไว้ แล้วคนๆ นี้เป็นใคร...เป็นใครถึงได้มีความสำคัญมากกว่ามัน
"ไปอ่านหนังสือ" พี่สมัยขยับคว่ำหน้าจอลงเพื่อให้พ้นสายตาของไอ้กวิ้น แต่พี่สมัยคงไม่รู้ว่าไอ้กวิ้นมันเห็นแล้ว
"แฟนพี่เหรอ"
"ไม่ใช่ แค่น้องสาวเพื่อน คงมีธุระ"
"อืม"
"อย่าคิดมาก ไปอ่านหนังสือรอ กูออกไปคุยแป๊บเดียว"
"คุยในนี้ก็ได้นี่"
"เสียงกูจะกวนมึงตอนอ่านหนังสือเปล่าๆ"
"อืม งั้นก็แล้วแต่พี่"
พี่สมัยจูบขมับไอ้กวิ้นก่อนจะเดินออกไปที่ระเบียง ไอ้กวิ้นมองตาม ก่อนจะเดินไปอ่านหนังสืออย่างที่พี่สมัยบอก แต่ไม่มีถ้อยประโยคไหน...เข้าหัวมันเลยสักนิด เพราะบ่อยครั้งที่มันเอาแต่มองออกไปนอกระเบียง แล้วก็เห็น...พี่สมัยกำลังหัวเราะอย่างมีความสุขอยู่ตรงนั้น
แค่น้องสาว...จริงๆ น่ะเหรอ...........................................................TBC............................................................
อย่างี่เง่าดิกวิ้น
ขอโทษที่มาช้าค่ะ