【ช่างใจรัก】♦โหลดEbookและรอบปกติ♦12/11/59
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 【ช่างใจรัก】♦โหลดEbookและรอบปกติ♦12/11/59  (อ่าน 238925 ครั้ง)

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
หน่องธารมาแว้วววววว  :oni1: กลิ่นมาม่าโชยมาเป็นลางตั้งแต่เห็นชื่อตอนเบยย มาหลังๆความหนักแน่น มั่นคง จริงจังเริ่มเทไปอยู่ที่น้องธารนะเราว่า ต้องลุ้นดูว่าเหนือจะ strong ได้แค่ไหน?

ตั้งตารอวีคหน้าตอนต่อไปนะจ๊ะ สนุกมากกกกเรื่องนี้ :110011:

ออฟไลน์ PharS

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
อีกแค่ 2 ตอนเองหรอ. ไม่นะ

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
รอพี่เหนือเป็นเพื่อนธาร

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4565
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
กรี๊ดดดดดดด จะต้องห่างกันแล้ววววว

ออฟไลน์ nsai.ss

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 413
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-2

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
 
[ตัวอย่าง] ชั่งใจ ครั้งที่ 26
เอาตัวอย่างมาแปะไว้ก่อน ตอนเต็มอาจจะมาวันจันทร์ ไม่ก็วันอังคารนะคะ (ดูท่าจะวันอังคาร วันจันทร์นี่ หนูแดงมีธุระต้องออกไปข้างนอกทั้งวัน ไม่น่าว่าง)
ตัวอย่างยาวมาก มีความดราม่าควีน ถือตะเกียบรอรัวๆ แต่ไม่ต้องใจบ่ดีไปนะคะ จะจบแล้ว หนูแดงไม่ปล่อยให้ม่าเจ็บปวด ไม่ใช่สงสารพี่เหนือกับน้องธารนะ กลัวโดนพ่อยก-แม่ยกแหกอก 555
เจิมไว้ก่อนโลดค่ะ เดี๋ยวตอนเต็มจะมาเน้อ
ปล.มีคนถามถึงตอนพิเศษ มีนะคะ ตามนี้นะ
- บทส่งท้าย [1]
- บทส่งท้าย [2]
(มีบทส่งท้าย 2 ตอนค่ะ)
- ตอนพิเศษพาร์ทน้องธารดำเนินเรื่อง 3 ตอน
- ตอนพิเศษจอมแก่น-โรม 1 ตอน
- ตอนพิเศษน้องมายด์
ส่วนตอนพิเศษที่เหลือจะมาในแบบรูปเล่ม ไม่มีลงในเว็บให้อ่าน คาดว่ามีราวๆ 3 ตอน พี่เหนือดำเนินเรื่อง รอกันก่อนนะคะ
------------------------------------------------------

ผมวางโทรศัพท์ในมือลงราวกับไร้เรี่ยวแรง มือทั้งสองข้างสั่นระริก ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายปวดหนึบจนชา อธิบายความรู้สึกไม่ถูกเลยว่าตอนนี้รู้สึกยังไง ที่รู้ๆ คือ ผมเรียงลำดับเรื่องราวไม่ถูกว่าสิ่งที่เห็นมันเกิดขึ้นตอนไหน และเกิดขึ้นได้ยังไง

ธารมีเฟซบุ๊ค...สร้างไว้ตั้งแต่สองเดือนที่แล้ว ซึ่งมันเป็นช่วงเวลาราวๆ กับตอนที่ผมเจอธารที่ไทยตอนปิดเทอมกลางภาค แต่ผมไม่รู้ว่าธารมี

ปิดบังกันเหรอ หรืออะไร ทำไมถึงไม่บอกให้ผมรู้ว่ามีเฟซบุ๊คทั้งที่รู้ว่าผมก็เล่น?
หรือว่าจะกลัวว่าคนที่ถ่ายคู่รูปด้วยในรูปโปรไฟล์จะรู้ว่ามีผมอยู่?

ผมนั่งนิ่ง คิดไม่ตกว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ความจริงผมก็เริ่มระแคะระคายเรื่องนี้มาตั้งแต่ครั้งนั้นที่กลับไปไทยแล้วล่ะว่าธารคุยกับคนอื่นนอกจากผม
เริ่มระแคะระคายตั้งแต่ที่ผมเห็นข้อความเข้าในโปรแกรมแชท แล้วธารไม่ยอมเปิดดูตอนที่ผมทักว่ามีคนส่งข้อความมาแล้วล่ะ แต่ธารจะรู้หรือเปล่าว่าผมเห็นว่าฝั่งนั้นส่งข้อความมาว่าอะไร

‘คิดถึงนะจ๊ะ’

ประโยคนี้ยังตราตรึงอยู่ในห้วงความคิดผม ยิ่งมาเห็นอะไรแบบนี้ก็คิดฟุ้งซ่านไปกันใหญ่ ฟุ้งซ่านจนทำอะไรไม่ถูก นั่งนิ่ง มองไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย พอตั้งสติได้ ถึงได้หยิบโทรศัพท์มาเข้าดูเฟซบุ๊คของธารอีกครั้ง

เฟซบุ๊คนั่นถูกตั้งเป็นไพรเวท ไม่มีการโพสต์ใดๆ ทั้งสิ้น ไม่แสดงข้อมูลส่วนตัว และไม่แสดงว่าเป็นเพื่อนกับใครบ้าง มีเพียงวันที่สร้างเฟซบุ๊คเท่านั้นที่ยังเห็นอยู่ กับรูปโปรไฟล์ที่กดเข้าไปดูได้

รู้ทั้งรู้ว่าดูไปก็เจ็บปวด แต่ผมก็กดเข้าไปดูรูปของธารถ่ายคู่กับผู้หญิงผมสั้น หน้าตาน่ารักสดใสวัยไล่เลี่ยกันในชุดลำลอง เธอยิ้มกว้าง กอดคอธารแน่น ขณะที่ธารทำหน้าหงุดหงิดราวกับไม่เต็มใจถ่ายด้วย แต่มันก็เป็นสไตล์ของธาร ถ่ายรูปกับผมยังทำหน้าแบบนี้เลย

เป็นแฟนกันหรือเปล่านะ...

คิดแล้วก็วางโทรศัพท์ลงอีกครั้ง ในใจวูบไหวจนหัวสมองด้านชาไปหมด
ถึงจะมาก่อนก็เถอะ แต่ธารไม่ได้เป็นเกย์ตั้งแต่แรก และเราก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน แค่รักกัน แถมตอนที่รักกันก็เป็นช่วงที่ธารว้าเหว่ ต้องการใครสักคนเข้ามาในชีวิต ซึ่งบังเอิญใครสักคนนั่นดันเป็นผม ซ้ำผมยังเป็นฝ่ายที่ทิ้งธารมาเรียนต่อเอง แล้วแบบนี้ผมจะมีสิทธิ์ไปเรียกร้องอะไร
ถ้าผมไม่ได้เข้าใจผิด และธารมีแฟนจริงๆ แล้วผมควรทำยังไง ถอยออกมาอย่างนั้นเหรอ?

คงจะต้องอย่างนั้น ผมพูดเองนี่ว่าให้ธารชั่งใจตอนถูกธารขอเป็นแฟนเมื่อหลายปีก่อน และถ้าธารเจอใครใหม่ที่ดูแลได้ดีกว่าผม หรือรักมากกว่าผม ก็สามารถไปได้เลย พูดเองซะขนาดนั้น จะไปเรียกร้องโวยวายอะไรได้
แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ไม่อยากให้ธารเป็นของใคร ไม่อยากให้ธารปันใจไปรักคนอื่น

ผมนี่แม่งโคตรเห็นแก่ตัวเลย...

ยิ่งคิดก็ยิ่งฟุ้งซ่าน ยิ่งคิดก็ยิ่งจิตตกจนแทบทนอยู่ในห้องคนเดียวไม่ไหว เลยตั้งท่าจะออกไปเดินเล่นข้างนอกให้ผ่านคลาย ทว่าธารก็โทรวิดีโอคอลเข้ามาหาผมพอดี
ผมชะงัก ชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งว่าจะรับดีมั้ย กระทั่งสายเรียกเข้าตัดไป ธารส่งข้อความมาบอกให้ผมรับสายแล้วโทรซ้ำมาอีก ผมเลยรีบปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ กดรับสายแล้วถอยไปนั่งพิงหมอนที่อิงอยู่กับหัวเตียง

[รับช้าจังวะ มัวทำอะไรอยู่]
น้ำเสียงหงุดหงิดของธารดังเข้ามาพร้อมกับใบหน้าหล่อที่หงุดหงิดไม่แพ้น้ำเสียงปรากฏให้ผมเห็น ผมยิ้มรับเล็กน้อย ก่อนโกหกคำโต
“พี่เหนือเข้าห้องน้ำมาน่ะครับ”
[อ๋อ โอเค แล้วพี่กินข้าวหรือยัง ]

ธารถามสัพเพเหระเหมือนทุกครั้งที่เราคุยกัน ผมก็ตอบรับไปเหมือนทุกครั้งเช่นกัน สายตาก็สังเกตดูใบหน้าของธารไปด้วย
ผมเพิ่งสังเกตเห็นเอาในวันนี้ว่าธารดูโตขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ภาพลักษณ์เด็กเกเรเมื่อเกือบสองปีก่อนเริ่มหายไป ก็นะ อายุยี่สิบเอ็ดแล้วนี่นา ขึ้นปีสองแล้วด้วย จะไม่ให้โตขึ้นได้ยังไง
ทว่าถึงจะเริ่มเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ แต่ก็ยังมีเค้าของเด็กหัวดื้อเมื่อครั้งแรกที่ผมรู้จักให้เห็น

มองหน้าหล่อนั่นแล้ว ผมก็เกิดคิดถึงเด็กปากคว่ำ เอาแต่ใจ ขี้โวยวายคนเดิมขึ้นมา
ธารคนเดิม...คนที่รักผมสุดหัวใจ คนที่เห็นผมเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตจนไม่อาจเสียผมไปได้
ผมคิดถึงธารใจคนนั้น... คิดถึงจริงๆ

เพราะความคิดถึงทำให้ผมเงียบ... เงียบไปดื้อๆ ไม่ได้ฟังเสียงธารที่ถามเรื่อยเปื่อยไปครู่หนึ่ง รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนธารเรียกชื่อผมซ้ำหลายครั้ง
“ครับ?” ผมขานรับเมื่อรู้สึกตัว
ธารย่นคิ้ว มองหน้าผมเขม็งก่อนจะถามเสียงเครียด
[วันนี้เหม่อๆ นะ เป็นอะไรหรือเปล่า ทำธีสิสมันหนักมากเหรอพี่]
“ก็...นิดหน่อยครับ” ผมตอบรับอย่างขอไปทีเพื่อไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกต
แต่ธารก็ยังเป็นธาร ผมเปลี่ยนไปนิดเดียว มันก็รู้แล้ว
[พี่เป็นอะไร]
ธารถามเสียงเครียด สีหน้าก็ดูเคร่งเครียด จับผิดผมได้ทันตา

ผมรีบกลบเกลื่อนความรู้สึกประหลาดที่ผุดพรายในใจขึ้นมาอย่างกะทันหัน ก่อนจะข่มน้ำเสียงตัวเองให้เป็นปกติที่สุด ปรับสีหน้าให้เป็นปกติด้วยแม้ว่าการยิ้มให้มันครั้งนี้จะเป็นการยิ้มที่ฝืนที่สุดเท่าที่ยิ้มให้มันมาเลยก็ตาม
“พี่...พี่เหนือไม่ได้เป็นอะไรครับ”
ธารไม่เชื่อ เห็นหัวคิ้วย่นยู่ของอีกฝั่งผ่านจอโทรศัพท์ก็รู้แล้วว่าไม่เชื่อที่ผมพูดสักนิด
[พี่เหนือ บอกมาว่าพี่เป็นอะไร] ถามย้ำออกมาอีกครั้งด้วย
ผมก็พูดอะไรไม่ออก ตอนแรกก็ว่าจะไม่คิดเรื่องนี้แล้ว แต่พอถูกธารถาม ผมก็รู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรบางอย่างมาจุกที่ลำคอฉับพลัน ภาพที่เห็นก่อนหน้าวนเวียนอยู่ในหัวอีกครั้ง ใจผมนี่อยากจะบอกเหลือเกินว่าผมไปเห็นอะไรมา แต่ผมกลับไม่กล้าพูดออกไป

ก็ผมจะมีสิทธิ์อะไรล่ะ แค่รักกันแต่เราไม่ได้เป็นอะไรกัน และผมก็เป็นฝ่ายเลือกที่จะเดินจากมันมาเอง เป็นคนบอกมันเองด้วยว่าถ้ารอไม่ไหวก็ไม่ต้องรอ ผมจึงทำได้แค่...
“พะ...พี่เหนือไม่ได้เป็นอะไร”
ตอบด้วยประโยคเดิม...

ธารเงียบ มองหน้าผมนิ่ง พลันว่าเสียงเข้ม
[ถ้าพี่ไม่เป็นอะไร แล้วที่ร้องไห้อยู่ หมายความว่าไง]
อา...นี่ผมร้องไห้เหรอ ไม่รู้ตัวเลยแฮะ

ยกมือขึ้นปาดขอบตาก็สัมผัสได้ถึงหยาดน้ำตาอุ่นร้อนที่กำลังไหลออกมาเป็นสาย ก่อนที่หูจะได้ยินเสียงของธารดังขึ้นมาอีก
[ใครทำอะไรพี่ ใครทำให้พี่ร้องไห้ บอกมา]
เป็นการข่มขู่อย่างไม่พอใจที่แฝงไปด้วยความห่วงใยอย่างสุดซึ้ง ก็มันไม่เคยเห็นผมเศร้าเลยนี่นา ตลอดเวลาที่รู้จักกันมา มันเห็นแต่ความปัญญาอ่อนของผมอยู่ฝั่งเดียว และผมก็รู้สึกได้ด้วยว่านี่ไม่ใช่การแสร้งทำ มันเป็นห่วงผมจริงๆ ห่วงจากใจ แล้วอย่างนี้ผมจะพูดได้ยังไงล่ะว่าผม...

ผมไปเห็นว่ามันมีคนอื่น...

นอกเหนือจากนั้น จะให้ผมพูดยังไงว่าผมหึง ผมหวง ผมไม่อยากให้มันปันใจไปให้คนอื่น ถึงจะไม่ใช่แฟน แค่คุยกัน ผมก็ไม่อยากให้ไปยุ่ง ผมอยากรั้งมันไว้คนเดียว อยากให้มันรอ อยากให้รักแค่ผม มองแต่ผมเท่านั้น เป็นของผมตลอดไป

แต่ผมจะพูดยังไง...

จะให้ผมบอกไปยังไงว่าผมเห็นแก่ตัวขนาดนี้...
 

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ minneemint

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1633
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
ถ้าคนตรงนั้นไม่ใช่ธารเราอาจเชื่อว่ามีคนอื่น แต่นั่นคือธารนะ ผู้ชายที่รักพี่เหนือขนาดนั้น ทำไมพี่เหนือคิดไปเองงี้อ่ะ นี่แค่ตัวอย่างนะเราก็อยู่ทีมธารแล้ว ธารสู้นะ พี่เหนือมันคิดมากกกก

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4067
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
รอตอนต่อไป ..

ออฟไลน์ NUBTANG

  • Nothing is impossible. "[+++++]"
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 97
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ตอนแรกก็กำลังอินเลิฟสุดๆ พอมาอ่านตัวอย่างละเครียดเลย - -

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
ชั่งใจ ครั้งที่ 26: ผมต้องเชื่อใจธารใจสินะ[1]

ยิ่งใกล้วันที่ผมจะต้องไป ธารก็ยิ่งอ้อนหนัก ทั้งอ้อนทั้งตัวติดกันตลอดเวลาจนผมเป็นฝ่ายไม่อยากไปเรียนต่อเองแล้ว ด้วยกลัวว่าถ้าไปอยู่อเมริกา ผมจะลงแดงตายเพราะไม่ได้เห็นหน้าหล่อๆ ของเด็กนี่
แต่จะมาเปลี่ยนใจตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว ทุกอย่างถูกเตรียมการไว้เรียบร้อย อีกไม่กี่วัน ผมก็ต้องเดินทางแล้วด้วย จึงได้แต่ใช้เวลาที่เหลืออยู่กับธารให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ สองสามวันก่อนจากกัน พวกเราเลยไม่ได้ไปไหน เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้อง นอนกอดกันโดยไม่พูดอะไร ปล่อยให้เวลาผ่านไปเท่านั้น

กระทั่งถึงวันที่ผมต้องไป ธารก็เริ่มดูซึมผิดปกติจนผมต้องเป็นฝ่ายชวนคุยตลอดเวลาเพื่อไม่ให้มันรู้สึกแย่ แต่ก็เสียแรงเปล่า สายตาคู่นั้นที่มองมาที่ผมดูเศร้าตลอดเวลา ปกปิดไม่มิดแม้แต่น้อยเลยว่าไม่อยากให้ผมไปแค่ไหน เพียงแต่ไม่พูดก็เท่านั้น เห็นมากๆ เข้า ผมก็ชักจะทำหน้าไม่ถูก
แต่ก็พูดไม่ได้อีกอยู่ดีว่าตอนนี้ก็เริ่มชักจะไม่อยากไปแล้วเหมือนกัน

มาถึงสนามบิน กั้งกับยีนส์ก็มาส่งผมด้วย พวกมันก็เฮฮากันไปตามประสา เข้าขากับพ่อแม่ผมได้เป็นอย่างดี มีการชวนธารคุยด้วยเพราะผมโทรเล่าให้พวกมันฟังก่อนหน้าแล้วว่าถ้าได้เจอหน้าธาร อย่าพูดอะไรให้ธารเสียความรู้สึกเด็ดขาด พวกมันก็เลยค่อนข้างระมัดระวังคำพูดเป็นพิเศษ ธารก็ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง หลักๆ คือเอาแต่นั่งจับมือผมระหว่างที่เรานั่งอยู่ในร้านอาหารในสนามบิน ไม่พูดไม่จาตลอดการสนทนาฆ่าเวลาก่อนที่ผมจะบินมากกว่า

“ไม่เป็นไรนะ” ผมอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นหลังจากที่เพื่อนๆ เบนความสนใจพ่อแม่ผมไปคุยเรื่องอื่นแทนผมได้
ธารเหลือบมองหน้าผม พลันว่าเสียงเบา
“พี่เห็นหน้าธารแล้ว พี่ว่าโอเคมั้ยล่ะ”
แน่นอนล่ะว่าไม่โอเค ตาคู่เรียวฉ่ำวาวไปด้วยน้ำตาอย่างนั้น ถ้ามันไม่กลั้นไว้ก็ไหลเป็นเขื่อนแตกแล้ว
ผมเลยยิ้มให้ บีบมือมันเป็นการปลอบ
“เดี๋ยวพี่เหนือกลับมานะ เทอมนึงเรียนแค่สี่เดือน เดี๋ยวก็ได้เจอกันตอนปิดเทอม”
ปิดเทอมของผมนะ ไม่ใช่ปิดเทอมของธาร ก็ช่วงปิดเทอมของเราทั้งคู่ไม่ตรงกันนี่นา แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้กลับมาเจอกันแหละเนอะ
“พี่จะกลับมาแน่นะ” ธารถามอย่างไม่มั่นใจเท่าไหร่นัก ทำให้ผมยกมือขึ้นไปดึงแก้มคนตรงหน้าเบาๆ
“หัวใจของพี่เหนืออยู่ที่นี่ จะไม่กลับมาได้ยังไงล่ะครับ” ว่าแกมหยอก ธารจึงมีสีหน้าดีขึ้นมานิดนึง

นิดนึงจริงๆ เพราะพอสิ้นเสียงผม แม่ก็ดันเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ ก่อนจะหันมาเรียกผมเสียงดัง

“เอ้า ได้เวลาแล้วเหนือ ไปรอที่เกตได้แล้วมั้ง เดี๋ยวก็ตกเครื่อง ไม่ต้องไปกันพอดีหรอก”
ไม่พูดเปล่า ยังพยักเพยิดให้พ่อส่งกระเป๋าเป้ผมที่ไม่ได้โหลดเข้าใต้เครื่องมาให้ด้วย ผมเลยหันไปมองธารแล้วพยักหน้าเป็นเชิงว่าผมจะไปแล้วนะ
ธารลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก ยิ่งดูไม่ดีมากขึ้นเมื่อทุกคนไปส่งผมให้เข้าไปรอขึ้นเครื่องที่เกต พ่อกับแม่ก็กอดล่ำลาผมตามประสา ก่อนกั้งกับยีนส์จะมาลาบ้าง เหลือแต่ธารเท่านั้นที่ยืนนิ่งอยู่ ผมเลยขอเวลาส่วนตัวกับทุกคนเพื่อจะคุยกับธารสองต่อสอง ทุกคนก็เข้าใจดีว่าตอนนี้ธารกับผมอยู่ในอารมณ์ในเลยไม่กวนใดๆ ปลีกตัวไปอีกทาง เหลือเพียงผมกับเด็กนี่เท่านั้นที่ยืนประจันหน้ากัน

“น้องธาร...” ผมเปิดฉากขึ้น ทว่าธารก็สวนขึ้นมาก่อน
“พี่ไม่ไปได้มั้ย”
พูดมาอย่างนี้ ผมก็ลำบากใจทันที ก็อย่างที่บอกว่าตอนแรกผมอยากไป แต่พออยู่กับธารนานๆ เข้าและต้องจากกันจริงๆ ผมก็เริ่มไม่อยากไปแล้ว แต่จะมายกเลิกอะไรตอนนี้มันก็ไม่ใช่เรื่อง ในเมื่อเลือกจะเดินมาแล้ว ผมก็ต้องก้าวไปต่อ
“เดี๋ยวพี่เหนือกลับมานะ”
การไม่ตอบคำถามของธาร ทำให้ธารเม้มปากแน่น ก้มหน้าลงเล็กน้อย
“ถ้าพี่ไป ธารจะอยู่ยังไง”

ประโยคเดิมๆ หลุดออกจากริมฝีปากหนาคู่นั้นอีกแล้ว ผมลอบถอนหายใจ ไม่ใช่ว่าระอา แต่เอ็นดูมากกว่า ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปแค่ไหน เด็กนี่ก็ยังคงเป็นเด็กน้อยคนเดิมของผมเสมอ
“ไม่พูดอย่างนี้ซี่ น้องธารต้องโตขึ้นได้แล้วรู้มั้ย นี่จะกลายเป็นหนุ่มมหา’ลัยแล้วนะ ไม่งอแงแล้วนะครับ” ผมใช้มือทั้งสองข้างประคองหน้าคนตัวโตให้หันมาสบตาผม
หัวคิ้วเรียวสวยย่นยู่ ฉายความไม่พอใจออกมา
“ไม่ได้งอแง แค่ไม่อยากให้พี่ไปเฉยๆ”
“แต่พี่เหนือไปเรียนนะ เราคุยกันแล้วนี่”
“รู้ว่าคุยกันแล้ว แต่ถ้าพี่ไป... ธารต้องคิดถึงพี่มากแน่ๆ”

ฟังแล้ว ผมก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ จนต้องเป็นฝ่ายโผเข้ากอด
“พี่เหนือก็ต้องคิดถึงน้องธารมากๆ เหมือนกันแน่ รอก่อนนะครับ อีกสี่ห้าเดือนก็ปิดเทอมหนึ่ง พี่เหนือจะกลับมานะ”
ธารกอดตอบผมเช่นกัน ซุกหน้าลงมาบนไหล่ผมแล้วพึมพำ
“ต่อให้ต้องรอถึงสองปี ธารก็จะรอ”
ผมลูบแผ่นหลังกว้างเบาๆ เป็นการปลอบ ประโยคนี้ผมได้ยินนับครั้งไม่ถ้วนแล้วล่ะ และก็ค่อนข้างจะมั่นใจด้วยว่ายังไงธารก็จะรอผมแน่ ทว่าผมก็ต้องชะงักเมื่อจู่ๆ ธารก็พูดขึ้นมาอีก
“ดังนั้น... พี่เป็นแฟนธารเถอะ เป็นแฟนกันก่อนจะไป ธารรอให้พี่กลับมาแล้วค่อยเป็นแฟนกันไม่ไหว”
คงจะเป็นเพราะกังวลว่าผมจะไปยุ่งกับคนอื่นล่ะมั้งถึงได้อยากผูกมัดผมไว้ก่อนอย่างนี้ ก็ใช่ว่าผมไม่อยากเป็นแฟนมันหรอกนะ แต่รักระยะไกลมันไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าเป็นแฟนกันแล้ว ผมกลัวว่าความสัมพันธ์ที่มีปัญหาเรื่องระยะทางมาเกี่ยวข้องจะทำให้ความรู้สึกระหว่างเราแย่ไปกว่าที่คิดน่ะ

หนึ่งละ มันต้องมีเรื่องหึงหวงแน่ และสอง ผมว่าธารจะไม่ไว้ใจผมมากกว่าเดิม แค่ไม่ได้เป็นแฟนกัน ธารยังไม่ไว้ใจผมเลย ขืนเป็นแฟนกันแล้วไปอยู่ไกลๆ กันอย่างนั้น มีหวังได้ระแวงจนทะเลาะกันตาย อะไรไม่ว่า ธารจะมาตามหึงหวงผมจนเสียการเรียนด้วยนี่สิ ไอ้นี่แหละที่ผมไม่อยากให้เกิดที่สุดล่ะ

“พี่เหนือเรียนจบเมื่อไหร่ กลับมาแล้วถ้าน้องธารยังไม่เปลี่ยนใจ เราค่อยมาเป็นแฟนกันนะครับ”
พูดไปอย่างนี้ ธารก็ผละออกจากผม ตั้งท่าโวยวายทันที
“แต่ธาร...”
“พี่เหนือไม่อยากทำร้ายน้องธารนะ ถ้าเป็นแฟนกัน พี่เหนือว่าน้องธารต้องวิตกจริตมากกว่านี้แน่ แล้วพี่เหนือก็ไม่อยากเห็นน้องธารมาคอยกังวลเรื่องพี่จนเรียนไม่รู้เรื่องหรอกนะครับ ที่พี่เหนือพูดอย่างนี้ ไม่ใช่ว่าไม่รักน้องธารหรอกนะ รัก รักมากด้วย แต่หวังดีมากกว่า”
ผมโพล่งขึ้นมาก่อนที่ธารจะพูดจบ แน่นอนว่าธารยังคงมีความดื้อ สิ้นเสียงผมก็ทำท่าจะเถียงขึ้นมาอีก ผมเลยคว้ามือใหญ่มากุมไว้ ลูบไปมาอย่างแผ่วเบา
“พี่เหนือยังอยู่กับน้องธารตรงนี้เสมอ แต่ตอนนี้น้องธารทำเพื่อตัวเองก่อนได้มั้ย แล้วพอเวลากับทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง ถึงวันนั้นแล้วเราค่อยมาคบกันนะถ้าน้องธารไม่เปลี่ยนใจไปก่อน เวลาสองปีมันแค่แป๊บเดียวเอง เราก็ใช่ว่าจะไม่ได้เจอกันในระหว่างสองปีนี้สักหน่อย ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีก่อนเถอะนะ”
คราวนี้เหมือนธารจะฟัง กัดริมฝีปากก่อนพยักหน้ารับอย่างจำใจ
“ก็ได้ ธารจะรอนะพี่ กี่ปีก็จะรอ”

ผมยิ้มรับให้กับคำพูดนั้น ก่อนจะฉุกคิดขึ้นได้ว่าถ้าผมตอบรับไป ธารจะเอาแต่รอจริงๆ จนไม่เป็นอันทำอะไร ถึงจะไม่ได้เป็นแฟนก็เถอะ แต่ดูจากสถานการณ์แล้ว พอผมไปถึงอเมริกาและวุ่นวายกับการเรียน ธารจะต้องมีปัญหาแน่

ถ้าอย่างนั้น ผมก็ไม่ควรที่จะผูกมัดธารไว้

“ถ้าวันไหนน้องธารรอไม่ไหวขึ้นมาก็ไม่เป็นไรนะครับ พี่เหนือเข้าใจ ถ้ามีใครเข้ามาทำให้ชีวิตน้องธารดีขึ้นนอกจากพี่เหนือ น้องธารก็ตัดสินใจได้เลยนะครับว่าจะยังอยู่รอพี่มั้ย”
แม้ใจจะไม่ได้อยากให้เป็นอย่างนั้น แต่ก็พูดไปก่อน ทว่ากลับทำให้ธารที่ซึมกะทือในตอนแรกมองผมตาเขียวทันควัน
“พี่พูดแบบนี้ได้ไง บอกว่าจะรอก็รอสิวะ อย่าพูดอย่างนี้อีก”
“แต่พี่เหนือกลัวว่าพี่เหนือจะเป็นตัวถ่วงให้น้องธารทำอะไรไม่ได้เต็มที่” ผมว่าไปตามตรง ธารเลยดึงผมเข้าไปจูบท่ามกลางสายตาคนมากมายฉับพลัน
ถอนริมฝีปากออกมาได้ ก็เอ่ยเสียงแข็งสำทับ
“บอกว่าจะรอก็คือรอ อย่าบอกให้ธารไปหาคนอื่น ไม่งั้นอย่าหาว่าไม่เตือน”
แทนที่ผมจะขัดใจที่มันไม่ฟังคำแนะนำของผม แต่ผมกลับยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจที่ได้ยินประโยคนั้น พลันสวมกอดมันอีกครั้ง
“ไม่พูดแล้วครับ งั้นรอพี่เหนือนะ”

รู้สึกได้ถึงแรงสั่นเบาๆ จากการพยักหน้าของคนตัวใหญ่ ก่อนธารจะกอดตอบผมแน่น เราอยู่ในท่าทางนั้นครู่ใหญ่กระทั่งพ่อกับแม่เดินมาบอกผมว่าได้เวลาไปแล้ว ผมจึงคลายอ้อมกอดออกจากธาร ขณะที่ธารมองผมด้วยสายตาคล้ายลูกหมาที่กำลังจะถูกเจ้าของทิ้งไป
ผมก็พูดอะไรไม่ออก ใจหายเหมือนกันที่จะต้องจากกันแล้ว หากแต่ทำได้แค่ฝืนยิ้มให้ พลางโบกมือลา
“งั้น...พี่เหนือไปก่อนนะ”
แล้วก็หันไปบอกลากับคนอื่นๆ ก่อนหมุนตัวหันไปอีกทาง ทว่าเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ต้นแขนก็สัมผัสได้ถึงฝ่ามือหนาของใครบางคนที่พุ่งมาคว้าผมเอาไว้ หันมาก็เห็นว่าเป็นธารที่บัดนี้มีหยาดน้ำสีใสเอ่อคลออยู่ที่ขอบตา
“พี่เหนือ...”
เสียงห้าวสั่นเครือร้องเรียกชื่อผมทำเอาผมปวดหนึบในใจขึ้นมา จะอ้าปากขานรับก็ทำไม่ได้ ขืนเอ่ยอะไรออกไป ผมต้องร้องไห้ออกมาแน่ๆ ก็ดูธารตอนนี้สิ ทำเหมือนกับว่ากำลังจะเสียของรักไปยังไงยังงั้น
ธารเองก็ดูพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองให้เป็นปกติเหมือนกัน ครู่ใหญ่ทีเดียวกว่าจะยอมเอ่ยประโยคถัดไปออกมา
“ธารจะรอพี่นะ”
ไม่พูดเปล่า ยังโผเข้ามากอดผมอีกครั้ง เป็นการกอดที่แน่นกว่าครั้งไหนๆ แน่นจนเกือบจะได้ยินเสียงกระดูกผมลั่น ก่อนผมจะยกมือขึ้นโอบกอดตอบขณะที่อีกฝ่ายพร่ำบอกไม่หยุดว่าจะรอผมกลับมา
“อะ...อื้ม”
ตั้งสติได้ก็ควบคุมน้ำเสียงเอ่ยออกไป ส่วนธาร... ตอนนี้ร้องไห้ออกมาแล้ว ร้องแบบไม่อายว่าใครจะมอง กอดผมแน่นราวกับว่ากลัวจะเสียไปตลอดกาล จากการพร่ำบอกว่าจะรอก็กลายเป็น...
“ธาร...ธารรักพี่นะ รักพี่...”
บอกรักไม่หยุด...

ขอบตาผมร้อนผะผ่าว น้ำตาจะไหลออกมาให้ได้ ไม่จะไหลสิ... ไหลเลยล่ะ แต่ก็หยุดได้เสียก่อนที่ธารจะเห็น ในเวลาที่ธารอ่อนแออย่างนี้ ผมควรจะเข้มแข็งให้ธารได้อุ่นใจมากกว่า
“พี่เหนือก็รักน้องธารนะ รักมาก รอก่อนนะครับ เดี๋ยวพี่เหนือกลับมาหานะ”
หน้าที่ปลอบใจก็เป็นผมเช่นเคย โอ๋อยู่พักใหญ่ทีเดียวกว่าธารจะยอมปล่อยอ้อมกอดจากผม แต่ก็ไม่ยอมให้ผมไปง่ายๆ อยู่ดี ดึงผมเข้าไปจูบเนิ่นนาน ไม่สนใจเสียงโห่ร้องแซวของยีนส์กับแม่ที่ดังมาให้ได้ยิน หรือสายตาของใครๆ ที่มองมาเพราะเห็นผู้ชายสองคนจูบกันด้วย
ละริมฝีปากได้ก็จ้องหน้าผมนิ่งด้วยสายตาเว้าวอนที่บอกชัดเจนว่า ‘อย่าไป’ หากแต่ผมก็ต้องทำใจแข็ง แล้วตัดบทก่อนที่จะยกเลิกแพลนทั้งหมดเพราะสายตาคู่นี้จริงๆ
“พี่เหนือไปก่อนนะครับ”
สิ้นเสียงก็ค่อยๆ ดึงมือตัวเองออกจากการเกาะกุมของธาร ยิ้มกว้างที่สุดให้ โบกมือลาทุกคนแล้วหมุนตัวเดินขึ้นบันไดเลื่อนเพื่อไปขึ้นเครื่อง
จังหวะที่ผมหันหลังให้ธารนั้น รอยยิ้มบนหน้าผมก็หายวับไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้น ก่อนน้ำตามากมายจะไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว
ถ้าผมไม่ได้เจอหน้าธารใจทุกวันอย่างนี้แล้ว ผมเองก็คงจะคิดถึงธารมากเหมือนกัน

คนที่ลงแดงเพราะไม่ได้เจอกันคงไม่ใช่มีแค่ธารคนเดียวแล้วล่ะ
 



ในตอนแรกของการใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกาค่อนข้างจะลำบากสำหรับผมมาก แม้ว่าผมจะพูดภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่ว แต่ก็ต้องปรับตัวใหม่ทั้งหมด ทั้งสังคม ทั้งการเรียน ไหนจะการใช้ชีวิตประจำวันที่ผิดแผกไปจากเดิม คือมหาวิทยาลัยที่ผมมาเรียนต่ออยู่ที่นิวยอร์ก เวลากลางคืนของที่นี่เท่ากับเวลาตอนเช้าของไทย ผมเลยปรับเวลานอนไม่ค่อยได้ ก็เวลาที่นิวยอร์กช้ากว่าไทยตั้งสิบเอ็ดชั่วโมงนี่นา ห่างกันมากขนาดนี้ จู่ๆ ให้มาปรับเลยมันก็ยาก

ยากไปกว่านั้นคือ ผมจัดสรรเวลาสำหรับการคุยวิดีโอคอลกับธารไม่ค่อยได้ ไม่ใช่แค่เรื่องเวลา แต่เป็นเพราะเรื่องเรียนที่ผมต้องตามเพื่อนให้ทันด้วย มันไม่ใช่การเรียนในระดับชั้นปริญญาตรีแล้ว ปริญญาโทมันยากและหินกว่ากันเยอะ ธารเองก็เริ่มไปเรียนแล้วเช่นกัน กิจกรรมก็เยอะ ซ้ำยังต้องปรับตัวเรื่องเรียนไม่ต่างกัน ทำให้พวกเราไม่ค่อยได้ติดต่อกันเท่าไหร่นักในช่วงแรก กระทั่งเริ่มมีปัญหากันขึ้นมา

ก็แบบว่าทะเลาะกันไปตามประสาน่ะ ฝ่ายนั้นก็หาว่าผมไม่มีเวลาให้ ไม่สนใจ ผมจะไปมองคนอื่นอะไรประมาณนี้ ผมเลยต้องค่อยๆ อธิบายให้ฟังว่าชีวิตของผมในช่วงนี้มันยุ่งยากขนาดไหน กว่าจะเข้าใจกันได้และปรับทุกอย่างให้ลงตัวก็เกือบจะหมดเทอมหนึ่ง หลังจากนั้นถึงได้ตกลงเรื่องเวลานัดคุยกันว่าเราจะคุยกันตอนกี่โมงบ้าง เพราะไม่อย่างนั้นคงไม่ได้คุยกันแน่ ก็ธารน่ะมักจะโทรมาหาผมตอนเลิกเรียน ไม่ก็ก่อนนอนตามเวลาเมืองไทย ซึ่งมันเป็นเวลากลางดึก ไม่ก็ใกล้เช้าของนิวยอร์ก ซึ่งเป็นเวลาที่ผมหลับอยู่ สุดท้ายเราเลยเลือกช่วงเวลาที่เราทั้งคู่ว่างที่สุดมาคุยกัน วันนึงคุยหลายครั้งแต่เป็นช่วงเวลาสั้นๆ เพราะเวลาที่ว่าง บางครั้งมันก็ไม่แน่นอน

กว่าจะผ่านเทอมหนึ่งไปได้ เรียกว่ารากเลือดเลย โดยเฉพาะในเรื่องความสัมพันธ์ของเรา ส่วนที่ผมเคยรับปากกับธารว่าหมดเทอมแล้วผมจะกลับไทย เอาเข้าจริงก็ทำไม่ได้ เพราะมันปิดเทอมแค่สองถึงสามอาทิตย์ ไม่คุ้มกับค่าตั๋วที่ซื้อแน่ และที่สำคัญ ถึงจะปิดเทอม ผมก็ไม่ได้ว่าง ยังคงวุ่นวายกับการเตรียมบทเรียนสำหรับเทอมสอง แรกๆ ธารก็โวยวายไปตามประสา ทว่าพอผมมีเวลาคุยด้วยมากขึ้น อาการงี่เง่าก็ทุเลาลง ดูเหมือนว่าธารเองก็มีกิจกรรมที่มหาวิทยาลัยให้ทำฆ่าเวลาระหว่างที่ผมไม่มีเวลาให้ด้วย ทุกอย่างเลยไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิดนัก

ยิ่งพอเปิดเทอมสอง ทุกอย่างก็ดำเนินไปได้อย่างราบรื่น เราไม่มีปัญหาอะไรกันเลย ซ้ำธารยังดูโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นกว่าเดิมด้วย ยิ่งตอนโทรวิดีโอคอลมาหาผมทั้งที่ยังใส่ชุดนักศึกษาอยู่นะ บอกเลยว่าอื้อหือ... หล่อมาก เด็ดมาก คราบเด็กช่างเกเรอะไรนี่แทบไม่หลงเหลืออยู่เลยสักนิด

เห็นแล้วมีความอยากแซ่บ แซ่บผ่านโทรศัพท์ได้ก็ทำไปนานแล้ว ที่ทำได้ก็มีแต่ตอดมันเล็กๆ น้อยๆ ด้วยคำพูดนี่แหละ ได้ข่าวว่ามันได้รับเลือกเป็นเดือนคณะด้วย หูย บอกเลยว่าความแซ่บนี่ยกกำลังกว่าเดิมมากๆ

ที่สำคัญ ไม่ได้โตแค่รูปลักษณ์ นิสัยก็ดูโตขึ้น จากที่ชอบโวยวาย หงุดหงิดง่าย ปากคว่ำบ่อยๆ ก็ดูใจเย็นขึ้น ทำเอาผมหลงมันหัวปักหัวปำมากกว่าเดิม เป็นฝ่ายติดมันแจ โทรหามันทุกครั้งที่ผมว่าง บางครั้งก็โทรไปตอนมันเรียนบ้าง ตอนมันนอนบ้าง ลืมไปสนิทเลยว่าก่อนหน้าเคยตกลงกับมันว่าจะโทรหากันตอนที่เราว่างทั้งคู่เท่านั้น

ก็แหม มันหล่อขนาดนี้ก็ต้องตามติดกันหน่อยแหละ ทั้งหล่อ ทั้งฮ็อต ไม่ระวังไว้ให้ดี เดี๋ยวก็มีคนสอยไปตอนผมเผลอจนได้

แต่ธารก็ยังเป็นธาร เคยบอกว่ารักผมยังไงก็ยังแสดงออกเหมือนเดิม ผมเลยเบาใจได้ว่ายังไงธารก็จะรอผมกลับไป

และวันที่ผมได้กลับไทยเป็นครั้งแรกหลังจากมาอยู่ที่อเมริกาก็มาถึง มันเป็นช่วงปิดเทอมใหญ่ของผมน่ะ ตอนแรกที่ผมบอกธารว่าจะมาไทย ผมคิดว่าจะไม่มีเวลาได้เจอธารเท่าไหร่ซะแล้วเพราะเข้าใจว่าตอนผมปิดเทอม ธารยังเปิดเทอมอยู่ ทว่าไม่ใช่ ธารเองก็ปิดเทอมเช่นกัน มารู้อีกทีว่าที่ปิดเทอมตรงกันเป็นเพราะธารเรียนนานาชาติ

เอ... ตอนไปมอบตัวก็จำได้ว่าเรียนภาคปกติไม่ใช่เหรอ แล้วมหาวิทยาลัยประจำจังหวัดที่พิษณุโลกนี่ คณะวิศวกรรมศาสตร์มีหลักสูตรนานาชาติด้วยหรือไง?

อดสงสัยไม่ได้ ทว่าความสงสัยก็หมดไปเมื่อผมลงจากเครื่องที่นั่งต่อมาจากกรุงเทพฯ เพื่อมาหาธารถึงบ้านเกิด ธารซึ่งมายืนรอรับผมอยู่หน้าทางออกผู้โดยสารขาเข้า พอเห็นผมก็ยิ้มกว้าง ก่อนจะโผเข้ามากอดผมเต็มแรง
“พี่เหนือ! โคตรคิดถึงเลย”
ไม่กอดอย่างเดียว ร้องซะเสียงดังจนคนข้างๆ มอง ผมรู้สึกแปลกๆ นิดหน่อย แบบว่าเขินน่ะ ไม่ได้เจอตัวเป็นๆ ตั้งปี จู่ๆ มากอดกันแบบนี้ มันก็ต้องรู้สึกแปลกอยู่แล้ว
“น้องธารครับ ใจเย็นๆ ก่อนนะ คนมองใหญ่แล้ว”
“ก็คิดถึงนี่หว่า ทำไงได้”
ธารผละออกจากผม ปากยิ้มกว้างไม่หยุดจนผมต้องยิ้มออกมาบ้าง
“พี่เหนือก็คิดถึงน้องธารเหมือนกัน คิดถึงกว่าก็ธารน้อยนี่แหละ” ได้ทีก็เต๊าะมันแม่งเลย
ธารถึงกับย่นคิ้วทั้งที่ยิ้ม ก่อนยื่นมือมาดึงจมูกผม
“เจอหน้ากันไม่ถึงห้านาทีนี่ออกลายทะลึ่งเลยนะ ได้เจอแน่ธารน้อยน่ะ ไม่ต้องห่วง”
ผมยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย ก่อนธารจะมาแย่งกระเป๋าเป้ผมไปถือ แล้วคว้ามือผมไปจับ
“ไปที่บ้านก่อนเถอะ ธารมีเรื่องจะคุยกับพี่เยอะแยะเลย”

ไม่รอให้ผมตอบรับก็ออกลากผมไปแล้ว คาวาซากินินจายังคงถูกใช้เป็นพาหนะคู่ใจเหมือนเดิม การซ้อนมอเตอร์ไซค์และบรรยากาศของพิษณุโลกทำให้ผมคิดถึงวันวานเก่าๆ สมัยยังเป็นนักศึกษาฝึกสอนขึ้นมา คิดถึงยิ่งกว่าเมื่อธารพาผมมาที่บ้าน และได้เจอหน้าทั้งคุณธี คุณชยุต และป้าริน แต่ไม่ได้เจอจอมแก่น โรม และน้องมายด์ ได้ยินว่าจอมแก่นกับโรมไปเช่าหอพักอยู่ด้วยกันใกล้ๆ กับมหาวิทยาลัย เสาร์-อาทิตย์ถึงจะกลับบ้านมาที น้องมายด์ก็ไปอยู่กรุงเทพฯ กับป้าแล้ว ส่วนพี่จอมดื้อ... ได้ยินว่ามีแฟนแล้ว

อันนี้ผมไม่ได้อยากรู้ แต่ธารพูดขึ้นมาเอง สงสัยจะกลัวผมไปหาพี่จอมดื้อล่ะมั้งถึงได้ดักคออย่างนี้ แต่ยังไงก็ต้องเจออยู่แล้วล่ะ ผมมาอยู่บ้านธารตลอดช่วงปิดเทอมเลยนี่นา ไม่เจอวันนี้ก็ต้องเจอเข้าสักวัน

หากแต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก อยากรู้เรื่องธารมากกว่า ทว่าธารก็ไม่ได้เล่าอะไร นอกจากจะทำให้ผมหายคิดถึงธารน้อยจนลุกจากเตียงแทบไม่ขึ้นอยู่หลายวันติดกัน

เรียกว่าทุกวันเลยก็แล้วกัน โอย... อะไรจะคิดถึงปานนั้นลูกเอ๊ย พี่เหนือแก่แล้วนะ กระดูกกระเดี้ยวยิ่งไม่ค่อยจะดีอยู่ เดี๋ยวก็กลับไปเรียนต่อไม่ได้หรอก!

ยิ่งไปกว่านั้น ธารก็ไม่เปิดโอกาสให้ผมได้ถามอะไรเรื่องที่มหาวิทยาลัยเท่าไหร่ด้วย ถามทีไรก็บอกว่า ‘ก็ดี’ แล้วก็ดูไม่ค่อยสนใจอะไรเท่าไหร่นัก ทำเอาผมอดเป็นห่วงไม่ได้ว่าชีวิตที่มหาวิทยาลัยของมันก็ดีจริงอย่างที่ปากว่าหรือเปล่า แล้วก็กลายเป็นว่ามีแต่มันด้วยนะที่เอาแต่ถามเรื่องของผมว่าเรียนเป็นไง ใช้ชีวิตที่นั่นเป็นไงอะไรเทือกนี้ หลักๆ เลยคือกลัวว่าผมจะตุกติกแอบมีใครอยู่ที่โน่น คำถามที่ว่า...
“พี่แอบมีคนอื่นหรือเปล่า”
จึงถูกเอามาถามผมทุกวัน อยู่กับมันมาได้เดือนกว่าแล้ว จนจะกลับไปอเมริกาอีกรอบ มันยังถามเรื่องนี้ไม่เลิกเลย

“พี่เหนือจะไปมีได้ยังไงล่ะครับ รักและคิดถึงน้องธารขนาดนี้ แถมตอนนี้น้องธารก็ล้อหล่อ ไม่กล้ามองใครหรอก น้องธารของพี่เหนือแซ่บลืมที่สุดในโลกละ”
ผมเลยบอกมันไปแบบนี้หลังจากที่ผ่านการกรำศึกบนเตียงมาอย่างหนักหน่วง วันนี้หนักผิดปกติเพราะธารพาผมไปเจอพวกจอมแก่นกับโรมที่ร้านนมของพี่จอมดื้อมา แล้วบังเอิญเจอพี่จอมดื้อที่นั่น ถึงพี่จอมดื้อจะพาแฟนมานั่งคุยกับพวกเราด้วย แต่ธารก็ออกอาการหวง อ้อนพร้อมยอมันหน่อย มันจะได้ทำท่าจับผิดผมสักที
“แน่ใจนะ”
“แน่ใจสิครับ ถ้าไม่แน่ใจ พี่เหนือไม่ยอมให้น้องธารทำพี่เหนือเสี่ยงเป็นอัมพาตอย่างนี้หรอกน่า”
เสี่ยงเป็นอัมพาตจริงๆ นอนแผ่หลาในสภาพเปลือยเปล่า แถมสะโพกกับเอวก็ปวดจี๊ดอย่างนี้ ไม่เสี่ยงก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว
คำพูดของผมทำให้ธารหัวเราะในลำคออย่างพึงใจ พลันตวัดวงแขนกว้างมากระชับเอวผมให้เข้าไปแนบลำตัว
“งั้นก็รักธารให้มากๆ เพราะธารรักพี่เหนือมาก ถ้าจับได้ว่าพี่ไปมีคนอื่นล่ะก็ ธารจะเย็บปิดให้หมดเลย”
“เดี๋ยวๆ เย็บปิดอะไร”
“ตรงไหนที่ธารน้อยเข้าไปวิ่งเล่นได้ ก็เย็บปิดตรงนั้นนั่นแหละ ระวังตัวไว้ให้ดี” ขู่พลางยื่นริมฝีปากมาจูบปลายจมูกผม
“จะโหดไปถึงไหนเนี่ยคร้าบน้องธาร กลัวจะแย่แล้ว” ผมหัวเราะ ขำในมุกตลกปนความขี้หึงของธาร

ธารก็ไม่ได้ว่าอะไรนอกจากกอดผม เอาหน้าซุกไซ้ จูบใบหน้า จูบลำคอผมไปเรื่อยเหมือนทุกวัน กระทั่งเสียงท้องผมร้องประท้วงขึ้น ธารจึงหยุดการนัวเนียไม่เลิกได้
“หิวแล้วล่ะสิพี่น่ะ”
“ก็ควรจะหิวแหละครับ ตั้งแต่กลับมาจากร้านพี่ดื้อ พี่เหนือก็นอนติดเตียงตลอดเลยนะ ถูกสูบพลังงานไปแบบนี้ ไม่หิวก็ไม่รู้จะว่าไงแล้ว”
“งั้นเดี๋ยวธารไปล้างตัวก่อน แล้วจะพาไปหาอะไรกิน ธารล้างตัวเสร็จแล้ว พี่ก็ไปล้างตัวด้วยล่ะ เหม็นๆ แบบนี้ไม่ให้นั่งซ้อนท้ายมอ’ไซค์นะบอกไว้ก่อน”
“ปากก็บอกว่าเหม็น แต่เมื่อกี้ใครน้า กอดจูบพี่เหนือไม่ห่างเลย”
โดนผมล้อไปแบบนี้ ธารก็ชี้หน้าอย่างเอาเรื่องแบบขำๆ ก่อนจะผละไปเข้าห้องน้ำ ปล่อยให้ผมนอนอยู่ที่เดิม ยิ้มให้กับตัวเองด้วยหัวใจที่เปี่ยมสุข

เปี่ยมสุขจริงๆ ไม่เคยมีความสุขอะไรแบบนี้มาก่อน นี่สินะที่เค้าว่ากันว่าพอยู่ห่างกันจะทำให้รักกันมากขึ้น

ความจริงผมก็เคยมีแฟนที่อยู่ห่างกันนะ แต่มันไม่ใช่แบบนี้ มีปัญหากันตลอด ทว่ากับธาร... การอยู่ห่างกันระยะนึงเป็นเรื่องดีชะมัด มันทำให้ผมรู้สึกว่าธารรักผมมากขึ้นยังไงไม่รู้แฮะ และแน่นอนว่าผมเองก็รักธารมากขึ้นเช่นกัน
รักมากจนไม่อยากจะรอให้เรียนจบ กลับมาก่อนแล้วค่อยเป็นแฟนกันแล้ว
หรือผมจะยอมตกลงเป็นแฟนกับธารตั้งแต่ตอนนี้เลยดีนะ? อีกปีเดียวก็จะจบแล้ว เป็นแฟนกันไปเลยก็แล้วกัน
คิดแล้วก็ตั้งใจว่าถ้าธารออกจากห้องน้ำมา จะพูดเรื่องนี้ หากแต่คิดได้ไม่เท่าไหร่ ผมก็ต้องหลุดออกจากภวังค์ตัวเองเมื่อเสียงโทรศัพท์ของธารที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงดังขึ้น
มันเป็นเสียงเรียกเข้าข้อความ ตอนแรกผมก็ไม่ได้สนใจ คิดว่าเป็นจอมแก่น ไม่ก็โรมส่งมาอะไรแบบนี้ ทว่ามันไม่ได้ดังแค่ครั้งเดียว ดังหลายครั้งติดกันจนผมชักรำคาญ ทำเสียมารยาทไปคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดูหน้าจอจนได้

โทรศัพท์ธารไม่ได้ตั้งล็อคจึงทำให้เห็นกล่องข้อความขึ้นมาบนหน้าจอ กล่องข้อความนั้นไม่ขึ้นชื่อว่าเป็นใคร มีแต่อีโมติค่อนรูปดอกไม้ที่ใส่แทนชื่อ ตอนแรกผมก็ไม่ได้ใส่ใจ กระทั่งเริ่มเห็นข้อความแปลกๆ

‘ธาร’
‘ธารใจจ๋า’
‘ทำอะไรอยู่’

แล้วก็ตามมาอีกหลายข้อความซึ่งผมค่อนข้างจะมั่นใจว่าเป็นข้อความจากผู้หญิง เท่านั้น ใจผมก็สั่นขึ้นมาทันที เผลอกดเข้าไปดูอย่างลืมตัว และพออีกฝ่ายเห็นว่าข้อความขึ้นมาอ่านแล้ว ก็ส่งข้อความใหม่มาทันใด
‘คิดถึงนะจ๊ะที่รัก’

คะ...ใคร? ยัยนี่เป็นใคร? อย่าบอกนะว่าตอนที่ผมไม่อยู่ ธารจะคุยกับคนอื่นด้วย?

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
ชั่งใจ ครั้งที่ 26: ผมต้องเชื่อใจธารใจสินะ[2]

ตอนนี้ไม่ใช่แค่ใจสั่นแล้ว มือที่ถือโทรศัพท์อยู่ก็สั่น เกือบจะพิมพ์ถามกลับไปอยู่แล้วว่าอีกฝ่ายเป็นใคร เกือบจะกดไปดูรูปโปรไฟล์ด้วย ทว่าธารก็เดินออกจากห้องน้ำมาก่อน พร้อมกับร้องเรียกผม
“เสร็จแล้ว พี่เข้าไปล้างตัวสิ”
ผมสะดุ้ง โทรศัพท์ในมือร่วงลงบนเตียงทันที ธารมองหน้าผมอย่างสงสัย
“เป็นอะไร ตกใจทำไม”
“ปะ...เปล่าครับ” ผมรีบปรับสีหน้าและน้ำเสียงให้เป็นปกติ ทว่าก็ไม่เป็นปกติสักเท่าไหร่นัก ทำให้ธารย่นคิ้วยู่
“มีอะไรหรือเปล่า”
“คือ...เพื่อนน้องธารส่งข้อความมาน่ะครับ แล้วเมื่อกี้พี่เหนือเผลอไปเปิดดูน่ะ”
ผมตัดสินใจพูดไปตามตรง เผื่อว่าจะจับผิดธารได้ ก็ตอนนี้ผมสงสัยว่าธารกำลังคุยกับคนอื่นนี่นา และการที่ผมพูดไปอย่างนี้ก็ทำให้เรียวคิ้วสวยของธารย่นยู่
“ใคร”
“ไม่รู้ครับ น้องธารดูเองเถอะ” ผมคว้าโทรศัพท์ยื่นให้

หัวคิ้วของธารย่นหนักกว่าเดิมอีกเมื่อสายตาจับจ้องไปยังหน้าจอ ก่อนจะกลายเป็นสีหน้าหงุดหงิด แล้วปิดโทรศัพท์ซะอย่างนั้น
เห็นแล้วก็สงสัย พิรุธชัดเจนขนาดนี้ ผมเลยโพล่งถามไปทันที
“ใครเหรอครับ”
“อย่าไปสนใจเลย ไร้สาระ ออกไปหาไรกินเถอะพี่ หิวแล้ว”
ผมนิ่งค้าง... ทำไมอะ ทำไมถึงไม่บอกว่าใคร ที่ไม่บอกเพราะกลัวว่าผมจะรู้ว่าคุยกับคนอื่นเหรอ หรืออะไร บรรยากาศกับเหตุการณ์นี้เหมือนตอนผมจับได้ว่าแฟนเก่านอกใจไม่มีผิด มันทำให้ผมรู้สึกไม่ดีเลย
รู้สึกไม่ดีมาก... อึดอัด สับสน อยากจะให้ธารทำให้เคลียร์ ทำให้ผมสบายใจว่าไม่มีอะไร
และสายตาขุ่นข้องใจที่ผมมองยังธารทำให้ธารรู้สึกตัวว่าทำให้ผมรู้สึกแย่ขึ้นมา ก่อนมันจะรีบถลาเข้ามาทรุดตัวลงนั่งข้างผม แล้วยกมือขึ้นมาวางไว้บนกระหม่อมผมก่อนออกแรงยีเบาๆ
“ไม่มีอะไรนะพี่เหนือ ไม่ต้องไปสนใจ”
“แต่ว่าเมื่อกี้...บอกว่าคิดถึงธาร” ผมหมายถึงข้อความในโทรศัพท์
ธารพ่นลมหายใจออกมายาว ก่อนจ้องหน้าผมนิ่ง
“ไม่มีอะไรจริงๆ ธารไม่ได้คุยกับใคร ไม่เคยสนใจใครเลย พี่ก็รู้ว่าธารรักและคิดถึงพี่แค่ไหน ธารไม่มองคนอื่นหรอก เชื่อใจธารนะ เคยบอกแล้วนี่ว่าจะไม่ทำให้พี่เสียใจเป็นอันขาด”

พูดเหมือนรู้ทัน และยืนยันมาขนาดนี้ ผมก็ไม่กล้าถามต่อ ยิ่งเห็นแววตาจริงจังด้วยแล้ว ความข้องใจก็มลายไปหมดสิ้น ความตั้งใจที่จะยอมตกปากรับคำเป็นแฟนมันก็เช่นกัน
ที่บอกว่าความข้องใจหายไปนี่ไม่ใช่ว่าเพราะผมเชื่อมันร้อยเปอร์เซ็นต์หรอกนะ ไอ้เชื่อน่ะมันก็เชื่อ แต่ผมเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนตั้งหลายครั้ง ไอ้ที่ว่ารักว่าคิดถึง ถ้ามันเป็นเรื่องจริง สุดท้ายมันก็จะเป็นแค่ลมปากที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปเท่านั้น ที่สำคัญ ตอนนี้ผมอดคิดไม่ได้เลยว่าถ้าธารคุยกับคนอื่นจริง ก็แสดงว่าผมอาจจะไม่ได้ดีสำหรับธารสักเท่าไหร่ แล้วผมก็เป็นฝ่ายบอกเองนี่นาว่าถ้ามีคนที่ดีกว่าผมเข้ามาในชีวิต ก็ให้ตัดสินใจเลือกเอาได้เลย

ไม่แน่ว่าตอนนี้อาจจะอยู่ในช่วงตัดสินใจก็ได้ ผมไม่ได้เจอธารมาตั้งเกือบปี ธารจะมีหวั่นไหวไปบ้างมันก็ไม่แปลก งั้นผมก็ไม่ควรจะผูกมัดธารในตอนนี้ เพราะถ้าธารมีใจให้คนอื่นแล้วมาคบกับผม ไม่แน่ว่าในอนาคต ผมนี่แหละที่จะเป็นฝ่ายเจ็บปวด

ผมทำใจกับเหตุผลนี้ได้ เลยไม่ได้คิดอะไรมาก ยิ้มกลับให้คนตรงหน้า ขณะที่ธารยังย้ำคำเดิม

“พี่เหนือ ธารจะไม่ทำให้พี่เสียใจ โอเคมั้ย อย่าคิดมาก นั่นก็แค่เพื่อนแกล้ง เชื่อธารได้มั้ย”
“ครับ” ผมตอบรับ ใจไม่ได้สงบเท่าไหร่หรอก
แต่ธารก็ทำให้ผมนิ่งขึ้นได้เมื่อมันโน้มหน้าเข้ามาจูบผม พลางกระซิบบอก
“ธารรักพี่มากขนาดนี้ จะไปมีคนอื่นได้ยังไง เชื่อใจกันหน่อยสิ”
เชื่อใจก็ได้...

เชื่อก็ได้...
 


ก็คงจะไม่ได้มีคนอื่นอย่างที่ธารว่า เพราะหลังจากวันนั้นก็ไม่มีใครส่งข้อความแปลกๆ มาหาธารอีกเลยทั้งที่มันก็ไม่ได้บอกให้ฝ่ายนั้นห้ามส่งมาแต่อย่างใด ซ้ำพอผมแอบดูโทรศัพท์ธาร ก็เห็นว่าธารบล็อกและลบรายชื่อของคนที่ส่งข้อความมาเมื่อวันก่อนไปแล้ว ไปเช็คดูรายชื่อในสมุดโทรศัพท์ ก็ไม่เห็นว่าจะมีชื่อของผู้หญิง มีแค่เบอร์ของคนใกล้ตัวที่ผมรู้จักเท่านั้น รวมๆ แล้วมีสิบกว่ารายชื่อเอง

คงจะไม่ได้คุยกับใครจริงๆ อาจจะเป็นพวกผู้หญิงที่มหาวิทยาลัยส่งมาตื๊อ แต่ธารไม่สนใจก็เป็นได้

ผมเลยสบายใจขึ้นกว่าเดิม ซ้ำธารยังทำให้ผมสบายใจจนไม่คิดแล้วว่าธารมีคนอื่นด้วยการดูแลเอาใจผมเป็นอย่างดี กระทั่งความสัมพันธ์ของเราแน่นแฟ้นขึ้น ผมจึงกลับไปเรียนอีกครั้งด้วยความมั่นใจสุดๆ ว่าธารยังคงรักผมเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

จนกระทั่ง... ผ่านเทอมหนึ่งปีสุดท้ายของชีวิตนักศึกษาปริญญาโทไป ไอ้ที่เคยมีเวลาว่างให้ธาร ก็เริ่มไม่มีอีกแล้วเมื่อผมต้องทำธีสิสนรกแตกนี่ส่งเพื่อทำเรื่องขอจบในเทอมสอง
พอไม่มีเวลา เราก็คุยกันน้อยลง ธารเองก็ขึ้นปีสองแล้ว ไม่มีเวลาเช่นกันเพราะเห็นธารเล่าว่าถูกเลือกไปเป็นประธานรุ่นในการรับน้องอะไรสักอย่าง แล้วงานก็ดูยุ่งตลอดปี เพราะนอกจากรับน้องแล้ว ธารยังต้องไปทำค่าย ไปทำหน้าที่อดีตเดือนคณะ และอะไรต่อมิอะไรที่เด็กกิจกรรมควรทำ ไหนจะยุ่งเรื่องเรียนอีก เลยกลายเป็นว่าตอนผมว่าง ธารก็ไม่ว่าง ตอนธารว่าง ผมก็ไม่ว่าง จากที่คุยกันเกือบทุกวัน ก็กลายเป็นอาทิตย์นึงคุยกันแค่ครั้งสองครั้ง ยิ่งตอนนี้ ธารใกล้สอบกลางภาคแล้วด้วย ยิ่งไม่มีเวลาให้กันเข้าไปใหญ่

แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก อีกไม่กี่เดือน ผมก็จะเรียนจบแล้วกลับไปอยู่ไทยเป็นการถาวรแล้ว ยังไงก็ได้เจอกันแน่นอน

ถึงจะอย่างนั้น...ก็คิดถึงแฮะ ยิ่งตอนวุ่นหัวปั่นกับธีสิสจนสมองล้าด้วยแล้ว กำลังใจที่ทำให้ผมหายเหนื่อยคือการได้เห็นหน้าและได้ยินเสียงธารนี่แหละ

คืนนี้ไม่ได้เห็นแล้ว ไม่เป็นไร นั่งดูรูปในเฟซบุ๊คก็ได้

ผมนั่งดูรูปคู่ของตัวเองกับธารที่เคยอัพไปตั้งแต่เมื่อปีก่อนพลางอมยิ้มคนเดียวเงียบๆ ไหนจะรูปใหม่ๆ ที่ถ่ายไว้เมื่อตอนเจอกันครั้งล่าสุดอีก

รูปของธารนี่ไม่มีรูปไหนยิ้มเลยแฮะ มีแต่ทำหน้าโหดๆ ทั้งนั้น เด็กปากคว่ำของพี่เหนือนี่ ไม่ว่าจะโตขึ้นแค่ไหนก็ยังปากคว่ำไม่เลิกเลยแฮะ ตอนนี้ธารอายุเท่าไหร่แล้วนะ... ใช่กำลังจะยี่สิบเอ็ดหรือเปล่า?

นั่งนับอายุธารไปก็เลื่อนดูรูปอื่นไปเรื่อยๆ ทว่าพอผมกลับมายังหน้าฟีดข่าว รายชื่อเฟซบุ๊คที่ผมไม่ได้เป็นเพื่อนด้วยก็ขึ้นมาตรงลิสต์แนะนำเพื่อนให้เห็น ถ้าเป็นปกติ ผมก็คงจะมองข้ามไป ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก หากแต่ครั้งนี้ข้ามไม่ได้เมื่อสายตาปะทะเข้ากับชื่อโปรไฟล์ของคนใกล้ชิด

‘ธาร ธารใจ’

ผมชะงักทันที ก่อนจะเพ่งมองดูรูปโปรไฟล์ที่เป็นรูปคู่ ผมอาจจะไม่สนใจเลยก็ได้ถ้าเห็นเพียงผู้หญิงผมสั้น หน้าตาน่ารักสดใสในรูปนั้นคนเดียว ทว่าผู้ชายในรูปข้างๆ ผู้หญิงคนนั้นกลับเป็นคนที่ผมคุ้นหน้าดี ผมเลยรีบกดเข้าไปดูแล้วก็ต้องชะงักทันควัน

นะ...นี่มันธาร
ธารกับผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้!

ไม่ใช่รูปถ่ายคู่กันธรรมดาด้วย เป็นรูปถ่ายคู่แบบแนบชิดสนิทสนมเหมือนตอนผมถ่ายรูปกับธารไม่มีผิด ผู้หญิงคนนั้นกอดคอธารแน่น เอาข้างแก้มมาชนกับแก้มธาร ขณะที่ธารทำหน้าไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก
ก็ทำหน้าเหมือนกับเวลาถ่ายรูปกับผมนั่นแหละ แต่พอผมเห็นธารไปถ่ายคู่กับคนอื่นแบบนี้ ผมก็เกิดหัวสมองมึนงงขึ้นมากะทันหัน วางโทรศัพท์ในมือลงราวกับไร้เรี่ยวแรง มือทั้งสองข้างสั่นระริก ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายปวดหนึบจนชา อธิบายความรู้สึกไม่ถูกเลยว่าตอนนี้รู้สึกยังไง ที่รู้ๆ คือ ผมเรียงลำดับเรื่องราวไม่ถูกว่าสิ่งที่เห็นมันเกิดขึ้นตอนไหน และเกิดขึ้นได้ยังไง

ธารมีเฟซบุ๊ค...สร้างไว้ตั้งแต่หลายเดือนที่แล้ว ซึ่งมันเป็นช่วงเวลาราวๆ กับตอนที่ผมเจอธารที่ไทยตอนปิดเทอม แต่ผมไม่รู้ว่าธารมี
ปิดบังกันเหรอ หรืออะไร ทำไมถึงไม่บอกให้ผมรู้ว่ามีเฟซบุ๊คทั้งที่รู้ว่าผมก็เล่น?
หรือว่าจะกลัวว่าคนที่ถ่ายคู่รูปด้วยในรูปโปรไฟล์จะรู้ว่ามีผมอยู่?

ผมนั่งนิ่ง คิดไม่ตกว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ความจริงผมก็เริ่มระแคะระคายเรื่องนี้มาตั้งแต่ครั้งนั้นที่กลับไปไทยแล้วล่ะว่าธารคุยกับคนอื่นนอกจากผม

‘คิดถึงนะจ๊ะที่รัก’

ประโยคนี้ยังตราตรึงอยู่ในห้วงความคิดผม ยิ่งมาเห็นอะไรแบบนี้ก็คิดฟุ้งซ่านไปกันใหญ่ ฟุ้งซ่านจนทำอะไรไม่ถูก นั่งนิ่ง มองไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย พอตั้งสติได้ ถึงได้หยิบโทรศัพท์มาเข้าดูเฟซบุ๊คของธารอีกครั้ง
เฟซบุ๊คนั่นถูกตั้งเป็นไพรเวท ไม่มีการโพสต์ใดๆ ทั้งสิ้น ไม่แสดงข้อมูลส่วนตัว และไม่แสดงว่าเป็นเพื่อนกับใครบ้าง มีเพียงวันที่สร้างเฟซบุ๊คเท่านั้นที่ยังเห็นอยู่ กับรูปโปรไฟล์ที่กดเข้าไปดูได้

รู้ทั้งรู้ว่าดูไปก็เจ็บปวด แต่ผมก็กดเข้าไปดูรูปของธารถ่ายคู่กับผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง

เป็นแฟนกันหรือเปล่านะ... ตอนแรกก็อาจจะแค่ผู้หญิงคนนี้ตื๊อก็ได้ สุดท้ายธารก็ใจอ่อนอะไรแบบนี้

คิดแล้วก็วางโทรศัพท์ลงอีกครั้ง ในใจวูบไหวจนหัวสมองด้านชาไปหมด
ถึงจะมาก่อนก็เถอะ แต่ธารไม่ได้เป็นเกย์ตั้งแต่แรก และเราก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน แค่รักกัน แถมตอนที่รักกันก็เป็นช่วงที่ธารว้าเหว่ ต้องการใครสักคนเข้ามาในชีวิต ซึ่งบังเอิญใครสักคนนั่นดันเป็นผม ซ้ำผมยังเป็นฝ่ายที่ทิ้งธารมาเรียนต่อเอง แล้วแบบนี้ผมจะมีสิทธิ์ไปเรียกร้องอะไร

ถ้าผมไม่ได้เข้าใจผิด และธารมีแฟนจริงๆ แล้วผมควรทำยังไง ถอยออกมาอย่างนั้นเหรอ?

คงจะต้องอย่างนั้น ผมพูดเองนี่ว่าให้ธารชั่งใจตอนถูกธารขอเป็นแฟนเมื่อหลายปีก่อน และถ้าธารเจอใครใหม่ที่ดูแลได้ดีกว่าผม หรือรักมากกว่าผม ก็สามารถไปได้เลย พูดเองซะขนาดนั้น จะไปเรียกร้องโวยวายอะไรได้
แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ไม่อยากให้ธารเป็นของใคร ไม่อยากให้ธารปันใจไปรักคนอื่น
ผมนี่แม่งโคตรเห็นแก่ตัวเลย...

ยิ่งคิดก็ยิ่งฟุ้งซ่าน ยิ่งคิดก็ยิ่งจิตตกจนแทบทนอยู่ในห้องคนเดียวไม่ไหว เลยตั้งท่าจะออกไปเดินเล่นข้างนอกให้ผ่านคลาย ทว่าธารก็โทรวิดีโอคอลเข้ามาหาผมพอดี
ผมชะงัก ชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งว่าจะรับดีมั้ย กระทั่งสายเรียกเข้าตัดไป ธารส่งข้อความมาบอกให้ผมรับสายแล้วโทรซ้ำมาอีก ผมเลยรีบปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ กดรับสายแล้วถอยไปนั่งพิงหมอนที่อิงอยู่กับหัวเตียง
[รับช้าจังวะ มัวทำอะไรอยู่]
น้ำเสียงหงุดหงิดของธารดังเข้ามาพร้อมกับใบหน้าหล่อที่หงุดหงิดในชุดนักศึกษาไม่แพ้น้ำเสียงปรากฏให้ผมเห็น ผมยิ้มรับเล็กน้อย ก่อนโกหกคำโต
“พี่เหนือเข้าห้องน้ำมาน่ะครับ”
[อ๋อ โอเค แล้วพี่กินข้าวหรือยัง]
ธารถามสัพเพเหระเหมือนทุกครั้งที่เราคุยกัน ผมก็ตอบรับไปเหมือนทุกครั้งเช่นกัน สายตาก็สังเกตดูใบหน้าของธารไปด้วย

ผมเพิ่งสังเกตเห็นเอาในวันนี้ว่าธารดูโตขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ภาพลักษณ์เด็กเกเรเมื่อเกือบสองปีก่อนเริ่มหายไป ก็นะ อายุยี่สิบเอ็ดแล้วนี่นา ขึ้นปีสองแล้วด้วย จะไม่ให้โตขึ้นได้ยังไง
ทว่าถึงจะเริ่มเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ แต่ก็ยังมีเค้าของเด็กหัวดื้อเมื่อครั้งแรกที่ผมรู้จักให้เห็น
มองหน้าหล่อนั่นแล้ว ผมก็เกิดคิดถึงเด็กปากคว่ำ เอาแต่ใจ ขี้โวยวายคนเดิมขึ้นมา
ธารคนเดิม...คนที่รักผมสุดหัวใจ คนที่เห็นผมเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตจนไม่อาจเสียผมไปได้
ผมคิดถึงธารใจคนนั้น... คิดถึงจริงๆ

เพราะความคิดถึงทำให้ผมเงียบ... เงียบไปดื้อๆ ไม่ได้ฟังเสียงธารที่ถามเรื่อยเปื่อยไปครู่หนึ่ง รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนธารเรียกชื่อผมซ้ำหลายครั้ง
“ครับ?” ผมขานรับเมื่อรู้สึกตัว
ธารย่นคิ้ว มองหน้าผมเขม็งก่อนจะถามเสียงเครียด
[ธารบอกว่าให้กำลังใจธารหน่อย วันนี้สอบตัวแรก โทรมาหาก่อนสอบก็จะมาขอกำลังใจเนี่ย แล้วนี่มัวเหม่ออะไรอยู่ วันนี้เหม่อๆ นะ เป็นอะไรหรือเปล่า ทำธีสิสมันหนักมากเหรอพี่]
ธารใส่มายาวเหยียด ผมเลยตระหนักได้ในตอนนี้ว่าเวลานี้มันเป็นช่วงบ่ายของประเทศไทย ส่วนที่นิวยอร์กก็เป็นเวลาห้าทุ่ม ธารบอกผมไปเมื่อหลายวันก่อนแล้วนี่นาว่าวันนี้มีสอบ อาจจะโทรมาขอกำลังใจ ผมก็ลืมไปสนิทเลยแฮะ
“ก็...นิดหน่อยครับ” ตั้งหลักได้ ผมก็ตอบรับอย่างขอไปทีเพื่อไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกต
แต่ธารก็ยังเป็นธาร ผมเปลี่ยนไปนิดเดียว มันก็รู้แล้ว
[พี่เป็นอะไร]
ธารถามเสียงเครียด สีหน้าก็ดูเคร่งเครียด จับผิดผมได้ทันตา
ผมรีบกลบเกลื่อนความรู้สึกประหลาดที่ผุดพรายในใจขึ้นมาอย่างกะทันหัน ก่อนจะข่มน้ำเสียงตัวเองให้เป็นปกติที่สุด ปรับสีหน้าให้เป็นปกติด้วยแม้ว่าการยิ้มให้มันครั้งนี้จะเป็นการยิ้มที่ฝืนที่สุดเท่าที่ยิ้มให้มันมาเลยก็ตาม
“พี่...พี่เหนือไม่ได้เป็นอะไรครับ”
ธารไม่เชื่อ เห็นหัวคิ้วย่นยู่ของอีกฝั่งผ่านจอโทรศัพท์ก็รู้แล้วว่าไม่เชื่อที่ผมพูดสักนิด
[พี่เหนือ บอกมาว่าพี่เป็นอะไร] ถามย้ำออกมาอีกครั้งด้วย
ผมก็พูดอะไรไม่ออก ตอนแรกก็ว่าจะไม่คิดเรื่องนี้แล้ว แต่พอถูกธารถาม ผมก็รู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรบางอย่างมาจุกที่ลำคอฉับพลัน ภาพที่เห็นก่อนหน้าวนเวียนอยู่ในหัวอีกครั้ง ใจผมนี่อยากจะบอกเหลือเกินว่าผมไปเห็นอะไรมา แต่ผมกลับไม่กล้าพูดออกไป
ก็ผมจะมีสิทธิ์อะไรล่ะ แค่รักกันแต่เราไม่ได้เป็นอะไรกัน และผมก็เป็นฝ่ายเลือกที่จะเดินจากมันมาเอง เป็นคนบอกมันเองด้วยว่าถ้ารอไม่ไหวก็ไม่ต้องรอ ผมจึงทำได้แค่...
“พะ...พี่เหนือไม่ได้เป็นอะไร”
ตอบด้วยประโยคเดิม...
ธารเงียบ มองหน้าผมนิ่ง พลันว่าเสียงเข้ม
“ถ้าพี่ไม่เป็นอะไร แล้วที่ร้องไห้อยู่ หมายความว่าไง”
อา...นี่ผมร้องไห้เหรอ ไม่รู้ตัวเลยแฮะ
ยกมือขึ้นปาดขอบตาก็สัมผัสได้ถึงหยาดน้ำตาอุ่นร้อนที่กำลังไหลออกมาเป็นสาย ก่อนที่หูจะได้ยินเสียงของธารดังขึ้นมาอีก
“ใครทำอะไรพี่ ใครทำให้พี่ร้องไห้ บอกมา”
เป็นการข่มขู่อย่างไม่พอใจที่แฝงไปด้วยความห่วงใยอย่างสุดซึ้ง ก็มันไม่เคยเห็นผมเศร้าเลยนี่นา ตลอดเวลาที่รู้จักกันมา มันเห็นแต่ความปัญญาอ่อนของผมอยู่ฝั่งเดียว และผมก็รู้สึกได้ด้วยว่านี่ไม่ใช่การแสร้งทำ มันเป็นห่วงผมจริงๆ ห่วงจากใจ แล้วอย่างนี้ผมจะพูดได้ยังไงล่ะว่าผม...
ผมไปเห็นว่ามันมีคนอื่น...
นอกเหนือจากนั้น จะให้ผมพูดยังไงว่าผมหึง ผมหวง ผมไม่อยากให้มันปันใจไปให้คนอื่น ถึงจะไม่ใช่แฟน แค่คุยกัน ผมก็ไม่อยากให้ไปยุ่ง ผมอยากรั้งมันไว้คนเดียว อยากให้มันรอ อยากให้รักแค่ผม มองแต่ผมเท่านั้น เป็นของผมตลอดไป
แต่ผมจะพูดยังไง...
จะให้ผมบอกไปยังไงว่าผมเห็นแก่ตัวขนาดนี้...
ผมเลยรีบควบคุมอารมณ์ แล้วเบี่ยงความสนใจไปเป็นเรื่องอื่นแทน ทว่าก็อดไม่ได้ที่จะถามมันเพื่อเยียวยาความไม่มั่นคงในใจตัวเองทีผุดพรายขึ้นมา
"น้องธาร พี่เหนือถามอะไรหน่อยได้มั้ยครับ"
[อืม ถามมาสิ]
"น้องธารรักพี่เหนือหรือเปล่า"
สีหน้าธารดูงุนงงขึ้นมาฉับพลันที่ผมเปลี่ยนเรื่องกะทันหัน ก่อนจะถามกลับมา
[พี่ถามทำไมเนี่ย]
สิ่งที่ผมอยากได้ยินคือการที่มันบอกรักผมต่างหาก ไม่ใช่ให้มันมาสงสัยแบบนี้ อย่างน้อยุ้ามันบอกว่ารักผม ผมก็คงจะพอหยุดความคิดฟุ้งซ่านนี้ไปได้บ้าง ตอนนี้ไม่ขออะไรเลยจริงๆ ขอแค่ได้ยินคำบอกรักเท่านั้น
"ตอบพี่เหนือมาสิว่ารักมั้ย"
[พี่เป็นอะไร ทำไมจู่ๆ ถึงถามอะไรแบบนี้ ปกติไม่เคยเห็นจะถาม]
ใช่ ปกติผมไม่ถาม แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงได้รู้สึกว่าธารกำลังเลี่ยงที่จะพูดประโยคนั้น
ก็ทำไมอะ ถ้ายังรักกัน ประโยคง่ายๆ แค่นั้นพูดไม่ได้เหรอ แค่พูดให้ผมสบายใจ ทำไม่ได้หรือไง
ความน้อยใจประเดประดังเข้ามาจนทำให้ผมต้องรีบกักเก็บอารมณ์ไว้ทันควัน ก่อนจะตั้งสติได้และถามออกไปอีก หากแต่การถามครั้งนี้ น้ำเสียงผมสั่นเครือยิ่งกว่าครั้งใด ซ้ำใจยังหวาดกลัวกับคำตอบที่จะได้รับด้วย
"น้องธาร พี่เหนือถามจริงๆ นะ เรายังรักพี่อยู่ใช่มั้ย"
แต่ธารก็ยังคลุมเครือเช่นเคย แค่มองหน้าผมแล้วพูดสั้นๆ
[ธารว่าพี่พักก่อนดีมั้ย วันนี้ดูแปลกๆ นะ]
มันจะรู้มั้ยว่าที่ผมแปลกไปก็เป็นเพราะมัน แต่ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์จะอธิบายแล้ว อยากรู้แค่อย่างเดียวเท่านั้นคือมันยังรักผมหรือเปล่า
พูดสิธาร... พูดว่ายังรักกัน แล้วพี่จะลืมเรื่องฟุ้งซ่านก่อนหน้านี้ให้หมด พูดเถอะ พี่เหนือขอร้อง...
“ยังรักพี่เหนืออยู่มั้ย”
คราวนี้ผมพูดไปก็ร้องไห้ออกมาอย่างไม่ปกปิด ธารทำหน้าตกใจ รีบตอบทันควัน
[รักสิพี่ เป็นอะไรเนี่ย ร้องไห้ทำไม ใครทำอะไรพี่หรือเปล่า]
ดูเป็นห่วงเป็นใย ดูร้อนรนยิ่งกว่าครั้งไหน เข้าใจว่าคงจะตกใจที่เห็นผมแสดงความอ่อนแอออกมาให้เห็นแบบไม่ทันตั้งตัว
ก็จะให้ทำไงได้ล่ะ ถึงผมจะแสดงตัวว่าเป็นที่พึ่งให้มันได้ดีแค่ไหน แต่พอมาเจอเหตุการณ์ที่เคยทำให้ผมเจ็บปวดเจียนตายอีกครั้ง ผมก็อดอ่อนแอขึ้นมาไม่ได้
ผมก็เป็นคนนี่นา ไม่ใช่ยอดมนุษย์สักหน่อยที่จะทนอะไรต่อมิอะไรได้ตลอดเวลาน่ะ
[พี่เหนือ... เป็นอะไรครับ บอกธารได้มั้ยว่าใครทำอะไรพี่]
น้ำเสียงอ่อนโยนของธารกับแววตาเป็นห่วงเรียกสติผมให้กลับคืนอีกครั้ง ผมรีบยกมือขึ้นปาดน้ำตา ส่ายหน้าให้เป็นคำตอบ
“ไม่เป็นไรแล้วครับ พี่เหนือเหนื่อยๆ เรื่องธีสิสน่ะ”
[งั้นก็แล้วไป ตกใจหมด]
สีหน้าของธารดูผ่อนคลายขึ้น จะมีก็แต่ผมที่ยังไม่ผ่อนคลาย อดใจไม่ได้จนต้องถามออกไปเป็นนัยๆ
“พี่เหนือขอถามอะไรอีกได้มั้ย”
[ถามสิ]
“น้องธารมีเฟซบุ๊คหรือเปล่า” ผมยิงคำถามออกไปโดยไม่ลีลาใดๆ
ธารนิ่งไปครู่ ก่อนว่า
[ไม่มี ไม่ได้เล่นอะ ขี้เกียจ พี่ก็รู้นี่ เคยบอกเหตุผลไปแล้วไม่ใช่เหรอ]
ผมรู้ว่าธารไม่มีเฟซบุ๊ค และธารก็ไม่คิดจะเล่น เหตุผลก็คือรำคาญพวกผู้หญิงที่ชอบแอดเฟรนด์มาชวนคุย แต่ที่ผมเห็น... มันคืออะไรล่ะ เฟซบุ๊คปลอมหรือไง แต่ถ้าเป็นเฟซบุ๊คปลอม มันก็ไม่สำคัญเท่ากับการที่ธารถ่ายรูปคู่กับผู้หญิงที่ผมไม่เคยรู้จักมาก่อน
และมันก็ทำให้ผมต้องถามออกไปอีกครั้ง
“แล้วน้องธารเคยถ่ายรูปคู่กับผู้หญิงคนไหนมั้ย”
[ไม่เคย]
ตอบออกมาหน้าตาเฉย ทำเอาผมกำมือแน่น
ก็ผมเห็นอยู่ว่าถ่ายรูปคู่กับผู้หญิง ยังจะมาปฎิเสธอะไรอีก!
“พี่เหนือเห็นน้องธารถ่ายรูปคู่กับผู้หญิง”
สุดท้าย ผมก็อดรนทนไม่ได้ พูดออกไป ทำเอาธารย่นหน้า
[ผู้หญิงไหน]
“เดี๋ยวพี่เหนือส่งรูปให้ดูแล้วกันครับ” ก็ว่าจะเซฟรูปแล้วส่งให้ดูนั่นแหละ
ธารเลยเออออไป ท่าทางดูงงๆ ผมก็ตั้งใจว่าจะยังไม่โวยวายจนกว่าธารจะตอบให้เคลียร์ว่ารูปที่ผมเห็นนั่นหมายความว่าอะไร ทว่ายังไม่ทันที่จะได้เคลียร์ ธารก็โพล่งขึ้นมาก่อน
[พี่ เดี๋ยวธารไปสอบก่อน ค่อยคุยกันนะ]
ผมเออออ อวยพรให้ทำข้อสอบได้ไปตามเรื่อง แต่ธารก็ไม่ยอมวางสาย จ้องหน้าผมนิ่งแล้วพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
[ธารไม่รู้ว่าพี่กังวลอะไรนะ แต่ธารขอย้ำอีกทีว่าขอให้เชื่อใจกัน ถึงช่วงนี้ธารจะไม่ค่อยมีเวลาให้ แต่ธารก็ยังยืนยันว่ามีแค่พี่คนเดียว แล้วก็ยังรอพี่เหมือนเดิม อย่าคิดอะไรมาก โอเคนะ]
“ครับ พี่เหนือรู้แล้ว”
[รู้แล้วก็ดี ดูแลตัวเองด้วย ตาคล้ำหมดแล้วน่ะ เข้านอนได้แล้ว แล้วก็... ธารรักพี่เหนือนะครับ ไว้ธารสอบเสร็จแล้วจะโทรหา อย่าคิดอะไรฟุ้งซ่าน เข้าใจมั้ย]
ผมยิ้มรับ ก่อนธารจะตัดสายไป ใจชื้นขึ้นมาบ้างที่ธารยืนยันหนักแน่นว่าไม่มีอะไร แต่ผมก็ต้องยอมรับตามจริงว่าผมก็ไม่ได้สบายใจเท่าไหร่นัก ตัดความคิดที่เต็มไปด้วยรูปคู่นั่นออกจากหัวไม่ได้เลย
เซฟรูปแล้วส่งไปให้ธารเลยแล้วกัน ทิ้งข้อความเอาไว้ด้วยว่า...
‘ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร คุยกันอยู่หรือเปล่า ถ้าคุยกันอยู่ก็บอกพี่เหนือมาตรงๆ นะครับ พี่เหนือเข้าใจ’
ส่งไปแล้วก็มองข้อความนั้นนิ่งๆ ด้วยใจที่หวิว
ถึงธารจะบอกว่าให้ผมเชื่อใจ แต่ถ้าเหตุการณ์มันกลับตาลปัตร ธารตอบมาว่ากำลังคุยอยู่ ผมจะทำยังไงต่อไปดีนะ
คิดแล้วก็อดปวดใจขึ้นมาไม่ได้ มันเหมือนตอนที่ผมแสร้งทำตัวเป็นคนดี บอกกับแฟนเก่าตอนที่จับได้ว่ามันมีคนอื่น แล้วผมบอกว่าถ้ามีคนอื่น ผมจะเป็นฝ่ายเดินจากไปเองชะมัด
ใครมันจะอยากเดินจากคนที่รักสุดหัวใจขนาดนี้ไปกัน มันทรมานจะตาย แต่จะให้อยู่แบบนี้ ได้เห็นคนที่ผมรักไปข้องแวะกับคนอื่น มันก็ทรมานเหมือนกัน
แล้วผมจะทำยังไงต่อไปดี...
น้ำตาที่หยุดไหลไปแล้ว ไหลออกมาอีกจนได้เมื่อผมนึกเอาเองว่าสักวันธารต้องไปจากผม ร้องไห้ได้สักพักก็ได้แต่ปลอบใจตัวเองไปตามเรื่อง
มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้ ทึกทักไปเองทั้งนั้น ไว้ให้ธารว่างแล้วกลับมาให้คำตอบก่อนแล้วกัน อาจจะไม่มีอะไรก็ได้ ต้องเชื่อใจธารสิ
ธารบอกให้เชื่อใจ ก็ต้องเชื่อใจ...
ต้องเชื่อใจสินะ...
ยากชะมัด
----------------------------------------
ว่าจะมาอัพตั้งแต่เมื่อวาน ปรากฎว่าเขียนไม่จบตอน ลากยาวมายันเกือบ 7 โมงวันนี้ เอร้ยยยย ความมาราธอนนี้ TvT
ดราม่าไม่มากค่ะเห็นมั้ย แค่ฉากที่ตัดมามันม่าเฉยๆ กร๊ากกก ตอนหน้าเป็นตอนสุดท้ายแล้วค่ะ อัพวันไหนก็ไม่รู้ ช่วงนี้ยุ่งมาก ขอให้ทุกคนใจเย็นๆ อย่าใจร้อนวู่วามนะ เขียนไม่ทันแล้ว หลายเรื่องจัด แงงง
พรุ่งนี้จะมาอัพตัวอย่างตอนถัดไปให้นะคะ อย่าลืมฝากฟีดแบ็คให้กันด้วยน้า ^^



ออฟไลน์ PharS

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1

ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 658
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
 :hao5:  :hao5:  :hao5:  :hao5:

น้ำตาไหลเป็นเพื่อนพี่เหนือนะ.

กระซิก กระซิก

....

ออฟไลน์ minneemint

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1633
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
บอกให้เชื่อใจ แต่ไม่อธิบาย  :sad4:

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
ร้องไห้หนักมาก พี่เหนือสู้........

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
สงสัยมีใครแอบสวมรอยตั้งเฟซ ธาร

ออฟไลน์ เอมมี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 572
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
อ่านแล้วน้ำตาซึมตอนจากกัน..

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ nsai.ss

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 413
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-2
เห้ย!!! ไม่เอาแบบนี้ดิ ไม่เอา

ออฟไลน์ แค่มะลิ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เขาจะร้องไปกับพี่เหนือแล้วนะ  :sad4:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
 :hao5: ปาดน้ำตาอ่านหนักมากกกก

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5591
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
พี่เหนือเริ่มหวั่นไหว

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด