กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 61 - 63(จบ) + เปิดจองหนังสือ (23/02/2016)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: กับดักรักเกมหัวใจ ตอนที่ 61 - 63(จบ) + เปิดจองหนังสือ (23/02/2016)  (อ่าน 136389 ครั้ง)

ออฟไลน์ matchty

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
    • MATCHTY-แมตตี้
กับดักที่
- 23 -
           


    Tru...Tru...Tru...

   ปอเหลือบมองโทรศัพท์ในมือแว่บนึง ถอนหายใจเซ็งๆก่อนจะตัดสินใจรับสาย

   "ครับพ่อ" ปอพูดด้วยน้ำเสียงเนือยๆ

   เขาพาไอ้เลิฟเข้ามานอนจนแน่ใจว่ามันหลับสนิท เลยตัดสินใจหยิบโทรศัพท์มาเปิดเครื่องดู มีทั้งเบอร์ไอ้ปิง น้องปราง พวกไอ้กิง และก็พ่อเขาที่โทรกระหน่ำเช้ามาเป็นสิบๆสาย ยิ่งคนสุดท้ายโทรมาจะห้าสิบสายเล่นเอาซะหลอน พ่อจะโทรอะไรขนาดนั้นวะครับแค่กระทืบเหี้ยเอง (เปรียบมันเป็นเหี้ยยังเกรงใจเหี้ยเลยครับ)

   ปอเปิดเครื่องยังไม่ทันไร พ่อเขาก็โทรเข้ามาทันที นี่พ่อนั่งเฝ้าโทรศัพท์รึเปล่าวะ พอกดรับปั๊บก็ได้ยินเสียงดุๆเป็นเอกลักษณ์ของพ่อดังออกมา

   "(เมื่อคืนมึงไปสร้างวีรกรรมอะไรมา)" คุณปรีชากรอกเสียงเข้มมาตามสาย พอปอได้ยินก็กรอกตาขึ้นข้างบนแบบเบื่อโลกทันที

   "กระทืบเหี้ย" ปอว่าเรื่อยๆไม่สะทกสะท้าน

   "(มึงกระทืบตัวเอง)" คุณปรีชาย้อนกลับกวนๆ

   "ถ้าพ่อมีลูกเป็นเหี้ยก็ใช่แหละ" ปอเองก็กวนพ่อกลับอย่างไม่ยอมแพ้

   "(กวนตีนนะมึง ตอบกูมามึงไปกระทืบเขาทำไม)" คุณปรีชากลับมาถามเสียงเข้มเหมือนเดิม เมื่อกี้ท่านเผลอเล่นกับลูกชายอีกแล้ว ได้ยินเสียงลูกชายคนเล็กทีไรท่านอดกวนประสาทมันไม่ได้ บางทีท่านก็กลุ้มใจตัวเองเหมือนกันนะ

   "มันปากหมากวนส้นตีน" ปอตอบไปเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา

   "(เหตุผลแค่นั้น)" คุณปรีชาถามย้ำ เพราะท่านแน่ใจว่าตัวเองรู้จักลูกชายดีพอสมควร แค่คนกวนตีนหรือปากหมาใส่ลูกชายท่านคงไม่ทำรุนแรงขนาดนี้

   "แค่นั้นแหละพ่อ" ปอตอบปัดๆ ไม่อยากตอบคำถามมากกว่านี้

   "(แค่นั้นก็แค่นั้น แต่ไอ้คนที่มึงกระทืบมันยังไม่ฟื้น)"

   "มันยังไม่ตาย?" ปอทำเสียงแปลกใจ นึกว่าแม่งจะตายเสือกอึดยิ่งกว่าแมลงสาบอีก

   "(ปากดีนะมึงถ้ามันตายมึงก็ติดคุก)" คุณปรีชาว่าดุๆ

   "พ่อจะปล่อยผมติดคุก?" ปอว่าอย่างรู้ทัน

   "(เออ!! กูคงปล่อยมึงติดหรอก)" คุณปรีชากระแทกเสียงใส่อย่างหมั่นไส้ที่ลูกชายรู้ทัน
 
   "หึ หึ นี่พ่อโทรมาแค่นี้" ปอหัวเราะเบาๆ ก้มเอามือลูบแก้มใสของคนตัวเล็กที่นอนหลับตาพริ้มอยู่ข้างๆแผ่วเบา ก่อนจะยิ้มบางๆออกมา

   "(กูโทรหามึงตั้งแต่เมื่อวาน มึงรับโทรศัพท์กูวันนี้ กูจะด่ามึงกูก็ลืมหมดแล้วว่าจะด่าอะไร)" คุณปรีชาว่าเหวี่ยงๆ

   "ฮ่าๆๆๆๆ" ปอหลุดขำก๊ากออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

   "อื้อ" เลิฟครางออกมาเพราะเสียงของปอรบกวนการนอน

   "(นั่นเสียงใครวะ)" คุณปรีชาถามขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงเลิฟดังเข้ามาในโทรศัพท์

   "ไม่มีไรหรอกพ่อ"

   "(มึงอย่าโกหกกู คนของกูบอกว่ามึงลากเด็กผู้ชายมากกที่ห้องเป็นเดือนแล้ว )" คุณปรีชาว่าเสียงเรียบ

   "พ่อส่งคนตามผมหรอ" ปอถามด้วยเสียงติดจะหงุดหงิด แล้วลุกออกจากเตียงไปคุยที่ระเบียง เขาว่าแล้วทำไมช่วงนี้เหมือนมีคนตาม เป็นพ่อเขานี่เองที่ส่งคนมาทั้งที่รู้ว่าเขาไม่ชอบ

   "(กูจำเป็นช่วงนี้สถานการณ์ไม่ดี ไม่ใช่แค่มึงพี่มึงน้องมึงกูก็ส่งคนตามดูแลหมด)" คุณปรีชาว่าขึ้นเสียงเครียด
 
   "มีอะไรรึเปล่าพ่อ" ปอขมวดคิ้วเป็นปมอย่างสงสัย น้ำเสียงพ่อมันเหมือนมีอะไรเกิดขึ้น

   "(ไม่มีอะไรมากมึงไม่ต้องห่วง แต่มึงผิดสัญญากับกูนะปอ)" คุณปรีชาพูดตัดบทก่อนเปลี่ยนมาถามจี้ปอเพราะนึกขึ้นได้

   "ผมกระทืบไอ้เหี้ยนั้นนอกมหา'ลัย แล้วก็นอกเวลาเรียน สรุปไม่ผิดว่ะพ่อ" ปอตอบกวนๆแต่ในใจก็ยังนึกสงสัยเรื่องที่พ่อส่งคนมาตาม พ่อบอกไม่มีอะไรมากแสดงว่าต้องมีแค่ไม่อยากพูดออกมาเท่านั้น

   "(มึงอย่ามาหัวหมอกับกูไอ้ลูกเวร)"

   "ผมเรียนวิศวะเผื่อพ่อจะลืม"

   "(มึงนี่มัน...กวนตีนได้ใครวะ คุยกับมึงทีไรกูปวดหัวฉิบหาย)" คุณปรีชาเอามือขึ้นมาคลึงขมับตัวเองเบาๆเพราะปวดหัว ยิ่่งคุยด้วยเหมือนความดันจะขึ้น

   "พ่อมีอะไรอีกไหม"

   "(กูแค่จะโทรมาบอกว่าช่วงนี้ให้ระวังตัว แล้วก็ช่วยอย่าสร้างปัญหาทำตัวให้มันดีๆหน่อย ถือว่ากูขอร้องในฐานะพ่อมึงก็ได้ ส่วนเรื่องไอ้คนที่มึงไปกระทืบเค้า พี่มึงมันไปเคลียร์ให้แล้วอย่าลืมไปขอบคุณเขาเข้าใจไหม)" คุณปรีชาบอกลูกชายตัวเองอย่างเหนื่อยใจ เพราะรู้ว่าพูดไปก็เท่านั้นเคยฟังกันที่ไหน แต่ช่วงนี้มันก็ทำตัวดีขึ้นเยอะ
 
   "ครับพ่อผมจะพยายาม" ปอบอกพ่อว่าจะพยายามแทนที่จะรับปาก เพราะรู้ว่าตัวว่าทำไม่ได้แน่ๆ

   "(ปอ)" คุณปรีชาเรียกลูกชายด้วยเสียงจริงจัง

   "............" ปอนิ่งไปนิดเพราะรู้ว่าน้ำเสียงแบบนี้ของพ่อไม่ได้ล้อเล่นแบบทุกที

   "(พ่อกับแม่อยากอุ้มหลาน เข้าใจความหมายที่พูดใช่ไหม)" คุณปรีชาว่าเรื่อยๆเหมือนไม่มีอะไร แต่ปอรู้ดีว่าพ่อจะบอกอะไรเพราะพ่อจะไม่แทนตัวเองว่าพ่อถ้าไม่จริงจัง

   "ครับ" ปอตัดสินใจตอบครับออกไป และไม่พูดอะไรต่อซึ่งคุณปรีชาก็เดาไว้แล้วว่าปอจะตอบแบบนี้ คำตอบที่ไม่รับปากและไม่ปฏิเสธ

   "(งั้นแค่นี้แหละ)" คุณปรีชาบอกแล้วตัดสายไป

   ปอก้มมองโทรศัพท์ในมือนิ่ง เดินไปหยิบบุหรี่มาจุดสูบ มองควันสีขาวที่ตัวเองพ่นออกมาปล่อยความคิดไปเรื่อยๆ เขาไม่รู้ว่าพ่อสังเกตุเห็นอะไรหรือคิดอะไรถึงได้พูดขึ้นมาแบบนั้น แต่มันทำเอาใจเขาไม่สงบ รู้สึกไม่ดีและเป็นห่วงความรู้สึกของอีกคนขึ้นมาซะอย่างนั้น

   "เป็นเหี้ยอะไรวะกู" ปอสบถเบาๆเอามือขยี้หัวตัวเองจนฟูไปหมด ก่อนจะดับบุหรี่แล้วเดินเข้าห้องนอน แวะหอมแก้มเนียนของคนตัวเล็กแล้วเดินไปหาคนอื่นๆที่ห้องนั่งเล่น

   ออกมาที่ห้องนั่งเล่นก็ไม่เห็นใครแล้ว เหลือแค่ไอ้ปิงที่ไม่รู้ว่าโผล่มาตอนไหนนั่งอยู่ พอมันเห็นหน้าเขาก็อ้าปากเตรียมจะด่า จนเขาต้องรีบยกมือห้ามเพราะแค่เมื่อกี้ก็ปวดกบาลจะตายแล้ว

   "ถ้ามึงจะด่ากูขอร้องเลยขี้เกียจฟัง" ปอบอกอย่างเซ็งๆ แล้วนั่งลงที่โซฟาข้างๆ

   "ทียังงี้เสือกขี้เกียจฟังตอนทำเสือกไม่คิด" ปิงอดที่จะแดกดันน้องชายไม่ได้

   “เออๆแล้วนี้พวกแม่งไปไหนหมดวะ” ปอถามแล้วกวาดสายตามองไปรอบๆอีกครั้ง

   “กลับไปแล้วกูไล่กลับเอง” ปิงเป็นคนไล่ทุกคนกลับเองเพราะอยู่หลายคนเขาบ่นไอ้ปอไม่ถนัด ปอเองก็พยักหน้ารับรู้แล้วก็ถามต่อ

   “ไอ้เหี้ยนั่น" ที่ถามหาไม่ใช่ว่าเป็นห่วงแต่ถามเพราะอยากรู้ว่ามันใกล้ตายหรือตายไปแล้ว

   "หมอให้นอนโรง'บาลอาทิตย์นึง ซี่โครงร้าว อวัยวะบอบช้ำเพราะได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ตอนนี้สลบยังไม่ฟื้น" ปิงว่าแล้วจ้องหน้าน้องชายเขม็ง

   "หึ ก็ยังไม่ตาย" ปอว่าอย่างไม่สนใจ 

   "เออไม่ตาย!! แต่เกือบตาย พ่อแม่เขาจะแจ้งความรอแค่แม่งฟื้น ถ้ามันตื่นแล้วพูดอะไรขึ้นมา มึงคิดไหมว่าเรื่องจะยุ่งแค่ไหนฝ่ายนั้นก็ไม่ใช่เล่นๆ กว่ากูจะเคลียร์เรื่ิองได้ประสาทจะแดก แถมเสือกไม่จบต้องลุ้นว่ามันตื่นขึ้นมาจะพูดอะไรอีก คราวหลังถ้ามึงจะกระทืบขนาดนั้น กูแนะนำเอาให้ตายเรื่องจะง่ายกว่านี้เยอะ" ปิงใส่ปอเป็นชุดเพราะโมโหน้องชายและบวกกับหงุดหงิดพ่อตัวเองด้วย ตอนไอ้กิงโทรเรียกเขามาเคลียร์เรื่องที่ไอ้ปอก่อ เขาโทรบอกพ่อเพราะเบื่อที่จะยุ่งเรื่องมัน แต่พ่อดันบอกว่าให้เขาจัดการเพราะเชี่ยวชาญ

   ใช่! เขาโคตรจะเชี่ยวชาญเรื่องตามล้างตามเช็ดเลยละ เพราะตอนไอ้ป้องยังไม่ไปเมืองนอกเขาก็ต้องตามเก็บเรื่องให้ แก้ปัญหาให้พวกแม่งตลอดจนไม่รู้ว่าใครเป็นพี่ใครเป็นน้อง ขยันสร้างเรื่องแต่คนรับหน้าเป็นเขาทุกที บางทีแม่งโคตรอยากลาออกจากการเป็นพี่เป็นน้องกับพวกมัน ทันไหมครับตอนนี้ตอบเขาที

   ปอมองพี่ชายตัวเองที่ทำหน้าเหมือนโลกจะแตกแล้วก็ทั้งสงสารทั้งขำ เข้าใจความรู้สึกมันนะครับมันคงเหนื่อยแหละ ที่ต้องมาดูแลน้องชายกับพี่ชายตัวเองเหมือนลูก จริงๆมันจะไม่สนใจก็ได้ปล่อยให้พ่อจัดการก็จบ แต่นิสัยมันขี้เป็นห่วงไงครับ แล้วถึงมันจะบ่นเหมือนแม่แต่มันก็ทำทุกอย่างให้ เพราะไม่อยากให้พ่อเหนื่อยและไม่อยากให้พวกเขามีปัญหา ถ้าจะโทษใครก็โทษตัวมันเองเหอะที่ทำให้พวกเขาติดสันดานเสียๆแบบนี้ตั้งแต่เด็กยันโต 

   "เออๆกูสัญญาจะพยายามไม่ก่อเรื่องให้มึงปวดหัวอีก แต่ขอบใจมึงนะเว้ยพี่ชาย" ปอว่ายิ้มๆแล้วเอามือตบลงบ่าพี่ชายเบาๆ
 
   "แค่ได้ยินคำว่าพยายามจากปากมึงกูก็ซึ้งจนน้ำตาไหล" ปิงว่าเนือยๆ เขาบ่นเพราะเป็นห่วงและที่เสนอหน้าเคลียร์เรื่องให้ตลอด เพราะเคยปล่อยให้มันเคลียร์กันเองเรื่องแม่งเละกว่าเดิมไงครับ ด้วยนิสัยพวกมันเป็นคนตรงๆอ่อนให้ใครก็ไม่เป็น โคตรจะพากันหัวแข็งประนีประนอมนี่ไม่มีในพจนานุกรมพวกมันหรอกครับ แต่ถึงอย่างนั้นพวกมันก็ไม่เคยหาเรื่องใครก่อน ไม่งั้นเขาคงไม่ช่วยออกหน้าคุยกับคู่กรณีมันให้ (ส่วนนึงที่คุยให้เพราะกลัวคู่กรณีจะตายครับ)

   “มึงรู้เรื่องที่พ่อส่งคนตามดูเราป่ะวะ” ปอลองถามพี่ชายดูเผื่อจะรู้อะไรบ้าง

   “รู้”

   “มีกูไม่รู้คนเดียวว่างั้น”

   “ก็ถ้าบอกมึงจะยอมไหม” ปิงว่ากัดๆเพราะรู้ว่าน้องชายไม่ชอบให้คนของพ่อตามประกบ จนพ่อต้องส่งคนตามมันห่างๆ ไม่งั้นพ่อจะรู้ได้ไงว่ามันไปมีเรื่องกับใคร ไปทำอะไรมาบ้าง

   “แล้วมึงรู้ไหมว่ามีเรื่องอะไร พ่อถึงส่งคนตามดูเรา” ปอถามต่อเพราะปกติพ่อจะส่งคนตามเขาห่างๆแบบไม่ให้รู้ตัว (แต่เขาก็รู้อยู่ดี) จะไม่ให้ตามจนเขารู้สึกตัวได้ขนาดนี้ แสดงว่าต้องมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นแน่ๆ

   “กูไม่รู้พ่อไม่ยอมบอกถามไอ้ป้องมันก็ไม่รู้เหมือนกันไม่รู้ว่าเกี่ยวกับปู่ไหม”

   “แล้วน้อง” ปอถามถึงน้องสาวด้วยความเป็นห่วง เพราะถึงน้องจะเก่งแค่ไหนยังไงก็ผู้หญิง แถมถ้าเรื่องเกี่ยวกับปู่อย่างที่ไอ้ปิงว่าบอกเลยว่าไม่ใช่เรื่องเล็กๆ

   “ไม่ต้องห่วงกูเองก็ช่วยดู แต่มึงอย่าคิดมากเลยว่ะกูก็แค่เดาพ่อเองก็ยังนิ่งอยู่ บางทีอาจจะแค่มีคนขัดขาในเรื่องธุรกิจแล้วแม่งเล่นไม่ซื่อก็ได้ มึงก็รู้บ้านเราศัตรูเยอะกว่ามิตร” ปิงว่าสบายๆเพราะถ้าเรื่องปู่จริงพ่อก็คงไม่นิ่งขนาดนี้

   “อ่ะพ่อฝากมาคืนมึง” ปิงหยิบเอาบัตรเครดิตในกระเป๋าออกมาให้ปอ ปอมองนิดๆแล้วยกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม

   “เค้ารู้แล้วว่ากูให้บัตรมึงใช้เพราะมึงเล่นไม่กลับไปขอเงินเลย เค้าเลยฝากกูมาคืนให้มึง” ปิงว่าแล้วยัดลงมือปอ

   “เอาของกูคืนมาด้วย”

   “อยู่ในห้องเดี๋ยวกูคืน ว่าแต่กุญแจรถกับกุญแจบ้านกูละ” ปอถามหาของที่เหลือเพราะคิดว่าพ่อจะคืนให้หมด

   “อ่ะ” แล้วปิงก็ยื่นกุญรถมาให้ พอปอมองดีๆก็เห็นว่าเป็นกุญแจฟีโน่นี่พ่อยังเก็บมันไว้เหรอวะ

   “เอากลับไปเหอะ” ปอว่าเซ็งๆ

   “ฮ่าๆพ่อเค้าให้กูเอามาให้มึงว่ะ ฝากมาบอกด้วยว่าของที่เหลือจะให้คืนตามเงื่อนไขเดิม”

   “เมื่อไหร่พ่อจะเลิกเล่นวะกูเบื่อแม่ง” ปอว่าเสียงหงุดหงิดหน้าบึ้ง

   “ทนเอาน่าแป๊บเดียว กูกลับละไม่กวนเวลามึงกกเมีย” ปิงตบบ่าให้กำลังใจน้องชายเบาๆ ก่อนจะลุกเดินออกไปนอกห้อง

   ปอมองตามหลังพี่ชายที่เดินออกไปแล้วหันกลับไปมองเวลาที่นาฬิกาบนผนัง ก่อนจะเดินกลับเข้าไปล้มตัวนอนลงข้างๆอีกคนที่หลับอยู่ ดึงคนตัวเล็กเข้ามากอดซึ่งเจ้าตัวก็ซุกตัวเข้าหาด้วยความเคยชิน เดี๋ยวเย็นๆค่อยพาไอ้เลิฟไปหาซื้อของใช้เข้าห้องตอนนี้ขอนอนเอาแรงก่อนละกัน ไม่นานนักปอก็หลับตามเลิฟไป
 
...
...

   ตกเย็นปอพาเลิฟออกมาเดินหาซื้อของใช้เข้าคอนโดที่ห้างแถวๆมหา'ลัย ตอนแรกปอว่าจะไม่พามาแล้วเพราะเลิฟดูเพลียๆแถมตัวยังอุ่นๆ แต่เจ้าตัวงอแงจะมาให้ได้อ้างเหตุผลว่าปอเลือกของสดไม่เป็น เหตุผลที่ดูติ๊งต๊องแต่ปอต้องยอมรับ

   อย่าว่าแต่เลือกของสดอะไรที่เกี่ยวกับครัวปอไม่เคยยุ่งไม่คิดจะสนใจ หิวก็บอกแม่บ้านไม่งั้นก็ไปหากินข้างนอก ไม่ค่อยใส่ใจเรื่องพวกนี้เท่าไหร่แต่พอมีอีกคนมาใช้ชีวิตอยู่ด้วย ตู้เย็นที่เคยมีแต่เหล้าเบียร์ตอนนี้มีสารพัดของกินเต็มไปหมด

   ทุกวันนี้ถ้าไม่ได้ออกไปไหนกลับถึงคอนโดเลิฟก็จะทำอาหารให้กิน ดูแลเก็บกวาดห้องจนปอแอบคิดว่าจะจ้างแม่บ้านมาทำไมให้เปลืองเงิน ในเมื่อไอ้ตัวเล็กของปอทำตัวยิ่งกว่าศรีภรรยา แต่ก็นั่นแหละสุดท้ายปอก็สั่งห้ามให้เลิฟทำความสะอาดเพราะมีแม่บ้านทำอยู่แล้ว ส่วนเรื่องทำอาหารเจ้าตัวอยากทำก็ปล่อยให้ทำไป
 
   "มึงจะซื้ออะไรบ้าง" ปอหันมาถามเลิฟที่ยืนอยู่ข้างๆ

   "ก็ของใช้กับของสดไว้ทำอาหารอ่ะ" เลิฟบอกในสิ่งที่ต้องการแล้วเงยหน้าขึ้นมองปอ 

   ก่อนจะมาซูเปอร์มาเก็ตในห้าง ปอพึ่งพาเขาไปลางานกับพี่เมย์มา เพราะดูเหมือนเขาจะไม่สบาย จริงๆเขาก็บอกไปแล้วว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่รู้สึกเพลียกับปวดตัวนิดหน่อย แต่ปอก็ไม่ยอมแถมดุเขามาอีกต่างหาก ไม่รู้พันธุ์อะไรจะขอไปเฝ้าบ้านสักตัว

   "เหม่ออะไร" ปอหันมาถามเลิฟที่ยืนเหม่ออยู่กับที่ไม่ยอมขยับไปไหน

   "ปะ...เปล่า ไปซื้อของกันเหอะ" เลิฟสะดุ้งเล็กน้อยเพราะปอเรียกก่อนจะรีบลากปอไปซื้อของ เมื่อกี้เขามัวแต่เหม่อและเผลอคิดว่าปอดุเหมือนหมา

   ปอกับเลิฟเดินซื้อของไปเรื่อยๆไม่รีบร้อน ปอปล่อยให้เลิฟเลือกของใช้ได้ตามใจส่วนตัวเองก็เข็นรถตามเงียบๆ เลิฟหยิบนั้นหยิบนี้ใส่จนจะเต็มรถ ปอเองก็ไม่ได้ว่าอะไรแต่แอบคิดในใจ ถ้าบัตรเครดิตที่พึ่งได้คืนมาโดนพ่อแกล้งระงับบัตร ตอนจ่ายตังบัตรใช้ไม่ได้คงสนุกน่าดูละทีนี้เล่นเลือกซะเต็มคันรถ

   "เอาอันนั้นมึงใช้แล้วมันหอมดี" ปอชี้ไปที่สบู่เหลวอาบน้ำในมือข้างซ้ายของเลิฟ เพราะเห็นว่าเลิฟลังเลและเขาเองก็จำได้ว่าเลิฟใช้ตัวนี้แล้วมันหอมติดจมูกดี

   "ปอชอบอันนี้เหรอ เอาอันนี้ก็ได้" เลิฟวางขวดสบู่เหลวที่ปอเลือกลงรถเข็นแบบไม่ลังเล ก่อนจะเดินเลือกของต่อเรื่อยๆไม่รีบร้อน จนกระทั่งมีเสียงๆนึงเรียกปอขึ้น

   "ปอ....ใช่ปอจริงๆด้วย" เสียงใสทักขึ้นจากด้านหลังปอเสียงดังด้วยความตื่นเต้น ด้านปอเองที่โดนทักก็หันกลับไปมองพอเห็นว่าเป็นใครปอก็ยิ้มออกมานิดๆ ก่อนที่หญิงสาวจะโผเข้ากอดปอเต็มแรง จนปอต้องกอดตอบเพื่อพยุงอีกฝ่ายไว้ไม่ให้ล้ม
 
   "ดีใจจังที่เจอยู ไอไม่คิดว่าจะเจอยูที่นี่เลยนะ" หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงดีใจ ก่อนจะหอมแก้มซ้ายแก้มขวาของปอ แล้วก้มลงประกบจูบปอแบบที่ปอเองก็ไม่ทันตั้งตัว

   เลิฟมองภาพตรงหน้าด้วยความตกใจใบหน้าขาวเปลี่ยนเป็นซีดเผือดใจมันเจ็บขึ้นมาแปล๊บๆ เลิฟเม้มปากตัวเองแน่นตัดสินใจเบือนหน้าหนีภาพบาดตา แล้วเดินออกมาจากตรงนั้นด้วยความเร็ว

   ไม่รู้ว่าตัวเองเดินมาไกลแค่ไหน รู้แค่ว่าอยากเดินออกมาให้ไกลจากตรงนั้นที่สุด คิดได้แบบนั้นขาสองข้างมันก็พาเขาเดินมาเรื่อยๆ จนเดินมาเจองานจัดแสดงดอกไม้ในโซนนึงของห้าง

   เลิฟมองเข้าไปในงานอย่างสนใจ ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปข้างใน เขาชอบดอกไม้และต้นไม้มากถึงเลือกทำงานพิเศษที่ร้านดอกไม้ ทั้งที่ค่าจ้างไม่ได้เยอะเหมือนงานแต่เพราะได้ทำในสิ่งที่รัก เลิฟเลยมีความสุขกับมันมากว่าที่จะสนเรื่องค่าตอบแทน
 
   "ไว้วันหลังชวนปอมาดีกว่า" เลิฟยิ้มออกมาบางๆเมื่อคิดถึงอีกคน ก่อนจะหุบยิ้มลงทันทีเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อกี้ ภาพลูกครึ่งสาวสวยจัดยืนจูบปอมันยังคงวนเวียนอยู่ในหัว จนหน้าใบหน้าหวานหมองลงถนัดตา
 
   "เฮ้อ..." เลิฟถอนหายใจเหนื่อยๆ เขาอยากรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใครแต่อีกใจก็ไม่อยากรู้ขึ้นมา แต่ดูแล้วผู้หญิงคนนั้นคงสนิทกับปอไม่น้อย ก็เล่นกอดเล่นหอมกันซะขนาดนั้นแถมจูบอีก

   "ฮึ้ย"  เลิฟส่งเสียงออกมาอย่างหงุดหงิด เขาเกลียดไอ้ความรู้สึกแบบนี้ที่สุดมันอึดอัด จะหวงก็หวงไม่ได้มากจะหึงก็หึงได้ไม่เต็มที่ อยากบีบคอปอชะมัด

   "ดอกไม้เขาช้ำหมดแล้วมึง" เสียงทุ้มคุ้นหูพร้อมกับแรงกดที่หัว กับสัมผัสที่เอวทำให้เลิฟรีบหันไปมองอย่างเร็ว

   "ตามมาทำไม" เลิฟว่าด้วยน้ำเสียงติดเหวี่ยงๆ หยุดมือที่กำลังจิ้มดอกไม้ระบายความหงุดหงิดลง

   "ไม่อยากให้ตามงั้นกูกลับ" ปอว่าเสียงเรียบแล้วปล่อยแขนจากตัวเลิฟ ขยับถอยหลังห่างออกมาเล็กน้อย ตั้งท่าจะหันหลังกลับ

   "ปอ!!!" เลิฟขึ้นเสียงใส่ ทำหน้าบึ้งปากยื่น

   "มึงเป็นอะไร" ปอลองถามดูแต่ก็เดาออกแหละว่าเป็นอะไร

   "ไม่ได้เป็น" เลิฟว่าเสียงงอนๆ

   "เพื่อน" ปอพูดขึ้นลอยๆ พอเห็นเลิฟทำหน้าเป็นหมางงเลยพูดต่อ

   "ลิซ่าเป็นเพื่อนมันไม่มีอะไร"

   "แต่ว่า..." เลิฟมองหน้าปอด้วยแววตาสบสน เขาอยากจะเชื่อแต่ภาพที่เห็นมันเชื่อได้ยาก

   "กูไม่เคยโกหกตอนนี้ลิซ่ากับกูเป็นเพื่อนกัน" ปอว่าเสียงเรียบมองหน้าเลิฟนิ่งๆ

   "อือ" เลิฟส่งเสียงในลำคอเบาๆ แล้วส่งยิ้มให้ปอ

   "ไว้วันหลังกูพาไปเจอ" ปอว่าเสียงอ่อนโยนแล้วยกมือขยี้หัวเลิฟเบาๆ

   "คราวหลังมีอะไรให้ถามไม่ใช่เดินหนีมาแบบนี้" ปอว่าดุๆ

   "ดุอีกละไม่ต้องมาใกล้เลย" เลิฟทำหน้าตากวนๆใส่ปอ

   "กูอยากอยู่ด้วย...ไม่ได้" ปอพูดออกมาด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยน แต่เป็นเลิฟที่หน้าค่อยๆขึ้นสี

   "จะยิ้มก็ยิ้มไม่ต้องมาทำเป็นเก๊ก" ปอแซวขึ้นขำๆเพราะเห็นเลิฟพยายามกลั้นยิ้ม

   "ปออ่ะ ชอบทำให้เขินว่ะ" ในที่สุดเลิฟก็กลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่หลุดยิ้มออกมาจนได้ ยกมือสองข้างมาปิดแก้มไม่ให้ปอเห็นว่าตัวเองยิ้ม เมื่อกี้เขาโมโหแทบตาย แต่ตอนนี้โคตรมีความสุข ปอบอกว่าอยากอยู่กับเขาล่ะ

   "กลับๆเอาไว้ไปเขินที่บ้าน" ปอว่าขำๆพร้อมกับส่ายหัวน้อยๆกับความติ๊งต๊องของเลิฟ

   "เดี๋ยว!!! แล้วของที่จะซื้ออ่ะ" เลิฟรั้งปอไว้ไม่ให้เดินต่อเพราะนึกขึ้นได้ว่าซื้อของยังไม่เสร็จ

   "กูจ่ายตังเอาของไปเก็บที่รถแล้ว มึงจะเอาอะไรเพิ่ม" ปอหันมาถามซึ่งเลิฟก็ส่ายหัวเพราะนึกไม่ออกว่าจะซื้ออะไรอีก

   เดินสักพักก็มาถึงรถที่จอดเอาไว้ เลิฟตรงไปเปิดดูของที่ท้ายรถเพื่อเช็คดูว่าจะเอาอะไรเพิ่มไหมจะได้ไม่ต้องเสียเวลามาอีก แต่พอเปิดถุงไปเรื่อยก็เจอของบางอย่างที่ใส่รวมมากับถุงของใช้ส่วนตัว

   เลิฟหน้าขึ้นสีอีกครั้งเพราะสิ่งที่เขาเห็นคือเจลหล่อลื่นเป็นสิบๆหลอด แค่เมื่อคืนเขาก็แทบจะเดินไม่เป็นแล้วนะ วันนี้ออกมาข้างนอกเขาต้องใส่เสื้อแขนยาว เพราะรอยบนตัวมันชัดมากแถมเต็มไปหมด

   "มึงว่าพอป่ะ" ปอที่เดินมาเงียบๆกระซิบลงที่ข้างหูเลิฟเบา จนเลิฟขนลุกขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

   "ไอ้หื่น!!!" เลิฟตวาดเสียงเขียวแล้วหยิบเอาเจลหล่อลื่นในถุงเขวี้ยงใส่ปอ ก่อนจะเดินกระทืบเท้าหน้าแดงเข้าไปนั่งรอในรถ

   "หึ หึ" ปอหัวเราะเบาๆแล้วเก็บของทุกอย่างเข้าที่ ก่อนจะเดินกลับมานั่งประจำที่คนขับ

   "ถามจริงอายบ้างไหมซื้อมาเยอะขนาดนั้น" เลิฟหันไปถามปออย่างทนไม่ไหว หน้าก็แดงไปด้วยอย่างห้ามไม่อยู่

   "อายทำไมเรื่องธรรมชาติ" ปอตอบเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาใครๆก็ทำ

   "แต่ซื้อเยอะขนาดนั้นไม่มีใครเขาทำหรอก"

   "ก็กูนี่ไง" ปอว่าหน้าตาย

   "หน้าด้าน" เลิฟอดที่จะด่าออกมาไม่ได้ คนอะไรพูดให้อายยังไม่ยอมอายอีก

   "ด้านก็ผัวมึง" ปอว่าแล้วก้มลงหอมแก้มเลิฟเห็นแล้วมันอดไม่ได้โคตรหมันเขี้ยว

   “ไม่ต้องมาหอมเลยไปหอมคนชื่อเกี๊ยวซ่านู้น” เลิฟว่าน้ำเสียงติดงอนๆ มือเรียวพยายามผลักหน้าของปอให้ออกห่างๆ ถึงจะตัดสินใจเชื่อในสิ่งที่ปอบอกแต่มันอดเคืองไม่ได้นี่นา

   “เขาชื่อลิซ่า” ปอว่าขำๆ

   “ก็นั้นแหละเพื่อนกันทำไมต้องหอมแก้มด้วยแถมจูบอีก” เลิฟถามเสียงเหวี่ยงทำตาเขียวใส่ปอ เขากล้าถามเพราะปอบอกเองว่ามีอะไรให้ถามตรงๆ

   “ลิซ่าเขาเป็นลูกครึ่งโตเมืองนอกเขาทักทายแบบนี้เป็นเรื่องปกติ”

   “แค่เพื่อนจริงหรอ” เลิฟถามต่อด้วยเสียงอ่อยๆ

   “ถ้ามึงอยากรู้จริงๆกูจะเล่าแต่มึงต้องสัญญาว่าจะไม่ร้องไห้” ปอหันมาบอกเลิฟด้วยน้ำเสียงจริงจัง

   “งั้นไม่อยากรู้แล้ว” เลิฟว่าเสียงแผ่ว เขาอยากรู้แต่ถ้าปอพูดมาแบบนี้เขาร้องไห้ชัวร์

   “กูไม่ใช่คนดีมึงเองก็น่าจะรู้ อยู่กับกูมึงจะต้องเจอแบบนี้อีกเยอะ ถ้ามึงอยากไปกูจะไม่ห้าม” ปอว่าแล้วหันกลับมามองเลิฟที่นั่งก้มหน้าส่ายหัวตอบจนผมยุ่งไปหมด

   “กูไม่ได้ไล่เพราะกูเบื่อมึงแต่กูให้โอกาสมึงเลือกในตอนที่มึงยังเลือกได้” ปอพูดเสียงเรียบๆแต่แฝงความหมายบางอย่าง

   “หมายความว่าไงอ่ะ” เลิฟถามงงๆเพราะไม่เข้าใจในคำพูดของปอ

   “ช่างเหอะ...แค่มึงรู้เอาไว้ว่ากูไม่เคยเป็นแบบนี้กับใครก็พอ” ปอยิ้มมุมปากนิดๆให้เลิฟ

   “อื้อ” เลิฟเองก็ยิ้มให้ปอแล้วจับมือปอที่ใหญ่กว่าตัวเองพอสมควรมาวางทาบกับมือตัวเอง

   “มือปอใหญ่กว่าตั้งเยอะแนะดูดิ” เลิฟจับมือของตัวเองกับปอที่ประกบกันอยู่ยกขึ้นให้ปอดู

   “อือ...แล้วมึงว่ามือกูปกป้องใครได้ไหมถ้าเกิดอะไรขึ้น” ปอถามกลับเสียงเรียบ

   “โหย....ได้ดิตัวเองมือหนักตีนหนักจะตาย” เลิฟพูดแล้วก็อดนึกถึงคืนนั้นไม่ได้คนอะไรโคตรโหด

   “ถ้างั้นมึงบอกกูได้ไหมว่ามึงมีเรื่องอะไรกับพี่ชายมึง” ปอตัดสินใจถามออกไป เลิฟที่นั่งเล่นมือปออยู่ถึงกับหยุดชะงักไปทันที

   “ถ้ามึงไม่อยากเล่ากูก็จะไม่ถามอีก” ปอพูดด้วยเสียงที่จริงจัง

   “..............”

   “กูจะไม่บังคับให้มึงบอก”

   “...............”

   “เพราะกูอยากได้ยินจากมึงด้วยความเต็มใจ”

   “..............”

               เลิฟเงยหน้าขึ้นมาสบตาปอช้าๆ สิ่งที่เขาเห็นในแววตาของปอคือความจริงจัง และไม่ได้มีสายตาบังคับและท่าทีคุกคามแต่อย่างใด เหมือนเป็นการยืนยันให้เขารู้ว่าปอจะทำตามที่พูดจริงๆ ถ้าเขาไม่พูดปอจะไม่คาดคั้นและจะไม่ถามอีก ครั้งนี้ปอให้เขาเลือกเองว่าจะบอกอะไรไหม บอกอะไรบางอย่างที่เขาเลี่ยงจะพูดถึงมาตลอดเกือบสิบปี


2 Be Con...

+++++++++++
นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายใสๆ
เหมาะแก่การแนะนำให้เยาวชนอ่าน
พระนายแค่นอนจับมือ จิงจิ้งงงงง
ปล.หลบ TEEN แพ่บ

ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg
 :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:อยากรู้เหมือนกัน :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
อยากรู้เหมือนกันนะเลิฟ บอกมา

ออฟไลน์ matchty

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
    • MATCHTY-แมตตี้
กับดักที่
- 24 -
           


   ปอพาเลิฟมาที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่งตามคำขอของเจ้าตัว เขาเดินตามแผ่นหลังเล็กๆที่เดินนำหน้าไปเรื่อยๆ ระหว่างทางตั้งแต่ในรถจนถึงตอนนี้ไม่การพูดคุยอะไรทั้งนั้น มีแค่ความเงียบและลมเย็นๆที่พัดแผ่วเบากระทบผิวกายเป็นระยะ
 
               เลิฟเดินนำปอมาเรื่อยๆจนถึงสระน้ำขนาดใหญ่ใจกลางสวนเดินลัดเลาะไปตามสะพานไม้ริมสระ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งเมื่อถึงกลางสะพานโดยมีปอนั่งลงตามเงียบๆ เลิฟเหม่อมองออกไปในน้ำเบื้องหน้าที่สะท้อนเงาของต้นไม้ มองไปบนผิวน้ำที่กระเพื่อมไหวเพราะลมพัด ซึ่งไม่ได้ต่างอะไรกับใจเลิฟในตอนนี้ ปล่อยความคิดของตัวเองให้ลอยไปไกล

               ความมืดเริ่มโรยตัวเข้ามาปกคลุมทั่วบริเวณ  เสียงของผู้คนรอบๆข้างที่มีให้ได้ยินเป็นระยะค่อยๆหายไป จนในที่สุดก็เงียบสงัดลง

               “เวลาไม่สบายใจเลิฟชอบมานั่งที่นี่” ในที่สุดเลิฟก็พูดขึ้นมาหลังจากที่นั่งเงียบมานาน จนปอแอบคิดว่าคงไม่พูดอะไรแล้ว

               “ที่นี่มันไม่ไกลบ้านแล้วก็เงียบสงบ นั่งมองน้ำ มองฟ้า ฟังเสียงลม” เลิฟพูดขึ้นเรื่อยๆพร้อมรอยยิ้มบางๆ ตายังคงเหม่อมองไปที่ผิวน้ำข้างหน้า

   “ปล่อยความคิดออกไปเรื่อยๆ มันเป็นช่วงเวลานึงที่ได้มีความรู้สึกว่าเราเป็นอิสระจากทุกอย่าง” คำพูดที่ออกมาจากริมฝีปากอิ่มพร้อมรอยยิ้มเป็นเอกลักษณ์ แต่แววตากลมโตคู่นั้นไม่ได้ฉายแววซุกซนเหมือนกับทุกที 
 
...
...

               “ลูกเมียน้อยๆ ฮ่าๆ” เหล่าเด็กชายหญิงยืนล้อมรอบเด็กน้อยที่นั่งอยู่ตรงกลาง ส่งเสียงตะโกนล้อเลียนและหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน สองมือเล็กๆของเด็กน้อยยกขึ้นมาปิดหูตัวเองไว้เพราะไม่อยากได้ยิน

               “เลิฟไม่ใช่ลูกเมียน้อยนะ” เสียงเล็กตวาดเถียง เงยหน้าที่คลอไปด้วยน้ำตามองทุกคนที่รุมล้อมอยู่
 
               “ไม่จริงอ่ะตัวเป็นลูกเมียน้อย แม่ของเราบอกมา” เด็กผู้หญิงว่าไปตามประสาซื่อ เพราะบังเอิญได้ยินแม่ตัวเองคุยกับเพื่อนบ้านว่าเลิฟเป็นลูกเมียน้อย

               “ไม่ใช่นะ!!!” เลิฟตวาดเสียงดังก่อนจะลุกขึ้นยกมือผลักไปที่เด็กผู้หญิงตรงหน้าเต็มแรง จนเด็กคนนั้นล้มลงไปกองกับพื้น

               “ฮือๆๆๆ” เด็กผู้หญิงร้องไห้ออกมาเสียงดังเพราะเจ็บจากการที่ล้มลงไปกระทันหัน ส่วนเลิฟเองก็ยืนตะลึงทำอะไรไม่ถูก เมื่อกี้เขาไม่ได้ตั้งใจแต่ใครใช้ให้มาว่าเขาเป็นลูกเมียน้อยล่ะ

               “ตายแล้วลูก นี่เธอทำอะไรลูกฉันห๊ะไอ้เด็กบ้า!!!” คนเป็นแม่รีบวิ่งมาอุ้มลูกตัวเองทันทีที่ได้ยินเสียงร้องไห้ แล้วหันมาตวาดเลิฟเสียงดังลั่น

               “คนนี้เขาผลักหนูล้มค่ะคุณแม่”  เด็กหญิงสะอึกสะอื้นฟ้องแม่ชี้ไม้ชี้มือมาที่เลิฟ

              “เด็กนิสัยไม่ดี!!!” คนเป็นแม่ตวาดเสียงแหลม เงื้อมือขึ้นสูงเตรียมจะฟาดลงมา แต่มีร่างๆหนึ่งวิ่งเข้ามาขวางเอาไว้

               “อย่านะคะ!!!” ร่างของคนที่วิ่งมาขวางตะโกนห้ามเสียงดัง สองแขนยกมือโอบกอดเด็กชายตัวน้อยอย่างปกป้องและหวงแหน

             แม่ของเด็กหญิงปรายตามองไปยังหญิงสาวที่วิ่งเข้ามาขวางนิดๆ ก่อนจะลดมือที่เงื้อขึ้นสูงลงหน้าตาบิดเบี้ยวด้วยความไม่พอใจ

   "เธอเป็นใครมาขวางฉันทำไม" เสียงแหลมตวาดถามด้วยความโมโห

   "ฉันเป็นแม่ของเด็กคนนี้ ต้องขอโทษแทนลูกชายด้วยนะคะ" หญิงสาวรีบเอ่ยปากขอโทษผู้หญิงตรงหน้า

   "ขอโทษหรอ ขอโทษแล้วลูกฉันหายเจ็บไหม" แม่ของเด็กหญิงพูดขึ้นต่อด้วยความไม่พอใจ

   "งั้นฉันจะพาลูกสาวคุณไปทำแผลค่ะ" หญิงสาวยื่นข้อเสนอ
 
   "ไม่ต้อง!!!" แม่ของเด็กหญิงปฏิเสธข้อเสนอแบบทันควัน

   "งั้นคุณจะเอายังไงล่ะค่ะ" หญิงสาวถามความต้องการของอีกฝ่าย เพราะอยากจะจบเรื่องบ้าๆพวกนี้สักที

   "ให้ลูกชายเธอขอโทษลูกสาวฉันเดี๋ยวนี้" อีกฝ่ายก็บอกความต้องการของตัวเองทันที

   "เลิฟขอโทษเขาไปสิลูก" หญิงสาวตัดสินใจหันมาบอกลูกชายให้ขอโทษ เพื่อต้องการให้เรื่องมันจบ

   "ไม่...เลิฟไม่ผิด" เด็กน้อยตะโกนปฏิเสธไม่ยอมทำตาม เขาไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองต้องเป็นฝ่ายขอโทษทั้งๆที่ไม่ผิด

   "เลิฟครับ ขอโทษเขาไปเร็วลูก" หญิงสาวยังคงบอกลูกชายด้วยเสียงอ่อนโยน

   "ไม่!!! แม่ใจร้ายที่สุด" เด็กน้อยตะโกนสุดเสียง ก่อนจะวิ่งออกจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว

   "เลิฟ!! เลิฟ!!" หญิงสาวพยายามเรียกลูกชายให้หยุดวิ่งแต่เสียงเรียกของเธอก็ไม่สามารถทำให้เด็กน้อยหยุดฝีเท้าได้

   "ก็ยังงี้แหละเด็กไม่มีพ่อ" แม่ของเด็กหญิงพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยดูถูก ทำให้หญิงสาวที่มองตามลูกชายด้วยความเป็นห่วง หันกลับมาตวัดสายตามองอีกฝ่ายนิ่งๆ

   "ใช่ค่ะ ลูกฉันไม่มีพ่อแต่ฉันก็สอนลูกเป็นว่าอะไรควรไม่ควร ไม่เหมือนกับคนบางคนที่มีครอบครัวพร้อมหน้า แต่สั่งสอนลูกไม่เป็นจนกลายเป็นเด็กนิสัยแย่" หญิงสาวว่ากลับเสียงเรียบ

   "นี่เธอว่าลูกสาวฉันนิสัยแย่หรอ" อีกฝ่ายถามเสียงแหลม ปากคอสั่นเพราะขัดใจที่โดนยอกย้อน

   "ถึงว่าสิเป็นเพราะปากแบบนี้ไง เลยได้เป็นแค่เมียน้อยชาวบ้าน" เอ่ยต่อออกมาพร้อมกับมองไปที่หญิงสาวด้วยแววตาเหยียดๆ

   "ฉันสงสารลูกคุณจังที่มีแม่แบบคุณ" หญิงสาวว่าเสียงเรียบไม่ท่าทีโมโหแต่อย่างใดก่อนจะเดินออกไป ทิ้งให้อีกฝ่ายยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูกอยู่ตรงนั้น

...
...
 
   "อ้าวเลิฟมาตั้งแต่เมื่อไหร่อ่ะ" เสียงใสๆของเด็กหญิงถามขึ้นด้วยความแปลกใจ สาวน้อยออกมาเดินเล่นที่สนามหญ้าหน้าบ้าน แต่ดันมาเห็นเพื่อนตัวน้อยของเธอนั่งหน้าบึ้งอยู่

   "อ่ะ...นาว" เลิฟสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะเรียกชื่อเพื่อนออกมา

   "อือเราเอง ตัวมาทำอะไรอ่ะ" นาวเอียงคอถามอย่างน่ารัก

   "เราหนีแม่มาอ่ะ" เลิฟว่าหน้ามุ่ย

   "หนีไมอ่ะตัวไปทำไรผิดมาถึงได้หนีคุณน้า" นาวถามต่อก่อนจะนั่งลงข้างๆเลิฟ

               “ก็แม่.......” เด็กน้อยเปิดปากเล่าเรื่องทั้งหมดให้เพื่อสาวตัวน้อยฟัง ซึ่งอีกคนก็ฟังอย่างตั้งใจ

               “อย่าโกรธคุณน้าเลยเราว่าคุณน้าคงมีเหตุผลของคุณน้าแหละ” นาวบอกเพื่อนตัวเองเสียงใส

               “ปะ....ไปดูนี่กันดีกว่า” แล้วมือกลมๆของสาวน้อยก็ดึงมือป้อมๆของอีกคนให้เดินตาม

   เมี๊ยว....เมี๊ยว...

               “โอ้โห...ลูกแมวน่ารักจัง” เสียงวี้ดว้ายอย่างตื่นเต้นดังออกจากปากเด็กน้อยทั้งคู่ไม่ขาดสาย เลิฟมองไปที่ลูกแมวตัวกลมในตะกร้าอย่างชอบใจ

               “เลิฟ” เสียงเรียกคุ้นหูดังขึ้น

               “แม่ฮะเราเลี้ยงได้ไหม” เด็กน้อยเอ่ยถามผู้เป็นแม่เสียงอ้อนสายตาเปี่ยมด้วยความหวัง

               “ถามเจ้าของเขารึยังลูก” คนเป็นแม่เอ่ยถามลูกชายเสียงอ่อนโยน

               “เอาไปเลยรินถ้าตาเลิฟอยากได้” แม่ของนาวบอกยิ้มๆ

              “เลี้ยงนะฮะแม่” เลิฟหันมาทำตาอ้อนเสียงอ้อนใส่แม่

               “จ๊ะๆแต่เราสัญญากับแม่นะว่าจะดูแลมันดีๆ” รินบอกลูกชายด้วยเสียงอ่อนโยน

               “ค๊าบ เลิฟสัญญา” เด็กน้อยรับปากแข็งขันกระชับอ้อมกอดลูกแมวสีขาวในมือแน่น

               “งั้นขอบคุณน้าจันแล้วกลับบ้านกันลูก”

               “น้าจันขอบคุณครับ....เรากลับบ้านก่อนนะนาวพรุ่งนี้เจอกัน” เลิฟยกมืออ้วนป้อมไหว้ขอบคุณอย่างทุกลักทุเลเพราะไม่ยอมปล่อยลูกแมวลง ก่อนจะบอกลาเพื่อนแล้วเดินตามแม่กลับบ้าน

...
...
 
               “เลิฟครับ...ทำไมเมื่อตอนบ่ายแม่บอกให้ขอโทษเพื่อนถึงไม่ทำละครับลูก” คุณรินหันมาถามลูกชายตัวน้อยที่ยืนช่วยเธอเตรียมอาหารเย็นอยู่ข้างๆ

               “ก็เลิฟไม่ผิดทำไมเลิฟต้องขอโทษละฮะ” เลิฟว่าหน้างอมือป้อมๆเด็ดยอดผักตามที่แม่เคยสอนช้าๆ แต่ก็เด็ดถูกบ้างไม่ถูกบ้างตามประสา

               “งั้นถ้าเลิฟไม่ผิดเลิฟก็จะไม่ขอโทษเหรอครับ” รินหันมาถามลูกชายเสียงอ่อนโยน

               “ใช่ครับ” เลิฟตอบแม่เสียงดังฟังชัด

               “ฟังแม่นะครับการที่เรารู้จักขอโทษใครก่อนไม่จำเป็นว่าเราจะต้องเป็นคนผิด”

               “ถ้าไม่ผิดแล้วเราจะขอโทษทำไมล่ะฮะ” เลิฟถามด้วยความสงสัยคิ้วพันกันยุ่ง

               “เพราะการที่เราขอโทษใครก่อนมันไม่ได้หมายความเรายอมรับผิด แต่มันหมายถึงว่าเรารู้จักการให้อภัยไงครับ เลิฟให้อภัยเพื่อนได้ไหม”

               “แต่เขาว่าแม่นี่นา” เลิฟยังคงเถียงเสียงอ่อย

               “ขอบคุณที่เลิฟห่วงแม่ครับแต่แม่ไม่เป็นไรนะลูก แค่เลิฟเป็นลูกชายที่น่ารักของแม่แบบนี้ก็พอแล้ว” รินหยุดมือที่เตรียมอาหารลง นั่งยองๆให้อยู่ในระดับสายตาเดียวกันกับลูกชาย ยกมือขยี้หัวทุยนั้นเบาๆ

               “ครับผม” เลิฟส่งยิ้มกว้างให้แม่จนตาหยี

              “เอาล่ะเด็กดีของแม่ไปดูสิว่าตอนนี้เจ้าโมกเป็นยังไงบ้าง”

               “ครับผม” เลิฟตะเบ๊ะท่าใส่แม่แล้วล้างมือรีบวิ่งไปดูเจ้าแมวน้อยที่ตัวเองตั้งชื่อให้ว่าโมกอย่างรวดเร็ว

               “ระวังลูก!!!!” รินตะโกนตามหลังด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะส่ายหัวแล้วยิ้มขำเอ็นดูลูกชาย

               รินเป็นสาวเหนือที่รูปร่างอรชรอ่อนแอ่น หน้าตาสวยหวานจนใครเห็นก็ต้องเหลียวหลัง เป็นคนนิสัยอ่อนโยนเรียบร้อย เก่งเรื่องงานบ้านงานเรือนทุกชนิด

               เมื่อช่วงสมัยเป็นวัยรุ่นใหม่ๆรินได้มีโอกาศไปร่ำเรียนที่กรุงเทพฯจนได้เจอกับพ่อของเลิฟ และด้วยความเป็นคนหัวอ่อนทำให้ปล่อยตัวจนมีเลิฟขึ้นมา แน่นอนว่าการที่ตั้งท้องในวัยเรียนเป็นเรื่องน่าอับอาย แต่เธอเลือกที่จะเก็บลูกน้อยในท้องไว้นั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้เรียนไม่จบ แต่เรื่องที่เจอยังเลวร้ายไม่พอเพราะเธอมารู้ทีหลังว่าตัวเองท้องกับคนที่มีภรรยาแล้ว เธอจึงเลือกตัดสินใจกลับมาบ้านเกิด

            ทันทีที่พ่อแม่รินทราบเรื่องก็ด่าทอต่อว่าเพราะรู้สึกผิดหวังอย่างรุนแรง เธอตัดสินใจหอบลูกในท้องและหัวใจที่เจ็บช้ำ บากหน้ามาขอความช่วยเหลือจากเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่ชื่อ ‘วาดจันทร์’ และก็อาศัยพึ่งใบบุญวาดจันทร์เรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้  คอยรับจ้างทำงานเล็กๆน้อยๆในไร่ดอกไม้ของเพื่อน ใช้ชีวิตเรียบง่ายมีความสุขตามอัตภาพ แม้จะต้องโดนสายตาครหาและข่าวลือเรื่องท้องไม่มีพ่อเป็นระยะก็ตาม

               รินตั้งชื่อลูกชายว่า ‘กานดา’ ชื่อเล่นว่า ‘เลิฟ’ ที่แปลว่าความรัก เพราะปราถนาให้ลูกเป็นที่รักและให้ลูกรู้ว่าแม้จะเกิดจากความไม่ระวัง แต่ลูกก็คือความรักทั้งหมดที่มีของเธอ ความรักที่เธอไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆนอกจากขอให้ชีวิตเล็กๆชีวิตนี้มีความสุข

               รินสงสารลูกชายตัวเองเพราะรู้ว่าทุกครั้งที่ลูกออกจากบ้านไปโรงเรียน หรือแม้กระทั่งเวลาออกไปเล่นนอกบ้าน เลิฟจะโดนเพื่อนล้อเรื่องเป็นเด็กไม่มีพ่อเสมอ แต่เลิฟไม่เคยแสดงอาการน้อยใจหรือเอ่ยถามหาคนเป็นพ่อให้ได้ยินสักครั้ง

   พื้นฐานนิสัยของลูกชายเป็นคนอ่อนไหวและจิตใจดี แคร์ความรู้สึกคนรอบข้าง นี่คงป็นเหตุผลที่ว่าทำไมลูกชายถึงไม่เคยพูดอะไรเลย เธอโชคดีที่มีเลิฟเป็นลูกและตั้งใจไว้อย่างแน่วแน่ว่าจะปกป้องลูกน้อยให้มีความสุขตลอดไป
 
...
...

   “ฮือๆๆ ฮึก...” เสียงสะอึกสะอื้นของเด็กน้อยดังมาเป็นระยะ ในมือทั้งสองข้างกอดลูกแมวสีขาวไว้แน่น

    “โมกมันไปสบายแล้วลูก” รินพยายามปลอบโยนลูกชายให้คลายความเสียใจ

    “แต่เมื่อวานมันยังเล่นกับเลิฟอยู่เลยนะฮะ” เลิฟหันมาบอกแม่ด้วยน้ำตานองหน้า เพราะเมื่อวานโมกยังวิ่งเล่นกับเขาดีๆอยู่เลย แล้วพอมาวันนี้มันกลับนอนตัวแข็งทื่อไม่หายใจซะแล้ว

    “โมกมันตายแล้วลูก”  รินพยายามบอกลูกชายให้เข้าใจ

    “ไม่จริงอ่ะโมกมันแค่นอนหลับ” เลิฟเถียงแม่เสียงสั่นน้ำตาไหลไม่ขาดสาย ใบหน้าซุกลงบนตัวลูกแมวน้อยในอ้อมแขนกระชับอ้อมกอดแน่น ยอมรับความสูญเสียแรกในชีวิตไม่ได้

    “เลิฟครับเงยหน้ามาฟังแม่นะลูก” รินเรียกลูกชายด้วยเสียงอ่อนโยน จนเลิฟยอมเงยหน้ามามองแม่ช้าๆ

               “เลิฟรักโมกไหมครับ”

               “รักครับ”

               “ถ้าเลิฟรักโมกเลิฟต้องปล่อยโมกนะลูก”

               “ถ้ารักแล้วทำไมต้องปล่อยล่ะฮะ”

               “เลิฟเห็นไหมครับว่าโมกมันเหนื่อยจนหลับไปแล้ว เลิฟจะไปฝืนให้มันต้องตื่นขึ้นมาเลิฟไม่สงสารมันหรอลูก”

               “แล้วโมกไม่สงสารเลิฟหรอครับ”

               “แล้วเลิฟเลือกจะให้โมกอยู่กับเลิฟเพราะสงสาร ทั้งๆที่มันเองก็เหนื่อยน่ะเหรอครับ” รินย้อนถามลูกชายเสียงอ่อนโยน ถึงจะดูเข้าใจยากแต่เธอเชื่อว่าลูกจะเข้าใจในสิ่งที่เธอบอก

               “เข้าใจแล้วครับ” เลิฟบอกแม่เสียงแผ่วถึงจะไม่เข้าใจในสิ่งที่แม่บอกเท่าไหร่ แต่เด็กน้อยไม่อยากให้โมกต้องฝืนอยู่กับตัวเองทั้งๆที่โมกเหนื่อย

               “หลับฝันดีนะโมก” เสียงเล็กบอกกับแมวตัวน้อยในหลุมอย่างอ่อนโยน น้ำตาไหลลงบนพื้นดินไม่ขาดสาย

               “ฮือๆๆๆๆแม่ฮะ” เด็กน้อยโผเข้ากอดคนเป็นแม่แน่น ร้องไห้สะอึกสะอื้นเสียใจกับการจากไปของสัตว์เลี้ยงแสนรัก

               “แม่จะทิ้งเลิฟไปเหมือนโมกไหมฮะ” เลิฟผละออกจากอ้อมกอดแม่ เงยหน้าถามด้วยความเสียใจเพราะกลัวว่าแม่จะทิ้งไปแบบโมก

               “แม่ไม่ทิ้งเลิฟไปหรอกครับแม่จะอยู่กับเลิฟแบบนี้แหละ” รินส่งยิ้มอ่อนโยนให้

               “อยู่ด้วยกันตลอดไปได้ไหมฮะ” เลิฟถามแม่อย่างมีความหวัง รินทรุดตัวนั่งยองๆสบตากับลูกชายเอามือลูบหัวเบาๆ

               “เลิฟฟังแม่นะครับเลิฟต้องเข้าใจว่าไม่มีใครจะอยู่เลิฟได้ตลอด รวมทั้งแม่ด้วย”

               “ทำไมล่ะครับหรือว่าแม่ไม่รักเลิฟหรอ แม่อย่าทิ้งเลิฟไปเหมือนพ่อนะฮะ เลิฟสัญญาจะเป็นเด็กดี” เด็กน้อยกอดแม่แน่นเพราะกลัวโดนทิ้ง มันทำให้รินรู้สึกสะท้อนในอก เธอคิดว่าเลี้ยงลูกได้ดีคิดว่าลูกไม่ขาดอะไร แต่การที่ลูกไม่มีพ่อต่อให้เลี้ยงดีแค่ไหนเธอก็เติมเต็มลูกเรื่องนี้ไม่ได้ การแสดงออกวันนี้ของลูกมันทำให้เธอรู้ว่าที่เลิฟไม่เคยทำตัวให้หนักใจ ทำตัวเป็นเด็กดีว่านอนสอนง่ายเสมอเพราะกลัวโดนทิ้ง กลัวว่าจะไม่เหลือใคร

               “ที่แม่อยู่กับเลิฟตลอดไม่ได้ไม่ใช่ว่าแม่จะทิ้งเลิฟหรือไม่รักเลิฟนะครับ แต่สักวันนึงแม่ก็จะต้องเหนื่อยแล้วหลับไปเหมือนโมก คนอื่นๆก็เหมือนกัน”

               “งั้นเลิฟจะเป็นเด็กดีทุกคนจะได้อยู่กับเลิฟนานๆนะฮะ” เด็กน้อยบอกแม่แผ่วเบาและกระชับอ้อมกอดแน่น จนคนเป็นแม่ยิ้มออกมาบางๆด้วยความอบอุ่นใจกับอ้อมกอดเล็กๆนี้
 
...
...

               “นาวจะไปเรียนที่กรุงเทพฯจริงหรอ” เลิฟถามเพื่อนหน้าเศร้า

               “อื้อ...เราต้องตามคุณพ่อคุณแม่ไปอ่ะ” นาวเองก็เศร้าไม่แพ้กันที่ต้องจากเพื่อนสนิท

              “ไปนานไหม”

               “ไม่รู้เหมือนกัน แต่เราสัญญานะว่าจะโทรมาหาเลิฟทุกวัน” นาวบอกพร้อมรอยยิ้มยกนิ้วก้อยขึ้นมาให้เลิฟ

               “สัญญานะ” เลิฟยิ้มตอบพร้อมกับยื่นนิ้วก้อยไปเกี่ยวเป็นการสัญญา

               “เราไปแล้วน้า!!!” นาวโบกมือออกจากตัวรถบอกลาเลิฟที่มายืนส่งอย่างร่าเริง เลิฟเองก็โบกมือตอบก่อนจะหน้าหมองลงเล็กน้อย เพราะต้องห่างกับเพื่อนคนเดียวในชีวิต

               “กรุงเทพฯใกล้ๆแค่นี้เดี๋ยวปิดเทอมแม่จะพาไปหาตกลงไหม อย่าทำหน้าเศร้าแบบนี้ยิ้มเร็วคนเก่งของแม่” รินบอกลูกชายตัวน้อยของเธอที่ตอนนี้ชักจะเหมือนหมูเข้าไปทุกที

               “แม่สัญญานะ” เลิฟหันมาทวงสัญญากับแม่ตาแป๋ว

               “สัญญาสิ...มาเกี่ยวก้อย” รินยื่นนิ้วก้อยไปหานิ้วก้อยเล็กๆที่ยื่นกลับมา แล้วเกี่ยวไว้แน่นก่อนจะแกว่งไปมาเบาๆ

               “ป่ะ...เรากลับบ้านกัน” รินปล่อยมือลงแล้วอุ้มเลิฟขึ้นก่อนจะออกเดิน

               “หนักเกินไปแล้วไหมเนี่ยไอ้ตัวเล็ก” รินว่าขำๆแล้วเอามือจั๊กจี๊พุงกลมๆเล่น

               “คิกๆๆไม่เอานะแม่เลิฟจั๊กจี๊” เลิฟดิ้นดุกดิกลงจากอ้อมแขนแม่ก่อนจะวิ่งหนี และส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข
 
...
...

               “เลิฟครับอยู่ไหนลูก” เสียงของแม่ร้องเรียกได้ยินแว่วๆตาม หลัง แต่เลิฟไม่สนใจตั้งหน้าตั้งตาวิ่งหนีแม่อย่างเอาเป็นเอาตาย

               สาเหตุที่เขาวิ่งหนีแม่เพราะทะเลาะกันเรื่องย้ายโรงเรียน เขาขอแม่ไปเรียนต่อม.ต้นในกรุงเทพฯกับนาว แต่แม่ไม่ยอมบอกว่ารบกวนนาว มันเป็นแค่ข้ออ้างทำไมเขาจะไม่รู้แม่ไม่อยากให้เขาไปกรุงเทพฯต่างหาก เพราะว่าพ่ออยู่ที่นั้นแต่เขาไม่ได้คิดจะไปรบกวนอะไรพ่อสักหน่อย ก็แค่อยากไปเจอหน้าบ้างขอแค่เห็นหน้าก็ยังดีเขาต้องการแค่นั้นจริงๆ

               และนี่มันเลยกลายเป็นจุดที่ทำให้เขากับแม่ทะเลาะกันใหญ่โต ทั้งๆที่ไม่เคยทะเลาะกัน วันนี้เขาขึ้นเสียงและตวาดแม่ออกไปอย่างลืมตัวเพราะความน้อยใจ แต่เขาก็ปากหนักเกินกว่าจะเอ่ยปากขอโทษทั้งๆที่รู้ว่าผิด เลยหนีออกจากบ้านมาและแม่ก็เดินตามหาเขาอย่างที่เห็นเนี่ยแหละ

               เขาไม่อยากเจอหน้าแม่เลยพยายามมองหาที่ซ่อน แต่ตรงนี้มันริมถนนใหญ่โล่งๆจะมีทีไหนให้ซ่อนล่ะ ก่อนสายตาจะไปสะดุดเข้ากับตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ที่มีคนเอามาทิ้งไว้ข้างทาง

               เลิฟยิ้มขึ้นมาอย่างพอใจก่อนจะมองซ้ายมองขวาแล้วข้ามถนนไปที่ตู้เสื้อผ้า เขาเปิดตู้ออกและมุดตัวเข้าไปซ่อนด้านในโดยแง้มประตูตู้ไว้นิดๆพอให้เห็นด้านนอก เขาเห็นแม่กำลังเดินหาเขาอยู่ด้วยสีหน้าร้อนรน เขานั่งมองอยู่อย่างนั้นสักพักลังเลว่าจะออกไปดีไหม จนในที่สุดก็ตัดใจเปิดประตูตู้เสื้อผ้าออกกว้าง

               “แม่ครับผมอยู่นี่” เลิฟตะโกนเรียกแม่เสียงดังจากอีกฟากถนน ส่วนตัวเองก็ยังคงนั่งในตู้ไม่ได้ออกมา

               “เลิฟ!!!” แม่ตะโกนเรียกเขาก่อนจะถอนหายใจโล่งอกแล้วรีบวิ่งข้ามถนนมาหาเขา ด้วยอารมณ์รีบร้อนผสมกับความเป็นห่วงทำให้รินรีบวิ่งข้ามถนนมาหาลูกชาย เพื่อจะได้พากลับบ้านเพราะฝนทำท่าใกล้ตก

   เอี๊ยด!!!!! โครม!!!!!

   เสียงล้อรถยนต์บดกับพื้นถนนดังสนั่น ก่อนจะตามมาด้วยเสียงวัตถุหนักๆหล่นลงพื้น เลิฟมองภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึง ทุกอย่างมันเกิดขึ้นรวดเร็วจนไม่ทันตั้งตัวเขาเห็นรถคันนึงวิ่งมาด้วยความเร็ว ก่อนที่ร่างของแม่จะลอยละลิ่วขึ้นสูงแล้วร่วงลงมากระทบพื้นเหมือนตุ๊กตา

   หลังจากนั้นทุกอย่างก็เข้าสู่ความชุลมุน ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ต่างร้องตะโกนเซ็งแซ่ดังระงมไปหมดจับใจความอะไรแทบไม่ได้ ก่อนจะพากันมามุงล้อมรอบร่างที่นอนจมกองเลือดอยู่บนพื้นถนน

    “แม่!!!!!” เลิฟตะโกนสุดเสียงก่อนจะวิ่งมาหาแม่ด้วยความเร็ว น้ำตาไหลลงมาไม่ขาดสายมือสองข้างอุ้มศีรษะของแม่มาวางไว้บนตัก ปล่อยทุกหยาดน้ำตาให้ไหลลงบนใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือด

    “แม่ แม่ครับ ได้ยินเลิฟไหม ฮือๆ” เลิฟพยายามร้องเรียกแม่อย่างสุดเสียง

               “เลิฟหรอลูก” รินพยายามหรี่ตาที่หนักอึ้งขึ้นมองลูกชาย ตอนนี้เธอรู้สึกว่าร่างกายมันหนักไปหมด

               “แม่ครับ เลิฟขอโทษ แม่อย่าเป็นอะไรนะ” เลิฟร้องไห้เหมือนใจจะขาดเอาแก้มก้มลงไปแนบกับใบหน้าของแม่ แขนก็กอดร่างของแม่แน่น

              “ไม่ร้องนะครับคนเก่ง” รินพยายามปลอบลูกชายที่ร้องไห้จนตัวโยนด้วยเสียงกระท่อนกระแท่น

               “สัญญากับแม่นะครับว่าเลิฟต้องเข้มแข็ง” รินพยายามเปล่งเสียงบอกลูกชาย ตอนนี้เธอรู้สึกชาไปหมดทั้งตัวรับรู้ได้ด้วยสัญชาตญาณว่าเธอคงจะไม่ได้อยู่บนโลกนี้อีกต่อไป

               “เลิฟสัญญาแต่แม่อย่าเป็นอะไรนะ แม่ต้องอยู่กับเลิฟ” เลิฟพึมพำรับปากแม่เสียงสั่น ทั้งๆที่เสียงที่แม่พูดออกมามันแผ่วเบา แต่เขากลับได้ยินมันชัดเจน

               “แม่ขอโทษนะลูก” รินพยายามเค้นเสียงสุดท้ายออกจากลำคอ มองลูกชายเพียงคนเดียวด้วยสายตาอ่อนโยน หยาดน้ำตาไหลลงมาที่หางตาอย่างห้ามไม่อยู่ เธอไม่ได้กลัวกความตายและไม่เสียใจหากวันนึงจะต้องจากโลกนี้ไป แต่เธอเสียใจที่จะไม่มีโอกาสได้มองเห็นคนที่เธอรักเติบโตขึ้นในอนาคต เสียใจที่มือคู่นี้จะไม่ได้ประคับประคองลูกน้อยของเธอให้ก้าวเดินอีกแล้ว น้ำตายังคงไหลลงมาช้าๆก่อนที่สติสัมปชัญญะทั้งหมดจะค่อยหลุดลอยไป

    ‘แม่รักเลิฟนะลูก’

               เลิฟมองร่างที่กระตุกนิดๆของแม่แล้วแน่นิ่งไปอย่างตกใจ เขาพยายามเขย่าร่างบางของแม่สุดแรงเพื่อให้ตื่น แต่แม่ก็ไม่มีท่าทีจะตื่นขึ้นมา เปลือกตาของแม่ปิดสนิทและนอนแน่นิ่ง

   เขารับรู้ได้โดยที่ไม่มีใครต้องมาบอก แม่จากเขาไปแล้วเหมือนโมกจากไปอย่างไม่มีวันกลับ เขาจะไม่มีทางเห็นสายตาอ่อนโยนคู่นั้น รอยยิ้มสวยๆ เสียงที่คอยถามและปลอบโยนเสมอนั่นอีกแล้ว

               ถ้าเขาย้อนเวลาได้เขาจะไม่ขอแม่ไปกรุงเทพฯ เขาจะไม่ตวาดแม่จะไม่เอาแต่ใจ เขายอมที่จะไม่เจอหน้าพ่อทั้งชีวิตเพื่อที่จะไม่ต้องเสียมือคู่นี้ไป

               ฝนเริ่มลงเม็ดที่ละเม็ดช้าๆก่อนจะตกหนักลงเรื่อยๆ ชะล้างรอยเลือดให้ไหลไปตามพื้นถนน แต่ไม่อาจล้างน้ำตาที่มันไหลแทบเป็นสายเลือดในใจของเลิฟได้

               “แม่ครับ เลิฟขอโทษ” เลิฟพูดเสียงแผ่วกอดร่างของผู้หญิงที่เขารักที่สุดในโลกไว้แน่น

               เลิฟไม่รู้ว่าตัวเองพึมพำขอโทษอยู่อย่างนั้นนานแค่ไหน เขารู้เพียงแค่ว่าต่อให้ตะโกนเสียงดังยัง ตะโกนให้สุดเสียงเท่าไหร่ คนๆนี้ก็ไม่มีทางได้ยินอีกแล้ว....


2 Be Con...
++++++++++++
เรื่องมันเศร้า
คอนเซปท์นิยายน้ำเน่าจริมๆ

 :m15:  :monkeysad:

ออฟไลน์ ouioui

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เลิฟน่าร๊ากกกก

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg

ออฟไลน์ matchty

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
    • MATCHTY-แมตตี้
กับดักที่
- 25 -
           


   งานศพถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายและเงียบเหงา แขกที่มาร่วมงานก็มีไม่กี่คนเพราะทั้งตัวแม่และเลิฟเองก็ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ทั้งคู่ใช้ชีวิตอยู่กันแค่สองคนแม่ลูก จะยุ่งเกี่ยวและข้องแวะกับคนรอบข้างเฉพาะเรื่องที่จำเป็นเท่านั้น คนที่สนิทด้วยและรู้จักมักคุ้นกันจริงๆเลยมีแค่ครอบครัวของนาวกับคนในไร่ดอกไม้ไม่กี่คน ส่วนญาตฝั่งแม่ไม่มีใครมาร่วมงานสักคน เพราะได้ตัดขาดกันไปแล้วร่วมสิบปีได้

               ตั้งแต่วันที่แม่จากไปจนถึงวันนี้ก็รวมกันได้ 5 วันแล้ว เลิฟยังคงไม่ยอมอ้าปากคุยกับใครสักคนแม้กระทั่งเพื่อนสนิทอย่างนาว เลิฟเอาแต่นั่งร้องไห้มองรูปแม่เงียบๆคนเดียว ใช้ชีวิตไปวันๆเหมือนมันเป็นหน้าที่ที่ตัวเองต้องมีชีวิตอยู่ ตอนนี้เลิฟไม่ต่างอะไรกับนกปีกหักทั้งชีวิตของเลิฟไม่มีใครเลยนอกจากแม่ การจากไปกระทันหันของรินทำให้หลายคนเป็นห่วงเลิฟว่าจะอยู่ยังไง ถึงแม้ว่าครอบครัวของนาวจะไม่ทอดทิ้งเลิฟแต่ยังไงมันคงทดแทนในสิ่งที่เลิฟขาดไม่ได้

               จนถึงวันเผาท่ามกลางความโศกเศร้า และการพยายามหยิบยื่นความช่วยเหลือให้กับเลิฟ ก็ได้เกิดเรื่องไม่คาดฝันและสร้างความแปลกใจให้ทุกคนไม่น้อย เพราะการปรากฎตัวอย่างกระทันของคนที่ใครๆก็ไม่คาดคิดว่าจะได้เจอรวมทั้งตัวเลิฟเอง การปรากฎตัวของคนที่ได้ชื่อว่า ‘พ่อ’

               พ่อของเลิฟรู้ข่าวการจากไปของภรรยาอีกคนและรับรู้ว่าตัวเองมีลูกชาย เพราะวาดจันทร์ลงทุนส่งคนไปพบท่านถึงบ้าน แต่ด้วยภาระหน้าที่ในฐานะหมอทำให้เขาไม่สามารถมาร่วมงานศพได้ในทันที กว่าจะลาหยุดได้ก็ถึงวันที่ต้องเผาแล้ว และแน่นอนว่าทันทีที่มาถึงท่านก็แจ้งจุดประสงค์ของตัวเอง นั้นคือการรับเลิฟไปดูแล ซึ่งวาดจันทร์ในฐานะคนดูแลชั่วคราวก็ไม่ได้ขัดข้อง รวมถึงตัวเลิฟเองก็เต็มใจจะไปอยู่กับพ่อ แม้ว่าจะไม่รู้ว่าภายใต้ใบหน้าเรียบเฉยนั้นคิดอะไร

               หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เลิฟในวัย 12 ปีก็ได้ย้ายจากบ้านเกิดของแม่ มาใช้ชีวิตในกรุงเทพฯภายใต้การดูแลของพ่อ พร้อมๆกับการเผชิญหน้าของภรรยาพ่อและลูกชายอีกคนที่อายุเยอะกว่าเขา

               “สวัสดีครับคุณแม่” เลิฟยกมือไหว้หญิงวัยกลางคน ที่ดูยังสาวและสวยกว่าวัยอยู่มากอย่างนอบน้อม และเรียกว่าแม่ตามที่พ่อบอกมา

               “อย่าเรียกฉันว่าแม่ ฉันมีลูกแค่คนเดียว” หญิงกลางคนเอ่ยเสียงแข็ง และมองมาที่เลิฟด้วยสายตาเย็นชา จนเลิฟรู้สึกได้ถึงความไม่เป็นมิตร

               “ขอโทษครับ” เลิฟว่าเสียงแผ่วและก้มหน้าลงเพราะไม่กล้าสบตาดุๆคู่นั้น

               หญิงกลางคนจ้องไปที่เลิฟเขม็งก่อนจะลุกขึ้นและเดินออกไปด้วยความไม่พอใจ โดยที่พ่อของเลิฟลุกเดินตามออกไปอีกคน ระหว่างที่เลิฟมัวแต่ก้มหน้าทำอะไรไม่ถูกอยู่นั้น ก็มีเสียงๆนึงทักเขาขึ้นมา

               “นายหรอที่เป็นลูกของแม่เล็ก” เสียงที่ดังขึ้นเหนือหัวทำให้เลิฟเงยหน้าขึ้นมองอย่างสงสัย ก่อนจะปะทะเข้ากับใบหน้าอ่อนโยนแววตาใจดีของคนๆนึงเข้า

               “แม่เล็ก?” เลิฟถามกลับด้วยความสงสัยเพราะไม่รู้ว่าแม่เล็กคือใคร

               “แม่ของนายนั่นแหละ พ่อให้เราเรียกแบบนั้น” คนตรงหน้าตอบและส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้

               “ครับ” เลิฟตอบเสียงแผ่วๆจนต้องเงี่ยหูฟังถึงจะได้ยินเพราะความประหม่า ก่อนจะพยักหน้างึกงักตอบรับ
 
               “เราชื่อรุตอายุเยอะกว่านาย 1 ปีต่อไปนี้เรียกเราว่าพี่รุตนะน้องเลิฟ” รุตส่งยิ้มกว้างให้กับคนที่เป็นน้องชาย แม้จะตกใจอยู่บ้างที่จู่ๆพ่อก็บอกว่าเขามีน้อง แต่ด้วยความที่เป็นเด็กจิตใจดีเขาจึงยอมรับเลิฟได้ง่ายๆ

               “ครับพี่รุต” เลิฟยิ้มกว้างตอบกลับ พร้อมกับความดีใจที่ได้มีพี่ชายใจดี และรับรู้ว่าตัวเองไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลก
 
...
...

               “เลิฟนี่เอยนะเพื่อนสนิทเราที่นี่” นาวแนะนำเพื่อนใหม่ให้เลิฟรู้จักหลังจากได้มาเรียนอยู่ที่โรงเรียนเดียวกัน แถมไม่รู้ว่าโลกกลมหรือฟ้าลิขิตข้างๆบ้านของพ่อคือบ้านของนาวเพื่อนสนิทเขาเอง
               “เราเอยนะ” เด็กผู้ชายตัวสูงพอๆกับเลิฟเอ่ยขึ้นอย่างร่าเริง และใบหน้าน่ารักเหมือนตุ๊กตานั้นก็ส่งยิ้มกว้างให้เลิฟอย่างยินดี
               “เราเลิฟ” เลิฟเองก็ยิ้มกว้างส่งกลับไป 
 
               นี้คือการพบกันครั้งแรกของเอยกับเลิฟ และหลังจากนั้นคนอื่นๆในห้องและโรงเรียนก็ต่างพากันมาทำความรู้จักเลิฟ ทำให้ความเศร้าจาการที่ต้องเสียแม่ไปของเลิฟค่อยๆดีขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นความเศร้าในใจก็ไม่ได้หมดไป กับคนเป็นพ่อเลิฟแทบจะไม่ได้เจอหน้าเพราะพ่องานยุ่ง และบางทีก็ต้องเดินทางไปศึกษาเรื่องการแพทย์ที่ต่างประเทศบ่อยๆ ระยะห่างที่มีระหว่างสองพ่อลูกไม่เคยได้ขยับเข้ามาใกล้กันเลยสักนิด

              ทุกครั้งเวลาที่เลิฟไปหาพ่อจะไม่ยอมสบตาและไม่คุยด้วย แต่เขายังคงพยายามต่อไปจนสุดท้ายความพยายามก็ไม่เคยส่งผลอะไรเลย เขาอยู่ในบ้านหลังใหญ่ที่มีคนเต็มบ้านแต่เหมือนอยู่ตัวคนเดียว ถึงเขาจะมีเพื่อนแสนดีแบบนาวและเพื่อนที่น่ารักแบบเอย มันก็ไม่ได้ทำให้ความเหงาในใจลดลง

...
...
 
              ปัง! ปัง! ปัง!

               “ฮึก...เปิดประตูให้หน่อย...ฮึก...เปิดประตูให้เลิฟหน่อย...ฮึก...เลิฟสัญญาว่าจะตั้งใจเรียน” มือเล็กกระหน่ำทุบลงประตูเสียงดังสนั่น ปากก็ตะโกนขอร้องให้คนที่อยู่ด้านนอกช่วยเปิดประตูให้

               เลิฟถูกจับขังอยู่ในห้องเก็บของและจะโดนขังอย่างนี้ทุกครั้งที่ทำอะไรผิด ครั้งนี้ก็เหมือนกันเลิฟโดนขังเพราะผลการเรียนแย่ คุณท่านหรือแม่ของรุตโกรธมากเพราะมันทำให้ท่านอับอาย ทำให้คนนินทาว่าตระกูลของท่านมีคนโง่

               เลิฟจำไม่ได้ว่าตัวเองโดนขังอยู่ในห้องเก็บของแบบนี้เป็นครั้งที่เท่าไหร่ บางครั้งก็โดนขังแค่ไม่นานบางครั้งก็นานเป็นชั่วโมง คุณท่านเกลียดเขาเพราะท่านจะเรียกเขาว่าลูกกาฝากเสมอ เขาไม่ชอบเลยที่จะต้องมาอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ห้องที่มีกลิ่นอับมองไปทางไหนก็เจอแต่ความมืด มันทำให้เขากลัวและนึกถึงวันนั้น วันที่เขาเดินหนีแม่ไปแอบในตู้เสื้อผ้า

               ยังดีที่อย่างน้อยทุกครั้งที่เขาโดนขังพี่รุตจะช่วยไปถ่วงเวลาคุณท่าน แล้วเอากุญแจให้นาวมาเปิดประตูช่วยเขาออกไป เขาพยายามนั่งข่มความกลัวรอให้นาวและพี่รุตมาช่วยเหมือนทุกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ว่าจะรอนานแค่ไหนก็ไม่มีใครมาสักที

               เลิฟกวาดสายตามองไปในความมืดของห้องเก็บของเล็กๆ ภาพวันที่แม่เขาโดนรถชนตายต่อหน้าต่อตาเริ่มผุดขึ้นมาในหัวเหมือนเล่นวิดีโอซ้ำ น้ำตาเริ่มไหลลงมาช้าๆ ลมหายใจติดขัดหัวใจมันเต้นเร็วเหมือนจะทะลุออกมา เหงื่อเริ่มซึมไปทั่วขมับและฝ่ามือจนเปียกชุ่ม

    ‘แม่ขอโทษนะลูก’ หูของเลิฟได้ยินเสียงของแม่เอ่ยขอโทษดังแว่วเป็นระยะ

    “ฮึก...แม่...เลิฟขอโทษๆ” เลิฟพึมพำกับตัวเองซ้ำไปซ้ำมา เปลือกตาทั้งคู่หลับสนิท ฝ่ามือเล็กๆสองข้างถูกยกขึ้นมาปิดหูไว้เพราะไม่อยากได้ยินเสียงของแม่ที่ลอยมา ริมฝีปากถูกขบกัดแน่นจนเลือดซึม

   ไม่รู้ว่าเลิฟอยู่ในสภาพนั้นนานแค่ไหน เพราะตอนที่ทุกคนมาเจอเลิฟก็อยู่ในสภาพที่แย่เกินทน ร่างเล็กๆในสภาพนอนคุดคู้ยกมือขึ้นปิดหูและหลับตาปี๊ปากก็พึมพำอะไรไม่รู้ไปมาซ้ำๆ ร่างกายแข็งเกร็งไปทั้งตัวลมหายใจหอบเหนื่อยเหมือนคนวิ่งมาเป็นสิบๆโล จนต้องรีบพาเลิฟส่งที่โรงพยาบาลกันตอนนั้น ซึ่งหมอเองก็บอกว่าถ้ามาช้ากว่านี้เลิฟอาจจะช็อคเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ และหมอยังแนะนำให้เลิฟเข้าพบจิตแพทย์เพื่อรับการรักษา

    “คุณทำอะไรกับหลานฉัน!!!” วาดจันทร์ตะโกนด่าทอพ่อของเลิฟเสียงดังลั่น โดยที่ไม่ได้สนใจว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ในโรงพยาบาล สายตาก็คอยมองเข้าไปในห้องฉุกเฉินที่มีร่างเล็กๆของหลานเธอนอนอยู่

    “..................”

    “คุณมันเลว...คุณเป็นพ่อประสาอะไรห๊ะ!!! ถึงปล่อยให้เมียตัวเองทำกับลูกได้ขนาดนี้” วาดจันทร์ยังคงด่าทอไม่หยุด แต่คนโดนด่ากลับทำใบหน้าเรียบเฉยและไม่ได้เถียงกลับแต่อย่างใด

    “...................”

    “ทันทีที่หลานฉันฟื้นฉันจะพาหลานฉันไปเลี้ยงเอง ในเมื่อคุณเป็นพ่อแต่ไม่มีปัญญาดูแลลูก ฉันก็จะดูให้ต่อให้ต้องฟ้องร้องฉันก็จะทำ!!!” วาดจันทร์ยื่นคำขาด ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดที่เธอตัดสินใจพลาด เธอคิดว่าการที่ให้หลานอยู่กับพ่อจะเป็นเรื่องดี ที่ไหนได้เธอส่งหลานมาลงนรกชัดๆ แล้วก็ไม่รู้ว่าหลานตัวน้อยของเธอต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้มากี่ครั้งแล้ว

   สิ่งที่เธอพูดไปเมื่อครู่คือสิ่งที่เธอคิดจะทำจริงๆ ต่อให้ต้องฟ้องร้องเพื่อมีสิทธิ์ในการเลี้ยงดูเลิฟเธอก็จะทำ แม้ว่าโอกาสที่จะชนะคดีมันจะริบหรี่ก็ตาม เธอจะไม่ยอมให้หลานเธอกลับไปตกนรกแบบนั้นอีกเด็ดขาด

...
...

   “เป็นยังไงบ้างเลิฟ” เสียงเอ่ยถามเศร้าๆดังขึ้นที่ข้างหู เลิฟกระพริบตาถี่ๆเพื่อมองภาพตรงหน้าให้ชัด สมองยังคงมึนงงเล็กน้อยเพราะฤทธิ์ยา

    “พี่รุต” เลิฟเรียกเสียงแผ่วจนแทบจะไม่ได้ยิน ตอนนี้เขารู้สึกว่าตัวเองหิวน้ำและคอแห้งเป็นผงไปหมด ก่อนจะมองไปที่ใบหน้าเศร้าๆของพี่ชายอย่างสงสัย

    “พี่ขอโทษนะที่ไปช่วยเลิฟช้า” รุตว่าอย่างรู้สึกผิดยกมือลูบหัวน้องชายอย่างอ่อนโยน วันนี้เขาไปข้างนอกกับเพื่อนเลยไม่ได้อยู่ช่วยเลิฟ จนน้องต้องอยู่ในสภาพนี้ ความรู้สึกผิดที่ดูแลน้องชายไม่ดีเอ่อล้นขึ้นมาจุกอก

    “................” เลิฟส่งยิ้มบางๆมี่อ่อนแรงเต็มทีให้รุต พยายามจะเปล่งเสียงบอกขอบคุณแต่ก็ไม่มีเสียงอะไรหลุดออกมา

    “ต่อไปนี้พี่ให้สัญญานะพี่จะปกป้องน้องชายของพี่จากคนใจร้ายเอง” รุตส่งยิ้มกว้างให้น้องชาย ยกนิ้วก้อยของตัวเองขึ้นมาเกี่ยวก้อยสัญญากับเลิฟ

    “................” เลิฟเองก็ยิ้มกว้างไม่ต่างกัน ก่อนจะพยักหน้ารับรู้ในสัญญาครั้งนี้ของพี่ชาย

...
...
 
   “เลิฟเราเลิกกันเหอะ” เสียงหวานใสบอกกับเลิฟ

    “เราขอโทษ” เด็กสาวที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนเลิฟพูดออกมาอีกครั้ง ก่อนจะหันหลังเดินจากไปทิ้งให้เลิฟยืนซึมอยู่ตรงนั้นคนเดียว

    “เฮ้ย!! มึงอย่าเศร้าผู้หญิงมีเกลื่อนโลก” พีทที่ยืนมองเหตุการณ์ทั้งหมดเดินเข้ามาตบไหล่เลิฟเบาๆอย่างปลอบใจ เลิฟเอง
ก็ยิ้มเศร้าๆกลับไปให้เพื่อน เลิฟรู้จักกับพีทและกั้มตอนเข้าเรียนม.ปลายใหม่ๆ คุยกันถูกคอจนกลายเป็นเพื่อนก๊วนเดียวกันไปในที่สุด

    “เป็นไรวะมึงหน้าเป็นตูด หญิงทิ้งมา?” นาวถามขึ้นหลังจากเห็นเลิฟเดินกลับเข้ามาในห้องเรียนด้วยท่าทางซึมๆ

    “อือ” เลิฟตอบเนือยๆ

    “ทำไมวะ? อย่าบอกนะเพราะพี่รุตอีก” นาวว่าขึ้นมาและเลิฟเองก็พยักหน้ารับ

    “กูว่าละ” นาวว่าอย่างเซ็งๆ แล้วก็ขยับปากให้พรพี่ชายของเลิฟไม่หยุด

   เลิฟจำไม่ได้ว่าผูหญิงคนเมื่อกี้เป็นแฟนคนที่เท่าไหร่ของเขา เพราะเขาไม่เคยนับและไม่เคยจีบใครก่อน ทุกคนที่เข้ามาจะมาทำดีกับเลิฟและก็ทำให้เลิฟรักสุดท้ายก็จะทิ้งเขาไปหาพี่รุตกันหมด จนในที่สุดเขาก็รู้ว่าที่พวกผู้หญิงที่เข้ามาขอคบเขาเป็นแฟนเพราะว่าเขาเป็นน้องชายพี่รุต พี่ชายสุดหล่อแสนดีที่ใครๆก็ชอบ ทุกคนใช้เขาเป็นทางผ่านเพื่อไปหาพี่ชายทั้งนั้น

   ทุกวันนี้เลิฟก็ยังอยู่กับพ่อถึงแม้ว่าน้าจันทร์จะพยายามเกลี่ยกล่อมให้ไปอยู่ด้วย แต่เขาเลือกจะอยู่กับพ่อต่อไปถึงจะรู้ว่าพ่อไม่รักก็ตาม แต่เขาเลือกที่จะอยู่กับคนที่เขารัก เลือกที่จะอยู่กับคนที่เป็นครอบครัวคนสุดท้ายในโลกของเขา

   ตั้งแต่เหตุการณ์ในครั้งนั้นพ่อก็ยิ่งไม่คุยกับเขา ส่วนคุณท่านก็เลิกทำร้ายเขาและก็ไม่คิดจะสนใจมองผ่านเขาไปเหมือนอากาศ ทั้งบ้านหลังใหญ่เลยมีแค่พี่รุตที่คุยกับเขาและดูแลเขา

    แต่แล้ววันนึงพี่ชายแสนดีคนนั้นของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน ทั้งเย็นชา ใจร้าย โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าทำไม พี่ชายแสนดีของเขาถึงได้เกลียดเขาจนถึงขนาดพร้อมจะแย้งทุกอย่างที่เป็นความสุขของเขาไป

   เลิฟพยายามทำตัวเป็นเด็กดี ตั้งใจเรียนถึงแม้จะไม่ได้มีผลการเรียนดีเลิศแบบพี่ชาย อย่างน้อยพ่อก็ไม่อายคนที่มีลูกแบบเขา แต่ลึกๆเขาเองก็หวังให้พ่อดีใจบ้าง แม้สุดท้ายพ่อจะไม่สนใจใยดีอะไรเลยก็ตาม

    “กูไปทำงานก่อนนะ” เลิฟบอกเพื่อนก่อนจะเก็บของใส่กระเป๋าเตรียมตัวไปทำงาน

    “เออๆอย่าลืมกินยานะมึง” นาวกำชับเลิฟที่เดินออกจากห้องไปเสียงดัง

    “เออ..ไม่ลืม” เลิฟตะโกนตอบนาวแล้วโบกมือลาเพื่อน ก่อนจะมุ่งตรงไปที่ทำงานพิเศษซึ่งเป็นผับเล็กๆไม่ไกลบ้าน เมื่อกี้เขาโกหกนาวอีกแล้วเรื่องยา อันที่จริงเขาไม่ได้กินยาที่รักษาโรคกลัวที่แคบของตัวเองมาเป็น 2 ปีแล้วเพราะขาดการรักษา ส่วนที่เลิฟไม่ได้รักษาต่อก็เพราะคุณท่านให้เหตุผลว่ามันเปลือง เขาเองก็ไม่ได้ขัดเพราะไม่ได้แย่อะไร

   ที่เขาจำเป็นต้องโกหกออกไปเพราะไม่อยากให้นาวเป็นห่วง อีกอย่างอาการของเขามันก็ไม่เคยแย่แบบนั้นอีกเลย อาจจะเป็นเพราะเขาก็ระวังตัวเองมากขึ้นด้วยล่ะมั้ง

   เลิฟมาทำงานที่ผับนี้ได้สักพักแล้ว โดยมีเจ้าของร้านช่วยปิดบังเรื่องอายุให้ ที่เขามาทำงานพิเศษเพราะเงินไม่พอใช้ เขาเองก็ไม่กล้ารบกวนพ่อมากไปกว่านี้ และเหตุผลอีกอย่างคือเขาไม่กล้าเอ่ยปากขอ เลยใช้เงินเท่าที่คุณท่านให้ในแต่ละเดือนเท่านั้น ซึ่งก็เป็นเงินไม่กี่พันบาท

   และการทำงานในผับนี้เองที่ทำให้มีข่าวลือกระฉ่อนไปทั่วว่าเขาเป็นเด็กขาย ซึ่งเลิฟก็ไม่รู้ว่าต้นตอข่าวลือมันมาจากไหนและจากใคร แต่ที่แน่ๆคนที่ดูถูกเขาเรื่องนี้และมองด้วยสายตารังเกียจเหยียดหยามที่สุดก็คือพี่ชายเขาเอง ‘พี่รุต’

    “เฮ้อ” เลิฟนั่งถอนหายใจเหนื่อยๆและมองออกไปเบื้องหน้าด้วยแววตาเหงาๆ ใบหน้าสวยหมองเศร้าออกมาเมื่อได้อยู่คนเดียว

    “ถอนหายใจอีกแล้วเลิฟ” เสียงเล็กๆคุ้นหูพูดขึ้น ก่อนที่เจ้าของเสียงจะทรุดตัวลงนั่งข้างๆเลิฟ

    “อ้าว...แยม” เลิฟหันมามองคนข้างๆแล้วส่งยิ้มให้

    “เป็นอะไรอ่ะ...ได้ติ๊บน้อยหรอแต่คิดว่าไม่น่าใช่คิกๆ” แยมแซวเลิฟขำๆ

    “ไม่ใช่เหอะ” เลิฟว่าแล้วเอามือผลักหัวแยมเบาๆ

    “แสดงว่าได้เยอะแบ่งบ้างดิ” แยมว่าแล้วเดินมายืนแบมือข้างหน้าเลิฟ

    “เรื่องเหอะ” เลิฟเบ้หน้าใส่เพื่อนร่วมงานตัวเล็กแล้วเอานิ้วจิ้มไปที่หน้าผากแรงๆ

    “ชิส์...นี่ถามหน่อยดิ” แยมถามขึ้นหลังจากที่เงียบไปสักพัก

    “ว่า.....”

    “คือ...ว่า...คือ” แยมเงยหน้าขึ้นมาพยายามจะพูดอะไรสักอย่าง สักพักก็ก้มหน้าลงไปมองพื้นเหมือนเดิม

    “มีไรอ่ะ” เลิฟมองท่าทางแปลกๆของแยมงงๆ

    “เลิฟมีแฟนรึยัง” แยมตัดสินใจตะโกนถามเลิฟ ใบหน้าเลิฟแดงระเรื่อ

    “มี...แต่พึ่งโดนทิ้งวันนี้” เลิฟบอกเสียงแผ่วใบหน้ากลับมาเศร้าอีกครั้ง

    “งั้นเป็นแฟนเราไหม”

    “ห๊ะ!!!!!”

    “เป็นแฟนเรานะ”

...
...
 
   “มีอะไรรึเปล่า” เลิฟถามแยมหลังจากเห็นแยมยืนคุยอะไรไม่รู้ กับพี่ชายของเขาด้วยใบหน้าเครียดๆ

    “ปะ..เปล่า” แยมว่าเสียงตะกุกตะกักใบหน้ามีแวววิตกกังวลเล็กน้อย

    “แน่ใจนะ” เลิฟถามต่อด้วยความเป็นห่วงเพราะหน้าแยมดูแย่ๆ

    “อือ...แยมไม่เป็นไร” แยมว่าแล้วจูงแขนเลิฟให้เดินต่อ

   เลิฟมองหน้าแยมนิดๆก่อนจะเอี้ยวตัวหันไปมองทางด้านหลัง สบตาเข้ากับรุตอย่างจังเพราะรุตเองก็กำลังมองมาที่เขาสองคน จากนั้นใบหน้าหล่อเหลาที่มีส่วนคล้ายเขาก็ส่งยิ้มเยาะๆมาให้ ก่อนที่จะหันหน้าและเดินไปอีกทาง เลิฟไม่เข้าใจความหมายของรอยยิ้มนั้นแต่เขารู้สึกไม่สบายใจเอาซะเลย

   เลิฟตกลงเป็นแฟนกับแยมและคบกันมาได้เกือบปีแล้ว ทีแรกเขาตั้งใจว่าจะไม่คบกับใครอีกเพราะกลัวโดนหลอกเหมือนทุกครั้ง แต่แยมก็ขยันตื้อและก็ทำให้เขาชอบไปตอนไหนไม่รู้ ถามว่ารักแยมมากไหมเขาตอบไม่ได้ บอกได้แค่ว่าตัวเองสบายใจและมีความสุขที่มีคนๆนี้อยู่ข้างๆ อีกอย่างเขารู้สึกว่าตัวเองไว้ใจและเชื่อใจได้ว่าแยมจะไม่ทิ้งเขาไป

    “เลิฟส่งแยมแค่นี้ก็พอ” แยมว่าแล้วเดินไปเลยโดยไม่ได้หันมาร่ำลาอะไรกับเลิฟแบบทุกที เลิฟเองก็รู้สึกแปลกใจแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรเพราะคิดว่าแยมคงเครียดเรื่องเรียน ก่อนที่ตัวเองจะหันหลังกลับบ้านเหมือนกัน

   เช้าวันต่อมาเลิฟไปรับแยมที่หน้าปากซอยเหมือนปกติ แต่รอนานพอสมควรก็ไม่เห็นว่าแยมจะเดินออกมา ตัดสินใจเดินไปหาที่หน้าบ้านตะโกนเรียกก็ไม่มีคนตอบโทรหาก็ไม่รับสาย เลิฟก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือซึ่งบอกให้รู้ว่าเขากำลังจะเข้าเรียนสาย เขาเลยเลือกจะไปโรงเรียนแล้วกะว่าตอนเย็นจะมาหาแยมอีกที

    “เฮ้ย!!! มึงใช่น้องไอ้รุตป่ะวะ” เสียงเรียกเลิฟดังขึ้นระหว่างกำลังเดินไปโรงเรียน เลิฟหยุดเดินแล้วหันมามองคนเรียกงงๆ

    “ครับ” เลิฟตอบแล้วใช้สายตาสำรวจคนตรงหน้านิดๆ เขาไม่เคยรู้จักคนท่าทางนักเลงแบบนี้นี่นา

    “พี่ชายมึงให้กูมาตาม” คนตรงหน้าบอกด้วยท่าทางกวนๆก่อนจะหันหลังและเดินนำออกไป เลิฟเองก็ลังเลนิดหน่อยแต่สุดท้ายก็ตัดสินใจเดินตามไป

    “คิกๆพี่รุตไม่เอานะคะ จั๊กจี๊” เสียงคุ้นหูดังแว่วออกมาจากบานประตูให้ได้ยินแผ่วๆ เลิฟเดินเข้าไปใกล้ประตูด้วยใจสั่นๆฝ่ามือเย็นเฉียบไปหมด

    “แยม....” เลิฟครางออกมาเสียงแผ่ว แววตาไหววูบกับภาพที่ได้เห็น หัวใจเจ็บแปล๊บขึ้นมาทันที ตั้งแต่ตอนไหนตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมเขาไม่รู้เลย

    “เลิฟ!!!” แยมตะโกนชื่อเลิฟออกมาด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบลงจากตักของรุตมายืนที่พื้นข้างๆ

    “นี่มันอะไรกันอ่ะแยม” เลิฟถามด้วยเสียงสั่นๆพยายามบังคับน้ำตาไม่ให้ไหล

    “เราขอโทษ” แยมมองมาที่เลิฟด้วยแววตาเสียใจก่อนที่น้ำตาจะไหลลงมา

    “เราเลิกกันเหอะนะ” แยมบอกเลิฟเสียงเบาแต่ได้ยินชัดเจนทุกคน

    “เราไม่ได้รักเลิฟแล้ว...เราขอโทษ” แยมว่าแล้วเดินออกไปพร้อมกับรุต

   เลิฟยืนปล่อยน้ำตาให้ไหลลงมาอย่างไม่คิดจะห้าม เขาจะต้องได้ยินคำขอโทษจากปากคนที่เขารักอีกสักกี่ครั้ง แล้วเขาจะต้องโดนทิ้งให้อยู่คนเดียวแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่ จะต้องทำอะไรอีกแค่ไหนคนที่เขารักจะรักเขาบ้าง หรือว่าความจริงแล้วไม่เคยมีใครที่จะอยากอยู่กับเขาจริงๆสักคน

    ‘แม่ครับ....เลิฟต้องอยู่แบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่”


2 Be Con...

ออฟไลน์ matchty

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
    • MATCHTY-แมตตี้
กับดักพิเศษ
- งานบวช -
         


   ปอยืนมองเลิฟที่นั่งง่วนกับการพับอะไรบางอย่างอยู่ที่โต๊ะกระจกหน้าทีวี ขมวดคิ้วเป็มปมนิดๆด้วยความสงสัยก่อนจะเดินมานั่งลงซ้อนทางด้านหลังของเลิฟ แล้วเอามือสอดเข้าไปกอดเอวบางแน่น

             ฟอดดดดดดดดด

   “ทำอะไร” ปอหอมแก้มเลิฟแรงๆทีนึงมองของที่อยู่ในมือเลิฟกับกองเศษเหรียญด้วยความสงสัย เขาเห็นมันนั่งง่วนกับการพับไอ้กระดาษสารพัดรูปร่างนี่เป็นอาทิตย์ละ แต่ไม่เห็นวี่แววว่ามันจะเสร็จสักที

             "คิกๆปออย่าเล่น" เลิฟหยุดมือแล้วก็หัวเราะขึ้นมาเบาๆด้วยความจั๊กจี๊ แล้วหดคอหนีจมูกโด่งของอีกคนที่กำลังซุกไซร้ซอกคอเขาอยู่

             "มึงทำอะไรกูเห็นนั่งทำมาเป็นอาทิตย์ละ” ปอหยุดการกระทำทั้งหมดของตัวเองแล้วเงยหน้าขึ้นมาถามคนตัวเล็ก

             “เหรียญโปรยทานไง” เลิฟหยุดมือที่นั่งพับกระดาษลงแล้วหันมาส่งยิ้มพร้อมตอบคำถามปอก่อนจะหอมแก้มคนตัวโตคืน

             “เหรียญโปรยทานอะไรวะ” ปอถามต่อด้วยความสงสัย

             “ก็เหรียญที่ต้องให้ปอกับพวกพี่ๆเขาโปรยก่อนจะเข้าอุปสมบทไง”

             "ทำไมมึงต้องพับให้เมื่อยแค่โปรยเหรียญไม่เห็นต้องทำอะไรให้ยุ่งยาก โปรยๆแม่งไปเหอะแล้วนี่มึงนั่งนานขนาดนี้ขาไม่เป็นอะไรนะ” ปอบ่นงึมงำไปเรื่อยก่อนจะก้มมองดูขาของเลิฟด้วยความเป็นห่วง

             “จะบ้าเหรอปอโปรยไปเลยได้ที่ไหนอีกอย่างเลิฟก็ไม่ได้นั่งพับคนเดียวสักหน่อย พี่ของขวัญกับเอยก็ช่วยด้วยไหนจะพี่โชนอีก แล้วก็ไม่ต้องห่วงถ้าปวดขาเลิฟก็หยุดพักไม่ได้ฝืนอะไร” เลิฟบอกปอยิ้มๆก่อนจะประคองฝ่ามือหนามาลูบเล่นเบาๆเป็นเชิงปลอบใจ เขารู้ว่าปอยังคงรู้สึกผิดเรื่องขาของเขายังโทษตัวเองตลอดจนถึงตอนนี้ ทั้งๆที่เขาบอกไปแล้วว่ามันไม่ใช่ความผิดของปอเลย

             “ตามใจมึงแต่อย่าฝืนละกันรู้ใช่ไหมว่ากูเป็นห่วง” ปอว่าแล้วกดริมฝีปากลงที่ข้างขมับเลิฟ

             "อือ” เลิฟรับคำก่อนจะหันไปจูบปลายคางปอคืน แล้วก็หันมาตั้งหน้าตั้งตาพับเหรียญต่อ

             สาเหตุที่ทำให้เลิฟต้องมานั่งพับเหรียญโปรยทาน เพราะสิ้นเดือนนี้ปอจะบวชเพื่อทดแทนบุญคุณพ่อแม่ จริงๆก็ไม่ใช่แค่ปอหรอกที่บวชสามพี่น้องป. ปลาตั้งใจบวชพร้อมกันทั้งหมด รวมทั้งเดอะแก็งส์เพื่อนๆของปอด้วย (ยกเว้นพี่ฝุ่นเพราะบวชไปแล้วก่อนหน้านี้) แถมยังนัดรวมตัวบวชวันเดียวกันการเตรียมงานเลยค่อนข้างวุ่นวาย เพราะจำนวนคนที่จะบวชมีเกือบสิบคน

             นึกไปแล้วก็ขำไม่น้อยเลิฟยังจำได้ติดตา ว่าวันที่ปอกับพวกพี่ชายเดินเข้าไปบอกพ่อกับแม่ว่าจะบวช แม่ปิ่นถึงกับนั่งน้ำตาไหลส่วนพ่อปรีชาอ้าปากค้างตะลึงพูดไม่ออก และวันต่อมาพ่อกับแม่ก็เอาฤกษ์มาให้ดูชนิดที่ว่ารวดเร็วทันใจ สงสัยพวกท่านจะตื้นตันใจจริงๆที่ลูกชายบวช แถมยังบวชพร้อมกันทุกคน

             ถ้านับตามอายุของปอและก็คนอื่นๆคงต้องบอกว่าบวชช้าไปหน่อย แต่ถึงจะบวชช้าหรือบวชเร็วถ้าตั้งใจทำอะไรมันก็ดีทั้งนั้น อีกอย่างก็เป็นความตั้งใจของปออยู่แล้วที่จะบวชตอนเรียนจบ

             ปอพึ่งเรียนจบไปเมื่อต้นปีด้วยดีกรีวิศวะเกียรตินิยมเหรียญทอง ซึ่งเจ้าตัวไม่ได้แสดงอาการดีใจอะไรออกมาเลยสักนิด แต่เป็นเลิฟต่างหากที่ดีใจแทนเจ้าตัวอย่างออกหน้าออกตา เพราะตัวเองยังเรียนไม่จบคงต้องรออีกสักสองปีเนื่องจากต้องดร๊อปเรียนไป ส่วนสาเหตุเลิฟไม่ค่อยอยากจะพูดถึงเท่าไหร่นัก เพราะทุกครั้งที่พูดขึ้นมาปอจะต้องทำหน้าเศร้าทุกที

             “นั่งทำอะไรน่ะลูก” คุณปิ่นแก้วที่เดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นเอ่ยปากถามแล้วนั่งลงบนโซฟาใกล้ๆปอ

             "พับเหรียญโปรยทานครับแม่ปิ่น” เลิฟส่งยิ้มให้แล้วยื่นเหรียญที่พับเสร็จเรียบร้อยให้ดู

             "ขยันนะเราอยากทำให้พี่เขาเหรอ” คุณปิ่นแก้วส่งยิ้มอ่อนโยนให้เลิฟแล้วเอามือลูบหัวเบาๆด้วยความเอ็นดู

             "แล้วเราน่ะมานั่งกวนอะไรน้อง” คุณปิ่นแก้วหันมาถามปอที่นั่งนัวเนียเลิฟบ้างพร้อมส่งยิ้มละมุนให้ลูกชาย

             "กวนที่ไหนครับแม่ผมนั่งเป็นกำลังใจให้ต่างหาก” ปอว่าหน้าตายกดจมูกลงบนด้านหลังคอของเลิฟด้วยความหมันเขี้ยว

            "ปอ!!! แม่นั่งอยู่” เลิฟเอ็ดขึ้นมาเสียงไม่ดังมากนัก ก่อนจะหน้าแดงก่ำด้วยความอาย
 
             "แม่ไม่ว่าหรอกเนอะ” ปอหันมาส่งยิ้มกวนๆให้แม่

             “จ๊ะแม่ไม่ว่าเอาให้พอใจเลยลูก” คุณปิ่นแก้วพูดขึ้นอย่างเข้าใจเพราะรู้ดีว่าลูกชายรู้สึกยังไง คงจะอยากอยู่กับคนรักให้มากที่สุดก่อนจะถึงวันบวช คนมีห่วงเป็นอย่างนี้กันทุกคน ยิ่งกับลูกชายของท่านที่แทบจะไม่เคยห่างคนรักคงไม่ต้องพูดถึง ท่านเลยอยากให้ลูกใช้เวลาที่เหลือนก่อนจะต้องตัดเรื่องทางโลกให้เต็มที่ เพื่อเจ้าตัวจะได้ก้าวขาเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์อย่างสมบูรณ์ 

             "งั้นแม่ไม่กวนแล้วจ๊ะเราสองคนก็อย่านอนดึกนะลูก ส่วนปอพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าไปเรียนกับพระอาจารย์นะอย่าลืมล่ะ” คุณปิ่นแก้วหันมาบอกก่อนจะเดินกลับขึ้นไปข้างบน

             “ครับแม่...ฝันดีนะครับ” ปอขานรับคำของแม่เล็กน้อยก่อนจะนั่งมองเลิฟที่ตั้งหน้าตั้งตาพับเหรียญต่อไป

             ปอพาเลิฟกลับมานอนที่บ้านใหญ่ได้เดือนนึงแล้ว ปกติก็จะนอนที่บ้านตัวเองแล้วกลับมานอนที่บ้านใหญ่เฉพาะเสาร์อาทิตย์เท่านั้น แต่รอบนี้คงอยู่กันนานหน่อยเพราะมีเรื่องต้องทำเยอะ แถมไอ้ตัวเล็กของเขามันก็อยากจะช่วยและโคตรกระตือรือร้น ไปเดินดูของที่จะใช้ในงานกับแม่เขาทุกวันสนุก สนานจนลืมผัวตัวเองเลยล่ะ 

             ทางฝั่งพวกเพื่อนเขาก็ยุ่งไม่แพ้กัน ลุงชาญพ่อไอ้ต้ามาปรึกษาเรื่องงานกับพ่อแม่เขาไม่เว้นวัน ด้านไอ้โชนก็ทำตัวยุ่งไม่ต่างจากเมียเขามันก็คงตื่นเต้นที่ไอ้ต้าจะบวชล่ะมั้ง ส่วนไอ้กิงมันไม่มีญาติผู้ใหญ่เหลือแล้วก็ได้พ่อกับแม่น้องเอยคอยจัดการเรื่องงานให้

             เหตุผลหลักๆในการบวชครั้งนี้ของพวกเขานอกจากบวชทดแทนบุญคุณบุพการีแล้ว อีกเหตุผลคือตั้งใจอยากขอขมาผู้ใหญ่ที่ทำตัวให้ผิดหวัง โดยเฉพาะการที่เกิดมาเป็นลูกผู้ชายและมีหน้าที่ต้องสืบสกุล แต่กลับพากันฝืนธรรมชาติไปมีแฟนเป็นผู้ชายหมด ถึงจะไม่โดนต่อว่าแต่พ่อแม่ก็คงเสียใจไม่น้อย

   "ไปนอนได้ละพรุ่งนี้ค่อยมาทำต่อ” ปอว่าแล้วดึงคนตัวเล็กให้ลุกขึ้น

             “อือ” เลิฟเองก็ยอมวางมือโดยดีแล้วเก็บทุกอย่างให้เข้าที่เตรียมตัวไปเข้านอนพร้อมกัน จริงๆพรุ่งนี้เขาไม่ได้มีธุระหรือวางแพลนจะไปไหน นอนดึกกว่าเดิมก็คงไม่เป็นไร แต่ว่าปอต้องตื่นแต่เช้าไปเรียนพระธรรมก่อนบวช เขาเลยต้องรีบเขานอนไม่งั้นคนตัวโตก็จะนั่งเฝ้าเขาอยู่แบบนี้ไม่ไปไหน

...
...
         
             วันนี้ค่อนข้างจะยุ่งมากเป็นพิเศษเพราะเป็นวันที่ทุกคนรอคอย ตอนเช้าแขกเหรื่อที่มาร่วมงานทั้งหลายต่างร่วมใจกันปลงผมนาค เพื่อเตรียมตัวส่งบุคคลอันเป็นที่รักเข้าไปอยู่ภายใต้ร่มกาสาวพัสตร์ 

            ก่อนหน้านี้พวกเขาได้ส่งการ์ดเชิญไปให้กับบุคคลต่างๆ บอกขออโหสิ กรรมให้กับตัวเอง รวมทั้งยังถือพานไปกราบขอขมาพ่อแม่เป็นที่เรียบร้อย เพื่อที่ จะได้บวชอย่างไม่มีห่วงอะไร

             หลังจากที่ปลงผมนาคเสร็จทุกคนก็มาช่วยกันเตรียมอาหารคาวหวานต้อนรับแขกที่มาร่วมงาน ร่วมทั้งเตรียมของเพื่อรับขวัญนาคในตอนเย็นอีกด้วย เป็นวันที่เหนื่อยแต่ไม่มีใครปริปากบ่นเพราะต่างก็พากันอิ่มเอมใจ

             งานบวชของปอและคนอื่นๆตกลงจะจัดกันทั้งหมดสองวัน โดยวันนี้เป็นวันแรกหรือที่เรียกกันว่าวันสุกดิบ หลังจากปลงผมนาคเสร็จแล้วก็จะต่อด้วยการรับขวัญนาคในตอนเย็น 

         นาคทุกคนในวันนี้ตั้งใจบวชกันคนละ 1 พรรษา (3 เดือน) เพื่อจะได้ศึกษาพระธรรมและผลบุญจะได้ส่งถึงบิดามารดา รวมถึงบุคคลอันเป็นที่รักมากที่สุดตามความเชื่อของคนไทย

             ตกเย็นพิธีรับขวัญนาคก็เริ่มขึ้นอย่างเรียบง่าย ทุกอย่างดำเนินไปเรื่อยๆตามพิธีกรรมอันมีกันมาช้านาน จนถึงขั้นตอนสุดท้ายที่พ่อกับแม่จะรับผ้าจากมือของนาค แล้วเอาขึ้นไปไว้ที่ห้องนอนเพื่อเป็นการเชิญขวัญนาคมาไว้บ้าน จากนั้นก็ปล่อยให้นาคไปพักผ่อนโดยสั่งห้ามเด็ดขาดไม่ให้นาคมาเจอหน้าคนรัก เป็นการป้องกันไม่ให้นาคไขว้เขว้และผิดความตั้งใจ

             "ไม่อยากจะเชื่อเนาะว่าพวกพี่กิงเขาจะบวชกันได้จริงๆ" เอยที่นอนอยู่ข้างๆเลิฟพูดเสียงเจื้อยแจ้ว

             "นั่นน่ะสิใครจะไปคิดเล่นร้ายกันซะขนาดนั้น" เลิฟเองก็เห็นด้วยกับคำพูดของเอยไม่ว่าใครก็คิดแบบนี้กันทั้งนั้น เพราะหน้าตาของแต่ละคนดูยังไงก็ไม่น่าเข้าถึงพระธรรมได้

             "ว่าแต่พรุ่งนี้เลิฟถือหมอนให้พี่ปอป่ะ" เอยถามต่อถึงงานวันพรุ่งนี้

             "ไม่อ่ะ...เอยถือเหรอ" เลิฟส่ายหัวเบาๆตอบก่อนจะถามกลับไป

             "อือ...ไอ้พี่กิงให้ถืออ่ะพี่โชนก็โดนพี่ต้าบังคับให้ถือ อายคนจะตายผู้ชายด้วยกันมาถือหมอนในงานบวช" เอยบ่นงึมงำด้วยใบหน้าแดงระเรื่อเพราะถ้าตามที่รู้ๆกัน ใครถือหมอนให้นาคในงานบวชแสดงว่าคนนี้คือว่าที่ลูกสะไภ้บ้านนี้แน่ๆ แถมเป็นเจ้าของหัวใจนาค และยังเป็นการประกาศทางอ้อมว่าคนของนาคใครก็ห้ามยุ่ง       
 
   "แล้วทำไมเลิฟไม่เป็นคนถืออ่ะ" เอยถามขึ้นอย่างสงสัยเพราะพี่ปอรักเลิฟจะตายเป็นไปได้ยังไงที่ไม่ให้ถือหมอน

             "ปอให้แม่ปิ่นถือน่ะ" เลิฟบอกเอยยิ้มๆเรื่องนี้ปอบอกกับเขาเองตั้งแต่ก่อนจะจัดงานแล้ว ว่าทำไมถึงไม่ให้เขาเป็นคนถือหมอน

             ทั้งสามพี่น้องตั้งใจให้แม่เป็นคนถือหมอนให้เพื่อระลึกถึงพระคุณของแม่ที่ให้เกิดมา แล้วเปรียบหมอนเหมือนตักของมารดาที่ให้หนุนหนอนในตอนเด็ก และเพื่อเตือนใจตัวเองว่าการบวชนี้พวกเขาบวชเพื่อทดแทนพระคุณผู้ให้กำเนิด

             ส่วนตัวเลิฟกับคนอื่นๆเลยถือของเล็กๆน้อยๆช่วยในขบวนแห่นาควันพรุ่งนี้แทน ของจำเป็นหลักๆก็ให้คนในครอบครัวของนาคเป็นคนถือไป แล้วก็ไม่ต้องห่วงว่าใครจะกล้ามาวอแวกับพวกเขาระหว่างที่คนรักบวช เพราะพ่อปรีชาสั่งลูกน้องมาเป็นไม้กันหมาให้ลูกชายเต็มที่

             วันนี้เป็นวันแห่นาคทุกคนเลยต่างพากันตื่นมาเตรียมงานกันตั้งแต่เช้าตรู่ แขกเหรื่อก็ต่างพากันทยอยมาร่วมงานเรื่อยๆ รวมทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องคณะวิศวะก็แห่กันมาจนแน่นไปหมด 

              พอถึงฤกษ์ดนตรีก็เริ่มบรรเลงขบวนแห่นาคก็เคลื่อนตัว หน้าขบวนแห่พวกบรรดาเพื่อนร่วมสถาบันก็ออกสเต๊ปวาดลวดลายกันเต็มที่ โดยเฉพาะพวกพี่อาร์ตที่ลงทุนเต้นเรียกเสียงฮาทุกคนตลอดทาง จนพีทยืนกุมขมับมองความบ้าของผัวตัวเองอย่างปลงๆ
             งานวันนี้เต็มไปด้วยความสนุกสนานและความสุขใจของคนที่มาร่วม งานกันถ้วนหน้า เมื่อขบวนแห่วนรอบโบสถ์ครบสามรอบก็ถึงคิวของนาคทุกคนที่จะต้องโปรยเหรียญทานแจกแขกที่มาร่วมงานก่อนเข้าโบสถ์

             ทุกคนพากันแย่งรับเหรียญทานที่นาคโปรยมาอย่างสนุกสนาน เพราะถือว่าเหรียญที่นาคโปรยแจกเป็นของสิริมงคล หลังจากแจกหมดแล้วพ่อกับแม่ก็จูงนาคเข้าโบสถ์เพื่ออุปสมบท ส่วนคนอื่นๆก็นั่งรอกันอยู่ทางด้านนอก
 
             เลิฟชะเง้อคอมองเข้าไปในโบสถ์เป็นระยะด้วยความตื่นเต้น ประกอบกับอยากเห็นคนรักในผ้าเหลืองเร็วๆ และไม่นานนักพิธีด้านในโบสถ์ก็เสร็จสิ้น พร้อมกับบรรดาพระภิกษุบวชใหม่ที่ค่อยๆทยอยเดินออกมา

             เลิฟมองพระปออย่างตื้นตันก่อนจะยิ้มบางๆออกมาด้วยความสุข ร่างสูงที่คุ้นเคยยืนสงบนิ่งในผ้าเหลืองหน้าโบถส์ เลิฟเดินเข้าไปหาแล้วทรุดลงกราบที่เท้าของพระอย่างศรัทธา

             "อนุโมทนาบุญครับหลวงพี่" เลิฟเงยหน้าขึ้นแล้วเอ่ยกับพระก่อนจะส่งยิ้มบางๆไปให้

             "อนุโมทนาบุญนะโยม" พระปอเอ่ยออกมาพร้อมส่งยิ้มกลับและมองคนตรงหน้าด้วยแววตาสงบนิ่ง ไม่ได้มองด้วยความร้อนแรงหรือเสน่หาเหมือนก่อน

          เลิฟเองก็มองหน้าพระด้วยความภูมิใจและอิ่มเอิมกับวันนี้ ไม่มีความโหยหาอาวรณ์ใดๆทั้งนั้นจะมีก็คงแค่ความปลื้มปริ่มและตื้นตัน ที่ได้เห็นอีกความสำเร็จในชีวิตของคนที่เขารัก


2 Be Con...
+++++++++++
เอาตอนพิเศษมาเบรกอารมณ์
เด๋วเจอตอนหลัดพรุ่งเ้เน้อ

ออฟไลน์ kokoro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
กว่าจะรักกันได้ ลุ้นค่ะว่าพี่ปอจะโหดขนาดไหน 55
แต่ดีนะโหดกับเลิฟแค่บางครั้ง
ดูอดทนมีสติอยู่นา

ปล. อยากรู้ทำไมพี่รุตถึงเปลี่ยนไป เหมือนว่าเอ็นดูน้องอยู่ดีๆ
ต้องมีจุดเปลี่ยนซิ รอเผือกต่อไปนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg
 :m16: :m16: :m16: :m16: :m16:อย่าบอกนะว่าไอ้รุตหลงรักน้องเลิฟอะ :m16: :m16: :m16: :m16: :m16: :m16:

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
 :beat: :beat: ให้ครอบครัวนั้น
** กว่าจะถึงตอนพิเศษนี้ ไม่รู้ว่าผ่านอะไรมาบ้างนะ อนุโมทนาบุญด้วยแล้วกันสำหรับตอนพิเศษแบบนี้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-02-2016 15:33:18 โดย B52 »

ออฟไลน์ chisarachi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1019
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-1
อ่านรวดเดียวเลย
เม้นรวดเดียวเลยเนอะ.
เรื่องนี้ชอบตอนแรกมากค่ะ เปิดมาน่าสนใจดี
ขอบความกวนประสาทของปอ
ตอนมหาลัยเราว่ามันดูเร็วๆรีบไปนิด. มีจุดที่สามารถใส่ดีเทลได้อีกเยอะ
เช่นตอนเขาแกล้งกันไรงี้555555
คิดว่าน่าจบและรวมเล่มคงรีไรท์เยอะแน่
เรื่องนี้ดีเทลเยอะ
มีเหตุการณ์อะไรเยอะมาก
ตัวละครก็เยอะด้วย. คิดว่าน่าจะมีการปรับอะไรสักหน่อย
ตอนที่ได้เลิฟเป็นเมียนี่ก็ดูเร็วไปนิด และตอนที่น้องรักปอด้วย
มีดีเทลที่ต้องแก้เยอะเหมือนกัน
ตอนที่บอกจะลงประดวดเดือนอีก. เพราะเปิดเทมอผ่านมานานแล้วน่าจะประกวดกันไปแล้ว
เป็นกำชังใจให้ค่ะ

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
สนุกดีคะ เป็นกำลังใจใ้ห้นะคะ  :L2:

ออฟไลน์ matchty

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
    • MATCHTY-แมตตี้
อ่านรวดเดียวเลย
เม้นรวดเดียวเลยเนอะ.
เรื่องนี้ชอบตอนแรกมากค่ะ เปิดมาน่าสนใจดี
ขอบความกวนประสาทของปอ
ตอนมหาลัยเราว่ามันดูเร็วๆรีบไปนิด. มีจุดที่สามารถใส่ดีเทลได้อีกเยอะ
เช่นตอนเขาแกล้งกันไรงี้555555
คิดว่าน่าจบและรวมเล่มคงรีไรท์เยอะแน่
เรื่องนี้ดีเทลเยอะ
มีเหตุการณ์อะไรเยอะมาก
ตัวละครก็เยอะด้วย. คิดว่าน่าจะมีการปรับอะไรสักหน่อย
ตอนที่ได้เลิฟเป็นเมียนี่ก็ดูเร็วไปนิด และตอนที่น้องรักปอด้วย
มีดีเทลที่ต้องแก้เยอะเหมือนกัน
ตอนที่บอกจะลงประดวดเดือนอีก. เพราะเปิดเทมอผ่านมานานแล้วน่าจะประกวดกันไปแล้ว
เป็นกำชังใจให้ค่ะ

ขอบคุณสำหรับคำติชมนะคะ เรื่องนี้ร่วมเล่มและตีพิมพ์เรียบร้อยแล้วจ้า ไม่ได้มีการรีไรท์อะไรมากมาเลยค่ะ ทุกอย่สงคงเดิมเกือบ 100% เนื้อหาอาจจะดูเร่งรีบ แต่จิงๆคนเขียนวางเรื่องมาแบบนี้เองค่า เลยดูรีบๆไปสำหรับคนอ่าน และไม่ได้เน้นที่เรื่องเรียนสักเท่าไหร่ ไปเน้นเรื่องส่วนตัวซะเยอะ

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
 :pig4: การที่พ่อกับลูกถอดนิสัยกันมา บางทีก็น่าปวดหัวเนอะ  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg
 :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:เข้ามารออออ :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:

ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2:

นักเขียนสบายดีไหม ปกติอัพเกือบทุกวัน
เป็นห่วงนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ matchty

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
    • MATCHTY-แมตตี้
กับดักที่
- 26 -
         


   ทุกอย่างกลับมาเงียบสงบอีกครั้งพร้อมกับสายลมเย็นที่พัดเอื่อยๆกระทบผิวน้ำจนไหวเป็นระลอกคลื่น ปอมองเสี้ยวหน้าของคนตัวเล็กที่นั่งเหม่อลอยเล็กน้อย เลิฟนั่งเหม่อแบบนี้มาสักพักใหญ่ๆแล้วสายตาทอดมองไปไกลเหมือนพร้อมที่จะหายตัวไปได้ตลอดเวลา ไม่รู้สิเขาอาจจะคิดมากไปแต่ใจมันสั่นแบบแปลกๆ

             เลิฟหันกลับมาหาปอแล้วส่งยิ้มบางๆให้แต่แววตากลับเต็มไปด้วยความเศร้าจนน่าใจหาย ไม่มีการพูดคุยอะไรระหว่างทั้งสองคนมีเพียงความเงียบและดวงตาที่มองกันและกัน กับหัวใจทั้งสองดวงที่เต้นคนละจังหวะ

            หนึ่งดวงเต้นด้วยความสับสนและความไม่แน่ใจ ว่าสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้แค่สนุกกับของเล่นชิ้นใหม่พอเบื่อแล้วก็ทิ้งแบบทุกครั้ง หรือว่าเป็นเพราะหัวใจรู้สึกมากกว่านั้นไปแล้วจริงๆ

             ส่วนอีกดวงเต้นไปด้วยความรักและความหวัง หวังว่ารักครั้งนี้จะไม่หลอกลวงและไม่ทำร้ายกันเหมือนที่ผ่านๆมา หวังว่าสักวันเสียงของหัวใจอีกดวงจะเต้นตรงกันสักที

            "กลับกันเหอะ" เลิฟบอกเสียงสดใสร่าเริงลุกขึ้นยืนแล้วปัดฝุ่นที่กางเกงไปมา ระบายยิ้มออกมาอ่อนๆเหมือนว่าเรื่องที่เล่ามาทั้งหมดไม่ใช่เรื่องจริง ถ้าไม่มีดวงตากลมโตที่แสดงออกให้เห็นชัดเจนคู่นั้น คงไม่มีใครรู้ถึงความเหงาและความเศร้าในใจดวงนี้

             ปอลุกขึ้นยืนตามคนตัวเล็ก แล้วมองหน้าอีกคนด้วยใบหน้าเรียบเฉยกับแววตาที่อ่านไม่ออก เดินเข้าไปหาคนตัวเล็กช้าๆยกฝ่ามือขึ้นประคองแก้มใส ก่อนจะค่อยๆโน้มใบหน้าลงจนริมฝีปากสัมผัสกันแผ่วเบา

             ปอดูดเม้มริมฝีปากบางนิดๆไม่ได้ลึกซึ้งหรือเร้าร้อนแบบทุกครั้ง มันอ่อนโยนปลอบประโลมจนอีกคนรู้สึกได้ ปอกดจูบแบบนั้นสักพักแล้วผละออกมาจ้องตาคนตัวเล็กนิ่งๆ

             "ถ้ามึงอยากร้องก็ร้องออกมา" ปอบอกเสียงเรียบ

            ดวงตากลมโตของเลิฟสั่นระริกทันทีที่ได้ยินปอพูด ทั้งๆที่มันไม่ใช่ประโยคที่อ่อนหวาน อ่อนโยน หรือแม้แต่จะลึกซึ้งอะไร เป็นประโยคคำพูดที่แสนธรรมดาแต่ได้ยินแล้วกลับทำให้หัวใจอบอุ่น จะมีสักกี่คนที่เขาจะอยากเช็ดน้ำตาให้เรา

             "ปอ" เสียงเรียกสั่นๆพร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลริน กำแพงความเข้มแข็งที่พยายามสร้างมันพังลงง่ายๆเพราะคนๆนี้

   ปอมองคนตัวเล็กแล้วรู้สึกหน่วงในอก ฝ่ามือหนายกขึ้นเช็ดน้ำตาบนใบหน้าเนียนอย่างอ่อนโยน ก่อนจะดึงคนตัวเล็กเข้ามากอดปลอบ

             เลิฟยกแขนกอดร่างสูงไว้แน่น ปล่อยน้ำตาให้มันไหลออกมาเรื่อยๆ เพื่อระบายความรู้สึกทั้งหมดออกมา ทั้งชีวิตของเขาเจอแต่ความผิดหวังความรักที่ไม่เคยมีจริงรักใครก็เจอแต่ความเจ็บปวด ทุกคนเลือกที่จะหันหลังให้เขา โดยที่เขาเองไม่เคยรู้ว่าตัวเองผิดอะไร

             มันมีบ้างที่รู้สึกท้อและเหนื่อยใจจนหวาดกลัวกับคำว่ารัก แต่ไม่เคยนึกรังเกียจมันเลยสักครั้ง ยังคงหวังและเฝ้ารอเสมอว่าสักวันจะได้เจอคนๆนั้น คนที่จะอยู่ข้างกันจริงๆสักที

             เขาไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังไม่ว่าจะกับใครทั้งนั้น เขาไม่อยากให้ใครรักเขาเพราะความสงสาร อยากให้รักกันด้วยหัวใจรักที่เขาเป็นเขา แต่กับปอเขายอมเอาความน่าสงสารที่มีเพื่อรั้งให้อีกคนไม่ไปไหน แม้จะได้แค่ความสงสารเขาก็จะยื้อเพื่อไม่ให้เสียมันไป

             รู้ตัวว่าสิ่งที่กำลังทำมันดูโง่และบ้า แต่เขายอมเป็นคนโง่เพื่อที่จะได้ยืนอยู่ตรงนี้ยืนอยู่ข้างๆในสถานะอะไรก็เอา แค่ให้อีกคนไม่ทิ้งและยังใส่ใจกันบ้าง ความรักมันก็มีแค่นี้ไม่ใช่หรอ ถึงมันจะทุกข์มากกว่าสุขสุดท้ายแค่ได้รักก็พอ

...
...
 
             "กูว่ามึงกลับไปนอนดีกว่าไหม" ปอหันมาบอกคนข้างๆที่นั่งสะโหลสะเหลด้วยความเป็นห่วง ดูอาการแล้วไปน่ารอดว่ะครับ

             "ไม่เอาอ่ะเดี๋ยวเรียนไม่ทัน" เลิฟส่ายหัวเล็กน้อยบอกปอด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง ก่อนจะฝืนสังขารเพลียๆเพราะเสียน้ำทั้งคืนก้าวขาลงจากรถ

             ปอมองตามแผ่นหลังเล็กแล้วส่ายหัวหน่ายๆกับความดื้อ เมื่อคืนมันก็แทบไม่ได้นอนจะตายห่าอยู่แล้วบอกให้พักก็ไม่พัก ปอปิดประตูรถแล้วเดินตามคนที่เดินโงนเงนนำหน้า ก่อนจะจูงแขนให้เดินไปนั่งที่โต๊ะตัวใกล้ๆ

             "คืนนี้เอาอีกไหมล่ะมึง" ปอว่ากัดๆก่อนจะยกมือขึ้นอังหน้าผากอีกคน ใบหน้าเนียนที่เคยมีเลือดฝาดตอนนี้ซีดลงอย่างเห็นได้ชัด

            "อย่าประชดได้ป่ะ" เลิฟว่ากลับก่อนจะฟุบหน้าลงไปบนโต๊ะ

             "ก็นึกว่าชอบเห็นมึงดีใจขนาดนั้น" ปอลูบหัวและใบหน้าของเลิฟเล่นเบาๆ

             "............" เลิฟเลือกที่จะเงียบและหลับตาลงช้าๆ เขาขี้เกียจจะเถียงกับปอเพราะรู้ว่าอีกคนกำลังไม่พอใจ ก็เล่นจิกกัดเขาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนิ

             ปอมองอีกคนที่หลับตาหนีนอนเงียบแล้วก็ถอนหายใจออกมาหนักๆ เมื่อคืนไอ้ตัวเล็กมันหนีไปเที่ยวผับ ก็ไปกับเพื่อนๆมันนั่นแหละว่าจะไม่ให้ไปก็ทำหน้างอจะร้องไห้ แล้วเขาก็เสือกเผอิญติดธุระ (อันนี้ธุระจริงๆครับ) จะไปกับมันก็ไม่ได้เลยต้องปล่อยให้มันไปเที่ยวกับเพื่อน ดีหน่อยที่ไอ้กิงมันตามไปเฝ้าเมียเลยฝากเฝ้ามันเผื่อด้วย

             ไอ้ห่ากิงก็คอยรายงานเป็นระยะว่ามีคนมาจีบไอ้เลิฟ คือไม่รู้ว่าแม่งหวังดีหรือประสงค์ร้ายที่แน่ๆจงใจกวนตีนชัวร์ๆ มันคงกะจะให้เขารีบตามไปเฝ้าไอ้เลิฟแต่เสียใจเขาไม่ดิ้นไปกับแม่ง อีกอย่างผับที่พวกมันไปเที่ยวคือผับพ่อเขา ถ้าใครอยากตายก็ให้พวกมันลอง

             เขากลับมาถึงห้องเกือบตีสอง ได้ยินเสียงคนโอ๊กอ๊ากดังมาจากห้องน้ำข้างในห้องนอนรีบเดินเข้าไปดูก็เห็นหัวไอ้เลิฟกำลังจุ่มชักโครก ทีแรกนึกว่ามันเมาหัวทิ่มกลับมาที่ไหนได้ไปแดกอะไรมาไม่รู้อาหารเป็นพิษ ได้หามกันไปโรง'บาลกลางดึก หมอให้นอนดูอาการคืนนึงมันก็งอแงไม่ยอม สุดท้ายก็สภาพใกล้ตายอย่างที่เห็น

             "ไงวะมึง...อ้าวแล้วนั้นคนสวยกูเป็นอะไร" เสียงอาร์ตแหกปากร้องทักแต่ไกล ก่อนจะรีบวิ่งตาเหลือกเข้ามาหา ทันทีที่เห็นว่าคนนอนฟุบอยู่เป็นใคร

             ปอส่ายหัวหน่ายๆกับรุ่นพี่ตัวเอง นี่ถ้าพี่กลอนกับพี่อ้นอยู่ด้วยโคตรจะปวดหัวล่ะครับ ไอ้ห่าปิงก็อีกคนไม่รู้แม่งจะอะไรนักหนาโอ๋กันฉิบหาย ทุกวันนี้ต้องเจอหน้ามันมาแดกข้าวที่ห้องทุกวัน ไม่รู้ไอ้เลิฟมันใส่ยาเสน่ห์ให้พวกนี้รึเปล่าถึงได้ชอบมันจัง

             หลังจากเห็นอาร์ตคนที่เหลือก็ค่อยๆทยอยตามกันมา ไอ้ห่ากิงเดินจูงมือเมียมันมาด้วย กูได้ข่าวว่าแม่งเรียนคนละคณะ แถมยังอยู่กันโคตรไกลยังอุตส่าห์ไปลากมา

             "มึงทำอะไรน้องกูไอ้เหี้ยปอ" อาร์ตหันมาถลึงตาใส่ปออย่างเอาเรื่อง ส่วนปอได้แต่กรอกตาขึ้นฟ้าเซ็งๆ

             "ทำอะไรล่ะ มันทำตัวเองทั้งนั้นแรดจนได้เรื่อง" ปอว่าเสียงเรียบ นั่งมองพี่ชายนอกไส้ของเลิฟที่คอยถามไถ่ด้วยความหมั่นไส้ ห่วงกันขนาดนั้นเอาไปดูแลเองเลยไหมถ้าคิดว่าได้ไปแบบครบ 32 ล่ะนะ

             "ปอ!!! อย่ามาว่าแรดนะก็ใครใช้ให้ตัวเองไม่ว่างล่ะ" เลิฟเงยหน้าขึ้นมาตวาดปอเสียงเขียวก่อนจะเอาฝ่ามือตบลงไปที่ปากปอแรงๆ เล่นเอาทุกคนที่นั่งร่วมโต๊ะมองหน้ากันเลิ่กลั่กโดยเฉพาะพวกเพื่อนปอ

             ปอมองหน้าคนตบปากตัวเองนิ่งๆ เลื่อนสายตามามองฝ่ามือเล็กที่วางบนปากตัวเอง ก่อนจะจับออกจากปากตัวเองแล้วเงื้อฝ่ามือขึ้นสูง

             "เฮ้ย!! มึงใจเย็นน้องมันไม่ได้ตั้งใจ" ต้าที่นั่งใกล้ปอที่สุดพยายามบอกให้ปอใจเย็นเพราะกลัวว่าปอจะตบเลิฟคืน

             ปอเลยเหลือบตามองต้าแล้วถอนหายใจออกมาเซ็งๆ คือพวกมันคิดว่าเขาเป็นคนยังไงวะ ถึงจะเหี้ยกูก็ไม่ตบเมียตัวเองครับแค่จะดึงปากมันเล่น

             "ปอเจ็บป่ะ" เลิฟถามขึ้นเสียงแผ่ว แล้วมองไปที่ปากปออย่างสำนึกผิด เพราะเมื่อกี้เผลอฟาดซะเต็มแรง

            "กูไม่กล้าเจ็บหรอกเดี๋ยวองครักษ์ของมึงเขาจะรุมกระทืบกู" ปอว่าประชด

             "คิกๆปออ่ะ" เลิฟหลุดขำเพราะนานๆจะเห็นปอประชดสักที คนตัวเล็กยกมือขึ้นกอดปอแล้วเอาหัวถูไปมาอ้อนๆ จนปอต้องหลุดยิ้มออกมาน้อยๆ

             "กูเกลียดแม่ง" อาร์ตว่าเหวี่ยงๆ ทำไมเขาต้องเจอเหตุการณ์หวานๆแบบนี้ทุกทีวะ เจ็บปวดดดด

             "พวกมึงอยู่ด้วยกันมากี่เดือนละวะ" กลอนมองเลิฟที่กอดปออยู่ยิ้มๆ คือแม่งโคตรน่ารัก (หมายถึงน้องเลิฟนะครับ)

             "ถามไมวะ" เป็นอาร์ตที่หันไปถามกลอนด้วยความสงสัย คือมึงจะถามมันไปทำไม มึงอยากจะย้ำว่าตัวเองอกหักมากี่วันแล้วหรอ

             "เสือก!! มึงตอบ" กลอนด่าอาร์ตแล้วหันมาหาปอ ที่ถามไม่ใช่อะไรหรอกแค่อยากรู้ว่ามันเอากันนานแค่ไหนแล้ว

             พวกมันคงไม่รู้ตัวว่าทั้งคณะคุยเรื่องมันสองคนสนุกปาก ก็กัดกันแทบตายเสือกมาได้กันซะงั้น แล้วอีกคนก็หน้าตาดีส่วนอีกคนนี่โคตรเฉิ่ม พวกที่แม่งขายขนมจีบน้องเลิฟเลยจ้องจะแย่งจากไอ้ปอเป็นแถบๆ

             พวกมันคงคิดว่าด้วยสภาพไอ้ปอตอนนี้ (อย่าให้บรรยายหน้ามือกับหลังตีนเวลาอยู่ข้างนอกมหา'ลัยจริงๆ) คงจะแย่งได้ง่ายๆไม่เหนื่อยมากละมั้ง พวกจีบมันก็เลยยังจีบอยู่แบบนั้น ส่วนไอ้ห่าปอก็เฉยสนิทแต่ลองมีใครล้ำเส้นกูว่าได้เลือดแน่ๆครับ

             "จะสามเดือนละครับ" เป็นเลิฟที่ตอบคำถามยิ้มๆ แต่ยังไม่ทันจะได้คุยอะไรกันต่อ พวกนาวก็เดินเข้ามาหาพอดี เลิฟเลยต้องลุกออกไปแต่ก็เซน้อยๆเพราะไม่ค่อยมีแรง

             "ดูมันด้วยนะ" ปอบอกกับนาวแล้วลูบหัวเลิฟเบาๆ วันนี้เขากับไอ้เลิฟมีเรียนคนละตัวกันครับเลยต้องฝากให้น้องนาวดูแลมันแทน

             "มึงเป็นอะไรวะพีทลุกลี้ลุกลน" นาวกันมาถามพีทด้วยความหงุดหงิด เพราะเอาแต่สะกิดเร่งยิกๆให้ไปสักที

             "เดี๋ยวเข้าเรียนสาย" พีทว่าแล้วก็พยายามจะลากแขนนาวกับเลิฟให้รีบไป

             "สายเหี้ยไรอีกตั้งครึ่งชั่วโมง แล้วนี่มึงเห็นไหมว่าไอ้เลิฟไม่สบายมึงจะลากมันทำไม" นาวว่าดุๆ

             "กูขอโทษ" พีทว่าเสียงเบาก่อนจะส่งยิ้มให้ปอที่มองมาแหยๆ คนห่าอะไรวะโคตรน่ากลัว

             "ไปนะ" เลิฟหันมาบอกปอแล้วหันหลังเดินตามเพื่อนไป เอยเองก็เลยไปกับพวกนาวด้วยเพราะยังไม่ถึงเวลาเรียน ส่วนปอก็พยักหน้ารับรู้แล้วกลับมานั่งที่เดิม

             "เออ!! กูนึกขึ้นได้ว่ามีธุระ ไปก่อนนะ" จู่ๆอาร์ตก็พูดขึ้นมาแล้วรีบวิ่งออกไปทิ้งให้ที่เหลือมองหน้ากันงงๆ

             "มันไปไหนวะ" กลอนหันมาถามอ้น ซึ่งอ้นก็ส่ายหัวตอบเพราะไม่รู้ ก่อนจะเลิกสนใจอาร์ตแล้วหันมาหาปอแทน

             "ว่าแต่มึงเป็นแฟนกันแล้วหรอวะ" อ้นถามปอเพราะทุกคนรู้ว่าปอมีอะไรกับเลิฟ แต่ไม่รู้ว่าสองคนนี้มันสถานะไหนกันแน่

             "เปล่า" ปอว่าเสียงเรียบหน้าตาย

            "เฮ้ย!! แต่มึงอยู่กับน้องมันมาจะสามเดือนละนะ" อ้นแหกปากขึ้นด้วยความตกใจ เอาเขาไปกกที่คอนโดตั้งนานเสือกบอกไม่ใช่แฟนกัน

             "แล้วไง" ปอว่าอย่างไม่ใส่ใจ

             "แล้วไม่รู้สึกอะไรบ้างหรอวะ" ฝุ่นพูดขึ้นมาบ้าง

             "ต้องรู้สึกอะไร" ปอถามกลับด้วยท่าทีไม่เปลี่ยนไป แต่ฝุ่นกระตุกยิ้มมุมปากนิดๆคนอื่นอาจจะเชื่อไอ้หน้านิ่งๆนี้ แต่คนที่คบกันมานานอย่างพวกเขารู้ว่ามันไม่ใช่ปกติที่เป็น

              "มึงเปลี่ยนไปนะ" ต้าพูดขึ้นมาบ้าง

              "..........." ปอนิ่งเงียบรอฟังว่าเพื่อจะพูดอะไรต่อ

            "มึงอาจจะไม่รู้ตัวแต่พวกกูดูออก มึงเปลี่ยนไปตั้งแต่อยู่กับน้องมัน"

            "กูก็เหมือนเดิม" ปอทำหน้านิ่งใส่

            "ถ้ามึงว่างั้นพวกกูจะเชื่อ แต่ไอ้หน้าตายๆของมึงมันหลอกพวกกูไม่ได้แบบทุกทีแล้วว่ะ" ต้ายิ้มให้อย่างรู้ทัน

              "สัส" ปอว่าเสียงเข้มแล้วก็ทำหน้าหงุดหงิด จนทุกคนบนโต๊ะหัวเราะกันสนุกสนาน

             "ปากแข็งเข้าไปเหอะ ระวังคนรอมันจะรอไม่ไหว" กลอนทิ้งระเบิดใส่รุ่นน้องอีกลูก ส่วนปอก็ส่ายหัวเบาๆเพราะรู้ตัวว่ากำลังโดนกวนประสาทเข้าให้

             "มันไปไหนไม่ได้หรอก" ปอบอกเสียงเรียบแล้วก้มลงไปกดโทรศัพท์ เพราะข้อความเข้า

            // ปวดหัวอ่ะ (T_T) //    - เลิฟ

             // อ่านแล้วอย่าเงียบดิ //     - เลิฟ

            // ปออ่าาาาาาาาา //     - เลิฟ

             ปอมองข้อความที่เลิฟส่งมายิ้มๆแล้วกดออกจากโปรแกรมแชท ก่อนจะเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าโดยที่ไม่ตอบอะไรกลับไป ไม่มีอะไรครับแค่อยากเห็นมันทำหน้างอๆ

              "ไอ้สัสกูหมั่นไส้" อ้นพูดเหวี่ยงๆใส่ปอ

             "อิจฉาก็หาดิวะ" ปอบอกรุ่นพี่แล้วก็ลุกขึ้นเพราะได้เวลาเรียน

             "เออ!! อย่าให้กูมีนะมึง" อ้นร้องโวยวายตามหลัง

             "พี่อยากมีกับเขาบ้างป่ะ" กิงถามอ้นด้วยความทะเล้น
 
             "ทำไม...จะหาให้กู" อ้นถามกลับด้วยความสนใจ กิงเองก็พยักหน้าให้

             "พี่กลอนไงพี่ เพื่อนกันมันดีนะเว้ย" กิงว่าด้วสีหน้าและน้ำเสียงจริงจัง

              ผวัะ!!!!!

             "ไอ้เหี้ย!!!" ทั้งกลอนและอ้นต่างประเคนฝ่ามือลงบนหัวกิงเต็มแรง แถมยังประสานเสียงให้พรดังลั่น แม่งแนะนำมาได้ให้เอากันเองเนี่ยนะ ขนลุกตายห่า!!! ฟ้าได้ผ่ากันพอดี

...
...
 
            Tru...Tru...Tru...

            เสียงโทรศัพท์ของปอดังขึ้นในบ่ายวันนึง เลิฟชะโงกหน้าไปมองโทรศัพท์บนโต๊ะเพื่อดูว่าใครโทรมา ไม่ได้อยากละลาบละล้วงแต่เป็นเพราะปออยู่ในห้องน้ำ เขาเลยดูจะได้บอกปอถูก

            - ลิซ่า -

           เลิฟมองชื่อที่โชว์บนจอด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก ถึงปอจะบอกว่าเป็นแค่เพื่อนกันแล้ว แต่เขาก็รู้สึกไม่ดีอยู่ดีนั่นแหละ

            "ใครโทรมา" ปอที่พึ่งออกมาจากห้องน้ำถามเลิฟ 

             "คนชื่อลิซ่า" เลิฟว่าเสียงเบา ปอยกคิ้วขึ้นนิดแล้วแววตาเป็นประกาย ก่อนจะคว้าโทรศัพท์แล้วกดโทรออก จากนั้นก็เดินเลี่ยงไปคุยที่นอกระเบียง

             เลิฟมองปอที่ยืนคุยโทรศัพท์สีหน้ามีความสุขด้วยความปวดใจนิดๆ พยายามไม่คิดอะไรมากแล้วหันหน้าหนี เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเห็นแล้วคิดอะไร

            "รออยู่นี้เดี๋ยวกูมา" ปอที่วางโทรศัพท์แล้วเดินกลับมาบอกเลิฟเสียงเรียบ ก่อนจะคว้าเอากุญแจรถแล้วเดินออกจากห้องไป โดยที่ไม่พูดอะไรมากไปกว่านั้น ทิ้งให้เลิฟนั่งมองตามหลังด้วยความน้อยใจ



2 Be Con...

ออฟไลน์ matchty

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
    • MATCHTY-แมตตี้
กับดักที่
- 27 -
         


   เลิฟไม่รู้ว่าตัวเองนั่งรอปออยู่ที่โซฟามานานแค่ไหนแล้ว พอมองออกไปนอกระเบียงก็เห็นว่าฟ้ากำลังมืดลง ปอออกไปตั้งแต่ยังไม่เที่ยงจนตอนนี้ก็ยังไม่กลับและไม่รู้จะกลับมาไหม แต่เพราะอีกคนบอกให้รอเขาเลยยังรอและไม่รู้ต้องรอจนถึงเมื่อไหร่

             เลิฟถอนหายใจออกมาหนักๆ พาตัวเองเดินออกมานั่งที่เก้าอี้นอกระเบียงมองออกไปที่ท้องฟ้ากว้าง มองแสงสุดท้ายของวันที่กำลังจะลับขอบฟ้า ก่อนที่น้ำตาจะไหลลงมาช้าๆ หลังจากที่พยายามห้ามไม่ให้ไหลมาทั้งวัน

             เขาร้องไห้ทุกครั้งเวลาที่ปอไปหาคนอื่น อยากโวยวายอยากหึงหวงแต่ก็ทำไม่ได้เพราะรู้ว่าไม่มีสิทธิ์ อยากระบายให้คนอื่นฟังก็ไม่กล้าเพราะที่เป็นอยู่ทุกวันนี้เขาเลือกเองทั้งนั้น รู้ว่าต้องเจ็บรู้ว่าต้องเสียใจแต่ก็ยังยอมอยู่ที่เดิมเหมือนคนโง่

             "ทำไมต้องรักด้วยวะ" เลิฟพึมพำกับตัวเองเสียงแผ่ว ซุกใบหน้าลงกับหัวเข่ามือสองข้างกำแน่นจนรู้สึกเจ็บ

             หลายครั้งที่ในหัวคิดอยากจะหยุดอยากจะเดินหนีออกมาแต่เป็นตัวเองที่ไม่กล้าพอ เขาเกลียดที่ตัวเองเป็นแบบนี้เกลียดที่ตัวเองอ่อนแอและเกลียดที่รักมากเกินไป เวลาจะรักก็รักเอาง่ายๆเวลาอยากจะเลิกรักทำไมมันไม่ง่ายเหมือนกัน

             ใบหน้าคมเข้มแสดงออกถึงความหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด อยากจะบีบคอยัยจอมจุ้นลิซ่ากับคอไอ้แฟงสุดๆ เป็นเพราะพวกมันสองคนเขาถึงเสียเวลานานขนาดนี้ กว่าจะได้กลับกว่าจะมาถึงห้องก็ปาเข้าไปจะ 2ทุ่มแล้ว

             ปอเสียบคีย์การ์ดเปิดประตูเข้าไปในห้องก็เจอแต่ความมืด เขาวางของในมือลงบนพื้นใกล้ๆก่อนจะปิดประตู มืออีกข้างก็ควานหาสวิตซ์ไฟเพื่อกดเปิด ปอกวาดสายตามองไปทั่วห้องก็ไม่เห็นจะมีวี่แววคนที่เขาบอกให้รอ

             "ไปไหนของมันวะ" ปอพึมพำกับตัวเองก่อนจะตัดสินใจเดินหาตามที่ต่างๆในห้อง ตั้งแต่ห้องครัว ห้องนอน ยันห้องน้ำก็ไม่เห็นเงาคนตัวเล็ก

             คิ้วของปอขมวดเข้าหากันเป็นปม อารมณ์ที่หงุดหงิดเพราะโดนกวนประสาทมา ยิ่งหงุดหงิดเข้าไปอีกเพราะหาใครบางคนไม่เจอ กำลังจะกดโทรศัพท์โทรออกสายตาก็เหลือบไปเห็นประตูระเบียงห้องนั่งเล่นเปิดแง้มไว้ เขาเลยตัดสินใจเดินไปเปิดประตู แล้วก็เห็นคนที่เขาตามหานั่งเหม่อลอยอยู่

             "มานั่งทำอะไรตรงนี้" ปอทักขึ้นเบาๆ เลิฟเองก็สะดุ้งน้อยๆเพราะมัวแต่เหม่อ หันหน้ามามองปอเหรอหรา

             "มาตั้งแต่เมื่อไหร่อ่ะ" เลิฟถามด้วยความงุนงงเพราะวันนี้คิดว่าปอจะไม่กลับแล้ว

             "สักพักเข้าห้องได้ล่ะอากาศเย็น" ปอว่าเสียงเรียบจริงๆอากาศแม่งไม่ได้เย็นอะไรหรอกครับโคตรจะร้อนเหอะ แต่เพราะไอ้ตัวเล็กมันท่าทางแปลกๆ แล้วระเบียงแม่งก็มืดคือมองหน้ามันไม่ชัดครับ

             "อือ" เลิฟขานรับเบาๆก่อนจะลุกขึ้นเดินตามปอเข้าด้านใน

             "มึงเป็นอะไรแล้วร้องไห้ทำไม" ปอถามเสียงเบาแล้วจ้องหน้าคนตัวเล็กนิ่งๆ มันไม่ได้มีน้ำตาให้เห็นแต่ตามันบวมขนาดนี้ บอกว่าไม่ได้ร้องไห้เขาก็ไม่เชื่อวะครับ

             "เปล่า" เลิฟตอบเสียงแผ่วก้มหน้าไม่ยอมสบตา

             "ถ้ามึงไม่บอกต่อไปนี้กูจะไม่ถามอะไรมึงอีกแล้วนะ" ปอว่าเสียงเรียบแต่แฝงไปด้วยความเด็ดขาด

             "นึกว่าปอจะไม่กลับ"

             "มึงเลยประชดออกไปนั่งร้องไห้ตากยุงข้างนอก" ปอว่ากวนๆ

             "ก็จะไปรู้ไหมเล่าว่าจะกลับมาน่ะ!!" เลิฟว่าเหวี่ยงๆเงยหน้าขึ้นมองปอตาเขียว

             "กูก็บอกอยู่ว่าจะกลับ"

             "ก็เห็นไปเป็นชาติจะรู้ไหมเล่า" เลิฟว่างอนๆใบหน้างอง้ำ

             "เวลากูไม่อยู่มึงก็ร้องไห้ยังงี้ตลอดหรอวะ" ปอว่าเสียงเบายกมือขึ้นลูบแก้มเนียนเล่น

             "........." เลิฟไม่พูดอะไรออกมาแต่แววตาไหววูบ

             "อย่าร้องไห้เพราะคนอย่างกูนักเลย" ปอสบตาเลิฟนิ่ง

             "กูโคตรไม่ชอบน้ำตามึง"

             "ถ้าไม่รักก็ไม่ได้อยากจะร้องให้เสียน้ำตาหรอก" เลิฟพูดประชดอย่างหมั่นไส้ พูดมาได้ว่าไม่อยากเห็นน้ำตาเขาก็ตัวเองไม่ใช่รึไงที่ทำให้ร้องอยู่เนี่ย

             "งั้นมึงร้องไปทั้งชีวิตเหอะ" ปอว่ายิ้มๆแล้วก้มลงหอมแก้มด้วยความหมันเขี้ยว

             เมี๊ยว...เมี๊ยว

            "หือ...เสียงไรอ่ะปอ" เลิฟดันหน้าปอออกจากแก้มตัวเองแล้วถามด้วยความสงสัย หูก็เงี่ยฟังเสียงเมื่อกี้

             เมี๊ยวววววว

             "เสียงแมวนี่ปอ มาจากไหนอ่ะ" เลิฟทำตาโตถามปอ

             "มึงหูฝาด" ปอว่าแล้วจับหน้าเลิฟที่มองซ้ายมองขวาให้หันมามองตัวเอง

             เมี๊ยววววววว

             "นั่นไง!! เสียงแมวจริงๆนะปอ" เลิฟทำตาโตเขย่าแขนปอด้วยความตื่นเต้น

             "ไม่เห็นได้ยิน" ปอเบือนหน้าหนีไปอีกทาง พยายามกลั้นยิ้มกับท่าทางน่ารักๆของเลิฟ

             เลิฟมองท่าทางของปอแล้วขมวดคิ้วเป็นปม ก่อนจะผละออกจากปอแล้วเดินตามหาเสียงของแมว จนเดินมาเจอตะกร้าใบขนาดกลางวางอยู่ตรงหน้าประตูห้อง เลิฟมองมันด้วยความสงสัยก่อนจะนั่งยองๆเปิดฝาตะกร้าดูข้างใน

             เมี๊ยววววววววว

             เลิฟตาโตมองลูกแมวตัวกลมสีขาวในตะกร้าด้วยความงุนงง ก่อนจะระบายยิ้มกว้างด้วยความดีใจ อุ้มแมวน้อยขึ้นมาในอ้อมแขนแล้วเดินมาหยุดยืนตรงหน้าปอ

             "แมวใครอ่ะ" เลิฟถามตาเป็นประกายพยายามกลั้นยิ้มเต็มที่

             "กับข้าวพรุ่งนี้เช้า" ปอว่าหน้าตายแต่ทำเอาเลิฟตาโต

             "พูดจริงพูดเล่นอ่ะ" เลิฟอุ้มแมวน้อยเบี่ยงหลบให้พ้นสายตาปอ

             "ปัญญาอ่อนมานั่งนี่" ปอว่าขำๆแล้วเอามือตบลงที่ตักตัวเองแปะๆ

             "ซื้อให้เหรอ" เลิฟที่เดินมานั่งลงบนตักปอเงยหน้าถามยิ้มๆ

             "แพงนะเนี่ย" เลิฟว่าแล้วเอามือเกาคางแมวน้อยเล่น

             "ใครซื้อให้มึงกูจะมาเก็บตังกับมึงเนี่ย แมวห่าอะไรโคตรแพง" ปอว่าแล้วแบมือมาตรงหน้าเลิฟแบบกวนๆ ไอ้แมวนี่แม่งแพงจริงๆนะครับตอนจ่ายตังถึงกับตาตั้งไม่ใช่ว่าไม่มีปัญญาจ่าย แต่แมวห่าอะไรวะตัวเกือบแสน!! มึงแดกเพชรเป็นอาหารว่างเหรอวะ

             "งั้นเอาคืนไปเลย" เลิฟยู่หน้าทำปากยื่นใส่ปอ

             "งอแงนะมึง" ปอส่ายหัวนิดๆแล้วเอาคางวางบนหัวเลิฟ ส่วนมือก็กอดเอวบางหลวมๆ

             "แล้วไปซื้อที่ไหนอย่าบอกนะว่า" เลิฟหันมาถามแล้วก็ทำตาโตเพราะเริ่มจะเข้าใจอะไรขึ้นมา

             "เออ!! กูไปเอาไอ้แมวนี่ให้มึงนั่นแหละ" ปอบอกเสียงเรียบ เขาโทรหาลิซ่าให้ช่วยหาแมวให้หน่อยเพราะตัวเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพวกนี้ ยัยลิซ่าเลยจัดการหาให้เสร็จสรรพแถมยังอิมพอร์ตจากนอกอีก เห็นบอกสายพันธ์แท้ลักษณะสวย มีใบรับรองสายพันธุ์เพราะสั่งจากฟาร์มมีชื่อ คือกูไม่สนใจหรอกครับว่ามึงจะมาจากไหน

             แล้วตอนสายวันนี้ยัยลิซ่าก็โทรมาบอกเรื่องแมว เขาเลยรีบร้อนออกมาเอาไอ้แมวนี่ แต่ที่กลับซะมืดเพราะยัยลิซ่าปากสว่างบอกไอ้แฟงเรื่องแมว หลังจากนั้นเลยยาวเพราะไอ้แฟงมันหาเรื่องกวนตีน ลากเขาไปนั่นมานี่จนดึกดื่นเป็นค่าปิดปากเรื่องซื้อแมวให้ไอ้เลิฟ เสียเงินซื้อแมวยังต้องเสียเงินปิดปากไอ้แฟงอีก ซวยฉิบ!!

             "ต่อไปนี้กูจะเลิกเซอร์ไพรซ์อะไรมึงละ กลับมาถึงแม่งเป็นกูเซอร์ไพรซ์เอง" ปอว่าเซ็งๆเพราะกะจะให้มันตกใจเล่นตอนเห็นแมว มันดันร้องไห้เพราะคิดว่าเขาไปนอนกับลิซ่าซะงั้น

             "ก็ใครจะไปรู้เล่า!!" เลิฟว่าเสียงเบาหน้าแดงขึ้นมาเพราะความเขิน ที่ตัวเองเข้าใจผิดจังเบอเร้อ

             "แล้วซื้อให้ทำไมอ่ะ" เลิฟถามด้วยความสงสัย จะว่าเป็นของขวัญวันเกิดก็ไม่น่าใช่เพราะมันยังไม่ถึง

             "แทนแมวมึงที่ตายไง" ปอว่ายิ้มๆ แต่เลิฟถึงกับน้ำตาคลอเขาไม่คิดว่าปอจะจำในสิ่งที่เขาเล่าให้ฟังได้ ตอนนี้โคตรจะมีความสุขเลย

             "ห้ามร้องไม่งั้นก็จะเอาแมวมึงไปโยนทิ้ง" ปอว่าดุๆเพราะเห็นคนบนตักหน้าเบ้เตรียมจะร้อง

             "ไม่ร้องก็ได้" เลิฟว่างอนๆ

             "ถ่ายรูปอัพไอจีดีกว่ายืมโทรศัพท์หน่อย" เลิฟว่าแล้วคว้าเอาโทรศัพท์ปอมาถ่ายรูปก่อนจะอัพลงทันที

             "ไอจีกู" ปอว่าขึ้นมาเพราะคนตัวเล็กอัพรูปลงผ่านไอจีของเขา

             "ปอยิ้มหน่อยดิ ทำหน้าดุว่ะ" เลิฟพูดไปเรื่องอื่นไม่ได้สนใจที่ปอพูดสักนิด จนปอส่ายหัวหน่ายๆอยากทำอะไรให้ทำครับเอาที่มันพอใจ

             "ปอ...." เลิฟเรียกเสียงยานคาง เพราะถือกล้องจะถ่ายรูปสองคนกับหนึ่งตัวนานแล้ว แต่ไม่ได้รับความร่วมมือจากอีกคนเลยสักนิด

             ปอมองหน้างอๆนั้นแล้วก็ขำออกมา ก่อนจะก้มลงไปหอมแก้มนุ่มของอีกคนแรงๆ มือข้างนึงก็เอื้อมไปกดถ่ายรูปด้วยความเร็ว จากนั้นก็แย่งโทรศัพท์ตัวเองคืนมา

             "พอได้ล่ะเลิกเล่น" ปอว่า

             "อือ" เลิฟเองก็ขานรับเบาๆนั่งลูบหัวเกาคางแมวแก้เขิน เมื่อกี้เขาลองวุ่นวายกับเรื่องส่วนตัวของปอดู ลองอัพรูปผ่านไอจีเตรียมใจไว้ว่าต้องโดนปอด่าแน่ๆแต่ปอไม่ว่าอะไรเขาสักคำ ตอนนี้เขาเลยนั่งยิ้มจนแก้มจะแตกแล้ว

             ฟอดดดดดดดดด

             "ขอบคุณนะพี่ปอ" เลิฟหอมแก้มปอเบาๆก่อนจะนั่งก้มหน้าด้วยความเขิน ไม่บ่อยหรอกนะที่เขาจะเป็นฝ่ายหอมปอก่อน ไม่เคยเรียกอีกฝ่ายว่าพี่ด้วยเขินจนตัวจะไหม้ล่ะ

              "มึงเรียกกูว่าอะไรนะ" ปอถามกลับเพราะไม่แน่ใจว่าตัวเองได้ยินผิดไหม

              "พี่ปอ" เลิฟว่าเสียงแผ่วๆหน้าที่แดงยิ่งแดงเข้าไปอีก

              "หึ หึ มึงไม่ต้องนอนเลยน้องเลิฟยั่วกูดีนัก" ปอว่าเสียงหื่นแล้วอุ้มเลิฟลุกขึ้นยืนเดินไปทางห้องนอน เลิฟที่ถูกอุ้มกระทันหันก็ตกใจจนเผลอปล่อยลูกแมวในมือทิ้ง

              "ปอ...แมว"

              "ช่างมัน" ปอว่าอย่างไม่สนใจอุ้มเลิฟวางลงบนเตียง จากนั้นก็ประกบจูบเร้าร้อนทันที

              ปอดูดเม้มริมฝีปากอิ่มแรงตามสันดานดิบ ก่อนจะส่งลิ้นร้อนเข้าไปเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นเล็กพอจูบจนหนำใจปอก็ผละออกมา มองคนตัวเล็กที่นอนหอบหายใจระทวยริมฝีปากเล็กเผยอออกน้อยๆด้วยแววตาหื่นกระหาย

              เขาจัดการกระชากเสื้อยืดตัวบางออกจากตัวเลิฟแรงๆ จัดการถอดกางเกงขาสั้นออกให้จนเลิฟตัวเปล่าล่อนจ้อน จากนั้นก็จัดการกับเสื้อผ้าตัวเองด้วยความเร็ว ก่อนจะโน้มตัวลงไปซุกไซร้ที่ซอกคอขาว ดูดเม้มแรงๆจนเกิดรอยแล้วจูบไล่ลงมาเรื่อยๆจนเจอยอดอกเล็ก อ้าปากออกกว้างใช้ลิ้นตวัดดูดกลืนจุกนมนั้นเล่นแล้วกัดลงไปแรงๆ

             "อ๊ะ" เลิฟหลุดครางออกมานิดๆเพราะรู้สึกเจ็ปปนเสียวจากการกระทำของปอ

             ปอเลื่อนไปขบกัดใบหูเลิฟเบาๆพร้อมกับแทรกนิ้วเข้าไปทางด้านหลังของเลิฟ ขยับเข้าออกช้าๆแล้วเพิ่มจำนวนนิ้วเข้าไปจากสองเป็นสามตามลำดับ กระแทกเข้าออกถี่ๆจนเลิฟดิ้นพล่าน ริมฝีปากก็ประกบจูบแลกลิ้นจนได้ยินเสียงดัง

             พอเริ่มรู้สึกว่าเข้าที่เข้าทางปอก็เอื้อมมือไปหยิบเจลที่หัวเตียง ถอนนิ้วทั้งสามออกมาแล้วจัดการบีบเจลลงที่ช่องทางรักของเลิฟ จากนั้นก็ชโลมเจลลงบนแก่นกายตัวเองจนมันเยิ้ม ก่อนจะค่อยๆกดตัวเองเข้าไปข้างในช้าๆ

             "อื้อ...เจ็บ" เลิฟครางออกมาเบาๆเพราะรู้สึกเจ็บ มือบางจิกลงบนไหล่ปอเต็มแรง ถึงจะโดนมากี่ครั้งแต่มันก็รู้สึกเจ็บในตอนแรกทุกที

             "อื้อ" เลิฟครางออกมาต่อเนื่องเพราะปอยังคงกดตัวเองเข้ามาเรื่อยๆ ช่องทางรักของเลิฟตอดรัดแก่นกายของปอถี่ยิบ จนตัวเขาแทบจะทนไม่ไหวอยากกระแทกเข้าไปให้รู้แล้วรู้รอด

             "ผ่อนคลายหน่อย อย่าเกร็ง" ปอบอกเสียงพร่า จูบซับไปตามลาดไหล่ ลำคอ ริมฝีปากเพื่อให้อีกคนผ่อนคลาย และเหมือนจะได้ผลเพราะปอสามารถพาตัวเองขยับเข้าไปได้ง่ายกว่าเดิม จนในที่สุดก็เข้าไปได้จนหมด

             "ตอดกูดีฉิบหาย" ปอว่าเสียงพร่า เพราะตอนนี้เขารู้สึกได้ถึงความคับแน่นและแรงตอดรัดทุกทิศทางจากข้างใน ปอดึงตัวเองออกมาจนเกือบสุดความยาวจากนั้นก็กระแทกกลับเข้าไปเต็มแรง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นกระแทก กระทั้นเข้าไปด้วยความเร็ว ซอยถี่ยิบจนเลิฟตัวสั่นคลอนเสียงเตียงขยับโยกดังลั่นเน้นหนักให้รู้ทุกสัมผัส

             "อ๊ะ...อื้อ...ปอ มะ..มันจุก...อ๊าาาา" เลิฟบอกปอเสียงกระท่อน กระแท่น มือบางพยายามดันหน้าท้องปอไว้เพื่อให้ผ่อนแรงกระแทก แต่ก็ต้องร้องออกมาเสียงหลงเพราะนอกจากปอจะไม่ผ่อนแรงแล้ว เจ้าตัวยังใช้มือช้อนเอาขาทั้งสองข้างของเลิฟขึ้น แล้วกระแทกกระทั้นเข้ามาด้วยความแรงมากกว่าเดิม

             "อ๊ะๆๆ" เลิฟครางออกมาไม่หยุดเพราะทั้งเสียวทั้งจุกปนๆกันไป

             "อ๊าาาาาาา" เลิฟครางออกมาอีกครั้งก่อนจะปลดปล่อยออกมา จากนั้นไม่นานปอก็ซอยถี่ๆเน้นหนักสองสามครั้งแล้วปลดปล่อยเข้ามาในตัวเลิฟ

             "แฮ่กๆๆ" เลิฟหอบหายใจเหนื่อยๆเหมือนไปวิ่งมาสิบโล 

             ปอก้มลงจูบปากแดงๆนั่นด้วยความหมันเขี้ยว ก่อนจะจับตัวเลิฟให้พลิกคว่ำลงกับที่นอน โดยที่ยังไม่ได้ถอนตัวเองออก

             "อ๊าาาาาา" เลิฟถึงกับครางออกมาด้วยความเสียวจากการเสียดสี

             "อย่าพึ่งเหนื่อยกูยังไม่อิ่ม" ปอกระซิบข้างหูหื่นๆ ก่อนที่เลิฟจะรู้สึกถึงแก่นกายที่ขยายขึ้นในตัวเขาอีกครั้ง จากนั้นก็รับรู้ถึงแรงดูดเม้มที่แผ่นหลัง พร้อมกับแรงขยับเข้าออกช้าๆ

             "อ๊ะ...อื้อ"

             หลังจากนั้นเลิฟก็ได้แต่ส่งเสียงครางออกมาไม่หยุด เพราะปอเป็นคนพูดคำไหนคำนั้นถ้าบอกว่าไม่ได้นอนทั้งคืน นั่นหมายความว่าถ้าฟ้าไม่สว่างเขาก็ไม่ได้พัก



2 Be Con...
++++++++++
ต้องขอโทษที่อัพช้านะคะ
พอดีว่าติดพันแพ็คหนังสือส่งอยู่
เลยไม่มีเวลามาเปิดคอมอัพให้


ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ kokoro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
เราว่าพี่ปอเอาของมาล่อหลอกน้องเพื่อเอารางวัลใหญ่ละมั้ง
น้องเสียเปรียบตลอดอ่ะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ก็ไม่ใช่แฟนไง นี่มันเมีย

ออฟไลน์ matchty

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
    • MATCHTY-แมตตี้
กับดักที่
- 28 -
         


   อ๊อดดดดด...อ๊อดดดดดดดด

             เสียงกดกริ๊งหน้าประตูห้องดังสนั่นทะลุความเงียบ ทำเอาปอที่กำลังหลับเพลินๆต้องงัวเงียลุกขึ้นมา มือหนาขยี้หัวตัวเองจนยุ่งเหยิงด้วยความหงุดหงิด มองไปที่นาฬิกาบนฝาผนังพึ่งจะ 8 โมงเช้า

             "ใครแม่งมาแต่เช้าวะ" ปอว่าอย่างหงุดหงิดลุกลงจากเตียงมาใส่เสื้อผ้าลวกๆ มองกลับไปก็เห็นคนอีกคนนอนหลับตาพริ้มไม่รู้สึกตัวอยู่ ก็ไม่แปลกเมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็ปาเข้าไปจะตี 4 แล้ว มึงลุกขึ้นมาไดัมึงก็เก่งละครับ

             ปอเดินออกจากห้องนอนเพื่อจะเปิดประตูด้านนอกให้คนที่มาหา แม่งเคยคิดจะมีความเกรงใจกูบ้างไหม แล้วเวลามาชอบมากันวันที่กูเอาเมียทั้งคืนทุกที ไอ้วันที่เอากันเบาซอฟท์ๆไม่มากันหรอกชอบมาขัดเวลาพักผ่อน อุตส่าห์ว่าวันนี้มีเรียนบ่ายยังจะมีมารผจญ

             ปัง!!!!!!!

             ปอเปิดประตูห้องออกแรงๆแบบให้รู้เลยว่าไม่พอใจ แต่พอเห็นหน้าคนที่ยืนอยู่เท่านั้นแหละเขาแทบจะปิดประตูแล้วเปิดออกมาใหม่ดีๆ

             "คุณนาย" ปอครางออกมาเบาๆ พร้อมกับส่งยิ้มเจื่อนๆไปให้

             "ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะคะลูกแม่มากวนเรารึเปล่าเอ่ย" หญิงวัยกลางคนที่ปอเรียกว่าคุณนายเอ่ยถาม พร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนอันเป็นเอกลักษณ์ส่งมาให้

             "เปล่าครับแม่ เข้ามาข้างในก่อนสิครับ" ปอปรับสีหน้าให้เรียบสนิทเหมือนเดิม ส่งยิ้มอ่อนๆให้คุณปิ่นแก้วแล้วหลบทางให้เดินเข้ามาในห้อง ก่อนจะหันไปถลึงตาดุๆใส่ปรางที่ยืนอยู่ข้างหลังอย่างคาดโทษ

             "เข้ามาสิลูกยืนทำอะไรอยู่ตรงนั้น" คุณปิ่นแก้วหันกลับมาเรียกลูกทั้งสองคนก่อนจะทรุดตัวลงนั่งที่โซฟา ปอปิดประตูห้องแล้วเดินมาหาคุณปิ่นแก้ว ก้มหน้าลงไปหอมแก้มคนสวยของเขาแรงๆ

             ฟอดดดดดดดดดด

             "คุณนายมาหาแต่เช้ามีอะไรรึเปล่า" ปอถามยิ้มๆมองหน้าที่ยังคงความสวยงามเหมือนยังสาวด้วยสายตาอ่อนโยน แบบที่เจ้าตัวไม่ค่อยให้ใครได้เห็นนอกจากคนพิเศษจริงๆ

            "หืม...แม่มาหาลูกชายตัวเองต้องมีธุระหรอถึงจะเจอได้" คุณปิ่นแก้วว่าขำๆ ยกมือข้างนึงลูบหัวลูกชายคนสุดท้องเล่น

             "คุณนายแม่มาหาปอเพราะเรื่องแมวน่ะ" ปรางบอกพี่ชายแล้วส่งยิ้มทะเล้นให้

             "แมว?" ปอทำหน้านิ่วคิ้วขมวดส่งให้ปราง

             "ก็แมวตัวเป็นแสนไง" ปรางยักคิ้วกวนๆส่งให้

             "ว่าไงปอ...จริงรึเปล่าลูก" คุณปิ่นแก้วหันมาถามลูกชาย เพราะเมื่อวานมีการแจ้งเตือนจากธนาคาร ว่าบัตรเครดิตของลูกชายคนเล็กมีการใช้เงินเกือบแสนในวันเดียว

             ซึ่งมันค่อนข้างผิดสังเกตุเพราะปอไม่เคยใช้เงินต่อวันเยอะขนาดนี้ จนเธอที่เป็นแม่อดห่วงไม่ได้ รีบร้อนมาหาเผื่อลูกชายจะมีปัญหาอะไร พอลองถามจากลูกอีกสองคน ทั้งคู่ต่างบอกเธอว่าปอเอาเงินไปซื้อแมว

             "ไอ้แฟง" ปอพูดเสียงลอดไรฟันก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ เดินเข้าไปในครัวแล้วหิ้วคอลูกแมวเจ้าปัญหาออกมา ก่อนนอนเมื่อคืนเขาเป็นคนเอามันมาขังไว้ในครัวเองแหละ

             คุณปิ่นแก้วมองลูกแมวในมือลูกชายตัวเองอย่างอึ้งๆ เพราะไม่คิดว่าลูกชายจะใช้เงินซื้อแมวจริงๆ คุณปิ่นแก้วหรี่ตามองปอนิดๆแล้วรับลูกแมวมาไว้ในมือ

             "ปอซื้อให้ใครครับ" คุณปิ่นแก้วถามตรงประเด็นไม่อ้อมค้อม เพราะรู้ว่าอย่างปอไม่มีทางซื้อแมวมาเลี้ยงเองแน่ๆ

             "เจ้าของมันนอนอยู่ในห้อง" ปอตอบอ้อมๆไม่บอกตรงๆว่าซื้อให้ใคร
 
             "คุณนายแม่อยากเจอไหม...เจ้าของแมวน่ารักไม่แพ้แมวเลยนะคะ" ปรางถามแม่ด้วยความกระตือรือร้นจนโดนปอหมั่นไส้เขกหัวไปทีนึง

             โป๊กกกกกกกกก

             "โอ๊ย!!! ปอเขกหัวน้องทำไมเนี่ย" ปรางโวยวายเสียงดังส่งสายตาเคืองๆให้พี่ชาย

             "ยุ่ง" ปอว่าปรางเบาๆแล้วทรุดตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามกับแม่

             "แม่ชักอยากเห็นหน้าแล้วสิ" คุณปิ่นแก้วลองเอ่ยเย้าลูกชายเล่นแล้วก็ได้ผล เพราะปอเปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อยก่อนจะกลับมาปกติเหมือนเดิม

             "มันพึ่งนอนไว้วันหลังได้ไหมครับ" ปอพยายามเลี่ยงเพราะเริ่มแน่ใจแล้วว่าแม่ไม่ได้มาหาเขาแค่เรื่องแมวแน่ๆ พวกแม่งไปเล่าอะไรให้แม่เขาฟังวะ ครั้งก่อนก็พ่อไปทีละ

             "หืม...แม่เจอไม่ได้หรอครับ" คุณปิ่นแก้วว่าด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ปกติเธอจะไม่ค่อยได้เห็นลูกชายคนเล็กออกอาการลนลานอะไรแบบนี้หรอกนะ
 
             "สายๆกว่านี้ผมเรียกมันให้ละกัน" ปอจำใจรับปากแม่เสียงเบา

             "โอเคครับงั้นแม่ไม่กวนเราแล้ว ไปนอนเถอะลูกเราเองก็นอนดึกเหมือนกันใช่ไหม" คุณปิ่นแก้วบอกด้วยเสียงอ่อนโยน

             "แล้วคุณนาย" ปอถามแม่ด้วยน้ำเสียงเกรงใจจะให้ทิ้งแม่ไปนอนกกเมียก็เกินไปวะครับ

             "แม่อยู่คนเดียวได้" คุณปิ่นแก้วบอกยิ้มๆแต่พอเห็นว่าปอไม่ยอมขยับ เธอออกปากไล่อีกครั้ง

             "ไปสิลูกไม่ต้องห่วงแม่ เดี๋ยวแม่ให้ยัยปรางอยู่เป็นเพื่อน"

             "อ่า...ครับ" ปอจำใจลุกขึ้นไปนอนตามคำสั่งแม่

             เขาเดินเข้าไปในห้องด้วยความด้วยความสงสัยว่าแม่มาหาทำไมกันแน่ แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออก ปอถอนหายใจหนักๆก่อนจะล้มตัวลงนอน แล้วดึงเอาคนตัวเล็กอีกคนมาไว้ในอ้อมแขน ขี้เกียจคิดว่ะครับแม่งปวดหัวตอนตื่นเดี๋ยวก็รู้เองแหละ เอาเป็นว่าตอนนี้ของีบเอาแรงตื่นไปเรียนก่อนละกัน

...
...
 
             เลิฟงัวเงียตื่นขึ้นมาเหลือบมองนาฬิกาเห็นว่าจะเที่ยงแล้ว เขาหันมามองคนตัวโตที่หลับสนิทข้างๆแล้วยิ้มออกมาน้อยๆ ก้มลงหอมแก้มสากเบาๆทีนึงเพราะกลัวอีกคนตื่น ก่อนจะค่อยๆขยับลงจากเตียง

             ทันทีที่เท้าสัมผัสพื้นเลิฟแทบจะยืนไม่อยู่ ขาสองข้างสั่นเล็กเล็กน้อยเพราะความอ่อนแรง เขายืนนิ่งๆอยู่กับที่สักพักก่อนจะค่อยๆเดินไปจัดการตัวเองในห้องน้ำ ตอนนี้สายมากแล้วเขาคงต้องรีบอาบน้ำแล้วออกมาเตรียมอาหารรองท้องก่อนไปเรียน
 
               อาบน้ำแต่งตัวจนเสร็จก็ไม่เห็นมีวี่แววว่าปอจะตื่น เลิฟขมวดคิ้วนิดๆคนที่ควรจะนอนไม่รู้สึกตัวแบบนี้ควรเป็นเขา
มากกว่านะ

             เลิฟส่ายหัวน้อยๆแล้วหันไปส่องกระจก เห็นรอยแดงที่กระจายอยู่รอบคอก็ต้องถอนหายใจเหนื่อยๆ เขาโดนแซวเรื่องนี้ทุกวันจากทั้งรุ่นพี่ รุ่นเพื่อน แซวจนไม่อยากจะอายละ (แต่ก็อายอยู่ดี) บอกไปเป็นล้านรอบว่าอย่าทำรอย พ่อคุณเลยกัดแทนซะขึ้นรอยฟัน เขาเลยเลิกพูดเรื่องนี้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา อายแค่ไหนก็ทนเอาละครับ

             เลิฟเดินออกมาที่ห้องครัวก็ต้องตกใจตาโตเพราะเจอคนแปลกหน้าอยู่ในห้อง ทางด้านอีกคนที่เห็นเลิฟก็ทำหน้าแปลกใจนิดๆ ก่อนจะส่งยิ้มอ่อนโยนเป็นมิตรให้

             "เอ่อ..คุณ..คือ" เลิฟถามเสียงตะกุกตะกักมองผู้หญิงวัยกลางคนที่สวยจัดด้วยความสงสัย หวังว่าคงไม่ใช่หนึ่งในบรรดากิ๊กของปอหรอกนะ ถ้าใช่เขาคงอึ้งจนไม่รู้จะพูดอะไรต่อ

             "แม่เป็นแม่ของปอจ๊ะ" คุณปิ่นแก้วว่ายิ้มๆส่วนมือก็สาละวนกับการทำอาหาร

             "แม่!!!" เลิฟถึงกับหลุดตะโกนเสียงดังหน้าตาเหลอหลาช็อคยิ่งกว่าบอกว่าเป็นกิ๊กปออีก แล้วแม่ปอมาทำไมล่ะ

             "จ๊ะ มีอะไรรึเปล่าเอ่ย" คุณปิ่นแก้วขำนิดๆกับท่าทางของเลิฟ

             "ปะ..เปล่าครับ" เลิฟว่าเสียงแผ่ว

              "แล้วเราชื่ออะไรจ๊ะเป็นอะไรกับปอ" คุณปิ่นแก้วชวนคุยเรื่อยๆ แต่ไม่ได้หันมามองเลิฟเพราะกำลังคนแกงในหม้อ

             "เอ่อ...คือ..." เลิฟถึงกับติดอ่างไม่รู้จะตอบแม่ของปอว่ายังไง จะบอกว่าแฟนก็ไม่ใช่จะตอบตรงๆว่าคู่นอนก็กลัวจะรับไม่ได้จนช็อค โอ๊ย!!!! เลิฟเครียดครับ

             "ว่าไงจ๊ะ" คุณปิ่นแก้วปิดเตาแก๊สแล้วหันมาถามเลิฟอีกรอบ เลิฟมองใบหน้าสวยที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนก็ได้แต่ส่งยิ้มแหยๆให้ ก่อนจะเอ่ยปากตอบเสียงแผ่ว

             "ชื่อเลิฟครับ เป็น..เอ่อ..รุ่นน้องพี่ปอ" เลิฟก้มหน้าหลบสายตา เขาเสียใจนิดๆที่ต้องโกหกผู้ใหญ่ แต่ก็คงดีกว่าพูดความจริงละมั้ง

             "รุ่นน้องเหรอจ๊ะ" คุณปิ่นแก้วแก้วถามยิ้มๆ

             "ครับ...คุณน้ามีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ" เลิฟรีบเปลี่ยนเรื่องเพราะทำตัวไม่ถูกกับสายตาที่มองมาของแม่ปอ

            "เรียกแม่ก็ได้จ๊ะ" คุณปิ่นแก้วบอกอย่างอ่อนโยน

             "น้องเลิฟมาช่วยแม่ยกอาหารออกไปที่โต๊ะแล้วกัน"

             "ครับคุณแม่" เลิฟพูดเสียงแผ่ว รู้สึกเต็มตื้นขึ้นมาในอกอย่างบอกไม่ถูก นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้พูดคำๆนี้ คำว่า 'แม่'

...
...
 
             เสียงหัวเราะคิกคักที่ดังแว่วมาจากด้านนอก ทำเอาปอที่กำลังรีบร้อนออกไปชะงักฝีเท้าลง เขาตื่นขึ้นมาได้สักพักแล้วไม่เห็นคนตัวเล็กข้างๆ เลยรีบลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัว กะว่ายังไงคงเห็นมันนั่งตัวลีบแน่ๆแต่ผิดคาดเพราะคนที่คิดว่าจะขวัญเสีย ดันนั่งหยอกแมวคุยหัวเราะคิกคักกับแม่และยัยปรางซะงั้น

             "อ้าวปอ...ตื่นนานรึยังลูกแม่กำลังว่าจะให้น้องเลิฟเข้าไปตามพอดี" คุณปิ่นแก้วเอ่ยทักลูกชายเป็นครั้งที่สองในเวลาไม่กี่ชั่วโมง

             "สักพักครับแล้วนี่ทำอะไรกัน" ปอถามออกมาก่อนจะมองเลิฟที่นั่งลูบหัวลูกแมวไม่สนใจเขาอยู่

             "แม่พึ่งจัดโต๊ะเสร็จน่ะกำลังจะไปตามเราก็มาพอดี" คุณปิ่นแก้วว่ายิ้มๆ

             "ครับ" ปอตอบรับแบบขอไปที ก่อนจะเดินมานั่งลงข้างๆเลิฟ เอามือคว้าลูกแมวออกจากตักเลิฟแล้วปล่อยมันลงที่พื้น ส่วนเลิฟได้แต่มองการกระทำของปอด้วยความไม่เข้าใจ

             "มีอะไรกินบ้าง" ปอไม่สนใจท่าทีสงสัยของเลิฟ แต่เอ่ยปากถามหาของกินแทน

                "แม่เขาทำกับข้าวไว้บนโต๊ะอ่ะ" เลิฟหันมาตอบปอ

               "แม่? มึงเรียกใครแม่" ปอทำหน้างงๆใส่เลิฟ

             "ก็แม่ปิ่นแม่ของปอไง" เลิฟอ้อมแอ้มตอบเสียงแผ่ว

             "อ้อ" ปอพยักหน้ารับรู้แล้วลุกขึ้นลากแขนเลิฟไปนั่งที่โต๊ะกินข้าว โดยมีสายตาคุณปิ่นแก้วมองอยู่ตลอดเวลา

             คุณปิ่นแก้วนั่งมองลูกชายตัวเองกับเพื่อนรุ่นน้องกินข้าวแล้วก็ยิ้มออกมาบางๆ เพราะเห็นว่าปอกำลังบังคับให้น้องกินเข้าไปเยอะๆ

             "ปกติปอไปกินข้าวที่ไหนล่ะลูก" คุณปิ่นแก้วเอ่ยถามออกมา

             "ถ้าตื่นสายก็ที่มอครับแม่ถ้าไม่สายมันก็เป็นคนทำ" ปอตอบออกไปแบบไม่ได้คิดอะไร แต่คุณปิ่นแก้วถึงกับเงียบและนิ่งคิดไปพักนึง

             "งั้นแสดงว่ารุ่นน้องของปอก็มาค้างบ่อยสินะ" คุณปิ่นแก้วถามเสียงเรียบ ก่อนจะจ้องหน้าลูกชายนิ่งๆ

             บรรยากาศโดยรอบเริ่มกระอักกระอ่วน มีเพียงแค่ความเงียบที่ปรากฎออกมา เลิฟเองก็ถึงกับสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินคำถาม เหงื่อเริ่มซึมออกมาตามหน้าผากและมือเต็มไปหมด

             "เอ่อ...ผมอิ่มแล้วขอไปเก็บของเตรียมตัวไปเรียนก่อนนะครับ" เลิฟพูดขัดจังหวะเสียงดังก่อนจะรีบร้อนลุกออกจากโต๊ะแล้วเดินเข้าห้องนอนไป

             "คิก" คุณปิ่นแก้วถึงกับหลุดขำอย่างห้ามไม่อยู่กับท่าทางของเลิฟ

             "ว่าไงละลูกน้องมานอนบ่อยไหม" คุณปิ่นแก้วกลับมาถามต่อ

             "........." ปอเลือกที่จะเงียบและตั้งหน้าตั้งตากินข้าว คุณปิ่นแก้วได้แต่ถอนหายใจและไม่เซ้าซี้อะไรต่อ

             ผ่านไปสักพักก็ถึงเวลาที่คุณปิ่นแก้วจะกลับ ปอกับเลิฟเลยเดินมาส่งคุณปิ่นแก้วที่รถ ระหว่างทางก็มีเสียงพูดคุยของคุณปิ่นแก้วกับเลิฟเป็นระยะ

             "เลิฟลานะครับคุณแม่" เลิฟว่าเสียงแผ่วก่อนจะสวมกอดคุณปิ่นแก้วแน่น แล้วผละออกไปนั่งรอปอในรถเพื่อรอไปเรียน

             ตอนนี้เหลือแค่สองแม่ลูกที่ยืนมองหน้ากันเงียบๆ โดยที่ทั้งคู่ยังไม่ใครยอมพูดอะไรออกมา จนสุดท้ายก็เป็นคุณปิ่นแก้วที่เปิดปากพูดก่อน

             "รุ่นน้องปอคนนี้ไม่เหมือนเพื่อนคนอื่นๆเลยนะลูก" คุณปิ่นแก้วพูดเรื่อยๆเหมือนไม่มีอะไร

            "แค่รุ่นน้องจริงรึเปล่า" คุณปิ่นแก้วถามตรงประเด็นทันที จริงๆวันนี้เธอไม่ได้คิดว่าจะมาเจอเลิฟแต่มาเพราะห่วงลูกชายจริงๆ แล้วก็บังเอิญได้เจอก็เท่านั้น

             "......." ปอยังคงเงียบไม่ตอบอะไรทั้งนั้น จนคุณปิ่นแก้วส่ายหัวหน่ายๆ

             "ปากหนักเหมือนพ่อจริงๆระวังนะลูกอีกคนเขาจะไม่รอ" คุณปิ่นแก้วว่ายิ้มๆถึงปอจะไม่ยอมพูดอะไร แต่จากพฤติกรรมและสิ่งที่ได้ยินมาจากสามี รวมทั้งการแสดงออกในวันนี้ มันทำใหเธอพอที่จะเดาอะไรๆออก

            ปอขมวดคิ้วกับคำพูดของแม่ สิ่งที่พูดออกมาเหมือนลอยๆแต่ปอรู้ดีว่าหมายถึงอะไร แต่แปลกใจที่แม่ไม่เห็นพูดอะไรมากกว่านี้

             "แม่ชอบนะ" จู่ๆคุณปิ่นแก้วก็พูดขึ้นลอยๆ เล่นเอาปอทำหน้างงใส่

             "น้องเลิฟ...แม่ชอบนะน่ารักดี" คุณปิ่นแก้วส่งยิ้มอ่อนโยนให้

             "หึ ครับ น่ารัก" ปอกระตุกยิ้มมุมปากแล้วเปิดประตูรถให้แม่เข้าไปนั่งข้างใน

             "ทียังงี้ละพูดได้นะลูกชาย" คุณปิ่นแก้วเย้าเบาๆด้วยความหมั่นไส้

             "ขอบคุณครับแม่ กลับบ้านดีๆนะครับ" ปอก้มลงกอดแม่และก็หอมแก้มไปทีนึงด้วยความรัก ถ้าไม่นับไอ้เลิฟก็ผู้หญิงคนนี้แหละมี่เขาหอมแก้มโคตรบ่อย

             "อะไรที่เป็นความสุขของลูกแม่ไม่ห้ามหรอกนะ แต่ขอให้ปอคิดแล้วตัดสินใจให้ดีก็พอ เข้าใจไหมครับ" คุณปิ่นแก้วเอามือลูบหัวลูกชายและพูดด้วยเหมือนตอนที่ลูกเธอยังเป็นเด็กตัวน้อย
 
             "ครับ" ปอว่าก่อนจะผละออกมา แล้วยืนมองรถที่เคลื่อนตัวออกไปจนลับสายตา ก่อนจะเดินกลับมาหาเลิฟที่รถ

             "แม่กลับไปแล้วหรอ" เลิฟหันมาถามปอด้วยแล้วยิ้ม แต่ปอจ้องหน้าเลิฟนิ่งด้วยใบหน้าเรียบเฉย

            "ไม่ชอบให้เรียกแม่เหรอ ขอโทษนะ" เลิฟบอกเสียงแผ่ว ใบหน้าสลดลงคิดว่าที่ปอเงียบเพราะไม่ชอบที่เขาทำตัวตีสนิท

             "กูว่าอะไรมึงรึยังแม่บอกยังไงมึงก็ทำตามนั่นแหละ" ปอส่ายหัวหน่ายๆกับอาการชอบคิดไปเองของเลิฟ แม่งคิดเยอะฉิบหาย

             "งั้นเรียกแม่เหมือนเดิมนะ" เลิฟยิ้มกว้างส่งให้เหมือนเด็กที่ดีใจเวลาได้ของเล่น

             "ปอๆเดี๋ยวเลิกเรียนแวะซื้ออาหารกับของใช้แมวด้วยนะ..." เลิฟยังพูดเจื้อยแจ้วไปเรื่อย

             "อื้อ" เลิฟส่งเสียงออกมาด้วยความตกใจ เพราะจู่ๆปอก็ก้มลงมาประกบจูบเขาเต็มแรง ก่อนจะส่งลิ้นเข้ามาเกี่ยวกระหวัดหยอกล้อ ขบเม้มริมฝีปากบางเล็กน้อยก่อนจะผละออกมา

             "แฮ่กๆ" เลิฟโกยลมหายใจเข้าปอดเพราะเมื่อกี้จูบกับปอไปนานพอสมควร มือสองข้างขยุ้มที่เสื้อนักศึกษาของปอจนยับไปหมด

             ฟอดดดดดดดดด

             "มึงแม่งอันตรายลดๆลงหน่อยก็ได้นะ ไม่งั้นกูคงได้ไล่กระทืบคนไม่หยุด" ปอก้มลงหอมแก้มเลิฟก่อนจะกระซิบแผ่วเบาข้างใบหู ส่วนเลิฟทำหน้างงเพราะไม่เข้าใจว่าปอหมายถึงอะไร

             "สายแล้วเดี๋ยวเข้าเรียนไม่ทัน" ปอเปลี่ยนเรื่องพูดแล้วจับสายเบลท์มาคาดให้เลิฟก่อนจะผละออกมา ทิ้งให้เลิฟนั่งทำหน้างงไม่เข้าใจต่อไป

   มันอันตรายจริงๆนะครับไอ้เลิฟเนี่ย ดูอย่างแม่เขาเป็นตัวอย่างแป๊บเดียวยังชอบมันเลย งั้นคงไม่แปลกถ้าเขาจะหลงมันใช่ไหมวะ



2 Be Con...
++++++++++
นิยายเรื่องนี้ของคนเขียน
ที่จริงเขียนจบแล้วนะคะ
ขออนุญาติไม่บอกชื่อเว็บที่ลง (เพื่อให้เกียรติเล้าค่ะ)
แต่คิดว่าเสิร์ชในอากูน่าจะเจอ
และได้ทำการรวมเล่มตีพิมพ์ไปแล้วเน้อ
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
maychty (อ่านว่า แมตตี้)

ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
หลงเสน่ห์เลิฟไปอีกรายแล้ว

ออฟไลน์ matchty

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
    • MATCHTY-แมตตี้
กับดักที่
- 29 -
         


   ปอนั่งจ้องหน้าลูกแมวที่เขาซื้อมาด้วยความเซ็งสุดขีด นึกย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ประมาณ 2 ชั่วโมง เขาพาไอ้เลิฟไปเดินซื้อของให้ลูกมันไม่รู้บังเอิญหรือฟ้ากลั่นแกล้ง ดันไปเจอไอ้แฟงกับลิซ่าเดินช็อปปิ้งอยู่แค่นั้นยังไม่พอดันไปเจอยัยปรางมาเดินเที่ยว แถมยังไปเจอแก็งส์เพื่อนไอ้เลิฟอีก คือแม่งโคตรจะบังเอิญอะไรขนาดนั้นวะ ถ้าบอกว่าโลกกลมเชื่อจริงจังก็วันนี้แหละครับ

             แล้วเหตุการณ์หลังจากนั้นน่ะเหรอ ความวุ่นวายไงครับคนแม่งโคตรเยอะแถมไม่ยอมแยกย้ายกันไปไหนด้วย จนเขาจะลากไอ้เลิฟกลับแต่มันดันไม่อยากกลับเพราะมันยังไม่ได้ซื้ออะไรเลยซักอย่าง ทีนี้น้องสาวเขามันเลยไล่เขาให้กลับมาก่อนรับปากว่าจะดูแลพี่สะใภ้ให้อย่างดี (ว่าตามที่ยัยปรางพูดครับ)

             คิดว่าเขายอมเหรอครับบอกเลยว่าไม่ เขาจะลากไอ้เลิฟกลับให้ได้ ใครจะยอมให้แม่งห่างหูห่างตา ทีนี้ได้เรื่องเลยครับแม่งหน้างอ ปากยื่น จะร้องไห้ใส่เลยปล่อยให้มันเดินกับทุกคน ส่วนเขาก็กลับมาที่คอนโดนั่งจ้องตากับไอ้แมวตาโตนี่คนเดียว
             "เจ้าของมึงแม่งงี่เง่า" ปอเอานิ้วจิ้มไปที่หัวลูกแมวด้วยความพาล จนมันเซถอยหลังนิดๆ

             ปอลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วส่ายหัวนิดๆ อดขำกับความปัญญาอ่อนของตัวเองไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะหงุดหงิดทำไมทั้งๆที่มันก็ไม่ได้ไปไหน ยัยปรางก็ยังรายงานเป็นระยะว่าทำอะไรอยู่

             ปอเดินไปที่ตู้เย็นตั้งใจว่าจะหยิบเบียร์มากิน แต่เปิดเข้าไปดันเจอแต่นม เขาได้แต่มองด้วยความเซ็งหยิบขวดนมมากรอกปากแก้ความอยากแทน

             มือหนาคว้าโทรศัพท์มากดดู เพราะนึกขึ้นมาได้ว่าน้องสาวตัวเอง ไม่ได้รายงานมาสักพักใหญ่ๆแล้ว กำลังจะกดโทรหาเสียงกริ๊งหน้าห้องก็ดังขัดจังหวะขึ้น

             อ๊อดดดดดดด...อ๊อดดดดดดดดดด

             ปอมองไปที่ประตูอย่างสงสัย เพราะเดาไม่ออกว่าจะมีใครมาหาเขาเวลานี้ ถ้าเป็นไอ้เลิฟกลับมาเขาน่าจะได้ยินเสียงโวยวายของยัยปรางด้วย 

             ปอเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง แล้ววางขวดนมใส่ตู้เย็นไว้เหมือนเดิม ก่อนจะเดินไปเปิดประตูให้คนที่รออยู่
             "ไอ้ต้า" ปอเรียกเพื่อนด้วยความแปลกใจเพราะไม่คิดว่าจะเป็นต้าที่มาหาตัวเอง

             "นี่มึงแบกอะไรมาเยอะแยะวะ" ปอมองสำรวจเพื่อนด้วยความสงสัย เพราะสภาพต้าตอนนี้คือหอบของพะรุงพะรังเต็มไปหมด

              "รับไปเลยไอ้เหี้ย!! ของเมียมึงทั้งนั้น" ต้าว่าฉุนๆก่อนจะของทั้งหมดใส่มือปอ ส่วนตัวเองก็เดินแทรกเข้าไปนั่งในห้อง

              "ของไอ้เลิฟ? แล้วนี่มันซื้ออะไรเยอะแยะ" ปอถามขึ้นแล้วก็มองของในมืออย่างงงๆ ก่อนจะเดินถือของทุกอย่างมาวางทิ้งไว้กลางห้อง

              "กูจะรู้ไหม อยากรู้มึงก็แกะดู" ต้าว่ากวนๆก่อนจะเดินลุกไปกินน้ำทิ้งให้ปอนั่งสำรวจของที่ต้าหิ้วมา

              ปอเปิดถุงไปเรื่อยๆก็ต้องถอนหายใจออกมา ของที่ไอ้ต้าหิ้วมามีแต่ของแมวล้วนๆ ไม่เข้าใจว่ามันจะซื้อมาทำไมเยอะแยะ ว่าแต่ทำไมเป็นไอ้ต้าที่หิ้วของมาแล้วตัวเจ้าของมันไปไหนล่ะ

             "ไอ้เลิฟอยู่ไหน" ปอเงยหน้าถามต้าที่ยืนพิงตู้เย็นเสียงเรียบ

             "อยู่กับพวกไอ้แฟง"

             "แล้วทำไมมันยังไม่กลับ" ปอถามกลับอย่างสงสัย

             "ก็พวกไอ้แฟงมันไปต่อแล้วลากเมียมึงไปด้วย" ต้าบอกด้วยท่าทีสบายๆ ผิดกลับปอที่ตอนนี้หน้าเริ่มนิ่งสนิทไร้อารมณ์แล้ว

             "ไปไหน" ปอถามเสียงเรียบ

             "ผับxx อย่ามาทำหน้าโหดใส่กู ไปทำใส่ไอ้แฟงนู้น กูแค่โดนใช้ให้เอาของมาส่ง" ต้ารีบบอกเพราะเห็นว่าปอเริ่มทำหน้ายักษ์

             "แล้วมีใครไปบ้าง" ปอถามเรื่อยๆเหมือนไม่มีอะไร แต่ข้างในนี่เหมือนภูเขาไฟปะทุไม่มีผิด

             "ทุกคน นี่ไอ้กิงก็ตามไปเฝ้าเมียละ" ต้าว่าแล้วแอบสังเกตุท่าทางของปอไปด้วย เท่าที่เห็นตอนนี้ไม่รู้ว่าแจ็คพ็อตจะไปแตกที่ใคร ระหว่างไอ้น้องเลิฟกับพวกไอ้แฟงที่ลากน้องมันไป

             "เดี๋ยวกูไปเปลี่ยนชุดแป๊บนึง" ปอบอกแค่นั้นแล้วเดินเข้าห้องนอนไปเปลี่ยนชุด เพราะตอนนี้ยังใส่ชุดนักศึกษาอยู่
             ต้ามองตามหลังเพื่อนตัวเองแล้วทำหน้าสยอง เขาหวังว่าตอนที่ไอ้ปอไปถึง พวกที่แม่งเวียนมาเลี้ยงดริ้งส์ไอ้เลิฟไม่หยุดมันจะไม่มีแล้วนะ เพราะไม่งั้นละก็ได้เกิดเรื่องแน่ๆ
 
             "น้องเลิฟคะทำหน้าดีๆหน่อย พี่อุตส่าห์พาหนีเที่ยวนะ ไอ้ปอจับไม่ได้หรอก" แฟงตะโกนฝ่าเสียงดนตรีบอกเลิฟพร้อมขยิบตาให้ข้างนึง ก่อนจะลุกขึ้นโยกตัวเบาๆตามจังหวะเพลง

             เลิฟได้แต่ส่งยิ้มแหยๆให้แฟงไป จะจับไม่ได้ที่ไหนล่ะเล่นให้ไอ้พี่ต้าหอบของไปเก็บที่ห้องให้แบบนั้น ถ้าปอจับไม่ได้ก็โคตรควายแล้วอ่ะ

             "เฮ้อ...." เลิฟถอนหายใจออกมาด้วยความเซ็ง จริงๆเขาจะกลับหลายรอบแล้วแต่พวกพี่แฟงกับพี่ลิซ่าไม่ยอม บอกว่าให้กลับคนเดียวพวกเขาเป็นห่วง แล้วเขาก็โคตรอึดอัดกับสายตาผู้ชายในผับนี้ แม่งอะไรก็ไม่รู้ส่งยิ้มหวานเยิ้มให้อยู่ได้โคตรจะขนลุกเหอะ บางคนถึงขั้นสั่งเหล้าเลี้ยงกูเป็นผู้ชายนะเว้ย

             มองไปที่ไอ้เอยก็โดนไม่ต่างกันเท่าไหร่ ขนาดไอ้พีทยังไม่รอดเลยครับ สนุกก็แต่ไอ้กั้มเพราะไอ้นี้มันได้หมดขอแค่พอใจ ส่วนไอ้นาวก็แดนซ์กระจายอยู่กลางฟลอร์กับปรางนู้น ดูสนุกสนานกันดีทุกคน คงมีแต่เขาเนี่ยแหละที่นั่งไม่ติดอยากกลับบ้านโว๊ย!!!

             แฟงเหลือบมองเลิฟที่นั่งหน้ามุ่ยแล้วก็ยิ้มขำ จริงๆพวกเธอซื้อของเสร็จตั้งแต่ยังไม่สองทุ่ม แต่นึกอยากแกล้งไอ้ปอขึ้นมาเลยลากเมียมันออกมาเที่ยว กว่าจะลากน้องมันมาก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเดี๋ยวโทรขอปอก่อน เดี๋ยวปอว่า เดี๋ยวปอๆจนเธอต้องยึดโทรศัพท์ อะไรมันจะเกรงใจกันขนาดนั้นโคตรอยู่ในโอวาท สงสัยต้องถามไอ้ปอบ้างว่าเอาอะไรให้กินโคตรจะเชื่อง

             หลังจากที่แฟงยึดโทรศัพท์ของเลิฟได้ เธอก็ลากทุกคนมาผับที่ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งรวมตัวของพวกเกย์และพวกไบเยอะที่สุดทันที จัดการเรื่องที่นั่งเครื่องดื่มอะไรเสร็จสรรพจากนั้นก็รอเวลาดูอะไรสนุกๆ ที่เสี่ยงตายทำขนาดนี้เป็นเพราะยัยลิซ่าคนเดียวจู่ๆก็ดันอยากเห็นไอ้ปอหึงเมียขึ้นมา ไอ้ตัวเธอเองก็อยากแกล้งไอ้ปอเรื่องเลยเหมาะเจาะพอดี

              "เลิฟไม่ดื่มหน่อยหรอ" ลิซ่าที่เดินกลับมาที่โต๊ะยื่นแก้วเครื่องดื่มให้เลิฟ แต่เลิฟส่ายหัวจนผมกระจายจนเธอต้องขำ จริงๆก็พอจะรู้ว่าเลิฟไม่กินเพราะอะไร 'เดี๋ยวปอโกรธ' คำนี้ลอยขึ้นมาทันทีก็เล่นพูดอยู่คำเดียว

            ลิซ่าลอบมองใบหน้าหวานของเลิฟแล้วก็อดสงสัยไม่ได้ เธอเองก็เคยเป็นหนึ่งในคู่นอนของปอแต่ก็แค่เรื่องบนเตียงเพราะแฟร์ๆทั้งคู่ เธอค่อนข้างรู้ สเปคผู้หญิงของปอพอสมควร ปอชอบคนตัวเล็ก ผิวขาว ที่สำคัญนมต้องโต เพราะงั้นตอนที่แฟงบอกว่าปอเอาเด็กผู้ชายมาอยู่ด้วยเธอเลยค่อนข้างตกใจ ยิ่งพอมาเห็นเด็กคนนั้นก็ยิ่งแปลกใจว่าทำไม

           ผู้ชายตรงหน้าเธอจัดได้ว่าหน้าตาน่ารักมากคนนึง แต่ก็นั่นแหละมันไม่ใช่สเปคปออยู่ดี แล้วปอไม่เคยนอนกับผู้ชายอันนี้ใครๆก็รู้ มันเลยค่อนข้างเหลือเชื่อเข้าไปใหญ่ที่ปอคนนั้นจะมีเมียเป็นผู้ชาย แถมแฟงยังบอกว่าหวงมาก ประกอบกับเรื่องแมวตัวนั้นอีก ทีนี้เธอเลยรวมหัวกับแฟงเพื่อแกล้งปอ ก็มันน่าสนุกจะตายถ้าทำให้ไอ้หน้านิ่งๆนั้นเปลี่ยนสี หมั่นไส้มานานละ

              "พี่ลิซ่ามีอะไรรึเปล่าครับ" เลิฟหันไปถามด้วยความสงสัย เพราะเห็นลิซ่ามองหน้าตัวเองแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
 
             "เปล่าๆพี่ไปก่อนนะ" ลิซ่าว่ายิ้มๆแล้วตบไหล่เลิฟเบาๆ ก่อนจะเดินไปหาพวกปรางเพราะเห็นว่าแฟงเดินกลับมาที่โต๊ะแล้ว จริงๆพวกเธอผลัดกันเดินมาเฝ้าพวกเลิฟไว้ เพราะกลัวว่าจะมีปัญหาทีหลัง

             ดูสลับหน้าที่กันไปนิดแต่ช่วยไม่ได้ก็ผับนี้มันพวกกินกันเองเยอะ แล้วพวกเธอก็ไม่อยากมีเรื่องแค่จะแกล้งปอสนุกๆเท่านั้น เพราะงั้นเลยต้องดูแลคนของเพื่อนดีๆ

             แต่ตอนนี้เริ่มรู้สึกว่าคิดผิดมหันต์เพราะตั้งแต่มาถึง โต๊ะพวกเธอมีผู้ชายแวะเวียนไม่ขาดสาย มองไปรอบโต๊ะตัวเองก็ได้แต่หนักใจ เล่นพาแต่พวกสเปคผู้ชายด้วยกันมานั่งหน้าสลอนเต็มโต๊ะ ภาวนาให้พวกปอมาถึงก่อนจะเกิดเรื่องเถอะ

             "นั่งด้วยคนได้ไหมครับ" เสียงทักจากผู้ชายตรงหน้าทำให้เลิฟขมวดคิ้วนิดๆ ก่อนจะหันมองไปรอบๆโต๊ะเพราะไม่แน่ใจว่าคุยกับตัวเองรึเปล่า

              "ผมหรอ" เลิฟชี้นิ้วมาที่ตัวเอง แล้วทำหน้างงๆใส่ ซึ่งเจ้าตัวไม่ได้รู้เลยว่าไอ้ท่าทางแบบนี้มันโคตรน่ารักในสายตาคนมอง

              "ใช่ครับ ผมชื่อน็อตนะแล้วคุณชื่ออะไร" น็อตถามยิ้มๆแล้วนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับเลิฟทันที ไม่ได้สนใจคนร่วมโต๊ะที่เหลือเลยสักนิด

               เขาแอบมองคนตัวเล็กตั้งแต่ตอนเดินเข้ามาในร้านแล้ว คนอะไรไม่รู้แม่งโคตรน่ารักน่าฟัดที่สุด แล้วเท่าที่สังเกตุเขาก็ไม่เห็นคนตัวเล็กจะมีใคร ที่นั่งๆอยู่ก็น่าจะเพื่อนกันทั้งนั้น

              "ไม่ต้องรู้ก็ได้มั้งครับเพราะผมคงไม่ได้มาบ่อยๆพอดีไม่ค่อยชอบเที่ยว" เลิฟบอกเสียงเรียบ เขาไม่ค่อยชอบสายตาไอ้บ้านี้เลยมานั่งทำตาวิบวับกรุ้มกริ้มใส่อยู่ได้

              "คนน่ารักใจร้ายจัง" น็อตส่งยิ้มบางๆให้รู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย เพราะปกติถ้าเขามานั่งจีบใครไม่มีคนกล้าปฏิเสธแบบนี้

               "เลิฟ!! กินไรบ้างไหมมึง" นาวที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ตะโกนถามเพื่อนเสียงดัง แล้วก็ต้องหน้าเหวอเพราะเจอสายตาโกรธๆของเลิฟ

               "ไม่แดก!!!" เลิฟตะโกนตอบอย่างหงุดหงิด ก่อนจะหันมาทำหน้าบึ้งใส่น็อต

                "อ่า...ชื่อเลิฟหรอครับ ชื่อน่ารักเหมาะกับการโดนรัก" น็อตพูดกำกวมแล้วจ้องตาเลิฟนิ่งๆไม่ยอมหลบจนเลิฟต้องเป็นคนเบือนหน้าหนีแทน ไม่ใช่เพราะเขินอะไรแต่รู้สึกแปลกๆที่มีผู้ชายมานั่งมองหน้าแบบนี้

               "เลิฟเรียนที่ไหนถามได้ไหม" น็อตพยายามชวนคุยเรื่อยๆ เพราะรู้สึกถูกใจคนตัวเล็กเข้าแล้วจริงๆ ยิ่งเห็นทำหน้าบึ้งไม่พอใจแบบนี้เขายิ่งชอบ

                "ไม่ได้" เลิฟตอบเสียงห้วน ถามมาแล้วเสือกพูดว่าถามได้ไหม ไอ้ประสาท

              "ไม่เป็นไร ผมเรียนปีหนึ่งนะสถาปัตย์ ม.xx" น็อตไม่ถือสากับท่าทางของเลิฟแต่กลับยิ้มอย่างถูกใจ
              "ใครถาม" เลิฟว่าเหวี่ยงๆ

             "เปล่า...อยากบอกน่ะ" น็อตยังคงยิ้มตอบก่อนจะหันไปสั่งเหล้ากับเด็กเสิร์ฟ

             "เมื่อกี้บอกว่าเรียนที่ xx หรอ ม.เดียวกันเลยเราพีท ปีหนึ่งวิศวะ ไอ้เลิฟก็เหมือนกัน" พีทที่นั่งฟังมานานลองชวนคุยบ้าง เพราะรู้สึกชอบใจในความกล้าของน็อต

              "มึงจะบอกทำเหี้ยอะไรเนี่ย" เลิฟว่าพีทอย่างหงุดหงิด

              "เอาน่ามึงไม่มีไรหรอกรู้จักกันไว้ก็ไม่เสียหายนี่หว่า แถมเรียนที่เดียวกัน" พีทพูดขึ้นมาเพราะไม่ได้คิดอะไร แค่คิดว่าทำความรู้จักกันไว้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

              "มึงจะจีบเพื่อนกูหรอวะ" กั้มถามแทรกขึ้นมาแล้วจ้องหน้าน็อตตรงๆ เล่นเอาเลิฟกับพีทหน้าเหวอ เพราะไม่คิดว่ากั้มจะถามอะไรแบบนี้

             "แล้วคิดว่าไงล่ะ" น็อตยิ้มมุมปากแล้วจ้องหน้ากั้มไม่หลบเหมือนกัน

             "หึ ก็ไม่ไงแต่ระวังไว้หน่อยก็ดี" กั้มว่าแล้วยกแก้วเหล้าซัดเข้าปากก่อนจะเลิกสนใจ เพื่อนเขาสองคนแม่งสายแบ้วเขานั่งจีบทั้งคืนมันก็ไม่รู้ตัวหรอกว่าเขาจีบ คิดแต่ว่าตัวเองผู้ชายเหมือนกันคงลืมแล้วมั้งว่าตัวเองมีผัวแล้วทั้งคู่ ฟีโรโมนเรียกตัวผู้นี่โคตรฟุ้งเหอะ

              "เอ่อ...มึงอย่าถือสามันเลยนะไอ้กั้มแม่งปากแบบนี้แหละ" เลิฟหันมาบอกน็อตพร้อมส่งยิ้มแหยๆให้ ไอ้กั้มแม่ง
ประสาทคิดได้ไงว่าไอ้นี่จะจีบเขา ถึงเขาจะเคยโดนผู้ชายจีบแต่มันคงไม่หน้ามืดเหมือนกันทุกคนหรอกมั้ง

             "ไม่ถือสาหรอกก็กั้มไม่ได้พูดอะไรผิด" น็อตบอกพร้อมกับยื่นแก้วเหล้าที่เด็กเสิร์ฟเอามาให้ส่งต่อให้เลิฟ

             ".........." เลิฟได้แต่นั่งเงียบมองหน้าน็อตด้วยความไม่เข้าใจ และก็ยังไม่ยอมรับแก้วเหล้าที่น็อตยื่นให้

             "เลิฟมีแฟนรึยัง" น็อตถามแล้วมองหน้าเลิฟยิ้มๆ

             "ถามทำไม"

             "เราชอบเลิฟ ถ้ายังไม่มีแฟนเราขอจีบ"

             "ห๊า!!!!" ทั้งเลิฟและพีทแหกปากประสานเสียงด้วยความตกใจ ทำหน้าเหวอเหมือนโดนผีหลอก ส่วนกั้มก็นั่งขำอย่างชอบใจ

           "จะจีบมันมึงถามผัวมันรึยัง" เสียงถามเรียบๆดังขึ้นทางด้านหลัง พร้อมกับมือหนาที่เอื้อมมารับแก้วเหล้าจากมือน็อต ยกขึ้นกระดกเข้าปากจนหมดแก้วก่อนจะวางลงบนโต๊ะแรงๆจนเกิดเสียงดัง

            ปึก!!!!!

            ฟอดดดดดดดดดด

            ร่างสูงที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังก้มลงหอมแก้มเลิฟเต็มแรง ก่อนจะผละออกแล้วจ้องไปที่คนข้างหน้าเขม็ง ส่วนอีกคนก็จ้องกลับมาเช่นเดียวกัน

             เลิฟไม่รู้ว่าตอนนี้ปอทำหน้ายังไง เพราะตัวเองนั่งหันหลังอยู่เลยมองไม่เห็น จะเดาจากน้ำเสียงก็ไม่ได้เพราะมันราบเรียบเป็นปกติ ทั้งๆอย่างนั้นแต่เพราะอะไรไม่รู้เขาถึงรู้สึกเสียวสันหลังชะมัด


2 Be Con...

ออฟไลน์ ouioui

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด