}Preorder{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) พิเศษมูน-จิน5 P.14 [31/10/60]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: }Preorder{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) พิเศษมูน-จิน5 P.14 [31/10/60]  (อ่าน 170866 ครั้ง)

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ hyukkiemai

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ตามอ่านหลายวันมากกกกก ชอบนิสัยแมนๆ ของโป้มากๆๆๆๆ
ซันก็แอบมีมูมฮาาาาา ตามอ่านเลยค่ะะะะ

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
หึๆๆ ดีย์ๆๆๆๆ

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-6

ออฟไลน์ Silver Fish

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-0
    • Fanpage
ยกที่28 เบา เบา

   สินค้าชิ้นนี้ต้องทดลองแบบถึงเนื้อถึงตัว เนื่องจากห้องน้ำเล็กไปออกท่าไม่สะดวก(?) พวกผมเลยเปลี่ยนทำเลกันมาที่ห้องนอนแทน คนผิวเข้มทิ้งตัวนอนบนเตียงยกยิ้มมุมปาก ทำหน้ากวนส้นท้าทาย ใบหน้าหล่อเข้มพอมีหนวดมาเสริมทำให้ดูเถื่อนเพิ่มขึ้นหลายระดับ

   ผมตามไปคุกเข่าคร่อมเหนือตัวซัน มือถอดเสื้อโยนทิ้งไปอีกทางก่อนจะโน้มเข้าหาใช้นิ้วคีบ จับผมมันเล่น

   “ผมเริ่มยาวแล้วนี่หว่า ว่างๆ ไปตัดมะ กูก็เริ่มอยากเปลี่ยนทรงแล้วเหมือนกัน”

   “ไว้ก่อน มึงเองก็เหมือนกัน อย่าเสือกไปตัดทรงบ้าๆ มาเชียว” มีถลึงตาใส่ เบื่อจริงคนรู้ทัน! ผมว่าจะไถอยู่นะเนี่ย มันเล่นขู่ตาเขียวแบบนี้เลิกคิดไปได้เลย แต่อย่างน้อยต้องไปตัดเอาความยาวออกหน่อย ผมอยากได้รากไทรเท่ๆ ไม่ใช่ทรงสาวจ๋า

   นั่งคิดทรงในหัวไปก่อนจะสะดุ้ง จังหวะที่ซันชันตัวขึ้นมาเอาหน้าซุกคอ ปกติก็เอียงหน้ารับอย่างดีอะนะแต่งานนี้ผมใช้มือดันหน้ามันออกอย่างไว ไอ้ซันขมวดคิ้วฉับท่าทางหงุดหงิด

   “อะไรของมึงวะ”

   “มันเจ็บเว้ย ไม่เอาแล้ว มึงไปโกนหนวดเดี๋ยวนี้เลย” ของจริงกับจินตนาการแม่งต่างกันลิบลับ โดยทั่วไปเส้นผมของผู้ชายจะหนากว่าของผู้หญิงอยู่แล้ว พอเป็นหนวดที่โกนประจำแล้วตอนนี้ตอกำลังขึ้น ยามมันไซร้คอโคตรเจ็บ!

   เห็นท่าทางต่อต้านชัดเจนซันก็นึกเอะใจ เลิกคิ้วมองใช้มือปัดเรือนผมคนบนตักออกเผยให้เห็นลำคอขาวแต้มรอยแดงไปปืดหนึ่ง นิ้วโป้งสากลองถู ไม่มีแผลแค่เป็นรอยแดงเฉยๆ แต่เมียว่าเจ็บก็คือเจ็บ ซันไม่ได้มีรสนิยมซาดิสม์ออกจะถนอมคู่นอนด้วยซ้ำ ส่วนความดุเดือดเร่าร้อนระหว่างมีอะไรกันคงต้องยกยอดไป ไม่มีแผล ไม่ได้เลือด สุขคู่ไม่ถือว่าผิด

   “โกนก็โกน มึงโกนให้กูนะ” ว่าพลางอุ้มเมียออกจากตักแล้วเดินขยี้หัวสยบความงุ่นง่านไปนั่งเต๊ะจุ๊ยบนฝาชักโครก มันก็คงจะดูดีหรอก หากฉากประกอบไม่ใช่ส้วม!

   ผมหัวเราะคนหน้าบูด เดินฮัมเพลงหยิบโฟมมาละเลงคืนบ้าง หนวดของซันขึ้นตั้งแต่สันกราม เหนือหรือใต้ริมฝีปากก็มีหมด หากปล่อยยาวคงรกรุงรังเป็นโจรป่าของจริง เวลาละเลงโฟมหน้ามันเลยวอกไปครึ่งหนึ่งโคตรตลก อยากจะถ่ายรูปเก็บไว้นะ ถ้าไม่ติดว่าใครบางคนมันรั้งตัวผมให้นั่งคร่อมตักหันหน้าเข้าหา สองมือใหญ่โอบเอวไว้กันหงายหลัง

   ผมอดไม่ได้ที่จะถาม “มึงแน่ใจนะจะให้กูโกนด้วยท่านี้” ยืนโกนหนวดคนอื่นว่าไม่ถนัดแล้ว ดันเจอท่ายากอีก

   “โกนๆ ไป” คุณผัวมั่นใจขนาดนี้ คุณเมียก็จัดไป โกนมาเลือดสาดน้องโป้ไม่รับผิดชอบนะ

   ผมเริ่มโกนตั้งแต่บริเวณแก้มตามแนวเส้นขน แม้มันจะมีแค่ตอแต่ผมก็ต้องล้างที่โกนหนวดเป็นระยะ เดี๋ยวหน้าหล่อๆ ของมันเป็นสิวเพราะสิ่งสกปรกอุดตันผมคงปวดใจแย่ พอจัดการเสร็จก็ตามด้วยปาก ไม่ต้องสั่งมันก็เม้มปากให้อย่างรู้งาน ผมบรรจงโกนแบบเบามือที่สุดแล้วตามด้วยโกนตรงคอไล่ขึ้นมาถึงปลายคาง ตรงจุดนี้ผมเงอะงะนิดหน่อยด้วยความไม่ชิน เพราะหนวดผมมีนิดเดียวไม่เหมือนซัน ฮอโมนชายเต็มเปี่ยมจนน่าหมั่นไส้

   เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยก็ทำซ้ำอีกครั้งให้หน้าเกลี้ยงเกลา ตามด้วยใช้ผ้าชุมน้ำเช็ดทำความสะอาดให้ ผืนเดียวกับที่มันเช็ดให้ผมนั่นแหละ ปิดท้ายด้วยอาฟเตอร์เชฟบำรุงผิวหลังโกนหนวด เสร็จสิ้นทุกอย่างก็จุ๊บปากมันที

   “หล่อแล้วแฟนใครเนี่ย”

   “แฟนหมาแถวนี้ ล่อซะกูหมดอารมณ์ ลุกไปทำอาหารให้กูเลย” ว่าพลางตบๆ ก้นผมเลยโบกหัวมันคืนไปที ยัดที่โกนหนวดให้มันล้างเอง แล้วหนีมาทำข้าวเย็นที่จวนจะกลายเป็นมื้อค่ำ ขอสรุปเลยนะว่าการทดลองใช้งานล้มเหลว ใครฟินไม่รู้ รู้แต่ผมไม่ฟินแน่นอน จบข่าว

   ได้กลับมาอยู่กับซันก็มีความสุขดี ไม่ต้องทนนอนพื้นแข็งๆ กลิ้งบนเตียงสบายใจแล้วยังมีนาฬิกาปลุกส่วนตัว แต่ช่วงนี้ใกล้สอบเวลาส่วนใหญ่ของซันหมดไปกับการอ่านหนังสือ ไม่รู้มันจะคร่ำเคร่งอะไรนักหนา ส่วนผมก็ลอยลำวิ่งไล่เคลียร์งานส่ง รวมถึงพรีเซนต์โมเดลที่นั่งทำกับพวกแม็คด้วย

   อาจารย์ไม่เรียกชื่อเหมือนเด็กมัธยม อาศัยความสมัครใจออกมาพรีเซนต์งานเอง โดยกลุ่มแรกมักจะได้คะแนนพิเศษหรือการอะลุ่มอล่วยหากงานพลาด ช่วงเรียนมหา’ลัยใหม่ๆ ต้องออกไปพูดหน้าห้องครั้งแรก ไม่ค่อยมีคนกล้านักหรอก ปีหนึ่งส่วนใหญ่เป็นวิชาพื้นฐาน มักเรียนรวมกับสาขาอื่น ประชากรในห้องเลยแน่นขนัด บางวิชาก็เกือบร้อยคนได้แล้วต้องไปยืนพูดใส่ไมค์หน้าห้องคนเดียวมีขาสั่นกันบ้างแหละ

   บังเอิญว่าผมสตรองไง เสนอหน้าออกคนแรก หวังให้มันจบๆ และได้คะแนนพิเศษ เพราะสุดท้ายมันก็ต้องทำอยู่ดี ยืดเวลาออกไปมีแต่จะนั่งระทึกนานกว่าเดิม ถามว่าตื่นเต้นไหม มันก็ตื่นเต้นนะ มืองี้สั่นเหมือนองค์ลง พูดก็เสียงสั่นอาศัยทำตลกกลบเกลื่อนเอา แต่พอทำบ่อยๆ เข้ามันก็ชินเอง

   ไปๆ มาๆ กลายเป็นธรรมเนียมที่ผมต้องเสนอหน้าเป็นคนแรกซะงั้น หรือต่อให้บางทีนึกอินดี้อยากปิดท้ายก็โดนเพื่อนใช้เท้าเขี่ยคะยั้นคะยอให้ออกไปอยู่ดี คราวนี้ก็เช่นกัน แม็คมันรู้ชะตากรรมอยู่แล้วจับคู่ผมมันได้เริ่มคนแรกตลอด หรือต่อให้เดี่ยวก็โดนผมลากให้พูดต่อเป็นคนที่สองอยู่ดี อาร์ทเพื่อนร่วมชะตากรรมคนใหม่ ได้แต่ทำใจแล้วยกโมออกมาหน้าห้อง

   ผมรับไมค์คนแรก เริ่มต้นจากการไหว้อาจารย์และผองเพื่อน ตามด้วยแนะนำตัวซึ่งไม่รู้จะแนะไปทำไม ในเมื่อรู้จักหน้ายันสันดานกันหมดแล้ว ก่อนจะเริ่มพูดหัวข้อโดยมีแม็คคอยเปลี่ยนสไลด์ อาร์ทเป็นขาตั้งโมเดล

   “หัวข้อที่พวกผมได้รับคือการออกแบบร้านส้มตำให้ดูทันสมัยและเหมาะกับอาหารที่ขาย ก่อนอื่นผมพูดถึงส้มตำก่อน ทุกจะชินภาพร้านที่มีแม่ค้าเหงื่อซกโขกส้มตำสลับปัดแมลงวันไปพลางๆ บางทีตกใส่ครกบ้างตำออกมาใส่จานกินอร่อยดี” ทุกคนคิดภาพตามเกิดเสียงหัวเราะในห้องเพราะมันคือเรื่องจริง กระทั่งอาจารย์ยศสุดที่รักยังหลุดยิ้ม การพรีเซนต์งานออกมายืนพูดปาวๆ ราวกับเป็นหุ่นยนต์ไม่ได้ เราต้องรู้จักเอนเตอร์เทน เปรียกเทียบ ยกตัวอย่างให้ทุกคนคล้อยตาม

   ผมเกริ่นในเรื่องที่ทุกคนรู้อยู่แล้ว เพื่อปูทางเข้าสู่หัวข้อหลัก บอกว่าโมเดลนี้มีการผสมผสานระหว่างร้านแบบที่ทุกคนคุ้นตากับแบบใหม่ที่ทันสมัยอะไรก็ว่าไป โม้เยอะๆ ยังไงเราก็ไม่ได้ไปนั่งสร้างร้านจริงๆ ไอเดีย จินตนาการบางครั้งเพ้อฝันหน่อยก็ได้ เพราะมันไม่ต่างจากเป้าหมายให้คนพัฒนา วันนี้ทำไม่ได้ อนาคตต้องทำให้ได้ในความคิดผมอะนะ

   พอผมพูดส่วนของตัวเองจบ ก็สลับกับแม็คให้มันมาพรีเซนต์ต่อว่าเราจะใช้วัสดุอะไร เป็นการจำลองสถานการณ์ ปิดท้ายด้วยอาร์ทร่ายขั้นตอนการสร้างฉบับมโน และขั้นตอนการทำโมเดล เมื่อพรีเซนต์จบก็จะเป็นช่วงถามตอบ เริ่มจากให้เพื่อนยกมือถามก่อน บางทีก็เป็นคำถามมีสาระ แต่ส่วนใหญ่แม่งไร้สาระจงใจกวนส้นกันมากกว่า

   ระหว่างนั้นอาจารย์ยศจะชอบไปนั่งไขว้ห้างหลังห้องแบบคูลๆ มือถือกระดาษให้คะแนน ดวงตาสวมแว่นกวาดมองบรรดาศิษย์ทั้งคนที่ออกไปพูดและผู้ฟัง การให้คะแนนของอาจารย์ทุกท่านจะแยกออกหลายทางแล้วแต่เนื้องาน หลังอาจารย์มั่นใจแล้วว่าไม่มีใครถามต่อ ก็ถึงเวลาตัดสินชะตาชีวิตว่าจะได้คะแนนเยอะหรือน้อย

   ส่วนใหญ่พวกอาจารย์จะชอบเลือกถามคนที่ดูไม่ค่อยมีบทบาทในงาน พวกที่พูดฉะฉานเถียงอาจารย์ฉอดๆ แบบผม มักจะถามแค่คำสองคำแล้วเมินเสีย ดีที่พวกเราสามคนสุมหัวปรึกษาลงมือช่วยกันทำไม่มีใครอู้ ไม่ว่าอาจารย์จะถามอะไรก็ตอบได้หมด ทุกอย่างจึงผ่านไปด้วยดี ได้รับการปล่อยตัวให้กลับมานั่งที่รอกวนเพื่อนกลุ่มต่อไป

   ผมมั่นใจว่าคะแนนต่อให้ไม่เต็มก็น่าจะอยู่ในเกณฑ์ดี ที่เหลือคือการอ่านสอบแล้วล่ะ การสอบมหา’ลัยอย่าหวังข้อกาเลย มีแต่ข้อเขียนล้วนๆ น้อยนักที่จะมีข้อกา แถมไอ้พวกข้อสอบปรนัยมีโอกาสทำให้คะแนนดิ่งลงเหวมากกว่าอัตนัยที่เปิดกว้างให้เขียนคำตอบ ข้อกาผิดแล้วผิดเลยไม่ได้คะแนน ข้อเขียน ไม่รู้ก็ยังงูๆ ปลาๆ ได้อย่างน้อยๆ อาจารย์ก็ให้ค่าหมึกล่ะวะ

   เรื่องงานผ่านพ้นไป วิชาที่ลงเรียนก็ปิดคลาสกันหมดแล้วในช่วงหลายวันก่อนสอบ ผมกลับมานั่งๆ นอนๆ ทำงานบ้านอยู่ที่ห้อง ไม่มีความคิดที่จะอ่านสอบเร็วๆ นี้ ผมเป็นพวกอ่านปุ๊บสอบเลย ล่วงหน้านานๆ แล้วลืม ไม่เหมือนไอ้ซัน ป่านนี้ยังไม่โงหัวจากหนังสือ มันจะอ่านเอาโล่หรือไง

   ขณะที่ผมกวาดพื้น นึกหมั่นไส้หมุนไม้กวาดใช้ด้ามทิ่มขาซันที่นอนเหยียดมือถือหนังสือเคมี กับพวกชีท สมุดโน้ต อุปกรณ์การเขียนกองรอบตัว

   “ลุกดิ้ เกะกะว่ะ โซฟามีไม่นอนมึงมากองบนพื้นทำไม”

   “โซฟาร้อน นอนบนพื้นกระเบื้องมันเย็นดี” ในที่สุดมันก็ยอมวางมือจากหนังสือ เก็บข้าวของไปกองบนโต๊ะหน้าทีวีแล้วแย่งไม้กวาดผมไปทำเอง เออดี ผมเลยนั่งกระดิกเท้าบนโซฟา หยิบหนังสือมันมาดูเล่นๆ บางอันก็รู้เรื่องเพราะเคยเรียนผ่านๆ สมัยมัธยม บางอันเหมือนอ่านภาษามนุษย์ต่างดาว

   “โอ้โห อาจารย์มึงสอนไวเนอะ เรียนไปครึ่งเล่มแล้วนี่หว่า” คือเล่มมันหนามาก

   “เปล่า เล่มที่มึงถือใช้เรียนยันปีสาม กูแค่อ่านล่วงหน้าเล่นๆ”
   
   ผมมองมันที่กำลังกวาดพื้นแบบอึ้งๆ ที่ผ่านมานึกว่ามันอ่านสอบ นี่คืออ่านสอบเสร็จนานแล้วแค่มานั่งอ่านเนื้อหาล่วงหน้าฆ่าเวลาเฉยๆ เนี่ยนะ

   ซันก้มกวาดเศษผงใต้โซฟา พอเงยหน้ามาเห็นอีกฝ่ายทำหน้าเหวอก็หลุดหัวเราะ “อึ้งอะไรขนาดนั้น กูทำแบบนี้เป็นเรื่องปกติตั้งแต่สมัยมัธยมแล้ว”

   “เหรอวะ ที่ผ่านมากูเห็นมึงอ่านหนังสือบ้างก็จริง แต่ไม่ได้ขะมักเขม้นแบบนี้”

   “ขึ้นมหา’ลัยใหม่ๆ วันๆ ทำแต่กิจกรรมมีเวลาอ่านที่ไหน กลับห้องมาทีก็เหนื่อยจนสลบแล้ว มึงก็เป็นไม่ใช่รึไง”

   “แล้วหลังจากนั้นล่ะ มันก็พอมีเวลาพักหายใจหายคออยู่”

   เจอคำถามนี้มันหันมาเค้นเสียงใส่ดังเหอะ! “ตัวต้นเหตุอย่างมึงมีหน้ามาพูดด้วยเหรอ ใช้เวลากับเรื่องเรียนยังไม่พอ ต้องมาวุ่นวายกับเรื่องของมึงอีก ก่อนคบกับมึงกูสับสนจะตายห่า เกิดมาไม่เคยรู้สึกอะไรกับผู้ชาย พอได้มึงเป็นเมียก็มานั่งคิดกับตัวเองว่าจะเอายังไงต่อไปในอนาคต ยังไม่ทันได้คำตอบดีต้องมาปวดหัวเรื่องเหี้ยเก้ากับปมในอดีตของมึงต่อ” มันหยุดบ่นเหมือนนึกอะไรบางอย่างออก “คิดอีกที กูเพิ่งมีเวลาว่างเอาช่วงก่อนสอบเลยนี่หว่า”

   “ขอโทษด้วยแล้วกันที่ทำให้เสียเวลา” ผมประชด เพราะมันเป็นเรื่องจริงไงเลยเจ็บจี๊ดไปถึงตับไต ซันกลับโบกมือหัวเราะแบบชิลๆ

   “ช่างเถอะ สุดท้ายก็ได้หัวใจมึงมา โคตรจะคุ้มกับเวลาที่เสียไป” ว่าพลางพยักหน้าโกยขยะทิ้งอย่างพึงพอใจ มันยังคงพูดวาจาหวานเลี่ยนได้อย่างหน้าตาเฉยเหมือนเคย ผมได้ทีชี้นิ้วสั่ง ใช้งานมันแก้อาการเขิน

   “กูผสมน้ำยาไว้แล้ว ถูพื้นต่อด้วยมึง”

   ซันมองหน้าผม ยกยิ้มมุมปากอย่างรู้ทันถึงงั้นก็จับไม้ถูพื้นมาบิดหมาดทำงานบ้านต่ออยู่ดี มีหน้ามาฮัมเพลงอีกต่างหาก เป็นเพลงที่มันกำลังติดช่วงนี้ ได้รับอิทธิพลไปจากผมนั่นแหละ พอถึงท่อนเด็ดมันก็ร้องเสียงดัง ออกลีลาถือไม้ถูแทนไมค์

   “ฉันไม่ใช่คนดีอะไรแถมยังเอาแต่ใจ
   แต่เธอก็รักฉันแบบที่เป็นไม่ว่าเธอไม่เหมือนใคร
   แค่กอดฉันไว้ทุกๆ คืน
   ทำให้อุ่นใจไม่ว่ายามนอนหรือเมื่อยามตื่น

   You my number one lady
   จะไม่มีใครที่มาแทนที่เธอ
   และไม่ว่านานแค่ไหน ฉันจะรักเธอตลอดไป

   บอกรักเท่าจักรวาลมันก็ยังไม่พอ
   ก็อยากได้ยินเธอพูดซ้ำ
   Like I never heard that before
   ก็อยากได้ยินมันทุกวัน อยากได้ยิน
   เพียงเธอบอกรักฉัน ได้มั้ยเธอ...”


   จบเพลงด้วยรอยยิ้ม ยักคิ้วหลิ่วตามาให้ผมทั้งเขินทั้งขำ ไม่รู้จะเลือกอารมณ์ไหนก่อนดี แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้ผมโคตรมีความสุขเลยว่ะ ขอหยาบเพื่อให้ได้อารมณ์เหอะ

   อยากได้คำบอกรักใช่มั้ย ได้! ผมยิ้มเปิดปากถาม “ชื่อเพลงว่าอะไร” จริงๆ ผมรู้แหละ รู้ด้วยว่าเป็นเพลงของ ILLSLICK แต่อยากให้มันพูด

   “รักเมียที่สุดในโลก” ตอบเต็มเสียงชัดเจนสองหู

   “นั่นไง ได้ฟังแล้ว เพลงนี้เหมาะกับมึงสุดๆ” คนที่เพิ่งรู้ว่าโดนหลอกเผยสีหน้าบึ้งตึง ปกติก็ฉลาดนะ แต่คงหวังคำบอกรักจากผมจริงๆ เพราะตั้งแต่วันนั้นผมก็ไม่เคยพูดอีกเลย

   เห็นหนุ่มเถื่อนงอนทำหน้างอเหมือนตูดเป็ดทำเอาผมหลุดขำจนมันฮึดฮัดหนักกว่าเดิม ผมพยายามกลั้นเสียงหัวเราะ กวักมือให้มันเข้ามาหา แม้จะยังงอนอยู่แต่ก็ว่าง่ายเดินมา สงสัยคงถูกผมสั่งทำนู่นนี่จนกลายเป็นความเคยชินของร่างกาย ตอบสนองโดยอัตโนมัติไปแล้ว น่ายินดีชะมัด

   ผมใช้นิ้วป้ายให้มันเลิกทำปากคว่ำแล้วคว้าหลังคอให้มันโน้มลงมาเอาหน้าผากชนกัน สบตาแลกลมหายใจในระยะประชิด ปากค่อยเอ่ยประโยคหนึ่งออกมา ไม่จำเป็นต้องเสียงดัง แค่ใช้น้ำเสียงธรรมดาพูดออกมาด้วยใจ

   “รักซันนะ…ที่รักของโป้” เสริมคำพูดด้วยการจูบหน้าผากเอาใจเด็กโข่ง ผิวเข้มเริ่มขึ้นสี แต่พยายามตีหน้านิ่งทั้งที่กลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่ แสดงความรู้สึกออกมาผ่านแววตาหมดแล้ว พอได้แรงใจเต็มร้อยก็ฟิตทำความสะอาด อารมณ์ดีเหมือนคนบ้า กระตือรือร้นแย่งหน้าที่ทำอาหารเย็นซะด้วย

   ความจริงผมไม่ใช่คนปากหนัก ที่ผ่านมาไม่พูดเนื่องจากยังไม่มั่นใจในความรู้สึกของตัวเอง อุปสรรค์ทำให้เรารู้จักและสนิทใจกันมากขึ้น

   ในเมื่อซันทุ่มเทให้ผมทุกอย่าง เปิดเผยจริงใจ แสดงความรู้สึกด้วยคำพูดและการกระทำขนาดนี้ ถ้าผมยังไม่รู้ใจตัวเองอีกคงโง่เต็มทน

   คำว่ารัก ถ้ามีโอกาสก็ควรจะพูดออกมาซะ ผมไม่ได้กลัวว่าทุกอย่างจะสายเกินไป ยังไงผมก็ไม่คิดจะแยกจากซันอยู่แล้ว แต่เป็นเพราะคำๆ นี้เปรียบเหมือนมนต์วิเศษที่ช่วยสื่อความรู้สึกของเราให้อีกฝ่ายเข้าใจมากขึ้น แถมยังมีอำนาจแฝงเพิ่มกำลังใจ ช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างเราได้อีกด้วย

   ...แต่พูดบ่อยๆ ก็ไม่ดี เดี๋ยวมันชินแล้วผมจะอดเห็นมันตอนเขิน


ออฟไลน์ ah-chan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-1

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
 :-[ น่ารักเนาะ

ออฟไลน์ hoshinokoe

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
แหวะ เลี่ยน หมั่นไส้ๆ 5555

ออฟไลน์ hyukkiemai

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อ่านแล้วยิ้มตามตลอดเบยยยยยยย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ lovewannabe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ฮุ้ยยย แค่ถูกบอกรัก ทำงานบ้านถวายหัวเลยอ่ะ ยังขาดซักผ้า ด้วยนะซัน  :o8:

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
งานนี้ซันไปไหนไม่รอดและ โดนโป้บอกรักวิญญาณพ่อบ้านเข้าสิงเลย 5555

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 o13  รักเมียที่สุดในโลก อิอิ

ออฟไลน์ Babelilong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 304
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • Facebook  เข้ามาขอเป็นเพือนได้เลย

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-6

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ Dangdang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 72
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 o13 o13 o13

ชอบมากแมนทั้งคู่เลย น่ารักมาก

  :3123: :3123: :3123:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-02-2017 02:00:56 โดย Dangdang »

ออฟไลน์ andaseen

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 742
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-1

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
รักกุนไปนทนฟ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Silver Fish

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-0
    • Fanpage
แจ้งข่าว

ก่อนอื่นต้องขออภัยที่หายไปนาน ไม่ได้เลิกแต่งแต่อย่างใด

สาเหตุที่หยุดอัพไปชั่วคราวเพราะไปปั่นเรื่อง Contract มาเฟีย (ป๋าxมิท) ให้เนื้อเรื่องตามซันโป้ทัน เพื่อไม่เป็นการสปอยเนื้อเรื่องตอนอ่านป๋ามิท

ซึ่งตอนนี้เนื้อเรื่องทันเรียบร้อย จะกลับมาแต่งซันโป้ให้จบเร็วๆ นี้

*เพิ่มเติม*
วันที่ 23-27 ทำธุระยาว ไม่สามารถแต่งนิยายลงได้ การอัพซันโป้คงต้องเลื่อนออกไป หลังเสร็จธุระแล้วจะรีบกลับมาปั่นต่อทันที


หากต้องการติดตามข่าวสารสามารถตามได้ที่เพจ Silver Fish จะอัพเดตนิยายตอนใหม่ และข่าวการอัพนิยายตลอด
รวมถึงมีโมเม้น เสริมข้อมูลนิยายสั้นๆ ภายในเพจด้วย

ขอบคุณทุกคนที่ติดตาม  :bye2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-03-2017 01:53:42 โดย Silver Fish »

ออฟไลน์ Silver Fish

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-0
    • Fanpage
ยกที่29 ความลับของ...

   คนเรามักจะมีความลับไม่ต่ำกว่าหนึ่งเรื่อง มีครั้งหนึ่งผมเผลอทำหมูตกพื้นแล้วหยิบมาล้างหั่นทำอาหารให้ไอ้ซันกินด้วยความเสียดาย เอาน่าไม่เป็นไรหรอกในเมื่อผ่านน้ำ ผ่านความร้อนเรียบร้อย แถมผมก็กินด้วยถือว่าเจ๊ากัน เรื่องนี้รู้ไว้ห้ามไปบอกซันนะ เดี๋ยวผมโดนมันเทศนา

   ที่เกริ่นเรื่องนี้ขึ้นมาไม่ใช่เพราะอะไร ในกลุ่มเราคนที่มากความลับดูครุมเครือที่สุดคือมิท ที่ผ่านมาไม่เคยง้างปากบอกอะไรสักอย่าง จะว่าไป มีอยู่ครั้งหนึ่ง ตอนนั่งรวมกันช่วงพักเที่ยง พวกซันไปซื้อข้าวที่โต๊ะเหลือแค่ผมกับปอนด์ มิททำท่าเหมือนจะบอกอะไรสักอย่าง เพื่อให้พวกผมช่วยคุยกับคนอื่นๆ คาดว่าเป็นความลับที่ปิดไว้นั่นแหละ แต่ผมกับปอนด์คิดอย่างเดียวกัน ถ้าจะบอก สู้บอกพร้อมกันดีกว่า ไม่งั้นพอพวกมันมารู้ที่หลังจะน้อยใจจนกลายเป็นปัญหาซะเปล่าๆ หลังจากนั้นมิทก็ไม่พูดทำนองนี้อีกเลย จนผมลืมไปสนิท

   เพิ่งจะถูกกระตุ้นเตือนเมื่อเร็วๆ นี้ ที่จู่ๆ มิทก็ทักมาในไลน์กลุ่ม ‘ไม่หล่อจริงอยู่ไม่ได้’

   ป๋อย! เสียงแจ้งเตือนไลน์ คือผมใช้เสียงหยดน้ำน่ะ ฮ่าๆ จัดการใช้เท้าสะกิดซันระหว่างตัวเองนอนเอกเขนกดูทีวีอยู่บนโซฟา สามีที่ดีหยิบมือถือยื่นส่งให้ ผมเปิดไลน์ดูพบข้อความจากเพื่อนผู้มากความลับ

   Myst[e]ry : ศุกร์ที่จะถึงนี้พวกมึงว่างกันมั้ย ไปดื่มกัน ป๋าเลี้ยง กูมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย

   ผมเลิกคิ้ว ผุดลุกนั่งดีๆ ขณะที่ซันเองก็หยิบมือถือมาดูเหมือนกัน เห็นมันกำลังพิมพ์ปฏิเสธ ผมเลยถลาไปบีบคอ

   “เหี้ย! อะไรของมึงเนี่ย” คนโดนทำร้ายร่างกายโวยวาย นั่งอยู่ดีๆ ก็โดนพุ่งใส่ ตกใจสะดุ้งมือถือแทบร่วง
   
   “มึงต้องไป ห้ามปฏิเสธเด็ดขาด” เขย่าคอซันอย่างบ้าคลั่ง ใจผมนี่เต้นตึกตัก ไม่ต้องเปลืองสมองคิดให้มากความ เรื่องสำคัญที่มันบอกต้องไม่พ้นเรื่องที่มันปิดบังมาตลอดแน่ ขืนไอ้ซันไม่ไปก็แย่สิ งานนี้ต้องไปทุกคน

   “อะไรของมึงวะ” มีความเหวี่ยง

   “เหอะน่า ไปเถอะ มิทก็บอกอยู่ว่ามีเรื่องสำคัญจะคุย ไม่แน่อาจจะเป็นเรื่องที่มึงอยากรู้มานานก็ได้นะ แค่ร้านเหล้าเอง” พยายามกล่อมสุดชีวิต ไอ้ซันหรี่ตามองสีหน้าเผยความลังเล ผมยิ้มใส่ตา คราวก่อนโดนมันถอนหายใจใส่หน้า

   “ตกลงมึงอยากไปฟังเรื่องสำคัญ หรืออยากเหล้ากันแน่วะ” มีการบ่นพึมพำ ถึงงั้นก็พิมพ์ตกลงในไลน์กลุ่มให้ผมยิ้มกว้างคว้ามือถือตัวเองมาตอบบ้าง

   ดูเหมือนว่าสถานที่นัดจะเป็นผับหรูไม่ไกลจากมหา’ลัย มิทบอกว่าฟรีตลอดงาน ลาภปากผมเลย สงสัยผมจะแสดงออกทางสีหน้ามากไปหน่อยเลยโดนซันล็อคคอขยี้หัวด้วยความหมั่นไส้ ส่วนวันเวลานัดหมายก็อีกหนึ่งอาทิตย์ข้างหน้า ระหว่างนั้นพวกเราก็ใช้ชีวิตเด็กมหา’ลัยกันตามปกติ โดยที่พวกเราไม่ค่อยเจอหน้ามิทเหมือนเคย ก่อนหน้านี้มิทชอบหายหัวด้วยเหตุผลบางอย่าง มาตอนนี้มิทกำลังเร่งเรียนตามเพื่อนจึงยุ่งจนหัวหมุน ตรงกันข้ามกับพวกผมที่ไปตามหลักสูตร ปีหนึ่งเลยไม่หนัก จะไปหนักเอาตอนปี 3 ขึ้นไป

   พอถึงวันนัด พวกเราก็มาพร้อมกันที่หน้าผับหรูแบบที่หากต้องจ่ายตังเองไม่มีทางเหยียบเข้าไปเด็ดขาด เสื้อผ้าหน้าผมแต่ละคนไม่มีใครน้อยหน้าใคร กระทั่งซันเองยังต้องขุดเอาเสื้อมียี่ห้อจากในตู้มาใส่เพราะเกรงว่าเขาจะไม่ให้เข้าหากใส่แบรนด์ตลาดหนีบแตะไปออนทัวร์แบบทุกที

   ซันสวมเสื้อกล้ามดำกางเกงยีนรองเท้าผ้าใบยี่ห้อดัง เผยรูปร่างสมส่วนแข็งแรง แม้ไม่ได้มีกล้ามเป็นมัดๆ แต่แผ่นอกก็ยังน่าซบเสริมด้วยใบหน้าคมตาดุและผิวเข้มๆ ช่วยดึงดูดสายตาบรรดาสาวๆ ได้ชะงัก เครื่องประดับมีเพียงนาฬิกา Rolex ที่พี่ชายซื้อให้เพียงเรือนเดียว มือควงกุญแจรถที่ขับมาเองหมายจะเก็บซากเพื่อนเน้นที่เมียโดยเฉพาะ

   ผมเองก็อยากใส่เสื้อกล้ามคู่กับมันนะ เป็นคนขี้ร้อนอยู่แล้ว ใส่แบบนั้นนอกจากจะดูดียังไม่ร้อนมาก เสียที่หัวเด็ดตีนขาดยังไงไอ้ซันก็ไม่ยอมให้ผมใส่เด็ดขาด ผลเลยกลายเป็นเสื้อขอวีแขนสั้นเข้ารูปหน่อยกับกางเกงยีนเซอร์ๆ มัดผมครึ่งหัวกับเครื่องประดับเชือกตามสไตล์ รองเท้าเป็นผ้าใบไม่ต่าง แค่ราคาถูกกว่า(มาก)

   คนอื่น...เอาเป็นว่าดูดีแล้วกัน ไม่อยากบรรยายมาก อิจฉา ยกเว้นปอนด์ไว้คน ถูกเฮียเฟย์จับใส่ฮู้ดแมวดำกางเกงสามส่วน ปกปิดมิดชิดแบบน่ารัก แล้วพวกเราก็มารวมพลกันอยู่หน้าผับ ตรงประตูทางเข้ามีพนักงานต้อนรับอยู่สองทาง ทางหนึ่งแถวยาวเหยียด ส่วนอีกทางเหมือนจะเป็น VIP เราถอยมาปรึกษากันว่าจะเอายังไงดี เพราะพวกเรากะมากินฟรีโดยอาศัยชื่อมิท ถ้าไปต่อแถว นอกจากจะเสียเวลานานแล้วยังมีโอกาสไม่ได้เข้าเพราะผับรับคนจำนวนจำกัด ซึ่งส่วนใหญ่จะจองไว้ก่อน

   ซันเป็นฝ่ายติดสินใจเดินเข้าไปคุยกับพนักงานต้อนรับพร้อมยื่นมือถือให้ดู คาดว่าจะเป็นรูปพวกเรานี่แหละ ทีแรกพนักงานยังนิ่งเฉย แต่พอเห็นรูปมิทสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที รีบเปิดทางให้พวกเราเข้าไป แน่นอนว่ามีสิทธิ์พิเศษแบบนี้ย่อมมีคนไม่พอใจ

   “เฮ้ย พวกนี้ไม่มีบัตร ทำไมถึงได้เข้าไปวะ” ชายหัวแดงโวยวายไม่พอ ยังคว้าไหล่ซันแบบไม่กลัวตาย

   “ใจเย็นก่อนครับคุณลูกค้า แขกกลุ่มนี้มีคนให้บัตรไว้แต่แรก จึงสามารถเข้าไปได้ครับ” พนักงานพยายามไกล่เกลี่ยโดยอ้างว่าให้บัตรก่อนแล้ว หลายคนที่ยืนรอแถวต่างพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ เพราะเหตุการณ์แบบนี้ใช่ว่าจะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไอ้หัวแดงเลิกคิ้วยอมผละออกจากซัน ถ้าไม่ติดว่ามีหมาอีกตัวแทรกขึ้นมานะ หนึ่งในนั้นพอเห็นซันก็ชักสีหน้าเหมือนเจอคู่แค้นสิบชาติ

   “มึง!! ไอ้สัตว์ที่มาแย่งคนรักเก้านี่หว่า” มันชี้หน้าซัน พวกเพื่อนมันเลยขยับเข้ามายืนคุมเชิง ริวเองก็มายืนข้างผมเช่นกัน ยกเว้นปอนด์ที่เฮียเฟย์ลากหลบฉากไปอย่างไว มีความหวงขั้นสุด แต่ดีแล้ว ปอนด์ไม่ถนัดเรื่องแบบนี้ อยู่ใกล้เดี๋ยวจะโดนลูกหลงซะเปล่าๆ มีเฮียเฟย์ยืนคุ้มกันด้วย รับรองปลอดภัย พวกผมจะได้ไม่ห่วงหน้าพะวงหลัง

   “อย่ามาเห่า แย่งคนรักอะไร กูไม่เคยแย่งคนรักใคร” ซันกอดอกพูดอย่างหงุดหงิด มันอยู่ของมันดีๆ ทีแรกคว้าไหล่ตอนนี้ชี้หน้าและมีแนวโน้มว่าจะซัดกันในไม่ช้า ไม่สนหัวพนักงานที่พยายามห้ามเลยสักนิด

   “ถุ้ย! หน้าด้านฉิบหาย หลักฐานอยู่ทนโท่ มาเที่ยวผับกับโป้ มึงยังกล้าทำเป็นไม่รู้เรื่องอีกเหรอวะ” อีกคนถ่มน้ำลายแล้วก้าวออกมา เหมือนว่าจะคุ้นหน้าเจ้าสองตัวที่เห่าหอนไม่เลิก หลังนิ่งคิดอยู่แป๊บนึง ผมทุบมือปุเพิ่งนึกออก เหี้ยสองตัวเป็นเพื่อนเก้านี่หว่า นี่มันยังเข้าใจอะไรผิดๆ อยู่เหรอวะ เวลาผ่านมาตั้งขนาดนี้แล้วอะนะ

   ไอ้หัวแดงคนแรกเหมือนมาโดนยา พอได้ยินสิ่งที่เพื่อนพูดจากท่าทีอ่อนลงกลับมาแข็งกร้าวทันที “อ่อ น้ำหน้าแบบนี้นี่เองที่มีปัญหากับเก้า กล้าดีนี่ ควงแขนมากับไอ้กระเทยควายนี่หลังจากอัดเพื่อนกูซะเละ” วาจาหมาไม่แดก ผมขมวดคิ้วกับความเข้าใจผิดๆ ที่เกิดขึ้น ไอ้ซันถึงกับฉุน พุ่งเข้าไปกระชากคอเสื้อ

   “มึงเรียกแฟนกูแบบนี้ไม่อยากตายดีใช่มั้ย” เสียงข่มรอดไรฟัน อีกฝ่ายขย้ำคอเสื้อกลับแบบไม่ยอมแพ้

   “เออ! กูจะเรียก มึงจะทำไม มึงมันสวะอยู่คู่กับเมียกระเทย”

   “มึง!!” ไอ้ซันฟิวส์ขาดง้างหมัดจะชก ผมไม่อยากให้มีเรื่องเลยรีบคว้าแขนมันไว้ทันเฉียดฉิว หันมามองกะให้ริวช่วยห้าม มันดันตั้งการ์ดเตรียมซัด เวรกรรมจริงๆ พวกมึงช่วยดูสถานที่กันหน่อยได้มั้ย ผับไฮโซนะเว้ย ไม่ใช่ร้านเหล้าข้างทาง การ์ดกล้ามโตตัวใหญ่อย่างกับตึกกำลังเดินมาทางนี้แล้ว

   “ห้ามกูทำไมวะ ปล่อยเว้ยเหี้ยโป้!” มันสะบัดแขนจนผมแทบจะรั้งไม่อยู่

   “ใจเย็นดิวะ มิทบอกนี่ผับพ่อมันอย่าก่อเรื่องเลย” ป๋ามันไม่ใช่คนธรรมดาแน่ กูยังไม่อยากโดนยิงตายเว้ย สนใจกูบ้างงงง

   “มึงควรฟังเมียกระเทยของมึงนะ ไอ้ชาติหมา”

   “ไอ้โป้ปล่อยกู!!” ซันตวาดกระชากแขนจนผมตัวเซ ฝั่งตรงข้ามมีประมาณหกคนก็พุ่งเข้ามาจะร่วมวงด้วย ผมชักปลง คงได้ออกแรงกันจริงๆ ใครมันจะไปรู้ล่ะว่า เจ้าเพื่อนตัวดีมาได้จังหวะเหมาะ

   “เฮ้ย! ห้ามมาตีกันหน้าผับพ่อกูเว้ย!!” เสียงตะโกนด่าไม่น่าหวั่นเกรงเท่าการ์ดสูทดำตัวใหญ่เบิ้มที่ยืนเรียงหน้ากระดานแผ่รังสีกดดันอยู่ด้านหลังเพื่อนมิท ทั้งที่รู้ว่ามันไม่ควร แต่ ณ เวลานี้ผมรู้สึกเหมือนเห็นเพื่อนตัวเองเป็นคุณนายมาเฟียยืนกอดอกถลึงตาจ้องอย่างดุดัน ผมนี่รีบสะบัดหัวไล่ความคิดแทบไม่ทัน เบนความสนใจในเรื่องแปลกๆ ไปสะกิดเตือนซันยิกๆ ขอให้มันเห็นแก่หน้ามิทบ้าง ตีกันหน้าผับเขา เกิดข้าวของเสียหาย เสียรายได้ เดี๋ยวซวยกันหมดพอดี

   “ไปเคลียร์กันตรงนู่น” เพื่อนมาดใหม่บุ้ยปากไปทางลานจอดรถร้างผู้คน สองฝ่ายยืนคนละด้านมีมิทเป็นคนกลางกับเหล่าการ์ดคอยคุมเชิง เป็นไงล่ะเจอของจริง อารมณ์ร้อนดับวูบกันหมด ไม่ติดว่าสถานการณ์ไม่ให้ผมหัวเราะไปแล้ว โดยเฉพาะพวกปากเก่งที่มาหาเรื่องซัน เรียกผมกระเทยๆ ใช่ว่าไม่โกรธนะ แค่มีสติ เอาไว้เจอกันลับหลังค่อยลากเข้ามุมมืดกระทืบไส้แตกก็ยังไม่สาย

   “บอกมา มีเรื่องอะไรกันวะ” นาย(หญิง)มิทเปิดประเด็น แต่ละคนยังฮึ่มแฮ่ใส่กันอยู่ พี่เฟย์ผู้เป็นคนนอกเลยช่วยตอบให้

   “ฝ่ายนั้นหาเรื่องซันก่อน เห็นว่าเกี่ยวกับคนที่ชื่อเก้า ส่วนซันใจร้อนซัดกลับจนเกิดเรื่อง” แขนกอดเพื่อนตัวเล็ก บอกเล่าน้ำเสียงเรียบเรื่อย ผมนึกเถียงในใจ ยังไม่ซัดพี่ แค่เกือบ ผมห้ามไว้ทัน

   “กูจำได้ว่าเรื่องมันจบไปแล้วไม่ใช่เหรอ” มิทกล่าว ผมพยักหน้า ทุกคนจำได้ไหม ตอนที่มีเรื่องกับเก้าคราวนั้น มิทเป็นคนดูต้นทางให้พวกเรา ส่วนผมไสหัวกลับไปช่วยรุ่นพี่ทำงานจนเสร็จ

   “ยังไม่จบ! พวกกูยังไม่ได้เอาคืนพวกมึงที่มารุมทำร้ายพวกไอ้เก้า” พวกเยอะเหลือเกิน ผมกรอกตามองบน เข้าใจว่าพวกมันยังไม่จบ แต่ก่อนหน้านี้ที่ไม่ได้เอาคืนนั่นเพราะผมมัวแต่วุ่นเรื่องของตัวเอง กับขลุกอยู่ในตึกคณะ ไม่มีกิจกรรมหรือวงโคจรอะไรที่ทำให้เจอกัน มหา’ลัยออกจะกว้างขวาง

   “จะเอาคืน ถามเจ้าของเรื่องเขายังว่าต้องการรึเปล่า” มิทตอกกลับ ผมพยักหน้าเห็นด้วย แม้จะมีปัญหากับเก้าและไม่ค่อยสนิทกันเท่าไรนะ แต่พอมองออกว่าสำหรับเก้า จบคือจบ ไม่งั้นมันคงตามตื้อผมต่อ ไม่ปล่อยให้ผมกับซันลงเอยกันด้วยดีเช่นตอนนี้

   สีหน้าพวกนั้นดูไม่ยินยอมโดยง่าย มิทยักไหล่ถอนหายใจ “ช่างเถอะ จะเอาคืนอะไรก็ไปที่อื่น อย่ามาก่อเรื่องที่นี่ถ้ายังไม่อยากถูกการ์ดลากตัวออกไปหมกป่า” ผมหันขวับ ถึงกับเซไปวูบหนึ่ง ตัดปัญหากันงี้เลยนะ

   ซันคงคิดแบบเดียวกันและไม่อยากให้มิทเข้ามายุ่ง เจ้าตัวถึงหักมือกร๊อบเตรียมบู๊ “มึงไม่ต้องมายุ่งมิท พวกกูจัดการเอง แค่เห็บหมาไม่กี่ตัว ไม่พอตีนพวกกูหรอก” ริวพยักหน้ารับคำซัน ผมก็ชักจะเริ่มเซ็ง ถลกแขนเสื้อคิดจะเอาด้วย อยากชกก็ชกเรื่องจะได้จบๆ ส่วนพี่เฟย์ พอเห็นท่าไม่ดีจูงเพื่อนปอนด์ไปอยู่กับมิทเฉย เข้าใจเลือกสถานที่จริง ตรงนั้นจุดเซฟโซนเลยเชียว

   ฝ่ายนั้นเองก็ตั้งท่า เห็นว่ามากันเยอะและมิทปลีกตัวเป็นคนนอก กะเอาพวกเข้าข่มทางผมที่มีกันแค่สามคน หารู้ไม่แค่ซันกับริวก็กินขาด มันคงจะได้ซัดกันแบบลูกผู้ชายแหละ หากมิทไม่ห้ามซะก่อน

   “ถือว่ากูขอแล้วกัน อย่าก่อเรื่อง นี่ผับพ่อกู” เสียงอ่อนแบบขอร้องของเพื่อนทำให้พวกผมเริ่มลังเล สุดท้ายซันผ่อนลมหายใจระบายความหงุดหงิด ยอมถอยเพราะเห็นเพื่อนสำคัญกว่าเรื่องชกต่อย

   “เห็นกับที่มึงขอกูจะยอมก็ได้ แต่ถ้าพวกมันเข้าไปหาเรื่องพวกกูข้างในอีก มึงเตรียมจัดสถานที่ให้กูได้เลย”

   “ได้ๆ เอาลานหน้าเวทีเลยมั้ย ชกกันไปพร้อมมีเพลงประกอบคงมันดี” พอเห็นเพื่อนยอมฟัง มิทหัวเราะชวนคุยอย่างอารมณ์ดี

   แม้ฝ่ายตรงข้ามจะไม่ยอมรับสักแค่ไหน แต่ทำอะไรไม่ได้เนื่องจากการ์ดยืนเรียงอย่างน่ากลัว มิทกวักมือเรียกเพื่อนเดินนำไปที่ทางเข้าผับ ส่วนพวกผมที่เดินไล่หลังหันไปชูนิ้วกลางถลึงตาใส่ ต่างฝ่ายต่างจดบัญชีหนังหมา เจอกันรอบหน้าไม่ยอมอ่อนข้อแน่

   พอเราเดินถึงหน้าผับ เจอพวกพี่รหัสของมิทที่มาดื่มด้วย เลยรวมตัวเป็นกลุ่มใหญ่ให้คุณชายมิทพาเข้าผับอย่างสง่าผ่าเผย อยู่ด้านนอกว่าใหญ่แล้ว มาเจอข้างในเหนือกว่าที่จินตนาการไว้อีก เพดานสูงยกติดไฟหลากสีชวนให้ไม่รู้สึกอึดอัดเหมือนผับอื่นๆ ที่ดูอุดอู้เพราะเพดานต่ำพื้นที่น้อย โต๊ะแต่ละชุดมีระยะห่างกันพอประมาน สามารถเดินสวนกันได้แม้จะมีคนนั่งบนเก้าอี้ ช่างแตกต่างจากร้านเหล้าลูกทุ่งรุ่นแทบขี่คอที่ผมไปเหลือเกิน

   แต่ละคนแต่งตัวหลากสไตล์ ไม่ได้ดูเว่อหรือจืดจาง ทุกอย่างพอเหมาะขับเน้นจุดเด่นออกตัวเองออกมาโลดแล่นในยามราตรี สาวสวยมากมายมีให้มองระรานตา กระทั่งหนุ่มน้อยใหญ่ราวกับถูกคัดมา มีแต่หน้าตาระดับเอบวกบวก พวกพนักงานเสิร์ฟก็ไม่น้อยหน้า ใส่ชุดบริกรรัดกุมดูดี สวยหล่อแบบไม่ต้องแต่งเยอะอย่างลูกค้า ให้บริการประดุจมืออาชีพ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงบาเทนเดอร์ประจำบาร์ ของดีเกรดพรีเมี่ยม ถ้าไม่ติดว่ามีแฟน จะปล่อยตัวเองให้โบยบินบนสวรรค์แห่งนี้

   ผับไฮโซรวมพวกคนรวยโคตรแตกต่างกับร้านเหล้าโลโซเสียจริง อีกสิ่งที่ดึงดูดสายตาคือเวทีครึ่งวงกลมตรงกลางที่มีลานแดนซ์อยู่ด้านหน้า เพลงมันๆ เล่นสดจัดกันแบบต่อเนื่องไม่ให้ขาดช่วง ถึงจุดนี้รุ่นพี่ของมิทก็แยกตัวออกไปบางส่วน ที่เหลือก็ทยอยขึ้นชั้นลอยที่มิทเหมาเอาไว้

   ด้านบนมีชุดโซฟานั่งสบายกว่าด้านล่าง มีบาร์ประจำหนึ่งที่กับโซนของห้อง VIP ที่ผมไม่คิดจะเข้าไปยุ่ง ที่น่าสนใจคือ ชั้นลอยติดกระจกเปิดไฟสลัวไม่แสบตากับไฟสารพัดสีอย่างชั้นล่าง แถมยังช่วยป้องกันเสียงบางส่วนแล้วเปิดเพลงเบาๆ คลอเหมาะกับการดื่มเหล้าเคล้าบรรยากาศ ถ้าหากอยากมันก็สามารถลงบันไดไปชั้นล่างได้ทุกเมื่อ เห็นว่ามีชั้นดาดฟ้ากับโซนอื่นแยกด้วย แต่ผมไม่สนใจ เพราะกับแกล้มหน้าตาน่ากินกับเหล้าพระเอกของงานถูกยกมาเสิร์ฟอยู่ตรงหน้า

   ตอนนี้ผมเลือกนั่งโซฟาหลบมุมเป็นเพื่อนปอนด์ ริวกับซันไม่คิดอยากลุกไปไหน กลายเป็นว่ากลุ่มเราขลุกอยู่โต๊ะเดียวกันอย่างสงบเสงี่ยม ส่วนมิทนั่งดื่มเหล้าคุยกับรุ่นพี่

   “เมื่อกี้กูเห็นราคาในใบเมนู มือกูงี้สั่น” ริวเปิดบทสนทนา แสดงอาการมือสั่นเหมือนเจ้าเข้าเรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนๆ

   “คราวนี้มิทมันเอาจริง ผับนี่โคตรหรู คงมีเรื่องสำคัญมากที่อยากจะพูด” ผมเปรยๆ สบตากับปอนด์แบบรู้กัน พี่เฟย์ยิ้มมุมปากไม่พูดอะไร แค่ตักของกินเล่นใส่จานปอนด์แล้วหันไปสั่งน้ำผลไม้จากสาวเสิร์ฟที่เดินผ่านมา

   “ขอให้มันสำคัญจริงเหอะ” ซันว่าพลางชงเหล้าแจกแบบรู้หน้าที่ พอจะชงให้เฮียเฟย์ อีกฝ่ายยกมือห้ามบอกว่าเดี๋ยวขับรถแล้วหันไปสวีทหวานกับปอนด์ต่อเฉย แขนยาวพาดพนักพิงขยับชิดจนปอนด์แทบจะเกยอยู่บนตัก เวลาคุยก็ชอบก้มลงไปกระซิบข้างหูราวกับว่าเสียงโดยรอบมันดังซะเหลือเกิน

   ผมแสร้งหันไปมองทางอื่น ปลงกับความร้ายกาจของเฮียเฟย์และปอนด์ที่ไม่เคยรู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย

   “พวกเรามานั่งดื่มรอมิทมันคุยกับรุ่นพี่แล้วกัน” ริวยกแก้วชนรอบวง ไม่นึกน้อยใจหรือหงุดหงิดพี่เจ้าภาพสนใจคนอื่นมากกว่า พอรู้กันว่ามิทชวนรุ่นพี่มาด้วยเพื่อขอบคุณหรืออะไรสักอย่าง พวกเราเองก็มีพี่รหัสเลยเข้าใจสังคมแบบนี้

   “ไม่ลงไปเล่นข้างล่างเหรอมึง ตอนขึ้นมาเห็นสาวมองกันให้เพียบ” ผมแซวหนุ่มญี่ปุ่นเนื้อหอม ก่อนโดนมันถอนหายใจใส่หน้า

   “ไปกูก็ซวยดิ กูจำได้ว่าพวกเฮียโน้ตรู้จักกับพี่ธัน ขืนเรื่องที่กูลัลล้าไปถึงหูพี่ธันเข้า คะแนนใจที่มีอยู่น้อยนิดแถมยังเพิ่มยากเพิ่มเย็นได้หดหายจนติดลบพอดี แล้วก็นะ มาบอกกูเนื้อหอม เฝ้าแฟนมึงให้ดีๆ เหอะ เมื่อกี้กูเดินรั้งท้ายมีสาวคิดจะตามมันขึ้นมาด้านบนด้วย เสียที่โดนการ์ดมิทดักซะก่อน เพราะพวกเราเหมาชั้นลอย” ร่ายยาวแบบไม่พักหายใจ ผมเหล่มองไปทางคนเนื้อหอมทั้งที่ตัวดำ ทำไมคนอื่นยังมองเห็นมันวะ แสงไฟออกจะน้อยขนาดนี้ นี่ไม่ได้พาลนะ แค่พูดเรื่องจริง

   “มองกูทำไม มึงก็ใช่ย่อย เข้าผับมาปุ๊บกระดี๊กระด๊าโคตรน่าถีบ ดีแล้วที่มิทมันเหมาแบบส่วนตัว พวกแมลงผู้จะได้ไม่ต้องเข้ามาให้รำคาญลูกตา” ไม่พูดเปล่ายังโบกหัวกูอีก ถ้าเหล้าหก ผมจะแค้นมันไปสิบชาติ!

   “พี่เห็นด้วยนะ แบบนี้ก็สงบดี แต่อยากให้มิทรีบมาคุยธุระให้เสร็จเร็วๆ มากกว่า พี่กับปอนด์ไม่ค่อยชอบสถานที่แบบนี้เท่าไหร่” ผู้อาวุโสที่สุดในกลุ่มเอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง ซันทำหน้าตาย ริวหันหน้าหนี ผมแอบเบ้ปากมองบน ที่เฮียเฟย์บอกไม่ชอบเพราะไม่อยากให้ปอนด์อยู่ที่อโคจรมากกว่า ส่วนตัวเฮียเฟย์เองดูเจนจัดกับสถานที่ขนาดนี้ ไม่มีทางซะล่ะ เผลอๆ อาจจะเคยมาผับนี้แล้วด้วยซ้ำ

   ปอนด์หัวเราะ จิ้มนู่นจิ้มนี่กินจนแก้มตุ่ย “น่าๆ คงไม่นานนักหรอก ถือว่าเปิดหูเปิดตาเก็บข้อมูลไว้แต่งนิยายด้วย ที่สำคัญ ของกินที่นี่อร่อยจัง”

   เห็นอีกฝ่ายกินเอร็ดอร่อยขนาดนี้ ทุกคนพร้อมใจกันไม่แตะต้องกับแกล้ม อย่างมากก็แค่ชิมสองสามคำแล้วเน้นที่เหล้าพลางพูดคุยกันเรื่อยเปื่อย เวลาผ่านไปสักพัก มิทบอกลาพวกรุ่นพี่เดินมาหาพวกผมแทน

   “โทษทีที่ให้รอนาน พอดีตอนป่วยไม่ได้คุยกับพี่รหัสเลย แล้วยังไปขอชีทเรียนอีก เลยต้องคุยกันสักหน่อย”

   ผมโบกมือ “ไม่เป็นไร แล้วนี่คุยเสร็จแล้ว?” เลิกคิ้วมอง

   “ใช่ เรามาคุยเรื่องของเรากันดีกว่า” วาจากับรอยยิ้มกรุ่มกริ่มน่าถีบจนริวปาแตงกวาใส่ มิทหัวเราะโยกหัวหลบสบายๆ “ย้ายไปห้อง VIP กัน ที่นั่นเงียบเป็นส่วนตัว ส่วนพวกเหล้ากับอาหาร เดี๋ยวให้พนักงานยกไป” ลูกชายเจ้าของผับ ดีดนิ้วเรียกพนักงานที่ยืนรอให้ยกอาการตาม แล้วนำไปห้อง VIP พร้อมการ์ดคนสนิท

   เอาล่ะ...เรื่องอะไรกันที่มิทจะบอก มารอลุ้นไปกับผมเถอะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-04-2017 16:43:19 โดย Silver Fish »

ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
 :mew2:ดราม่าของมิทกำลังมาแล้ว

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
มาลุ้นกันต่อไป  :katai2-1:

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
ตามมาอ่านซัน-โป้ด้วย

ออฟไลน์ Silver Fish

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-0
    • Fanpage
ยกที่30 ต่างคนต่างคิด

   “ที่ชวนทุกคนเข้ามาเพราะมีเรื่องจะบอก”

   ประโยคแรกที่มิทพูดหลังจากเข้ามาอยู่ในห้อง VIP ผมหัวยิ้ม ยกแก้วเหล้าจิบ ช่วยพูดคลายบรรยากาศ “มีเหล้าให้ดื่ม กับแกล้มให้กิน อยากคุยอะไรก็พูดมาเลยกูพร้อมแล้ว” ต่อมเสือกผมถูกกระตุ้นเต็มที่ รีบๆ บอกมาเถอะ

   “มิท มึงอย่าท่ามาก จะพูดอะไรก็รีบ ก่อนไอ้เหี้ยนี่จะเมาจนคุยไม่รู้เรื่อง” ไอ้ซันจิ้มนิ้วใส่หัวผม อย่าทำเป็นอ้างผมหน่อยเลย ผมมองออกว่ามันเองก็อยากรู้ไม่ต่าง

   มิททำหน้าเหมือนกำลังขึ้นเขียง กดโทรศัพท์เปิดวีดีโอคอลหาวา ผมเลิกคิ้วมอง แสดงว่าคราวนี้มิทเอาจริง ถึงขั้นคอลทางไกลเพื่อให้เพื่อนรวมตัวครบทุกคน

   “มันเป็นเรื่องที่กูปิดบังพวกมึงมาตลอด เรื่องของอาชีพที่กูเคยทำ ชีวิตครอบครัวกับสถานะที่กูเป็นอยู่ตอนนี้” แค่เริ่มไอ้ซันก็ขมวดคิ้วแล้ว ผมต้องคอยใช้ขาสะกิดมันไว้เพื่อฟังมิทพูดต่อ

   “ขอเริ่มจากเรื่องครอบครัวแล้วกัน กูเป็นลูกคนเดียวที่พ่อติดเหล้ากับการพนันจนหมดตัวมีหนี้สินท่วมหัว แม่เลยต้องทำงานเพื่อเอาเงินมาใช้จ่าย แต่หามาเท่าไหร่ก็ไม่เคยพอ ตราบใดที่ยังมีพ่อคอยล้างผลาญไม่เว้นแต่ละวัน สุดท้ายแม่กูก็ล้มป่วย ต้องกลับไปรักษาที่รัสเซีย เพราะคนต่างชาติรักษาที่นี่มันมีค่าใช้จ่ายสูงมาก อีกอย่าง แม่เกิดและเติบโตที่นั่นย่อมมีลู่ทางในการหาเงินที่มากกว่า”

   “ทั้งที่ไม่สบายแม่กูก็ยังฝืนทำงาน ส่งเงินมาไม่ได้ขาด ถึงมือกูบ้าง ไม่ถึงบ้างตามชะตากรรม พอกูอยู่ม.ปลาย แม่ป่วยหนักไม่สามารถทำงานได้อีก เงินจึงขาดช่วงไป ตรงนี้แหละที่เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทุกอย่าง แม้ญาติจะช่วยออกค่ารักษา แต่มันไม่พอ กูที่ยังเด็ก เลยตัดสินใจแบบเด็กๆ เลือกอาชีพที่ได้เงินไวและได้คราวละมากๆ” ฟังถึงตอนนี้ ขอแค่ไม่โง่ก็ต้องเดาออกว่าอาชีพที่มิทเลือกคืออะไร ซึ่งเพื่อนแต่ละคนไม่โง่ซะด้วยสิ

   สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ มิทเล่าเรื่องราวของตัวเองด้วยความเฉยชา ผมเชื่อว่าข้างในมันไม่คิดแบบที่แสดงออกมา ไม่งั้นมันคงไม่เก็บเงียบจนถึงทุกวันนี้

   “กูเริ่มทำงานไซด์ไลน์ตามคำแนะนำของเพื่อน ช่วงแรกก็รับแต่ผู้หญิง นานๆ เข้าก็เริ่มมีผู้ชาย เป็นแบบนั้นเรื่อยๆ จนกระทั่งกูเจอนักธุรกิจชาวต่างชาติคนหนึ่ง หรือก็คือพ่อบุญธรรมของกูตอนนี้ คงไม่ต้องให้กูอธิบายนะว่าสาเหตุที่เจอกันเพราะอะไร เอาเป็นว่าพ่อกูคนนี้ไม่ธรรมดาก็พอ ด้วยความดื้อรั้นของกู ทำให้ได้แผลที่ขามา ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังรับกูเป็นลูกบุญธรรม อุปการะส่งเสียทุกอย่าง” มิทหยุดพักหายใจ ยกเหล้าขึ้นจิบ ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ เมื่อเห็นสีหน้าของเพื่อนแต่ละคน

   “อย่าทำหน้าแบบนั้น ตอนนี้กูมีชีวิตที่ดียิ่งกว่าก่อนหน้านี้ซะอีก”

   ก็อาจจะเป็นแบบนั้น ผมเลื่อนสายตามองชุดแบรนด์เนมที่มิทใส่ กับการ์ดที่คอยอารักขาอยู่ไม่ไกล นับว่าพ่อบุญธรรมที่ว่าให้ความสำคัญกับมิทไม่น้อย ในระหว่างที่ผมกำลังคิดทบทวนสิ่งที่ได้ยิน ซันเปิดปากทำลายความเงียบ

   “มึงพูดจริง?”

   มิทสบตาซันนิ่ง “ทุกอย่างที่กูพูดเป็นเรื่องจริง” น้ำเสียงหนักแน่นเน้นย้ำว่ามันไม่ใช่เรื่องโกหก

   “ทำไมมึงมีเรื่องอะไรไม่บอกพวกกู”

   “ซัน...” ผมรู้ว่าซันมันกำลังเดือด เลยยึดบ่ามันไว้ไม่ให้ทำอะไรวู่วาม แต่มันกลับสะบัดมือผมทิ้ง!

   “มึงไม่ต้องมาพูด! ทำไมมึงไม่บอกพวกกู!! มึงเห็นพวกกูเป็นเพื่อนอยู่มั้ย เออ! กูอาจจะขี้โวยวายอารมณ์ร้อน แต่ริวล่ะ มันเป็นห่วงมึงมาตลอด ช่วยมึงสารพัด ทำไมไม่เคยบอกอะไรมันบ้าง!” ซันชี้ไปทางริว ที่จนถึงตอนนี้ยังไม่เปิดปากพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว เอาแต่กระดกเหล้าแทนน้ำ เดาอารมณ์ไม่ออกให้ความรู้สึกอันตรายยิ่งกว่าซันที่ตวาดเสียงดัง

   “ก่อนมาเจอพวกกูไม่เท่าไหร่ ความจำเป็นของมึงกูก็เข้าใจ แต่หลังจากเจอพวกกูแล้ว ทั้งที่พวกกูทุกคนคอยพล่ามบอกมึงเสมอว่ามีอะไรให้ช่วยก็บอก แล้วดูที่มึงทำ! เก็บเงียบคนเดียวมาเกือบปี มึงไม่ไว้ใจพวกกูเหรอ หรือพวกกูมันไม่มีค่าพอที่จะช่วยเหลืออะไรมึงได้ ถ้ามึงคิดอย่างนั้นมึงโคตรดูถูกความเป็นเพื่อนของพวกเราเลยว่ะ”

   ได้ยินคำพูดของซัน ผมหันหนีไปมองทางอื่น รู้สึกแม่งแทงใจทุกดอก อีกอย่าง ผมเข้าใจซันนะ สำหรับคนอื่น การเป็นเพื่อนเพียงแค่ไม่กี่เดือนยังไม่นับว่าสนิทอะไรมาก แต่สำหรับซัน มันเป็นคนที่จริงใจและทุ่มเทให้กับทุกอย่าง พอเจอเรื่องแบบนี้คงเสียใจไม่น้อย ผมถอนหายใจหนัก ไม่อยากจะซ้ำเติมมิท แต่มันอดไม่ได้จริงๆ

   “ตอนแรกกูคิดว่าตัวเองพอจะเดาเรื่องได้เลยรอให้มึงพร้อมค่อยบอก แต่นี่...เรื่องมันใหญ่ขนาดนี้มึงกลับไม่เคยบอกอะไรพวกกูเลยแม้แต่คำเดียว อย่างน้อยๆ เรื่องพ่อที่ชอบมาไถตัง มึงก็ไม่พูดออกมา แม้พวกกูจะช่วยเรื่องอื่นไม่ค่อยได้ แต่กับเรื่องนี้แค่หาที่อยู่ให้มึงใหม่ คอยเป็นหูเป็นตาให้ก็ได้” ผมบอกจากใจ เพียงแค่นึกย้อนกลับไปว่า ระหว่างที่พวกเรากำลังเฮฮามีความสุข เพื่อนอีกคนของพวกเรากำลังหนีหัวซุกหัวซุนโดยที่พวกเราไม่รู้อะไรเลย มัน...

   เจ็บใจเป็นบ้า

   “ตอนนี้ก็บอกแล้วไง ต่อให้ด่ากูไป มันก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไปแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้ปะวะ” มิทจ้องพวกเราตาวาว มือกำแน่นจนขึ้นข้อขาว แต่คำพูดนั้นไม่ต่างจากน้ำมันราดกองเพลิง ซันผุดลุกขึ้นกระชากคอเสื้อมิทจนตัวลอยจากเก้าอี้

   “ไอ้เหี้ยมิท! มึงกล้าพูดออกมาได้ยังไง!”

   ช่วงที่ผมลังเลว่าจะลุกไปห้ามซันดีมั้ย เพราะหวั่นๆ ว่าการ์ดมิทจะทำร้ายซัน แต่เจ้าตัวดันยกมือห้ามซะก่อน พวกพี่อาคมจึงยืนนิ่งอยู่กับที่ พอดีกับที่วาเอ่ยปากห้าม

   “ไอ้ซันพอ ก็อย่างที่มันบอก เรื่องมันผ่านไปแล้วจะฟื้นฝอยหาตะเข็บให้มันได้อะไรขึ้นมา”

   ซันที่กำลังเดือดมีหรือจะยอมสงบง่ายๆ อย่างมากก็แค่คลายมือออกแล้วหันไปเถียงวา ทั้งที่ตายังจ้องมิทเขม็ง

   “มันช่วยอะไรไม่ได้ แต่กูจะพูดให้มันรู้ ว่าเพื่อนเขารู้สึกยังไงที่มันทำแบบนี้”

   วาไม่สนใจซัน คุยกับมิทแทน

   “มิท เรื่องที่มึงจะพูดมีแค่นี้ใช่มั้ย”

   “อืม หมดแล้ว ที่เหลือกูพูดไม่ได้เพื่อความปลอดภัยของพวกมึงเอง พ่อบุญธรรมกูไม่ใช่คนธรรมดา” น้ำเสียงมิทเริ่มอ่อนลง ผมเองก็เริ่มใจเย็นลงเช่นกัน อย่างน้อยๆ ทั้งหมดที่มิททำไปไม่ใช่เพราะไม่เห็นหัวพวกผมอยู่ในสายตา แต่เป็นเพราะความเป็นห่วงนี่เอง เอาเป็นว่าผมจะช่วยพูดกับซันให้ก็แล้วกันนะเพื่อนเอ๋ย

   วาเอ่ยต่อ “ขอบใจที่ยอมบอก แม้กูจะหมั่นไส้ที่มึงเก็บเงียบมานานก็เถอะ หลังจากนี้ ถ้าไม่ลำบากมึงนักก็บอกกันบ้าง ถ้ายังคิดว่าเป็นเพื่อนกันอยู่” วายอมถอย ส่วนซันดูท่าจะไม่ยอมง่ายๆ

   “มันจะจบเรื่องง่ายไปไหม คนมันเคยโกหกมาแล้ว ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าอนาคตจะไม่ทำอีก”

   ผมแอบสะดุ้งกับคำพูดแสนเย็นชาของซัน ใช้เท้ายันมันเพื่อเตือนสติ พลางเหล่มองมิทที่ดูเหมือนใกล้จะหมดความอดทน ลำบากเพื่อนตัวเล็กรีบลุกมาห้ามเพราะไม่อยากให้เพื่อนทะเลาะกัน

   “พวกนายใจเย็นก่อน ไว้ค่อยคุยกัน ตอนนี้ทุกคนต่างก็ร้อนกันหมด เดี๋ยวจะทะเลาะกันใหญ่โตซะเปล่าๆ”

   น่าเศร้าที่สองคนผู้หัวร้อนและมีเหตุผลของตัวเอง ไม่มีใครฟังปอนด์สักคน เฮียเฟย์เลยดึงปอนด์กลับไปเพื่อความปลอดภัย เปิดเวทีให้สองตัวหลักประจันหน้ากันต่อ

   “ไม่งั้นมึงจะเอายังไง” มิทถามเสียงห้วน

   “บอกเหตุผลของมึงมาให้หมด” ซันยื่นคำขาด หลังจ้องเขม็งกันสักพัก มิทก็ยอมพยักหน้ารับแล้วนั่งลงตามเดิม ผมเลยสะกิดให้ซันนั่งลงบ้าง แล้วหลังจากนั้นมิทก็อธิบายความจำเป็นทุกอย่าง รวมถึงเหตุผลที่มันทำแบบนี้

   “ก่อนจะบอกกูขอพูดอะไรอย่าง กูก็คือกู พวกมึงก็คือพวกมึง ต่างคนต่างความคิด มีวิธีจัดการปัญหาไม่เหมือนกัน ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าคนที่เจอทุกอย่างด้วยตัวเอง ดังนั้นฟังแล้วช่วยอย่าลืมด้วยว่ากูไม่ใช่พวกมึง”

   “เริ่มจากเรื่องพ่อกูก่อน มึงบอกว่าช่วยกูได้ใช่มั้ยโป้ แต่นั่นมันเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ได้แค่หนีไปเรื่อยๆ สักวันมันก็ไม่พ้น พวกมึงยังไม่รู้จักนิสัยของพ่อกูดีพอ ผู้ชายคนนั้นต่อให้ต้องขายกูเพื่อเงินเขาก็ทำได้และเคยทำด้วยแม้ว่าจะไม่สำเร็จก็ตาม ต่อให้ติดคุก ไม่นานก็ออกมาจองเวรจองกรรมกูอยู่ดี พวกมึงคงไม่คิดหรอกนะว่าจู่ๆ กูก็ทำงานไซด์ไลน์เลยโดยที่ไม่มีใครชี้ทาง” ชอตนี้ทำเอาผมสะอึก ก็จริงอย่างที่มันบอก แต่เพื่อนก็อยากช่วยนี่หว่า นึกเถียงในใจไม่กล้าเปิดปากตอนนี้ เพราะเหมือนมิทจะฟิวส์ขาดไปแล้ว

   “ต่อมา เรื่องงานไซด์ไลน์ใช่มั้ย? มึงตอบกูที นอกจากค้ายากับเด็กขายมีอาชีพอะไรที่ทำให้ได้เงินครั้งละมากๆ ในวัยที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ กู้หนี้ยืมสิน? กูจะเอาที่ไหนไปกู้ ทั้งเนื้อทั้งตัวไม่มีห่าอะไรเลย”

   เออแม่งพูดถูกทุกอย่างเลยเว้ย ทุกคนเงียบฟัง มีแค่ไอ้ซันที่ยังเถียง

   “กูหาเงินได้ ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น ขอแค่มึงมาถามกูสามารถช่วยสอน แนะนำมึงได้”

   มิทสวนกลับทันที “เป็นมึงก็พูดได้สิ มึงมีคนที่บ้านคอยหนุนหลัง อย่าเพิ่งขัด ต่อให้มึงหาเงินด้วยตัวเอง มึงปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าหากพลาดขึ้นมาก็ไม่ต้องกลัวในเมื่อมึงมีคนที่บ้านคอยเป็นกำลังให้ แล้วกูล่ะ กูไม่มีใครเลย กูต้องดิ้นรนด้วยตัวเอง สมองกูก็ไม่เก่งเท่ามึง ถ้ากูมีทางเลือกอื่นกูก็ไม่มาทำงานนี้หรอก”

   หลังจากนั้นมิทก็ใส่ยับ ว่าการยืมเงินคนอื่นมันไม่ง่ายขนาดนั้น กระทั่งพี่น้องคลานตามกันมายังฆ่ากันได้เพราะเรื่องเงินทอง ของแบบนี้มันไม่เข้าใครออกใคร ต่อให้เราเต็มใจให้ แต่ก็ต้องนึกถึงใจผู้รับด้วย ซึ่งผมเข้าใจดี บ้านผมเองก็เป็น ต่อให้ไม่รวยล้นฟ้า แต่ญาติบางคนยังประจบปู่เพื่อหวังมรดกอยู่เลย เพราะแบบนี้เรื่องที่ผมเป็นเกย์ถึงมีคนเดือดร้อนกันนัก ในเมื่อผมเป็นอดีตหลานรักของปู่...

   ผมสลัดความคิดของตัวเอง แล้วหันมาตั้งใจฟังมิทต่อ

   “กูเข้าใจว่าพวกมึงเป็นห่วง แต่บอกไปก็ช่วยอะไรไม่ได้ งั้นจะบอกให้เสียสุขภาพจิตไปทำไม กูอยู่ของกูแบบนี้มาตั้งนาน ก่อนจะเจอพวกมึงด้วยซ้ำ และเหตุผลที่กูตัดสินใจเล่าทุกอย่างให้ฟังก็เพราะพวกมึงเป็นเพื่อนกู” เจอแบบนี้เข้าไป ผมไม่รู้จะพูดอะไรเลยทีเดียว มองซันสลับกับมิท รวมถึงริวที่ยังนั่งทำหน้าตาน่ากลัว ผมถอยฉากขอเป็นคนกลางเหมือนปอนด์กับพี่เฟย์ อารมณ์ขุ่นเคืองตอนแรกมันหายไปหมดแล้ว

     “มึง...เว้ย!!” ซันอ้าปากพะงาบๆ ยกมือขยี้หัวอย่างคนอัดอั้น ผมกอดอกทำหน้ายุ่งที่เริ่มไม่มั่นใจแล้วว่าเป็นเรื่องของมิทหรือเรื่องของบ้านตัวเองกันแน่ ส่วนคนอื่นที่เหลือ ทุกคนต่างนิ่งไม่พูดอะไรออกมา

   จู่ๆ มิทก็หันไปหาริวพลางก้มหัวให้ เล่นเอาพวกผมตะลึง

   “กูขอโทษที่กูโกหกมึงมาโดยตลอด กูรับรู้ถึงความห่วงใยที่มึงมีให้ ไม่เคยคิดว่าเป็นเรื่องไร้สาระแม้แต่น้อย พวกมึงคือความหวังของกู กูหวังว่าสักวันจะใช้ชีวิตแบบเดียวกับพวกมึงได้ อาจจะดูเห็นแก่ตัว แต่ช่วยคบกูเป็นเพื่อนต่อไปที เพราะก็มีแค่พวกมึงเท่านั้นที่บอกว่าเป็นเพื่อนได้อย่างเต็มปาก” ผมสังเกตเห็นว่ามือมิทกำลังสั่น เจ้าตัวคงเครียดและรู้สึกผิดมาก

   “เพื่อนกันทำแบบนี้เหรอ...ช่างเถอะ ฉันกลับก่อนล่ะ” เหมือนพูดออกมาลอยๆ แล้วตัดบทดื้อๆ แถมยังหมุนตัวเปิดประตูออกไปอีก ผมมองสีหน้ามิทตอนนี้ รู้สึกเห็นใจสุดๆ แต่ก็เข้าใจริวล่ะนะ เฮ้อ

   “เอาล่ะๆ นั่งแช่กันแบบนี้ก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา จะดื่มต่อก็คงไม่มีอารมณ์กัน แยกย้ายกันกลับบ้านซะ ให้เวลากับตัวเองแล้วค่อยมาเจอกันใหม่” ผู้อาวุโสที่สุดในกลุ่มแบบไม่นับพี่อาคมลุกขึ้นมาช่วยไกล่เกลี่ย แต่หลักๆ คงเพราะเห็นปอนด์ทำหน้าเหมือนแมวท้องผูก เลยอยากจบเรื่องมากกว่า ผมชินแล้วล่ะ ในสายตาเฮียเฟย์มีแค่ลูกแมวเท่านั้น

   เรื่องที่อยากคุยก็คุยแล้ว อารมณ์หน่วงในอกไม่มีใครมีอารมณ์มานั่งดื่มต่อ ทุกคนเลยตัดสินใจกลับ จะเอายังไงค่อยว่ากันอีกที ผมดันหลังให้ซันเดินนำออกไปก่อน จังหวะที่เดินผ่านมิทผมตบบ่ามันเบาๆ ไม่อยากให้มันคิดมาก ชีวิตมันเจอเรื่องแย่ๆ มามากพอแล้ว

   พ้นประตูห้อง VIP เดินลงมาชั้นล่างเหมือนอยู่คนละโลกกับเมื่อครู่ บรรยากาศคึกคักของนักท่องราตรีแทนทีความอึมครึม แต่มันคงไม่เข้าถึงซัน เพราะเจ้าตัวเล่นจ้ำอย่างเดียวไม่สนสาวที่ทอดสะพานให้แม้แต่น้อย พอออกมาด้านนอกเห็นหลังริวขึ้นรถแท็กซี่ไป งานนี้คนที่คิดหนักคงไม่ใช่เราแต่มันริวนี่แหละ

   “ให้กูขับรถมั้ย” ผมอาสา กลัวมันจะอารมณ์บ่จอยจนไปชนก้นชาวบ้าน ไอ้ซันปฏิเสธทันที

   “กูขับเอง มึงดื่มไปหลายแก้วเจอด่านเดี๋ยวจะซวยเอา”

   ก็จริงของมัน ผมพยักหน้ารับเออออปล่อยให้มันขับและใช้โอกาสนี้ในการงีบหลับ ผมดื่มไปหลายแก้วอย่างที่มันว่า แม้จะเจอเรื่องของมิททำให้สร่าง แต่ยังไงในตัวก็ยังมีแอลกอฮอล์อยู่ดี สมองยังมึนนิดๆ ผมเลยตัดสินใจนอนก่อนจะอ้วกใส่รถให้งานเข้า

   เมื่อถึงคอนโด ซันสะกิดปลุก เอี้ยวตัวมาช่วยปลดเบลท์ให้

   “ลุกไหวมั้ยมึง หรือจะให้กูอุ้มไป”

   ผมเหม่อมองมันที่ค้างอยู่ในท่าเอี้ยวตัวมาหาผม เลยเห็นใบหน้าหล่อออกเถื่อนในระยะโคลสอัพ เผลอตัวเผลอใจรั้งคอมันมาจูบ ลมหายใจร้อนระอุที่เป่ารด สัมผัสนุ่มร้อนจากการแนบริมฝีปาก ก่อนที่ผมจะเปิดปากให้มันสอดลิ้นเข้ามาพัวพันกันดูดดื่ม ริมฝีปากล่างของผมถูกดูดดังจ๊วบ เจ็บปนสยิวแปลกๆ ซันมันจูบหนักๆ ทิ้งท้ายแล้วผละออก

   “เมาแล้วหื่นนะมึง เล่นซะสมองกูกระเจิง เรื่องเหี้ยมิทปลิวไปหมดแล้วเนี่ย” มันบ่นอุบ

   “ไม่อยากให้คิดมากไง กูเลยช่วยบ่ายเบี่ยงความสนใจ ลึกๆ ในใจมึงก็เข้าใจมิท ไม่งั้นมึงคงไม่ยอมกลับมาง่ายๆ แบบนี้หรอก” ผมจิ้มๆ อกมันแล้วพากันลงจากรถเพื่อขึ้นลิฟท์กลับห้อง ได้ยินเสียงมันถอนหายใจเฮือกใหญ่

   “ไม่รู้ว่ะ อย่างที่กูเคยพูดกับมึงมาก่อน กูไม่ใช่มัน ไม่เข้าใจหรอกว่าความรู้สึกของคนที่เจอเหตุการณ์แบบนั้นเป็นยังไง” ซันเริ่มระบาย หน้านิ่วคิ้วขมวด

   “อ่าฮะ ไงต่อ” ผมทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดี ยืนทิ้งน้ำหนักพิงพลางซบไหล่ซัน ซึ่งมันก็ไม่ได้ว่าอะไร แถมยังใช้มือโอบตัวผมกันร่วงไปกองกับพื้นด้วย

   “ก็นั่นแหละ...กูเลยสับสน ใจหนึ่งก็เห็นใจมันที่ชีวิตเจอแต่เรื่องแย่ๆ อีกใจก็หงุดหงิด เพราะกูอยากช่วย”

   “มึงช่วยคนทั้งโลกไม่ได้หรอกซัน โลกหมุนรอบตัวเองไม่ได้หมุนรอบตัวมึง” ผมขยับมายืนตรงตามเดิมเพราะลิฟท์มาถึงชั้นที่อยู่แล้ว ไอ้ซันไม่ปล่อยมือที่โอบไว้ แต่ย้ายมาโอบเอวแทน ผมเลยยกแขนพาดคอให้มันแบกเข้าห้อง

   “ก็รู้ ถึงได้หงุดหงิดตัวเองแบบนี้ไง คือมึงเคยเป็นไหม สมองมันเข้าใจแต่ความรู้สึกมันขัดแย้ง...เฮ้ย อย่ากินแรง หยิบกุญแจมาไขเร็ว ตัวมึงใช่จะเล็กๆ หนักฉิบหาย”

   ผมแกล้งทิ้งน้ำหนักใส่มันมากกว่าเดิมด้วยความหมั่นไส้ ก่อนหน้านี้ควายตัวไหนมันอาสาจะอุ้มวะ พยุงแค่นี้ทำเป็นสำออย แกล้งก็ส่วนแกล้งนะ มือก็ล้วงหากุญแจ

   “เหี้ย! นั่นกุญแจไขก้นมึงไม่ใช่ไขประตูห้อง ล้วงดีๆ สิวะ”

   “ฮ่าๆ ก็ว่าอะไรมันอุ่นๆ เต็มไม้เต็มมือดีเหลือเกิน อะๆ กุญแจ ไขๆ” กุญแจของจริงถูกล้วงออกมาจากเป้า เอ๊ย! เป๋ากางเกง ซันรับไปไขแล้วใช้เท้าปิดประตู ค่อยลากผมไปโยนไว้บนโซฟา

   “กูว่ามึงเมาแน่ๆ” เสียงบ่นจากที่ไกลๆ เพราะมันไปรินน้ำเปล่าเย็นชื่นใจจากในตู้เย็นมาให้ผมดื่ม

   “กูไม่ได้เมา กูแค่หื่น” รับน้ำมากระดกรวดเดี๋ยวหมดแก้ว ชื่นใจ

   “จ้ะเมีย” คนผิวเข้มทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ พลางยกแขนพาดพนัก ผมเลยเซไปซบอกมัน ปีโป้เริ่มเลื้อยแล้วครับ ไอ้ซันพยายามเขย่าตัวผมเพื่อดึงสติ “คุยกับกูดีๆ ตอนนี้กูกำลังปรึกษามึงอยู่นะ” น้ำเสียงมันเริ่มจริงจัง ผมเลยเลิกเล่น ยอมคุยกับมันดีๆ แต่ยังคงซบอยู่แบบนั้น ต่อให้มันไม่นุ่มเหมือนเตียงยางพารา แต่มันอบอุ่นให้ความรู้สึกปลอดภัยดีนะ เวลาอยู่ในอ้อมแขนของใครสักคน

   “ถึงสมองกับความรู้สึกใช่มะ อืมมม ความจริงไม่เห็นต้องคิดอะไรมากเลยนะ ถามใจมึงว่า มึงยังเห็นไอ้มิทเป็นเพื่อนอยู่รึเปล่า” ผมปล่อยให้มันคิดตาม พอเห็นสีหน้าเคร่งเครียดเลยเสริมอีกหน่อย “ไอ้ซัน บนโลกใบนี้ไม่มีใครที่ไม่เคยผิดพลาด อย่างกูยังเคยทำพลาดกับมึงไปครั้งหนึ่ง ถึงอย่างนั้นมึงก็ยังให้อภัยและคอยอยู่เคียงข้างทำให้มีเราทุกวันนี้ ซึ่งนั่นเป็นเรื่องดี”

   “คนเรามันเลือกเกิดไม่ได้ พอเกิดมาแล้วพบชะตากรรมแบบไหนก็ต้องดิ้นรนกันไป อย่างไอ้มิทมันก็ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใคร มันแค่พยายามในแบบของมัน เพื่อนที่แท้จริงต้องช่วยฉุดกันไปข้างหน้าสิวะ ไอ้มิทมันกระเสือกกระสนมาถึงขนาดนี้ มึงจะใจร้ายทิ้งขว้างมันได้ลงคอเหรอ” ผมพูดในสิ่งที่พูดได้ไปหมดแล้ว คงช่วยได้แค่นี้ เพราะผมไม่สามารถฝืนบังคับใครให้คิดอย่างตัวเองได้ แต่ผมเชื่อนะว่า คนที่ผมรักต้องเข้าใจแน่นอน

   “มึงเข้าข้างมัน?” ซันเลิกคิ้วถาม น้ำเสียงไม่ได้กวนประสาทหรือโมโห มันก็แค่ถามเฉยๆ

   “ใช่ จะมีสักกี่คนวะ ที่เจอเรื่องแบบนั้นแล้วยังยืนหยัดได้อย่างมัน ต่อให้เป็นกู กูยังไม่มั่นใจเลย ว่าจะยังหัวเราะ ยิ้มได้อย่างมันไหม” ขนาดแค่เรื่องทางบ้าน ผมยังทำตัวเกเรไปพักหนึ่ง นึกย้อนกลับไปแล้วอายตัวเอง

   “เออๆ เมียกูอวยไส้แตกขนาดนี้แล้วน่ะนะ สำหรับกู เพื่อนก็คือเพื่อน ไม่ว่ามันจะทำอะไรมา สุดท้ายก็คือเพื่อนอยู่ดี ขอบใจมึงมากที่ช่วยพูดให้กูคิดได้ ไม่มองอะไรแค่ด้านเดียว” ซันกล่าวพร้อมหันไปจูบเหม่งคนข้างๆ แล้วหยิบมือถือพิมพ์อะไรยิกๆ ใส่ไลน์กลุ่ม

   ผมยื่นคออ่านมันซึ่งๆ หน้า ไอ้ซันก็ไม่ได้ปิดอะไร แม้สิ่งที่มันพิมพ์ไปเป็นเพียงข้อความสั้นๆ แต่มีความหมายมากกว่านั้น

   Sun : มิทเพื่อนกู
   อ่านแล้ว 4
   23:48


ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
ปลื้มปริ่มเหลือเกิน มีเมียดีนะเนี่ย

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
เพื่อนก็คือเพื่อน...

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด