【ช่างใจรัก】♦โหลดEbookและรอบปกติ♦12/11/59
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 【ช่างใจรัก】♦โหลดEbookและรอบปกติ♦12/11/59  (อ่าน 238835 ครั้ง)

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
เหมือนจะดีมีสาระนะพี่เหนือ สุดท้ายก็หื่นแตกอีกแล้ว
ถ้าได้ทุนเด็กขี้โมโหจะอาระวาดอะไรอีกไหมนี่ ช่วงนี้ตัวยิ่งติดกันตลอดด้วย ไหนเรื่องเรียนต่อของธารอีก

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4067
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
สังหรณ์ใจว่าถ้าแสงเหนือตัดสินใจไปเมกา ธารจะตามไปแน่ ติดเหนือและพ่อรวยขนาดนี้  แต่อยากให้ธารแบ่งความทุ่มเทนั้น มาให้กับอนาคตตัวเองสักนิด เรียนไปด้วยรักไปด้วย อนาคตจะสดใสกว่านี้นะแจ๊ะ // ป้าก็บ่นเป็นยายแก่เลย  :katai5:

ออฟไลน์ drasil

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1691
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-1
พี่เหนือตลกกก น้องธารก็น่ารัก
สนุกมากเลยค่ะ เราอ่านรวดเดียวถึงตอนล่าสุดเลย
มาต่อเร็วๆน้าาา อยากอ่านตอนต่อไปแล้วว

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4565
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
น้องธารสายซึนและยันมากกก. ถ้าพี่เหนือได้ทุนนี่โดนจับล่ามโซ่แน่เลย :hao7:

ออฟไลน์ peaceminus1

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
โอ้ยยยย อิพี่เหนือ หื่นเสมอต้นเสมอปลาย 555
 :hao7:

ออฟไลน์ แค่มะลิ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โอ๊ยยยยย อิพี่เหนือเหมือนจะดีเหมือนจะห่วงอนาคตของปั๋วเด็ก
สุดท้าย  :hao6: :hao7:

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
[ตัวอย่าง] ชั่งใจ ครั้งที่ 24
มาแว้ววว มาม่า ตัดตัวอย่างตอนมาม่าเดือดมาให้ชิมลางด้วย เอาซี่ ร้อนแรงกันไปอีกกก 555
มาม่าไม่มากค่ะ จริงๆ สาบานได้ เจ็บเหมือนมดกันนิดเดียว (มดทั้งรัง 555 #โดนตบ) ส่วนที่หลายๆ คนบอกว่าให้น้องธารตามไปเรียนกับพี่เหนือนี่ หนูแดงกระซิบบอกได้เลยว่าสองคนนี้ก็มีแพลนค่ะ แต่ว่า...
ไปรออ่านเอาตอนเต็มๆ แล้วกันเนอะ สปอยล์ให้อยากแล้วจากปายยยย อิอิ
เจิมแล้วปูเสื่อรอเลยจ้า อีก 2-3 วันจะมานะ อาจมาเร็วกว่านั้น แล้วแต่อารมณ์และความสวยของคนเขียน XD
-----------------------------------------

“พี่เหนือ! สละสิทธิ์เดี๋ยวนี้!”
“น้องธาร ใจเย็นๆ ก่อน”
“จะให้ใจเย็นยังไงได้อีก สละสิทธิ์เดี๋ยวนี้เลย!”

ธารไม่ฟังผมพูดเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังลากผมให้มานั่งบนเก้าอี้หน้าโน้ตบุ๊ค พยายามบังคับให้ผมเข้าเว็บไซต์ทุนแล้วไปยื่นขอสละสิทธิ์ แต่ใครมันจะไปทำวะ นั่นมันความฝันของผมนะเว้ย ตลอดยี่สิบสองปี ผมตั้งใจเรียนมากแค่ไหนกว่าจะมาถึงจุดนี้ ถึงจะรักธารมากเช่นกัน ทว่าจะให้ผมทิ้งความฝันแล้วไปเลือกมันก็ไม่ได้ ถ้าในอนาคตเลิกกันขึ้นมาจะเป็นยังไง ไม่เท่ากับว่าผมเสียโอกาสสำคัญครั้งหนึ่งในชีวิตไปเลยเหรอ?

ผมก็เลยขืนตัว ไม่ยอมนั่ง หลบมายืนอยู่อีกมุม ข่มใจให้ใจเย็นที่สุด เพราะตอนนี้คนที่เดือดกว่าใครเพื่อนก็คือคนตรงหน้าผม
“น้องธาร ฟังพี่เหนืออธิบายก่อนนะ”
“จะต้องให้ฟังอะไรอีก! ธารฟังพี่มามากแล้ว ตอนนี้พี่ต้องฟังธาร สละสิทธิ์เดี๋ยวนี้!”

ความจริงมีแต่ผมต่างหากที่ฟังมัน เพราะผมเลี่ยงที่จะพูดเรื่องนี้มาโดยตลอดด้วยยังไม่รู้ผล และที่เลี่ยงก็เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาระหว่างเราสองคน แต่ตอนนี้เลี่ยงไม่ได้แล้ว ในเมื่อรู้ผลแล้ว และผมก็ตัดสินใจว่าจะไป ดังนั้นก็มีทางเดียวที่จะแก้ปัญหานี้ได้คือ การอธิบายให้ธารเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร

แต่ก็เท่านั้น ธารไม่ฟังเลยแม้แต่น้อย โกรธจนตัวสั่นเทิ้ม มองหน้าผมด้วยสายตาแข็งกร้าว ปากก็ยังออกคำสั่งไปหยุด
“ธารฟังคำโกหกของพี่มามากแล้ว ไม่ไปอะไร อยู่ด้วยกันตลอดไปอะไร! แม่งโกหกทั้งนั้น!”
“น้องธาร ฟังพี่...” ผมอ้าปาก จะอธิบายอีกครั้ง
หากแต่ธารตรงเข้ามากระชากผมให้ไปที่โน้ตบุ๊คอีกรอบ แล้วบังคับให้ทำสิ่งที่ผมไม่อยากทำอีก
“สละสิทธิ์เดี๋ยวนี้! ถ้ารักกันจริงก็ทำซะ!”

ผมว่ามันไม่มีเหตุผลเลย งี่เง่าเกินไปแล้ว หมดประโยชน์จะคุยแฮะถ้ามันยังอารมณ์ร้อนไม่เลิกอย่างนี้
ผมก็เลยสะบัดตัวออก ลุกขึ้นยืน ตั้งท่าจะเดินหนีออกจากห้อง ปล่อยให้มันสงบสติอารมณ์ก่อนแล้วค่อยคุยกัน ทว่าพอเดินไปถึงประตู ธารก็พุ่งเข้ามาคว้าแขนผม ดึงซะเต็มแรงให้ผมหันหน้าไปสบตามัน
“จะหนีไปไหน! บอกให้สละสิทธิ์ไงวะ!”

บอกตรงๆ ว่าตอนนี้ผมหมดความอดทนแล้ว ความงี่เง่าเอาแต่ใจของมันทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองถูกบีบคั้นเกินไป จนเผลอหลุดตะคอกใส่มันอย่างไม่รู้ตัว
“โลกนี้ไม่ได้มีแค่เราสองคนนะเว้ย! นายเลิกทำตัวเป็นเด็กซะที ฉันเหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว!”
ไม่ใช่แค่ตะคอก สรรพนามที่ใช้เรียกแทนตัวผมกับธารก็เปลี่ยนไป ธารชะงักไปครู่ ดวงตาแข็งกร้าวฉายความผิดหวังออกมาให้เห็นชัดเจน ทว่าก็ไม่ได้ทำให้ธารใจเย็นลงได้เลย รังแต่จะทำให้มันใจร้อนมากขึ้นไปอีก
“แล้วยังไงวะ! ก็สัญญาว่าจะอยู่ด้วยกันแล้ว จะมาเปลี่ยนคำพูดแบบนี้ไม่ได้! พี่เป็นแฟนธารแล้ว ห้ามไปไหนเด็ดขาด!”

ผมยังไม่ได้ตกลงเป็นแฟนเลยแม้แต่น้อย ธารเองก็เช่นกัน มีเมื่อกี้นี้แหละที่มันโพล่งขึ้นมาเอง แต่ผมก็ไม่สนใจอะไรมาก วินาทีนี้อยากให้มันสงบสติอารมณ์ก่อนแล้วค่อยมาคุยกัน เพราะผมเองก็ไม่อยากจะเดือดดาล หลุดคำพูดทำร้ายจิตใจคนที่ผมรักออกมาเพราะเราตกลงกันไม่ได้อีก

ผมเลยสะบัดแขนให้หลุดออกจากการเกาะกุม เดินหนีอีกครั้ง แต่ธารก็ยังคงเป็นธาร ใจร้อนและไร้เหตุผลเหมือนเดิม แค่เห็นผมจะหนี ก็เข้ามาฉุดแขนอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ฉุดเปล่า ยังเหวี่ยงเข้าไปกลางห้อง หวังจะไม่ให้ผมออก ทว่าในนาทีที่เหวี่ยงร่างผมนั้น ธารคงจะลืมระงับแรงตัวเองไป ทำให้ผมที่ไม่ทันตั้งหลักเซถลาล้มจุ้มปุ๊กไปบนพื้น หัวข้างหนึ่งกระแทกเข้ากับขาโต๊ะที่อยู่ไม่ไกลเสียเต็มแรงจนรู้สึกมึนไปชั่วขณะ

มึนอย่างเดียวไม่ว่า พอยื่นมือไปแตะบริเวณที่ถูกกระแทก ก็เห็นว่ามีเลือดไหลซึมออกมาด้วย
ธารมองผมด้วยสายตาตระหนก คงจะตกใจที่เผลอทำร้ายผมโดยไม่ได้ตั้งใจ รีบปรี่เข้ามาหาผมทันที
“พี่เหนือ เป็นอะไรมั้ย”

เป็น... เป็นมากด้วย มากกว่านั้นคือผมไม่อยากจะคุยกับมันในตอนนี้แล้ว ผมเองก็เริ่มโมโหเหมือนกัน แค่เห็นมันทำท่าจะประคองผม ผมก็ปัดมือมันออก

“อย่ามาถูกตัวฉัน”
“พี่...” ธารคราง ยื่นมือมาจะจับผมอีกครั้ง แต่ผมก็ปัดทิ้งอย่างไม่ไยดี หลุดตะคอกมันไปอีก
“บอกว่าอย่ามาถูกตัวฉันไง!”

ธารนิ่งค้าง ไม่เชื่อสายตาว่าคนอย่างผมจะโกรธมันเป็นเหมือนกัน ทว่าผมก็ไม่ใส่ใจแล้ว ดันตัวขึ้นยืน แล้วพุ่งไปทางประตู ธารก็ทำท่าจะตามมาอีกนั่นแหละ ผมเลยรีบเบรกมันไว้ก่อนด้วยไม่ต้องการจะทะเลาะกับมันอีก
“อย่าตามมา ไว้นายหยุดความหมาบ้านี่ได้ แล้วพร้อมจะคุยก่อน ค่อยมาคุย ฉันเบื่อที่จะโอ๋เด็กไม่รู้จักโตอย่างนายเต็มแก่แล้ว ถึงเวลาที่นายจะต้องฟังเหตุผลของฉันบ้าง”
“แต่พี่...” ธารทำท่าจะแย้ง สีหน้ารู้สึกผิดเต็มแก่

แล้วมันช่วยอะไรล่ะ ผมไม่ได้ต้องการจะโอ๋มันแล้ว ผมเองก็ต้องการแคร์ความรู้สึกตัวเองเหมือนกัน มันเหนื่อยนะที่จะต้องไปดูแลเทคแคร์ความรู้สึกคนอื่นตลอดเวลาทั้งที่อีกฝ่ายไม่แคร์ความรู้สึกหรือสนใจความต้องการของผมเลย

ผมเลยพูดดักเอาไว้ก่อนที่มันจะพูดจบ
“ฟังนะธาร ชีวิตฉันไม่ได้มีแค่นาย ฉันจะไม่ทิ้งโอกาสในอนาคตหรือความฝันของฉันเพื่อนายเด็ดขาด ยังไงฉันก็จะไป ส่วนนาย... ถ้ายอมรับกับการตัดสินใจของฉันได้เมื่อไหร่ก็ค่อยมาคุยกัน”

ธารทำท่าอึดอัดขึ้นมา ดวงตาก้าวร้าวเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย ก่อนมันจะเดือดขึ้นมาอีกครั้ง หันไปสบถเสียงดัง
“โธ่เว้ย! ทำไมเป็นอย่างนี้วะ!”
แล้วก็เริ่มทำลายข้าวของในห้องตัวเอง ถ้าเป็นเวลาปกติ ผมจะเข้าไปห้าม เข้าไปปลอบประโลมให้มันรู้สึกดี ทว่าคราวนี้ผมทำได้แค่ยืนมองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถอยออกมาจากห้อง พุ่งลงไปชั้นล่างและออกจากบ้านมันมาในเวลาอันสั้น

ใช่ว่าผมอยากจะทำแบบนี้ ผมก็รู้สึกแย่ เพราะผมเองก็รักธาร รักมากจนไม่อยากเสียไป แต่ความฝันของผมก็สำคัญมากจนไม่อยากเสียไปเหมือนกัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-04-2016 17:33:41 โดย NooDangzz »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5591
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
อยากอ่านต่อแล้วอ่า รีบๆมาต่อนะจ๊ะ พลีสสสส

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ Paracetamol

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 660
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-2
โอ๋ตลอดไม่ได้หรอก ธารต้องโตบ้างเเล้ว ไม่ใช่เด็กๆเเล้ว

ออฟไลน์ KizzllKizz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1
มาม่าแบบพอกรุบกริบก็พอนะคะแง อย่าจัดเต็มมาก ใจบ่ดี

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
น้องธารหนูต้องโตได้แล้วนะคะ หนูก็ต้องคิดถึงอนาคตของตัวเองด้วยนะ ในเมื่อพี่เหนือจะไปธารก็ตามไปเรียนที่นู่นด้วยซะซิจะได้ไม่ต้องแยกจากกัน

ออฟไลน์ Baitaew

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 361
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
เพิ่งเข้ามาอ่าน สนุกมากค่า รอนะคะ  :mew1:

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
อยากอ่านนนนนมากกก อิพี่เหนือจริงจังอะแกรรรร

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
ก็คิดไว้ประมาณนี้เหมือนกัน

ความรักต่างวัย  ระดับการใช้เหตุผลเลยไม่เท่ากัน

แต่ก็คิดไว้อีกเหมือนกันว่า เหตุการณ์นี้ จะทำให้ธารโตขึ้น

ความรัก  มันมีมากกว่าการอยุ่ด้วยกัน

อิอิ

ออฟไลน์ KizzllKizz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1
พี่เหนือทำถูกแล้ว ธารควรโตขึ้นอะ ควรใช้เหตุผลมากขึ้นนะเว้ย

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4067
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
ก็เข้าใจนะว่า รัก ..

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3322
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
ธารเอาแต่ใจมาก แต่เอาจริงๆพี่เหนือก็สปอยตลอด เราเข้าใจเหนือมีเหตุผลของเหนือ ความฝัน อนาคตนะเว้ย จะเอามาทิ้งแบบนี้ไม่ได้ ธารดูไม่ได้พยามจะทำอะไรเลย อยากยึดเหนี่ยวเหนือไว้ใกล้ แต่ความรักอย่างเดียวมันอดตายนะเห้ยย พี่เหนือไปเรียนไม่ได้เลิกกันซะหน่อย คอลแบบเห็นหน้าก็ได้ บินไปหาก็ได้ ใจเย็นๆธารเอ้ยย เหนือด้วย ปกติยอมตลอด บทอยู่จะไม่ยอมขึ้นมา ค่อยถูกสปอยงานหนักแน่  ใช่ซี้ จะไปแล้วนี่ ใช่ซี้ คงเริ่มเบื่อกันแล้วนิ ตอนแรกยังโอเคกับความสำพันธ์แบบไม่ผูกมัดอยุ่ คือเหมือนแฟนแค่ไม่เรียกแหนเท่านั้นเิง แต่พอมีปัญหาขึ้นมากับเอาข้อนี้มาอ้าง ว่าไม่ได้เป็นแฟนกันซะหน่อย  ไม่รู้สิ รอบนี้ทีมธาร ถึงจะงี้เง่าเอาแต่ใจ แต่ไม่ได้เปลี่ยนไปแน่นอนนนนน 



ปล พิมได้วนไปวนมา มากก

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
่ห่วงใยนะเด็กๆ ^^

ออฟไลน์ jillongame

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 65
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เหอะๆชีวิตคือความไม่แน่นอน คนเราเลือกอนาคต ที่สดใสกว่า พอมองไปอีกทีก็ตะวคนเดียวไปแล้ว หรือบางคนเลือกคนที่รักสุดท้ายก็อยู่ตัวคนเดียวได้เช่นกัน แค่เลือกและปรับเข้าหากัน แต่กรณีของคู่นี้ทางออกสว่างมากดีด้วยทั้งคู่ธารตามเจ้ไปเรียนต่อได้สบายบ้านไม่ได้ลำบาง แค่ต่างกันสองปี แต่เจ้ต้องต่อเอกน่ะจะได้อยู่เมกาเท่าๆกัน

ออฟไลน์ lalaly

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ โชกุน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
ธารไปเรียนด้วยเลย จบ 555

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
เอาไงล่ะทีนี้. เรื่องชักจะวุ่นวายไปแล้ววว

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
ชั่งใจ ครั้งที่ 24: ถึงเวลาต้องโตกว่าเดิมได้แล้วรู้มั้ย[1]

เผลอไปติววิชาเพศศึกษาให้มันแทนที่จะติวภาษาอังกฤษซะได้ แถมติวลากยาวยันมืด อีกวันก็ติว วันต่อๆ ไปก็ติว ติวแม่งแต่วิชานี้แหละ ส่วนวิชาอื่น... เหอะ มันไม่แตะเลยสักนิด

จะว่าไม่แตะก็ไม่เชิง ก็แตะแหละ หยิบขึ้นมาอ่านบ้างนิดๆ หน่อยๆ เวลาผมทักว่าทำไมไม่เห็นอ่านหนังสือ ทักที มันก็ลุกขึ้นมาอ่านหนังสือที ทำเอาผมอดระอาใจระคนเป็นห่วงอนาคตมันไม่ได้ ผ่านมาร่วมอาทิตย์แล้ว มันก็ยังทำอะไรไม่จริงจังสักที อ่านบ้าง ไม่อ่านบ้างอยู่นั่น ขณะที่ตอนนี้จอมแก่นกับโรมพากันจูงมือไปเรียนพิเศษวิชาสามัญเพิ่มเติมตามโรงเรียนกวดวิชาไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย

แล้วดูเด็กนี่... ให้ตายเถอะ ผมเป็นห่วงมันจริงๆ นะ

เพราะเป็นห่วง ผมเลยอดเอาเรื่องนี้ไปบ่นกับไอ้ยีนส์ไอ้กั้งไม่ได้ ที่เอาไปบ่นก็ไม่ใช่อะไรหรอก คุยกับพวกมันตามปกติน่ะ แล้วก็เผลอหลุดปากออกมาเมื่อไอ้ยีนส์มันถามว่า ‘ผัวเด็กมึงเป็นไงบ้างล่ะ ตกลงเลือกได้หรือยังว่าจะเอาไงกับอนาคต’
เท่านั้นแหละ ผมก็เลยเผลอร่ายยาว ให้พวกมันได้ด่าผมกันยกใหญ่ว่าผมเป็นต้นเหตุที่ทำให้ธารเสียคน

แต่กูก็ไม่ได้เป็นต้นเหตุที่ทำให้มันเลือกทางเดินในอนาคตตัวเองไม่ได้สักทีมั้ย!? กระตุ้นมันตั้งหลายครั้งแล้วเนี่ย มันไม่กระเตื้องเองเถอะ!

แล้วผมก็โดนพวกเพื่อนเวรนั่นด่าอีกว่าสปอยล์ธารมากเกินไป ธารเลยไม่มีความเกรงกลัวเวลาผมพูดหรือเตือนอะไร ซึ่งมันก็จริง แต่ก็ช่วยไม่ได้นี่หว่า ก็เด็กนั่นมันน่ารัก เห็นมันทำท่าทางออดอ้อนทีไร ผมก็ไม่อยากจะขัดใจมันทุกที ที่สำคัญ ผมไม่อยากทำให้มันหงุดหงิด เห็นมันทำปากคว่ำแล้ว อดใจชวนไปง้อบนเตียงไม่ได้ทุกที นั่นแหละที่ทำเสียงานเสียการ

และเพราะผมโดนไอ้ยีนส์ไอ้กั้งรุมด่ามา ผมก็อดไม่ได้ที่จะมาลงที่ธาร ก็ไม่ได้ลงด้วยการระบายอารมณ์หงุดหงิดอะไรงี้หรอก มาบ่นมันตามประสาน่ะ

“น้องธาร ไหนสัญญาว่าจะอ่านหนังสือก่อนนอนให้ได้วันละบทไง พี่เหนือว่าถึงเวลาที่เราต้องตั้งใจได้แล้วนะ ปล่อยเวลาให้ผ่านไปเฉยๆ อย่างนี้ไม่ได้นะครับ”
ผมเริ่มเปิดฉากบ่นอีกแล้วหลังจากที่เราทั้งคู่อาบน้ำอาบท่าเสร็จและเตรียมเข้านอน หากแต่ธารยังไม่นอน กลิ้งเกลือกเล่นเกมบนโทรศัพท์ไปมา ละเลยข้อสัญญาที่เคยตกลงไว้กับผมเมื่อหลายวันก่อน
การบ่นของผมทำให้ธารวางโทรศัพท์ในมือลง เหลือบมามองผมเล็กน้อยด้วยสายตารำคาญ
“พี่นี่บ่นเก่งจังวะ”
“จะไม่ให้บ่นเก่งได้ไง ก็ดูน้องธารทำตัวสิ ผิดสัญญากับพี่เหนืองี้ ใช้ได้ที่ไหน” ผมแสร้งทำเป็นงอน มีทำแก้มป่องเพิ่มความมุ้งมิ้งเข้าไปด้วย

ธารหัวเราะ ดันตัวขึ้นนั่งแล้วอ้าแขนทั้งสองข้างออก พยักหน้าเรียกให้ผมเข้าไปหา พอเดินเข้าไป ธารก็รวบตัวผมไปกอดแน่นจากทางด้านหลัง วางคางลงมาบนไหล่ผม พลางถามเสียงทะเล้น
“อะไร นี่งอนเหรอ”
“ก็...นิดนึง”

ตอนแรกกะจะบอกว่าไม่ได้งอน แต่เห็นท่าทางอ้อนๆ ของมัน... แหม งอนก็ได้ มีความน่ารักตะมุตะมิปิ๊กาจูเหลือเกิน

ธารก็เลยฉกหอมแก้มผมมาที ดูรอยยิ้มมุมปากที่โผล่มาบนใบหน้าหล่อนั่นแล้วก็รู้ได้เลยว่ามันรู้ว่าผมไม่ได้งอนหรอก แค่แกล้งมันเล่น แต่มันก็ยอมง้อผมเล่นๆ เช่นกัน
“วันนี้ธารเหนื่อยอะ ไว้อ่านวันหลังได้มั้ยพี่”
“เหนื่อยอะไร เมื่อวานก็ไม่ได้อ่าน วันนี้ก็แค่ไปเรียน มีแวะไปหาคุณพ่อที่โรง’บาลตอนเย็นแป๊บเดียว ไปทำอะไรมาเหนื่อย” ผมย้อนถาม ทำเอาธารทำปากยื่น
“อ้อนพี่จนเหนื่อยเนี่ย” แล้วก็ซุกหน้าลงมาบนซอกคอผม

อูย... อะไรยังไง อันนี้ขายอ้อยใช่มั้ย ถ้าขายก็บอก เตรียมตัวพร้อมเปย์แล้วนะ

ถึงจะพร้อมเปย์ก็ต้องอดใจไว้ก่อน เรื่องอนาคตของเด็กนี่สำคัญกว่า ไม่งั้นเดี๋ยวผมได้ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนทำมันเสียอนาคตอีก

เท่านั้นผมก็ขืนตัวออกเล็กน้อย กะจะไล่ให้มันไปอ่านหนังสืออีก ทว่ายังไม่ทันจะได้พูดเลย ธารก็รู้ทันซะก่อน
“ถ้าจะบ่นเรื่องอ่านหนังสืออีก หยุดบ่นเลย ไว้อ่านพรุ่งนี้ วันนี้ไม่มีอารมณ์”
“แต่มีอารมณ์ทำอย่างอื่นใช่มะ” ผมแกล้งถาม แก้มใสๆ ของธารแดงเรื่อขึ้นทันควัน
“พี่นี่แม่ง ในหัวมีแต่เรื่องนี้หรือไงวะ”

เอ้า ด่าอีก ก็มึงมาจุดประกายความหื่นทำไมล่ะ

“ไม่รู้สิ ก็เห็นน้องธารอ้อนทีไร สุดท้ายก็นัวเนียมะรุมมะตุ้มกันทุกที” ผมหยอกเข้าให้
ธารเลยปล่อยผม ทิ้งตัวลงนอนราบ
“ก็พี่เริ่มเองนี่หว่า ธารจะนอนแล้ว ปิดไฟด้วยนะ”

สุดท้ายก็จบลงโดยการไม่อ่านหนังสืออยู่ดี ผมมองแล้วก็ถอนหายใจ เสียดายความฉลาดของมันขึ้นมาฉับพลัน ถ้ามันเป็นคนมีความตั้งใจเหมือนจอมแก่นที่ไม่เก่งนักแต่ขยัน หรือมีความพยายามเหมือนโรมที่หัวขี้เลื่อยแต่กัดฟันสู้ ถึงจะสอบไม่ติดตามที่หวัง แต่ผมก็จะไม่ห่วงเลยเพราะยังไงก็พอจะมองเห็นเส้นทางในอนาคตว่าอีกต่อไปจะเป็นยังไง ขนาดน้องมายด์ที่ดูเหมือนไม่สนใจอะไร ยังมีเป้าหมายเป็นของตัวเองเลย แล้วดูเด็กนี่สิ มีพร้อมทุกอย่างแต่ไม่ขวนขวายนี่มันไม่ใช่เรื่องมั้ง

แต่บ่นไปก็เท่านั้นแล้วล่ะตอนนี้ เอาเป็นว่าลองถามมันหน่อยแล้วกันว่าตกลงมันเริ่มคิดได้หรือยังว่าเรียนจบแล้วจะเอายังไงต่อ
“พี่เหนือถามจริงๆ นะน้องธาร ตกลงตอนนี้ตัดสินใจได้หรือยังว่าจะไปสอบกับพวกเพื่อนๆ มั้ย”
“ยัง” คำตอบก็เหมือนเดิม แถมตอนตอบก็ปิดเปลือกตาสนิท วางท่าทางไม่ใส่ใจใส่ผมด้วย
ผมเม้มปากมองมันอยู่ครู่หนึ่งก่อนถามต่อ
“ถ้าไม่อยากไปสอบเรียนต่อกับพวกเพื่อนๆ งั้นไปสอบเรียนต่อที่กรุงเทพฯ มั้ย”
คราวนี้ธารเปิดเปลือกตาขึ้นมาเหล่มองผม ย่นหัวคิ้วยู่ขณะถามไปด้วย
“ไปกรุงเทพฯ ทำไมวะ”
“เอ้า ก็จะได้อยู่ใกล้ๆ พี่เหนือไง”
“ได้อยู่ใกล้บ้าอะไร เดี๋ยวพี่ก็ไปเรียนต่อที่อเมริกาแล้วไม่ใช่หรือไง”

น้ำเสียงกึ่งประชดประชันของธารทำเอาผมชะงัก ผมอุตส่าห์ไม่พูดถึงเรื่องนี้แล้วนะเพราะไม่อยากให้เรามีปัญหากัน แต่เอาจริงๆ พักหลังนี่เวลามีโอกาสทีไร ธารก็จะโพล่งเรื่องนี้ขึ้นมาทุกทีทั้งที่ผมยังไม่รู้ผลเลยด้วยซ้ำว่าตัวเองจะได้ทุนมั้ย ทว่าผมก็ไม่คิดอะไรมาก ฉีกยิ้มให้เด็กนั่นแล้วขยับเข้าไปใกล้
“พี่เหนือยังไม่รู้เลยว่าจะได้รับคัดเลือกหรือเปล่า คนเก่งๆ มีอีกตั้งเยอะ พี่เหนืออาจจะไม่ได้ก็ได้นะ ถ้าพี่กั้งไม่ได้ พี่เหนือก็หมดสิทธิ์แล้ว”
ที่เอาไอ้กั้งมาอ้างเป็นเพราะมันเรียนเก่งกว่าผมน่ะ เห็นมันอย่างนั้นนี่ดีกรีเกียรตินิยมอันดับหนึ่งของคณะเลยนะ ขณะที่ผมได้เพียงเกียรตินิยมอันดับสอง หวิดจะไม่ได้ด้วยซ้ำเพราะเอาแต่โดดเรียนตลอด ดีที่ไม่ขาดเรียนจนเกินโควตา ส่งงานครบและทำคะแนนสอบได้ดี เกรดก็เลยพุ่งกระฉูดอย่างนั้น

หากแต่ผมพูดอย่างนั้นไปก็ไม่มีประโยชน์ ไม่ได้ทำให้ธารคลายหัวคิ้วย่นยู่ได้เลย ซ้ำยังคิดเลยเถิดขึ้นมาอีก
“พี่เหนือ ถามจริงๆ นะ ถ้าพี่ได้ทุน พี่จะไปมั้ย”
คำถามเดิมๆ ซึ่งผมก็ตอบไม่ได้เหมือนเดิม ได้แต่มองหน้าคนข้างกายแล้วอึดอัก เฉไฉไปเรื่องอื่น
“ถามอะไรไร้สาระอีกแล้ว ไหนว่าจะนอนไงครับ นอนเนอะ เดี๋ยวพี่เหนือไปปิดไฟ” เลี่ยงได้ก็รีบลุกจากเตียง ตั้งใจจะพุ่งไปปิดไฟ แต่ก็โดนธารฉุดแขนเอาไว้ก่อน
ฉุดไม่พอ ดันตัวลุกขึ้นมานั่งแล้วรั้งผมให้เข้าไปใกล้ด้วย
“ธารซีเรียสนะพี่ ตอบหน่อยว่าถ้าพี่ได้ทุน พี่จะไปมั้ย”
ผมอึกอัก ไม่รู้จะตอบยังไง ความจริงแล้วเวลาถูกธารถามคำถามนี้ ผมก็ไม่เคยตอบ เอาแต่เลี่ยงไปเรื่อย แต่รอบนี้ท่าทางจะเลี่ยงไม่ได้แล้วล่ะ เพราะพอผมไม่ตอบ ธารก็ถามย้ำมาอีก
“ว่าไง ตกลงจะไปมั้ย”
“คือ...มันเป็นความฝันของพี่เหนือ” ผมตอบเลี่ยงๆ อยู่ดี แต่มันก็ชัดเจนล่ะว่าผมคิดยังไง
ธารมีสีหน้าอึดอัดระคนขัดใจไปครู่ แล้วก็ยิงคำถามที่ผมคิดว่ามันจะต้องพูดออกมาแน่
“พี่ไม่รักกันแล้วใช่มั้ย”

นั่นไง ไม้ตายเด็ด ว่าแล้วเชียวว่าต้องมาอีหรอบนี้ ผมเองก็เคยใช้กับบรรดาแฟนเก่าเวลาที่อะไรไม่ได้ดั่งใจเหมือนกัน แต่นั่นมันก็สมัยที่ผมยังอายุน้อยและความคิดความอ่านยังเด็กกว่านี้ ทว่ากับธารแล้ว ผมก็ไม่สงสัยเท่าไหร่ว่าทำไมมันถึงพูด ก็มันยังไม่โตเลยนี่นา โตแต่ตัวแต่วุฒิภาวะยังไม่โตตามตัวเท่าไหร่ก็ไม่แปลกหรอก
“ไม่ใช่ไม่รัก พี่เหนือรักน้องธารมากนะ ไม่งั้นจะขอแม่อยู่กับน้องธารต่อที่พิษณุโลกอย่างนี้เหรอ ถ้าไม่รัก ป่านนี้ก็กลับกรุงเทพฯ ไปตั้งนานแล้ว” ผมแก้ต่างให้ตัวเอง
แต่ธารก็ยังไม่พอใจ ถามย้อนกลับมาอีก
“ถ้ารัก แล้วพี่จะทิ้งธารไปทำไม”

กูยังไม่ได้ทุนเลยนะเว้ย มึงจะคิดมากไปไหนเนี่ย!

อยากจะตะโกนใส่หน้ามันอย่างนี้ฉิบ ชักจะรำคาญขึ้นมานิดๆ แล้วด้วย แต่ก็ต้องหายรำคาญเมื่อมันดึงผมให้ทิ้งตัวลงนอนข้างๆ รวบผมเข้ามากอด พร้อมเอาหน้าซุกหน้าอกผม
“ถ้าพี่ได้ทุน พี่อย่าทิ้งธารไปได้มั้ย สละสิทธิ์เถอะนะ ธารขอ เคยบอกแล้วนี่ว่าธารอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีพี่”
ผมฉุกใจคิดขึ้นมาได้ว่ามันติดผมแค่ไหน ก็อย่างว่า ผมเป็นที่พึ่งทางใจให้มันอยู่นี่นา แถมมีผมคนเดียวที่มันตั้งเชื่อใจและไว้ใจด้วย มากกว่าพ่อมันด้วยซ้ำ จะกลัวว่าจะเสียผมไปก็เป็นเรื่องปกติ
ผมเข้าใจความรู้สึกคนตรงหน้าเป็นอย่างดี ผมเองก็ไม่อยากทิ้งไปเหมือนกัน ผมรักธาร... รู้ตัวและชัดเจนในความรู้สึกตัวเองมากขึ้นทุกวัน และรักมากขึ้นทุกวินาทีที่เราใช้เวลาอยู่ด้วยกัน แต่เรื่องทุนนั่น... มันก็เป็นความฝันของผมที่ฝันมาตลอดชีวิตเหมือนกัน

ผมเลือกไม่ได้... ยอมรับเลยว่าเลือกไม่ได้

มือข้างหนึ่งของผมยกขึ้นกอดธารตอบ สับสนกับความรู้สึกของตัวเองอยู่พักหนึ่ง กระทั่งธารเปล่งเสียงขึ้นมาอีก ผมถึงหลุดออกจากภวังค์
“พี่เหนือ ถ้าขาดพี่ไป ธารไม่รู้จะอยู่ยังไงจริงๆ นะ ถ้าได้ทุน ขอได้มั้ยว่าให้สละสิทธิ์ ขอแค่เรื่องนี้เรื่องเดียว แล้วธารจะยอมทำตามที่พี่พูดทุกอย่างเลย อย่าทิ้งธารไปนะ”
จากที่สับสนอยู่ในตอนแรก ตอนนี้ใจเอนเอียงไปตามคำพูดของเด็กนั่นทันที

เนี่ย... เป็นแบบนี้แล้วจะให้ผมไม่ใจอ่อนด้วยได้ยังไง

“นะพี่ สละสิทธิ์นะ อยู่กับธารเถอะ” ธารขอร้องอีกเมื่อเห็นว่าผมไม่ตอบรับสักที
“แล้วน้องธารไม่คิดจะไปเรียนที่อเมริกากับพี่เหนือเหรอถ้าพี่เหนือได้ทุนน่ะ น้องธารหัวก็ดี คุณพาอก็มีตังค์ ถ้าบอกคุณพ่อ พี่เหนือว่าคุณพ่อต้องสนับสนุนแน่ๆ” ผมเปลี่ยนเรื่องถาม
ธารผละออกจากแผ่นอกผมเล็กน้อย ทำหน้าเซ็งๆ
“ไม่ใช่ว่าไม่คิด แต่พี่คิดดูสิวะ ถ้าพี่ได้ทุน พี่ก็ไปเรียนแค่สองปี แต่ถ้าธารไปด้วย ก็ต้องไปเรียนปูพื้นฐานภาษาก่อนหกเดือน ไม่ก็ปีนึง แล้วก็ต่อมหา’ลัยอีกสี่ปี พี่เรียนจบก่อน ธารเพิ่งจะขึ้นปีสองเองนะเว้ย พี่กลับมาก่อน ไม่ได้อยู่ด้วยกันอีก เรื่องนี้ธารก็หาข้อมูลมาแล้วเถอะ ภาษาก็ใช่ว่าจะเก่ง ไอ้แกรมม่าน่ะไม่เท่าไหร่ เรื่องฟังพูดนี่ดิ ปัญหาใหญ่ มหา’ลัยไหนๆ ก็ต้องปรับพื้นฐานทางภาษาก่อนทั้งนั้นถ้าไม่มีทักษะด้านภาษาน่ะ”

ผมร้องอ๋อ มิน่าเห็นนอนเล่นโทรศัพท์ ตอนแรกก็นึกว่าเล่นเกม ที่แท้ก็หาข้อมูลเรื่องนี้นี่เอง มันก็ใช่ว่าจะอยู่เฉยๆ ทิ้งเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์นี่หว่า

“ตกลงถ้าพี่ได้ทุน พี่จะสละสิทธิ์ได้มั้ย” วกกลับมาถามเรื่องเดิมอีกแล้ว
“น้องธารรอไม่ได้เหรอ” ผมลองแย็บถามดู
ธารส่ายหน้าพรืด “ไม่อยากรอ พี่ก็รู้ว่าธารไม่มีใคร พี่คิดว่าการที่ธารยอมเปิดใจกับพ่อมันเป็นเพราะใครถ้าไม่ใช่พี่ พี่รู้ตัวสักทีเถอะว่าพี่สำคัญกับธารขนาดไหน ถ้าขาดพี่ไปสักคน ชีวิตธารจะเป็นยังไง”

ผมรู้... รู้ดีเลยล่ะว่าผมสำคัญกับมันแค่ไหน ผมเหมือนคนที่ฉุดมันขึ้นมาจากหลุมดำเลยก็ว่าได้
แต่ว่า...นั่นมันความฝันของผม...

“สละสิทธิ์เถอะขอร้อง อยู่กับธารนะ ถ้าพี่ไม่ไป ธารจะไปสอบเรียนต่อที่กรุงเทพฯ จะได้อยู่ด้วยกัน”
ในที่สุด ธารก็หลุดบอกแผนในอนาคตของตัวเองออกมา ผมเลยชะงักที่จะอธิบายต่อว่าการไปเรียนต่อคือความฝันของผมยังไง พลันดีใจขึ้นมาที่ได้รู้ว่าในที่สุด คนที่ผมเป็นห่วงก็รู้จักวางแผนกับอนาคตของตัวเองสักที เลยเผลอตอบรับไปซะอย่างนั้น
“ครับ ถ้าน้องธารไปจริงๆ พี่เหนือก็จะสละทุนนะ จะได้อยู่ด้วยกันเนอะ”
พูดไปอย่างนี้ สีหน้าย่นยู่ของธารก็ดีขึ้นทันตา ก่อนมันจะขยับตัวขึ้นมาจูบผมแผ่วเบา
“รักพี่เหนือนะครับ”
“พี่เหนือก็รักน้องธารเหมือนกัน รักมาก เป็นแฟนกันมะ?” ตลกตบท้ายไปอีก
ธารดีดหน้าผากผมมาทีหนึ่ง หัวเราะแล้วตัดบท
“ไร้สาระ เป็นอย่างนี้ก็ดีแล้ว นอนๆ พรุ่งนี้มีเรียนเช้า”
แล้วทุกอย่างก็เข้าสู่ความมืด ไม่นานนัก ธารก็ผล็อยหลับไปโดยมีผมอยู่ในอ้อมแขน ขณะที่ผมนอนไม่หลับเลยเมื่อตระหนักได้ว่าไม่ควรหลุดปากพูดไปอย่างนั้น

แต่ไม่เป็นไรหรอกมั้ง โอกาสในการได้ทุนมันก็ไม่ได้มีเยอะสักหน่อย คนเก่งกว่าผมมีตั้งเยอะตั้งแยะ

คงไม่โชคดีถึงขนาดได้รับคัดเลือกหรอกมั้งไอ้เหนือ...
 



หลังจากเหตุการณ์คืนนั้น พวกเราก็ไม่พูดถึงเรื่องทุนกันอีกเลย ธารก็ทำตามอย่างที่ปากพูดว่าจะไปสอบ แต่เอาเข้าจริงก็แค่ลุกขึ้นมาอ่านหนังสือมากกว่าเดิมก็เท่านั้น พอถามว่าตกลงจะไปสอบที่มหา’ลัยไหน คณะอะไร สรุปก็ยังไม่รู้เหมือนเดิม และไม่ใส่ใจที่จะค้นหาด้วย ขนาดผมนั่งเปิดโน้ตบุ๊ก ไล่หาคณะกับเอกที่มันเรียนได้ให้ก็แล้ว มันก็ยังไม่สนใจ

จริงๆ คณะกับเอกที่มันเรียนได้ก็มีแต่คณะวิศวะนี่แหละนะ เรียนสายอาชีพนี่นา

อะไรไม่ว่า ขนาดเพื่อนๆ มันมาชวนไปเรียนพิเศษ มันก็ไม่ไป ผมไปคุยกับพ่อมันมาก็แล้วว่าขอให้มันเรียนพิเศษพวกวิชาสามัญ จะได้ไปสอบสู้คนอื่นเค้าได้ พ่อมันอนุญาตแล้วก็สนับสนุน แต่มันก็ยังไม่ไปอยู่ดี เอาแต่อ่านหนังสือติวข้อสอบเท่าที่มีอยู่ในห้องอย่างเดียวเท่านั้น

ถ้าทำแค่นี้ มึงจะไปสอบติดได้ยังไงเล่า! เค้าสอบกันทั้งประเทศ ไม่ใช่มึงสอบคนเดียวนะ แล้วแต่ละที่ก็รับนักศึกษาใหม่กันแค่หยิบมือ มึงทำตัวชิลล์เกินไปแล้ว!

บอกตรงๆ ว่าการสอบเข้ามหา’ลัยน่ะมันไม่ยากหรอกถ้าตั้งใจจริงและจับจุดที่สมควรจะติวถูก ยิ่งมีทุนทรัพย์ที่จะเอาไปเรียนพิเศษและทุนมันสมองอยู่แล้วก็ยิ่งง่าย ซึ่งธารมีทั้งหมด แต่ได้เด็กเวรนี่ดันไม่เอาอะไรสักอย่าง พอบ่นก็ดันพูดอกมาว่า...
“แค่อ่านหนังสือก็พอแล้วน่า”

พอป้ามึง! ไม่พอเว้ย ต้องมีความตั้งใจ ความใส่ใจ แล้วก็ความมุ่งมั่นด้วย ซึ่งมึงไม่มีเลยสักกะอย่าง!

โอย ปวดหัวกับมัน บ่นจนแก่ขึ้นไปอีกหลายปีแล้วเนี่ย มันยังไม่สำนึกเลยจนผมเริ่มเครียดแทนละ
มีคนรักอายุน้อยกว่านี่ลำบากจังแฮะ เริ่มเหนื่อยแล้วนะ

อะไรไม่ว่า บ่นมันมากๆ เข้าก็เริ่มกลายจากการบ่นเป็นทะเลาะกัน

ก็ไม่เชิงทะเลาะหรอก แบบเถียงกันน่ะ มันก็คงจะรำคาญผมที่บ่นไม่เลิกเหมือนกัน ผมเลยเลิกบ่นมันไปพักหนึ่ง รู้ว่าบ่นไปก็เปลืองน้ำลายเปล่า สุขภาพจิตเสียอีกต่างหาก ปล่อยให้มันตระหนักได้เองก็แล้วกัน จะมีก็แต่โทรไปบ่นให้กั้งกับยีนส์ฟังเหมือนเดิม ความเครียดของผมก็เลยผ่อนคลายขึ้นมา หากแต่ก็ต้องมาเครียดหนักอีกระลอกเมื่อถึงวันประกาศผลทุน ไอ้ยีนส์กับไอ้กั้งก็โทรมาเตือนให้ผมรีบเช็คชื่อตัวเองว่าได้ทุนมั้ยในตอนกลางคืนด้วยพวกมันไม่เห็นผมโทรไปบอกผลกับพวกมันสักที และที่พวกมันเช็คให้ไม่ได้ก็เพราะจำเป็นต้องล็อกอินเข้าไอดีกับพาสเวิร์ดของใครของมัน

ประเด็นคือ ผมลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าวันนี้เป็นวันประกาศผลทุน จะเข้านอนอยู่แล้วเชียว เลยต้องลุกขึ้นมาเปิดโน้ตบุ๊ก เช็คผลอีก ดีที่ตอนนี้ธารอาบน้ำอยู่ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ผมคงได้เครียดมากกว่าเดิมแน่ๆ ถ้ามันมาเกาะติดขอบจอ รอลุ้นผลกับผมด้วยน่ะ
[มึงล็อกอินหรือยังเนี่ย ช้าจังวะ]
เสียงของยีนส์ดังทะลุโทรศัพท์ออกมา เร่งให้ผมรีบกรอกไอดีและพาสเวิร์ดของตัวเองลงไป ผมเลยบ่นมันกลับ
“พวกมึงใจเย็นๆ สิวะ”
[ก็กูอยากรู้ว่ามึงจะได้ทุนมั้ย]
ยีนส์ว่ามาอีก ทำเอาผมมุ่ยหน้า
“จะได้ได้ยังไงวะ ขนาดไอ้กั้งยังไม่ได้ แล้วกูจะเหลือหรือไง”
ที่พูดไปอย่างนี้ก็เพราะกั้งกับยีนส์บอกผมแล้วน่ะว่าทั้งคู่ไม่ได้ทุน ผมก็เลยไม่ได้คาดหวังอะไรกับตัวเองมากนัก หากแต่โดนยีนส์สวนกลับมา
[มันก็ไม่แน่ เค้าไม่ได้คัดเลือกที่เกรดนะเว้ย ก็แค่ใช้ยื่นเป็นเงื่อนไขการสมัคร วัดกันที่เรียงความโน่น มึงอาจจะเขียนดี เขียนถูกใจทางนั้นก็ได้ เข้าไปดูเร็วๆ]
“เออๆ มึงนี่ก็เร่งจัง โหลดอยู่” ผมตอบรับไปอย่างไม่ใส่ใจนัก สายตาจับจ้องไปยังจอโน้ตบุ๊กที่กำลังเปลี่ยนเป็นหน้าเว็บใหม่

ผมเพ่งมองตัวอักษรภาษาอังกฤษที่โชว์หราอยู่บนหน้าจอครู่หนึ่ง ก่อนจะอ้าปากค้างเมื่อสมองประมวลภาพที่เห็นเป็นข้อมูลเข้ามาในหัว

Congratulations… ยินดีด้วย...

มะ...หมายความว่า... ผมได้ทุนเหรอ!?

โทรศัพท์ในมือแทบร่วงหล่นไปบนพื้น ขยี้ตาตัวเองก็แล้ว อ่านซ้ำก็แล้ว ยังไงก็มั่นใจว่าตัวเองไม่ได้อ่านผิด และไม่ได้แปลภาษาอังกฤษผิดด้วย

ได้ทุน... ได้ทุนจริงๆ ด้วย!

ผมเงียบไปอึดใจใหญ่ ยังอึ้งงันกับความจริงที่มาเซอร์ไพรส์ไม่บอกไม่กล่าวอยู่ ก่อนจะได้สติเมื่อเสียงของยีนส์ดังเข้ามาในหูอีกครั้ง
[ว่าไงเนี่ยไอ้เหนือ ตกลงมึงได้ทุนมั้ย]
“ไอ้ยีนส์ ไอ้กั้ง...”
[ว่า?]
“กู...ได้ทุนว่ะ”
[อะไรนะ! ว้าย! คอนเกรทค่าแสงเหนือ มึงรีบกลับมากรุงเทพฯ เลย งานนี้ต้องมีฉลอง!]

ยีนส์ส่งเสียงดังไม่หยุด ดีใจมากกว่าผมซะอีก ผมเองก็ดีใจ ยิ้มออกมาเหมือนกัน แต่ไม่รู้ทำไมถึงดีใจไม่สุด เหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างทำให้ใจพะวง ซึ่งบางอย่างที่ว่าก็คือคนที่อยู่ในห้องน้ำนั่นเอง

‘สละสิทธิ์เถอะขอร้อง อยู่กับธารนะ...’

ประโยคของธารที่เคยขอร้องผมดังขึ้นมาในภวังค์ ผมก็พานนึกถึงการตอบรับของตัวเองขึ้นมาว่าจะสละสิทธิ์ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นปุ่มที่ให้กรอกข้อมูลว่าจะยืนยันตัวเองเพื่อไปสู่ขั้นตอนสัมภาษณ์ทางไกล หรือจะสละสิทธิ์เพื่อให้ตัวสำรองขึ้นมารับช่วงต่อแทน

แน่นอนว่าตอนนี้...ผมลังเลใจ
ลังเลใจว่าควรจะสละสิทธิ์ดีมั้ย ก็ในเมื่อรับปากธารไปแล้วนี่ แต่... ไม่รู้ทำไม ไม่กล้ากดปุ่มนั้นเลยแฮะ

เงียบไปอีกระลอก จนยีนส์รู้สึกได้ถึงความผิดปกติของผม รีบโทรวิดีโอคอลล์มาหาอย่างรวดเร็ว
กดรับแล้ว หน้าของยีนส์กับกั้งก็โผล่มาให้เห็น ก่อนยีนส์จะทักทันทีเมื่อเห็นสีหน้ากลัดกลุ้มของผม
[เป็นอะไรของมึงน่ะไอ้เหนือ ได้ทุนแล้วไม่ดีใจเหรอวะ ทำหน้าเหมือนผัวทิ้งทำไม อย่าบอกนะว่าน้องธารไม่ตุ๋ยมึง?]
“มันใช่เวลาจะมาพูดเล่นมั้ยวะ” ผมเผลอหงุดหงิด ทำเอายีนส์ย่นหน้า
[เอ้า แล้วมึงจะทำหน้าเป็นหมาเหม็นเบื่อทำไม มึงได้ทุนก็ควรจะดีใจสิ]

ผมเงียบอีก ตอนนี้ยีนส์หันไปมองหน้ากั้งอย่างสงสัย กั้งก็เลยแย่งโทรศัพท์มาถือเอง แล้วเป็นฝ่ายถามผมบ้าง
[มึงเป็นอะไรไอ้เหนือ]
กั้งมีเซ้นส์ดีเสมอ รับรู้ได้ว่าผมมีปัญหาเวลาผมมีเรื่องลำบากใจ
ผมมองหน้ากั้งผ่านจอโทรศัพท์แวบหนึ่ง ก่อนจะว่า
“กูว่า...กูจะสละสิทธิ์ว่ะ” พูดไปจนได้
ยีนส์ส่งเสียงร้องโวยวายว่า ‘อะไรนะ นั่นความฝันมึงไม่ใช่เหรอ มึงเป็นบ้าอะไรเนี่ย!’ มาทันที ดีที่กั้งปรามไว้ก่อน ไม่อย่างนั้นมันต้องโวยวายใส่ผมต่อแน่
[สละสิทธิ์ทำไม มีปัญหาอะไร]
กั้งถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ผมก็ไม่รู้จะพูดยังไง จะบอกว่าเพราะเป็นห่วงธาร เดี๋ยวต้องโดนสองคนนี้บ่นปนด่าหูชาแน่
หากแต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไร กั้งมันก็ดูออกแล้วว่าผมกังวลอะไรอยู่
[เด็กมึงบอกให้มึงสละสิทธิ์ถ้ามึงได้ทุนใช่มั้ย]

ไม่มีเหตุผลจะต้องปฏิเสธ โดนรู้ทันขนาดนี้ ผมก็พยักหน้ารับช้าๆ ทำเอากั้งถอนหายใจพรืด ขณะที่ยีนส์โวยวายขึ้นมาอีก
[มึงจะมาสละสิทธิ์เพราะเด็กไร้อนาคตคนเดียวไม่ได้นะเว้ย]
“แต่กูไม่อยากทิ้งน้องธาร...”
[บ้านมึงเถอะไอ้เหนือ มึงเสียสละมากเกินไปแล้ว อีกอย่าง กูถามหน่อยว่ามึงเป็นอะไรกับเด็กนั่นถึงบอกว่าไม่อยากทิ้งมันเนี่ย แฟนก็ไม่ใช่ สถานะก็ยังคลุมเครือ อยู่กับเด็กนิสัยเสียอย่างนั้น มึงก็ต้องคอยเช็ดคอยล้าง ถึงมันจะกรุบกรอบแต่มึงก็ต้องคิดถึงตัวมึงเองด้วย ไม่ใช่อะไรๆ ก็หลงเด็กไปหมดอย่างนี้!]
ยีนส์ใส่มาเป็นชุด ทำเอาผมนิ่วหน้าอย่างไม่พอใจขึ้นมา ว่าผมน่ะว่าได้ แต่ว่าธารนี่ผมรับไม่ได้แฮะ

“มึงพูดเกินไปแล้วไอ้ยีนส์ น้องธารไม่ได้แย่อย่างที่มึงว่าซะหน่อย”
[แต่ก็แย่ใช่มั้ยล่ะ กูถามหน่อยไอ้เหนือ ตั้งแต่มึงคบกับเด็กนั่นมา เด็กนั่นมันเคยทำอะไรให้มึงบ้างมั้ยนอกจากสร้างเรื่องน่ะฮะ แล้วนี่ยังจะมีเรื่องอนาคตมันมาให้มึงปวดหัวอีก ขนาดตัวมันยังไม่คิดถึงอนาคตตัวเองเลย แล้วมึงสละสิทธิ์งี้ มึงไม่คิดเหรอว่ามันก็ไม่คิดถึงอนาคตมึงเหมือนกัน อยู่ด้วยกันไป มีหวังล่มกับล่มแน่ๆ]
“แต่กูเป็นทุกอย่างของน้องธาร มึงก็รู้”
[ทุกอย่างบ้าอะไร ไอ้เด็กนั่นก็แค่เห็นมึงสำคัญเพราะมึงสปอยล์มันต่างหาก มึงอย่ามาพูดให้สวยหรูหน่อยเลย แม่ง ถ้าคนไร้หัวคิดอย่างมึงได้ทุนแบบนี้ กูน่าจะส่งเมลไปบอกให้กรรมการที่คัดเลือกไปเลือกคนอื่นก็ดี โง่ชะมัด]

ยีนส์ยังไม่หยุด ใส่มาอีกชุดใหญ่ กั้งเห็นท่าไม่ดีเลยส่งสัญญาณให้ยีนส์ไปสงบสติอารมณ์ที่มุมอื่นก่อน ส่วนมันก็เป็นฝ่ายคุยกับผมแทน
[ไอ้เหนือ มึงแน่ใจแล้วนะว่าจะสละสิทธิ์?]
“อืม กูรับปากน้องธารไปแล้ว” ผมคราง ในใจก็ยังลังเล แต่ความที่ไม่อยากทำให้ธารเสียใจมันมีมากกว่า ผมเลยพูดไปอย่างนั้น
กั้งเงียบไปครู่หนึ่ง แต่สายตายังจ้องผมเขม็งจนผมอึดอัด
“มีอะไรจะพูดก็พูดเถอะมึง จ้องอย่างนี้ กูรำคาญ” ผมว่า กั้งก็เลยยอมปริปาก
[ถ้ามึงแน่ใจว่าจะทิ้งโอกาสตัวเองก็เรื่องของมึง กูคงห้ามอะไรไม่ได้ แต่กูก็หวังว่ามึงคงจะมีเหตุผลที่ดีพอ]
“กูรักน้องเค้าว่ะ ไม่อยากทำให้เสียใจ”

นี่แหละเหตุผลของผมล่ะ แต่ดูสีหน้ากั้งที่มองผมอย่างระอาแล้ว ผมก็รู้เลยว่ามันไม่ใช่เหตุผลที่ดีพอสำหรับคนฟัง ขนาดยีนส์ได้ยิน มันยังบ่นผมไม่เลิก แต่ผมไม่ได้สนใจมันแล้ว นอกจากกั้งที่พูดขึ้นมาอีก

[กูรู้ว่ามึงรัก แล้วธารก็ติดมึงมาก แต่มึงไม่ใช่พ่อแม่มันนะ สักวันมึงก็ต้องไปจากเด็กนั่นอยู่ดี]
“ก็แค่กลับกรุงเทพฯ หรือเปล่าวะ เดี๋ยวน้องธารเรียนจบแล้วก็ไปสอบเรียนต่อที่กรุงเทพฯ ถ้าไม่มา กูก็มาทำงานที่นี่ก็ได้ ไม่เห็นเป็นอะไร”
[กูรู้ และกูก็ไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น แต่กูกำลังหมายความว่า มึงจะรักกันชนิดไม่ปล่อยให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไปทำหน้าที่ของตัวเองเลยหรือไง ชีวิตมึงไม่ได้มีแค่มันคนเดียวนะ ชีวิตมันก็ไม่ได้มีมึงสำคัญแค่อย่างเดียวเหมือนกัน]

ข้อนี้ผมก็รู้ แต่ธารไม่เคยมีใครเข้าใจตั้งแต่ที่แม่มันจากไปไง มีแค่ผมเท่านั้น แล้วจะให้ผมทิ้งไปได้ยังไง

“แต่กูรัก...”
[รู้ว่ารัก แต่มึงตามใจเด็กนั่นมากเกินจนเคยตัวขนาดนี้ แล้วมึงยอมทิ้งโอกาสตัวเองแบบนี้ มึงกะจะไม่ให้เด็กนั่นโตเลยใช่มั้ย อายุมันไม่ใช่น้อยๆ แล้วนะ ไม่คิดบ้างวะถ้าสักวันนึงมึงเป็นอะไรขึ้นมา เด็กนั่นจะอยู่ได้ยังไงถ้าไม่มีมึง พวกมึงรักกันก็ควรที่จะส่งเสริมกันไปในทางที่ดี ถ้ารักกันแล้วทุกอย่างมันแย่ลงอย่างนี้ ก็อย่ารักกันเลยว่ะ]

ที่กั้งพูดก็ถูก ผมตามใจธารมากไป ยอมมากไปด้วย แต่อะไรก็ไม่ทำให้ผมว้าวุ่นใจเท่ากับการพยายามคิดว่าธารจะอยู่ยังไงถ้าขาดผมไปสักคน ขาดไปแบบว่าไม่ได้จากเป็น ทว่าจากตาย ถ้าเป็นแบบนั้น มีหวังธารได้จมลงไปในหลุมดำอีกแน่

“แล้วกูควรจะทำยังไงดี” ผมครางออกมาอย่างไร้ทางออก
กั้งเงียบไปครู่ แล้วก็พูดออกมา
[กูแนะนำให้มึงไปเรียนต่อ สองปีที่พวกมึงห่างกันจะเป็นการฝึกให้คนที่มึงรักอยู่ได้ด้วยตัวเอง ไม่ใช่ยืมจมูกมึงหายใจตลอด มันควรโตได้แล้ว ไม่ใช่เด็กอมมือแล้ว มึงเองก็ไม่ใช่แม่มัน ความฝันของมึงก็ควรจะไปสาน ไม่ใช่ทิ้งทุกอย่างเพราะหลงเด็กหน้ามืดตามัวอย่างนี้]

สุดท้ายผมก็โดนแซะว่าหลงเด็กอยู่ดี แต่ก็เอาเถอะ เพราะมันก็จริง และผมก็เห็นด้วยกับเหตุผลของกั้ง

ธารควรโตสักที... แม้ว่าผมจะต้องทำให้ธารเสียใจเพราะผิดคำพูด แต่มันก็ควรจะโตได้แล้ว จะเป็นอย่างนี้ตลอดไปไม่ได้

“งั้นกูยืนยันสิทธิ์สอบสัมภาษณ์ก่อนแล้วกัน” ผมว่า

สีหน้าของกั้งเลยดูดีขึ้น ก่อนมันจะพยักหน้าให้ผมจัดการ ส่วนยีนส์ก็ยังด่าผมลอยมาตามลมไม่เลิก
ยืนยันสิทธิ์เสร็จ ผมก็วางสายจากพวกมัน ทิ้งตัวพิงพนักเก้าอี้อย่างเหนื่อยล้า คิดหาหนทางต่อไปว่าควรจะบอกธารยังไงเรื่องนี้ดีที่ไม่ทำร้ายจิตใจธารมากที่สุด



ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
ชั่งใจ ครั้งที่ 24: ถึงเวลาต้องโตกว่าเดิมได้แล้วรู้มั้ย[2]

ทว่ายังไม่ทันจะคิดออก ธารก็โผล่หน้าเข้ามาในห้องกะทันหันชนิดไม่ให้ผมตั้งตัว ซ้ำยังเดินเข้ามาเกาะที่พนักเก้าอี้ ชะโงกหน้ามองจอโน้ตบุ๊กอีกต่างหาก
“ดูอะไรอยู่”
“มะ...ไม่มีอะไร” ผมรีบคว้าฝาจอ เตรียมจะพับปิดทันที หากแต่ธารไวกว่า คว้าฝาจอเอาไว้แล้วดันขึ้น
มองหน้าจอได้ครู่เดียว ธารก็เริ่มย่นหน้า ถึงจะอ่านภาษาอังกฤษออกไม่หมด แต่ก็เข้าใจได้แล้วว่าอะไรเป็นอะไรเมื่อเห็นชื่อ-นามสกุลจริงของผม พร้อมกับคำแสดงความยินดีบนหน้าจอหรา
เท่านั้น ธารก็โวยวายขึ้นมาเลย
“นี่มันอะไรเนี่ย!”
“คือ...” ผมคิดเป็นพัลวันว่าจะตอบยังไง ส่วนธารก็พุ่งเข้ามาดูหน้าจอโน้ตบุ๊กอีกครั้งเพื่อความมั่นใจว่าที่เห็นเมื่อครู่ไม่ได้อ่านผิด

สีหน้าของธารดูน่ากลัวขึ้นกว่าเดิมด้วยทันทีที่พอจะแปลได้คร่าวๆ ว่าผมยืนยันสิทธิ์การสอบสัมภาษณ์ไปแล้ว  ผมเลยลุกขึ้นจากเก้าอี้มาก่อนเพื่อมาตั้งหลัก ทว่าเดินถอยมาได้หน่อยเดียว ธารก็ตะคอกใส่ผมเสียงลั่น
“พี่เหนือ! สละสิทธิ์เดี๋ยวนี้!”
“น้องธาร ใจเย็นๆ ก่อน” ผมพยายามปราม ว่าจะค่อยๆ อธิบายให้มันฟังว่าทำไมผมถึงทำอย่างนั้น
“จะให้ใจเย็นยังไงได้อีก สละสิทธิ์เดี๋ยวนี้เลย!”

แต่ธารก็ไม่ฟังผมพูดเลยแม้แต่น้อย คลิกเม้าส์มั่วไปหมด คงหวังว่าจะกดไปโดนปุ่มสละสิทธิ์อะไรเทือกนี้ล่ะมั้ง แต่น่าเสียดายที่ผมยืนยันสิทธิ์สอบสัมภาษณ์ไปแล้ว ปุ่มสละสิทธิ์เลยหายไป จะสละสิทธิ์ได้อีกทีก็ตอนก่อนวันใกล้สัมภาษณ์ตามที่แจ้งอยู่บนหน้าเว็บ

พอไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงบนหน้าจอ ก็หันมาทางผมด้วยสายตาเกรี้ยวกราด พุ่งเข้ามาลากผมให้มานั่งบนเก้าอี้หน้าโน้ตบุ๊ก บังคับให้ผมขอสละสิทธิ์ไม่เลิก
“บอกให้สละสิทธิ์ไงเล่า! ทำเดี๋ยวนี้!”
ตอนนี้ธารไม่มีสติเลย ส่วนผมก็แสร้งทำนิ่ง

ก็ใครมันจะไปทำวะ โดนตะคอกใส่ไม่พอ ไม่ฟังเหตุผลอะไรด้วย แล้วความจริง การไปเรียนต่อนั่นมันความฝันของผมนะ ตลอดยี่สิบสองปี ผมตั้งใจเรียนมากแค่ไหนกว่าจะมาถึงจุดนี้ ถึงจะรักธารมากและตอนแรกก็คิดว่าจะสละสิทิ์เพื่ออยู่กับมัน ทว่าในวินาทีนี้ ผมเห็นชัดเจนแล้วว่าธารไม่โตเลย และธารควรจะโตขึ้นโดยการที่ผมต้องเลือกความฝัน แล้วทิ้งมันไป ถ้าผมเลือกมันแบบไม่มีไอ้กั้งมาเตือนสติอย่างในตอนแรก ถ้าในอนาคตเราคบกันและเลิกกันขึ้นมา ผมจะเป็นยังไง ไม่เท่ากับว่าผมเสียโอกาสสำคัญครั้งหนึ่งในชีวิตไปเลยเหรอ?

ผมก็เลยขืนตัว ไม่ยอมนั่ง หลบมายืนอยู่อีกมุม ข่มใจให้ใจเย็นที่สุด เพราะตอนนี้คนที่เดือดกว่าใครเพื่อนก็คือคนตรงหน้าผม
“น้องธาร ฟังพี่เหนืออธิบายก่อนนะ”
“จะต้องให้ฟังอะไรอีก! ธารฟังพี่มามากแล้ว ตอนนี้พี่ต้องฟังธาร สัญญาแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะไม่ไป สละสิทธิ์เดี๋ยวนี้!”

ความจริงมีแต่ผมต่างหากที่ฟังมัน เพราะผมเลี่ยงที่จะพูดเรื่องนี้มาโดยตลอดด้วยยังไม่รู้ผล จะมีก็แต่บ่นเรื่องที่มันไม่เอาจริงเอาจังกับชีวิตตัวเองเท่านั้นแหละที่มันฟังผม ซึ่งเอาจริงๆ มันก็ไม่ได้ฟังด้วย ถึงได้ทะเลาะกันจนผมเลิกบ่นไปเอง และที่เลี่ยงไม่บ่น ไม่คุยเรื่องทุนก็เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาระหว่างเราสองคน แต่ตอนนี้เลี่ยงไม่ได้แล้ว ในเมื่อรู้ผลแล้ว และผมก็ตัดสินใจว่าจะไป ดังนั้นก็มีทางเดียวที่จะแก้ปัญหานี้ได้คือ การอธิบายให้ธารเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร

แต่ก็เท่านั้น ธารไม่ฟังอะไรทั้งสิ้น เห็นผมปฏิเสธก็โกรธจนตัวสั่นเทิ้ม มองหน้าผมด้วยสายตาแข็งกร้าว ปากยังออกคำสั่งไม่หยุด
“ธารฟังพี่มามากแล้ว ไม่ไปอะไร อยู่ด้วยกันตลอดไปอะไร! แม่งโกหกทั้งนั้น! มิน่าถึงได้ยุให้ไปสอบเรียนต่อนัก ทีแท้ก็จะหาข้ออ้างหนีไปเรียนเมืองนอกนี่เอง กะว่าถ้าธารไปเรียนแล้วก็จะอ้างว่าเรียนมหา’ลัยมันยุ่ง แล้วก็ห่างกันไปเองจนเลิกติดต่อกันใช่มั้ย!”
“น้องธาร ฟังพี่...” ผมอ้าปาก จะอธิบายอีกครั้งเมื่อเห็นว่ามันคิดเป็นตุเป็นตะไปเรื่อย
หากแต่ธารตรงเข้ามากระชากผมให้ไปที่โน้ตบุ๊กอีกรอบ แล้วบังคับให้ทำสิ่งที่ผมไม่อยากทำอีก
“สละสิทธิ์เดี๋ยวนี้! ถ้ารักกันจริงก็ทำซะ!”

ผมว่ามันไม่มีเหตุผลเลย งี่เง่าเกินไปแล้ว หมดประโยชน์จะคุยแฮะถ้ามันยังอารมณ์ร้อนไม่เลิกอย่างนี้

ผมก็เลยสะบัดตัวออก ลุกขึ้นยืน ตั้งท่าจะเดินหนีออกจากห้อง ปล่อยให้มันสงบสติอารมณ์ก่อนแล้วค่อยคุยกัน ทว่าพอเดินไปถึงประตู ธารก็พุ่งเข้ามาคว้าแขนผม ดึงซะเต็มแรงให้ผมหันหน้าไปสบตามัน
“จะหนีไปไหน! บอกให้สละสิทธิ์ไงวะ!”

บอกตรงๆ ว่าตอนนี้ผมหมดความอดทนแล้ว ความงี่เง่าเอาแต่ใจของมันทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองถูกบีบคั้นเกินไป จนเผลอหลุดตะคอกใส่มันอย่างไม่รู้ตัว
“โลกนี้ไม่ได้มีแค่เราสองคนนะเว้ย! นายเลิกทำตัวเป็นเด็กซะที ฉันเหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว!”

ไม่ใช่แค่ตะคอก สรรพนามที่ใช้เรียกแทนตัวผมกับธารก็เปลี่ยนไป ธารชะงักไปครู่ ดวงตาแข็งกร้าวฉายความผิดหวังออกมาให้เห็นชัดเจน ทว่าก็ไม่ได้ทำให้ธารใจเย็นลงได้เลย รังแต่จะทำให้มันใจร้อนมากขึ้นไปอีก
“แล้วยังไงวะ! ก็สัญญาว่าจะอยู่ด้วยกันแล้ว จะมาเปลี่ยนคำพูดแบบนี้ไม่ได้! พี่เป็นแฟนธารแล้ว ห้ามไปไหนเด็ดขาด!”

ผมยังไม่ได้ตกลงเป็นแฟนเลยแม้แต่น้อย ธารเองก็เช่นกัน ขนาดผมถามก็ยังไม่ตอบรับเลยว่าจะเป็นแฟนผม มีเมื่อกี้นี้แหละที่มันโพล่งขึ้นมาเอง แต่ผมก็ไม่สนใจอะไรมาก วินาทีนี้อยากให้มันสงบสติอารมณ์ก่อนแล้วค่อยมาคุยกัน เพราะผมเองก็ไม่อยากจะเดือดดาล หลุดคำพูดทำร้ายจิตใจคนที่ผมรักออกมาเพราะเราตกลงกันไม่ได้อีก

ผมเลยสะบัดแขนให้หลุดออกจากการเกาะกุม เดินหนีอีกครั้ง แต่ธารก็ยังคงเป็นธาร ใจร้อนและไร้เหตุผลเหมือนเดิม แค่เห็นผมจะหนี ก็เข้ามาฉุดแขนอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ฉุดเปล่า ยังเหวี่ยงเข้าไปกลางห้อง หวังจะไม่ให้ผมออก ทว่าในนาทีที่เหวี่ยงร่างผมนั้น ธารคงจะลืมระงับแรงตัวเองไป ทำให้ผมที่ไม่ทันตั้งหลักเซถลาล้มจุ้มปุ๊กไปบนพื้น หัวข้างหนึ่งกระแทกเข้ากับขาโต๊ะที่อยู่ไม่ไกลเสียเต็มแรงจนรู้สึกมึนไปชั่วขณะ

มึนอย่างเดียวไม่ว่า พอยื่นมือไปแตะบริเวณที่ถูกกระแทก ก็เห็นว่ามีเลือดไหลซึมออกมาด้วย

ธารมองผมด้วยสายตาตระหนก คงจะตกใจที่เผลอทำร้ายผมโดยไม่ได้ตั้งใจ รีบปรี่เข้ามาหาผมทันที
“พี่เหนือ เป็นอะไรมั้ย”

เป็น... เป็นมากด้วย มากกว่านั้นคือผมไม่อยากจะคุยกับมัน ผมเองก็เริ่มโมโหเหมือนกัน แค่เห็นมันทำท่าจะประคอง ผมก็ปัดมือมันออก

“อย่ามาถูกตัวฉัน”
“พี่...” ธารคราง ยื่นมือมาจะจับผมอีกครั้ง แต่ผมก็ปัดทิ้งอย่างไม่ไยดี ตะคอกมันไปอีก
“บอกว่าอย่ามาถูกตัวฉันไง!”

ธารนิ่งค้าง ไม่เชื่อสายตาว่าคนอย่างผมจะโกรธมันเป็นเหมือนกัน ทว่าผมก็ไม่ใส่ใจแล้ว ดันตัวขึ้นยืน แล้วพุ่งไปทางประตู ธารก็ทำท่าจะตามมาอีกนั่นแหละ ผมเลยรีบเบรกมันไว้ก่อนด้วยไม่ต้องการจะทะเลาะกับมันอีก
“อย่าตามมา ไว้นายหยุดความหมาบ้านี่ได้ แล้วพร้อมจะคุยก่อน ค่อยมาคุย ฉันเบื่อที่จะโอ๋เด็กไม่รู้จักโตอย่างนายเต็มแก่แล้ว ถึงเวลาที่นายจะต้องฟังเหตุผลของฉันบ้าง”
“แต่พี่...” ธารทำท่าจะแย้ง สีหน้ารู้สึกผิดเต็มแก่

แล้วมันช่วยอะไรล่ะ ผมไม่ได้ต้องการจะโอ๋มันแล้ว ผมเองก็ต้องการแคร์ความรู้สึกตัวเองเหมือนกัน มันเหนื่อยนะที่จะต้องไปดูแลเทคแคร์ความรู้สึกคนอื่นตลอดเวลาทั้งที่อีกฝ่ายไม่แคร์ความรู้สึกหรือสนใจความต้องการของผมเลย

ผมเลยพูดดักเอาไว้ก่อนที่มันจะพูดจบ
“ฟังนะธาร ชีวิตฉันไม่ได้มีแค่นาย ฉันจะไม่ทิ้งโอกาสในอนาคตหรือความฝันของฉันเพื่อนายเด็ดขาด ยังไงฉันก็จะไป ส่วนนาย... ถ้ายอมรับกับการตัดสินใจของฉันได้เมื่อไหร่ก็ค่อยมาคุยกัน”
ธารทำท่าอึดอัดขึ้นมา ดวงตาก้าวร้าวเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย ก่อนมันจะเดือดขึ้นมาอีกครั้ง หันไปสบถเสียงดัง
“โธ่เว้ย! ทำไมเป็นอย่างนี้วะ!”
แล้วก็เริ่มทำลายข้าวของในห้องตัวเอง ถ้าเป็นเวลาปกติ ผมจะเข้าไปห้าม เข้าไปปลอบประโลมให้มันรู้สึกดี ทว่าคราวนี้ผมทำได้แค่ยืนมองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะคว้ากุญแจรถตัวเองกับโทรศัพท์แล้วถอยออกมาจากห้อง พุ่งลงไปชั้นล่าง ออกจากบ้านมันมาในเวลาอันสั้น

ใช่ว่าผมอยากจะทำแบบนี้ ผมก็รู้สึกแย่ เพราะผมเองก็รักธาร รักมากจนไม่อยากเสียไป แต่ความฝันของผมก็สำคัญมากจนไม่อยากเสียไปเหมือนกัน

สำคัญยิ่งกว่านั้น... ผมอยากให้คนที่ผมรักดูแลตัวเองได้ถ้าสักวันไม่มีผมแล้ว

ผมไม่ได้ทำผิดไปใช่มั้ย?
 



ที่คิดว่าตัวเองทำไม่ผิด เอาเข้าจริง ผมนี่แหละที่เป็นฝ่ายรู้สึกผิดมากจนคิดอะไรไม่ออก ขับรถมาจอดที่หน้าวิทยาลัยเทคนิคบุญอนันต์ ฟุบหน้าลงบนพวงมาลัย พยายามคิดอยู่ว่าควรจะทำยังไงต่อดี

ก็ผมไม่เคยทะเลาะกับธารเลยนี่นา อย่างดีก็แค่เถียงกันไปมาเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น นี่เป็นการทะเลาะกันครั้งแรกและรุนแรงมากด้วย ทำเอาผมรู้สึกแย่จนหัวตื้อไปหมด อยากจะหาใครสักคนคุยด้วยชะมัด ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่กั้งกับยีนส์ ถ้าคุยกับพวกมัน พวกมันต้องพากันบอกว่าผมทำถูกแล้วแน่นอน ซึ่งผมไม่ต้องการฟังคำพูดอย่างนั้น ผมต้องการทางออกสำหรับเราสองคนมากกว่า ธารก็ไม่โทรหรือส่งข้อความมาเลยด้วย รู้เลยว่าโกรธจัดอยู่

คิดอยู่พักหนึ่ง ใบหน้าของบรรดาเด็กช่างเพื่อนๆ ธารฉายแวบขึ้นมา

แวะไปหาพวกเพื่อนมันดีกว่า เผื่อจะได้คำแนะนำอะไรดีๆ บ้าง คนที่รู้จักตัวตนของธารดีที่สุด น่าจะช่วยหาทางออกได้

ตอนแรกผมตั้งใจว่าจะไปหาจอมแก่น ซึ่งแน่นอนว่าจอมแก่นน่าจะอยู่กับโรม แต่ก็ต้องเปลี่ยนความคิดเพราะถ้าผมไปหาจอมแก่น ก็เท่ากับว่าผมต้องไปที่บ้านมัน แล้วก็ต้องเจอพี่จอมดื้อ ถ้าหากธารมาตาม เดี๋ยวได้ตีโพยตีพาย พานไปหาว่าผมทิ้งมันไปเรียนต่อไม่พอ ยังจะกลับไปยุ่งกับพี่จอมดื้ออีก ทีนี้แหละจะเป็นเรื่องวุ่นวายกว่าเดิม

ผมก็เลยเปลี่ยนใจมาโทรหาน้องมายด์ รอสายอยู่ครู่หนึ่ง น้องมายด์ก็รับสาย ผมเลยขอไปนอนที่ห้องมันคืนนึง น้องมายด์ยังไม่ทันจะได้รู้เลยว่าทำไมผมขอไปนอนกับมัน มันก็ตอบตกลงแล้ว ก่อนจะบอกเส้นทางให้ผมไปที่หอพักซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวิทยาลัยมากนัก

มาถึงหอพักน้องมายด์แล้ว ผมก็ส่งข้อความไปบอกธารว่าตัวเองอยู่ที่ไหน เผื่อมันอารมณ์เย็นลง พร้อมจะคุยแล้วจะได้ตามมาถูก
น้องมายด์ลงมารับผมที่ชั้นล่างของหอ ไม่ถามอะไรเลยสักคำว่าผมมาทำไม จนผมต้องเป็นฝ่ายถามเองเมื่อพวกเราเข้ามาในห้องแล้ว
“จะไม่ถามพี่เหนือหน่อยเหรอครับว่าทำไมถึงมาหา”
“โอ๊ย ไม่ต้องถามหรอกค่ะ หน้าตาท่าทางนกขนาดนี้ ทะเลาะกับนังธารมาแน่นอน” น้องมายด์ว่าเสียงแหลมให้ผมได้หัวเราะเบาๆ

ก็จริงอย่างที่มันว่า ดูสีหน้าท่าทางผมตอนนี้สิ อย่างกับถูกทิ้งมาหมาดๆ ก็ไม่ปาน ทั้งที่ผมเป็นฝ่ายหุนหันออกจากบ้านมันมาเองแท้ๆ
“แล้วเจ้ทะเลาะอะไรกับผัวเด็กมาคะ เล่ามาซิ” ทรุดตัวนั่งบนเตียงปูผ้าสีชมพูอ่อนได้ก็เปิดปากถาม

ผมเลยเล่าทุกอย่างให้ฟังอย่างหมดเปลือก น้องมายด์ทำท่าตกใจไปตลอดเวลาที่ผมเล่า ก่อนจะถอนหายใจพรืดเมื่อผมเล่าจบ

“ก็ไม่แปลกหรอกค่ะที่มันจะเหวี่ยงวีนสูงขนาดนี้ เจ้เป็นคนที่มันรักที่สุดรองจากพ่อแม่มันแล้วนี่นา ไอ้รักที่สุดไม่เท่าไหร่ แต่ติดสุดอะไรสุดมากกว่าพ่อนี่ ถือว่าไม่ธรรมดานะคะ จะเป็นจะตายตอนรู้ว่าเจ้จะไปหาผัวฝรั่งที่เมืองนอกก็ไม่แปลก”
“พี่เหนือไปเรียนครับ ไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นเลยนะ” ผมแย้ง ทำเอาน้องมายด์ส่งเสียงสูง
“ก็นั่นแหละค่า คนเราน่ะถ้าอยู่ไกลๆ กันมันก็ต้องมีระแวงบ้างแหละ ธารมันก็คงจะกลัวว่าเจ้จะลืมของดีถิ่นเมืองไทยไปฟาดฮ็อทด็อกฝรั่งนั่นแหละ ถึงได้มีความโวยวาย”

กูก็บอกอยู่แหม็บๆ ว่าไม่ได้คิด มึงก็ลากเข้าไปเรื่องอย่างนั้นเหลือเกิน! ถึงเมื่อก่อนกูจะเป็นคนมั่วไม่เลือก แต่ตอนนี้ก็ไม่ใช่แล้วมั้ย เดี๋ยวก็ถีบหงายหลัง!

ถึงจะไม่พอใจที่น้องมายด์พูดเองเออเองแบบนี้ แต่ผมก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมา จะมีก็แต่มันเนี่ยที่พูดไม่หยุด
“เจ้ก็เข้าใจมันหน่อย มันขาดความอบอุ่นมานาน โดนพ่อทำร้ายจิตใจมาตั้งแต่เด็กๆ ด้วย พอมีเจ้เข้ามา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปหมดชนิดหลังเท้าเป็นหน้ามือ มันก็เลยติดเจ้แหง็ก ขนาดกับเพื่อน มันยังไม่เปิดใจเท่ากับอยู่กับเจ้เลย หนูว่ามันน่าสงสารนะ”
“พี่เหนือรู้”

รู้จริงๆ และผมก็สงสารมันเหมือนกัน แต่จะให้ทำยังไง ถ้าผมยังอยู่ ธารก็ไม่โตสักที ย่ำอยู่กับที่แบบนี้เพราะผม ผมไม่เอาด้วยหรอก

“เจ้ก็คิดดีๆ แล้วกันค่ะว่าจะเอายังไง ถึงหนูจะเป็นเพื่อน แต่ยังไงก็เป็นคนนอก คงให้คำแนะนำเจ้ได้แค่ใจเย็นๆ แล้วค่อยๆ คุยกันค่ะ เด็กช่างน่ะ ยังไงก็รักจริงอยู่แล้ว ธารเองก็เหมือนกัน มันรักเจ้จริงแน่ หนูคอนเฟิร์ม เดี๋ยวหนูไปเก็บผ้าก่อน ลมพัดแรงขนาดนี้ สงสัยคืนนี้ฝนจะตก”

น้องมายด์ตัดบทเอาดื้อๆ ก่อนพุ่งตัวออกไปที่ระเบียง หันไปมองก็เห็นลมพัดกรรโชกแรงอย่างที่มันว่า ไม่นาน ฝนห่าใหญ่ก็ตกลงมา พร้อมกับเสียงบนของน้องมายด์ที่เกือบจะเก็บผ้าไม่ทัน

ผมไม่ได้สนใจอะไร ทิ้งตัวลงนอนบนเตียง ยกแขนขึ้นพาดหน้าผาก คิดเรื่องของธารไม่หยุดหย่อน พลันคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาด้วยตั้งใจว่าจะโทรหาธารดู ตอนนี้เป็นห่วงมันยิ่งกว่าอะไร กลัวว่ามันจะทำอะไรไม่คาดคิดเป็นการประชดผมฉิบเป๋ง ทว่าสุดท้ายก็ไม่กล้าโทร ได้แต่นอนมองจอโทรศัพท์ที่เปิดโปรแกรมแชทค้างไว้เท่านั้น

ไม่รู้จะพิมพ์อะไรแฮะ ข้อความที่ส่งให้ก่อนหน้าก็เปิดอ่านแล้วด้วย แต่ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา ป่านนี้จะทำอะไรอยู่นะ จะเป็นยังไงก็ไม่รู้

ยิ่งคิดก็ยิ่งจิตตก น้องมายด์เห็นก็ปลอบให้ผมทำใจให้สบาย แล้วก็ขอตัวไปอาบน้ำเตรียมนอนเพราะเริ่มดึกแล้ว ผมเลยจะนอนบ้าง

คืนนี้พักก่อน ไว้พรุ่งนี้ค่อยหาทางออกใหม่

หากแต่ยังไม่ทันจะได้จัดท่านอน เสียงเคาะประตูห้องรัวๆ ก็ดังแทรกเสียงฝนที่เทกระหน่ำขึ้นมา ผมเด้งตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว รับรู้ได้ทันทีว่าคนที่มาต้องเป็นธารแน่ จึงรีบพุ่งไปเปิดประตูห้อง
และก็เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ ซะด้วย ธารที่เปียกฝนม่อล่อม่อแล่กไปทั้งตัวมองหน้าผมด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก ผมเห็นก็ไม่รู้จะเริ่มบทสนทนายังไง เลยเรียกแค่ชื่อมัน
“น้องธาร...”

แค่นั้น... เรียกเพียงแค่นั้น ธารก็ถลาเข้ามาสวมกอดผมไว้แน่น แน่นยิ่งกว่าครั้งไหนที่เราเคยกอดกัน ก่อนผมจะได้ยินเสียงสั่นเครือลอยมาให้ได้ยินเบาๆ

“ธารพร้อมจะฟังแล้ว พี่อย่าโกรธธารนะ ธารขอโทษ”

ผมนิ่งไปครู่ ก่อนจะเหยียดยิ้มออกมา ซบหน้าลงบนบ่าแกร่ง ยกมือขึ้นโอบกอดตอบแล้วพยักหน้ารับคำ
“พี่เหนือดีใจที่น้องธารมานะครับ”
 



น้องมายด์ออกจากห้องน้ำมาเจอธารก็ดูงุนงงไปเล็กน้อยที่เห็นธารมาง้อผมเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ อะไรไม่ว่า งงด้วยที่ธารมาง้อ เพราะปกติแล้วมันไม่ใช่คนที่จะแสดงออกว่าแคร์ความรู้สึกคนอื่นชัดเจนเท่าไหร่ ถ้าแสดงออกก็จะมาในรูปแบบห่ามๆ แต่รอบนี้คือมาแบบสภาพหมาน้อยเลย

ไม่ใช่หมาน้อยธรรมดาด้วย หมาน้อยตกน้ำ เปียกซ่กจนผมต้องขอผ้าเช็ดตัวแห้งผืนใหม่จากน้องมายด์มาเช็ดหัวเช็ดหูให้เด็กชายตัวโตตรงหน้า

น้องมายด์เห็นว่าผมต้องการใช้เวลาเคลียร์กับธาร ก็เลยออกจากห้องไปก่อน บอกว่าจะแวะไปเม้าท์มอยที่ห้องเพื่อนคนอื่นซึ่งพักอยู่ในหอเดียวกัน อีกพักใหญ่จะกลับมา ผมก็เลยได้ที เปิดฉากอธิบายทุกอย่างให้ธารฟังอย่างหมดเปลือก ทั้งเรื่องที่ผมรับปากธารแล้วไม่ทำตาม ทั้งเรื่องเหตุผลที่ผมจะเรียนต่อ และแน่นอนว่าไม่พลาดเรื่องการดุปนบ่นที่มันไม่เอาจริงเอาจังกับอนาคตตัวเอง เรื่องที่ใจร้อน และเรื่องที่ไม่รู้จักโต

ธารก็ฟัง... ฟังโดยไม่พูดอะไรสักคำ มีเพียงเสียงฝนเท่านั้นที่ดังแทรกขึ้นหลังจากที่สิ้นเสียงผม จากนั้นทุกอย่างก็เงียบ จะมีก็แต่ดวงตาคมที่เหลือบมองหน้าผมด้วยสายตาสำนึกผิดเต็มกำลัง

ผมเห็นแล้วก็รู้ว่าธารยอมจำนนแล้ว หากแต่ไม่ปริปากอะไรก็เท่านั้น ผมเลยเป็นฝ่ายเริ่มแทน

“ที่พี่เหนือทำแบบนี้ น้องธารคิดว่าพี่เหนือเห็นแก่ตัวมั้ย”
“ยังมีหน้ามาถาม ทิ้งกันไปแบบนี้แม่งโคตรเห็นแก่ตัวเลย” ธารตอบออกมาทันที เบือนสายตาหนี ยกขาที่ยกชันอยู่บนเตียงขึ้นมากอดเข่าแล้วซุกหน้าลง ทำให้ผมยิ้มรับกับท่าทางจ๋อยๆ นั่นเล็กน้อย
“แล้วที่น้องธารรั้งพี่เหนือไว้ บังคับไม่ให้พี่เหนือไปเพื่อความรู้สึกตัวเอง ไม่สนว่าพี่เหนือจะรู้สึกยังไง ไม่ฟังพี่เหนืออธิบายในตอนแรก นี่มันใช่ความเห็นแก่ตัวหรือเปล่า”

พอผมถามอีกครั้ง ธารก็เงยหน้าขึ้นมามองผม
ไม่มีคำตอบจากกลีบปากคู่สวยนั่น มีแต่สายตาเศร้าสร้อยระคนสับสนที่ส่งมา ผมจึงยิ้มให้อีกครั้งก่อนจะยื่นมือไปยีเส้นผมนุ่มที่เริ่มแห้งแล้วเบาๆ
“เด็กน้อย คนเราน่ะ รักกันมันก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกันตลอดหรอกนะ นอกจากหน้าที่ของคนรักแล้ว เราต่างคนก็ยังมีหน้าที่อื่นที่ต้องทำ ความรักสำคัญ คนรักก็สำคัญ แต่อย่างอื่นในชีวิตเราก็สำคัญเหมือนกัน ถึงเวลาต้องโตกว่าเดิมได้แล้วรู้มั้ย”
“แต่ธารไม่อยากให้พี่ไป” ธารยังคงยืนยันคำเดิม ทว่าคราวนี้ไม่ได้โวยวาย ไม่ได้อ้อน แต่ออกมาจากใจจริง

ผมเข้าใจ... แต่ผมบอกไม่ได้ว่าตัวเองไม่อยากไป
ผมอยากไปเรียนต่อ ทว่าลึกๆ ในใจเป็นห่วงคนตรงหน้า เลยทำให้ตัดสินใจแบบเด็ดขาดในตอนแรกไม่ได้ก็เท่านั้นเอง

“ไปเรียนต่อกับพี่เหนือมั้ย เราจะได้อยู่ด้วยกัน” ผมเลยเสนอทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเราสองคนไปอีก
ทว่าผมคงจะลืมไปว่าครั้งหนึ่งธารเคยพูดเรื่องเรียนต่อที่เดียวกับผมไว้ว่ายังไง มันเลยเตือนความจำให้
“ถ้าพี่ไปคนเดียว ธารก็จะรอพี่แค่สองปี แต่ถ้าธารไปด้วย ธารจะต้องอยู่คนเดียวถึงสามปี พี่คิดว่าธารจะไปมั้ย”

ผมยิ้มบางๆ ...แน่ล่ะว่าไม่ไปหรอก รอสองปียังดีกว่าจากกันสามปีนี่นา

“แล้วน้องธารจะอยู่ได้มั้ยถ้าพี่เหนือต้องไปทำหน้าที่ของตัวเอง” ถามทั้งที่รู้ว่าคำตอบที่ได้จะเป็นยังไง
ธารส่ายหน้าทันที ผมมองแล้วก็ท้อใจ ไม่รู้จะทำยังไง ทว่าก็ท้อใจได้ครู่เดียวเมื่อธารว่าออกมาเสียงแผ่ว
“แต่ธารจะรอพี่กลับมานะ”
ผมยิ้มออกทันที ไม่รู้ว่าทำไมการยิ้มในครั้งนี้ทำให้ผมอยากร้องไห้ไปในคราวเดียวกันด้วย แล้วก็เกือบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เมื่อธารเอื้อมมือมากุมมือผมเอาไว้ จ้องหน้าผมนิ่งๆ
“แต่พี่ต้องสัญญาว่าจะไม่มีใคร อย่าทำให้ธารเสียใจเหมือนตอนเรื่องพี่ดื้อ เข้าใจมั้ย”
“คร้าบๆ ขี้หึงนะเรา ถึงเมื่อก่อนพี่เหนือจะไหลไปเรื่อย แต่ตอนนี้พี่เหนือเป็นของน้องธารแล้ว จะให้ไปเป็นของใครได้อีก จริงมั้ยฮึ?” ผมกลืนก้อนสะอื้นลงคอ เสแสร้งทำเป็นอารมณ์ดี ยื่นมืออีกข้างไปบีบปลายจมูกโด่งรั้นนั่น

ธารไม่หลบ ปล่อยให้ผมหยอกล้อปลายจมูกตัวเองเล่นกระทั่งผมเป็นฝ่ายละฝ่ามือออกมาเอง แล้วก็ต้องชะงักเมื่อจู่ๆ ธารก็พูดออกมา
“พี่เหนือ เป็นแฟนกันมั้ย”

เป็นครั้งแรกที่ธารขอผมเป็นแฟน ผมนิ่งงัน มองสีหน้าจริงจังของอีกฝ่าย ใจจริงอยากจะตอบรับเหลือเกิน แต่ว่า...

คิดๆ ดูแล้ว ถ้าผมตอบรับไป แล้วเราจากกันทั้งที่มีสถานะว่าเป็นแฟน แบบนั้นจะทำให้ธารเจ็บปวดกว่าการจากลาโดยมีสถานะไม่ชัดเจนอย่างที่เป็นอยู่หรือเปล่า
ผมชั่งใจไปว่าจะเอาไงดี ธารเลยถามอีกครั้ง
“พี่เหนือ เป็นแฟนกับธารมั้ย”
“น้องธาร... คือพี่...”

อยากตอบรับ อยากบอกว่าผมอยากจะเป็นแฟนมันใจจะขาด แต่ก็ต้องสะกดความปรารถนาของตัวเองลงไป แล้วตั้งสติ เปลี่ยนคำพูดไปพูดในสิ่งที่ตรงกันข้ามแทน

“ชั่งใจก่อนเถอะนะน้องธาร พี่เหนือไปตั้งหลายปี ถ้าวันใดวันนึงน้องธารเจอคนที่มาแทนที่พี่เหนือได้ เราสองคนจะมีปัญหานะ ถ้าเราจะจากหรือจะเปลี่ยนใจจากกัน จากแบบที่ไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ ต่อกันแล้ว พี่เหนืออยากจากกับน้องธารด้วยความรู้สึกดีๆ มากกว่า เป็นแฟนกัน เวลาเลิกกันแล้ว มันเจ็บปวดมากกว่านะ”
ที่พูดอย่างนี้เป็นเพราะผมผิดหวังในความรักมานับครั้งไม่ถ้วนน่ะ เลยเข้าใจดี ธารเองก็เข้าใจ ได้ยินอย่างนั้นก็รีบโพล่งขึ้นมา
“แต่ธารรักพี่จริงๆ นะ รักจริงๆ ไม่มีวันทิ้งพี่ไปแน่ พี่อย่ากลัวสิวะ”
“ไม่ใช่ว่ากลัว แต่พี่...”

กลัวการเป็นแฟนกันจะทำร้ายน้องธารให้เจ็บปวดเวลาที่พี่เหนือไม่อยู่ด้วยต่างหาก ถ้าเป็นแฟนกัน น้องธารจะต้องโหยหาพี่เหนือมากกว่าที่เป็นอยู่แน่...

อยากจะบอกไปอย่างนี้ แต่ถ้าพูดไป ธารจะต้องหาข้ออ้างอีกสารพัดมาแย้งแน่นอน เลยเงียบไปดื้อๆ ธารจึงขยับเข้ามาใกล้ผม ยกสองมือขึ้นมาประคองใบหน้าผมไว้ พูดด้วยน้ำเสียงเครียดทว่าแฝงไปด้วยความอ่อนโยน

“ธารรักพี่จริงๆ เป็นแฟนกับธารเถอะ ธารสัญญาว่าจะไม่ทำให้พี่เจ็บเด็ดขาด”
ผมกัดริมฝีปากตัวเองแน่นไม่ให้สั่นระริก น้ำตาที่ว่าจะไม่ไหลแล้วเอ่อคลอปริ่มขอบตาจนได้ ธารเลื่อนปลายนิ้วหัวแม่มือมาซับหยาดน้ำตาที่ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัวให้ผม ปากก็ยังขอผมเป็นแฟนไม่หยุด
“ธารรู้ว่าพี่กลัวการมีคนรัก แต่ธารสาบานว่าจะไม่ทำร้ายพี่ จะไม่มีวันทิ้งไปไหนด้วย ถึงพี่จะขอเวลาไปทำหน้าที่ของตัวเอง ธารก็จะไม่ทิ้งพี่ไป แต่ขอร้อง รักธารให้มากกว่านี้ได้มั้ย รักแบบที่ชัดเจนว่าเราเป็นอะไรกัน ไม่ใช่อย่างที่เป็นอยู่”
“ไหนน้องธารว่ากลัวว่าเราจะเปลี่ยนไปไงครับถ้าเราเป็นแฟนกัน” ผมสะกดกลั้นน้ำตา แกล้งถามออกไป
ธารนิ่งไปครู่ แล้วก็พูด
“ก็กลัว แต่กลัวว่าถ้าไม่คว้าพี่เอาไว้ก่อน คนที่จะเปลี่ยนใจคือพี่น่ะ ก็พี่แม่งแรดจะตาย ยังไงก็ต้องป้องกันไว้ก่อน”

ประโยคนี้ทำเอาผมหัวเราะพรืดออกมาเลย โธ่ อุตส่าห์โรแมนติกมาตั้งนาน ดันมาตกม้าตายตรงนี้ซะได้

“พี่เหนือไม่มีใครหรอก ถ้าน้องธารบอกว่าจะรอ พี่เหนือก็จะรอเจอน้องธารเหมือนกันนะ”
“สรุปจะเป็นแฟนมั้ยเนี่ย ถามหลายรอบแล้วแม่ง ลีลาอยู่ได้” วกกลับมาเรื่องเดิมแล้ว

ผมยิ้มกว้าง ยื่นหน้าเข้าไปจูบมันแผ่วเบา ผละออกมา ธารก็มองหน้าผมอย่างสงสัยว่าที่จูบเมื่อกี้หมายความว่าตกลงหรือยังไงกันแน่

ทว่าไม่ ผมไม่ได้ตกปากรับคำ ก่อนจะว่าออกมา
“รอพี่เหนือกลับมาก่อนนะ ถ้าตอนนั้นน้องธารยังไม่เปลี่ยนใจ เราค่อยมาคบกันจริงจัง”
“ยังจะต้องรออะไรอีก ไม่ต้องรอแล้ว เป็นแฟนกันเลย” ธารเริ่มโวยวายขึ้นมาอีกแล้ว ผมเลยมองดุๆ นิดหน่อย อีกฝ่ายก็เลยค่อยๆ นิ่งไปราวกับรู้ตัวว่าตัวเองยังมีความผิดติดชนักอยู่ ก่อนผมจะอธิบายว่าทำไมต้องให้รอ
“ที่บอกให้รอน่ะ เพราะถ้าเป็นแฟนกันแล้ว น้องธารต้องกังวลเรื่องพี่เหนือไม่หยุดแน่ จะกังวลมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ  พี่เหนือรู้ว่าเด็กช่างอย่างน้องธารน่ะรักจริง แต่ชั่งใจก่อน ที่ให้ชั่งใจก็เพราะพี่เหนือไม่ได้เป็นคนดีอะไรเท่าไหร่ เมื่อก่อนก็ทั้งมั่วทั้งแรด ขนาดตอนนี้เพลาความแรดลงมาแล้ว ยังโดนน้องธารด่าว่าแรดเลย ไว้พี่เหนือกลับมา แล้วถ้าน้องธารยังไม่เปลี่ยนไป เราก็ค่อยมาคบกัน โอเคมั้ย”

ธารเข้าใจที่ผมพูด แต่ดูท่าทางไม่อยากจะยอมรับเท่าไหร่ จากท่าทางฮึดฮัดก็รู้ได้เลย ผมเลยต้องถามอีกครั้ง
“ว่าไง โอเคมั้ย ถ้ายังไม่เปลี่ยนใจ พี่เหนือกลับมาแล้ว เราค่อยมาเป็นแฟนกันนะ”
“เออ ก็ได้” สุดท้ายก็ตกปากรับคำอย่างไม่มีทางเลือก
ผมโผเข้ากอดร่างใหญ่ ปากพึมพำไปด้วย
“เด็กน้อยของพี่เหนือเวลาไม่ดื้อนี่น่ารักที่สุด”

ธารตัวสั่นไหวเบาๆ เหมือนจะหัวเราะ ก่อนพรมจูบลงมาบนขมับผมข้างที่แตกเพราะถูกกระแทกเบาๆ แต่ถึงจะจูบเบาเพียงใด ผมก็สะดุ้งเพราะความเจ็บปวดอยู่ดี ก็ตอนนี้มันปูดโนขึ้นมาแล้วนี่
“ไม่เจ็บมากใช่มั้ยพี่”
“อื้ม นิดหน่อย แต่ก็เจ็บนะ กระแทกซะแรง สมองหมากว่าเดิมแล้วมั้งเนี่ย” ผมแกล้งด่าตัวเองด้วยคำด่าที่ธารเคยใช้กับผม
ธารเลยหัวเราะร่วนออกมา ก่อนกดผมลงนอนบนเตียง แล้วโถมตัวขึ้นมาคร่อมเอาไว้
“ขอโทษนะพี่...สำหรับทุกๆ อย่าง ธารก็แค่รักพี่มากเท่านั้นเอง”
“ครับ พี่เหนือเข้าใจ ขอโทษเหมือนกันนะที่ทำให้น้องธารรู้สึกไม่ดี”

พอสิ้นเสียงผม เราทั้งคู่ก็สบสายตากันอยู่นานทีเดียว กระทั่งธารโน้มหน้าลงมาจูบ และเริ่มมือไม้อยู่ไม่สุข ผมจึงต้องรีบปราม
“เดี๋ยวๆ นี่เราจะทำที่นี่จริงเหรอ ห้องน้องมายด์นะ”
ธารก็เหมือนจะตระหนักได้ในตอนนี้ มองไปรอบห้องที่มีแต่ข้าวของสีชมพูกับลายคิตตี้แล้วก็ทำหน้าแหยงๆ
“พี่จะไปห้องพักรายวันมั้ยล่ะ เห็นอยากไปไม่ใช่เหรอ”
ผมหัวเราะลั่น ทำเอาธารหัวเราะไปด้วย ก่อนผมจะรวบธารมากอด พลันกระซิบแผ่วเบาแทน
“กลับบ้านดีกว่า ห้องน้องธารดีที่สุดแล้ว ไปเคลียร์กันต่อที่นั่นเถอะเนอะ”

ธารไม่ปฏิเสธ ผละออกจากผม ดึงผมลุกขึ้นยืน แล้วโทรตามน้องมายด์ ฝากกุญแจมอเตอร์ไซค์เอาไว้ บอกว่าพรุ่งนี้หลังเลิกเรียนจะแวะมาเอา ก่อนกลับไปกับผม

ดูท่าแล้วก็คืนนี้คงต้องเคลียร์กันทั้งคืน ทะเลาะกันแรงขนาดนี้ ต้องใช้เวลาปรับความเข้าใจเยอะหน่อยล่ะ แต่จะให้ดี ขอให้การทะเลาะกันครั้งนี้เป็นการทะเลาะกันครั้งแรกและครั้งสุดท้ายเถอะ

ก็ผมรักเด็กนี่มากเกินกว่าจะเอาเวลาดีๆ ที่มีให้กันมาทำเรื่องไร้สาระอย่างนั้นนี่นา รักกันอย่างเดียวดีกว่า อย่าได้ทะเลาะกันอีกเลย



ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
ตอนแรกว่าจะมาไม่เกิน 4 ทุ่ม เขียนจริงๆ แล้วแบบ โอ้โหหหหห บิวท์อารมณ์นานมากกก ไม่ถนัดเขียนฉากอย่างเน้!! 555 แต่ก็มาม่าเบาๆ นะ หนักเหนิกอะไร ใครว่ามดแดงทั้งรังกัด มดตัวเดียว กัดเจ็บจิ๊ดเดียวเอ๊งงงงง
เอาล่ะค่ะ เราผ่านมาม่านี้ไปได้แล้ว ก็สบายไตกันได้ละ ที่เหลือก็จะมีแต่ความละมุน ความกรุบกรอบ ความแรด ความขายอ้อย และความมาม่าตบท้ายอีกนิด(ว้อทททท? ยัง...ยังจะมีอี๊กกกก) ม่าตบท้ายนี่มีนิดเดียว โทนหลังของเรื่องนี่เน้นอบอุ่นละมุนละมุดละเมียดละไมแล้วค่ะ
ตัวอย่างตอนต่อไปมาพรุ่งนี้นะ อ่านจบแล้ว ฝากส่งฟีดแบ็กกันหน่อยน้า XD

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เป็นคนพิดโลก ดีใจที่ เขียนเรื่องนี้ในจังหวัดพิษณุโลก(คนแต่ง เป็นคนพิดโลก?)

เหนือ กับ ธาร ปรับความเข้าใจกันได้ :katai2-1:
ดีต่อทั้งสองฝ่าย ธารก็โตขึ้น เหนือก็ได้ทำตามความฝัน :mew1:
รอดู ทั้งคู่หลังจากนี้แหละ ว่าจะ :กอด1: ได้อย่างที่ตั้งใจ?
รอนะ :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-04-2016 22:52:12 โดย oaw_eang »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด