The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (special)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (special)  (อ่าน 21165 ครั้ง)

ออฟไลน์ minkey

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 233
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ง่อวววววววววว
ใจเต้นอะไรขนาดนั้นอ่ะ
 :-[
น้องไจ๋รุกแรงงงงงง
 o13

ออฟไลน์ SPNamfone

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
9
Exams Festival

เทศกาลการสอบมิดเทอมกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว  สามแฝดเปลี่ยนบรรยากาศอ่านหนังสือจากในคอนโดมาเป็นร้านกาแฟและเบเกอรี ที่อยู่เกือบนอกเมือง ไม่รู้ไอ้แทนมันไปสรรหาร้านมาจากไหน ไกลก็ไกล แต่ก็ถือว่าคุ้ม เพราะร้านตกแต่งอย่างมีกลิ่นอายของหนังสือ จะว่าเหมือนห้องสมุดก็ไม่เชิง ชั้นวางหนังสือจัดเป็นล็อคๆ แบ่งหมวดหมู่ประเภทสัดส่วน มีความเป็นส่วนตัวและเงียบสงบราวกับอยากให้ผู้ที่ได้เข้ามาในร้านได้บรรยากาศของนักอ่านจริงๆ กินกาแฟแก้วเดียวนั่งอ่านตั้งแต่เย็นยันดึก คุ้มจริงๆ

...สมกับค่ากาแฟแก้วละร้อยกว่าบาท แต่ไม่เป็นไร เพราะไอ้แทนจ่าย อิอิ กรรม

ไอ้ไซน์ก้มหน้าห้มตาอ่านเท็กที่มีแต่ภาษาอังกฤษเล่มโต ข้างกายมีทั้งดิกชันนารี ทั้ง ทอล์คกิงดิก ทั้งมือถือ เอาไว้หาคำศัพท์ที่ยากรู้หยั่งถึง  ส่วนไอ้คอสนั่งสรุปสูตรที่มีตัวเลขเยอะๆ กับตัวอักษรหน้าตาประหลาดๆ ลงในสมุดอย่างตั้งใจ (หมายถึงตั้งใจสรุปห้านาที แล้วก็หยิบมือถือขึ้นมาเล่นต่ออีกสิบนาที) ส่วนไอ้แทน ก็อ่านชีทที่มีแต่รูปภาพกล้ามเนื้ออย่างตั้งใจ หากเพียงมันไม่ได้เร่งอ่านหนังสือ การเรียนหมอของมันเรียนเป็นบล็อคๆ พอเรียนจบก็สอบ จึงไม่ต้องตาลีตาเหลือกอ่านแบบคนอื่น แต่ต้องอ่านแม่มทุกวัน  ขยันชิบหาย
ไอ้ไซน์เงยหน้าขึ้นมาจากเท็กซ์เล่มหนาก็ฟุบหน้าหมาๆ ลงโต๊ะไม้สีน้ำตาลอ่อน เอาเท็กซ์เคาะหัวตัวเองเบาๆราวกับจะให้เนื้อหาซึมเข้าไปในสมอง ปากก็ท่องพึมพำๆ เป็นภาษาอังกฤษรัวๆ จนไอ้คอสหันมามอง

“นี่ถ้ามึงกำลังแอบด่ากูอยู่ กูบอกเลยกูฟังไม่ออกนะ” ว่าไอ้ไอ้หมาที่ไม่ได้ใส่ใจกับคำพูด ซ้ำยังพูดเสียงดังขึ้นเร็วเรื่อยๆ ไอ้คอสพอเห็นว่าอีกคนเล่นด้วยก็หันกลับไปสรุปเนื้อหาของตัวเองต่อ

“ไซน์ หิวมั้ย?” ไอ้แทนเบือนหน้าจากชีท เอามือเคาะเท็กซ์ที่อยู่บนหัวหมาป๊อกๆ แล้วถาม

“กูหิวววววว” แต่ไอ้คนที่ไม่ได้โดนถามกลับแส๋นแหล๋นตอบขึ้นมาก่อน

“มึงพึ่งแดกเค้กไปสามชิ้น” แฝดคนโตว่าไอ้คอส ก่อนจะตวัดตาคมๆมองอย่างเอาเรื่อง

“ไม่อิ่มอะ” ไอ้คอสบอกพลางยู่ปากใส่แฝดคนโต ไอ้แทนไม่ได้ตอบกลับทันที เพียงแต่ทำหน้าพยักเพยิดมาทางไอ้ไซน์ที่ยังคงฟุบหน้าบ่นเสียงงุ้งงิ้งอยู่คนเดียว

...เออ หมาแปลงร่างเป็นยุงก็ได้เว้ย

 “ไซน์” ไอ้แทนเรียก มือก็เก็บชีทสอดไว้กับหนังสือ

“...”

“ไซน์” เรียกอีกครั้ง พร้อมสะกิดไหล่แคบๆนั่นด้วย

“ห๊ะ ?” ยกเทกซ์ออกจากหัวแล้วก็เงยหน้าขึ้นถาม

“กลับเหอะ ดึกแล้ว”

“อ๋อ เออๆ หิวอีกแล้วอะ” ช้อนตาบอกไอ้แทนอย่างอ้อนๆ

“อื้อ เดี๋ยวไปกินข้าวด้วย” ยกยิ้มมุมปากบอกอย่างอ่อนโยน

...ก็ไอ้หมามันน่ารักน้อยที่ไหนหละ

“ทีกูบอกหิวหละทำหน้าดุใส่ มึงมันสองมาตรฐาน” ไอ้คอสพูดกระแทกเสียง เก็บสมุดหนังสือยัดใส่กระเป๋า ประชดประชันไอ้แฝดคนโตอย่างนั้น

“กูมาตรฐานเดียว...มาตรฐานไอ้ไซน์ หึหึ” ได้ยินอย่างนั้นไอ้คอสยิ่งหน้าหงิกเข้าไปใหญ่ ผิดกับไอ้ไซน์ที่ส่งยิ้มกว้างตาหยีมาให้
 
...โลกสดใสเชียวนะมึง ไอ้คอสคนนี้ควรหนีไปอยู่ป่า ฮืออออออ

เวลาห้าทุ่มเกือบจะครึ่ง สามแฝดแห่ง จริยตั้งสกุล ยังคงนั่งโซ้ยบะหมี่ข้างทางอยู่ ปราศจากการพูดคุยกันใดๆ อาจเป็นเพราะใช้พลังงานอย่างหนักกับการอ่านหนังสือไปตั้งแต่ช่วงหัวค่ำ ต่างคนจึงต่างต้องเก็บสะสมพลังงานให้ได้มากที่สุด
ไอ้แทนยังคงทำหน้าที่เป็นสารถีให้พวกน้องแฝดเหมือนเดิม ถนนค่อนข้างโล่ง การจราจรไม่ติดขัด ทำให้ไอ้แทนขับรถอย่างอารมณ์ดี กดเปิดเพลงในยูเอสบีที่เสียบเข้ากับตัวรถฟัง มือก็เคาะพวงมาลัยไปตามจังหวะ เหลือบมองกระจกหลังก็เห็นไอ้แฝดคนน้องนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับโทรศัพท์ มือก็กดยิกๆ  ทั้งๆที่เมื่อก่อนโทรศัพท์แทบจะไม่แตะ

“ไซน์ ช่วงนี้มึงติดโทรศัพท์นะ” เอ่ยปากบอก ไอ้ไซน์สะดุ้ง ยิ้มเก้อพลางเก็บมือถือลงกระเป๋ากางเกง

“เออ จริง คุยกับใครวะ” ไอ้คอสบอกเสริม จริงๆไอ้แฝดคนกลางสังเกตมาตั้งแต่กลับจากค่ายแล้วแหละว่าไอ้หมามันทำตัวเหมือนรอข้อความ พอเสียงโทรศัพท์ดัง ติ้งๆ ก็รีบวิ่งไปหยิบมากดยิกๆส่งกลับ บางวันนี่นั่งขลุกอยู่กับโทรศัพท์อยู่ประมาณชั่วโมงนึงแล้วก็อมยิ้มบ้าง หัวเราะบ้าง บางครั้งก็ยกไม้ยกมือขึ้นมาปิดหน้าตัวเองเหมือนกำลังเขินอะไรสักอย่าง ทำตัวอย่างกับเด็กน้อยมีความรัก

...มีความรักงั้นหรอ?

“ป่าววว คุยกับน้องไจ๋ เรื่องเรียนนี่แหละ”  ตอบแบบอ้อมแอ้มๆ จริงๆส่วนมากไม่ได้คุยเรื่องเรียนหรอก คุยเรื่องสัพเพเหระทั่วไป น้องมันกวนตีนมา ไอ้ไซน์ก็กวนตีนกลับ ถึงจะยังไม่อัพเลเวลความกวนตีนไปงัดสู้กับมันได้ แต่ก็ขอให้ได้ด่ากลับคืนบ้าง
 
...ไม่ได้โกหกพวกแฝดนะ แค่บอกไม่หมดเฉยๆ

“แหนะ น้องมันจีบมึงหรอ” ไอ้คอสเอี้ยวคอหันมาถาม ทำหน้ายักษ์ใส่ไอ้ไซน์เบาะหลัง 

“จีบเจิบไรเล่า เพ้อและมึงหนะ” มือเล็กๆรีบดันหน้าไอ้คอสที่จ้องเขม็งคาดคั้นจะเอาคำตอบให้หันกลับไปด้านหน้าเหมือนเดิม หากแต่เจ้านั่นก็ยังดึงดันขืนหน้าไว้

“กูบอกไว้ก่อนนะ ประวัติไอ้ไจ๋ไม่ใช่เล่นๆ”

“เออ กูไม่ได้คิดไรสักหน่อย” ไอ้ไซน์พูดจบ ไอ้คอสก็ยกยิ้มมุมปาก เสียงหัวเราะหึหึของมันกับคำบอกเล่าเมื่อกี้ทำเอาไอ้ไซน์หน้าเจื่อนลง

...ตอนนี้ยังไม่คิดอะไรสักหน่อย

.

.

.

เย็นวันพฤหัสบดีสีส้ม อากาศครึ้มๆทั้งวันอย่างกับฝนจะตก ทั้งๆที่ยังอยู่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์แท้ๆ ไอ้ไซน์นั่งดูดชาเขียวปั่น รอน้องไจ๋ทำแบบฝึกหัดที่มันปริ้นออกมาให้ ดวงตาขีดๆเหมือนลูกหมาเหม่อลอยออกทางด้านนอกร้านของพี่ปิงปิง  ค่ำขนาดนี้ รถก็ยังติดอยู่เป็นช่วงๆ  อีกสองอาทิตย์ก็จะเริ่มสอบมิดเทอมแล้วทั้งไอ้ไซน์ทั้งน้องไจ๋ต่างก็เร่งอ่านหนังสือจนไม่ค่อยได้คุยกันบ่อยเท่าเมื่อก่อน  จะว่าไม่คุยกันก็คงไม่ใช่ เพราะไอ้ไซน์เป็นฝ่ายที่ไม่คุยกับน้องไจ๋ฝ่ายเดียวต่างหาก
วันนั้นหลังจากที่ไอ้คอสบอกว่าน้องไจ๋ประวัติไม่ใช่เล่นๆ ไอ้คอสก็มาบอกต่ออีกว่า น้องไจ๋ตอนอยู่มัธยมชอบควงผู้หญิงไปฟัน ประมาณว่าเป็นพวกล่าแต้มแข่งกับเพื่อน ไม่ใช่แค่ผู้หญิงหรอก ผู้ชายด้วยกันก็ไม่เว้น ยิ่งช่วงมาปีหนึ่งตอนเข้ามหาลัยใหม่ๆ ด้วยความที่หน้าตาดีก็ยิ่งมีผู้หญิงมาติดพันเยอะ ทั้งน้องไจ๋ยังชอบเที่ยวผับเที่ยวบาร์ไม่เว้นแต่ละวัน เป็นที่รู้จักกันดีในดงวิศวะ แต่ด้วยความที่เป็นลูกหลานเชื้อสายจีนละมั้ง ทางบ้านค่อนข้างจะเข้มงวด เลยทำให้เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้ข่าว ‘คาว’ ของไอ้เด็กที่อยู่ตรงหน้า

...เวลาเรารู้สิ่งใหม่ๆกับคนคนนึงมากขึ้น มันก็ทำให้เรามองเค้าไม่เหมือนเดิม

“พี่ไซน์”

“...”

ไม่ใช่ว่าไอ้ไซน์มองน้องไจ๋ไม่เหมือนเดิม เพียงแค่ลองห่างๆออกมา ถอยออกมา ให้มันมีที่ว่างระหว่างคำว่าพี่น้องมากั้นบ้าง ไม่คุย ไม่ตอบแชท เจอหน้าเฉพาะตอนเรียนพิเศษ ไม่ได้ให้น้องขับรถไปส่งบ่อยๆเหมือนเคย แต่ก็ไม่ถึงกับหลบ

“พี่ไซน์”

“...”

ถอยออกมาบ้างนั่นแหละดีแล้ว  เพราะถ้าเข้าใกล้กว่านี้ ไอ้ไซน์กลัว...

“พี่ไซน์ !”

“...”

กลัวใจตัวเองจะคิดอะไรกับคนตรงหน้าเข้าสักวัน


“พี่ไซน์!!”

“เห้ย! อะไร” สะดุ้งเอนหลังติดพนักเก้าอี้ เมื่อหันกลับมาจากมองวิวด้านนอกร้านแล้วเจอหน้าน้องไจ๋อยู่ห่างแค่คืบ

“เป็นไรวะ เหม่ออะไร” ถามคนพี่ หน้ายังไม่ถอยหนี มือยาวๆก็เอื้อมมาแตะหน้าผากแตะแก้ม ไอ้ไซน์รีบปัดออกก่อนที่มือหนาๆนั่นจะลามลงมาแตะต้นคอ

“มาจับทำไมเล่า”

“ไม่สบายปะ? ตัวรุมๆ”

“ป่าวนี่ กูแข็งแรงดี กูเป็นคนเหล็ก” พูดติดตลก แต่น้องไจ๋กลับไม่ตลกด้วย ขมวดคิ้วใส่ สายตาคมๆจ้องอย่างจับผิด

“ช่วงนี้พี่แปลกๆ” จ้องคนเป็นพี่ไม่วางตาก่อนจะเขยิบตัวเข้ามาให้ใกล้ขึ้นอีก

“ไม่แปลก กูปกติดี” บอกแล้วก็ใช้มือดันหน้าผากอีกคนให้ถอยออกไป น้องไจ๋รวบมือไอ้ไซน์ให้วางไว้บนหน้าขาเล็กๆ ขมวดคิ้วแน่นขึ้นไปอีกเมื่อไอ้ไซน์เบือนหน้าหลบ

“พี่ไม่ตอบแชท ไม่ค่อยคุย พี่หลบผม?”

“หื้อ ไม่ได้หลบ ก็ช่วงนี้จะสอบกูก็อ่านหนังสือ มึงก็อ่านหนังสือ” ส่ายหน้าเบาๆ บอกเสียงอ่อน พลางขืนมือออกจากการเกาะกุม

“งั้นวันนี้ให้ผมไปส่งที่คอนโด”

“...” น้องไจ๋ยิ่งบีบกระชับข้อมือเล็กๆแน่นขึ้นอีกเมื่อเห็นคนเป็นพี่ไม่ตอบแถมยังทำท่าทางอึกอัก

“พี่ไซน์...พี่เป็นไรพี่ก็บอกดิ พี่เป็นแบบนี้ผมก็ทำตัวไม่ถูกนะเว้ย ผมไม่รู้ว่าผมทำอะไรผิดรึเปล่า หรือผมพูดลามปามกับพี่ พี่ไม่ชอบพี่ก็บอกดิวะ ผมจะได้ปรับปรุง” น้องไจ๋ว่า ถอนหายใจอย่าเหนื่อยอ่อน ในเมื่อพี่ไซน์หลบตา ไม่อยากบอกมันก็จะไม่คาดคั้น ปล่อยข้อมือเล็กๆให้เป็นอิสระแล้วถอยกลับมานั่งที่ของตัวเอง แต่ในใจมันเป็นหนึบๆ หน้าอกบีบรัดเหมือนจะหายใจไม่ออก มันไม่ชอบที่ให้พี่ไซน์เป็นแบบนี้ เหมือนเย็นชาใส่ เหมือนกำลังปิดอะไรอยู่

“...”

“...”

“วันนี้พอแค่นี้ก่อนละกัน กูกลับละนะ”  เมื่อบรรยากาศระหว่างคนสองคนเริ่มอึมครึมตามสภาพอากาศด้านนอกร้าน ไอ้ไซน์ก็กวาดชีทสัมภาระของตัวเองลงกระเป๋า ลุกขึ้นบอกน้องไจ๋ละลักละล่ำ เดินไปหน้าเคาท์เตอร์ไหว้ลาพี่ปิงปิงที่ทำหน้างงๆ ก่อนจะรีบเดินออกจากร้าน ไปรอโบกแท็กซี่

...ไม่ไหว อึดอัดแบบนี้ไม่ไหวแน่ๆ ขอถอยมาตั้งหลักก่อนละกัน

จะโทรไปบอกพวกแฝดให้มารับก็ต้องรออีก เพราะตอนนี้ทุ่มนิดๆ เอง ยังไม่ถึงเวลาเลิกติวด้วยซ้ำ ยิ่งอากาศครึ้มๆเหมือนฝนจะตกก็ยิ่งทำให้จิตใจมันหมองขึ้นอีก
ยังดีที่รอไม่นาน แท็กซี่ก็มาจอดรับ พอไอ้ไซน์ปิดประตูแท็กซี่ปุ๊ป ฝนก็ตกปั๊ป  อดเล่นเป็นพระเอกเอ็มวีเลย

...ฝนยิ่งตก รถยิ่งติด

แม้จะเป็นช่วงค่ำ แต่แท็กซี่คันสีเหลืองเขียวที่ไอ้ไซน์นั่งกลับยังไม่ขยับเขยื้อนพ้นช่วงเขตมหาลัยดีด้วยซ้ำ นั่งเหม่อก็แล้ว ถอนหายใจก็แล้ว รถก็ขยับได้ทีละติ้ดเท่านั้นเอง

“สงสัยข้างหน้าเกิดอุบัติเหตุมั้งน้อง คงนานหน่อย” พี่คนขับแท็กซี่บอก ไอ้ไซน์ได้แต่พยักหน้าปลงๆ ออกมาจากร้านได้นิดหน่อยเองแต่ฝนกลับยิ่งตกแรงขึ้นเรื่อยๆ


RRR

โทรศัพท์สั่นครืดๆอยู่ในกระเป๋าเป้ ไอ้ไซน์ความหาอยู่พักใหญ่ก่อนจะเจอหน้าจอที่มีแสงไปกระพริบปริบๆ โชว์ชื่อคนโทรเข้า

‘Jai EN’

สูดลมหายใจเข้าลึกๆ

...นี่แค่รับโทรศัพท์ยังยากเลยห่า กูเป็นอะไรของกูเนี่ย ไม่รับแล้วแม่งงงงง

.

.

.

ไอ้ไซน์มันเป็นหมาโง่ หมาโง่ที่ปล่อยให้ตัวเองเป็นหวัดช่วงสอบจนได้ แถมยังโหมอ่านหนังสือหนักจนดึกดื่นเที่ยงคืนก็ไม่ยอมนอน บางวันอ่านโต้รุ่งจนถึงเช้า อาบน้ำไปสอบได้ตามปกติเฉยเลย

“ฮัดชิ้ว !”

“บอกให้ใส่แมสๆ เชื้อโรคทั้งนั้นเลยมึงเนี่ย” ไอ้แทนบ่นก่อนปัดมือกลางอากาศไปมา ทำหน้าราวกับรังเกียจนักหนาใส่ไอ้แฝดคนน้อง

“แค่จามเอง เว่อร์หน่าแทน”

“ถ้ากูติดหวัดจากมึงนะ สอบเสร็จก็ไม่ต้องไปไหนกันเลย”

“เออ มันแค่คัดจมูกเฉยๆ เดี๋ยวก็หาย” ว่าให้แฝดคนโตแล้วก็ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือต่อ

“ฮัดชิ้ว ! ฮัดชิ้ว !” ยังไม่ทันไรเจ้าแฝดคนโตก็จามออกมา ตามมาด้วยเสียงหัวเราะคิกๆของไอ้ไซน์  ไอ้แทนได้แต่ทำตาขวางส่งมาให้แฝดน้อง ลุกขึ้นออกจากห้องอ่านหนังสือไปพักนึง กลับเข้ามาด้วยผ้าปิดปากสองอัน โยนให้ไอ้ไซน์อันนึง  ส่วนอีกอันนึงก็คาด ปิดปากปิดจมูกตัวเองไว้

...ร่างกายบอบบางจริงนะคุณหมอออออออออ



23.41 น.

ไอ้ไซน์นั่งมองกระดาษหน้าเดิม มาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว  สายตาเหม่อลอยมองตัวอักษรที่อยู่บนกระดาษ แต่หากไม่ได้โฟกัส มือขวาก็ยังกำดินสอกดเอาไว้ ส่วนมือซ้ายถือโทรศัพท์ตัวเองที่หน้าจอเปิดค้างเป็นฟีดข่าวอยู่บนทามไลน์
รูปนิ้วเรียวยาวที่มีรอยปากกาวาดเป็นหน้าเศร้า พื้นหลังมีแก้วชาเขียวปั่นที่วางอยู่ข้างชีทภาษาอังกฤษ พร้อมแคปชั่น

‘อยู่ไม่ไหวลำพัง อ่อนแอเกินไป อ้างว้างแปลกๆ...’ 
256 คนถูกใจสิ่งนี้ พร้อมคอมเมนต์อีก 19 ความคิดเห็น

ไอ้ไซน์กดปิด ล็อคหน้าจอโทรศัพท์ ถอนหายใจแรง ปิดหนังสือ

“แทนนนนนนนน” ยกขาดันเก้าอี้ให้เลื่อนไปชนอีกคนดังปึ้ก ! ลากเสียงยาวๆ กระพริบตาปริบๆใส่ ไอ้คนถูกเรียกใช้หางตาตวัดมองแล้วหันกลับไปสนใจหนังสือต่อ

...วันนี้ไอ้ไซน์มันดูจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ยุกยิกๆกวนคนอื่นมาทั้งวัน ไอ้แทนหละรำคาญ อยากจะตบกะโหลกให้สติกลับมาสักป้าบ

“...”

“พาไปร้านพี่ปิงปิงหน่อย”

“หืม?” ขมวดคิ้วหนาๆ ใส่แฝดน้อง หรี่ตาจ้องมองเค้นกะจะให้ไอ้หมาตัวนี้บอกความจริงออกมา

“ก็...ก็อยากกินเค้กกะทันหัน นะ พาไปหน่อย”

“ตอนนี้?”

“เอ้อ ตอนนี้แหละ นะ ปะ เดี๋ยวร้านปิดก่อน” ว่าไม่พอยังพับเก็บหนังสือออกจากมือไอ้แทน ดึงให้คนตัวสูงกว่าลุกขึ้น คว้ากุญแจรถไปให้เสร็จสรรพเรียบร้อย

.

.

.

