-11-
วันนี้ตรงกับวันนัดสัมภาษณ์อติวิชญ์มารับเขาที่บ้านก่อนจะเดินไปยังสำนักพิมพ์เพื่อสัมภาษณ์ตามที่ตกลงกันไว้เมื่อมาถึงก็เจอกับบุคคลที่นัดไว้ เธอเป็นหญิงสาวท่าทางทะมัดทะแมงผมสั้นประบ่า แต่งตัวตามสมัยนิยม กันต์ธีร์อดแปลกใจไม่ได้ว่านึกยังไงถึงมาทำงานกับนิตยาสารผู้ชาย
“พี่พิมพ์สวัสดีครับ/สวัสดีครับ”
“สวัสดีค่ะ เดี๋ยวตามพี่มาเลยนะเราจะสัมภาษณ์ไปก่อนแล้วค่อยไปถ่ายรูปกัน” การสัมภาษณ์พิมพ์จะถามคำถามแล้วให้ทั้งคู่ตอบโดยจะมีเครื่องบันทึกเสียงเอาไว้ด้วยเพื่อสะดวกต่อการนำบทสัมภาษณ์ไปใช้ บทสัมภาษณ์ก็ไม่มีอะไรมากส่วนใหญ่ก็จะถามว่าเจอกันได้ยังไง คบกันมานานหรือยังแล้วก็ถามถึงเคล็ดลับการดูแลชีวิตคู่ให้คบกันยืนยาว
“เสร็จแล้วเดี๋ยวพี่จะพาไปที่สตูฯนะ วันนี้อาจจะเสียเวลาหน่อยเพราะมีนายแบบมาถ่ายปกด้วย” พอมาถึงสตูดิโอถ่ายแบบก็พบกับทีมงานที่ช่วยกันทำงานอย่างขะมักเขม้น หญิงสาวบอกว่ากำลังถ่ายปกนิตยสารเล่มเดียวกับพวกเขา
นายแบบหนุ่มที่กำลังโด่งดังอยู่ ณ ขณะนี้กำลังยืนโพสท์ท่าอย่างชำนาญ และอย่างที่รู้กันว่านิตยสารสำหรับผู้ชาย นายแบบที่ขึ้นปกมักจะเปลือยอกเพื่ออวดรูปร่างที่ผ่านการออกกำลังกายมาอย่างหนักเพื่อให้รูปร่างที่สวยงาม นายแบบคนนี้เองก็เช่นกันเขามีรูปร่างที่สวยงามมัดกล้ามเยงตัวกันสวยงามจนคนที่ออกกำลังกายอย่างกันต์ธีร์จะอดชื่นชมไม่ได้ว่านายแบบคนนี้มีวินัยในการออกกำลังกายมาก
“โอเคครับพักก่อน แล้วค่อยมาถ่ายกันต่อครึ่งหลังนะ” เสียงตากล้องบอกให้หยุดพักก่อนที่จะไปดูรูปที่ถ่ายได้จากจอคอมพิวเตอร์ ส่วนนายแบบคนนั้นคงจะภูมิใจในร่างกายตนเองไม่น้อยถึงไม่ยอมหาอะไรมาปกปิดแม้ว่าจะหยุดการถ่ายไปแล้ว
“พี่หนึ่ง หนูพาน้องเขามาถ่ายแล้วที่สัมภาษณ์ลงหนังสือเรา”
“โอเค ให้เขาไปแต่งหน้าทำผมเลยเสื้อผ้าก็เอาชุดที่ใส่มานั่นล่ะดูดีแล้ว” พูดจบก็หันกลับไปดูภาพต่อ ส่วนนายแบบคนนั้นก็เดินเปลือยอกมาทางที่กันต์ธีร์และอติวิชญ์ยืนอยู่
“สวัสดีครับต้นนะครับ” คงจะเป็นลักษณะนิสัยของคนที่ทำงานในวงการบันเทิงที่มักจะมีอัธยาศัยดี ท่าทางขี้เล่นและเป็นกันเองทำให้เขาลดความอึดอัดลงบ้าง
“ครับ ผมกายครับ”
“แล้วอีกคนล่ะครับ”
“มิก”
“ได้ยินมาว่าจะมีคู่รักคนดังมาถ่ายต่อจากผม ไม่คิดว่าจะเป็นพวกคุณนะครับ เห็นว่ามีคนสนใจเยอะอยู่เหมือนกัน ผมก็ติดตามอยู่”
“ขอบคุณครับ พวกผมก็คนธรรมดานี่ล่ะ ไม่ดังหรอกครับ”
“แต่พวกคุณก็หุ่นดีนะนี่ เผลอๆดีกว่าผมอีก”
“ไม่หรอกครับ ไม่ได้ออกกำลังกายประจำน่ะ” แล้วมีก็มีคนมาเรียกให้พวกเขาไปแต่งหน้าส่วนนายแบบนั่นก็ไปถ่ายต่อให้เสร็จ พอถึงคิวของทั้งสองตากล้องก็แนะนำให้ทำท่าที่สบายๆเพราะนี่ไม่ใช่การถ่ายแฟชั่น ระหว่างนั้นนายแบบหนุ่มก็มาป้วนเปี้ยนอยู่ที่กันต์ธีร์ชมว่าหุ่นดีบ้างล่ะ ผิวสวยบ้างล่ะ ทำให้อติวิชญ์ที่อยู่ข้างๆเริ่มเกิดอาการหงุดหงิดขึ้น ส่วนกันต์ธีร์ก็ได้แต่ภาวนาให้เสร็จเร็วๆจะได้ออกจากสตูดิโอนี่สักที
“เสร็จแล้วครับ เอ่อ มิก กายพี่ขอให้ช่วยอีกอย่างได้ไหม”
“ช่วยอะไรหรือครับ”
“คือในเล่มนี่จะมีถ่ายแฟชั่นฤดูร้อนด้วยแล้วถ้าจะให้นายต้นถ่ายคนเดียวพี่ว่ามันดูไม่สนุกเท่าไหร่”
“เอ่อจะดีหรือครับพี่” กันต์ธีร์รู้สึกถึงลางร้ายกำลังมาเยือนเขา อติวิชญ์คงจะไม่เต็มใจแน่ๆ
“คงไม่สะดวกครับพี่” และก็เป็นอย่างที่เขาอติวิชญ์ปฏิเสธแน่นอน
“ถือว่าพี่ขอแล้วกัน วันพุธนี้เล่มต้องเสร็จแล้ว ถ่ายพรุ่งนี้ไปเช้าเย็นกลับไม่นานหรอก เดี๋ยวเพิ่มค่าตอบแทนให้อีก”
“ก็ได้ครับขอแค่ครั้งเดียวนะครับพี่” นิสัยอย่างหนึ่งของแฟนเขาคือเป็นคนขี้สงสาร ถ้ามีใครกำลังเดือดร้อนอติวิชญ์พร้อมที่จะช่วยเหลือเสมอ
“ขอบคุณมากมาพรุ่งนี้เจอกันที่นี่ ไปรถตู้กัน”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวพวกผมขับรถไปเอง”
“เอาแบบนั้นก็ได้ เจอกันพรุ่งนี้ที่หาดนะ”
“อย่าโกรธแล้วกันนะพรุ่งนี้อะ” ระหว่างกลับบ้านกันต์ธีร์ก็เตือนอติวิชญ์ให้อารมณ์เย็นถ้าหากเจอเหตุการณ์ที่ไม่ชอบใจพรุ่งนี้ เขาจะพยายามไม่สนใจนายต้นเพื่อไม่ให้อติวิชญ์อารมณ์ขุ่นมัว
“ยังไม่รู้”
.
.
บรรยากาศการถ่ายแบบไม่มีอะไรมากนักแค่ทำเหมือนเพื่อนมาเที่ยวด้วยกันที่ชายหาด ตากล้องบอกให้ใส่ความสนุกเยอะๆ แม้แดดจะร้อนแค่ไหนก็ต้องสนุก ด้วยความเป็นมืออาชีพของนายแบบที่ชื่อต้นการถ่ายแบบจะผ่านไปได้ด้วยดี .. ถ้าไม่ติดว่าอติวิชญ์ทำหน้าบูดตลอดเวลา กันต์ธีร์รู้สาเหตุเพราะนายแบบนี่ชอบลากเขาไปกอดคอกันสองคนจะออกห่างแค่ไหนก็โดนลากไปอยู่ดี
“มิก ทำหน้าให้สดชื่นหน่อย ตอนนี้เรากำลังสนุกท้าแดดกันอยู่” “ครับ” รับคำไปแล้วร่างสูงใหญ่เพียงแค่เลิกทำตาขวางแต่กันต์ธีร์ไม่ได้รู้สึกถึงความสดชื่นตรงไหน ถ้าเป็นแบบนี้คงเสร็จช้าแน่ๆไม่ได้การแล้วเขาต้องทำอะไรสักอย่าง
“พี่หนึ่งครับผมขอพักสักครู่ได้ไหม มันร้อนน่ะครับ”
“โอเค พักสิบนาทีนะ” ร่างโปร่งรีบพาอติวิชญ์ไปพักในร่มให้ใจเย็นลง เขารู้ว่าอีกฝ่ายหึงแต่นี่มันเป็นงาน อีกอย่างถ่ายด้วยกันก็น่าจะรู้ว่ามันไม่มีอะไรให้หึงเลย ..นอกจากนายนั่น
“ถ้าอย่างนั้นต่อไปเราจะอยู่กลางเอง จะล็อกคอมันเอาไว้เลย”
“เอาอย่างนั้นก็ได้”
“พร้อมถ่ายต่อกันหรือยังคะ” ทีมงานสาวเดินเข้ามาถามเนื่องจากพวกเขาพักกันเกินสิบนาทีแล้ว ร่างสูงใหญ่หันไปพยักหน้าให้ทีมงานก่อนจะเดินออกไปที่ลานถ่ายแบบ
“คุณจะอยู่ตรงนี้หรือ” “ใช่” เสียงทุ้มแทบจะตอบทันทีเมื่อนายต้นถามจบ กันต์ธีร์ได้แต่ส่ายหน้าอย่างขำๆ อะไรจะขนาดนั้นปกติก็มีเหตุผลนี่นา ทำไมเดี๋ยวหลุดง่ายนักก็ไม่รู้
การถ่ายแบบเป็นไปได้อย่างราบรื่นถึงอติวิชญ์จะไม่ยิ้มกว้างหรือหัวเราะอย่างสนุกสนานแต่ก็ไม่มีหน้าบูดให้เห็น พอไม่มีนายแบบมือปลาหมึกมากวนเขาก็ถ่ายได้สบายใจขึ้น .. เอ๊ะแต่เดี๋ยวก่อน จู่ๆกันต์ธีร์ก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง ทำไมนายต้นถึงมองแฟนเขาด้วยสายตาหยาดเยิ้มขนาดนั้น แล้วท่าทางที่โพสท์นั้นกำลังจะทำให้เขากลายเป็นส่วนเกิน หมอนั่นทำเหมือนกับว่ามาเที่ยวแบบคู่รักอย่างนั้นล่ะ
‘หรือว่าที่จริงแล้ว.. หนอยไอ้ต้น!’ กันต์ธีร์ได้แต่เข่นเขี้ยวในใจก่อน ก่อนจะตัดสินใจคว้าคอร่างสูงใหญ่มาแล้วชะโงกหน้าเข้าไปใกล้ ไหนๆก็ไหนๆแล้วทำให้เหมือนเป็นคู่รักมาเที่ยวเลยแล้วกัน อติวิชญ์หันมามองเขาแบบงงๆก่อนจะยิ้มให้
“ดีมากเลยมิก เอายิ้มแบบเมื่อกี้” หึหึ ยิ้มให้เข้าได้แค่คนเดียว ลองหันไปยิ้มให้ไอ้บ้านั่นสิมีเรื่องแน่
“กอดคอสองข้างเลย เหลือถ่ายอีกนิดหน่อยพี่อยากได้แบบเพื่อนสนิทมากๆเลย” ร่างสูงใหญ่ก็ทำตามที่ตากล้องสั่ง และการถ่ายแบบครั้งนี้ก็เสร็จสิ้นแต่ภายในใจของกันต์ธีร์ขุ่นมัวยิ่งนัก เขารู้สึกอยากระบายใส่ใครสักคนโดยเฉพาะไอนายแบบนั่น น่าระรื่นเชียวนะ!
“ทางเราจะมอบชุดคอลเล็กชันนี้ให้กับนายแบบเป็นของขวัญไปด้วยเลยนะคะ” ทีมงานนำชุดที่ใส่ถ่ายแบบวันนี้มามอบให้พวกเขา ชุดที่ได้มามีคนละสองชุดคือชุดเสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้น อีกชุดคือชุดที่ใส่อยู่ซึ่งเป็นกางเกงว่ายน้ำแบบกางเกงขาสั้น
“ขอบคุณมากครับ”
“อยู่เที่ยวต่อก่อนไหม แต่ขอไปเปลี่ยนชุดก่อน จะไปพร้อมกันเลยเปล่า” อติวิชญ์หันมาชวนอยู่เที่ยวต่อ ไหนๆก็ได้มาทะเลแล้วเที่ยวสักหน่อยกลับเย็นหน่อยก็ได้ เพราะใช้เวลาเดินทางกลับเข้าเมืองหลวงแค่สองชั่วโมงครึ่งเท่านั้นและก็เพิ่งบ่ายโมง
“ก็ได้ มิกไปเปลี่ยนก่อนเถอะ ขอเก็บของก่อนแล้วกัน” พอพ้นร่างสูงใหญ่กันต์ธีร์ก็หันไปมองหาว่านายแบบนั่นอยู่ที่ไหน ก่อนจะเห็นว่ายืนคุยกับทีมงานที่ริมหาด พอสบายใจแล้วก็หันมาเก็บของต่อ
.
.
ผ่านไปสิบนาทีก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของร่างสูง แค่ไปเปลี่ยนชุดทำไมถึงใช้เวลานานนัก ..สัญชาตญาณบอกให้กันต์ธีร์มองหาอีกคนแล้วก็พบว่าไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว ร่างโปร่งรีบเก็บของใส่กระเป๋าแล้วถือออกไปทั้งที่ยังใส่เพียงกางเกงว่ายน้ำ ตอนนี้เขารู้สึกกระวนกระวายใจจนไม่สนอะไรแล้วทั้งนั้น บริเวณห้องน้ำเงียบสงัดที่นี่แบ่งแค่ห้องน้ำชายหนึ่งห้อง หญิงหนึ่งห้องและตอนนี้ห้องน้ำชายก็มีคนใช้อยู่.. และบทสนทนาก็ทำให้ใจของเขาเต้นแรงราวกับจะหลุดออกมา ความร้อนพุ่งขึ้นสู่ใบหน้ากันต์ธีร์รู้ตัวว่าตอนนี้กำลังโกรธและเสียใจมาก
‘ผมชอบคุณนะ และผมก็รู้ด้วยว่าคุณชอบผมไม่อย่างนั้นพอหลังจากที่เราได้ยืนข้างกันคุณไม่อารมณ์ดีขึ้นขนาดนั้นหรอก’
‘ที่ผมทำเป็นชอบกายเพราะแค่อยากแกล้งเล่นเท่านั้น คุณคือแบบที่ผมชอบ ยิ่งตอนที่คุณกอดคอผมผมรู้แค่ว่าอยากอยู่ในอ้อมกอดของคุณตลอดไป’
‘ความรักแบบเรามันฉาบฉวยแบ่งๆกันใช้มันไม่มีอะไรเสียหายมีแต่ได้กับได้ ผมรู้ว่าที่ผ่านมาคุณก็มีคนเข้าหาเยอะ อีกหน่อยคุณก็คงจะเบื่อแล้วก็ทิ้งกายใช่ไหม’
เขาไม่ได้ยินของแฟนเขายินเพียงเสียงของอีกคนแต่ก็เดาได้ไม่ยากว่าอยู่ในห้องน้ำด้วยกัน เขาไม่คิดว่ามันจะมาถึงเร็วขนาดนี้วันที่อติวิชญ์นอกใจเขา เขารู้สึกเสียใจที่หลงเชื่อไปกับคำพูดสวยหรูของอีกฝ่าย อาจจะจริงอย่างที่หมอนี่พูดก็ได้ว่าอีกหน่อยก็คงเบื่อและทิ้งเขา
‘ผมจะขย่มจนทำให้คุณลืมกายไปเลย แล้วคุณจะอยากกลับมาหาผมอีก’
.
.
‘งั้นก็ลองทำดูสิ’
เหมือนแผ่นดินกำลังจะแยกออกจากกันแล้วเขากำลังจะตกลงไปโดยไม่สามารถยึดเกาะอะไรเอาไว้ได้เลย เสียงของอติวิชญ์เขาจำได้ดี ทำไมถึงพูดออกมาแบบนั้นแสดงว่าถ้าใครมาเสนอให้ก็สนองหมดเลยสินะ กันต์ธีร์ไม่เคยคิดมาก่อนว่าอีกฝ่ายจะเป็นแบบนี้ในความรู้สึกโกรธ เสียใจยังมีความรู้สึกผิดหวัง ผิดหวังตัวเองที่ยอมให้อติวิชญ์หลอกจนเขาเชื่อสนิทใจ
หลายคนอาจจะเคาะประตูหรือพังเข้าไปถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้แต่สำหรับกันต์ธีร์เขาอยากรู้ว่าทั้งคู่จะทำอะไรต่อจากนี้แล้วถ้าหากออกมาเจอเขายืนอยู่หน้าประตูอติวิชญ์จะมีข้อแก้ตัวอย่างไร อยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะกล้ามองหน้าเขาหรือไม่ จะรู้สึกผิดหรือไม่ที่ทำกับเขาแบบนี้
‘พลั่ก’ เสียงเหมือนร่างกายกระแทกกับประตู หึ! คงจะถึงใจมากเลยสินะถึงได้รุนแรงกันถึงเพียงนี้ เวลาผ่านไปได้ไม่นานประตูห้องน้ำก็เปิดออก ร่างสูงใหญ่เดินออกมาความโกรธแทบจะทำให้เขาพุ่งไปทำร้ายร่างกายตรงหน้าแต่เขาก็ยังยั้งช่างใจไม่อยากจะใช้ความรุ่นแรง อย่างไรก็ตามก็ตามกันต์ธีร์ก็อยากจะรู้เหตุผลก่อนว่าทำไมอติวิชญ์ถึงกับแบบนี้
“เห้ย! กายมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“หึ! ทำไมเสร็จเร็วล่ะ เราจับเวลาดูแค่สองนาทีเอง”
“เสร็จอะไร”
“เราได้ยินหมดแล้วที่คุยกันในห้องน้ำ ไปต่อกันให้จบเถอะเสร็จเมื่อไหร่ค่อยมาคุยกัน เดี๋ยวเราไปรอที่อื่นจะได้ทำกันสะดวกๆ” กันต์ธีร์เดินหนีออกมา จากตอนแรกที่ตั้งใจจะถามหาเหตุผลแต่พอร่างสูงทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นความโกรธมันก็ประทุขึ้น เขาคงต้องไปหาที่สงบจิตใจสะก่อน เขาไม่สนหรอกว่าอีกฝ่ายจะตามมาไหม
.
.
“กายหยุดก่อนมาคุยกันก่อน มันไม่มีอะไรเลยจริงๆ กายกำลังเข้าใจผิด” อติวิชญ์วิ่งตามมาง้อ เขารู้ว่าตอนนี้อีกฝ่ายกำลังเข้าใจเขาผิดและเขาอยากจะอธิบายให้เข้าใจ
“เข้าใจผิดว่ายังไง เราได้ยินมาเต็มสองหู” เขารู้ว่ากันต์ธีร์โกรธเป็นใครเขาก็โกรธถ้ามาได้ยินอะไรแบบนี้ ร่างสูงพยายามเข้าใกล้แต่ร่างโปร่งก็เดินหนีตลอด ถ้ายังเป็นแบบนี้อยู่กันต์ธีร์คงจะไม่ให้อภัยเขาแน่ๆ มือใหญ่คว้าที่ต้นแขนของอีกฝ่ายก่อนจะลากมาทางห้องน้ำที่เกิดเรื่อง
“ลากมาทำไม จะให้เรามาดูหนังสดหรือไง”
“ใช่” กันต์ธีร์กำลังมีอาการโกรธอย่างเห็นได้ชัดก่อนสะบัดแขนให้หลุดจากการจับกุมแล้วเดินหนี แต่ก็ถูกลากมาอีกจนได้
“ก่อนจะโกรธเข้าไปดูก่อนว่าเกิดอะไรขึ้น” เมื่อเดินเข้าไปเห็นนายแบบหนุ่มกำลังยืนห้ามเลือดจากปากที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดไหล เมื่อหันมาเห็นพวกเขาก็ทำท่าขยาดแล้วจะเดินหนีออกมา แต่ร่างใหญ่ก็ขวางเอาไว้ไม่ให้ออก “ฟื้นแล้วหรือ คิดว่าจะสลบนานกว่านี้”
“มิกทำอะไรเขา”
“ก็หลังจากที่เราพูดประโยคนั้นออกมา มันก็จะเข้ามาหาเราเลยโดนต่อยปากไปหนึ่งที ตอนแรกเห็นเลือดแล้วก็เป็นลมไป ไม่คิดว่าจะฟื้นเร็วขนาดนี้”
“แล้วทำไมต้องทำร้ายร่างกายกันด้วยล่ะ” เสียงทุ้มนุ่มเริ่มอ่อนลง คงพอจะเดาได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องน้ำ
“ที่ต่อยก็เพราะมันพูดดูถูกความรักของเรา มันดูถูกกายเราโกรธเลยพลั้งต่อยมันไป” ท่าทีของกันต์ธีร์ดูใจเย็นขึ้น ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ๆหมอนั่นแต่ก็ทิ้งระยะห่างพอสมควร
“ขอโทษที่เขาต่อยคุณนะครับ ฟันคงจะโยกหรือหักแน่เลย” อติวิชญ์หลุดขำออกมาเขารู้ว่ากันต์ธีร์พูดด้วยความหวังดีแต่พอฟังดูแล้วเหมือนว่าพูดจากถากถางอีกฝ่ายมากกว่า
“แต่เรื่องที่คุณทำวันนี้ผมไม่ยกโทษให้หรอกนะ และผมก็จะจำเอาไว้ว่าคนอย่างคุณน่ะมีนิสัยอย่างไร หวังว่าคงจะไม่ได้มาเจอกันอีกนะ ไปเถอะมิก” ร่างโปร่งเดินนำเขาออกไปโดยให้เขาถือกระเป๋าตามไปด้วย ชายหนุ่มรีบวิ่งตามแฟนของเขาไปที่ชายหาด
“จะเล่นน้ำหรือ”
“อือ อยากแช่ให้อารมณ์เย็นลงน่ะ”
“ยังไม่หายโกรธอีกหรือครับ”
“หายแล้วแต่โกรธหมอนั่นมีสิทธิ์อะไรมายุ่งกับมิกของเรา” เขาไม่รู้ว่ากันต์ธีร์พูดออกมาด้วยความเผลอหรือไม่ แต่ก็อดดีใจไม่ได้ว่าอีกฝ่ายหึงเขา ถ้าไม่รักกันก็คงไม่หึงไม่หวงกันหรอก
“พ่อหมีก็เป็นของแม่หมีคนเดียวนั่นล่ะ”
“อย่ามาตู่ใครพ่อหมีใครแม่หมี”
“ก็คนแถวนี้น่ะสิ จะเป็นใครล่ะ”
“พอแล้ว กลับดีกว่าอยากไปนอนวันนี้ออกตั้งแต่เช้ายังต้องมาเจอคนบ้าอีก ปวดหัว” ร่างสมส่วนขึ้นจากทะเลก่อนจะเดินทางที่รถจอดอยู่ แต่แล้วก็รีบเดินกลับมาที่เขาและลากไปที่ห้องน้ำแทบไม่ทัน “ไปไหนน่ะ ไม่เปลี่ยนชุดก่อนหรือ”
ถึงจะโกรธยังไงกันต์ธีร์ก็ยังมีมุมน่ารักให้เขาเห็นเสมอ ไม่สิ กันต์ธีร์ทำอะไรสำหรับเขาก็ดูน่ารักไปสะหมดและที่สำคัญเวลามีอะไรเจ้าตัวมักจะใช้เหตุผลและไม่เคยโกรธเขาข้ามวันเลยสักครั้งถึงแม้เราจะมีเรื่องให้ทะเลาะกันน้อยก็เถอะ ดีกับเขาขนาดนี้จะให้เขามีคนอื่นได้อย่างไรแค่นี้ก็ไปไหนไม่รอดแล้ว
.
.
“กลับไปนอนบ้านไป” ทันทีที่ถึงบ้านกันต์ธีร์ก็รีบลงจากรถแล้วไล่เขากลับบ้าน ระหว่างที่กลับบ้านอติวิชญ์ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ เพราะนั่งเงียบมาตลอดทางพอชวนคุยก็หันมาตอบปกติแล้วก็เงียบอีก ทำเหมือนกับว่าจะโกรธเขาแต่ก็ไม่ได้โกรธ
“ของเราอยู่ในกระเป๋ากายนะ จะกลับยังไงนอนนี่ล่ะ”
“ของแค่นิดหน่อยเอง เดี๋ยวแยกแล้วจะใส่กระเป่าคืนให้”
“ไม่เอาวันนี้จะนอนนี่”
“ตามใจ พูดเหมือนวันอื่นไม่ได้นอนนี่อย่างนั้นล่ะ”
“ก็อยากนอนกับแฟนนี่”
“ถ้าพ่อกับแม่บ่นอย่ามาว่าเราแล้วกัน”
“เขาจะบ่นทำไม ชอบสะอีกที่เรามาอยู่กับกาย ท่านแค่อยากให้กายไปบ้านบ้าง”
“ไปพรุ่งนี้เลยดีไหมอยู่ทั้งอาทิตย์เลย”
“ดีมากเลยครับ ฮ่าๆๆ” ร่างโปร่งเดินนำเขาเข้าไปในตึก อติวิชญ์สังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบอีกแล้วคิดอะไรอยู่กันนะรู้สึกลางสังหรณ์ไม่ดีเลย
“คิดอะไรอยู่ เห็นเงียบมาตั้งแต่บนรถแล้ว” หลังจากที่อาบน้ำเสร็จ ก็เตรียมตัวนอนแต่กันต์ธีร์ก็ยังคงทำหน้าครุ่นคิด มีอะไรให้คิดหนักหนาแต่รอบนี้มีการสะบัดหัวด้วยเหมือนไล่อะไรออกไปสักอย่าง
“สงสัยว่าเมื่อตอนบ่ายที่มิกบอกว่าไม่โดนแตะต้องเลยมันเป็นไปไม่ได้”
“กะ..ก็ไม่ได้แตะจริงๆ”
“สารภาพมา”
“ก็ได้ๆ มันจับของเราแล้วก็ซุกไซ้ซอกคอเราด้วย ได้ยินเสียงประตูไหมล่ะ นั่นล่ะมันผลักเราแล้วก็เข้ามาซุกไซ้”
“ไม่ต้องละเอียดขนาดนี้ก็ได้มั้ง อยากให้โกรธหรือไง”
“เปล่านะ ก็บอกให้สารภาพนี่”
“หึ มันมีสิทธิ์อะไรมายุ่งกับมิกแล้วยังมีหน้ามาพูดอีกนะว่าจะขย่มให้ลืมเราไปเลย คิดหรือว่าเราจะยอมให้ทำแบบนั้น” ร่างสูงใหญ่รู้สึกถึงลางร้ายกำลังจะมาเยือนเขาในไม่ช้านี้
“ถอดเสื้อออก” เสียงทุ้มสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด “ถอดทำไมจะนอนแล้ว”
“บอกให้ถอดก็ถอดสิ” เมื่อเขาถอดเสร็จร่างโปร่งก็เคลื่อนตัวมาคร่อมทับร่างกายเขาไว้ ก่อนที่ริมฝีปากสีส้มจะฉกลงมาที่ซอกคอของเขา ทำไมจู่ๆกันต์ธีร์ถึงเปลี่ยนไปปกติจะมีเขาที่เป็นฝ่ายเริ่มก่อนแต่มาวันนี้อีกฝ่ายเริ่มก่อนมันทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นขึ้น “ใจเย็นๆ นี่เป็นอะไรนี่”
“ไม่บอก” ขยับตัวขึ้นพร้อมกับถอดเสื้อของตัวเองออก เผยให้เห็นร่างกายเซ็กซี่ในแบบผู้ชาย ผิวขาวเนียนเมื่อถูกแสงไฟยิ่งขาวขึ้นไปอีก ก่อนที่จะพูดประโยคเด็ดออกมาจนทำให้เขาแทบหยุดหายใจ
“อยากจะรู้นักว่าถ้าหากเราขย่มมิกอยู่ ยังจะกล้าไปให้คนอื่นขย่มอีกไหม” ตั้งแต่คบกันมาเขาเพิ่งเคยเห็นกันต์ธีร์ในอารมณ์นี้หรือเพราะแรงหึงถึงทำให้คนเราเปลี่ยนไป แต่ถ้าหึงแรงๆแล้วจะเป็นแบบนี้อติวิชญ์อยากจะทำให้อีกฝ่ายหึงวันละหลายๆรอบ เพราะคนที่ได้กับได้มีแต่เขาเท่านั้น
“นี่รู้ตัวไหมนี่ว่าทำอะไรอยู่”
“รู้สิ แสดงความเป็นเจ้าของไง” ให้ตายเถอะ สุดยอดเป็นบ้าไม่อยากจะเชื่อว่าแฟนของเขาจะเซ็กซี่ได้ขนาดนี้
“หึหึ”
.
.
“เมื่อคืนเซ็กซี่มากเลยรู้ตัวเปล่า” เหตุการณ์เมื่อคืนยังตรึงตาตรึงใจเขา กว่าจะได้นอนก็ปาไปเกือบเช้า โชคดีที่วันนี้มีเรียนสายเลยได้พักผ่อนกันเยอะหน่อย ไม่อย่างนั้นกันต์ธีร์คงอารมณ์บูดเป็นแน่
“รู้ ฮ่าๆๆ” อติวิชญ์ชอบนิสัยร่าเริงและมองโลกในแง่บวกของกันต์ธีร์ ที่เจ้าตัวมักจะทำให้มันเป็นเรื่องตลกได้อยู่เสมอ เขารู้ว่าอีกฝ่ายยังคงเขินอายแต่ของแบบนี้เขินอายไปก็ไม่มีประโยชน์สู้แสดงออกให้ว่ารักกันมากขนาดไหนดีกว่า
“ขอแบบนี้อีกนะ นะครับ”
“พอๆขับรถไป จอดข้างหน้าด้วยจะซื้อแซนวิช”
“ได้ครับแม่หมี”
To Be Continue…มาต่อให้แล้วตอนที่ 11
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและมาคอมเม้นท์นะครับ
ขอโทษที่ไม่ได้ตอบทุกข้อความนะครับ ..แต่อ่านหมดนะ
ขอให้สนุกกับการอ่านนะคร้าบ