หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน22.P.9(07/06/59) The End.
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน22.P.9(07/06/59) The End.  (อ่าน 64563 ครั้ง)

ออฟไลน์ LoveYoukissme

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
แม้ ปากร้ายจังเลยนะคะพี่ซอง
ระวังอกแตกตายเพราะความหึงนะคะ
หมั่นไส้พี่แกมาก

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
ว้ายย ถึงขนาดมานั่งเฝ้า

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
สนุกคร้าาาาา
เริ่ดๆเชิดไว้คร้าน้องมินนี่.

 :hao3:  :hao3:  :hao3:  :hao3:

...

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
หึง ออก นอก หน้า ..

ออฟไลน์ MooKratai

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-0
หลานคุณย่า แอบรัก8

(มินนี่)

 

ผมนั่งคุยกับเพื่อจนเวลาล่วงเลยไปเกือบบ่ายสามโมง ลูกค้าเริ่มซาลงบ้างแล้ว ตอนนี้ในร้านจึงเหลือแค่โต๊ะของเพื่อนๆ ผม ลูกค้าจะเยอะอีกทีก็น่าจะเย็นๆ เพราะเหล่าบรรดานักเรียน นักศึกษา รวมทั้งคนวัยทำงานเลิกพอดี

 

 

“อุ้ย! พี่พายสวัสดีค่ะ” เสียงกรีนเอ่ยทักทาย ผู้ชายในดวงใจของเขา หน้าบานเชียวครับเพื่อนผม แค่พี่พายยิ้มให้ทีนี่ถึงกับอายม้วนเลยครับงานนี้

 

“สวัสดีครับ ไม่เจอกันนานเลย” พี่พายเอ่ยหลังจากที่ทุกคนยกมือไหว้อย่างพร้อมเพียง

 

“พี่พายนั่งกับพวกเราก่อนสิคะ ไม่มีลูกค้าแล้วนี่” หลิวเริ่มเอ่ยขึ้นบ้าง  เห็นผู้ชายหล่อ น่ารักหรือผู้ชายสวยอะไรทำนองนั้น พวกเธอสองคนจะคลั่งเป็นพิเศษ

 

“ได้ครับ แต่พี่นั่งได้ไม่นานนะ ต้องเข้าไปดูเค้กที่อบไว้อีก อ้าว!พี่ทิมสวัสดีครับ” พี่พายหันไปทักพี่ทิม ทั้งๆ ที่ก็คงจะตกใจอยู่เหมือนกัน

 

“นึกว่าจะไม่ทักทายกันซะแล้ว” พี่ทิมยิ้มล้อพี่พาย

 

“พายไม่ได้มองนี่ครับ”

 

“ใช่สิ พี่มันคนไม่สำคัญนี่นา ไม่เหมือนคุณคิณของน้องพาย” แน่ะมีตัดพ้อพี่พายอีกนะครับ แสดงละครอยู่รึเปล่าไม่รู้

 

“พี่ทิมไม่ต้องมาแซวพายครับ อีกสักพักคุณคิณก็จะมาแล้ว ระวังตัวดีๆ เถอะ”

 

“ครับๆ น่ากลัวที่สุด” พี่ทิมทำหน้าล้อเลียนอีก ผมแทบขำกับท่าทางของคนที่บอกว่าตัวเองเพิ่งอกหัก มันไม่มีความจริงเลยสักนิด

 

“ใครเหรอคะคุณคิณเนี่ย” เสียงสาววายดังมาอีกแล้ว หลังจากที่นั่งมองพฤติกรรมผู้ชายแต่ละคน ว่าใครมีซัมติงกับใครรึเปล่า

 

“อยากรู้เรื่องอะไรนักหนาหลิว เรื่องของพี่ๆ เขา” เมฆคนดีศรีสยามเอ่ยขึ้น ขัดความยากรู้ของสาววายทั้งสองคน

 

“ทำไมเมฆต้องขัดหลิวตลอดเลยอ่ะ”  กรีนเสียงดังใส่เมฆ จนเมฆเงียบเลยครับ สงสัยคงน้อยใจที่สองคนนี้ไม่เห็นความสำคัญของตนบ้าง เวลาอยากไปไหนก็บังคับขู่เข็ญให้ไปเป็นเพื่อน พอมาด้วยแล้วก็ไม่เคยที่จะสนใจ ทำเหมือนเมฆไม่มีตัวตนอย่างนั้นแหละ บางทีเมฆก็น่าสงสารที่หลิวไม่รับรู้ความรู้สึกที่เมฆมีให้เลย เมฆลุกไปไม่บอกใครสักคน สองสาวก็ไม่สังเกตุสักนิด เมฆเดินออกไปนอกร้านแล้ว คงไปรอข้างนอก

 

“คุณคิณเป็นแฟนพี่เองครับ อีกสักพักน่าจะมาถึง” พี่พายตอบข้อข้องใจของสาวๆ ทั้งสองน

 

“อยากเห็นจังเลย” กรีนดีใจจนออกนอกหน้า

 

“นั่นไงมาแล้ว พูดถึงก็มาพอดีเลย” ทั้งหลิวและกรีนรีบหันขวับไปในทันที ที่ผมเอ่ยบอกสองสาว ท่าทางนี่บ่งบอกว่าปลื้มเอามากๆ

 

"หล่ออ่ะ" กรีนเริ่มตาเยิ้มอีกแล้วครับ พี่พายเดินไปหา คุยอะไรกันนิดหน่อย ก่อนที่ทั้งสองจะเดินกลับมานั่งกับพวกเรา

 

"หล่อจริงๆ ด้วยค่ะ หลิวขอถ่ายรูปพี่สองคนได้ไหมคะ" พี่พายกับคุณคิณก็เลยนั่งให้ทั้งสองถ่ายรูปตามใจ จัดท่าทางให้พี่ๆ เขาด้วย ทั้งสองคนก็ใจดีเหลือเกินไม่มีขัดแม้แต่น้อย

 

บราวนี่อยากมีส่วนร่วม จึงเดินมานั่งด้วย  ทุกคนในร้านมารวมกันที่โต๊ะที่ผมกับเพื่อนๆ นั่งอยู่ ยกเว้นไอ้คนขวางโลกคนเดียว ที่ดูเหมือนจะเข้ากับคนอื่น ไม่ได แต่ก็สมแล้วแหละ สังคมของเขาไม่เหมือนพวกเรานี่นา กลุ่มเพื่อนเขาก็ไม่มีทางที่จะมานั่งกับคนแบบพวกผมหรอก ผิดกับคุณคิณ แล้วก็พี่ทิม สองคนนี้เข้ากับใครได้หมด จากที่ตอนแรกแทบจะฆ่ากันเรื่องพี่พาย แต่ตอนนี้กลับคุยกันถูกคอยิ่งกว่าใคร

 

"เมฆไปไหน" หลิวถามขึ้นหลังจากที่เมฆออกไปนานพอสมควร

 

"เห็นเดินออกไปข้างนอกนะ" ผมบอกหลิว เธอทำหน้างงก่อนที่จะลุกเดินออกไป สงสัยจะไปหาเมฆแหละครับ บางทีหลิวก้อาจจะมีใจให้เมฆเหมือนกันนะผมว่า ไม่อย่างนั้นคงไปรีบร้อนเดินออกไปแบบนี้หรอก

 

“ทำไมบราวไม่ชวนพี่ซองมานั่งด้วยล่ะ” พี่พายถามน้องชายที่นั่งอยู่ข้างๆ

 

“เขาไม่มา บอกว่าไม่รู้จักใคร” เห็นไหมครับ คนโลกแคบไม่ยอมเปิดใจให้คนใหม่ๆ เข้ามาในชีวิต

 

“ทำไมเป็นแบบนั้นล่ะ จะนั่งอยู่คนเดียวรึไง” พี่พายหันไปมองอย่างเป็นห่วง  แต่ก็ไม่ได้ลุกเดินไปหาเพราะคงรู้สัยกันดีอยู่แล้ว

 

“ก็มันนิสัยไม่ดี เข้ากับใครเขาไม่ได้หรอก” เป็นคุณคิณที่เอ่ยขึ้นมาก่อน ไม่ได้คิดว่าน้องชายทั้งสองของเขาจะโกรธหรอก

 

“พอเลยครับ ว่าพี่ชายพายอีกแล้วนะ”

 

“แต่น้องบราวก็ว่าจริงนะ พี่ซองเป็นอะไรไม่รู้ใครก็เข้าหน้าไม่ติดแล้ว”  บราวนี่เอ่ยเสริมคุณคิณ

 

“ไม่คุยด้วยแล้ว พี่ไปหาพี่ซองก่อนนะ”

 

“ผมไปด้วย”

 

“ไม่ต้องไปครับ เดี๋ยวทะเลาะกันอีก”  พี่พายส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนที่จะเดินไปหาพี่ชายคนโตที่นั่งอยู่คนเดียว หลังจากนั้นพี่พายก็หายไปเลย สงสัยคงจะไปนั่งเป็นเพื่อนพี่ชายนั่นแหละ

 

วันนี้พี่พายใจดีอนุญาตให้ปิดร้านเร็ว เราทุกคนจึงนั่งคุยเล่นกันจนค่ำ น้องๆ จึงทยอยกลับ พี่พายกลับพร้อมคุณคิณเห็นบอกว่าวันนี้จะไปทานข้าวที่บ้านคุณคิณ เพื่อนๆ ผมทั้งสามคนก็กลับไปแล้วเหมือน กัน เหลือผมอยู่คอยปิดร้านเป็นคนสุดท้าย บราวนี่ก็อยู่ช่วย เพราะต้องดึงประตูเหล็กซึ่งหนักพอสมควร ผมดึงคนเดียวไม่ไหวหรอก

 

“รอบราวแป๊บนะ เก็บโทรศัพท์ก่อน” ตอนนี้หน้าร้านมีเราสามคน ผม บราวนี่ แล้วก็พี่ชายของเขา แต่ผมและเขาต่างทำเหมือนอีกคนไม่มีตัวตน  ก็ดีแล้วครับ ไม่ต้องมาวุ่นวายกันอีก  ยืนรอบราวนี่สักพักรายนี้ก็ยังทำอะไรยุกยิกไม่เสร็จสักที

 

“ดึงสิ เดี๋ยวกูช่วย” เสียงของอีกคนที่เอาแต่เงียบมานานเอ่ยขึ้น นี่เขาพูดจริงๆ ใช่ไหม ผมไม่ได้หูแว่วไปเอง ไม่อยากจะเชื่อว่าคนอย่างนี้จะยอมช่วยคนอื่น

 

“ไม่รบกวนดีกว่าครับ”

 

“เร็วๆ จะได้รีบกลับ”   ผมพึ่งรู้ว่าสิ่งที่ผมคิดเมื่อตอนสิบวินาทีก่อนนี่ผิดอย่างแรง ไม่ได้มีน้ำใจอะไร แค่ต้องการไปให้พ้นๆ จากที่นี่ จะหวังน้ำใจจากคนแบบนี้คงจะยาก

 

ผมจัดการดึงประตูลงอย่างไม่อิดออด ส่วนเขาก็ช่วยดึงอีกด้าน ก่อนที่ผมจะเอาแม่กุญแจมาล็อกอย่างเช่นทุกวัน

 

“มินกลับก่อนนะบราว”

 

“เดี๋ยวสิ กลับพร้อมบราวดิ” บราวนี่เอ่ยรั้งผมไว้ให้กลับด้วย แต่ไม่เอาหรอก เพราะคงอึดอัดน่าดูถ้าผมต้องนั่งรถไปพร้อมกับเขา แม้มันจะเป็นเวลาแค่ไม่กี่สิบนาทีก็ตาม

 

“ไม่เอาๆ มินจะกลับรถเมล์ รับลมตอนเย็นๆ สบายดี” แค่คิดว่ารับลมบนรถเมล์ก็ผิดแล้วครับ ในกรุงเทพฯ มีลมที่ไหน นอกจากมลพิษที่ลอยคุ้งไปทั่ว ผมแค่พูดไปอย่างนั้นแหละ เพราะไม่อยากรบกวนบราวนี่

 

“บอกให้กลับก็กลับสิ มึงจะลีลาอะไร” ถ้าจะเงียบต่อไปผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ เพราะถ้าพูดแล้วไม่สร้างสรรค์แบบนี้ก็อย่าเลยดีกว่า มันทำให้คนฟังรู้สึกไม่ดี

 

“พี่ซอง พอเลย”  บราวนี่ห้ามพี่ชายเสียงดัง แต่ผมว่าอย่าเลย ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก เป็นแบบนี้ตั้งแต่เด็ก แล้วตอนนี้โตจนหมาเลียตูดไม่ถึงแล้ว ถ้าให้พูดบอกเหมือนตอนเด็กแล้วจะฟังนี่คงไม่ใช่

 

“มินกลับเองนั่นแหละ ไปแล้วนะ” ผมยกมือบ้ายบายเพื่อนตัวน้อยที่มองตามอย่างน่าสงสาร เดินตามทางเดินที่มีแสงไฟสลัว ส่องพอให้เห็นทาง เดินไปเรื่อยๆ เพื่อให้ถึงป้ายรถเมล์ในอีกไม่ไกล

 

‘ปี๊น ปิ๊น’ เสียงแตรรถดังมาจากข้างหลัง ครั้งแรกผมก็ไม่คิดจะหันไปมองหรอกครับ แต่เหมือนรถคันดังกล่าวชะลอแล้วขับตามผม ก่อนที่จะได้ยินเสียงเรียกของคนขับรถที่ตอนนี้ลดกระจะรถลงแล้ว

 

“น้องมินครับ เดี๋ยวพี่ไปส่ง”

 

“พี่ทิมเดี๋ยวมินนั่งรถเมล์กลับเอง จะถึงป้ายแล้วด้วย” ผมหยุดคุยกับคนบนรถ  ดีหน่อยที่ถนนเส้นนี้รถไม่เยอะเลยไม่มีใครมาบีบแตรไล่

 

“มาเร็วครับดึกแล้ว กลับคนเดียวอันตราย”

 

“แต่....” ผมยังไม่ได้พูดปฏิเสธพี่ทิม รถข้างหลังก็ดันบีบแตรไล่ซะงั้น ผมรีบหันไปเพื่อที่จะขอโทษรถคันนั้น แต่ก็ต้องชะงักเพราะมันเป็นรถของคนที่พึ่งทำผมไม่สบอารมณ์เมื่อครู่ที่ผ่านมานี่เอง จากที่จะขอโทษ ผมกลับเปิดประตูเข้าไปนั่งข้างๆ พี่ทิมแทน

 

“อ้าว!” พี่ทิมถึงกับตกใจ ผมก็เหมือนกันแหละครับ ไม่รู้คิดยังไงอยู่ดีๆ ก็ทะล่งเข้ามานั่งกับเขาเฉยเลย งงตัวเองเหมือนกัน

 

“ไปส่งมินหน่อยนะครับ” เลิกอึ้งแป๊บ ก่อนที่จะหันไปขอร้องให้พี่ทิมไปส่ง ไหนๆ ก็หน้าด้านขึ้นรถเขามาเฉยเลยนี่นา ด้านอีกหน่อยคงไม่เป็นไรหรอก

 

“ได้ครับ น้องมินบอกทางพี่ละกัน”

 

“ครับ”  พี่ทิมเลื่อนมือไปเปิดเพลงสากลเบาๆ ดูเหมาะกับพี่เขาดี เพราะเป็นคนดูใจเย็น ไม่ค่อยไม่ค่อยจะโมโหอะไรง่ายๆ

 

“น้องมินฟังได้รึเปล่าครับ ถ้าไม่ชอบเปลี่ยนแผ่นได้นะ”

 

“มินฟังได้หมดแหละครับ” ที่จริงผมก็ไม่ค่อยชอบฟังเพลงเท่าไหร่หรอก ไม่ว่าเพลงไทยหรือเพลงสากลก็ตาม แต่ก็ฟังได้หมดไม่ถึงขั้นว่าไม่ฟังเลย

 

“เพลงนี้เพราะดีนะครับ ความหมายดี”

 

“เพลงอะไรเหรอครับ ที่จริงมินไม่ค่อยได้ฟังเพลงเท่าไหร่หรอก”

 

“เพลง athousand years  ครับ

 

“โห! หนึ่งพันปีเลยเหรอครับ ทำไมล่ะ” พี่ทิมเริ่มอธิบายความหมายเพลงไปเรื่อยๆ ทำไมมันเหมือนความรู้สึกของผมที่เคยมีให้คนนั้นเลยล่ะครับ แม้ว่าตอนนี้ผมจะไม่ได้รอคอยที่จะบอกรักเขาแบบนั้นอีกแล้ว

 

หัวใจของฉันเต้นเร็วขึ้น  ข้ออ้าง และคำสัญญา      ทำเช่นไรถึงทำให้ฉันกล้ามากขึ้นกว่านี้

ฉันจะรักได้อย่างไรกัน ในเมื่อฉันกลัวที่จะล้ม         แต่แค่ฉันดูเธอยืนอยู่คนเดียว

คำถามเหล่านั้นกลับหายไปในชั่วพริบตา                ขยับเข้ามาอีก 1 ก้าว

ฉันรอเธอทุกวัน แม้จะเบื่อ                                  ไม่มีความรู้สึกเหมือนคนตาย ฉันก็จะรอ
               
ที่รักอย่าเพิ่งกลัวไปนะ ฉันยังคงรักเธอ                   มาตลอด 1 พันปี

 

“จบแล้วครับ”  พี่ทิมหันมายิ้มให้ผม ผมเผลอสบตากับพี่ทิมเพี่ยงครู่ก่อนที่จะหันหนีไปอีกทาง ผมไม่สามารถมองตาคนตรงหน้าได้นานเลยครับ ตาของพี่ทิมชวนฝันมองแล้วเคลิ้ม  แต่ผมไม่ได้รู้สึกอะไรลึกวึ้งนะครับ แค่เขินๆ กับตาหวานๆคู่นั้น

 

“กำลังฟังเพลินๆ เลย”

 

“พี่มีความรู้สึกแบบนี้กับคนๆ หนึ่ง  แม้ว่าเขาจะไม่ยอมรับที่จะฟังมัน แต่พี่ก็รอที่จะบอกเขาซ้ำๆ ว่ารู้สึกยังไง ตลกดีนะครับ คนที่เรารู้สึกดีด้วย แต่เขามองไม่เห็นมัน” อยู่ดีๆ พี่ทิมก็พูดขึ้น เรื่องความรักของเขาสินะ ทำไมพี่ทิมเหมือนผมจัง ความรู้สึกแบบนี้ไม่ได้มีผมคนเดียวใช่ไหม

 

“แต่เพลงนี้เขาน่าจะสมหวังนะ แต่พี่ไม่... หึหึ” พี่ทิมดูเศร้าแห๊ะ ไม่มีท่าทีจะล้อเล่นเหมือนอย่างเดิม สงสัยคงจะรักคนนั้นมากล่ะสิ

 

“ทำไมพี่ทิมไมบอกเขาล่ะ ผลจะเป็นยังไงก็ช่างมัน แค่ได้ทำไง” ผมเอาความรู้สึกตัวเองมาตัดสิน เพราะมันดีกว่าที่เราจะเก็บไว้แล้วเจ็บปวดคนเดียว

 

“เพราะเขาไม่เคยฟังมันไงครับ แค่พี่กำลังจะอ้าปากพูดเขาก็เปลี่ยนเรื่องแล้ว”

 

“ใจร้ายจัง”

 

“หึๆ งั้นคนใจดีอย่างน้องมินรับอาสาดามใจให้พี่ไหมล่ะครับ” ปรับอารมณ์ไม่ทันจริงๆ เลย ไม่รู้ว่าเสียใจจริงๆ รึเปล่า

 

“ล้อมินเล่นใช่ไหมครับ” ผมส่งยิ้มแหยๆ ให้กับพี่ทิม

 

“เปล่านะครับ พี่พูดจริงๆ อยากจะลองเปิดใจให้ใครสักคน เผื่อว่ามันจะดีขึ้นกว่านี้” พี่ทิมพูดถูกทุกอย่าง ถ้าเราเปิดใจใหคนใหม่แล้วลองก้าวเดินไปข้างหน้า โดยที่ไม่หันกลับไปทางเดิมน่าจะดีไม่ใช่เหรอ

 

“แล้วทำไมต้องเป็นมินล่ะ” ผมรู้ว่าพี่ทิมไม่ได้รู้สึกรักผมหรอก อาจจะแค่เห็นผมเป็นเหมือนน้องชาย เลยกล้าที่จะพูดอะไรหลายๆ อย่างกับผม

 

“พี่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ก็เท่านั้นแหละครับ”  เห็นไหมครับตรงได้อีก เราสองคนไม่ได้มีใจให้กัน แค่ผมกับพี่ทิมอยู่ด้วยกันแล้วเราเข้ากันได้ดี แล้วถ้าผมยอมตกลงคบกับพี่ทิมจะเป็นยังไงนะ  มันจะดีสำหรับเราสองคนแล้วใช่ไหม

 

“ไม่ต้องให้คำตอบพี่ตอนนี้หรอกครับ ลองเก็บเอาไปคิดดู แค่ลองคบกัน ไปไหนมาไหนด้วยกัน เหมือนอย่างที่คนรักเขาทำกัน”

 

“จะดีเหรอครับ เราไม่ได้รักกันสักหน่อย”

 

“พูดแบบนี้พี่เสียใจนะครับ” หน้าหล่อๆ ของพี่ทิมเริ่มแสดงอาการน้อยอกน้อยใจ มันตลกจนผมหัวเราะออกมาเสียงดัง

 

“ฮ่าๆ พี่ทิมตลกจังครับ” ผมหัวเราะจนตัวงอ แต่คนตัวโตก็ยังทำหน้ามุ่ยไม่เลิก ใครนะที่กล้าปฏสธผู้ชายน่ารักแบบพี่ทิม ถ้าพี่เขารักผมสักหน่อยผมคงลองเปิดใจให้อย่างไม่ลังเลเลยล่ะครับ

 

“พี่ไม่ใช่ตลกนะครับ อย่ามาหัวเราะ”

 

“มินเปล่าซะหน่อย”

 

“กล้าเนอะ ไม่ได้หัวเราะเลยนะเรา” มือหนาๆ ของอีกคนยกมายีหัวผมเบาๆ ก่อนที่จะเลื่อนกลับไปบังคับพวงมาลัยต่อ มันอบอุ่นดีนะครับมือนุ่มของผู้ชายที่อ่อนโยน

 

“ตกลงยังไงดีครับเนี่ย”

 

“แล้วแต่น้องมินเลยครับ ตกลงยงไงก็บอกพี่” เราสองคนคุยกันเหมือนมันใช่เรื่องใหญ่เลย เหมือนเรากำลังคุยเรื่องลมฟ้าอากาศอย่างนั้นแหละ แต่ก็ดีครับ ทำให้บบรรยากาศผ่อนคลายลงเยอะ

 

รถของเขายังขับตามเราสองคนอยู่เลยครับ ทำไมไม่แซงไปก็ไม่รู้ แต่พี่ทิมคงไม่รู้หรอกมั้งว่าถูกใครอีกคนขับตามอยู่  เลิกสนใจก่อนที่จะหันไปคุยกับพี่ทิมต่อ เพียงไม่นานก็ถึงบ้านแล้วครับ ผมชวนพี่ทิมเข้ามาทานข้าวด้วย แต่เขาบอกว่ามีนัดแล้วเลยขอตัวกลับไปก่อน

 

อะไรๆ ในชีวิตคนเรานี่เปลี่ยนแปลงได้เร็วดีนะครับ  แม้กระทั่งผมตอนนี้ที่กำลังคิดทบทวนเรื่องที่คุยกับพี่ทิมบนรถ ผมจะลองคบกับคนที่ตัวเองไม่ได้รักนี่จะผิดไหมนะ

 
***********************************

มินนี่น้อยมารายงานตัว ดึกเลยวันนี้พึ่งแต่งเสร็จเลย มีใครรอกันอยู่รึเปล่าเอ่ย ไม่รู้สนุกไหม ลองอ่านดูเนอะ  เป็นกำลังใจให้คนเขียนด้วยนะ    :L1: :L1:



กอดแน่นๆ สามที ใครไม่กอดจะส่ง....ใครไปหาดีนะ   :กอด1: :กอด1: :กอด1:



                     TBC.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-03-2016 15:23:41 โดย MooKratai »

ออฟไลน์ Kalamall

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 729
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-2
 :กอด1: ดูๆกันไปก่อนอย่าเพิ่งคบจริงจังเลย~ เอ๊ะเหมือนเข้าข้างอีพี่ซอง แต่นะ คนสวยต้องเล่นตัวนิดนึ่ง

ออฟไลน์ naumi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1086
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
หึหึ เค้าไปถึงไหนกันละ ดูซิว่าคนปากแข็งมันจะทำยังไงถ้ารู้

ออฟไลน์ angelnan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-5
สั้นอะ อยากให้เนื้อเรื่องเกี่ยวกับตัวหลักออกเยอะๆๆหน่อยอะ อยากอ่านของ ไอ้ซองบ้าง คนไม่เกี่ยวข้ามได้มั้ย 5555555 เขาใจร้อน อะ

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
คบเลยค่ะแต่คุยกันไปแบบเพื่อนเนอะ
การจะรักใครมันต้องเริ่มจากเปิดใจก่อน
ไม่ได้เชียร์ให้รักใครเพราะของแบบนี้บังคับไม่ได้ แต่อยากให้น้องมินไม่ปิดกั้นตัวเอง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
มามะมากอดให้กำลังใจน้องมินกัน

 :ped149:  :กอด1:  :กอด1:  :กอด1:  :ped149:

..

ออฟไลน์ MooKratai

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-0
สั้นอะ อยากให้เนื้อเรื่องเกี่ยวกับตัวหลักออกเยอะๆๆหน่อยอะ อยากอ่านของ ไอ้ซองบ้าง คนไม่เกี่ยวข้ามได้มั้ย 5555555 เขาใจร้อน อะ

ลืมบอกว่าตอนหน้าจะเอาอีพี่ซองมาออกโรงแล้วนะ

ออฟไลน์ มะลิลา

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ตอนนี้พี่ซองพูดกี่ประโยคเนี่ย เค้าเป็นพระเอกใช่ไหม? 55
งานนี้ถ้าน้องมินคบกับพี่ทิม
ก็หนุกสิ พี่ซองคงลงแดง
รออ่านพาร์ทพี่ซองมั่ง อยากรู้ว่าตั้งแง่กับน้องมินทำไม

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
คบกับพี่ทิมเลยมินนี่ เอาให้อีพี่ซองนึกเสียดายให้เข็ด สมน้ำหน้าอีซอง :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
สั้นอะ อยากให้เนื้อเรื่องเกี่ยวกับตัวหลักออกเยอะๆๆหน่อยอะ อยากอ่านของ ไอ้ซองบ้าง คนไม่เกี่ยวข้ามได้มั้ย 5555555 เขาใจร้อน อะ
ใช่เราคิดเหมือนกันเลยตัวหลักออกน้อยไปมันดูแบบจะมีตัวหลักอยู่คือใกล้จบ
แต่ภาพรวมกูดีนะเรารออยู่

ออฟไลน์ MooKratai

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-0
สั้นอะ อยากให้เนื้อเรื่องเกี่ยวกับตัวหลักออกเยอะๆๆหน่อยอะ อยากอ่านของ ไอ้ซองบ้าง คนไม่เกี่ยวข้ามได้มั้ย 5555555 เขาใจร้อน อะ
ใช่เราคิดเหมือนกันเลยตัวหลักออกน้อยไปมันดูแบบจะมีตัวหลักอยู่คือใกล้จบ
แต่ภาพรวมกูดีนะเรารออยู่

ขอบคุณสำหรัยคำติชม และวิจารณ์อย่างจริงใจนะคะ ทำให้คนเขียนได้ทราบถึงข้อยกพร่องของตนเอง ที่บางทีอาจจะมองข้ามอะไรหลายๆอย่างไป .จะเอาไปปรับปุงและแก้ไขให้ดีขึ้นนะคั

ออฟไลน์ gookgik

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-6
อิพี่ซองนี่สงสัยเกิดปีจอแน่เลย  เพราะปากเธอพูดแต่ละครั้งนี่แถบอยาก :beat:

อยากฟังความคิดใน part ของพี่ซองว่า  ทำไมถึงได้เกลียดชัง มินมากนะ  แต่ตอนนี้เหมือนจะไม่ได้เกลียด  ตั้งแต่ที่มินเอ่ยปากบอกรัก  พี่ซองดูเหมือนจะเป็นผู้ร้ายปากแข็ง

แต่ก็อยากให้มินลองครบกับพี่ทิมดู  ถ้าไม่ใช่ก็ยังเป็นพี่เป็นน้องกันเหมือนเดิม  อยากหาคู่ให้พี่ทิมอ่ะ

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
ใครช่างใจร้ายกับพี่ทิมนะ

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
พี่ซองนี่ปากจัดเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
คบ ให้คนอิจฉา เล่น ..

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ MooKratai

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-0
หลานคุณย่า แอบรัก9



(ครัวซองต์)

 

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมแอบย่องเข้าบ้านหลังนี้ มันง่ายยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด เพราะประตูรั้วบ้านสองหลังที่เชื่อมติดกัน  ผมมักจะแอบเข้ามาเวลาที่น้องอยู่คนเดียว วันนี้ก็เช่นกัน

 

ครั้งที่แล้วเกือบโดนจับได้เพราะผมเผลอทำเสียงดังจนน้องวิ่งลงมาดู ดีที่ผมหลบออกไปทางหลังบ้านซะก่อน ไม่อย่างนั้นเขาคงรู้แน่ว่าไอ้โจรกระจอกคนนั้นเป็นใคร วันนี้น้าดาวแม่ของมินไปต่างจังหวัดกับคุณย่าของผม  น่าจะไปทั้งอาทิตย์ บอกว่าจะพากันเที่ยวแล้วก็ทำบุญด้วย

 

ไม่ต้อสงสัยว่าผมมีกุญแจเข้าบ้านหลังเล็กนี้ได้ยังไง เพราะเวลาที่น้าดาวไม่อยู่เธอจะเอากุญแจสำรองไปฝากไว้ที่บ้านของผมเสมอ แต่ไม่ได้ฝากไว้กับผมหรอก มันถูกเก็บรวมกันไว้กับกุญแจสำรองของบ้านผม ก่อนที่ผมจะไปขโมยแล้วแอบเอาไปปั้มเก็บไว้กับตัวเอง

 

วันนี้ผมยอมรับเลยว่าทั้งโกรธแล้วก็โมโหที่น้องนั่งคุยแล้วก็หัวเราะกับพวกเพื่อนๆ รวมทั้งไอ้ทิมอะไรนั่นด้วย ผมมองตลอด ไม่ว่าน้องจะทำอะไร แต่ก็พยายามควบคุมอารมณ์ตนเองไม่ให้เดินเข้าไป กลัวจะทำวงเขาแตก ผมเพียงแค่อดทนรอเวลา  ผมไม่สามารถละสายตาจากร่างบางได้ ยิ่งท่าทีสนิทสนมกับไอ้ทิมยิ่งทำให้ใจผมร้อนรุ่มเหมือนมีใครเอาไฟร้อนมาสุมไว้อย่างนั้นแหละ

 

น้องทำเหมือนผมเป็นธาตุอากาศ ไม่มีตัวตน ไม่ว่าผมจะยั่วโมโหยังไง หรือด่าว่าเหมือนที่ผ่านมาเขากลับไม่สนใจคำพูดของผมเลย ผมพยายามเรียกร้องความสนใจจากอีกคน แต่มันไม่เป็นผล

 

ขนาดผมลดทิฐิยอมชวนขึ้นรถแต่เขากลับปฏิเสธ แต่พอไอ้ทิมเรียกขึ้นรถเท่านั้นแหละ แจ้นขึ้นไปนั่งกับเขาทันที ยิ่งทำให้ผมควบคุมอารมณ์แทบไม่ได้เลย ถ้าไม่ติดว่าน้องบราวนั่งมาด้วยผมขับรถไปชนมันให้รู้แล้วรู้รอด ผมขับรถตามไปเรื่อยๆ จนถึงบ้านก่อนที่ผมจะชลอรถจนน้องบราวสงสัย ผมไม่ตอบอะไรปล่อยให้น้องชายนั่งมองอย่างนั้น ดีที่ไอ้นั่นไม่ได้เข้าไปในบ้านด้วย ไม่อย่างนั้นผมคงต้องทำอะไรบ้าๆ มากกว่านี้

 

ยังไงวันนี้ผมก็ต้องเข้ามาเคลียร์กับเขาให้รู้เรื่อง  ผมค่อยเปิดประตูบ้านหลังเล็กที่มินนี่ล็อคไว้เรียบร้อยแล้ว ก่อนที่จะเดินตรงเข้าไปในบ้านอย่างเคยชิน  แต่ก็แปลกที่ไอ้ปลาทองไม่เคยที่จะเห่าผม ผมเดินตรงไปลูบหัวมันสองสามที ก่อนที่จะตรงขึ้นไปชั้นบน ถือวิสาสะเดินตรงไปยังห้องนอนเล็ก ของคนที่ทำให้ผมแทบจะบ้า  อย่าถามหาเหตุผลกับผลตอนนี้เพราะมันไม่มี และก็คงหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ต่อไป ว่าทำไมต้องโมโหเป็นบ้าเป็นหลังแบบนี้   เดินไปเคาะประตูห้องคนตัวเล็ก เพียงไม่นานเสียงประตูก็ถูกเปิดออกจากคนที่อยู่ด้านใน สีหน้าของเขาดูจะตกใจยิ่งกว่าเห็นผีซะอีก ตาตี่ๆ ถลึงขึ้นด้วยความแปลกใจ  ก่อนที่จะผงะถอยหลัง เป็นจังหวะเดียวกับที่ผมดันตัวเองเข้าไปด้านใน ร่างเล็กไม่ทันตั้งตัวล้มก้นจ้ำเบ้าไปในทันที สีหน้าแสดงออกถึงความเจ็บปวดได้อย่างชัดเจน

 

"มะ..มาได้ยังไง" ร่างเล็กพยายามที่จะพยุงตัวเองลุกขึ้น แต่กลับล้มลงเหมือนเดิม ไม่รู้ว่าข้อเท้าแพลงไปแล้วรึเปล่า

 

"เดินมา แล้วก็ใขกุญแจไขเข้ามา" เขามองผมด้วยความสงสัย ทั้งๆ ที่ยั่งนั่งอยู่ที่เดิม ก่อนที่ผมจะเดินไปจับแขนเขาเพื่อพยุงให้ลุกขึ้น

 

"ไม่ต้อง ลุกเองได้" ผมปล่อยเขาไว้อย่างเดิม ยืนดูคนปากเก่งที่พยายามจะลุกทั้งๆ ที่ข้อเท้าข้างซ้ายเริ่มจะแดงๆ บวมๆ แล้ว

 

"ลุกซิ ทำไมยังนั่งอยู่อีก"

 

"ไม่ต้องมายุ่งผมจะลุกหรือไม่ลุกมันก็เรื่องของผม แล้วก็กรุณากลับบ้านคุณไปเลย"

 

"ไม่กลับ กูอยากจะเห็นคนปากเก่ง ดูสิว่าจะเก่งเหมือนปากไหม"

 

"ผมไม่อยากลุก อยากนั่งอยู่ตรงนี้มันสบายดี" ดูเขาแถสิครับ  ไม่อยากลุกหรือลุกไม่ได้ก็ไม่รู้ ผมเลิกสนใจเดินสำรวจห้องนอนของเขา เดินไปทั่วว่ามีอะไรน่าสนใจ ก่อนที่จะมาหยุดอยู่ที่เตียงนอน ผ้าปูลายการ์ตูนตัวอะไรไม่รู้สีฟ้าๆ โตจนป่านนี้แล้วยังใช้ผ้าปูที่นอนแบบนี้อีก ก่อนจะนั่งจ้องเขาอยู่อย่างนั้น

 

"ใครอนุญาตให้นั่งเตียงผม ออกไปเลยนะ มาทางไหนกลับไปทางนั้น" มือเล็กๆ เริ่มที่จะจับจับข้อเท้าที่บวมเป่งของตนเอง พร้อมกับพยายามนวดเพื่อคลายความเจ็บ

 

"กูไม่กลับ จะทำไม" น้องมองผมราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ สงสัยคงจะโมโห แต่ก็ดีกว่าที่เย็นชาใส่กันล่ะว่ะ

 

"ไปเอากุญแจมาจากไหน"

 

"ไม่เห็นจะยาก" เออผมกวนประสาทไง นี่แหละสันดานผม จะให้ไปพูดดีๆ เพราะๆ เหมือนไอ้ทิมกับไอ้คิณนี่ทำไม่ได้หรอก ถ้าไม่ใช่พูดกับน้องทั้งสองคนของผม

 

"แล้วเอามาจากไหนเล่า"

 

"มึงขึ้นเสียงใส่กูเหรอมิน" ผมสาวเท้าเข้าไปหาคนที่นั่งอยู่ บีบแขนเล็กๆ แต่ไม่ได้ลงแรงเท่าไหร่ แต่มันก็แรงพอที่จะทำให้ผิวขาวๆ นั้นช้ำได้

 

"ปล่อยนะ เป็นบ้าไปแล้วหรือไง" ตาตี่ๆเริ่มจะสั่นไหวระริกด้วยความหวาดกลัว

 

"เออ!กูบ้า บ้าตั้งแต่มึงกับไอ้นั่นนั่งรถมาด้วยกันแล้ว"

 

"ผมจะไปไหนกับใครก็ไม่เกียวกับคุณนี่ จะอะไรนักหนา" แม้ว่าท่าทางจะแสดงออกถึงความกลัว แต่ปากเล็กๆ ก็ยังคงขยับตอบโต้ผมอย่างไม่ลดละ

 

"ไหนมึงบอกรักกูไง ห๊ะ" ผมเริ่มจับแขนร่างเล็กทั้งสองข้างก่อนที่จะเขย่าตัวเขาจนสุดแรง

 

"ปล่อยผมนะ ผมเจ็บ" น้ำตาหยดใสๆ เริ่มจะไหลรินจากหน่วยตาเล็กคู่นั้น มือผมยกขึ้นไปหวังจะเช็ดคราบน้ำตาให้กับเขาโดยอัตโนมัติ แต่อีกคนกลับผลักมือผมออกจนเต็มแรง

 

"ทำไม มึงรังเกียจกูมากเหรอมิน กูไม่ใช่ไอ้ทิมสินะ มึงถึงทำท่ารังเกียจขนาดนี้ห๊ะ" ผมตะคอกเสียงดัง จนร่างเล็กสะดุ้งเฮือก

 

"ใช่ไง คนเลวๆอย่างคุณยังจะกล้าเอาตัวเองไปเปรียบกับคนดีๆ แบบพี่ทิมอีกเหรอ"  เขาก็ตะคอกผมกลับเหมือนกันคราวนี้

 

"กูเลวใช่ไหม คนเลวๆ อย่างกูนี่แหละจะยัดเยียดความเป็นผัวให้มึงเอง" ผมนั่งคุกเข่าก่อนที่จะจับคนตัวเล็กให้หันมารับจูบที่ไร้ความปรานีย์จากคนอย่างผม มือยางทุบไหล่ผมอยู่อย่างนั้น แต่แรงแค่นี้จะสู้อะไรผมได้ เขาไม่ยอมเปิดปากรับการรุกรานจากผม จนผมเริ่มดูดริมฝีปากร่างเล็กแรงขึ้น พร้อมกับขบกัดไปทีโดยไม่คิดว่าเขาจะเจ็บหรือไม่ ร่างเล็กเผลอร้องออกมา จึงเป็นเหมือนโอกาสที่จะทำให้ผมได้ใช้ลิ้นร้อนๆ ชอนไชเข้าไปอย่างหิวกระหาย ลิ้นร้อนของผมกวาดต้อนลิ้นเล็กจนอีกคนเริ่มหอบหายใจถี่ขึ้น

 

 ความหน้ามืดตามัวของผม ทำให้ผมไม่คิดจะสงสารเขาเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าร่างเล็กจะร้องให้แทบขาดใจแต่ผมก็ไม่คิดจะสน

 

"อือ ฮึก เจ็บๆ" มือน้อยๆ ทุบหลังผมไม่หยุดจนผมชักรำคาญ รวบมือทั้งสองข้างไว้ด้วยมือข้างเดียวของผม  ผมตะโบมจูบร่างเล็กอย่างตะกละตะกราม ไม่สนใจการดีดดิ้นของเขาเลยสักนิด น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลอาบแก้มเนียนใส พร้อมกับเสียงสะอื้นของร่างเล็ก

 

"กูจะทำให้มึงเป็นของกูคนเดียว ไม่ว่าไอ้ผู้ชายหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์" ผมเริ่มจูบหนักหน่วงขึ้น ไล่เรียงไปตามซอกคอขาวที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของครีมอาบน้ำ บ่งบอกได้ดีว่าร่างเล็กพึ่งผ่านการชำระล้างร่างกายมาใหม่ๆ ความหอมของร่างเล็กยิ่งกระตุ้นอารมณ์ป่าเถื่อนของผม จนเผลอกัดยอดอกล็กสีชมพูจนเต็มแรง เลือดไหลซึมตามรอยฟันที่ผมทำไว้ ก่อนทีผมจะใช้ลิ้นร้อนเลียตรงรอยแผลที่ผมเป็นคนทำ

 

“เจ็บๆ อ่า...ปล่อยได้ไหม..ได้โปรด ฮือ......”

 

“กูจะปล่อยก็ต่อเมื่อมึงเป็นเมียของกูแล้ว ในเมื่อมึงรักกู ก็ต้องเป็นของกูคนเดียว”

 

“ไม่....คุณไม่ได้รักผม จะทำแบบน้ำไม ฮึก..”

 

“กูจะรักรือไม่รักก็ไม่ใช่เรื่องของมึง ในเมือมึงบอกรักกูก็ต้องเป็นของกู”

 

“มะ....” ผมกดจูบตรงเรียวปากเล็กอีกครั้งพยายามบังคับให้อีกคนอ้าปาก มือสองข้างจับท้ายทอยไว้กันว่าเขาจะดิ้นหนี ร่างเล็กไม่ต่อต้านผมเหมือนในช่วงแรกๆ เหมือนจะโอนอ่อนไปกับสัมผัสของผมด้วยซ้ำ ผมเสพความสุขจากริมฝีปากบางจนพอใจ ก่อนที่จะเลื่อนลงมาขบเม้มซอกคอขาวอีกครั้ง ทั้งดูดและกัดจนเป็นรอยฟัน ก่อนที่ผมจะชะงักเพราะไม่มีการต่อต้านหรือรับสัมผัสผมเลย เงยหน้าดูร่างเล็กที่ผมคล่อมอยู่ สลบไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้เลย ผมหยุดการกระทำแทบจะทันที ทั้งตกใจและเสียใจที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงทำแบบนี้ 

             

             ก่อนที่จะรีบอุ้มเขาไปไว้บนเตียง เรียกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมตื่น ผมรีบหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้ร่างเล็กแต่เขาก็ไม่มีท่าทีที่จะตื่นขึ้นมาเลย ผมนั่งเฝ้าเขาอยู่อย่างนั้น ก่อนที่จะนึกขึ้นได้ว่าเขาข้อเท้าน่าจะแพลง เลยขยับลงไปดู ตอนนี้มันบวมหนักกว่าเดิม จนผมต้องรีบหากล่องปฐมพยาบาลอยู่นานกว่าที่จะเจอ ผมนำยามาทาแล้วพันด้วยผ้าก็อตเพื่อไม่ให้เขาขยับข้อเท้ามากไปกว่านี้ เพราะมันจะยิ่งเป็นหนักมากกว่าเดิม

             

            ผมทำพลาดอีกแล้ว พลาดตั้งแต่เริ่มต้น ตั้งแต่เด็กจนโต ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมอารม์ณตัวเองถึงได้ร้อนขนาดนี้  มันเป็นแบบนี้แต่ไหนแต่ไร ไม่มีเหตุผลขึ้นมาทันทีเมื่อเจอเขา ผมยังไม่เข้าใจตัวเองเลยจนทุกวันนี้ โดยเฉพาะกับคนตัวเล็กทีตอนนี้หลับไม่รู้เรื่อง ตื่นขึ้นมาคราวนี้คงจะมองหน้ากันไม่ติดยิ่งกว่าเดิม เพราะความเลว ความบ้าของตัวผมเอง

 

  ในเมื่อผมเลวตั้งแต่แรก มันก็ยากที่จะเปลี่ยนเป็นดีในสายตาเขาและใครๆ คนเลวก็เลวอยู่วันยังค่ำ แม้ว่าในใจมันจะรู้สึกผิดแค่ไหน แต่ผมก็ไม่สามารถที่จะทำตัวเป็นคนดีกว่านี้ ผมบอกไม่ได้หรอกว่าผมจะสามารถระงับอารมณ์ต่างๆถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก

 

*****************

 

ผมนั่งย้อนนึกถึงวัยเด็กของเราสองคน ผมชอบแกล้งน้องจนมันกลายเป็นนิสัยตั้งแต่เด็ก เด็กผู้ชายตัวเล็กๆ อ้วน ๆ ตาตี่จนแทบจะปิด ชอบมาวิ่งเล่นซนที่บ้านผมแทบจะทุกวัน ผมมองดูแล้วโคตรตลก ผมชอบแกล้งให้น้องร้องให้ เหมือนเป็นโรคจิตอย่างหนึ่ง เพราะถึงเขาจะร้องยังไง บทสุดท้ายเขาก็กลับมาอ้อนผม ขอเล่นกับผมเหมือนเดิม  มันเป็นอย่างนี้ประจำจนกลายเป็นความเคยชิน รู้สึกเหมือนตัวเองมีความสำ คัญกับน้องทุกครั้ง เวลาที่เขาทำแบบนี้ เพราะผมสำคัญกว่าใครๆ เขาจึงไม่เคยโกรธผมได้นาน หรืออาจจะความที่เขาเป็นเด็ก เลยลืมอะไรง่ายๆ   ทำหน้าตาน่าสงสารเพื่อให้ผมยอมเล่นกับเขา แต่แทบจะทุกครั้ง ผมก็แกล้งจนเขาร้องให้  มันเป็นแบบเดิมซ้ำๆ  วนไปมาเป็นเหมือนวัฏจักร

 

แต่ทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไปเมื่อเจ้าตัวอ้วนเริ่มจะโตขึ้น  เขาเริ่มเลี่ยงที่จะเจอผม ผมไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร น้องไม่เข้ามาอ้อนผมเหมือนที่เคย พอเห็นผมทีไรก็พยายามที่จะหลบเลี่ยง  เดินไปให้ห่าง มีแต่ผมที่ยืนโมโห ยืนบ้าอยู่คนเดียว  เวลาผ่านไปความสัมพันธ์ของผมกับเจ้าตัวอ้วนยิ่งแย่ลงไปทุกที  จากที่ผมเคยแกล้งเพราะความสนุก ตอนนี้มันเริ่มกลายเป็นโมโห โมโหทุกครั้งที่เขาเห็นผมแล้วทำเมิน หรือว่าเจ้าตัวอ้วนอาจจะเกลียดผมแล้ว แบบนี้ผมจะทำยังไงดี เพื่อให้ได้คุยได้พูดกับเขา  หลังๆ เวลาที่ผมเจอเขาทีไรปากหมาๆ ของผมก็มักตะยื่นออกไปก่อนทุกที อยากจะให้ใครเอาอะไรก็ได้มาตบผมรัวๆ ให้มันหายจากอาการปากไว ปากหมาสักที  มันก็ยิ่งทำให้น้องเกลียดผมมากขึ้น

 

แม้กระทั่งวันที่ผม จะเดินทางไปต่างประเทศยังไม่มีวี่แววว่าเขาจะไปส่งเลย ผมมองหาจนคอแทบเคล็ด แต่ก็ไม่มีแม้แต่เงา ความสัมพันธ์ระหว่างเรา มันเลยจบที่ความเย็นชาและหมางเมิน ไม่ใช่เพราะผมเกลียดเขา แต่ผมแค่ไม่อยากจะยอมรับความรู้สึกของตนเอง เกิดความขัดแย้งระหว่างการกระทำกับความ รู้สึก ไม่กล้าที่ตะยอมรับความรู้สึกของตัวเอง เลยทำเหมือนเกลียด ทั้งที่จริงแล้วแม่งตรงกันข้ามกันทุกอย่าง

 

            “พี่ซองรีบๆกลับมานะฮะ น้องบราวคิดถึง” น้องชายตัวน้อยของผมเอ่ยขึ้น ในตอนนี้พวกเราอยู่ที่สนามบิน เพราะทุกคนที่บ้านกำลังเดินทางมาส่งผมเพื่อที่จะไปเรียนต่อที่อังกฤษ

               

               “ได้คร้าบบ.. ตัวเล็กของพี่  พี่จะพยายามกลับบ้านนะถ้ามีโอกาส”

               

              “ไม่เอา ต้องกลับมาบ่อยๆสิ ไม่งั้นเค้าโกรธจริงๆ นะ” น้องชายตัวน้อยยังคงเอ่ยเจื้อยแจ้วยังกับนกแก้วนกขุนทองอย่างนั้นแหละ เกาะแขนผมไม่ยอมปล่อยเลยล่ะตอนนี้ คงรู้ว่าเหลือเวลาอีกไม่มากที่เราจะได้ยู่ด้วยกัน

             

                “พอแล้วน้องบราว พี่เค้าต้องเข้าไปแล้ว เดี๋ยวตกเครื่องพอดี” คุณย่าเอ่ยขึ้นเมื่อเจ้าตัวแสบไม่มีท่าทีจะปล่อยผมออกจากอ้อมแขนของตนเอง

               

                “คิดถึงน้องพายบ้างนะฮะ” น้องชายคนรองที่ยืนเงียบอยู่นานเดินเข้ามากอดผม พร้อมกับพูดเสียงเจือสะอื้นน้อยๆ พายเป็นเด็กเรียบร้อย ตรงข้ามกับบราวนี่ แต่ผมก็รักน้องทั้งสองคนเท่าๆ กัน ผมจะไม่ได้เจอน้องๆ อีกเป็นปี ผมต้องคิดถึงพวกเค้ามากแน่ๆ เลย รวมทั้งคุณย่าและทุกๆ คนที่บ้านด้วย แต่ยังมีอีกคนที่ผมคงคิดถึงเขาไม่แพ้ใคร

               

                 “เข้าไปข้างในได้แล้วตาซอง” คุณย่าเรียกผมอีกครั้ง ทำให้ผมตื่นจากภวังค์ ผมเดินเข้าไปกอดลาทุกคนอีกครั้ง รวมทั้งน้อยชายตัวน้อยของผมทั้งสองคน ที่ตอนนี้ร้องให้น้ำตานองหน้าทั้งสองคน  จนผมแทบจะไม่อยากจะก้าวขาออกจากตรงนี้เลยด้วยซ้ำ

               

                 ทุกครั้งที่ผมกลับมาเมืองไทย ผมแทบจะไม่มีโอกาสได้เจอเจ้าตัวอ้วนข้างบ้าเลยสักครั้ง ผมจึงชอบไปนั่งตรงมุมนั่งเล่นที่ติดกับรั้วบ้านของอีกคน หวังเพียงว่าจะได้ยินเสียงของเขาบ้างก็เท่านั้น

 

“ปลาทองอยู่ไหน ปลาทอง” เสียงใสของเด็กข้างบ้านดังมาจากอีกฝั่งรั้ว ขณะที่ผมนั่งเล่นอยู่ตรงนั้น ผมได้ยินชัดเจนทุกคำ จนต้องแอบหัวเราะคนเดียว ปลาทองวิ่งได้ด้วยเหรอ แต่แล้วผมก็รู้ว่าคิดผิด เมื่อเจ้าหมาตัวเล็กสีน้ำตาลวิ่งมาเห่าอยู่ใกล้ๆ ผม

             

                “บ็อก บ็อก.....”

               

               “ปลาทอง ปลาทอง”มันกระดิกหางใหญ่ สงสัยจะรอใครอีกคนให้มารับมันไป ก่อนที่ประตูรั้วบ้านฝั่งที่ติดกันจะถูกเปิดออก ร่างเล็กที่เคยอ้วนตอนนี้กลัแตกต่างออกไป ตัวเล็กซะจนทำให้ผมคิดว่าเขาทานข้าวบ้างรึเปล่า ความสูงที่เพิ่มที่คงจะเพิ่มขึ้นเพียงไม่กี่เซ็น ตาเลตาเล็กๆ ตี่ๆ ส่งยิ้มให้เจ้าปลาทองจนผมเผลอยิ้มตาม

             

               “ซนจริงๆ เลย”

 

 “บ็อก บ็อก”

 

“ยังมีหน้ามาเถียงอีกนะ เดี๋ยวเอาไปปล่อยไว้ที่เดิมเลย” การโต้ตอบกันระหว่าคนกับหมายังคงดำเนินไปเรื่อยๆ โดยที่เขาไม่ได้สนใจที่จะมองผมเลย สงสัยคงจะยังไม่เห็น ผมเดินยิ้มกริ่มเข้าไปหา ก่อนที่ร่างเล็กจะเงยหน้าขึ้นมองด้วยความตกใจ

 

“ตั้งแต่เด็กจนโต วุ่นวายบ้านคนอื่นไม่เคยเปลี่ยน”  ทั้งๆ ที่คิดว่าจะเข้าไปทักดีๆ สักครั้ง เพื่อเป็นการเริ่มต้นใหม่ของเราสองคน แต่ปากผมมันกลับไวยิ่งกว่าความคิด สมองยังไม่สั่งการแต่ปากร้ายๆ นี่ขยับแล้ว

 

“...........”

             

             “ฮึ ไร้มารยาทสิ้นดี ไม่เจอกันตั้งนาน กลับไม่มีแม้แต่คำทักทาย” โอ้ย!  ปากหนอปาก เอาหมาออกจากปากผมไปหน่อยครับ มันวิ่งพล่านเต็มเลยตอนนี้

 

  “สวัสดีฮะ ไม่เจอกันนานเลย”

 

“นานแล้วนะที่ไม่เจอกัน มึงก็ยังเป็นเด็กที่ไม่รู้จักคำว่าเกรงใจไม่เปลี่ยน”

 

“ผมขอโทษที่เข้ามา ไม่รู้ว่าคุณกลับมา”

 

“ถ้ากูไม่กลับ มึงก็คงวุ่นวายไม่เลิก ย่ากูใจดีกับมึงเกินไปรึเปล่า” น้องหันหลังเดินกลับไปทางเดิมแล้วครับ อยากจะรั้งเอาไว้ แต่เวลานี้กลับปากหนัก พูดอะไรไม่ออก เรียกสิวะมึงจะอะไรนักหนา ขัดใจตัวเองปากดีๆ ก่อนหน้านี้กลับไม่เอ่ยอะไรออกมา จนน้องลับตาไปแล้ว ผมยังไม่ได้ทำอะไรให้มันดีขึ้นเลย

 

ผมนั่งเฝ้าร่างเล็กทั้งคืน ก่อนที่จะลุกกลับบ้านเพื่อที่จะออกไปทำงาน วันนี้ผมมีประชุมตั้งแต่เช้า ทั้งๆ ที่อยากจะอยู่เฝ้าว่าเขาจนกว่าอีกคนจะตื่น แต่ผมก็จำใจต้องไปเพราะงานผมก็สำคัญมากเหมือนกัน ก้มลงจูบหน้าผากคนหลับไปหนึ่งทีก่อนที่จะเดินออกไปจากห้อง

 

 

*********************

ลงมินนี่น้อยให้แต่เช้า ลัดคิวน้องพาย พึ่งแต่งเสร็จ ยังไม่ได้ตรวจคำผิด มีคำผิดตรงไหนบอกด้วยนะคะ วันนี้ต้องออกไป

ทำธุระส่วนตัว เรื่องคุณคิณกับน้องพายไม่รู้ว่าจะทันรึเปล่า ถ้าไม่ทันยกยอดไปพรุ่งนี้นะคะ

อ่านมุมของอีซองแล้วรู้สึกยังไงบอกด้วยนะคะ  ดี่หรือไม่ดี เม้นให้หน่อยนะ ข้างนอกแล้วนะคะ


              TBC.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-03-2016 15:25:06 โดย MooKratai »

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
พี่ซองเอ้ยยยย ทำแบบนี้สมควรที่น้องจะโกรธหรอก
เห้อออ อยากเล่นกะเค้าแต่พูดจาแบบนั้น สมควรที่น้องจะไม่อยากอยู่ใกล้ละ

ออฟไลน์ angelnan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-5
เกลียดกว่าตอนยังไม่รู้เหตุผลอีก นิสัยสันดารเสียมาก อยากให้มันเสียใจมากๆๆ กับการกระทำของมันเอง เกลียดอะ

ออฟไลน์ gookgik

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-6
พอมาอ่านใน part พี่ซอง แล้ว  สมควรแล้วที่มินจะตัดใจ  ไอ้อาการปากไม่ตรงกับใจ แล้วยังมาทำตัวน่าเกลียดแบบนี้ด้วย

 สนับสนุนให้มินคบกับพี่ทิมนั่นแหละดีที่สุดแล้ว

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
อีพี่ซองเลวอีกละ

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
นิสัยมันชั่วมากเลยไม่ชอบเลย

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
ปากหมา แต่ ใจรัก ..

ออฟไลน์ Kalamall

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 729
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-2
 :angry2: โรคจิตน่ะพี่ซอง

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
ถ้ามีพรวิเศษสักข้อ. จะขอเสกให้พระเอกเป็นใบ้.   :z10: 

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด