ชื่อนั้นทำให้ผมตัวแข็งทื่อ...อะไร...นี่มันมากไปแล้วนะ ทำแบบนี้ไม่เห็นหัวผมเลยใช่ไหม สมองเสี้ยวหนึ่งบอกว่าทั้งคู่อาจจะแค่ไปซื้อของด้วยกันเฉยๆไม่มีอะไร แต่เสียงในใจส่วนใหญ่กลับค้านว่าแล้วยังไง ไปซื้อของด้วยกันแล้วจำเป็นต้องกลับดึกขนาดนี้ไหม แล้วยังเรื่องที่เขาไม่โทรหาผมเลยตลอดทั้งวันอีก
ผมตัวชา รู้สึกร่างกายหนักอึ้งเหมือนมีก้อนหินยักษ์มาถ่วงร่างกายเอาไว้ ฟังเสียงบทสนทนาข้างนอก
“แล้วเรื่องที่พี่บอกไป...”
“ขอโทษครับพี่ปราง...ยังไง...มันก็เป็นไปไม่ได้ ผมขอโทษ”
“ไม่เป็นไร...พี่เข้าใจ ยังไงก็ดีใจที่ได้พูดออกไป ไม่เป็นไร...รีบเข้าบ้านเถอะ เอาเป็นว่าสุขสันต์วันเกิดนะ”
“ขอบคุณครับ”
เสียงรถดังขึ้นก่อนจะค่อยๆห่างออกไป ยืนอยู่แบบนั้นจนกระทั่งประตูหน้าบ้านเปิดพร้อมกับร่างของคนที่ผมคุ้นตา กวางยืนมองผมด้วยสีหน้าตื่นตระหนก คงไม่คิดว่าจะมาเจอผมยืนดักอยู่หน้าประตูบ้านแบบนี้
“จินต์...ผม...”
“ทำได้ยังไง” ในที่สุดผมก็หากล่องเสียงของตัวเองเจอ ตะโกนเสียงดังจนน่ากลัวว่าข้างบ้านจะลุกมาด่าแต่ผมไม่สน “ฉันรอนายอยู่ตั้งนาน นายกลับออกไปกับผู้หญิงคนนั้น นายทำได้ยังไง!”
“จินต์ ฟังกวางก่อน” ร่างสูงพยายามรวบมือรวบแขนผมที่เริ่มประทุษร้ายอีกฝ่ายด้วยการทุบและต่อย “มันไม่ใช่อย่างที่จินต์คิดนะ กวางกับพี่ปรางแค่ออกไปซื้อของ”
“ไปซื้ออะไรกันทั้งวัน! มึงช่วยป้าแม่บ้านที่ห้างถูพื้นด้วยเลยหรือไง ถึงได้หายหัวไปเป็นวันแบบนี้ หรือนั่งรถวนห้างรอบกรุงเทพ จัดทัวร์เที่ยว 9 ห้างในหนึ่งวันหรือไง!”
“จินต์ เงียบแล้วฟังสักที!” ในที่สุดกวางก็เริ่มมีโมโหบ้างแล้ว เขาตวาดผมเสียงดังแบบที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่มันก็ทำให้ผมตกใจ จากนั้นความรู้สึกต่างๆก็ทะลักทลายออกมา ผมน้อยใจ ผมโกรธ ผมเสียใจ ผมรู้สึกผิด มันทำให้ผมน้ำตาไหลออกมา และเหนือสิ่งอื่นใดคือผมรู้สึกเหนื่อย มันมากเกินไป
“เราขอโทษนะกวาง...จินต์ขอโทษ..แต่จินต์เหนื่อยแล้ว” ในที่สุดผมก็ตัดสินใจพูดออกไป “เรารู้สึกว่าอะไรๆมันก็ไม่เหมือนเดิม” อีกฝ่ายบีบแขนผมแน่นจนรู้สึกเจ็บ “จินต์หมายความว่าไง ถ้าเรื่องพี่ปราง ใช่ พี่เขาบอกชอบกวางแต่กวางปฏิเสธไปแล้ว กวางรักจินต์ รักมากๆ มันไม่เคยเปลี่ยน เชื่อกวางนะครับ...จินต์”
ผมร้องไห้ออกมา ผมรู้ว่ากวางไม่เคยเปลี่ยน คนที่เปลี่ยนคือตัวผมต่างหากที่มองอะไรไม่เหมือนเดิม ผมยังรักกวางมาก แต่ผมรู้สึกว่าเวลาเปลี่ยนไปตัวผมก็เปลี่ยนตาม...ผมแค่หงุดหงิดตัวเองที่ชอบตวาดกวาง ที่อดทนกับเรื่องเล็กๆน้อยๆไม่ได้ ผมต้องการเวลาให้หยุดคิดและทบทวนเรื่องต่างๆ “จินต์รู้ว่ากวางรักจินต์...แต่จินต์ขอ...ขอเวลาสักหน่อยได้ไหมกวาง...ให้จินต์ได้ทบทวนทุกอย่าง ขอเวลาให้เราสักนิดนะ”
มือที่บีบแขนผมจนเจ็บเมื่อครู่ร่วงหล่นอยู่ข้างกายเจ้าของอย่างไร้เรี่ยวแรง ผมก้มหน้าไม่เงยหน้ามองกวางตอนที่เข้าไปเก็บกระเป๋า และตอนที่ออกมาเขาก็ยังยืนอยู่ตรงหน้าประตู กวางไม่ได้รั้งผมไว้เขาแค่พูดออกมาเบาๆแต่สำหรับผม ผมได้ยินมันชัดเจน...เหมือนจะสลักลึกลงไปในใจ
“ไม่เป็นไรหรอก จินต์อยากใช้เวลานานแค่ไหนก็ได้ กวางจะรอจินต์...เพราะกวางรักจินต์...นี่คือสิ่งที่จะไม่เปลี่ยนไป”
หลังจากนั้นผมก็ไปขออาศัยคอนโดของเพื่อนสนิท มันทั้งบ่นทั้งด่าผมที่เอาแต่นอนอืด จนสุดท้ายก็ยอมแพ้หันมาปลงกับชีวิตแล้วก็เริ่มเทศนาผมแทนจนผมรำคาญ สุดท้ายก็เลยระเห็จตัวเองไปนั่งในร้านกาแฟที่ไม่ไกลจากคอนโดนัก ร้านนี้ตกแต่งน่ารักด้วยสีโทนอ่อนสบายตา ทำให้ผมสบายใจจนนั่งได้ทั้งวัน อันที่จริงร้านนี้มันก็ร้านของแฟนเพื่อนนั่นแหละครับ มันแค่ยังไม่รู้ว่าผมหนีมากบดานที่ร้านแฟนมัน
“วันนี้เอาเหมือนเดิมเหรอน้องจินต์” เสียงพี่ต้นข้าว แฟนคนสวยของเพื่อนผม คนนี้เข้าขั้นดีกรีนางฟ้าเลยล่ะครับ ทั้งสวยทั้งเก่งแถมงานบ้านงานเรือนก็ดี เพื่อนผมนี่มันโชคดีจริงๆ “ครับพี่ข้าว”
“แล้วนี่ยังไม่คืนดีกับแฟนอีกเหรอจ๊ะ” พี่ต้นข้าวรู้ครับว่าผมกับกวางทะเลาะกัน มาอาศัยบ้านพี่เขาตั้งหลายวัน ไม่เล่าก็กระไรอยู่ อีกอย่างพี่เขาก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล
ผมพยักหน้า
หนึ่งอาทิตย์เข้าไปแล้วที่ผมออกมาจากบ้านหลังนั้น สารภาพเลยว่าผมนอนไม่หลับเลย กว่าจะข่มตาลงได้ก็ปาไปตีหนึ่งตีสองทุกที หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปที่ความคิดของผมยังคงวิ่งวนอยู่ในอ่าง ทุกอย่างเป็นเพราะผม เกิดจากตัวผม กวางไม่ผิดอะไรเลย แต่เขารักษาสัญญา เขาไม่ส่งข้อความ ไม่โทรมา ไม่อัพเดตเฟซบุ๊คหรืออินสตาแกรม เหมือนเราตัดขาดจากกันโดยสิ้นเชิง
ผมเหงาอย่างบอกไม่ถูก...ผมคิดถึงเขา
กริ๊ก
แก้วกาแฟหอมกรุ่นวางลงตรงหน้า พี่ต้นข้าวยิ้มให้ผม หญิงสาวคนสวยทรุดตัวนั่งลงฝั่งตรงข้าม “ไหนบอกพี่ซิ ปัญหามันอยู่ตรงไหน”
ปัญหางั้นหรือ...
“ผมแค่รู้สึกว่าอะไรๆมันเปลี่ยนไป ผมเห็นด้านเสียๆของกวางเยอะขึ้น และผมคงทำใจไม่ได้ที่ทุกอย่างเปลี่ยนไป มันไม่เหมือนเดิม ผมกลัวว่ารักมันจะถึงจุดอิ่มตัว”
“แล้วจินต์รักกวางไหม”
“รักครับ...รักมาก”
พี่ต้นข้าวยิ้มน้อยๆ ลูบหัวผมเหมือนผมเป็นเด็กน้อย
“นี่แหละชีวิตคู่จินต์ กวางไม่ได้เปลี่ยนไป แต่การอยู่ด้วยกันคือเราเห็นหลายๆด้านของอีกฝ่ายมากขึ้น จินต์เห็นด้านเสียกวางมากขึ้น กวางเห็นด้านเสียจินต์มากขึ้น สิ่งที่พวกเธอต้องการคือการปรับตัว ชีวิตคู่หลายๆคนต้องพังลงเพราะพวกเขาไม่รู้จักการยอมรับตัวตนของอีกฝ่ายและการปรับตัว พี่ไม่รู้ว่าอีกหลายเดือนหรือหลายปีต่อจากนี้จินต์กับกวางจะยังคบกันอยู่ไหม แต่สิ่งที่พี่อยากบอกคือคนรักกันต้องประคองกันไป อย่าทิ้งอีกฝ่ายให้เดินลำพังในเวลามีปัญหา มีอะไรไม่ดีก็พูดกันตรงๆ ช่วยกันแก้ รู้จักปรับตัว ความรักมันก็เท่านี้แหละ มันไม่ได้ง่าย แต่ก็ไม่ได้ซับซ้อนมากนัก ถ้ามันเข้าใจยากก็นึกถึงวันแรกที่พวกเธอบอกรักกันและกันดูนะ” ผมฟังสิ่งที่ต้นข้าวพูดแล้วย้อนนึกถึงวันแรกที่เราบอกรักกัน
วันนั้นเป็นวันเกิดกวางมันก็ซื้อเค้กมา...มาเคาะประตูบ้านผมตอนห้าทุ่มห้าสิบ บอกให้ลงมาเป่าเค้กเป็นเพื่อนมัน ไอ้ผมก็บ้าจี้ลงมา นั่งตากยุงกันอยู่นอกบ้าน ร้องเพลงแล้วก็เป่าเทียน พอผมถามมันว่าขออะไรมันก็บอกแบบซื่อๆว่าขอให้ได้ผมเป็นแฟน ผมที่ทั้งเขินทั้งอายก็ด่ามันไปว่าใครเขาบอกกันเดี๋ยวก็ไม่สมหวังหรอก แต่มันก็ตอบมาด้วยสีหน้าซื่อๆเหมือนเดิม
‘ต้องบอกสิ ถ้าไม่บอกแล้วจะขอจินต์เป็นแฟนได้ยังไง’
‘แล้วตกลง...จินต์อยากเป็นแฟนเราไหม คำอธิษฐานนี้เราอยากให้มันเป็นจริงนะ’
‘ถ้าได้เป็นแฟนกันจะดูแลอย่างดีเลย โปรโมชั่นตลอดชีวิตเลยดีไหม...จะรักแล้วก็ดูแลจินต์ไปตลอดเลย’
วันนั้นผมจำได้ว่าตัวเองมีความสุขมาก มีความสุขแล้วก็รู้สึกได้ว่า ต้องเป็นคนนี้ แค่คนนี้เท่านั้นที่ผมอยากอยู่ด้วยกันไปเรื่อยๆ อยู่ด้วยกันไปแม้ว่าใครสักคนจะหมดลมหายใจไปหรือเราหมดลมหายใจไปพร้อมกัน
กวางเป็นคนที่ผมรักเขาด้วยทั้งหมดที่ผมมี เป็นคนที่ผมสัญญาว่าจะรักไปตลอดชีวิต
ผมลืมความรู้สึกครั้งนั้นไปได้ยังไงกันนะ
รู้ตัวอีกทีน้ำตาก็ร่วงหล่นไม่ขาดสายเสียแล้ว พี่ต้นข้าวยิ้มอ่อนโยนให้ผม ยื่นผ้าเช็ดหน้ามาให้ “รีบไปเถอะ พี่ว่ากวางต้องรอจินต์กลับบ้านอยู่แน่เลย” ผมขอบคุณพี่ต้นข้าว จะหยิบค่ากาแฟให้แต่พี่คนสวยก็ปฏิเสธบอกว่าเป็นค่าน้ำตาของผมก็แล้วกัน
เมื่อล้างหน้าล้างตาเสร็จผมก็นั่งรถกลับบ้าน เส้นทางกลับบ้านที่คุ้นเคยทำเอาผมใจเต้น ตอนนี้เป็นเวลาทำงาน กวางคงไม่อยู่บ้าน งั้นผมก็จะรอเขากลับมาแล้วจะพูดสิ่งที่อยู่ในใจทั้งหมด
แต่เมื่อเดินเข้ามาในบ้านผมก็พบผู้ชายที่ทำให้ผมแทบเป็นบ้านอนก่ายหน้าผากอยู่บนโซฟา กวางดูโทรมลงไปมากในหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา หนวดขึ้นเต็มไปหมด ขอบตาก็ดำคล้ำ ดูเหมือนจะผอมลงด้วย ให้ตาย! ทำไมปล่อยตัวเองแบบนี้นะ!
ผมเดินไปหยุดข้างโซฟา ก้มมองเขา รู้ดีว่าไม่ควรปลุกเขาขึ้นมาแต่ผมอยากคุยกับเขานี่นา ไวเท่าความคิดผมเขย่าปลุกคนตัวโตเบาๆ “กวาง...กวาง..ตื่นสิ มีเรื่องจะคุยด้วย”
คนตัวสูงครางเบาๆ ปัดมือผมออกอย่างรำคาญ เขานิ่งไปสักพักก่อนจะลืมตาโพลง ผุดลุกมานั่งจนผมตกใจ ดวงตาที่ผมคิดว่ามันสวยขัดกับภาพลักษณ์ผู้ชายตัวโตของอีกฝ่ายเสียจริงเบิกกว้าง จ้องผมอยู่นานก่อนที่ร่างตัวเท่าหมีนั่นจะคว้าตัวผมไปกอดแน่น
“จินต์...จินต์จริงๆด้วย” น้ำเสียงทุ้มสั่นพร่ากระซิบอยู่ข้างหู ถ้าไม่ติดว่ากำลังซึ้งผมจะเล่นมุขก็จินต์ไงจะใครล่ะกลับไปแล้วนะ
“ไม่ได้ฝันแน่ๆนะ จินต์ตัวจริงแน่นะ”
“ให้ตบเรียกสติสักสองป้าบไหมล่ะ”
“ฮ่าๆ จินต์จริงๆด้วย”
กวางยิ้มกว้าง รอยยิ้มที่ทำให้ใบหน้าโทรมๆนั่นดูดีขึ้นมาถนัดตา ผมขยับตัวลงนั่งบนโซฟา แตะมือข้างแก้มเขา ลูบไล้ช้าๆ ตอหนวดสากอยู่ใต้ฝ่ามือ พอดูใกล้ๆแบบนี้แล้วผอมลงจริงๆด้วย “ทำไมเป็นแบบนี้ ทำไมไม่ดูแลตัวเอง”
กวางจับมือผมไว้ เอียงหน้าเข้าหาฝ่ามือผมแบบอ้อนๆ “ก็เสียใจ เสียใจที่ปล่อยจินต์ไป เสียใจที่ไม่รั้งไว้แล้วก็อธิบาย...พอไม่มีจินต์ทำกับข้าวให้กินข้าวมันก็ไม่อร่อยเลย เลยกินน้อยลง คิดว่าจินต์จะไม่กลับมาแล้วก็เลยนอนไม่หลับ อยากโทรหาแทบบ้าแต่ก็ทำไม่ได้...แต่กวางก็เชื่อนะ เชื่อว่าจินต์จะกลับมา กวางรักจินต์มากๆนะ ไม่เคยคิดจะมีคนอื่นเลยสักครั้ง ขอโทษนะที่ชอบทำอะไรไม่คิดถึงความรู้สึกจินต์ ที่ไปกินข้าวแล้วก็ซื้อของกับพี่ปราง...กวางขอโทษนะ จะไม่ทำแล้ว เวลามีใครเข้ามาจะบอกให้หมดเลยว่าเมียดุ แล้วก็จะไม่ทิ้งเสื้อผ้าไว้ตามพื้นแล้ว จะเก็บรองเท้าเข้าตู้ จะไม่ไปรับจินต์สาย จะทำตัวให้ดีขึ้น อย่าโกรธกวางเลย...นะครับ”
นั่นไงล่ะ ไอ้ท่าช้อนตามองพร้อมพูดอ้อนแบบนี้มันท่าไม้ตายลับชัดๆ! แล้วผมก็แพ้ลูกอ้อนแบบนี้ทุกที
“ฉันก็ขอโทษนะ...ที่เอาแต่ด่าแล้วก็บังคับนาย...ทำตัวตามสบายเถอะ” ผมลูบแก้มเขา ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน “ทำตัวตามสบาย ทีนี่เป็นบ้าน มันคือที่พักใจและพักกาย ฉันไม่อยากให้นายเกร็งแม้กระทั่งตอนอยู่บ้าน ที่ฉันเอาแต่โมโหหงุดหงิดก็เพราะฉันคิดว่านายเปลี่ยนไป ฉันกลัวว่าวันหนึ่งเราจะมาถึงจุดอิ่มตัวแล้วก็ต้องแยกทางกัน แต่ฉันรู้แล้วว่านายไม่ได้เปลี่ยนไปเลย ฉันก็แค่ได้รู้ด้านใหม่ๆของนายมากขึ้น จากนี้ฉันจะพยายามเรียนรู้แล้วก็ทำความเข้าใจนะ มีอะไรไม่ชอบก็บอกฉัน ฉันเองก็จะบอกนาย เราจะมาช่วยกันแก้ปัญหานะ”
กวางยิ้มให้ผม ดวงตาคู่นั้นมีน้ำใสๆเอ่อคลอ แล้วคนร่างสูงก็ค่อยๆแนบริมฝีปากของเขาเข้ากับริมฝีปากผมอย่างอ่อนโยน จูบที่อ่อนหวานและคุ้นเคยทำให้ความทุกข์ใจปลิวหายไปทันที “รักจินต์นะครับ”
“อืม จินต์ก็รักกวางเหมือนกัน”
“อ๊ะ จริงสิ ตอนวันเกิดกวางซื้อนี่มา” ว่าแล้วเจ้าตัวก็ลุกไปหยิบกล่องของขวัญกล่องหนึ่งออกมา ผมรับมาดูด้วยความประหลาดใจ เมื่อเปิดออกก็พบกับสร้อยข้อมือที่เป็นเชือกถัก ร้อยกับแผ่นโลหะเล็กๆที่สลักเป็นชื่อเขากับผม พอพลิกแผ่นโลหะด้านในผมก็พบกับคำว่า ‘Endless’ นิรันดร์กาล...
กวางถูจมูกอย่างเขินๆ “ที่เลือกคำนี้เพราะถ้าหากว่าความรักของเรามาถึงจุดที่ใกล้จะแตกหักอีกเมื่อไหร่ผมก็อยากให้จินต์มองคำนี้แล้วก็รู้ไว้ว่าความรักของเรามันไม่มีจุดจบ...ผมจะไม่ยอมให้มันจบลงเด็ดขาด”
“เลี่ยนชะมัด” ผมพูดหน้าตายเมื่อฟังจบ หัวเราะเบาๆเมื่อคนรักตัวโตหน้าสลดลง “แต่ก็ชอบนะ” ว่าจบก็ยื่นหน้าไปจุ๊บปากบางๆนั่นหนึ่งที “จินต์ก็มีอะไรจะให้กวางล่ะ” ผมลุกขึ้นเดินไปเปิดกล่องใส่ของ หยิบสมุดสีน้ำตาลออกมา มันเป็นสมุดทำมือ หน้าปกเป็นกระดาษสาสีน้ำตาล เย็บเล่มด้วยเชือก ดูเก่าและคลาสสิกแบบที่กวางชอบ
ผมยื่นสมุดให้อีกฝ่ายที่รับไปเปิดดู กวางนั่งนิ่งขณะที่ผมเริ่มใจแป้วขึ้นทุกที หรือว่ามันจะไม่ดีกันนะ แต่แล้วผมก็ต้องตกใจเมื่อคนตัวโตเอาแขนเสื้อเช็ดน้ำตา
กวางร้องไห้...ไม่บ่อยนักที่อีกฝ่ายจะร้องไห้ ร่างสูงรวบตัวผมไปกอดแน่น จูบลงบนขมับ “ขอบคุณนะครับ”
“อืม...ไม่เป็นไร ดีใจที่ชอบ” ผมมองสมุดวาดรูปที่นอนนิ่งบนโซฟา มันเป็นสมุดที่ในนั้นมีแต่รูปของกวางซึ่งผมเป็นคนวาดเองทั้งหมด ไม่ว่าจะแบบลงสีหรือใช้ดินสอ รูปถ่ายต่างๆก็ฝีมือผมทั้งนั้น แฮนด์เมดทั้งเล่มครับบอกเลย
“นี่ ใส่ให้หน่อย” ผมยื่นสร้อยข้อมือไปตรงหน้าอีกฝ่าย กวางยิ้มกว้างให้ผม บรรจงใส่สร้อยให้อย่างนุ่มนวลเมื่อใส่เสร็จผมก็พลิกมือมาทาบกับมือสากนั้น สอดประสานนิ้วมือเข้าด้วยกัน จับมือกันไว้แน่นก่อนจะเริ่มต้นจูบกันอีกครั้ง
จูบกันลึกซึ้งยาวนานอีกหลายครั้ง...
ปัญหาครั้งนี้พวกเราก้าวผ่านมาได้แล้ว มันจะทำให้เรารักกันมากกว่าเดิม จะจับมือกันประคับประคองกันไปในทุกวัน
เราจะอยู่เคียงข้างกัน...ตลอดไป
*****************************************
เฮฮฮฮ จบแล้ววว สำหรับเรื่องนี้สิ่งที่อยากจะสื่อก็คือความรักจริงๆมันมีตอนต่อไปของคำว่าแฮปปี้เอนดิ้งนะ
ในนิยายอาจจะตัดจบในฉากที่บอกรักกัน แต่ชวิตจริงมันไม่ใช่ หลังบอกรักก็ยังมีเรื่องให้เรียนรู้กันไปอีกตั้งมากมาย
ความรักหลังจากนั้นจึงไม่ใช่แค่รัก แต่เป็นรักที่มีความเข้าใจ ความเชื่อใจผสมลงไปด้วย
และหลังจากนั้นถึงจะเป็นแฮปปี้ เอนดิ้งที่แท้จริง : )
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านมากเลยนะคะ หวังว่าทุกคนจะสนุกกับนิยายเรื่องนี้ค่ะ ขอบคุณมากๆค่า 