ตอนที่ 8
วันเกิดลูกค้า อย่างที่ทุกคนรู้กัน วันนี้เสี่ยอาทิตย์เหมาร้านเพราะฉลองวันเกิด
พนักงานหลายคนของผมจึงถูกโทรเรียกให้มาเตรียมงานตั้งแต่บ่ายโมง สภาพแต่ละคนดูไม่จืดเพราะเหมือนเพิ่งถูกดึงขึ้นมาจากเตียง โดยเฉพาะไอ้เพชรของร้านผม ผมจำได้ว่าเวลาตื่นของมันคือเย็นๆ ไม่ใช่บ่ายๆ
มันหาวไปฟังไป...
“อันนี้เสื้อทีม” ผมส่งเสื้อทำงานในวันนี้ให้พนักงานใส่ แม้จะดูน่าหมั่นไส้ แต่เจ้าของวันเกิดหรือว่าลูกค้าต้องการให้เป็นแบบนี้
เป็นเสื้อยืดสีขาว สกรีนสีฟ้าเด่นชัดว่า
ทีมอาทิตย์
#SUNBIRTHDAYIN201x ทุกคนก็ยินดีที่จะใส่อยู่หรอกครับ เว้นอยู่คน ทายซิว่าใคร...
หวยที่ออกคือ 12 นอกจากมันจะไม่อยากใส่แล้วมันยังทำท่ารังเกียจเสื้อตัวนี้มากอีกต่างหาก
“นักดนตรีไม่ใส่ได้มั้ยครับเจ้านาย”
“เฮ้ย งานนี้ต้องตามใจลูกค้า”
“แต่ตรงส่วนเอาท์ดอร์ก็ยังเปิดนะครับ ต้องมีพนักงานส่วนหนึ่งไปดูแลตรงนั้นไม่ใช่เหรอ” จริงของมัน ทุกคนใส่เสื้อตัวนี้ไม่ได้นี่หว่า ผมก็เลยจัดแจงแบ่งพนักงานให้มีหน้าที่ดูแลกันคนละส่วน และในที่สุดไอ้สิบสองก็ได้สมปรารถนาในสิ่งที่มันต้องการ
...มันไม่ได้ใส่เสื้อของทิต
มันส่งยิ้มให้ไอ้หนึ่งที่ชูนิ้วกลางให้มัน ผมคุยกับพนักงานอีกครั้งก่อนที่จะแยกย้ายกันไปตระเตรียมกัน สิบสองที่รอจะคุยกับผมอยู่ เดินเข้ามาใกล้ผม ผมต้องเงยหน้าขึ้นมองมันเพื่อที่จะได้รู้ว่ามันต้องการอะไร
“มีอะไรอีก ตัวแสบ” อดที่จะเรียกมันแบบนี้ไม่ได้จริงๆ
“ถึงเวลาแล้วครับเจ้านาย กับช่วงเวลาโจ๊ะๆ ของบาร์สุราลัย!”
“หา...”
“ผมอยากเล่นเป็นวงครับวันนี้”
ผมมองดูนาฬิกา ยังพอมีเวลาหานักดนตรีสำหรับการเล่นเป็นวง ว่าแต่...จะไปหาจากไหน
“มึงมีเพื่อนมั้ย...”
“โทรเรียกแล้ว เดี๋ยวพวกมันมาครับ”
“พวกที่จบมาจากวิทยาลัยเดียวกันกับมึงน่ะเหรอ”
“ครับ...”
งั้นก็ถือว่าการันตีได้เรื่องคุณภาพ ผมพยักหน้าให้มันเป็นอันว่าผมอนุมัติในเรื่องนี้ สิบสองยิ้มร่าอย่างดีใจก่อนที่จะเดินออกห่างจากผมไป
มึงเกิดอยากโจ๊ะๆ อะไรในวันที่มีลูกค้าเหมาส่วนอินดอร์วะเนี่ย...
ทิตเพื่อนผมส่งเลขากับลูกน้องของมันมาเตรียมงานแต่หัววัน ธีมของงานนี้เป็นธีมเทวดานางฟ้า ฉะนั้นส่วนที่เป็นในร้านของผมที่ทิตมันเหมาไว้จึงเต็มไปด้วยก้อนเมฆ สำลี ลูกโป่งสีขาว อะไรก็ตามที่สื่อว่าที่นี่คือสวรรค์บนดิน
ช่างเข้ากับชื่อร้านที่ชื่อว่าสุราลัยจริงๆ!
ถึงแม้ว่าตอนตั้งชื่อผมจะตั้งเพราะคำว่าสุราเฉยๆ ก็ตามทีเถอะ
ครึ่งหนึ่งของพนักงานผมถูกสั่งให้ดูแลตรงนี้(และก็ใส่เสื้อทีมอาทิตย์) ในขณะที่อีกครึ่งหนึ่งถูกสั่งให้บริการลูกค้าด้านนอก(รวมถึงไอ้พวกนักดนตรีด้วย) ผมเดินดูนั่นดูนี่ไปทั่ว จนถึงเวลาร้านเปิดพอดี...
ผมยุ่งจนลืมอาบน้ำ...ตอนที่ผมขึ้นไปบนห้องทำงาน ผมเห็นไอ้สิบสองคนเดิมเพิ่มเติมคือจอมเซ้าซี้นั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“อะไรอีกเนี่ย”
“สิบสาม สิบสี่ สิบห้ามารอแล้วครับเจ้านาย”
“ต้องมีเบอร์ด้วยเหรอ” ผมถามอย่างหวาดๆ “จะให้กูจ้างประจำเลยหรือไง”
สิบสองทำท่าคิดก่อนพูด “ตำแหน่งที่เจ้านายขาดตอนนี้คือผู้ช่วยแม่ครัว การ์ดรักษาความปลอดภัย ไอ้พวกนี้มันสูงพอดี เวลานอกเหนือจากเล่นดนตรีมันทำสิ่งนี้ช่วยสิบได้ครับ...”
เออว่ะ จะว่าไปก็สงสารไอ้สิบมัน นอกจากรับรถแล้วมันยังต้องมีหน้าที่ตรวจบัตรประชาชนคนที่เข้ามาในร้านอีก หลายครั้งที่ผมเห็นมันวิ่งวุ่น ขนาดไอ้หกกับไอ้แปดที่เป็นเด็กเสิร์ฟสลับกันไปช่วยแต่ก็ไม่วายช่วยมันไม่ได้ค่อยได้อยู่ดี
ต้องหาคนเพิ่มจริงๆ นั่นแหละ
“อืม...เรียกพวกมันขึ้นมาซิ”
“ครับ” สิบสองเดินออกไปเรียก
ผมเงยหน้าขึ้นมาอีกทีเห็นผู้ชายตัวสูงสี่คนจ้องมองผม หนึ่งในนั้นคือสิบสอง สามคนที่เหลือมองผมด้วยสายตาตื่นเต้นเกินกว่าคำว่าสมัครงาน
นอกจากหน่วยก้านพวกนี้ดีไม่พอ...พวกมันยังหน้าตาดีไปคนละแบบอีกต่างหาก ที่แน่ๆ คือความเป็นศิลปินในตัวของพวกมันชัดมาก ตั้งแต่การแต่งตัวลามไปจนถึงลายสักที่ไม่แคร์สื่อด้วย
สงสัยร้านบาร์สุราลัยของผมจะมีแฮซแท็กใหม่ประจำร้านแล้วมั้งครับ
#นักดนตรีหล่อบอกต่อด้วย “ผมจะไม่แนะนำชื่อพวกมันก็แล้วกัน เดี๋ยวเจ้านายจำไม่ได้” สิบสองไล่มือไปเรื่อยๆ ตามลำดับความสูง เริ่มจากคนสูงที่สุด “คนนี้คือสิบสาม บ้านมันที่อีสานเปิดเป็นร้านอาหาร น่าจะช่วยป้าสามทำครัวได้นะครับ ส่วนไอ้นี่สิบสี่ คนนี้สิบห้า พวกนี้เล่นฟิตเนสกับผมบ่อยๆ ร่างกายแข็งแรงดี เป็นการ์ดรักษาความปลอดภัยได้”
ผมไล่มองหน้าพวกมันทีละคนๆ
“มึงจะเป็นคนรับประกันความประพฤติพวกมันใช่มั้ย” ผมหันไปถามสิบสองในที่สุด
“ครับ”
“คงจะไม่ก่อเรื่องวุ่นเท่ามึงใช่มั้ย...”
“เฮ้ย ผมไม่เคยก่อเรื่อง” กูล่ะอยากจะเอาตีนถีบหน้ามึงจริงๆ ผมพยักหน้าส่งให้พนักงานใหม่อีกสามคน และก็บอกว่ายังไงก็ยินดีรับ แต่อย่างน้อยก็ต้องทดลองงานไปก่อนว่าผ่านหรือเปล่า...
ตอนที่ทั้งสี่คนนั้นออกไป พวกมันกระทุ้งกันไปมาโดยเฉพาะกับไอ้สิบสอง ดูแซวๆ สิบสองมันยังไงก็ไม่รู้...
“หน้าเด็กจริงด้วย...”
“น่ารัก...”
“คนนี้เหรอที่ให้เงินมึง 95 บาทอ่ะ...”
“เงียบไปเลยไอ้สัด” ผมได้ยินเสียงแว่วๆ ว่าอย่างนั้น ก่อนที่พวกนั้นจะลงไปข้างล่างในที่สุด
19.00 น.
“ว้าว”
“ร้านสวยมากเลยเกล้า”
สาวๆ ที่ผมกับเพื่อนเคยมองกันตาละห้อยสมัยเรียนมัธยมเรียงรายกันเข้ามาในงาน ‘SUNBIRTHDAYin201X’ โดยมีไอ้เจ้าของวันเกิดยืนรอรับหน้าสลอนอยู่แถวๆ ประตูหน้าร้าน ผมไม่ได้ยืนห่างอยู่จากมันเท่าไหร่ นอกจากทำหน้าที่เป็นเพื่อนมันแล้วผมยังทำหน้าที่เป็นเจ้าของร้านอีกต่างหาก
ผมมองไปที่ส่วนเอาท์ดอร์...ไอ้สิบสองกับผองเพื่อนเริ่มส่งเสียงร้องให้ลูกค้าฟังแล้ว ท่าทางวันนี้มันต้องการเล่นใหญ่...
ผมมองไปที่ทิต เพื่อนของผมที่สิบสองไม่ค่อยชอบขี้หน้า พยายามไม่คิดว่าวันนี้สิบสองพยายามแย่งซีนงานที่อยู่ส่วนอินดอร์เพราะไอ้ทิต
“มึงไปชวนมาได้ยังไงเนี่ย” ผมมองสาวๆ ที่สวยอย่างกับนางฟ้านางสวรรค์สมธีมงาน พวกเธอคือคนที่ผมค่อนข้างคุ้นหน้าคุ้นตาดี เพราะตอนเรียนมัธยมผมอยู่ในกลุ่มหนุ่มฮอตของโรงเรียน (แม้ว่าผมจะเป็นหนุ่มที่ฮอตน้อยที่สุดแล้ว) เพื่อนผมทุกคนโดยเฉพาะไอ้อาทิตย์มีสาวๆ เข้ามายุ่งเกี่ยวด้วยเสมอ นึกว่าอายุขนาดนี้แล้วจะแยกๆ กันไปหมด แต่เปล่าเลย..ไอ้ทิตมันสามารถชวนให้มาร่วมงานได้...
“ไลน์กลุ่มไง” มันตอบยิ้มๆ “แค่พิมพ์บอกว่าใครว่างก็ใส่ชุดสีขาวมาได้เลย ทุกคนก็มากันหมด”
“แม่งฮอตไม่สร่างเลยนะ แค่ชวนคำเดียว มากันเยอะขนาดนี้”
“เผื่อวันนี้จะได้แม่ของลูก” มันยังคงพูดติดตลกพร้อมกับขยิบตาให้ผมต่อไป...ผมกับมันอยู่ในช่วงอายุที่จะต้องหาคู่ชีวิตแล้วล่ะครับ(ยี่สิบกลางๆ แล้วนี่นะ) บางคนอาจจะไม่รีบ แต่พ่อแม่ของผมท่าทางท่านรีบเหมือนกัน เพราะผมเป็นลูกชายคนเดียวของพวกท่าน
แต่ตอนนี้ผมยังไม่ได้คิดอะไรเรื่องนี้เลยครับ ก็อาจจะมีคุยกับสาวๆ บ้าง ออกไปเดตบ้างตามประสาหนุ่มโสดที่โตแล้ว แต่ว่าเรื่องที่ผมโฟกัสและก็เอาใจใส่มากจริงๆ ตอนนี้ก็คือ ร้าน เพราะงั้นผมยังไม่ได้คิดเรื่องอื่นเลยครับ
แค่จัดการไอ้สิบสองก็กินเวลาชีวิตผมไปเยอะแล้ว...
“แล้วถ้าไม่ได้แม่ของลูกล่ะ”
“กูก็จะอยู่เป็นโสดกับมึงนี่ไง...” ทิตกอดคอผมยิ้มๆ ผมหัวเราะให้มัน
“อะแฮ่มๆๆ” เสียงสิบสองดังลั่นมาจากด้านนอก มันกระแอมได้เสียงดังมากจนคนที่อยู่ด้านในหันไปมองเกือบหมด
“ขอโทษนะครับคุณลูกค้า ความน่ารักของพวกคุณติดคอ...” มันส่งยิ้มให้ลูกค้าสาวๆ อย่างโปรยเสน่ห์อีกต่างหาก
ไม่ทันขาดคำ...แม่งก็สร้างเรื่องป่วนให้อีกแล้ว ผมทำท่าจะเดินไปด่ามัน แต่ไอ้ทิตดันพูดขึ้นมาซะก่อน
“วันนี้ปิดร้านเลทหน่อยได้มั้ย” ไอ้ทิตกระซิบ
“เลทน่ะเลทได้ แต่ถ้าตำรวจมาฉายไฟใส่ก็ต้องปิดเหมือนกันนะ” ผมพูดอย่างเคารพในกฎหมาย
“ตามนั้นเพื่อน...”
บรรยากาศในร้านเต็มไปด้วยความสวยงามและความหรูหรา แม้ว่าจะมีเพลงมันส์ๆ จากทางด้านนอกเข้าแทรกตลอดเวลาก็ตาม หลายต่อหลายครั้งที่สาวๆ ที่มางานวันเกิดไอ้ทิตจะเกาะขอบกระจกและก็มองดูไอ้เด็กนักร้องนำ(ตอนนี้มันเป็นวงแล้วนี่) กำลังร้องเพลง พร้อมกับส่งเสียงชื่นชมกันใหญ่ว่า...หล่อเอามากๆ
ผมไม่มีอะไรจะเถียง...อย่างที่เคยบอกไอ้สิบสองตอนนี้มันไม่ได้ต่างอะไรจากภาพลักษณ์ของร้าน จริงๆ นะครับ...
เวลาผ่านไปจนเข้าสู่ช่วงดึกเพื่อนร่วมรุ่นของผมมันจึงได้พากันทยอยมา ตอนนั้นผมยอมรับว่าผมลืมการทำหน้าที่เป็นเจ้าของร้านไปเลย เอาแต่ชนแก้วและคุยโน่นคุยนี่คุยนั่นกับเพื่อนเก่าไปทั่ว บางคนหอบเมียหอบลูกมาด้วย งานวันนี้ไม่ได้ต่างอะไรจากเลี้ยงรุ่นขนาดย่อมเลยครับ
พวกเราเหมือนย้อนเวลากลับไปที่มัธยมอีกครั้ง ใครเมาง่ายคือมอมแม่งให้เมา และที่โชคร้ายก็คือ...ผมเองก็เป็นหนึ่งในเป้าหมายนั้น
เชี่ยแม่ง กูโดนไปกี่แก้วแล้ววะ...ผมเดินมึนๆ นวดหัวตัวเองมายังด้านหลังของร้าน เห็นพวกนักดนตรีกำลังนั่งพักกันอยู่ ทุกคนหันมามองผมเป็นตาเดียวทันทีที่เห็นผม
“เจ้านาย...” สิบสองเดินเข้ามาหา ผมเซจนหัวผมชนเข้ากับอกของมันอย่างจัง...
สูงแค่อกมันเองเหรอวะ...แบบนี้มันสามารถเรียกได้ว่าแก่กว่าไม่ช่วยอะไร
“...เมาแล้วเหรอ”
“กูไม่ได้เมาเว้ย” ผมพูดเสียงดัง ดันร่างมันออกไปให้พ้นทางเพราะผมจะไปเข้าห้องน้ำของพนักงาน ระหว่างเดินผ่านผมผ่านพวกนักดนตรีด้วย พวกนั้นพร้อมใจกันหลีกทางให้นายจ้างคนใหม่อย่างผม
แต่ผมก็ไม่วาย...เซจะล้มลงอีกครั้ง ไอ้สิบสองพุ่งตัวมาช่วยผมอีกครั้งหนึ่ง
“เหยดดด” เพื่อนมันส่งเสียงแซว
“พวกกูต้องออกไปข้างนอกมั้ยวะ”
“เจ้านาย” สิบสองไม่สนใจเพื่อนมัน หันมามองผมอย่างเป็นห่วง “ผมไม่ชอบให้เจ้านายเมาแบบนี้เลย”
“เมาเหี้ยอะไร ไม่ได้เมาโว้ย” แม้ว่าผมจะมองหน้ากันซ้อนกันไปมาเป็นสิบใบหน้าแทนที่จะเป็นหนึ่งใบหน้า “ทิตแม่งยังไม่ได้เป่าเค้กเลย...”
“เรื่องของเขาสิครับ ไปนอนได้แล้ว เดี๋ยวผมพาขึ้นไปบนห้อง”
“ไอ้เชี่ยนี่” ผมพูด “คนเปิดร้านเหล้าอย่างกูจะเมาง่ายๆ ได้ยังไงเสียชื่อตายห่า ไม่เป็นไร กูหวายยย...” แปะๆๆ ผมตบไหล่ไอ้สิบสอง ดันตัวมันออกไปก่อนที่จะเดินเข้าห้องน้ำอย่างมึนๆ
ผมไม่เห็นว่าสิบสองมันถอนหายใจออกมามากแค่ไหน ไม่เห็นว่าเพื่อนมันคนหนึ่งเดินเข้ามาปลอบยิ้มๆ ด้วยการตบไหล่...ผมมองไม่เห็น น่าจะเป็นสิบสามนี่แหละมั้งครับ
“จีบเจ้านายก็ยากอย่างนี้แหละ...โดยเฉพาะจีบเจ้านายที่ซื่อบื้ออย่างนี้ด้วยแล้ว...”
“ไอ้สัด...นี่กูชวนมึงมาทำงานเพราะจะให้ช่วยแซวกูกับเขานะ...ไม่ใช่มาด่าคนที่กูชอบ”
“เออรู้แล้วล่ะน่า ว่ากูกับไอ้พวกนั้นมาเพราะอะไร”
“มาทำไม...ตอบดังๆ ให้กูได้ชื่นใจซิ”
“...เป็นสายตาของไอ้สิบสอง ...เป็นทีมแซวเติมน้ำมันราดบนกองไฟให้สิบสองกับเจ้านายได้รักกัน พอใจยังไอ้สัด”
“เลิฟมาก...จุ๊บทีซิ”
“ไปไกลๆ ตีนกูเลย” ไอ้ทิตเป่าเค้กแล้ว...หลังจากนั้นมันก็แกะของขวัญ เวลาผ่านไปเรื่อยๆ และผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าใครมาขอชนแก้วผมบ้าง ผมนั่งมึนๆ อยู่ที่มุมห้อง โดยมีไอ้แปดที่เป็นลูกน้องผู้ซึ่งอยู่ในส่วนอินดอร์ดูแลอยู่ไม่ห่าง มันคงกลัวเจ้านายมันทำขายขี้หน้าต่อหน้าแขกสินะ
หลายต่อหลายครั้งที่มันบอกให้ผมขึ้นไปนอนที่ห้องของผมได้แล้ว แต่ผมก็ยังดื้อนั่งต่ออยู่ข้างล่างที่เป็นส่วนของงาน แม้ว่าจะช่วยดูแลอะไรไม่ค่อยได้เท่าไหร่ บอกตามตรงผมฟุบไปหลายครั้งแล้ว แต่ก็ตื่นขึ้นมาเวลาที่มีคนเรียกเสมอ
จนกระทั่งงานเลิก...ร้านในส่วนเอาท์ดอร์ก็ใกล้จะปิดเหมือนกัน ไอ้สิบสองกับเพื่อนกำลังอยู่บนเวที ส่งเสียงร้องเพลงร็อคมันส์ๆ กันอย่างเย้วๆ ลูกค้าส่งเสียงชมอย่างไม่ขาดปาก และอยากจะให้มีเพลงมันส์ๆ คล้ายๆ คอนเสิร์ตย่อมๆ อีกในเวลาอันใกล้
“ไงมึง...” ตอนที่พนักงานกำลังเก็บร้าน ไอ้ทิตเพื่อนผมก็ทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ ผม เพลงของสิบสองที่กำลังร้องอยู่ดังเข้ามาในร้าน มันกำลังเอนเตอร์เทนลูกค้าอยู่อย่างเมามันเลยทีเดียว
“อืมมมม สุขสันต์วันเกิดนะ” ผมดันของขวัญไปไว้ตรงหน้ามัน มันมองอย่างฉงนก่อนที่จะลงมือเปิดอย่างรวดเร็ว
ของขวัญของผมก็คือตุ๊กตากวางช็อปเปอร์ที่เป็นตัวละครจากการ์ตูนวันพีซ เป็นตัวละครตัวโปรดของไอ้ทิต มันบ่นอยากได้สมัยเรียนมัธยมแต่ไม่ยอมซื้อเอง มันลั่นวาจาไว้กับผมในตอนนั้นว่าคงจะมีสาวๆ สักคนที่ซื้อให้มัน แต่ก็ยังไม่มีจนมาถึงบัดเดี๋ยวนี้ สาวๆ เขาซื้อเสื้อผ้ากระเป๋ารองเท้านาฬิกาให้มัน ไม่ยอมซื้อตุ๊กตาให้มันเลย...
...ผมจำได้ ผมก็เลยไปเดินหาซื้อมา ช็อปเปอร์ยังเป็นตัวละครที่ฮอตฮิตเสมอก็เลยหาได้ไม่ยาก
“เชี่ย” ไอ้ทิตหัวเราะ “ยังจำได้อยู่เหรอวะ”
“จำได้ดิ...”
“...ใครเขาจะอยากซื้อตุ๊กตาให้กู ที่ผ่านมาเขาก็ซื้อให้แต่ของแพงๆ ไม่ยอมซื้อตุ๊กตาให้เลย มีมึงคนแรกนี่แหละ”
“เขาคงเห็นมึงแมนมากล่ะมั้ง” ผมพูดอย่างมึนๆ
“มึงไหวมั้ยเนี่ย”
“ก็...” กูอยากนอนมากเลยตอนนี้...หัวของผมเอียงไปมาอย่างน่าเวทนา จนในที่สุดไอ้ทิตมันก็ทนสงสารไม่ไหว จับหัวของผมให้นอนลงบนตักของมันซะเลย
แม่งสบายฉิบหาย
“เฮ้อ ถ้าแม่ของลูกที่กูตามหาอยู่คือมึงขึ้นมาล่ะเกล้า...” ตาของผมปิด...ไม่รับรู้ด้วยซ้ำถึงคำพูดของไอ้ทิตและเสียงดนตรีที่ดังอยู่แต่ว่าขาดคนร้อง ไอ้สิบสองลงจากเวทีกลางคันและก็กลางท่อนฮุคจนทำเอาทุกคนงงไปหมด สิบสี่ผู้มีเสียงร้องดีแต่กำลังเล่นเบสอยู่จึงได้แก้ปัญหาด้วยการเป็นคนร้องแทนไอ้สิบสอง
เพราะมันวิ่งเข้ามาดูผม...ที่นอนหนุกตักไอ้อาทิตย์อยู่
“ไง...” ไอ้ทิตพูดกับสิบสอง
สิบสองมองผมที่หลับอยู่ด้วยสายตาขุ่นเคือง
“ผมจะพาเจ้านายไปนอน”
“มันอยู่กับเพื่อนมันแล้ว...มึงมีงานมึงก็ไปทำสิ”
“งานของผมจบแล้ว”
“ถ้าเกล้ามันรู้ว่ามึงกระโดดลงจากเวทีกลางคันแบบนั้นจะว่ายังไง”
“ผมไม่สนใจ”
“หึ กูรู้แล้วว่าทำไมมึงทำตัวแปลกๆ” ไอ้ทิตจับร่างผมให้นอนพิงโซฟา สิบสองทำท่าจะพุ่งเข้ามาหา แต่ทิตยืนขึ้นมาขวางหน้าสิบสองเอาไว้เสียก่อน
“วันนี้กูจะปล่อยไป” ทิตพูดเบาๆ “พรุ่งนี้เป็นต้นไป...ไว้เรามาสู้กันเรื่องไอ้เกล้าสักตั้ง”
สิบสองกำหมัดแน่น มองดูทิตที่อุ้มตุ๊กตากวางช็อปเปอร์เดินผ่านหน้าไป เขามองหน้าผมด้วยสายตาหนักอกหนักใจ แต่ก็ช้อนตัวผมและก็อุ้ม พาผมขึ้นไปยังห้องนอนส่วนตัวของผมด้านบน
อยากจะกล่าวย้ำอีกครั้งว่าตั้งแต่ตาผมปิด...ผมก็ไม่ได้รับรู้เหตุการณ์อะไรพวกนี้เลยนะครับ
“สู้กันเหรอ” สิบสองมองดูร่างของผมที่นอนบนเตียงของตัวเอง เขาจับผ้าห่มมาห่มบนตัวผม “ไอ้นั่นเป็นทั้งเจ้าของธุรกิจ เป็นผู้ใหญ่ เป็นคุณชายหน้าตาดี หล่อ รวย มีเหตุผล ในขณะที่ผม...” สิบสองมองดูตัวเอง “...เป็นแค่นักร้องตอนกลางคืน แถมยังทำตัวเด็กๆ”
สายตาของสิบสองเลื่อนไปเจอดอกกุหลาบบนหัวเตียงที่เหี่ยวเฉาอยู่ในแจกัน เขาขมวดคิ้วก่อนที่จะยิ้มมุมปากเมื่อรู้ว่ากุหลาบสองดอกนั้นมีความหมายกับเขาและผมยังไง
เขายิ้มอย่างดีใจ ขณะที่ผมนั้นไม่มีโอกาสได้เห็น
“...ขอบคุณนะ” ลูกน้องของผมก้มหน้าลงมาจุมพิตที่หน้าผากของผมแผ่วเบาแต่ทว่าตราตรึง...
“...แค่นี้ผมก็ชนะแล้ว” “ไอ้อาทิตย์อัสดงนั่น...ประกาศศึกกับกูแล้วว่ะ”
“...”
“เชี่ยเต๊บ”
“...”
“ไอ้เหี้ยเต๊บ”
“...”
“ง่วงแล้วเสือกรับสายทำไม”
“ก็กูอยากเสือกไง...พูดมาเหอะ ฟังอยู่...”
“กูว่ากูเล่นๆ ไปวันๆ ไม่ได้อีกแล้วว่ะ เกล้าไม่ใช่วัยนั้นแล้ว”
“มึงจะทำยังไงล่ะครับ...”
“คงต้องเป็นผู้ใหญ่...”
“...”
“ถ้าเป็นผู้ใหญ่ก็จะดูแลเขาได้”
“...”
“ไอ้เต๊บ ไอ้เหี้ยเต๊บ”
ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ดTBC*
สิบสองต้องสู้
ตอนที่แล้วเจ้านายเขินสิบสองไม่รู้ตัว
พอมาตอนนี้เจ้านายโดนจุ๊บหน้าผาก เจ้านายไม่รู้ตัว
เออดีเนอะคู่นี้...เมื่อไหร่จะรักกันนนนน 