(ต่อค่ะ)
งื๊ดดด!
เสียงครางสูงดังขึ้นระหว่างที่ผมถูกคาบลอยไปบนท้องฟ้ายามราตรี...ปีกสีน้ำเงินเข้มกระพืออย่างเชื่องช้าเหมือนกำลังหมดแรงเช่นเดียวกันร่างที่พุบขึ้นพุบลง
รอยแผลมากมายที่สังเกตเห็นทำให้รู้เลยว่าเจอการต่อสู้ที่หนักหน่วงมาแน่แต่ที่ไม่เข้าใจคือทำไมต้องคาบผมมาด้วย...การกระทำแบบนี้ราวกับมาช่วยผมอย่างงั้นแหละ
ไม่นานร่างขนาดใหญ่ของไดโนเสาร์มีปีกก็มาหยุดอยู่บนพื้นบริเวณป่าโปร่งห่างจากบริเวณดินแดนของอัซห์ดาร์คิดอยู่มากพอสมควร...ไดโนเสาร์ตรงหน้าปล่อยตัวผมให้ลงพื้นอย่างปลอดภัยก่อนจะทรุดตัวลงอย่างหมดสภาพ ร่างกายสีน้ำเงินเข้มกลับมาอยู่ในร่างสีเงินเหมือนในตอนแรก
“นี่...ไม่เป็นไรนะ”ผมเข้าไปใกล้พร้อมกับถามด้วยความเป็นห่วง
ภายในใจมันกู่ร้องอยากจะเข้าใจไดโนเสาร์ตรงหน้าถึงสาเหตุที่ต้องยอมเจ็บตัวขนาดนี้...จะว่าเอาผมมาเป็นอาหารก็คงไม่ใช่ถ้าต้องการอาหารคงเลือกอัซห์ดาร์คิดที่ตัวใหญ่กว่ามนุษย์มาแทน
สาเหตุเดียวที่อีกฝ่ายยอมเสี่ยงก็เพื่อช่วยผมนั่นทำให้คิ้วสีน้ำตาลขมวดเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจพร้อมเดินเข้าไปสัมผัสแผลของไดโนเสาร์ตรงหน้าเบาๆ...ดวงตาสีแดงสดจ้องมองทุกการกระทำโดยไม่มีแม้เสียงขู่คำรามนั่นทำให้ผมเริ่มเอะใจบางอย่าง
ท่าทางของไดโนเสาร์ตรงหน้าเหมือนคุ้นเคยที่ถูกสัมผัสแบบนี้
แถมดวงตาสีแดงคู่ใหญ่นั่น...
คล้ายเหลือเกิน
ไม่จริงน่า!
นี่ผมกำลังคิดเรื่องบ้าอะไรกัน?
สิ่งที่ปิดบังไว้จนไม่กล้าบอก...
ปริมาณอาหารที่กินมากกว่าปกติ...
ดวงตาสีแดงอ่อนที่ไม่เหมือนมนุษย์...
สาเหตุที่ร่างสีเงินปรากฏตัวขึ้นอย่างพอดิบพอดี...
ทั้งหมดนั่นทำให้ผมยืนนิ่งด้วยความสับสนและไม่แน่ใจทั้งที่ครึ่งหนึ่งปักใจเชื่อไปแล้วว่าร่างสีเงินตรงหน้าคือคนที่อยู่ข้างกันมาตลอด...
คนที่ทำให้ยิ้ม...
คนที่ทำให้มีความสุข...
คนที่ทำให้เศร้า...
คนที่ทำให้อยากปกป้อง...
คนที่ทำให้คิดฟุ้งซ่านอยู่เสมอ...
คนคนนั้น...
“อานโน่...”ผมเอ่ยออกไปอย่างยากลำบากพร้อมจ้องไปยังร่างสีเงินตรงหน้าเพื่อรอคอยคำตอบและคำอธิบายทั้งหมด
ร่างยักษ์ที่เต็มไปด้วยบาดแผลสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อที่เรียกไป นั่นทำให้ผมแน่ใจในสิ่งที่คิดอยู่มากขึ้นแต่ยังไม่ปักใจเชื่อซะทีเดียว ผมก้าวไปยืนตรงหน้าดวงตาสีแดงสดที่สั่นระริกอยู่ตรงหน้าก่อนจะยกมือขึ้นสัมผัสบริเวณเปลือกตาอย่างเบามือ
งื๊ดดด
เสียงครางเล็กดังขึ้นก่อนจะค่อยๆหลับตาลงราวกับชื่นชอบในสัมผัสที่มอบให้...ท่าทางแบบนี้เหมือนตอนที่อานโน่โดนผมลูบหัวเวลานอนอยู่บนตักไม่มีผิด
“...อานโน่...ใช่ไหม?”ผมกลั้นใจถามออกไป
งื๊ดดด
ดวงตาสีแดงปรือขึ้นเล็กน้อยก่อนจะยกส่วนหัวขึ้นแล้วส่ายไปมาเป็นเชิงปฏิเสธ
“หึ...โกหก”ผมบอกก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ
แค่ท่าทางที่ชอบปฏิเสธยังเหมือนเลย
งื๊ดดด
เสียงครางสูงดังขึ้นอีกครั้งก่อนที่ส่วนปากเรียวราวกับมังกรนั้นจะถูไถที่หน้าอกผมเบาๆก่อนผละออก...ร่างที่เต็มไปด้วยบาดแผลยันตัวขึ้นเล็กน้อยก่อนพยายามพาร่างของตัวเองเดินเข้าไปในป่าโปร่งด้านข้าง
“อานโน่...จะไปไหนน่ะ?”ผมตะโกนเรียกก่อนจะวิ่งตามร่างสีเงินไป
ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้เชื่อว่าร่างสีเงินนี้คือเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของตัวเอง...ไม่สิ...ความรู้สึกที่มีมันคงมากกว่าคำว่าเพื่อนไปมากพอดูแล้ว
เพราะคลุกคลีด้วยกันมานานทำให้รู้ดีไม่ว่าจะอยู่ในสภาพแบบไหนผมก็รู้ว่าร่างตรงหน้าคืออานโน่อย่างแน่นอน
สัตว์ปกติไม่มีทางเข้ามาช่วยเหลือมนุษย์และไม่มีทางตอบรับภาษามนุษย์แบบนี้แน่
กรรร!
ปากเรียวหันกลับมาขู่เหมือนจะบอกว่าอย่าตามมาแต่มีเหรอที่ผมจะทำตาม
“ไม่!”
งื๊ดดด
เสียงขู่เปลี่ยนเป็นเสียงครางพร้อมกับร่างยักษ์นั่นหันกลับมาใช้ปากดับตัวผมให้กลับไปยังที่ที่เดินมา
“เราจะกลับด้วยกัน...”
“อานโน่”น้ำเสียงที่จริงจังทำให้ปากเรียวสีเงินที่กำลังดันผมหยุดชะงัก...ดวงตาสีแดงสดที่จ้องมองมาราวกับจะถามย้ำถึงสิ่งที่พูดออกไปเมื่อครู่ให้แน่ใจ
“ฉันจะกลับไปพร้อมกับนาย...อานโน่”
งื๊ดดดด
เสียงคราวสูงดังขึ้นพร้อมๆกับส่วนหัวที่ขยับขึ้นลงเป็นท่าทางที่บอกว่าตกลง...ร่างสีเงินที่เต็มไปด้วยบาดแผลเดินถอยหลังไปเล็กน้อยก่อนที่ร่างนั้นจะเริ่มเปลี่ยนแปลงไปต่อหน้าต่อตา
ร่างสีเงินค่อยๆหดเล็กลงจนเห็นผิวขาวๆของมนุษย์...เส้นผมยาวสีเงินแซมน้ำเงินพลิ้วไสวไปตามสายลมก่อนที่ดวงตาสีแดงอ่อนจะลืมขึ้นแล้วทรุดลงไปกองกับพื้นอย่างรวดเร็ว
“อานโน่!”ผมรีบวิ่งเข้าไปหาร่างเปลือยเปล่าตรงหน้าโดยที่ถอดเสื้อคลุมของตัวเองไปคลุมร่างขาวที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผลอย่างรวดเร็ว ใบหน้ามลก้มลงทำให้เส้นผมสีเงินแซมน้ำเงินยาวลงมาปกจนไม่สามารถมองเห็นใบหน้าอีกฝ่ายได้
“...เชส”เสียงนุ่มเอ่ยเรียกทั้งที่ไม่เงยหน้าขึ้นมา
“อะไร?”
“...ไม่มีอะไรจะพูดเหรอ?”อีกฝ่ายถามต่อ
“มีสิ”
“...”ความเงียบที่ได้รับทำให้ผมค่อยๆนั่งลงตรงหน้าอานโน่แล้วใช้มือเยหน้าของอีกฝ่ายให้มาสบตากันตรงๆ ดวงตาสีแดงอ่อนตอนนี้คลอไปด้วยน้ำตาที่พร้อมจะไหลออกมาได้ทุกเมื่อ
“อะไรกัน...นายไม่ใช่คนที่จะร้องไห้ง่ายๆนี่...ร้องทำไมอานโน่?”ผมถามอย่างไม่จริงจังพร้อมใช้มือทั้งสองข้างลูบใบหน้าอีกฝ่ายช้าๆ
“...อะไรเหรอ...ที่จะบอกน่ะ?”
“อยากรู้?”ผมถามเสียงยียวน
“...ฉันไม่เล่นนะเชส”
“ขอบคุณ”ผมเอ่ยออกไปด้วยรอยยิ้ม
“อะ...อะไรนะ?”เสียงของอานโน่ที่ถามซ้ำดังขึ้นเหมือนกับเขาไม่คาดคิดว่าจะได้ยินคำนี้จากผม
“ขอบคุณที่มาช่วยนะอานโน่”
“...แค่นี้เหรอ?”
“อืม...จะให้มีอะไรอีกล่ะ?”ผมถามกลับบ้าง
“ก็...เรื่องฉัน...”
“เรื่องนาย?”
“...ไม่เกลียดกันเหรอ?”คำถามต่อมาใช้เวลาสักพักกว่าคนตรงหน้าจะยอมบอกมาตามตรง
“ทำไมต้องเกลียดล่ะ?”ผมถามกลับ
ไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมต้องเกลียดอานโน่
ไม่มีเลยสักอย่าง
“ก็ฉัน...ไม่ใช่มนุษย์นะ”
“แล้วตอนนี้เป็นอะไร?”ผมถามพร้อมชี้ไปยังร่างในตอนนี้
“...มนุษย์”อานโน่ตอบกลับเสียงเบา
“ใช่...นายเป็นมนุษย์แค่นี้ก็พอแล้ว”
“ไม่แปลกใจเหรอ?...ไม่คิดว่ามัน...”
“อานโน่...ฉันจะบอกแค่ครั้งเดียว...ไม่ว่านายจะเป็นอะไรนายก็คือคนสำคัญของฉัน...เข้าใจนะ”ผมรีบพูดแทรกเพราะพอเดาได้ถึงสิ่งที่คนตรงหน้าต้องการจะบอก
“แต่...”
“ไม่มีแต่แล้ว”
“...อืม”รอยยิ้มที่ไม่ได้เห็นมานานปรากฏขึ้นด้วยท่าทางที่โล่งใจกว่าตอนแรกเรียกรอยยิ้มผมได้เช่นกัน
ใบหน้านิ่งๆตึงๆไม่เหมาะกับอานโน่สักนิด
“ว่าแต่...แผลน่ะเจ็บมากไหม?”ผมถามเมื่อเห็นรอยแดงๆเต็มตัวอีกฝ่ายไปหมด
“นิดหน่อย”
“โกหก...ก็รู้ว่าโกหกไปก็โดนจับได้ก็ยังจะพยายามเนอะ”ผมบ่นอย่างไม่จริงจังแล้วใช้มือรวบเส้นผมสีเงินแซมน้ำเงินยาวไปไว้ด้านหลังแล้วมองไปตามผิวขาวๆที่มีเลือดซึมออกมาตามบาดแผล
แค่เห็นแผลพวกนี้ความรู้สึกหนึ่งที่ไม่ได้มีมานานก็โผล่ออกมา
โกรธ
ผมกำลังรู้สึกโกรธเจ้านกยักษ์พวกนั้นที่รุมซะอานโน่บาดเจ็บขนาดนี้
“นั่นสิ...มันหลุดปากน่ะ...ก็เจ็บพอสมควรแต่ไม่มากขนาดลุกไม่ไหวหรอก”
“ทั้งที่ทรุดอยู่แบบนี้?”
“หยุดพูดน่า...ฉันแกร่งว่านายอีกนะเชส”
อานโน่คนเดิมกลับมาแล้ว
“หึ...ก็ลองดูว่าคนแกร่งจะดิ้นหลุดได้ไหม?”ผมว่าพรางช้อนร่างโปร่งที่มีเสื้อคลุมตัวเดียวอยู่บนร่างขึ้นแล้วเดินกลับไปตามทาง
“ปล่อยนะเชส!...ฉันเดินเองได้!”เสียงบ่นดังขึ้นเกือบจะตลอดทางที่เดินกลับ
“นี่อานโน่...ทางกลับน่ะไปทางนี้รึเปล่า?”ผมถามเมื่อไม่แน่ใจว่ามาถูกรเปล่า
“ใช่ตรงไปอีกสัก2กิโลก็จะถึงที่ที่นายหลงมาแล้ว”
“หลง?”
อานโน่บอกว่าใครหลงนะ?
“ก็นายไงเชส...จริงสิกะจะถามอยู่เลย...นายไม่ใช่พวกที่ชอบหลงนี่ทำไมครั้งนี้ถึงหลงได้ล่ะ?....ตอนนี้พวกเจ้าหน้าที่กำลังออกตามหาอยู่ด้วย”คำอธิบายทำให้ผมเข้าใจสถานการณ์ในทันที
“ฉันไม่ได้หลง”
“งั้นทำไมล่ะ?”อานโน่ที่ถูกอุ้มถามขึ้นด้วยความสงสัย
พอเปลี่ยนเรื่องก็หยุดโวยวายที่โดนอุ้มเลยนะ
“ไม่บอก”
“ห๊ะ?...นายนี่มัน...ฉันหาเองก็ได้...”พูดจบใบหน้าขาวก็มาคลอเคลียบริเวณต้นคอผม เสียงสูดลมหายใจทำให้รู้ว่ากำลังถูกดมกลิ่นอยู่
“หยุดเลยอานโน่”ผมพยายามหนีแต่ด้วยร่างกายที่อยู่ติดกันทำให้ไม่สามารถทำได้เลยต้องในคนที่ถูกอุ้มดมกลิ่นจนกว่าจะพอใจ
“โอ๊ะ...มีกลิ่นสุนัขจิ้งจอกด้วย...นายช่วยมันใช่ไหม?”อานโน่เงยหน้าขึ้นมาถามเสียงเสียงใส
“ตามนั้น”
“ว่าแล้วเชียวว่าอย่างนายไม่มีทางหลงหรอกแต่เดินไปไกลเลยนะถ้าฉันมาไม่ทันนายจะทำไงล่ะ?”
“ไม่รู้สิ...อาจตายมั้ง”
“ห้ามพูดว่าตายง่ายๆรู้ไหม?”น้ำเสียงจริงจังทำให้ผมต้องก้มลงไปมองดวงตาสีแดงอ่อนที่จ้องมาอย่างจริงจัง
“...เราไม่รู้หรอกว่าจะตายเมื่อไหร่”
“งั้นฉันจะปกป้องนายเองเชส”อานโน่พูดสวนมาก่อนจะพยักหน้าขึ้นลงราวกับจะบอกว่าเชื่อใจได้เลย
“หึ...ช่วยตัวเองให้ได้ก่อนเถอะไดโนเสาร์น้อย”ผมบอกก่อนจะก้มลงไปสัมผัสกับเส้นผมสีเงินแซมน้ำเงินตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม
การมีคนคอยเป็นห่วงมันรู้สึกแบบนี้เองสินะ
“ไม่น้อยแล้วนะสูงกว่านายตั้งเยอะ”
“แต่ร่างมนุษย์ก็ยังเตี้ย”ผมย้อน
“ใครเตี้ยกัน...ฉันสูงกว่าแม่ตั้ง2เซนนะขอบอก”คนในอ้อมแขนพูดด้วยความภูมิใจ
“ครับๆ”ฝ่ายที่กำลังเดินฝ่ายต้นไม้พุ่มเล็กๆเอ่ยตอบรับก่อนจะเดินต่อโดยไม่สนเสียงโวยวายที่ดังตลอดทาง
แสงจากหลอดไฟตรงหน้าทำให้ผมเร่งฝีเท้าขึ้นก่อนจะชะงักเมื่อนึกได้ว่าจะให้ใครเห็นอานโน่ในร่างนี้ไม่ได้เลยตัดสินใจเดินเลี่ยงไปอีกทางแทน
“ทำไมไม่ออกไปล่ะ?...ตรงนั้นมีเจ้าหน้าที่อยู่นะ?”
“ถ้าออกไปแบบนี้เดี๋ยวความลับก็แตกหรอก”ผมตอบ
“ไม่เป็นไร”
“ห๊ะ?”เท้าที่ก้าวอยู่ถึงกับหยุดนิ่งด้วยความไม่เข้าใจ
ก่อนหน้านี้ยังไม่อยากให้ผมรู้ความลับถึงขนาดร้องไห้ออกมาแล้วนี่อะไร?
ไม่กลัวโดยรู้ความจริงแล้วรึไง?
“ฉันไม่กลัวหรอกถ้าคนอื่นจะรู้”อานโน่บอก
“แล้วทีฉันทำไมกลัว?”
“...มันบอกยาก”
“ฉันรอฟังได้ทั้งคืน”ถ้าไม่รู้เหตุผลก็อย่าคิดว่าจะก้าวออกจากตรงนี้เลย
“เฮ่อ...ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันแต่พอคิดว่าถ้าบอกแล้วนายรับไม่ได้ฉันก็รู้สึกแย่มาก...ฉันไม่อยากถูกนายเกลียดทั้งที่กับคนอื่นไม่เป็นแบบนี้แท้ๆ...แปลกเนอะ”คนในอ้อมแขนบอกพลางซบที่ไหล่ผม
“หึ...”อีกฝ่ายไม่มีทางเห็นหรอกว่าประโยคที่ตัวเองพูดออกมาเรียกรอยยิ้มที่ไม่เคยเกิดขึ้นให้ปรากฏออกมาเพียงแค่ได้รู้ว่าสำหรับอานโน่ผมก็เป็นคนพิเศษเหมือนกัน
“เชสทำอะไรน่ะ?”ร่างขาวที่เต็มไปด้วยแผลถามขึ้นเมื่อถูกวางลงพิงกับต้นไม้
“เดี๋ยวฉันจะไปหยิบเสื้อผ้าและยามาให้...รออยู่นี่ก่อน”
“ฉันไปด้วย...บอกแล้วไงว่าไม่เป็นไรถ้าคนอื่นจะรู้ความจริงน่ะ”อีกฝ่ายยังคงดื้อแล้วพยายามดันตัวเองให้ลุกขึ้น
“นายไม่เป็นแต่ฉันเป็น”ผมว่าพร้อมกับดันอีกฝ่ายให้นั่งพิงต้นไม่ตามเดิม
“หา?...เป็นอะไร?”คนที่นั่งอยู่ทำหน้างงใส่พร้อมด้วยคิ้วที่ขมวดเข้าหากันแน่
ผมมองไปยังร่างขาวที่ตอนนี้มีเพียงเสื้อคลุมของตัวเองอยู่...
ร่างขาวๆนั่น...
ดวงตาสีแดงอ่อนคู่สวย...
เส้นผมสีเงินแซมน้ำเงินที่ยาวสลวยจนถึงกลางหลัง...
ใครจะยอมให้คนอื่นเห็นกัน
หวง
“เปล่านี่...รอนี่นะห้ามไปไหนเด็ดขาด”ผมหันไปสั่งเสียงเข้มแล้วเดินกลับไปยังห้องพักที่อยู่ไม่ไกลโดยไม่สนใจเสียงตะโกนที่ดังตามหลังมา...
“โกหก!”
...............................................................................................
สวัสดีค่า
มาต่อแล้ว
ช้าไปวันนึงไม่ว่ากันเนอะ
พอดีคอมเกิดเสียขึ้นมาเลยใช้เวลาไปหลายวันในการซ่อม พึ่งได้คอมมาเมื่อวันพุธเย็นๆเองค่ะ
ตอนนี้พึ่งแต่จบหมาดๆในช่วงเที่ยงเอง
อ่านทวนไปไม่กี่รอบเพราะงั้นอาจมีคำผิดขออภัยด้วยนะ
เวลาที่มีเหตุการณือะไรเกิดขึ้นเราจะแจ้งทางเพจนะคะเพราะไม่สะดวกที่จะแจ้งตามเว็บหลายๆเว็บ
ถ้าใครยังไม่ได้ถูกใจเพจสามารถเข้าไปกดถูกใจกันได้นะคะ>>
nicedogมีหลายๆคนคอมเม้นต์มาว่าอยากให้ลงอาทิตย์ละสองตอน
เราเองก็อยากลงบ่อยๆแต่ก็ติดอยู่ที่แต่งไม่ทันนี่แหละค่ะ...ตอนสำลองที่แต่งๆไว้ก็ลงไปหมดแล้วตอนนี้เลยต้องแต่ให้ได้อาทิตย์ละตอนเป็นอย่างน้อย และเดือนหน้าเราก็จสอบอีกแล้วทำให้คงไม่มีเวลาแต่งสองอาทิตย์ได้
อย่างที่ว่ามาแหละค่ะ...แค่อัพอาทิตย์ละตอนก็ถือว่าเต็มกลืนแล้วจริงๆ
ดีใจมากที่ทุกคนอยากอ่านกันขนาดนี้...เราเองก็จะพยายามแต่งให้ได้เยอะๆ
สัญญาว่าจะมาต่อจนจบแน่นอน
รอกันหน่อยนะ
หลายๆคนอาจทราบแล้วว่างานหนังสือเริ่มแล้ว...ใครไปงานหนังสือที่ศูนย์สิริกิตต์ก็อย่าลืมแวะไปอุดหนุนเรื่อง Jurassic Heart ดวงใจ กลายพันธุ์รัก ด้วยน้าาาา ฝากขายอยู่ที่ห้องบอลรูม Y09 นะคะ (รุ่นลูกยังแต่งอยู่ฝากรุ่นพ่อแม่ที่จบแล้วด้วยนะคะ^^)
เราเองก็จะไปในวันอาทิตย์ที่3นี้...ใครไปวันเดียวกันอาจได้เดินสวนกันตามบูธวาย 555
สุดท้ายนี้ขอคุณทุกๆคอมเม้นต์และทุกกำลังใจที่มีให้ตลอดนะคะ
ไว้เจอกันใหม่ในตอนหน้าค่ะ
บ๊ายบาย
nicedog
♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