หลานคุณย่า19
พาย(Part)
คุณคิณทำผมนอนป่วยอีกรอบ นอนซมจนไม่สามารถไปร้านได้ ผมไม่รู้เลยว่าการที่ผู้ชายมีอะไรกันแต่ละทีแล้วฝ่ายรับต้องป่วยแบบนี้ตลอดเลยเหรอ หรือเพราะร่างกายของผมที่อ่อนแอเกินไป ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ แล้วต้องป่วยทุกครั้ง คุณคิณจะเบื่อกับการที่ต้องคอยดูแลผมรึเปล่า
ผมนินซมอยู่บ้านสองวัน แต่คุณย่าท่านไม่ได้ว่าอะไร คงรู้นั่นแหละครับว่าทำไมผมถึงป่วย ต้องยกความดีความชอบให้คุณคิณที่ทำให้ย่ามั่นใจในตัวเขา จนยอมที่จะให้ผมไปไหนมาไหนกับคุณคิณโดยไม่ต้องขออนุญาต แม่คุณคิณโทรมาถามอาการผมตลอดว่าดีขึ้นรึยัง แถมยังบอกอีกว่าจะจัดการคุณคิณให้เอง แต่ผมไม่รู้หรอกว่าท่านจะทำอะไร ปล่อยให้ครอบครัวเขาลงโทษกันเอง
หลังจากที่โดนคุณย่าว่าคราวนั้น พี่ซองก็ไม่ค่อยจะอะไรกับคุณคิณแล้ว แต่ก็ยังมีบ้างที่แขวะกันตามประสา ทุกอย่างดีขึ้นมาบ้างเล็กน้อย แม้ว่าจะยังไม่เคยคุยกันดีๆ สักที แต่ก็ไม่รุนแรงเหมือนเดิม ส่วนคุณคิณนี่ยังชอบกวนประสาทพี่ซองเหมือนไม่เคยเปลี่ยน
ตอนนี้พี่ชายผมกลับมีท่าทางแปลกๆ อีกอย่าง จากคนที่ยิ้มให้กับทุกคน แต่ตอนนี้ดูเขาจะเครียด ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร อีกทั้งยังชอบนั่งเหม่อ ผมเรียกสองสามครั้งยังไม่หัน แล้วก็เข้าไปที่ร้านบ่อยจนผิดปกติ ผมสังเกตุมาระยะหนึ่งแล้ว ต้องมีอะไรผิดปกติแน่นอน พอถามก็ตอบแค่ว่าไม่มีอะไร เลยป่วยการที่จะถาม
คุณคิณกลายเป็นสารถีประจำตัวรับส่งผมเช้าเย็น ส่วนรถผมน้องบราวก็ยึดไปโดยปริยาย มีมินคอยนั่งไปเป็นเพื่อนด้วยทุกวัน วันนี้ผมมีนัดไปดูหนังกับคุณคิณ เพราะรายนั้นบังคับผม บอกว่าตั้งแต่เป็นแฟนกันยังไม่ได้ไปไหนด้วยกันเลย ผมก็เลยต้องไป คนอะไรไม่รู้ตัวก็โตแต่ขี้น้อยใจเป็นที่หนึ่ง
วันนั้นบอกผมว่าอยากทานแกงเขียวหวานไก่ แต่ผมลืมทำให้ ก็บ่นน้อยใจอย่างนั้นอย่างนี้ ว่าผมไม่ให้ความสำคัญกับเขาบ้างแหละ ไม่ใส่ใจบ้างแหละ สรรหาคำมาพูดจนผมรู้สึกผิด ตอนนี้เลยไม่รู้ว่าคิดถูกรึเปล่าที่ยอมคบกับคนแบบนี้ จนต้องโทรไปปรึกษาแม่คุณคิณ ท่านบอกว่าไม่ให้ผมตามใจเขามาก เดี๋ยวจะได้ใจ เราต้องเก่งกว่า และทำให้เขาอยู่ใต้อาณัติของเราให้ได้ แต่ผมก็เผลอใจอ่อนทุกที ยิ่งเวลาทำหน้าเป็นหมาหงอยนี่น่าสงสารที่สุด
ผมนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อย เสียงแตรรถก็ดังมาจากหน้าบ้าน ก่อนที่ผมจะหลุดจากภวังค์ รีบคว้ากระเป๋าใบโปรด แล้วเดินตรงไปยังหน้าบ้าน แล้วก็เป็นคุณคิณที่เดินตรงมาหาผม ฉีกยิ้มจนปากจะถึงรูหู คนอะไรไม่รู้ พอมาถึงปุ๊บก็ตรงเข้ามากอดผม ก่อนที่จะจุ๊บเหม่งผมไปที
“คิดถึงจังครับ” พูดคำนี้ทุกวัน ทั้งๆ ที่เราก็เจอกันทุกวันเหมือนกัน ตอนแรกผมก็ว่าเขาโอเวอร์ แต่ไปๆ มาๆ ก็แล้วแต่เขาแล้วกัน ไม่อยากขัด อยากเพ้อเจ้ออะไรก็ปล่อยเขาไป
“เฮ้อ!” เสียงถอนหายใจหนักๆ ของผมทำให้คุณคิณเริ่มจะหน้ามุ่ยอีกแล้ว
“ไม่คิดถึงกันเลยรึไงครับ” เหมือนที่ผมบอกไว้ไม่ผิดใช่ไหมล่ะครับ ว่าคุณคิณเป็นคนขี้น้อยใจ
“เจอกันทุกวัน เช้าเย็น ส่วนเสาร์อาทิตย์คุณก็มาอยู่กับพายทั้งวันนี่ยังไม่พอรึไงครับคุณ” ผมไม่ได้ประชดเขานะครับ เพราะทุกวันนี้ผมอยู่กับคุณคิณมากกว่าครอบครัวตัวเองซะอีก
“ไม่พอครับ ทางที่ดีต้องอยู่ด้วยกันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง” จะไม่ให้ผมมีโอกาสได้ใช้อากาสหายใจร่วมกับคนอื่นหรือไง
“จะไปไหมครับห้างเนี่ย เพ้อใหญ่แล้วนะครับ” อีกคนเดินมาเปิดประตูฝั่งตรงข้ามคนขับให้กับผม ไม่ได้ชอบให้เขาทำแบบนี้นะครับ แต่คุณคิณไมยอมท่าเดียว ผมขี้เกียจทะเลาะกับเขาเลยยอมๆ ไป เพราะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
ถึงห้างเราสองคนก็ตรงไปดูโปรแกรมหนังทันที มีหนังใหม่เข้าโรง เราสองคนอยากดูเหมือนกัน คุณคิณเลยเดินไปจองตั๋ว ส่วนผมยืนรออยู่ด้านนอก มองอะไรเพลินๆ ไปเรื่อย ไม่รีบร้อนอะไร เพราะเราจองรอบบ่าย กะว่าจะทานข้าวด้วยกันก่อน แล้วนั่งย่อยสักพัก คงทันรอบหนังพอดี
ผ่านไปสักพักคุณคิณก็เดินกลับมาพร้อมกับตั๋วหนังในมือสองใบ ไม่ต้องบอกก็รู้ครับว่าคนตรงหน้าผมมีความสุขขนาดไหน เพราะมันแสดงออกทางสีหน้าหมดแล้ว ยิ้มมีเสน่ห์เผื่อแผ่ให้กับทุกคน รวมทั้งสาวๆ หนุ่มที่เดินผ่านไปผ่านมา เหลียวหลังกันจนคอแทบหัก คนข้างๆ ผมก็ยังทำสีหน้าแป้นแล้นเหมือนเดิม
ผมยื่นมือบางไปจับมือใหญ่ในทันที ผมไม่ได้หึงนะครับ แค่แสดงความเป็นเจ้าของ ก็คุณคิณเป็นแฟนผมนิ จะจับมือกันเดินก็ไม่เห็นแปลก พอผมยิ่งทำแบบคนที่เดินผ่านไปผ่านมายิ่งมีท่าทีสนใจมากกว่าเดิม
“พายจับมือผม?” สีหน้าเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม
“ทำไม ไม่อยากให้จับเหรอ หรือว่ากลัวคนอื่นจะรู้ว่าเป็นแฟนพาย” ถึงผมจะเป็นคนไม่ค่อยแสดงความรู้สึกเท่าไหร่ แต่ผมก็หึงเป็นนะครับ (ไหนตอนแรกบอกว่าไม่หึงไง)
“ไม่ใช่สักหน่อย แค่แปลกใจ ปกติพายไม่ทำแบบนนี้นี่นา”
“วันนี้อยากทำ มีอะไรไหม” ผมตอบกวนประสาทไอ้ผู้ชายเจ้าเสน่ห์ข้างๆ หมั่นใส้จนอยากเอาคัตเตอร์มากรีดหน้าหล่อๆ ให้เสียโฉมสักที
“ไม่มีครับ ทำทุกวันเลยยิ่งดี” ยิ้มกว้างกว่าเดิมอีกงานนี้ ผมได้แต่ส่งค้อนวงใหญ่ให้กับคุณคิณ
“ใครเขาจะบ้าทำบ่อยๆ เล่า”
“พายไม่ทำคิณทำคนเดียวไม่ได้หรอก” ตอบไปคนละเรื่องแล้วนะครับสุดหล่อ เอะอะก็วกเข้าแต่เรื่องใต้สะดือ
“ไปทานข้าวครับหิวแล้ว” ผมพูดตัดบทไป เพราะไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงกับคุณคิณ เพราะไม่มีหนทางที่จะชนะ
“ครับๆ” เราสองคนเดินจับมือเดินไปพร้อมๆ กัน แม้ว่าจะมีสายตาหลายคู่จับจ้อง หรือแม้แต่กระซิบกระซาบอย่างสงสัย ผมก็ไม่คิดที่จะเก็บมาใส่ใจ เพราะคนพวกนั้นไม่ได้มีอิทธิพลพอให้ผมต้องสนใจ
เราตกลงกันแล้ววันนี้จะทานชาบู ที่จริงอยากจจะกินพวกเนื้อย่างเกาหลีมากกว่า แต่กลัวหัวจะเหม็นแล้วต้องเข้าไปนั่งในโรงหนังอีกสองสามชั่วโมงคงทนไม่ไหวแน่เลย
เรานั่งทานกันไป คุยกันไปเรื่อยเปื่อย โดยเฉพาะคุณคิณ รายนี้คุยอะไรไม่รู้ เดี๋ยวก็เล่นมุขตลก คงนึกว่าตัวเองเป็นคิณเชิญยิ้ม ผมหัวเราะบ้างบางที เพราะมันไม่ได้ตลกไปซะหมดนี่นา
“ทานนี่ครับ อันนี้อร่อย” คุณคิณตักหอยเชลล์ให้ผม ผมไม่ชอบหรอกครับแต่คุณคิณตักให้ก็เลยทาน ที่ชอบจริงๆ ก็จะเป็นพวกเนื้อหมูสไลส์มากว่า ไม่ได้ชอบอะไรที่มีราคาแต่ไม่คอยถูกปากเท่าไหร่
“คุณก็ทานเยอะๆนะ มัวแต่ตักให้พาย” ผมตักให้คุณคิณบ้าง ไม่อยากให้เขาคิดว่าต้องคอยดูแลผมฝ่ายเดียว ผมไม่เคยมีแฟน เลยไม่รู้ว่าต้องทำยังไง อีกอย่างเราสองคนก็เป็นผู้ชายด้วย การปฏิบัติต่อกันมันเลยยากไปใหญ่สำหรับผม
เราทานอาหารเสร็จ นั่งย่อยสักพัก ก่อนที่จะพากันไปเข้าห้องน้ำ เพราะไม่อยากเสียอารมณ์เวลาที่หนังกำลังสนุก แล้วต้องลุกออกมาทำธุระ ผมออกมายืนรอคุณคิณด้านนอก เพราะเขาให้ผมเข้าก่อน ส่วนตัวเองน่ะยืนเฝ้า คิดว่าผมไม่อายเหรอครับ แต่จะให้ทำยังไงล่ะในเมื่ออีกคนเอาแต่ใจเสียเหลือเกิน
ยืนมองผู้คนผ่านไปผ่านมารอบๆ ไม่ค่อยได้ออกมาเที่ยวแบบนี้เท่าไหร่ คิดอะไรเพลินๆ กลับมีแรงสะกิดจากด้านหลังพร้อกับน้ำเสียงที่คุ้นหู แต่ผมยังไม่รู้วาเป็นใคร จึงหันกลับไปตามแรงสะกิด
“ดีใจจังเลยครับที่ได้เจอพายที่นี่” เขาถือวิสาสะจับมือผมทันที อย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ผมพยายามดึงมือออกแต่อีกคนกลับไม่ปล่อย
“สวัสดีครับคุณบอย เอ่อ..ปล่อยมือผมได้รึยังครับ” เขาเหมือนแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน แล้วจับกุมมือผมไว้อย่างนั้น ผมยิ่งดึงมืออกเขายิ่งกำมือผมแน่นขึ้น
“ดีใจจังเลยครับที่ได้เจอ นึกว่าจะไม่มีโอกาสเจอกันอีกแล้ว” น้ำเสียงสุภาพที่เอ่ยออกมาตรงกันข้ามกับสายตาที่โลมเลียผมจนน่าขยะแขยง
“ปล่อยมือผมครับ” ถ้าไม่ปล่อยดีๆ ผมจะสะบัดให้มันหลุดเอง แต่ยังไม่ทันที่จะได้ทำอย่างที่ใจคิด ก็มีอีกคนเอ่ยแทรกขึ้นมาทันที
“แกนี่เองนึกว่าใคร อ่อยแฟนคนอื่นไม่เลือกเลยนะ” ผู้หญิงคนนี้คือคนเดียวกันกับคนที่ผมเจอที่งานวันเกิดชะเอม เธอชื่อน้ำหวานถ้าผมจำไม่ผิด แล้วทำไมมากับแฟนชะเอม
“.....”
“หรือว่าติดใจลีลาผู้ชายพวกนั้น จนลืมไม่ลงเลยอ่อยไปทั่ว” คำพูดจาที่แสนจะร้ายกาจส่งมายังผม
“กรุณาให้เกียรติผมด้วยนะครับ” ช่างเป็นผู้หญิงที่น่างรังเกียจจริงๆ เลย จิตใจคิดแต่เรื่องอกุศล
“นายมีเกียรติด้วยเหรอ เป็นยังไงคื้นนั้น มันสะแด่วกับไอ้จิ๊กโก๋สองคนนั้นไหม”
“คุณเป็นคนวางแผนทุกอย่างเหรอ” คนเราสามารถำร้ายคนอื่นได้มากมายขนาดนี้เลยเหรอ เพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ ผมไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะเป็นผู้หญิงที่น่ากลัวขนาดนี้
“ก็ใช่สิยะ แกอยากมาอ่อยคุณบอยของฉันทำไม” ผมเนี่ยนะไปอ่อยไอ้คุณบอยไม่มีทาง ยกให้ผมพร้อมเงินร้อยล้านยังไม่เอาเลยครับผู้ชายพรรค์นี้
“ผู้ชายคนนี้เป็นแฟนชะเอมไม่ใช่เหรอ”
“จืดชืดอย่างนั้นใครจะเอา ก็แค่ของเล่นฆ่าเวลา จริงไหมคะบอย” ไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะร้ายกาจได้ขนาดนี้ สามารถแย่งแฟนเพื่อนได้อย่างหน้าตาเฉย อีกทั้งยังไม่รู้สึกผิดเลยด้วยซ้ำ
“ผมไม่เคยคิดจะแย่งของๆ ใคร”
“ตุ๊ดอย่างแกก็แค่หาที่ระบายใช่ไหมล่ะ” ปากพล่อยๆ แบบนี้ถ้าผมไม่เห็นว่าเป็นผู้หญิงผมคงชกไปสักหมัด ส่วนไอ้คุณบอยน่ะเหรอ ได้แต่ยืนอ้าปากหวออยู่ข้างๆ
“หยุดปากพล่อยๆ ของคุณเดี๋ยวนี้เลยนะ” เสียงคุณคิณดังแทรกมาจากข้างหลัง ทำให้ทั้งสองคนรีบหันไปมอง ก่อนที่คุณคิณจะเดินมายืนข้างๆ ผม
“คุณเป็นใคร แล้วมายุ่งเรื่องของเราทำไม คุณไม่รู้หรอกว่าไอ้ตุ๊ดเนี่ยมันยืนอ่อยแฟนฉันอยู่” ใส่ร้ายกันขนาดนี้ ผมเคยไปทำอะไรให้คุณไม่ทราบ
“ไม่ใช่แฟนคุณเหรอครับที่อ่อยแฟนผม คุณเห็นอะไรไหมครับระหว่างแฟนของคุณกับผม” ผมกำลังงงกับคำพูดของคนข้างๆ นี่เขาหมายความว่ายังไง คุณคิณต้องการจะสื่ออะไรออกมา
“อะไร” สีหน้าของน้ำหวานก็คงงงไม่ต่างจากผม
“ความแตกต่างไง ผมทั้งหล่อ ทั้งรวย แถมนิสัยดีอีกต่างหาก เมื่อเทียบกับผู้ชายของคุณแล้ว คิดว่าพายยังจำเป็นต้องอ่อยเขาไหมครับ” คุณคิณยิ้มให้ผม ก่อนที่จะยกมือมากอดผมไว้ รู้สึกอุ่นในใจจนเผลอยกมือกอดคุณคิณตอบ
“คนอย่างไอ้นี่ก็อ่อยไปทั่วแหละไม่ว่าผัวใครก็ตาม” แม้ว่าสีหน้าของเธอจะดูซีดลงอย่างเห็ฯได้ชัด แต่ก็ยังปากเก่งเหมือนเดิม
“จะมากไปแล้วนะครับ” คุณคิณส่งสายตาอาฆาตใส่สองหญิงชายตรงหน้า
“ทำไมคะ ถ้าคุณรู้ว่าคนข้างตัวคุณผ่านใครมาบ้างคุณยังจะพูดแบบนี้อยู่รึเปล่า”
“ไม่หรอกครับ ไม่ว่าพายผ่านใครมากี่คนผมก็รักเขา แต่ผมมั่นใจว่าผมเป็นผู้ชายคนแรกแล้วก็คนเดียวของเขา” ผมยกยิ้มน้อยๆ ส่งให้คุณคิณอย่างขอบคุณ ขอบคุณทุกอย่างที่ทำให้ผมมีเขาเคียงข้าง หรือต้องขอบคุณคุณน้ำหวานด้วยก็ได้ที่ทำให้ผมได้รู้จักคนที่น่ารักอย่างผู้ชายคนนี้
“มันโดนผู้ชายเอามากี่คนแล้ว ยังสามารถหลอกคุณได้อีกเหรอ”
“เธอคงหมายถึงคืนนั้นสินะ ฉันจะบอกอะไรดีๆ ให้อย่างนะ ฉันเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างตั้งแต่เริ่มต้น”
“มะ...หมายความว่ายังไง” ท่าทีของเธอเปลี่ยนไปในทันที อยู่ดีๆ ก็พูดติดอ่างซะอย่างนั้น
“เธอนี่โง่หรืออะไร ถ้าไม่เข้าใจอธิบายใหม่ก็ได้ ฉันเห็นตั้งแต่เธอวางแผนนัดแนะกับไอ้ชั่วสองตัว จนเธอวางยาพาย.....” แฟนผมนี่เป็นผู้ชายปากจัดใช่ย่อยนะครับ แต่ก็ดีเหมือนกัน เพราะถ้าไม่มีเขาผมคงได้แต่ยืนอึ้งให้ผู้หญิงตรงหน้าด่าแน่นอน
“ไม่จริง”
“เธอรู้ไหมว่าผับนั้นมันเป็นของเพื่อนฉัน มีกล้องวงจรปิดทุกมุม” คนเราเมื่อถึงทางตันนี่เป็นแบบนี้ทุกคนรึเปล่า ได้แต่ส่งเสียงร้องแว๊ดๆ โหยหวนต่ก็ทำอะไรไม่ได้
“บ้าๆ พวกแกมันบ้า”
“แต่ฉันต้องขอบใจเธอนะ ที่ทำให้เราสองคนได้รู้จักกันเร็วขึ้น” คุณคิณยิ้มให้ผมอีกครั้ง ผมยิ้มตอบกลับไปด้วยความรู้สึกที่เต็มตื้นในหัวใจ
“ไปครับที่รัก” คุณคิณดึงมือผมออกมาจากสองคนผัวเมียที่เหมาะสมกันยังกับผี่เน่ากับโลงผุ ก่อนที่เราสองคนจะเดินตรงไปยังโรงหนัง ผมไม่ใส่ใจกับสองคนนั้นแล้ว เพียงแค่ยังสงสัยว่าชะเอมเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้นรึเปล่า
“ขอบคุณนะครับ”
“เรื่องอะไร” ยังจะมาถามอีก ทั้งๆ ที่ก็รู้ว่าผมหมายถึงเรื่องอะไร
“ฮึ่ย! กวนประสาท” พอโดนผมด่า คนข้างๆ กลับหัวเราะชอบใจ เป็นโรคจิตรึยังไงก็ไม่รู้
“ครับๆ ไม่ต้องขอบคุณหรอก เพราะผมรู้ดีว่าผัวพายมีแค่ผมคนเดียว” ผมยกมือขึ้นทุบไหล่แกร่งเสียงดังอั๊ก จนคนข้างๆ ทำหน้าเบ้
“สมน้ำหน้า พูดจาไม่เข้าหู”
“อายเหรอครับเมีย” อยากโดนอีกสักทีใช่ไหม เดี๋ยวจัดให้หนักๆ เลยคราวนี้ แต่ไม่ได้เป็นอย่างที่ใจคิด คุณคิณจับมือผมไว้ซะก่อน ทำอะไรไม่ได้นอกจากส่งค้อนให้เขาไปหลายๆ ที
“มันก็จริงนี่ครับ เพราะผมเป็นผู้ชายคนแรกและคนสุดท้ายของพายจริงไหมครับ”
“จะไปรู้ได้ยังไง วันหนึ่งพายอาจจะเจอคนดีกว่าคุณคิณ น่ารักกว่า ไม่กวนโมโห แล้วก็รวยกว่าคุณคิณก็ได้” แกล้งผมดีนัก พอผมพูดแกล้งคืนบ้างกลับหน้างอง้ำ ปล่อยมือออกจากการเกาะกุมมือผมไปซะเฉยๆ
“ก็ไปสิ คิณมันไม่ดีนี่นา ชอบแกล้ง เอาแต่ใจ แล้วก็ปากไม่ดี”
“รู้ตัวด้วย” สีหน้าของคุณคิณตอนนี้ตลกดีครับ อยากจะยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเก็บไว้จริงๆ เลย
“เออ รู้มาตลอดแหละ”
“พูดไม่เพราะ” ผมยกมือตีปากเขาไปที แต่ไม่ได้แรงนะครับ
“ไม่มีอารมณ์” เห็นไหมครับผมกับคุณคิณชอบทะเลาะกันเรื่องไร้สาระแบบนี้เป็นประจำ แล้วก็เป็นเขาที่จะเป็นฝ่ายงอนผมตลอด
“ตามใจ”
“ไม่คิดจะง้อเลยใช่ไหม” นี่ผมมีแฟนหรือมีลูกเนี่ย อยากจะรู้จริงๆ เลย
“ติดนิสัยไง นิดๆ หน่อยๆ ก็งอนอย่างเดียวเลย”
“หายแล้วก็ได้ แต่พายห้ามพูดแบบนั้นอีก” เปลี่ยนอารมณ์ไวดีไหมครับแฟนผม
“แบบไหนครับ”
“พาย!”
“ครับๆ เข้าใจแล้วครับ แกล้งเล่นเฉยๆ พอใจยังครับที่รัก” นี่แหละครับคุณคิณ เดี๋ยวดี เดี๋ยวบ้า เดี๋ยวงอน ตามอารมณ์ไม่ค่อยจะทันหรอก
บทสนทนาไร้สาระของผมกับคุณคิณก่อนเข้าโรงหนัง มันน่าจับไปล้างสมองดีไหมครับคนเรา โตจนป่านนี้แล้ว ยังไร้สาระไม่เปลี่ยนไม่รู้ว่าเป็นผู้บริหารได้ยังไง
หนังจบไปแบบงงๆ เพราะเราสองคนไม่ได้สนใจที่จะดูมันเลย เดินออกมาจากโรงหนังยังไม่รู้เลยว่าเหตุการณ์ในเรื่องเป็นยังไง พอผมกำลังตั้งหน้าตั้งตาดูคุณคิณก็ชวนคุย จับมือผมมาหอมบ้าง จุ๊บหน้าผากผมบ้าง สาระพัดจะทำ ดีนะครับที่เราจองแบบฮันนีมูน ไม่อย่างนั้นอายคนอื่นแย่เลย
*********************
TBC.