-10-
“ไงมึง ท่าทางแปลกๆนะวันนี้” ทันทีที่นั่งลงที่โต๊ะประจำในห้องเรียน โอมก็หันมาจับผิดเขาทันที หมอนี่หูตาไวชะมัด หลังจากที่กันต์ธีร์ผ่านศึกเมื่อคืนมาก็มีอาการเมื่อยขบบ้าง แขนขาไร้เรี่ยวแรงโดยเฉพาะช่วงสะโพกใครที่โดนครั้งแรกแล้วไม่เจ็บนี่ขอคาราวะเลย
“แปลกตรงไหน กูปกติเถอะ” ถึงจะเมื่อยไปบ้างแต่เขาก็รู้สึกว่าไม่ได้แสดงที่ท่าให้คนอื่นรู้ขนาดนั้นนี่นา
“แค่จะนั่งเก้าอี้ยังต้องเล็งขนาดนั้น โคตรปกติเลยเพื่อน เจอจัดหนักมาล่ะสิเมื่อคืน”
“ก็ธรรมดานะ”
“กูว่าไม่ธรรมดามั้งเอาสะเพื่อนกูสะโพกคราก” “ก็เท่าแขนอะมึง”
“เหี้ย! จริงเปล่านี่ ถ้าอย่างนั้นมึงต้องโดนบ่อยๆนะจะได้ชิน”
“รู้มากนะมึงอะ โอ๊ะลืมไปมึงเคยผ่านมาก่อนนี่เนอะ แล้วตอนนั้นมึงเป็นยังไงบ้างล่ะชินหรือยัง” กันต์ธีร์รับฟังเอาไว้เพราะเพื่อนของเขาก็เป็นผู้มีประสบการณ์ด้านนี้เหมือนกัน “สัส!”
“ฮ่าๆ”
“แล้วตกลงเท่าแขนจริงเปล่า”
“มึงจะบ้าเหรอ กูล้อเล่น”
“คุยอะไรกันคะเก้ง” เพื่อนสาวที่เพิ่งมาถึงนั่งลงทางด้านขวาของกันต์ธีร์
“มาช้าว่ะมี่ ..แล้วทำไมเรียกเก้งล่ะ”
“ออกจากบ้านสายอะวันนี้ ..ก็เพื่อนเปิดตัวหมดแล้วนี่นาเหลือฉันเป็นชะนีคนเดียวในกลุ่มนี่”
“ตลกแล้วมี่” “ขำๆน่าโอม”
“แล้วแกล่ะกายเป็นไงบ้างเมื่อคืน มีจัดหนักต่อเหรอหลังจากที่พวกฉันกลับ”
“อะไรของแกวะมี่” “ไม่ต้องมาไขสือ ตอนออกจากบ้านไม่ได้เช็คหลังหูเหรอ”
“ไหนวะๆ ..โอโห ไอ้มิกนี่มันแน่นอนจริงๆ ทำในที่ลับสะด้วย”
“จริงเปล่านี่ กูเช็คแล้วนะ” กันต์ธีร์คลำปกปิดบริเวณหลังใบหูขวาของเขา ‘มิกนะมิกบอกว่าให้ทำต่ำกว่าคอ ยังฝ่าฝืนอีก’ ได้แต่เข่นเขี้ยวแฟนหนุ่มในใจ แล้วเมื่อไหร่มันจะหายล่ะนี่
“สองสามวันก็หายแล้วมึง อีกอย่างไม่ต้องอายหรอกใครๆเขาก็รู้ว่าพวกมึงอะผัวเมียกัน”
“ผัวเมียบ้าอะไรล่ะ แฟนก็พอ”
“จ้ะๆแฟนก็แฟน” ไอ้โอมได้ทีขี่แพะไล่ตลอด อย่าให้ถึงที่เขาบ้างแล้วกัน!
“แกหล่อขึ้นอะกาย”
“ตรงไหนวะมี่”
“ก็ดูมีออร่าอะ ผุดผ่องอะเข้าใจไหม”
“แหม่ ก็คนมีผัวแล้วนี่มี่” “ไอ้โอม!”
“แกก็เลิกล้อมันสักที แต่ฉันว่าแกดูดีขึ้นจริงๆนะ สงสัยจะจริงที่เขาว่าพอโดนแล้วจะมีออร่าเปล่งประกาย ฮ่าๆๆ”
“แกก็ไม่ต่างกับไอ้โอมเลยมี่” “โอ๋ๆ แซวเล่นน่าเพื่อน” บทสนทนาเป็นอันต้องจบเท่านี้เมื่ออาจารย์ประจำวิชาเข้ามาและเริ่มทำการสนทันที ระหว่างที่กันต์ธีร์จดเลคเชอร์ตามที่อาจารย์สอน เขาก็รู้สึกการสั่นที่กระเป๋ากางเกง มือเรียวหยิบสมาร์ทโฟนออกมาหน้าจอแสดงข้อความจากแอพพลิเคชั่นสำหรับคู่รัก อติวิชญ์ส่งข้อความมาหา
‘เลิกเรียนแล้วเดี๋ยวไปกินข้าวเที่ยงด้วย พวกเพื่อนไปด้วยนะมันบอกอยากเปลี่ยนบรรยากาศ’
“เดี๋ยวมิกจะมากินข้าวกับพวกเรานะ ผัวมึงก็มานะโอม ฮ่าๆๆ” หลังเลิกเรียนทั้งสามคนกำลังเดินไปที่โรงอาหารของคณะ มือเรียวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความบอกอติวิชญ์ว่าให้ไปเจอกันที่โรงอาหารถ้าถึงก่อนก็ฝากจองโต๊ะให้ด้วย
“พูดกันอยู่นั่นล่ะ ฉันไม่มีอย่างพวกแกนะ” “ไม่มีหรือไม่อยากมีกันแน่วะมี ฮ่าๆ”
“ฮัลโหลว่าไงมิก ..อ๋อโอเค นี่อยู่ข้างล่างแล้ว” กันต์ธีร์รับโทรศัพท์ของอติวิชญ์ปลายสายบอกว่าที่นั่งชั้นล่างเต็มให้ขึ้นมาชั้นสองได้เลย วันนี้ที่นั่งจะเต็มก็ไม่แปลกเพราะเวลานี้ใครๆก็ลงมาทานข้าวเที่ยงกันทั้งนั้นถึงแม้ทางมหาวิทยาลัยจะมีช่วงเวลาพักถึงหนึ่งชั่วโมงครึ่ง
“ไปข้างบนกันข้างล่างไม่ว่าง”
“คนแม่งเยอะ ทำไมใครๆชอบมากินข้าวที่นี่วะ”
“ก็มาส่องสาวไงมึง นั่งอยู่นั่นไง”
“อุ๊ย ผู้ชายล้วนฉันเป็นชะนีหนึ่งเดียวจะโดนอะไรไหมนี่”
“เว่อร์”
“มากินกันไกลเนอะ” ทันทีที่ถึงโต๊ะกันต์ธีร์ก็เปิดฉากแซวกลุ่มของอติวิชญ์ ปกติเขาจะแยกไปทานข้าวกับอติวิชญ์แต่วันนี้เพื่อนๆของร่างสูงใหญ่กลับตามมาด้วยแต่พอเห็นเพื่อนอติวิชญ์ก็เลยคิดว่าฝ่ายนั้นคงอยากมาหาโอมเพื่อนเขาบ้าง
“ไอ้มิกมันคิดถึงอยากเห็นหน้าไง”
“แล้วใครวะที่บอกว่า ‘ไหนๆมึงก็ไปหากายแล้วกูไปหาไอ้โอมด้วยดีกว่า’ หรือกูหูแว่ววะ”
“เออกูเอง กูยอมรับ”
“ฮ่าๆ แค่นั้นล่ะ”
“หยุดเถียงกันก่อนค่ะ ไปซื้อข้าวกันเถอะกายฉันหิวแล้ว” หญิงสาวคนเดียวในกลุ่มเอ่ยตัดบทสนทนา ขืนปล่อยให้เถียงกันคงไม่ได้ทานกันพอดีวันนี้
“อืม ไปสิ มิกจะกินอะไรจะซื้อให้เลย” กันต์ธีร์หันไปถามร่างสูง หลังจากที่คบกันก็กลายเป็นเรื่องปกติที่บางครั้งอติวิชญ์จะทานอะไรเหมือนเขา เจ้าตัวบอกว่าขี้เกียจคิดหรือบางทีเป็นเขาเองที่ขี้เกียจคิดอย่างเช่นวันนี้
“กายจะกินอะไร”
“ไข่เจียว”
“เอาเหมือนกัน เดี๋ยวไปซื้อน้ำให้น้ำเปล่ากับน้ำแข็งนะ”
“อื้อ” ทั้งคู่คงลืมไปว่าวันนี้มาทานข้าวกับเพื่อนๆถึงคุยกันอยู่แค่สองคน โดยไม่ได้สังเกตสายของเพื่อนๆที่มองหน้ากันแล้วยิ้มให้กันอย่างมีเลศนัย
ระหว่างที่ทานข้าวกันต์ธีร์สังเกตคู่ของเพื่อนสนิททั้งสองคนคบกันเหมือนเพื่อนกันมากกว่าหรืออาจจะเป็นเพราะว่าคบกันมานานแล้วความสนิทสนมเลยมีมากขึ้น สำหรับตัวเขาการกระทำบางอย่างของอติวิชญ์ยังส่งผลให้เขาเขินได้อยู่เสมอ
“อ้าวน้องกาย สวัสดีครับ” เสียงทุ้มแทรกขึ้นมาระหว่างทานอาหาร กันต์ธีร์หันไปพบว่าเป็นชายหนุ่มน่าตาดี เขาคือคนที่เจอกันที่สระว่ายน้ำ ไม่คิดว่าหมอนี่จะเรียนอยู่ที่นี่ด้วย
“ไม่คิดว่าจะเจอกันอีกนะครับ บังเอิญจริงๆเลย” ยังไม่ทันได้ตอบก็ชวนคุยมาอีกหนึ่งประโยค กันต์ธีร์หันไปมองอติวิชญ์ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยคำถาม เขาผิดเองที่ไม่เคยบอกเรื่องนี้กับร่างสูงเพราะคิดว่าให้พ่อช่วยเป็นไม้กันหมาแล้วคงจะไม่เจอกันอีก
“พี่รู้นะครับว่าวันนั้นคือคุณพ่อของน้องกายใช่ไหม จริงๆแล้วยังไม่มีแฟน” นั่นสิเนอะ เขาก็ลืมคิดไปว่าพ่อมีหน้ามีตาในสังคมไม่น้อย คงต้องมีใครหลายๆคนที่รู้จักท่านแน่ แต่ถ้าจะรู้ขนาดนี้ก็ต้องรู้สิว่าเขามีแฟนแล้วจะมาตู่เอาเองแบบนี้ไม่ได้
“มีแล้วครับ นั่งอยู่ข้างๆกันนี่ไง” กันต์ธีร์ตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบพูดขนาดนี้แล้วหวังว่าคงจะเข้าใจนะ
“อ้าวหรือครับ พี่คิดว่าเป็นแค่เพื่อนกันสะอีก”
“โหพี่ ใครเขาก็รู้กัน หรือพี่จะมากวนตีน มาทำให้คนอื่นเขาเข้าใจผิดกัน” โอมออกตัวปกป้องเพื่อนของตัวเอง ขนาดเพื่อนเขาบอกว่ามีแฟนแล้วมันยังไม่หยุดอีกต่อให้ไม่รู้จักกันแต่เขาบอกว่ามีแฟนแล้วก็ควรหยุดยกเว้นมีเจตนาไม่บริสุทธิ์
“อ้าวมึง ทำไมพูดแบบนี้วะ”
“ก็สมควรถูกด่า ขนาดเจ้าตัวเขาพูดขนาดนี้ยังหน้าด้านหน้าทน” นายโก้เพื่อนของอติวิชญ์พ่วงตำแหน่งแฟนของโอมเอาไว้ด้วยพูดขึ้นมาอย่างเสียงดัง
“กูเป็นรุ่นพี่พวกมึงนะ”
“แล้วยังไงเป็นรุ่นพี่แล้วกูกระทืบไม่ได้หรือวะ”
“เดี๋ยวพวกมึงโดนแน่”
“พอได้หรือยัง หรือจะให้กูกระทืบมึงตรงนี้” อติวิชญ์พูดขึ้นมาแฝงด้วยน้ำเสียงเหี้ยมร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นประจันหน้ากับรุ่นพี่เหี้ย กันต์ธีร์เพิ่งเคยเห็นแฟนในอารมณ์นี้ปกติอติวิชญ์เป็นคนใจดีเจ้าตัวไม่เคยโกรธเขาเลยสักครั้งตั้งแต่คบกันมา
“Kเอ๊ย!” รุ่นพี่หลบตาก่อนมันจะเดินไปออกอย่างรวดเร็วแล้วสบถเสียงดัง อติวิชญ์นั่งลงกินข้าวแล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น กันต์ธีร์หันหน้าไปมองแฟนหนุ่มเจ้าตัวยิ้มให้แล้วก้มลงทานข้าวต่อ เพื่อนๆทุกคนเลยเงียบและรีบทานข้าวให้เสร็จ
.
.
“ไม่ไปเรียนหรือ”
“ยัง เคลียร์กันก่อน”
กันต์ธีร์กับอติวิชญ์แยกตัวออกมาหลังจากทานข้าวเสร็จ ร่างสูงใหญ่เงียบตลอดทางจนมาถึงม้าหินบริเวณสวนหย่อมใกล้กับคณะ กันต์ธีร์จึงเปิดฉากสนทนาขึ้น
“ขอโทษที่ไม่ได้บอกเพราะไมได้คิดอะไรแล้วก็เห็นว่าพ่อช่วยไปแล้ว”
“…” ไม่มีเสียงตอบรับจากก้อนหินตรงหน้า
“ยังโกรธอยู่หรือ ขอโทษนะคราวหน้าถ้ามีอะไรจะบอกให้หมดทุกเรื่องเลย” ท่าทางจะโกรธหนักเพราะเจ้าตัวได้แต่นั่งเงียบ เขาเองก็ไม่คิดว่าเรื่องเล็กแค่นี้อีกฝ่ายจะโกรธแต่ก็รู้สึกดีเพราะเหมือนกับอติวิชญ์เอาใจใส่เขาแม้จะแค่เรื่องเล็กน้อย
ตอนนี้เป็นเวลาที่ทุกคนเข้าเรียนกันหมดส่วนกลุ่มของกันต์ธีร์ไม่มีเรียนตอนบ่ายเขาเลยรอมิกที่จะกลับพร้อมกัน โอมคงรอโก้ที่ไหนสักที่ส่วนมีมี่คงจะกลับบ้านไปแล้ว ร่างโปร่งมองซ้ายมองขวาเมื่อไม่เห็นใครเลยยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มอติวิชญ์อย่างเร็วแล้วผละออก “หายโกรธเถอะนะ”
“คิดว่าแค่นี้จะหายโกรธหรือ” ร่างสูงใหญ่ขยับตัวเล็กน้อยแล้วหันมาทางเขา ก่อนที่มือหนาจะรั้งต้นคอแล้วโน้มหน้าเข้าหา ริมฝีปากบางประกบลงที่ริมฝีปากสีส้มสุขภาพดีเนิ่นนานเกือบนาทีก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะผละออก มองกันต์ธีร์ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มดวงตาเป็นประกาย
“นี่หลอกกันหรือ”
“ไม่ได้หลอกตอนแรกก็เคืองที่มีอะไรแล้วไม่ยอมบอกกัน แต่หายตั้งแต่ที่กายบอกว่าแฟนนั่งอยู่ข้างๆแล้ว”
“แล้วมันต่างกันตรงไหนมิกหลอกให้เราง้ออยู่ตั้งนาน”
“หึหึ ก็ต้องหากำไรบ้างสิ”
“ไอ้ยักษ์เจ้าเล่ห์เอ๊ย”
“โกรธพ่อหมีหรือครับแม่หมี ฮ่าๆๆ” คำนี้คงเป็นคำต้องห้ามสำหรับกันต์ธีร์ไปอีกนานถึงอติวิชญ์จะชอบใช้คำนี้เรียกเขาอยู่บ่อยครั้งแต่มันก็อดเขินไม่ได้สักที ถ้าโดนเรียกบ่อยๆอาจจะชินก็ได้ล่ะมั้ง
“พอๆแยกๆ ไปเรียนได้แล้วเดี๋ยวรออยู่ใต้คณะ”
“ไม่ทันแล้ว เลิกสามโมงนี่สองโมงกว่าละ ไปเดินเที่ยวกันดีกว่า” ร่างสูงโทร.หาเพื่อนแล้วบอกว่าจะไม่เข้าไปเรียนแล้ว กันต์ธีร์จับใจความได้ว่าวันนี้ไม่มีอะไรมากนักเพราะอาจารย์ของอติวิชญ์หมดเวลาการสอนไปกับการเล่าเรื่องอื่นสะส่วนใหญ่
“มีคนมาตามจีบแบบนี้เราต้องตามไปเฝ้าเปล่านี่”
“เว่อร์ ไม่ขนาดนั้นหรอกคงไม่มีแล้วล่ะ”
ทั้งคู่เดินทางมาถึงร้านขนมชื่อดังบรรยากาศร้านตกแต่งแบบเรียบง่ายแต่ความอร่อยของขนมนั้นเป็นที่เลื่องชื่อเลยทีเดียว ถ้ามาช้ากว่านี้คงต้องต่อคิวกันอีกยาวแน่ๆ ระหว่างรอขนมก็มีโทรศัพท์เข้ามาหาอติวิชญ์มือหนาหยิบมารับสาย จับใจความได้ว่าเป็นเพื่อนที่ชื่อเจมส์โทร.มา
“เออๆ กูขอถามกายก่อน เดี๋ยวส่งข้อความไปบอกนะ”
“หืม มีอะไรทำไมพูดถึงเรา”
“มีพี่ที่รู้จักไอ้เจมส์อะเขาทำหนังสือ แล้วอยากได้เราไปสัมภาษณ์ลงคอมลัมน์คู่รัก กายว่ายังไงสัมภาษณ์เปล่า”
“ก็ได้นะ แล้วต้องทำยังไงบ้าง”
“ก็มีถ่ายแบบด้วยนิดหน่อย กับสัมภาษณ์นั่นล่ะ”
“แล้วมิกอยากทำไหมล่ะ”
“ถ้ากายโอเคเราก็โอเค”
“เป็นหนังสือสำหรับผู้ชายใช่ไหม เพราะถ้าเป็นหนังสือทั่วไปเขาคงอยากสัมภาษณ์คู่รักชายหญิงมากกว่าล่ะมั้ง”
“อืม กินเถอะขนมมาแล้ว เดี๋ยวค่อยบอกไอ้เจมส์” กันต์ธีร์แค่คิดว่าหากลงบทสัมภาษณ์คนอื่นจะได้เลิกยุ่งกับเขาเสียที ให้รู้กันไปเลยว่าเขามีคนที่รักอยู่แล้วผลพลอยได้ก็คือคนที่หวังจะเข้าหาอติวิชญ์จะได้ไปพ้นๆให้หมด
ส่วนเรื่องที่จะมีคนรู้จักมากขึ้นนั้นเขาไม่ได้หวังอยู่แล้ว เพราะกันต์ธีร์คิดแค่ว่าพวกเขาทั้งคู่เป็นเพียงคนธรรมดาที่มีโอกาสได้ถ่ายทอดเรื่องราวความรักให้คนอื่นๆได้อ่าน เพราะความรักเกิดขึ้นกับทุกคนไม่ว่าจะเป็นใครมาจากไหน รสนิยมทางเพศเป็นแบบไหนต่างก็สามารถมีความรักได้ทั้งนั้น เขาเพียงแค่อยากนำเสนอแง่มุมความรักของผู้ชายกับผู้ชายด้วยกัน
“เราบอกไอ้เจมส์แล้วนะ พี่เขานัดวันเสาร์นี้ที่สำนักพิมพ์แล้วก็ถ่ายรูปที่นั่นเลย”
“โอเคได้” รับคำแล้วก็ทานขนมต่ออย่างเอร็ดอร่อย ร่างสูงลุกขึ้นแล้วบอกว่าจะไปตักน้ำเพิ่มให้ซึ่งเขานั่งหันหลังให้กับที่ตักน้ำดื่ม กันต์ธีร์พยักหน้าให้ก่อนจะทานขนม
ร่างโปรงรู้สึกถึงการสั่นของสมาร์ทโฟนก่อนจะหยิบขึ้นมาดูโปรแกรมรูปภาพซึ่งอัพเดตล่าสุกเป็นรูปผู้ชายหันข้างกำลังตักขนมทานมองยังไงก็คือตัวเขาแต่นั่นไม่น่าตกใจเท่ากับคำบรรยายใต้ภาพ ‘กินคนเดียวไม่แบ่งเลยนะแม่หมี’ กันต์ธีร์เงยหน้าขึ้นเห็นอติวิชญ์กำลังยิ้มให้เขาอยู่
“ไปถ่ายตอนลุกไปเอาน้ำใช่ไหม”
“เป็นไงรูปโอเคไหม”
“ก็โอเค แต่ดูแคปชั่นสิ”
“แสดงความเป็นเจ้าของไง คนอื่นจะได้เลิกมายุ่งแม่หมีของเราสะที”
“ยอมๆ เอาสะไปต่อไม่ถูกเลยนะพ่อหมี ฮ่าๆๆ”
“จั๊กกะจี้ดีเนอะพ่อหมีแม่หมี ฮ่าๆ”
“ใครพาเรียกล่ะ”
“อิ่มยังหรือจะสั่งเพิ่ม”
“พอแล้วๆ ไปคิดเงินเลยอยากกลับแล้ว” ถ้าขืนสั่งมาอีกเขาได้เป็นหมีจริงๆแน่ คงต้องออกกำลังกายกันอย่างหนักล่ะคราวนี้
“วันนี้ไปนอนด้วยนะ”
“อื้อ”
To Be Continue…