}Preorder{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) พิเศษมูน-จิน5 P.14 [31/10/60]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: }Preorder{เป็นเกย์กันมั้ย? (ซัน-โป้) พิเศษมูน-จิน5 P.14 [31/10/60]  (อ่าน 170868 ครั้ง)

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
โหดสาด เพียงประโยคเดียว เงียบกริบ

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ Silver Fish

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-0
    • Fanpage
ยกที่36 ปล่อยมันไป

    ความกดดันแผ่ครอบคลุมโดยรอบ พอๆ กับจิตสังหารที่ผมจงใจส่งไปให้ป้าโดยเฉพาะ เจ้าตัวก็รับรู้แหละ ถึงสวมบทเป็นเด็กน้อยหันไปฟ้องปู่

   “คุณพ่อตามใจโป้มากเกินไปนะคะ ถึงขั้นพาผู้ชายมาแบบนี้ใช้ไม่ได้เลย”

   “เหมือนที่ฉันตามใจเธอจนเป็นแบบนี้สินะ สามีเธอมันกลับบ้านรึยังล่ะ หรือหายหัวไปอยู่ที่ไหนอีก” ปู่กระแทกไม้เท้าเค้นเสียงเหอะในคอ ไม่แม้แต่จะมองหน้าป้าด้วยซ้ำ

   ป้าเป็นลูกสาวเพียงคนเดียว เลยถูกตามใจแม้จะเป็นคนกลาง รองมาก็เป็นลุงใหญ่พี่ชายคนโตที่ปู่หมายมั่นจะให้สืบทอดกิจการของตัวเอง ผลออกมาคือ ลุงใหญ่แยกไปสร้างครอบครัวและบริหารกิจการในส่วนของป้าสะใภ้แทน

   ก็เหลือแต่พ่อ ลูกชายคนเล็กที่ถูกลืม มีเพียงย่าที่เอาใจใส่จนกลายเป็นลูกกตัญญูอย่างทุกวันนี้ สัจธรรมของโลก ธรรมดาของครอบครัวที่มีพี่น้องหลายคน ผมมั่นใจว่าไม่มีใครรักลูกเท่ากัน แถมพวกที่โดนเมินมักจะเป็นคนที่ได้ดั่งใจที่สุด ไม่รู้ด้วยนะว่าเป็นเพราะอะไร แต่ส่วนใหญ่ที่ผมเจอมักจะเป็นแบบนี้ ผมถึงบอกว่าบ้านซันน่ะโชคดี พี่น้องรักกัน สนิทจนคุยได้ทุกอย่างยันเรื่องใต้สะดื้อ

   “พ่อคะ! แทนที่พ่อจะช่วยกลับมาซ้ำเติมกันแบบนี้เนี่ยนะ” เสียงของป้าดึงผมออกจากภวังค์ รู้สึกว่าเหตุการณ์เริ่มเบนไปยังทิศทางแปลกๆ แต่ผมเองก็มีชนักติดหลังตัวดำนั่งเนียนเป็นอากาศธาตุเลยสงบปากสงบคำไม่พูดอะไรนอกจากก้มหน้านวดแขนย่า

   “เธอมันดื้อ บอกว่าไม่ดีก็ยังจะเอา รับกรรมไปเถอะ”

   “คุณพ่อ!”

   “ป้าสายใจน้ำได้รึยังครับ ปู่คอแห้งแล้ว” เถียงกับป้าจนคอแห้งอะนะ ผมโผล่งขึ้นมาเพราะเห็นท่าจะไม่ดี ถึงซันจะเป็นแฟนผมแต่ให้มาเห็นสภาพครอบครัวแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่อง ป้าสายใจเองคล้ายรอจังหวะนี้อยู่นานแล้ว เดินออกมาเสิร์ฟน้ำเย็นๆ ให้กับทุกคน ประเด็นคือน้ำที่ว่าเป็นน้ำผลไม้ทั้งหมด แถมคุกกี้น่ากินบนจาน

   “เสียมารยาท ผู้ใหญ่คุยกันแทรกขึ้นมาได้ยังไง” เถียงปู่ไม่ได้มาลงที่ผมซะงั้น ปู่รับน้ำจากป้าสายใจพร้อมเริ่มยกสอง

   “อย่างน้อยมันก็นึกถึงฉัน ไม่ได้คิดถึงแต่ตัวเองแล้วมาเถียงป่าวๆ แบบเธอ”

   ผมตาโตมองปู่แบบอึ้งๆ แบบนี้เค้าเรียกว่าเข้าข้างรึเปล่านะ หรือผมหูฝาดวะ ระหว่างที่กำลังแคะหูตัวเอง ป้าแกคงคอแห้งเหมือนกันแหละเลยยกขึ้นมาจิบบ้าง ปู่ดื่มไปได้ครึ่งแก้ว เผยสีหน้าพึงพอใจหันไปถามป้าสายใจอย่างสงสัย

   “สายใจ เธอซื้อน้ำนี่มาจากไหน รสชาติใช้ได้”

   ป้าสายถือถาดอมยิ้มมุมปากพลางเหล่มองไปทางซัน “น้ำเจียวกู้หลานผสมดอกคำฝอยของฝากจากพ่อหลานเขย” พูดจบก็ตีแขนซันไปที เจ้าหลานเขยยิ้มหน้าชื่นรับไม้ต่อจากเจ๊ดัน

   “เป็นผลิตภัณฑ์ของดอยคำครับ สะอาดปลอดภัยและดีต่อสุขภาพ” เซลล์ขายตรงก็มา ผมหัวเราะขำช่วยเสริมให้หลังเห็นป้ารีบวางแก้วลงที่เดิมทันทีที่ได้ยิน

   “กระเช้านี้สองพันนะปู่ ความจริงมันจะขนมาเยอะกว่านี้ด้วยซ้ำ แต่พวกเราขับมอเตอร์ไซค์มาเลยได้มาแค่กระเช้าเดียว ถ้าปู่ชอบไว้วันหลังผมจะซื้อมาให้” ซันทำคะแนนแล้วถึงทีผมทำคะแนนบ้าง ท่องไว้ในใจว่าสานสัมพันธ์ปู่หลาน เมื่อปู่ยอมอ่อนลงแล้ว ผมก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องแข็งข้อต่อไป ส่วนเรื่องยอมรับซันได้มั้ยอันนั้นต้องรอดูฝีมือแฟนผมแล้วล่ะ

   “อยู่กรุงเทพจะเอาที่ไหนมาซื้อให้ฉัน” ปู่เมินผมแล้วหันไปคุยกับป้าสายใจเฉย “สายใจ ถ้าเธอเจอก็ซื้อเข้ามาด้วย”

   ป้าสายใจขานรับพลางหัวเราะคิกคัก ส่วนย่ามีแอบส่งนิ้วโป้งให้ผมกับซันโดยไม่ให้ปู่เห็น บรรยากาศในบ้านเลยดีขึ้นมาหน่อย ยกเว้นใครบางคนที่ถูกลืมชั่วขณะ บ่นพึมพำแบบที่ได้ยินกันทั้งวง

   “น้ำอะไรไม่รู้ ไม่เห็นจะอร่อย”

   ผมหันขวับ ซันมันซื้อมาด้วยใจ พูดแบบนี้โป้ไม่ปลื้ม “ไม่อร่อยก็ไม่ต้องกินครับ ไม่ได้ขอให้กิน ถ้าให้ดี ป้ากลับไปกินบ้านตัวเองเถอะ จะได้ถูกปากถูกลิ้น”

   “เรื่องสิ ที่นี่ก็บ้านฉันเหมือนกัน ดูซิ ไปเรียนกรุงเทพไม่ถึงปีกลายเป็นเด็กนิสัยเสีย ไม่มีสัมมาคารวะกับผู้ใหญ่ พ่อแม่เธอไม่สอนรึไง”

   ที่ผ่านมาผมแค่รู้สึกระคายหู มีประโยคสุดท้ายนี่แหละที่ทำให้ผมขึ้น ลุกยืนจนย่าต้องรีบคว้าแขน ป้าสายใจมาล็อคอีกทางอย่างรู้งาน ขนาดซันเองยังขมวดคิ้วมองอย่างไม่ชอบใจ จากสีหน้าของทุกคนป้ามหาภัยคงรู้ตัวแล้วว่าเผลอหลุดอะไรออกมา

   “ออกไปจากบ้านฉัน!” ปู่ชี้ไม้เท้าไปข้างนอก โมโหจนมือไม้สั่น อารมณ์โกรธผมดับวูบทันที แม้ปู่ผมจะไม่มีโรคประจำตัวแต่การโมโหมากๆ แบบนี้ไม่ดีต่อสุขภาพสักนิด ย่าเริ่มลังเลไม่รู้จะไปทางฝั่งไหนดี ผมลูบมือย่าเบาๆ ส่งสายตาให้ซันที่พยักหน้ารับลุกขึ้นมายืนข้างปู่ เกิดล้มเป็นอะไรขึ้นมาจะได้ช่วยทัน

   ฝ่ายป้ารู้สึกเหมือนตัวเองถูกรุมจึงเกิดอาการต่อต้าน พูดสิ่งที่คิดออกมาจนหมด “ทำไมคะ? ทั้งที่โป้เป็นแบบนี้ ทำไมพ่อยังเอาแต่ว่าหนู หนูก็แค่พลาดที่เลือกคู่ชีวิตผิด แต่หลานคนนี้มันเอาผู้ชายมาเป็น...”

   “พอได้แล้ว! เรื่องนั้นฉันรู้ดีไม่ต้องให้เธอมาย้ำ ที่สำคัญโป้มันไปเรียนไม่ใช่ขับรถไปเที่ยววันๆ อย่างลูกชายเธอ! สักวันหนึ่งเถอะ ถ้ามันทำผู้หญิงท้องหรือไปฆ่าใครตายขึ้นมาฉันจะไม่ช่วยอะไรสักอย่าง สร้างปัญหาก็ไปแก้กันเอาเอง”

   “สิงห์คำก็เป็นหลานพ่อนะคะ!”

   “แล้วบุญมันไม่ใช่น้องชายเธอรึไงถึงไปว่ากระทบมันแบบนั้น” ปู่สวนกลับป้าถึงกับสะอึก เม้นปากแน่นมองปู่ด้วยตาแดงๆ

   “บุญ บุญ บุญ คุณพ่อรู้ตัวมั้ยเดี๋ยวนี้อะไรๆ ก็บุญ น้อยอยู่บ้านข้างๆ พ่อไม่เคยเรียกน้อยเลย ใช่สิ น้อยมันไม่เอาไหน ไม่ได้สร้างครอบครัวมีฐานะอย่างพี่แสง ไม่ได้ช่วยกิจการของพ่อเหมือนบุญนี่ คอยดูเถอะ หลานที่พ่อรักนักรักหนา จะทำให้พ่อเสียใจที่สุด ถึงเวลานั้นอย่ามาง้อสิงห์คำแล้วกัน” เผยสีหน้าเจ็บใจแล้วกระทืบเท้าออกจากบ้าน แต่ก่อนไปยังไม่วายหันมาจ้องผมเขม็ง “ชีวิตแบบนั้นน่ะมันไม่มีวันมีความสุขหรอก พวกผิดเพศ หึ!”

   คำสุดท้ายที่ป้าทิ้งไว้ทำเอาผมหน้าชา ไม่ใช่เรื่องที่ตัวเองชอบผู้ชาย แต่เป็นเรื่องที่ซันต้องมาเห็นและโดนด่าด้วยแบบนี้ ทั้งที่บ้านมันต้อนรับผมอย่างดี รู้สึกอายจนไม่อยากจะสู้หน้ามัน ผมเบี่ยงตัวหนีซันที่ทำท่าจะชวนคุย ไปหาปู่ที่ย่ากับป้าสายใจกำลังดูแลอยู่

   “ผมว่าพาปู่ขึ้นไปพักก่อนเถอะครับ เดี๋ยวผมช่วย” ปู่คงไม่มีอารมณ์มาตั้งแง่กับผมต่อ เลยยอมให้พยุง เพราะย่ากับป้าสายใจเองก็อายุเยอะแล้ว ที่ผ่านมาได้ลูกของป้าสายใจช่วยอีกแรง แต่ตอนนี้ไม่อยู่สักคนจะให้เรียกก็เสียเวลา สู้ให้ผมทำหน้าที่หลานยังดีกว่า

   หางตาผมเห็นซันมองนิ่งๆ ไม่ได้ตามขึ้นมา แต่แววตาหนักแน่นนั่นทำเอาผมต้องเป็นฝ่ายหลบ

   “รอนี้ก่อน เดี๋ยวฉันมา” อยู่บ้านปู่ผมจะไม่พูดคำหยาบ ซันส่งเสียงอือรับสั้นๆ ปล่อยให้ผมพาปู่ขึ้นชั้นบนไปนอนเอนหลังที่เตียงโดยมีย่าคอยดูข้างๆ ได้พักหายใจสักแป๊บ ปู่ก็โบกมือไล่

   “ลงไปดูมันซะ ปล่อยให้มาเห็นเรื่องในครอบครัวแบบนี้มันไม่ดี”

   ทีแรกผมลังเล พอเห็นย่ากับป้าสายใจส่งสายตาให้ไป ถึงยกมือไหว้แล้วลงมาหาซันที่ชั้นล่าง เห็นซันยืนที่เดิมไม่ได้นั่งรออย่างที่คิด

   “เป็นไงบ้าง” น้ำเสียงเป็นห่วงยิ่งทำให้ผมอยากถอนหายใจให้หมดปอด

   “ไม่เป็นไร ดีที่ปู่แข็งแรง พักสักหน่อยก็โอเคแล้ว เรากลับบ้านกันเถอะ” ทั้งที่คิดว่าโอเค เวลานี้ผมกลับไม่อยากเหยียบอยู่ที่นี่แม้แต่วินาทีเดียว

   “กลับก็กลับ ไว้ค่อยคุยกัน” ซันบีบบ่าผมทีหนึ่งแล้วพากันเดินออกจากบ้าน ระหว่างทางเจอพี่แก้วลูกสาวของป้าสายใจเพิ่งซื้อของกลับมาพอดี เลยบอกให้ไปช่วยดูปู่ข้างบน พี่แก้วมองผมสลับกับซันแล้วยิ้มแซวๆ บอกว่าวันหลังพามาอีก เพราะอยากได้อาหารตา นิสัยเหมือนป้าสายใจไม่มีผิด

   ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆ ให้ ไม่รู้จะได้มารึเปล่าเลยไม่รับปากอะไร แค่ถามไถ่กับฝากฝังเรื่องปู่ย่าเท่านั้น ก่อนจะผละออกมา ขี่มอเตอร์ไซค์เพื่อกลับบ้าน ตลอดทางพวกเราไม่ได้สนทนาอะไรกัน ต่างคนต่างรู้ดีว่าทุกคำถามไปเคลียร์ที่บ้าน พวกเราไม่ชอบคุยเรื่องส่วนตัวในที่สาธารณะอยู่แล้ว แม้เวลามีเรื่องทะเลาะกันก็ตาม มันไม่ใช่เรื่องที่ควรให้บุคคลที่สาม สี่ ห้ามารับรู้ด้วย

   พอกลับบ้านพ่อแม่ยังไม่กลับมา ซันเลยถือวิสาสะลากผมเข้าห้องนอน ปิดหน้าต่าง ดึงม่าน ล็อคประตูเพื่อความเป็นส่วนตัวเสร็จ จู่ๆ ก็คว้าตัวผมเข้าไปกอดแน่นจนอึดอัด

   “อะไรของมึงวะ” ผมพยายามดันออก แต่ซันยิ่งรัดแน่นจนผมต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้ปล่อยให้มันกอดแบบนั้น พวกเราเงียบกันชั่วครู่ ต่างคนต่างจมอยู่ในห้วงความคิดตัวเอง แล้วความเงียบก็ถูกทำลายลงด้วยเสียงถอนหายใจของซัน

   “มึงไม่เป็นไรนะ” ถึงจะเป็นคำถามห้วนๆ แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย เลยเอาคางเกยบ่าแล้วกอดมันกลับ

   “เป็นและไม่เป็น ก็แค่กลับไปอยู่จุดเดิมเท่านั้น กูซะอีกที่ต้องถามมึงว่าโอเครึเปล่า โทษทีว่ะ ที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้” แทนที่จะซึ้งต่อ มันดันตัวผมออกแล้วตีปากก่อนจะกอดใหม่ อะไรของมันวะ ผมเริ่มหงุดหงิดละ

   “อย่าพูดแบบนี้อีก…อย่าพูดเหมือนกูเป็นคนนอก บอกแล้วไงว่ากูจริงจังกับมึง ต้องการใช้ชีวิตกับมึงจริงๆ ดังนั้นจะเรื่องดีเรื่องแย่พวกเราต้องมีส่วนร่วมทั้งคู่”

   “จมก็จมด้วยกัน ถ้ารอดก็ต้องรอดด้วยกันสินะ”

   “ไม่ใช่ กูจะช่วยให้มึงรอด แล้วมึงค่อยส่งมือมาดึงกูขึ้นไป” มันว่ายิ้มๆ ทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงทั้งที่ลากผมไปด้วย กลายเป็นผมนั่งคร่อมตักหันหน้าเข้าหาในสภาพล่อแหลม ผมไม่ทันได้ใส่ใจเพราะมัวขนลุกกับสกิลหวานฉบับนายซัน กล้าพูดเรื่องแบบนี้ออกมาได้หน้าตาเฉยเลยเว้ย เลือกไม่ถูกเลยว่าจะเขินหรือสยองดี

   ซันพูดต่อ ไม่สนใจผมที่ทำหน้าประหลาด “แม้จะมีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้น แต่ถือว่าความสัมพันธ์ของมึงกับปู่พัฒนาไปอีกขั้น” ก็จริงของมัน หลังจากอาหารเย็นเมื่อวาน วันนี้ปู่เข้าข้างผมชัดเจน แบบที่ถ้าเป็นสมัยก่อนคงรุมด่าผมแทน

   ”ส่วนเรื่องมนุษย์ป้า จากที่กูดูแล้วคงเกินเยียวยา ช่างเขาเถอะ ทุกคนรอบตัวไม่จำเป็นต้องโอเคกับเราหมด เหลือเป็นสีสันชีวิตบ้างก็ไม่เลว”

   “ตรรกะอะไรของมึงเนี่ย” ผมส่ายหัวเอือม ถึงจะเป็นความจริงก็เถอะ เรื่องที่ญาติกันก็ใช่จะต้องดีกันเสมอไป บางทีญาตินี่แหละตัวดี เจ็บแสบยิ่งกว่าคนนอกซะอีก

   ช่วงที่ผมกำลังคิดตามว่าจะเอายังไงต่อไปดี ไอ้ซันดันยื่นหน้าเข้ามาใกล้แล้ว...

   จ๊วบบ

   “ปากน่าแดก” มันพูดหลังดูดปากผมไปเต็มที่ แถมเริ่มเปลี่ยนเป้าหมายไปแถวคอแทน ผมรีบยันหน้ามันออกเพราะสถานที่ไม่เอื้อ ถ้าเป็นที่ห้องผมคงถอดเสื้อกระโดดขึ้นเตียงเสิร์ฟตัวเอง

   “เป็นบ้าอะไรของมึงวะ คุยกันเรื่องซีเรียสเปลี่ยนมาหื่นเฉย” ไอ้ซันมีนิสัยชอบดูด โดยเฉพาะปากกับอก ไม่รู้จะอะไรนักหนา จนพักหลังผมเริ่มรู้สึกว่าตัวเองปากเจ่อ กลัวปากจะห้อยเลยห้ามซันดูดไปพักหนึ่ง แน่นอนว่ามันไม่สน

    ซันเงยหน้ามองผม ยอมคายเสื้อในปาก ห่านนี่แม่งดูดผ่านเสื้อ ล่อซะเปียกเป็นวง “มึงเช็คสภาพกูกับมึงตอนนี้นะโป้ ที่สำคัญ มึงไม่รู้สึกเหรอ เวลาโกรธ เศร้า เครียดจะอะไรก็แล้วแต่ ถ้าได้ทำมันจะรู้สึกดีขึ้น” วาจาคล้ายหยอกเย้าแต่ผมมองออกว่ามันหมายความว่าแบบนั้นจริงๆ ก็เล่นตาใสซะขนาดนี้ ไอ้ซัน ไอ้ควายบื้อ มันคิดแบบนี้มาตลอดรึไงวะ มิน่าคุยกันทีไรนัวเนียผมทู้กที

   “หยุดเลยมึง กลับเข้าเรื่องก่อน ต่อไปจะเอายังไง ทำคะแนนต่อมั้ย แต่ในความคิดกู เพิ่งเกิดเรื่องไปกูไม่อยากกลับไปเหยียบบ้านนั้นเลยว่ะ” ถอนหายใจเฮือกใหญ่ กับบ้านปู่ผมไม่มีปัญหาแล้ว มันติดที่ป้า เจ้าตัวอยู่บ้านตลอดไม่ออกไปไหน ต่อให้ผมหลีกเลี่ยงไม่ยุ่งเกี่ยว เขาก็จะเอาตัวเข้ามายุ่งเองเหมือนวันนี้ แอบเสียดายของที่ซันซื้อไปแฮะ ยังกินกันไม่เท่าไหร่ ไว้ค่อยซื้อไปใหม่แล้วกัน

   “ยังไม่ควรโผล่ไปจริงๆ นั่นแหละ นอกจากเรื่องปู่ กูต้องแคร์ความรู้สึกมึงด้วย รอจนมึงโอเคค่อยซื้อดอยคำไปฝากใหม่ แล้วก็กูไม่คิดว่าปู่กับมึงจะญาติดีกันได้ในทันทีหรอก ของแบบนี้ต้องใช้เวลา” ซันอธิบาย ผมพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย เริ่มต้นได้ดีแต่ก็ใช่จะไม่มีเรื่องรบกวน เลือกแบบช้าแต่ชัวร์ดีกว่า อย่างน้อยๆ พอมีซันเข้ามา ผมก็ได้ลงมือทำ ไม่ปล่อยปะละเลยเหมือนที่ผ่านมา

   สุดท้ายก็ไม่มีอะไรมากกว่านั้น พวกเราเปลี่ยนมานอนเล่นแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเรื่องราวหลายๆ อย่าง ซันมันถึงกับพูดเรื่องอนาคตหลังเรียนจบด้วยซ้ำ ผมที่เริ่มอารมณ์ดีขึ้นบ้างก็เออออตามมันไป เจ้าตัววางแผนไว้ว่าจะแต่งงานแล้วสร้างบ้านอยู่ที่กาญจน์เป็นเรือนหอ

   หลังทำอาชีพที่ตัวเองชอบจนพอใจแล้วก็กลับมาบริหารรีสอร์ท ซึ่งระหว่างนั้นคงต้องให้พี่มูนดูแลไปก่อน ไม่รู้มันเอาเวลาไหนไปตกลงกับพี่มันซะเรียบร้อย ช่างต่างกับผม ไม่ได้คิดอะไรไว้เลย ปล่อยให้มันเป็นเรื่องอนาคต แลดูชีวิตมืดมน ดีแล้วที่มีซันเป็นแฟน หนึ่งคนชอบวางแผนเป็นผู้นำ อีกคนยังไงก็ได้ไม่ตีกันตาย

   ระหว่างฟังซันเข้าสู่โลกมโนแลนด์ ผมได้ยินเสียงเปิดประตูจากชั้นล่าง นึกขึ้นได้ว่าตอนเรากลับมามัวแต่คิดเรื่องอื่นจนลืมปิดบ้านซะสนิท ต่างคนต่างมองหน้ากัน พยักหน้าส่งสัญญาณเล็กน้อย ผมค่อยๆ เปิดประตูแง้มย่องออกจากห้อง มองส่องผ่านราวบันไดเพื่อดูว่าใครเป็นแขกไม่ได้รับเชิญ

   ยังไม่ทันเห็นตัวผมก็กลอกตาเอือม เดินลงบันไดตามปกติ แค่เสียงก็ชัดเจนแล้วว่าใคร

   “ฮัลโหล ไม่มีใครอยู่เลยเหรอ เอ๊ะ แต่ไม่ได้ล็อคบ้านนี่ หรือว่าจะแอบทำอะไรกันข้างบนน้า~”

   “เสียงดัง เกรงใจคนอื่นบ้าง ไม่ใช่บ้านตัวเอง”

   เท้าเหยียบพื้นชั้นหนึ่งพบสองร่างอยู่ตรงประตู หนึ่งในนั้นกำลังชะเง้อคอยาวประดุจยีราฟกระทั่งหันมาเห็นผม

   “ฮันแหน่ ฉันมาขัดจังหวะรึเปล่า กิ้วๆ” ทำท่าหมุนนิ้วมองแซวด้วยรอยยิ้มกรุ่มกริ่ม

   “ถ้าขัดจริงคงไม่ลงมาหรอก” เพราะผมจะต่อให้เสร็จ ใครมาช่างหัวมัน! เล่หัวเราะเสียงใสอย่างเดาออกว่าผมจะสื่ออะไร ผมกวักมือให้ทั้งคู่รวมถึงซันนั่งรอ ส่วนตัวเองนั่งตาม อะไรนะทำไมไม่ไปเอาน้ำมาเสิร์ฟ? มีมือมีเท้าอยากกินเดินไปห้องครัวเองครับ เคนะ

   “มาทำอะไรกัน” ซันเป็นฝ่ายถาม วาไม่ตอบแต่ชี้นิ้วโป้งไปทางเล่เป็นเชิงบอกว่าคนที่มีธุระคือเจ้านี่ไม่ใช่ฉัน คนโดนชี้ยิ้มกว้าง

   “ความจริงพวกเรามาแล้วรอบหนึ่งแต่เห็นบ้านปิดคิดว่าไม่น่าจะอยู่ พอมาอีกรอบเจอมอเตอร์ไซค์แถมบ้านไม่ล็อคเลยถือวิสาสะเข้ามา ที่นี่...”

   ผมยกมือ “เข้าเรื่อง” เล่ทำมือโอเค

   “ฉันกับโป้ไม่ได้เจอกันตั้งหลายเดือน ซันเองก็คงไม่เคยมาเชียงใหม่ใช่ไหม ก็เลยว่าจะมาชวนไปเที่ยวกันพรุ่งนี้ มีธุระอะไรรึเปล่า” เอียงคอถาม มองพวกผมสลับไปมา ซันมันดันสัญญากับแม่ผมว่าจะไปเที่ยวที่ร้านซะด้วยสิ งั้น...

   “พรุ่งนี้ซันมันจะไปดูการทอผ้าไหม วาจะไปด้วยมั้ยล่ะ วันถัดไปค่อยเที่ยวกันแบบเต็มวัน จะได้ขึ้นดอยด้วยไหนๆ ก็มาเชียงใหม่ทั้งที” ส่วนเล่ขานี้ไม่มีปัญหา วาอยู่ไหนเล่อยู่นั่น ตามติดยิ่งกว่าเหาฉลาม

   วานิ่งคิดไปสักแป๊บก่อนตอบตกลง หลังจากนั้นพวกเราก็มานั่งวางแผนกันว่าจะเที่ยวที่ไหนบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่มีแต่ผมกับเล่ที่เสนอเพราะเป็นเจ้าถิ่น อีกสองคนยังไงก็ได้ อาจจะเสริมแค่เล็กๆ น้อยๆ ตามความชอบเท่านั้น ได้มานั่งวางแผนเที่ยวแบบนี้ก็ไม่เลว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-07-2017 03:15:50 โดย Silver Fish »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ดูเป็นคู่ที่เข้ากันได้ดี

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ yumenari

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
ยัยคุณป้านี่น่าเอาหมามุ่ยไปโรยใส่จริงๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
อิป้านี่ต้องโด๊นนนนนนน

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
เย่ๆมาต่ออีกนะครับสนุกๆ

ออฟไลน์ Axis._.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อิป้านี่เกินเยียวยาเหมือนที่ซันว่าจริงๆ  :katai1: เเต่อย่างน้อยปู่ก็เริ่มเปิดใจเเล้วถือว่าโล่งใจไปได้นิดหน่อย 555
รีบมาต่อนะคะจะรออย่างใจจดจ่อ  :katai2-1:

ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
ซันน่ารักมาก ดูเถื่อนๆแต่จริงใจ โป้โชคดีมากได้ซันเป็นสามี 5555

ออฟไลน์ Silver Fish

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-0
    • Fanpage
ยกที่37  คนละครึ่ง

   ตารางเที่ยวแบบทั้งวันตกลงกันเรียบร้อยก็ประมาณห้าโมง วากับเล่เลยขอตัวกลับเพื่อจะไปกินข้าวเย็นที่บ้าน ส่วนผมกับซันจะให้ออกไปไหนตอนนี้ก็ขี้เกียจ เลยตัดสินใจใช้ของสดที่มีในตู้เย็นช่วยกันทำอาหารรอพ่อแม่กลับบ้าน

   แม่กลับมาถึงช่วงเย็น พ่อมาถึงตอนหัวค่ำ เราก็เริ่มกินข้าวกันระหว่างนั้นก็อัพเดตข่าวสารประจำวันของแต่ละคนไปด้วย เป็นบรรยากาศที่ผมเสียมันไปหลายปี และเพิ่งได้มันกลับมาก่อนผมไปเรียนกรุงเทพได้ไม่กี่เดือน ยิ่งตอนนี้มีซัน พ่อแม่เข้าใจ ถึงจะไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ทำให้ผมสุขจนแทบไม่หวังอะไรเพิ่มแล้ว

   “มะรืนลูกจะไปเที่ยวกันเหรอ” แม่ถามขณะตักแกงให้พ่อ ซันเป็นฝ่ายตอบรับ เพราะผมยังเคี้ยวข้าวเต็มปาก

   “ครับ วางแผนไว้ว่าจะขึ้นดอยแล้วแวะเที่ยวตามรายทางปิดท้ายที่ถนนคนเดินท่าแพ”

   พ่อพยักหน้า “เข้าใจคิดดีนี่ ถึงจะไม่ทั่วแต่ก็ได้จุดสำคัญในวันเดียว”

   “ถ้างั้นพรุ่งนี้พวกลูกไปเที่ยวกันเถอะ ร้านแม่ไปเมื่อไหร่ก็ได้ อีกอย่าง ถนนคนเดินท่าแพมันเปิดแค่วันอาทิตย์นะ”

   แม่ว่างั้น พวกเรามองหน้ากันเป็นเชิงปรึกษา เอาตรงๆ ผมก็แอบเบื่อแหละ เกิดและโตมากับการทอผ้า ให้ไปเดินดูเที่ยวเล่นก็ไม่อยาก อยากไปพวกที่นานๆ ทีจะได้ไปมากกว่า แต่ถ้าให้ช่วยงานผมโอเคนะ จุดประสงค์มันต่างกัน ซันเองก็คงอยากเปิดหูเปิดตาด้วย พวกเราเลยรับความหวังดีจากแม่

   หลังกินข้าวล้างจานเสร็จ ซันก็โทรไปหาวาเพื่อเปลี่ยนวันเที่ยว วาไม่ค่อยเท่าไหร่ คนที่ดีใจคงเป็นเล่ เห็นว่ากำลังเตรียมชุดสวยๆ ล่วงหน้าอยู่พอดี ได้ยินเสียงแจ้วๆ ให้วาช่วยเลือกชุดดังลอดมาตามสาย สุดท้ายก็คุยไม่รู้เรื่องเพราะวามัวแต่หันไปด่า ติชุดที่เล่เลือก โป๊บ้าง บางเกินไปบ้างและอีกสารพัด จนซันมันตัดสายทิ้งมาทำหน้าที่นวดให้ผมก่อนนอน นับว่ารู้งานดี

   ด้วยความที่พรุ่งนี้ต้องตื่นตั้งแต่เช้ามืด หลังนวดเสร็จพวกเราก็ปิดไฟนอนทำตัวเป็นเด็กอนามัยสักวัน แน่นอนว่าคนที่ตื่นก่อนเป็นซัน หลังมันลุกอาบน้ำล้างหน้าแล้วก็ใช้เท้าเขี่ยปลุกผมที่นอนอืดแผ่เต็มเตียง ด้วยเกรงว่าหากผมยังลีลาไม่ยอมลุกอาจจะโดนพระบาทถีบร่วงลงจากเตียงได้ เลยจำใจลาจากหมอนและผ้าห่ม เดินสะโหลสะเหลไปจัดการตัวเองมานั่งอ้าปากหาววอดๆ เปิดบ้านรอเพื่อนอีกสองคนมารับ

   เวลาตีสี่และแล้วพวกวาก็มาถึง เสียงล้อรถบดถนนในยามราตรีเงียบสงบชวนให้บาดหูพิกล จนผมเผลอขยับเข้าหาซันไม่รู้ตัว ถ้าคนที่เคยตื่นเช้าๆ แบบชาวบ้านชาวเมืองเขานอนหมด ตัวเองแหกขี้ตามาทำบ้าอะไรก็ไม่รู้ บรรยากาศมันโคตรวังเวงเลยนะคุณ แค่คุยกันยังไม่กล้าพูดเสียงดัง ต้องลดเสียงเหมือนแมงหวี่เพราะกลัวจะรบกวนคนอื่น

   คนที่เปิดประตูฝั่งคนขับลงมาไม่ใช่วาอย่างที่คิด แต่เป็นเล่ในชุดเสื้อฮู้ดกันหนาวสีดำที่ดูใหญ่กว่าขนาดตัว ท่อนล่างเป็นกางเกงสเตขายาวสีดำ ส่วนรองเท้าเป็นผ้าใบสีขาวชมพู

   “ง่อยอย่างมึงยังขับรถเป็นอยู่เหรอ” ชุดไม่เท่าไหร่ คิดว่าน่าจะเอาเสื้อวามาใส่ทับ

   เล่แลบลิ้นใส่ “เค้าไม่ได้เป็นง่อยสักหน่อย ไปกันรีบขึ้นรถเร็ว เดี๋ยวจะไม่ทันพระอาทิตย์ขึ้นนะ” เจ้าตัวกวักมือเร่งยิกๆ ผมยังข้องใจไม่หาย แต่มือจัดการล็อคประตูกระจกก่อนตามซันขึ้นรถไป เห็นวานอนเอาเสื้อกันหนาวสีหวานปิดหน้าหลับไม่รู้เรื่อง ชัดเจนแล้วว่าทำไมเล่เป็นคนขับ

   “มึงขับไหวแน่นะ ต้องขึ้นเขาอีก ให้พวกกูขับแทนมั้ย” ผมถามด้วยความหวังดี ยังไม่อยากตกถนนเป็นผีเฝ้าป่า

   “ไหวสิ เดี๋ยวนี้เขาทำถนนดีแล้ว ค่อยๆ ขับไปสบายมาก” ตอบพลางเลี้ยวรถออกอย่างคล่องแคล่ว แม้จะเป็นรถกระบะก็ตาม ก็สมกับเป็นเล่ล่ะนะ ถึงภายนอกจะเหมือนผู้หญิง แต่ภายในยังไงก็ผู้ชาย อะไรก็ทำเป็นหมด ที่ผ่านมาติดจะขี้เกียจเท่านั้นเอง เลยชอบอ้อนคนนู้นคนนี้ให้ตามใจ ป๋าเล่นี่ขาประจำ วาน่าจะเป็นเหยื่อรายต่อไป ทุกคนอย่าโดนภาพลวงตาภายนอกหลอกเชียว

   “มั่นใจได้เลยว่าวามันไม่ยอมให้ขับขึ้นเขาหรอก เดี๋ยวก็ต้องเปลี่ยนคนอยู่ดี” ซันที่เงียบมานานจนผมนึกว่ามันหลับใน ตอบแทรกขึ้นมาแล้วกอดอกพิงไหล่ผมหลับเฉย เดี๋ยวสิคุณแฟน ปกติมันต้องดูแลฝ่ายรับไม่ใช่เหรอวะ ไอ้สองตัวนี้มันยังไง แต่เอาเถอะ ถือว่าผมอยู่คุยเป็นเพื่อนเล่แล้วกัน

   พอเข้าตัวเมืองเชียงใหม่ก่อนทางขึ้นดอยสุเทพเริ่มมีร้านค้ามาเปิดขาย เล่แวะจอดซื้อน้ำเต้าหู้ปาทั่งโก๋กับไข่ต้มมาหอบใหญ่ กะไปกินมื้อเช้ากันบนดอย สงสัยกลิ่นหอมน่ากิน เจ้าพวกนี้ถึงลุกทันทีที่ถือถุงขึ้นรถ แล้วเปลี่ยนมือคนขับไปด้วย งานนี้วารับหน้าที่แทนเพราะชินรถกระบะมากกว่าซัน

   ระหว่างทางเห็นรถบ้างประปรายคาดว่าจะมีเป้าหมายเดียวกันคือดูพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้า พวกเราเลยตัดสินใจแวะพักที่จุดชมวิวก่อนถึงวัดพระธาตุจะได้ไม่ต้องไปแย่งกับคนอื่นข้างบน แถมไม่รู้ว่าเอาอาหารขึ้นไปได้รึเปล่า ด้วยความที่พวกเรามาเร็ว เลยมีทำเลดีๆ ให้เลือกนั่งรอเวลา เพราะตอนมาถึงผมเห็นคนไม่กี่คนอยู่ในศาลา ฟ้ายังมืดสนิท ที่สำคัญหมอกลงจนแทบไม่เห็นเมืองตอนกลางคืน นับว่าน่าเสียดายอยู่บ้าง ก็ได้แต่หวังว่าเมฆจะไม่เยอะจนไม่เห็นพระอาทิตย์นะ

   เราสี่คนมีแค่เล่ที่ใส่เสื้อกันหนาว นอกนั้นท้าอากาศเย็นใช้หลอดเจาะดูดน้ำเต้าหู้เพิ่มความอบอุ่นไปพลางๆ พอกินปาท่องโก๋หมดก็ตามด้วยไข่ต้ม นั่งแกะ กัดตูดถุงน้ำปลาเหยาะไข่กิน ไม่รู้ว่าเค็มน้ำปลาหรือขี้มือแต่รวมๆ แล้วอร่อยดี

   “ได้ซื้อน้ำมาป่ะ” ซันถามหลังซัดไข่หมดไปสามฟอง ผมกับเล่มองหน้ากันแล้วส่ายหัว พร้อมใจกันชี้ไปยังรถขายน้ำที่เพิ่งมาถึงสดๆ ร้อนๆ หนุ่มเถื่อนถอนหายใจแบบกูว่าแล้ว ผงกหัวให้วาไปช่วยกันถือ เนื่องจากผมยังมีไข่เต็มปาก อีกครึ่งลูกถือคามือ เล่เองก็เพิ่งงับฟองใหม่พอดี คนที่กินไวจนคอแห้งเลยต้องเสียสละไป

   ไม่รู้ว่าบังเอิญหรือจงใจ แต่ถือเป็นโอกาสดีที่ผมกับเล่จะคุยกันตามประสาเพื่อนสนิท

   “เรื่องที่บ้านเป็นไงบ้าง” เล่ถามอย่างเป็นห่วง ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่แบบไม่ปิดบัง กับเล่ที่รู้เรื่องราวบ้านผมดีไม่จำเป็นต้องเข้มแข็งให้เสียเวลา

   ผมตอบเสียงเนือย “ดีและไม่ดี พ่อแม่เหมือนจะโอเคแต่ไม่สุด ปู่ก็เดาใจไม่ถูก ที่ทำให้โล่งใจก็มีแต่ย่ากับป้าสายใจนั่นแหละ” ส่วนป้ามหาภัยผมไม่กล่าวถึง คนๆ นั้นต่อให้ผมเพอร์เฟคแค่ไหนเขาก็ยังหาข้อติได้อยู่ดี คนมันอิจฉา อคติ เปลืองเวลาที่จะสนใจ แค่ต่างคนต่างอยู่อย่ามาระรานกันก็พอ

   “คิดในแง่ดีไว้ ทุกคนไม่ต่อต้านแบบสุดลิ่มทิ่มประตูก็ดีแล้ว อนาคตยังมีโอกาสพัฒนาไปในด้านดี อีกอย่าง แฟนแบบซันหายากมากนะ คนที่ยอมรับปัญหาของเราได้โดยไม่ทิ้งกันไปก่อน นี่แหละคือสมบัติล้ำค่า”

   ผมพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วยโดยไม่มีข้อโต้แย้ง “มันก็จริง...แล้วมึงกับวาล่ะเป็นยังไงบ้าง ดูเผินๆ พวกมึงรักกันดี แต่กูรู้สึกเหมือนมีอะไรติดๆ ยังไงชอบกล” ไม่ได้อยากจะเทียบกับตัวเองหรอกนะ เพราะแต่ละคู่ไม่เหมือนกัน อย่างผมกับซันต่อให้ไม่พูดก็พอรู้กันดีกว่าต่างคนต่างทุ่มให้อีกฝ่ายแค่ไหน ส่วนของวากับเล่ มันเหมือนมีกำแพงกั้นทำให้ไปไม่สุด

   คราวนี้เป็นเล่ถอนหายใจแทน “ก็ไม่แปลกที่โป้จะคิดแบบนั้น เพราะฉันกับวายังไม่ได้คบกันเลยน่ะสิ” สิ้นคำก็เบ้ปาก ท่าทางเซ็งๆ

   “ทั้งที่พวกมึงมีอะไรกันไปแล้วแถมตามดูแลกันขนาดนี้เนี่ยนะ” ต่อให้เล่ไม่เล่าให้ฟังผมก็มองออกว่าคู่ไหนเสร็จกันไปแล้ว อธิบายไม่ถูกว่าสังเกตยังไง มันเป็นเรื่องของความรู้สึก เห็นปุ๊บแล้วรู้เอง

   “วาเป็นเสือผู้หญิง ไม่เคยนอนกับผู้ชาย คงต้องให้เวลาเจ้าตัวหน่อย”

   “อย่าหาว่าใจร้ายเลยนะ ไม่คิดว่ามันจะให้ความหวังเฉยๆ รึไง” ผมขมวดคิ้ว จากทีแรกโอเคตอนนี้เริ่มไม่โอเคกับวาแล้ว

   “ก็อาจจะเป็นแบบนั้น แต่ลางสังหรณ์ฉันบอกว่า วาแค่ต้องการเวลาเท่านั้น แต่ละคนมีปัญหาไม่เหมือนกัน แถมเรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ที่สำคัญ วาเองก็เลิกเจ้าชู้ ไม่เคยชายตาแลผู้หญิงคนไหนเลย ตามดูแลคอยเป็นห่วงทุกอย่าง ฉันเลยว่าจะลองเสี่ยงดูสักตั้ง” สองมือถือไข่ต้มกับถุงน้ำปลาชูโคตรจะไม่เข้ากับบรรยากาศ ผมส่ายหัวยื่นมือไปโยกหัวใต้ฮู้ดเบาๆ

   “มึงสายตาดีกว่ากูอยู่แล้ว จะเอาใจช่วยแล้วกัน ถ้ามีปัญหาอะไรบอกได้เสมอ ไม่ต้องกลัวซันมันเข้าข้างเพื่อนด้วย มันเคยบอกกูเองว่า ถ้าวาผิดจริงมันจะเป็นฝ่ายซัดให้แทนเอง” ซันพูดคำไหนคำนั้น ที่ผ่านมาผมยังไม่เคยเห็นเจ้าตัวผิดคำพูดเลยสักครั้ง คิดว่าเรื่องนี้ก็เหมือนกัน

   “ขอบคุณนะโป้...แต่มือยังไม่ล้างมาจับฮู้ดแบบนี้ เค้าเป็นคนซักนะ” เล่พองลมเข้าแก้มงอแง ผมขยี้ทิ้งท้ายคอยดึงมือกลับ ชมผลงานอย่างพึงพอใจ ถือเป็นการเอาคืนเล็กๆ น้อยๆ แม้เล่จะซวยไปอีกคนก็ตาม

   พอคุยเสร็จ สองคนนั้นก็กลับมาเหมือนนกรู้ คิดว่าคงปลีกตัวไปคุยตามประสาเพื่อนเหมือนกันนั่นแหละ ผมเชื่อว่าเดี๋ยวซันมันก็เล่าให้ฟังเลยไม่ซักไซ้ถาม ซันเองก็เหมือนกัน ส่งน้ำเปล่าให้ผมล้างมือค่อยยื่นแก้วกาแฟเย็นมาให้ ของเล่เป็นชาเย็น วากับซันกระดกน้ำเปล่า เพราะลองชิมของพวกผมแล้วไม่ถูกปากเลยไม่คิดจะซื้อ เจ้าพวกลิ้นสูง นิสัยเสียเอาพวกผมเป็นหนูทดลอง

   ล้างไม้ล้างมือกันเสร็จ ก็มานั่งเรียงรอดูพระอาทิตย์ขึ้น เวลาฟ้ามืดจะรู้สึกว่ามันช้าเหลือเกิน แต่พอแสงอาทิตย์เริ่มโผล่มากลับไวราวกับโดนเร่งความเร็วคูณสาม เปิดตัวด้วยแสงสีส้มตรงเส้นขอบฟ้า หมอกค่อยๆ สลายไปทีละน้อย เผยให้เห็นตัวเมืองเชียงใหม่ที่คุ้นเคยในมุมไม่คุ้นตา มันเป็นความสวยที่บรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ ของแบบนี้ต้องเห็นกับตาจึงจะรู้สึกเหมือนร่างกายถูกเติมเต็ม เข้ากับอากาศสดชื่นปลอดโปร่งไร้มลพิษ

   พวกเราไม่มีใครยกมือถือหรือเตรียมกล้องมาถ่ายรูปสักคน เพราะต่อให้กล้องดีแค่ไหนก็ไม่เท่าของจริง มันได้อารมณ์กว่าเยอะ

   “คราวหน้าชวนพวกนั้นมาด้วยดีกว่า” ผมพูดขึ้นมาลอยๆ อีกสามคนส่งเสียงรับโดยไม่พูดอะไร ถ้ามากันครบทีมมันต้องสนุกมากแน่ๆ ต่อให้ไม่มาที่เชียงใหม่ ไปเที่ยวที่อื่นก็ไม่เลว

   หลังดื่มด่ำกับความงดงามของธรรมชาติเสร็จ ก็จัดการกับกลไกธรรมชาติของร่างกายตัวเองต่อ ก่อนหน้านี้คือกินซะเต็มคราบ ซดน้ำเป็นว่าเล่น ตอนนี้เริ่มออกอาการกันทั่วหน้า ตัดสินใจช่างพระอาทิตย์มันแล้วขึ้นรถขับไปวัดพระธาตุดอยสุเทพเพื่อเข้าห้องน้ำแล้วจะได้เที่ยวต่อเลย

   ต้องไม่ลืมไหว้พระเพิ่มความศิริมงคลให้ชีวิต เผื่ออนาคตในภายภาคหน้าจะได้เจอมารน้อยลงแล้วค่อยเดินชมความงามของพระเจดีย์สีทองอร่ามกับศิลปะแบบไทยที่อยู่โดยรอบ แม้จะเป็นเวลาเช้าแต่ก็มีคนพอสมควร พอถ่ายรูปจนหนำใจก็ไปต่อที่อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย

   อิ่มบุญกันแล้วตามด้วยอิ่มท้อง พวกผมไม่ซีเรียสเรื่องร้านอาหาร เจอร้านไหนน่ากินก็เข้าร้านนั้นแล้วพาเล่กับซันไปปล่อยที่สวนสัตว์เชียงใหม่ ความจริงคือเล่อยากไปเดินสวนกุหลาบเวียงพิงค์ ต่อให้ไม่ใช่ช่วงฤดูหนาวที่ดอกไม้ออกเยอะ แต่ก็สวยดี สารพัดสีสันระรานตา

   ผมกับซันถือโอกาสนั่งพักปล่อยให้เล่ไปเดินประดุจเจ้าหญิง โดยมีวาตามไปเป็นราชองครักษ์(ตากล้อง)ให้ เห็นซันบอกว่าวาดูผอมลงแต่แข็งแรงขึ้นโดยเฉพาะขา เล่เป็นพวกอยู่ไม่สุข คงจะลากวาไปไหนมาไหนด้วยจนออกกำลังกายไปในตัว น่าเสียดายที่ช่วงนี้ไม่เหมาะกับการเล่นน้ำตก ไม่งั้นพวกเราคงได้แช่น้ำเย็นฉ่ำ

   ออกมาจากสวนสัตว์พยาธิในกระเพาะเริ่มทำงานอีกรอบ ที่กินไปถูกเผาผลาญจนหมดเกลี้ยง เรากะปิดท้ายโปรแกรมด้วยการไปเดินที่ถนนคนเดินท่าแพเลยขับรถไปหาอะไรกินในเวียงเชียงใหม่ชั้นในซึ่งเป็นเขตตัวเมืองรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าเขตเมืองเก่า พูดเหมือนจะดูดีนะ ผมแอบเปิดวิกิพีเดียเมื่อกี้ ฮ่าๆ อยากดูดีมีสาระบ้างอะไรบ้าง

   เอาเป็นว่าตามนั้นแหละ ที่เที่ยวมันเยอะแต่เวลามีจำกัดเลยเลือกเฉพาะพวกทางผ่าน เติมพลังงานเสร็จก็ออกลุยต่อ โดยเริ่มจากหอประวัติศาสตร์เมืองเชียงใหม่ คอมโบด้วยโบราณสถานที่วัดเจดีย์หลวงวรวิหารและศูนย์สถาปัตยกรรมล้านนารีเควสของผมเอง

   พวกเราไม่ใช่สายทอดน่องค่อนข้างทำเวลาได้เร็ว เที่ยวครบหมดแล้วยังไม่ถึงเวลาเปิดของถนนคนเดิน จะให้เที่ยวต่อก็เริ่มหมดแรงตามสภาพ สุดท้ายเลยนั่งพักขาในร้านกาแฟแถวนั้น เปิดมือถือดูรูปที่ถ่ายมา ส่งไปเย้ยพวกไม่ได้เที่ยว ก่อนจะโดนสวนกลับจนหน้าหงาย ปอนด์ส่งรูปอาหารแบบฟูลออฟชั่นมีเฮียเฟย์ติดฉากมาครึ่งหนึ่ง ริวส่งรูปเซลฟี่ของตัวเองโดยมีฉากหลังเป็นบ้านสไตล์ญี่ปุ่น ที่เด็ดกว่านั้นคือรูปที่มิทส่งมา ไม่มาก ไม่มาย แค่รูปหาจากเน็ตพร้อมแคปชั่น

   ‘ไว้ไปถึงแล้วจะถ่ายรูปมาฝากนะ’

   มหาวิหารเซนต์บาซิลสถานที่โคตรน่าเที่ยวของมอสโกประเทศรัสเซีย เพื่อนเรามีเป้าหมายจะไปไกลที่สุดเลยเว้ย ไลน์ถึงกับเด้งรัวเมื่อทุกคนพร้อมใจกันกดสติ๊กเกอร์สารพัดแบบในอารมณ์ตาร้อน คิดดูขนาดวากับซันยังเอากับเขาด้วย ระหว่างรุมด่ามิทกันเพลินๆ รู้สึกตัวอีกทีก็ได้เวลาไปสถานที่สุดท้าย

   ถนนคนเดินท่าแพอุดมไปด้วยของขายและของกินมากมาย พวกเรากะฝากท้องไว้ที่นี่เลย ทั้งของคาวของหวาน ได้ของกินเต็มมือนั่นแหละถึงได้ฤกษ์มองของขายกับบรรยากาศคึกคักในยามเย็น มีคนมาเปิดหมวกแสดงความสามารถให้ดูกันเพลินๆ จังหวะที่ผมกำลังเดินผ่าน สายตาสะดุดเข้ากับใบหน้าด้านข้างของชายคนหนึ่ง กว่าจะรู้สึกตัวอีกที ผมก็เดินมาหยุดอยู่เบื้องหน้าของชายคนนี้ซะแล้ว...

   ท่ามกลางผู้คนที่เดินสวนไปมา มีเพียงคนเดียวที่เข้ามาอยู่ในระยะประชิดจนคนถูกจ้องเงยหน้ามองอย่างแปลกใจ พอได้เห็นอีกฝ่ายเต็มตาเสียงกีต้าร์ก็หยุดลง

   “โป้…?”

   “มึงดูเปลี่ยนไปนะ” ผมทัก ถือวิสาสะดึงเก้าอี้เล็กอีกตัวมานั่งข้างๆ มองด้านหน้าเพื่อนเก่าที่มีกระเป๋าใส่กีต้าร์วางอยู่พร้อมเหรียญกับแบงค์ยี่สิบอีกนิดหน่อย

   “ส่วนมึงไม่เปลี่ยนไปเลย อ่า...อาจจะเปลี่ยนก็ได้ เพราะตอนนี้สีหน้ามึงดูมีความสุขไม่เหมือนเมื่อก่อน” มันโคลงหัวบุ้ยปากไปทางพวกซันที่มองซ้ายมองขวา คงกำลังหาผมอยู่แต่คนเยอะเกินไปเลยไม่เห็นผมนั่งเนียนอยู่ตรงนี้ “พวกนั้นกำลังตามหามึงอยู่มั้ง แฟนมึงเหรอ?” มันถามอย่างสงสัยแบบไม่มีอะไรแอบแฝงในน้ำเสียง ผมเลยตอบมันสบายๆ พลางส่งข้อความไปบอกซันว่าผมอยู่แถวนี้ คนเยอะ เสียงเอะอะ ตะโกนไปคงไม่ใช่เรื่อง

   พอเห็นซันก้มมองมือถือกวาดตามองไม่กี่รอบก็เห็นผมและกำลังเดินมาทางนี้ ผมเลยให้ความสนใจกับการคุยต่อ

   “ใช่ แล้วมึงล่ะ ไปไงมาไง ทำไมมานั่งเปิดหมวกเล่นกีต้าร์ได้” ถามแม่งตรงๆ นี่แหละ ขนาดมันเห็นผมเดินกับพวกซันจนเดาความสัมพันธ์ออก ตอนแรกมันยังทำเหมือนเพิ่งเห็น

   “กูเปิดกระเป๋ากีต้าร์ต่างหาก” กวนแบบนี้สมแล้วล่ะที่เป็นเพื่อน ‘คนสนิท’ ของผม ก่อนมันพูดต่อแบบชิวๆ “ไม่มีอะไรมาก แค่หาตังส่งตัวเองเรียน หัวกูไม่เก่งอย่างใครเขา ชิงทุนไม่ได้ก็ต้องใช้วิธีนี้” ที่เหลือคงไม่ต้องอธิบายมาก

   ฐานะทางบ้านของเจ้านี่เรียกได้ว่าหาเช้ากินค่ำ ไม่มีเงินถุงเงินถังอะไรมากมาย ส่งพี่ชายเรียนก็เต็มที่แล้ว มันเป็นน้องเล็กอยากเรียนเลยต้องกระเสือกกระสนเอง ผมตบบ่ามันโดยไม่พูดอะไร มั่นใจเลยว่ามันไม่ได้เล่นกีต้าร์หาเงินอย่างเดียวชัวร์ คงจะทำอีกหลายงานมันถึงดูอิดโรยหน่อยๆ

   ช่วงที่เรียนเชียงใหม่ รอบตัวผมส่วนใหญ่มีแต่แบบนี้ ผมเลยเข้าใจมิทได้เร็วกว่าคนอื่น หลายๆ อย่างมันช่วยไม่ได้จริงๆ ชีวิตไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันไป พอซันปลีกตัวจากวาเล่เดินมาถึง มันก็มองพวกเราสลับไปมาพลางเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม ผมรู้หน้าที่จึงจัดการแนะนำตัว

   “ซันแฟนกู ส่วนไอ้นี่ชื่อพายุ มัน...” ยังไม่ทันจะพูดต่อมันแย่งตอบซะงั้น

   “เป็นแฟนเก่าโป้ ยินดีที่ได้รู้จัก” พายุตอบท่าทางกวนๆ หุ่นมันก็พอๆ กับผมเนี่ยแหละ มึงอาจหาญไปมั้ย เท้าแฟนกูหนักนะเว้ย โปรดสังเกตหนังหน้ามันด้วย ไอ้เถื่อนเริ่มขมวดคิ้ว

   “มึงนี่เอง” ซันแสยะยิ้มท่าทางเอาเรื่อง ทุกคนช่วยนึกย้อนกลับไปนะครับ ว่าที่ผ่านมาผมกับซันทะเลาะเรื่องอะไรกันบ้าง ซึ่งหนึ่งในนั้นมีเรื่องเกี่ยวกับอดีตของผมที่พายุเป็นต้นเหตุ บอกขนาดนี้ที่เหลือคงพอเดากันออก ผมรีบแก้ก่อนเรื่องจะบานปลาย มาเที่ยวไม่อยากมีเรื่อง

   “ไม่ใช่แฟน แค่เกือบ มึงอย่าหาเรื่อง ซันมันไม่เหมือนมึง” ตวัดสายตามอง พายุยกสองมือเป็นเชิงยอมแพ้

   “แค่แหย่เล่นอย่าเพิ่งซีเรียสไป เรื่องสมัยวัยรุ่นหัวเกรียนอย่าไปอะไรมาก ถึงกูจะเหี้ยจริงก็เถอะ” พูดจบก็หัวเราะ มันเป็นคนอารมณ์ดีนะ เสียแต่ปอดแหกไป(ไม่)หน่อย

   เอาตรงๆ ตอบแบบลูกผู้ชาย ผมยังโกรธมันอยู่ ที่เข้ามาหาคิดจะมาเยาะเย้ย แต่พอเห็นสภาพมันเข้าก็พูดไม่ออก นึกทบทวนดีๆ ณ จุดๆ นั้นมีทางเลือกไม่มาก มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่เห็นแก่ตัวแต่กำเนิด กระทั่งผมเองก็เช่นกันถึงทำให้ซันเจ็บช้ำมาหลายครั้ง ดังนั้น มันจะเลือกทางรอดให้ตัวเองก็ไม่ผิดซะทีเดียว หรือต่อให้มันเลือกผม ก็ไม่แน่ว่าสถานการณ์จะดีขึ้น...บ๊ะ อยู่กับซันมากจนติดนิสัยมีเหตุผลมันมา แม่รู้ ย่ารู้คงน้ำตาไหล

   “พวกกูจะต่อยกันอยู่แล้วมึงเหม่อเหี้ยไรวะ” ปากแบบนี้มีคนเดียว

   “ช่างเถอะ ถือว่าเลิกแล้วต่อกัน ต่างคนต่างอยู่กูมีเรื่องปวดหัวเยอะแล้วไม่อยากเอามาเพิ่ม” วาจาพระเอกจริงกู

   “เหลือเชื่อ มึงคิดได้ แต่ก่อนเจอหน้ากูพุ่งเข้ามาซัดตลอด กูชักเสียดายมึงแล้วสิ สนใจถ่านไฟเก่าหน่อยไหม” มันขยิบตาให้ ส่วนผมต้องรีบไปยืนขวางซันก่อนจะเกิดงานแสดงมวยเรียกเงินแทนเล่นกีต้าร์

   “เสียใจว่ะ มึงไม่แกร่งพอจะยืนอยู่ข้างกูได้ อ่อนแอก็แพ้ไป” ชูนิ้วกลางใสๆ พายุยิ้มๆ ไม่โกรธแถมแววตายังอ่อนลง เหลือเชื่อกว่านั้นคือมันก้มหัวให้ผม

   “ขอโทษกับเรื่องที่ผ่านมาและขอบคุณที่มึงไม่ติดใจเอาความ ที่จริงเรื่องนี้ก็เป็นปมในใจกูมาตลอด วันนี้ได้ปลดออกกูค่อยโล่งหน่อย จะได้เริ่มชีวิตใหม่ได้จริงๆ สักที”

   “กูอโหสิกรรมให้มึง ชาติหน้าจะได้ไม่ต้องมาใช้เวรใช้กรรมกันอีก เหม็นหน้า” อิ่มบุญทั้งวันเลยผม

   “ขอบใจ” คุยกับผมเสร็จก็เบนไปทางซัน ”มึงก็อย่าคิดมาก กูไม่เอามันหรอก เพราะตกลงกันไม่ได้ว่าใครรุกใครรับ” ได้ยินแบบนี้ผมลั่นเลยครับ ไม่สนว่าใครจะมอง อันนี้ฮาจริง คงเพราะเรื่องนี้ด้วยแหละความสัมพันธ์พวกเราถึงไม่เลื่อนขั้นสักทีจนเกิดเรื่อง

   “เออ” ซันเอ่ยเสียงห้วน ผมเห็นนะเว้ยว่ามันแทบจะหุบยิ้มไม่อยู่ ยืดอกจนผมหมั่นไส้ ก็มันได้เสียบผมนี่หว่า ไอ้พายุก็น่าจะมองออกถึงมองผมแซวๆ เสียชื่อโป้หลานปู่สิน ณ เชียงใหม่ แต่ไม่เป็นไร ได้ซันผมก็โอเค ยอมแล้วทูนหัวอยากมีผัวชื่อซัน...

   สงสัยซันมันอารมณ์ดีจัด โปรยเงินให้ไปสองร้อย หลังมันรู้เรื่องที่พายุหาตังเรียนอะนะ แน่นอนว่าคนอย่างพายุ...ก็รับเงินสิ! เห็นมันบอก ศักดิ์ศรีกินไม่ได้ เงินสิยั่งยืน ซึ่งก็ถูกของมันผมเลยไม่เถียง หลังคุยกันอีกนิดหน่อยก็ปล่อยให้มันทำมาหากินต่อไป ผมไม่ขอเบอร์ไม่อะไรทั้งสิ้น ถ้ามันจะได้เจอเดี๋ยวก็เจอเหมือนวันนี้ ที่สำคัญต่างคนต่างมีเส้นทางของตัวเอง ปล่อยให้มันเป็นอดีตไปเถอะ ผมไม่คิดอาลัยอาวรณ์

   พอมารวมกลุ่มกับพวกเล่อีกครั้ง เจ้าตัวก็บ่นยาวทันที บอกจะเข้าไปช่วยผมตบพายุแล้ว ถ้าไม่ติดว่าวาห้าม ผมปรายตามองถุงเสื้อผ้าในมือวาสลับมองหน้าเล่ที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ จัดการหยิกแก้มไปทีด้วยความหมั่นไส้ ไม่สนสายตาดุจากวาเพราะผมมีซันให้ท้าย

   จะว่าไป เหมือนผมลืมอะไรไปบางอย่างแฮะ คุ้นๆ ว่าก่อนจะปิดเทอมไปกวนตีนใครเขาเข้า...ช่างเถอะ ไว้มีคนมาหาเรื่องค่อยสวนกลับ ถ้าไม่มีก็แล้วไป เพราะผมไปกวนชาวบ้านไว้เยอะ ให้ตามเคลียร์ก็ไม่เป็นอันทำอะไรพอดี

   ระหว่างเดินกลับรถหลังปล่อยเล่ชอปจนพอใจ ผมกับซันรั้งท้ายพูดคุยกันอยู่สองคน

   “มึงจะกลับบ้านเมื่อไหร่วะซัน” ปิดเทอมทั้งทีจะเหมาตัวมันไว้กับผมคนเดียวก็ดูจะเห็นแก่ตัวไปหน่อย

   “แบ่งกันครึ่งๆ อยู่บ้านมึงสักสามสี่อาทิตย์แล้วค่อยไปต่อบ้านกู แน่นอนว่ามึงต้องไปด้วย” มันหันมากำชับ ผมพยักหน้าไม่ขัดขืน คิดไว้แล้วว่าจะตามมันกลับไปด้วย ซันอุตส่าห์มาทำคะแนนกับครอบครัวผม ผมเองก็ต้องไปทำคะแนนกับครอบครัวมันบ้าง ฝึกเป็นคุณนายแรงงานที่รีสอร์ทล่วงหน้าด้วย ถือว่าร่วมด้วยช่วยกันเพื่อชีวิตคู่อันยืนยาว

   “กลับบ้านของพวกเรากัน” ผมยิ้ม เอาไหล่ชนมันหยอกๆ ซันเลิกคิ้วย้ายถุงของฝากไปอีกข้างแล้วจับประสานมือ แม้มันจะหยาบกร้านไม่นุ่มนิ่ม จับไปก็ไม่สบาย แต่ใจผมมันบอกว่ามือของผู้ชายคนนี้แหละ ที่จะจับมือกันไปตลอด

ขอบคุณพ่อแม่ที่ทำให้ผมได้เกิดมา

ขอบคุณทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต

ขอบคุณทุกเหตุการณ์ที่ผ่านมา

ขอบคุณที่ทำให้ผมได้เจอกับซัน...เจอกับอีกครึ่งชีวิตของผมเอง...


END



-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

และแล้วก็จบสักที แม้จะผ่านอุปสรรคมามากมายในที่สุดนิยายก็จบพร้อมกับสารพัดปัญหาของโป้ แน่นอนว่าตัวละครยังคงโลดแล่นอยู่ต่อไป รอเจอตอนพิเศษในเล่ม และบทของซันโป้ในนิยายคู่อื่นของซีรีส์มหา'ลัย

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามมาจนถึงวันนี้ค่ะ  :กอด1:

*เกี่ยวกับการรวมเล่ม*
งานนี้ขอบอกกันล่วงหน้าเลย
- รีไรท์ เพิ่มและลดเนื้อหาปลีกย่อยเล็กๆ น้อยๆ พร้อมตรวจคำผิด
- ตอนพิเศษซันโป้ 2 ตอน (2ตอนเหมือนจะน้อยแต่ไม่น้อยนะคุณ)
- ตอนพิเศษเรืองของคุณพี่ชาย "มูนxจิน" ฉบับตั้งแต่เจอกันครั้งแรกจนปัจจุบัน (อารมณ์แบบกบโฟมแหละ)
- ราคาประมาณ 350-400 จะพยายามไม่ให้แพงมากนัก(คือมันน่าจะหนากว่าเฟย์ปอนด์อีก)
- คาดว่าจะเปิดพรีช่วงเดือนกันยา อาจเป็นช่วงปลายๆ เดือน ระยะเวลาพรี 2 เดือนเช่นเคย ระหว่างนี้ก็รีบเก็บตังกันนะ
- สำหรับคนที่มี 'หนุ่มวายยกกำลังสอง' ในครอบครอง หรือซื้อพร้อมกัน2เรื่อง ปลาเงินจะมีส่วนลดให้ ไว้จะแจ้งรายละเอียดอีกที
- รอบนี้ไม่มีลุ้นโชค มีแต่ส่วนลดแม้จะซื้อเล่มเดียว พ้นช่วงพรีราคาเต็มนะ
- สำหรับคนรอ e-book ปลาเงินจะลงทั้งซีรีส์ แต่จะลงหลังขายเล่มแล้ว2เดือนขึ้นไป และจะไม่ได้ของแถมในเล่มเน้อ (เช่นที่คั่น โปสการ์ด ปกหลัง เพราะเวลาอัพใน meb จะขึ้นรูปปก และเนื้อหาในเล่มเลย)
สถานะปก : อยู่ในช่วงวาดปก ไว้เสร็จปลาเงินจะเอามายั่วน้ำลายนะ

ติดตามข่าวการเคลื่อนไหวได้ที่เพจ Silver Fish
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-08-2017 14:34:30 โดย Silver Fish »

ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
น่ารัก รอคู่วากับเล่ อยากอ่่านมากๆ

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
จบแล้ว~ ขอบคุณนะคะ สนุกมากเลย~

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
 :pig4: จบอีกเรื่องหนึ่งแล้ว เป็นคู่ที่น่ารักดี

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆน้าาา

ออฟไลน์ lovewannabe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ memozy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
ตามมาจากป๋ามิท
เรื่องนี้สนุกดี น่าติดตามมาก
แต่อยากให้มีตอนพิเศษอีก :mew4:

ออฟไลน์ duckka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ปีโป้ เจเล่ ตะกูลเยลลี่ โอ๊ะชอบมาก
เรืีองนี้ซันมาแบบอึนๆ แต่ได้คบกันแบบ
มัดมือชก ชอบสไตล์ปีโป้ รออ่านคู่ต่อไป
แต่ติดว่า สาวดุ้นอย่างเจเล่  :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ monoo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1957
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4

ออฟไลน์ Aumy8059yaoi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
รู้สึกยังไม่อยากให้จบเลยค่ะ
ชอบนิสัยซันกับโป้มากกกกกกก
โดยเฉพาะซัน...อยากได้ผู้ชายแบบนี้!!!! :กอด1: :man1: :hao6:
เดี๋ยวเราไปปลูกไตก่อนนะค่ะ555555 :mew3:
ขอบคุณนะค่ะ :pig4:

ออฟไลน์ AngPao1932

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
ขอบคุนักเขียนสำหรับนิยายดีๆจ้า เป็นเรื่องแรกเลยมั้งที่อ่านนายเอกแนวนี้ ตอนแรกกลัวดราม่าจะมาจากซันเรื่องสาวซะแล้ววววววว กลับมาจากโป้ล้วนๆเลยนั่น จริงเรารออ่านคู่ วาเล่ อยู่น๊าาาาาาา สู้ๆจ้า  :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ Silver Fish

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-0
    • Fanpage
เปิดพรีออเดอร์ 12 ก.ย. - 12พ.ย.60



เรื่อง : เป็นเกย์กันมั้ย (เล่มเดียวจบ)
คู่ : ซัน-โป้
แนวเรื่อง : คอมเมดี้,ฮาร์คคอ
ขนาด : A5
จำนวนหน้า : 350+ หน้า
กระดาษ : ถนอมสายตา 75 แกรม
ราคาปกติ : 380 บาท
*ราคาพิเศษเฉพาะรอบพรี 350 บาท (รวมค่าไปร 380 บาท)*
แถมที่คั่นทุกเล่ม

*สิ่งที่เพิ่มขึ้นในเล่ม*
- ตรวจคำผิด เรียบเรียงคำและเพิ่มเนื้อหาบางส่วนจากเนื้อเรื่องหลัก
- ตอนพิเศษ ซันโป้ 4 ตอน / มูนจิน 2 ตอน
- ภาพสกรีนโทน มูนจิน

โปรโมชั่น




พรีได้ที่ - https://goo.gl/FhcWg7

จาก #ซีรีย์มหาลัย
1 หนุ่มวายยกกำลังสอง (เฟย์-ปอนด์) : Repint
2 เป็นเกย์กันมั้ย (ซัน-โป้) : Preorder
3 Contract มาเฟีย (ป๋า-มิท) : กำลังแต่ง
4 ผมยอมเป็นหมาให้พี่รัก (ริว-ธัน) : coming soon...
5 ??? (วา-เล่) : coming soon...

ออฟไลน์ mucan99

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 229
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
น่ารักมาก ความรักนี้

ออฟไลน์ Silver Fish

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-0
    • Fanpage

   ‘อิสระ’ เมื่อเห็นคำนี้ใครหลายคนคงนึกถึงนกที่มีปีกโบยบินบนท้องฟ้าได้อย่างอิสรเสรี สามารถไปได้ทุกที่ที่ต้องการ มองดูแล้วช่างมีความสุข...


   แต่มันจะเป็นแบบนั้นจริงรึเปล่า?


   ผู้หญิงทุกคนที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิต มักเปรียบเทียบผมกับนก ดูดี ดึงดูดสายตา ชวนให้เข้าหาเพื่อให้ได้สัมผัสแม้ปลายขนปีก แล้วพอได้แตะบนขนอ่อนนุ่มกลายเป็นความหลงใหลคิดอยากจะครอบครอง เมื่อถึงเวลานั้น นกก็บินจากไปสู่ผืนฟ้ากว้างใหญ่และไม่คิดเหลียวกลับมามองอีกเลย ทิ้งไว้เพียงความทรงจำ

   ผมอยากจะเค้นเสียงหัวเราะกับคำพูดเพ้อฝันของผู้หญิงเหล่านั้น เพราะพวกเธอไม่ได้ต้องการตัวผม แต่ต้องการทรัพย์สินของผมต่างหาก ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่จะสานสัมพันธ์ต่อไป ในเมื่อยังมีผู้หญิงอีกหลายคนที่รอคอยและเสนอตัวให้กับผม

   เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ผมเข้ามาบริหารธุรกิจอย่างเต็มตัว แต่เดิม ครอบครัวของผมมีกิจการมากมาย ทั้งห้างและอสังหาริมทรัพย์อีกจำนวนหนึ่ง ก่อนทุกอย่างจะสูญสลายหายไปในอากาศเมื่อวันที่พ่อแม่ผมจากไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์

   ญาติที่เคยพูดคุยหรือญาติที่ไม่เคยพบหน้ามาก่อน ต่างพากันมารุมทึ่งทรัพย์สมบัติราวกับแร้งโหย แย่งชิงในส่วนที่ควรจะเป็นของผมด้วยคำพูดสวยหรูว่าผมยังไม่บรรลุนิติภาวะ ควรปล่อยให้พวกเขาซึ่งเป็นผู้ใหญ่ดูแลไปก่อน ถึงผมจะอายุแค่สิบสี่ไม่โง่หลงเชื่อลมปากเหม็นเน่าพวกนั้น แต่แล้วยังไงล่ะ? ผมไม่มีกำลังมากพอที่จะต่อกรกับพวกเขาได้ อาศัยทรัพย์สินที่เหลืออยู่จำนวนหนึ่งเพื่อใช้ชีวิตอยู่ต่อไปพร้อมกับทำงานพิเศษหาเงินควบคู่ไปด้วยระหว่างเรียนจนกระทั่งขึ้นมหา’ลัย

   แล้วผมก็ได้พบกับญาติฝั่งพ่อที่เป็นชาวต่างชาติ ส่งผลให้ชีวิตผมก็ถึงจุดเปลี่ยนอีกครั้ง

   เขารับอุปการะผมเป็นลูกบุญธรรม ส่งเสียให้ผมเรียนจนจบที่ต่างประเทศ ก่อนจะกลับมาทวงของตัวเองคืนอีกครั้ง ด้วยการสนับสนุนของพ่อบุญธรรม โดยมีไพ่ในมือเป็นหุ้นรายใหญ่ของห้างที่พ่อแม่สร้างขึ้นมา ผมอาศัยทุนในจุดนี้เป็นทางลัดให้ตัวเองก้าวขึ้นมาอยู่ในแนวหน้า ค่อยๆ แทรกซึม ลดทอนอำนาจญาติของตัวเอง เพื่ออยู่จุดสูงสุด และกว่าพวกเขาจะรู้ตัวว่าผมเป็นใคร ทุกอย่างก็สายเกินไปแล้ว

   ผมกลับมายืนได้อย่างมั่นคง ก่อนจะพบกับความว่างเปล่า...เพราะไม่เหลือคนในครอบครัวมาร่วมยินดีกับความสำเร็จนี้

   ผมเลยกลายเป็นนกที่อิสระ ไม่มีข้อผูกมัด สามารถทำอะไรก็ได้ตามใจ ส่วนผู้หญิงก็เหมือนกับต้นไม้ให้ผมได้พักปีกชั่วคราวก่อนจะโบยบินไปอีกครั้ง

   ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยคิดที่จะหาต้นไม้ที่มั่นคงแข็งแรง แต่ที่ผ่านมาเจอแต่ภายนอกสวยหรูภายในผุกร่อนถูกชอนไชไปด้วยหนอนแมลง ผมเลยบิน บินต่อไปเรื่อยๆ ถ้าหยุดก็จะร่วงลงมาตายจากคนที่คิดฉวยโอกาส

   ผมเหนื่อย

   ผมล้า

   ผมทรมานกับชีวิตที่ไร้สิ่งยึดเหนี่ยว

   ผมภาวนาให้พบกับใครสักคนท่ามกลางผู้คนมากมาย

   และสุดท้าย...ผมก็เจอต้นไม้ของตัวเองสักที

   ผู้ชายที่เปรียบเสมือนต้นไม้ใหญ่ให้ผมพักพิง เป็นบ้านที่แสนอบอุ่นให้ผมได้ปลดเปลื้องความหนักอึ้งในจิตใจ ผ่อนคลายโดยแท้จริง ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกแทงข้างหลัง ไม่ต้องระแวงว่าจะโดนทำร้ายโดยไม่รู้ตัว เพราะเขาพร้อมที่จะปกป้อง เคียงข้าง และดูแลนกที่อ่อนล้าตัวนี้ด้วยมือที่อ่อนโยนคู่นั้น

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เป็นตัวอย่างตอนพิเศษคู่มูน-จินในเล่ม จะทยอยมาอัพเรื่อยๆ
ยังไม่ตรวจคำผิด แต่จะตรวจและทวนอีกครั้งก่อนรวมเล่ม
สนใจซื้อได้ที่ - https://goo.gl/FhcWg7 *เปิดพรีถึง 12 พ.ย. 60*

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ Silver Fish

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-0
    • Fanpage
   พอได้นึกย้อนกลับไปก็อดขำไม่ได้ เหตุการณ์แรกพบของผมกับมูนไม่ค่อยจะสวยงามสักเท่าไหร่ ครั้งแรกเป็นที่ลานจอดรถ ผมกำลังทะเลาะกับนางแบบสาวที่เคยควงอยู่ช่วงหนึ่ง ด้วยความที่คิดว่าเป็นลานจอดรถชั้นบนสุดแถมยังเป็นเวลาใกล้ปิดห้างคงไม่มีใครได้ยินสิ่งที่พวกเราคุยกัน เนื่องจากผมไม่สะดวกจะพาเธอขึ้นไปที่ห้องทำงานของตัวเอง เพราะที่นั่นมีลูกน้องเพื่อนร่วมงานเต็มไปหมด

   “ทำไมคุณถึงมีข่าวกับผู้หญิงคนนั้น!” เสียงที่ผมเคยคิดว่าเพราะ ตอนนี้กำลังตวาดผมด้วยเสียงแหลมสูงจนปวดหู

   “ฉันมีข่าวกับใครมันไม่สำคัญ ในเมื่อเรื่องของเรามันจบไปแล้ว” ใช่ ถึงจะไม่ได้พูดอย่างเป็นทางการ แต่ระยะเวลาที่ห่างกันเกือบเดือนมันพอจะบอกอะไรได้หลายอย่าง แถมอีกฝ่ายยังเป็นเพียงคู่นอนชั่วคราวและเธอรู้ดีผมไม่เคยคบใครเกินหนึ่งเดือน แต่ก็ยังเลือกที่จะเข้าหาผมอยู่ดี ดังนั้นเธอไม่มีสิทธิ์มาอาละวาดใส่ผมแบบนี้ แค่ไม่เรียกยามลากตัวออกไปก็ดีเท่าไหร่แล้ว

   “จบ!? ฉันคิดว่าคุณทำงานจนไม่มีเวลาว่าง เลยยอมถอยให้คุณได้มีเวลาส่วนตัว แล้วคุณมาทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง” ใบหน้าสวยเริ่มบิดเบี้ยวพร้อมน้ำตาพรั่งพรูให้ผมถอนใจ มุกเดิมๆ เคยเจอจนเบื่อ ถ้าน้ำตาของพวกเธอมีมูลค่า ผมคงเอามารวมกันจนสร้างห้างได้อีกแห่งแล้ว

   “งั้นก็รู้ตอนนี้เลยแล้วกัน ว่าเรื่องระหว่างคุณกับผมมันจบไปแล้ว และอย่ามารบกวนเวลาผมอีก” ผมเบื่อที่จะฟังบทดราม่าของผู้หญิงหลงตัวเอง คิดว่าที่ผมเลือกเธอจากผู้หญิงหลายๆ คนเพราะเธอสวย เธอมีดี ซึ่งอาจจะจริง แต่ไม่ใช่กับตอนที่ผมเริ่มเบื่อ ผมเลยเลือกที่จะหันหลังให้พลางหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบเผื่อนิโคตินจะช่วยให้ผมเบาหัวขึ้นมาบ้าง หลังจากเสียงบาดแก้วหูเมื่อครู่ หรือผมควรที่จะเปลี่ยนคู่ควงเป็นผู้ชายดี อย่างน้อยๆ ตอนเลิกกันก็คงไม่กรี๊ดจนกระจกรถสะเทือน

   อันที่จริงผมเป็นไบเซ็กชวลที่เอนไปทางฝั่งผู้หญิงมากเป็นพิเศษ ดังนั้นจะให้ควงผู้ชายก็ไม่มีปัญหา ขอแค่ขาวสวยถูกใจก็พอ

   “คุณมันสารเลวที่สุด” เสียงหวีดของเธอดึงผมออกมาจากการระลึกความหลัง ผมเพียงแค่ปรายตามองแล้วเลือกที่จะเมินไปเสีย จบแล้วคือจบไม่ใช่พวกให้ความหวังใครอยู่แล้ว พอเธอมั่นใจว่าผมไม่หันไปง้อเธอแน่ๆ ก็เดินกระทืบรองเท้าส้นเข็มจามไปจนเกิดเสียงดังก้องไปทั่วลานจอดรถ ตามด้วยเสียงกระแทกประตูปิดในระดับนี้น่ากลัวว่ามันจะหลุดออกมา

   ผมจะไม่หันไปมองเลยหากเธอไม่ทิ้งท้ายว่า...

   “คนอย่างคุณควรจะตายไปซะ! ถือว่าฉันช่วยผู้หญิงอีกหลายคนแล้วกัน!!”

   เครื่องยนต์ดังกระหึ่ม ผมหันกลับไปมองด้วยดวงตาเบิกกว้าง บุหรี่ร่วงหล่นจากมือ จังหวะที่อีกฝ่ายกำลังจะพุ่งเข้ามา ผมมองซ้ายขวาหาจุดที่ช่วยรับการปะทะได้ จนกระทั่งเจอเสาอยู่ต้นหนึ่ง สองขาวิ่งไปทางนั้นทันที แต่ความเร็วระหว่างคนกับรถยังต่างกันเกินไป จังหวะที่คิดว่าผมคงโดนชนแน่ๆ กลับมีมือข้างหนึ่งคว้าแขนผมไว้แล้วกระชากจนตัวปลิวไปทางหลังเสาที่เล็งไว้แต่แรก

   ปัง!!

   เสียงชนดังสนั่นพร้อมแรงสั่นสะเทือนแบบที่รู้สึกได้อย่างชัดเจน ยามประจำประตูห้างรีบวิ่งออกมาอย่างตกใจ พร้อมวอเรียกกำลังเสริม ส่วนตัวเองวิ่งมาหาผมด้วยใบหน้าซีดขาว

   “ท่านประธานได้เป็นอะไรมั้ยครับ!”

   “ผมไม่เป็นอะไร แต่ช่วยเรียกตำรวจกับรถพยาบาลมาที ผมคิดว่ามีคนที่ต้องการอยู่” ว่าพลางมองนางแบบสาวที่ถูกยามอีกคนพยุงออกมาจากรถ ส่วนหน้าพังยับเยินเพราะอัดกับเสาเต็มแรง โชคดีที่ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้บาดเจ็บหนักอะไร เพราะเธอคาดเข็มขัดกับได้ถุงลมนิรภัยช่วย

    พอเคลียร์ตรงนี้เสร็จก็ตามด้วยผู้ช่วยชีวิต เขายังคงยืนอยู่ข้างกาย แต่ด้วยความสูงที่แตกต่างทำให้ผมต้องก้มมอง เห็นใบหน้าสวยใสกับแพขนตายาว ถ้าไม่มีลูกกระเดือกผมคงเข้าใจผิดว่าเป็นผู้หญิง

   “ขอบคุณที่ช่วยผมไว้ ไม่ทราบว่าคุณชื่อว่าอะไร” ผมถามด้วยรอยยิ้มการค้า แม้เจอเหตุการณ์เฉียดตายแต่ได้มาเห็นใบหน้าสวยๆ แบบนี้ หัวใจที่เต้นรัวก็พอสงบลงมาบ้าง

   “ถามชื่อคนอื่นก็ควรจะบอกชื่อของตัวเองก่อนไม่ใช่หรือไง” คนสวยกอดอกขมวดคิ้วมองด้วยสายตาทิ่มแทง แสดงว่าลูกค้าท่านนี้คงเห็นเหตุการณ์แต่แรก คะแนนของตัวผมในสายตาอีกฝ่ายถึงได้ติดลบแบบสุดๆ

   “ผมชื่อ ‘จิตติพัฒน์’ นี่คือนามบัตรของผม ถ้าอยากให้ตอบแทนยังไงสามารถติดต่อมาได้ทุกเมื่อ” มีบางสิ่งมันดลใจให้ผมยื่นนามบัตรส่วนตัวแทนที่จะเป็นนามบัตรของบริษัท ในนั้นมีชื่อกับเบอร์โทรส่วนตัว

   “ถ้าอยากจะตอบแทนล่ะก็ ช่วยให้เกียรติเพศแม่มากกว่านี้ก็พอ หวังว่าจะไม่พบกันอีก” อีกฝ่ายไม่แม้แต่จะรับนามบัตรผมด้วยซ้ำ แถมยังไม่ยอมบอกชื่อตัวเองอีก แล้วเดินจากไปแบบไม่เหลียวแล นับเป็นครั้งแรกที่โดนเมินแถมเหม็นขี้หน้าตั้งแต่แรกพบแบบนี้ ทั้งที่อีกฝ่ายน่าจะเดาฐานะผมออก ในเมื่อยามเรียกท่านประธานซะดังลั่น

   แม้จะเสียดายแต่ผมทำอะไรไม่ได้ เพราะยังมีเรื่องต้องจัดการอยู่ เลยเลือกที่จะปล่อยคนสวยไปก่อนแล้วหวังว่าโชคชะตาจะพาเรามาพบกันอีกครั้ง ส่วนนางแบบคนนี้ ผมพาเธอไปโรงพยาบาลพร้อมจ่ายค่ารักษาให้ทั้งหมด แต่ยังไงก็ต้องดำเนินคดีไปตามสมควร ผมรู้ตัวดีว่าตัวเองมันเลวแค่ไหน ถึงงั้นก็ไม่ควรปล่อยให้คนที่คิดฆ่าคนอื่นง่ายๆ ให้ลอยนวลโดยไม่รับผลจากการกระทำ

   ก็แค่ลงบันทึกประจำวันและเสียค่าปรับ ผมไม่ได้เรียกร้องอะไรจากเธอ นอกจากห้ามมายุ่งกับผมอีกเป็นครั้งที่สอง ไม่เช่นนั้นเหตุการณ์ในครั้งนี้ได้ส่งผลกับหน้าที่การงานของเธอแน่ แม้เธอจะไม่อยากยอมรับ แต่ก็ต้องจำใจรับข้อเสนอโดยมีตำรวจเป็นพยาน เพราะระยะเวลาที่คบกันเธอพอจะรู้ว่าผมเป็นพวกพูดจริงทำจริง

   พอจบเรื่องนี้ไปผมก็กลับมาใช้ชีวิตตามเดิม ตื่นเช้าทำงาน เวลาว่างหรือวันหยุดก็ควงผู้หญิงสักคน ทีแรกยังมีใบหน้าสวยๆ ของผู้มีพระคุณวนเวียนอยู่ในหัว แต่พอผ่านไปเกือบปี ภาพนั้นก็เลือนๆ ไปจนผมลืมไปเสียสนิท

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด