【ช่างใจรัก】♦โหลดEbookและรอบปกติ♦12/11/59
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 【ช่างใจรัก】♦โหลดEbookและรอบปกติ♦12/11/59  (อ่าน 239133 ครั้ง)

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
ไร้สติด้านการควบคุม .. อิอิ

ออฟไลน์ lalaly

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
พี่เหนือให้แม่มาสู่ขอเลย :hao7:

ออฟไลน์ Sky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 933
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
ตามมาอ่านจากกระทู้แนะนำค่ะ ไม่ผิดหวังเลยยย อ่านรวดเดียวเลยวันนี้
พี่เหนืออ้อยมาก น้องธารก็น่าแซ่บจริงๆ เด็ดดวง
ตอนนี้สงสารน้องธารมากเลยยยย ฮืออออ ไม่เป็นไรนะน้องธารของพี่ //โดนพี่เหนือกระโดดถีบ

ออฟไลน์ KizzllKizz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1
น้องธารน่ารัก  :กอด1:
ปูเสื่อรอเลยค่ะ 55555555

ออฟไลน์ memozy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
เป็นกำลังใจให้นะ
รออ่าน ว่าพี่เหนือจะหนีไปกับน้องธารไหม
 :mew6:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
โอ๊ยยยยยยย ขำพี่เหนืออ่ะ ทุกสถานการณ์นี่พี่เหนือพาขำได้หมดอ่ะ
พี่เหนือระวังคุกค่ะคุก คุกนะคะ นั่นน่ะเยาวชนของแท้เลยนะคะ

ออฟไลน์ nsai.ss

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-2
น้องธ๊ารรรรรรรร

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
ชั่งใจ ครั้งที่ 21: หนีไปกับธารนะ...[1]

การที่ผมไปปลอบธารทั้งวันในวันนั้น ธารจึงยอมกินข้าวกินปลา แม้ว่าผมจะต้องใช้เวลาอ้อนและคอยป้อนอยู่ในตอนแรก แต่ก็ยอมกินมากกว่าปกติ ซ้ำยังยอมออกจากห้องมาเดินสูดอากาศที่สนามหญ้าหน้าบ้าน ป้ารินจึงขอร้องให้คุณธีอนุญาตให้ผมมาหาธารทุกวันด้วยเป็นห่วงว่าถ้าไม่มีใครอยู่ข้างธารในตอนนี้ ธารจะทำร้ายตัวเองเป็นการประท้วงอย่างที่เคยทำอีก ซึ่งมันจะทำให้สุขภาพแย่ คุณธีดูไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก ทว่าก็ต้องยอมด้วยพี่สมรช่วยพูดอีกแรง เขาจึงยอมอนุญาตอย่างไม่มีเงื่อนไข ผมว่าจริงๆ แล้วเขาก็เป็นห่วงลูกชายเหมือนกันนะ ถึงการแสดงออกทางสีหน้าและท่าทางจะแทบหาไม่เจอเลยก็ตามทีเถอะ

และเพราะได้รับอนุญาตอย่างนั้น ผมเลยต้องไป-กลับบ้านธารทุกวัน หลักๆ คือไปป้อนข้าว กับให้มันอ้อนให้ผมพามันหนีออกจากบ้าน แน่นอนว่าผมอยากทำแต่ทำไม่ได้ ทำได้เพียงแค่หลอกถามคุณธีว่าเมื่อไหร่จะปล่อยให้ธารกลับไปเรียนตามปกติ ด้วยเขากักขังธารอยู่ในบ้านมาร่วมอาทิตย์แล้ว คุณธีตอบเพียงประโยคเดียวว่า ‘จนกว่าคดีของมันจะเคลียร์ แล้วจะให้กลับไปเรียนตามปกติ แต่ต้องอยู่ในสายตาของผมตลอด ไม่งั้นมันจะไปก่อเรื่องอีก’

ฟังแล้วก็พูดอะไรไม่ได้ ก็นั่นพ่อแท้ๆ นี่นา แม้จะเป็นวิธีที่ไม่ถูกเท่าไหร่นัก แต่ผมก็เห็นด้วยเพราะถ้าให้ธารออกไปอยู่กับผมเหมือนเดิม ผมก็ไม่มีปัญหาจะไปห้ามมันอีก ก็มันฟังใครซะที่ไหนล่ะ ขนาดพ่อมันยังไม่ฟังเลย ผมจึงได้แต่ไปตะล่อมเด็กนั่นให้หยุดคลั่งเรื่องโดนขัง พร้อมกับคอยหลอกถามเรื่องแม่มันแทนเพราะตอนนี้ผมอยากรู้เหลือเกินว่าตกลงมันมีปัญหาอะไรกันแน่ ก็อย่างที่รู้กันว่ามันไม่ยอมพูด ผมเลยตัดสินใจว่าจะไปถามคนอื่นแทนด้วยทนความอยากรู้อยากเห็นไม่ไหวแล้ว

หลังจากกลับจากบ้านธารในวันนี้ ผมก็ตรงดิ่งไปยังร้านของพี่จอมดื้อทันที กะจะไปถามพี่จอมดื้อให้รู้ดำรู้แดงไป ที่ไม่เลือกไปถามพวกเด็กช่าง เป็นเพราะรู้ว่าไปถามไปก็เท่านั้น ยังไงพวกมันก็ไม่ยอมบอก เคยถามไปแล้วนี่นา บอกกันซะที่ไหน เลี่ยงกันไปเรื่อย

ผมจอดรถเทียบหน้าร้านพี่จอมดื้อ ลงจากรถได้ก็ตรงดิ่งเข้ามาในร้านที่เพิ่งจะเปิดเมื่อครู่ พี่จอมดื้อที่ยืนสั่งงานพนักงานอยู่หันมาเห็นผมก็ทำสีหน้าแปลกใจ
คือผมไม่ได้โทรบอกเขาก่อนน่ะว่าจะมา นึกจะมาก็มาเลย
“เอ้าเหนือ มาไงเนี่ย คิดถึงพี่เหรอถึงได้โผล่มา” รอยยิ้มทะเล้นบนใบหน้าคมปรากฏขึ้น พร้อมกับน้ำเสียงระรื่น
ผมยิ้มรับอย่างขอไปที ไม่สนใจสิ่งที่เขาพูดเท่าไหร่ นอกจากเดินเข้าไปใกล้ แล้วบอกจุดประสงค์ของตัวเองเท่านั้น
“เหนือมีเรื่องอยากถามพี่ดื้อครับ”
 “เรื่องอะไร อย่าบอกนะว่าเรื่องไอ้ธาร?” รอยยิ้มบนใบหน้าเลือนหายไปทันควัน
ผมพยักหน้า พี่จอมดื้อพ่นลมหายใจยาว รอยยิ้มมุมปากเผยขึ้นเล็กน้อย
“ว่าแล้วว่าสักวันเหนือต้องมาถามพี่ ไอ้เด็กพวกนั้นไม่ยอมบอกล่ะสินะเรื่องแม่ไอ้ธารน่ะ”
ไม่ต้องบอกว่าจะถามเรื่องอะไร พี่จอมดื้อก็รู้ทันแล้ว
ผมพยักหน้าอีกครั้ง ให้พี่จอมดื้อได้พูดต่อ
“เรื่องเซ้นต์ซิทีฟก็งี้แหละ พวกมันเลยไม่กล้าพูด กลัวว่าไอ้ธารมันจะได้แผลใจมากกว่าเดิม ไอ้เด็กนั่นมันมีปมเยอะ เดี๋ยวเหนือไปนั่งรอก่อนแล้วกัน เดี๋ยวพี่สั่งงานเด็กเสร็จแล้วจะตามไปเล่าให้ฟัง”

ผมรับคำ เดินไปหาที่นั่งรอ จอมแก่นที่มาช่วยงานพี่ชายและกำลังวุ่นวายกับการจัดเคาน์เตอร์เครื่องดื่มชำเลืองมาเห็นผมก่อนจะยกมือไหว้ ผมยิ้มรับแล้วก็ไม่ได้สนใจอะไร นั่งกดโทรศัพท์เล่นไปพลางๆ หากแต่รอได้ครู่เดียว เสียงแปร๋นๆ คุ้นหูของใครบางคนที่ร้องสวัสดีพี่จอมดื้อก็ดังมาให้ได้ยิน หันไปมองก็เห็นว่าเป็นน้องมายด์ที่มาพร้อมกับโรม ก่อนที่เด็กสองคนนั่นจะปรี่เข้ามาหาผม ถามไถ่เรื่องธารเป็นพัลวัน
“ดีแล้วค่ะที่มันไม่เป็นอะไรมาก ดีนะที่มีเจ้เหนือ ไม่งั้นไม่อยากจะคิดว่ามันจะคลั่งแค่ไหน” น้องมายด์ว่าหลังจากได้ยินผมเล่าว่าธารเป็นยังไงบ้าง
โรมก็มีสีหน้าดีขึ้น แต่ก็ยังดูสลดอยู่ ท่าทางจะยังโดนคนอื่นรุมด่าไม่เลิกที่เป็นตัวต้นปัญหา จนผมอดไม่ได้ที่จะออกปากถาม
“แล้วนี่ยังโดนป้ารินดุอยู่อีกเหรอ”
โรมเหลือบมองผมเล็กน้อย พลันส่ายหน้า
“เอ้า แล้วซึมเป็นหมาหงอยทำไมล่ะ”
“จะอะไรล่ะคะ ก็ไอ้จอมมันงอนไม่เลิกเนี่ยถึงได้จ๋อยขนาดนี้ งอนมาเป็นอาทิตย์ละ ไม่ยอมพูดด้วยสักที วันนี้หนูก็เลยพามันมาง้อเนี่ย” น้องมายด์ชิงตอบแทน
ผมร้องอ๋อ แล้วก็ไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่นัก พยักหน้าเป็นสัญญาณให้โรมเข้าไปง้อหลังจากเห็นจอมแก่นยืนเช็ดแก้วอยู่ตามลำพัง

โรมลุกขึ้น สูดหายใจเข้าเต็มปอด ก่อนออกเดินเข้าไปหา ปากก็ร้องเรียกคนตัวเล็กกว่าให้หันมา
“ไอ้จอม”
จอมแก่นหันมามองยังต้นเสียง พอเห็นว่าเป็นโรมก็หันไปทำงานต่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ไอ้จอม กูเรียกเนี่ย ได้ยินมั้ย”
อีกฝ่ายไม่ตอบ วางแก้วในมือลง พลันเดินหนีไปทำงานยังส่วนอื่น แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่อยากคุยกับโรมเท่าไหร่นัก โรมเองก็เช่นกัน เห็นอย่างนั้นก็ปั้นหน้าเครียด ส่งเสียงกระฟัดกระเฟียดอย่างหงุดหงิดใจออกมา
“จะโกรธกูอีกนานแค่ไหนเนี่ยฮะไอ้จอม”
“...”
“ไอ้จอม กูขอโทษ เลิกโกรธเถอะ”
“...”
“เฮ้ย กูบอกว่าขอโทษเนี่ย มึงจะเงียบทำไมนักหนาวะ เดี๋ยวกูก็ไม่คุยกับมึงเหมือนที่มึงไม่คุยกับกูด้วยแม่ง!”
ปากก็บอกว่าจะไม่คุยด้วย หากแต่กลับเดินตามจอมแก่นที่เดินหนีอีกครั้งต้อยๆ แล้วก็ต้องฮึดฮัดอีกระลอกเมื่อถูกเมินราวกับอากาศธาตุ ก่อนจะเดินไปดักหน้า
“ไอ้จอม เลิกโกรธได้แล้ว กูก็ขอโทษแล้วนี่ไง ขอโทษหลายรอบแล้วด้วยเนี่ย เมื่อวานก็ขอโทษ เมื่อวานก่อนก็ขอโทษ จะโกรธอีกนานแค่ไหนวะ”
“คนที่นายควรขอโทษคือธาร ไม่ใช่เรา” ในที่สุด จอมแก่นก็ยอมปริปากออกมาจนได้ ทว่าไม่แม้แต่จะมองหน้าคนตัวโตกว่า
“ก็กูยังไม่เจอมัน ไว้เจอแล้วค่อยขอโทษมันทีหลัง ตอนนี้มึงหายโกรธกูก่อน กูอึดอัด” โรมว่าไปตามตรง

จอมแก่นทำเพียงเหลือบมองเล็กน้อย แล้วก็ตั้งท่าจะเดินหนี ทว่าโรมไม่ยอม เอื้อมมือไปคว้าแขนเรียวนั่นไว้
“ไอ้จอม”
“...”
“เลิกโกรธเถอะ กูขอ”
“ถ้าไม่ให้ล่ะ” จอมแก่นยอกย้อน สบสายตาอย่างเอาเรื่อง จนโรมต้องเบือนหนีไปครู่หนึ่ง
และเพราะโรมไม่พูดอะไร จอมแก่นเลยดึงแขนตัวเองออกจากการเกาะกุม ตรงเข้ามาหาผมกับพี่จอมดื้อที่ยืนมองอยู่ หากแต่โรมก็คว้าเอาไว้อีกครั้ง
“จอมแก่น” เป็นครั้งแรกเลยที่ผมได้ยินโรมเรียกชื่อเพื่อนเต็มๆ แบบนี้ แต่อะไรก็ไม่น่าตกใจเท่ากับการที่มันยื่นนิ้วก้อยมาตรงหน้าจอมแก่น พลางว่าเสียงอ่อนโยน ไม่แทนตัวเองด้วยคำหยาบอีกต่างหาก “อย่าโกรธเลย ดีกันนะ เราขอโทษ”

ไอ้ความผัวง้อเมียนี่คืออะไร!

ซัมธิงรองแน่ๆ สองคนนี้มันมีซัมธิงรองกันแน่ๆ แสงเหนือสัมผัสได้!

ผมถึงกับหรี่ตาจับผิด ขณะที่หูก็ได้ยินเสียงของคนข้างๆ ลอยมาตามลม
“บะลังว่าผัวข้าเจ้าจะได้กึ๋ยกั๋นเหี้ยก๋า (มีความรู้สึกเหมือนผัวกำลังจะได้กันเอง)”
น้องมายด์นั่นเอง รายนี้ก็หรี่ตาลง จ้องจับผิดไม่แพ้ผม ปากก็บ่นเป็นภาษาเหนือออกมาไม่หยุดหย่อนราวกับลืมตัว เรียกเสียงหัวเราะให้กับผมเป็นอย่างดี

ตำตาตำใจขนาดนี้แล้ว คงได้กันเองแล้วล่ะ มึงไปหากินเอาข้างหน้านะน้องมายด์ ฮ่าๆ

หัวเราะน้องมายด์ได้ไม่เท่าไหร่ พี่จอมดื้อที่จัดการงานเสร็จก็เดินเข้ามาหา กวักมือเรียกผมให้ไปคุยมุมอื่น ทำเอาน้องมายด์เบ้ปากเป็นเลขแปดทันใด
“ค่า นี่ก็อีกคน กวาดไปให้หมดเลยค่ะผู้เนี่ย เดี๋ยวหนูไปสอยบ่ะก๊วยก๋า (ฝรั่ง) มากินก็ได้ เบื่อ!” กระแทกเสียงปิดท้ายอีกต่างหาก

อะไรของมึงอีน้องมายด์! กูแค่จะไปคุยเรื่องธารเว้ย อย่ามาทำเป็นประชดประชัน เดี๋ยวเสยหน้าแหก

ผมลอบกลอกตาใส่ ปล่อยให้มันบ่นไปคนเดียว ก่อนเดินไปหาพี่จอมดื้อ
พี่จอมดื้อพาผมไปนั่งหลบมุม ก่อนจะเป็นฝ่ายเปิดฉาก
“อยากจะฟังเรื่องอะไรก่อนล่ะ”
“พี่ดื้อว่าเหนือควรรู้เรื่องอะไรก่อนล่ะครับ”
ที่สวนคืนแบบนี้ ไม่ใช่เพราะผมกวนโมโห แต่ผมแค่รู้สึกว่าเรื่องของธารมันเยอะจนผมไม่รู้ว่าตัวเองควรจะรู้อะไรก่อน
พี่จอมดื้อยิ้มเล็กน้อย ก่อนเปิดปาก
“งั้นตั้งแต่ไอ้ธารยังเด็กเลยเป็นไง”
“ถ้าปัญหาของธารเริ่มตั้งแต่ตอนนั้นก็โอเคครับ”
คนตรงหน้าผมสูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ พลันเปิดปากเล่า
“พี่กับไอ้ธารรู้จักกันตั้งแต่มันอายุได้ห้าหกขวบ ตอนนั้นแม่พี่ไปทำงานเป็นแม่บ้านที่บ้านมัน พร้อมกับแม่ของไอ้โรมที่ไปเป็นแม่นมให้มัน ไอ้แก่นกับไอ้โรมเลยถูกลากไปเลี้ยงด้วยเพราะยังเล็กทั้งคู่ พวกมันเลยสนิทกัน เป็นเพื่อนกันมาแต่เด็ก”
“เรื่องนั้นเหนือรู้แล้วครับ”
“เหรอ? ก็เห็นบอกให้เล่าตั้งแต่ต้นปัญหา” พี่จอมดื้อกลั้วหัวเราะ พลันพูดต่อ “จริงๆ มันก็เป็นต้นเรื่องของปัญหานั่นแหละ เพราะที่คุณใจ แม่ของไอ้ธารจ้างแม่พี่กับแม่ไอ้โรมไปช่วยดูแลลูก ดูแลบ้าน สาเหตุมาจากคุณธีทำงานจนไม่มีเวลาดูแลครอบครัว ซ้ำยังลากคุณใจไปช่วยงานด้วย ตอนนั้นถ้าพี่จำไม่ผิด คุณธีกับคุณใจน่าจะเป็นตัวแทนส่งออกสินค้าไปต่างประเทศนะ”

“แล้วมันเป็นปัญหายังไงเหรอครับ หรือว่าเป็นเพราะคุณพ่อคุณแม่ของธารทำงานจนไม่มีเวลาให้ลูก ธารก็เลยเริ่มมีปัญหา?”
“ก็ไม่เชิง เรียกว่ามันเป็นเด็กที่ถูกเลี้ยงด้วยเงินดีกว่า แม่พี่กับแม่ไอ้โรมก็ไม่กล้าไอดุด่ามาก โอ๋อย่างกับไข่ในหิน พอเริ่มขึ้นชั้นประถม คุณใจเริ่มเห็นปัญหาว่ามันเริ่มเอาแต่ใจตัวเอง ขี้หงุดหงิด อารมณ์ร้าย ชอบแกล้งไอ้แก่นกับไอ้จอม อารมณ์แบบหัวโจก มีพฤติกรรมเรียกร้องความสนใจ คุณใจก็เลยตัดสินใจทิ้งงานที่ทำกับคุณธีมาเป็นแม่บ้าน ดูแลมันเต็มตัว ตอนนั้นแหละที่ไอ้ธารเริ่มติดแม่แจอย่างกับลูกลิง นิสัยดีขึ้น แต่ก็ยังเป็นเด็กน่าโดนถีบอยู่ดี คิดดูนะ ตอนมันเรียน ป.หนึ่ง ตัวมันเท่าลูกหมา แต่มาท้าพี่ที่เรียน ป.หกต่อยอะ เหตุผลคือพี่ไม่ยอมทำตามคำสั่งมัน กวนตีนแค่ไหน เหนือลองคิดดู”
“แล้วพี่ดื้อรับคำท้ามั้ยครับ”
“ไม่รับ แต่ตบกะโหลกมันแยกไปทีนึง พอมันไปฟ้องคุณใจเท่านั้นแหละ กลับมาบ้าน พี่โดนแม่ตียกใหญ่เลย โทษฐานแกล้งมันทั้งที่มันน่ะเป็นฝ่ายแกล้งพี่”

ผมหัวเราะร่วนกับวีรกรรมในวัยเด็กของธารที่หลุดจากปากพี่จอมดื้อ เห็นสีหน้าพี่จอมดื้อที่ดูหงุดหงิดแล้ว ผมก็พอจะจินตนาการออกว่าเด็กนั่นตอนเด็กๆ แสบสันแค่ไหน แต่ผมก็ทำหน้าระรื่นได้ครู่เดียวเมื่อพี่จอมดื้อเริ่มเล่าปัญหาของธารอย่างจริงจัง

“แต่หลังจากคุณใจออกมาดูแลไอ้ธาร ปัญหาของบ้านมันก็เริ่มชัดเจนขึ้น คุณธีต้องแบกรับภาระงานคนเดียวเลยกลายเป็นคนขี้โมโห จริงๆ คุณธีก็เป็นคนอารมณ์ร้อนอยู่แล้วล่ะ เป็นคนเผด็จการด้วย ทุกคนต้องทำตามคำสั่งเขา แต่ก็เป็นเพราะเขาสร้างทุกอย่างขึ้นมาด้วยน้ำพักน้ำแรงตัวเองเลยทำให้เป็นคนไม่ฟังใคร มีอีโก้สูง ประเภทยอมหัก ไม่ยอมงอ แถมพอมีเรื่องเครียด ก็ดันยิ่งไปกันใหญ่ หงุดหงิดอะไรมาก็มาลงกับคุณใจ ทั้งด่าทั้งว่าไปเรื่อยทั้งที่คุณใจไม่เกี่ยวอะไรเลย อารมณ์แบบพาล พักหลังที่ธุรกิจเริ่มระส่ำระสายก็ยิ่งเป็นหนัก เคยได้ยินแม่พี่เล่าให้ฟังเหมือนกันว่าถึงขั้นตบตีต่อหน้าไอ้ธาร ไอ้ธารมันเลยไม่ค่อยเข้าหาพ่อเลยหลังจากนั้น”
“พอจะบอกได้มั้ยครับว่าช่วงนั้นธารอายุเท่าไหร่”

พี่จอมดื้อนิ่งคิดไปครู่
“น่าจะเกือบๆ สิบขวบนะ พี่ก็จำไม่ค่อยได้”

เอาเถอะ อย่างน้อยตอนนี้ผมก็รู้แล้วล่ะว่าทำไมธารถึงได้มีท่าทีห่างเหินกับพ่อนัก แต่เอ... มันก็น่าจะยังไม่ใช่สาเหตุที่มันต่อต้านพ่ออย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้นี่นา ก็แค่จุดเริ่มต้น มันต้องมีจุดพลิกมากกว่านี้อีกแน่

“แล้วตั้งแต่เมื่อไหร่ที่คุณธีกับธารไม่ลงรอยกันครับ ใช่ตอนที่คุณแม่ของธารเสียหรือเปล่า”
พี่จอมดื้อจ้องหน้าผมนิ่ง ก่อนพยักหน้าช้าๆ
“เล่าให้เหนือฟังได้มั้ย” ผมถามเมื่อเห็นว่าเขาไม่ยอมพูดอะไรสักที
“จริงๆ พี่ก็ไม่อยากพูดเท่าไหร่ แต่ก็เอา นอกจากพี่แล้ว คงจะไม่มีใครกล้าเล่าให้เหนือฟังแล้วล่ะ” เขายิ้ม แล้วเริ่มเอ่ย “หลังจากที่มีเรื่องตบตีคุณใจ ครอบครัวไอ้ธารก็มีปัญหามาตลอด ยิ่งไอ้ธารโตขึ้นก็ยิ่งมีปัญหามากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะตัวไอ้ธารเองที่เริ่มต่อต้านคุณธีแล้วปกป้องแม่ ทำให้มันโดนไปด้วยอีกคน มาหนักเอาตอนที่คุณธีตัดสินใจลงสมัครเล่นการเมืองท้องถิ่นตามคำชวนของลูกค้าที่เป็นนักการเมืองน่ะ เขาเลยไปลงเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้าน แล้วก็ไต่เต้าขึ้นมาเรื่อยๆ พอก้าวหน้าเร็ว ก็เริ่มมีศัตรูมากขึ้น มากถึงขนาดครั้งนึงเคยจ้างมือปืนประกบยิงคุณธีตอนไปหาเสียงเลยนะ”

“คุณแม่ของธารก็เลยโดนลูกหลงจนเสียชีวิตเหรอครับ?”
“ยัง ยังไม่ใช่ตอนนั้น คุณธีรอดมาได้ หลังจากมีเรื่องนี้ คุณใจก็ขอร้องให้คุณธีเลิกเล่นการเมืองแล้วกลับมาทำธุรกิจเดิม แต่คุณธีไม่ยอม เดินหน้าลุยการเมืองต่อ พวกคู่แข่งก็เลยเล่นหนักมากขึ้นถึงขนาดมาป้วนเปี้ยนที่หน้าบ้าน พอคุณใจห้ามอีกก็ทะเลาะกันใหญ่โต คราวนั้นทะเลาะกันแรงเลยล่ะ เพราะไอ้ธารมันก็สิบห้าแล้ว มันสู้พ่อมันเหมือนกัน คุณธีเองก็หนัก ตบตีคุณใจกับลูกถึงขนาดคุณใจเก็บกระเป๋าเสื้อผ้า จะพาไอ้ธารหนีไปอยู่ที่บ้านพ่อแม่ที่เชียงใหม่ แล้ววันนั้นก็เป็นวันสุดท้ายด้วยที่คุณใจมีชีวิตอยู่”
“พี่ดื้อหมายความว่า?”
“คุณใจพาไอ้ธารออกจากบ้านมาตอนกลางดึก แต่ไปได้แค่หน้าบ้าน คุณธีก็มาตาม มาทะเลาะกันที่หน้าบ้านอีก ประจวบเหมาะกับที่คู่แข่งของคุณธีจ้างมือปืนมาเอาชีวิตพอดี คุณใจเลยโดนลูกหลง เสียชีวิตคาที่น่ะ จากนั้นมา ไอ้ธารกับคุณธีก็เป็นอย่างที่เห็น”

ผมเข้าใจชัดแจ้งเลยว่าทำไมธารถึงได้เรียกพ่อตัวเองว่าเป็นฆาตกรฆ่าแม่ตลอดเวลา สงสารมันขึ้นมาฉับพลัน เด็กที่มีชีวิตผูกพันกับแม่ตลอดเวลา แล้วจู่ๆ ต้องมาเสียไปแบบกะทันหัน ก็ไม่แปลกถ้ามันจะต่อต้านคุณธีขนาดนี้
เอาตรงๆ นะ พอได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากพี่จอมดื้อแล้ว ผมก็ชักจะเกลียดคุณธีขึ้นมาตงิดๆ ละ หัวหน้าครอบครัวประสาอะไร ทำร้ายได้แม้แต่คนในครอบครัวที่รักและเป็นห่วงตัวเองขนาดนั้น แย่จริงๆ

หากแต่ผมโกรธคุณธีได้ไม่เท่าไหร่ พี่จอมดื้อก็ทำให้ผมต้องหายขุ่นเคืองพลัน
“แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ คุณธีก็ดูแลใส่ใจไอ้ธารมากขึ้นนะ ยอมตามใจไอ้ธารทุกอย่าง ไม่ว่ามันจะไม่ยอมไปเรียนต่อปีนึงเพราะทำใจเรื่องแม่ไม่ได้ คุณธีก็ยอม มีจ้างนักจิตวิทยามาดูแลมันถึงบ้านด้วยเพราะตอนนั้นไอ้ธารมันอาการหนักจริงๆ ก้าวร้าวไปเลย ไอ้แก่นกับไอ้โรมยังเข้าหน้าไม่ติด เรียกว่าตอนนั้นมีอะไรที่คุณธีทำเพื่อไอ้ธารได้ เขายอมทำหมดทุกอย่าง เพียงแต่การแสดงออกของเขามันไม่ถูกต้องก็เท่านั้นเอง”
“พี่ดื้อเชื่อได้ไงครับว่าเขาเป็นห่วงธารจริงๆ ก่อนหน้านี้ก็เห็นทุบตีประจำไม่ใช่เหรอ”
“เชื่อได้สิ ก็แม่พี่กับแม่ไอ้โรมเป็นคนเล่าให้ฟังเองว่าคุณธีก็เสียใจไม่แพ้กัน มีครั้งนึงที่แม่พี่เคยแอบเห็นคุณธีไปยืนหน้าห้องไอ้ธารกลางดึก ร้องไห้แล้วก็พึมพำขอโทษคุณใจกับไอ้ธารน่ะ เขาเองก็อาการแย่ถึงขั้นพบจิตแพทย์นะ แต่ไม่เคยบอกไอ้ธารก็เท่านั้น แล้วก็เป็นห่วงความรู้สึกไอ้ธารด้วย สั่งห้ามทุกคนพูดถึงเรื่องคุณใจเป็นอันขาดตั้งแต่ไอ้ธารตัดสินใจกลับไปเรียนตามคำชวนของไอ้แก่นกับไอ้โรม”
“แสดงว่าที่กลับไปเรียนได้นี่เป็นเพราะตามเพื่อน?”
“เหนือคิดว่าในสภาวะอย่างนั้น มันตัดสินใจอะไรเองได้มั้ยล่ะ คล้ายๆ กับตอนนี้ที่เหนือเห็นน่ะ แต่มากกว่าหลายสิบเท่า แล้วพอมันมาสนิทกับไอ้แก่นไอ้โรมเหมือนเดิม ก็ดันเกเรหนักอีก แต่มันก็ทำไปเพื่อปกป้องเพื่อนมันน่ะนะ ไอ้นี่มันรักเพื่อนมันจะตาย ...ไม่สิ ใครที่เข้าใจมัน มันรักหมดแหละ”

ผมพยักหน้า เข้าใจทุกอย่างชัดเจน ตอนนี้ไม่รู้จะสงสารใครเลยระหว่างคุณธีกับธารใจ แต่แน่นอนอยู่แล้วล่ะว่าผมต้องสงสารธารมากกว่า มิน่าตอนเจอมันแรกๆ มันถึงไม่เปิดใจให้ใครเลย ไม่ไว้ใจใครด้วย ซ้ำยังมีอาการต่อต้านทุกคนที่ออกคำสั่งกับมันอีกต่างหาก ก็เป็นเพราะพ่อมันเป็นคนลักษณะแบบนั้นไง เลยสูญเสียความไว้ใจในพ่อตัวเอง พอเจอใครที่มีพฤติกรรมคล้ายพ่อ มันก็ต่อต้านหมด ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง ทว่าตอนนี้ไม่ใช่อย่างนั้นแล้วล่ะ ผมกลายเป็นคนที่มันไว้ใจที่สุดไปแล้ว เหมือนกับที่มันไว้ใจแม่มันไม่มีผิด
“ขอบคุณครับพี่ดื้อที่เล่าให้เหนือฟัง” ผมพึมพำหลังจากคลายความสงสัยทั้งหมดได้แล้ว

พี่จอมดื้อยิ้มให้เป็นเชิงว่าไม่เป็นไร ผมเลยขอตัวกลับไปที่หอ กะว่าจะไปนั่งคิดนอนคิดสักหน่อยว่าจะหาวิธีช่วยมันยังไงดีให้มันรู้สึกดีขึ้นกว่าเดิม หากแต่พอลุกขึ้นยืนเท่านั้น มือใหญ่สากกร้านของพี่จอมดื้อก็คว้าข้อมือผมไว้
ผมเลิกคิ้วสูงให้เป็นคำถามว่ามีอะไร พี่จอมดื้อมองหน้าผมครู่หนึ่งกว่าจะพูดออกมา
“ตกลงเหนือเลือกไอ้ธารจริงๆ เหรอ”
“ทำไมถึงถามอีกล่ะครับ” ทีพูดอย่างนี้ก็เพราะผมคิดว่าผมพูดและแสดงออกชัดเจนแล้วน่ะว่าเลือกใคร
พี่จอมดื้อก็คงจะเข้าใจ พ่นลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน
“ช่วยไม่ได้แฮะ พี่คงต้องยอมยกให้น้องจริงๆ ละ ไอ้ธารน่าจะต้องการเหนือมากกว่าพี่ ก็...ฝากดูแลมันด้วยก็แล้วกัน”
ผมยิ้มรับ สบายใจขึ้นมาหน่อยที่พี่จอมดื้อยอมวางมือง่ายๆ นึกว่าจะมีปัญหาเพิ่มซะแล้ว
“ขอบคุณครับ พี่ดื้อก็...ขอให้เจอคนดีๆ ที่เหมาะกับพี่เร็วๆ นะ”

พูดแค่นั้น ผมก็เดินออกมาเลย ไม่ได้หันกลับไปมองว่าอีกฝ่ายทำหน้ายังไงแม้แต่น้อย มือก็ล้วงไปหยิบโทรศัพท์ โทรออกหาไอ้ยีนส์ไอ้กั้งอย่างรวดเร็ว
 
ที่โทรหาพวกมันในนาทีนั้นเป็นเพราะผมต้องการคนช่วยหาทางออกสำหรับปัญหานี้ ไอ้เรื่องทำให้ธารรู้สึกดีขึ้นน่ะ มันไม่ยากหรอกถ้ามีผมอยู่ด้วย แค่โอ๋มันนิดๆ หน่อยๆ มันก็ยอมแล้ว แต่ตอนผมกลับกรุงเทพฯ ไปแล้วนี่สิ มันจะเป็นยังไง ยิ่งต้องอยู่กับพ่อด้วย เดาอนาคตได้เลยว่าทะเลาะกันยันแก่หง่อมแน่

แล้วผมก็คิดถูกซะด้วยที่โทรหาเพื่อนทั้งคู่ ไอ้ยีนส์ที่เคยเรียนวิชาของคณะสังคมสงเคราะห์ฯ แนะนำมาว่าให้ผมลองไปคุยกับคุณธี เกลี้ยกล่อมให้เขายอมไปพบนักจิตวิยาหรือนักสังคมสงเคราะห์เพื่อทำครอบครัวบำบัด ผมก็ไม่รู้เท่าไหร่หรอกว่าการทำครอบครัวบำบัดอะไรนั่นเป็นยังไง แต่ถ้าได้ผลไปในทางที่ดีขึ้น ผมก็จะทำ

ทำจริงๆ ไม่ได้พูดเล่น โทรไปหาคุณธีหลังจากวางสายจากไอ้ยีนส์ไอ้กั้งเลย ก่อนขอให้คุณธีออกมาคุยกันที่ร้านคอฟฟีช็อปละแวกนั้น ที่ผมไม่เข้าไปคุยในบ้านเป็นเพราะกลัวว่าธารรู้ แล้วจะต่อต้าน ไม่ให้ความร่วมมืออะไรเทือกนี้ ผมเลยเข้าทางพ่อก่อน ไว้ทางพ่อโอเคแล้ว ค่อยไปตะล่อมทางลูก เพราะการทำครอบครัวบำบัดนี่ ทั้งพ่อทั้งลูกต้องเข้าร่วมรับการบำบัดด้วยกัน

คุณธีงุนงงนิดหน่อยที่ผมขอพบเขาทั้งที่เพิ่งออกจากบ้านเขาได้ไม่ถึงสองชั่วโมงดี ระหว่างที่เขางง ผมก็อธิบายถึงจุดประสงค์ที่ผมต้องการเจอเขาและประโยชน์ของการทำครอบครัวบำบัดตามที่ไอ้ยีนส์บอกมาให้ฟัง คุณธีเลยหายสงสัย และดีที่เขาไม่ใช่คนเข้าใจอะไรยาก กอปรกับเขาเองก็เคยพบจิตแพทย์มาก่อน เลยเข้าใจอะไรๆ ได้เป็นอย่างดีโดยไม่ต้องอธิบายมาก ก่อนจะตกปากรับคำอย่างว่าง่าย แต่มีเงื่อนไขว่าจะไปหลังจากที่คดีของธารจบ ซึ่งแน่นอนว่าเขาก็ยังไม่ยอมปล่อยให้ธารออกจากบ้านอยู่ดีจนกว่าจะมั่นใจได้ว่ามันจะไม่ไปก่อเรื่องอีก

ผมก็พูดอะไรต่อไม่ได้ ความเป็นห่วงของคนเป็นพ่อนี่เนอะ ได้แต่หงุดหงิดใจนิดหน่อยเท่านั้นแหละ

แต่ก็แค่แป๊บเดียว เพราะจู่ๆ คุณธีก็ทำให้ความหงุดหงิดนั่นหายไปด้วยประโยคที่แทบไม่น่าเชื่อว่าจะได้ยินจากปากคนแข็งๆ อย่างเขา
“ผมน่ะไม่ใช่พ่อที่ดีเท่าไหร่ แต่ผมอยากให้อาจารย์เหนือรู้ไว้ว่าผมก็รักไอ้ธารเองไม่น้อยไปกว่าแม่มัน ไม่อย่างนั้น ผมคงไม่มานั่งโทษตัวเองอยู่ทุกวันนี้หรอกว่าที่ภรรยาผมตายเป็นเพราะตัวผมเองอย่างที่ไอ้ธารว่า ถึงผมจะไม่เคยบอกใครว่าผมรู้สึกผิด แต่บอกไว้เลยว่าผมเองก็เป็นห่วงมันไม่แพ้อาจารย์เหมือนกัน ดังนั้นสิ่งที่ผมทำในตอนนี้ก็เพื่อมันทั้งนั้น ไม่ใช่เพื่อผม ขอให้อาจารย์เข้าใจด้วย”
“ถ้าคุณพ่อเป็นห่วงธารใจจริงๆ งั้นคุณพ่อต้องปรับการแสดงออกนะครับ เรื่องทุบตีอะไรนี่ไม่เอาแล้วนะ ผมว่ามันไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ดีเท่าไหร่ จะทำให้ธารใจยิ่งต่อต้านมากขึ้นไปอีก ผมเองก็เข้าใจคุณพ่อนะครับว่าที่ทำไปก็เป็นเพราะเป็นห่วงธารใจ แต่คุณพ่อก็ต้องเข้าใจธารใจด้วยว่าเขาก็มีปัญหาที่มีต้นเหตุมาจากคุณพ่อ”

ผมว่าออกไปตามตรง คุณธีไม่พูดอะไรออกมาสักคำ เขารู้แล้วล่ะว่าผมรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว ไม่อย่างนั้นผมคงไม่มาขอให้เขาทำตามคำแนะนำหรอก
คุณธีพยักหน้ารับไปตามเรื่อง ดูเขาก็อึดอัดเหมือนกัน อยากจะพูดอะไรสักอย่างก็ไม่พูด ให้เดานะ ผมว่าเขาอยากจะบอกว่าเขาไม่รู้ว่าจะแสดงออกยังไงให้ธารเข้าใจว่าเขาก็ทั้งรัก ทั้งเป็นห่วงมันเหมือนกัน แต่ของแบบนี้มันใช่ว่าปุบปับจะเปลี่ยนกันได้ง่ายๆ ใช่มั้ยล่ะ ผมเลยได้แต่ปลอบประโลมเขาให้สบายใจขึ้น

“ลองไปพบนักจิตวิทยาหรือนักสังคมสงเคราะห์อย่างที่ผมบอกดูนะครับ คุณพ่อน่าจะได้คำแนะนำอะไรมากขึ้นกว่าคุยกับผม”
“ครับ” คุณธีรับปากเสียงเบา

คุณธีก็เหมือนธารนั่นแหละ แข็งนอก อ่อนใน แสดงความรู้สึกไม่เป็น แต่คุณธีจะอาการหนักกว่าหน่อยตรงที่มีความรุนแรงเข้ามาเกี่ยวด้วย แต่ถึงอย่างนั้นผมก็สบายใจที่คุณธีรับปากว่าจะทำตามคำแนะนำของผม เหลือแค่ให้ผมไปคุยกับธารให้ยอมไปกับเขาเท่านั้น ซึ่งผมวางแผนแล้วว่าจะเข้าไปคุยพรุ่งนี้ ก่อนจะขอตัวกลับหอเพราะเห็นว่าเริ่มดึกแล้ว

ทว่าพอผมยกมือไหว้เขา หันหลังจะออกไปนอกร้าน คุณธีก็เรียกผมไว้
“อาจารย์เหนือ ผมขอถามอะไรอาจารย์สักอย่างสิครับ”
“ครับ”
“อาจารย์เป็นแฟนลูกผมเหรอ ปกติอาจารย์ไม่น่าเป็นห่วงลูกศิษย์ขนาดนี้ แล้วก็ไม่สนิทสนมมากอย่างนี้ด้วย ผมว่าอาจารย์ต้องเป็นแฟนมันแน่ๆ”

ผมแทบสำลักน้ำลายตัวเองที่จู่ๆ ก็ถูกถามอย่างนั้น เสียวสันหลังวาบเลยด้วยไม่รู้ว่าจะตอบว่ายังไง จะบอกว่ายังไม่ได้เป็นแฟน ดูจากสายตาดุดันของคนตรงหน้าแล้วก็มีแววว่าเขาไม่น่าจะเชื่อ แต่ถ้าจะให้บอกว่าไม่ได้เป็นแฟน ก็พูดยากอีก แซ่บกันไปเรียบร้อยอย่างนั้นแล้ว แต่สถานะคลุมเครือนี่ บอกตำแหน่งตัวเองไม่ถูกเลยแฮะ จะบอกว่าเป็นผัวกับพ่อมันก็ใช่เรื่องหรือเปล่าวะ!?

ผมอึกอักไปครู่ใหญ่ทีเดียว จนคุณธีหัวเราะในลำคอ ก่อนจะขัดขึ้นมา
“จะเป็นอะไรกับมัน ผมก็ไม่สนหรอกนะ ขอแค่อาจารย์ช่วยผมดูแลมันได้ก็พอ บางทีความรักจากผมคงจะไม่พอ ยังไงก็ฝากอาจารย์ดูแลมันด้วย”

คะ...คุณพ่อ

เปิดทางมาอย่างนี้ ไอ้เหนือก็สบายแฮสิครับ! แหม ตอนแรกก็นึกว่าจะขัดขวาง ที่ไหนได้ สนับสนุนก็ไม่บอก ทำใจว่าที่ลูกสะใภ้อกสั่นขวัญแขวนเลยนะฮะ

“ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะช่วยดูแลให้” ผมว่าส่งท้าย บอกลาอีกครั้ง แล้วกลับหอพร้อมกับรอยยิ้มที่อาบพรายอยู่บนหน้า
บางทีผมอาจจะคิดถูกแล้วที่ทำแบบนี้
ทำให้พ่อลูกมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นได้นี่ ตำแหน่งลูกสะใภ้สุดที่รักคงหนีไม่พ้นแล้วล่ะ

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
ชั่งใจ ครั้งที่ 21: หนีไปกับธารนะ...[2]

กลับมาถึงหอได้ ผมก็จัดแจงอาบน้ำแต่งตัวเตรียมนอนตั้งแต่ทุ่มนึงด้วยรู้สึกว่าวันนี้ใช้พลังงานมากกว่าปกติ หากแต่พอจะเดินไปปิดสวิตซ์ไฟ เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นรัวๆ ทำเอาผมย่นคิ้วพลัน

ใครมาวะ หรือว่าจะเป็นพวกน้องมายด์? ไม่หรอกมั้ง พวกนั้นอยู่ร้านพี่ดื้อ เพิ่งจะแยกกันมาแป๊บเดียว ไม่น่าจะมาหาผมหรอก โรมยังง้อจอมแก่นไม่ได้เลยนี่

หรือว่าคนที่มาจะเป็น...?

คิดยังไม่ทันจบ ผมก็พุ่งไปเปิดประตูแล้ว ก่อนจะครางอย่างไม่เชื่อสายตาเมื่อเห็นหน้าของคนที่ผมคิดถึงเมื่อครู่ปรากฏอยู่ตรงหน้า
“น้องธาร...”
ธารไม่เอ่ยทักอะไรออกมาสักคำ พุ่งเข้ามาสวมกอดผมแน่น ก่อนจะดันผมเข้ามาในห้อง ผละออกได้ก็จัดการปิดประตูลงกลอนเสร็จสรรพ ทำเอาผมอ้าปากค้างอย่างตะลึงงันไม่เลิก
“เดี๋ยวๆ นี่ออกมาจากบ้านได้ไง” ตั้งสติได้ ผมก็ร้องถาม
“ป้ารินพาไปล้างแผลที่โรง’บาล วันนี้หมอนัดเย็น” ธารเหลือบมามองผมเล็กน้อยขณะตอบ ก่อนเดินลิ่วไปยังตู้เสื้อผ้าโดยไม่สนใจผมอีก ปล่อยให้ผมถามไล่หลัง
“คือหนีจากโรง’บาลมาอีกทีเหรอ”
“เออ”
“เฮ้ย!” ผมร้องลั่น ตกใจที่ได้ยินมันยอมรับเอาซื่อๆ อย่างนั้น

ก็คิดอยู่แล้วว่าสักวันมันจะต้องทำแบบนี้เข้าสักวันถ้ามีโอกาส แต่ใครจะไปคิดล่ะว่ามันจะหนีมาเอาวันที่ผมเพิ่งไปคุยกับพ่อมันมาหมาดๆ เนี่ย หนีมาอย่างนี้ มีหวังพ่อมันรู้ คงได้เป็นเรื่องเป็นราวอีกแน่ อุตส่าห์ไปตะล่อมเพื่อช่วยมันให้มีความสัมพันธ์กับพ่อดีขึ้นแล้วแท้ๆ มาทำอย่างนี้ ถ้าพ่อมันรู้ มีหวังไอ้ที่ผมพยายามทำมาก่อนหน้าคงได้เละไม่มีชิ้นดีแน่

ผมเลยตรงเข้าไปคว้าแขนธารเอาไว้ขณะที่มันกำลังคว้ากระเป๋าเป้ในเขื่องมายัดเสื้อผ้าใส่อย่างรนๆ เห็นแล้วผมก็สงสัยว่ามันจะเก็บเสื้อผ้าทำไม แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่าการที่ผมต้องปรามให้มันได้สติว่ากำลังทำอะไรอยู่
“จะหนีมาแบบนี้ไม่ได้นะ เดี๋ยวป้ารินจะซวยเอา”
“ทำไมจะหนีไม่ได้ ป้ารินซวยก็ซวย ซวยแล้วไง นี่มันชีวิตของธาร เรื่องอะไรที่ธารจะต้องยอมให้คนอย่างนั้นกักขังหน่วงเหนี่ยวด้วย”
“ก็ไม่ใช่ว่าพี่เหนือจะบอกให้น้องธารยอมให้คุณพ่อกักขังหน่วงเหนี่ยว แต่ว่าพี่เหนือเพิ่งจะไปคุยกับคุณพ่อมาเอง” ผมว่าไปตามความจริง กะจะเล่าให้มันฟังว่าผมไปคุยอะไรมา ทว่ามันดันพูดออกมาก่อน
“ไปต่อรองให้เลิกขังผมน่ะเหรอ เหอะ พี่ว่าเขาจะทำหรือไง”
“ทำแน่นอน แต่ต้องรอให้คดีน้องธารจบก่อน พี่เหนือไปคุยมาแล้วนะ น้องธารใจเย็นๆ อย่าทำอะไรโดยไม่คิดหน้าคิดหลังแบบนี้” ดูท่าจะไม่ฟัง ผมเลยปลอบให้มันใจเย็น

ธารทิ้งกระเป๋าเป้ลงบนพื้น พุ่งเข้ามากอดผมแน่นอีกครั้ง
“จะให้เย็นยังไงอีกวะ คิดถึงพี่จนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว คิดถึงจนรอจะเห็นหน้าพรุ่งนี้ไม่ไหวแบบนี้ จะให้เย็นได้ยังไงอีก”
พูดมาอย่างนี้ ผมก็นิ่ง เข้าใจความรู้สึกมันนะว่ามันเคว้งคว้างแค่ไหน แม้ว่าผมจะไปหามันที่บ้านเกือบทุกวัน แต่ก็คงไม่พอสำหรับคนที่ต้องการใครบางคนอยู่ข้างๆ ตลอดเวลาในเวลาแย่ๆ อย่างนี้ และมันก็เห็นผมเป็นที่ยึดเหนี่ยวเพียงหนึ่งเดียวด้วย ไม่แปลกถ้ามันจะหายใจเข้าออกเป็นผม
ผมเลยยกแขนขึ้นกอดตอบ พึมพำออกมาเบาๆ
“พี่เหนือก็คิดถึงน้องธารเหมือนกันครับ คิดถึงที่สุดเลย”

สองแขนใหญ่รั้งร่างผมให้แนบแน่นกับลำตัวมากขึ้นไปอีก กลิ่นไอของความโดดเดี่ยวของคนตรงหน้าลอยโชยมาให้ผมสัมผัสได้ กอดกันอยู่นานกว่าธารจะยอมผละออกมา แล้วเปลี่ยนเป็นจรดริมฝีปากจูบผมแทน
“พี่เหนือ...” เสียงห้าวดังขึ้นหลังจากริมฝีปากของเราแยกออกจากกัน
“ครับ?”
“หนีไปกับธารนะ”
“ฮะ!?” ผมผงะไปเลยที่จู่ๆ ก็ถูกชวนหนีไปด้วยแบบไม่ทันตั้งตัว

ยะ...อย่าบอกนะว่าไอ้ที่มึงเก็บเสื้อผ้ายัดลงกระเป๋ารัวๆ นี่คือคิดจะหนีออกจากบ้าน!?

ใช่แน่นอน มาถึงขั้นนี้แล้วคงจะไม่พ้นเรื่องนี้ ยิ่งเห็นแววตากับสีหน้ามันแล้ว บอกเลยว่ามันจริงจังชัวร์ป้าบ ยิ่งได้ยินประโยคต่อไปที่หลุดออกมาจากปากมัน ก็รู้เลยว่ามันเอาจริง

“หนีไปกับธาร ไปใช้ชีวิตด้วยกันที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ที่นี่”

มะ...มนต์รักน้องธาร ณ พิษณุโลก ฟีลทองกวาวถูกไอ้คล้าวมาตะล่อมชวนหนีไปเป็นผัวเมียพุ่งพล่านเป็นน้ำเดือด ในใจหวั่นไหวหนักด้วยเมื่อธารเข้ามากอดผมอีกครั้ง อ้อนไม่เลิกว่าขอให้หนีไปด้วยกัน

ผมก็อยากจะไปนะ อยากอยู่กับมันตลอดเวลาเหมือนกัน แต่...
กูจะมาใจแตกเพราะถูกเด็กชวนหนีไปอยู่ด้วยกันไม่ได้! อย่ามาพูดอย่างนี้ กูใจอ่อนนะ!

ผมรีบสลัดอารมณ์ชั่ววูบนั้นออกไปทันทีที่ตระหนักได้ว่าถ้ายอมตกปากรับคำ จะต้องมีเรื่องวุ่นวายชวนปวดหัวตามให้มาแก้ไม่รู้จบแน่ เลยตัดสินใจจะปฏิเสธ
“น้องธาร คือพี่เหนือ...”
หากแต่พูดได้แค่นั้น ธารก็คลายอ้อมกอดมาจูบผมอีกครั้ง จูบเสร็จก็จ้องตานิ่ง ว่าออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ไปที่ไหนก็ได้ ขอแค่มีพี่กับธาร ธารยอมทุกอย่าง หนีไปกับธารเถอะนะ”
หน้าชาไปเลย อึ้งงันกับสิ่งที่ได้ยิน และอึ้งหนักกว่าเดิมเมื่อมันพูดประโยคที่ทำให้ใจผมละลายกลายเป็นของเหลวออกมา
“ธารอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีพี่ ไปกับธารเถอะ ธารขอร้อง”

กะ...
กระเป๋าอยู่ไหน! เดี๋ยวพี่เหนือจัดกระเป๋าเอง!

คุกก็คุกวะ โดนข้อหาพรากผู้เยาว์ก็ยอม ทนความอ้อนบวกความน่าสงสารของมันไม่ไหวแล้ว
ขาข้างนึงก้าวเข้าไปในตะรางรัวๆ กูเอ๊ย...ความไร้สตินี้
 



เป็นคนเก็บกระเป๋าเองไม่พอ ยังเป็นคนพามันขับรถออกมาจากหออีก

นะ...นี่กูทำอะไรลงป๊ายยย!?

มาคิดได้ว่าคนที่วู่วามไร้สติน่ะคือผม ไม่ใช่ไอ้เด็กนี่ก็ตอนที่ขับรถออกมานอกเมืองแล้ว ก่อนจะตัดสินใจเลี้ยวเข้าโรงแรมม่านรูดแถวนั้นฉับพลันเพื่อไปตั้งหลักก่อน โดยอ้างกับธารว่าวันนี้ผมเหนื่อยมาก ขอพักก่อนคืนนึงแล้วพรุ่งนี้จะพาขับรถเข้ากรุงเทพฯ ธารเลยยอมเพราะเห็นผมมีท่าทางอิดโรย

แต่บอกเลย...มันคือการแสดง! กูอิดโรยนี่ไหน กลุ้มใจว่าจะถูกพ่อมึงลากเข้าคุกข้อหาพรากผู้เยาว์จนไม่มีแรงจะขับรถต่างหากเว้ย!

คุก ตะราง ซังเตก็มา สามคำนี้ผุดพรายขึ้นในหัวเป็นคำขวัญประจำใจไอ้เหนือเลย แล้วพามันมาที่ไหนก็ไม่พามาด้วยนะ พาเข้าม่านรูด โอ้โห... ถ้าพ่อมันรู้นี่ ตำแหน่งลูกสะใภ้ที่รักนี่ชวดแน่ๆ

“ยืนทำอะไรอยู่น่ะพี่ มานั่งสิ” ธารร้องเรียกเมื่อเห็นผมยืนทึ้งหัวตัวเองเป็นบ้าเป็นหลังเพราะจินตนาการถึงชีวิตอันน่าอดสูในคุกอยู่นานสองนาน
ผมรีบปั้นสีหน้าให้เป็นปกติ เดินไปนั่งข้างมันที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงอย่างเหนื่อยอ่อน
“เหนื่อยก็นอนเถอะพี่ เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องขับรถไกล” มันยังคิดเรื่องหนีไม่เลิก
ผมถอนหายใจออกมาเต็มแรง พลางว่าเสียงเครียด
“หนีมาอย่างนี้ไม่ดีเลยนะ ทำแบบนี้ คุณพ่อกับป้ารินจะเป็นห่วงนะรู้มั้ย”

พูดแล้วมันฟังมั้ย เหอะ! ฟังกับผี! แม่งมองหน้าผมอย่างเคืองๆ แล้วก็บุ้ยปาก

“เป็นห่วงแล้วไงวะ ห่วงแล้วทำให้ธารมีความสุขมั้ยล่ะ พี่ไม่รู้หรือไงว่าอยู่บ้านกับคนพวกนั้นมันทำธารเครียดแค่ไหน”
ทำไมจะไม่รู้ล่ะ เห็นหน้ามึงตอนนี้ก็รู้แล้ว แต่กูก็กลัวคุกมั้ย คุกนะเว้ยคุก! ไม่ใช่สวนสนุกนะที่กูถูกลากคอเข้าไปแล้วจะไปลั้นลาได้น่ะ คิดถึงอนาคตกูบ้างได้มั้ย!

อยากจะบอกมันเหลือเกินว่าผมกลัวอะไร ทว่าสีหน้าหมาเบื่ออาหารของมันก็ทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะโอ๋มันซะงั้น
“งั้นอยู่กับพี่เหนือคืนนี้ก็อย่าเครียดนะ เลิกทำหน้าแบบนี้ได้แล้ว ไอ้เด็กปากคว่ำของพี่เหนือ” ระริกระรี้เข้าไปดึงแก้มทั้งสองข้างของมันให้ยืดออก ลืมกลัวคุกไปซะสนิท

แม่งเอย... ความน่ารักนี้ทำให้ขาอีกข้างก้าวเข้าแดนนักโทษไปอีกเซนแล้ว

ธารสะบัดหน้าหนี ปากยังคว่ำเหมือนเดิม ผมเลยไม่ตอแยอะไร กะปล่อยไปก่อน เพราะรู้ว่าเดี๋ยวมันก็อารมณ์ดีขึ้นมาเอง พลันตัดสินใจว่าจะไปอาบน้ำ ทว่าก็ต้องชะงักเมื่อจู่ๆ มันก็พูดขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
“เออ วันนี้ไปอ่านบทความบนเน็ตมา เกี่ยวกับวิธีคลายเครียด”
“อืม” ผมขานรับไปตามเรื่อง มือก็เอื้อมไปคว้าผ้าเช็ดตัวที่พับอยู่ปลายเตียง
“บทความบอกว่าวิธีคลายเครียดของผู้หญิงอะ ไม่ค่อยยุ่งยาก แค่ฟังเพลง ดูหนัง ชอปปิงก็ดีขึ้นแล้ว แต่ของผุ้ชายจำเป็นต้องมีผู้ช่วยว่ะพี่”
“ทำไมต้องมีผู้ช่วยอะ” ผมหันไปถาม
ธารเม้มปากไปนิด ก่อนว่าเสียงเบา
“แล้วพี่คิดว่าเวลามีเซ็กส์นี่มันทำคนเดียวได้เหรอ ถ้าทำคนเดียวก็ไม่เรียกว่าเซ็กส์แล้ว มันเรียกว่าช่วยตัวเอง”
ผมเบิกตาโตใส่มันเลย ส่วนมันก็หน้าแดงแปร๊ดขึ้นมาตอนพูดประโยคนั้นจบ ก่อนผมจะหลุดหัวเราะ แต่ก็ยังไม่พูดอะไรนอกเหนือจากแกล้งถาม ด้วยอยากรู้ว่ามันจะพูดอะไรต่อ
“แล้ว?”
“แล้วอะไรเล่า! พี่ก็ช่วยธารหน่อยดิ ธารเครียดเนี่ย”
“ช่วยยังไงล่ะครับ” คราวนี้ผมแกล้งยื่นหน้าเข้าไปใกล้ กระซิบเสียงกระเส่าด้วย ทำให้หน้ามันแดงขึ้นไปอีก
ธารเหลือบมามองผมนิดนึง พลันทิ้งตัวนอนราบไปกับฟูก
“คะ...คิดว่าต้องช่วยยังไงล่ะ”

โอ้โห หน่องธารรร! ไม่เจอกันไม่กี่ชั่วโมง สกิลเซลขายอ้อยพัฒนาขึ้นมาก! ขายอ้อยยกไร่ขนาดนี้ ใจคอจะไม่ให้ช้างเชิ้งได้กินแล้วใช่มั้ย เดี๋ยวรอแป๊บนะ พี่เหนือไปเอามีดมาตัดอ้อยแป๊บ

หูย...เชื้อเชิญขนาดนี้ ไม่ฟันให้ราบทั้งไร่ไม่ได้แล้ว!

อย่าเรียกว่าฟันให้ราบเลย เรียกว่าถางดีกว่า แสงเหนือผู้ถางไร่อ้อยจนเหี้ยนเตียน คุกเคิกอะไรลืมหมดแล้ว สติสตางค์อะไรก็ไม่มี พุ่งขึ้นไปคร่อมมันไว้ซะงั้น

แม่ครับ... เหนือขอโทษ ประกันตัวเหนือด้วยนะ เด็กมันยั่วจริงๆ ฮือ...

“งั้นวันนี้พี่เหนือรุกนะ” ผมแกล้งว่า ทำเอาธารที่หน้าแดงอยู่เมื่อครู่ผลักผมออกซะเต็มแรง
“ใครมันจะยอมให้บุกวะ อย่ามาสลับหน้าที่นะเว้ย!”
ดีนะที่ไม่หงายหลัง แต่ผงะไปนิดหน่อยเฉยๆ ตั้งหลักได้ก็ลุกขึ้นมานั่งคร่อมบนตัวมันอีก ว่ากระเง้ากระงอดด้วย
“ก็พี่เหนือจะรุกจริงๆ นี่...รุกขึ้นมารับ”
“นั่นมันลุกปะ แม่ง ใช้ ล.ลิง ร.เรือ ผิดตลอด!” ธารกลับมาหน้าแดงอีกละเมื่อรู้ว่าผมเล่นมุข
“ก็พี่เหนืออยากให้น้องธารอารมณ์ดีนี่นา ทำปากคว่ำอยู่ได้ ไม่น่ารักเลย” ว่าจบ ผมก็ก้มหน้าลงจูบมันเบาๆ “เลิกทำปากคว่ำเนอะ ยิ้มๆ”
“แค่ได้อยู่กับพี่ก็อารมณ์ดีแล้ว ไม่ต้องทำตัวปัญญาอ่อน” ธารหน้าแดงหนัก

ดูๆ แหม ทำเป็นด่า ด่าก็ไม่มองหน้าด้วยเถอะ ทว่าจู่ๆ ผมก็ฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้

“เอ๊ะ ที่ห้องของน้องธารไม่มีคอมฯ นี่นา แล้วคุณพ่อก็ห้ามใช้โทรศัพท์ด้วย ไปดูบทความมาจากไหนน่ะ”
เท่านั้นแหละ ธารก็ทำหน้าเลิ่กลั่กขึ้นมาทันที ก่อนจะเสียงดังใส่กลบเกลื่อน
“ดะ...ดูมาจากที่ไหนก็ช่างหัวมันเถอะ จะช่วยไม่เนี่ย ถ้าไม่ช่วยจะทำเอง!”

โถ... ไอ้เด็กซึนเอ๊ย จะมาลูกเล่นกับพี่เหนือนี่เร็วไปหลายสิบปีแล้ว

ผมหัวเราะให้กับการโกหกไม่ได้เรื่องของมันเล็กน้อย แล้วผลักอกแกร่งของคนใต้ร่างที่ทำท่าจะลุกขึ้นมาสลับที่ให้นอนลงไปอีกครั้ง ธารทำหน้าสงสัยนิดหน่อย ให้ผมได้พูด
“เดี๋ยวพี่เหนือจัดการเอง อยู่เฉยๆ อยากให้ช่วยไม่ใช่เหรอ”
“อะ...อืม แต่ถ้าไม่ได้เรื่องล่ะก็ ธารจะทำเองนะบอกไว้ก่อน”
คิดว่าคุยอยู่กับใครจ๊ะ นี่แสงเหนือคอลึกเป็นเมตรนะ เดี๋ยวรู้เลยว่าได้เรื่องหรือไม่ได้เรื่อง
แต่ผมไม่พูดหรอก เดี๋ยวมันโกรธอีก นอกจากโน้มหน้าลงไปจูบมันแผ่วเบาแล้วทวีความดุดัน มือทั้งสองก็ดึงทึ้งเสื้อผ้าทั้งของตัวเองและของอีกฝ่ายออกให้พ้นทางด้วย

ช่างเป็นการคลายเครียดที่... หอมหวานจริงๆ
 



ก่อนหน้านี้ไอ้ที่บอกว่าเดี๋ยวรู้เลยว่าได้เรื่องหรือไม่ได้เรื่องน่ะ ผ่านไปชั่วโมงกว่า ผมบอกได้เลย... ได้เรื่อง

กูเนี่ยได้เรื่อง! สะพงสะโพกนี่สะกดคำว่า ‘คราก’ แทบไม่ทันแล้ว

“พอแล้วมั้ย หลายรอบแล้วนะ น่าจะหายเครียดแล้วมั้ง” ผมหลับตาพึมพำหลังจากที่เราเพิ่งจะยุติการคลายเครียดเมื่อครู่ไปหมาดๆ แต่ธารยังเกาะแกะ จูบหลังจูบไหล่ผมที่นอนหันหลังให้อยู่ไม่เลิก
“อีกนิดนึง ใกล้ละ” มันว่าเบาๆ ริมฝีปากหนาก็เลื่อนขึ้นมาจูบหลังต้นคอผม ทำเอาขนลุกชันไปทั้งตัว

สยิวมาก แต่คือไม่ไหวแล้วไง สังขารเป็นสิ่งไม่เที่ยงมั้ย พอเถอะ!

“แต่พี่เหนือไม่ไหวแล้วครับ ไว้ค่อยต่อวันหลังนะ” ผมเมิน ดึงผ้าห่มที่คลุมอยู่ช่วงบั้นเอวขึ้นมาปิดตัว ทำเอาธารส่งเสียงจีจ๊ะในลำคอ ก่อนจะจับผมบังคับพลิกตัวมานอนหงาย แล้วขึ้นมาคร่อมผมเอาไว้
“ไม่ไหวก็นอนเฉยๆ ธารจัดการเอง”

ดูมัน กูกินจนอิ่มแล้วนะอ้อยมึงเนี่ย ไม่ซื้อแล้วก็ยังจะหน้าด้านมาขายอยู่นั่น!

ผมเกือบจะเผลอปล่อยตัวปล่อยใจให้เด็กนี่ทำตามใจแล้ว ถ้าหากว่าตอนที่มันพรมจูบบนหน้าอกผมอยู่ เสียงสั่นเตือนเรียกเข้าของโทรศัพท์ไม่ดังขึ้นมาซะก่อน
อุตส่าห์ปิดเสียงแล้ว ยังจะหูดีมาได้ยินจนได้!
ใจผมสั่นขึ้นมาเลยด้วยเข้าใจว่าจะเป็นสายของคุณธีที่โทรมาตามธารเพราะเห็นแวบๆ ว่ามีมิสคอลขึ้นเป็นร้อยสาย ทั้งเบอร์พวกเพื่อนมัน เบอร์คุณธี เบอร์คุณเลขาชยุต และเบอร์แปลกที่ผมเดาว่าน่าจะเป็นเบอร์ของป้าริน และที่โทรมานี่ก็คงจะรู้ว่าธารอยู่กับผมแน่

ตอนแรกผมก็ตั้งใจว่าจะไม่รับ ทว่าพอเห็นว่าคนที่โทรมาเป็นพี่จอมดื้อ ผมก็ตัดสินใจรับสาย อย่างน้อยพี่จอมดื้อก็ไม่ใช่พวกโหวกเหวกโวยวาย คุยง่ายกว่าคนอื่น ถ้ามีเหตุผลอะไร เขาก็เข้าใจแล้วคงจะวานไปคุยกับคุณธีได้ว่าธารมาหาผมเพราะเครียด แล้วผมก็ขอให้เขาอนุญาตให้ธารอยู่กับผมคืนนึง พรุ่งนี้จะพาไปส่งบ้าน

ทว่าพอผมรับสายปุ๊บ น้ำเสียงร้อนรนของพี่จอมดื้อก็โพล่งขึ้นมาทันที
[เหนือ ไอ้ธารอยู่กับเหนือใช่มั้ย]
“คะ...ครับ”

ไอ้ที่ตั้งใจจะพูดเมื่อกี้หายวับไปกับตาเลย ยิ่งพี่จอมดื้อสบถอะไรสักอย่าง พร้อมกับเสียงโหวกเหวกของคนกลุ่มหนึ่งและเสียงรถหวอดังเข้ามาให้ได้ยิน ผมก็สังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมาว่าจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น ผมเลยรีบชิงถามกลับไปอย่างรวดเร็ว
“เกิดอะไรขึ้นครับพี่ดื้อ”
[เรื่องใหญ่เลยล่ะเหนือ ตอนนี้คุณธีอยู่โรง’บาล]

บอกผมแล้วก็คุยกับใครอีกก็ไม่รู้ สถานการณ์พอจะเดาได้เลยว่าวุ่นวายพอสมควร แต่อะไรก็ไม่ทำให้ผมใจไม่ดีเท่ากับการได้ยินว่าพ่อของเด็กที่นอนอยู่บนตัวผมเกิดเรื่อง
“คุณธีเป็นอะไรครับ ทำไมถึงอยู่โรง’บาล”
ถามออกไปแล้ว ธารที่รอฟังอยู่ถึงกับย่นคิ้วยู่เมื่อได้ยินชื่อพ่อตัวเอง ก่อนจะยู่หนักขึ้นไปอีกเมื่อผมเปิดโฟนให้ธารฟังด้วย
[ถูกยิง รีบพาไอ้ธารมาด่วนเลยนะเหนือ อาการสาหัสมาก มาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เข้าใจมั้ย]

ธารช็อคไปเลย หน้าซีดเผือด ตัวแข็งค้างจนผมต้องรีบตอบรับพี่จอมดื้อ ลุกขึ้นแต่งตัวด้วยความเร็วแสง ก่อนจะลากธารที่ช็อคอยู่ลุกขึ้นแต่งตัวด้วย แล้วรีบเช็คเอาท์ออกจากโรงแรม มุ่งหน้าเข้าเมือง ไปโรงพยาบาลประจำจังหวัดทันที

ทำไมมีแต่เรื่องวะ! บ้าเอ๊ย!
---------------------------------------------
เอาล่ะ เฉลยปมหน่องธารแล้ว แต่มาม่ายังไม่จบ มีต่ออีกนิด ใจร่มๆ ฮา
ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะอารมณ์ไหนดีเลยค่ะ แอบตั้งชื่อตอนยากด้วย จับอารมณ์ไม่ถูกเหมือนกัน หลายอารมณ์เกิ๊นนน
ปล. ส่งฟีดแบ็กให้ด้วยนะจ๊ะ สงกรานต์นี่อยู่บ้านกันมั้ยเนี่ย เดี๋ยวปั่นตอนใหม่มาเสิร์ฟรัวๆ แต่พรุ่งนี้เอาตัวอย่างไปก่อนนะ XD

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ KizzllKizz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1
สงกรานต์นี่นอนเฉาอยู่บ้านรัวๆเลยค่ะ
ขอน้องธารแก้ช้ำใจหน่อยนะคะ
 :hao6:

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
ทำไมเวลามีความสุข ต้องโดนกระชากตกลงมาทุกทีเลยยย น้องธารรรร~~ :hao5:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
หลากอารมณ์จริงๆ
แต่พี่เหนือรีบพาธารไปหาพ่อที่โรง'บาลก่อน

ออฟไลน์ แค่มะลิ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ครึ่งแรกคะแนนคุณพ่อพุ่งปรี๊ดดดดดด ได้ใจมากค่ะคุณพ่อขา
กดบวกให้คุณพ่อพันแต้ม  :กอด1:
ครึ่งหลังถึงจะมีความหื่นของน้องธารมาแต่จบตอนแบบนี้นี่แทบจิกหัวลากน้องธารของพี่แล้วเหวี่ยงไปรพ.เลยทีเดียว :katai1:
คุณพ่อธีขาของน้องงงงงงงง

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
อ่านแรกๆของตอน ก็ว่า..,เอออออ เหนือมันก็สาระ ธารพึ่งพาได้เว้ย สักพัก..หึหึ อิเหนือหื่นแตก กลับมาแล้ววว แหมะ ไม่ทิ้งคอนเซพต์ 5555  // คุณธีโดนยิง โอกาสนี้อาจทำให้สถานการณ์พ่อลูกดีขึ้น (มั๊ย)  สนุกๆ ค่ะ เรื่องนี้ คนเขียนเก่งมาก ชื่นชม :m24:

ออฟไลน์ shcheribrand

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 72
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
มาแล้ววววว สนุกสุดๆ  :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ NUBTANG

  • Nothing is impossible. "[+++++]"
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 97
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
นี่ละน้า อยากขึ้นหลังเสือ ก็ธรรมดาที่จะต้องเจ็บตัว

ธารก็ใจเย็นๆบ้าง ครอบครัวนี้มีแต่ไฟ

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
แหม่ๆๆๆๆ  เล่นถางกันจนพง "หมออ้อย"  ดกหนา  เตียนเป็นแถบๆ

55555

ออฟไลน์ เอมมี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 572
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
สนุกมากรอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
มีแอบแซ่บกันเบาๆคลายเครียด อิๆ

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
[ตัวอย่าง] ชั่งใจ ครั้งที่ 22
มาแปะไว้ก่อน ช่วงสงกรานต์นี้คงจะอัพตอนใหม่เพิ่มอีกตอน พรุ่งนี้หรือมะรืนก็ยังไม่รู้นะคะ มาเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นแหละเนอะ //โดนตบ
เรื่องนี้อีก 6 ตอนก็จะจบแล้วค่ะ แต่มีบทส่งท้าย 2 ตอน/ พาร์ทตอนพิเศษที่น้องธารดำเนินเรื่อง 3 ตอน/ ตอนของโรมกับจอมแก่น 1 ตอน/ ตอนของน้องมายด์ 1 ตอน อันนี้จะเอาลงให้อ่านทั้งหมดนะ ถ้าผ่านพิจารณากับ สนพ.ก็จะมีตอนพิเศษเพิ่มอีก 3-4 ตอน (หรือถ้าพิมพ์เองก็จะมีเพิ่มเช่นกันค่ะ)
รออ่านกันเน้อ เจิมแล้วปูเสื่อรอ จับจองที่นั่งไว้ก่อนเลยค่า
----------------------------------------------------

ธารนั่งไหว้อยู่นาน นานจนผมลุกขึ้นไปเสี่ยงเซียมซีก็แล้ว เดินไปเอาใบเซียมซีมาอ่านก็แล้ว เดินวนดูรอบๆ โบสถ์ก็แล้ว มันยังไหว้ไม่เสร็จ ผมเลยคว้าเอาโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปไปมันที นานๆ จะได้เห็นอะไรแบบนี้ ถ่ายเสร็จแล้วก็จัดการอัพขึ้นเฟซบุ๊ค ให้พวกเพื่อนๆ ได้มาสครีมกันไปตามเรื่องหลังจากที่พวกมันสครีมกับรูปคู่ผมกับธารที่นั่งหันหน้าเข้าหากันบนคาวาซากินินจากันไปยกนึงแล้ว

ผมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับคอมเม้นต์เหน็บระคนอิจฉาจากเพื่อนๆ ก่อนจะละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์เมื่อได้ยินเสียงของธารดังขึ้นตรงหน้า
“ยิ้มบ้าอะไรอยู่”
“ไม่มีอะไรครับ” ผมเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า

ธารทำหน้าสงสัยเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร พยักปลายคางเป็นเชิงให้ออกไปข้างนอก ปากก็พูดไปด้วยว่าเดี๋ยวจะพาผมไปเดินเที่ยวรอบๆ วัดเพราะผมเพิ่งจะเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรก

ผมเดินตามไปเรื่อยๆ จนถึงบริเวณที่มีร้านรวงขายของที่ระลึก ธารบอกว่าเผื่อผมอยากจะซื้ออะไร
ผมน่ะไม่ได้อยากซื้ออะไรหรอก ไม่ได้สนใจจะดูของพวกนั้นด้วย ที่สนใจก็คือ ผมอยากรู้ต่างหากว่าธารขออะไรกับหลวงพ่อ ถึงได้ขอนานเหลือเกิน

“น้องธาร พี่เหนือถามอะไรหน่อยได้มั้ยครับ”
“อะไร” ธารชะงักมือที่กำลังหยิบดาบไม้ของเล่นขึ้นมาดู หันมามองหน้าผม
“เมื่อกี้น้องธารขอพรอะไรจากหลวงพ่อเหรอ ทำไมขอนานจัง” แค่คิดก็ถามเลย

ธารทำหน้ารำคาญ วางดาบไม้ลงที่เดิม ปากก็พูดไปด้วย
“พี่จะรู้ไปทำไม”
“อยากรู้เฉยๆ น่ะว่าขออะไร เผื่อจะเกี่ยวกับพี่เหนือบ้างอะไรบ้าง” ผมแกล้งทำหน้าทะเล้น
ธารเหลือบมองผมด้วยหางตาแล้วว่านิ่งๆ
“ไม่มีอะไร ก็แค่ขอให้พ่อหายดีไวๆ” แล้วก็ไม่พูดอะไรต่อ ทำเอาผมเลิกคิ้วสูง
“ถ้าไม่ใกล้จะเสียไป คงไม่รู้ว่ารักแค่ไหนเนอะ” ผมหยอก ให้ธารได้เอื้อมมือมาบีบปลายจมูกผมซะเต็มแรง
“พูดมาก ถ้าจะสอนก็หุบปากไปเลย”
“เจ็บๆ!” ผมรั้งมือธารออก บุ้ยปากใส่มันไปที ก่อนจะถามต่อ “แต่ขอแค่นี้เองเหรอ เห็นนั่งตั้งนาน นึกว่าจะขอเยอะ”

ธารเหลือบมองหน้าผมอีกครั้ง พลางปฏิเสธ
“เปล่า”
“เอ้า แล้วขออะไรอีกล่ะครับ บอกพี่เหนือหน่อย”
“บอกแล้วมันจะศักดิ์สิทธิ์มั้ยฮะ ใครเค้าให้บอกกันมั่ง”
“แล้วที่ขอนี่เกี่ยวกับพี่เหนือปะ?”
“ก็บอกแล้วไงว่ามันจะไม่ศักดิ์สิทธิ์ จะตื๊อทำไมวะ”

ธารกระชากเสียงนิดๆ ฟังก็รู้ว่ารำคาญ แต่เป็นการรำคาญที่เอามากลบเกลื่อนความเขินอาย เห็นหน้าแดงเรื่อของมันนิดๆ ผมก็พอจะเดาได้ว่ามันคงจะขอเรื่องผมเยอะกว่าเรื่องพ่อมันอีก ผมเลยไม่ตอแยต่อ ยื่นมือไปยีผมมันเบาๆ แทน
“โอเค ไม่บอกก็ไม่บอก เดี๋ยวไม่ศักดิ์สิทธิ์เนอะ ปะ ไปหาข้าวกินกันดีกว่า พี่เหนือเริ่มหิวละ” ผละออกมาได้ ผมก็เปลี่ยนเรื่อง ทำท่าจะเดินนำไป

หากแต่ธารคว้ามือผมเอาไว้ก่อน แล้วจับแน่น
“ถ้าพี่อยากรู้ ธารจะบอกก็ได้”
“เอ้า แล้วเมื่อกี้บอกว่าเดี๋ยวไม่ศักดิ์สิทธิ์?”
“จะศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ มันไม่ได้อยู่ที่หลวงพ่อเว้ย มันอยู่ที่คนต่างหาก ขอพรก็แค่ทำให้รู้สึกดีขึ้นเฉยๆ ที่พึ่งทางใจน่ะรู้จักมะ แค่นี้ต้องให้สอน”

โหๆ ร่ายยาวเชียว ปากดีเหลือเกิน แล้วเมื่อกี้ใครนะที่ทำท่าไม่อยากบอก

ผมทำปากยื่นใส่นิดหน่อย ก่อนจะถามต่อ
“แล้วตกลงน้องธารขออะไรไป”
ธารนิ่งไปครู่ เสมองไปทางอื่นพลางพูด
“ขอให้พี่เหนืออยู่กับธารนานๆ”

ฟังแล้ว ผมก็หลุดยิ้มกว้างออกมา ขณะที่ธารเริ่มหน้าแดงไปไหนต่อไหน
“แค่นี้?”
“ขอให้พี่รักธารมากๆ”
“แค่นี้ยังรักไม่มากพอ?”
“อยากได้อีก” ประโยคนี้พูดซะเสียงเบา

ผมล่ะอยากจะบอกมันเหลือเกินว่าเปย์ให้มันทุกอย่างและทุกครั้งที่มันมาขายอ้อยนี่ ยังไงผมก็รักมันมากอยู่แล้ว และการที่มันพูดประโยคนี้ ทำให้ผมยิ่งเอ็นดูมันขึ้นไปอีก ยกมือไปดึงแก้มมันไปมาทันใด
“เด็กขี้อ้อน”
“อย่าน่า คนมอง” ธารสะบัดหน้าหนี ผมเลยยอมดึงมือออกแต่โดยดี
“แล้วขออะไรอีก พี่เหนือว่าไม่ใช่แค่นี้แน่”
“อือ ก็ขอให้พี่เลิกแรด”
“ฮะ?” ทำท่าเหมือนไม่เชื่อหู แต่ก็ต้องเชื่อเมื่อมันย้ำมาอีก
“พี่จะได้เลิกไปยุ่งกับคนอื่นแบบถาวรซะที ลดๆ ไปบ้างความแรดน่ะ”

ด่าขนาดนี้ ต่อยกูเลยมั้ยจะได้สบายใจ!?

“คร้าบๆ เลิกแล้ว แล้วขออะไรอีก” ผมแสร้งทำเป็นไม่สนใจ ถามต่อ
“ขอให้พี่มองแต่ธารคนเดียว มีธารในใจแค่คนเดียว คิดถึงแต่ธารคนเดียว” คราวนี้ธารตอบมาเป็นประโยคยาว

ผมนิ่งไปทันที ก่อนจะยิ้มกว้างเห็นฟันทันทีที่เห็นหน้าหล่อแดงเรื่อนั้นแดงมากขึ้นจนไม่เหลือพื้นที่ให้สีเนื้อ

ดีใจ... ดีใจโคตรๆ ถึงจะรู้อยู่แล้วว่าตัวเองเป็นทุกอย่างของคนตรงหน้า แต่พอมาได้ยินกับหูตัวเองว่าเด็กนี่คิดถึงแต่ผม ผมก็อดดีใจไม่ได้ ทว่าก็เก็บอาการ หยอกมันไปอีก

“ฮั่นแน่ ขอเกี่ยวกับพี่เหนือมากขนาดนี้ แสดงว่าคิดอะไรกับพี่เหนืออยู่ใช่มะ”
ธารมองผมด้วยสายตายากจะอ่าน ริมฝีปากเม้มแน่นอยู่ขณะหนึ่ง ก่อนจะคลายตัวออกจากกัน เอ่ยคำที่ผมไม่คิดว่าจะได้ยินออกมา
“แค่นี้ยังไม่รู้อีกเหรอว่าธารรักพี่แค่ไหน งี่เง่า”

ระ...รัก

นะ...น้องธาร กลับบ้าน... กลับบ้านเดี๋ยวนี้! ไปบอกรักพี่เหนือบนเตียงเถอะนะ

โหย มันจะรู้ตัวมั้ยเนี่ยว่าโคตรน่ารักเลย น่ารักจนอยากจะลากมันไปหาห้องพักรายวันแถวนี้แวะก่อนกลับบ้าน ไอ้บุญที่ทำมาเมื่อกี้แปรเปลี่ยนเป็นบาปทันตา

แสงเหนือเอ๊ย ตกนรกหมกไหม้แท้ๆ...

ออฟไลน์ KizzllKizz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1
อ๊ายยน้องธารโคตรน่ารักเลยฮือออออ
จะเอาอ่ะ จะเอาๆๆๆ
รอฉบับเต็มค่า

ออฟไลน์ imfckwn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 277
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
หาเช่าที่พักรายวัน ทันที ..

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
5555555 โอย ขำตอนเก็บกระเป๋า
อิพี่เหนือเอ๊ยยย

ออฟไลน์ โชกุน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
บางทีเพื่อนบางคนเลิกคบแล้วชีวิตเจริญ ก็้ลิกไปเถอะนะธาร

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
ชั่งใจ ครั้งที่ 22: ธารรักพี่เหนือนะครับ[1]

ผมมาถึงโรงพยาบาลในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เป็นคนกึ่งลากกึ่งจูงธารไปที่ห้องฉุกเฉินอีกเพราะตอนนี้มันช็อคเกินกว่าจะตั้งสติได้ว่าควรทำอะไรเป็นอย่างแรกแล้ว แต่พอมาถึงหน้าห้องฉุกเฉิน ปรากฏว่าคุณธีไม่อยู่ มีแต่พี่จอมดื้อที่ยืนรอผมอยู่พร้อมกับป้ารินที่มีสีหน้าตระหนก
พอเห็นหน้าธารได้ ป้ารินก็วิ่งเข้ามาโผกอดธารแน่น
“คุณหนู...คุณหนูทำใจดีๆ ไว้นะคะ”
ผมว่าคนที่ควรจะทำใจดีๆ คือป้ารินมากกว่า ธารมันหน้าซีดเผือดก็จริง แต่คนที่ตื่นตูมยิ่งกว่าใครคือคนพูดต่างหาก
“คุณธีเป็นไงบ้างครับพี่ดื้อ” ผมเมินสองคนนั้นหันมามองพี่จอมดื้อ
เขามีสีหน้าไม่ดีนัก ก่อนตอบเร็วๆ
“ถูกยิงเข้าที่ลำตัวหลายนัดเลย ได้ยินแว่วๆ จากหมอว่าโดนไปสามนัด ตอนนี้อยู่ในห้องผ่าตัด คุณชยุตตามไปแล้ว เดี๋ยวเราไปกันเถอะ”
พูดจบก็เดินนำไปทันที ผมเลยหันไปลากธารให้เดินตามไปด้วย ขณะเดิน ปากก็ร้องถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่หยุดหย่อน
“แล้วคุณธีไปโดนยิงได้ไง”
“คนที่เห็นเหตุการณ์เป็นพนักงานในร้านคอฟฟีช็อปนะ เห็นบอกว่าคนร้ายมีสองคน จอดมอเตอร์ไซค์รอคุณธีอยู่นานแล้ว พอคุณธีออกจากร้านหลังจากแยกกับเหนือได้ชั่วโมงกว่าๆ พวกนั้นก็ขี่รถมาจอดหน้าร้าน แล้วก็ชักปืนมายิง เหมือนรอโอกาสอยู่แล้ว”

ผมใจหายวูบเลย ไม่สงสัยว่าพี่จอมดื้อรู้ได้ไงว่าผมอยู่กับคุณธี คงจะเป็นพนักงานร้านบอกรูปพรรณสัณฐานผมน่ะว่าก่อนหน้านี้คุณธีอยู่กับใคร แต่กลับรู้สึกราวตัวเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้คุณธีถูกยิงยังไงก็ไม่รู้ ถ้าผมไม่ชวนเขาออกมาคุยเรื่องธาร เรื่องแบบนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น

หากแต่ผมสะกดกลั้นความรู้สึกผิดลงไป ออกปากถามต่อ
“ใครเป็นคนยิง รู้มั้ยครับ”
“ตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นศัตรูคู่แข่งการเมืองนะ พนักงานร้านจำป้ายทะเบียนกับลักษณะรถคนร้ายได้ ตอนนี้ตำรวจกำลังตามตัวอยู่ เหนืออย่าเพิ่งไปห่วงเรื่องนั้น รีบไปที่ห้องผ่าตัดก่อนดีกว่า”

ผมเลยไม่ถามต่อ รีบเดินตามพี่จอมดื้อไปติดๆ กระทั่งถึงยังห้องผ่าตัดที่มีคุณชยุตยืนกอดอกรออยู่ด้านหน้าด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก และทันทีที่เห็นผมกับธาร คุณชยุตก็รีบเดินเข้ามาหาธารทันที
“ตอนนี้ยังไม่รู้อาการคุณธีนะครับ คุณหนูใจเย็นๆ ก่อน”

นี่ก็อีกคน ตระหนกมากกว่าธารอีก ขณะที่ธารยังช็อคไม่เลิก ป้ารินก็ร้องไห้ไม่เลิกเช่นกัน จนผมต้องกระซิบบอกพี่จอมดื้อให้ไปปลอบแกก่อน ไม่งั้นจะทำให้ธารจิตตกไปมากกว่าเดิม ก่อนผมจะเดินไปจับมือธารแน่น บีบเบาๆ ให้รู้ว่าผมยังอยู่ตรงนี้

ธารไม่มองผมเลยด้วยซ้ำ สายตากลัดกลุ้มจ้องมองที่ประตูห้องผ่าตัดตลอดเวลา หน้าก็ซีดเผือด ริมฝีปากแห้งผากจนผมเห็นแล้วอดเป็นห่วงไม่ได้ ขอร้องให้คุณชยุตซื้อน้ำมาให้ธารดื่ม ทว่าธารก็ไม่แตะ เอาแต่เงียบ และยืนนิ่งอยู่หน้าห้องผ่าตัดเป็นชั่วโมงๆ

จากตอนแรกที่ผมยืนอยู่ข้างธาร ตอนนี้ก็ชักจะเมื่อยขา ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ยาวแถวๆ นั้น รอการกลับออกมาของหมอผู้ดำเนินการผ่าตัดอย่างใจจดจ่อ ความอ่อนล้าและความกังวลในความปลอดภัยของคุณธีทำให้ร่างกายผมเหนื่อยอ่อนเหลือเกิน เปลือกตาผมเริ่มหนักอึ้งจนผมต้องปิดตาลงเพื่อพักสายตา หากแต่ทำได้เพียงครู่เดียว ก็รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนน้อยๆ บนเก้าอี้ข้างๆ

ธารนั่นเอง...

ผมหันไปมองก็เห็นว่าธารมองผมอยู่พอดี สายตาของธารในเวลานี้อ่านไม่ออกจริงๆ ว่าคิดอะไรอยู่ แต่ก็พอจะเดาได้ว่ามันคงจะเป็นห่วงพ่อมันไม่น้อย และผมก็ไม่ต้องถามให้เสียเวลา เพราะมองมันได้เพียงครู่เดียว ธารก็โผเข้ามาสวมกอดผมแน่น

“ธารไม่ไหวแล้วพี่” เสียงสั่นเครือหลุดออกจากริมฝีปากหนาแผ่วเบา
ผมยกมือขึ้นโอบกอดตอบ พึมพำปลอบใจไปด้วย
“คุณพ่อต้องไม่เป็นอะไร เชื่อพี่เหนือ น้องธารไม่ต้องกลัว พี่เหนืออยู่นี่นะ”
คือสิ่งที่ผมทำได้ดีที่สุดในเวลาอย่างนี้แล้วล่ะ

ธารกอดผมอยู่อย่างนั้นกระทั่งเวลาผ่านไปหลายชั่วโมง ในที่สุด การรอคอยอันแสนทรมานก็สิ้นสุดลงเมื่อหมอโผล่หน้าออกมาจากห้องผ่าตัดพร้อมกับเตียงคนไข้ที่มีร่างคุณธีนอนไม่ได้สติอยู่ ดูเหมือนกำลังจะพาย้ายไปที่ห้องอื่น
“ใครเป็นญาติคนไข้ครับ” เสียงของหมอดังขึ้น
เท่านั้นธารก็ผละออกจากผม ลุกพรวดขึ้นไปตรงหน้าหมอทันที
“ผมเป็นลูกชายเขาครับ” ธารว่าอย่างร้อนรน สีหน้าดูแย่กว่าเดิมอีก ผมเลยต้องลุกขึ้นมาประกบมันไว้ ด้วยกลัวว่ามันจะช็อคไปอีกรอบ

หากแต่ไม่ รอยยิ้มบนใบหน้าเหี่ยวย่นและเหนื่อยอ่อนของหมอหลังจากหมกตัวอยู่ในห้องผ่าตัดมานานหลายชั่วโมงทำให้ความกังวลในตอนแรกอันตรธานหายไปเกือบหมด
“คนไข้ปลอดภัยแล้วนะครับ มีกระสุนฝังในร่างสามนัด แต่ไม่โดนจุดสำคัญ ตอนนี้หมอผ่ากระสุนออกให้หมดแล้ว ที่เหลือก็รอให้อาการคนไข้ดีขึ้น แต่อาจจะต้องอยู่ในความดูแลของหมอที่โรง’บาลนานหน่อยนะครับ เดี๋ยวหมอจะย้ายคนไข้ไปที่ห้องพิเศษที่ทางญาติขอไว้ สบายใจได้แล้วครับ”
ธารเงยหน้าขึ้นมองเพดาน พ่นลมหายใจยาว สีหน้าดูผ่อนคลายขึ้นทันตา
“แล้วนี่ผมจะเข้าเยี่ยมพ่อได้มั้ย”
“ได้สิครับ แต่อย่ารบกวนคนไข้มากนะ ปล่อยให้เขาพักผ่อนก่อน ไว้รู้สึกตัว อาการดีขึ้นกว่าเดิมแล้ว ค่อยว่ากัน”
ธารเอ่ยขอบคุณสั้นๆ ไม่แปลกใจด้วยว่าใครเป็นคนจองห้องพิเศษ

ก็จะใครล่ะนอกจากคุณเลขาขยุต แต่ธารไม่สนใจแล้ว เดินตามบุรุษพยาบาลที่เข็นเตียงไปติดๆ ผ่านหน้าพี่จอมดื้อกับป้ารินโดยไม่สนใจจะมองสองคนนั้นด้วย คุณชยุตเลยต้องบอกให้พี่จอมดื้อกับป้ารินเดินตามมา พร้อมกับเล่าให้ฟังว่าอาการของคุณธีเป็นยังไง หากแต่ป้ารินไม่สามารถคลายความกังวลได้เลย ยิ่งฟังก็ยิ่งร้องไห้แม้ว่าคุณธีจะปลอดภัยแล้ว คุณชยุตเลยเสนอให้พี่จอมดื้อพาป้ารินกลับไปก่อน ไม่อย่างนั้นจะเป็นการรบกวนคุณธีหากตามเข้าไปที่ห้องพักด้วย อีกทั้งจะทำให้ธารกังวลใจหนักกว่าเดิม พี่จอมดื้อเห็นดีด้วยจึงทำตามอย่างไม่มีเงื่อนไข ปล่อยให้ผม ธาร กับคุณชยุตตามคุณธีไปเท่านั้น



 
เรามาหยุดยืนหน้าห้องพักพิเศษ รอให้บุรุษพยาบาลและพยาบาลจัดอุปกรณ์ทุกอย่างให้เข้าที่ ถึงทยอยเข้าไปด้านใน เว้นก็แต่คุณชยุตที่ต้องไปเป็นตัวแทนคุยกับตำรวจเรื่องการตามจับคนร้ายที่แวะมาประสานงานกับคุณชยุตถึงที่โรงพยาบาล ได้ยินแว่วๆ ว่าตอนนี้ตำรวจสกัดจับคนที่มีรูปพรรณสัณฐานคล้ายกับผู้ต้องสงสัยได้แล้ว เห็นว่าที่ตามจับได้เร็วเป็นเพราะคุณธีเป็นคนใหญ่คนโตของจังหวัด ขั้นตอนทุกอย่างเลยเป็นไปอย่างรวดเร็ว อีกทั้งบริเวณหน้าและในร้านคอฟฟีช็อปก็มีกล้องวงจรปิด จึงสะดวกต่อการตามหาตัว

แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่าทันทีที่ประตูห้องพักผู้ป่วยปิดลง ธารก็เดินไปหยุดตรงหน้าเตียงที่มีร่างพ่อนอนหลับตาสนิทอยู่ สภาพเนื้อตัวมีผ้าพันแผลปิดและมีท่ออ็อกซิเจนต่อเพื่อช่วยหายใจทำให้ธารตัวสั่นเทิ้มไปทั้งตัว ผมยืนมองอยู่ครู่หนึ่ง ลังเลใจว่าควรจะเข้าไปปลอบมันดีมั้ย แต่แล้วความคิดนั้นก็ต้องหยุดลงเมื่อเสียงของธารดังขึ้นมา
“พะ...พ่อ”

น้ำเสียงสั่นเครือราวกับจะร้องไห้ ซึ่งใช่... ร้องไห้ ครู่เดียวเท่านั้น น้ำตาลูกผู้ชายก็ไหลอาบหน้าธารเป็นสาย

“พ่ออย่าทิ้งธารไปนะ... อย่าเป็นอะไรนะพ่อ”
เป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินธารเรียกแทนตัวเองด้วยชื่อกับคุณธี ปกติได้ยินแทนตัวเองว่า ‘ผม’ ตลอด ผมเลยรู้เอาในตอนนี้ว่าลึกๆ แล้ว ถึงสองพ่อลูกนี้จะไม่ลงรอยกัน แต่ทั้งคู่ก็ผูกพันและรักกันมาก

มากจนไม่มีใครอยากเสียใครไป...

ผมเลยไม่เดินเข้าไป ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาใกล้ๆ มองดูการกระทำของธารแทน
ธารเดินไปหยุดข้างเตียงพ่อ ยื่นมือไปจับมือหนาที่มีสายน้ำเกลือห้อยอยู่ พูดประโยคเดียวไม่เลิก
“พ่อ... ตื่นขึ้นมาได้แล้ว”
ผมได้ยินแต่ประโยคนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า... มีประโยคใหม่โผล่ขึ้นมานิดหน่อย
“อย่าทิ้งธารไปนะ ไม่มีพ่อ ธารจะอยู่ยังไง”

ผมฟังมันพึมพำวนไปวนมา จนคิดว่าถ้าปล่อยให้มันพูดต่อ ไม่แน่ว่ามันอาจจะเป็นลมล้มพับไปก็ได้ ทั้งร้องไห้ ทั้งพึมพำไม่หยุดอย่างนี้ แถมร่างกายยังอ่อนเพลีย เข้าไปดูสักหน่อยก็แล้วกัน
“น้องธาร ไปพักก่อนนะครับ ไว้คุณพ่อตื่นแล้วค่อยคุยนะ คุณหมอบอกแล้วนี่นาว่าอย่ารบกวนคุณพ่อมาก ให้คุณพ่อพักก่อนเนอะ” พยายามลากมันให้มานั่งที่โซฟาพลางโอ๋มันไปด้วย

ธารฟัง ทำท่าจะผละออกมา หากแต่มือใหญ่ของคุณธีที่ถูกลูกชายจับอยู่ก็ขยับเบาๆ เสียก่อน ทำเอาทั้งธารทั้งผมหยุดชะงัก ก่อนคุณธีจะปรือตาขึ้นมาเล็กน้อย แค่นเสียงแหบแห้งออกมา
“แกเป็นเด็กอนุบาลหรือไง มาร้องเรียกพ่อๆ อยู่ได้ คนจะนอน”
“พ่อ!” คราวนี้ธารถึงกับโพล่งเสียงดัง น้ำตาที่เหือดหายไปแล้วไหลออกมาอีก ทว่าไม่โผเข้ากอดคุณธี เอาแต่ยืนมองอยู่ที่เดิม ขณะที่คุณธีเผยอยิ้มเล็กน้อย
“ฉันไม่ตายง่ายๆ หรอกน่า” พูดไปก็สั่นไป น่าจะเป็นผลจากยาสลบที่ทำให้ร่างกายมีอุณหภูมิต่ำ
ธารหัวเราะทั้งน้ำตา ตรงเข้าไปกระชับผ้าห่มคลุมร่างหนาให้แน่นขึ้น พลางค่อนแคะพ่อตัวเอง
“ตาแก่หนังเหนียว”

มันใช่คำที่แสดงถึงความดีใจตอนพ่อฟื้นขึ้นมามั้ย!?

แต่ผมก็ไม่ว่าอะไรมันหรอก ดีแล้วล่ะที่มันยิ้มออก เพราะคุณธีก็ยิ้มกับประโยคนั้นเช่นกัน ก่อนเขาจะหลับตาลงอีกครั้ง ขยับริมฝีปากเบาๆ
“ตราบใดที่ส่งแกขึ้นฝั่งไม่ได้ จะไม่ยอมตายเด็ดขาด”
เป็นประโยคที่ฟังแล้วเหมือนจะเตือนไว้ว่าถ้าเขาหายดีเมื่อไหร่ จะกลับมาบงการชีวิตของธารอีกแน่ แต่ไม่รู้ทำไม ผมถึงได้รู้สึกว่ามันเป็นประโยคบอกรักตามสไตล์ของพ่อลูกคู่นี้
“นอนไปเลยไป พูดมากอยู่ได้”

อืม...สไตล์ของพ่อลูกคู่นี้จริงๆ

ธารเองก็หัวเราะในลำคอกับประโยคนั้น คลายมือออกจากพ่อ ถอยกลับมานั่งที่โซฟาพร้อมลากผมมานั่งด้วย คุณธีตะแคงใบหน้ามามองธารนิดหน่อย ยิ้มให้แล้วหลับตาลง เข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง ปล่อยให้ธารนั่งเท้าคาง มองพ่อตัวเองด้วยสีหน้าที่ดีขึ้นกว่าตอนแรกอยู่โข
“คุณพ่อไม่เป็นไรแล้ว สบายใจได้แล้วเนอะ”
“อืม” มันขานรับเบาๆ
ผมเลยไม่พูดอะไรต่อ ยกมือขึ้นแตะไหล่มันแล้วนั่งดูคุณธีนอนหลับไปกับมันด้วย ขณะเดียวกันผมก็แอบลอบยิ้มออกมา
ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับคุณธีจะเป็นเรื่องน่าตกใจ แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงได้รู้สึกถึงสายสัมพันธ์บางๆ ของพ่อลูกคู่นี้ชัดเจนขึ้นกว่าเดิมก็ไม่รู้ บางทีเหตุการณ์นี้อาจจะทำให้ทั้งคู่หันหน้ามาคุยกันมากขึ้นก็ได้...
 



พักรักษาตัวอยู่หลายวัน อาการบาดเจ็บของคุณธีก็เริ่มดีขึ้นตามลำดับ คนร้ายที่ลอบยิงคุณธีก็ถูกตำรวจรวบตัวได้ตั้งแต่วันแรกที่คุณธีถูกยิง ซ้ำยังสาวไปถึงตัวคนบงการได้ภายในไม่กี่วันให้หลังด้วย ซ้ำยังสาวไปถึงคดีเก่าที่เป็นคดีจ้างวานเอาชีวิตคุณธีจนแม่ของธารถูกลูกหลงเสียชีวิตอีก เพียงแต่ตอนนั้นไม่มีหลักฐานมัดตัวและจับคนร้ายไม่ได้อย่างนี้ มือปืนทั้งสองเลยรับโทษกันไปตามระเบียบ ส่วนคนจ้างวานก็อย่างที่คาดการณ์กันว่าเป็นคู่แข่งทางการเมืองของคุณธี รายนั้นก็ยื่นประกันตัว รอไปต่อสู้คดีในชั้นศาลหลังจากคุณธีออกจากโรงพยาบาลแล้วไปตามระเบียบ

ถึงเรื่องจะยังไม่เคลียร์เท่าไหร่ แต่ก็ยังดีที่จับตัวคนร้ายได้ และดียิ่งกว่าที่ผมได้เห็นธารกับพ่อเริ่มพูดคุยกันมากขึ้นอย่างที่คิดไว้ในตอนแรก

“ฉันไม่กินผักกาดดอง”
“หรือพ่อจะเอาข้าวต้มคลุกน้ำปลา เรื่องมากจริง กินๆ ไปเถอะ”

คุยกันมากขึ้นนี่ ดูท่าจะออกแนวทะเลาะกันแฮะ ทะเลาะกันทุกมื้ออาหารเลยก็ว่าได้ ประเด็นก็คือคุณธีดื้อ ไม่ยอมกินอาหารที่ทางโรงพยาบาลจัดมาให้ด้วยเหตุผลว่ามันไม่น่ากิน

ก็แน่ล่ะ เกือบทุกมื้อมีแต่ข้าวต้มชืดๆ ผักกาดดองแล้วก็พวกปลากรอบอะไรเทือกนี้ อยากกินก็แปลกแล้ว

“ตกลงพ่อจะกินมั้ยเนี่ย” ธารที่รับหน้าที่ป้อนข้าวให้พ่อชักหัวเสียเมื่อเห็นคนอาวุโสกว่าเรื่องมาก นั่นก็ไม่กิน นี่ก็ไม่กิน ชูช้อนที่ตักข้าวต้มร้อนๆ จนพูนจ่อไปตรงหน้าพ่อ
“กิน แต่แกเอาผักกาดดองออกก่อน ฉันไม่ชอบ”
“กินไปเหอะพ่อ ก็แค่ผักกาดดองมั้ย ถ้าไม่กินก็ไม่มีอะไรให้กินแล้วนะ หรือพ่อจะกินไข่เจียวไหม้ๆ นี่” ว่าพลางบุ้ยปากไปยังซีกไข่เจียวแห้งๆ ที่ข้างหนึ่งมีรอยไหม้เป็นแถบ
คุณธีย่นคิ้ว ก่อนว่าเสียงแข็งน้อยๆ
“เอาผักกาดดองออก”
“งั้นพ่อก็กินข้าวต้มเปล่าแล้วกัน”
“เออ เอาออก”

ธารส่งเสียงจึ๊ในลำคอ ยอมเขี่ยผักกาดดองออกให้ ก่อนจะป้อนคุณธีด้วยสีหน้ามึนตึง คุณธีก็มึนตึง ตึงกันทั้งพ่อทั้งลูก แต่ภาพนั้นกลับทำให้ผมยิ้มกว้างออกมา
“เรื่องมาก ไม่กินผักเหมือนใครบางคนไม่มีผิด”

มาหุบยิ้มเอาก็ตอนถูกมันแซะแบบไม่ทันตั้งตัวเนี่ย
กินเว้ย! ไม่ใช่ไม่กิน แค่ไม่กินแตงกวาเท่านั้นเอง!

ตอนนี้ผมบุ้ยปากใส่มันบ้างละ ธารก็ไม่ได้สนใจผมมากนัก ป้อนข้าวพ่อไปเงียบๆ อย่างทุกวัน กระทั่งเสร็จสิ้นถึงได้ลุกมานั่งข้างผม

และการป้อนข้าวพ่อก็กลายเป็นหน้าที่ เป็นกิจวัตรประจำวันของธารไปแล้ว นอกเหนือจากนั้น การพบนักจิตวิทยาเพื่อทำการบำบัดครอบครัวก็กลายเป็นอีกหน้าที่และกิจวัตรหนึ่งของธารเช่นกัน

ตอนแรกมันก็ไม่เข้าใจหรอกว่าทำไมจะต้องพบนักจิตวิทยาด้วย มีอาการต่อต้านและโวยวายเล็กๆ ทว่าพอผมอธิบายว่าเป็นวิธีที่ทำให้มันกับพ่อได้เข้าใจกันมากขึ้น มันก็เลยยอมให้ความร่วมมือ ถึงการทำการบำบัดแต่ละขั้นตอนจะเป็นไปด้วยความยากลำบากเพราะทั้งคุณธี ทั้งธาร ต่างเผลอแสดงกิริยาแข็งๆ เข้าใส่กัน แต่ผ่านไปหลายครั้งเข้า บรรยากาศระหว่างชายต่างวัยคู่นี้ก็เริ่มดีขึ้นตามลำดับ

ดีขึ้น... ถึงขนาดเด็กนั่นกล้าพูดว่า...

“พ่อ... เรื่องแม่น่ะ คือ...ธารขอโทษนะที่โทษพ่อมาตลอด”

ผมแอบได้ยินตอนจะเดินเข้าห้องพักของคุณธีหลังจากที่นักจิตวิยาที่เข้ามาทำครอบครัวบำบัดให้ทั้งสองคนออกไปจากห้อง เลยหยุดยืนอยู่หน้าประตู แง้มเข้าไปมองนิดนึงว่าทั้งคู่ทำอะไรกัน
คุณธีก็ไม่พูดอะไร มองหน้าลูกชายอยู่ครู่หนึ่งถึงอ้าแขนทั้งสองข้างออก แล้วเด็กนั่นก็โผเข้ากอดพ่อ

อา... ช่างเป็นภาพที่น่าถ่ายรูปไว้แล้วอัดใส่กรอบแขวนผนังบ้านมันจริงๆ

กอดกันอยู่ครู่ใหญ่ แล้วก็ผละกันโดยไม่มีใครพูดอะไรออกมาสักคำ ผมที่ตอนแรกตั้งใจว่าจะเดินเข้าไปก็ตัดสินใจถอยออกมา
ปล่อยให้พ่อลูกเค้าใช้เวลาอยู่ด้วยกันหน่อยแล้วกัน
 



หลายวันผ่านไป อาการของคุณธีดีขึ้นกว่าเดิมจนเดินเหินเองได้ แต่ก็ยังออกจากโรงพยาบาลไม่ได้เพราะยังไม่หายดี ส่วนคดีของธารที่ยังค้างคาอยู่ก็เป็นอันว่าเคลียร์แล้ว ธารไร้ความผิดติดตัวโดยสิ้นเชิง แต่ก็ต้องว่ากันตามตรงว่ามีประวัติเสียนิดหน่อยในเรื่องตีกัน ทว่าสุดท้ายก็ได้รับอนุญาตให้กลับไปเรียนตามปกติ หากแต่ยังต้องอยู่บ้านตามคำสั่งของคุณธี
และเพราะมันถูกสั่งให้อยู่บ้านภายใต้ความดูแลของป้าริน มันก็เลยลากผมไปอยู่บ้านมันด้วยอีกคน อ้างกับพ่อมันว่าจะได้มีคนคุมความประพฤติเพิ่ม แล้วคุณธีตกลงมั้ย... ไม่เหลือ ถึงจะรู้ว่าผมคิดไม่ซื่อกับลูกชายตัวเอง แต่ด้วยความที่ธารไว้ใจผม และภายนอก ผมดูเหมือนเป็นคนพึ่งได้ เลยตกปากรับคำแต่โดยดี

ถามว่าพึ่งได้จริงมั้ย... จริง!
จะดูแลลูกชายคุณพ่อไปทุกซอกทุกมุมเลยครับ สัญญา...

หลังจากนั้นผมก็ย้ายออกจากหอมาอยู่บ้านมันโดยสมบูรณ์ ฟีลเหมือนแต่งเข้าบ้านมันชัดๆ แต่ก็ดีแล้วล่ะ เพราะผมได้เห็นเด็กนั่นในมุมใหม่ๆ มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง... การตื่นมาทำอาหารเช้าให้ผมกินก่อนจะไปเรียน ไม่ไปเรียนก็ทำให้ เสาร์-อาทิตย์ก็ไม่ขาด ตื่นมาทีไร เบรคฟาสต์อินเบดทุกที

อื้อหือ... คุณพ่อบ้าน พ่อศรีเรือน ถ้าจะมีเสน่ห์ปลายจวักขนาดนี้ พี่เหนือว่ามาสลับตำแหน่งกันเถอะ จะได้ไม่สับสนนะ

แต่อย่าไปถามเลย เดี๋ยวมันเอากระทะฟาดหน้าเข้าให้ ความจริงอาหารที่มันทำก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไรด้วย ก็แค่ไข่เจียว ไข่ดาว แล้วก็ไข่ต้ม โปะขนมปังปิ้งนิด เหยาะซอสถั่วเหลืองหน่อย บางวันก็ซอสพริก แล้วแต่อารมณ์มัน...แม่ง ทำเป็นอยู่แค่นั้น ดีหน่อยที่วันนี้วันเสาร์ ป้ารินไปซื้อของจากตลาดเช้าเข้าบ้านทุกวันนี้พอดี เลยมีไส้กรอกทอดเพิ่มเข้ามาในเมนูอาหารอีกหนึ่งอย่าง

แต่ไอ้นี่มันก็กินวันเว้นวันหรือเปล่าวะ!? กินจนเริ่มสงสัยแล้วเนี่ยว่าที่มันทอดไส้กรอกให้กินบ่อยๆ เป็นเพราะคิดอะไรทะลึ่งอยู่หรือเปล่า มีนัยยะล่ะสินะ

ทว่าผมก็ไม่ถามมันหรอก แค่มองอาหารเช้าในจานที่มันเอามาวางบนโต๊ะตรงหน้าหลังจากผมอาบน้ำแปรงฟันลงมานั่งที่โต๊ะกินข้าวในครัวก็เลี่ยนแล้ว
“เป็นไรพี่ กินทุกวันแค่นี้เบื่อเหรอ” เห็นผมเอาแต่จ้องของกินในจานก็ถามเสียงเรียบ ขณะที่ตัวเองถอดผ้ากันเปื้อนไปด้วย

ดูมัน... ดูมัน! ยังมีหน้ามาถามอีก!

“ถ้าเบื่อก็มีปลากระป๋องนะ เอามะ” ไม่พูดเปล่า ทำท่าจะไปหยิบปลากระป๋องจากชั้นเก็บของเหนือเคาน์เตอร์มาเทใส่จานให้ผมด้วย ดีนะผมเบรกไว้ได้ทัน
“ไม่เอาดีกว่าครับ แค่นี้พี่เหนือก็อิ่มแล้ว เดี๋ยวเราไปกินกันต่อข้างนอกก็ได้”

ไอ้ปลากระป๋องนี่ก็กินเกือบทุกวันเถอะ กินจนได้รับแคลเซียมเกินพอดีแล้ว

ธารชะงักไป เก็บปลากระป๋องเข้าที่เดิมพลางว่า
“งั้นก็รีบกิน จะได้รีบไปแต่เช้า วันนี้วันเสาร์ คนไปไหว้หลวงพ่อเยอะ”
วันนี้ผมนัดกับมันว่าจะไปไหว้พระพุทธชินราชที่วัดใหญ่น่ะ พอดีเมื่อวานก่อน ผมบอกมันว่าตั้งแต่อยู่พิษณุโลก ยังไม่เคยไปไหว้หลวงพ่อเลย มันเลยอาสาจะพาไปโดยอ้างว่าจะไปทำบุญ แล้วก็ขอพรให้พ่อมันหายไวๆ ด้วย
 

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด