Luckiest Gets The Highest Kite หนุ่มโชคร้าย x นายแชมป์ว่าว 2015 (Edit) จบแล้ว
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Luckiest Gets The Highest Kite หนุ่มโชคร้าย x นายแชมป์ว่าว 2015 (Edit) จบแล้ว  (อ่าน 176187 ครั้ง)

nonneii

  • บุคคลทั่วไป
ชอบมากเลยยย รีบ รีบ มาต่อ เร็ว เร็ว นะคร้าาาา ^^
[/font][/size][/color] :oo1:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
เรื่องสนุกดีหลากหลายอารมณ์ ทั้งฮา ทั้งเศร้า
คนเขียนน่าจะมาต่อให้จบนะคะ

ออฟไลน์ rotedump

  • รถดั้มพ์ถังซัมจั๋ง
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 294
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
มาเถอะแถอะครับบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ

ออฟไลน์ rotedump

  • รถดั้มพ์ถังซัมจั๋ง
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 294
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
รอนานจนลืม ต้องกลับไปอ่านใหม่ล่ะ อิอิ

ออฟไลน์ bennietakky

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-0
19.



โอ้ย ทำไมผมถึงเป็นคนแบบนี้นะ!

จะระแวงหึงหวงอะไรกันมากมายวะ มันไม่มีอะไรอยู่แล้ว คือถ้าจะมี มันควรมีไปนานแล้วป้ะ สองคนเขาก็รู้จักกันมาก่อนเป็นปี กี่ครั้งกี่หนที่เจ้าเหล็กดัดพิสูจน์ให้เห็นว่ามันเป็นคนที่ไว้ใจได้ ส่วนแก แกทำอะไร นอกจากจะคิดมาก ขี้ระแวง ขี้ใจน้อยแล้ว ก็ไม่เคยทำอะไรให้เขาสบายใจได้เลยสักอย่าง

ข้อเท็จจริงก็คือไอ้เด็กแมกซ์นั่นกำลังนอนป่วยคอพับคออ่อนอยู่ที่โรงพยาบาล ผมควรจะมีน้ำใจไมตรีบ้างสิ แล้วนี่อะไร มัวแต่มาคิดอกุศล จะอิจฉาทำไม

ผมนั่งลงบนเตียง ถอดหูแมวเขวี้ยงทิ้งลงในตระกร้าผ้า หาเสื้อยืดกับบอกเซอร์มาใส่อย่างว่อง เหล็กดัดออกมาจากห้องน้ำ เช็ดตัวเสร็จ แล้วเข้ามากอดผมทั้งๆ เปลือยโตงเตง

“เตงโกรธเหรอ”
ผมส่ายหัว
“โกรธก็บ้าแล้ว… ทำไงได้ ก็มันสุดวิสัยนี่”
“งั้น เตงไปด้วยกันนะ จะได้รู้ว่ามันไม่มีอะไรจริงๆ เพื่อนเค้าก็อยู่กันเต็ม”
“อ้าว ตะกี้บอกไม่มีใครเฝ้า”
“เหรอ เค้าพูดงั้นเหรอ”
“ชัดถ้อยชัดคำเลยล่ะ”
เจ้าเหล็กดัดทำหน้าเหมือนเด็กถูกจับได้

“ถ้าไม่อยากให้ไป ผมไม่ไปก็ได้”
“ไม่ได้พูดแบบนั้นซักหน่อย ไปสิ ไปเถอะ ไปเจอเพื่อนฝูงมั่ง แล้วนี่น้องเค้าป่วยอยู่ด้วย ถ้าเตงไม่โผล่หน้าไป เพื่อนเตงก็จะมาว่าเค้าอีก”
“โอ้ย ไม่มีใครว่าเลย… งั้นเดี๋ยวเค้าจะรีบไปรีบกลับนะ จะได้มาต่อที่เริ่มไว้ตะกี้ให้เสร็จไง”

ผมปั้นยิ้มให้ โวะ ไม่มีอารมณ์แล้วเว้ย!




เจ็ดโมงครึ่ง เรานั่งกินข้าวกันเงียบๆ อยู่ที่แคนทีนคณะมนุษย์ เพราะมีเรียนเช้าทั้งคู่  เมื่อคืนเหล็กดัดกลับมาก็ดึกมากแล้ว ถึงแม้จะรู้สึกตัวตื่นขึ้นตอนที่มันไขประตูห้อง แต่ผมก็แกล้งหลับไม่รู้เรื่อง จนแล้วจนรอดเราก็ไม่ได้มีโมเมนท์กิ๊กกิ้วกันตลอดสัปดาห์ พอกินเสร็จมันก็รีบไป อ้างว่าจะกลับไปทวนเลคเชอร์เพราะมีควิซท้ายคาบ และบอกว่าจะมารับผมตอนสิบเอ็ดโมง

ผมนั่งกินต่อคนเดียวแบบง่อยๆ เพราะยังไม่ถึงเวลาเรียน

ที่จริงมันไม่มีอะไรเลยนะ ทุกอย่างยังปรกติดี แต่เพราะมันไม่มีอะไรเลยนี่แหละ มันก็เลยเหมือนๆ ขาดอะไรไป

ปัญหามันอยู่ที่ตัวผมเองที่ไม่เคยรู้สึกพอใจกับอะไรเลย คอยมองหารูรั่วอะไรสักอย่างหนึ่งเหมือนคนบ้า หาเรื่องเพื่อคอมเพลนนั่นนี่โน่น และใช้เป็นข้ออ้างแก่ความไร้สุขที่เกิดขึ้นในชีวิตโดยที่ไม่เคยจะหยุดพิจารณาตัวเองเลยสักครั้ง ผมต้องเปลี่ยนทัศนคติโดยไว ไม่อย่างนั้น ความสัมพันธ์ของเราก็วนลูปอยู่อย่างนี้ หลายๆ ครั้งเข้า เหล็กดัดก็จะเริ่มเหนื่อย เบื่อหน่าย และไม่อินังขังขอบผมไปในที่สุด

พูดง่ายแต่ทำยาก

“ว้ายยยย ทำไมมานั่งกินข้าวคนเดียวละคะ ขุ่นเพื่อน!”

อืม ไม่ต้องสืบว่าใคร

“ไม่ได้กินคนเดียวเว้ย กินกับแฟนแต่เค้าอิ่มแล้ว ไปแล้ว เธอล่ะ อีกสิบห้านาทีจะถึงคาบเรียนแล้วนี่ นี่ยังมาเดินสำรวจแคนทีนอยู่อีกเหรอ ไม่มีกล้วยหรืออ้อยขายหรอกนะ”
“ฉันแวะมาซื้อแซนด์วิชเท่านั้นแหละย่ะ” นางบอก “เออ แล้วเป็นไงเมื่อคืน ดีชะ ไม่เห็นโทรมาขอทริคอะไรเพิ่มเติม”
“อือ”
“อือ แค่เนี๊ยะ” ยัยเห็ดมองอย่างประเมิน “Nooo ไม่ใช่ละ มีอะไรหรือเปล่ายะ ทะเลาะกันเหรอ”
“ไม่มี”
“หน้าเป็นหมาเหงาอย่างงี้ ยังบอกไม่มี”
“ก็ไม่มีอะไรทั้งนั้นไง ไม่เกิดอะไรขึ้น ดื้อมีธุระ ก็เลยไม่ได้ทำอะไรทั้งสิ้น”
“โอ้ว มาย… งี้ฉันก็ไม่ได้อ่านคลีโอแล้วล่ะสิยะ อดสตาร์บั๊คส์ดั๊วะ”
ผมหยิบคลีโอเดือนล่าสุดจากกระเป๋าโยนให้นาง

“เมี่ยง เธอว่าฉันเกาะติดดื้อเค้าเกินไปไหม”
ผมขอความเห็น นางเงยหน้าขึ้นจากนิตยสารที่กำลังพลิกอยู่
“แล้วอะไรที่ทำให้เธอคิดอย่างนั้นล่ะ”
“ก็… ฉันมีความรู้สึกว่าอยากอยู่กับมันตลอดเวลา”
“โวะ ใครๆ เขาก็เป็นกันไหม”
“ฉันกลัวว่าฉันจะเอาแต่เกาะติด จนดื้อไม่มีความเป็นส่วนตัวนะสิ”
“น้องมันพูดกับเธอแบบนั้นเหรอ”
“เปล่า”
“โอ้ย แล้วเธอไปสรรหาเรื่องราวจากไหนมาดราม่าคะ เลิกๆ คิดถึงแต่เรื่องดีๆ สิคะขุ่นเพื่อน”  หล่อนเอานิ้วทือสั้นป้อมมาประคองหน้าผมอย่างอ่อนโยน “แล้วก็ไปเรียนได้แล้วค่ะ เดี่ยวเช็คชื่อไม่ทัน เกรดฮวบนะคะ”

เออ นั่นน่ะสิ ทำไมผมต้องทำตัวดราม่าตลอดเวลาด้วยวะ



เหล็กดัดนั่งรอที่อยู่ใต้ถุนตึกตรงเวลา กำลังอ่านก้มหน้าอ่านอะไรสักอย่าง ผมเอาชีทตีไหล่มันให้รู้สึกตัว
“กินอะไรดี”
ผมถาม
“อะไรก็ได้ เตงอยากกินอะไรล่ะ แต่ขอแบบรอไม่นานนะ เดี๋ยวเค้า…” ท่าทางเกรงใจ “จะไปดูไอ้แมกซ์มันหน่อยน่ะ”
“อ้าว เหรอ งั้นก็กินอะไรแถวนี้ละกัน”
“ไปกินที่คณะแพทย์ไหมล่ะ จะได้แวะไปเยี่ยมด้วยกันเลย”
 “ไม่น่าได้ เดี๋ยวบ่ายโมงมีเรียน”

ผมโกหก ที่จริงแล้วว่างตลอดบ่ายเลย จนทุ่มนึงนู่นแนะถึงมีซ้อมร้องเพลง

“ไม่นานหรอกเตง แค่ไปโผล่หน้าให้มันเห็น บ่ายเค้าก็มีต้องกลับมาซ้อมเหมือนกัน”
โวะ ก็ไม่อยากไปนี่
“ไม่เอาอ่ะ เดี๋ยวกลับมาเรียนไม่ทัน เตงจะไปเลยก็ได้นะ เค้ากินกันกับเพื่อนก็ได้”
“งั้นกินแถวหน้ามอละกัน”
ผมพยักหน้า โว้ยยยยยย เบื่อ!

….

เคยอ่านเจอจากที่ไหนซักแห่งว่า เมื่อไหร่ที่รู้สึกเบื่อ เซ็ง ไร้ค่า ให้ออกไปทำอะไรเพื่อคนอื่นดู ใช่! เป็นความคิดที่ดีจริงๆ แต่จะทำอะไรล่ะ?

เรื่องเกาะติดเจ้าเหล็กดัด หลังจากไปคิดๆ มาตลอดช่วงเช้า (ไม่ได้ฟังที่อาจารย์เลคเชอร์เลยสักนิด) ผมก็ได้ข้อสรุปให้กับตัวเองว่า ตัวผมเองนั้น ต้องรู้จักเว้นระยะห่าง ลองใช้เวลาลำพังตัวเองบ้างอะไรบ้าง

ใช่ ไอเดียง่ายๆ แบบนี้แหละ แหม มันจะไปยากอะไรเนอะ ไม่กี่เดือนก่อนนี้ยังอยู่ตัวคนเดียวมาได้ตั้งนาน ผมเชื่อว่า ถ้าผมสามารถแมเนจระหว่างเวลาส่วนตัวและเวลาที่ใช้ร่วมกันอย่างมีคุณภาพได้ อาการหึงหวงบ้าบอ มโน เพ้อเจ้อ ของผมมันก็น่าจะลดลงบ้างแหละน่า ดังนั้น ผมต้องหากิจกรรมดีๆ ที่เป็นประโยชน์ทำ

โวะ ในฐานะนักเรียนปรัชญา ผมรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อยกับความตระหนักรู้ที่เกิดขึ้นนี้

แต่จะทำอะไรดีน๊า อะไรที่ได้ใช้ศักยภาพของตัวเองไปพร้อมๆ กับการช่วยเหลือคนอื่น

ช่วยน้องหมาจร? เอ๊ะ แต่ผมก็คอยแชร์เรื่องพวกนี้บ่อยๆ แล้วนี่นา แทนที่จะแบกเอาถุงอาหารนักๆ ใส่รถหรีดตระเวณไปตามถนนรนแคม วิธีที่เห็นผลที่สุดน่าจะเป็นการระดมทุน เพื่อให้คนอื่นที่มีความสามารถในการจัดการมากกว่า แต่เราไม่มีศักยภาพด้านนั้นเลยนะ

ทำคลิปร้องเพลง? ไม่เอาดีกว่า ดูหมกมุ่นกับตัวเองยังไงไม่รู้ ก็จริงที่กำลังหากิจกรรมเพื่ออยู่กับตัวเอง แต่ต้องไม่ใช่การหมกมุ่นกับตัวเอง

ลองคิดดูนะ ถ้าทำคลิป (ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเราร้องได้ดีขนาดไหน) ถ้าเกิดดังขึ้นมา เราก็จะเป็นเน็ตไอดอลใช่ไหม พอมีคนฟอลเยอะๆ เข้า ทีนี้สื่อก็จะพากันแย่งตัวไปทำงานด้วย ผมอาจได้ร้องเพลงประกอบละครหรือแสดงสมทบในละครซีรีส์ของจีทีเอช หรืออย่าง เลิฟซิก อะไรพวกนั้น แล้วก็จะมีแฟนคลับคอยตาม มีคนที่พยายามจะขุดคุ้ยชีวิตส่วนตัว ที่ร้ายแรงที่สุดคือ หากสื่อรู้ว่าผมกำลังคบหาอยู่กับผู้ชายด้วยกัน ก็จะพากันตีข่าวใหญ่โต ทีนี้เหล็กดัดก็จะอึดอัด ป๊ากับม๊าเหล็กดัดก็จะรู้ว่าเรายังแอบคบกันและยื่นคำขาด จากที่ไม่มีความเป็นส่วนตัวอยู่แล้วก็จะหมดความเป็นส่วนตัวไปยิ่งกว่าเดิม และเมื่อทนรับแรงกดดันอันเกิดจากชื่อเสียงของผมไม่ไหว เหล็กดัดก็จะขอเลิกกับผมในที่สุด

ไม่ๆ มันจะต้องไม่เป็นอย่างนั้น ผมจะทำยังไงดีนะ จะเลือกอะไรดี ระหว่างชื่อเสียงและความรัก ไม่! ทำไมมันถึงยากอย่างนี้นะ

“พี่มิว พี่มิวคะ”
อ๊ะ !
“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ ต่ายเห็นพี่นั่งหน้าบิดหน้าเบี้ยวอยู่คนเดียวตั้งนาน ซ้อมแอคติ้งอยู่เหรอคะ คราวนี้เล่นเรื่องอะไร”

น้องต่าย สาววายสายแบ๊ว รุ่นน้องที่สนิทกันเอียงคอถาม

“อ้อ เปล่าจ้า กำลังบริหารกล้ามเนื้อใบหน้าอยู่นะ” ผมตอแหล แล้วทำหน้ายู่ยี่ประกอบ “แบบเนี้ย ช่วยป้องกันริ้วรอยจากการแสดงอารมณ์ได้นะ ลองดูๆ”
“อ๋อ ที่เค้าเรียกว่า เฟซโยคะ ใช่ไหมคะ”
“ใช่ๆ นั่นแหละ”
“ค่ะ งั้นต่ายขอนั่งด้วยนะคะ เพื่อนยังไม่ลงมากันเลย แล้วนี่พี่มิวมีเรียนต่อเหรอคะ”
“ไม่มีแล้วจ้า”
“รอเด็กดื้อมารับใช่ไหมคะ อิจฉาจัง”

ผมหัวเรากลบเกลื่อนแทนคำตอบ ส่วนน้องต่ายก็ก้มหน้าหันไปสนใจกับเครื่องซัมซุงในมือ
เออ ใช่! ทำไมไม่ลองถามคนอื่นดูล่ะ เผื่อจะมีไอเดียที่เข้าท่า

“อ่านอะไรอยู่เหรอ”
“อ๋อ อ่านกระทู้พันซิปค่ะ”
“อือฮึ มีอะไรน่าสนใจเหรอ”
“ก็ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ต่ายชอบอ่านดราม่าเฉยๆ หนุกดี อย่างกระทู้นี้เขาถามว่า จะทำพรีเซนส์งานแต่งให้คนที่แย่งแฟนคนอื่นเขามายังไงดี พี่มิวลองเข้าไปตอบดูสิคะ พี่มิวน่าจะเก็ท”

เอ๊ะ หลอกด่ารึเปล่า ไม่หรอก เราไม่ได้ไปแย่งของใครเค้ามานะ

“ฮ่าๆ กลัวตอบแล้วจะยาวมากกว่า”
“ยาวๆ สิคะดี ต่ายชอบ พี่มิวเก่งเรื่องครีเอทจะตาย ไอเดียก็เยอะ คิดอะไรแปลกไม่เหมือนคนอื่น น่าจะมีมุมมองที่น่าสนใจ อีกอย่างนะ เราเรียนปรัชญา ข้อได้เปรียบของเราก็คือ เราได้เรียนเรื่องการให้เหตุผลแบบต่างๆ มาแล้ว ทีนี้เวลาตอบกระทู้ มันก็น่าจะเป็นประโยชน์และเป็นเหตุเป็นผลกับคนอื่นเขานะคะ”

เอ๊ะ? เป็นประโยชน์กับคนอื่นงั้นเหรอ

“พี่มิวไม่ได้เล่นพันซิปเหรอคะ”
“อ่อก็เล่นนะ แต่ชอบเข้าห้องแป้ง เฉลิมไทย บางขุนพรหม พวกนี้มากกว่า แต่ไม่เคยไปเม้นท์นะ อ่านเฉยๆ”
“เม้นท์บ้างหรือลองตั้งกระทู้เล่นๆ ก็ได้นี่ค่ะ เอาไหม เดี๋ยวต่ายจะไปช่วยตอบ พี่มิวใช้ชื่อล็อคอินว่าอะไรคะ”

เหยยยย แก๊! เป็นไอเดียที่ดีมาก จะมีอะไรที่ให้เราสามารถฝึกปรือความเป็นนักวิชาการในอนาคตของตัวเอง พร้อมๆ กับช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกันได้ดีไปกว่าการให้คำปรึกษาในกระทู้พันซิปอีกล่ะ นอกจากความเพลิดเพลิน เป็นการใช้เวลาให้เกิดประโยชน์แล้ว ยังทำให้เรารู้สึกมีคุณค่า โดยไม่ต้องเอาตัวเองไปผูกติดอยู่กับคนอื่น ไม่เสี่ยงถูกใครขุดคุ้ยด้วย (เอ่อ อันหลังนี่ไม่แน่ใจ แต่คิดว่าเราไม่น่าจะมีอะไรที่พวกนักสืบพันซิปสนใจนะ)

นี่แหละ คุณค่าที่เราคู่ควร


….


เรื่องช่วยเหลือคนอื่น ผ่านการตอบกระทู้ในพันซิปนั้น ผมตกลงปลงใจไว้อยู่แล้วว่าต่อแต่นี้ไป นี้คืออีกหน้าที่หนึ่งของผมจะที่ต้องทำทุกวัน เป็นการใช้เวลากับตัวเอง ลดละพฤติกรรมเกาะติดเจ้าเหล็กดัดแจเป็นเด็กไม่หย่านมอย่างที่เคยเป็นๆ มา

แต่ผมก็ไม่ลืมว่านอกจากการ ‘ให้’ แล้ว การ ‘รับ’ เองก็มีความสำคัญไปไม่ยิ่งหย่อน ในเว็บคอมมิวนิที่ย์แบบพันซิปนั้น มีไอเดียดีๆ เป็นล้านๆ หลั่งไหลอยู่ในแต่ละวัน แล้วถ้าผมอยากได้ไอเดียในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและวิธีแก้ปัญหา ทำไมผมถึงจะไม่ตั้งกระทู้ถามดูบ้างล่ะ

โวะ มีเครื่องมือแสนวิเศษแบบนี้ ทำไมผมถึงคิดไม่ได้ตั้งแต่แรกวะเนี่ย

ผมก็เลยลงมือตั้งกระทู้คำถามอันแสนชาญฉลาด เฉียบขาด เป็นประโยชน์ มีสไตล์เป็นของตัวเองไม่ซ้ำใคร และแสดงถึงรสนิยมอันดีกระทู้นี้

(18 +) เมื่อชีวิตรักเกือบต้องพังภินท์ เพราะเรารักกันมากเกินไป
ความรักวัยรุ่น/ ประสบการณ์ชีวิตคู่/  ปัญหาชีวิต/ หย่าร้าง/ ปัญหาครอบครัว/ การเลี้ยงลูก/ เที่ยวต่างประเทศ/ ทีวีดิจิตอล
กระทู้สนทนา

“สวัสดีเพื่อนๆ ชาวพันซิปทุกคนนะครับ นี่เป็นกระทู้แรกของผม ขอยืมล็อคอินของน้องสาวของเพื่อนของคนรู้จักมาตั้งครับ ถ้าหากมีอะไรผิดพลาด ก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ

เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ อาจฟังดูไม่น่าเชื่อ ว่าชีวิตคนๆ หนึ่งจะประสบกับชะตากรรมอันมืดหม่นถึงขนาดนี้เชียวหรือ แต่ผมขอยืนยันว่ามันคือความจริงทุกประการครับ บาดแผลดังกล่าวยังคงเต้นตุบๆ บีบรัด ร้อนผ่าว ราวกลับเพิ่งถูกกรีดเฉือนสดใหม่ เมื่อไม่นานมานี้

ผมขอแทนตัวเองว่า ม. ก็แล้วกันนะครับ มาจากภาษาอังกฤษของคำว่า ดนตรี อันเป็นชื่อเล่นที่ผมไม่สามารถเปิดเผยได้ รวมถึงต้องใช้ชื่อย่อให้กับตัวละครอื่นๆ เพราะเกรงว่าหากใช้ชื่อจริง สถานที่จริง อาจจะกระทบกับอีกหลายๆ ชีวิตเป็นระลอกคลื่น

เข้าเรื่องเลยแล้วกันนะครับ เมื่อหลายเดือนก่อน ผมได้รู้จักกับแฟนคนปัจจุบันของผม คือ ด. (แปลว่า ไม่เชื่อฟัง) ซึ่งเป็นนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ ชั้นปีที่สอง (บอกชื่อคณะไป คงไม่เป็นไรเนอะ ไม่น่าจะมีคนรู้ว่าเป็น ม. ไหน) ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่เชิงดอยทางภาคเหนือของประเทศไทย

ด. เป็นเด็ก กทม. (เอ๊ะ หรือ ชบร.) เรียนมอต้นที่โรงเรียนชายล้วนกางเกงน้ำเงินในอำเภอที่มีซอสพริกขึ้นชื่อโด่งดังไปทั่วโลก และมอปลายที่โรงเรียนดังระดับประเทศที่อยู่ใกล้ๆ สยามและมหาวิทยาลัยสามย่าน อ่านมาถึงตรงนี้ หลายๆ คนอาจจะนึกสงสัย ใช่ครับ ด. เป็นผู้ชาย และเป็นผู้ชายหน้าตาดีมากด้วย (เพราะเคยถ่ายแบบลงในนิตยสาร Ben ฉบับเดือนมกราคม 2014 เซ็ตใน  ปล. เพื่อความเป็นส่วนตัวของ ด. ขอความกรุณาอย่าตามหาแมกกาซีนดังกล่าวอีกเลยนะครับ เพราะอย่างไรเสียก็ตีพิมพ์มานานแล้ว ถ้าอยากได้ต้องสั่งซื้อย้อนหลังเท่านั้น ผมชอบสั่งกับเว็บแมกกาซีนกู้ดดอทคอมครับ) เอาเป็นว่า ด. เป็นเด็กผู้ชายที่โปรไฟล์ดีมากคนหนึ่ง จนหลายคนอยากแย่งออกนอกหน้านอกตา เช่นแฟนเก่าสมัยมัธยมของ ด. ผู้หญิงสวยแต่แต่งหน้าจัด ดรีกรีหลีดคณะวิศวะ มหาวิทยาลัยแถวสามย่าน ชื่อ ข.ม. (ของที่ใช้กินกับแกง ชนิดที่เพิ่งจะเก็บเกี่ยว ไม่เก่า) และเพื่อนที่คณะชื่อ ม. (ภาษาอังกฤษ แปลว่าขีดสุด ขั้นสุด) ลืมบอกไปว่า ก่อนหน้านี้ ด. มีแฟนเป็นผู้หญิงมาโดยตลอด ผมก็เลยกลายเป็นผู้ชายคนแรกของเขาโดยปริยาย

เราสองคนรู้จักกันโดยบังเอิญที่เตียงพยาบาล (ขออนุญาตไม่เล่าในส่วนนี้ก็แล้วกันนะครับ แต่ถ้าอยากรู้มากก็หลังไมค์มาถามได้) ซึ่งหลังจากที่รู้จักกันได้ไม่นาน ผมกับ ด.ก็ตกลงคบกันเป็น เอ่อ แฟน (เขินจัง) จะเรียกว่ารักแรกพบก็ได้ครับ คือเราสองคนรักกันมากกกกกกกกกก มากจริงๆ (รู้ไว้ซะนะ ยัย ข.ม. และนายน้อง ม. ชิ!)

ผมย้ายเข้ามาอยู่กับ ด. ที่คอนโดหรูย่าน น.ม.ห.ม. ซอยเลขคี่ที่ไม่ใช่เลข 7 และ 11 ซึ่งมีค่าส่วนกลางค่อนข้างแพง (เราต้องจ่ายเอง) เมื่อเทียบกับปัญหาเรื่องน้ำที่มักจะไม่ค่อยไหล พอไหลก็ขุ่น และมีกลิ่นคลอรีนแรงมาก (โอเค นอกเรื่องไปหน่อย แต่อยากให้ทางนิติช่วยเร่งแก้ปัญหาด้วย) การย้ายมาอยู่ด้วยกัน ทำให้เราต้องใช้เวลาด้วยกันค่อนข้างจะตลอดเวลา ส่วนใหญ่ถ้าไม่อ่านหนังสือ หรือดูหนังในช่องเคเบิล เราก็จะทำกิจกรรมเสริมสร้างสมรรถนะทางด้านการเคลื่อนไหวร่างกายด้วยกัน สำหรับผม ด. คือสิ่งที่ดีที่สุดที่เคยเกิดขึ้นกับชีวิตผม และผมก็คือลมหายใจของ ด. ด้วยเช่นเดียวกัน

แต่แล้ววันหนึ่งเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น…

ขอพักกระทู้ไว้ก่อนสักครู่นะครับ อาจจะเล่าช้าไปหน่อย เนื่องจากพิมพ์ไปด้วย โพสต์ไปด้วย และพิมพ์ทั้งหมดนี้ในมือถือระหว่างคาบเรียนวิชาปรัชญาตะวันออก อาจารย์ค่อนข้างซีเรียสมากเรื่องการใช้มือถือในห้องเรียน เรียนเสร็จแล้วจะรีบมาต่อนะครับ ขอบคุณที่ติดตามอ่าน

สมาชิกหมายเลข 696969
28 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 16:04:24 น.


 :katai4:  :katai4:  :katai4:  :katai4:  :katai4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-04-2015 03:10:45 โดย bennietakky »

ออฟไลน์ SM_day

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-2
ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจครับบบ
ปล.อิอิขอข้ามรั้วหน่อย ในวังมีแต่เถื่อนๆติสๆไม่ไหว บางวันเซครวมนี่กลิ่นมาเต็ม

ออฟไลน์ bennietakky

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-0
ขอบคุณมากเลยครับ ขอบคุณที่ยังสนใจตามอ่านนะครับ ผมเพิ่งโพสต์ตอนล่าสุดไป อ่านให่สนุกละกันนะครับ
ส่วนตอนใหม่ น่าจะได้อ่านพรุ่งนี่นะครับ เหลืออีกแค่สองตอนก็จบแล้วล่ะ ยังไงฝากติชมด่วยนะครับ
ขอบคุณครับ
เบน

 :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2:

ออฟไลน์ bennietakky

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-0
20. (1)

โว้ววววว เสียงตอบรับแบบท่วมท้น! เกินคาดมาก!

นึกไว้แล้วเชียวว่ามันจะต้องได้ผล สี่ชั่วโมงที่ผ่านมานี้ ผมยังไม่ได้โทร ไลน์ แมสเสจ หรือ กระทั่งส่องเฟซบุ๊คเจ้าเหล็กดัดเลยแม้แต่ครั้งเดียว นี่สินะ ที่เรียกว่ามีพัฒนาการ

ก็ไม่เชิงว่าไม่ได้คิดถึงมันหรอก แต่เพราะผมกำลังจดจ่ออยู่กับกระทู้ หรืออีกนัยหนึ่งคือการใช้เวลากับตัวเองอย่างมีประสิทธิภาพต่างหาก แล้วผมก็ทำได้จริงๆ  ลองดูคอมเม้นท์พวกนี้สิ มันน่าทึ่งมาก

ลุ้นๆ ครับ มาต่อนะครับ
น้ำปลาปรับผ้าเน่า
28 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 16:24:22 น.

กรี้ดดดดด อะไรๆๆๆๆ ยังไงค่ะ มาต่อให้ไวด้วยค่ะ คุณ จขกท ต่อมเผือกดิชั้นเต้นแรงมาก
หนูน้อยบนผ้าขาวและสาวแตก
28 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 16:24:23 น.

คล้ายๆ เรื่องของผมเลยครับ บางทีก็อยากให้เขารักเราน้อยลงบ้าง
คนหล่อขอโอที
28 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 16:24:24 น.


เดี๋ยวนะ แล้วมันพังภินท์ยังไงยะ กลับมาเล่าต่อเลย เดี๋ยวนี้!
Sazzy Khing
28 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 16:24:26 น.

เนื้อเรื่องคุ้นๆ จังเลยค่ะ จขกท เรียน มช. ใช่ไหมคะ
กระต่ายของชโรดิงเจอร์
28 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 16:28:06 น.

โวะ! รู้ได้ไงวะ

คอนโดที่ว่านี่ชื่อ xxxxx ใช่ไหมคะ แย่มากค่ะ คอมเพลนไปหลายทีแล้ว นิติห่วยบรม
แม่ค้ากาดแลงหน้อย
28 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 16:30:17 น.

และอีกไม่หวาดไม่ไหว ผ่านไปแค่ไม่กี่ชั่วโมงเองนะเนี่ย ปาเข้าไปสองหน้า ร้อยกว่าคอมเมนท์ อ่านจนตาลายกันไปเลยเซ่ โว้ย รู้แบบนี้ เล่นเว็บพันซิปตั้งนานแล้วเหอะ นี่ยังไง ความหมายของโซเชียลเน็ทเวิร์คที่แท้จริง เราทุกคนต่างเชื่อมโยงซึ่งกันและกัน เห็นอกเห็นใจ ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน

ผมแว่บเข้ามาอ่านระหว่างรอซ้อมร้องเพลงที่สโมฯ หะแรก กะว่าถ้าไม่มีใครเข้ามาตอบ จะลองถอดล็อคอินเข้าไปโพสต์เป็นหน้าม้า (แหมก็ไม่ถึงกับเข้าไปอวยอะไรหรอก แค่พอให้ไม่รกร้าง) แต่แบบนี้คงไม่ต้องแล้วล่ะ

“ว่าว จะถึงคิวเพลงมึงแล้วนะ”
เพื่อนร่วมแบนด์ตะโกนบอก
“เออๆ เดี๋ยวไป”
“เพลงไอ้ไกด์อ่ะนะ”
“ไม่ใช่ กูร้องคัฟเวอร์ เพลงไอ้ไกด์กูให้น้อยหน่าร้องแล้ว เสียงกูไม่ได้”
“อ้าว งั้นก็ลัดคิวให้น้อยหน่ามันก่อนนะ สามทุ่มไอ้ไกด์มันต้องไปอ่านหนังสือต่อแล้ว”
“เออ ตามสบายเว้ย กูรอได้ กูกำลังใช้เวลาว่างตามลำพังอย่างสร้างสรรค์”
“อะไรของมึงวะ”

คือมันโอเคมากอ่ะ ผมก็เลยไม่ว่าอะไร ถ้าจะต้องรอไปอีกสักชั่วโมงสองชั่วโมง เพราะนั่นหมายความว่า ผมจะมีเวลาเขียนกระทู้ต่อเพื่อเซอร์วิสแฟนๆ ที่กำลังใจจดใจจ่อรออ่านกันอย่างบ้าคลั่ง (ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก) คันไม้คันมือจริงๆ เลยเชียว เริ่ม!

มาต่อแล้วนะครับ… ขอบคุณมากเลยครับ ไม่นึกเลยว่าเรื่องชีวิตรักน่าเบื่อๆ ของผม จะมีคนตามคนรออ่านกันมากถึงขนาดนี้ เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา ก็ต่อจากที่ค้างไว้เลยแล้วกันนะครับ

ด. กับผมมีรสนิยมต้องกันเรื่องบนเตียงมากครับ ทุกครั้งที่อยู่ในที่มิดชิดปลอดจากสายตาผู้คน เราก็อดไม่ได้ที่จะต้องจัด ประเด็นคือ ไอ้เวลาที่ว่านี่ ในช่วงแรกๆ มันเรียกว่าแทบจะตลอดเวลาเลยครับ ยิ่งวันไหนไม่ค่อยมีเรียนก็จะเอาละ คือไอ้เรื่องดีมันก็ดีอยู่หรอกครับ แต่ข้อเสียของมันก็คือ มันทำให้เรา want more ไปอีกเรื่อยๆ  จนเราสองคนไม่ค่อยมีเวลาให้กับคนอื่นๆ เลย ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้มีพวก ‘หาผู้ชายเองไม่ได้’ เกิดอาการริษยาตาร้อน

ระเบิดลูกแรกก็คือบุคคลที่เกริ่นไปแล้วตั้งแต่ตอนต้นนั่นแหละครับ น้อง ข.ม. วิศวะสาวดาวจุฬาฯ อดีตของ ด. คือจริงๆ น้องเขาก็ดีอยู่หรอกนะครับ คือสวย (มั้ง) ผมไม่ได้โกรธเกลียดอะไรเลยที่นางมี walk in closet และห้องสำหรับเก็บรองเท้าและกระเป๋าโดยเฉพาะ และน้าสาวเป็นดีไซเนอร์ไทยแบรนด์ไฮโซ สะพายหลุยส์ เวอร์นีส สีม่วงเปลือกมังคุด เอ่อ ผมหมายถึง ที่เคยเป็นแฟนเก่าของ ด. น่ะครับ

การมาถึงของนาง เป็นสาเหตุที่ทำให้เราต้องห่างจากกันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่รู้จักกัน! ด้านไม่ด้าน นางตาม ด. มาถึงเชียงใหม่ ทั้งๆ ที่อีกสองวันนางกำลังจะมีสอบเช่นเดียวกับพวกเรา ข.ม. สร้างปัญหาไว้มากมายนับตั้งแต่วินาทีแรกที่เท้าซึ่งทำสปามาอย่างดีของนางในรองเท้าแตะจากกุชชี่ เหยียบย่างลงบนผืนแผ่นดินล้านนา อย่างเช่น ไม่ยอมนั่งรถแดง จะต้องเรียกแทกซี่อูเบอร์ในการสัญจรไปมาเท่านั้น ต้องมี ด. เป็นไกด์ตลอดทริป อ้างว่ากลัวหลง ดื้อด้านจะมาอ่านหนังสือสอบกับผม ด. แต่ก็ไม่อ่าน เอาแต่ฉอเลาะสลับทำตัวเหวี่ยงวีนเจ้าอารมณ์ เป็นอาทิ ด้วยความที่ไม่มีใครแม้แต่คนเดียวรู้ว่าเราสองคนคบกันอยู่ ผมจึงพูดไม่ออก บอกอะไรใครไม่ได้ ได้แต่อดกลั้น และแอบไปร้องไห้หนักมากเมื่อมีเวลาตามลำพังในห้องน้ำ

นางแย่งเวลาของ ด. ไปจากผม ซึ่งทำให้เราทั้งคู่ เจ็บปวดมากที่ต้องถูกแยกห่างออกจากกัน!

นั่นแค่ระเบิดลูกแรกนะครับ

หลังจากส่งนางขึ้นเครื่องการบินไทย (ออนลี่ค่ะ ต้องไทยแอร์เวย์ออนลี่ค่ะ ด. นางยืนกรานด้วยน้ำเสียงแกร่งกร้าว) น้อง ข.ม. ก็ยังคอยจะโทรมารบกวนบ้างอะไรบ้าง ซึ่งผมก็อดทนมาโดยตลอด คือถ้ามีแค่คนเดียวเท่านี้ ผมก็ยังโอเค เพราะมันใจว่า ด. จะไม่กลับไปหานางอีกแน่ๆ แต่ไม่นาน ระเบิดลูกที่สองก็ตามมาติดๆ ไม่รู้ว่าเพราะอิจฉาที่เราสองคนแฮปปี้กันมากหรืออย่างไร สวรรค์จึงได้ส่ง ข.ม. หมายเลขสอง เข้ามาในชีวิตของเราทั้งคู่ แต่คราวนี้มาในรูปลักษณ์ของหนุ่มน้อยผิวขาว ปากแดง ที่อ้างความเป็นเพื่อนร่วมสถาบันแทรกเข้ามาในความสัมพันธ์ อย่างแยบยล

น้อง ม. เด็กผู้ชายที่หลงรักเจ้าดื้อและยอมรับกับผมอย่างหน้าด้านๆ ว่า “ผมอยากได้ ผมจะเอา พี่มีปัญญายื้อไว้ก็ลองดูสิครับ” คือให้ตายเถอะ! เกิดมาผมไม่เคยรู้จักใครที่ดราม่าราวกับเป็นตัวร้ายในละครช่องมากสีแบบนี้มาก่อนในชีวิต ม. นั้นร้ายยิ่งกว่า ข.ม. สักร้อยเท่าพันเท่า เพราะ ม. รู้วิธีที่จะแยกเราทั้งสองออกจากกัน เช่น อ้างงานคณะบ้าง ชวน ด. ไปเตะบอลทุกค่ำ ชวนไปอ่านหนังสือสอบ บ่อยครั้งเข้าก็เริ่มรุกคืบเข้ามากินเวลาส่วนตัวของเราในยามวิกาล ม. สร้างเรื่องว่าเพิ่งตรวจพบว่าเป็นลูคีเมียระยะสุดท้าย แต่ไม่อยากบอกทางบ้านให้ไม่สบายใจ (แต่บอก ด. - เอากะมันเซ่) ด้วยความที่ ด. เป็นคนจิตใจดี ใจอ่อนและรักเพื่อนมาก ก็เลยรู้ไม่เท่าทัน คอยเทียวรับเทียวส่ง ซึ่งแบบ มันไม่ใช่อ่ะ กิ๊บ แต่ผมก็พูดอะไรมากไม่ได้ เนื่องจาก ม. ค่อนข้างแผนสูง ถ้าโวยวายอะไรไปจะเข้าทางทันที กลายเป็นคนไร้น้ำใจในสายตา ด.

อาการป่วย (โรคตอแหล) ของ ม. ทรุดลงเรื่อยๆ (ถ้า ด. ไม่ไปดูใจ และจะดีขึ้นเมื่อ ด. ไปเฝ้า) ประกอบกับการที่ผมเป็นเด็กกิจกรรม เป็นตัวแทนของมหาวิทยาลัยในการแสดงความสามารถด้านต่างๆ  ไม่ว่าจะเป็นการประกวดร้องเพลง โต้วาที เสนองานวิจัย แข่งขันสตาร์ทอัพ เดินแบบ ประกวดมารยาท เล่นละครมิวสิคอล สวดทำนองสรภัญญะ พัฒนาแอพลิเคชั่น ฟ้อนสาวไหม ฯลฯ จึงทำให้เราสองคนไม่ค่อยได้มีเวลาอยู่ด้วยกันมากนัก

แล้วเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดที่ไม่เคยมีใครคิดฝันก็เกิดขึ้น …

เอ้อ เพื่อนเรียกให้ไปซ้อมดนตรีแล้วครับ เดี๋ยวยังไงจะมาเล่าต่อนะครับ


ไม่ได้โกหกนะ เค้าเรียกแล้วจริงๆ อ่านทวนเร็วๆ หนึ่งรอบแล้วกดส่งเลย โอเค เรื่องมันอาจจะเกินจริงไปนิดหน่อย แต่มันจำเป็นนี่เนอะ เพื่อเพิ่มอรรถรสในการอ่านและจะได้ไม่มีใครตามได้ว่าคนในเรื่องเป็นใคร ทำอะไร ที่ไหน ฯลฯ ทั้งส่วนที่เติมแต่งเข้าไปก็นิดเดียวจริงๆ นะ ไม่ได้ทำลายแก่นหรือข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเลย

โอเค เดี๋ยวอีกสองชั่วโมงค่อยกลับมาเช็คเรตติ้ง เอ้ย กลับมาดูว่า จะมีใครเข้ามาอ่านบ้างไหมน๊อ อิอิ

….

“เตง ยังไม่นอนอีกเหรอครับ”
เหล็กดัดงัวเงียเรียกมาจากเตียง
“ทำอะไรอยู่อ่ะ”

เฮอะ ไม่อยากจะสนใจ ผมกลับมาถึงห้องก็เห็นหลับไม่รู้เรื่องไปแล้วทั้งๆ เพิ่งจะสี่ทุ่มครึ่ง ไม่รู้ว่าไปทำอะไรมาถึงเพลียนักหนา กะอีแค่เตะบอลหยองๆ แหยงๆ ผมก็เคยนะเว้ย มันก็ เอ่อ เหนื่อยแค่นิดนึง แต่ก็ไม่ถึงกับสลบสไลแบบนี้  นี่ยังไงเล่า เราถึงไม่ได้อะไรกันเลยตั้งอาทิตย์! จนผมต้องมานั่งตั้งกระทู้ระบายความอัดอั้นตันใจอยู่นี่ไง!

“มานอนได้แล้ว”
“นอนก่อนเลย เค้าพิมพ์งานอยู่”
“พิมพ์งานอะไร เปิดเว็บพันซิป มองจากตรงนี้ก็เห็น”

ฉันไม่ได้แค่กำลังเปิดเว็บพันซิปนะ ฉันกำลังกอบกู้สถานการณ์ความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่อยู่ต่างหากล่ะ แต่เอาเหอะ พูดไปนายก็ไม่เข้าใจ

เย้ พิมพ์เรื่องที่จะโพสต์ต่อจวนจะเสร็จแล้วล่ะ นี่เราก็มีพรสวรรค์ในการเล่าเรื่องเหมือนกันนะเนี่ย คิดดูนะ ถ้ากระทู้นี้ดังขึ้นมา มีการแชร์และพูดถึงมาก มีคนคอยตามอ่าน ผมอาจจะเขียนภาคต่อของกระทู้เป็น เอพิโซดๆ ไป แล้วถ้ามันมากพอ เราก็อาจจะรวมเล่มขายได้เหมือนเรื่องของเซ็งเป็ด หรือคุณแอร์กี่ สงครามนางฟ้า เมื่อสิบกว่าปีก่อน บางทีอาจจะมีช่องเคเบิ้ลสักช่องขอซื้อลิขสิทธิ์ไปทำละคร ก็ละครแนววาย จิ้นๆ กำลังได้รับความนิยมนี่นา

โวะ คงต้องพิมพ์หลายครั้งน่าดู อาจจะมีปกที่ไทด์อินกับซีรีส์ด้วย พอถึงงานหนังสือที่ศูนย์สิริกิติ์ ก็จะมีการเชิญนักเขียนและนักแสดงไปโชว์ตัว แฟนคลับคงเยอะน่าดู เบียดเสียดเข้ามาถ่ายรูปขอลายเซ็น โอ้ย แต่ลายเซ็นเราไม่สวยเลย ชื่อก็ยังไม่ได้เปลี่ยน ต้องรีบคิดแล้วล่ะ ว่าแต่จะใส่อะไรดี เสื้อน่าจะเป็นเสื้อยืดที่ สนพ. ทำขึ้นเพื่อโปรโมทซีรีส์หรือหนังสือนั่นแหละ แต่สามารถสวมแจ็กเก็ตทับได้ กางเกงล่ะ ไม่เอากางเกงชิโนพับขาเสร่อๆ แบบพวกฮิพสเตอร์นะ สแล็คผ้ายืดพอดีตัวไหม ว่าแต่พูลแอนด์แบร์ทำแสล็คน่ารักๆ ขายหรือเปล่านะ…

“พี่มิว!”
เหล็กดัดเรียกเสียงดัง แถมไม่เรียกว่า ‘เตง’ ด้วย
“อะไร”
ผมหันไป มันกำลังก้มหน้า มีไอโฟนอยู่มือ ก่อนจะเคยๆ เงยหน้ามองผมอย่างมาดร้าย

….

เหล็กดัดกำลังคุยกับใครสักคนอยู่ที่ระเบียงเสียงดังโล้งเล้ง ส่วนในแท็ปเล็ตเสียงไลน์เอย แมสเซนเจอร์เอย ก็ดังสลับก่อนแทบจะตลอดเวลา

ผมปิดคอมพ์ไปแล้วด้วยอารามตกใจ กำลังตอบไลน์ในมือถือของตัวเองเหมือนกัน ทั้งไลน์เพื่อน ไลน์กรุ๊ป!

ให้ตายเถอะ พวกนั้นรู้ได้ยัง รู้กันได้ยังไงว่าเป็นเรา! ผมเลื่อนอ่านกระทู้ตัวเองอีกครั้ง คอมเมนท์พวกนั้น โอ ร้ายกาจมาก ทำไมนะ ทำไมคนเราถึงได้ทำร้ายกันถึงขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าเราต่างเชื่อมต่อซึ่งกันและกัน แลกเปลี่ยนมิตรภาพอันงดงามระหว่างกันอยู่หรอกเหรอ ไหนใครบอกว่าพันซิปคือเว็บโลกสวยสว่าง มีแต่การสนับสนุนช่วยเหลือ อนิจจา โลกโซเชียลมันช่างน่ากลัวเหลือกัน น่ากลัวเหลือเกิน โอ…

ดูคอมเมนท์พวกนี้สิ!

เรื่องจริงเหรอคะเนี่ย คนอะไรจะร้ายได้ขนาดนั้น
Ayumi Jang
28 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 20:10:12 น.

(อ้าว ก็เรื่องจริงสิยะ)

นิยายเชิญห้องข้างๆ ขอบคุณค่ะ
แม่ชีหลีเกี่ยวฮวด
28 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 20:14:00 น.

(เดี๋ยวนะ อีนี่มันอยู่ทุกที่เลยหรือยังไง)

ด. กับ จขกท. นี่เรียนมช. ใช่ไหมคะ เคยเห็นซ้อนรถเข้าไปในมอบ่อยๆ ค่ะ จขกท. แต่งตัวเก่งมากนะคะ  ขอชื่นชม
แอนนา วิญญาณ
28 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 20:14:22 น.

(อันนี้ดี แต่ รู้ได้ยังไง คนรู้จักเหรอ)


กรี้ด อย่าบอกนะว่า ด. คือ ดื้อ ชนุตต์ เดือนวิศวะเคมี มช. ปี 2 กรี๊ดดดดดด ไม่จริ๊ง ชั้นไม่เชื่ออออออ (อ. อ่างล้านตัว)
Miki Pinky
28 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 20:25:22 น.

(ไม่ๆๆๆๆๆ )

เห้ย ดื้อ ชนุตต์ เป็นเกย์เหรอ คือดูไม่ออกเลย ช็อคแป๊ป #ร้องไห้หนักมาก
สมาชิกหมายเลข 177865
28 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 20:26:05 น.

โธ่ พี่กู ไปขุดทองซะละ T T
อุ้มแตงแทงไม่ยั้ง
28 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 20:26:15 น.

(โอ้ย ตายๆๆๆๆๆๆๆ)

เจ้าของกระทู้มันชื่อ อีมิวค่ะ (จริงๆ ชื่ออีว่าว ชิตตพล ปฏิเสธสิว่าไม่จริง) ไปดักตบมันที่ HB7 คณะมนุษย์ได้ค่ะ เดี๋ยวเราช่วยจ่ายค่าปรับ ปล. มึงไม่ต้องตามสืบนะคะว่ากูเป็นใคร
เขาเรียกหนูว่านุ่มนิ่ม
28 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 20:30:05 น.

(อีเพื่อนชั่ว! ฉันจะไม่ให้แกยืมแอททิจูดไปอ่านอีกเลย คอยดู!)


ใช่พี่ดื้อ ชนุตต์ จริงๆ เหรอคะ เราชอบพี่เค้าตั้งแต่อยู่เตรียมแล้วค่ะ เคยถ่ายแบบ เล่นเอ็มวีด้วย ส่วน ข.ม. วิศวะ จุฬาฯ นี่ ใช่พี่ข้าวใหม่ใช่ไหมคะ เพราะสองคนนี้เคยคบกัน เมื่ออาทิตย์ก่อนก็เพิ่งลงรูปคู่กันที่เชียงใหม่ใน IG ด้วยค่ะ ถ้าใช่ก็ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าจะร้ายขนาดนี้ เห็นสวยๆ น่ารักๆ ส่วนพี่ดื้อ R.I.P. ค่ะ เสียดาย ฮือๆ
เอลซ่า ราชินีฮิม๊า
28 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 20:30:11 น.

อยากเผือกเชิญทางนี้ค่า ลิงค์เฟสและไอจี ดื้อ ชนุตต์ เดือน มช. กับข้าวใหม่ หลีดงานบอล ตามไปส่องกันตามอัธยาศัยได้เลย ปล. งานนี้มีมูลค่ะ
น้องแก้ว ฮอร์โมน วัยคว้าดุ้น
28 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 20:30:50 น.

(เฮ้ย เอางี้เลยเหรอ มันไม่ผิดกฎหมายสิทธิมนุษยชนเหรอยะ ฉันจะฟ้อง คสช)

คนนี้ใช่ ม.ป่ะคะ แมกซ์เวล ธีรดนย์ เรียนวิศวะเคมี ปี 2 คือน่ารักมากอ่ะ มีรูปคู่ดื้อ ชนุตต์ด้วย เพิ่งลงรูปที่โรงพยาบาลเมื่อเช้า เป็นลูคีเมียจริงๆ หรือเปล่าคะ รบกวน คุณมิว จขกท. มาตอบด้วยค่ะ IG: Maxwell Teeradol
แม่บอกไม่ให้เสือก
28 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 20:31:00 น.

ใครมีเฟสหรือไอจี จขกท. ขอด้วยนะคะ อยากตามไปส่องหน้าค่ะ
แพรี่พราย
28 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 20:32:10 น.

(ไม่ๆๆๆๆ ฉันยังไม่ได้ซ่อนสเตตัสด่ายัยข่าวใหม่และไอ้เด็กแมกซ์เลยนะ แล้วรูปโปรฟล์ก็ยังไม่ได้ถ่ายใหม่)

เอาไปเลยค่า Facebook: Worwow Chitapol #ร้องไห้หนักมาก #หล่อเป๊ะทุกคน #เสียใจ #ชะนีไร้ที่ยืน
Miss1998
28 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 21:00:02 น.

(โอ้ย อีบ้า นี่มันบ้าไปแล้ว)


พี่แมกซ์ พี่ดื้อ ตัวจริงหล่อมาก นิสัยดีมาก คือฟินอ่ะ อยากให้คบกันจริงๆ ส่วน จขกท ก็โอเคอ่ะค่ะ แต่เรื่องที่เล่าไม่จริงใช่ไหมคะ
WoofieEXO
28 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 21:01:29 น.

(เดี๊ยะ มีตบ!)

ตอแหล! #PrayForLiar
ลองถามใจตัวเองดู
28 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 21:40:06 น.

พี่มิวคะ ช่วยแจ้งลบกระทู้ด้วยค่ะ
Am I Rice?
28 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 21:41:03 น.

โอ้ย พอๆ พอแล้ว อ่านต่อไม่ไหวแล้ว นี่มันอะไรกันฮะ ผมอุตส่าห์ตีแผ่เรื่องราวความรักของตัวเองเพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับคนในสังคม และหวังว่าจะได้รับคำปรึกษาที่ดี แต่นี่อะไร นอกจากจะไม่ได้คำตอบใดๆ แล้ว ทำไมมันถึงเกิดมหกรรมการขุดคุ้ยอะไรขึ้น ผมไม่ได้ระบุด้วยซ้ำว่าคนในท้องเรื่องเป็นใคร แล้วทำไมคนพวกนี้ถึงรู้ ต้องมีใครสักคนที่ระแคะระคาย โอย ตายๆๆๆๆ นักสืบพันซิปนี่น่ากลัวจริงๆ

แล้วนี่ผมจะทำยังไงดี รู้แหละว่าเจ้าเหล็กดัดต้องโกรธมากๆ แต่จะขนาดไหนเนี่ยสิ ตอนนี้คนทั้งโลกโซเชียลก็รู้แล้วว่ามันเป็นเกย์และเราคบกันอยู่ โว้ย ผมไม่น่าเลยอ่ะ มันลุกลามใหญ่โตไปหมดแล้ว เหล็กดัดจะเป็นยังไง จะใช้ชีวิตอยู่ในสังคมแมนๆ อย่างคณะวิศวะยังไง จะโดนล้อ โดนแกล้ง หรือโดนดูถูกเหมือนที่ผมเคยเจอไหม คนอื่นๆ จะมองมันด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปจากเดิม แล้วชีวิตของเราจะยากขึ้นหรือเปล่า

ยิ่งถ้ามีการแชร์ไปเรื่อยๆ ทีนี้เรื่องของเราก็จะไปถึงหูตาของครอบครัว คนรู้จัก และเคยรู้จักเรามากมาย เราจะทนแรงกดดันนั้นได้แค่ไหน อีกไม่นานป๊ากับม๊าเหล็กดัดก็จะรู้ว่าเราไม่ได้เลิกกันจริงๆ  เหล็กดัดก็ต้องเครียดและทะเลาะกับที่บ้านอีก หรือบางที มันอาจจะปฏิเสธ เรื่องทั้งหมดนี้ เหล็กดัดอาจจะ ขอเลิกกับผม

น้ำตาขึ้นมาคลอจนผมไม่สามารถมองเห็นอะไรได้ชัดเจนอีก พอกระพริบตาที หยดน้ำก็หล่นลงบนสมาร์ทโฟนของผมเป็นดวงๆ เหมือนก๊อกรั่ว หลังม่านน้ำตา ผมหันไปมองเจ้าดื้อที่ตอนนี้กำลังเลือนประตูกระจกเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

ได้โปรด จะด่าจะว่า จะอะไรก็ได้ แต่อย่าพูดว่าเลิกกันเลยนะ

มันมานั่งหันหลังให้ที่ปลายเตียง ก้มหน้า เอาฝ่ามือกดหน้าผาก มีแต่ความเงียบ คงรอให้ผมพูดอะไรสักอย่างนั่นแหละ

“เค้าขอโทษ”

เงียบ…

ผมก็เลยเริ่มร้องไห้ ไม่รู้จะพูดอะไรด้วย อธิบายไปมันก็ไม่มีทางเข้าใจว่าผมทำเรื่องบ้าๆ พวกนี้ไปทำไม นั่นสิ คงไม่มีใครงี่เง่าเกินผมอีกแล้วล่ะ ผมเข้าใจเหตุผลที่มันเงียบนะ เพราะผมก็ไม่รู้จะพูดอะไรเหมือนกัน นอกจากร้องไห้

“เตง” เหล็กดัดคลานขึ้นมาบนเตียงแล้วกอดผมไว้ “นอนเหอะ ดึกละ ไม่ต้องร้องแล้ว”
“เค้าขอโทษนะ” ผมตอบ “เตงอย่าเลิกกับเค้านะ”

เหล็กดัดถอนหายใจแล้วล้มตัวลงนอน

“นอนเหอะ”

ผมขยับเข้าไปซุกตรงอกมัน ยิ่งมันกอดตอบผม ผมก็ยิ่งสะอื้นหนักกว่าเดิม เหล็กดัดไม่พูดอะไรอีก จริงๆ มันควรจะพูดว่า “เค้าไม่เลิกกับเตงหรอก” ให้ผมสบายใจ แต่ว่าสถานการณ์ตอนนี้ แค่มันกอดผมไว้ ไม่พูดอะไร ก็โชคดีที่สุดแล้วสำหรับผม



 :o12:  :o12:  :o12:  :o12:  :o12:

ออฟไลน์ bennietakky

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-0
20. (2)



ตอนที่ผมตื่นขึ้นมา เหล็กดัดลงไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสคอนโดเรียบร้อยแล้ว เหล็กออกกำลังเกือบทุกวัน เฉพาะในตอนเช้า เพราะตอนเย็นมักไม่ว่าง นอกจากนี้ยังมีเหตุผลที่ว่าการออกกำลังในตอนเช้านั้น เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด

ผมมองตัวเองในกระจกแล้วผงะไปทีนึง (นึกว่าผี) ตาช้ำลึกโบ๋เพราะร้องไห้ทั้งคืน เหล็กดัดก็คงเหมือนกัน แต่มันยังมีแก่ใจจะลงไปออกกำลังกาย มันคงเป็นวิธีคลายความเครียดที่ดีนะ แต่ผมไม่ชอบออกกำลัง ถ้างั้นทำอะไรดีล่ะ ปกติก็ตื่นขึ้นมาเปิดมือถือ เปิดคอมพ์เช็คเฟส

ไม่ ไม่ดีกว่า ไม่ใช่ไอเดียที่ดีสำหรับวันนี้ ยิ่งเว็บพันซิปยิ่งแล้วใหญ่

เหล็กดัดกลับเข้ามาอาบน้ำ ไม่ทักทายอะไรแม้แต่คำเดียว ผมทำเป็นหลับอยู่บนเตียง หันหลังให้ ไม่พร้อมเผชิญหน้า ขอบคุณพระเจ้าที่วันนี้เป็นวันเสาร์ นอนฟังเสียงฝักบัวอยู่นานมาก โอ้ย อยากเข้าไปอาบด้วยจัง แอบคิดว่าเอาแขนสอดเข้าไปจากด้านหลังขณะที่เหล็กดัดกำลังอาบน้ำอยู่ …

โอ้ย ขึ้นเลยอ่ะ

กำลังคิดว่าจะช่วยปลุกน้องน้อยดีไหม เหล็กดัดก็กลับออกมาจากห้องน้ำซะก่อน ผมต้องทำเป็นหลับอยู่เหมือนเดิม เงี่ยหูฟังเสียงที่เกิดจากทุกการเคลื่อนไหว ทรมานจังเลย

เมื่อไหร่ผมถึงจะโดนด่าซะที
เมื่อไหร่ถึงจะถูกบอกเลิก

“เค้ามีนัดทำฟันนะ”

เหล็กดัดบอก ผมพลิกตัวหันไปทางต้นเสียงซึ่งแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย มีกุญแจมอเตอร์ไซค์อยู่ในมือ

“ให้ไปส่งไหม”
“อย่าเลย อยู่นี่แหละ”

โอเค ผมพอจะเข้าใจ ขืนออกไปด้วยกันสองคน คงต้องตกเป็นเป้าสายตาของคนรู้จัก (แล้วก็ไม่รู้ว่ามีอีกกี่คนที่ได้อ่านกระทู้เมื่อวาน ถึงแม้ว่าผมจะลบข้อความในกระทู้และแจ้งลบแล้ว แต่ยังมีคนที่เซฟเก็บแล้วเอามาโพสต์ต่อเรื่อยๆ น่ากลัวมาก)

“มีเกาเหลาข้าวเปล่ากับน้ำเต้าหู้ปลาท่องโก๋อยู่ที่โต๊ะนะ อย่าลืมกินล่ะ เดี๋ยวเค้ากลับมา เราจะไปเยี่ยมไอ้แมกซ์กัน”

หา!

ผมยังไม่ทันจะได้ตอบอะไร เหล็กดัดก็ออกไปจากห้องล็อคประตูเรียบร้อย บ้าไปแล้ว ผมจะมีหน้าไปเจอไอ้เด็กแมกซ์ได้ยังไง ในเมื่อทุกคนรู้แล้วว่าผมพูดถึงมันในกระทู้ ซึ่ง… โอเค อาจจะเกินไปจากเรื่องจริงนิดหน่อย แค่นิดเดียวจริงๆ แต่เป็นใครก็คงโกรธ ไม่เอาหรอก

ผมรีบลุกขึ้นมา หยิบเป้ใส่ของออกจากตู้ เก็บเสื้อผ้าและของใช้ที่ขาดไม่ได้อีกสองสามอย่างยัดลงไป วันนี้ยังไงผมก็ต้องกลับบ้านอยู่แล้ว เพราะศุกร์หน้าก็ต้องลงกรุงเทพฯ ไปแข่งดนตรี ฉวยโอกาสตอนที่เหล็กดัดออกไปทำฟัน และผมยังนึกหาข้ออ้างตอบคำถามเรื่องเมื่อคืนไม่ออกกลับไปซะเลยตอนนี้ อย่างน้อยถ้าผมไม่อยู่ ผมก็ไม่ต้องถูบังคับให้ไปเยี่ยมไอ้เด็กแมกซ์ เหล็กดัดก็บอกเลิกผมไม่ได้ด้วย อยู่ที่บ้านผมก็จะไม่รับโทรศัพท์ ไม่อ่านข้อความ ไลน์ ไม่เข้าเฟส ไม่อะไรทั้งสิ้น

“เตงทำไร”
อ้าว!
“ไหนว่าจะไปทำฟัน”
“ลืมกระเป๋าสตางค์”

เหล็กดัดเดินไปหยิบกระเป๋าสตางค์ที่โต๊ะเขียนหนังสือ

“แล้วนี่เก็บของจะไปไหน”
“ก็… วันนี้วันเสาร์ ก็กลับบ้านสิ”
“อย่าคิดจะหนีกลับบ้านล่ะ ไปเยี่ยมไอ้แมกซ์ด้วยกันก่อน ค่อยกลับ”

เหล็กดัดสั่งน้ำเสียงเฉียบขาด

“เออ รู้แล้วน่า”

โว้ยยยยยยยยยยย !

….

โอเค รู้ล่ะโรงพยาบาลที่ไหนก็เหมือนๆ กัน แต่ที่มหาราชนี่ โอ้ยยยย ใจสั่นมากกก ทั้งหมดหนุ่มและนักศึกษาแพทย์ แม้แต่บุรุษพยาบาลยังชวนละลาย ผมต้องคอยเตือนสติตัวเองไว้ตลอดทางว่าตัวเองมีแฟนแล้วนะ แต่นั่นแหละ เร็วๆ นี้อาจจะไม่มีแล้วก็ได้ เฮ้อ

ผมดึงเสื้อเหล็กดัดไว้เหมือนเด็กๆ ตอนที่เราก้าวออกจากลิฟต์

“คือ เค้าไม่ค่อยชอบกลิ่นโรงพยาบาลอ่ะ ได้กลิ่นแล้วเวียนหัวจะเป็นลม หายใจไม่ออก กลับกันเถอะ”

เหล็กดัดหันมาขมวดคิ้วใส่ผม

“หรือไม่ดื้อก็เข้าไปคนเดียวละกัน โอเคนะ เดี๋ยวเค้าลงไปรอตรงร้านกาแฟข้างล่าง”
“พี่มิว!”

โอ้ย ทำไมต้องดุด้วยล่ะ

เราโผล่หน้าเข้าไปตอนที่แพทย์เจ้าของไข้ ซึ่งเป็นแพทย์ฝึกหัดลุคแบดบอยระเบิดหู กำลังเช็คอัพเจ้าเด็กแมกซ์อยู่พอดี ผมกับเหล็กดัดสบตากันอย่างรู้ทัน โวะ ร้อยเอาบาทเดียว อีเด็กแมกซ์นี่ต้องได้ไลน์หมอไปแล้วแน่ๆ ฉอเลาะเรียกเค้า หมอนนท์ๆ ถามซอกแซกนั่นโน่นนี่ซะขนาดนี้ เผลอๆ ตอนดึก อาจจะเปลี่ยนเตียงคนไข้ห้องพิเศษ เป็นเตียงสปริงดังเอียดอาดๆ แล้วก็ไม่รู้ เหล็กดัดอมยิ้ม

แบบนี้ค่อยรู้สึกดีหน่อย ที่เรายังต่อกันติด ถึงจะเป็นแค่โมเมนท์เดียวก็เหอะ

ว่าแต่หมอหล่อจัง เสียดาย อิจฉา… ไม่ๆ ต้องไม่อิจฉา

โว้ย ฉันไม่อิจฉาแกหรอก ก็แค่ ได้กับหมอ ได้กับพี่ต้อม (ฮือๆ) และอาจจะได้กับคนหล่อๆ อีกเพียบเท่านั้นเอง แค่บอกฉันมาก็พอ ว่าแกกับเหล็กดัดยังไม่ได้…

“เป็นไงวะ”

เหล็กดัดทักทาย หลังจากที่หมอตรวจอาการเสร็จเรียบร้อย

“อาการดีขึ้นแล้วครับ อีกสองสามวันก็กลบบ้านได้”

หมอนนท์อาสาตอบแทนคนไข้ด้วยไดอะล็อกคลิเช่ ชนิดที่เรามักได้ยินในละคร

“อ๋อ ขอบคุณครับ ดีๆ” เหล็กดัดหันไปคุยกับไอ้เด็กแมกซ์ต่อ “เออ กูพาพี่มิวมาด้วย เค้าอยากมาเยี่ยมแก”

จ้า ฉันอยากมาก จะลงแดงอยู่แล้วเนี่ย

ไอ้เด็กแมกซ์หันมามอง ยิ้มให้ตามมารยาท โว้ย ไม่ต้องมีมันหรอก มารย่งมารยาท อยากด่าก็ด่าเลย ฉันพร้อมแล้ว

“ขอบคุณนะครับที่มาเยี่ยม”
“ไม่เป็นไรหรอก จะหายแล้วก็ ดีใจด้วยนะ”

ผมตอแหลเพราะอยู่ต่อหน้าหมอกับเจ้าเหล็กดัด ใช่ ฉันดีใจ เพราะแฟนฉันจะได้ไม่ต้องเจียดเวลามาเยี่ยมแกไง

“ตกใจแทบแย่แน่ะพอรู้ว่าไม่สบาย น้องเค้าจะหายจริงๆ ใช่ไหมครับคุณหมอ”
“ผมเป็นไข้เลือดออกนะครับ ไม่ได้เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย พี่มิวคงสับสน”

ไอ้เด็กแมกซ์แดกดันเรื่องกระทู้ ชิ งั้นก็รีบๆ หายซะสิ

“เป็นไข้เลือดออกธรรมดา ไม่กี่วันก็หายแล้วครับ”

คุณหมอสุดหล่อสำทับ

“แต่คุณหมอเก่งจริงๆ นะครับ รักษาจนน้องเขาหายได้”
“ครับ ไม่มีอะไรแล้ว หมอขอตัวนะครับ พักเยอะๆ นะ เดี๋ยวบ่ายสามหมอแวะมาดูใหม่”

หมอนนท์หันมายิ้มให้ก่อนเดินออกไปพร้อมพยาบาล
เซ็กซี่อ่ะ ^ ^

“พี่มิว มีอะไรจะพูดกับไอ้แมกซ์ไม่ใช่เหรอครับ”

เหล็กดัดสะกิด

โอ้ยยยย นี่ฉันต้องพูดจริงๆ ใช่ไหม โอเคๆ

“เอ่อ….”
“พี่มิวเค้าอยากจะขอโทษมึงน่ะ”

โอ้ย ไม่ต้องช่วยฉันหรอกน่า

“ก็ อย่างงั้นแหละ ขอโทษนะ เรื่องกระทู้พันซิปอ่ะ คือจริงๆ มันไม่ได้มีอะไรเลยนะ มันเป็นเรื่องแต่งทั้งหมดน่ะ แบบกระทู้ 18+ ทั่วๆ ไป ก็แต่งให้มันมีดราม่า มีปม มีทวิสต์ให้คนอ่านสนุกๆ ไม่คิดว่าจะมีคนเชื่อจริงจัง หรือเผือกขนาดไปตามสืบ หรือ…”
“พี่มิว แค่พูดขอโทษก็พอ”

เหล็กดัดบอก

“… พี่ขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ ตอนนี้ก็ลบกระทู้แล้ว โพสต์สเตตัสแก้ข่าวในเฟสแล้ว จริงๆ จะตั้งอีกกระทู้เพื่ออธิบายเรื่องทั้งหมด แต่เหล็กดัด เอ่อ ดื้อห้ามไว้น่ะ ถ้าพอมีอะไรที่พี่จะ…”
“ไม่เป็นไรครับ” ไอ้เด็กแมกซ์ตอบในที่สุด “ผมเข้าใจ”
อ๊ะ

“จริงๆ เหรอ แมกซ์ไม่โกรธพี่เหรอ”
“ครับ ผมไม่โกรธหรอก”

โฮ้ย แมนว่ะ ดีใจอ่ะ ผมหันไปทางเจ้าดื้อที่ยืนยิ้มอยู่ แต่พอสบตาผมเท่านั้นแหละ มันก็ทำหน้านิ่งเฉย

“ก็ผมไม่ใช่ตัวอิจฉาละครช่องมากสี แล้วก็ไม่ได้เป็นลูคีเมียระยะสุดท้ายนี่”

คนป่วยพูดแล้วก็หัวเราะขำ โอ้ย ไอ้เด็กแมกซ์มันน่ารักจนผมอดใจไม่ได้ที่จะโดดเข้าไปกอด

“ไม่ๆ แมกซ์ไม่ใช่ตัวอิจฉาเลย”
“โอ้ย เบาๆ พี่ สายน้ำเกลือ”
“โอ๊ะ ขอโทษครับ”

เหล็กดัดต้องเข้ามาดึงผมออกมา เพราไอ้เด็กแมกซ์ฉวยโอกาสหอมแก้มผมด้วย

“นิดๆ หน่อยก็ไม่ได้”

เด็กแมกซ์บอก ใช่ นิดๆ หน่อยๆ เองนะ หึงไม่เข้าท่า แต่เหล็กดัดก็ไม่พูดอะไร

“ขอบคุณนะ”
“ไม่เป็นไรครับ อีกอย่างนึงนะพี่มิว ผมรู้ว่าพี่ทำทั้งหมดนี่ไปทำไม เพื่อให้พี่มิวสบายใจ ผมสาบานเลยก็ได้ว่า ผมกับไอ้ดื้อ ไม่ได้มีอะไรกันอย่างที่พี่คิด เราเป็นแค่เพื่อนกัน มันไม่ได้ชอบผม”

เจ้าเด็กแมกซ์ยิ้มเศร้าๆ กับตัวเอง

“มันชอบพี่”



เจ้าเหล็กดัดชอบผม แน่ล่ะ ทำไมผมจะไม่รู้ เพียงแต่ตอนนี้อะไรๆ มันไม่เหมือนเดิมแล้วเท่านั้นแหละ…

น้องแมกซ์ให้อภัยผมแล้ว นี่ผมก็กะว่าจะโทรไปขอโทษยัยข้าวใหม่เร็วๆ นี้ แต่กับเจ้าดื้อ ผมไม่แน่ใจเลยว่ามันคิดยังไง มันคงไม่เกลียดผมหรอก อันนั้นผมรู้ มันคงไม่เลวร้ายขนาดนั้น แต่มันอาจจะกำลังประเมินความสัมพันธ์ของเราอยู่ก็ได้ หลังจากเรื่องทั้งหมดนี่

ความสัมพันธ์ที่มันเฝ้าเพียรรักษา ประคับประคอง แต่ผมกลับทำลายลงครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยการกระทำโง่ๆ ที่เรียกว่า ‘ความไม่มั่นใจ ไม่ไว้ใจ’

เหล็กดัดมาส่งผมที่ท่ารถเมล์ประตูเชียงใหม่ รถกำลังจะออกพอดี เราก็เลยไม่มีโอกาสได้พูดคุยอะไร ผมบอกขอบคุณที่มาส่ง เหล็กดัดตอบแค่ว่า ‘กลับดีๆ นะ’ แล้วสตาร์ทรถออกไปเลย คือถ้าเป็นก่อนหน้านั้น มันจะต้องเยอะกว่านี้อ่ะ เช่น งอแงๆ จะไปส่งที่บ้าน บอกให้โทรหาทันทีหลังจากที่ถึง หรือถามเซ้าซี้ว่าจะเอาขนมหรือน้ำดื่มไปกินระหว่างทางไหม

ตอนนี้เหลือแค่ ‘กลับดีๆ นะ’

แล้วหลังจากนี้ล่ะ

ผมเฝ้ามองทัศนียภาพสองข้างทางอย่างเลื่อนลอย คือรู้แหละว่ามีอะไรที่ผ่านตา แต่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แยกไม่ออกระหว่างคนกับต้นไม้ หรือภูเขากับบ้านเรือน

น้ำตาที่รื้นขึ้นมาก็อย่างหนึ่งล่ะ แต่สาเหตุหลัก น่าจะเป็นเพราะว่าใจผมไม่ได้จดจ่ออยู่กับภาพตรงหน้า แต่มันกำลังคิดไปถึงภาพเก่าๆ ที่แล่นผ่านไปอย่างรวดเร็วและฉายซ้ำอยู่ในสมองมากกว่า

วันเวลาที่เรารู้จักกัน ตั้งแต่วันแรกจนวินาทีล่าสุด


 :mew6:  :mew6:  :mew6:  :mew6:  :mew6:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-05-2015 02:31:28 โดย bennietakky »

ออฟไลน์ bennietakky

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-0
21.


เรามาถึงกรุงเทพตั้งแต่เมื่อคืน พักอยู่ที่บ้านเพื่อนในแบนด์แถวบางบัวทอง ตอนเช้ามืดจึงตีรถตู้เข้ามาในสยามสแควร์

กรุงเทพก็เหมือนอย่างที่เคยเป็น อากาศร้อน รถติด คนเยอะยุ่ง แต่ก็มีเสน่ห์เป็นตัวของตัวเอง รู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อยที่เข้ามาแถวนี้ ซึ่งก็เป็นทุกครั้งนั่นแหละ เพราะจะได้เดินอัพเดตของใหม่ๆ นั่นโน่นนี่ ที่ไม่มีที่เชียงใหม่ เสียแต่คราวนี้เราไม่มีเวลาทอดน่องดูของมากนัก ต้องสแตนด์ตั้งแต่เช้าถึงบ่าย เอาเถอะ ถึงยังไงผมก็ไม่มีกะจิตกะใจจะวินโดว์ช้อปปิ้งอยู่แล้ว

ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา หลังจากที่ส่งเปเปอร์ปลายภาคเสร็จเรียบร้อย ผมก็ใช้เวลาส่วนใหญ่ขลุกอยู่กับแบนด์ที่สโมฯ ส่วนเจ้าเหล็กดัด ก็… ไม่รู้เหมือนกัน ก็คงจะยุ่งเหมือนกันแหละมั้ง เพราะฟุตบอลระหว่างคณะ หรือ CMU League เริ่มแข่งขันแล้ว จนกว่าหาคู่ชิงเตะกันในงาน Sport Day เทอมหน้าได้ เรื่องของเรื่องคือ เราแทบไม่คุยอะไรกันเลยหลังจากที่ผมกลับมาจากบ้านนอก ผมอยู่สโมฯ ซ้อมร้องเพลง บางทีก็ถึงตีหนึ่งตีสอง พอถึงห้องเหล็กดัดก็นอนไปแล้ว ที่จริง มันก็อาสาจะไปรับส่งเหมือนกัน แต่ผมรู้ว่ามันไม่ไหวหรอก และอีกอย่างมันก็คงแค่ถามตามมารยาทเท่านั้น

ดังนั้นสองสามวันหลัง ซึ่งซ้อมกันดึกมาก ผมจึงไม่กลับไปนอนที่ห้อง แต่ไปอาศัยไอ้แมกซ์แทน (มันเที่ยวดึก กลับเกือบเช้าทุกวันอยู่แล้ว) และแวะเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าตอนกลางวันที่เหล็กดัดไปเตะบอลแทน

สงสัยคราวนี้คงต้องเริ่มหาหออยู่จริงๆ จังๆ แล้วสิ ที่บ้านก็กำชับมาว่าอย่างนั้น เพราะเข้าใจว่าผมกำลังไปเบียดเบียนสร้างความลำบากให้กับคนอื่น ซึ่งจะว่าไปมันก็ใช่แหละ

ไปค้างกับไอ้แมกซ์คราวนี้ ทำให้เราสองคนได้คุยปรับความเข้าใจกัน ผมเข้าใจมันมากขึ้น และมันก็เคารพการตัดสินใจของผมมากขึ้น  อ้อ ผมไม่ลืมบอกมันเรื่องของน้องแมกซ์ (หรือเจ้าเด็กแมกซ์) ซึ่งกำลังคั่วหมอแบดบอยอยู่ ซึ่งหมายความว่า พี่ต้อมกับเจ้าเด็กแมกซ์ ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรไปมากกว่าคำว่า ‘กิ๊ก’

“กูรู้ตั้งนานแล้ว”
“อ้าว รู้ได้ไงวะ พี่ต้อมบอกเหรอ”
“อือ ยังไงก็ขอบใจมึงนะ ที่คาบข่าวมาบอก”
“เค้าเรียกว่ามาอินฟอร์มเว้ย คาบนั่น มันนกพิราบแล้ว”
“กูหมายถึงหมา”
“มึงสิหมา ห่า กูอุตส่าห์เป็นห่วง”

ไอ้แมกซ์ยิ้มกว้าง

“อะไร มึงอย่าคิดอกุศลกับกูเชียวนะ”
“ความคิดคน มันห้ามได้ด้วยเหรอวะ”
“ลองมึงทำอะไรกู กูจะโทรฟ้องพี่ต้อมเดี๋ยวนี้เลย”
“เสร็จพี่ต้อม ดีกว่าเสร็จกูว่างั้น”
“ของมันแน่อยู่แล้ว”
“นึกว่าจะฟ้องผัวซะอีก”
“เออ ฟ้องแน่”

แต่เหล็กดัดคงจะไม่สนใจหรอก ซึ่งก็สมควรแล้ว เพราะผมสร้างเรื่องเอาไว้เยอะจริงๆ ตอนนี้มันอาจจะกำลังพยายามซ่อมสร้างชีวิตของตัวเองอยู่ก็ได้ มันเองก็ไม่ได้มีความสุขนักหรอก ทั้งหมดเพราะความงี่เง่าของผมเอง

“มึงโอเคนะ ว่าว”
“อืม”
“แต่ถ้ามึงไม่โอเค มึงก็ยังมีกูอยู่ทั้งคนนะ อย่าลืม”
“แล้วพี่ต้อมอ่ะ”
“พี่ต้อมก็ส่วนพี่ต้อมดิ นั่นกูชอบ กูอยากได้ แต่มึง… มึงคือเพื่อนที่กูแคร์ที่สุดเว้ย”
“ซึ้งอ่ะ” ผมบอก แหม ก็นานๆ จะไดพูดกันดีๆ “กูขอโทษนะแมกซ์ ที่กูชอบมึงตอบไม่ได้”
“เออ ก็เหมือนที่มึงห้ามไม่ให้กูชอบมึงไม่ได้นั่นแหละ เข้าใจกูด้วย”

โอ้ย จะผิดไหม ถ้าผมจะเริ่มหวั่นไหวกับมันอีก ก็ไม่รูสิ อะไรก็ไม่แน่ไม่นอนทั้งนั้น อาจจะมีสักวันที่ผมเลิกรักเจ้าเหล็กดัดได้ก็ได้ ถึงวันนั้น คนแรกที่ผมมองหาอาจจะอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนี่เอง ถ้ามันยังทำตัวดีแบบนี้ได้ตลอดรอดฝั่งอ่านะ

“มึงเป็นเพื่อนทีดีจริงๆ ว่ะ”
“เออ กูจะเป็นอะไรได้มากไปกว่านี้อีกล่ะ”

นั่นแหละ ประโยคตัดพ้อประจำตัวของมันล่ะ

ระหว่างรอซ้อมใหญ่บนเวทีจริง ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูฆ่าเวลา แน่นอนว่าไม่มีทั้งมิสคอลหรือแมสเสจจากเหล็กดัด ไลน์ที่ผมส่งให้เมื่อวานตอนสามทุ่มก่อนบอร์ดดิ้งและหลังแลนดิ้งขึ้นว่าอ่านแล้วตั้งแต่เมื่อคืน แต่ก็ไม่มีข้อความตอบกลับแต่อย่างใด ยอมรับว่าเสียใจอยู่หน่อยๆ แหม อะไรมันจะจืดจางกันเร็วขนาดนั้น ไม่มีแม้แต่ข้อความให้กำลังใจ เช่น สู้ๆ เดินทางปลอดภัยนะ ทำให้ได้นะ คือแบบ นึกออกป่ะ ขนาดผมยังมีน้ำใจส่งแมสเสจไปก่อนมันแข่งทุกนัดเลย

คงไม่ใช่อะไรอย่างอื่นแล้วล่ะ นอกจากการนับเวลาถอยหลังเพื่อถูกบอกเลิก

การซ้อมใหญ่ในช่วงเช้าที่ลานดิสคัฟเวอรี่ถือว่าผ่านไปได้ด้วยดี แต่ละวงมีเวลาซ้อมวงละ 20 นาที สามเพลง ตามกำหนดการณ์จริง มีแบนด์จากมหาวิทยาลัยต่างๆ รอดมาถึงรอบสุดท้ายนี้ 7 วง ซึ่งดูๆ แล้ว น่ากลัวและฝีมือฉกาจฉกรรจ์กันทั้งหมด แต่แบนด์เราก็มีทั้งกลอง เปียโน คีย์บอร์ด และวงเครื่องเป่าที่สุดยอดเหมือนกัน จะมีก็แต่นักร้องนี่แหละ สามเพลง ใช้ถึงสามคน ชายสอง หญิงหนึ่ง ร้องนำคนละเพลง ที่เหลือก็ช่วยกันประสาน ผมรับผิดชอบเพลงคัฟเวอร์ที่เป็นเพลงช้าและเป็นเพลงภาษาอังกฤษ คือเพลง Memo ของวง Years & Years ผมเสนอเพลงนี้เองเพราะชอบโดยส่วนตัว ร้องแล้วเข้าปาก ซึ่งคนอื่นๆ ได้ฟังแล้วก็ปิ๊ง เราเรียบเรียงใหม่ให้ได้โชว์เครื่องดนตรีมากกว่าเดิม รวมถึงเอาเครื่องเป่าเข้ามาใช้ด้วย

พอถึงเวลาเริ่มงานคือห้าโมงเย็น ลานก็แน่นขนัดไปด้วยผู้คน ทั้งที่ตั้งใจมาเชียร์แบนด์ของมหาวิทยาลัยตัวเอง มาเชียร์คนรู้จัก และที่สัญจรไปมา พวกเราซึ่งเปลี่ยนมาใส่ชุดนักศึกษาเรียบร้อยจับกลุ่มกันบริเวณที่สตาฟจัดไว้ให้ร่วมกับนิสิตนักศึกษาจากสถาบัน นั่งบ้าง ยืนบ้าง คุยกัน เล่นมือถือ บ้างก็ถ่ายรูปกันกับเพื่อนแบนด์อื่นๆ ดูสนุกสนาน ผมเองก็พอมีคนมาขอถ่ายรูปด้วยเหมือนกัน แต่ให้ตายยังไงก็ไม่รู้สึกดี ทั้งที่มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้เลย

“เฮ่ลโล้ววววว ว่าไงยะ อาร์ ยู เรดี้”

สำเนียงกระแดะ แปร่งๆ คุ้นหู แทรกผ่านกลุ่มสตาฟเข้ามากระทบโสดประสาท พอหันไปก็เจอยัยเมี่ยง ไอ้แมกซ์ พี่ต้อม และพี่ๆ น้องๆ ในเมเจอร์และคณะ อีกหลายคนโบกไม้โบกมือให้

โอ้ย ขอบอกว่าดีใจมากอ่ะ ดีใจและซึ้งใจ พวกเราทั้งแบนด์รีบวิ่งไปที่เขตเชือกกั้นเพื่อทักทายเพื่อน

“มากันได้ไงเนี่ย” ผมละล่ำละลักถาม “นี่มาเซอร์ไพรส์เหรอ มากันกี่คน”
“ก็เท่าที่เห็นนี่แหละย่ะ”

ผมกวาดสายตามอง ถ้าพวกนี้วางแผนเพื่อจะมาเซอร์ไพรส์ ไม่แน่ว่าเจ้าเหล็กดัดอาจจะ…

“มันไม่ได้มาหรอก กูชวนมันแล้ว มันบอกติดแข่ง”

ไอ้แมกซ์บอก น้ำเสียงดูเวทนาผมชอบกล

“ไม่ได้มองหามันซะหน่อย”
“นี่ตกลง ยังไม่ได้คุยกันอีกเหรอ” ยัยเมี่ยงถามแล้วกลอกตาเบื่อหน่าย “กอชชชช จะโกรธอะไรกันนักหนาคะ เอาเบอร์มา เดี๋ยวฉันโทรหาเอง”
“ไม่ต้องหรอก ไม่มีอะไร” ผมปฏิเสธแกนๆ น้ำเสียงคงจะอ่อนไปหน่อย ทุกคนถึงทำหน้าเห็นอกเห็นใจขนาดนี้ “ขอบคุณทุกคนนะ ที่มาให้กำลังใจ เซอร์ไพรส์มากอ่ะ บอกเลย”
“เต็มที่เลยนะมิว พี่เอาใจช่วย”

พี่ต้อมบอก พร้อมกับยิ้มอบอุ่นอันเป็นซิกเนเจอร์

“เออ ร้องดีๆ นะมึง เอาถ้วยรางวัลมาฝากกูด้วย”

ไอ้แมกซ์บอก

“สู้ๆ ค่ะ คุณเพื่อน… เมย์ เดอะ ฟรอซ บี วิท ยู” ยัยเมี่ยงอวยพร “เดี๋ยวพวกฉันไปจองที่ยืนตรงหน้าๆ เบรก กะ เล้คคค โอเค๊”

ผมทำท่าโอเคตอบ ก่อนที่จะโบกมือบ๊ายบาย ทักทายเพื่อนคนอื่นๆ  และเดินกลับไปนั่งที่เดิม

ไม่มาจริงๆ ด้วย…

ก็ไม่แน่นะ ตอนผมขึ้นร้อง พอผมกวาดสายตาไปรอบๆ อาจจะเจอมันมายืนอยู่กลางลานก็ได้ ต้องเป็นแบบนั้นแหละ แบบในเรื่อง รักแห่งสยามไง ตอนที่โต้งมายืนให้กำลังใจมิว

แต่ไม่เอาฉากหลังจากนั้นนะ ที่บอกว่า ’เป็นแฟนไม่ได้ แต่ไม่ได้แปลว่าไม่รัก’ อะไรนั่นน่ะ

เหล็กดัด เตงอยู่ไหนอ่า T T



น้องจากเมเจอร์เยอรมันเพิ่งร้องเพลงคัฟเวอ่ร์เพลงไทยซึ่งเป็นเพลงแรกจบไป เสียงกรี๊ดและเสียงปรบมือดังสนั่น !

ผมสลับตำแหน่งเพื่อขึ้นมายืนอยู่ตรงหน้า เพื่อเตรียมร้องเพลงที่สองซึ่งเป็นเพลงช้า ก่อนที่จะปิดท้ายด้วยเพลงเร็วซึ่งแต่งโดยไอ้ไกด์ และมีน้องน้อยหน่า เมเจอร์อิ๊ง เป็นคนรับผิดชอบ ตามกติกาของการประกวด

อินโทรดังขึ้น ไฟส่องสว่างอีกครั้ง ผมโบกมือทักทักทายเพื่อนๆ นำโดย ไอ้แมกซ์ พี่ต้อม ยัยเมี่ยง ซึ่งกำลังตะโกนเรียกชื่อผมอยู่ด้านล่าง พยายามกวาดสายตาสู้แสงไฟอย่างยากลำบาก แต่ก็ไม่พบเจ้าเหล็กดัด

But the show must go on ผมต้องร้องแล้วล่ะ

เธอจะร้าวราน จะไหม้หมอง หรืออย่างไร
เพียงขานรับฉันสักครั้ง
ให้ฉันดูแลหัวใจ ได้รักเธอในมุมมืด
โดยไม่มีผู้ใดระแคะระคาย

อา ฉันปารถนาเธอมากขึ้น และมากขึ้น
ฉันต้องการเธอมากกว่าเดิม มากกว่าเดิม

โอ เธอมองดูตัวเองว่าต่ำต้อยด้อยค่า
ให้พยายามอย่างไร ก็ไม่สามารถจะเปลี่ยนใจเธอได้
โอ ฉันรักที่จะจ้องมองเรือนร่างของเธอ
เพราะมันทำให้ฉันรู้สึกดีและเกิดความพึงพอใจ

Memo โอ เธอทำให้ฉันถวิลหา
ใครบ้างจะไม่ปรารถนา กับเรือนร่างและหน้าตาเช่นนั้น
โอ ฉันอยากจะรั้งเธอไว้ให้อยู่ด้วยกันนานๆ
ถ้าฉันพยายามอย่างถึงที่สุด เธอจะมองกลับมาที่ฉันบ้างไหม

เธอจะร้าวราน จะไหม้หมอง เช่นนั้นหรืออย่างไร
เพียงขานรับฉันสักครั้ง
ให้ฉันดูแลหัวใจ ได้รักเธอในมุมมืด
โดยไม่มีผู้ใดระแคะระคาย

อา ฉันปารถนาเธอมากขึ้น และมากขึ้น
ฉันต้องการเธอมากกว่าเดิม และมากกว่าเดิม

ผมร้องประโยคสุดท้าย จากนั้นรอฟังเสียงโห่ร้อง ปรบมือ และปาฏิหาริย์

แต่ก็ไม่เกิดอะไรขึ้น จึงขยับถอยหลังไปประจำที่ของคอรัสตามเดิม



วงเราไม่ชนะ

หมายถึง ไม่ชนะเลิศ แต่ก็ได้รางวี่รางวัลติดมือกลับบ้านบ้าง (อันดับ 4) ก็ไม่ถือว่าเลวร้ายอะไรนัก เมื่อคิดว่าฝ่าฝันจากรอบแรกๆ เอาชนะแบนด์อื่นๆ อีกเกือบร้อย จนมาถึงรอบชิงได้

เพื่อนบางคนอยู่เที่ยวต่อเพื่อฉลอง บางคนก็ตัดสินใจเดินทางกลับทันที และนัดแนะกันว่าค่อยไปฉลองอีกครั้งที่เชียงใหม่ ผมเอาสัมภาระมากับรถตู้แล้วเมื่อเช้า แม้ว่าจะไม่มีปัญหาเรื่องที่พักและสมาชิกส่วนใหญ่ในแบนด์ก็นัดที่จะอยู่เที่ยว ผมก็เลือกที่จะกลับ แต่นั่นก่อนหน้าที่ไอ้แมกซ์ พี่ต้อม และยัยเมี่ยง จะขอร้องแกมบังคับให้อยู่เที่ยวต่อด้วยกัน

ยัยเมี่ยงพักคอนโดพี่โคลเอ้แถวอ่อนนุช ส่วนไอ้แมกซ์กับพี่ต้อมและอีกหลายคนพักโรงแรมแถวรองเมือง ดูก็รู้ว่าสองคนนี้กะมาจัดกันเต็มที่ (โว้ยยย อิจฉา) แต่ไอ้แมกซ์ยังมีน้ำใจเสนอจะให้พักด้วย ซึ่งแน่นอนว่าผมปฏิเสธ เช่นเดียวกับที่ปฏิเสธยัยเมี่ยง แต่ขอแชร์ห้องกับเพื่อนอีกสองคนที่ตามแบนด์มาและจะพักอยู่ที่โรงแรมเดียวกัน

ผมทำธุระอยู่ในห้องน้ำตึกสยามทาวเวอร์ ตอนที่ไอ้แมกซ์โทรเข้ามา

“ว่าไง”
“อยู่ไหนแล้ววะ”
“ก็ฉี่อยู่ไง”
“เออ ออกมาหน้าห้างเลยนะ ตรงที่เค้ารอแท็กซี่กันเนี่ย ที่มีร้าน เซฟโฟร่า เซโฟร่า อะไรเนี่ย นึกออกป่าว”
“เออๆ เดี๋ยวไป”

ผมจัดชุดนักศึกษาให้เรียบร้อย แบกกระเป๋าเสื้อผ้า กึ่งเดินกึ่งวิ่งเพื่อไปยังจุดนัดหมาย พยายามมองเข้าไปในหมู่คนที่กำลังรอรถเมล์กะดึกและแท็กซี่ แต่ไม่ยักกะเห็นใครที่คล้ายไอ้แมกซ์ พี่ต้อม หรือเพื่อนคนอื่น  เลยหยิบมือถือจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมา

จังหวะนั้นเอง เสียงแตรรถจากไหนไม่รู้ก็ดังขึ้น ผมเงยหน้าขึ้นมองหาต้นเสียง

นิสสัน จู๊กซ์ คันคุ้นตาจอดอยู่ริมฟุตบาท กระพริบไฟใส่

เหล็กเงยหน้าจากเบาะที่นั่งคนขับ แล้วตะโกนบอกให้ผมรีบขึ้นรถ



“มาตั้งแต่เมื่อไหร่”

ผมถามเป็นคำแรก ขณะที่แวะร้านปิ้งย่างที่เปิดจนถึงดึกระหว่างทาง ยอมรับว่างอนมาก มากจนไม่มีกะจิตกะใจจะเป็นคนที่มีเหตุมีผล

“ก็มาทันฟังคนบางคนร้องเพลงตัดพ้ออยู่กลางสยามนั่นแหละ”
“ขี้โม้ ถ้ามาทันแล้วทำไมไม่เห็น”
“ไม่มองเองมากกว่า อุตส่าห์ไปยืนบนสะพานลอยแบบมาริโอ้ในเรื่องรักแห่งสยามแล้วเชียว”

อ๊ะ จริงสินะ ลืมไปเลย อีกอย่าง สายตาผมสั้นด้วยแหละ โอเค ผมเชื่อแหละว่ามันมาทัน แต่ก็ยังงอนอยู่นะ

“แล้วไม่ไปแข่งบอลเหรอ”
“ไม่อ่ะ ผมเป็นตัวสำรองอยู่แล้วนะ ไม่สบายซักนัด คงไม่มีใครว่า”
“จะมาทำไมไม่บอก”
“ก็อยากมาเซอร์ไพรส์ไง”
“ไม่ชอบเรื่องเซอร์ไพรส์ บอกตั้งกี่ครั้งแล้ว”
“แต่ผมชอบ”

เหล็กดัดคีบกุ้งกับปลาหมึกที่ย่างจนสุกแล้วใส่จานให้อย่างเอาใจ เพราะรู้ว่าชอบซีฟู้ด

“แล้วนี่… หายโกรธแล้วเหรอ”

ผมถามอย่างไม่แน่ใจ

“ยังครับ”
“อ้าว”
“แต่วันสำคัญของแฟนทั้งที ยกให้วันนึง”
โอ้ยยยย เป็นคนดีเกินไปแล้วนะ

“ขอโทษนะ”
“เรื่องอะไรครับ”
“ก็ทั้งหมดนั่นแหละ” โอ้ย ทำไมเข้าใจยากจริงวะ “เอาเถอะ จะยกโทษให้หรือยังโกรธอยู่ก็แล้วแต่นะ แต่เค้าไม่มีอะไรจะพูดนอกจากคำขอโทษ และถึงแม้ว่ามันจะไม่เปลี่ยนแปลงเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วก็เหอะ … อาทิตย์ที่ผ่านมา คงลำบากแย่เลยสินะ”
“ก็นิดนึงครับ”
“เรื่องที่ไม่ได้เป็นตัวจริงนี่เกี่ยวไหม”
“ก็ไม่น่านะครับ ไม่น่าจะมีใครงี่เง่าขนาดนั้น หลายคนที่คณะก็คบผู้ชายด้วยกัน ในทีมก็มีอยู่หลายคนที่ไม่พูด แต่ก็รู้ๆ กันว่าชอบผู้ชาย”
“อืม” ผมไม่รู้จะพูดอะไร มันก็ต้องมีบ้างแหละ คนที่พอรู้เรื่องของเราแล้วก็นึกดูถูกหรือรังเกียจ “แต่ยังไงก็ต้องขอโทษนะ เค้ามันงี่เง่า”
“ใช่ เตงงี่เง่า งี่เง่ามาก”

โวะ พอได้ยินจากปากเหล็กดัดแบบนี้ ผมถึงกับจุก

“ขอโทษนะ”
“ไม่ต้องขอโทษแล้ว จะช้าจะเร็ว เค้าก็ต้องบอกทุกคนอยู่ดีว่าเราคบกัน แต่ที่เค้าโกรธ คือเรื่องที่เตงดึงคนอื่นที่ไม่เกี่ยวอย่างไอ้แมกซ์หรือข้าวใหม่มาแต่งเรื่องเสียๆ หายๆ ต่างหาก”
“เค้าโทรไปขอโทษข้าวใหม่แล้วนะ คุยกันจนเข้าใจแล้ว แล้วก็…”
“เค้ารู้แล้ว ใหม่บอกเค้าแล้ว” เหล็กดัดเอื้อมมือมาจับมือผม “พี่มิว เรามาลืมเรื่องบ้าๆ นั่นเหอะ ที่แล้วให้มันแล้วไป เค้าจะไม่โกรธ ส่วนเตงก็ไม่ต้องรู้สึกผิดอีกแล้ว เข้าใจไหม”

ผมเอามือปาดน้ำตาที่ไหลลงมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เหล็กดัดยื่นมือมาช่วยอีกแรง

“ขี้แยจัง”
“ก็เตงเล่นเงียบ ไม่คุยอะไรกับเค้าเลยเป็นอาทิตย์ จะให้เค้าคิดยังไง ก็คิดว่าตัวเองกำลังอยากจะเลิกกับเค้านะสิ”
“อ๋อ ก็เลยหลบหน้าหลบตา ไม่กลับมานอนที่ห้อง” เหล็กดัดส่ายหัว “คิดอะไรไม่เข้าท่า”
“ก็เตงเงียบทำไมล่ะ”
“พี่มิวก็ไม่คุยกับเค้าเหมือนกันแหละ”
“ก็กลัวโดนเตงบอกเลิกนี่”

เหล็กดัดยิ้มจนตาหยี เห็นฟันที่จัดเรียงสวยใกล้จะเข้ารูป

“ถึงพี่มิวอยากเลิก เค้าก็ไม่เลิกให้หรอก ลงทุนมาขนาดนี้แล้ว”

กรี๊ดดดดด นี่แหละที่อยากได้ยิน ผมเขินจนไม่กล้าสบตา ต้องทำเป็นคีบเนื้อที่ไหม้แล้วโยนใส่จานให้เหล็กดัด ส่วนมันก้เอาเท้ามาเขี่ยผมเล่นใต้โต๊ะ

โวะ! อยากให้ถึงบ้านเร็วๆ จัง ป๊ากับม๊าเจ้าดื้อไม่อยู่ด้วยสิ คราวนี้จะจัดให้สะเทือนเลือนลั่น ท่วมท้น ทะลักทลายเลยคอยดู เพราะมันนานมากกกกกก มากแล้วจริงๆ  T T

คิคิ

….

ปฏิญญาของผู้มองโลกในแง่ดี ในหนังสือเดอะคีย์ ของโจ ไวเทล บอกให้เราสัญญากับตัวเองไว้ว่า
1)   จะต้องเข้มแข็งกระทั่งไม่มีสิ่งใดที่จะมารบกวนความสุขสงบทางใจของเราได้
2)   จะพูดถึงเรื่องดีๆ ความสุข ความเจริญ กับทุกคนที่เราได้พบ
3)   พูดหรือทำให้ทุกคนรู้ว่า พวกเขาล้วนมีสิ่งดีๆ ที่ซ่อนอยู่
4)   จะต้องคิดแต่เรื่องดี ทำดี เลี้ยงชีพดี และคิดหวังแต่สิ่งดี
5)   จะต้องกระตือรือร้นในความสำเร็จของผู้อื่นมากเท่ากับของตัวเอง …

โอ้ย และก็อีกร้อยแปดข้อ (ไปหาอ่านเอาเองละกัน) แต่หลักใหญ่ใจความของมันก็คือ เราต้องรู้จักมองโลกในแง่ดีนั่นแหละ ต้องใช้ชีวิตเสมือนกับว่าโลกทั้งใบอยู่ข้างเรา

ไม่ครับ โจ ผมไม่ต้องการให้โลกทั้งใบต้องมาอยู่ข้างผมคนเดียวหรอก ผมขอแค่เด็กผู้ชายแก้มใสที่กำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่ข้างๆ ผมตอนนี้ก็พอแล้ว

แค่นี้ผมก็รู้สึกโชคดีที่สุดในโลกแล้ว

แต่ยังไงซะ ผมก็ต้องขอบคุณอะไรบางอย่างอยู่ดี ไม่ว่าเราจะเรียกสิ่งนั้นว่าอะไรก็ตาม สวรรค์ พระเจ้า สิ่งศักดิ์สิทธิ์… ถ้าวันนั้นผมไม่ถูกมอเตอร์ไซค์เสยจนต้องไปนอนแหม่บอยู่ถนนหน้า ITSC ไม่ตื่นขึ้นมาบนเจอเด็กขี้เงี่ยนกำลังปั๊ดว้องอยู่เตียงข้างๆ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมจะมีความสุขแบบนี้ไหม

โอ้ย สุข จนเจ็บจุกไปหมดเลย อิอิ

แต่ดูเหมือนว่า ไม่ใช่แค่คู่ผมที่สนุก เอ้ย สุขจนล้นทะลัก

ไฟสีเขียวกระพริบเตือนว่ามีข้อความเข้า ผมแอบย่องเดินไปหยิบเอาสมาร์ตโฟนที่วางบนโต๊ะเขียนหนังสือ แล้วกลับมานอนซุกเจ้าเหล็กดัด เปิดอ่าน

เป็นไลน์จากไอ้แมกซ์ และมัน เอ่อ กล้ามากกกกก! ส่งรูปคู่เรตอาร์ของมันกับพี่ต้อมมาเย้ย สองคนกำลังด๊วบปากกัน เปลือยท่อนบน บนผ้าปูเตียงสีขาว ฮึ่ย!

ชิ ใครจะไปยอมวะ ผมรีบเข้าโหมดกล้อง ชูสมาร์ตโฟนในมือขึ้น 45 องศา (ไม่มีเซลเซียส และไม่เกร็งริมฝีปากพูดว่าจิก๊ะ) เอาหน้าซุกต้นคอเจ้าเหล็กดัดที่กำลังเคลิ้มหลับอย่างเซ็กซี่ กดชัตเตอร์ แล้วเปิดแอพไลน์ ส่งรูปไปต้านคู่ไอ้แมกซ์ทันที อะฮ่า!

ข้อความในไลน์ เด้งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว นับสิบ

โอววววว ม่ายยยยยยยย

DR. Nymph: “อีว่าว มึงช่างกล้า”
Tye Tye: “กรี๊ดดดดดดดดดด”
Ichi Neung: “มึงส่งอะไรมาในไลน์กรุ๊ป อีดอกกกกก”
Tom Thanakarn: “ซวยแล้ว มิวเอ้ยยยย”
TangMay: “โอ้ยยยยยย กูอิจฉ์”
Jinbby: “เหยด จะอ้วก”
ฯลฯ

“ทำอะไรครับ เตง”
อุ๊ย แม่! โทรศัพท์เกือบหลุดจากมือ ผมรีบปิดหน้าจอแล้วโยนมันลงข้างเตียง

“เอ่อ เปล่า แค่เช็คเฟสบุ๊คนิดหน่อยน่ะ”
“อ่อ เหรอครับ” เหล็กดัดรับคำเหมือนไม่เชื่อ “นึกว่าแอบเข้าไปพิมพ์อะไรในเว็บพันซิปซะอีก”
“บ้า ใครจะไปทำแบบนั้น”
“ก็เคยมีคนทำแล้วละกัน”
“โอ้ย ดึกแล้วนะ ตีสองแล้ว นอนเหอะ พรุ่งนี้มีนัดกับพวกไอ้แมกซ์ ยัยเมี่ยงแต่เช้านะ เตงอยากไปกินกล้วยๆ ที่ลิโด้ก่อนไม่ใช่เหรอ นอนเลย”

ผมระล่ำละลักเปลี่ยนเรื่อง เจ้าดื้อเดินงัวเงียไปเข้าห้องน้ำ ผมรีบหยิบสมาร์ตโฟนที่โยนทิ้งขึ้นมากดดูอีกรอบ

โว้ย อะไรเนี่ย ไลน์กรุ๊ปที่ไม่ได้อ่านยาวเป็นหางว่าว ผมรีบพิมพ์ตอบอย่างไว

This Kite: “พวกแก๊! ได้โปรดดดดดด อย่าเซฟ อย่าโหลด อย่าแชร์ เอารูปนี้ออกไปนอกกรุ๊ปหรือเอาไปโพสต์ต่อเด็ดขาด กูขอร้องและสั่งห้าม ฝ่าฝืนให้พ่องตาย”
DR Nymph: “เสียใจอีว่าว มึงพลาดเอง”

ไม่นะ ไม่ๆๆๆๆๆ

This Kite: “อีแมกซ์ เพราะมึงคนเดียว มึงต้องหยุดอีพวกนี้ให้ได้ ถ้ารูปกูหลุด มึงก็คงรู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
Mad Max: “อ้าว ซวยกูอีก”

โว้ย ทำไม ทำไมต้องมีเรื่องไม่จบไม่สิ้น ทุกอย่างมันกำลังดีอยู่แล้วเชียว ผมกำลังรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลกอยู่แท้ๆ

ผมพิมพ์ข้อความจนมือหงิก เพื่อยับยั้งไอ้อี ทั้งรุ่นพี่ รุ่นน้อง ทุกตัวที่กำลังยั่วโมโห จนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว

ไม่ เรื่องนี้จะให้เจ้าเหล็กดัดรู้ไม่ได้เป็นอันขาด ขืนมันรู้ผมซวยอีกแน่ๆ คราวนี้ มันคงไม่คุยกับผมไปอีกสักสองอาทิตย์ เฮ้ย หวังว่าเหล็กดัดคงจะไม่ …

เอ๊ะ เหล็กดัดล่ะ!

จังหวะที่ผมกำลังจะหันไปดูว่ามันกำลังเช็คโทรศัพท์หรือแอบดูผมอ่านอยู่หรือเปล่า อะไรสักอย่างก็พุ่งเข้ามากระทบกับใบหน้า หวิดเข้าตาไปนิดเดียว !

อ๊ะ นี่มัน !?!

ระลอกสองปรี้ด แรง ระห่ำ กระฉูด โดนริมฝีปากเข้าอย่างจัง !

ผมเห็นตัวเองกำลังหน้าเหวอ ยกมือข้างที่ว่างขึ้นมาสัมผัสกับเจ้าสสารที่อยู่บนใบหน้า ที่มาอีกหลายระลอกตามแรงดัน

เจ้าเหล็กดัดที่กำลังยืนค้ำหัวผมอยู่บนเตียง ระเบิดเสียงหัวเราะอย่างสะใจ!

ไม่อยากจะเชื่อเลย!

โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยย ไอ้เด็กบ้า!

โว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย





-   จบบริบูรณ์    -


 :กอด1:  :กอด1:  :L2:  :กอด1:  :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-05-2015 02:25:26 โดย bennietakky »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ bennietakky

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-0

สวัสดีครับ

เบนนะครับ โพสต์จนจบตามสัญญาแล้วนะครับ  รบกวนแอดมิน ย้ายกระทู้ให้ด้วยนะครับ
ใครที่หลงเข้ามาอ่าน ถ้าชอบ ยังไงก็ขอกำลังใจให้คนแต่งด้วยน๊า
ว่าชอบ ไม่ชอบอะไร ตรงไหน T T

ส่วนเรื่องรวมเล่ม เดี๋ยวชัดเจนแล้วจะกลับมาบอกอีกทีนะครับ
สำหรับใครที่ไม่ทราบ ขอโฆษณานิดหนึ่งละกันนะ
ว่าเรื่องนี้เคยติด Top 3 นิยายตลกของเซ็งเป็ด อวอร์ด ปีที่ 2 (2009)
ใช่ มันนานมาก T T

ผมหยิบเอามารีไรต์ใหม่ให้ทันสมัยมากขึ้น และอ่านง่ายมากขึ้นครับ

ขอบคุณที่อ่านครับ
เบน

 :เฮ้อ:  :L2:  :เฮ้อ:  :L2:  :pig4:

ออฟไลน์ rotedump

  • รถดั้มพ์ถังซัมจั๋ง
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 294
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
เย้ในที่สุดก็ได้อ่านจนจบ เหมือนได้บรรลุอะไรสักอย่างเลย 555

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ biizarre

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โอ๊ยยยยย ฉากตอนจบนี่มันอาร๊ายยยยยยยยย  :pighaun:

สม่ำเสมอมากไปแล้วนะไอ้ดื้อ 55555555

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-6
เอิ่ม จบได้แบบ ตามชื่อเรื่องอ่ะ  55555  :m20:

ออฟไลน์ MOMAMi_96

  • เรื่อยๆ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-3
อ้าวพึ่งจบหรอ

ออฟไลน์ loverken

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 504
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
ถูกใจตอนจบมว๊ากกกก

ออฟไลน์ bennietakky

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-0
อ้าวพึ่งจบหรอ

เพิ่งจบครับ ทิ้งไว้หลายปีเลย ได้ฤกษ์เอามารีไรต์ตอนจะรวมเล่มนี่แหละครับ
น่าจะลืมเนื้อเรื่องไปแล้วเนอะ ถ้ามีเวลาลองอ่านดูใหม่ตั้งแต่ต้นนะครับ รีไรต์ใหม่หลายจุดเหมือนกัน
เพื่อให้เนื้อเรื่องมันทันสมัยขึ้น ไม่งั้นก็แต่งต่อไม่ได้อ่ะครับ ^ ^


ออฟไลน์ iGiG

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 606
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
กลับมาแล้วววว ดีใจจจจ ตอนนั้นชอบมากๆเลยค่า ทั้งมิวทั้งดื้อ จำได้ว่าฮากระจาย มารอคุณเบนตลอด ดีใจที่กลับมาน้าา

นี่มาโพสก่อนยังไม่ได้อ่านฉบับรีไรท์ ใจคิดว่าฉบับแรกที่ยังไม่ได้แก้ไขก็มีความสดใหม่ สนุก เฮฮาปาร์ตี้ มิวก็ได้ปล่อยความเป็นตัวตนเต็มที่ 555 แต่ฉบับรีไรท์แม้อาจจะไม่สดใหม่เท่าเดิมแต่ก็ต้องมีสเน่ห์ในแบบของตัวเองแน่

ไม่ว่าจะรีไรท์ใหม่เป็นแบบไหนยังไงเดี๋ยวตามไปจองหนังสือแน่นอนค่า

เป็นกำลังใจให้สำหรับเรื่องต่อไปด้วยน้า ^_________________________^

ออฟไลน์ abc_b

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เรื่องฮาดีค่ะ อ่านคลายเครียดดีมาม่าไม่หนัก
แต่เสียดายฉาก18+ที่แบนกล้องหายไปซะงั้น -3-
ขอบคุณค่ะ :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ rotedump

  • รถดั้มพ์ถังซัมจั๋ง
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 294
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
คิดถึงจังงงง

ออฟไลน์ Wut_Sv

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 902
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
โอ้ยยย ขำ อ่านแล้วแม่งฮาทั้งเรื่อง มีดราม่านิดๆ กำลังดี ไม่ทำให้เครียดเลย  :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-14
อ่านรวดเดียวจบ ฮามากมาย

 o13 o13

ออฟไลน์ spsygk

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 193
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
กำลังจะจบด้วยดีแล้วเชียววว  555555555

ออฟไลน์ TonyPat

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ขอบคุณมากครับ สนุกมากกกกก ตามมาจากเรื่องหล่อแค่ไหนก็ไม่รัก
รู้สึกว่ามิวแรดดดดจัง 555555555

ออฟไลน์ Musashi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-13

 

 
Dek Due: “ไหนบอกถึงบ้านแล้วจะโทรหา”

อะนะ ผมว่าแล้ว ว่าไอ้เด็กแมกซ์นั่นมันต้อง ร้ายไม่ใช่ย่อย

This Kite: “ลืมน่ะ แล้วทำไมเพิ่งโทรมาเอาป่านนี้อ่ะ”
 
ทำไมไม่บอกไปว่าโทรแล้ว จะอมพะนำอะไรกันนักหนา พูดไปมันจะถึงแก่ชีวิตมั้ย สลิดว่ะ ก้าย

ออฟไลน์ Musashi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-13

  ไอ้แมกซ์ ที่วันนี้ก็หล่อ ดูดีเป็นพิเศษล่ะนะ น่าหมั่นไส้ (แอบสังเกตเห็นมันปัดคิ้วด้วยมาสคาร่าใส โว้ย กระแดะ)
ตกลงแมกซ์นี่เป็นอะไรกันแน่ อ่านทีแรกเหมือนเป็นเก้งสาว อ่านไปอ่านมาเป็นเก้งเสียบ มาถึงตอนนี้เหมือนจะเป็นเก้งรับ หรือว่าเป็นเก้งสะป๊ะ

ออฟไลน์ Lambosasha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
ชอบอ่ะ ปกติจะไม่ชอบอ่านแนวนี้ แต่เรื่องนี้คือน่ารักอ่ะ มิวน่ารักแบบตลกๆ ดี มันดูไม่เฟคอ่ะ ไม่แอ๊บแบ๊ว แต่นางก็แอบร้ายนะ ฮ่าๆ ส่วนแม็กซ์ เราว่าโบ้ทสินะ น่ามีเรื่องพี่ต้อมกะแม็กซ์จังเลย ท่าจะมัน

ออฟไลน์ habanice

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 90
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
 :pighaun: :pighaun: :pighaun: :pighaun: :pighaun:
ม่วนขนาดเลยอ่า...ทั้งสีสันบรรยายกาศ บ่ได้อ่านนิยายจะอี้มาเมินละ แนวๆเรื่องเล่าอ่า..แต่ก้บ่ใช่เรื่องเล่า
แต่มันขำใจจะไดบ่ฮู้แอ่ จบกำเดียว

ออฟไลน์ airicha

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 856
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด