*เป็นตอนสุดท้ายที่จะอัปลงเว็บจ้า หนังสือยังสามารถพรีออเดอร์ได้
ด้วยการสอบถามไปที่เพจ SilverFish4 -
https://www.facebook.com/SilverFish4/หมดเขตการพรีวันที่ 12 พ.ย. 60 รีบซื้อก่อนจะหมดโปรลดราคารอบพรีนะ เพราะถ้าซื้อหลังจากนี้ราคาเต็มจ้า
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สิ่งแรกที่ผมทำหลังจากลั่นวาจาไว้คือการเคลียร์ตัวเองให้สะอาดหมดจน โดยเริ่มจากไล่โทรไปหาอดีตคู่ควงทุกคนว่าผมจะเลิกติดต่อนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป บางคนคุยง่ายแค่บอกตัดความสัมพันธ์อีกฝ่ายก็ยอมจบโดยดี คงเพราะมีคนใหม่ด้วย แต่หลายคนก็คุยยาก ฟูมฟายไร้สาระน่าปวดหูจนผมต้องใช้เงินให้สงบและสั่งห้ามกลับมารบกวนผมอีกเป็นครั้งที่สอง เหลือแค่ส่วนน้อยที่นอกจากจะไม่ยอมจบความสัมพันธ์แถมไม่ยอมรับเงินแล้วยังดึงดันจะพบผมให้ได้
แน่นอนว่าผมนัดพบเรียงคน และประกาศจบความสัมพันธ์อย่างเด็ดขาด ต่อให้ไม่ยอมผมก็ไม่สน ยังไงซะคนพวกนี้ก็ทำอะไรผมไม่ได้อยู่แล้ว กว่าจะตกลงกับผู้หญิงเหล่านั้นเสร็จ กินเวลาร่วมอาทิตย์กว่า ซึ่งระหว่างนั้นผมยังคงติดต่อกับมูนปกติ แล้วผมหักซิมที่ใช้ติดต่อกับพวกเธอทิ้ง เหลือเพียงเบอร์สำหรับคุยงานกับเบอร์ส่วนตัวสำหรับคนที่สนิทจริงๆ อย่างครอบครัวของพ่อบุญธรรมกับมูน
ผมใช้ชีวิตอยู่กับร่องกับรอยมากที่สุดในรอบสิบปี ขนาดที่ผมยังไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองทำได้ ตื่นเช้ามาทำงาน พักเที่ยวทานอาหารแล้วกลับมาทำงานต่อ พอเลิกงานถ้าไม่ติดนัดทานอาหารกับลูกค้าก็จะใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับมูนโดยเฉพาะวันหยุด ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชายคนไหนทอดสะพานให้ผมก็ตอบปฏิเสธอย่างสุภาพ
พวกคู่ค้าหรือหุ้นส่วนที่อายุมากกว่าและผมให้ความนับถือ ก็ออกปากชมว่านิสัยผมเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ไม่คิดว่าโลกหมุนรอบตัวเอง เอาใจใส่คนรอบข้างมากกว่าเดิม บอกให้ผมทำแบบนี้ต่อไปเพื่ออนาคตที่มั่นคง มีหลายคนแซ็วว่าผมคงจะเจอคนที่รักจริงเสียที ถึงโดนปราบเสียอยู่หมัด ผมไม่ตอบอะไรแต่ก็ไม่ปฏิเสธ
ผมกำลังรอเวลาเหมาะๆ อยู่ที่จะขอมูนเป็นแฟนอีกครั้ง ตอนนี้เป็นช่วงเดือนพฤษภาคม ดอกไม้ที่มูนชอบกำลังออกดอกบานสะพรั่ง ผมเลยสั่งให้เลขาไปซื้อต้น Lily Of The Valley มาหนึ่งกระถาง มันเป็นพืชขนาดเล็ก มีใบสีเขียวขนาดใหญ่ ช่วงดอกจะเป็นกิ่งยื่นออกมาและมีดอกเล็กๆ สีขาวบริสุทธิ์รูปทรงเหมือนระฆังคว่ำเรียงตัวไล่ระดับ พอเอามาตั้งในห้องทำงานก็ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ชวนให้รู้สึกสดชื่นออกมา
อันที่จริงผมอยากจะซื้อน้ำหอมที่สกัดจากดอกไม้ชนิดนี้ไปให้มูนด้วย แต่เกรงว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย เลยพับความคิดนั้นเก็บไปก่อน เปลี่ยนมาเป็นอะไรที่ดูธรรมดาแต่สื่อความรู้สึกได้อย่างชัดเจน แถมมูนยังเคยบอกว่า ดอกไม้สวยๆ ซื้อไปไม่นานก็เหี่ยวตาย ผมเลยคิดจะมอบให้ทั้งกระถางไปเลย จะได้ช่วยกันดูแลเป็นของแทนใจ
“ท่านประธานเอาแต่ยิ้มหน่อยยิ้มใหญ่กับกระถางต้นไม้แบบนี้ก็ไม่ช่วยให้สมหวังหรอกนะครับ” เลขาวัยกลางคน เป็นคนเก่าแก่ที่มาช่วยทำงานจนกว่าจะได้เลขาคนใหม่ เอ่ยทักขึ้นขณะวางแฟ้มลงบนโต๊ะ
“ผมคิดจะเอาไปให้เขาในวันหยุดที่ใกล้จะถึงนี้ คุณคิดว่าผมควรจะเพิ่มริบบิ้นสักหน่อยดีมั้ย หรือซื้อพวกตุ๊กตาประดับสวนตัวเล็กๆ มาประดับดี” ท่านประธานใหญ่พูดอย่างอารมณ์ดี แม่มือจะหยิบแฟ้มมาเปิดอ่าน แต่ยังไม่วายชำเลืองมองกระถางสีฟ้าลายนกสีขาวเป็นระยะ
“เพิ่มริบบิ้นก็พอแล้วมั้งครับ ใบใหญ่ขนาดนี้ ถ้าซื้อตุ๊กตาประดับสวนมาใส่คงจะโดนบังหมดพอดี”
ผมพยักหน้ารับ “งั้นเอาตามที่คุณว่าเลย ผมฝากซื้อริบบิ้นหน่อยนะ ถ้าจะให้ดีขอเป็นสีขาว”
“รับทราบครับ แต่ก่อนหน้านั้นท่านประธานมีประชุมตอนบ่ายโมง...” เลขาเริ่มกลับเข้าสู่สภาวะการทำงานอีกครั้ง ผมเองก็ตั้งใจฟังขณะที่ตาอ่านรายละเอียดของโครงการก่อนเข้าประชุม
บรรยากาศในห้องประชุมเองก็น่ารำคาญเหมือนเคย ให้ความรู้สึกเหมือนฮ่องเต้ที่ต้องมานั่งฟังขุนนางเถียงกันเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตัวเอง โครงการปรับปรุงต่อเติมห้างครั้งใหญ่เพื่อเพิ่มความทันสมัย มันควรจะผ่านได้ด้วยดี หากไม่ติดที่ว่ามีคนบางกลุ่มเกิดนึกอยากคัดค้านการต่อเติมในครั้งนี้ ทั้งที่ผ่านมาไม่ใช้สิทธิ์ออกเสียใดๆ ทั้งสิ้น
ผมก้มมองโครงการที่ดำเนินมาจนถึงช่วงท้ายก่อนอนุมัติก่อสร้าง กลับต้องรื้อใหม่เพื่อตรวจสอบบ้าบอไร้สาระ จนงานส่วนอื่นๆ ต้องหยุดชะงักไปทั้งหมด ผลสุดท้ายก็หาข้อสรุปไม่ได้จำต้องยกไปประชุมใหม่อีกครั้ง เป็นแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนผมแทบไม่มีเวลาติดต่อมูน กระทั่งวันหยุดที่วาดหวังไว้ยังต้องพังไม่เป็นถ้าเพราะติดประชุมกะทันหัน
แต่ดูเหมือนพระเจ้าจะเห็นผมเผชิญอุปสรรคไม่มากพอ ช่วงเวลาที่ผมกำลังคิดใคร่ครวญว่าจะทำยังไง ถึงจะผลักดันโครงการนี้ให้เป็นผลสำเร็จโดยเร็ว ลูกชายของพ่อบุญธรรมก็ส่งข่าวหนึ่งมาให้ ซึ่งตัวเอกของข่าวนี้คือผมเอง...
‘รีบดูก่อนถูกลบ! ใครจะไปคิดล่ะว่าหนุ่มเจ้าของห้างดังใจกลางกรุงจะมีเบื้องหลังที่เน่าเฟะแบบนี้ นอกจากข่าวคาสโนว่าตัวพ่อที่ลือกันหนาหู ล่าสุดมีข่าวนางแบบสาวตกอับ มีสัมพันธ์ลึกซึ้งจนเกิดโซ่น้อยคล้องใจ แต่ดูเหมือนคนพ่อจะไม่ต้องการ เลยสั่งให้ตัดโซ่ฉับ สาวเจ้าน้ำตานองหน้า เกิดรูปหลุดเดินเข้าออกสถานที่ทำแท้งเถื่อน อ่านต่อหน้า...’
ผมสูดลมหายใจลึกขณะจ้องข้อความที่ปรากฏบนหน้าจอโน้ตบุ๊ก ก่อนจะกดโทรศัพท์เรียกเลขาด้วยน้ำเสียงเข้มจัดอย่างข่มอารมณ์เต็มที่ ภาพนางแบบสาวคนนี้เป็นคนเดียวกับที่คิดจะขับรถชนผมเมื่อหลายเดือนก่อน
รอจนกระทั่งเลขามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า ผมหมุนโน้ตบุ๊กของตัวเองให้อีกฝ่ายดู
“คุณอานนท์ ไปสืบมาให้ผมทีว่าใครเป็นคนเขียนข่าวนี้ และสืบมาด้วยว่าผู้หญิงคนนั้นคิดจะทำอะไรกันแน่ อ่อ อย่าลืมเตรียมทนายกับติดต่อตำรวจเมื่อคราวนั้นไว้ให้ผมด้วย” ในเมื่อเตือนดีๆ แล้วไม่ฟัง ผมก็ต้องลงมืออย่างเด็ดขาด
อานนท์เห็นข่าวก็หน้าเปลี่ยนสีทันที รีบรับคำแล้วออกไปจัดการตามที่สั่งอย่างรวดเร็ว ส่วนผมนั่งสงบสติอารมณ์อยู่ในห้องทำงาน หากเป็นปกติผมถูกโจมตีด้วยข่าวฉาวแบบนี้จะไม่เดือดเนื้อร้อนใจเลยสักนิด เพราะผมสามารถจัดการให้เรื่องมันจบได้อย่างง่ายดาย แต่เวลานี้ไม่เหมือนกัน
ผมกำลังจะเริ่มต้นกับใครสักคน จะปล่อยให้มันมาทำลายอนาคตของผมไม่ได้เด็ดขาด ผมรีบคว้ามือถือใกล้มือเพื่อโทรหามูนแล้วลองหยั่งเชิงดูว่ามูนรู้ข่าวนี้รึยัง ถ้ารู้แล้วผมจะได้อธิบายว่าผมบริสุทธิ์ แต่ถ้ายังไม่รู้ผมก็จะจัดการให้เรื่องนี้มันเงียบหายไป
ผมรอสายด้วยใจลุ้นระทึก ร้อนรนจนไม่สามารถนั่งนิ่งอยู่กับที่ได้ ต้องลุกเดินไปเดินมาภายในห้อง โทรไปหนึ่งครั้งก็แล้ว สองครั้งก็แล้ว ยังไม่มีทีท่าว่าอีกฝ่ายจะรับ ผมคิดในแง่ดี ไม่แน่มูนอาจจะกำลังติดงานอยู่เหมือนที่ผมเป็นบ่อยๆ ไว้รออีกสักพักผมค่อยโทรไปอีกที
ขณะที่คิดจะกดตัดสาย ก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นซะก่อน
“ฮัลโหลจิน โทรมามีอะไรเหรอ”
ผมหรี่ตา เผลอยกยิ้มมุมปาก ดูเหมือนมูนยังไม่รู้เรื่องสินะ
“คิดถึงเลยโทรหา วันหยุดที่ผ่านมาจินติดงานจนพวกเราไม่ได้เจอกัน ถ้างั้นวันหยุดครั้งหน้ามาเจอกันที่ห้องจินดีมั้ย จินมีอะไรจะให้มูนด้วย” ร่างสูงเอนตัวนั่งลงตรงขอบโต๊ะ นิ้วยาวขึ้นข้อสวยลูบไล้ใบสีขาวในกระถางสีฟ้าเบาๆ ราวกับเป็นตัวแทนของใครอีกคน
“ได้สิ”
คำตอบที่ได้รับทำให้ผมโห่ร้องในใจด้วยความยินดี อารมณ์หงุดหงิดเหมือนภูเขาไฟจวนระเบิดก่อนหน้านี้หายเป็นปลิดทิ้ง
“...แต่หลังจากที่จินแก้ปัญหาที่ตัวเองก่อเสร็จแล้วอะนะ”
ในใจสะดุ้งวาบหลังได้ยินประโยคนี้ของมูน “คุณพูดเรื่องอะไร?” ผมเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
“อย่าทำเป็นไม่รู้เรื่องจิน มูนเห็นข่าวแล้ว ไปจัดการให้เรียบร้อย ไม่งั้นเราไม่ต้องคุยกันอีก” สิ้นคำก็ถูกตัดสายแทบจะในทันที มือของผมเย็นเฉียบขณะกดโทรกลับอย่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่ได้รับคือเสียงฝากข้อความ
หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่ง ผมก็ตัดสินใจฝากข้อความในสิ่งที่ต้องการจะบอกให้อีกคนรับฟัง
กรุณาฝากข้อความหลังเสียงสัญญาณ...
“ผมรู้ว่ามูนเกลียดคนเจ้าชู้กับคนที่ทำร้ายผู้หญิงมากที่สุด แต่ได้โปรด...ช่วยฟังผมอีกสักครั้ง ผมจะพิสูจน์ให้เห็นว่าผมไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จริงๆ ผมรักคุณนะ หวังว่าคุณจะให้โอกาส”
ข้อความถูกส่งไปแล้ว ส่วนปลายทางจะยอมรับมั้ยนั่นอีกเรื่อง แต่ผมจะจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จ และไปคุยกับมูนด้วยตัวเอง