“ร้านปิดแล้วนะคะ ...อ้าว น้องไซน์ เป็นไงมั่ง ไม่เจอตั้งนาน คิดถึงจังเลย นี่ช่วงตรุษจีนที่ผ่านมา บ้านพี่ทำอาหารไว้ตั้งเยอะ พี่บอกเจ้าไจ๋ว่าให้ชวนน้องไซน์มาด้วย แต่เจ้านั่นก็ดันลืมซะงั้น น่าตีจริงๆ แล้วนี่ไซน์มาทำอะไร” พี่ปิงปิง เจ้าของร้านคนสวยิ้มกว้าง เอ่ยถามสารทุกข์สุกดิบกับไอ้ไซน์ราวกับไม่ได้เจอกันมานานแรมปี ถ้ากระโดดกอดได้ก็คงจะทำไปแล้ว  ติดที่เคาทน์เตอร์กั้นอยู่นี่แหละ

“ใครอะเจีย?” เสียงทุ้มตะโกนแทรกถามก่อนไอ้ไซน์จะได้ตอบพร้อมกับเจ้าของร่างสูงโปร่ง เลื่อนบานประตูกระจกออกมา

“...”

“หวะ หวัดดี มาซื้อเค้กให้ไอ้แทน มันอยากกินหนะ” ไอ้ไซน์ทำหน้าเลิ่กลั่ก รีบบอกลนๆ อ้างชื่อไอ้แฝดคนโตที่บอกว่าจะนั่งรออยู่ในรถที่ด้านหน้าร้าน พร้อมกับยิ้มเจื่อนให้อีกคนที่แสดงสีหน้าตกใจใส่ พี่ปิงปิงยิ้มกว้างเข้าไปใหญ่ เดินไปยังตู้เค้ก เลือกหยิบเค้กมาประมาณสามสี่ชิ้นจัดใส่กล่องไม่ให้เค้กล้ม ก่อนจะติดเทปใสปิดกล่องใส่ถุงให้เสร็จ ในขณะที่ไอ้คู่กรณีสองคนนั่นยังไม่ได้ขยับไปไหนมาไหนเลย ได้แต่อึกอัก จ้องหน้ากันไป หลบตากันมาอยู่นั่น

“เสร็จแล้วค่ะ นี่” ดันถุงเค้กไปให้  ไอ้ไซน์พยักหน้าเบาๆ ก่อนจะล้วงกระเป๋าตังขึ้นมา

“เท่าไหร่ครับ”

“ไม่คิดเงิน สำหรับลูกค้าวีไอพี” พี่ปิงปิงบอกเสียงใส

“พี่ปิงปิงให้ฟรีบ่อยเกินไปแล้ว คราวนี้ให้จ่ายบ้างเถอะ” โอดครวญเสียงละห้อยอย่างรู้สึกผิด

“ถือเป็นของขวัญวันเกิดล่วงหน้าละกันนะไซน์” ยิ้มอ่อนใส่ ไอ้ไซน์พยักหน้าน้อยๆ รับถุงเค้กมาถือไว้

“งั้น ไซน์กลับก่อนนะ ขอบคุณนะครับพี่ปิงปิง เอ่อ...ไปนะ”  ค้อมหัวไหว้ขอบคุณพี่ปิงปิงก่อนประโยคหลังจะหันไปบอกคนเป็นน้องที่สีหน้าตอนนี้ทำท่าทีเรียบเฉย ไอ้ไซน์ยืนอึกอักเหมือนมีอะไรจะพูด แต่ก็ตัดสินใจหันหลังเดินออกจากร้าน

...ที่จริง มาหาน้องไจ๋ ตอนแรกก็แค่คิดถึง ไม่แน่ใจว่าอยากเจอด้วยรึเปล่า  พอเจอแล้วถึงแน่ใจว่า ทั้งคิดถึง ทั้งอยากเจอเลย

.

.

.

“เชร้ดดดด ไอ้ไซน์ แกทำพาร์ทของมิสเตอร์ชาส์ลได้ปะ เล่นให้วิเคราะห์ตัวละคร โต้งๆกันอย่างนี้เลย ดีนะอ่านหลักวิเคราะห์มาบ้าง เลยพอตอบถูๆไถๆไปบ้าง”

“ไอ้ไซน์มันเจ๋งอยู่แล้ว ตอนฉันเดินออกมาส่งข้อสอบ ฉันเห็นมันเขียนออกมาเป็นข้อๆเลย งี้แหละ มันอ่านพวกวรรณกรรมเยอะ มันเลยทำได้ เก่งนะเนี่ยไอ้หมา”

“เออ คะแนนสูงสุดของสาขาก็คงไม่พ้นไอ้หมาอีกแน่ๆ” 

วันสอบวันสุดท้าย กับสอบวิชาสุดท้าย เมื่อหมดเวลาเสียงออดดังเตือน เหล่านักศึกษาก็พากันเดินอิดอออดออกมาจากห้องสอบ ด้วยสภาพที่ต่างกันมากนัก เสียงซุบซิบ บ่น นินทา แชร์คำตอบกันสนั่นหวั่นไหวทำให้ไอ้ไซน์อยากอ้วก  ปวดหัวตึ้บๆ ไปหมด รวมทั้งพวกเพื่อนผู้หญิงที่แง้วๆ กันอยู่ล้อมหน้าล้อมหลังไอ้ไซน์ก็ยังไม่วายพูดถึงข้อสอบกัน พร้อมเดินออกมาหยุดอยู่ที่หน้าตึกเพื่อตั้งหลักว่าจะไปไหนกันต่อ

“สอบเสร็จไปไหนกัน”

“ดูหนังงง”

“ช๊อปปิ้งงง”

“แกหละ” หันหน้ามาถามไอ้ไซน์ที่สูดขี้มูกฟืดๆอยู่ ด้วยใบหน้าเอือมระอา

“กลับห้อง” ไอ้ไซน์บอกเสียงเรียบ

...ไม่ไหวๆ ต้องกลับไปนอน ร่างกายอ้อนแอ๋มาเป็นอาทิตย์แล้ว

“เออ ควรนอนค่ะ สภาพอย่างกะผีจีน กินข้าวกินยาซะมั่ง เป็นหวัดมาตั้งแต่สอบวันแรกแล้ว นี่ยังไม่หายอีก”

“เออ ขอบคุณที่เป็นห่วง” ไอ้ไซน์บอก ส่งยิ้มตาหยีไปให้

“ไม่ได้ห่วง นี่รำคาญ สูดน้ำมูกฟีดๆอยู่นั่น รกหูรกตา แพร่เชื้อๆ” พวกผู้หญิงทำท่าปิดจมูกโบกมือไล่ไอ้หมาไปไกลๆ แล้วก็หัวเราะกันคิกๆ ไอ้ไซน์นี่เบะปากให้แทบไม่ทัน

“เอ้อออ ไปละนะ เจอกันวันจันทร์” โบกมือลา พร้อมเดินไปยังลานจอดรถอีกฝั่งของคณะ ไอ้คอสสอบเสร็จตั้งแต่สองวันที่แล้วแล้ว ส่วนไอ้แทนที่พึ่งสอบบล็อกกล้ามเนื้อไปก็ได้หยุดเมื่อ 3 วันที่แล้ว มีแต่ไอ้ไซน์นี่แหละที่สอบเสร็จทีหลังชาวบ้าน ทั้งๆที่วิชาสอบน้อยกว่า

ใช้เวลาขับรถจากคณะมายังคอนโดของตัวเองประมาณ 15 นาทีก็ถึง รถไม่ติดเพราะเพิ่งเป็นเวลาบ่ายสามกว่าๆ ยังไม่ถึงเวลาเลิกงานของคนส่วนใหญ่  เอารถจอดไว้ชั้นใต้ดินของคอนโดก็ขึ้นลิฟต์มายังห้อง แตะคีย์การ์ดจนเสียงประตูดังตี๊ดๆก็ผลักเข้าไป  วางกระเป๋าสัมภาระทิ้งไว้โซฟา ถอดถุงเท้าโยนใส่ตะกร้าซัก เข้าห้องน้ำล้างเท้า เปลี่ยนชุดจากชุดนักศึกษาเป็นเสื้อยืดกางเกงบอลของไอ้คอสก็เข้ามาในห้องนอน
เครื่องปรับอากาศอุณหภูมิ 25 องศา ทำให้ไอ้ไซน์รู้สึกหนาวไป เอื้อมมือไปกดรีโมทมาเพิ่มอุณหภูมิขึ้นอีก แล้วก็มุดตัวแทรกกลางระหว่างไอ้สองแฝด ดึงผ้าห่มผืนหนาขึ้นมาจนชิดคอ นอนยาววววววว


...ไม่อยากจะบอก ตอนนี้สองแฝดได้ติดไข้จากไอ้ไซน์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แบ่งกันเป็นคนละนิดคนละหน่อย ช่วยกันเป็น จะได้หายเร็วๆ


ช่วงนี้เราก็มีสอบมิดเทอมเหมือนพวกแฝด
พฮือออ หนังสือก็จะอ่าน นิยายก็จะอัพ ชีวิตดูตีกันเหลือเกิน
ตอนนี้เขียนแข็งๆยังไงไม่รู้ เพราะเราเครียดกับไซน์ด้วยมั้ง 555
เดี๋ยวตอนหน้าก็ดีแล้ว...
รักพวกแฝดเยอะๆน้าาาา

ออฟไลน์ 205arr

  • เราคงอยู่ไกลกันเป็นพันหมื่นลี้
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
อยากอาสาไปดูแลเจ้าแฝดตอนป่วยจัง
 :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
สนุกดีคะ มาต่ออีกนะคะ

ออฟไลน์ SPNamfone

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
10
Recognize and Adaptation


เช้ามืดพระอาทิตย์เกือบขึ้นแล้วในวันเสาร์ หลังจากผ่านมรสุมมิดเทอมไปเมื่อวาน  สามแฝดยังคงนอนซมกองกันอยู่บนเตียงหลังใหญ่ ผ้าห่มถูกดึงขึ้นมาชิดจนถึงคอกันทุกคน ไอ้ไซน์นอนกระสับกระส่าย พลิกไปมาอย่างไม่สบายตัว จนเป็นเหตุให้พวกพี่แฝดที่นอนอยู่ด้านข้างสะลึมสะลือ ตื่นขึ้นมาดู

“ตัวร้อนหวะ” ไอ้คอสพูดเสียงขึ้นจมูก มือก็ทาบหน้าผากเล็กๆวัดอุณหภูมิ

“อือ งั้นเดี๋ยวเอาผ้ามาเช็ดตัวก่อนละกัน” ไอ้แทนงัวเงียลุกขึ้นจากเตียง สายตามองผ้าห่มอุ่นๆอย่างแสนเสียดาย จำใจเดินไปหากะละมังเล็กกับผ้าขนหนูเช็ดตัวให้ไอ้คนป่วยที่นอนซมอยู่
ยื้อผ้าห่มออกจากแฝดน้อง ก่อนจะปลดกระดุมชุดนอนแล้วเริ่มเช็ดตัวจากใบหน้า ลงมาซอกคอ แล้วไล้ตามแผ่นอกและหน้าท้องแบนๆ ไอ้ไซน์ตัวสั่นน้อยๆเมื่อผิวกายออกมาสัมผัสกับอุณหภูมิห้อง มือก็ปัดป่ายออก ราวกับบอกให้หยุด

“ฮื่อ หนาว” เสียงแหบๆละเมอครางออกมา แล้วพลิกตัวหนี ไอ้พี่พวกพี่แฝดถอนหายใจใส่ ติดกระดุมเสื้อ แล้ววกกลับมาเช็ดแขนเช็ดหน้าอีกรอบ พร้อมกับคืนผ้าห่มอุ่นๆให้ไอ้หมาที่ขมวดคิ้วทำหน้ายุ่งแม้ตอนหลับ

“มึงมันตัวแพร่เชื้อ กูนอนทั้งวันไม่ได้ทำห่าไรเลยเนี่ย” แฝดคนกลางว่า ผลักหัวไอ้ไซน์ให้อย่างนึกหมั่นไส้

...โปรเจคกูต้องเสนอหลังสอบนี้ ว่าจะปั่นก็โดนหวัดแดก นอนซมไปตั้งแต่สอบเสร็จแล้ว มึงนะมึง

.

.

.

“ไซน์ เดี๋ยวกูจะไปซื้อของที่ซุปเปอร์ มึงจะเอาอะไรมั้ย” ไอ้แทนว่า คว้ากุญแจที่วางอยู่โต๊ะข้างโซฟาขึ้นมาถือไว้ ถามไอ้หมาที่นั่งหน้าอึนๆดูการ์ตูนช่องบูมเมอร์แรงอยู่

...เอากับมันสิ ป่วยแค่ไหนก็ตื่นขึ้นมาดูการ์ตูน นี่มันกี่ขวบบบบบ?

“ไปด้วยยยย” ช้อนตามองคนถามบอกเสียงยาน

“นอนเจียมตัวอยู่นี่แหละมึงอะ” ไอ้คอสชี้หน้าบอกเสียงดุ ไม่ยอม มันจะมาลูกอ้อนไหนก็จะไม่ให้มันไปเด็ดขาด เกิดไปตากลมตากแอร์เจอฝุ่นเจอควัน แล้วเป็นหนักกว่าเดิมอีก

“ไปด้วย ไม่ดื้อ นะ...” 

“...”

“...”

“จะไปก็ลุก!” หนึ่งในพวกพี่แฝดบอก ไอ้ไซน์ยิ้มกว้างตาหยีมาให้

“เดี๋ยวไปเปลี่ยนกางเกงก่อน” ลุกขึ้นบอกแล้วรีบแจ้นเข้าไปในห้อง ปล่อยให้ไอ้พวกพี่แฝดยืนมองตากับปริบๆอยู่สองคน

“มึงมันอ่อน แค่ไอ้ไซน์กระพริบตาปริบๆใส่ก็ยอมละ” แฝดคนกลางว่าเสียงขุ่น ไอ้คนโดนแขวะไปแต่ถอนหายใจ

“งั้นมึงทำไมไม่ห้ามหละ เงียบทำไม มึงก็แพ้ลูกอ้อนมันเหมือนกันแหละ” ว่ากลับ ไอ้คอสได้แต่ส่งเสียงเหอะขึ้นลำคอ หันหน้าเบือนหนีไปทางอื่น แล้วก็หันกลับมามองหน้าแฝดคนโตใหม่ ก่อนพวกแฝดพี่จะอมยิ้มแล้วก็บอกพร้อมกัน

“ก็มันน่ารัก”



ภายในห้างสรรพสินค้าเต็มไปด้วยเหล่าผู้คนที่มาเดินช๊อปปิ้งในวันหยุดกัน สามแฝดมีแมสปิดปากคนละผืนเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อเพิ่ม ไอ้ไซน์วันนี้ที่โคฟเวอร์เป็นหมาพุดเดิ้ล (อีกครั้ง) มัดจุกขึ้น แล้วก็มีคูลฟีเวอร์แปะไว้บนหน้าผาก เดินตามหลังพวกพี่แฝดต้อยๆอย่างเป็นคุณชาย อยากกินอะไรก็ชี้นิ้วบอกพวกพี่แฝด แม้บางอย่างพวกพี่แฝดจะไม่สนับสนุนให้ซื้อ แต่ก็ไม่สามารถต้านทานพลังลูกอ้อนของไอ้หมาได้ รู้ตัวอีกทีมือก็หยิบของที่ไอ้ไซน์อยากได้เข้ารถเข็นซะแล้ว จะทำได้ก็เพียงแค่

‘ถ้ากูซื้อไปแล้วไม่เห็นมึงแตะหละโดน’

...ขู่ไปงั้น

“คอส แทน วันนี้เรากินชาบูกันเถอะ รู้สึกอยากซดน้ำร้อนๆอะ” ไอ้หมาพุดเดิ้ลพูดขึ้นขณะที่กำลังเข็นรถเข็นมาจ่ายตังที่แคชเชียร์ ไอ้คอสเลิกคิ้วหันไปถามไอ้แทนต่อ

“...ก็เอาดิ อยากกินเหมือนกัน” พูดจบไอ้ไซน์ยิ้มกว้าง ไม่เห็นหรอกว่ามันยิ้มกว้างแค่ไหน เพราะถูกแมสปิดปากเอาไว้ จะเห็นก็เพียงแค่ตาขีดๆที่ปิดกันเป็นเส้นโค้งนั่นแหละ ถึงพอจะดูออกว่ามันดีใจ



“สามที่นะคะ เชิญทางนี้เลยค่ะ”  พนักงานในร้านบอกพร้อมรอยยิ้มกว้าง ผายมือ เชิญพวกให้เดินเข้าไปตามพนักงานอีกคนเข้าไปยังโต๊ะด้านในติดกำแพง คนค่อนข้างเยอะ ถึงแม้จะเป็นเวลาบ่ายกว่าๆแล้ว พวกแฝดสั่งรายการอาหารจากพนักงานเยอะพอสมควร แต่รอไม่นาน อาหารก็ทยอยมาเสิร์ฟ นั่นแหละ พวกแฝดก็ไม่รอช้า รุมโยน (?) พวกผัก พวกเนื้อลงไปในหม้อแล้วก็แย่งกันกินอย่างสนุกสนาน วิดีโอคอลไปหาคุณแม่ ที่กำลังจะเข้าสอนพิเศษแล้วฟ้องกันใหญ่ ทั้งเรื่องสอบ เรื่องหวัด เรื่องกิน เรื่องตัง จนคุณแม่ปวดหัว อยากจะตัดสายลูกชายหัวแก้วหัวแหวนทั้งสามทิ้งเต็มที

คุณแม่หละยอมใจ กับลูกชายของเธอจริงๆ  ไอ้นิสัยขี้ฟ้อง ไม่ยอมกันนี่ไปได้ใครมา จะว่าเกเรจนทำให้เสียใจมั้ย? ก็ไม่ แต่จะว่าภูมิใจมั้ย? ก็ไม่เชิง อารมณ์คงจะเป็นแบบหน่วงๆ เหมือนเพลงของ room 39 ที่จะสุขก็สุขไม่สุด ต้องให้มีเรื่องปวดหัวกับพวกเด็กชายพวกนี้อยู่ตลอด เห้อออ ก็ดี ชีวิตแก่ๆของคุณแม่จะได้มีสีสันให้พอไปเม้าท์กับเหล่าแม่บ้านได้ขำๆ

“คอส !”

“อ้าว ไอ้ยักษ์ มาตอนไหนวะ” ไอ้แฝดคนกลางหันไปตามเสียงเรียก ก็เจอเพื่อนยักษ์ตัวโต ที่นั่งอยู่ถัดไปอีกสองโต๊ะ ด้านในสุดพร้อมโบกมือทักทาย

“มาได้สักพักละ พาน้องรหัสมากิน ช่วงนี้มันซึมๆ สงสัยไม่ได้กินตีนนาน” ไอ้ยักษ์บอกพร้อมยักคิ้วทำหน้านิ่งเผื่อแผ่มาให้ไอ้ไซน์
 
...จ้า ภาพลักษณ์มึงหมดไปตั้งแต่เล่นเดอะซิมส์กับกินเจลลี่แบร์แล้วจ้า

“ไอ้ไจ๋อะนะ?” ทันทีที่ไอ้แฝดคนกลางถามกลับ บุคลที่สามที่โดนกล่าวถึงก็หันควับ ยกมือหวัดดีไอ้คอส มองมาทางไอ้ไซน์แล้วชะงัก ก่อนจะยกมือขึ้นหวัดดี แล้วหันหน้าไปกินต่อ

“เออ ทำหน้ายังกะคนจะตาย ตอนสอบนี่เล่นไม่นอน พึ่งมาสำนึกได้วันนี้ว่าหิว กูเลยใจดี พาออกมาเลี้ยง” ไอ้ยักษ์บอก แล้วบ่นอุบอิบกับน้องรหัสมันอีกต่อนึง

“ฮ่าๆๆ เออๆ ถ้าว้อนท์มากเดี๋ยวกูจัดให้ ไว้ค่อยคุยกันมึง” ไอ้คอสบอกตัดบท กลับมากินต่อ

“เพื่อนมึงหรอ?” แฝดคนโตถาม

“เออ ทำโปรเจคก็กลุ่มเดียวกับมันนี่แหละ” บอกแล้วก็คีบเนื้อเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ

“เห็นมันทำหน้านิ่งๆมาให้ไอ้ไซน์ กูกลัว”

“ฮ่าๆ มันใจดีจะตาย แต่ขี้แกล้งไปหน่อย ไอ้ไซน์ก็รู้จัก”

“เออ ตอนแรกก็กลัว แต่วันนั้นมันยื่นเจลลี่แบร์มาให้ กูก็หายกลัวเลย” ไอ้ไซน์เล่าขำๆ ทำให้พวกพี่แฝดพลางหัวเราะไปด้วย



ก่อนเดินกลับไปขึ้นรถอยู่ชั้นใต้ดิน ไอ้ไซน์ก็แวะเข้าห้องน้ำ ให้พวกแฝดไปรอที่รถ ทำธุระส่วนตัวเสร็จก็เดินมาล้างมือที่อ่างล้างมือ เสร็จแล้วกำลังจะผลักประตูออกจากห้องน้ำก็มีแรงดันเบียดเข้ามาก่อน เกือบทำหน้ายุ่งใส่แล้ว แต่ก็ชะงักถอยห่างออกมาเมื่อเห็นว่าอีกคนเป็นใคร

“...ไจ๋” เรียกชื่อคนเป็นน้องแล้วก็เบี่ยงหลบออกมา แต่ข้อมือเล็กกลับถูกคว้าไว้ให้กลับมายืนสบตากันอยู่ที่เดิม

“เคลียร์กันหน่อยมั้ย?” น้องไจ๋ว่า ขมวดคิ้วหนาๆเป็นเชิงคำสั่งมากกว่าคำถาม

“ตอนนี้ไม่ว่าง พวกแฝดรออยู่” บอกพร้อมขืนมือออก

“โทรไปบอกว่าจะให้ผมไปส่งที่คอนโด”

“ไจ๋ !”

“งั้นก็ยืนคุยกันอยู่แบบนี้แหละ คุยจนกว่าจะรู้เรื่อง” แววตาจริงจังกว่าทุกครั้งส่งผ่านมาให้อีกคนที่เผลอขึ้นเสียงใส่รับรู้ว่าน้องไจ๋มันเอาจริงแน่ๆ ไอ้ไซน์ล้วงมือเข้ากระเป๋ากางเกง หยิบเอาโทรศัพท์ออกมากดเบอร์แฝดคนโต รอเสียงสัญญาณไม่นานปลายสายก็กดรับ

‘ว่า?’ เสียงทุ้มๆดังผ่านปลายสาย พร้อมกับเสียงจากไอ้แฝดคนกลางมาว่า ขี้หรอน้องไซน์ทำไมนานจัง ล้อแทรกขึ้นมา

“คอสกับแทนกลับก่อนเลย มีธุระต้องทำอีกนิดหน่อย” ไอ้ไซน์บอกปัด

‘ทำอะไร’

“ธุระ”

‘ธุระอะไร’

“เออหน่า กลับก่อนเลย”

‘ไซน์ มึงอยู่กับใคร’ น้ำเสียงจริงจังจนคนฟังยังเกร็งที่จะตอบ เหลือบมองดูหน้าน้องไจ๋พร้อมกับแรงบีบที่ข้อมือเพิ่มขึ้นอีก

“กู...กูจะคุยกับน้องไจ๋เรื่องเรียน”

‘กูรอก็ได้นี่ หรือจะให้กูไปรับไปส่งที่ไหน’ ไอ้แฝดคนโตยังไม่ยอมเข้าใจ ถามเค้นเอาคำตอบจริงๆกับไอ้ไซน์

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูกลับเอง”

‘แน่ใจนะ’

“อื้อ วางนะ”

‘อือ รีบกลับด้วย เดี๋ยวไข้ขึ้น’ ก่อนสายสัญญาณจะถูกตัดไปก็ยังไม่วายส่งน้ำเสียงเป็นห่วงอาการไม่สบายของไอ้ไซน์ขึ้นเตือน ไอ้ไซน์กดวางแล้วเก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋ากางเกงเช่นเดิม เหลือบมองหน้าน้องไจ๋ที่ยังจับที่ข้อมือไม่ปล่อย

“ไปคุยที่อื่น”

“ไปไหน”

“แถวนี้แหละ” บอกแล้วก็กระตุกข้อมือคนเป็นพี่เบาๆให้เดินออกไปด้วยกัน  รถน้องไจ๋จอดอยู่ลานจอดรถชั้นบน ต้องเดินกลับเข้าไปในห้างอีกรอบ พอถึงชั้นสาม ก็เดินออกมายังบริเวณลานจอดรถ น้องไจ๋ปลดล็อคกุญแจรถเปิดประตูดันไอ้ไซน์ให้เข้าไปนั่ง

“เดี๋ยวๆ” ไอ้ไซน์รีบร้อง ยื่นมือจับขอบประตูรถดันออก แต่

ปัง!

“เห้ย!”

ประตูรถถูกปิดทับเข้ากับมือไอ้ไซน์อย่างจัง น้องไจ๋นั่งคุกเข่าลงกับพื้น รีบจับมือสั่นๆเข้ามาเป่า ไม่รู้ว่าช่วยอะไร แต่ก็ดีกว่ายืนมองเฉยๆ เงยหน้าขึ้นมามองคนพี่เป็นระยะๆ

“เห้ย ร้องไห้ทำไม?” น้องไจ๋ลนลานเข้าไปใหญ่เมื่อเห็นน้ำตาเม็ดโตหล่นลงมาจากดวงตาเล็กๆ มือใหญ่ทั้งเช็ดน้ำตาให้ ทั้งคอยประคองมือที่โดนประตูหนีบอย่างเป็นห่วง

...โอ้ย ไอ้ไจ๋ สติๆ

“เจ็บ” ร้องบอกคนเป็นน้อง มืออีกข้างก็ยกขึ้นมาปาดน้ำตาออกลวกๆ

“ไปหาหมอมั้ย?” แววตาที่บอกว่าเป็นห่วง และรู้สึกผิดไปพร้อมๆทำเอาไอ้ไซน์ยิ้มออกมา ก่อนส่ายหน้าบอก

“ไม่เป็นไร ไปคุยกันเหอะ” พอคนเป็นพี่พูดแบบนั้น น้องไจ๋ก็ได้แต่ถอนหายใจ ลุกขึ้นปิดประตูรถ ย้ายตัวเองมาเป็นสารถี สตาร์ทรถ เคลื่อนออกไปยังสถานที่ที่ต้องการ

น้องไจ๋บอกไม่ถูกว่าอารมณ์ตอนนี้เป็นแบบไหน มันตีรวนกันไปหมด ทั้งรู้สึกผิด อยากขอโทษ เป็นห่วง ทั้งอยากคุย แต่ลึกๆก็โกรธ ไม่เข้าใจ สับสน วุ่นวายอยู่ภายในใจ

...ทำไมต้องอยากเคลียร์ขนาดนั้น ทำไมไม่ห่วงตัวเองก่อน เคลียร์ๆจะได้จบๆไปใช่มั้ย ?

.

.

.

ขับรถ 20 นาที รถยนต์คันหรูก็มาหยุดอยู่หน้าบ้านจัดสรรหลังใหญ่ น้องไจ๋กดรีโมทคอนโทรล แล้วรั้วบ้านก็ค่อยๆเปิดออก ขับรถเคลื่อนเข้าไปจอดที่โรงรถข้างตัวบ้าน เมื่อมีอาการหน้าหมางงเข้ามาแทรก อาการเจ็บเมื่อครู่ก็พอทุเลาลงไปบ้าง เปิดประตูรถลงออกมาตามคนน้อง

“ผมอยู่บ้านหลังนี้นี่แหละ ใกล้มหาลัยดี ป๊าก็เลยซื้อไว้เลย” น้องไจ๋บอกก่อนที่ไอ้ไซน์จะได้ถาม จับมือเล็กให้เดินเข้ามาในบ้านด้วยกัน ก่อนจะดันให้คนพี่นั่งลงที่โซฟา แล้วตัวเองก็นั่งลงกับพื้นด้านล่าง สำรวจมือข้างที่เจ็บ

“โอ๊ะ” ร้องออก พร้อมชักมือกลับเมื่อน้องไจ๋เผลอไปโดนส่วนที่ช้ำเข้า

“ไม่ได้หนีบเล็บใช่มั้ย” เงยหน้าขึ้นถาม มือใหญ่ก็รวบมือไอ้ไซน์ที่เริ่มขึ้นสีเขียวๆ เป็นรอยยาวไว้

“อื้อ ไม่โดน”

“ไปหาหมอเหอะ” บอกอีกครั้ง สายตาเป็นห่วงถูกส่งออกไปให้คนที่ตรงหน้า แต่ไอ้ไซน์ก็ส่ายหน้า

“เดี๋ยวถ้ามันไม่หายค่อยไป” จะทำอะไรได้นอกจากถอนหายใจกับความดื้อรั้นของคนเป็นพี่ ลุกขึ้นเดินเข้าไปในตัวบ้าน เสียงดังกุกกักๆ ทำเอาไอ้ไซน์เผลอชะโงกหน้าเข้าไปดู  น้องไจ๋เดินกลับออกมาพร้อมกล่องยาสามัญประจำบ้าน กับกะละมังน้ำแข็ง มีผ้าบางผืนเล็กอีกหนึ่งผืน แล้วก็มานั่งขัดสมาธิลงกับพื้น จับมือเล็กมาเป่าเบาๆ อีกรอบ ก่อนจะหันไปหยิบน้ำแข็งในกะละมังมาห่อในผ้า หมุนๆให้ผ้าเป็นก้อน แล้วค่อยๆประคบลงที่มือของไอ้ไซน์ ปากก็คอยเป่าลมใส่ด้วย

“ไม่สบายตั้งแต่วันไหน” ถามทั้งที่ก้มหน้าประคบน้ำแข็งอยู่

“ช่วงสอบนั่นแหละ” ไอ้ไซน์บอก มองจมูกโด่งๆ กับคิ้วเข้มที่ขะมักเขม้นประคบน้ำแข็งให้อย่างเบามือ

...มุมก้มนี่ก็วิวดีเหมือนกัน

“...”

“ไจ๋...”

“...หื้ม?”

“ถ้า...ถ้ามึงได้ฟังเรื่องไม่ดีของคนคนนึงมา แล้วมึงจะมองเค้าแบบเดิมได้อยู่มั้ยวะ”  น้องไจ๋เงยหน้าขึ้นสบตากับไอ้ไซน์ที่มองอยู่ก่อนแล้ว

“พี่ตัดสินคนจากคำพูดคนอื่นหรอ?”

“...”

“...”

“กู...คือ...คือ คนอื่นมันพูดเรื่องไม่ดีของมึงให้กูฟัง กูก็เลย”

“ถอยห่างจากผม?” น้องไจ๋ต่อประโยค มองตาคนเป็นพี่ด้วยแววตาตัดพ้อ ผิดหวัง

“...” ไอ้ไซน์พยักหน้ายอมรับ ก้มหน้าหลุบตามองพื้น

“อือ เข้าใจแล้ว” น้องไจ๋ว่า หันกลับไปสนใจมือเล็ก เอาก้อนผ้าน้ำแข็งที่ประคบออกก่อนจะหยิบหลอดยาแก้ฟกช้ำในกล่องมาบีบเนื้อยาสีขาวลงปลายนิ้วมือตัวเองแล้วค่อยๆแตะลงมือไอ้ไซน์

“เข้าใจอะไร ?”

“ก็พี่ไม่อยากยุ่งกับคนไม่ดีแบบผม”

“มะ ไม่ใช่” ไอ้ไซน์รีบปฏิเสธบอก

“ใช่ดิ แค่พี่ฟังเค้ามาพี่ก็ตัดสินผมแล้ว” น้องไจ๋ยังยืนยันคำพูดตัวเองเสียงเรียบ ทายาลงบนรอยสีเขียวๆบนมือเล็กอยู่อย่างแผ่วเบา

“กู กูขอโทษ”

“พี่ไม่ถามผมสักคำ ตอนนั้นผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำอะไรผิด”

“ก็... ก็ กูกลัว”

“ผมเป็นฝ่ายถูกเมิน ผมควรกลัวมากกว่าปะวะ?” คนเป็นน้องก็ยังคงสวนกลับเสียงเรียบ เงยหน้าเลิกคิ้วขึ้นถามคนเป็นพี่ แล้วก็หันกลับไปบีบเนื้อยามาทาลงมืออีกครั้ง

“ขอโทษ...กูผิดเอง” ไอ้ไซน์บอกเสียงอ่อน จนใจจะอธิบายกับสิ่งที่มันกำลังรู้สึก รู้แค่ตอนนี้ไม่อยากให้อีกฝ่ายเข้าใจแบบนั้น อยากพูด อยากปฏิเสธข้อกล่าวหาที่น้องมันบอก แต่ก็ยอมรับว่าที่น้องมันพูดมาก็ถูก

“ไม่หรอก ผมนี่แหละที่ผิด ผิดเองที่คงเข้าไปวุ่นวายกับพี่มากเกินไป ขอโทษนะพี่ไซน์”

“ไจ๋...” เรียกคนตรงหน้าอย่างแผ่วอ่อน เหมือนก้อนอะไรมาจุกอยู่ที่คอ กลืนน้ำลายก็ยาก หายใจก็ลำบาก คำขอโทษจากน้องไจ๋ทำเอาใจอ่อนยวบ หมดแรงจะพูดต่อ เกิดมาไม่เคยรู้สึกผิดเท่านี้มาก่อน เบือนหน้าหนีไปทางอื่น เมื่อรู้ว่าน้ำตาเม็ดโตที่คลออยู่ในหน่วยตาจะตกลงมาแล้ว ในขณะที่น้องไจ๋ยังทำเป็นสนใจแค่มือที่เกิดรอยช้ำเท่านั้น ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามองไอ้หมาขี้แยเลยสักนิด


หารู้ไม่ว่า ... มันกำลังแอบอมยิ้มอยู่

“โอ๋...มากอดมา” น้องไจ๋ลุกขึ้นจากพื้นเปลี่ยนไปนั่งโซฟาตัวเดียวกับไอ้ไซน์ แล้วรวบตัวไอ้หมาที่สะอื้นฮึกๆ มาซุกไว้ที่หัวไหล่ตัวเอง มือก็ลูบหลังลูบหัว โยกตัวไปมา ปลอบโยน

“ฮึก ฮึก ขอโทษ ก็กูได้ยินเรื่องมึง แล้ว ฮึก กูมองมึงไม่เหมือนเดิม ฮึก กูกลัวกูเกลียดมึงอะ” บอกเสียงอู้อี้พร้อมเสียงสะอื้นที่กลั้นไว้ บอกเลยถ้าน้องไจ๋มันเมินต่อไปเรื่อยๆ ไอ้ไซน์จะมีน้ำตาแค่หยดเดียว  แต่ไม่ใช่ไง น้องมันมากอดมาปลอบแบบนี้ พัง ต่อมน้ำตานี่พัง แตกยับเยินเลย

...แต่ก็รู้สึกโล่งขึ้น

“ผมไม่รู้ว่าพี่ไปได้ยินอะไรมา แต่ผมขอให้พี่มองผมใหม่ มองในมุมของพี่คนเดียว อย่าตัดสินผมแค่เพราะคนอื่นบอก แค่พี่คนเดียว พูดออกมาพี่ไซน์ ผมพร้อมจะปรับตัว ได้มั้ยครับ?” คำพูด และน้ำเสียงจริงจังที่รับรู้ผ่านการกอด ทำเอาไอ้หมาหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ

“อือ” พยักหน้าหงึกๆลงกับลาดไหล่แข็งแรง แอบเช็ดทั้งขี้มูกทั้งน้ำตาลงกับเสื้อน้องไจ๋ด้วยแหละ

“พี่ไซน์ เรามาทำข้อตกลงกันเหอะ”

“ตกลงอะไร”

“ถ้าอยากให้รู้ ก็บอก ถ้าอยากได้คำตอบ ให้ถาม โอเคมั้ย? ห้ามคิดไปเอง”

“อื้ม ได้” นิ้วก้อยของไอ้ไซน์ที่วางบนตักถูกเกี่ยวเข้ากับนิ้วก้อยของน้องไจ๋ราวกับทำพันธะสัญญากัน ไอ้ไซน์อมยิ้มน้อยๆ มุดหน้าซบไหล่คนเป็นน้องอย่างออดอ้อน เสียงสูดขี้มูกฟึดฟัดยังดังขึ้นอยู่

“ไหน มามองหน้าดิ๊ ไม่สบายแล้วอ้วนขึ้นปะเนี่ย” ผละตัวออก แซวคนเป็นพี่ที่ทำตาขวางใส่ทั้งที่เมื่อกี้ยังร้องไห้เป็นเด็กน้อยอยู่เลย

“มึงมันปากเสีย” ค้อนตาว่าให้น้องไจ๋ที่นั่งจ้องหน้าไอ้ไซน์แล้วหัวเราะหึหึอย่างเจ้าเล่ห์ มือใหญ่ๆก็เอื้อมมาที่หน้าผาก ค่อยๆแกะแผ่นคูลฟีเวอร์ที่แปะอยู่ออกให้

“เจ็บมั้ย”

“แกะออกทำไม?” ไอ้ไซน์ไม่ตอบ หากแต่ถามคำถามกลับคืน

“ไอ้แผ่นเนี่ย มันไม่ช่วยลดไข้หรอก พี่ต้องกินยาแล้วก็เช็ดตัวบ่อยๆ” แกะคูลฟีเวอร์ออกแล้วก็โยนแผ่นเจลสีฟ้าๆนั่นลงไปในถังน้ำแข็งที่อยู่ด้านล่าง เขยิบตัวเข้าหาคนเป็นพี่แล้วยื่นหน้าเข้าไป ไอ้ไซน์ตกผละออกห่าง แต่น้องไจ๋ก็จับกรอบหน้าให้เข้ามาใกล้ๆ ก่อนจะเอาหน้าผากแตะ แนบลงไปกับส่วนเดียวกันของอีกคน

“ทำ ทำอะไร” ไอ้ไซน์หรี่ตาถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ มือดันหน้าอกคนเป็นน้องไว้ไม่ให้ชิดกันเกิน

“วัดอุณหภูมิร่างกายที่ถูกต้อง” บอกเบาๆ ตาก็จ้องเข้าไปในนัยน์ตาสั่นไหวอีกคน

“ไม่ ไม่ถูกแล้วมั้ง”

“พี่ไซน์...” เสียงกระซิบเรียกชื่อ ทำให้หัวใจหวิวๆชอบกล

“อือ”

“ผมว่า...”

“...”

“...ผมชอบพี่” ไอ้ไซน์หายใจติดขัดทันทีที่ได้ยิน อยากจะหัวเราะกลบเกลื่อนแล้วบอกว่า มึงอย่ามาอำกูหน่า แต่สายตาของน้องไจ๋ตอนนี้มีแต่แววตาจริงจัง ไม่ได้ล้อเล่น ปลายนิ้วเกลี่ยแก้มที่ขึ้นเป็นสีชมพูระเรื่อเพราะพิษไข้หรือพิษเขินก็ไม่อาจรู้ จมูกโด่งๆเข้ามาคลอเคลีย ถูวนกับจมูกไอ้ไซน์ ให้ความรู้สึกจั๊กจี้ที่ท้องแปลกๆ ไอ้ไซน์หลับตาเมื่อน้องไจ๋เลื่อนริมฝีปากมาแตะที่ส่วนเดียวกัน

แตะแล้วผละออก แล้วกลับมาแตะใหม่ ทำย้ำอยู่อย่างนั้น

“ฮื่อออออออ” ไอ้ไซน์ผละตัวออกมา หอบหายใจ เม้มปากแน่น มือสองข้างก็ยกขึ้นมากอบกุมหน้าอกตัวเองเอาไว้

...หัวใจเต้นตึกตักรัว เร็ว ไปหมด

“ผมชอบพี่” น้องไจ๋ยิ้มกว้างย้ำบอกราวกับจะแกล้งคนตรงหน้าให้ตาย ละลายไปกับโซฟายังไงอย่างงั้น ดึงคนเป็นพี่รวบมากอดอีก

...การกอด เป็นการที่ทำให้หัวใจได้ใกล้กัน

“มึง มึงอาจแค่หวั่นไหว” ไอ้ไซน์หาเหตุผลมาขัด

“ไม่ ผมชอบพี่” น้องไจ๋ก็ยังยืนยันคำเดิม เน้นเสียงหนักมั่นใจในคำพูดของตัวเอง

“มึง มึงแค่สับสน”

“เปล่า ผมรู้ตัวเองดี ผมรู้ว่าผมชอบพี่” กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นไปอีก ซบหน้าลงกับซอกคอร้อน แอบสูดดมกลิ่นตัวหอมๆของคนเป็นพี่เต็มฟอด

“ไจ๋ มะ มึงเป็นหรอ?”

“ถ้าผมชอบพี่แล้วแปลว่าผมเป็น ก็คงใช่” ละกอดออกแล้วสบตาบอกกับไอ้ไซน์

“ไจ๋...”

“วันนั้นพี่ไปหาผมที่ร้านทำไม” น้องไจ๋เปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นท่าทีของคนเป็นพี่ดูอึดอัด

“ไปซื้อเค้กหรอก”

“...” น้องไจ๋ไม่ตอบกลับ หากเพียงแต่ส่งสายตาเยิ้มๆจ้องมองคนเป็นพี่อย่างคาดคั้นเอาคำตอบ

“ก็ คิดถึง...พี่ปิงปิงไง” ไอ้ไซน์ใช้มือดันหน้าผากให้หงายไปด้านหลัง หัวเราะคิกๆกับท่าทีโอเวอร์แอคติ้งของน้องไจ๋ที่ทำราวกับเจ็บนักเจ็บหนา

“เหอะ ปะกลับ อยู่นานกว่านี้เดี๋ยวโดนผีจับกินตับ”

“เก็บไว้ไปกินตับเด็กหญิงมึงเถอะ” เบะปากบอกประชดประชัน

“อ้าวๆ อย่าลองดีนะครับ ยิ่งเด็กชายตัวเล็กๆขาวๆ มันยิ่งชอบ ไม่รู้หรอ” น้องไจ๋นี่ก็ขี้แกล้งเหลือเกิน ยื่นหน้าเข้ามากระซิบบอกเสียงแหบพร่าใกล้หูคนเป็นพี่ที่ทำหน้าเหลอหลา

“ผีเหี้ยอะไรของมึง บ้าแล่ว”

“ไม่ใช่ผีเหี้ย ผีทะเล”

“มึง มึงไปส่งกูเลย!” เอาเสียงดังขู่กลบเกลื่อน พร้อมกับลุกขึ้นเดินตึงตังออกไปจากบ้าน  น้องไจ๋อมยิ้ม เดินเอากะละมังเข้าไปเก็บ แล้วควงกุญแจรถเดินตามไอ้หมาพุดเดิ้ลออกไป อย่างอารมณ์ดี




...บางที การทะเลาะกัน ก็อาจทำให้เข้าใจกันมากขึ้น
 



หนอยยยย นังน้องไจ๋มันร้ายนะคะหัวหน้า อิอิ
ให้ความสัมพันธ์มันค่อยๆเป็นค่อยๆไปเนอะ อย่าคาดหวังกับเรา และอย่าเร่งรัดมันมาก 5555

อาทิตย์หน้าเรามีสอบ เราขอเลื่อนการอัพนิยายไปอีกหนึ่งอาทิตย์ละกันนะคะ

ฝากติดตามพวกแฝด บวกน้องไจ๋ แล้วก็รักพวกแฝดมากๆด้วยนะคะ
บอกเลย งานนี้พี่แฝดไม่อยู่เฉยแน่ๆ เลิ้บบบบ

ออฟไลน์ mmello07

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
รังสีความละมุนฟุ้งกระจาย
เขาพัฒนาไปอีกขั้นแล้วแหละเธออออ :-[
หวังว่าพี่แฝดจะออมแรง  :impress2:
จะตั้งหน้าตั้งตารอนะคะ :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-03-2016 01:48:17 โดย mmello07 »

ออฟไลน์ maixmix

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
โอ๊ยยยยยยย เราชอบนิยายเรื่องนี้มากเลยค่ะคนเขียน  o13 o13 :-[ :o8:
อ่านรวดเดียว 10 ตอนเลย  :L1: อยากจะบอกว่าขอบคุณที่เขียนผลงานดีๆแบบนี้มาให้อ่าน มันดีต่อใจเรามากๆ
แบบว่าใช่มากๆ เนื้อเรื่องชวนอ่าน ทำเรายิ้มและขำตลอด เราชอบการบรรยายแบบบุคคลที่ 3 แบบนี้มากๆ
ชอบการดำเนินเรื่องแบบนี้นะคะ ทำให้เราเห็นพัฒนาการ นิสัย และความสัมพันธ์ของตัวละครได้ชัดเจน
และทำให้เราผูกพันกับตัวละครมากขึ้น ตัวละครน่ารักดีค่ะ ชอบที่มีการบรรยายความคิดตัวละครนั้นๆเสมอ
ชอบ 3 แฝดมากเลย ชอบไจ๋ด้วย ฮืออออออ อยากอ่านตอนต่อๆๆไปเร็วแล้ว รอค่ะ  :ling1: :ling1:
ป.ล. เป็นกำลังใจให้คนเขียนต่อไป สู้ๆกับการสอบนะคะ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ชอบบบบ สามแฝด ไซน์ คอส แทน  (ไร้ทเตอร์ สงสัยชอบวิชาคณิต ทำให้นึกถึงตอนเรียนชั้นมัธยม) น่ารัก พี่น้องรักกัน ห่วงกัน  :mew1:        ชอบไซน์ กับไจ๋  :katai2-1:  จะมีเรื่องของแทน คอส พี่ยักษ์มุ้งมิ้ง มั้ยน้า  :hao3: อยากอ่าน  มาต่อบ่อยๆ นะ คิดถึงงงงง

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ 205arr

  • เราคงอยู่ไกลกันเป็นพันหมื่นลี้
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
พี่แฝดจะยอมมั้ยคะเนี่ย
เชียร์ให้แทนกะคอสกีดกัน อิอิ
แบบว่าหวงหมาน้อยไซน์

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ SPNamfone

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
11
Triplets


หลังจากเหตุการณ์วันนั้น น้องไจ๋ก็ยังทำตัวเหมือนปกติ โทรหาไอ้ไซน์เหมือนเดิม บางวันก็ไปรับไปส่งเหมือนเดิม ก็ยังเรียนพิเศษเหมือนเดิม และยังไม่มีอะไรเพิ่มเติมทั้งนั้น  จะมีก็เพียงแค่ไอ้ไซน์นี่แหละ ที่ไม่เหมือนเดิม เวลามองหน้าน้องไจ๋ทีไร ใจเจ้ากรรมมันก็ดันเต้นแปลกๆ จังหวะผิดแปลกไป หายใจไม่ค่อยจะสะดวก ยิ่งเวลาโดนน้องไจ๋จ้องยิ่งทำอะไรไม่ค่อยถูก เวลาพูดลิ้นมันก็พันกันมั่วไปหมด

...เฮ้อมมมมม นี่ไอ้ไซน์เป็นอัลไลลลล  จะถามใครก็ไม่มีคนรู้ แม้แต่สาวยาคูลท์ยังตอบไม่ได้

“ไซน์ เป็นไร นั่งถอนหายใจทั้งวัน” พวกผู้หญิงในภาคถามขึ้น ไอ้ไซน์ส่ายหน้าปัดว่าไม่มีอะไร พวกผู้หญิงก็เลิกสนใจ หันไปวาดการ์ตูน ลงในชีทวิชาวัฒนธรรมต่อ

...อาจารย์ยืนสอนอยู่หน้าห้องมั้ยบางที?

“พรุ่งนี้วันเกิดนี่ ไปฉลองที่ไหน กับพวกแฝดหรอ?” เพื่อนผู้หญิงอีกคนถามเสียงเบา มือก็จดโน๊ตข้อมูลต่างๆที่อาจารย์พูดลงในชีท

“ไม่รู้ดิ คงงั้นมั้ง” บอกเนือยๆ พลางเคาะปากกาลงกับชีท

“เอ้า ไม่รู้ไม่ได้ ว่างไม่ว่าง จะไปไหนก็บอกมาเลยยย” เพื่อนผู้หญิงยังคงคะยั้นคะยอเอาคำตอบ

“ทำไมต้องถามมากขนาดนี้ด้วยเล่า” ไอ้ไซน์ยู่ปากบอกจนเพื่อนผู้หญิงอดหมั่นไส้ไม่ได้ เอื้อมมือมาบีบปากเล็กๆนั่นให้หายหมั่นเขี้ยวก่อนจะบอก

“จะได้บอกพี่เต๋าถูกนะสิ ช่วงนี้พี่แกยิ่งบ่นอยู่ว่าไม่ค่อยได้เจอหน้าน้องไซน์ โทรไปหาน้องไซน์ก็ไม่ค่อยรับโทรศัพท์”

“ฝากขอโทษพี่เต๋าด้วยละกัน ช่วงนี้ยุ่งๆ”

“ไม่รับฝาก อยากให้พี่เค้ารู้ก็ไปบอกเองดิ” เพื่อนผู้หญิงพูดจบก็หันไปทำเป็นตั้งใจเรียนต่อ ไอ้ไซน์ได้แต่ทำเสียงขึ้นจมูกใส่

จบชั่วโมง เหล่านักศึกษาก็พากันทยอยเดินออกจากห้อง พร้อม topic ว่าด้วยเรื่องการสั่งงานที่ต้องส่งแบบเร่งรัดกะทันหัน ไอ้ไซน์หละเหนื่อยหน่ายใจ เห็นว่าคณะมนุษย์ไม่ได้เรียนเต็มวันแบบคณะอื่นก็สั่งเอาๆ  ใครจะรู้เล่าว่างานในภาคที่ต้องทำแต่ละอย่างนี่ต้องใช้ทั้งสกิลและสมองล้วนๆ ความจำก็ต้องเป็นเลิศ ภาษาก็ต้องแม่น โครงสร้างแกรมม่านี่เรียนมาตั้งแต่อนุบาลจนถึงปีสามบางตัวยังผิดแล้วผิดอีก ไหนจะทักษะการพูด ต้องใช้ความดัดจริต มีจริตจะก้านเพื่อนให้สำเนียงเป๊ะๆแค่ไหน ลองคิดดูวววววว

...บ่นไปก็เท่านั้น

ไอ้หมาเดินเตาะแตะออกมาหน้าคณะ รอพวกพี่แฝดมารับอย่างเช่นทุกวัน พวกแฝดคุยกันว่าจะกลับไปกินข้าวฝีมือคุณแม่ที่บ้าน ฉลองวันเกิดเล็กๆ ล่วงหน้าหนึ่งวัน เพราะวันเกิดจริงๆ ไอ้คุณหมอแทนไม่ว่าง ต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบเลื่อนขั้นไปชั้นพรีคลินิกแล้ว ส่วนไอ้คอสก็มีคุยงานโปรเจ็คกับโปรเฟสเซอร์  และไอ้ไซน์ ว่าง...

รอไม่นาน รถคันคุ้นตาก็เลื่อนมาเทียบฟุตบาทหน้าคณะ ไอ้ไซน์ยิ้มแป้นให้พวกแฝดอย่างอารมณ์ดี เป็นปกติที่จะได้เจอคุณแม่ ลูกรักลูกแหง่ อยากได้อะไรก็อ้อนเอา ไอ้แฝดคนโตรับหน้าที่เป็นสารถีดังเดิม ไอ้คอสก็นั่งหน้าข้างคนขับ ส่วนเบาะหลังเป็นของไอ้หมาแต่เพียงผู้เพียงและไม่มีอำนาจอื่นใดมาลบล้างได้  ช่วงเวลาสี่โมงเย็น หลังเลิกงาน รถติด กว่าจะถึงบ้านก็เกือบหกโมง ไอ้ไซน์เปิดประตูรถวิ่งแจ้นเข้าไปกอดคนเป็นพ่อก่อนเพื่อน  ไม่วายโดนเอ็ดเบาๆว่าไม่รู้จักสวัสดีอย่างเคย พวกพี่แฝดเดินตามแฝดน้องเข้าบ้าน ถือถุงขนมเต็มไม้เต็มมือ ก่อนจะวางไว้ที่โต๊ะกินข้าว คุณแม่เดินเข้ามากอดลูกชายทั้งสาม มองดูอย่างปลื้มปริ่ม
เหล่าลูกชายของเธอโตเป็นหนุ่มขึ้นอีกปีแล้วสินะ

“แม่ทำอะไรกิน น้องไซน์หิ้ววววววหิวววววว” น้ำเสียงประเหลาะประแหละ ทำเอาคนในบ้านหมั่นไส้ โดยเฉพาะพวกพี่แฝด

“มันจะหิวอะไรขนาดนั้น ขึ้นรถมาก็กินขนมหมดคนเดียวตั้งสองห่อ” ไอ้คอสทำหน้าเอือมระอา

...ไม่ให้ว่าได้ไงหละ พอขึ้นรถปุ๊ป เจ้าตัวก็บ่นหิวปั๊บ แวะเซเว่นให้ก็ไปหอบขนมเหมามาทั้งร้านเลยรึเปล่าไม่รู้ ซื้อเสร็จก็กินเคี้ยวเข้าปากหงับๆ ตั้งแต่ออกจากมหาลัยจนทางเข้าบ้านยังไม่หยุดกินเลย

“แม่ดูสิ คนอะไรขี้หวงแม้กระทั่งขนม แม่บอกว่าน้องไซน์กินเก่งก็ดีแล้วไม่ใช่หรอ”

“ดีแล้ว จะดีมากกว่านี้ถ้าไม่เลือกกิน คอสก็อย่าว่าน้องหน่า เลิกเรียนมาเหนื่อยๆก็ต้องหิวเป็นธรมดา ปะน้องไซน์ มาจัดโต๊ะช่วยคุณแม่เร็วเข้า พี่แทนมายกกับข้าว พี่คอสไปเตรียมน้ำ” คุณแม่สั่งแล้วเดินเข้าครัว ไอ้หมาไซน์หันหน้ามายิ้มอย่าผู้มีชัยให้ก่อนจะวิ่งดุ๊กดิ๊กๆ ตามคุณแม่ไป

“เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า แม่รักไอ้ไซน์มากกว่ามึง จำวั้ยยยยย” ไอ้แฝดคนโตตบบ่าแฝดคนกลางปุๆ ก่อนจะเดินตามสองแม่ลูกไป

...แบล็คดี มีชัยไปกว่าครึ่ง จำวั้ยยยยยยยยยยย

.

.

.

“นอนค้างสักคืนมั้ยลูก พรุ่งนี้ค่อยกลับแต่เช้า”  คุณพ่อพูดขึ้นขณะนั่งมองลูกชายทั้งสามกินข้าว ไอ้คุณหมอของบ้านดูจะเจริญอาหารเป็นพิเศษ กินข้าวหมดไปสองจานแล้วยังนั่งกินกับเล่นต่อได้อีก  ส่วนไอ้คอสกับไอ้ไซน์ก็ชอบเถียงกันราวกับเด็กๆ ประชดกันไป กวนกันมาอยู่นั่น แต่ก็ยอมรับเลยว่าบ้านมีสีสัน มีเสียงหัวเราะเพราะเจ้าพวกนี้แหละ

“แล้วแต่เลย ไซน์ยังไงก็ได้”

“พรุ่งนี้คอสมีเรียนเช้า มึงหละ?” ไอ้แฝดคนกลางบอกแล้วพยักเพยิดหน้าไปถามไอ้แฝดคนโต

“แทนก็เรียนเช้า เดี๋ยวกลับวันนี้แหละ ดึกๆหน่อยก็ได้ ขับรถไหว” ไอ้แทนว่า คุณพ่อพยักหน้าเบาๆ ยังไม่ทันได้พูดอะไรกันต่อ ไฟในห้องก็ดับพรึ่บ แต่ไม่นาน คุณแม่ก็เดินออกมาพร้อมกับแสงสว่างน้อยๆจากเทียนที่ปักอยู่บนหน้าเค้กวุ้นก้อนโต

...เค้กวุ้นมะพร้าวอ่อนธรรมดาๆ ที่มีคุณค่าทางจิตใจ

‘สุขสันต์วันเกิด สุดหล่อของแม่’

“แฮปปี้เบิร์ด เดย์ ทูยู
แฮปปี้เบิร์ด เดย์ ทูยู
แฮปปี้เบิร์ดเดย์  แฮปปี้เบิร์ดเดย์
แฮปปี้เบิร์ดเดย์ ทูยู” สิ้นเสียงคุณพ่อกับคุณแม่ที่ร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้ พวกแฝดก็นั่งหลับตา อธิฐาน แล้วเป่าเทียนวันเกิดพร้อมกัน

“โตเป็นหนุ่มแล้ว มีความรับผิดชอบให้มากขึ้นนะลูก ตั้งใจเรียน ทุกคนเป็นความหวังของพ่อนะ” พ่อบอก ตบบ่าไอ้คอสกับไอ้แทนคนละสองที ส่วนไอ้ไซน์พ่อต้องเดินเข้าไปกอด

...ลูกแหง่ก็เงี้ย

“แม่ก็จะขอให้เรารักกัน ดูแลกันเหมือนทุกปีนั่นแหละ พี่แทน พี่คอสก็ดูแลน้อง น้องไซน์ก็อย่าดื้อนะลูก อย่าทิ้งกันนะครับ” คุณแม่ว่า วางเค้กลงบนโต๊ะ แล้วเดินเข้าไปกอดไปจุ๊บพวกแฝดคนละที  มองหน้าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนทั้งสามของเธอแล้วยิ้มออกมาด้วยความปลื้มใจ  น้ำตาไหลป้อยๆ

...ดูสิ ไอ้แทนสูงขึ้นตั้งเยอะ ไรหนวดสีเขียวจางๆนั่นก็เริ่มขึ้นอีกแล้ว ดวงตาติดจะคล้ำหน่อยๆเพราะต้องอ่านหนังสือหนัก ชอบวางภูมิ วางมาดขรึมเหมือนพ่อเจ้าตัวนั่นแหละ ไม่รู้จะทำหล่ออะไรนักหนา แต่อนาคตจะต้องหวังพึ่งลูกคนนี้ยามแก่เฒ่า ยามไม่สบายนี่แหละน้า

เจ้าคอส ก็สูงขึ้นเกือบเท่าไอ้แทนแล้ว แอบมีกล้ามพอสมส่วนเพราะชอบออกกำลังกายและเข้าฟิตเนส ไอ้คอสได้ผิวขาวเหมือนแม่ แต่ตอนนี้ผิวเริ่มกร้าน คล้ำแดดเพราะบอกว่าต้องทำโปรเจคที่ต้องใช้แรงงาน ตากแดด ตากลมอยู่บ่อยๆ เจ้าคนนี้มีความคิดเป็นของตัวเอง ถึงจะแปลกบ้าน ประหลาดเมืองไปสักหน่อยแต่ก็ถือว่าดี เป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์ การงานในอนาคตจะต้องรุ่งเรืองแน่ๆ ขุ่นแม่ฟันเฟิร์ม

น้องไซน์ แก้มกลมน่ารักน่าหยิก ใบหน้าเหมือนคุณแม่ตอนสาวๆนี่ก็ดูจะไม่สูงขึ้นเลย กล้ามก็ไม่มีเหมือแฝดพี่เค้า ผมเผ้าเริ่มยาวขึ้นจากที่เห็นครั้งก่อนยังเป็นทรงเห็ดอยู่เลย ตาตี่ๆช่างรับกับจมูกเล็กๆ ได้ลงตัว เวลายิ้มเวลาอ้อนทำให้อยากตามใจ ถ้าเป็นลูกสาวนะจะจับแต่งตัวเป็นตุ๊กตาเชียวหละ เห็นหน้าน้องไซน์แล้วก็คิดถึงเจ้าตรีโกณ หมาที่คุณแม่เลี้ยงไว้ เกิดมาพร้อมพวกแฝดนี่แหละ ดูจะชอบน้องไซน์มาเป็นพิเศษ เวลานอนก็กอดกัน ไปไหนก็ไปด้วยกัน ติดกันยิ่งกว่าแฝดซะอีก อาจจะเพราะเหตุนี้ก็ได้เลยทำให้น้องไซน์หน้าเหมือนหมา

...ตอนเด็กๆ คุณแม่ไม่มีเวลาให้กับพวกแฝดได้เต็มที่  แต่พวกแฝดเป็นเด็กดีกันทุกคน  อาจจะซนๆ มึนๆ อยากรู้อยากลองบ้างตามประสาเด็กผู้ชาย แต่ก็ไม่มีเรื่องที่ต้องทำให้คุณแม่เสียใจ แค่นี้คุณแม่ก็ภูมิใจมากแล้ว ภูมิใจในตัวลูก ภูมิใจในตัวเองที่ทำหน้าที่เป็นทั้งคุณแม่ เป็นทั้งคุณครูที่ดีให้กับเด็กชายของคุณแม่จนโตมาได้จนถึงขนาดนี้

.

.

.

สามแฝดกลับมาถึงคอนโดในเวลาห้าทุ่มกว่าๆ ก็ผลัดกันเข้าไปอาบน้ำ เปิดแอร์ นอนแผ่อยู่บนเตียง ความสุขทางใจที่ได้รับมาเมื่อเย็นจากครอบครัวเปรียบเสมือนได้ชาร์ตแบตให้ร่างกายหายเหนื่อย

ไอ้ไซน์ยังคงนอนตรงกลางระหว่างพี่แฝดเหมือนเดิม  ดึงผ้าห่มปิดขึ้นมาจนถึงคอ ซุกหน้าลงไปกับไหล่ไอ้แทนบ้าง ไอ้คอสบ้าง แกล้งบีบจมูกบ้าง แกล้งจักกะจี้คอบ้าง พอพวกพี่แฝดทำเสียงรำคาญใส่ ก็กลับหัวเราะคิกคัก สนุกอยู่คนเดียว แกล้งคนอื่นพอใจก็หลับตาลงทำทีเป็นว่านอนหลับ เมื่อลมหายใจของพี่แฝดผ่อนเข้าออก อย่างสม่ำเสมอ บ่งบอกว่าได้เข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว แต่ไซน์ก็ลืมตาขึ้นในความมืด เลิกผ้าห่มออกจากตัวเอง และค่อยๆลุกออกจากเตียงเบาๆ เดินมาที่ห้องอ่านหนังสือแล้วหยิบกล่องสี่เหลี่ยมขนาดเล็ก วางไว้ที่โต๊ะอ่านหนังสือของพวกพี่แฝดคนละกล่อง พร้อมแปะโน้ตเล็กๆทิ้งไว้ ก่อนจะเดินกลับเข้าห้องนอน ยัดตัวเองลงไปในผ้าห่มตามเดิม

00.10 น.
‘สุขสันต์วันเกิดนะเจ้าแฝด’

.

.

.

เช้านี้ไอ้แทนตื่นก่อนใครเพื่อน ว่าที่คุณหมอลุกขึ้นอย่างสะลืมสะลือ ยืดแขนไล่ความขบเมื่อยออกจากตัว แล้วเดินคว้าผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำไป คุณหมอเจ้าสำอางอาบน้ำประมาณ 15 นาทีก็พันผ้าขนหนูออกจากห้องน้ำ มาสะกิดแฝดคนกลางให้ตื่น  ไอ้คอส ลุกขึ้นงัวเงียเดินเข้าห้องน้ำไป  วันนี้ไอ้ไซน์บอกไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่าไม่มีเรียน สองพี่แฝดจึงไม่ต้องเสียแรงปลุกไอ้ไซน์ที่ตื่นยากยิ่งกว่าเจ้าชายนิทราซะอีก  พอแต่ตัวเสร็จ สองพี่แฝดก็เดินเข้าไปเอากระเป๋าที่ห้องอ่านหนังสือ สะดุดตากับกล่องที่วางบนโต๊ะพร้อมโน้ตยาวๆอีกหนึ่งใบแปะไว้  ทั้งที่ต่างคนต่างอ่าน แต่ใบหน้ากลับเปื้อนยิ้มเหมือนกัน ไอ้คอสแปะกระดาษโน้ตแผ่นเล็กสีชมพูจ๋าไว้กับบอร์ดบนโต๊ะอ่านหนังสือ แล้วก็เปิดกล่องสี่เหลี่ยมนั่นดู

...เสื้อฟุตบอลตัวสีแดงทีมโปรด

ยิ้มแก้มปริพอใจกับของขวัญที่ไอ้รับแล้วก็หันไปมองไอ้แฝดคนโต แอบชะโงกไปดูในกล่อง แต่ในกล่องกลับว่างเปล่า

“อยู่นี่” ไอ้แฝดคนโตพูดขึ้น  ชี้ที่ใบหูบอกตำแหน่งของ ของขวัญที่ได้รับ

...สเตทสำหรับฟังเสียงหัวใจ

พวกพี่แฝดเก็บของขวัญไว้ในกระเป๋าอย่างดี แล้วเดินออกจากห้อง วันนี้คงไปเรียนแบบมีความสุข แถมยิ้มแก้มแตกแน่ๆ

.

.

.

“เห็นของขวัญแล้วใช่ปะ” ไอ้ไซน์ถามเสียงแจ๋นทันทีที่พวกแฝดกลับมาถึงคอนโด

“อะไร?” ไอ้แทนว่า ตีหน้าขรึม ขมวดคิ้วขึ้นถามแฝดคนน้อง

“รู้หรอกน่าว่าเห็นแล้ว ชอบใช่มั้ยหล่า” ยังทำเสียงเล็กเสียงน้อยแซวพวกพี่แฝด หน้าตาทะเล้นๆเหมือนหมาได้กระดูกนั่นอยากจะเอามือไปเขกกะโหลกให้หายหมั่นเขี้ยวสักทีสองที

“เห็นอะไรอ้วน นอนเยอะแล้วฝันหรอ” ไอ้คอสผลักหัวให้คว่ำไปด้านหน้า  เดินไปหยิบกล่องไอศกรีมออกจากตู้เย็นมานั่งกินที่โซฟาหน้าทีวี ไอ้ไซน์เริ่มหน้าบูด ทั้งโมโห ทั้งสงสัย เดินเข้าไปในห้องอ่านหนังสือ แล้วก็วิ่งตึงตังออกมาโวยวายใหญ่

“เอ้า กล่องของขวัญ วางไว้ให้บนโต๊ะอะ ยังไม่เห็นหรอ”

“ไม่เห็น เมื่อเช้ากูเข้าไปเอากระเป๋าก็ไม่เห็น” ไอ้แทนว่า หยิบรีโมทขึ้นมาเพิ่มเสียงทีวีให้ดังขึ้น

“กูก็ไม่เห็น อย่ามาหลอกกู ปีนี้มึงลืมซื้อของขวัญแล้วมาเนียนว่ามันหายหรอจ๊ะน้องไซน์”

“กูวางไว้บนโต๊ะพวกมึงตั้งแต่เมื่อคืน มันจะหายไปได้ยังไง” เริ่มขึ้นเสียงดังใส่พวกแฝดพี่ ยืนกรานคำพูดของตัวเอง

“เอ้า จะไปรู้หรอ ก็กูไม่เห็นอะ มึงมโนไปเองรึเปล่าว่าซื้อมาแล้ว”

“กูซื้อมาแล้ว!!”

“งั้นของข้างในเป็นอะไรหละ?”

“หูฟังหมอกับเสื้อบอลไง”

“...”

“...”

“...”

“อ๋ออออ กูก็นึกว่าของใคร กูชอบกูก็เก็บเข้ากระเป๋าหมดอะ ที่แท้ก็ของขวัญมึงนี่เอง” ไอ้คอสว่า พยักพเยิดหน้าไปทางไอ้แทน

“เออๆ เหมือนกัน เห็นแล้วอยากได้ ก็เลยแอบเอามาเลย” ไอ้แทนนี่ก็เป็นฝ่ายสนับสนุนดีเหลือเกิน เออ ออไปกับเค้าหมด

“กวนตีนนนน พวกมึงมันแย่ ฮึ้ยยยย !” ทำหน้าบูดใส่พวกแฝดพี่ ตีแขนไปคนปั้กสองปั้ก ข้อหาโกหก หลองลวงคนอื่นให้เสียใจเล่น หากแต่พวกพี่แฝดไม่ได้สะทกสะท้าน กลับหัวเราะใส่ไอ้แฝดคนสุดท้องด้วยความเอ็นดู

...ก็ไอ้ไซน์มันน่ารักน้อยที่ไหนหละ

“ฮ่าๆ ขอบคุณนะไอ้หมา”

“ปีนี้ทำดีนะอ้วน”

“ไม่อ้วนเว้ย!”

“มีแต่กินแล้วก็นอน ดูดิ๊แก้มย้วยแล้วมึงอะ ไอ้หมาอ้วน” ไอ้คอสว่า ดึงแก้มย้วยๆของไอ้ไซน์ยืดไปยืดมา

“พูดมาก ก็เอาของขวัญคืนมาเลยนะ”

“เรื่องไรจะคืน” ไอ้แทนบอกหน้าตาย เดินหนีเข้าห้องครัวไปหาอะไรกินตามประสา ปล่อยให้ไอ้แฝดกัดกันต่อ

.

.

.

‘ลงมาหน้าคอนโดเร็วพี่ไซน์ บอกพี่คอสกับพี่แทนด้วยนะว่าจะกลับดึก’

“อะไร จะไปไหน”

‘เร็วดิพี่’

“เออๆ สั่งอย่างกะพ่อ” ไอ้ไซน์ตัดสายจากน้องไจ๋ก็เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกง เดินเข้าไปหยิบกระเป๋าตังในห้องอ่านหนังสือแล้วก็เดินมาบอกพวกพี่แฝด

“ไปไหน ค่ำแล้วนะ” ไอ้แทนละหน้าจากจอทีวี หันมาถามไอ้น้องแฝด

“เดี๋ยวออกไปหาน้องไจ๋ กูกลับดึกหน่อยนะ” ไอ้ไซน์ว่า ยังไม่ทันที่พวกพี่แฝดจะได้ถามอะไรต่อ ไอ้ไซน์ก็ใส่รองเท้า เดินออกจากห้อง ลงลิฟต์ไปยังชั้นล่างก็เห็นน้องไจ๋ยืนโบกไม้โบกมือให้อยู่แถวๆหน้าเคาท์เตอร์

“ทำไมใส่กางเกงขาสั้นจัง” คนเป็นน้องถามขมวดคิ้วหน้ายุ่งให้

“เอ้า วันนี้กูอยู่แต่ห้องไม่ได้ออกไปไหน จะให้ไปเปลี่ยนมั้ยหละ” น้องไจ๋ขมวดคิ้วมา ไอ้ไซน์ก็ขมวดคิ้วถามกลับ ไม่โกง

“ไม่เป็นไร ปะ” ถือวิสาสะจับมือคนพี่ดึงให้เดินตามไปด้วยกัน

“เดี๋ยวๆ ไปไหน” ขืนแรงไว้ ถามคนเป็นน้อง น้องไจ๋หันมายิ้มกว้างตาหยีมาให้ ไม่ได้ตอบกลับอะไร ดึงไอ้ไซน์ให้ไปขึ้นรถที่จอดไว้ข้างๆคอนโดแล้วเริ่มขับรถออกไปด้วยกัน

...สะพานพระราม 8

ไอ้ไซน์กับน้องไจ๋ กำลังเดินเล่น กินลมชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาอยู่ที่สะพานพระราม 8 พอแสงจากธรรมชาติหมดลง แสงจากมนุษย์สร้างก็ทำงาน สายเคเบิ้ลเป็นสีเหลืองทองจากหลอดสปอร์ตไลท์สีส้มยิ่งทำให้สะพานดูสวย แปลกตา ดูโดดเด่นยิ่งกว่าสะพานไหนเข้าไปใหญ่ และแม้จะเป็นเวลาค่ำลงแล้ง แต่ก็ยังมีผู้คนรักสุขภาพจำนวนไม่น้อยที่มาวิ่งออกกำลังกายกัน ไอ้ไซน์เกาะราวสะพาน ยื่นหน้าอกไปรับลมให้พัดโกรกเข้าใบหน้า ผมเห็ดที่เริ่มยาวยุ่งไม่เป็นทรงแล้ว น้องไจ๋ที่ยืนอยู่ข้างๆก็เอื้อมมือไปจัดทรง เกลี่ยปอยผมให้มันกลับเข้าที่เดิม

“ทำไมพามาที่นี่อะ” ถามคนเป็นน้อง ขณะที่หลับตารับลมพริ้ม

“ผมชอบ”

“หืม ? แค่เนี้ยะ” ไอ้ไซน์หันหมางงมาถามน้องไจ๋ น้องไจ๋พยักหน้าน้อยๆยกยิ้มมุกปาก

...เท่ห์มากมั้ง

“ก็ ผมไม่รู้จะให้อะไรในวันเกิดพี่ดีอะ ก็เลยให้ในสิ่งที่ผมชอบก่อนละกัน”

“...”

“...”

“...”

“พี่ไซน์ ผมชอบพี่” น้องไจ๋เขยิบเข้ามาใกล้ไอ้ไซน์ น้ำเสียงอ่อนโยนทว่าจริงจังกระซิบบอก คนเป็นพี่เบือนหน้าหนีไปทางอื่น ทำเป็นมองรถ มองเรือ กลบอาการแปลกๆ

“ระ รู้แล้ว”

“แล้วพี่รู้ปะ ว่าผมกำลังจีบพี่อยู่” ใส่มาอีกหนึ่งดอก ไอ้ไซน์กัดปากแน่น ทำหน้าไม่ถูก ไอ้เด็กน้องไจ๋นี่มันยังไง ถามมาโต้งๆแบบไม่อายได้ด้วยหรอ แล้วทำไมคนที่อาย คนที่เขินแทนกลับเป็นไอ้ไซน์เองซะงั้น ใบหน้าร้อนผะผ่าว วูบวาบไปหมด ยิ่งมองหน้าน้องไจ๋ยิ่งรู้สึกหายใจติดขัดเข้าไปอีก

...ฮืออออ ทำไงดี รู้สึกเหมือนจะตายเลยอะแม่

“ถะ ถ่ายรูปกัน” ไอ้ไซน์เปลี่ยนเรื่อง ลนลานหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกง ปลดล็อคหน้าจอแล้ว กดเข้าไปที่กล้องถ่ายรูปแล้วยื่นให้น้องไจ๋

“?”

“ก็มึงแขนยาว เลาถ่ายจะได้เห็นวิวชัดๆไง” ไอ้ไซน์อธิบาย น้องไจ๋พยักหน้าอ๋อ ก่อนจะรับโทรศัพท์มา ถ่ายรูปเซลฟี่ด้วยกัน

...น้องไจ๋จะจำไว้ว่าวันเกิดพี่ไซน์เป็นวันที่ถ่ายรูปคู่ด้วยกันวันแรกกกกกกก

“มา เดี๋ยวผมถ่ายให้พี่ไซน์เอง” สลับโหมดเป็นกล้องหลัง ดันให้คนเป็นพี่ไปยืนด้านหน้าตัวเอง แล้วกดถ่าย ทั้งสองสลับถ่ายรูปให้กันไปเรื่อยๆจนเหนื่อยก็ชวนกันกลับ

น้องไจ๋ขับรถมาจอดที่ลานจอดรถข้างคอนโด ส่งสายตาละห้อยให้คนเป็นพี่ราวกับไม่อยากให้ไอ้ไซน์ลงจากรถ

“ทำหน้าหงอยอย่างกะหมา เดี๋ยวเรียนพิเศษก็เจอกันแล้ว” ไอ้ไซน์ว่าขำๆ ปลดเบลท์ออก

“เจออยากเจอพี่บ่อยๆ”

"เจอหน้ากันบ่อยๆ เดี๋ยวก็เบื่อหรอก"

"ผมไม่เคยเบื่อนะ"

“แต่กูเบื่อ ฮ่าๆๆ ไปแล้วนะ ขอบคุณที่พาไปเที่ยว” ไอ้ไซน์ยิ้มบอก มือเอื้อมไปยีหัวของน้องไจ๋

“พี่ไซน์ครับ”

“ว่ะ...” ยังไม่ทันที่ไอ้ไซน์พูดจบ น้องไจ๋ก็รีบชิงจุ๊บริมฝีปากบาง ดวงตาพราวระยิบระยับของคนเป็นน้องส่งมาให้อีฝ่ายอย่างปิดไม่มิด

“จูบนะ”

พูดจบมือใหญ่ก็ดันท้ายทอยของคนเป็นพี่ให้เข้ามาชิด ริมฝีปากขบเน้น ไล้เลียจนไอ้ไซน์เผลอเผยอปากออก ลิ้นร้อนของน้องไจ๋ก็ถือโอกาสสอดแทรกเข้ามาเกี่ยวลิ้นเล็ก เก็บเกี่ยวความหอมหวานจากโพรงปาก ยิ่งจูบยิ่งรู้สึกไม่พอ น้องไจ๋ดูดดึงริมฝีปากอิ่มจนไอ้ไซน์หายใจไม่ทัน เอามือทุบไหล่คนเป็นน้องไปหลายที เจ้าตัวถึงได้ยอมถอนจูบออกมาอย่างอ้อยอิ่ง เอื้อมมือเช็ดน้ำใสที่ไหลเยิ้มลงมาจากมุมปากออกให้

“ฮือออออออ เอาลิ้นเข้ามาทำไม” ไอ้ไซน์ได้สติก็เริ่มเบะปากร้องครวญคราง ซบหน้าผากลงกับไหล่กว้าง ระดมตีมือใส่แขนน้องไจ๋เบาๆ

“ผู้ใหญ่เค้าก็จูบกันแบบนี้แหละหน่า ฮ่าๆ โอ้ย เจ็บนะพี่ไซน์” กอดคนเป็นพี่ไว้หลวมๆ ลูบหลังปลอบโยน แอบซุกหน้าลงกับซอกคอหอมด้วย ทำเสียงร้องโอดโอยตอนที่ไอ้ไซน์ตีแขน

...นี่เขินจนคอแดงเลยอะ

“ไอ้เด็กบ้านี่”

“ผมชอบพี่มากจริงๆนะ” ย้ำคำพูดของตัวเอง บอกให้อีกฝ่ายรับรู้ ผละตัวออก แล้วมองหน้าไอ้ไซน์อีกครั้ง

...เวลาหน้าแดงแล้วน่ารักหวะ

“ปล่อยได้แล้ว” ไอ้ไซน์บอกเสียงดุ แต่น้องไจ๋เอาแต่หัวเราะชอบใจ  มีเรื่องอะไรให้ตลกนักหนา

“ยังไม่หายคิดถึงเลยอะ ขออีกทีได้ปะ” เสียงทะเล้นกับแววตาแพรงพราวจ้องไปที่ริมฝีปากคนเป็นพี่อีกครั้ง แหม๋ ไม่ได้เก็บความต้องการของตัวเองเลย

“ทะลึ่ง!”


ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะกระจกด้านข้างดังขึ้น ทั้งสองที่นั่งอยู่ในรถผละออกจากกัน แล้วหันไปมองผู้มาเยือน(?)

“คอส/พี่แทน”

...จย้าาาาาา






มาแล้ววววว อาทิตย์นี้ลงให้ตอนนึงไปก่อน ช่วงหลังสอบมีเรื่องให้เคลียร์นิดๆ

เอาเป็นว่าถ้าเราว่าง แล้วจะขยันอัพบ่อยๆให้นะคะ
รักพวกแฝดเยอะๆนะคะ รักคนอ่านเหมียนกัลลลล

 

ออฟไลน์ 205arr

  • เราคงอยู่ไกลกันเป็นพันหมื่นลี้
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
หมาไซน์เสียจูบแว้ววว
พี่แฝดจัดการน้องใจ๋เลย
 :hao3: :hao7:

ออฟไลน์ imvodka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-4
 :katai5: หึหึ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
สองพี่แฝด หวงน้องไซน์ ลงมาเฝ้ารอสินะ เลยเห็นฉากจูบเลย  :กอด1:
จะโกรธไหมนะ  :katai1:
รอตอนใหม่ มาไวๆ นะ  :L1: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ screamingoose

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เรื่องนี้น่ารักจริงๆ อ่านไปรู้สึกเหมือนตัวเองนอนกลิ้งอยู่บนเตียงนุ่มๆ fluffๆ  เขินแทนไซน์ไปหลายตลบ ชอบพวกแฝดมาก ไซน์นี่เหมือนน้องคนเล็กอายุห่างกันหลายปี น่ารักน่าเอ็นดู -///- อยากรับมาเลี้ยง
แล้วนี่ทำไง ซวยแล้ววไซน์ แฝดพี่ยิ่งขี้หวงอยู่ มาต่อเร็วๆน้า  :hao3:

ออฟไลน์ SPNamfone

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
12
ทะเลอะกัน

“คอส/พี่แทน”  เรียกขานชื่อพวกพี่แฝดเสียงดัง น้องไจ๋ก็ลดกระจกรถลง ยกมือไหว้ทำความเคารพพวกแฝด
 
...ใจน้องไจ๋นี่หล่นไปอยู่ตาตุ่ม พึ่งทำมิดีมิร้ายพี่ไซน์ไปหมาดๆ นึกว่าจะโดนซะแล้ว พึ่งนึกได้ว่ารถตัวเองก็ติดฟิล์มทึบกันสายตาจากคนข้างนอกอยู่ โล่งไปที

“เห็นมาถึงตั้งนานแล้วทำไมไม่ลงสักที” ไอ้คอสถาม ยกมือขึ้นค้ำกับประตูรถ

“ก็...ก็ คะ คุยกันอยู่ แล้วพวกมึงลงมารอข้างล่างหรอ?” ไอ้ไซน์บอกเสียงตะกุกตะกัก ถามพวกแฝดกลับคืน

“เออดิ ไปไหนกันมา” ไอ้คอสยิงคำถามต่อ มองไปที่น้องไจ๋ สานตาที่ส่งให้กันนี่ถ้ามีเอฟเฟคก็คงดัง เปรี๊ยะ เปร๊ยะ ไปแล้ว

“คอสเดี๋ยวขึ้นไปคุยกันบนห้อง ไซน์มึงลงมาได้แล้ว แล้วมึงก็กลับบ้านได้ละไอ้ไจ๋”  คำสั่งจากแฝดคนโตถือเป็นที่สิ้นสุด ไอ้ไซน์บอกลาน้องไจ๋รอบสุดท้ายก่อนจะเปิดประตูรถออกมา เดินตามแฝดคนโตขึ้นคนโดต้อยๆ

“อย่าคิดว่ากูไม่รู้จักนิสัยมึง” ไอ้คอสเอ่ยเสียงเข้ม ตาคมจ้องไปที่น้องไจ๋เขม็งแล้วก็เป็นฝ่ายเดินออกจากตัวรถ ขึ้นคอนโดไป น้องไจ๋หลับตาถอนหายใจยาว แล้วตีรถกลับบ้าน

...เอาชนะใจพี่ไซน์ไม่พอ ต้องเอาชนะใจพี่แฝดด้วย ไม่ง่ายแล้วสิงานนี้

.

.

.

“ไปไหนมา” จับไอ้หมานั่งลงโซฟา แล้วพวกพี่แฝดก็ยืนกันคนตัวเล็กหนีไว้

“พระราม 8” <ไอ้ไซน์

“ไปทำอะไร”  < ไอ้แทน

“เดินเล่น ถ่ายรูปเล่น” <ไอ้ไซน์

“แค่นี้?” <ไอ้คอส

“เอ้าก็แค่นี้ดิ จะให้ไปทำอะไร ว่ายน้ำหรอ?” <ไอ้ไซน์

“กวนตีน เดี๋ยวจะได้ตีน” <ไอ้คอส

“พวกมึงเป็นไรเนี่ยยยยยย” <ไอ้ไซน์

“ป๊าววว ก็แค่ถามดูเฉยๆ” <ไอ้คอส

“ไม่เฉยมั้ง ปกติไปไหนมาไหนไม่เห็นถาม” <ไอ้ไซน์

“ก็รอบนี้มันไม่ปกติไง” <ไอ้แทน

“ไม่ปกติยังไง” <ไอ้ไซน์

“มึงไปกับไอ้ไจ๋” <ไอ้แทน

“ไอ้ไจ๋แล้วมันยังไง” <ไอ้ไซน์

“มึงไม่รู้หรอว่ามันจีบมึงอยู่”

“เออรู้ แล้วไง”

“ไซน์!”

ไอ้แทนตะคอกเสียงดัง ยกมือขึ้นนวดขมับ ขณะที่ไอ้ไซน์ยังตกใจ ตั้งแต่เกิดมา จะทะเลาะกัน จะโกรธกันหนักแค่ไหน พี่แฝดมันก็ไม่เคยตะคอกใส่ด้วยน้ำเสียงแบบนี้

...อะไรวะ แค่นี้คุยกันดีๆก็ได้ ไม่เห็นต้องโมโห แล้วนี่ทำไมต้องมาทะเลาะกันด้วยเรื่องอะไรก็ไม่รู้ ไอ้ไซน์หงิดดดดดด

“แทน” เป็นไอ้คอสที่ดันไอ้แทนให้ถอยห่างจากแฝดน้อง ไอ้ไซน์กัดปากแน่นจนริมฝีปากห้อเลือดจางๆ ไม่ทันไรไอ้ไซน์ก็ลุกขึ้นตึงตัง เดินเข้าห้องปิดประตูใส่ เหลือพวกพี่แฝดให้มองหน้ากันอยู่สองคน

“ไซน์มันไม่เคยเป็นอย่างนี้” ไอ้แทนถอนหายใจออกมาอีกรอบ ทิ้งตัวลงไปกับโซฟา พึมพำกับไอ้แฝดคนกลางอย่างอ่อนแรง

“มึงก็ไม่เคยเป็นแบบนี้” ไอ้คอสว่า ทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาตาม

“กู...ไม่รู้หวะ เข้าไปหามันตอนนี้เลยดีมั้ยวะ” ขอความเห็นจากไอ้คอสอย่างจนปัญญา

“ไม่ดี มึงขึ้นเสียงใส่มันขนาดนั้น คงจะคุยกันรู้เรื่องหรอก”

“เฮ้อออออ”


ไอ้ไซน์เดินเข้าห้องแล้วก็หยิบผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำทันที สายน้ำจากฝักบัวเย็นๆ ค่อยๆชะอารมณ์คุกกรุ่นให้ออกไปบ้าง แช่อยู่ในห้องน้ำจนตัวจะเปื่อยแล้วค่อยพันผ้าขนหนูออกมา ใส่เสื้อยืดตัวใหญ่ กับกางเกงบ๊อกเซอร์ ทาแป้งจนตัวหอมก็เดินมานั่งที่ปลายเตียง

...อยากจะแยกห้องก็ตอนนี้แหละแม่ง

นั่งถอนหายใจเป็นว่าเล่น ไอ้คอสก็เปิดประตูเดินเข้ามานั่งลงข้างๆ

“เป็นหมาหงอยเชียว” 

“จะเข้าข้างใคร มึงพูดมาเลย”  ไอ้ไซน์ไม่ตบมุกที่แฝดคนกลางส่งมาให้ หันหน้า ตวัดหางตาถาม

“ไม่เข้าข้างใครทั้งนั้นอะ พวกมึงทะเลาะอะไรกัน ไร้สาระ ไม่รู้จักพูดกันดีๆ”

“เหอะ” ทำเสียงสูงขึ้นจมูกใส่

“ไอ้แทนมันผิดที่มันตะคอก ใจร้อนไปหน่อย แต่มึงก็ผิดนะ ไอ้หมา มึงชอบไปประชดมัน”

“...”

“พวกกูเป็นห่วงมึงนะ มึงนะหัวอ่อน อ่อนต่อโลก โลกของมึงก็มีแค่พวกกู เรียน สอนพิเศษ วนซ้ำไปมาแค่นี้ แต่โลกของไอ้ไจ๋มันอีกแบบนึงนะ ก็อย่างที่กูบอกไป เหล้า เพื่อน ผู้หญิง มันต่างกันนะไซน์” ไอ้แฝดคนกลางอธิบายเสียงอ่อน มือก็โยกหัวเห็ดไปมา
 
“แต่น้องมันก็ไม่ได้แย่”

“ก็เหมือนตอนมึงชอบเนยนั่นแหละ มึงอยากให้เนยเห็นด้านแย่ๆของมึงหรอ?” ไอ้ไซน์ส่ายหัวช้าๆ เงยหน้ามองเจ้าแฝดคนกลางที่วันนี้ดูหล่อเป็นพิเศษ

...คำพูดคมๆก็เปลี่ยนคนให้ดูดีขึ้นได้

“...”

“นั่นแหละ หายโกรธไอ้แทนแล้วเนอะ” พอเห็นว่าไอ้ไซน์เริ่มคล้อยตาม ไอ้คอสก็เปลี่ยนเรื่องทันที

“อือ...ห๊ะ? เดี๋ยวๆๆ” ไอ้หมาพยักหน้าตาม พึ่งจะคิดได้แล้วค่อยเบิกตาตี่ๆมามองได้แฝด ยกมือขึ้นปัดป่ายเป็นพัลวัน

“ฮ่าๆๆๆๆ ไอ้แทน กูรู้มึงแอบฟังอยู่ เพราะกูไม่ได้ปิดประตูห้อง”  ไอ้คอสหัวเราะร่วน ตะโกนบอกไอ้แฝดคนโตเสียงดัง พอไอ้แฝดคนโตได้ยินก็ได้แต่เดินหน้าตึงเข้ามา

“อะไร กูไม่ได้แอบฟังซะหน่อย”

“อะไรนะไซน์ เมื่อกี้มึงยังไม่หายโกรธไอ้แทนใช่ปะ”

“เออ ยังไม่หาย”

“ได้ไงอะ เมื่อกี้ตอนไอ้คอสถามมึงตอบ อือแล้วนี่” แฝดคนโตโวยวายใหญ่ จนไอ้ไซน์หลุดขำออกมา

“อ้าว ไหนบอกไม่ได้แอบฟังไง”

“กูบังเอิญได้ยินเฉยๆ”

“จ้า”

...อุตสาห์คีพลุคมาตั้งนาน โถ่

“สรุป หายโกรธกูนะ” ไอ้แทนถามเสียงนิ่ง ใบหน้าที่ปกติก็เก็กขรึมอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งดูจริงจังไปใหญ่ คิ้วเนี่ยขมวดพันกันจนผูกได้อยู่แล้ว

“อือ”

“หายโกรธแล้วก็ยิ้มดิ”

“ฮี่” ไอ้ไซน์แยกเขี้ยว ยิงฟันให้แทนที่จะยิ้ม พวกพี่แฝดอดไม่ได้ จับไอ้หมามาขย้ำ มาฟัดจนเหนื่อยหอบกัน นอนหมดแรงอยู่บนเตียง

“จะไปไหนมาไหนบอกกูนะ” ไอ้คอสพูดขึ้น เงยหน้ามองเพดานสีขาวสะอาด ถึงแม้ไม่ได้เอ่ยชื่อ แต่ไอ้หมาไซน์ก็รู้ตัว พยักหน้าหงึกหงัก เอียงหัวไปถูไถกับแขนไอ้แฝดคนกลางอย่างออดอ้อน

“พวกกูเป็นห่วง รู้ใช่มั้ย?” ไอ้แทนย้ำอีกที

“รู้ครับ”
 
“ยิ่งกับไอ้ไจ๋ยิ่งห่วง รู้มั้ย?”

“รู้แล้ว”

“แล้วรู้มั้ยว่าน้องมันชอบ”

“ก็...ก็รู้”

“แล้วน้องมันจีบนี่รู้ตัวบ้างมั้ย?”

“...ระ รู้มั้ง”

“แล้วพวกกูจะทำยังต่อไป รู้มั้ย?”

“...ไม่รู้”

“หึหึ”



พวกแฝด โกรธกันได้ไม่นานหรอก...


สั้นมากอะ
เรามาแล้ววว เรามีวันหยุดแล้ว หลังจากที่เราเตรียมพรีเซนต์งานเป็นเดือน หลังสอบ ขอโทษษษษ
เราเขียนฉากโกรธๆไม่เป็นอะ มันดูตลกมากกว่าจะดราม่า 5555
เพราะว่าไม่อยากให้พวกแฝดโกรธกันจริงๆ เลยตั้งชื่อตอนว่าทะเลอะกัน ไม่ได้พิมพ์ผิดแต่อย่างใด
ฝากพวกแฝด รักพวกแฝดเยอะๆนะคะะะะะะ

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ SPNamfone

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
13
ลัก


หนึ่งสัปดาห์เวียนมาอีกหน ไอ้ไซน์และน้องไจ๋สองคนนั่งติวอยู่ร้านพี่ปิงปิง ที่เก่า เวลาเดิม เพิ่มเติมคือพวกแฝดที่อ้างว่าช่วงนี้อยากเปลี่ยนบรรยากาศมาอ่านหนังสือที่อื่นบ้าง มันจะไม่อะไรมากหรอกถ้าพวกพี่แฝดไม่ขี้ขัด ขี้แซะ จนไม่เป็นอันเรียน อันติวกันเนี่ย

“จำเป็นต้องใกล้กันขนาดนี้ปะ” ไอ้คอสพูดลอยๆ (ซึ่งมากระทบน้องไจ๋นี่แหละ) ตาจ้องมองน้องไจ๋ ยักคิ้วกวนๆไปให้ทีนึง พอไอ้ไซน์ตวัดหางตาใส่ ก็ทำเป็นยักไหล่ เนียนเล่นโทรศัพท์ต่อไป น้องไจ๋ถอนหายใจเป็นรอบที่ล้านของวัน ก่อนจะเขยิบตัวออกมา เพื่อเว้นให้มีช่องว่างระยะห่าง ก่อนไอ้ไซน์จะได้อธิบายต่อ

...นี่ขนาดนั่งอยู่คนละโต๊ะมันก็ยังแขวะกันได้เว้ยเห้ย

“มา คราวนี้ลองมาทำอันนี้พร้อมกันดู” ไอ้ไซน์ยื่นกระดาษแบบฝึกหัดที่ถ่ายเอกสารให้น้องไจ๋ เผลอเขยิบตัวเข้าไปใกล้อีกฝ่ายอย่างลืมตัว ก้มหน้ามองน้องไจ๋ที่กำลังตั้งทำแบบฝึกหัด ขีดเขียนคำตอบลงบนกระดาษยุกยิกๆ

“ถูกปะ?”

“อื้อ ถูกแล้ว” ไอ้ไซน์พยักหน้าบอก อมยิ้มน้อยๆให้ น้องไจ๋ก็ยิ้มตาม ลงมือทำแบบฝึกหัดต่อไปเรื่อยๆ

“พี่ไซน์ๆ อันนี้คืออะไร” น้องไจ๋ใช้ดินสอกดจิ้มชี้ลงตำแหน่งที่สงสัยให้คนเป็นพี่ดู ไอ้ไซน์ชะโงกหน้ามาดูอีกนิดจนคางแหลมๆนั่นเกยอยู่บนลำแขนแกร่ง กลิ่นหอมอ่อนๆของยาสระผมลอยมาแตะจมูกของคนเป็นน้อง

...หวานเหมือนกลิ่นสายไหมเลย

“เรียนวิศวะน่าจะรู้เรื่องนี้ดีเลยนะ” เสียงไอ้ไซน์ดงสติของน้องไจ๋ให้กลับมา แต่ไม่ทันไร มือเล็กๆขาวๆของไอ้ไซน์ก็กอบกุมข้อมือใหญ่ที่กำลังจับดินสอของน้องไจ๋ไว้ พร้อมกับออกแรงขยับเบาๆให้มือใหญ่ขีดลากดินสอตาม

“...”

“นี่รูปสะพานกำลังจะตก แต่เพราะมันมีแรงหลายแรงช่วย มันก็ก็เลยยังไม่ขาด ทีนี้เค้าก็เลยบอกให้เราหาแรงที่ทำกับสะพานนี้  คราวนี้ดูรูปนะ”

“...”

“อันนี้ลูกศรชี้ลง แสดงว่าแรงกด แรงอัดลงมา ซึ่งก็คือ compression ต่อมาเชือกที่มันห้อยโตงเตงอยู่ตรงนี้ก็คือ แรงสวนใช่ปะ ซึ่งแรงสวนก็คือ tension อันนี้แรงบิด torsion...”

“...” เสียงไอ้ไซน์ยังคงอธิบายเจื้อยแจ้ว ฉะฉาน ให้ฟัง ขณะที่มือก็ยังบังคับทิศทางการเขียนของคนเป็นน้องอยู่ น้องไจ๋หูอื้อไปชั่วขณะ พี่ไซน์ของมันพูดอะไรก็ไม่รู้แต่มันกลับไม่อยากให้หยุดพูด อยากฟังเสียงอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ ตาคมก็แอบลอบมองใบหน้าหวานใสของคนด้านข้าง แก้มย้วยๆขยับไปตามคำพูด น่าจับมาบีบ มาฟัดซะให้จมเขี้ยว ปากเล็กๆสีแดงระเรื่อ ที่เวลาพูดแล้วก็เผลอเลียริมฝีปากจนวาวฉ่ำนั่นก็น่ากิน น่าชิม น่าขบกัดไปหมด

...โอ้ย เกิดเป็นพี่ไซน์ต้องน่ารักขนาดนี้มั้ยครับ?

“เข้าใจยัง?” ไอ้ไซน์อธิบายจบก็หันหน้ามาถามน้องไจ๋ พลันต่างฝ่ายต่างก็ชะงักค้าง ดวงตาเรียวเล็กเบิกกว้างอย่างตกใจ เมื่อใบหน้าของทั้งคู่อยู่ใกล้กันจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ

ตึง!!!

พวกพี่แฝดทั้งสองหันมายังโต๊ะไอ้ไซน์กับน้องไจ๋แล้วกระแทกแก้วน้ำลงกับโต๊ะแรงๆ จนทั้งสองคนสะดุ้งแล้วรีบผละออกจากกัน

“อ้าวโทษๆ มือมันลั่น”

“กูเบื่อโต๊ะนั้นแล้วอ่ะ ขอนั่งโต๊ะนี้ด้วยละกัน” ไอ้แทนว่า หันไปหยิบหนังสือ หยิบปากกามาวางกองเต็มโต๊ะของแฝดน้องหน้าตาเฉย น้องไจ๋ที่สีหน้าเรียบนิ่งก็หันไปทำแบบฝึกหัดต่อ ส่วนไอ้ไซน์ก็ได้แต่นั่งถอนหายใจอย่างเอือมระอา

...หน่องไซน์เหนื่อยใจจังครับบบบ








RRR

เสียงโทรศัพท์เครื่องสวยของไอ้ไซน์ร้องแผดดังลั่นห้อง ในช่วงดึกวันศุกร์ ไอ้คอสเดินมาตามเสียงก่อนจะพบว่าปลายสายที่โทรเข้ามาเป็นรุ่นน้องที่คณะของตน ไม่รอช้า ไอ้แฝดคนกลางก็ถือวิสาสะกดรับโทรศัพท์แทนเจ้าของเครื่อง

“ว่าไงไอ้ไจ๋น้องรักกกกก”

“ขอคุยกับพี่ไซน์ครับ”

“มันหลับแล้ว”  พูดโกหก เหมือนจะแอบได้ยินเสียงถอนหายใจจากคนปลายสายส่งมาให้

...ทำมาเป็นถอนหายใจใส่ กดวางแม่ง รำ รำ รำ

“ใครโทรมา” ไอ้แฝดคนน้องถามขึ้น มือก็ลูบพุงป่องๆของตัวเองเบาๆ

“มึงแอบไปกินอะไรมาอีกอ้วน” แฝดคนกลางเฉไฉเปลี่ยนเรื่อง

“กินนมก่อนนอน ไม่อ้วน เอาโทรศัพท์ไซน์คืนมาเลยนะ” แบมือขอรับโทรศัพท์จากไอ้คอส แต่กลับได้เป็นมะเหงกลงที่กลางหัวเห็ดๆแทน

“ไปนอนไป”

“เอาโทรศัพท์มาดิ”

“กูขอยืมเล่นเกมส์หน่อย”

“ของมึงก็มี”

“กูขอยืมแอคเคาท์มึงไปแข่งก่อน เดี๋ยวกูเอามาคืน ไปนอนนะน้องไซน์ ปะ พี่คอสจะส่งเข้านอน” ไม่ว่าเปล่ายังลากไอ้แฝดน้องเข้าไปในห้องนอน จับยัดลงไปใต้ผ้าห่ม ลูบหัวตบหลังแปะๆ

“อะไรของมึงเนี่ย” ไอ้ไซน์ฝืนตัวลุกขึ้นนั่งขมวดคิ้วถาม แต่ก็ไม่วายโดนดันไหล่ให้นอนลงไปเหมือนเดิม

“อะไร๊ กูอยากให้มึงนอนเร็วๆ นอนดิ หลับตาๆ นอนไปนะ เดี๋ยวกูออกไปคุยกับไอ้แทนก่อน” พูดจบก็รีบวิ่งออกจากห้องนอนไปพร้อมกับโทรศัพท์ของไอ้ไซน์

...พวกแฝดนี่ต้องรวมหัวกันวางแผนอะไรแน่ๆ

.

.

.

สี่โมงเช้าวันเสาร์ที่แสนสดใส ไอ้ไซน์เดินหน้าหงิกมานั่งแหมะอยู่ที่โซฟาร้านพี่ปิงปิง ผิดกับพวกพี่แฝดที่เดินแจกรอยยิ้มพิมพ์ใจให้กับคนนั้นคนนี้ สั่งเครื่องดื่มที่เคาท์เตอร์แล้วก็เดินมานั่งข้างไอ้ไซน์ทันที

“ไม่ดีหรอ มีคนหล่อๆ ตั้งสองคนมานั่งรอมึงเนี่ย” ไอ้คอสพูดแซว ดังแก้มย้วยๆของไอ้แฝดน้องออกให้ยืดออกก่อนจะรีบปล่อยเมื่อเห็นว่าไอ้แฝดน้องไม่เล่นด้วย มิหนำซ้ำจะแยกเขี้ยวกัดอีกต่างหาก

“มึงก็สอนไปดิ พวกกูแค่มานั่งเฉยๆ” ไอ้แทนพูดขึ้นบ้าง หน้าตาเก็กๆ นิ่งๆของมันนั้นทำให้ไอ้ไซน์อยากจะเข้าไปตะปบสักทีข้อหาหมั่นไส้ พูดออกมาได้ไงว่านั่งเฉยๆ

...เหอะ ถ้าวันนี้ยังมาทำตัวป้วนเปี้ยนจนไอ้ไซน์ไม่มีสมาธิสอนนะจะโกรธ แล้วกลับบ้านไปฟ้องคุณแม่เลย

รอไม่นาน เครื่องดื่มที่สั่งไว้ก็ถูกยกมาเสิร์ฟโดยน้องไจ๋ เสื้อยือคือกลมสีสว่าง กับยีนสีซีด พร้อมกับผ้ากันเปื้อนลายน่ารักๆ ทำเอาคนใส่ดูน่ารักไปด้วย

“เดี๋ยวผมมานะ ไปถอดผ้ากันเปื้อนก่อน วันนี้ช่วยพี่ปิงปิงทำขนมหนะ” น้องวางเครื่องดื่มให้พวกพี่แฝด แล้วบอกกับไอ้ไซน์ ก่อนรีบวิ่งเข้าหลังร้านแล้วกลับออกมาพร้อมกับชีทเรียน

“วันนี้ทำแค่แบบฝึกหัดทบทวนก็พอ” ไอ้ไซน์บอก น้องไจ๋นั่งลงตรงข้ามกับไอ้แฝดคนโต แล้วเริ่มลงมือทำแบบฝึกหัดทันที
และคงเป็นวันที่น้องไจ๋ทำแบบฝึกหัดเร็วกว่าทุกครั้งเพราะรู้สึกกดดันจากสายตาที่จ้องมา ไม่ใช่สายตาจากพี่ไซน์ของมัน แต่กลับเป็นสายตากดดันจากแฝดพี่อย่างไอ้คอส และไอ้แทนต่างหาก  พอทำเสร็จก็ยื่นเอาไปให้พี่ไซน์ของมันตรวจ ไอ้คนตรวจก็ตรวจไป ส่วนสามคนที่เหลือก็นั่งจ้องหน้ากันไปอย่างไม่มีใครยอมใคร ราวกับจะทำสงครามประสาท

“ปวดฉี่ ไปฉี่ก่อนนะ” ไอ้ไซน์ลุกขึ้นบอก ก่อนจะได้สังเกตสิ่งผิดปกติว่าทำไมมันเงียบผิดปกติ ไอ้แทน ไอ้คอส รวมถึงน้องไจ๋ ก็ส่งรอยยิ้มอบอุ่นไปให้ ไอ้ไซน์พยักหน้าเดินออกไปเข้าห้องน้ำที่หลังร้านแบบงงๆ

“มึงรู้ใช่มั้ยว่าพวกกูไม่ชอบมึง”

“ครับ”

“รู้แล้วก็ถอยออกจากไอ้ไซน์ซะ”

“เอ้า เกี่ยวไรวะพี่ ผมชอบพี่ไซน์  ไม่ได้ชอบพวกพี่” ยักไหล่บอกด้วยท่าทางสบายๆ หน้าตาน้องไจ๋มันอ้อนมืออ้อนตีนก็วันนี้แหละเว้ย

“ไอ้ไจ๋ มึงลองพิจารณาตัวเองดูว่ามีอะไรดีนอกจากปากมั่ง”

“มึงสนใจไอ้ไซน์มันแค่ไหน แค่ควง กะเอาแล้วก็จบๆกันแบบที่มึงทำเหมือนที่ผ่านมา? ไอ้ไจ๋ กูไม่ได้อยากยุ่งเลยนะเว้ย ถ้าคนคนนั้นไม่ใช้ไอ้ไซน์ มันเป็นคนดีมากกว่าที่จะสนิทกับคนอย่างมึงด้วยซ้ำ”

“แล้วทำไมพวกพี่ต้องเอาอดีตของผม มาตัดสินผมในตอนนี้วะ รู้จักผมดีแค่ไหนถึงมองว่าผมเป็นคนแบบนั้นแบบนี้”

“ก็ดูสิ่งที่มึงทำเมื่อก่อนสิ จะให้กูมองมึงใหม่ก็คงยากหวะ”

“...ผมจะทำให้พวกพี่เห็น ว่าสิ่งที่พวกพี่พูดวันนี้ มันผิด”

“พวกกูจะรอดูละกัน”

จบประโยคสุดท้าย ไอ้ไซน์ก็เดินกลับเข้ามาทันที หน้าเอ๋อๆนี่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับใครเขาเล้ยยย นั่งลงแล้วก็ตรวจแบบฝึกหัดของน้องไจ๋ต่อไป  ไม่นาน ไอ้ไซน์ก็ยื่นใบแบบฝึกหัดคืนให้น้องไจ๋ น้องไจ๋รับมา ดูคะแนน ยกยิ้มมุมปากนิดๆเมื่อผลคะแนนเป็นที่น่าพอใจ

...ไม่ได้จะอวด ก็แค่ได้เต็ม นี่ไม่ได้ไบแอสจากพี่ไซน์นะบอกเลย ความสามารถล้วนๆ

น้องไจ๋เก็บของใส่กระเป๋าสะพายลวกๆ เดินไปหาพี่ปิงปิงคนสวยที่อยู่เคาท์เตอร์ พูดกระซิบอะไรกันนิดหน่อยก่อนน้องไจ๋จะเปิดประตูเดินออกจากร้านไป หลังจากนั้นไม่นาน พี่ปิงปิงก็เดินมาหาเจ้าพวกสามแฝดที่กำลังนั่งเล่น นั่งกินขนมอยู่

“น้องไซน์ ไปช่วยชิมขนมที่หลังร้านหน่อยสิ” รอยยิ้มหวานถูกส่งมาให้ไอ้ไซน์ ไอ้หมายิ้มตาหยี พยักหน้าเดินตามกลิ่นขนมเข้าไปหลังร้านต้อยๆ ขณะที่พวกพี่แฝดก็ยังเอาแต่จ้องโทรศัพท์กันอยู่

“หอมจังเลยย พี่ปิงปิงทำสูตรใหม่อีกแล้วหรอครับ” ไอ้ไซน์หันซ้ายหันขวา มองสำรวจห้องครัวที่ใช้เป็นที่ผลิตขนมอร่อยๆ พี่ปิงปิงหัวเราะหน่อยๆกับท่าทางซื่อราวกับเด็กน้อยของไอ้ไซน์ อดไม่ได้ที่จะเอามือไปขยี้หัวเห็ดๆนั่นอย่างถือวิสาสะ

“ค่ะ เนี่ยน้องไซน์ได้เห็นหน้าตาขนมคนแรกเลยนะ”

“หูยยยยยยย สิทธิพิเศษเหนือใครในโลก” คำพูดคำจา กับท่าทางโอเวอร์แอคติ้งของไอ้ไซน์ทำเอาพี่ปิงปิงหัวเราะออกมาอีกครั้ง
 
...เด็กอะไร ช่างน่ารัก น่าหยิกอยู่ตลอดเวลา ถ้าได้มาเป็นน้องชายจริงๆ จะตามใจให้เสียคนไปเลย

พี่ปิงปิงใส่ถุงมือกันร้อน แล้วยกถาดขนมที่พึ่งอบเสร็จใหม่ๆ ออกมาจากเตาอบเครื่องโต กลิ่นหอมของขนมลอยตลบอบอวลทั่วครัวหลังร้าน ไอ้ไซน์จ้องตาม ตาไม่กระพริบ กลืนน้ำลายลงคอเสียงดังอึ้กๆ  พี่ปิงปิงจัดแจงหยิบขนมใส่กล่องขนาดกลาง ปิดด้วยเทปใส แล้วใส่ถุงหูหิ้วอีกที จึงยื่นให้ไอ้ไซน์

“วานฝากไปให้เจ้าไจ๋มันชิมด้วยนะน้องไซน์”

“ครับ ?”

“เจ้าไจ๋รออยู่หน้าร้านค่ะ”

“ครับ ขอบคุณนะครับพี่ปิงปิง” ไอ้ไซน์ยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณ เดินออกมาจากหลังร้านแบบงงๆ

“ไปไหนไซน์” แฝดคนโตถามเมื่อเห็นไอ้ไซน์เดินผ่านโต๊ะ เปิดประตูหน้าร้านออกไป ไอ้ไซน์เพียงแค่ทำปากบอกว่า เดี๋ยวมา ออกมายังหน้าร้าน ก็เห็นน้องไจ๋นั่งรออยู่บนรถ กวักมือเรียก

“เร็วดิพี่ ผมร้อน”

“ไปไหน?”

“ไปเที่ยว” ทันทีที่น้องไจ๋พูดจบ ตาตี่ๆนั่นก็เบิกกว้าง นัยน์ตาเป็นประกายตื่นเต้นนักหนา หันซ้ายหันขวาลนลานทำอะไรไม่ถูก

“เดี๋ยวนะ บอกพวกแฝดก่อน”

“ไม่ต้องบอก ขึ้นมาเลย” น้องไจ๋รีบพูดแทรก  ไอ้ไซน์ลังเล มือข้างนึงกำถุงกล่องขนม อีกข้างนึงก็จับประตูไว้แน่น

...ถ้าบอกว่าไปกับน้องไจ๋ พวกแฝดนี่ต้องไม่ให้ไปแน่ แต่ถ้าไม่บอก กลับคอนโดไปก็กลัวจะโดนพวกแฝดเล่นงานอีก

ไอ้ไซน์ตัดสินใจ ผลักประตูเข้าไปนิดนึงก่อนจะตะโกนบอกพี่แฝด

“พวกมึงกลับก่อนเลยนะ เดี๋ยวกูให้น้องไจ๋ไปส่ง” พูดจบพอดีกับที่ไอ้ไซน์โดนลากยัดเข้าไปนั่งในรถโดยน้องไจ๋  พวกพี่แฝดรีบลุกขึ้นไปหน้าร้านตาม ก็เห็นว่ารถได้เคลื่อนตัวออกไปแล้ว

“กลับคอนโดเมื่อไหร่หละได้คุยกันยาวแน่”

...เฉียดฉิว

.

.

.

หัวใจไอ้ไซน์เต้นระส่ำยังไม่เป็นจังหวะปกติ เมื่อเกิดการลักพาตัวกันเกิดขึ้น (?) น้องไจ๋ดูจะมีความสุขที่สุดกับภารกิจครั้งนี้ที่สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ขณะที่ตัวประกันอย่างไอ้ไซน์นั่งหน้าเครียดเป็นตูดหมาอยู่ด้านข้าง

RRR

หน้าจอโทรศัพท์เครื่องสวยในกระเป๋ากางเกงของไอ้ไซน์สั่นครืดๆ พอเอาออกมาดูก็พบว่าเป็นไอ้แทน แหงหละ โดนฉุดมาดื้อๆแบบนี้ พวกพี่แฝดของมันคงไม่อยู่เฉยแน่ๆ

“ห้ามรับนะ ถ้ารับผมจะส่งพี่ไปขายเลยคอยดูดิ” น้องไจ๋รีบบอกดัก ก่อนจะเอื้อมมือยาวๆมาฉกโทรศัพท์โยนไปไว้เบาะหลัง

...สัส ถนอมหน่อยก็ได้ โทรศัพท์กูมั้ยบางที

“มึงยิ่งทำแบบนี้ เรื่องมันจะยิ่งไปกันใหญ่นะไจ๋”

“พี่อยากไปเที่ยวไหน” ไอ้ไซน์ถอนหายใจใส่กับอาการเฉไฉเปลี่ยนเรื่อง อยากจะงับแขนไอ้คนขับรถซะให้จมเขี้ยว ข้อหาหน้ามึน ทำให้หมั่นไส้จนเกินเหตุ

“แล้วมึงจะพาไปไหนหละ”

“ไปเที่ยวบ้านผมนี่แหละ”

“มึงบ้าปะ ! ไปเที่ยวบ้านเค้าไม่เรียกเที่ยว แม่ง...กูอุตสาห์หนีตามมา” ไอ้ไซน์โวยวาย ปากบางๆบ่นขมุบขมิบ ด่าน้องไจ๋บ้าง ด่าตัวเองบ้าง ไม่วายหันมาทำตาขวางใส่คนที่ขับรถอยู่

“ฮ่าๆ งั้นไปไหนกันดี บางแสนมั้ยใกล้ๆ หรือพัทยา ?” น้องไจ๋อดหัวเราะกับท่าทางหัวฟัดหัวเหวี่ยงของคนเป็นพี่ไม่ได้

“ไม่ไปไหนแล้ว ร้อน”

“งั้นไปบ้านผมละกัน ผมซื้อหนังไว้ตั้งหลายเรื่อง ยังไม่ได้ดูเลย”

“ไม่ไปแล้ว กลับไปส่งที่คอนโดเลย”

“ไม่”

“งั้นก็จอดนี่แหละ กูกลับเองก็ได้”

“ไม่”

“กวนตีน เดี๋ยวจะได้ตีน”

“แล้วถ้ากวนใจ จะได้ใจปะครับ” น้องไจ๋ไม่ว่าเปล่า เอื้อมมือใหญ่มาสอดประสานกับมือเล็กที่วางอยู่บนหน้าตัก แอบชำเลืองดูสีหน้าคนเป็นพี่ก็เห็นว่าแก้มย้วยๆนั่นขึ้นสีแดงระเรื่อ ลามไปถึงใบหู

“...”

“พี่ไซน์ อ้วนขึ้นนะ แก้มย้วยเชียว”

...ไอ้เด็กเวรนี่! เกลียดแม่งงงงงงงงงง






ฝากติดตามพวกแฝด แล้วก็รักพวกแฝดเยอะๆนะคะ
สงสัยคงต้องเปลี่ยนเวลาลงเป็นอาทิตย์ละตอนแล้วละคะ งานรุมเร้าละเกินนน

ป.ล. พรุ่งนี้วันจันทร์ อิจฉาเด็กๆที่กำลังปิดเทอมจังงงงงง

เลิ้บบบบบบ

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
แฝดพี่ แทน คอส หวงแฝดน้อง ตามมานั่งเฝ้า :m16:
แต่น้องโดนขโมย ลกพาตัวไปซึ่งๆ หน้า :katai1:
ชอบ สนุก รอ  :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Rabity

  • #slytherinforlife
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 523
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-8
เพิ่งตามอ่านค่ะ เรื่องนี้น่ารักและสนุกมาก เอาใจช่วยนะคะ^^
รอตอนต่อไปจ้าา

ออฟไลน์ KS.F

  • มือใหม่หัดแต่งนิยาย ช่วยแนะนำด้วยน่า
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 167
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0

ออฟไลน์ SPNamfone

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
14
Status



   ถึงบ้านน้องไจ๋ประมาณบ่ายโมงกว่าๆ น้องไจ๋ก็อาสาเข้าครัว ทำข้าวผัดไข่เจียวง่ายๆสองจานสำหรับตัวเองและไอ้ไซน์ นั่งกินข้าวเสร็จ ก็ขึ้นมาชั้นสองของบ้าน น้องไจ๋พาไอ้ไซน์เดินมาที่ห้องที่ถูกออกแบบสำหรับดูหนังโดยเฉพาะ โซฟานุ่มตัวใหญ่ที่สามารถทั้งนั่งทั้งนอนดูก็ได้ตั้งอยู่กลางห้องชิดกับผนัง ตรงข้ามเป็นจอโปรเจคเตอร์ ขนาบข้างด้วยชุดเครื่องเสียงสเตอริโอ น้องไจ๋เดินไปเปิดไฟและเครื่องปรับอากาศให้ทำงาน จากนั้นก็นั่งจมปุ๊กลงด้านหน้าชุดสเตอริโอ แล้วเริ่มหยิบตะกร้าแผ่นหนังขึ้นมาเลือก

“พี่ไซน์ ช่วยเลือกหน่อย” น้องไจ๋ร้องบอกคนเป็นพี่ที่ยืนเด๋อด๋าอยู่กลางห้อง ไอ้ไซน์เดินตามไปนั่งลงข้างๆน้องอย่างว่าง่าย หยิบแผ่นหนังขึ้นมาดูทีละเรื่อง

“ดูนี่ก็ได้ ยังไม่ได้ไปดูเลย” เลือกได้แล้วก็ยื่นแผ่นไปให้อีกคน

“ซูโทเปีย? เค ได้ๆ เลือกอะไรได้เข้ากับตัวเองดี ฮ่าฮ่า” แซวคนเป็นพี่แล้วก็หยิบรีโมทเปิดเครื่องโปรเจคเตอร์  ยัดเจ้าแผ่นหนังการ์ตูนเข้าไปที่เครื่องเล่นวิดีโอ ก่อนจะกดเล่น

“เดี๋ยวลงไปเอาขนมก่อนนะ”

“เอาผ้าห่มในห้องผมมาด้วยนะ ห้องข้างๆกันนี่แหละ” ถือโอกาสก็ใช้คนเป็นพี่ซะเลย ไอ้ไซน์วิ่งตึกตักลงบันไดไปเอาขนมของพี่ปิงปิงที่วางไว้โต๊ะกลางห้องนั่งเล่น แล้วก็วิ่งไปห้องครัว หยิบน้ำในตู้เย็นมาอีกขวด วิ่งขึ้นบันได แวะเข้าไปที่ห้องน้องไจ๋  ดึงเอาผ้าห่มหอบกระเตงมายังห้องดูหนังข้างๆ  น้องไจ๋เห็นก็หัวเราะใหญ่ กับของที่ถือพะรุงพะรัง ขวดน้ำที่หนีบไว้ก็จะตกอยู่แล้ว ไม่ได้เข้าไปช่วยคนเป็นพี่สักนิด

“หัวเราะทำไม?”

“ก็พี่ตลกอะ ถือมาทีละอย่างก็ได้นี่ มานั่งนี่เร็ว” ตบที่นั่งด้านข้างตัวเองปุๆ คนเป็นพี่เอาผ้าห่มที่หอบมาโปะใส่หัวแล้วนั่งลงด้านข้าง แกะกล่องขนมที่พี่ปิงปิงห่อมาให้ออก แล้วก็หยิบเข้าปาก ตาแป๋วๆก็จ้องไปยังจอโปรเจคเตอร์ที่กำลังฉายทีเซอร์ของหนังเรื่องอื่นๆ

“ไจ๋ปิดไฟเร็ว หนังมาแล้ว” หันหน้าไปบอกน้องไจ๋ มืออีกข้างก็ดันไหล่กว้างๆให้ลุกขึ้นไปปิดไฟเพื่อเพิ่มบรรยากาศในการดูหนัง

“กินด้วยดิ” ปิดไฟเสร็จน้องไจ๋ก็เดินมานั่งลงข้างๆไอ้ไซน์ ยื่นหน้าอ้าปากรอรับขนมจากคนเป็นพี่

“เป็นง่อยหรอ” ถึงจะบอกออกไปแบบนั้นแต่มือเล็กๆก็กลับหยิบขนมในกล่องส่งเข้าปากคนเป็นน้องอยู่ดี น้องไจ๋ยิ้มร่าทั้งๆที่เคี้ยวขนมอยู่ ไอ้ไซน์แอบมองไปก็อดหมั่นไส้ไม่ได้ จะอารมณ์ดีอะไรขนาดนั้น จัดการใช้มือเล็กๆหยิกแขนแกร่งเข้าไปหนึ่งที

“อะไร อารมณ์ดีก็ไม่ได้” น้องไจ๋บอกขำๆ แล้วจับมือไอ้ไซน์ข้างที่หยิกแขนน้องมันมากุมไว้ มือเล็กก็ขยับยุกยิก ขืนมือออก น้องไจ๋ปล่อยมือแล้วเปลี่ยนจากกุมมือเป็นประสานมือเข้าด้วยกันแทน

“หงะ เหงื่อออก” เอ่ยปากบอกน้องไจ๋เสียงแผ่ว น้องไจ๋ก็ยอมปล่อยมือคนเป็นพี่ออกให้เป็นอิสระ ด้วยความรู้สึกที่เฟลนิดๆ พอดีกับที่หนังเริ่มฉายต่างฝ่ายจึงต่างดูหนัง ไม่มีการพูดกัน

ไอ้ไซน์ขยับมือยุกยิกอยู่ใต้ผ้าห่ม แอบเช็ดเหงื่อชื้นที่ฝ่ามือของตัวเองเข้ากับกางเกงอย่างลวกๆ แล้วก็เอื้อมมือไปสอดประสานเข้ากับมือใหญ่อีกครั้ง น้องไจ๋ชะงักจากการดูหนังแล้วหันมามองหน้าคนเป็นพี่แทน ยิ้มกว้างออกมาอีกครั้งนึงก่อนจะบีบมือกลับคืน

...พี่ไซน์ของมันนะ น่ารักที่สุดแล้ว

.

.

.

“พี่ไซน์...นอนนี่เหอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปส่ง”

“มึงอยากโดนพวกแฝดตามมาเผาบ้านหรอ?” ไอ้ไซน์พูดจบ น้องไจ๋ที่ทำหน้าออดอ้อนก็เบะปากใส่ กระทืบเท้าปึงปังยังกะเด็กสามขวบ แล้วล้มลงไปนอน หันหน้าเข้าโซฟา

...เออ เอากับมันสิ

“...”

“เอ้า งอนกูอีก กูควรเป็นฝ่ายที่งอนมากกว่ามั้ง อยู่ๆก็ฉุดกูมา นี่กูกลับคอนโดไปจะโดนด่าอะไรอีก กูควรฆ่ามึงทิ้งแทนพวกแฝดเลยมั้ยเนี่ย” ไอ้ไซน์บ่นกะปอดกะแปด ลุกขึ้นจากโซฟา ไปปิดเครื่องสเตอริโอ และจอโปรเจ็คเตอร์ ก่อนจะกลับมาดึงแขนน้องไจ๋ตัวดีให้ลุกขึ้นจากโซฟา

“งั้นไปเดินเล่นพัทยากัน เดี๋ยวดึกๆค่อยกลับ” หันหน้ามาหาคนเป็นพี่พร้อมกับจับข้อมือขาวไว้ ไอ้ไซน์ถอนหายใจเฮือกใหญ่กับความเอาแต่ใจของไอ้เด็กไจ๋ ก่อนจะก้มหน้าลงไปใกล้จนปลายจมูกแตะกับแก้มของอีกฝ่ายเบาๆ

“ไจ๋ ไปส่งไซน์นะ พรุ่งนี้ไซน์มีเรียนแต่เช้า ไว้ว่างๆแล้วเราค่อยไปเที่ยวด้วยกันนะครับ”

“ครับ”  น้องไจ๋ว่าง่าย คล้อยตามคนเป็นพี่ ถือโอกาสเลื่อนใบหน้าให้ริมฝีปากแนบชิดกัน

โป๊ก!!

“ฉวยโอกาสตลอดมึงอะ” หลังจากเอาหัวโขกกับหน้าผากอีกคนก็ขืนตัวออกมา มองดูไอ้คนเป็นน้องที่เอามือลูบหน้าผากป้อยๆ สำออย เจ็บนักเจ็บหนา

“เจ็บนะไซน์”

“สมน้ำหน้ามั้ยหละ ลุกขึ้นมาได้แล้ว”

“มาเป่าให้ก่อน”

...ยัง ยังลีลาอีก

“ไม่ อย่ามางอแง ลุกขึ้นเร็วๆ”

“ใจร้าย เป่าแค่นี้ก็ไม่ได้” น้องไจ๋พูดตัดพ้อ มือก็ยังคลำหน้าผากตัวเองที่เริ่มขึ้นสีแดงอ่อนๆ ไอ้ไซน์เดินเข้าไปใกล้ จับมือคนเป็นน้องที่ลูบหน้าผากตัวเองออก แล้วค่อยๆเป่าลมร้อนๆลงบนหน้าผาก

“เพี้ยงๆ หาย” เป่าเสร็จก็ผละหน้าออกมา แอบบีบจมูกโด่งๆของน้องไจ๋ไปอีกทีด้วยความหมั่นไส้

...ดูมันสิ ยิ้มแป้นแล้น ทำหน้าเจ้าเล่ห์ขนาดนั้น มันจะดื้ออะไรอีก

ไอ้ไซน์คิดยังไม่ทันขาดคำ ไอ้คนเจ้าเล่ห์ก็รวบเอวคนเป็นพี่ให้ล้มลงมานอนทับตัวเอง ก่อนจะพลิกขึ้นคร่อมมาอยู่ด้านบน ขโมยจูบที่แสนเอาแต่ใจจากไอ้ไซน์ที่นอนอยู่ใต้ร่าง ขบเม้มริมฝีปากบางเป็นการลงโทษ

“เหี้ย อย่ากัด อื้อ อ๊ะ...” พอคนเป็นพี่เปิดปากก็สอดแทรกปลายลิ้นร้อนๆ เข้าไปไล่ต้อน  รสหอมหวานจากขนมที่กินเข้าไปยิ่งทำให้น้องไจ๋ดูดดึงรุนแรงขึ้น จนคนใต้ร่างหายใจไม่ทัน เอามือดันไหล่หนาให้ผละออก ก่อนจะนอนหอบหายใจแฮกๆ

“ปากบวมเลยอะ”

“เพราะมึงนั่นแหละ” ว่าให้พร้อมตวัดหางตาใส่ไอ้คนเป็นน้องที่ยังคร่อมอยู่ด้านบน

“หูยยย เป็นเพราะผมหรอ ดีใจจัง”

...ดีใจจังกับพี่แฝดกูสิ

.

.

.

“จะเอ๋ เค้ากลับมาแล้ววววว”

“ตลกมั้ยไอ้ไซน์ กูโทรหามึงเป็นร้อยๆรอบ ทำไมไม่รับ แล้วไอ้เหี้ยไจ๋ไปไหน มันพามึงไปไหน ทำไมกลับเอาป่านนี้” ไอ้ไซน์ยืนยิ้มแห้งใส่ไอ้แฝดคนกลาง ที่รัวถาม พร้อมเหวี่ยงใส่นิดๆ

“ไปดูหนัง ขอโทษที่ไม่ได้รับโทรศัพท์ นี่ซื้อโรตีกล้วยมาฝากด้วยนะ แล้วแทนไปไหนอะ” ชูถุงโรตีขึ้นให้ไอ้แฝดคนกลางดูแล้ว ก็หันซ้ายหันขวามองหาไอ้แฝดคนโต

“แทนไปอ่านหนังสือที่คณะ ฝากกูจัดการมึงเนี่ย” พูดจบก็ผลักหัวเห็ด แล้วดึงถุงขนมมาไว้กับตัวเอง นั่งลงโซฟา ก่อนไอ้ไซน์จะตามมานั่งข้างๆ

“จัดการอะไร กูยังไม่ได้ทำอะไรเลย” ไอ้ไซน์บ่นเสียงเบา เอนหัวเห็ดๆไปถูไถกับไหล่ของไอ้แฝดคนกลาง ก่อนจะโดนผลักออกไป

“ไซน์ กูถามจริง มึงชอบน้องมันแล้วใช่มั้ย ?”

“ชอบ เชิบอะไร มึงมั่วแล้ว” บอกปัดแล้วหยิบรีโมททีวีขึ้นมาเร่งเสียง ทำท่าเป็นสนใจสิ่งที่ฉายอยุ่หน้าจอนักหนา

“เหอะ จำคำของมึงไว้ดีๆ เอ้อ ไอ้แทนบอกว่าให้มึงโทรหามันด้วย”

“กูลืมโทรศัพท์ไว้บนรถไอ้ไจ๋อะ แหะๆ”   

“วอนหาเรื่องจริงๆเลยมึงเนี่ย แล้วไม่ต้องไปเอาโทรศัพท์กับมันเองนะ เดี๋ยวกูจะไปเอามาให้”

“คร้าบบบบบ”

ไอ้ไซน์รับโทรศัพท์จากไอ้คอสแล้วกดโทรออกหาไอ้แฝดคนโต ก่อนปลายสายจะโวยวายใส่ และโดนบ่นอีกตามประสาคนหวงลูก (?) ไอ้ไซน์ได้แต่เงียบ ฟังคำให้โอวาท นึกแล้วก็สงสารคนไข้ของไอ้หมอในอนาคต ได้หมอโหดขนาดนี้นี่จะกล้ามาโรงบาลอีกรึเปล่าก็ไม่รู้  ปิดท้ายด้วยคำพูดออดอ้อนออเซาะจากไอ้ไซน์ แค่ทำเสียงเศร้าๆเหมือนคนจะร้องไห้หน่อย ไอ้คนปลายสายก็พร้อมจะกลับคอนโดมาโอ๋อยู่แล้ว

...แค่นี้ก็เรียบร้อย

.

.

.

“น้องไซน์ครับ น้องไซน์!”

“พี่เต๋า สวัสดีครับ” ไอ้ไซน์หยุดยืนรอพี่เต๋าที่กำลังวิ่งหน้าตั้ง ตะโกนเรียกชื่อมันลั่นคณะ ขมวดคิ้วเอียงคอทำหน้าหมางงใส่

“น้องไซน์โทรศัพท์หายหรอ?”

“ป่าวนี่ครับ เอ้อ แต่โทรศัพท์ไซน์ลืมเอาไว้กับรุ่นน้อง” ไอ้ไซน์ส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะนึกออกได้ว่าโทรศัพท์ตัวเองตกอยู่บนรถน้องไจ๋

“อ้อ พี่ก็นึกว่าหายซะอีก เมื่อคืนพี่โทรไปหาน้องไซน์แล้วมีคนรับ เค้าบอกว่าอย่าโทรมาอีก เจ้าของเบอร์นี่มีแฟนแล้ว พี่ก็เลยงง นึกว่าเราไปทำหาย หรือคนที่ไหนมาขโมยไป”

“...”

...เอิ่ม คงไม่ใช่น้องไจ๋ใช่มั้ย

“แล้วนี่จะไปไหนครับ วันนี้ไม่มีสอนพิเศษใช่มั้ย? นัดรวมสายไปกินชาบูดีมั้ย?”

“สายไซน์ต้องนัดล่วงหน้าก่อนนะพี่เต๋า ถ้างั้นมันว่างไม่ตรงกัน”

“งั้นเราไปกินกันแค่สองคนก่อนก็ได้” พี่เต๋ายกยิ้มโชว์ฟันสวยมาให้ ส่งสายตาพราวระยับเค้นเอาคำตอบจากไอ้ไซน์ จะปฏิเสธนี่เดี๋ยวก็เอาเรื่องขนมมาทวงบุญคุณอีก ไอ้พี่นี่มันดันรู้ด้วยว่ามันนี้ไม่มีสอนพิเศษ

...ไอ้ไซน์หละอยากจะเปิดโหมดวาร์ปหายไปจากคนตรงหน้านี่จริงๆ

“...”

“ว่าไงครับ หื้ม?” พี่เต๋ายื่นหน้าเข้ามาใกล้ เลิกคิ้วขึ้นเสียงสูงถามอย่างเท่ห์ๆก็ได้

...เออ เท่ห์ก็ได้นั่นแหละถูกแล้ว

“งั้นไปก็ได้ครับ” ไอ้ไซน์บอกอย่างปลงๆ เออ อย่างน้อยก็ถือเป็นเรื่องราวดีๆละกันที่ได้มาหากินข้าวนอกบ้าน ดีไม่ดี พี่เต๋าอาจจะเลี้ยงด้วยซ้ำ ฟรีไปอีก




ถึงห้างสรรสินค้าใจกลางกรุงที่อยู่ถัดจากมหาวิทยาลัยไปไม่ไกลนัก สองพี่น้องสายโค ก็พากันเดินจ้ำมาที่ชั้น 4 เพื่อหาอาหารกินอย่างที่ได้คุยกันไว้ พี่เต๋าผู้ขยันพูดตั้งแต่ขึ้นรถจนนั่งจมปุ๊กลงบนเก้าอี้ของร้านอาหารก็ยังไม่หยุดพูด พูดได้พูดดี ตั้งแต่เรื่องแนะนำการเรียนในคณะ จนถึงเรื่องประสบการณ์ผีที่ตนเองได้ไปพบเจอมา

“...แล้วพี่เกิดพุธกลางคืน มักจะมีเซนส์ด้านนี้ใช่มั้ยน้องไซน์ ไปเข้าค่ายคืนแรกนี่ก็เจอเลยครับ”

“เจอผี?”

“ใช่ครับ แล้วผีนะ เป็นผีผู้ชาย บอกว่าจะเอาพี่ไปอยู่ด้วยเพราะชาติก่อนเคยเป็นแฟนกัน พี่ก็บอก เห้ย พี่เป็นรุกนะ แล้วผีมันตอบกลับว่าอะไรรู้มั้ยครับ”

“ว่าอะไรครับ”

“งั้นกูยอมให้มึงขย่มก็ได้ หูยเสียวสันหลังวูบวาบเลย นึกแล้วยังขนลุกไม่หาย พี่นี่ท่องชิณบัญชรรัวเลย...”

...สาระมีอยู่จริง หรอ? ใครก็ได้พากูออกไปจากที่นี่ที พลีสสสสสสสสส


หนึ่งชั่วโมงครึ่งที่ยาวนานราวกับหนึ่งชาติเศษๆ พี่เต๋าก็ได้หยุดรถลงที่หน้าคอนโด พร้อมกับเดินเข้ามาส่งไอ้ไซน์ด้านใน ขอบคุณสวรรค์หรืออะไรก็ตามแต่ที่ทำให้หูของไอ้ไซน์ยังมีสภาพปกติดีอยู่ นอกจากจะฟังเรื่องราวประสบการณ์ชวนขนตาลุกของพี่เต๋าแล้ว ตอนขากลับนี่พี่มันยังอุตส่าห์อินดี้ เปิดเพลงสากล พร้อมโชว์เสียงสำเนียงบริทิชที่แม้แต่เจ้าของเพลงยังต้องอายออกมาให้ไอ้ไซน์ได้ฟังเป็นบุญหู

“ขอบคุณนะครับที่เลี้ยวข้าวแถมยังพามาส่งด้วย ไว้งานพี่บัณฑิตปีหน้าไซน์จะซื้อของไปตอบแทนเยอะๆเลยนะครับ”

“ครับ วันนี้พี่ทำให้น้องไซน์มีความสุข พี่ก็พอใจแล้วครับ”

 ...เอ่อ มีก็มี

“งั้น ไซน์ขึ้นห้องแล้วนะ” ไอ้ไซน์ว่า ก่อนจะค้อมหัวลงให้พี่เต๋าเล็กน้อย แล้วหันหลังกลับจะขึ้นลิฟต์ที่อยู่ด้านตรงข้าม

“...”

“ไจ๋ มาได้ไงอะ” ชะงักกึก ใส่คนตรงหน้า ที่ไม่รู้มาตั้งแต่เมื่อไหร่ แถมยังหน้านิ่ว ขมวดคิ้วใส่ให้ไอ้ไซน์ แล้วมองผ่านไหล่คนตัวเตี้ยไปยังด้านหลังอีก  ไอ้ไซน์มองตามก็เห็นว่าพี่เต๋ายังยืนอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน แหม๋ ถ้ามีเอฟเฟคแบบในการ์ตูนก็คงจะเกิดประกายไฟสีแดงขึ้นแน่ๆ

“เอาโทรศัพท์มาให้” น้องไจ๋บอก ล้วงหยิบเอาโทรศัพท์ของอีกคนที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงยื่นให้ ไอ้ไซน์พยักหน้าหงึกหงึกรับมา ก่อนจะรีบร้องบอก

“เอ้อ นี่พี่เต๋า พี่สายรหัส พี่เต๋า นี่น้องไซน์ครับ เป็นรุ่นน้องของไอ้คอสอีกทีหนะ เคยเจอกันแล้วครั้งนึงที่คณะวิศวะ จำได้มั้ยครับ”

“อ้อ รุ่นน้องคอสนี่เอง” พี่เต๋าบอกพร้อมยิ้มกว้างส่งมาให้ไอ้ไซน์

“เอ้อ งั้นพี่เต๋ากลับได้แล้วหละครับ เดี๋ยวค่ำ ขับรถมันอันตราย”

“เป็นห่วงพี่ใช่มั้ย?”

“ก็ห่วงสิ ไปได้แล้วครับ ขอบคุณมากๆอีกครั้งนะพี่เต๋า” ไอ้ไซน์รีบบอก พี่เต๋าเอื้อมมือมายีหัวก่อนจะเดินยิ้มกว้างออกไป ไอ้ไซน์หันกลับมาหาน้องไจ๋ที่อยู่ด้านหลัง ก็พอว่าโดนทำหน้าดุใส่ซะแล้ว

“ไปไหนกันมา”

“กินชาบู พี่เต๋าเลี้ยง”

“ไปกับสายรหัสหรอ?”

“ป่าว ไปกันสองคน” ไอ้ไซน์บอก มือก็กดโทรศัพท์ยุกยิกๆ เช็คโซเชียลเน็ตเวิร์คที่มีแจ้งเตือนเด้งขึ้นหลายรายการ

“...”  พอเห็นว่าคนเป็นน้องเงียบนานกว่าปกติก็เงยหน้าขึ้นมาดู น้องไจ๋ยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้นไปอีก

“เอ้อ แล้วนี่มาได้ไง ไอ้คอสบอกกูว่าจะไปเอาโทรศัพท์กับมึงเองนี่” ไอ้ไซน์ยิ้มตาใสส่งไปให้ พยายามบิ้วให้บรรยากาศอึดอัดนี่ออกไปเร็วๆสักที

“อยากเจอพี่ ก็เลยเอามาให้เอง”

“พึ่งแยกกันเมื่อวะ..”

“พี่ไซน์!” ยังไม่ทันที่ไอ้ไซน์จะพูดจบ น้องไจ๋เรียกชื่อคนตรงหน้าเสียงเข้ม

“สะ เสียงดังทำไมเล่า ตกใจหมด”

“ผมเป็นแค่รุ่นน้องพี่คอสหรอ?”

“ห๊ะ?” ไอ้ไซน์ทำหน้างงกับคำถามที่ได้รับ ยังไม่ทันที่จะได้คิดทวน ก็โดนน้องไจ๋ลากแขนไปยังทางซอกเล็กใกล้กับบันไดหนีไฟ แล้วถามคำถามเดิมย้ำอีกครั้ง

“ผมเป็นแค่รุ่นน้องพี่คอสหรอ”

“ก็...ก็ใช่ไง มึงสับสนอะไรเนี่ย”

“งั้นผมถามใหม่ เราเป็นอะไรกัน”

“...”  คนถูกถามได้แต่กระพริบตาปริบๆ

...เออ นั่นสิ กูกับมึงเป็นอะไรกันวะ แล้วทำไมน้องไจ๋มันถามแบบนี้ คือมันตามจีบเขาอยู่ไม่ใช่รึไง จะให้ตอบว่ายังไงอ่ะ กูกำลังถูกมึงจีบอยู่งี้หรอ ไอ้สัส มันจะดูสำคัญตัวเองไปมั้ยอะ แล้วคนตามจีบที่ไหนมาชอบทำตัวรุ่มร่ามใส่กันวะ เดี๋ยวกอดเดี๋ยวหอมบ้างหละ เอ้อ นี่เราอยู่ในสถานะไหนกัน

“...”

“...พี่น้อง” ไอ้ไซน์ก้มหน้าตอบเสียงแผ่ว

“ที่ผมทำอยู่ มันไม่ชัดเลยใช่มั้ยครับ”

...ชัดของน้องมันแปลว่าอะไรวะ กอดกัน จูบกัน คุยกันทุกคืน เจอหน้ากันทุกวัน แต่ทุกอย่างอยู่ในกรอบของคำว่าพี่น้อง หรือนักเรียนกับติวเตอร์ หรือรุ่นน้องของไอ้แฝด ไอ้ไซน์ไม่รู้จริงๆว่าจะนิยามสถานะนี้ว่าอะไร

“...”

“สถานะเรา เป็นอะไรกับครับไซน์” น้องไจ๋หลับตา สูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อระงับสติที่กำลังเดือดพลุ่งพล่าน ก่อนจะถามคนที่ทำหน้าเครียดอยู่ตรงหน้าออกมาอย่างใจเย็น

“พี่น้อง” และไอ้ไซน์ก็ยังคำตอบเดิม...

“...”

“...”

“ไม่เป็นเว้ย พี่น้องเหี้ยอะไรเค้าจูบกันวะพี่”

“!!!”



.....จย้า
เรามีสอบจนถึงสิ้นเดือนเลยอ่ะ ไม่รู้จะว่างตอนไหนมั่ง  :katai1:

ฝากติดตามน้องไจ๋ แล้วก็พวกสามแฝดด้วยนะ


ออฟไลน์ 205arr

  • เราคงอยู่ไกลกันเป็นพันหมื่นลี้
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
เอ๊ะ เจ้าใจ๋
ไม่อยากเป็นพี่น้องก็ขอเค้าเป็นเเฟนซี่ :hao7:
ขอบคุณคนเขียนนะคะ

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ไม่เป็นแค่รุ่นน้อง งั้น ไจ๋ ก็ขอเป็น แฟนกับซายน์ ซะเลยสิ  :mew1:
รอ :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ SPNamfone

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
15
ชอบมากมั้ย? ถามใจดู



“!!!”

ไอ้ไซน์เบิกตากว้าง นิ่งค้างงันกับคำตอบที่ได้รับ ตาตี่กระพริบปริบๆมองคนตรงหน้าอย่างไม่ละสายตา สมองตื้อไปหมด คิดอะไรไม่ออก

“บอกผมสิว่ามันเป็นเรื่องปกติที่พี่น้องเค้าทำกัน” น้องไจ๋พูดเสียงแผ่วอย่างตัดพ้อ แววตาอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด

“...”

“...”

“แล้วมึงตอบได้มั้ยว่าเราเป็นอะไรกัน”

“...” คราวนี้เป็นฝ่ายน้องไจ๋เองบ้างที่นิ่งเงียบ ตาคมจ้องคนตรงหน้า คิ้วหนาขมวดกันแน่น

“มันไม่ชัดเจนตั้งแต่แรกอยู่แล้วไจ๋ มึงบอกจีบกู กูโอเค แต่พอมาวันนี้มึงถามว่าเราเป็นอะไรกัน กูก็ต้องตอบว่าพี่น้อง มันก็ไม่ได้ผิดนี่ กูไม่เคยบอกว่าชอบมึง มึงก็ยังไม่ได้ขอกูเป็นแฟน ทุกอย่างที่มึงทำ มันอยู่ในกรอบของคำว่าพี่น้องทั้งนั้น ใช่ กูไม่เคยจูบไอ้คอส แต่กูกับมึงก็อยู่ในกรอบของคำว่าพี่น้องอยู่ดี”

“งั้นปัญหาของเรามันอยู่ที่ผมยังไม่ได้ขอพี่เป็นแฟน ?”

“มึงแน่ใจหรอว่าถ้ามึงขอแล้วกูจะตอบตกลง” 

“เราสองคนไม่ได้ชอบกันอยู่หรอกหรอวะ” น้องไจ๋ถามอย่างหัวเสีย มันเองก็จะบ้าตายอยู่แล้ว ตั้งแต่ที่พี่ไซน์ย้ำคำว่าพี่น้องๆ น้องไจ๋นี่ก็หงุดหงิดจนแทบอยากจับคนตัวเล็กมาจูบปิดปากให้หยุดพูดคำนั้นออกมาเสียที

“ชอบ...แต่กูไม่ได้ชอบมึงมากขนาดนั้น”

“...”

“...”

ถ้าอยากให้รู้ก็บอก ถ้าอยากได้คำตอบก็ให้ถาม กฎที่มันเองสร้างมาแท้ๆ ยังดันไม่ทำตามกฎซะได้

...คนที่คิดไปเอง มันก็สมควรที่จะได้คำตอบแบบนี้แหละ

“โอเค เข้าใจแล้ว”

.

.

.



ไม่ได้ชอบมากเหี้ยอะไรหละ

...ฮืออออ ไอ้ไซน์อยากจะร้องไห้ หลังจากวันนั้นที่ไอ้ไซน์บอกว่าไม่ได้ชอบน้องมันมากขนาดนั้น น้องไจ๋แม่งก็เดินคอตกออกไปจากคอนโด แล้วก็ไม่มาหาไอ้ไซน์อีกเลย ไม่โทร ไม่คุย ไม่มาเรียนพิเศษ ไม่ๆๆๆ จนฝ่ายที่จะใจขาดตายเองกลายเป็นไอ้ไซน์ที่ลากพวกพี่แฝดมากินเหล้าในคืนวันเสาร์แบบนี้

“มึงหมกอยู่แต่ในห้องมาเกือบเดือน เพื่อรอระเบิดวันนี้ใช่มั้ย”

“อือ”

ไอ้แทนส่ายหน้าอย่างระอา สามอาทิตย์มานี้ไอ้ไซน์ก็เอาแต่หมกอยู่ในห้อง อ่านหนังสือเป็นวรรคเป็นเวร วันๆนี่พูดกันอยู่ไม่กี่คำ ไม่อืม ก็อือ กินข้าวก็น้อยจนต้องดุ ต้องบังคับให้กินอยู่หลายครั้ง จนตอนนี้ตัวผอมลงอย่างเห็นได้ชัด

“มีอะไรก็พูดมา ระบายมาให้พวกกูฟัง ยิ่งมึงเป็นแบบนี้ พวกกูยิ่งเป็นห่วงรู้มั้ย”  ไอ้คอสบอก เอื้อมมือไปลูบกลุ่มผมทรงเห็ดที่ยาวขึ้นแล้วเบาๆ ทำไมมันจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรกับน้องแฝดมัน ทั้งคณะเค้าลือกันทั่วว่าน้องไจ๋อกหัก อาการแม่งก็ไม่ได้ต่างกันกับไอ้หมานักหรอก แต่รายนั้นหนักกว่าเพราะเป็นฝ่ายโดนบอกเลิก ไอ้คอสฟังจากเค้าเล่ามาอีกที มันก็เลยยังไม่กล้าพูดมาก รอให้ไอ้ไซน์มันพูดให้ฟังเองดีกว่า

“...”

“...”

“กูว่า กูชอบน้องมันแล้วหวะ”  ทันทีที่ไอ้ไซน์พูดจบ พวกแฝดพี่ก็ถอนหายใจพรูออกมา ไอ้แทนถึงกับเอามือขึ้นมานวดขมับ ยกแก้วน้ำสีอำพันกระดกเข้าปากรวดเดียวหมด

“อือ ก็ดี พูดตรงๆแบบนี้ก็ดี แล้วสาเหตุที่ทำให้มึงเป็นหมาหงอยอยู่แบบนี้ก็เพราะไอ้ไจ๋ใช่มั้ย”

“อือ” พยักหน้าหงึกหงัก แล้วก็ซบหน้าลงกับไหล่ไอ้แฝดคนโต น้ำตาหยดแหมะลงเสื้อ พร้อมกับเสียงสูดน้ำมูกดังฟืดๆ ไอ้แฝดคนโตดึงคนเป็นน้องออกจากไหล่แล้วมองหน้า ก็ยิ่งหัวเสียเข้าไปใหญ่เมื่อเห็นน้ำตาเม็ดโต หล่นออกจากดวงตาใสอย่างไม่ขาดสาย

...เกินไปแล้ว ไม่เคยมีใครทำไอ้ไซน์ร้องไห้เป็นเด็กๆแบบนี้เลยสักคน แต่มาร้องไห้ให้ไอ้ไจ๋นี่ มันเกินไปแล้ว

“เฮ้ย เบาๆเว้ย” ไอ้คอสปราม ดันแก้วแอลกอฮอล์ออกจากมือเล็กที่ยกดื่มอึ้กๆอย่างกะเป็นน้ำเปล่า ไอ้ไซน์ตวัดหางหาใส่อย่างเคืองๆ

...แหนะ ไอ้ลูกหมานี่ กูเป็นพี่มึงนะเว้ย ถ้าไม่ติดว่าเฮิร์ทนี่จะโบกให้หัวหลุดเลย

“พวกมึงคงดีใจที่กูเป็นแบบนี้อะดิ พวกมึงไม่ชอบน้องมันอยู่แล้วนี่” น้ำเสียงตัดพ้อกับตาช้ำๆถูกส่งมาให้พวกพี่แฝด พวกพี่แฝดก็ต่างถอนหายใจ

เออ ไม่ชอบน้องไจ๋ก็จริง แต่ใครมันจะไปยิ้มหน้าระรื่นวะที่เห็นไอ้หมามันเป็นแบบนี้ คิดแล้วก็อยากตบกะโหลกให้หายหมั่นไส้สักที อธิบายให้คนเมาฟังก็คงไม่มีประโยชน์ รอมันส่างก่อนละกันค่อยจับมาเขย่าๆๆ ให้สติมันกลับมาแล้วค่อยด่ามัน สะใจกว่า

“เอ้าๆ จะไปไหนอีก”

“ไปเยี่ยว ไปเฝ้ามั้ยหละ”

ไอ้ไซน์บอกแล้วก็เดินเซๆ ไปห้องน้ำ เออ เอากับมันสิ อย่าที่เค้าบอกจริงๆหละว่า เวลาเมามันอยากจะพูดอะไร มันก็พูด ไม่ได้เห็นหัวใครพี่ใครน้อง ถึงจะเป็นแฝดกันก็เถอะ

“ปะกลับเหอะ มึงไม่ไหวละ” แฝดคนโตบอกทันทีที่ไอ้ไซน์เดินมึนๆกลับมาที่โต๊ะ ไอ้ไซน์ส่ายหน้า นั่งจมปุ๊กลง ยกแก้วของตัวเองขึ้นมากระดกรวดเดียวต่อ

“ไอ้ไซน์ ลุก!” แฝดคนโตสั่งเสียงดัง ไอ้ไซน์ได้แต่มองหน้าอย่างน้อยใจ กระแทกแก้วลงกับโต๊ะ ก่อนจะลุกยืนขึ้น พาร่างเซๆเดินออกมาลานจอดรถ ตามมาด้วยไอ้คอสและไอ้แทน

สามแฝดขึ้นรถโดยมีไอ้แฝดคนโตเป็นสารถีเจ้าประจำ รถเคลื่อนตัวออกมาได้สักพัก ได้ไซน์ก็ทำท่าพะอืดพะอม

“จะอ้วกอะ”

“เหี้ยๆ กลืนลงไปก่อน กูจะจอดรถเดี๋ยวนี้แหละ” ไอ้แทนผู้หวงรถยิ่งกว่าอะไรรีบบอก ตีไฟเลี้ยวเข้าข้างทาง ก่อนจะหยุดรถนิ่งให้ไอ้ตัวดีลงมาปลดปล่อยสิ่งปฏิกูลด้านนอกรถ

...ไม่ได้ดิ  รถนี่ต้องเอาไปรับสาวอีกตั้งหลายคน ถ้ากลิ่นติดรถขึ้นมานี่มันคงไม่น่าพิสมัยเท่าไหร่

ไอ้คอสลงมาลูบหลังแฝดคนน้องอย่างเป็นห่วง จนไอ้ไซน์อ้วกออกมาอย่างหมดไส้หมดพุงเจ้าตัวก็ยื่นน้ำให้ล้างปาก พยุงตัวให้ยืนขึ้น

“อย่ามายุ่ง! ฮึก จะอยู่คนเดียว” ไอ้ไซน์สะบัดตัวออก นั่งลงข้างๆกองอ้วกตัวเองก่อนจะเริ่มโวยวาย ร้องไห้สะอื้นฮึกๆออกมา

...เป็นไรอีกหละเนี่ย  โอ้ยยยย กูละอนาท ละเหี่ยใจกับมึงแท้

 “อยู่คนเดียวได้ไง นี่มันข้างทาง กลับบ้านเราเร็ว” ไอ้คอสบอกอย่างใจเย็น

“ไอ้ไซน์ลุกขึ้น อย่าเป็นเด็ก ไม่งั้นกูปล่อยมึงไว้ข้างทางแน่ๆ”

“ปล่อยกูไว้นี่แหละ ฮึก กูจะอยู่คนเดียว ปล่อยกู ฮึก ปล่อยกูอยู่คนเดียวเลย ฮืออออ ฮึก ฮือออ” เอาแล้ววววว ไอ้ไซน์ต่อมน้ำตาแตก ร้องไห้ออกมาเป็นเด็กๆ พูดตัดพ้อทันทีที่ไอ้แฝดคนโตขู่ ไอ้คอสได้แต่ส่งสายตาอาฆาตไปให้ปากหมาๆของไอ้แทน

...ไอ้สัสแทนนี่ ยืนอยู่เงียบๆก็ไม่ได้มีใครว่าหรอก มึงพูดทำไม ลำบากกูเนี่ย ลำบากกูวววววว

“อยู่คนเดียวไม่ได้ มันค่ำแล้วเนี่ย วันนี้กลับบ้านก่อน”

“ม่ายยยยยย ฮึก ไม่กลับบ้าน ฮือออ”

“ไม่กลับบ้านงั้นจะไปไหนครับ หื้ม?”

“ไปหาไจ๋ อยากไปหาไจ๋ ฮือออออ ไจ๋”

“ไม่ให้ไปเว้ย!”

“ฮืออออออออออออออออ”

“ไอ้สัสแทน เงียบปากไปมึง”  ไอ้คอสหันไปว่าแฝดคนโตอีกรอบ ไอ้แฝดที่โดนว่าได้แต่ส่งเสียงฮึดฮัด ไม่พอใจ

...ไปไหนก็ได้กูพาไปได้หมด ขอแค่ไม่ไปหาได้เด็กนั่น แทนหงิดดดดดดด

“ไปหาไจ๋อะ อยากหาไจ๋ ฮึก ฮือออ คอส พาไปหน่อยนะ ฮืออออ อึก ฮือออ” ส่งเสียงอ้อนคนเป็นพี่ปานจะขาดใจ ร้องไห้หนักแค่ไหนจนเจ้าตัวสะอึกออกมา ไอ้คอสเห็นแฝดน้องทรมานก็อดสงสารใจอ่อนไม่ได้ ตั้งแต่โตมาด้วยกันยังไม่เคยเห็นมันร้องไห้ขนาดนี้ ดูดิ ตาขีดๆช้ำบวมไปหมดแล้ว สภาพตอนนี้ยิ่ง แม่ง ดูไม่ได้เข้าไปใหญ่  ไอ้คอสส่งสายตาไปหาไอ้แฝดคนโตราวกับขอความเห็น

.

.

.


ติ้งต่อง ติ้งต่อง

แล้วตอนนี้ก็ได้มายืนกดออดอยู่หน้าบ้านน้องไจ๋เนี่ยแหละ ไอ้ตัวดีที่บ่นอยากมาๆ สะอื้นฮึกๆหลบอยู่ด้านหลัง
ไฟตามทางเดินค่อยๆเปิดทีละดวงพร้อมกับน้องไจ๋ที่เดินออกมา ถ้าสมมติน้องไจ๋ถือมีดมาด้วยคาดว่าเรื่องนี้คงเป็นนิยายฆาตกรรมแหงๆ แต่ไม่ใช่ไง น้องไจ๋เดินมาเปิดรั้วบ้าน ด้วยท่าทางเฉยๆ ไม่ได้มีท่าทีตกใจ อะไรทั้งนั้น  ออกแนวเมินคนตัวเล็กที่หลบอยู่ด้านหลังด้วยซ้ำ

“มาทำไรพี่”

“...” ไอ้คอสสะกิดแขนคนที่หลบอยู่ด้านหลังให้ออกมา แต่ไอ้คนด้านหลังก็กำเสื้อแฝดคนพี่ไว้แน่น

“ไม่มีอะไรผมเข้าบ้านละนะ พรุ่งนี้ผมต้องไปช่วยทำคัทเอาท์ที่คณะแต่เช้า”

“...”

“งั้นผมขอตัวนะพะ...”

“จะ ไจ๋...” เสียงสั่นๆร้องเรียก ไอ้คนที่หลบอยู่หลังแฝดพี่ค่อยๆเขยิบออกมาเผชิญหน้ากับน้องไจ๋

“อีกครึ่งชั่วโมงกูจะมารับ”

“ห๊ะ? คุยอะไรกันนานขนาดนั้น ห้านาทีพอ!” ไอ้แฝดคนโตที่ยืนฟังอย่างสงบปากสงบคำอยู่เงียบๆส่งเสียงประท้วงขึ้นมา ไอ้คอสแทบจะกระโดดไปปิดปากไม่ทัน ลากไอ้แฝดคนโตยัดเข้าไปในรถ ก่อนตัวเองจะรีบวิ่งไปฝั่งคนขับ เป็นสารถีขับรถออกไปจากหน้าบ้านน้องไจ๋แทน

เมื่อได้อยู่กันสองคน ความเงียบเริ่มก็ก่อตัว ไอ้ไซน์อ้ำๆอึ้งๆ ไม่ยอมพูดสักที น้ำตาที่แห้งเหือดไปแล้วก็พาลจะรื้นขึ้นมาอีก

“เข้าบ้านมั้ย?”

“อือ” บอกคนเป็นน้องแล้วก็เดินตามต้อยๆเข้าบ้าน นั่งก้มหน้าลงกับโซฟาตัวใหญ่

“กินเหล้ามาหรอ”

“อือ” พยักหน้าบอกช้าๆ น้องไจ๋ก็เดินหายเข้าไปในครัว ก่อนจะเดินออกมาพร้อมกับชาร้อนๆที่ยังมีไอฟุ้งขึ้นมาจากแก้ว วางไว้ตรงหน้า

“...”

“ทำไม...ทำไมไม่ไปเรียนพิเศษ”

“...ผมต้องทำงานช่วยที่คณะ ยุ่งมากๆก็เลยไม่ได้ไป”

“...”

“...”

“แล้วทำไมไม่โทรมา”

“พี่น้องกันเค้าไม่คุยโทรศัพท์กันบ่อยๆทุกวันหรอกหน่าพี่” น้องไจ๋พูดติดตลก แต่คนฟังกลับไม่ตลกด้วย ความรู้สึกผิดตีตื้นขึ้นมาถึงกระบอกตาจนน้ำตาเม็ดโตหล่นลงมาอาบแก้ม เจ้าตัวรีบใช้หลังมือเช็ดอย่างลวกๆ กลัวว่าคนตรงหน้าจะเห็น แต่ก็ไม่ทันสายตาน้องไจ๋หรอก

“ไม่ชอบ ฮึก ไม่ชอบแล้วใช่มั้ย” ก้มหน้าถามเสียงสั่น พร้อมกลั้นสะอื้น ใจจริงอยากจะยกมือขึ้นมาปิดหู ไม่อยากฟังคำตอบ ทั้งๆที่เป็นฝ่ายถามแท้ๆ แต่ก็ต้องใจแข็ง นั่งรอฟัง รอคำตอบที่จะตอบกลับมา นี่ต้องใช้ความพยายามมากขนาดไหนนะ

“...”

“...”



“อื้อ กำลังเลิกชอบอยู่”

“...ฮึก”


“...แต่แม่งแย่หวะพี่”

“...”

“ยิ่งพยายามเลิก ยิ่งชอบ ยิ่งพยายามไม่นึกถึง ยิ่งคิดถึง ยิ่งพยายามไม่ไปเจอหน้า ก็ยิ่งอยากเจอ ขอโทษนะ แต่เดี๋ยวผมจะพยายามมากกว่านี้”

“ไม่... ฮึก ฮืออออ ไม่เอา” ส่ายหัว น้ำตานองหน้า ยิ่งได้ฟังคำตอบของน้องไจ๋ยิ่งร้องไห้เข้าไปใหญ่

...ความรู้สึกตอนคนที่ชอบบอกว่าจะเลิกชอบนี่มันเป็นอะไรที่สะเทือนใจมาก มันปวดหนึบ มันจุก มันทรมานไปหมด
แต่ก็ใช่ว่าไอ้ไซน์จะเป็นฝ่ายทรมานอยู่ฝ่ายเดียว

“แบบนี้แหละ ดีแล้ว”


...ไม่ร้องไห้ ไม่ใช่ว่าไม่รู้สึก

อยากจะเข้าไปกอด เข้าปลอบ ไปเช็ดน้ำตาให้แทบตาย แต่ก็ต้องทนไว้ อย่าถลำลึกเกินไปกว่านี้

“จะดีได้ไง ในเมื่อตอนนี้...ฮึก”

“...”


“ตอนนี้...กูชอบมึงมากๆ ไปแล้ว ฮือออออ” 

“...พี่ไซน์”

“ไจ๋ ... ฮึก มึงอย่าเพิ่ง ...เลิกชอบกูเลยนะ”

“...”

“กูใจจะขาดตายอยู่แล้ว”  สิ้นเสียงต่อมน้ำตาก็แตกออกมาอีกยกใหญ่ ตาที่บวมอยู่แล้ว ก็ยิ่งแดงช้ำเข้าไปใหญ่ มือเล็กๆก็พยายามเช็ดน้ำมูกน้ำตาตัวเอง จนมันเลอะหน้าเลอะตา ปนกันไปหมด

น้องไจ๋เดินมานั่งลงคุกเข่าลงตรงหน้าไอ้ไซน์พร้อมกับดึงคนตัวเล็กเข้าไปกอดไว้ กอดปลอบอยู่นานแสนนาน จนไอ้ไซน์หยุดร้องไห้ มีเพียงเสียงสะอึกสะอื้นเป็นระยะ

ถึงแม้จะไม่ได้พูดอะไร

แต่ก็รับรู้ได้

ว่าอ้อมกอดนี้มันช่างแสนอบอุ่น

“พี่เป็นแบบนี้”

“...”

“แล้วผมจะเลิกชอบได้ไงวะ”

“ไจ๋...”

“...”

“เป็นแฟ....”

“อย่าพึ่งพูดนะพี่ไซน์ !”

“...?”

“ให้สถานะของเราเป็นพี่น้องแบบนี้ก่อน ดีแล้ว”

“...”

“ให้ผมพิสูจน์ตัวเอง ให้พวกพี่แฝดเห็น ว่าผมพร้อมจะดูและพี่ ว่าผมจะไม่ทำให้พี่เสียใจ”

“...”

“ให้พี่แฝดเห็นว่า ผมเหมาะที่คบกับพี่ไซน์  ว่าผมไม่ใช่ไอ้ไจ๋คนเดิม”

“...”

“ให้ระหว่างเรา...มันเป็นคำว่ารัก ไม่ใช่แค่คำว่าชอบ”

“...”

“วันนั้น ผมจะเป็นคนถามพี่ไซน์เองนะครับ”

“...”


“ถ้าถึงวันนั้นแล้ว พี่ก็ต้องตอบผม อย่างไม่ลังเลด้วยนะ”

“...”


“รอก่อนนะพี่ไซน์”

“อื้อ กูจะรอ”





รอเราด้วยนะ เราก็กำลังสอบอยู่ สอบเสร็จสิ้นเดือน 5555
ฝากติดตามพวกสามแฝดแล้วก็เป็นกำลังใจให้เจ้าไจ๋ฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆนานาด้วยนะคะ
เลิ้บบบบบ :mew1:

พรุ่งนี้วันจันทร์ ใครเปิดเทอมแล้วก็รีบนอนนะตัวเอง

ออฟไลน์ 205arr

  • เราคงอยู่ไกลกันเป็นพันหมื่นลี้
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
รอดูคนพิสูจน์ตัวเอง อิอิ
 :katai3:

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด