กำลังทำการรีไรท์นิยายให้มันสนุกยิ่งขึ้น แต่เนื้อเรื่องยังคงเดิมทุกประการ อาจมีเพิ่มตัดตามความเหมาะสม
เมื่อรีทั้งหมดเสร็จจะอัพลงทีเดียวและแต่งนิยายต่อตามปกติ
-------------------------------------------------------------------------------
ตัวอย่าง ยกที่1 สเปค(รีไรท์) บางที การเรียนต่างถิ่นอาจเปิดโอกาสหลายๆ อย่างให้กับตัวเอง เจอเพื่อนใหม่ พบสังคมใหม่ เปลี่ยนสภาพแวดล้อมไปจากเดิม...ก็อ้างไปเรื่อยแหละ ความจริงผมแค่อยากจะหนีจากที่บ้านใหญ่มาเท่านั้นเอง ตัวผมเป็นคนเชียงใหม่ ถ่อสังขารมาเรียนถึงเมืองกรุงเพื่อเปิดโลกกว้าง
แต่เรื่องโอกาสนี่ได้จริงๆ นะ โอกาสเจออาหารตาไง...
ยามสายที่แดดแผดเผา ผมนอนเหงื่อแตกอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดเล็ก อันประกอบด้วยเตียงสองชั้นวางติดผนังซ้ายขวา ตู้เสื้อผ้าแบบเหล็กอย่างกับในค่ายทหาร โต๊ะเหล็กและเก้าอี้ไม้อย่างละสอง มีระเบียงอันน้อยนิดพอไม่รู้ว่าเป็นที่ตากผ้า ด้านซ้ายขวาของระเบียงเป็นห้องน้ำกับห้องอาบน้ำแยกกัน ส่วนอ่างล้างหน้าอยู่ด้านนอกแถวที่ต่างผ้าแหละ ผมก็ไม่เข้าใจว่าคนออกแบบต้องการอะไรจากสังคมเด็กหอ
ด้วยความที่เป็นเด็กต่างจังหวัดและเพิ่งเข้ากรุงครั้งแรก ไม่รู้ที่ทางแถวนี้เลย ผมจึงตัดสินใจอยู่หอพักของมหา’ลัยศึกษาลู่ทางแถวนี้แล้วค่อยย้ายออก ก่อนหน้านี้ผมมีรูมเมทหนึ่งคน เขาเป็นผู้ชายร่างเล็กหน้าละอ่อน ซึ่งตอนนี้ย้ายออกไปอยู่กับพี่ชายต่างสายเลือดเรียบร้อย แต่ยังมีน้ำใจแนะนำเพื่อนอีกคนให้มาอยู่แทน ผมเลยไม่ต้องแห้งเหี่ยวเดียวดายอยู่ในห้อง
รู้สึกว่าจะมาวันนี้แหละ แต่ไม่รู้ว่าจะมากี่โมง ผมนอนกองกับพื้นกระเบื้องแนบแก้มเอาความเย็นตาเหล่มองนาฬิกามือถือ สิบโมงแล้วยังไม่เห็นวี่แววรูมเมทคนใหม่ เอาวะ! อาบน้ำสักแป๊บคงไม่เป็นไรมั้ง
คว้าผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำสลัดเสื้อเหม็นเหงื่อทิ้งแล้วเปิดน้ำเย็นชโลมกาย รู้สึกสดชื่นเหมือนได้เกิดใหม่ ระหว่างกำลังฮัมเพลงสระผมถูสบู่อย่างอารณ์ดี เสียงนรกบังเกิด มีคนเคาะประตูอยู่หน้าห้อง ทีแรกผมเข้าใจว่าห้องอื่นจนกระทั่งเสียงเคาะมันเปลี่ยนเป็นเสียงทุบนี่แหละ รีบล้างตัวล้างตัวคว้าผ้าขนหนูพันเอวออกมาแทบไม่ทัน แม่เจ้าเว้ย ท่าทางจะอารมณ์ร้าย ประตูหอจะพังไม่เนี่ย
“มาแล้วเว้ย!!” ตะโกนแกมประชดมือเปิดประตู สิ่งที่เห็นทำเอาผมอ้าปากค้างตรงข้ามกับอีกคนที่ทำหน้าบูด
“เปิดช้าฉิบหาย” มาถึงบ่น คิ้วเข้มขมวนยุ่ง “ถอยไปดิ้ กูจะเข้าห้อง” เสียงทุ้มพูดออกมาทำให้ผมได้สติ พยักหน้ารับเปิดทางให้อีกฝ่ายเข้าห้องก่อนปิดประตู ไอ้หมอนี่คงเป็นรูมเมทคนใหม่
ผมกวาดตามองบนลงล่าง ล่างขึ้นบน ชายร่างสูงใหญ่หุ่นนักกีฬาสวมเสื้อยืดกางเกงยีนหนีบแตะสะพายเป้ใบใหญ่ ผมดำสั้น ตาคม จมูกโด่งหน้าเข้ม เฮ้ย! หล่อ หล่อมาก!! หล่อแบบออกเถื่อนนิดๆ เชี่ย สเปค!!
อึ้งอะไรกัน อ่อ ผมลืมบอกสินะ อะแฮ่มฟังกันให้ดี ผมหนุ่มเหนือนามปีโป้เป็นเกย์ครับท่าน เรื่องนี้เป็นความลับนะ เงียบๆ ไว้เดี๋ยวไก่ตื่น แม้ผมจะไม่ใช่พวกฟาดไม่เลือกแต่ขออาหารตาไว้ดูก็ยังดี ผมกอดอกมองสำรวจอีกฝ่ายเพลินๆ
“แล้วเตียงกูอยู่ฝั่งไหน?”
“ของกูฝั่งซ้าย มึงฝั่งขวา หรืออยากเปลี่ยน?” ผมเลิกคิ้วถาม เขาส่ายหัว โยนของไปฝั่งที่ว่างอยู่ จู่ๆ เขาผละจากของตัวเองเดินไปทางมุมห้องฝั่งของผมหยิบไม้ทีขึ้นมา ขณะเดียวกับที่ผมสังเกตหนังสือเรียนของอีกฝ่าย เราสองคนมองหน้ากัน
“วิศวะ? / สถาปัตย์?”
ต่างคนต่างเงียบคุมเชิงกัน ผมไม่มีอคติเรื่องสองคณะไม่ถูกกันนะ อาจจะไม่ถูกกันจริง แต่มันก็มีทั้งคนดีและไม่ดี จะเหมาหมดก็ดูจะใจร้ายไปหน่อย อีกอย่าง ตราบใดที่ทางนั้นไม่เริ่มก่อน ผมไม่คิดลงมือ
ภาพรูมเมทหน้าละอ่อนลอยขึ้นมาทันที โธ่เอ๊ย ไอ้ตัวเล็ก ดันลืมบอกเรื่องสำคัญกับพวกเราซะแล้ว ผมคิดอย่างอ่อนใจ เหมือนเราจะนึกถึงคนเดียวกันอยู่ สุดท้ายเลยหลุดหัวเราะทั้งคู่
“ฮ่าๆๆ!”
“ถึงคณะจะไม่ถูกกัน แต่ใช่มีเรื่องคอขาดบาดตายสักหน่อย ยินดีที่ได้รู้จักไอ้เด็กวิศวะ กูชื่อโป้” ผมยักคิ้วให้
“กูซัน ส่วนใหญ่ก็แค่แข่งกัน หมั่นไส้กันเองมากกว่าจะต่อยตี บอกไว้ก่อนถึงเป็นรูมเมทแต่งานแข่งกีฬาคณะกูไม่ออมมือนะเว้ย โป้สถาปัตย์” มันท้าทายกลับ เรื่องอะไรจะยอม อย่าคิดว่าความหล่อจะทำให้ผมใจอ่อนไปซะหมดนะ
“หึ อย่าหลุดกากแล้วกัน”
“เชี่ย ปากดีงี้ เจอกันในสนามดีกว่าว่ะ”
พวกเราจับมือกัน งานนี้สนุกแน่
“แล้วมึงไม่คิดจะแต่งตัวรึไง หรือเป็นพวกชอบโชว์” หนุ่มเถื่อนเลิกคิ้วมอง ผมชะงักเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองยังนุ่งผ้าขนหนูตัวเดียว ความจริงห้องแคบๆ แบบนี้ผู้ชายตัวใหญ่สองคนมาอยู่ด้วยกัน เวลาซันจัดของสวนผมไปมาต้องมีส่วนใดส่วนหนึ่งในร่างกายที่โดนกันบ้าง ซันมันคงไม่คิดอะไรหรอกเพราะมันเหมือนจะเป็นผู้ชายแท้ๆ แต่ผมนี่สิ ควรจะไสหัวตัวเองไปแต่งตัวสักที
ผมชูนิ้วกลางใส่มันข้อหาที่ว่าผมเป็นพวกชอบโชว์แล้วหลบหยิบชุดใหม่ไปเปลี่ยนในห้องน้ำ ใช่ว่าชายสองคนจะเหนียมอายกัน แต่หอในมันไม่มีผ้าม่าน ขืนเปลี่ยนในห้องโทงๆ ได้กลายเป็นอาหารตาให้สาวหอตรงข้ามพอดี ติดกับหอของมหา’ลัยเป็นหอพักนอก มีเสื้อผ้าตากตรงระเบียงประปรายบ่งบอกว่ามีคนอยู่ อนาคตไม่แน่ผมอาจจะย้ายไปอยู่หอนั้นก็ได้ ต้องรอดูกันไปก่อน
ซันใช้เวลาไม่นานในการเก็บข้าวของเข้าที่ พวกผู้ชายไม่ค่อยมีข้าวของอะไรเยอะนักหรอก
เรื่องราวหลังจากนั้นไม่มีเหตุให้ตีกันแต่อย่างใด ผมกับซันอยู่กันอย่างสงบสุข เช้าตื่นมาสลับกันเข้าห้องน้ำเปลี่ยนเสื้อพาไปมหาลัย รับน้องเสร็จแทบจะคลานกลับห้อง คณะพวกเรารับน้องโหดทั้งคู่ ดูเผินๆ ไม่ได้ต่างจากคนอื่นเท่าไปเลย เอาความจริงนะ พวกเด็กหอรูมเมทใช่ต้องสนิทกันตัวติดไปไหนด้วยกันตลอด อันนั้นมันกรณีที่เป็นเพื่อนกันมาก่อน ไม่ก็พวกเรียนสาขาเดียวกันแล้วมาแชร์ห้องประหยัดค่าเช่า
ตรงข้ามกับพวกผม แค่คณะก็ไปคนละทาง เวลาก็ไม่ตรงกัน ต่างคนต่างมีสังคมเพื่อนเป็นของตัวเอง อาจจะมีบ้างที่ชวนกันไปกินข้าวเย็นหากมีเวลา แต่ส่วนใหญ่แค่เจอก็ทักทายกันนิดหน่อยแล้วกลับมาอาศัยหอเป็นที่ซุกหัวนอนมากกว่า
บางคืนพวกเพื่อนกับรุ่นพี่ชวนไปดื่มบ้าง รอบไหนเมาหนักนอนตายห้องเพื่อน รอบไหนเลิกไวลานสังขารกลับได้ ก็จะกลับมานอนที่หอ กลิ่นเหล้างี้ไม่ต้องพูดถึง ปกติซันไม่ได้รอผม เขานอนก่อนเลย แต่วันนี้มาแปลก พ่อเจ้าประคุณนอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียง
เอ้อ นี่ก็อีกอย่าง ซันมันเป็นวิศวะประสาอะไรไม่รู้ แทบไม่ออกไปแดกเหล้ากับเพื่อนฝูง อยู่ห้องถ้าไม่นอนก็จะอ่านหนังสือ ดูแล้วโคตรเด็กเรียนไม่เข้ากับหน้าตาสุดๆ แต่ความเถื่อนยังคงเดิมนะ อันนี้ผมรับประกัน หลังจากเห็นอีกฝ่ายไปเตะประตูห้องอื่นที่เสียงดังจนไม่ได้นอน กระชากคอเสื้อเกือบลากพวกนั้นมาชก ดีที่ผมห้ามไว้ไม่งั้นงานเข้า
ดวงตาคมเหลือบมองนาฬิกาปลุกบนโต๊ะเหนือหัว
“ไมกลับมาไว”
น้ำเสียงเหมือนประชด แต่ความจริงมันไม่มีอะไรเลย ดีที่ผมเป็นคนใจเย็นและมีมนุษย์สัมพันธ์ดีมาก เลยไม่เอาท่าทางกวนของเขาเก็บมาใส่ใจ เพราะผมเองก็กวนน้อยซะที่ไหน
“ร้านมีคนตีกันเลยวงแตก” ผมตอบไปตามจริงพลางถอดเสื้อออก เหม็นกลิ่นเหล้ากับบุหรี่มาก รู้สึกเหนียวตัวเพราะวิ่งหลบลูกหลงชาวบ้านด้วย
“เข้าไปถอดในห้องน้ำดิ แสลงลูกตากู”
ซันมันบอก ผมหันไปมองมันงงๆ หนังตาตกนิดหน่อยเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ แต่สติผมครบถ้วนสมบูรณ์นะ ไม่ได้คออ่อนขนาดนั้น
“อะไร กูถอดแบบนี้ของกูทุกวัน หรือผีสาวเข้าสิงมึง”
ผมยกยิ้มมุมปากมอง ไอ้ซันลูบหน้าพรืด ช่างมัน อาบน้ำดีกว่าจะได้นอน
“เชี่ย! ท่อนล่างมึงก็ยังจะถอด หน้าด้านสัส ไปเลยนะมึง เข้าห้องน้ำไปเลย”
ผมโวยผมใหญ่ เอ้าไอ้นี่ หรือมันจะเปลี่ยนใจจากชายแท้เป็นเกย์ ผมพร้อมสนองนะจะบอกให้ เล็งอยู่ทุกวัน ปากดีไปงั้น ความจริงผมไม่กล้าหรอก ผู้ชายส่วนใหญ่มักไม่ชอบเพศที่สาม ยิ่งต้องมาอยู่ร่วมห้องกันไม่อยากจะพูดถึง เดี๋ยวผมโดนมันกระทืบตายคาห้องพอดี ที่สำคัญผมไม่อยากจะเห็นสายตาดูถูกจากรูมเมทตัวเอง
“ปิดไฟไมวะ” ผมถามมันที่จู่ๆ ก็ปิดไฟเฉย
“มึงยังกล้าถามกูอีกเรอะ ตรงข้ามไม่ใช่ป่านะเว้ย มันเป็นหอ”
“แล้วไง” ผมไม่เข้าใจมันจริงๆ นะเนี่ย น้ำเสียงมันเหมือนจะเป็นห่วง หรือมันจะเป็นแบบผม อยู่กับรูมเมทคนก่อนมากเกินไป ปลุกนิสัยช่างดูแลในตัวขึ้นมา ถ้าเทียบกับผู้หญิงคงปลุกสัญชาตญาณความเป็นแม่มั้ง งี้ผมกับซันก็ปลุกสัญชาตญาณความเป็นพ่อดิ ฮ่าๆ พิลึก ผมคิดอะไรอยู่วะเนี่ย ไร้สาระสุดๆ สงสัยผมจะเมาแล้วจริงๆ
“เชี่ยโป้ กูไม่รู้จะพูดอะไรกับมึงแล้ว มึงคิดว่าตัวเองหล่อแมนนักเหรอวะ หรือคิดว่าตัวเองหน้าตาเหมือนปลวก เกิดฝั่งตรงข้ามมันเป็นพวกเกย์นิสัยเหี้ยขึ้นมาบุกปล้ำมึงจะทำไง กูไม่ได้อยู่ห้องตลอดนะเว้ย เออ มึงอาจจะต่อยตีได้ เกิดมันพาพวกมารุมหลายคน...”
“เดี๋ยวซัน มึง ใจเย็น หายใจลึกๆ”
กลายเป็นผมที่ต้องบอกให้ซันใจเย็น ตกลงใครเมา แต่ที่แน่ๆ ผมสร่างเลยครับ แม้แสงสลัวจากด้านนอกทำให้ไม่เห็นใบหน้ามันชัดเจน แต่ผมมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์เลยว่า หน้าไอ้ซันตอนนี้คงเถื่อนได้ที่
“ตอนเย็นกูแวะไปซื้อข้าวกินก่อนขึ้นหอได้ยินพวกคณะอื่นมันคุยกัน...” เห็นมันเกริ่นเหมือนจะเล่าเรื่อง ผมเงียบนั่งลงตั้งใจฟังดีๆ พยักหน้าให้สัญญาณมันเล่าต่อ มันยกมือขยี้ผมท่าทางหงุดหงิด
“พวกมันน่าจะอยู่หอตรงข้ามกับพวกเรา เหมือนว่าหนึ่งในกลุ่มพวกมันจะเป็นเกย์” ผมแอบสะดุ้งกับคำว่าเกย์ ดีที่ซันมัวตั้งใจเล่าเลยไม่ทันสังเกตเห็น
“อ่าฮะ แล้วไงต่อวะ”
“มึงเป็นผู้ชายน่าจะเข้าใจดี เวลากลุ่มผู้ชายอยู่ด้วยกันคุยกันแต่เรื่องหยาบโลน มันพูดเรื่องแย่ๆ เกี่ยวกับตัวมึง”
“เพราะงี้มึงเลยรอเพื่อเตือนกูสินะ” เกือบจะทำหน้าซาบซึ้งให้มันแล้ว มิตรภาพเล็กๆ ระหว่างรูมเมท เพื่อนเอ๋ย กูคงไม่กล้าบอกมึงว่าเป็นเกย์มากกว่าเก่า เอาเป็นว่าไว้ต่างคนต่างแยกหอค่อยบอก ไม่ก็เป็นความลับตลอดกาลไปเลยแล้วกัน!
“ก็นั่นแหละ พอดีกูเล่าเรื่องมึงให้เพื่อนฟัง” อ่าฮะ ไม่แปลก รู้สึกซันจะมีกลุ่มเพื่อนของตัวเอง ไม่เหมือนผม ลอยไปลอยมาเข้ากับทุกคนได้หมด จะชายหญิงไม่เกี่ยง
“มิทเพื่อนกูมันรู้เรื่องพวกนี้เยอะ มันบอกว่าลักษณะอย่างมึงเป็นที่นิยมในหมู่เกย์มาก”
“อืมๆ ว่าต่อ” ผมพยักหน้ารับรอฟังมัน
“กูเลยลองไปเปิดในเน็ต เดี๋ยวนี้นะเว้ย ไม่ใช่แค่ผู้หญิงแล้ว ผู้ชายก็มีโอกาสโดนข่มขืนได้ ดังนั้นมึงต้องระวังให้มาก” คราวนี้ผมมองมันด้วยสายตาแปลกๆ บ้าง เหมือนมันจะสัมผัสได้เหมือนกัน ตบหัวผมแทบทิ่ม อ้าวไอ้นี่ เล่นถึงหัว
“กูเข้าใจสิ่งที่มึงต้องการจะสื่อระ แต่กูถามอย่าง มึงกับกูเป็นรูมเมทกันก็จริง แต่รู้จักกันไม่กี่อาทิตย์ ไม่คิดว่ามึงเป็นห่วงกูมากเกินไปมั้งเหรอ”
ถามลองเชิง ดูปฏิกิริยามัน ซันชะงักไปราวกับเพิ่งรู้สึกตัว เจ้าตัวเกาหัว
“ไม่รู้ว่ะ สงสัยนิสัยกูจะออก คนรู้จักกูทุกคนบอกว่ากูเป็นพวกรักเพื่อนมาก มึงเป็นรูมเมท แถมยังเป็นเพื่อนไอ้ตัวเล็กเท่ากับเป็นเพื่อนกูเลยนึกเป็นห่วงตามประสาเพื่อน”
ตกลงมันกำลังหาคำตอบให้ตัวเอง ไม่ได้ตอบคำถามผมสินะ ช่างมัน ไม่อยากเซ้าซี้มาก ผู้ชายดีอย่าง เป็นพวกไม่คิดเล็กคิดน้อย ไม่คิดเยอะ ถ้ามันว่าเพื่อนก็คือเพื่อน เอาเข้าจริง ผมเองก็คิดว่ามันเป็นเพื่อนแล้วเหมือนกัน
“เอาเป็นว่า หลังจากนี้กูจะระวังตัว ไม่แก้ผ้าต่อหน้ามึงอีก โอเคยัง กูจะได้ไปอาบน้ำสักที”
พอผมจะลุก ซันมันคว้าแขนไว้
“ต่อหน้าคนอื่นก็ห้ามนะเว้ย” ก็นึกว่ามันจะพูดอะไร ผมส่ายหัวรับเสียงยาน
“คร้าบๆ”
------------------------------------------------------------------------------------------
แม้พี่จะเถื่อนขึ้นแต่ 'รักจริงหวังแต่งนะ<3' //ทำมือรูปหัวใจ //ซัน - ทำอะไรเห็นแก่หน้าพี่บ้าง

คนวาด - Fanpage Scilliraeps.FS