}Preorder{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) พิเศษมูน-จิน5 P.14 [31/10/60]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: }Preorder{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) พิเศษมูน-จิน5 P.14 [31/10/60]  (อ่าน 170862 ครั้ง)

ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
 :เฮ้อ: ในที่สุดเรื่องทั้งหมดก้อเปิดเผย ดีแล้วล่ะ เพื่อนกันต้องพยุงกันไปน่ะ อย่าตั้งเงื่อนไขต่อกัน อยากช่วยก้ออยากช่วยน่ะ   :mew2:

ออฟไลน์ lovewannabe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
อ่ะ พิมพไลนเสร็จแล้ว สองคนนี้ ยังไงกันต่ออ่ะ :-[

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
จะสงสารก็สงสารแต่เข้มแข็งดี

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ Silver Fish

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-0
    • Fanpage
ยกที่31 มิดเทอม

   เมื่อตัดสินใจได้แล้วว่าจะเอายังไงต่อไป คนอื่นเองก็เห็นดีเห็นงามด้วย กระทั่งริวก็มีโผล่มาคุยไลน์ตอนเย็นวันอาทิตย์ นัดกันว่าวันจันทร์จะลากตัวมิทมาคุยกันให้รู้เรื่อง ไม่อยากทิ้งช่วงนานเกินไป เพราะเกรงว่ามิทจะเข้าใจผิด เนื่องจากวันที่มิทเปิดอกมันจบไม่ค่อยสวยนัก

    ที่ไหนได้ พอมารวมตัวกันที่มหา’ลัย ตัวเอกของงานกลับหายหัวหลบหน้ากันซะแบบนั้น เดือดร้อนเพื่อนทุกคนต้องแยกย้ายกันออกตามหา ซึ่งคนที่เจอก็ไม่ใช่ใครอื่น นายริวผู้รู้ใจและมีประเด็นกับมิทมากที่สุด

   ไม่รู้ว่าสองคนนี้คุยอะไรกัน จังหวะที่พวกผมตามโลเคชั่นจนมาถึง ได้ยินเสียงริวตวาดลั่น

   “มึงมันเหี้ย! ไอ้เพื่อนเหี้ยย!! ทั้งที่รู้ว่ากูเกลียดการโกหกที่สุดแต่มึงก็ยังทำ ที่ผ่านมามึงไม่เคยไว้ใจกูเลยเหรอวะ กูช่วยมึงสารพัดแถมยังร่วมมือกับมึงเพื่อปิดซัน แต่มึงทำแบบนี้กับกูเหรอ แล้วนี่อะไร แทนที่จะสู้หน้าคุยกันตรงๆ มึงมาหลบอย่างหมาจนตรอก มึงใช่มิทที่กูรู้จักรึเปล่า”

   พวกผมหยุดเท้าทันที พร้อมใจกันยกแขนขวางปอนด์ที่กำลังจะเดินทะเล่อทะล่าเข้าไประหว่างสงครามน้ำลาย

   “กูเหี้ยแล้วไงวะ! เมื่อวานกูบอกทุกอย่างไปหมดแล้วมึงยังจะเอาอะไรอีก พูดมาเลยดีกว่า จะเลิกยุ่งกับกูหรือยังไงแน่ เอาแต่ด่าแบบนี้มันก็ไม่ต่างจากหมาที่ดีแต่เห่า!!”

   ผัวะ!!

   เสียงหมัดกระทบหน้า มิทโดนริวชกจนหน้าหัน ซันกอดอกไม่คิดเข้าไปห้าม ผมเองก็เช่นกัน เพราะประโยคเมื่อกี้มิทมันน่าชกให้คว่ำจริงๆ ขนาดปอนด์ยังยืนเฉยเลย

   “อย่ามาดูถูกความเป็นเพื่อนของกู! ที่กูด่า โมโหเหมือนหมาบ้าแบบนี้เพราะกูแคร์มึงต่างหากยังคิดว่ากูเป็นเพื่อนอยู่รึเปล่า” ริวกำหมัดแน่น ตัวสั่นด้วยความโกรธ เห็นตามันแดงๆ ด้วยมันคงเสียใจมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น เจอแบบนี้มิทคล้ายจะรู้ตัวพูดเสียงเบาอย่างรู้สึกผิด

    “ขอโทษ...กูเองก็ไม่อยากเสียพวกมึงไปเหมือนกัน ถึงไม่เป็นตัวของตัวเองอยู่แบบนี้ ตั้งแต่กูเจอเรื่องแย่ในชีวิต มีพวกมึงเป็นกลุ่มแรกที่กูคิดว่าเป็นเพื่อนจริงๆ จนบางครั้งกูรู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควรกับความหวังดีของพวกมึงด้วยซ้ำ”

   น้ำเสียงของมิทสั่นซะจนน่าสงสาร ผมที่ตอนแรกว่าจะอยู่วงนอกเลยอดไม่ได้ที่จะพูดสวนระหว่างเดินนำอีกสองคนเข้าไปร่วมวง

      “ใครตัดสินว่ามึงไม่คู่ควร มึงต่างหากที่กำลังลดค่าตัวเอง”

    “งั้นกูควรทำยังไง ในเมื่อกูทำในสิ่งที่ตัวเองทำได้ไปหมดแล้ว เหลือแค่คำตอบของพวกมึง” มิทหันมามองพวกเราทุกคนอย่างสับสนเหมือนเด็กหลงทาง ผิดจากช่วงเวลาปกติที่ดูมั่นใจไม่หวั่นเกรงสิ่งใด เห็นแบบนี้อดคิดไม่ได้ว่า ที่ผ่านมารอยยิ้มของมิท เสียงหัวเราะของมันจะมีความเศร้าเก็บซ่อนไว้มากเท่าไรกันนะ

   ปอนด์หยุดยืนอยู่ข้างผม มองคนนั้นทีคนนี้ที ส่วนซันกวาดตาสำรวจเพื่อนทั้งสองคน ก่อนหักมือเดินดุ่มๆ เข้าไปหา

   “กูอยากจะชกมึงสักหมัดนะ แต่เชี่ยริวตัดหน้า งั้นกูขอตรงนี้แล้วกัน” พลังหมัดเวอร์ชั่นออมแรงซัดเข้ากลางพุงมิทจนหนุ่มครึ่งรัสเซียกุมท้องหน้านิ่วด้วยความจุก ใจจริงก็อยากหันไปต่อว่าริวกับซัน มันไม่เหมือนที่คุยไว้นี่! แต่ก็พอรู้ว่ามันไม่ใช่เวลา ไอ้สองตัวนี้คงแค่อยากเอาคืนเล็กๆ น้อยๆ ตามประสาพวกดิบเถื่อน นายโป้คนดีเลยใช้วิธีแบบละมุนละม่อมแทน

   “ริวชกหน้า ซันชกท้อง กูมันพวกอินดี้ไม่อยากเลียนแบบใคร ชอบความแตกต่าง งั้น…”

      จุ๊บ!

     “จูบปากมึงแทนแล้วกัน ปากนิ่มดี ถ้ายังไม่มีแฟนและมึงยังไม่มีเจ้าของคงได้ลองกันสักที” ผมยิ้มมุมปากเมื่อเห็นหน้าเหวอๆ ของมิท พลางถอยฉากให้ปอนด์เข้าไปคุยต่อ ส่วนตัวเองยกมืออุดหูกันเสียงโวยวายของซัน

   “ต่อหน้ากูเลยนะมึง!!” ซันชี้หน้าตาเขียวปั๊ด

   “พวกมึงโหดร้ายกับมันมากแล้ว กูแค่อยากปลอบโยนเท่านั้นเอง” ตอบกลับหน้าตาเฉย แอบเซ็งนิดหน่อย เพราะมีซันโวยวายอยู่ข้างๆ ผมเลยไม่ได้ยินว่าปอนด์พูดอะไรกับมิท แค่เห็นเพื่อนตัวเล็กยื่นยาทาแก้พกช้ำให้ เชื่อเถอะว่าปอนด์ไม่ได้ตั้งใจเตรียมมาเองหรอก ต้องมีเฮียเฟย์อยู่เบื้องหลังแน่ๆ

   “กูพูดกับมึงอยู่หันไปมองที่ไหนวะ” มือหยาบกร้านจับคางผมให้หันไปมอง ผมนึกรำคาญเลยจุ๊บปากมันเร็วๆ ทีหนึ่งจังหวะที่คนอื่นกำลังสนใจมิท เลยไม่มีใครสังเกตเห็น ให้ไอ้ซันชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะคลายสีหน้าท่าทางอารมณ์ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผมหมั่นไส้ศอกใส่ไปหนึ่งที ความจริงมันก็ไม่ได้เคืองอะไรมาก แค่โวยไปตามประสาคนขี้หวง

   ซันมันเป็นพวกสอง ห หอหวงและหอห่วง แต่ไม่ขี้หึงไร้สาระ ผมกับมันเลยไม่เคยทะเลาะกันเรื่องมือที่สาม กลับเป็นผมซะอีกที่ขี้หึง อย่างตอนพี่แอมไง แอบพาลใส่มันเหมือนกัน ดีนะมันเป็นคนมีเหตุผล ดูเผินๆ อารมณ์ร้อนแต่กลับมีน้ำอดน้ำทนเกินคาด แม้จะสงวนสิทธิ์เฉพาะคนที่มันแคร์ก็ตาม

   ไอ้ซันกอดอกเก๊กขรึมตามบทที่นัดแนะกันไว้ว่าจะให้มันปิดประเด็น “ถือว่ามึงติดทัณฑ์บน พวกกูยังไม่เลิกคบมึงและยังไม่ยอมให้อภัยมึงง่ายๆ หลังจากนี้มีอะไรมึงต้องรายงานตัวตลอด ไม่อย่างนั้นมึงเจอพวกกูรุมกระทืบแน่” ผมแอบกลอกตามองบน จำเป็นต้องเล่นใหญ่ขนาดนี้ไหม

   “ไม่มีปัญหา เว้นเรื่องเกี่ยวกับป๋า กูบอกพวกมึงไม่ได้จริงๆ เพื่อความปลอดภัยของพวกมึงเอง แต่กูให้สัญญา จะไม่โกหกและปล่อยให้พวกมึงคาดเดากันไปเอง กูจะบอกเท่าที่บอกได้” มิทตอบเต็มเสียง ไหล่ที่ลู่ลงตามสภาวะจิตใจตั้งตรงดูมั่นใจเหมือนอย่างที่ผ่านมา

   เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ซันก็ปิดประเด็นอย่างเป็นทางการ...

   “ดี จบ แดกข้าว!” สิ้นคำก็หมุนตัวเดินนำ ผมว่ามันคงหิวแหละ ก้าวเท้าจนแทบวิ่ง ไม่เห็นใจเพื่อนตัวเล็กที่ต้องเร่งฝีเท้าตาม ไหนๆ ก็ไหนๆ ผมเลยวิ่งควายเป็นเพื่อนอีกคน ปล่อยให้ริวกับมิทรั้งท้าย เพราะคู่นั้นเขายังคุยกันไม่จบ ถึงแม้ผมจะไม่ได้ยินว่าพวกเขาคุยอะไรกัน แต่รอยยิ้มบนใบหน้าของทั้งคู่ก็พอบอกได้แล้วว่าผลลัพธ์ที่ออกมาเป็นยังไง

   เพื่อนปรับความเข้าใจกันแล้ว ไม่มีเรื่องขุ่นเคืองใดอีก ก็เข้าสู่ช่วงสอบมิดเทอมสุดหรรษา ไอ้ซันคร่ำเคร่งกับการอ่านสอบ ในขณะที่ผมลอยชายไปวันๆ อ่านทวนก่อนเข้าสอบหนึ่งชั่วโมง ไม่หวั่นแม้โดนซันด่าปนแช่งให้ผมสอบไม่ผ่าน ต้องเข้าใจนะว่าวิชาพื้นฐานส่วนใหญ่ผมเรียนมาแล้วตอนม.ปลาย พอจะมีความรู้หลงเหลืออยู่ในหัวบ้าง ส่วนวิชาเอกก็ไม่ค่อยเท่าไร เน้นความเข้าใจกับงานปฏิบัติมากกว่า ที่หนักคงเป็นวิชาเลขกับวิทย์ที่ต้องทวนความจำกันหน่อย

   อันนี้ต้องให้ซันช่วยติว มันเก่งมาก สมกับสาขาที่มันเลือกเรียน แต่ถนัดกับสอนมันคนละเรื่อง งานนี้สอนให้รู้ว่าการเป็นครูหรืออาจารย์ไม่ใช่เรื่องง่าย พูดให้คนอื่นเข้าใจแบบเดียวกับตัวเองเนี่ย ดูไอ้ซันเป็นตัวอย่าง

   “กูบอกว่าตรงนี้คิดแบบนั้นไงวะ” มีความฉุนเฉียว ผมก็ขมวดคิ้วฉับ

   “ตรงนี้ นั้น นู้นเชี่ยอะไรของมึง สอนภาษาคนที ไม่ใช่ภาษาควาย” ด่ามันไปแบบนี้โดนโบกสิครับ จะเหลือเรอะ!

   “กูอุตส่าห์สละเวลาอ่านหนังสือมาสอนมึง มึงพูดกับกูแบบนี้เหรอวะ” มีแอบน้อยใจ ผมเลยปรับเสียงอ่อนลง

   “ก็กูไม่เข้าใจที่มึงพูดนี่ เทคนิคที่มึงบอกมันอาจจะง่ายสำหรับมึง แต่หัวอย่างกูเข้าไม่ถึงว่ะ วันๆ บริหารแต่สมองซีกขวา กูขอแบบง่ายๆ ไม่ต้องใช้ทางลัดอะไรมากได้ไหม” ผมอ้อนมันที่ยืนเป็นครูโฉดอยู่ด้านข้าง

   เผื่อคนไม่เข้าใจ การทำงานของสมองแบ่งออกเป็นสองส่วน สมองซีกขวาเป็นการคิดสร้างสรรค์ ส่วนสมองซีกซ้ายจะเป็นการใช้เหตุและผล ความจริง ปกติคนเราก็ใช้ทั้งสองด้านสลับกันไปมาแหละ เพียงแค่ผมใช้ซีดขวามากกว่า ตรงข้ามกับซันที่เน้นซีกซ้าย

   สาระก็มา แต่มันไม่ได้เอาไปสอบไง ผมเลยต้องก้มหน้าติวกับซันต่อไป

   “เออๆ เข้าใจแล้ว” ซันพยักหน้ารับ นึกปลงกับสมองเมีย เริ่มทวนใหม่ตั้งแต่ต้น โดยใช้วิธีปกติที่แสนจะยาวยืดน่าเบื่อสำหรับเจ้าตัว กระทั่งซันปล่อยให้ผมลองทำโจทย์เองนั่นแหละ ผมดันนึกอีกเรื่องขึ้นมาได้ตามประสาคนอยู่ไม่สุข สมองโลดแล่นไปไกลแสนไกล

   “เอ้อมึง โต๊ะเขียนแบบกูอะ มึงบอกว่าจะซื้อให้” ผมทวง เนียนอู้พักการใช้สมองชั่วคราว

   ซันมองอย่างรู้ทัน “สอบเสร็จค่อยไปซื้อ แต่ถ้ามึงยังไม่เลิกออกนอกลู่นอกทางจะไม่ซื้อให้แม่งละ เก็บตังถอยเองไปเลย” คนอย่างซันพูดจริงทำจริงเสมอ ผมเลยเพ่งทุกประสาทสัมผัสใส่โจทย์ตรงหน้า ทุ่มเทประดุจว่าจะฝึกซ้อมไปคว้าแชมป์ แม้สุดท้ายจะทำได้แค่โจทย์ง่ายๆ ไม่มีความซับซ้อนมากก็ตาม

   ครูจำเป็นถอนหายใจอย่างยอมแพ้ ผมหัวเราะสบายใจที่พ้นนรกสักที อย่างน้อยๆ ผมก็ทำได้นะ ดีกว่าปล่อยกระดาษขาวโล่ง ส่วนคะแนนจะผ่านเกณฑ์ไหมค่อยลุ้นกันตอนหลังสอบอีกที

   มาต่อกันด้วยวิชาฟิสิกส์ อันนี้ยังเข้าใจง่ายกว่าเลขเยอะ เน้นการแทนค่าเป็นหลัก ขอแค่จำค่าและสูตรได้ ที่เหลือก็พอไปรอดแล้ว อาจจะมีบ้าง บางจุดที่ผมไม่เข้าใจจริงๆ ก็จะเดินข้ามห้องมาถามซัน พอดีช่วงสอบเราต่างคนต่างอ่านในห้องตัวเองเพื่อสมาธิอันสูงสุด เพราะผมเป็นพวกชอบอ่านออกเสียง ไอ้ซันมันรำคาญเลยหนีเข้าห้องแถมไล่ผมไปไกลๆ ส้นก่อนที่มันจะหมดความอดทน แม่งฮาร์ดคอตลอด

   แต่ความพ่อบ้านของมันก็ยังไม่หายไปนะ บังเอิญว่าวันนี้เรามีสอบทั้งคู่ ผมสอบเช้าเย็น ส่วนซันสอบแค่ช่วงเช้าและที่บังเอิญกว่านั้นคือฝนเสือกตก! ที่สำคัญผมตากผ้าไว้เต็มราวเลย ทีนี้ทำไงล่ะครับ ผมรีบคว้ามือถือกดโทรหาซันยิกๆ ตั้งแต่เห็นเมฆตั้งเค้า ไม่กลัวว่ามันจะดังในห้องสอบหรอก ในเมื่อซันจะปิดเครื่องทุกครั้งเวลาเข้าสอบ แล้วเปิดอีกทีตอนสอบเสร็จ ซึ่งตอนนี้โทรติดแค่ยังไม่มีคนรับ

   “โทรไปขอกำลังใจจากผัวหรอมึง” วาจาหมาไม่แดกเช่นนี้ ไอ้แม็คเพื่อนผมเอง

   “ผัวที่หน้า! กูตากผ้าไว้เว้ย จะโทรไปสั่งให้มันเก็บผ้า”

   “เวร!! กูตากผ้าเหมือนกันนี่หว่า” แม็คถึงกับสะดุ้งเฮือก ของมันอยู่ห้องคนเดียว เมียไม่มาหาช่วงสอบ ชะตากรรมมันคงไม่พ้น...

   “กูพนันว่าพรุ่งนี้ไอ้แม็คได้ใส่ตัวเก่ามาสอบแน่” อาร์ทเงยหน้าขึ้นจากสมุดมาซ้ำเติมเพื่อน

   “กูไม่ขอพนันแล้วกัน เพราะเป็นแบบนั้นชัวร์ๆ” ผมหัวเราะเยาะใส่แม็คที่กำลังล็อคคออาร์ทให้ดมจักกะแร้ หวังว่าสิ่งที่มึงอ่านไปจะไม่หายไปเพราะกลิ่นเต่ามันนะเพื่อน

   /มีไร/ รับสายสไตล์ซัน

   “มึงรีบกลับห้องด่วนๆ กูตากผ้าไว้ ไม่งั้นพรุ่งนี้มึงได้ใส่กางเกงในขึ้นราแน่” บนราวส่วนใหญ่เป็นเสื้อของมันซะด้วย ของผมยังมีสำรองเลยไม่เดือดเนื้อร้อนใจเท่าไร

   /เหี้ย!/ นั่นล่ะครับท่านผู้ชม ตอบรับคำเดียวพร้อมวางสาย คาดว่ามันคงกำลังบึ่งกลับห้องสุดชีวิต วันนี้ดันไม่ขับรถมาด้วยไง

   พอโทรไปใช้งานซันแล้วก็โล่งใจไปเปราะหนึ่ง ทันไม่ทันขึ้นอยู่กับชะตาฟ้าลิขิต ตอนนี้ผมขอเข้าห้องเชือดก่อน

   ผมใช้เวลาทำข้อสอบแค่ครึ่งชั่วโมง ที่เหลือนอนกระดิกเท้ารออาจารย์ปล่อยออกจากห้อง การสอบมหา’ลัยต้องจดตารางเองจากในเว็บของมอ แล้วไปสอบตามวันเวลาและเลขห้องที่ระบุไว้ ระยะเวลาในการทำข้อสอบก็ต่างไปตามวิชา น้อยสุดสองชั่วโมง มากสุดคือสาม แต่อาจารย์จะให้ออกก่อนหมดเวลาครึ่งชั่วโมง ป้องกันพวกเขียนชื่อแล้วออกไปส่งเสียงเอะอะด้านนอกรบกวนคนอื่นสอบ ก็ไม่ใช่ทุกมหา’ลัยที่เป็นแบบนี้ แล้วแต่ที่ว่าเขามีกฎรับมือกับนักศึกษายังไง

   ไหนๆ ก็ไหนๆ กระดาษเขียนคำตอบยังว่าง ผมเลยใช้เวลาที่เหลือวาดรูปเล่นมันซะเลย ของแบบนี้วาดได้แค่บางวิชานะ วิชาไหนอาจารย์โหดๆ วาดไม่ได้ ประเดี๋ยวคะแนนจะติดลบแทน

   รอจนอาจารย์ปล่อย ผมก็วาดการ์ตูนขอความเห็นใจอาจารย์ยศเสร็จพอดี คว้าอุปกรณ์การสอบคือปากกาน้ำเงินแท่งเดียวพร้อมกระเป๋าเป้ออกจากห้อง ไม่คิดรออีกสองตัว เพราะแม็คมันนั่งทำข้อสอบหน้าเครียด ส่วนอาร์ทหลับน้ำลายยืดเปียกข้อสอบ ขนาดอาจารย์ปลุกก็ยังไม่ตื่น ความพยายามในการช่วยชีวิตกระดาษคำตอบจึงหมดไป ผมขอร่วมยืนไว้อาลัยให้แก่อาจารย์ยศนะครับ ตรวจไปคงเหม็นน่าดู

   เปิดประตูออกจากห้องสอบปุ๊บ เสียงฝนสาดกระหน่ำทำให้ผมใจแป้ว แต่จำใจขอถุงพลาสติกจากร้านอาหารใต้ตึกมาคลุมเป้แล้ววิ่งฝ่าสายฝนกลับห้อง เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ระหว่างทางไม่ได้โรยไปด้วยเม็ดฝน แต่ดันเป็นรถของคนคุ้นหน้าคุ้นตา เก้าจอดรถเทียบข้างเปิดกระจกคุยกับผมที่เปียกยันกางเกงในแม้ตอนนี้จะหลบอยู่ในร่มรอรถมหา’ลัยก็ตาม

   “โป้ทำไมตากฝนงี้ ให้ไปส่งมั้ย” เสียงยังนุ่มเหมือนเคย แต่ไม่ใช่ประเด็น เพราะผมกำลังถลึงตาใส่ไอ้พวกที่นั่งอยู่ในรถเก้า ผมจำหน้าได้ พวกมันทุกตัวเคยมีเรื่องกันหน้าผับพ่อมิท

   “ไม่ล่ะ เปียกแล้วนั่งรถไปก็ไม่มีประโยชน์ ขอบคุณที่ชวนแล้วกัน” คติผม ดีมาดีกลับ เลวมามีเตะ โดยเฉพาะไอ้คนที่นั่งข้างคนขับ อาศัยว่าเก้าไม่เห็น ทำเบะปากแกล้งพูดตามผมกับเพื่อนด้านหลัง

   “งั้นเราไปนะ เปลี่ยนใจอยากให้ไปส่งก็โทรมา ถ้ายังไม่ลบเบอร์เราอะนะ” เจ้าตัวยิ้มให้ทั้งที่แววตาแสดงความเสียดายชัดเจน ความจริงมันก็ไม่สนิทใจกันร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก คนมันเคยชอบ จะมีเยื่อใยก็ไม่แปลก แต่ผมไม่อยากมีปัญหากับซัน ถือว่าต่างคนต่างอยู่แล้วกัน

   “ถ้าคิดโทรจริงกูโทรหาซันดีกว่ามั้ง” ผมตอบเสียงเรียบ เก้าหน้าเสียในขณะที่พวกเพื่อนแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาชัดเจน คือผมก็ไม่อยากใจร้าย แต่ตัดบัวอย่าเหลือใย ผมไม่อยากให้ความหวังใคร “จริงสิ เก้ามึงระวังตัวไว้หน่อยก็ดีนะ ไม่แน่ เร็วๆ นี้อาจจะซวยเพราะเพื่อน” ผมเตือนด้วยความหวังดี จงใจมองเลยว่าเพื่อนตัวไหน

   เก้าพยักหน้าทั้งที่ดูงุนงง แต่ก็ยังอุตส่าห์ขอบคุณ แม้ผมจะหาเรื่องเพื่อนมันต่อหน้าก็ตาม “ขอบคุณที่เตือน ไว้เจอกันนะ” เจ้าตัวยิ้มโบกมือลา จังหวะที่กระจกกำลังปิด เก้าหันไปสนใจถนนด้านหน้า ผมบรรจงยกมือขึ้นมาแล้วเก็บที่ละนิ้วจนเหลือเพียงนิ้วเดียวพร้อมยิ้มยียวนอย่างสะใจ เมื่อเห็นไอ้พวกเชี่ยเต้นเป็นเจ้าเข้า ส่งเสียงด่าทะลุกระจกรถ ทำท่าจะลงมาเอาเรื่อง เก้าเลยรีบเหยียบคันเร่งจากไป พวกมันเลยได้แต่มองอย่างอาฆาตแค้น

   มั่นใจได้เลยว่าหลังจากนี้พวกมันต้องมาหาเรื่องผมอีกแน่ แต่ใครจะสน ในเมื่อเหม็นขี้หน้ากันอยู่แล้ว ไม่ช้าก็เร็วต้องมีเรื่องกันชัวร์ๆ ผมแค่เร่งเวลาจะได้ไม่ต้องรอลุ้นนานเท่านั้นเอง


ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
มาทีละนิด พอให้จิตเบ่งบาน

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
มาทีละน้ดละหน่อย

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
ระวังตัวนะโป้ ไปหาเรื่องคนเลวๆแบบนั้น

ออฟไลน์ Silver Fish

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-0
    • Fanpage
ยกที่32 โต๊ะจ๋าพี่มาแล้ว
   
    ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ สุดท้าย นอกจากจะไม่ได้มีเรื่องกับพวกนั้นแล้ว ดันไปมีเรื่องกับซันแทน เพราะผมกลับห้องตัวเปียกโชก เลยโดนมันเทศนาพร้อมกับบังคับให้กินยาดัก ไอ้ผมไม่อยากทะเลาะกับมัน เลยกระดิกนิ้วเรียก

   “มีอะไร ท่าเรียกมึงชวนให้กูคันตีนฉิบหาย” ว่าพลางเช็ดคราบน้ำบนพื้น ฝีมือผมเองแหละ ส่วนผมตอนนี้อาบน้ำเปลี่ยนชุดยืนเช็ดหัวมองมันทำความสะอาด

   “เหอะน่า มานี่” เปลี่ยนจากกระดิกนิ้วเป็นกวักมือก็ได้เอ้า!

   ซันกรอกตาร้อยแปดสิบองศาแต่ก็ยอมถือไม้ถูเดินมาหา พอมันอยู่ในระยะเอื้อมถึงก็คว้าคออีกฝ่ายมาดูดปากดังจ๊วบ เสียงดังฟังชัด ไอ้ซันถึงกับยืนอึ้ง คงไม่คิดว่าจะโดนเมียรุกหน้าด้านๆ

   “รู้ว่าเป็นห่วง แต่อย่าบ่นมาก เดี๋ยวแก่ไว” เตือนด้วยความหวังดี พร้อมจุ๊บปากแถมอีกที อันนี้ไม่มีเจตนาอะไร แค่ติดใจเฉยๆ ปากซันมันไม่ได้บางนุ่มนิ่มเหมือนของผู้หญิงนะ ก็หนาตามประสาผู้ชาย แต่ดูดมัน จูบอร่อย อยากลองเหรอ? ไม่ให้หรอก ของรักของหวง ของรักของข้า...

   “ยืนเหม่อเชี่ยไร ถอยไป” หนุ่มเถื่อนกลบเกลื่อนความเขินด้วยการด่า ผมยกมือสองข้างยอมถอยฉากโดยดี มันยังไม่วายหันกลับมาชี้หน้า

   “ไม่ติดว่าใกล้สอบ มึงเจอกูแน่” จดบัญชีหนังควาย(ซัน)เสร็จ ก็สะบัดก้นจากไป ผมมองตาปริบๆ ทำมือโอเค เรื่องนี้น้องโป้ไม่ปฏิเสธ ความจริงก็มีบ้างแหละ พักหลังไม่ค่อยได้ปล่อยเพราะนายซันชอบเอาหัวมุดหนังสือเรียน ก็อย่างที่มันบอก ไม่ติดว่าสอบผมนี่แหละจะกระโดดขึ้นตักมันเอง

   ซันเดินกลับมาเห็นหน้าเมียถึงกับผงะ ใช้มือดันหน้าผากด้วยความหมั่นไส้

   “หน้าหื่นมากมึง” หัวเราะขำๆ พลางเดินไปที่โต๊ะกินข้าว วันนี้ซันเป็นคนทำ เพราะมันกลับไวกว่า อาหารก็ทั่วไป ต้มยำ ผัดผักใส่พริก ไข่เจียวใส่พริก แม่งล่อทำแต่ของโปรดตัวเองนี่หว่า เอาเถอะ โป้คนดีเลี้ยงง่ายอะไรก็กินได้

   “กินแต่ของเผ็ดๆ แบบนี้ไม่กลัวขี้แตกตอนสอบเหรอวะ” ผมแซวมันขำๆ ก่อนนึกขึ้นได้ “ว่าแต่ ชั้นในมึงยังอยู่ดีมั้ยวะ หรือเปียกน้ำไปแล้ว” ไม่ใช่อะไร ถ้ามันกลับมาเก็บไม่ทันจะได้ซักตากให้ใหม่ ผึ่งพัดลมเอาน่าจะได้ แน่นอนว่าผึ่งด้านนอกนะ ผมคงไม่เอาไปตากไว้นอนดมในห้องตัวเองหรอก หรือถ้าทำก็ห้องมันนู่น ของตัวเองดมเอง

   “ไม่เว้ย เพราะสอบกูเลยต้องเพิ่มพลังงานด้วยพริกเยอะๆ ส่วนกกน.รอดว่ะ กลับมาทันแบบเฉียดฉิว”

   จบประเด็นก็ต่างคนต่างเงียบนั่งกินข้าวจนอิ่มแล้วช่วยกันเก็บล้าง ระหว่างนั้นผมกระแซะๆ เข้าไปหา กระซิบข้างหูด้วยเสียงชวนสยิว

   “โต๊ะเขียนแบบกูล่ะ”

   “เหี้ย! มึงจะทำเสียงกระเส่าทำไม เออ! สอบเสร็จค่อยซื้อ โต๊ะแม่งไม่หนีไปไหนหรอก” จ้องเขม็งใส่ผมแล้วหันไปล้างจานต่อ ปากก็บ่นไปเรื่อย “วันนี้มึงหลายทีแล้วนะ เดี๋ยวให้ลากขาไปสอบแม่ง”

   ส่วนผมน่ะเหรอ หลังจากมันรับปากว่าจะซื้อให้ ก็ไสหัวตัวเองออกมานอนดูทีวีแทนแล้วครับ คนอย่างซัน คำไหนคำนั้น ลองมันรับปากแล้วไม่มีเบี้ยวแน่นอน

   ด้วยเหตุนี้ผมจึงตั้งใจสอบพร้อมภาวนาให้มันผ่านไปไวๆ จะได้โต๊ะใหม่และหลุดพ้นจากสนามรบของเหล่านักศึกษาสักที ถึงแม้จะมีเหตุผิดพลาดนิดหน่อย เพราะผมดันสอบเสร็จก่อน ต้องแกร่วอยู่กับห้องเพราะมันสั่งห้ามออกไปแรด ไม่เช่นนั้นโต๊ะไม่ต้องเอา

   ผมเลยต้องปฏิเสธคำชวนของพวกที่คณะไปอย่างน่าเสียดาย แต่พอเข้าใจมันอยู่ มันคงกลัวว่าจะพะวงจนไม่มีสมาธิสอบ พอดีผมเล่าให้มันฟัง เรื่องที่ไปหาเรื่องพวกเพื่อนเก้า ซันมันกลัวผมมีเหตุชกต่อยโดยที่มันไม่อยู่เลยผลัดไปก่อน ไอ้ผมยังเรียนอยู่ที่นี่อีกนาน ไว้ค่อยไปดื่มวันหลังก็ได้ ทุกอย่างเลยลงตัว ไม่มีปากเสียง...

   แอบบอก ใครมันจะไปกล้ามีล่ะครับ เดี๋ยวผมอดได้โต๊ะฟรี ดังนั้น พอมันสอบเสร็จผมก็ชวนมันไปซื้อโต๊ะทันทีตามประสาวัยรุ่นใจร้อน

   “ซื้อโต๊ะๆๆ” คือผมอยากได้มานานแล้วอะ อารมณ์เหมือนคนชอบอ่านหนังสืออยากรีบไปสอยเล่มที่ชอบ ประมาณนั้น

   ซันไม่พูดอะไร แค่ปรายตามองผมแล้วปิดหนังสือถือเดินเข้าห้องนอนเฉย หรือมันจะรำคาญ?

   “เฮ้ย มึงจะหนีไปไหน มึงสัญญากับกูแล้วนะ” โวยวายไล่หลัง ซันหันมาขมวดคิ้วใส่ ยืนจ้องหน้ากันอยู่สักพัก สุดท้ายซันก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่

   “เออรู้แล้ว กูจะไปเปลี่ยนชุดหยิบกระเป๋าตังนี่ไง” เสียงอ่อนลงสองระดับ ความพ่อบ้านใจกล้าก็มา

   “ดีๆ ทำดี” ผมหัวเราะกอดอกพยักหน้าอย่างพึงพอใจ

   ความจริงผมลองมองไว้แล้วแหละว่าที่ไหนราคาไม่แพงและมีคุณภาพดี คือ ต่อให้มันซื้อให้ก็ไม่ควรที่จะเอาแต่ใจเลือกของแพงๆ จริงไหม แต่ซันกลับส่ายหัว แล้วพาผมขึ้นรถไฟฟ้ามาห้างหรูเฉย ดีนะที่ผมแต่งตัวมาพอดูได้ ไม่งั้นคงไม่กล้าเข้า

   “ทำไมเลือกห้างนี้วะ ห้างอื่นก็เยอะแยะ ที่นี่ของน่าจะแพง” ผมบอกพลางแหงนคอมองห้างที่มีโรงแรมอยู่ชั้นบน แม้พื้นที่ในเมืองกรุงจะน้อย แต่การออกแบบ ตกแต่งโดยรอบถือว่าไม่เลวทีเดียว

   “กูมีบัตร ซื้อที่นี่ถูกกว่าที่อื่นแถมส่งฟรีด้วย” ว่าพลางชูบัตร VIP ผมมั่นใจละ ที่นี่ห้างพี่จินชัวร์ๆ จะได้สวัสดิการเยอะก็ไม่แปลก

   ผมเดินตามซันต้อยๆ เข้าไปชื่นชมความไฮโซด้านใน มองทางไหนก็เจอแต่คนหน้าตาดี คนละเรื่องกับห้างเล็กๆ แถวบ้านเลยทีเดียว ผู้หญิงคนนี้ขาสวย คนนั้นหน้าอกใหญ่ โอ้ว ผู้ชายตรงนู่นผิวขาวเนียนยิ่งกว่าผู้หญิงอีก แต่ดูแมนทั้งแท่ง ผิดกับพวกกร้านแดดอย่างเราๆ

   ผมสะกิดซัน “มึงว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นไงวะ” ที่ชวนมันดูไม่ใช่อะไร ตามประสาผู้ชาย ถึงผมจะเป็นเกย์แต่ยังชอบของสวยๆ งามๆ อยู่นะครับ

   ไอ้ซันไม่แม้แต่จะชายตามอง ทั้งที่ทางฝ่ายนั้นท่าทางอยากเข้ามาทำความรู้จักแบบสุดๆ

   “มึงดูไม่สนผู้หญิง ถ้างั้นคนนู่นล่ะเป็นไง” บุ้ยปากเนียนๆ ไปอีกฝั่ง คราวนี้ไอ้ซันหันมาโบกผมเกือบหัวทิ่ม

   “จะชวนกูส่องผู้ชายทำเตี่ยอะไร”

   ผมบ่นอุบ “เตี่ยกูก็ว่าที่พ่อตามึงนะ ให้เกียรติหน่อย” ซันอมยิ้มคำพูดนี้คงถูกใจมัน “ก็เห็นมึงไม่สนใจผู้หญิง” ท้ายประโยคเสียงเบาหวิว ไม่กล้าดังมาก กลัวมันโบกอีกรอบ
   
   ซันส่ายหัวเหนื่อยหน่าย “กูยังชอบผู้หญิงอยู่ ไม่ได้ชอบผู้ชาย”

   “อ้าว” หาเรื่องให้ตัวเองไหมล่ะ

   “แต่ตอนนี้กูมีมึง จะให้มองคนอื่นทำไม อีกอย่าง ต่อให้มึงเป็นเพศอะไรก็ไม่สำคัญ เพราะคนที่กูชอบคือมึง ถ้าหากการเป็นเกย์จะทำให้กูรักมึงได้ กูก็ยอม” มันตอบชิวๆ แต่ผมนี่ จากหน้าหนาๆ บางเฉียบยิ่งกว่ามันฝรั่งทอดกรอบ ที่โรยน้ำตาลจนมดจะขึ้น ไอ้หมาซันทำกูเขิน อยากติดแท๊ก #ยอมแล้วทูนหัวมีผัวเป็นนายซัน

   “ปกติมึงไม่ค่อยเขิน พอเขินแล้วน่ารักว่ะ” ซันหันมายิ้มกรุ่มกริ่ม ผมยกมือห้าม

   “พอมึง ที่นี่ในห้าง เดี๋ยวกูอดใจไม่ไหวพอดี” เป้าหมาย(ซัน)มีไว้พุ่งชนครับ

   “โป้! มึงรีบเช็คเลยว่าโต๊ะมึงอยู่ชั้นไหน กูอยากกลับห้องแล้ว!!” มันพูดซะดัง ผมรีบตะปบปากมันอย่างไว พร้อมยิ้มแห้งๆ ให้กับคนที่เดินสวนไป ดีนะห้างนี้เหมือนจะมีวัยรุ่นซะเยอะ หากไปเจอพวกผู้ใหญ่ไม่รู้จะถูกมองยังไงบ้าง แต่เพื่อความชัวร์ ผมเลยลากซันขึ้นลิฟต์ แล้วถามเอากับคนที่ขึ้นด้วยกันว่าพวกฟอนิเจอร์อยู่ชั้นไหน ได้คำตอบก็กดชั้นนั้น หาเรื่องออกจากจุดเดิมให้ไว้ที่สุด

   หลังจากนั้น พอถึงชั้นที่หมายตาไว้ก็ไม่ยากแล้วครับ มองๆ ดูเดินถามเอากับพนักงานขาย พนักงานที่นี่มีทั้งหญิงและชาย ทุกคนแต่งตัวเรียบร้อยมีรอยยิ้มการค้าอย่างมืออาชีพ ไม่ชักสีหน้าใส่ หรือมัวแต่ฝอยจนเมินลูกค้าอย่างบางที่ สร้างความประทับใจให้ไม่น้อย อดชื่นชมเจ้าของไม่ได้ พี่จินนี่เก่งจริงๆ

   ตอนนี้พวกเรามาอยู่ในโซนโต๊ะครับ มีสารพัดโต๊ะเลย ตั้งแต่โต๊ะธรรมดา โต๊ะกินข้าว โต๊ะคอม โต๊ะทำงานและที่สำคัญ โต๊ะเขียนแบบของผมเอง ซึ่งก็มีหลายแบบให้เลือกสรร อย่างโต๊ะเขียนแบบปรับเอียงธรรมดา ไม่ก็โต๊ะคราฟไฟ คือผมไม่ได้จะวาดรูปไฟ แต่มันเป็นโต๊ะแบบที่เปิดไฟได้ ส่องกระดาษสำหรับเขียนแบบให้งานเนี๊ยบ ชัดเจน ผมอยากได้นะ แต่ราคาโคตรแพง เล่นเอากลุ้ม

    “ใช้อันไหนมึง” ซันถาม โดยมีพนักงานคอยยืนรอให้คำแนะนำอยู่ไม่ไกล

   “เอาโต๊ะเขียนแบบธรรมดาแล้วกัน” ตัดใจเอาอันนี้ ราคาไม่เกินสองพัน พยายามไม่เหล่มองโต๊ะคราฟไฟ Mastex รุ่น L-401 ขนาดA0 นี่ไม่ได้มองนะ แต่รายละเอียดมันพุ่งเข้าตาเอง

   ซันนิ่งไปสักแป๊บ ก่อนจะชี้เจ้าโต๊ะราคาแพงพลางบอกพนักงาน “เอาอันนี้ครับ” ผมถึงกับหันขวับตาโต

   “เฮ้ย ไม่เอา บอกแล้วไงเอาธรรมดาพอ” ราคาครึ่งหมื่นเชียวนะ เดี๋ยวยังต้องซื้อเก้าอี้กับอุปกรณ์ที่ใช้บนโต๊ะเขียนแบบอีก พวกไม้ทีสไลด์และอื่นๆ อีกมากมาย ที่ผมกะว่าจะค่อยๆ ซื้อเป็นชิ้นเอา ช่วงปีแรกๆ ยังไม่ได้ใช้จัดเต็มขนาดนั้น ประยุกต์ใช้กับของที่มีก่อนได้

   “ซื้อๆ ไปยังไงอนาคตมึงก็ต้องใช้ อีกอย่าง มึงใช้ยันทำงานได้ไม่ต้องกลัวเปลืองตังหรอก ซื้อแล้วซื้อซ้ำสิเปลืองกว่า” ก็ถูกของมัน แต่ผมทำใจให้มันจ่ายทีเดียวเยอะขนาดนี้ไม่ไหว

   “คนละครึ่งทาง ความจริงมันยังไม่ได้จำเป็นขนาดนั้น เอาแบบธรรมดาแล้วติดโคฟไฟเขียนแบบก็ได้ ไว้ทำงานค่อยเก็ยตังซื้อแบบจัดเต็ม แบบนั้นภูมิใจกว่า”

   “มึงแหกตาดูราคานะ ไอ้ที่มึงบอกธรรมดาแต่ปรับสูงต่ำได้นี่ราคาไม่ได้ทิ้งห่างแบบมีไฟของมึงเลย”

   “เออว่ะ” เผลอหลุดปาก หันไปมองพนักงานที่อมยิ้มมุมปาก ผมลูบท้ายทอยแก้เก้อ “งั้นเอาแบบนี้ก็ได้” ชี้ไปที่แบบมีไฟ

   “แค่นี้ก็จบ จะได้ไปซื้ออย่างอื่นต่อ” ถอนหายใจใส่ผมเสร็จก็หันไปคุยกับพนักงานว่าจะเอาตัวนี้และขอไปดูเก้าอี้ต่อ แล้วก็ยืนเถียงกันอีกตามเคย ผมเลือกแบบที่ใช้ได้ ราคาไม่แพงเพราะซื้อโต๊ะโคตรแพงไปแล้ว ไอ้ซันจ้องเขม็งใส่ บอกให้ลองนั่งแล้วเลือกที่สบายที่สุดเพราะเวลาผมทำงานคงไม่จบแค่หนึ่งชั่วโมงแน่ สุดท้ายก็เถียงมันไม่ชนะ ได้แต่มองมันยื่นบัตรสมาชิก VIP กับบัตรเครดิตให้พี่พนักงาน

   โชคดีหน่อย พอมาซื้ออุปกรณ์ที่ร้านเครื่องเขียน มันไม่จู้จี้แล้ว เพราะผมเป็นคนใช้ต้องเลือกเองว่าจะเอาอะไรบ้าง หลักๆ ก็แค่ไม้ทีสไลด์ นอกนั้นยังไม่รีบ เก็บตังค่าขนมไปก่อน ที่เหลือพวกดินสอ อุปกรณ์ยิบย่อยที่ต้องใช้ประจำและจวนจะหมด

   รวมเบ็ดเสร็จวันนี้ไอ้ซันจ่ายเงินไปเหยียบหมื่น ผมอยากจะยกมือปิดหน้าแล้วเดินหนีจัง ขอโทษที่กูผลาญเยอะนะครับแฟน

   โต๊ะเก้าอี้เดี๋ยวเขาไปส่งที่ห้อง ตอนนี้ผมเลยถือถุงอุปกรณ์เพียงอย่างเดียว ไอ้ซันทำหน้าเอือมใส่ แล้วตวัดแขนพาดคอ เดินประดุจเพื่อนนี่แหละซันโป้สไตล์

   “คิดมากทำไม ของมันจำเป็นต้องใช้ ไม่ได้เอาเงินไปเทกับเรื่องไร้สาระสักหน่อย อนาคตมึงเชียวนะ”

   “ก็เข้าใจ แต่มันอดไม่ได้” ผมถอนหายใจ “อย่างรุ่นพี่ที่คณะบางคน เขายังใช้แค่โต๊ะเขียนแบบธรรมดาๆ เลย บางคนยิ่งแล้วใหญ่ ประยุกต์ใช้เอา ลดรายจ่ายได้เยอะ”

   ซันกลับส่ายหัว “กูไม่เห็นด้วยกับความคิดมึง การเรียนคือการลงทุน มีเงินก็ซื้อไป ไม่มีเงินก็ประยุกต์ใช้ มันก็ถูกต้องแล้ว ต่อให้กูไม่ได้ไปเรียนด้วยก็พอเดาได้ ว่าพวกรุ่นพี่ที่มึงบอก กว่าจะส่งงานแต่ละทีคงลำบากน่าดู เผลอๆ ต้องไปยืมเพื่อนอีก ลึกๆ ในใจเขาคงอยากจะมีเป็นของตัวเองแหละ เชื่อเลยว่าทำงานเก็บเงินได้เมื่อไหร่ คงถอยของหรูกว่าที่มึงใช้อีก” ซันร่ายยาวพูดขำๆ

   ผมเริ่มคล้อยตาม “นั่นสินะ ซื้อแล้วก็ใช้ยาวยันทำงาน ไม่ได้ทิ้งทันทีหลังเรียนจบ”

   “ตามนั้น ไปหาข้าวกินกัน...” มันพูดไม่ทันจบ เสียงริงโทนก็ดังขึ้น ซันล้วงมือถือขึ้นมาดูทั้งที่มันยังกอดคอผมอยู่ พอเห็นว่าเป็นใครก็สไลด์จอรับสาย

   “มีไรพี่จิน” สรรพนามที่หลุดจากปากเรียกให้ผมหันขวับ จะไม่ตื่นเต้นเลยถ้าตอนนี้ตัวเองไม่ได้อยู่ในห้างพี่จิน

   /มาซื้อของไกลนะเรา/

   “แค่อยากมาอุดหนุนพี่สะใภ้ พี่ควรขอบใจผมนะที่มาเป็นลูกค้าให้”

   /กล้ามาก ขาดเราสักคนพี่ไม่เจ๊งหรอก มาเพราะส่วนลดล่ะสิท่า ไหนๆ ก็ไหนๆ มาแล้วอย่าเพิ่งกลับ เดี๋ยวพี่เลี้ยงข้าว ไปเจอกันที่ร้าน.../

   หลังจากนั้นผมไม่ได้ฟังแล้วว่าซันคุยอะไรกับพี่จิน เพราะผมกำลังก้มมองมือถือตัวเองเช่นกัน หน้าจอแจ้งเตือนเด่นหรา กับชื่อที่ไม่ได้เห็นมานาน

   ‘ปิดเทอมแล้วใช่ไหม พาตัวแกกับไอ้หนุ่มนั่นมาเจอฉันด้วย’

   ซันเห็นผมยืนตะลึง พักการคุยกับพี่จินหันถามผมด้วยความสงสัย ผมไม่ตอบแต่อุทานดังลั่น

   “ฉิบหาย ปู่เล่นเฟส!!”

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-06-2017 16:31:54 โดย Silver Fish »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
ยอมใจคุณปู่ไปทีขอโป้ เอาผัว เอ๊ย!! เอาไอ้หนุ่มซันไปเที่ยวเหนือกันนน

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ Babelilong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 304
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • Facebook  เข้ามาขอเป็นเพือนได้เลย
ปู่มาซะตกใจหมดดดด
รอต่อไปอิอิ
 :katai5: :katai5: :katai5:
 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-6

ออฟไลน์ Pittabird

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 796
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
ปู่โป้ทันสมัยมาก  เป็นกำลังใจให้ซันโป้  :mew1:

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
ปู่เล่นเฟม จัดเลยๆ ไปไากู่กัน

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
ทันสมัยกว่าปู่มีอีกไหม เล่นเฟสด้วย 55555
รออัพน้าา

ออฟไลน์ Silver Fish

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-0
    • Fanpage
ยกที่33 ฉันจะบินบินไป

   ซันสะดุ้งเพราะเสียงของผม คนแถวนั้นหันมามองก่อนจะละสายตาไปเมื่อเห็นว่าไม่มีอะไร แต่ในใจผมงี้โคตรจะมีเลย ในเมื่อปู่เล่นเฟสนั่นหมายถึงว่าสามารถตามติดความเคลื่อนไหวของผมได้หมด พอดีผมมันเป็นคนของประชาชน เลยตั้งสารธารณะซะส่วนใหญ่ ยกเว้นบางเรื่องที่ต้องคุยในวงเพื่อนถึงจะตั้งให้เห็นเฉพาะเพื่อน

   ส่วนเรื่องซัน ผมไม่เคยคิดจะปิดเลยสักนิด ทั้งรูปแอบถ่าย ภาพคู่ และอื่นๆ ผมโพสลงเป็นระยะเสริมด้วยแคปชั่นอธิบาย อย่างคราวก่อนถ่ายรูปมันกวาดบ้านแล้วบอกว่าพ่อบ้านใจกล้า อยากรุ่งเรืองต้องเชื่อฟังเมีย ใต้ภาพมีคนคอมเม้นให้เพียบ ยอดไลด์ปาไปหลายร้อย

   นั่นยังพอทำเนา กระทั่งรูปหอมแก้มผมก็ลงเหอะ คงไม่ต้องสืบแล้วว่าผมกับซันมีสถานะอะไรกัน ในเฟสก็ระบุความสัมพันธ์ชัดเจน แม้เฟสไอ้ซันจะเงียบร้างเป็นป่าช้าเพราะมันไม่ค่อยเล่นก็เถอะ แต่บ่อยครั้งที่มันมาคอมเม้นในเฟสผม คอยไล่พวกก่อกวนกับคิดไม่ซื่อ

   อย่างล่าสุดผมยังคิดจะโพสเรื่องที่ซันพามาซื้อโต๊ะอยู่เลย แค่ยังไม่มีจังหวะ เจอปู่ทักมางี้ จบกัน

   “แค่นี้ก่อนนะพี่จิน เดี๋ยวผมไปเจอพี่ที่ร้าน ดูเหมือนไอ้โป้จะงานเข้า”

   ชื่อผมหลุดจากปากซันผมถึงค่อยได้สติ ซันกดวางสายแล้วลากผมหลบมุมไปคุยตรงทางเข้าห้องน้ำ ที่ไม่ค่อยมีคนเดินผ่าน

   “เป็นไรวะมึง จู่ๆ แหกปากซะกูตกใจหมด”

   ผมไม่ตอบ แต่โชว์ข้อความให้มันดู เป็นแอป Facebook Messenger สีฟ้าขาวแสนสดใส

   ซันมันมองนิ่งๆ ก่อนสบตาผม “ก็ดีแล้วนี่ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาบอก ไปถึงก็เข้าเรื่องคุยได้เลย”

   ผมถลึงตาใส่มัน เป็นมันก็พูดได้สิ ยังไม่เคยเจอฤทธิ์เจ้าคุณปู่ของผม แค่นึกภาพไม้เท้าก็หนาวสั่นแล้ว ซันถอนหายใจพลางกอดคอผมไว้ ดูเผินๆ เหมือนเพื่อนกำลังปรึกษากันเรื่องกลุ้มใจ เพราะตอนนี้อยู่ที่สาธารณะ ต่อให้ไม่คิดปิดบังแต่ก็ไม่ควรทำอะไรประเจิดประเจอร์ให้งานเข้า

   “จะช้าจะเร็ว สักวันก็ต้องบอกผู้ใหญ่ทางบ้านมึงอยู่ดี อย่าห่วงเลย กูจะอยู่ข้างมึง ไม่ปล่อยให้มึงเผชิญหน้ากับอุปสรรคคนเดียวหรอก” ผมพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ซันถึงพูดต่อ “พักเรื่องปู่มึงไปก่อน ไว้ค่อยไปคุยกันที่ห้อง ตอนนี้พวกเราไปถลุงเงินของพี่จินกันดีกว่า บอกให้มาเจอกันที่ร้านแพงซะด้วย” มันพูดติดตลกให้ผมหลุดขำ ยามนึกภาพพี่จินที่ถูกซันผลาญ คงจะทำหน้าหงุดหงิดใส่แต่ไม่ว่าอะไรแหง คนระดับอย่างพี่จิน ขนหน้าแข้งไม่ร่วงง่ายๆ

   เรื่องมันเกิดไปแล้ว ผมปวดหัวไปก็ย้อนเวลากลับไปห้ามปู่เล่นเฟสไม่ได้ ตอนนี้หาของใส่ท้องก่อนดีกว่า อิ่มแล้วเผื่อนึกออกว่าจะรับมือกับปู่ยังไง เพราะผมไม่คิดจะเลิกกับซันชัวร์

   ซันพาผมขึ้นมาชั้นบน โซนร้านอาหารต่างๆ มีทั้งอาหารเอเชียและอาหารตะวันตก ร้านที่พี่จินเลือกเป็นร้านอาหารไทยธรรมดาที่ราคาไม่ธรรมดาตาม คงเพราะตอนนี้เลยเวลากินข้าวกลางวันมาพอสมควร ร้านจึงมีลูกค้าแค่ไม่กี่โต๊ะ พอผ่านประตูเข้าไปปุบ เห็นหนุ่มในชุดสูทร่างคุ้นตากำลังสั่งอาหารกับพนักงานสาว

   ซันปฏิเสธพนักงานที่จะพาไปที่โต๊ะอย่างสุภาพแบบที่นานทีจะได้เห็น แล้วปลีกตัวไปนั่งร่วมโต๊ะกับพี่จินหน้าตาเฉย ผมตามไปยกมือไหว้ผู้ใหญ่ เลือกที่นั่งข้างซันพลางรับเมนูจากพนักงานมาดูเล่นๆ ว่ามีเมนูอะไรบ้าง ผมไม่คิดจะสั่งหรอก ลำพังแค่ซันกับพี่จินสั่งมาก็เต็มโต๊ะแล้ว แถมซันมันสั่งของชอบผมให้เรียบร้อย นับว่ารู้งานดี

   คล้อยหลังพนักงานสาว พี่จินชวนคุยเปิดบทสนทนา

   “เป็นไงบ้างทั้งคู่ สบายดีนะ” รูปประโยคเหมือนถามตามมารยาท แต่น้ำเสียงกับแววตาผมรับรู้ได้ว่าพี่จินถามในฐานะพี่สะใภ้

   “ก็ดีพี่ แค่ช่วงนี้อะนะ จริงสิ ที่นี่ระบุวันส่งของได้รึเปล่า พอดีผมต้องกลับบ้านกับโป้ด่วน เดี๋ยวจะไม่มีคนรอรับของ”

   “ถ้าไม่ได้เร่งส่งก็ระบุวันได้ ซันใช้บัตร VIP ซื้อนี่ หรือจะให้พี่ไปช่วยดูก็ได้นะ ยังไงช่วงนี้ก็ไม่ได้ไปไหน ติดงานที่กรุงเทพ” ท้ายประโยคแฝงความเบื่อหน่าย สงสัยใจของนักธุรกิจหนุ่มคนนี้คงจะโบยบินไปหาพี่มูนแล้วมั้ง ผมนึกเกรงใจพี่เขาต้องมารอรับโต๊ะตัวเองเลยโบกมือปฏิเสธ

   “ไม่เป็นไรพี่ ถ้าระบุวันได้ ค่อยระบุให้เขาเอามาส่งช่วงใกล้เปิดเทอม ถึงเวลานั้นพวกผมคงกลับมาอยู่หอแล้ว”

   “ถ้าเลือกแบบนั้นก็ตามใจ พี่ไม่คิดจะก้าวก่าย แต่ถ้ามีอะไรมาปรึกษาพี่ได้เสมอ” น้ำเสียงนิ่งเฉย ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ยกเว้นดวงตาที่เหมือนจะมองทะลุความรู้สึกของพวกเรา สมกับที่เป็นนักธุรกิจใหญ่ที่เจอคนมาหลากหลายรูปแบบ

   ผมกับซันสบตากัน พี่จินอุตส่าห์เสนอมาทั้งที แบบนี้จะพลาดได้ยังไง

   ซันเป็นฝ่ายเริ่ม “ถ้างั้นผมไม่เกรงใจล่ะ พอดีปู่ของโป้เรียกตัวกลับด่วนเพื่อไปเปิดตัวหลานเขย ผมเลยอยากรู้ว่าจะรับมือกับคนแก่ยังไง”

   “แค่ก!!” ผมสำลักน้ำเกือบพ่นออกมาทางปาก ดีที่ยังสำนึกได้ว่าเบื้องหน้าคือคนเลี้ยงข้าว จึงรีบกลืนอย่างไวแล้วไอหน้าดำหน้าแดง

   “กินดีๆ สิวะ ไม่มีใครแย่งมึงหรอก” ซันบ่นขณะยื่นมือมาช่วยลูบหลัง ส่งทิชชู่ให้เช็ดปาก พี่จินมองพวกเราขำๆ

   “เพราะซันพูดตรงไปต่างหาก ไหนๆ ก็ไหนๆ ช่วยเล่าเรื่องทั้งหมดที พี่จะได้ให้คำปรึกษาถูก”

   คราวนี้ผมไม่ยอมให้ซันพูด เป็นฝ่ายเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในครอบครัวผมแทนแบบคร่าวๆ รวมถึงปัญหาที่ผมกังวล ผมไม่สนสายตาคนนอก พวกเราเลยจุดนั้นมานานแล้ว สิ่งที่ผมเป็นห่วงคือความรู้สึกของซันมากกว่า บ้านผมไม่เหมือนบ้านมัน ไม่สามารถยอมรับอะไรได้อย่างง่ายดายขนาดนั้น ญาติพี่น้องส่วนใหญ่นึกถึงแต่เรื่องของตัวเองเป็นหลักแถมยังห่วงหน้าตาแบบสุดๆ

   แม้ครอบครัวผมจะไม่เป็นแบบนั้น แต่ก็ใช่จะยอมรับรสนิยมผมได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ที่ผ่านมาเหมือนถอยคนละก้าวมากกว่า และผมไม่เคยพาแฟนผู้ชายเข้าบ้านซะด้วย เชื่อเลยว่าลึกๆ พ่อแม่ก็ยังคงหวังให้ผมชอบผู้หญิงอยู่

   ส่วนปู่...นี่แหละลาสบอสของจริง ถึงปู่จะปากร้าย แต่ผมรู้ดีแก่ใจว่าทุกคำพูด ทุกการกระทำของปู่นั้นเกิดจากความรักและความเป็นห่วงในฐานะญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง แบบนี้ผมจะใจร้ายใส่ปู่ลงได้ยังไง ที่ผ่านมาเลยประท้วงเงียบแทนและดูจะไม่ได้ผลซะด้วย

   เฮ้อ...มีแต่เรื่องให้ปวดหัว

   ที่บ่นไปข้างต้นผมไม่ได้เล่าออกมานะ บอกแค่ว่าที่บ้านไม่ยอมรับรสนิยมของผมและออกอาการต่อต้านชัดเจน โดยเฉพาะปู่ที่มีปฏิกิริยารุนแรงมาโดยตลอด เพราะไอ้ซันนั่งฟังอยู่ ขืนพูดไปมีหวังควายน้อยบางตัวได้สะบัดเขางอนอีกแน่ ข้อหาผมไม่ไว้ใจมัน

   อย่ามองผมด้วยสายตาแบบนั้นสิ ผมไม่ทำให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยหรอก แต่มันอดไม่ได้ไง ผมเป็นคนเจอความกดดันเหล่านั้นด้วยตัวเองจนเกือบเสียศูนย์อยู่หลายครั้ง ไม่รู้ว่าถ้าซันเจอเหตุการณ์แบบนั้นจะเป็นยังไง จะอาละวาดไล่ขวิดญาติผมรึเปล่า แค่คิดก็สยองแล้ว

   “จากที่พี่ฟัง พี่คิดว่าผมควรทำไงดีเพื่อมัดใจครอบครัวโป้” กลายเป็นการสุมหัววางแผนรับมือซะงั้น

   พี่จินนิ่งคิดไป คงกำลังเรียบเรียงเรื่องในหัว ไม่นานก็เปิดปากกล่าววาจาที่ชวนให้เจ็บจี๊ด

   “เป็นครอบครัวที่เห็นแก่ตัวดีนะ”

   ขอโทษด้วยครับที่บ้านผมเป็นแบบนี้...

   “เอาเถอะ ปกติของมนุษย์ ไม่มีใครไม่เห็นแก่ตัว สำหรับคนพวกนี้คงทำอะไรไม่ได้นอกจากช่างหัวมัน ทางพ่อแม่ของโป้เองอาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อย หากมั่นใจแล้วว่าลูกชายไม่มีวันกลับมาคบผู้หญิงได้แน่นอน ไม่นานพวกท่านก็คงทำใจได้ ที่เหลือก็ปู่...” หยุดจิบน้ำให้รอลุ้น พอหายคอแห้งก็พูดต่อ

   “จะว่ายากก็ยาก ง่ายก็ง่าย พี่ไม่ได้ทำความรู้จักด้วยตัวเอง การแนะนำอาจจะไม่ได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่คนสูงวัยมีความคิดหลักๆ ไม่กี่แบบ ลองใช้ข้อดีของความดื้อด้านเข้าหาท่านบ่อยๆ แสดงให้เห็นว่าเราจริงใจ สักวันท่านก็คงใจอ่อนเอง วิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายและโอนอ่อนที่สุด ส่วนระยะเวลาก็ขึ้นอยู่กับความใจแข็งของปู่โป้แล้วล่ะ”

   ไม่รู้ทำไมเหมือนพี่จินจ้องผมมากเป็นพิเศษทั้งที่กำลังชี้ทางสว่างกับซัน

   “ฉันขอเตือนในฐานะรุ่นพี่ ในขณะที่เวลาของพวกเรากำลังเดินไปข้างหน้า เวลาของพวกเขากำลังนับถอยหลัง อยากจะทำอะไรก็รีบทำ ก่อนที่จะสายเกินไปแล้วมานั่งเสียใจที่หลัง แบบนั้นมันน่าสมเพช” ประโยคสุดท้ายคล้ายกับพูดกับตัวเองมากกว่า เพราะรอยยิ้มของพี่จินตอนนี้ดูเศร้าสร้อยเหลือเกิน

   ผมไม่อยากให้บรรยากาศแย่ หลังคุยกับจบแล้วเลยเปลี่ยนเรื่องซะ

   “ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะครับ ผมจะเก็บไปคิดดู” ผมมองซ้ายมองขวา “ว่าแต่อาหารโต๊ะเรายังไม่มาเหรอ เหมือนว่าโต๊ะที่มาหลังจะได้แล้วนะ”

   พี่จินยิ้ม รู้ว่าผมจงใจเปลี่ยนเรื่องแต่ก็ไม่ว่าอะไร เพียงแค่ยกมือ พนักงานก็ทยอยยกอาหารหอมกรุ่นมาเสิร์ฟถึงโต๊ะ ก่อนจะทวนรายการ ถามว่าขาดเหลืออะไรหรือต้องการอาหารเพิ่มรึเปล่า เมื่อพวกเราบอกปฏิเสธก็ถอยกลับไปรอให้บริการตามเดิม

   ผมมองภาพเหล่านั้นอย่างอึ้งๆ ให้ความรู้สึกเหมือนมากินในร้านหรูเลย

   “เพราะพวกเรากำลังคุยกันอยู่พนักงานจึงไม่เข้ามาแทรกน่ะ กินเถอะก่อนจะเย็น อีกเดี๋ยวพี่ก็ต้องกลับขึ้นไปทำงานต่อแล้ว” เจ้าของห้างมาดเท่(แต่เป็นภรรยาคนอื่น)ยกข้อมือขึ้นดูเวลา แล้วเริ่มลงมือทานอย่างรวดเร็วแต่มีมารยาท ส่วนผมกับซัน...หันกล้องไปทางอื่นแล้วกัน เราปุถุชนคนธรรมดา ไม่ได้มารยาทงามขนาดนั้น แต่ก็ไม่ได้ตะกละนะ!

   ดูเหมือนพี่จินจะรีบจริง พอกินส่วนของตัวเองเสร็จก็ส่งเงินให้ซันแล้วขอตัวกลับไปทำงาน ปล่อยให้พวกผมกินกันต่อตามสบาย จะสั่งเพิ่มก็ไม่มีปัญหาเพราะพี่ท่านให้มาซะหลายพัน

   พออิ่มพวกเราก็คิดเงินกลับห้อง ไม่ได้แวะที่ไหนต่อเพราะธุระเสร็จหมดแล้ว แถมไม่มีอารมณ์จะเดินเล่นด้วย

   ผมเอาของไปเก็บในห้องตัวเอง ออกมาอีกทีเห็นซันนั่งจิ้มมือถือ ไอ้เราก็นึกว่ามันคุยกับเพื่อนเรื่องงานเหมือนทุกที ที่ไหนได้ มันจองตั๋วเครื่องบิน! แถมเป็นรอบของวันพรุ่งนี้ตอนเที่ยงด้วย!! เล่นเอาผมยืนอึ้งไปเลย ผมอยากโวยความใจร้อนของมันอยู่หรอก แต่มันกดจ่ายตังไปแล้วไง ต่อให้โวยไปก็แก้ไขไม่ได้ ที่สำคัญผมรู้ดีกว่า จะช้าจะเร็วยังไงก็ต้องไป เลยคอตกเดินกลับเข้าห้องไปเก็บชุดตามระเบียบ

   ขณะที่กำลังเก็บของจำเป็นใส่เป้ เสียงไอ้ซันก็ดังมาจากด้านหลัง

   “มึงไม่อยากพากูไปขนาดนั้นเลยเหรอ”

   ผมชะงัก หันไปมองซันที่ยืนทำหน้าทะมึน “ไม่ใช่แบบนั้น กูแค่เป็นห่วงมึง” พอมันทำหน้าโฉดกำลังจะอ้าปากด่า ผมเลยรีบพูดดัก “ไม่ใช่กูไม่ไว้ใจหรือกลัวมึงทนไม่ได้ ก็แค่เป็นห่วงแฟนกูไม่ได้รึไง” เหตุผลจริงๆ ของผมมีเท่านี้เอง สีหน้าซันค่อยคลายลง

   “ค่อยดีหน่อย กูนึกว่ามึงคิดอะไรปัญญาอ่อนอยู่ซะอีก” ว่าพลางโถมกายรวบกอดผมทั้งตัว ตอนนี้ผมนั่งพื้นเก็บชุดอยู่ เลยเหมือนกอดกันกลม “กูดีใจนะที่มึงเป็นห่วง แต่คนรักกันต้องร่วมกันแบ่งเบาทั้งทุกข์และสุขไม่ใช่รึไงวะ จะให้เจอแต่เรื่องดีๆ มันก็หลอกลวงไป กี่คู่แล้วที่เลิกกันหลังแต่งไม่เท่าไหร่ กูไม่อยากให้เราเป็นแบบนั้น ไม่ว่าอะไรที่เกี่ยวกับมึง กูอยากรู้ทุกอย่าง” เน้นสองคำสุดท้ายชัดเจน ผมถอนหายใจ ปล่อยกระเป๋าในมือแล้วเปลี่ยนไปนั่งเอนพิงมันแทน

   “มักมากนะมึง”

   “มึงใช้คำผิดละ มันต้องโลภมากเว้ย กูไม่ได้เป็นพวกหมกมุ่น” เห็นอาการกระฟัดกระเฟียดแก้ต่างให้ตัวเองผมก็หลุดขำ ความรู้สึกหม่นๆ ในใจเหมือนจะเจือจางลง

   “ไปมึง ไปลองกันสักตั้งให้มันรู้กันไป กูไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว เพราะตอนนี้กูมีมึง” คนที่จะอยู่เคียงข้าง ทำความเข้าใจและก้าวเดินไปด้วยกัน

   “ต้องแบบนี้สิวะ! เป็นเมียกูต้องสตรอง ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาดีหรือร้าย ขอแค่เรายังมีกันและกันก็พอ” เสียงโหดๆ นุ่มนวลลงซะจนผมใจสั่น ต่อให้ไม่เห็นหน้าก็พอเดาได้ว่าตอนนี้มันกำลังยิ้มแน่ๆ

   “เชี่ย! เลี่ยนเว่อ ไม่เข้ากับหน้าตามึงเลย” เล่นซะผมไม่กล้าหันไปมอง กลัวระทวย

   “มึงไม่เคยได้ยินเหรอ หน้าไม่ให้แต่ใจรัก รักมึงอะนะ”

   “พอเว้ย! กูเขิน” ผมผลักมันออก ซันดันหัวเราะชอบใจดังลั่น หมอนี่มันร้ายครับทุกคน อย่าให้ถึงทีผมมั้ง จะเอาให้เขินจนหายดำเลยคอยดู

   ผมไล่ให้มันไปเก็บของ เพราะถ้าเก็บพรุ่งนี้จะจวนตัวเกินไปอาจจะหลงลืมของบางอย่างได้ แต่มันยังไม่วายยักคิ้วหลิ่วตายิ้มกรุ่มกริ่มทิ้งท้ายอีกต่างหาก ผมชี้หน้าคาดโทษมันไว้ พอตอนอาบน้ำเปลี่ยนเข้านอนก็ย่องไปห้องมัน แอบมุดเป็นผีผ้าห่มก่อนโดนมันคิดบัญชีจนปวดเมื่อยไปทั้งตัว

   แทบไม่อยากลุกจากที่นอนจนมันต้องแบกไปโยนใส่ห้องน้ำ และขู่ว่าถ้าไม่อาบจะลากผมไปสนามบินทั้งแบบนี้ ผมเลยต้องจำใจฝืนสังขารอาบน้ำแต่งตัวออกมากินมื้อเช้าและปล่อยให้ซันเก็บล้าง

   พวกเราโบกแท็กซี่ไปสนามบินก่อนเวลาสองชั่วโมง เผื่ออะไรหลายๆ อย่าง เพราะหากมีปัญหาขึ้นมาอาจจะตกเครื่องได้ ช่วงเวลาเตร่ๆ ในสนามบินยังไม่เท่าไหร่ ตอนขึ้นเครื่องนี่สิแสนจะอึดอัด ความจริงคือผมไม่ชอบนั่งเครื่องบิน มันอยู่บนฟ้าชวนให้หวั่นวิตก อย่างรถยังมีพื้นดิน บนเรือก็มีน้ำ ส่วนเครื่องบินนี่ไม่รู้จะยังไงเลย ไอ้ซันเสือกเลือกที่นั่งติดหน้าต่างอีก แถมให้ผมนั่งด้านใน นี่ถ้าแอร์ไม่บังคับให้เปิดหน้าต่างตอนเครื่องขึ้นผมจะไม่เปิดอะจริงๆ

   “เป็นไรมึง กลัวเหรอ” ซันหันมาถามผมที่นั่งตัวเกร็ง ทั้งกลัวทั้งระบมเลยล่ะ เมื่อคืนกูไม่น่าซ่าไปท้าทายอำนาจมืด ณ เวลานี้ไม่สบายทั้งกายและใจ

   “ไม่กลัวแค่ไม่ชอบ” จริงๆ นะ ผมไม่ได้กำมือซันแน่นจริงจริ๊ง

   “กลัวยังทำเป็นเก่งอีกนะมึง” มันบ่นก่อนเอี้ยวตัวมาปิดหน้าต่างให้พลางหันไปหาแอร์สาวที่กำลังเสิร์ฟผ้าเย็น “คุณครับ ผมขอผ้าปิดตาหน่อยกับน้ำเย็นๆ สักแก้ว”

   แม้จะเลือกนั่งชั้นประหยัด แต่แอร์ยังดูแลดี ยิ้มแย้มพร้อมนำสิ่งที่ต้องการมาส่งให้ ซันเอ่ยปากขอบคุณแล้วส่งทั้งสองอย่างให้ผม

   “กินน้ำก่อน แล้วปิดตานอนไปซะ เดี๋ยวของว่างมากูจะปลุกเอง” แม้ระยะทางจากกรุงเทพฯ ไปเชียงใหม่จะใช้เวลาเพียงชั่วโมงกว่า แต่บนเครื่องก็ยังมีบริการอาหารระหว่างเที่ยวบินให้ แค่เป็นอาหารกับขนมเล็กๆ น้อยๆ ไม่ใช่ข้าวหรืออาหารหนักท้องอย่างการบินระยะไกล

   ผมรับน้ำมาดื่มให้สดชื่น แล้วคว้าผ้าปิดหน้าก่อนจับมือซันต่อ ทำนองว่ากูลอยลิ่วลงจากเครื่องมึงต้องไปกับกูด้วย ซันเองก็ไม่ดึงมือกลับแต่ใช้มืออีกข้างผลักหัวผมอย่างหมั่นไส้ แล้วปรับแอร์ดึงผ้าห่มให้ แน่นอนว่าทั้งหมดเป็นบริการของบนเครื่อง พวกผมไม่พกมาเองหรอกครับ นี่ยังมีหูฟังด้วยนะ จะดูหนัง ฟังเพลง หรือเล่นเกมก็ยังได้ สุดแสนจะครบคันแต่กูไม่มีอารมณ์เล่นว่ะ เมื่อไหร่จะถึง!

   “นอนๆ กูอยู่นี่ ไม่ปล่อยให้มึงเป็นอะไรหรอก” ผมพยักหน้ารับ ซันพูดต่อ “มิน่าล่ะมึงถึงดื้อไม่ยอมนั่งเครื่อง สภาพงี้กูคงปล่อยไปคนเดียวไม่ได้จริงๆ นั่นแหละ ไว้คราวหลังถ้ากูไม่มาด้วย มึงนั่งรถไฟเอานะ”

   รถทัวร์สะดวกกว่ามั้ย ผมเถียงมันในใจแต่ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดเลยหลับซะ ปล่อยให้มันปลุกผมมากินแซนวิสกับน้ำผลไม้แล้วนอนต่อจนถึงที่หมาย พอได้ยินเสียงประกาศเท่านั้นแหละ ผมสลัดผ้าปิดตาแทบจะโห่ร้องไชโย

   ขณะนี้ เครื่องบินได้พาทุกท่านมาถึงท่าอากาศยานเชียงใหม่...

   ประกาศหลังจากนั้นผมไม่สนใจแล้ว ตอนนี้รู้แค่ว่า

   ในที่สุดก็ถึงแล้วเว้ย!!


ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
เข้าสู่สังเวียน พร้อม ฮึบๆๆๆๆ

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
กลัวเครื่องบินนี่เอง

ออฟไลน์ Silver Fish

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-0
    • Fanpage
ยกที่34 ปิ๊กบ้าน
 
   ท่าอากาศยานเชียงใหม่มีขนาดไม่ใหญ่มากแต่มีทุกอย่างครบคัน พร้อมการตกแต่งที่ให้ความรู้สึกว่าเชียงใหม่สุดๆ อย่างตุงผ้าที่แขวนบนเพดานเป็นระยะนั่น ถ้านึกภาพไม่ออกผมจะอธิบายให้ มันมีลักษณะเหมือนธงทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าแขวนทิ้งตัวลงมา โดยปกติจะใช้ประดับหรือประกอบพิธีกรรมตามความเชื่อ ซึ่งมีหลายรูปแบบหลากสีสันและสารพัดวัสดุที่ใช้ทำ ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของการใช้ตุง รายละเอียดปลีกย่อยผมขอไม่บรรยาย เอาไว้ไปหาอ่านกันเอาเอง เพราะถ้าผมยืนเหม่อมากกว่านี้ซันมันจะโบกหัวผมแล้วครับ

   “ยืนทำซากอะไรวะ” นั่นไงครับคุณผู้ชม ผมชักสงสัยแล้วสิ ตกลงกลับบ้านใครกันแน่ ดูมันกระตือรือร้นเหลือเกิน

   “กูกำลังระลึกชาติอยู่ว่าใครจะมารับพวกเรา”

   “หา? มึงไม่ได้บอกที่บ้านแล้วเหรอวะ” ซันชะงักกึก ขณะนี้พวกเรายังคงยืนตากแอร์อยู่ด้านใน ไม่อาจออกไปสู้แสงอันร้อนแรงดั่งไฟเยอร์ข้างนอกได้ ภาคเหนือไม่ได้หนาวเย็นตลอดปีตลอดวันอย่างที่ใครเข้าใจ อากาศจะเย็นช่วงเช้ากับกลางคืน พอแดดสาดส่องเต็มที่เมื่อไหร่ ร้อนระอุไม่ต่างจากที่อื่นหรอกครับ

   “กูบอก แต่กูลืมบอกไปว่าจะมาวันนี้ ก็มึงเล่นจองตั๋วกะทันหัน” มีความโบ้ย

   “ตลก มึงมัวโอ้เอ้ไม่ยอมบอกที่บ้านมากกว่า ช่างเถอะ กูมีวิธี” พูดจบมันก็หยิบมือถือขึ้นมาเปิดเครื่องโทรไปหาใครบางคน ผมนี่ยืนงงเลยครับ ได้ข่าวนี่ถิ่นกู ไหงมันทำราวกับเป็นถิ่นตัวเอง มีการโทรให้คนมารับซะด้วย

   “โทรหาใครวะ” ต้องเข้าไปกวน ไอ้ซันเบี่ยงตัวหลบดันหัวออกไปไกลๆ แล้วคุยโทรศัพท์ไม่สนใจ พอวางสายถึงค่อยตอบ

   “เดี๋ยวมึงก็รู้ กูทำอะไรเตรียมพร้อมเสมอ” ยักคิ้วท่าประจำแบบกูเหนือ ผมเบ้ปากมองบนอย่างหมั่นไส้

   “เตรียมพร้อมเสมอ ทำไมเวลานั้นถึงไม่เคยมีถุง...” จู่ๆ มันก็ถลามาปิดปากพลางถลึงตาใส่

   “ที่สาธารณะเว้ย...อย่าพูดมาก” มันบุ้ยปากให้ผมไปมองด้านหลัง ชะอุ้ย สาวน้อยน่ารักอายุไม่น่าจะถึงสิบขวบกำลังจูงมือแม่มองตาแป๋วมาทางพวกเรา เยาวชนของชาติ เกือบไปแล้วกู

   “โทษทีๆ มันชินไปหน่อย” ผมหัวเราะหลังซันยอมปล่อยปากแล้วลากไปหาที่นั่งรอคนมารับ

   เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดคนมารับก็มาถึง สองร่างต่างขนาดสะดุดตาผมทันทีที่เดินเข้ามา พอคนตัวเตี้ยกว่าหันมาเห็นผมก็ส่งเสียงระรื่นทันที

   “โป้จ๋า ไม่เจอตั้งนานสวยขึ้นจมเลย” วิ่งเข้าร้านกาแฟจนกระโปรงปลิวพร้อมกอดผมหมับ

   “ต้องบอกหล่อสิวะ แล้วทำไมมากันได้ล่ะ” ผมขมวดคิ้วถามวาที่เดินตามเล่เข้ามาแบบนิ่งๆ มือหนาเอื้อมมาดึงกระโปรงเล่ลง ผมมองภาพนั้นด้วยรอยยิ้มขำๆ เล่มีคนดูแลแล้วผมก็วางใจ

   “ซันมันโทรมาเรียกน่ะสิ ดีนะพวกกูอยู่บ้านไม่ได้ออกไปไหน” วาชี้นิ้วโป้งไปทางซัน ไอ้ผมก็ลืมไปว่าเพื่อนสนิทมันเรียนอยู่นี่ มิน่ามันถึงดูมั่นใจนักหนาว่ามีคนมารับแน่นอน

   “ขอบใจที่มารับ ไปกัน ให้ผู้ใหญ่รอนานมันไม่ดี” ซันว่าพลางลุกขึ้นตบบ่าเพื่อน พอได้ยินแบบนั้นเล่หันมามองผมทันที จงใจเดินช้าเพื่อรั้งท้ายควงแขนคุยกันสองคน ปล่อยให้พวกซันนำหน้าไปก่อน

   “โป้พาซันมาเปิดตัวเหรอ ทีแรกคิดว่าพามาเที่ยวซะอีก” เล่ถามอย่างเป็นห่วง เพราะเจ้าตัวรู้เรื่องบ้านผมดี ผมตบมือที่คล้องแขนเบาๆ

   “ประมาณนั้น แต่ไม่ต้องห่วง ตอนนี้กูไม่ใช่เด็กแล้ว กูมั่นใจว่าทุกอย่างต้องผ่านไปได้ด้วยดี” แม้ปากบอกแบบนั้นในใจก็ยังแอบหวั่นเรื่องสภาพจิตใจของคนที่บ้าน รสนิยมลูกชายแบบนี้มันไม่มีอะไรให้น่าเชิดหน้าชูตาหรอก แต่มันคือความสุขของผม ผมไม่ใจกว้างพอที่จะฝืนทำเพื่อให้คนอื่นสบายใจแต่ตัวเองทุกข์แทบตาย เพราะนั่นมันไม่ต่างจากการหลอกตัวเอง หลอกคนอื่นไปวันๆ

   เมื่อไรที่มันมาถึงจุดๆ หนึ่ง สุดท้ายทุกอย่างก็ต้องระเบิดออกมาอยู่ดี สู้ยอมรับความจริงตั้งแต่ตอนนี้และฝ่าฟันอุปสรรคก้าวไปข้างหน้าอย่างเต็มภาคภูมิดีกว่า ที่สำคัญ ผมไม่ได้ตัวคนเดียว ยังมีเจ้าของแผ่นหลังกว้างเบื้องหน้าที่ให้ผมพักพิงอยู่

   เล่มองคนข้างตัวที่กำลังยิ้มละมุนชวนเขิน ไม่ได้เห็นเพื่อนตัวเองมีความสุขแบบนี้มานานแล้ว เลยอดไม่ได้ที่จะกอดฟัดเหมือนสมัยก่อน

   “สู้ๆ นะโป้ ถ้ามีอะไรมาหาฉันได้เสมอ”

   ผมหยิกแก้มคนตัวเล็กกว่าด้วยความหมั่นเขี้ยว

   “เล่เองก็เหมือนกันนะ ถ้าใครรังแกมาฟ้องได้ เดี๋ยวจะตามไปจัดการให้” หันมองไปทางวาเป็นเชิงสื่อความหมาย เล่ทำมือโอเคอย่างน่ารัก ก่อนพวกเราจะถูกจับแยกด้วยฝีมือของคนเดินนำ

   “จะกลับมั้ยบ้าน เดินช้ากันฉิบหาย” ซันมาถึงบ่น

   “อยู่นิ่งๆ จะตายมั้ย” วายังคงปากร้าย เล่ทำท่าสะบัดผมใส่แต่ก็เดินไปนั่งข้างคนขับอยู่ดี ส่วนผมกับซันนั่งประจำเบาะหลัง ด้วยความที่เป็นรถกระบะรุ่นเก่าคันเก่งของป๋าเล่ พื้นที่ด้านหลังเลยน้อย ชะตากรรมพวกตัวสูงอย่างเราก็ไม่พ้นการนั่งพับขาอย่างน่าสงสาร ยิ่งเล่เปิดเพลงแบ่งปันรอยยิ้ม ขึ้นท่อน โหยหาความรักความเมตตา~ บรรยากาศโคตรใช่

   นั่งเมื่อยขาปวดก้นไปอีกหนึ่งชั่วโมงในที่สุดก็ถึงบ้าน ผมลงจากรถพลางบิดตัวยืดเส้น โดยเฉพาะบั้นท้ายช่างทรหดเหลือเกิน ไว้ตอนกลางคืนให้ซันนวดให้ดีกว่า

   “ขอบใจที่มาส่งนะมึง ไว้ว่างจะโทรไปนัดเลี้ยงข้าว” ซันเปิดประตูคุยกับสองเพื่อนผู้เสียสละเวลามาเป็นรถโดยสารให้

   “เออ โชคดีมึง” วาผงกหัวรับแล้ววนรถจากไป มีเล่โบกมือลาผ่านกระจก แม้ผมจะสงสัยประโยคที่เหมือนจะอวยพรของวา เพราะซันไม่ใช่พวกที่จะเล่าเรื่องส่วนตัวให้คนอื่นฟังเท่าไหร่ แต่มานึกๆ ดูอีกที วาคงจะเดาได้เอง ในเมื่อซันมาพร้อมกับผมแค่สองคน ไม่มีคนอื่นๆ ตามมาด้วย จุดประสงค์ก็มีอยู่ไม่กี่อย่าง

   ผมพาซันเข้าบ้าน ดวงตาสอดส่องมองซ้ายมองขวาไม่เจอใคร พ่อไปทำงานเป็นเรื่องปกติ ส่วนแม่คงจะอยู่ที่ร้าน...

   “แม่! มาเมื่อใด (แม่! มาเมื่อไหร่)” ผมถึงกับสะดุ้งโหยงหลังหันมาเจอแม่ถือตะกร้าผักอยู่ข้างๆ

   “เมื่อกี้นิ มายะหยังล๊อกล่อล๊อกล่อ (เมื่อกี้ มายืนทำอะไรกันลับๆ ล่อๆ)” แม่ถามพลางส่งตะกร้าให้ผมถือ ซันยกมือไหว้อย่างคนมารยาทงามสุดจะแตกต่างจากเวลาปกติ

   ผมยิ้มแห้ง “ก่กึ๊ดว่าแม่อยู่ฮ้าน นี้ซัน ตี้เปิ้นว่า (นึกว่าแม่อยู่ร้านซะอีก คนนี้ซันที่ผมบอก)” หันไปแนะนำตัวป้อจาย

   “อ่อๆ ลูกซันเองเหรอ ไปๆ เข้าบ้านกันก่อนค่อยคุยกัน” แม่เปลี่ยนมาพูดภาษากลาง คงเพราะเห็นซันอยู่ด้วยใช้ภาษากลางจะได้รู้เรื่องไม่ดูแปลกแยกเป็นคนนอก ผมรู้สึกตื้นตันกับความเอาใจใส่เล็กๆ น้อยๆ แล้วแทบน้ำตาปริ่มเมื่อเห็นผักในตะกร้า มีแต่ของโปรดผมทั้งนั้นเลย

   พอเข้าไปนั่งในบ้านผมไม่ปล่อยให้แม่รับแขก พยักหน้าเรียกซันแล้วจูงแม่ไปนั่งรอบนโซฟาหวาย ส่วนผมถือตะกร้าไปเอาน้ำเย็นๆ มาเสิร์ฟให้ทุกคน

   “อยู่ที่นู่นโป้ตั้งใจเรียนรึเปล่า” เดี๋ยวนะ ทำไมบทสนทนามันแปลกๆ ผมส่งสายตาให้ซัน ตอบดีๆ นะมึง

   “เรื่อยๆ มากกว่าครับ ชอบเร่งทำงานตอนใกล้ส่ง อดหลับอดนอนเป็นประจำ ผมเตือนก็ไม่ฟัง” ดูมัน แฉซะหมดเปลือก ไม่สนการส่งซิกผมเลยสักนิด

   “ลูกคนนี้นิสัยเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน แม่ทำใจแล้ว ขอแค่เรียนจบได้ไม่ออกนอกลู่นอกทางไปไหนก็พอ เอาล่ะ มาคุยเรื่องเรากันดีกว่า โป้บอกว่าจะพาแฟนมาหา คือคนนี้ใช่มั้ย” แม่สบตาพวกเราทั้งคู่ ผมรีบคลานเข่าไปบีบนวดขาทำหน้าตาเจี๋ยมเจี๊ยมเข้าไว้

   “ใช่ครับ ผมขอโทษที่ไม่ได้พาลูกสะใภ้มาหา แต่ดันพาลูกเขยมาแทน” โคตรรู้สึกผิดอะบอกตรงๆ ถึงมันจะเป็นเรื่องที่รู้กันมานานแล้วก็ตามว่าผมเป็นเกย์ ไม่มีแฟนเป็นผู้หญิงแน่นอน ซันเองก็นั่งเงียบกริบไม่เอ่ยแทรก คงอยากให้เราแม่ลูกคุยกันก่อน

   แม่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขกกะโหลกผมไปหนึ่งที “แม่ทำใจมานานแล้วว่าโป้คงไม่มีแฟนเป็นผู้หญิงแน่ๆ แต่ไม่คิดเลยว่าจะได้เขยแทนสะใภ้จริงๆ” ถึงจะเป็นการแซวขำๆ แต่มันดูฝืนจนเห็นได้ชัด ผมเริ่มกังวลบีบมือแม่เบาๆ

   “โป้ขอโทษจริงๆ ที่เป็นเหมือนคนอื่นไม่ได้” ผมก้มหน้าเหมือนเด็กที่ทำผิดและกลัวไม่ได้รับการให้อภัย สองมือของแม่ประคองใบหน้าผมขึ้นมองด้วยสายตาอาทร

   “อย่าพูดแบบนั้นเลย ก่อนหน้านี้พ่อกับแม่ผิดเองที่เอาแต่ห่วงเรื่องอื่นจนลืมสังเกตความรู้สึกจริงๆ ของลูก โชคดีที่ได้พ่อของหนูเล่มาช่วยพูด ไม่งั้นคงเกิดรอยร้าวจนต่อไม่ติด เอาเป็นว่า หลังจากนี้ คิดหรือรู้สึกอะไรให้พูด อย่าเก็บไว้คนเดียวและหนีออกจากบ้านอีกนะ แม่เป็นห่วง”

   “แม่...” ผมเรียกเสียงเบา ผ่านมาหลายปีแม่ยังไม่ลืม การกระทำสิ้นคิดของผมทำให้แม่ทุกข์ใจขนาดไหนกัน

   “ซันเองก็ตามสบายนะ พ่อกับแม่ปรึกษากันมาตลอด คิดไว้ว่าสักวันมันต้องมาถึง ตอนนี้พวกแม่โอเคแล้ว ลูกๆ ไม่ต้องคิดมาก” แม่จับมือผมกับซันมาประกบกันแล้วตบเบาๆ ให้วางใจ แม้จะไม่ถึงกับยอมรับได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ขอแค่พ่อแม่เข้าใจ สำหรับลูก มันไม่ต่างจากน้ำทิพย์ที่ช่วยเยียวยาจิตใจให้ยืนหยัดต่อไปในสังคมได้

   “ขอบคุณครับที่เข้าใจ ผมไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมอยู่ที่มหา’ลัยถึงมีแต่คนรักโป้ เพราะโป้มีพ่อแม่ที่แสนดีแบบนี้นี่เอง” ซันยิ้มบางเอ่ยด้วยน้ำเสียงสบายๆ แต่แฝงไปด้วยความเคารพผู้มีอายุมากกว่า “คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะดูแลโป้อย่างดี ที่สำคัญไม่ต้องฝืนก็ได้ครับ คิดซะว่าผมเป็นเพื่อนลูกชายที่มาเที่ยวบ้านช่วงปิดเทอมดีกว่า”

   “เอาแบบนั้นเหรอ” แม่ถามอย่างไม่มั่นใจ

   ซันพยักหน้ายืนยันหนักแน่น “เอาแบบนั้นแหละครับ หรือถ้าแม่ไม่สบายใจ จะคิดว่าผมเป็นลูกชายอีกคนก็ได้” ซันหยอดแบบเนียนๆ พูดเสียงเจือหัวเราะทำให้บรรยากาศดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แม่ผมยิ้มขำ เล่นไปกับซันด้วยตามประสาคนร่าเริง

   “ถ้างั้น ยินดีต้อนรับนะลูกชายของแม่” แล้วสองแม่ลูกคนใหม่ก็แสดงความรักกันจนออกนอกหน้า จังหวะที่แม่ไม่ทันสังเกต พวกเรามองสบตากัน ผมขยับปากบอกขอบคุณแบบไม่มีเสียง ซันมันยักคิ้วให้แบบกวนๆ ผมละยอมรับมันเลย ทั้งที่เพิ่งเคยเจอแม่ผมครั้งแรกแต่จับได้ถูกจุดจนน่ากลัว

   ตั้งแต่เด็กแล้วที่แม่ดูมีความสุขทุกครั้งที่ผมพาเพื่อนมาเที่ยวบ้าน ดังนั้นการตัดสินใจของซันทำให้อะไรๆ มันง่ายขึ้น เรายังไม่ควรรีบร้อน ค่อยเป็นค่อยไป ผมเชื่อว่ามันต้องมีสักวันที่แม่จะยอมรับซันเป็นลูกเขยอย่างเต็มภาคภูมิ เวลานี้คงสถานะเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อไปก่อนแล้วกัน

   เห็นว่าทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดีแล้ว ผมก็เลียบๆ เคียงๆ ถามถึงอีกคน

   “พ่อโอเคจริงใช่มั้ย”

   “จริงสิ แต่อีกคนนี้แม่ไม่รู้ พวกลูกต้องพยายามกันเองแล้วล่ะ”

   ผมนี่กลุ้มใจเลยครับ ลาสบอสของแท้ ซันมันพอจะเดาได้ว่าใครเลยหันมาตบบ่าผม ราวกับจะบอกว่าอย่าห่วง มันจัดการเอง ผมเสียวมันโดนไม้เท้าไล่หวดจริงๆ ให้ตายสิ

   หลังจากนั้นก็เลยกลายเป็นว่า พวกเรานั่งคุยเล่นกันเพลินจนเกือบลืมมื้อเย็น ผมเลยเสียสละเป็นคนทำ ปล่อยให้แม่กับซันกระชับมิตรกันต่อไป

   ซึ่งส่วนใหญ่เรื่องที่คุยก็ไม่พ้นวีรกรรมของผม อย่างว่าแหละ พ่อแม่ก็อยากรู้ว่าลูกใช้ชีวิตอยู่ยังไงตอนไกลหูไกลตา แต่ก็มีบ้างที่แม่ถามเกี่ยวกับซัน มันก็นั่งเล่าอย่างใจเย็น ค่อยๆ ตอบไปทีละคำถามไม่มีหมกเม็ด แถมเสริมอีกต่างหากว่าบ้านมันโอเคแล้ว แม่ผมจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง

   ไปๆ มาๆ ทั้งคู่นัดกันเฉยว่าว่างๆ จะไปเที่ยวรีสอร์ทซันเพื่อพักผ่อน เพราะซันมันโฆษณาเอาไว้เยอะยิ่งกว่าตัวแทนขายตรง ผมได้ยินจากห้องครัวยังหลุดขำเกือบทำมีดเข้าเนื้อไปหลายที

   สงสัยผมทำช้าไปไม่ทันใจ แม่เลยเข้าครัวมาช่วยทำอีกแรง ส่วนซันก็ป้วนเปี้ยนอยู่ไม่ไกล มันคงทำตัวไม่ถูกแหละ เจ้าของบ้านขลุกกันในครัว ให้มันนั่งมึนอยู่คนเดียวที่โซฟาก็ใช่ที จะช่วยก็ไม่รู้จะช่วยอะไร สุดท้ายเลยมาเป็นผู้ชิมแทน เพราะแม่กลัวซันกินอาหารเหนือไม่เป็น

   ผมแทบเบ้ปากมองบน อย่างไอ้ซันมันกินได้หมดแหละขอแค่รสจัดและถูกปาก ยิ่งพักหลังมันเริ่มคิดรสมือผมที่ฝึกฝนมาจากแม่ พอชิมอะไรก็บอกอร่อยๆ จนแม่ยิ้มแก้มปริแทบตัวลอย ทำเพลินจนมีกับข้าวเต็มโต๊ะ

   หลักๆ ก็จะเป็นลาบหมูสูตรเหนือ จะใส่เครื่องในกับเลือดหมูด้วย รสชาติเค็มเผ็ดตามด้วยจอผักกาดร้อนๆ อมเปรี้ยวด้วยมะขามเปียกซดทีโล่งคอ คั่วแคกบเครื่องเยอะแต่น้ำแกงน้อยพอขลุกขลิก และที่ขาดไม่ได้เลยคือน้ำพริก งานนี้แม่เปิดตัวน้ำพริกตาแดงที่เพิ่งทำเมื่อเช้าเข้าคู่กับปูอ่องและผักสดอีกกะละมังสำหรับกินแกล้มลาบ

   ซันมองอาหารละลานตาตรงหน้า เหมือนเห็นมันน้ำลายยืด เลยจับผักยัดใส่ปากซะ

   “เคี้ยวเอื้องไปก่อนไอ้ทุย พ่อกูยังไม่มา อย่าทำน้ำลายหยดใส่”

   ปากผมโดนตีเพียะ!

   “ปากเสีย ไปพูดกับเพื่อนแบบนั้นได้ไง ถ้าหิวก็กินก่อนได้เลยนะลูกซัน กว่าพ่อเขาจะมาก็โน่น ค่ำๆ”

   “ไม่เป็นไรครับผมรอได้” ซันเคี้ยวผักกลืนก่อนตอบ ดูเหมือนจะติดใจผักสดเก็บจากสวน เพราะมันกรอบหวานเลยหยิบมากินอีก

   “กินกันไปเถอะ แบ่งไว้ให้พ่อเขาก็พอ” แม่ว่าพลางตักแบ่ง ระหว่างที่กำลังถกเถียงกันอยู่ในครัวก็มีเสียงรถจอดหน้าบ้าน ผมเป็นฝ่ายชะโงกไปดูเห็นพ่อกลับมาพร้อมกับ...

   “กลับมาแล้ว คุณพ่อเดินระวังนะครับ”

   “ปู่!” ดวงตาเบิกกว้าง ไอ้หยาลาสบอสมาหาถึงที่ ขนาดแม่ยังรีบผละจากในครัวออกมาเลย ซันเองก็เช่นกัน แต่ในมือมึงจะถือจานข้าวมาทำไม ปู่ที่กำลังจะอ้าปากพูดถึงกับขมวดคิ้วมอง

   “กำลังจะกินข้าวกันรึไง” ผมยกมือไหว้แล้วรับจานข้าวจากซันให้มันไหว้บ้าง อนาถไปอีก หมดกับภาพพจน์แรกเห็น ว่าที่หลานเขยถือจานข้าวมาต้อนรับ

    “ค่ะ คุณพ่อทานด้วยกันมั้ยคะ”

   “เอาสิ ตักให้ฉันด้วยจานหนึ่ง ไปช่วยยกกับข้าวซะ ไม่ต้องมาพยุงแล้ว ฉันยังไม่แก่ขนาดนั้น” ดึงแขนออกจากมือพ่อ พ่อยิ้มแห้งแล้วผงกหัวรับทำตามที่สั่ง แม่เองก็เช่นกัน ผมกับซันเลยอยู่รับหน้า หากเข้าครัวไปหมดโดนดุพอดี

   “สวัสดีครับปู่ สบายดีนะครับ” ผมยิ้มขัดตาทัพ มีซันเป็นกองหนุนอยู่ข้างๆ

   ปู่พยักหน้ารับส่งๆ มองสำรวจซันตั้งแต่หัวจรดเท้า เท้าจรดหัว

   “เจ้าหนุ่มชื่ออะไร”

   ซันได้โอกาสแนะนำตัว “ผมอาทิตย์ แฟนโป้ครับ”

   “เฮ้ย!” นี่เสียงผมเอง รีบถลาไปกอดไม้เท้าปู่แทบไม่ทัน ไอ้ซันมึงจะรีบไปไหน ทีกับแม่กูละใจเย็น ทำไมกับปู่ถึงใจร้อนวะ

   “เหอะ! สุดท้ายก็พาผู้ชายเข้าบ้าน งามหน้าไหมล่ะ”

   “ปู่เป็นคนบอกให้ผมพามันมาเองนะ” ผมบ่นอุบแต่เหมือนจะใกล้ปู่เกินไป ไม้เท้าเลยเคาะหัวไปหนึ่งที ร้าวไปถึงก้านสมอง อูยยย

   “เถียงๆ”

   “จัดโต๊ะเสร็จแล้วคะพ่อ” แม่ส่งเสียงมาได้จังหวะเหมาะ ปู่ถึงยอมลดไม้เท้าลงยอมให้ผมพยุงไปที่โต๊ะ แต่ยังไม่วายพูดให้หวาดผวาเล่น

   “กินข้าวเสร็จเรามีเรื่องต้องคุยกัน”

   “ครับ” ขานรับแบบจำยอม ปกติเขาจะให้ผ่านไปทีละด่านและมีจังหวะให้พักหายใจไม่ใช่เหรอ ทำไมชีวิตผมช่างดวงซวย หรือมีปู่ใจร้อนไม่ทราบ เจอกำแพงติดๆ กันเลย หวังว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดีนะ เฮ้อ


ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
สู้ๆลูก กับข้าวจะกินอร่อยกันไหมเนี่ย

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
งะ โหขาดตอนเยย

ออฟไลน์ Silver Fish

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-0
    • Fanpage
ยกที่35 สานสัมพันธ์
 
   พวกคุณคิดว่าบรรยากาศระหว่างกินข้าวเย็นจะเป็นยังไงครับ?

   เย็นเยือกประดุจอยู่ในห้องดับจิต

   วังเวงเยี่ยงป่าช้า

   กดดันราวกับอยู่บนลานประหาร

   ทั้งหมดเป็นคำตอบที่...ผิดครับ! อย่าว่าแต่ทุกคนงงเลย ผมเองก็งงกับบรรยากาศอบอุ่นไม่ต่างจากวันรวมญาติแสนสุข ถึงผมจะเว่อไปบ้าง แต่ของจริงไม่ได้ทิ้งห่างกันเท่าไหร่เลยนะ

   ผมมองซันตักนู่นคีบนี่เอาใจปู่แบบออกนอกหน้า แม้จะโดนปู่เหน็บว่าสร้างภาพ ก็ยังคงยิ้มนิดๆ และทำเหมือนเดิมไม่สะทกสะท้าน แถมปู่เองก็ไม่ได้เขี่ยทิ้งแต่อย่างใด ตักเข้าปากไปก็บ่นซันไปด้วย ระหว่างกำลังมองเพลินๆ มีแรงสะกิดตรงขา ไอ้ซันปรายตามองเหมือนส่งซิกบางอย่าง ก่อนละสายตาไปยังกับข้าวบนโต๊ะ

   ผมเข้าใจสิ่งที่มันจะสื่อนะ แต่ลังเลกลัวว่าบรรยากาศสบายๆ บนโต๊ะอาหารจะหายไปเพราะตัวเอง กระทั่งมีมือข้างหนึ่งบีบมือผมใต้โต๊ะเป็นเชิงให้กำลังใจ เอาวะ ไหนๆ ก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว ลองใช้วิธีซันหน่อยแล้วกัน

   “ปู่ครับ ผมตักให้ อันนี้แม่ทำอร่อยมาก” ผมตักคั่วแคกบให้ปู่ เลือกแต่ผักเพราะผมจำได้ว่าปู่ชอบกิน แล้วทุกอย่างก็เงียบลงราวกับโดนหยุดเวลา ต่อให้ไม่บอกก็พอรู้ว่าทุกคนกำลังลุ้นว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป กับหลานที่ปู่เคยลั่นวาจาตัดขาดมาแล้วครั้งหนึ่ง

   คนสูงวัยไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ตักผักเข้าปากกินราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เพียงพริบตาเดียวเท่านั้นที่ผมสังเกตเห็นบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในแววตาของปู่ ผมรู้สึกชาไปทั่วร่าง ก้มหน้าก้มตากินสลับตักกับข้าวให้ปู่เงียบๆ โดยมีมือซันไล้นิ้วโป้งบนมือผมเบาๆ แทนการชมเชย แล้วมื้อเย็นก็จบลงด้วยดี

   ถึงไม่ค่อยได้พูดคุยอะไรกันมาก กลับให้ความรู้สึกดีกว่าหลายปีที่ผ่านมา พ่อไปส่งปู่กลับบ้านใหญ่ ผมกับซันเป็นคนเก็บจานล้าง ส่วนแม่ขึ้นไปอาบน้ำชั้นบนเตรียมนอน เพราะพรุ่งนี้ต้องเข้าร้านแต่เช้า

   “เงียบเลยมึง โอเคเปล่าวะ” มันใช้ไหล่ชนผม ถามด้วยสีหน้ากวนๆ แฝงไปด้วยความเป็นห่วง ผมถอนหายใจพยักหน้าให้

   “ยังโอเคอยู่ แค่ยังไม่อยากเชื่อ มึงทำได้ไงวะ” ผมหันไปถามซันอย่างข้องใจ ปู่ไม่เคยเปิดใจให้ผมมาก่อน ที่ผ่านมาเจอหน้าเป็นต้องหาเรื่องมาดุด่า บางครั้งก็เรื่องเดิมๆ จนผมเลือกที่จะเลี่ยงโดยไม่รู้ตัว ถึงอย่างนั้น สิ่งที่ผมเห็นเมื่อครู่มันทำให้ผมเริ่มเปลี่ยนความคิดของตัวเองไปเล็กน้อย

   ถ้าผมไม่ได้ตาฝาด แววตานั้นแสดงถึงความสุข ความยินดี ชวนให้ผมนึกถึงเรื่องราวสมัยเด็ก ที่ปู่คอยตักของโปรดให้ผมเสมอ

   มือใหญ่วางผ้าเช็ดจานลง รั้งหัวผมไปซบอยู่ตรงอก พลางจูบเบาๆ บนขมับ

   “กูไม่ได้ทำอะไร แค่หาทางออกที่คิดว่าดีที่สุดตามคำแนะนำของพี่จินเท่านั้นเอง เรื่องบางเรื่องคนในมองไม่ออก แต่สำหรับคนนอกอย่างกู เห็นทุกอย่างชัดเจน ปู่เขารักมึงมากนะ คงอยากให้มึงได้ดีถึงต่อต้านมึงขนาดนี้”

   “ก็รู้ แต่มึง...เพิ่งมาไม่กี่ชั่วโมงทำไมรู้ดีนักวะ” ผมไถหน้ากับแขนเสื้อมัน เช็ดน้ำที่ซึมตรงหางตา เรื่องครอบครัวถือเป็นเรื่องอ่อนไหวของผม

   “บอกแล้วไง กูคนนอกเลยมองออกว่าความจริงปู่มึงก็ไม่ได้โกรธมึงอะไรขนาดนั้นแล้ว ไม่งั้นพอรู้ข่าวคงไม่รีบมาหามึงหรอก คนแก่เดินทางลำบากนะ ต่อให้เป็นระยะทางสั้นๆ ก็เหนื่อย ปู่อุตส่าห์มาหามึง สำนึกบุญคุณซะบ้าง” เพิ่งจะปลอบใจกันไม่กี่นาทีก่อน ตอนนี้ซันมันใช้นิ้วจิ้มหน้าผากผมจนหน้าหงาย ปากก็เทศนาไม่หยุด ยิ่งกว่าพ่อผมอีก

   “มึงไม่เจอแบบกูนี่หว่า ใช่ว่ากูไม่อยากคืนดีกับปู่ แต่คนมันเคยเจอเหตุการณ์สะเทือนใจมาก่อน ก็ไม่กล้าเปล่าวะ” ผมเถียงมัน ใส่แรงกับการขัดกระทะ

   “ก็นั่นแหละ มึงควรขอบคุณกูซะ งานนี้กูจะมาเป็นกาวสานสัมพันธ์ปู่หลานให้มึงเอง” เห็นอีกฝ่ายมั่นใจผมหัวเราะเหอะด้วยความหมั่นไส้

   “ไม่ใช่มึงมาแสดงตัวเป็นหลานเขยรึไง”

   “นั่นเรื่องรอง แค่อยากมาแสดงตัวเท่านั้นเอง ในเมื่อพ่อแม่ไม่มีปัญหาแล้ว ก็เหลือปู่ กูต้องทำให้มึงคืนดีกับปู่ให้ได้ ไม่งั้นเดี๋ยวมาสู่ขอเป็นหลานเขยเต็มตัวไม่ได้พอดี” คำพูดเหมือนหยอกเล่น แต่สีหน้ามันจริงจังมากซะจนผมอึ้ง เกือบทำจานลื่นหลุดมือ ดีที่คว้าทัน

   “เพิ่งคบไม่ถึงปี เคลียร์กันไม่ครบเดือน มึงคิดเรื่องแต่งงานแล้วเรอะ!”

   “เออสิวะ! กูรักจริงหวังแต่งไม่ฟันทิ้งขว้างแน่นอน แล้วก็นะ กูชัดเจนมาตลอด มีแต่มึงนั่นแหละตัวปัญหา”

   “ขอโทษแล้วกันที่เป็นตัวปัญหา”

   “อย่ามาประชด”

   “ไม่ได้ประชด แค่คิดแบบนั้นจริงๆ” ผมถอนหายใจล้างจานใบสุดท้ายส่งให้ซันเช็ด แล้วใช้มือเปียกโชกเช็ดเสื้อมันแทนพลางหันหลังพิงอ่างล้างจาน “กูนึกภาพไม่ออกเลยว่าถ้าตัวเองคบกับคนอื่นจะเป็นยังไง ไม่นานก็คงเลิกเหมือนที่ผ่านมาแหง สงสัยคงมีแต่มึงเท่านั้นแหละที่ไปกันได้” ส่วนจะอยู่กันรอดมั้ย อันนี้ต้องรอดูต่อไป

   “รู้ตัวก็ดี เลิกพูดเรื่องนี้เถอะ กูไม่ชอบพูดอะไรซ้ำซาก”

   ผมหันไปมองมันตากผ้าเช็ดบนซิงค์ “ได้ข่าวว่ามึงคนเริ่มนะ” ซันกลับเดินหนีซะงั้น

   “ช่างมัน เมื่อกี้กูได้ยินเสียงรถ สงสัยพ่อมึงกลับมาแล้ว ต้องปิดประตูหน้าต่างหมดมะ จะได้ขึ้นบนบ้าง มึงจะให้กูนวดไม่ใช่รึไง” จบประเด็นดื้อๆ แถมเอาของมาล่อ ผมก็ทำตามสิครับ

   “ล็อกแค่ประตูบ้านก็พอ หน้าต่างไม่ต้องปิด ติดเหล็กดัดไว้ไม่เป็นไรหรอก”

   “ได้ งั้นกูล็อกเอง มึงไปปิดไฟ เพราะกูไม่รู้ตรงไหนปิดจุดไหน” ซันรับพวงกุญแจไปจากผม ถามว่ามันรู้ได้ไงว่าดอกไหน? ผมเลือกให้มันแล้วน่ะเลยไม่มีปัญหา แยกย้ายกันไปปิดบ้านขึ้นบน ต่างจังหวัดก็นอนเร็วเพราะต้องตื่นไปทำงานกันตั้งแต่เช้า ส่วนพ่อคิดว่าคงขึ้นไปก่อนแล้วแหละ ไม่รู้ว่าพวกท่านได้ยินสิ่งที่ผมคุยกับซันรึเปล่า ถ้าได้ยินก็คงจงใจปล่อยให้พวกเรามีเวลาส่วนตัว ซึ่งนั่นก็ดี เท่ากับว่าพวกท่านยอมรับเรื่องของผมกับซันแล้วจริงๆ ถึงฉากผู้ชายซบกันมันจะแปลกไปบ้างก็เถอะ เหอะๆ

   “เรียบร้อย ปะ ขึ้นบน มึงอาบน้ำก่อนแล้วไปนอนรอ” อย่าเพิ่งคิดลึกนะ นอนรอให้มันนวดเฉยๆ อยู่บ้านแบบนี้พวกผมไม่กล้าทำอะไรกันหรอกครับ…

   กำแพงมันเก็บเสียงไม่ได้น่ะ

   “คิดไรวะ ทำหน้าหื่นอีกแล้ว” ซันผลักหัวผมจนเซ สุดท้ายมันก็เป็นคนคว้าไม่ให้ผมกลิ้งตกบันได วันนี้มึงเล่นหัวตูหลายทีแล้ว เดี๋ยวใช้งานให้หนักแม่ง

   “บ่งบอกว่ากูยังแข็งแรงดีไง ส่วนมึง...” มองลงล่างแล้วทำหน้าสะบัดมือใส่ ไอ้ซันกัดฟันชี้หน้าคาดโทษไว้ เพราะมันทำอะไรผมไม่ได้ ฮ่าๆ

   หลังอาบน้ำจนตัวหอมฉุยกันทั้งคู่ ผมก็มานอนคว่ำหน้าบนเตียงให้ซันนวด ปกติผมก็ไม่จิกหัวใช้งานมันแบบนี้หรอกนะ แต่คือมันระบมไง แล้วยังนั่งเครื่องต่อรถ ฝืนทำเก่งยืนทำนู่นนี่เพิ่งจะได้พักดีๆ อาการปวดเมื่อยก็เหมือนพร้อมใจกันแสดงตัวให้ผมกลายเป็นผักเหี่ยว

   แม้ซันมันจะไม่เก่งถึงขนาดจับเส้นนวดแผนไทย อาศัยแค่น้ำหนักมือกับความรู้ใจก็ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อให้ผมได้เยอะ หวิดๆ จะเคลิ้มหลับจนมันต้องสะกิด

   “อย่าเพิ่งนอน กินยาแก้ปวดก่อนจะได้ไม่ตื่นกลางดึก แล้วยังจะทายาอยู่มั้ย กูจะได้ทาให้” ส่งน้ำพร้อมยาที่มันพกมาจากห้อง ฝ่ายรับก็แบบนี้แหละ สุขตอนทำทุกข์หลังเสร็จ โชคดีที่ผมได้กับซัน มันเลยดูแลอย่างดี โดยมีผู้เชี่ยวชาญอย่างพี่ชายมันคอยให้ความรู้กระทั่งเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ จนผมชักเห็นใจพี่จิน

   ผมรับยามากินกระดกน้ำตามก่อนส่งแก้วคืน “ไม่เป็นไร กูทาจากห้องน้ำละ” อยู่บ้านไม่กล้าเสี่ยง เกิดใครเปิดประตูเข้ามาเจอช็อตเด็ดเดี๋ยวจะยุ่ง

   “ตามใจ กลางคืนที่นี่ก็ดีนะ เปิดพัดลมก็พอไม่ต้องเปิดแอร์” มันชวนคุย ส่วนผมตาจะปิดแล้วครับ เลยลุกไปจูบปากมันเร็วๆ ทีหนึ่ง ถ้าไม่ทำให้ครบเช้าเย็นเดี๋ยวเด็กโข่งมันจะงอแง

   “ราตรีสวัสดิ์มึง กูง่วง นอนล่ะ” จับผ้าห่มคลุมตัวก่ายหมอนข้างหันก้นให้มัน ต่างคนต่างนอน ไม่มีกอดซบใดๆ ทั้งสิ้นเพราะขี้ร้อนทั้งคู่ ขนาดอยู่คอนโดยังแยกห้องกันนอนเลย ยกเว้นเวลาอย่างว่าเสร็จกิจก็เหนื่อยหลับไม่คิดฝืนสังขารกลับห้อง

   เช้าวันรุ่งขึ้น พออยู่บ้านผมจะตื่นเช้าด้วยความเคยชิน ซันเองเลยลุกมาด้วย แต่ก็ยังช้ากว่าพ่อแม่อยู่ดี หลังอาบน้ำล้างหน้าแต่งตัวเสร็จก็เห็นพ่อจิบกาแฟอ่านหนังสือพิมพ์ มีแม่ทำอาหารเช้าอยู่ในครัว ดมจากกลิ่นแล้วน่าจะเป็นข้าวต้ม เมนูแสนง่าย สบายท้อง สารอาหารครบถ้วนเหมาะกับยามเช้าที่ไม่เร่งรีบมากนัก

   บรรยากาศสบายๆ ไม่ต้องกังวลว่ารถจะติด ไม่มีมลพิษทางเสียงช่างดีต่อใจ

   “ตื่นกันไวจัง วันนี้จะไปเที่ยวไหนกันล่ะ หรือจะไปร้านกับแม่” แม่ทักระหว่างถือถ้วยข้าวต้มหอมๆ ออกมา เห็นแบบนั้นพ่อก็รีบลุกไปช่วยถือ ส่วนผมกับซันเข้าครัวไปตักบ้าง

   “ชวนไปร้านจะได้มีแรงงานฟรีสินะคุณ” พ่อแซว ก่อนจะโดนแม่ตีเพียะที่แขน ผมหัวเราะตักข้าวต้มส่วนของตัวเองกับซันมาร่วมโต๊ะด้วย

   “ไม่ใช่สักหน่อย เผื่อซันอยากไปดูการทอผ้าเลี้ยงไหม ว่าไงจ๊ะ สนใจรึเปล่า” ค้อนใส่พ่อแล้วหันมาถามซัน ว่าที่ลูกเขยยิ้มตอบ

   “น่าสนใจนะครับ แต่วันนี้ผมกับโป้มีธุระ ถ้าไม่รบกวนผมขอไปดูพรุ่งนี้ดีกว่า”

   “ไม่รบกวนอยู่แล้ว ปิดเทอมคงจะมาอยู่กันหลายวัน ไว้ไปเมื่อไหร่ก็ได้”

   “ระวังจะโดนจับเป็นหุ่นโชว์เสื้อล่ะ โป้เองก็โดนบ่อยๆ” พ่อเตือนด้วยความหวังดีแกมหยอกภรรยา เลยกลายเป็นภาพน่ารักระหว่างครอบครัว ผมหัวเราะคู่กับซัน แม้บทสนทนาบนโต๊ะอาหารยังไม่ค่อยเป็นธรรมชาตินัก เพราะแม่พยายามชวนทุกคนคุยไม่ให้ซันอึดอัด พ่อก็ยิงมุกแบบที่ไม่ค่อยทำ ถึงงั้นก็ไม่รู้สึกอึดอัดใจอะไร แถมยังรู้สึกอบอุ่นที่พ่อแม่แคร์ความรู้สึกของพวกเรา

   ผมเชื่อว่าเวลาผ่านไป ระดับอย่างซันต้องสนิทกับทุกคนในบ้านได้แน่นอน เผลอๆ ผมซะเองที่จะกลายเป็นหมาหัวเน่า

   ว่าแต่พวกเรามีธุระอะไรด้วยเหรอ การมาครั้งนี้เพราะปู่อยากเห็นหน้าซันล้วนๆ ซึ่งได้เห็นไปแล้ว จะบอกว่าธุระคือการเที่ยวก็คงไม่ใช่ พอจะถามมันก็ไม่มีโอกาส ต้องรอกระทั่งพ่อแม่ออกไปทำงานเหลือกันอยู่สองคนผมถึงถามมันตรงๆ

   “ธุระอะไรของมึงวะ หรือมึงมีเรื่องที่อยากทำ”

   “สุภาษิตญี่ปุ่นบอกไว้ว่า จงตีเหล็กขณะที่ยังร้อน เมื่อวานปู่มาหา วันนี้มึงต้องไปหาท่านเช่นกัน” หมุนตัวกลับไปหยิบกระเป๋าตังเตรียมออกเฉย

   “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับสุภาษิตมึงวะ” ถามนะ แต่ก็เดินตามออกมาข้างนอกพร้อมล็อคประตูเสร็จสรรพ บ้านผมมีรถใหญ่แค่คันเดียวสำหรับพ่อขับไปทำงานและส่งแม่ที่ร้าน กับมอเตอร์ไซค์สองคันของแม่และของผม งานนี้ได้แว้นลูกชายหลังจากจอดตากฝุ่นมานาน

   “เออน่า ไปเถอะเชื่อแฟนแล้วชีวิตจะรุ่งเรือง มึงขับนะเพราะกูไม่รู้ทาง”

   “ถามความสมัครใจกูยัง” บ่นอุบอิบพลางคร่อมมอเตอร์ไซค์แล้วบิดไปบ้านใหญ่ทั้งที่ยังไม่เข้าใจนี่แหละ ไหนๆ มันก็หวังดี จะยอมทำตามแผนการมันหน่อยแล้วกัน ผมเองก็ไม่อยากปล่อยให้เรื่องมันคาราคาซังแบบนี้ต่อไป

   ระยะทางระหว่างสองบ้านไม่ไกลกันมาก แถมรถไม่ติดขับไปสิบห้านาทีก็ถึง แต่มาเสียเวลากับการพาไอ้ซันไปเลือกซื้อของฝากให้ผู้ใหญ่ เลือกอยู่นานสองนาน บอกเอากระเช้าผลไม้ก็ไม่เอา ไม่รู้เก็บมานานรึยัง ผลไม้สดรึเปล่า พ่นอะไรไว้มั้ย สารพัดจนเกือบโดนพนักงานเอากระเช้าโบกหัว ผลสุดท้ายเลยจบที่กระเช้าโครงการหลวง แนวรักสุขภาพ ปลอดภัยหายห่วง เฮ้อ

   ว่าด้วยเรื่องบ้านใหญ่ของผมต่อ เอาจริงๆ มันก็ไม่ได้หลังใหญ่ปานวังจุฑาเทพ เพียงแค่มีเนื้อที่กว้าง และมีบ้านเดี่ยวสองหลังของปู่กับญาติอยู่ในรั้วเดียวกันเท่านั้นเอง

   ประตูรั้วไม่มียามหรือคนใช้มาเปิดให้เพราะเป็นระบบอัตโนมือ ผมเลยสั่งให้ซันอุ้มกระเช้าไปเปิดประตูแล้วขับเข้าไปจอดด้านใน ยืนรอให้มันเดินตามมาค่อยเข้าบ้านพร้อมกัน ด่านแรกที่ผมเจอคือย่ากับป่าสายใจ คนเก่าคนแก่เห็นผมมาตั้งแต่อยู่ในท้อง ความจริงลูกสาวลูกชายแกก็ทำงานที่นี่ด้วย แต่ไม่เห็น สงสัยจะทำอย่างอื่นอยู่

   “สวัสดีครับย่า สวัสดีครับป้าสายใจ” ผมส่งเสียงเรียก ย่าสะดุ้งเล็กๆ ละสายตาจากทีวีมามองผมที่เดินเข้าไปหาพลางยกมือไหว้คู่กับซัน

   “คุณหนูโป้กลับมาเมื่อไหร่คะเนี่ย” คนที่ทักกลับเป็นป้าสายใจ ส่วนย่าผมแค่กางแขนเรียกให้ผมไปกอด แล้วมองซันเป็นเชิงถาม

   “ผมมาเมื่อวานครับ คนนี้ชื่อซันเป็นแฟนผมเอง” งานนี้ซันสะกิดเรียกผมยิกๆ ผมเลยกระซิบบอกให้ได้ยินแค่สองคน “พวกท่านเป็นคนที่ยอมรับเรื่องกูชอบผู้ชายได้เป็นคนแรก มึงไม่ต้องห่วง ไม่เป็นไรหรอก” ตบหลังมือซันเบาๆ นี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ผมยอมกลับบ้านใหญ่มาง่ายๆ ไม่ได้มาเยี่ยมท่านทั้งสองนานแล้ว ปกติจะชอบแอบมาระหว่างปู่งีบตอนกลางวันแล้วกลับไปก่อนที่ปู่จะตื่น

   “แหมคุณหนูโป้ หาได้หล่อเหมือนพระเอกในละครเลยนะคะ เนอะคุณหญิง” ป้าสายใจ ตาเป็นประกายชมซันออกนอกหน้าแถมยังหาแนวร่วมอีกต่างหาก ย่าผมหัวเราะแบบไร้เสียงแล้วชี้ไปยังทีวีที่กำลังฉายละครรอบเที่ยง ผมพ่นหัวเราะพรืด เพราะพระเอกอยู่ในช่วงปลอมตัวเป็นโจรเถื่อน ทาตัวดำติดหนวดหน้าตาขึงขัง เออ เหมือนจริงๆ ฮ่าๆๆ

   “อย่างน้อยก็ยังเป็นพระเอก ขอบคุณที่ชมนะครับ กระเช้านี่ผมเอามาฝาก หวังว่าจะถูกใจ” ผมเห็นมันทำหน้าเซ็งไปเสี้ยววิ แต่กลับลำทันเปลี่ยนมายิ้มแย้มส่งกระเช้าให้ถึงมือ ย่าผมรับมาแล้วส่งต่อให้ป้าสายใจเอาไปเก็บ ก่อนจะจับมือผมกับซันมาวางทับกัน ป้าสายใจผู้ทำงานใกล้ชิดย่ามาตั้งแต่สมัยยังสาวช่วยแปลความหมายให้ด้วยความเคยชิน

   “คุณหญิงบอกว่ารักกันนานๆ ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร” พูดจบก็หัวเราะคิกคักอยู่คนเดียวตามประสาคนอารมณ์ดี ไม่หวั่นแม้จะถูกย่าผมส่ายหัวอย่างเอือมระอาใส่

   ผมมองย่าที่เริ่มทำภาษามือ

   ‘ฝาก’

   ‘ดูแล’


   ตามด้วยลูบหัวผมเบาๆ

   “คุณหญิงบอกว่า ฝากดูแลคุณหนูโป้ด้วยค่ะ แม้เราจะเพิ่งรู้จักกัน แต่ป้าเชื่อว่าคนที่คุณหนูเลือกต้องเป็นคนดีแน่นอน”

   ย่ากับป้าสายใจมองอย่างเอ็นดูเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักใคร่ แถมยังเผื่อแผ่ไปทางซัน สำหรับพวกท่านแล้ว การที่หลานชายยอมกลับบ้านอย่างสง่าผ่าเผยไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ เหมือนที่ผ่านมาถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ทั้งคู่เลี้ยงโป้มาตั้งแต่ตีนเท้าฝาหอย ย่อมรู้นิสัยใจคอดี ความกล้าของหลานชายน่าจะมาจากคนข้างตัว จึงไม่แปลกที่พวกท่านจะให้โอกาสซัน

   เหตุการณ์ไม่คาดฝันทำให้โป้ขอบตาร้อนผ่าว รู้สึกเต็มตื้อในอก ก้มกราบแทบเท้าผู้ที่เปรียบเสมือนแม่นมในวัยเยาว์ ซันเองก็เช่นกัน ใบหน้าคมเข้มเผยรอยยิ้มกว้างมากกว่าครั้งไหนๆ ดวงตาแวววาวด้วยน้ำใสขณะกล่าววาจาหนักแน่น

   “ขอบคุณมากครับที่เชื่อใจผม ผมจะดูแลโป้อย่างดี ไม่ทำให้พวกท่านผิดหวัง ขอบคุณจริงๆ ครับ” ต่อให้ใจแข็งแค่ไหน การมีผู้ใหญ่ยอมรับนับเป็นเรื่องดีอยู่แล้ว อย่างน้อยๆ ก็เป็นกำลังใจให้ฝ่าฟันอุปสรรคต่อไป

   “ดูซิ มาทำป้าร้องไห้ตาม” ป้าสายใจหยิบทิชชูซับน้ำตา ย่าผมเป็นคนเข้มแข็งท่านไม่แสดงสีหน้าอะไรนอกจากยิ้มเอ็นดู

   ผมอยากคงบรรยากาศตอนนี้ไว้ แต่สัจธรรมของโลก เมื่อพบเรื่องดีเรื่องแย่มักตามมา อย่างเช่นในเวลานี้ที่มีมารโผล่ออกมา

   “ทีแรกก็คิดว่าใครมา ที่แท้หลานพาผู้ชายเข้าบ้าน” หญิงวัยกลางคนอายุมากกว่าแม่ผมไม่กี่ปี เดินหน้าหงิกเข้ามา “คุณแม่น่าจะว่าสักหน่อย ตามใจโป้มากเกินไปแล้วนะคะ” สิ้นคำก็เดินมานั่งบนโซฟา ผมได้ยินเสียงถอนหายใจของย่า ส่วนป้าสายใจถือกระเช้าหนีไปหลังบ้านแล้ว

   ใจจริงผมไม่อยากจะทัก แต่ย่ามองปรามผมเลยต้องยกมือไหว้แบบส่งๆ
   
   “ดูทำตัวเข้า ไม่น่ารักเลยสักนิด”

   “ผมก็ไม่ได้ขอให้มารักนี่ครับ คนรักผมมีมากแล้ว ขาดป้าสักคนคงไม่เป็นไร” อารมณ์ดีๆ ถูกทำลายทิ้งในพริบตาที่เห็นหน้า เธอคนนี้เป็นพี่สาวพ่อผมเอง

   “โป้” ซันปรามผม เพราะย่าเริ่มเอาไม่อยู่ ผมจำต้องพยายามข่มอารมณ์ตัวเองเพราะเห็นแก่หน้าย่า

   “ฉันหวังดีกับแกนะ เพราะนิสัยแบบนี้ไงถึงเป็นตัวปัญหา”

   ผมกำมือแน่นคิดจะสวนกลับ คำพูดไม่ทันหลุดออกจากปาก เสียงเคาะไม้เท้ากับราวบันไดดังก้องไปทั่วบ้าน ทุกคนหันไปมอง เห็นปู่ในชุดผ้าฝ้ายสำหรับใส่อยู่บ้านลงมาจากชั้นบน

   “อย่ามาส่งเสียงดังในบ้านฉัน ถ้าจะตีกันก็ออกไปตีกันข้างนอก” ทุกคนเงียบกริบ เหล่าคนอายุน้อยกว่าพากันลุกจากที่ให้ผู้ใหญ่นั่ง ป้าเองก็เข้าไปพยุงปู่ ก่อนจะโดนไล่ออกมา “ไม่ต้อง เจ้าพวกนี้มันเป็นยังไง ชอบมาพยุงอยู่ได้เกะกะ สายใจอยู่ไหน ฉันคอแห้ง เอาน้ำมาให้ที” บ่นก่อนเปลี่ยนไปเรียกป้าสายใจที่ส่งเสียงขานรับจากหลังบ้าน พลางโบกมือให้ผมนั่งกับย่าต่อ ส่วนปู่ไปนั่งแทนที่ซัน เจ้าตัวเลยถูกเบียดไปนั่งซะไกลลิบ

   ไม่รู้จะหมู่หรือจ่า กลับบ้านครั้งนี้เจอตัวเอกถึงสองคนในคราวเดียว ผมว่าแผนการอันสวยงามของซันได้พังพินาศก็ตอนนี้แหละ


ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
อยากอ่านต่ออีกแล้วอะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด