Guardian Of Heart ผู้พิทักษ์ใจ(Fantasy) Spe : Hozier & Preme2/2 P.15 10/6/17
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Guardian Of Heart ผู้พิทักษ์ใจ(Fantasy) Spe : Hozier & Preme2/2 P.15 10/6/17  (อ่าน 99112 ครั้ง)

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
ฮิ้ววววววว~~~~!!
ไมเรคจอมหื่น 5555555

ออฟไลน์ iNcamisang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 77
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เอาเลย เอาเลยยยยย  :katai4:

ออฟไลน์ k_keenny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ l3loodl2o5e

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-4
บทที่ 27


   "กลับมาไวจัง" เสียงทักของเซียดังขึ้นทันที่มาวิคก้าวเข้ามาในห้องพัก

   "ไวอะไรนี่สองทุ่มแล้ว"

   "ไหนพรีมว่าโดนไมเรคลากไป นึกว่าคืนนี้จะไม่กลับห้อง" รอยยิ้มกรุ้มกริ่มถูกส่งมาให้ พร้อมไอ้ตัวต้นเรื่องที่เดินหัวเปียกออกจากห้องของทั้งคู่ มานั่งจุมปุกอยู่ตรงหน้าคนสวยที่รับเอาผ้าขนหนูในมือมันไปเช็ดให้อย่างรู้งาน เป็นภาพที่เห็นจนชินตาเพราะสองคนนี้เขาสวีทกันตลอด

   "แล้วยังไง คิดว่าฉันจะไปทำอะไรกับหมอนั่นหรือไง" คนถูกถามบอกเสียงขุ่น

   "หึๆ หน้าแดงนะเพื่อน"

   "สรุปกับไมเรคนี่ยังไง" พรีมเงยหน้าขึ้นมาถาม

   "ดูๆ กันไปก่อน" มาวิคตอบไปตามตรง ก่อนจะชิ่งเข้าห้องตัวเองเพราะไม่อยากโดนซักไปมากกว่านี้
   หลังจากอาบน้ำแต่งตัวก็มีเวลามานั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อย  กับไมเรคยอมรับตามตรงว่าหมอนี่พิเศษสำหรับเขา และดูเหมือนจะเป็นแบบนั้นมานานแล้ว เพียงแต่ตอนแรกมันคือความผูกพันของเด็กคนหนึ่งแต่ตอนนี้มันมีอะไรมากกว่านั้น การที่อีกคนเป็นฝ่ายเข้ามาหา และแสดงออกชัดเจนว่าชอบหากปฏิเสธไปก็เหมือนโกหกตัวเอง

   เรื่องความสัมพันธ์ทางกาย แม้ที่ผ่านมาจะไม่ได้ซีเรียสอะไร แบบสนุกชั่วครั้งคราวก็มีบ้าง แต่กับไมเรคนั้นต่างออกไปเพราะจะไม่ใช่แค่ทางกายแต่มันส่งผลต่อความรู้สึกที่มีต่อกันจึงไม่อยากเร่งรีบ รายนั้นก็เหมือนจะเข้าใจบอกจะให้เวลา ถึงจะรู้จักกันมาแต่เด็ก แต่จากกันไปนานก็เหมือนคนแปลกหน้าที่ต้องเรียนรู้กันใหม่ และที่สำคัญคนเป็นฝ่ายเสียบมาตลอดจะเป็นฝ่ายโดนเสียบมันทำใจไม่ได้โว้ย เสียเชิงหมด ลองหมอนั่นบอกจะยอมเป็นเมียเขาสิจัดเดี๋ยวนี้ก็ยังได้





   "เฮ้ยดูสิ ใครมา" ฟาเรสสะกิดเพื่อนยิกๆ ขณะที่ทุกคนกำลังทานมือเช้ากันอยู่ที่โรงอาหาร

   "ใครอัญเชิญมันวะ" มาวิคว่าพลางมองตามสายตาเพื่อน ก็เห็นไมเรคเลิกคิ้วแบบกวนๆ พลางเดินตรงมาทางโต๊ะเขา แถมฟาเรสที่นั่งข้างๆ ยังขยับที่นั่งให้อย่างรู้งาน
 
   "ไงทุกคน" คนอื่นทักทายตอบแทบทันทีเว้นไว้คน ที่กำลังมองคนมาใหม่หน้ายุ่ง

   "นี่มันโรงอาหารนักเรียน อาจารย์ฝึกสอนมาทำไม" มาวิคแขวะเข้าให้

   "อยากรู้ไหมมาทำไม" เสียงทุ้มกล่าวเนิบๆ

   "ทำไมครับ/ค่ะ" พรีมถาม พยายามปั้นหน้าไม่รู้เต็มที่มีแฟนมันเป็นลูกคู่

   "มาจีบมาวิค"

   "ฮิ้ววววววว" สิ้นคำก็ได้รับเสียงแซวจากทุกคนในโต๊ะทันที จนคนถูกกล่าวถึงทำหน้าไม่ถูก อายจนแทบแผ่นดินหนีเพราะโต๊ะอื่นๆ ก็หันมามองเขาเป็นตาเดียว

   "อะ...เอ่อ ฉันไปก่อนนะ" ว่าแค่นั้นเจ้าตัวก็เก็บกระเป๋าออกไปทันที พน้อมกับไมเรคที่เดินตามไปติดๆ

   "เดี๋ยวเก็บจานให้นะพวก" โอซี่ตระโกนตามหลัง คนอื่นๆ หัวเราะร่วนกับสิ่งที่เกิด ใครจะรู้ว่าคุณชายจอมกระล่อน ยิ้มเก่งแถมเฟรนลี่ตัวพ่ออย่างมาวิคจะต้องมาเขินจนทำอะไรไม่ถูกแบบนี้

   "อารมณ์ดีเชียวนะ" ฟาเรสหันไปคนตัวโตที่ยิ้มกริ่มพลางมองหน้าเขา

   "หึๆ ไม่ต้องกลัวใครแย่งแล้วไง"

   "ไอ้บ้า"





   "นายไม่ควรทำแบบนี้" มาวิคว่าคนที่เดินตามเขามา ก้าวช้าๆ จนอีกคนเดินมาทัน

   "แบบไหน"

   "แบบเมื่อเช้า ที่เล่นประกาศออกไปแบบนั้นว่าจะ...เอ่อ นั่นละ" แม้จะไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก แต่พอจะพูดคำว่า จีบ...มันก็รู้สึกประหม่าเสียดื้อๆ

   "ที่บอกว่าจะจีบนะหรอ" ไมเรคยิ้มบางๆ เมื่อเห็นแก้มใสขึ้นสีแม้เจ้าตัวจะตีหน้ายุ่งก็ตาม

   "เออ นั่นละ"

   "อ่าว ทำไมละ นี่อุส่าทำตามขั้นตอนเลยนะ อยากให้เราเรียนรู้กันใหม่นี่ไง กำลังทำอยู่เลย เริ่มง่ายๆ จากการจีบนี่ไง" คนแก่กว่าแกล้งอธิบายเสียงดังฟังชัดทำเอาคนที่เดินผ่านไปมาหันมอง ดวงตาสีน้ำตาลถลึงมองอย่างโกรธๆ

   "พูดเบาๆ ก็ได้ยินไหม"

   "หรือไม่อยากให้จีบ งั้นก็ยอมๆ พี่ซักทีสิ" อีกคนยังคงเย้าแหย่ ยิ่งเห็นท่าทางฟึดฟัดของอีกฝ่ายยิ่งสนุกเขาละ

   "ฝันไปเถอะ"

   "เอ้า โน่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้ สรุปยังไงครับคุณชาย" เสียงทุ้มเอ่ยกวนๆ ไอ้ท่าทางไม่ได้ดั่งใจนั่นมองๆ ไปก็น่าดูเอ็น...เอ้ย!! เอ็นดูอยู่ไม่น้อย

   "ไม่รู้โว้ยย!!!" มาวิคตัดบททำท่าจะเดินหนี แต่กับถูกอีกคนรั้งไว้

   "มาวิค พี่จริงจังนะ" ดวงตาสีน้ำเงิน สบลึกลงไปในตัวตาสีน้ำตาลอ่อนของอีกคน มันทั้งหนักแน่นมั่นคง ตอกย้ำว่าที่เขาพูดคือความจริง มาวิคนิ่งไป มันรู้สึกประหม่ากับสายตาคู่นั้น แต่ก้ไม่อาจผลักไสได้ คนเด็กกว่าอึกอัคอยู่ครู่ใหญ่ จนเต้นแรงจนต้องก้มหน้าหลบ

   "ยะ...อยากทำอะไรก็ทำ" เสียงสั่นๆ ตอบออกมาในที่สุด

   "หึ พูดเองนะ"

   "ทีนี้ก็ปล่อยได้แล้ว จะไปเรียน" ว่าพลางดึงแขนออกจากอีกฝ่ายแล้วรีบเดินจากไปในทันที ไมเรคมองตามแผ่นหลังนั่นจนลับตา เด็กชายตัวน้อยในวันวานบัดนี้เติบโตเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลาเอาการ แม้รูปลักษณ์จะเปลี่ยนแต่ไอ้ท่าทางทางดื้อดึง ชอบย้อนแบบนั้นไม่เคยเปลี่ยน ถึงจะไม่ขี้อ้อนแต่ก็ยังน่ามองสำหรับเขาอยู่ดี

   ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาคนถูกจีบต้องคอยรับมือกับไมเรคทุกวี่วัน แถมไอ้เพื่อนตัวดีทั้งหลายยังให้ท้ายไอ้ผู้ชายกวนประสาทนั่นเสียด้วย โดยเฉพาะพรีมกับโอซี่ที่เห็นดีเห็นงาม แทบจะจับเขาใส่พานถวายให้มันไปเลย มาวิคไม่ชินกับการถูกรุก เพราะที่ผ่านมาเขามักจะเป็นฝ่ายตามจีบเสมอหากรู้สึกสนใจใคร พอมีคนคอยมารับมาส่ง ชวนไปกินข้าว ดูแลเทคแคร์สารพัดจีงพลอยทำให้วางตัวไม่ถูกไปตามๆ กัน แต่ก้ต้องยอมรับ ว่าเขาเองก็รู้สึกดีเหมือนกันที่ถูกเอาใจใส่ อาจเพราะคนที่ทำคือไมเรคเพราะหากเป็นคนอื่นอาจรู้สึกอึดอัดพอสมควร

   "เสาร์นี้กลับเข้าเมืองหรือเปล่า" ไมเรคถามขึ้นขณะที่ทั้งคู่กำลังเดินไปทางหอพัก เพราะไมเรคแม้จะไม่มีสอนในคลาสของมาวิคแต่ก็มารอรับเจ้าตัวอย่างเช่นทุกวัน (ก็แค่เดินไปส่งหอพัก ซึ่งมันไม่ไกลเลยซักนิด)

   "มีอะไร จะชวนเดทหรือไง" มาวิคถามเสียงเรียบ

   "อยากไปบ้านนาย ตั้งแต่ตอนนั้นก็ไม่ได้เห็นอีกเลย" ดวงตาสีน้ำเงินมองตรงไปเบื้องหน้าอย่างครุ่นคิด "สวนหลังบ้านนั่นยังอยู่เหมือนเดิมใช่ไหม"

   "อืมม แต่ตรงลำธารสร้างสะพานให้ข้ามแล้วละ" มาวิคว่าพลางนึกถึงธารน้ำเล็กๆ หลังบ้านที่ตอนเด็กๆ มีเพียงไม้แผ่นพาดให้ข้ามไปยังสวนดอกไม้อีกฝั่ง เป็นที่ที่อีกฝ่ายมักพาเขาไปเล่นเสมอ เอาจริงๆ ก็ไม่ได้กลับบ้านมาเดือนสองเดือนแล้วสินะ พ่อแม่เขานะหรอไม่มีถามถึงหรอก ติดทั้งงานสังคมทั้งงานส่วนตัวจนไม่มีเวลาสนใจลูกแบบเขาหรอก 
   
   "เฮ้ ทำหน้าเศร้าทำไม"

   "ตาลายหรือไง" มาวิคกลบเกลื่อน "ก็ว่าจะกลับพอดี พรุ่งนี้เก้าโมง มาช้าฉันไม่รอด้วย"

   "ครับๆ"




   เช้าวันเสาร์ไมเรคและมาวิคนั่งเรือจากเกาะอนิมาเข้าเมือง โดยมีรถของที่บ้านมาวิคมารอรับที่ท่าเรือ ดวงตาสีน้ำเงินมองออกไปนอกหน้าต่าง เดสเซนท์เป็นเมืองที่เจริญมากแทบจะเป็นคนละโลกกับเรดิเอนซี่ ที่นั่น เทคโนโลยีต่างๆ มีให้เห็นแค่ในเมืองใหญ่ หรือหมู่บ้านหลักๆ นอกนั้นจะพึ่งพาธรรมชาติและเวทย์มนต์มากกว่า ซึ่งมันก็ดีคนละอย่าง ไม่ได้รูสึกว่าที่ไหนน่าอยู่น้อยกว่ากัน

   ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงบ้านของตระกูลสเตวาร์ท ซึ่งตอนนี้เจ้าบ้านเป็นถึงผู้ว่าการของเมืองแห่งนี้และแน่นอนว่าเจ้าตัวไม่ค่อยจะอยู่ติดบ้านนัก มีเพียงคนรับใช้และคนสวนรวมถึงหัวหน้าพ่อบ้านเท่านั้นที่ออกมาต้อนรับคุณชายคนเดียวของพวกเขา คฤหาสก์หลังใหญ่หรูหราแต่มันไม่เคยน่าอยู่เลยสำหรับมาวิค

   หลังจากทักทายทุกคนเจ้าบ้านก็เดินนำแขกไปยังสวนหลังบ้าน พืชพรรณในสวนถูกดูแลตกแต่งเป็นอย่างดี ดอกไม้ทีบานรับแสงแดดในยามสายส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ มาตามลม ...คิดถึง คำนี้ผุดขึ้นใมใจ ร่างสูงมองภาพตรงหน้า ที่เดิมๆ กับคุณชายตัวน้อยของเขาคนเดิม ทำให้ยิ้มออก ความสุขความสงบอบอวนใจจิตใจหลังจากที่ไม่ได้รู้สึกแบบนี้มาแสนนาน

   มาวิคเดินนำไปนั่งพักใต้ต้นไม้ใหญ่ ที่มีเสื่อและของว่างถูกเตรียมเอาไว้ คิ้วสวยขมวดมุ่นอย่างขัดใจ เหมือนคู่รักมาออกเดตเลยให้ตายสิ แต่ก็ไม่ได้บ่นออกไปเพราะไม่อยากขัดคนที่กำลังดื่มด่ำบรรยากาศตอนนี้อยู่ สองหนุ่มนั่งลงข้างกัน ต่างคนต่างเงียบเพราะจมอยู่ในความคิดของตัวเองอยู่ครู่ใหญ่

   "ทำไมถึงมาที่นี่ละ" มาวิคถาม ในสิ่งที่เขาน่าจะรู้คำตอบอยู่แล้ว

   "พี่มาเพราะเราไง" ไมเรคตอบด้วยรอยยิ้ม

   "อันนั้นรู้อยู่แล้วละ" อีกคนตอบเสียงแผ่ว ชันขาขึ้นนั่งกอดเข่าพลางทอดมองไปเบื้องหน้า "แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมาช่วยสอนในอนิมาด้วย"

   "จะลาออกจากเอแวนการ์ด เขาเลยขอให้มาช่วยเป็นวิทยากรที่มหาลัยก่อนออก"

   "ลาออก...ทำไมละ"

   "เพราะตั้งใจจะช่วยเวลอร์กับฟาเรส ส่วนหนึ่งนะเพราะถูกชะตาหมอนั่นและคิดว่าเรื่องอินเวียโน่มันน่าสนุกดี" ร่างสูงว่าพลางหันมาสบตากับอีกคนอย่างมีความหมาย "มีอีกอย่าง..."

   "อะไร..."

   "เราเองก็ตั้งใจจะช่วยฟาเรสเรื่องนี้อยู่แล้วใช่ไหมละ"

   "แน่นอน ก็เจ้านั่นเป็นเพื่อนฉันนิ" มาวิคสวน นึกแปลกใจที่เดี๋ยวนี้พูดคำว่าเพื่อนกับฟาเรสได้เต็มปาก

   "นั่นละอีกเหตุผล พี่ไม่อยากให้เราต้องไปลำบากคนเดียว อย่างน้อยพี่ก็สบายใจที่ไม่ได้ปล่อยให้คนสำคัญเผชิญหน้ากับอันตรายเพียงลำพัง อยากจะสู้ไปพร้อมๆ กัน"

   "หึ สำคัญ" มาวิคทวนคำเสียงสั่น "ถ้าสำคัญทำไมถึงทิ้งผมไปโดยที่ไม่บอกอะไรเลยละ ทำไมถึงปล่อยให้รอ ทำไม ฮึก....ทำไมไม่กลับมาหาบ้าน ทำไมละ" หยาดน้ำตาไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว เขาไม่ได้อยากจะอ่อนแอ แต่พอนึกถึงช่วงเวลาที่เฝ้าคอยมันกับรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาเสียอย่างนั้น

   "พี่ขอโทษ" คนตัวโตรนรานเมื่อเห็นอีกฝ่ายร้องไห้ เขารั้งเด็กหนุ่มเข้ามากอดไว้ เข้าใจดีว่าเรื่องนี้ผิดเต็มประตู "พี่ยอมรับว่าตอนนั้นลืมนึกถึงเราไปจริงๆ แต่นี้พี่รู้แล้ว"

   "รู้บ้าอะไร ปล่อยเลย" คนในอ้อมกอดทั้งสะอื้นทั้งโวยวาย พูดมาได้ว่าลืมกัน แล้วนี่ยังมีหน้ามาบอกว่าเขาสำคัญอีกหรอ

   "ชู่ววว!!! ฟังพี่นะ ขอร้องละ" ไมเรคว่าพลางลูบหลังจนอีกคนสงบลงและยอมให้เขากอดดีๆ จึงตีเนียนดึงเด็กน้อย(ที่ตัวไม่น้อย" ขึ้นมานั่งตัก

   "ตอนนั้นท่านพ่อตัดสินใจแต่งงานใหม่ ภรรยาใหม่ของท่านเป็นคนเคลวิช ท่านพ่อจึงย้ายไปประจำการที่นั่นเพื่อไปอยู่กับผู้หญิงคนนั้นและบังคับให้พี่ย้ายไปด้วย ตอนนั้นพี่เองก็ไม่ค่อยถูกกับแม่เลี้ยงซักเท่าไหร่แถมยังมีปัญหากับลูกติดของเธออีก พ่อมักจะเข้าข้างฝ่ายนั้น ตอนนั้นเคว้งสุดๆ รู้สึกเหมือนตัวคนเดียวเลย มันบานปลายถึงขั้นทะเลาะกับพ่อตัวเอง  พี่หนีออกจากบ้าน เหลวแหลก ปะชดชีวิต เสเพลไปวันๆ มันมีอะไรหลายอย่างเข้ามาจนทำให้ลืมเราไป ขอโทษนะขอโทษจริงๆ"

         มาวิคนิ่งฟัง ไม่เคยคิดว่าก่อน ว่าที่ผ่านมาคนๆ นี้ต้องเจอกับอะไรบ้างเอาแต่โกรธที่ถูกทิ้งไปจนลืมนึกไปว่า ต่างคนต่างมีปัญหาของตัวเอง

   "จนวันหนึ่งเอแวนการ์ดประกาศรับสมัครทหารรับจ้างไปเรดิเอสซี่ คิดอะไรห่ามๆ กะไปตายเอาดาบหน้าเลยสมัครเข้าไป จับพลัดจับผลูกลายมาเป็นหน่วยพิทักษ์ ก็สนุกดีกับพวกภาระกิจเสี่ยงตาย เอาชีวิดรอดไปวันๆ แลกกับเงินมากมายที่ไม่มีแม้เวลาจะใช้...หึ จนมาเจอเราอีกครั้ง..."

   มือใหญ่เชยคางคนในอ้อมกอดขึ้นสบตา ดวงตาสีน้ำเงินที่มักจะดุดันกลับเต็มไปด้วยประกายความอบอุ่นจนมาวิคไม่อาจละสายตาไปได้

   "มาวิค...คนที่ทำให้ตระหนักได้ว่า ครั้งหนึ่งคนอย่างพี่เคยมีความสุขแค่ไหน ที่ได้อยู่กับคุณชายตัวน้อย ที่แม้จะดื้อและเอาแต่ใจไปบ้าง แต่ก็ทำให้พี่ยิ้มและหัวเราะได้เสมอ ดังนั้นพี่ควรจะรักษาความสุขนี้เอาไว้ ไม่ปล่อยให้หายไปไหนอีก อยู่กับพี่นะ อยู่เป็นความสุขให้ผู้ชายคนนี้ได้ไหม" คนตัวโตยิ้มให้ สายตาที่มองมาอ้อนวอนอยู่ในที จนคนถูกมองซูกหน้าลงกับอกด้วยความเขิน ใบหน้าร้อนผ่าวจนแทบไหม้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตอนนี้เขาหน้าแดงแค่ไหน :-[

   "ห้ามทิ้ง" เสียงผะแผ่วเอ่ยออกมาก

   "หืม...ว่าไงนะ"

   "ถ้ายอมอยู่ด้วยแล้วห้ามทิ้งไปไหนอีก" มาวิคว่าเสียงดัง พลางเงยหน้ามองคนฟัง ดวงตาสีน้ำตาลจ้องเขม็งเอาแต่ใจ "ถ้าทิ้งอีกฉันจะตามไปฉีกนายเป็นชิ้นๆ เลยคอยดู" 

   "กลัวแล้วครับ คนเก่ง" เสียงทุ้มหัวเราะเบาๆ ก่อนจะก้มลงจูบริมฝีกปากหวานของคุณชายของเขาอย่างเอาใจ...น่ารักแบบนี้จะไปไหนรอด




...................Talk Talk......................



- คู่นี้NC ควรเขียนเป็นตอนต่อจากนี้หรือแยกเป็นตอนพิเศษไปดี ช่วงนี้หัวมันตึบๆ มีพลอตก็จริง แต่กลัวบรรยายออกมาไม่ดีเลยยังไม่อยากเข้าเรื่องหลักเท่าไหร่นัก อย่างที่บอก พลอตเรื่องเดาพอได้ตามไสตนิยายแฟนตาซีทั่วไปค่ะ

- เรื่องอัพช้า อันนี้ข้าน้อยน้อมรับความผิดแต่โดยดีเจ้าค่ะ ท่านผู้อ่านจะ ลงโทษเช่นไร จับขึง แซ่เคี่ยนเป็นอีเย็น จะชำเราเช่นไร ไรท์ยินดีค่ะ หรืออยากให้ไถ่โทษเป็นสิ่งใดเรียกร้องมาได้เลยเจ้าค่ะ  :mew2:

-ของฝากๆ ฉลอง ไปถอย artisul d13D (เมาส์ปากกา แบบวาดบนจอ) มาค่ะ อันนี้ภาพเทส จากเรื่อง Night Knight นะค่ะ จำเขาได้ไหมเอ่ย     

- ส่วนนี่ ตังใจจะวาดลงหนังสือค่ะ แต่ สัดส่วนยังไม่โอเลยโล๊ะ ตั้งใจให้ภาพประกอบออกมาที่สุดค่ะ  :เฮ้อ:

   

ออฟไลน์ k_keenny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
เขินนนน น่ารักมากกกก อิอิ  :ling1:

เขียนเป็นตอนถัดไปก็ได้ค่ะ จะได้เหมือนกับตอนโอซี่  :hao6:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
รอสนามรบ

ออฟไลน์ nu-tarn

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 800
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-6
ทำไมคู่นี่มันน่ารักมุ้งมิ้งอะไรแบบนี้
 :-[

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
รอตอนต่อไปนะคะ :L2:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
มุ้งมิ้งแรง มาวิคมุมเขินน่าหยิกมากๆเลยค่ะ พี่ไมเรค โอ๋เด็กแล้วต้องจับกินสิคะ. รอตอนถัดไปจ้า
รูปงามมาก ได้ฟีลคนละแบบเนอะ คนเขียนสู้ๆค่ะดูแลสุขภาพด้วยนะ  :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-06-2016 14:14:24 โดย ❣☾月亮☽❣ »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
มีความมุ้งมิ้งอ่ะ แบบเริ่มจีบ ใสใส
(ยังใสอยู่อีกสักพักแหล่ะ...มั้ง 555555)

ออฟไลน์ love noon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 63
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
วาดรูปเก่งมากค่ะ มีอินเนอร์ดีด้วย

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
ตะมุตะมิมุ้งมิ้งฟุ้งฟิ้ง

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ iNcamisang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 77
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
nc ต่อเลยต่อเลยต่อเลยค่าาา  :katai4:

ไม่มีความหื่นเลยซักนิ้ดดด

 :mew1:

ออฟไลน์ КίmY

  • BJYX♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-3
ใจอ่อนแล้วสิมาวิคคค   :z1:
ต่อตอนถัดไปก็ดีนะฮะคนเขียน  :hao6:

ออฟไลน์ l3loodl2o5e

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-4
บทที่ 28

   “อื้อ เดี๋ยวววๆๆๆ” มาวิคห้ามพลางหอบ เพราะโดนคนโตกว่าระดมจูบอย่างหนักหน่วง แล้วเขามานั่งคร่อมตักอีกฝ่ายได้ไงเนี่ย

   “ว่าไงครับ” ไมเรคถามแบบเบลอๆ ดวงตาสีน้ำเงินยังจับจ้องริมฝีปากสีสดไม่วางตา ทำท่าจะจูบอีกแต่โดยอีกคนดันหน้าไว้

   “ไหนว่าตามขั้นตอนวะ จีบยังไม่ติด มาจูบได้ไง นี่มันข้ามขั้นเลยนะเฮ้ยยยย!!!” มาวิคบ่นหน้าแดงเถือก

   “ก็ไม่ได้บอกว่าจะรอจนจีบติด เพราะตอนนี้รอไม่ไหวแล้ว” อดีตหน่วยพิทักษ์ว่าเสียงแหบพร่า ลำแขนเกร่งออกแรงรัดคนบนตักแน่นจนรับรู้ถึงอะไรๆ ที่มันกำลังตื่นตัว ดุนดันก้นเขาอยู่ผ่านเนื้อผ้า มาวิคจ้องหน้าอีกคนตาเหลือก

   “ปล่อยโว๊ยย” คุณชายเจ้าของบ้านดิ้นพลาดๆ อย่างกับปลาโดนน้ำร้อน

   “อืมมม อย่าดิ้นสิ มันยิ่งขึ้นรู้ไหม” เสียทุ้มกระซิบข้างหู คนฟังตัวแข็งทื่อเหมือนถ่านหมด

   “ปล่อยผมไปเถอะ...คือยังไม่พร้อมโดนเสียบอ่า เคยแต่เสียบเขา” มาวิคอ้อนเสียงเบา ยอมแทนตัวเองว่าผมเลยเนี่ย เจ้าตัวทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ถึงจะไม่มายกับเรื่องเซ็กแต่ให้คนอื่นบุกทำใจไม่ด้ายยยย  :hao5:

   “ไม่!!!”

   “พี่ไมค์ :hao5::” เติมพี่ด้วยเลย อะ!

   “ เอาน่าเสียวเหมือนกัน”

       “งั้นก็ใช้ฉันเสียบเองเลยซี่” คุณชายเริ่มมีน้ำโห ฟาดไหล่หนาดังป๊าบอย่างหมั่นไส้ ดวงตาสีน้ำเงินมองคนประทุษร้ายวาววับดุจนักล่าก่อนจะตอบเสียงเฉียบว่า

       “ไม่!!!”

      “ไอ้ มะ...อื้อ!!!”  ว่าจบก็ก้มลงมาฉกชิมริมฝีปากสีสดอย่างไม่ให้ปฏิเสธ มือสากสอดเข้าสาบเสื้อลูบแผ่นหลังเนียนในขณะที่ริมฝีปากและลิ้นร้อนไล่ต้อนคุณชายของเขาอย่างร้อนแรง มาวิคครางอื้ออึงหัวหมุนไปกับรสจูบของอีกฝ่าย นี่เขาว่าตัวเองเชี่ยวแล้วนะเจอไมเรคไปนี่ระทวย คนบนตักสะดุ้งเฮือกในยามที่ฟันคมขบเบาๆ ที่ซอกคอ และจุดไวสัมผัสบนแผ่นอกทั้งสองถูกจู่โดมด้วยมือใหญ่ทั้งสองข้าง

       “หยุดดดดดด” มาวิคร้องเสียงหลงพลางดันตัวออก

      “อะไรอีก!!!” ไมเรคถามเสียดุ ดวงตาสีน้ำเงินจ้องเขม็ง ชักหงุดหงิดที่อีกฝ่ายเอาแต่เบรก จับปล้ำมันตรงนี้ซะดีไหม

       “เปลี่ยนสถานที่ได้มะ เดี๋ยวคนเห็น มาวิคต่อรองเสียงสั่น

       “ไม่!” ตอบเสร็จทำท่าจะจู่โจมต่อ

       “เดี๋ยว คือเอ่อ” เด็กหนุ่มตะกุกตะกัก ก้มหน้างุดแต่ก็ไม่อาจซ่อนใบหน้าที่แดงจัดจนลามไปถึงหู เอาไงเอากันวะ “พี่ไมค์อยู่เฉยๆ เดี๋ยว...เอ่อ จัดการเอง” คิ้วเข้าเลิกขึ้นอย่างแปลกใจก่อนจะผุดยิ้มร้าย ไม่ยอมอ่อนข้อให้กันจนวินาทีสุดท้ายเลยสินะคุณชายของเขา มาดูว่าจะได้ซักแค่ไหน

     “หึ...มาสิ”

     ว่าจบมาวิคก็ยืดตัวขึ้นจูบร่างสูงตรงหน้า ริมฝีปากนิ่มๆ ขบเม้มก่อนจะสอดลิ้นเข้ามาสัมผัสกับอีกฝ่าย กระหวัดหยอกเย้า อีกฝ่ายก็ยอมล่าถอยยอมถูกชักนำจนเด็กหนุ่มเริ่มได้ใจ ร่างโปร่งผละออกก่อนจะปลดกระดุมเสื้อที่ใส่อยู่ช้าๆ ดวงตาสีน้ำตาลเย้ายวนจ้องหน้าอีกคนไม่วางตา คนมองผิวปากหวืออย่างถูกใจ...ร้องแรงชะมัด

    มือขาวเอื้อมาถอดเสื้ออกจากกายแกร่งบ้าง เผยให้เห็นเรือนกายสีแทน แผ่นอกกว้างและกล้ามท้องที่ขึ้นลอนสวย ประดับด้วยรอยแผลเป็นแต่งแต้มบนผิวกายดูสมชายชาตรี ลิ้นเล็กเผลอเลียริมฝีปากก่อนจะก้มลงขบกัดแผ่นอกแน่นนั้นอย่างหมั่นเขี้ยว

    “ซี๊ดดด” ไมเรคซีดปากอย่างซาบซ่าน ยามที่ฝ่ามือนุ่มลูบไล้ไปทั่วร่างพร้อมๆ กับริมฝีปากที่วนเวียนขบเม้มตรองซอกคอ ดวงตาสีน้ำเงินพราวระยับถือโอกาสที่อีกคนวุ่นวานกับร่างเขารั้งกางเกงอีกฝ่ายลง ก่อนจะล้วงมือผ่านเนื้อผ้าเอามาวิคน้อยที่เริ่มแข็งขืนมาไว้ในมือเค้นคลึงเบาๆ

     “อ๊า” มาวิคผละริมฝีปากครางแผ่วเมื่อความเสียวเข้าจู่โจม ใบหน้าหล่อติดหวานฉายแววหงุดหงิดก่อนจะดึงรั้งกางเกงร่างใหญ่ลงจนท่อนลำขนาดใหญ่เด้งผึงออกมา คุณชายผงะเล็กน้อยกับตัวตนของอีกฝ่าย แต่ก็คว้ามาขยับรูดหนักๆ อย่างไม่ยอมแพ้จนคนถูกกระทำคำรามในคอ มอบจูบให้คนทำเป็นรางวัล

     “อา พี่ไมค์” ร่างสูงอาศัยจังหวะที่อีกคนกำลังเคลิ้ม ก้มลงจาโจมยอดอกสีเข้มด้วยปาก รัวลิ้นเลียเรียกเสียงกระเส่าจากร่างโปร่ง ชายหนุ่มกอดเอวสอบ ยกตัวคนบนตักขึ้นแล้วรูดกางเกงออกให้พ้นตัว  มือสากลูบไล้ต้นขาเนียนที่มีกล้ามอย่างพอดีแต่เนียนนุ่มอย่างเพลินเมือ แต่พอเริ่มเลื้อยไปเกือบถึงร่องด้านหลังกลับถูกอีกคนตีมือไว้

     เพี๊ยะ!!!  มาวิคจ้องเขาดุๆ ทั้งที่หายใจปนหอบ

    “บอกว่าจะทำเอง!!! เลียสิ” ว่าแล้วมือนิ้มก็เตะที่ริมฝีปากบางเบาๆ ลิ้นชื้นแลบเลียนิ้วเรียวจนชุ่ม ดวงตาสีน้ำเงินจ้องหน้าเนียนด้วยสายตาร้อนแรงและออดอ้อนอยู่ในที มาวิคยิ้มยั่วก่อนะจะใช้มืออีกข้างคว้าไหล่หนาเป็นหลักแล้วแล้วหยัดตัวขึ้น ทิ้งน้ำหนักตัวไปด้านหน้าเอนเข้าหาร่างแกร่งก่อนจะสอดนิ้วที่เปียกชุ่มเข้าช่องทางของตัวเองอย่างไม่มั่นใจนัก

     “อึก..อาาาาา” เสียงนุ่มครางแผ่วกับสัมผัสแปลกปลอมที่ไม่เคยได้รับ นิ่วหน้าอย่างอึดอัดเมื่อเขาค่อยๆ สอดเพิ่มเข้ามาอีกนิ้ว เด็กหนุ่มขยับช้าๆ สร้างความคุ้นชินให้ตัวเอง ช่องทางร้อนตอดรัดแน่นจนชาหนึบ จึงตัดสินใจสอดนิ้วที่สามเข้าไปด้วยใบหน้าเหยเกเพราะมันตึงแน่นจนเจ็บแปลบแต่ก็เสียวไม่เบา

     “ไหวไหม” เสียงทุ้มเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง อีกคนพยักหน้าเบาๆ แทนคำตอบก่อนขยับนิ้วตัวเองช้าๆ เพื่อเบิกทาง มือสากลูบไล้ไปตามผิวกายแดงก่ำพร้อมกับริมฝีปากร้อนดูดดุนยอดอกทั้งสองข้างหวังช่วยให้คนเก่งของเขาผ่อนคลาย มาวิคครางหวานเมื่อเริ่มชิน เสียงนั้นปลุกเอารมณ์ของร่างสูงจนตัวตนแข็งขืนและปวดหนึบ

     “พี่ไม่ไหวแล้วคนดี” ไมเรคออดอ้อนพลางขบใบหูที่ขึ้นสีแดงเรื่ออย่างหยอกเอิญ 

     “รู้แล้วน่า...แฮก” มาวิคตอบเสียงพร่าอารมณ์เขาตอนนี้ก็มาไกลพอกัน จึงตัดสินใจจับท่อนเนื้อร้อนที่กำไม่ยักจะรอบจ่อที่ปากทางแล้วทิ้งน้ำหนักตัวลง “ฮึกกก ดวงตาสีน้ำตาลเอ่อคลอแค่ส่วนหัวก็ทำให้เขาเจ็บตึงไปหมด ร่างโปร่งสั่นระริกจนคนตัวโตต้องประครองสะโพกมนช่วยอีกแรง

      “หายใจเข้าลึกๆ” เด็กหนุ่มทำตามอย่างว่าง่าย ก่อนค่อยๆ กดตัวลงไปอีกเรื่อยๆ ยิ่งลึกหยาดน้ำตายิ่งเอ่อ รู้สึกเจ็บร้าวไปทั้งร่าง ชักลังเล คิดถูกหรือคิดผิดที่ทำแบบนี้เนี่ย!!!

     “ฮึก  เจ็บ” เสียงหวานขาดห้วง น้ำตาร่วงในยามที่แก่นกายใหญ่หลอมหลวมกับเขาจนสุด ทั้งเจ็บทั้งจุก มือสากลูบเอวสอบเบาๆ พยายามรั้งตัวเองไม่ให้กระแทกใส่ช่องทางร้อนที่รัดตัวตนเขาแน่นจนขนลุกซู่เพราะไม่อยากให้คุณชายของเขาเจ็บไปมากกว่านี้

     “คุณชายเก่งที่สุด” ใบหน้าคมโน้มมาจูบซับน้ำตาบนแก้มใส พร้อมทั้งหอมแก้มทั้งสองอีกฟอดใหญ่อย่างเอาใจแล้วมาจบที่ริ่มฝีปากนิ่มมอบจูบแสนหวานเป็นรางวัล “พร้อมไหม”

     “อืมม” มาวิคพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนออกแรงขย่ม ท่อนเนื้อร้อนเสียดสีกับผนังนุ่มสร้างความเจ้บแสบแต่ก็เสียวซ่านเกินบรรยาย พอเริ่มคุ้นชินกับความรู้สึกที่ผสมปนเปนนี้ สะโพกสวยจึงเริ่มขย่มเป็นจังหวะโดยมีมือใหญ่ประครองช่วยอีกแรง

     “อ๊ะพี่ไมค์ ฮา” เสียงครางหวานดังก้องไปทั้งสวน คนบนร่างร่อนสะโพกใส่เอวหนาที่เด้งส่วนขึ้นมาอย่างเข้าจังหวะ แม้ไม่เคยอยู่ในตำแหน่งนี้แต่มาวิคก็รู้ว่าควรทำอย่างไรให้ตัวเองรู้สึกดีเพราะเรียนรู้จากเหล่าคู่นอนที่เคยทำให้เขา

     “อืมมม เด็กดีของพี่” ไมเรคคำรามต่ำไปกับความเสียวซ่าน มองเรือนกายขาวที่ขึ้นสีจัดตรงหน้าอย่างหิวกระหาย ลากเลียขบเม้มไปตามผิวเขียวเนียนจนขึ้นรอย ช่องทางร้อนตอดถี่จนเสียวไปทั้งร่าง ยิ่งสัมผัสยิ่งต้องการ หลงใหลไปกับอีกฝ่ายจนยากจะถอนตัว ชายหนุ่มรับรู้สึกแรงที่รั้งลงของคนด้านบน มองใบหน้าชื้นเหงื่อที่หอบหนักทำท่าจะไม่ไหว จึงตัดสินใจพลิกร่างอีกฝ่ายนอนราบกับผืนเสื่อแล้วโถมแรงใส่จนคนใต้ล่างโยกคลอนไปตามแรง

    “อ๊า ซี๊ดด  พี่ไมค์ เร็ว อือ” มาวิคออกปากเร่งอย่างลืมอาย ถูกความรัญจวนครอบงำจนสติกระเจิดกระเจิง ดวงตาสีน้ำตาลจ้องใบหน้าคมที่มีผืนฟ้าสีครามเป็นเป็นเบื้องหลังราวกับต้องมนต์ วาดมือโอบรอบคอหนาดึงรั้งเข้ามามอบจูบดูดดื่ม

    “อืม คุณชายของพี่” ไมเรคครางอย่างสุขสมไม่แพ้กัน ซุกหน้ากับซอกคอขาวสูดกลิ่นเนื้อหอมที่แม้แต่มวลดอกไม้ที่ส่งกลิ่นอบอวนไปทั้งสวนยังไม่อาจเทียบได้ เอวหนากระแทกรัวเร็วตามแรงอารมณ์

     เสียงเนื้อกระทบกันคลอไปกับเสียงครางดังก้องสวนดอกไม้ที่สวยงามดุจสรวงสวรรค์ และพวกเขาทั้งสองในตอนนี้ก็ไม่ต่างกับอยู่บบนสวรรค์ที่อบอวนไปด้วยความโหยหายแต่ความต้องการ เสียงหวานครางขาดในยามที่ห้วงอารมณ์พุ่งสูง ใบหน้าเนียนสะบัดไปมากับความเสียวกระสันที่มากจนเกินรับ ยามที่แก่นกายใหญ่กระแทกเข้าจุดกระสันย้ำๆ ร่างโปร่งของเด็กหนุ่มหยัดเกร็ง จิดข่วยแผ่นหลังแกร่งนั่นจนเกิดรอยเล็บเป็นทางยาวเพื่อระบายอารมณ์  ลมหายใจของทั้งคู่ร้อนผ่าวจากเพลิงปราถนาที่ประทุกอยู่ภายใน แผดเผามอดไหม้ทั้งสองร่างที่สอดประสานกันจนประทุออกมาเป็นหยาดน้ำสีขุ่นในที่สุด ไมเรคมอบจูบอ่อนหวานทิ้งท้ายให้กับร่างโปร่งที่นอนหอบสั่นใต้ร่างเขาอย่างรักใครๆ

     “แฮกกก เจ็บชะมัด” มาวิคไม่วายบ่น แม้เสียงจะเบาหวิวอย่างเหนื่อยอ่อน

     “แน่ใจว่าเจ็บอย่างเดียว” ไมเรคยิ้มล้อ จนอีกคนค้อนขวับ ดวงตาสีน้ำเงินเปร่งประกายความสุข...เขาไม่รู้สึกเต็มตื้นในอกอย่างนี้มานานแค่ไหนนะ...ริมฝีปากบางยิ้มอบอุ่นให้คนสำคัญก่อนจะกดจูบริมฝีปากแดงช้ำเบาๆ อย่างรักใคร่ แล้วบอก “ขอบคุณนะ”

...ขอบคุณที่กลับมาเป็นความสุขให้พี่อีกครั้งไอ้เด็กดื้อ...

     มาวิคยิ้มตอบ ทั้งเขินทั้งอายแต่ก็ไม่อาจละสายตาไปจากคนตรงหน้าได้ คิดถึงเหลือเกิดร้อยยิ้มที่แสนอบอุ่นนี้ เขาได้มันกลับมาแล้วและจะไม่ปล่อยให้รอยยิ้มนี้หายไปไหนอีก ถึงจะเสียงฟอร์มไปบ้างแต่ก็ได้อยู่ข้างบนก่อนละวะ(ตรรกระอะไรของมันวะ :katai1:) อารมณ์กำลังซึ้งได้ที่แต่มาวิคต้องขมวดคิ้วมุ่นอย่างหงุดหงิดเพราะได้ยินเสียงแปลกปลอม

     “เหมือนจะมีผู้ชมซะแล้ว” คนด้านบนยิ้มขำ พลางมองไปทางต้นเสียงเห็นหลังแม่บ้านวิ่งแจ้นออกไปไกลลิบๆ

     “หึ กล้าปากโป้งก็ลองดู จะเฉดหัวออกจากบ้านให้” เด็กหนุ่มว่าเสียงเรียบ

     “คุณชายใจร้าย” คนตัวโตสัพยอก

     “ช่างแม่ง” อีกคนไหวไหล่อย่างไม่ยี่ระที่ถูกเห็น

      “งั้นต่อนะ” ไมเรคกระซิบชิดริมฝีปากนิ่มก่อนที่บทรักจะดำเนินต่อไป ท่ามกลางแมกไม้นานาพันธ์ที่ยังคงเบ่งบานสวยงามไม่ต่างจากความผูกพันของคนทั้งสองที่มีให้กันก็ไม่ได้จืดจางตามกาลเวลา

...................................

- คือพวกแกจะเกินหน้าเกินตาคู่หลักไปไหมค่ะ  :m16:   ตอนหน้าเข้าเรื่องหลักแล้วนะค่ะ เคลียแล้วนะคู่นี้ เป็นไงชอบมะๆ ใจก็อยากจะค้าง nc คู่นี้ไว้ แต่ดูเลวไปอะ ไม่อยากถูกสาปส่ง  :z6:
- อันนี้ไรท์รู้สึก ว่าคาแรคเตอร์หนูฟาเรสจืดจางไปไหมค่ะ ยังไงดี คนเเต่งอะเข้าใจลูกชายตัวเองอยู่แล้วละค่ะ ว่านางเป็นแบบไหน แต่กลัวคนอ่านไม่เก็ทตัวตนของ หนูฟาเขาอะค่ะ  :mew2:
- ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจนะค่ะ รักทุกคน  :mew1:



เข้ามาเเชทกันได้นะค่ะ

   
ปล. ทำสารบัญแบบที่ขึ้นเป็นชื่อบทแบบไหนค่ะ ทำเป็นแต่ใส่ลิ้งซึ่งมันรกมาก ไม่สวยเลย
   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-06-2017 11:05:29 โดย l3loodl2o5e »

ออฟไลน์ about

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 254
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :haun4:  โอ้โหววววว

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
กลางสวนนนนนนน ช่างกล้าเหลือเกืน :z1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
ฟินกระจายกลางสวน :haun4:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
จ้าาาา

ออฟไลน์ КίmY

  • BJYX♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-3
ไม่รอด!!!!!  ฮึฮึ   :z1:

ออฟไลน์ k_keenny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1

ออฟไลน์ iNcamisang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 77
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
จัดหนักจัดเต็มจริงๆเลยฮะะะะ  :hao7:

ออฟไลน์ l3loodl2o5e

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-4
บทที่ 29


   “เอ่อท่านลุง นี่เรากำลังจะไปไหนกัน” ฟาเรสถามขึ้นหลังจากเขาและเพื่อนๆ ถูกเอเบรียนเรียกมารวมตัวกันที่โดมกระจกในตอนเย็นของวันอาทิตย์

   “เดี๋ยวก็รู้” ผู้อาวุฒิโสยักคิ้วกวนๆ มาให้ก่อนะจะเดินนำเจ็ดหนุ่มและหนึ่งสาวไปยังโซนไม้ยืนต้นทางตะวันตกของโดมที่ติดชายป่าของอานิมา โดมส่วนนี้ถูกปรับสภาพให้เป็นป่าดิบชื้นต้นไม้ขนาดใหญ่หนาทึบทำให้แสงสุดท้ายของวันลอดผ่านเพียงบางเบาจนดูมืดสลัวชวนขนหัวลุก

   “เอ่อ...เราคงไม่ไปล่าท้าผีกันหรอกนะ” เซียว่าพลางเกาะแขนคนรักแน่น

   “ฉันดูเป็นคนเฮฮาขนาดนั้นเชียว” ท่านผู้อำนวนการหันมาพูดยิ้มๆ บรรยากาศวังเวงเนี่ยนะเรียกเฮฮา แม้แต่ฟาเรสยังอดขนลุกไม่ได้เลย ถึงจะใช้เวลาอยู่ในโดมแห่งนี้บ่อยๆ ก็เถอะแต่ส่วนใหญ่ก็อยู่แต่ในห้องวิจัย

   เดินลึกเข้ามาซักพักก็ถึงลานหินขนาดไม่ใหญ่นัก ชายชราเดินตรงไปยังใจกลางที่มีอ่างน้ำพุขนาดเล็กตั้งไว้สำหรับให้นกมาเล่นแล้วยกมือกดไหวัลูกปั้นปลาพ่นน้ำใจกลางอ่าง ก่อนที่พื้นตรงหน้าจะเปิดออกเผยให้เห็นบันไดทางเดินลงไปด้านล่าง
   “โอ้ววว ไม่ยักรู้ว่าในโดมมีอะไรแบบนี้” โอซี่บอกอึ้งๆ

   “จริงๆ มันสร้างไว้นานแล้ว มาๆ เข้ามา” ว่าแล้วท่าผู้อำนวยการก็เดินนำเหล่านักเรียนของเขาเข้าไปในอุโมงค์ที่ปูด้วยหินอ่อนสีขาวบุผนังด้วยโลหะสีเงินดูสะอาดสะอ้านเหมือนถูกดูแลอย่างดี

   “นี่เรากำลังใจไปไหนกับครับ” มาวิคเอ่ยถาม พลางทอดมองทางเดินยาวสุดสายตายเดาจากทิศทางน่าจะตรงเข้าไปยังป่าทางด้านตะวันตกของมหาวิทยาลัย

   “ฐานลับ อย่างที่รู้ๆ ว่าแต่ก่อนอนิมาบริหารงานโดยกองทัพ มุ่งเน้นที่วิชาการทหารอย่างเดียว ก่อนจะเปิดสอนคณะอื่นๆ ทีหลัง ต่อมาการเลยปล่อยให้บริหารเอง เพราะมองว่าทหารไม่ควรมาแทรกแซงเรื่องการศึกษานะ แต่ก็ยังกันพื้นที่เกาะไว้ครึ่งหนึ่งเพื่อทำฐานฝึก เพราะอนิมาเป็นเอกเทศจากภายนอก ง่ายต่อการดูแลและเก็บความลับ” เอเบรียนอธิบาย
 
         “อ่าวแล้วไม่มีใครใช้หรอครับ”

         “เฮ้อ...สร้างไว้ยังไม่ทันได้ใช้งานอยู่ๆ ก็เกิดเปลี่ยนแผนกันย้ายฐานไปที่ใหม่เมื่อประมาณสิบกว่าปีก่อน ที่นี่เลยถูกทิ้งร้าง แต่สภาพอาคารยังคงดีอยู่มาก แถมเครื่องใช้ต่างๆ ก็มีครบ พวกคนของอินเวียโนที่เดินทางมาเดสเซนท์เลยให้มาพักที่นี่ ใช้เป็นฐานของพวกเราไปในตัวเลยไง แล้วฟาร์เองก็ต้องมาฝึกใช้พลังเวทยืที่นี่ด้วยนะ เพราะมีห้องที่สร้างบาเรียรองรับพลังไว้แล้ว” ว่าแล้วก็หันมาทางเจ้าของชื่อที่พยักหน้ารับ เขาลืมเรื่องนี้ไปได้ยังไงกัน มัวแต่สนใจกับแผนการจนลืมไปว่า พลังของเขาที่จะใช้ในการปิดรอยแยกระหว่างมิตินั้นก็เป็นสิ่งสำคัญของภารกิจนี้

            “พอจะรู้ไหมว่าเขาย้ายฐานใหม่ไปที่ไหน” เวลอร์ถามพลางทำสีหน้าครุ่นคิด

             “ฉันไม่รู้หรอก อย่างที่บอก ฐานลับก็ต้องเป็นความลับ อีกอย่างฉันไม่ใช่คนของเอแวนการ์ดด้วยเลยยิ่งไม่มีสิทธิเข้าไปใหญ่” ชายสูงวันตอบ “แต่รู้มาว่าไว้ฝึกพวกมือดี ฝีมือผิดมนุษย์มนาอะไรเทือกนั้น”



             เดินเท้ามาร่วมสิบนาทีก็มาถึงปลายทางซึ่งมีบันไดนำขึ้นไปสู่ผิวดิน ก็ปรากฏอาคารสีน้ำตาลขนาดใหญ่ เบื้องหน้าเป็นลานกว้าง และรอบๆ เป็นบ้านพักหลังเล็กๆ อยู่ประปรายเหมือนหมู่บ้านขนาดย่อมที่ซ่อนตัวในป่าทึบของเกาะอนิมาแห่งนี้ ชาวอินเวียโนเดินกันขวักไขว่ บ้างอยู่ในร่างสัตว์บ้างกำลังปะลองฝีมือกัน

            “ตอนมาไม่เยอะอย่างนี้นี่” ฟาเรสว่าพลางกวาดตามองไปรอบๆ

            “พวกที่ออกมาจากไทวาส ระหว่างเดินทางมาที่นี่บางส่วนก็ไปตามพักพวกที่กระจายอยุ่ในเอสทีเรียดมาด้วย” ไมเรคอธิบาย เขาพาคนกลุ่มแลกมาส่งที่นี่ จึงรู้ว่ามีคนตามมาสมทบพอสมควร จนเหมือนกองทัพขนาดย่อมๆ แม้คนไม่มากแต่ประสิทธิภาพของแต่ละคนค่อนข้างสูง

             เรเน่กับเดปนำพวกเขาไปยังห้องประชุมในตัวอาคารหลักที่ ที่มีเหล่าผู้กล้าบางส่วนรออยู่แล้ว ในระหว่างนี้เหล่าผู้กล้าต้องฝึกฝนตัวเอง เพราะห่างหายจากการต่อสู้มานาน อีกทั้งทุกคนยังต้องศึกษาความเป็นไปของโลกภายนอกให้เข้าใจเพราะหลังจากนี้ไม่นานจะเริ่มออกเดินทางไปสู่อินเวียโนกัน ซึ่งนั่นอาจต้องผ่านเมืองต่างๆ ทุกคนจึงจำเป็นต้องทำตัวให้กลมกลืน และไม่เป็นที่จับตามอง

             ทางลุงเอเบรียน เวลอร์และคนหลักๆ ก็จะรวบรวมข้อมูลของทางนั้นให้ได้มากที่สุด ว่ามีใครพัวพันบ้างและการที่ริคัทโตและพวกฟอสโกอัญเชิญไวด์โซลมายังโลกแท้จริงมีจุดมุ่งหมายอย่างไร

               มาวิค พรีมและเซียยังคงไปเรียนตามปกติเพราะทางบ้านพวกเขาไม่รู้เรื่องนี้ คงสงสัยหากจู่ๆ ลูกของตัวเองขาดเรียนหรือหายไป โอซี่กับเจ้าเหมียวมาพักที่ฐานแห่งนี้ ฟาเรสและเวลอร์ก็เช่นกัน






              “ระหว่างนี้ ฟาร์คงต้องอยู่แต่ที่นี่ไปก่อนนะ ถ้าไม่จำเป็นอย่าออกไปนอกอนิมาเลย” เวลอร์ว่าพลางจัดเสื้อผ้าที่ขนมาใส่ตู้ในห้องพักของพวกเขาก่อนกลับมานั่งลงข้างๆ คนรักที่ปลายเตียง

             “ทำไมละ”

             “พวกฟอสโกล่าตัวฟาร์อยู่ ตอนที่เราไปเรดิเอนซี่ เป็นทะเลทราย แถมตอนนั้นฟาร์ยังได้เสื้อคลุมจากวาลาคัสมาใส่ทำให้ตามรอยยาก พวกมันเลยตามตัวไม่เจอแต่กลับมาเดสเซนท์คราวนี้พวกนั้นคงเอาจริงมากขึ้น ดังนั้นอย่าออกไปจากที่นี่เลยนะในช่วงที่ฉันไม่อยู่”

            “ไม่อยู่” ฟาเรสทวนคำเสียงแผ่ว “หมายความว่าฉันต้องฝึกอยู่ที่ฐานนี้คนเดียวหรอ”  รู้สึกใจเสียนิดๆ เพราะตั้งแต่กันจนวันนี้เขาแทบไม่ได้ห่างกับเวลอร์เลยด้วยซ้ำ

            “ฉันต้องออกไปตามเรื่องของพวกฟอสโก แล้วก็ไม่อยากพาฟาร์ออกไปเสี่ยงด้วย” เสียงทุ้มอธิบายพลางดึงร่างโปร่งขึ้นมานั่งบนตัก “เข้าใจฉันนะ”

            มันก็เข้าใจอยู่หรอก ตัวเขาเองตอนนี้ก็ใช่ว่าจะใช้พลังเวทย์ได้อย่างคล่องแคล่ว จากที่เคยเลยปิดรอยแยกระหว่างมิติมา หากรอยแยกใหญ่เกินไปก็เล่นเอาแทบหมดแรง ยังต้องพัฒนาฝีมือกันอีกไกล ครั้นจะให้อีกฝ่ายอยู่เฉยๆ เพื่อรอเขาพร้อมมันก็เปล่าประโยชน์ แม้ใจจะไม่อยากให้ห่างกัน แต่บางทีชีวิตเรามันก็มีเรื่องจำเป็นจะงี่เง่าเอาแต่ใจไม่ได้

              “ถ้าฉันไม่อยากให้นายไปละ” แต่ยังไม่วายถามออกมาอยู่ดี

              “ก็ไม่ไป”

              “ว่าแล้วต้องตอบแบบนี้ ไม่เถอะเว เราควรจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เรื่องพวกนี้จะได้จบลงไวๆ” ฟาเรสถอนหายใจหนักก่อนจะโผเข้ากอดอีกคนไว้แน่น มือใหญ่ยกขึ้นมาลูบแผ่นหลังเบาๆ

             “ฟาร์ของฉันน่ารักที่สุด” ว่าพลางใช้จมูกโด่งคลอเคลียแก้มใสก่อนจะหอมลงไปฟอดใหญ่

            “ไปวันไหน”

            “พรุ่งนี้เย็นนี้ครับ” เวลอร์ตอบก่อนจะรั้งไหล่อีกคนให้ผละออกมาสบตา “ฉันต้องขาดใจแน่เลยฟาร์"

            “อย่าเว่อนะ” ฟาเรสอุบอิบพลางหลบสายตาแพรวพราวที่อีกคนส่งมา

            “ขอนะ” เสียงมุ้มนุ่มเอ่ยอ้อนคนรักพลางกอดรั้งเอวบางให้แน่นขึ้น

            “ขะ ขออะไร” คนถูกขอแกล้งซื่อ

            “ก็รู้ๆ อยู่ หรือต้องให้พูดว่าจะขอ ‘รัก’ ฟาร์” คิเมร่าหนุ่มว่าพร้อทำหน้าเจ้าเล่ห์ “คงไม่ได้กอดฟาร์แบบนี้ไปหลายวัน ดังนั้นจะ ‘รัก’ หนักๆ เผื่อไว้เลยแล้วกัน” สิ้นคำเล่นเอาแก้มเนียนแดงซ่านไปยันหู

            “เวบ้า” เขินจนคิดคำต่อว่าไม่ออกเลยทีเดียว

            “อยากจูบฟาร์” เวลอร์ว่า ทำหน้าอ้อนๆ จนคนโดนอ้อนต้องยืดตัวขึ้นไปจูบริมฝีปากหนานั่นแม้จะอายเด็มทน คนตัวโตตอบสนองริมฝีปากนุ่มของอีกฝ่ายในทันที ปากหวานๆ ลิ้นเล็กๆ ที่ไม่ว่ากี่ทีก็ทำให้เขาติดใจได้เสมอ สองร่างถ่ายทอดความรู้สึกที่มีต่อกันออกมาผ่านสัมผัสทางกาย  อาภรณ์ทั้งหลายถูกกำจัดไปเพื่อให้ร่างกายได้แนบชิด ซึมซับไออุ่นของกันและกัน

             “มะ ไม่ไหวหรอก ฉันทำไม่ได้” ใบหน้าสวยส่ายไปมา สองแก้มแดงเรื่อ เมื่อร่างถูกพลิกให้ขึ้นคร่อมเอวหนา ท่อนเนื้อร้อนถูไถเบาๆ ที่ด้านหลังจนคนถูกกระทำขนลุกซู่ กับความต้องการที่มากขึ้น

             “น่า อยากให้ฟาร์ทำให้ฉันมั่ง นะครับ” นัยน์ตาสีอำพันสบตาคนรัก มันช่างพราวระยับและเจือไปด้วยความหลงใหลอยู่ในที “ที่รัก ได้โปรด”

             ฟาเรสพยักหน้ารับ ทั้งลูบทั้งไล้กันขนาดนี้ ใครมันจะคนไหว ครึ่งเอลฟ์หยัดกายขึ้นก่อนจับเอาตัวตนของอีกคน กดเข้าช่องทางเบื้องล่างของตนแล้วทิ้งน้ำหนักลงช้าๆ ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่นกับความอึดอัดคับแน่น ไม่ว่ากี่ทีก็ไม่ชิน ขาเรียวสั่นเกร็งจนคนตัวโตต้องคอยประคองจนทั้งสองร่างรวมกันเป็นหนึ่ง  แรงตอดรัดตรงส่วนกลาง ทำเอาเวลอร์ต้องข่มสัตว์ร้ายในใจเอาไว้เพราะอยากค่อยๆ สัมผัสอีกคนช้าๆ

            “ขยับเลยฟาร์” คิเมร่าหนุ่มเร่งเสียงพร่า คนโดนเร่งจึงค่อยๆ ยกตัวขึ้นแล้วกดลงเป็นจังหวะช้าๆ
 
            “อา มัน” เสียงหวานครางสั่นพอเริ่มเข้าที่เข้าทางจึงขย่มแรง ก่อนจะเร่งจังหวะตามอารมณ์ที่เพิ่มขึ้น

            “อืมมม ดี” เวลอร์ว่า พลางดูดดุนยอดอกที่ล่อตาล่อใจอยู่ตรงหน้าแรงๆ จนร่างโปร่งครางลั่นด้วยความเสียว ในขณะที่เบื้องล่างเด้งรับจังหวะร้อนไม่มีผ่อนแรง

             ทั้งที่ตั้งใจจะให้อีกฝ่ายเป็นคนบรรเลงบทรักในครั้งนี้ แต่ผิวขาวที่แดงเรื่อและไหนจะใบหน้างดงามที่พร่างพราวไปด้วยหยาดเหงื่อ ขับกลิ่นเนื้อนุ่มชวนให้คลั่งจนสุดท้ายคิเมร่าหนุ่มก็ไม่อาจต้านต่อสัญชาติญาณของตนได้ พลิกกายบอบบางลงใต้ร่างจากนั้นก็ลงมือกลืนกินอีกฝ่ายอย่างไม่อาจหยุดยั่งตัวเองได้

      “เว ช้าหน่อย อืออ” ฟาเรสห้ามเสียงขาดในยามที่เอวหนากระแทกใส่รัวๆ แต่เสียงสั่นพร่านั่นกระกระตุ้นให้อีกคนกระสันอยากขึ้นเป็นเท่าตัว เวลอร์ในยามนี้มัวเมาไปกับเรือนกายของคนรัก กว่าจะหยุดยั้งตัวเองได้ก็เกือบรุ่งสาง





   ฟาเรสตื่นขึ้นมาในบ่ายของวัน ก่อนจะไปส่งเวลอร์ที่ท่าเรือส่วนตัวขอเอเบรียนในตอนเย็น คนที่ออกเดินทางไปด้วยครั้งนี้ มีโอซี่ ไมเรคและมอร์แกน

   “ไปนานไหม” ฟาเรสเอ่ยถามคนตรงหน้า ข้างๆ กันมีลูนที่กอดโอซี่ไม่ยอมปล่อย เจ้าชายครึ่งออคสั่งให้เจ้าเหมียวอยู่ที่นี่กับเขา เพราะไม่อยากให้ออกไปเสี่ยง ถัดออกไปเป็นไมเรคกับมาวิค ที่แม้วันจะไปยังไม่วายแขวะกันซึ่งดูเหมือนจะเป็นมาวิคเป็นฝ่ายเวี่ยงวีนเสียมากกว่า หลังๆ มานี้ดูไมเรคไม่ค่อยต่อปากต่อคำกับเพื่อนเขาเท่าไหร่นักยิ้มรับอบ่างเดียว

   “ก็ไม่รู้เหมือนกัน น่าจะเดือนสองเดือน หรืออาจจะกลับมาที่นี่แล้วไปใหม่” เวลอร์ตอบ “ดูแลตัวเองดีๆ นะ เวลาฝึกถ้าไม่ไหวก็พัก อย่าฝืนจนตัวเองแย่”

   “อืม นายก็เหมือนกัน ถึงจะเก่งแต่ใช่ว่าจะพลาดไม่ได้ ระวังตัวด้วย” ใบหน้าคมก้มลงจรดริมฝีปากลงบนหน้าผากมนเนินนานแล้วผละออก ก่อนจะเดินไปขึ้นเรือที่จอดรออยู่

   ฟาเรสมองตามแผ่นหลังกว้างที่แบกรับความเป็นไปของเอสทีเรียดด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งภูมิใจในตัวคนรัก และใจหายที่ต้องห่างกัน แต่มันไม่น่าลำบากใจเท่ากับใครอีกคนที่ร่วมเดินทางในครั้งนี้ ดวงตาสีครามวูบไหวในยามที่เห็นมอร์แกนทำท่าจะเสียหลักในยามที่จะก้าวขึ้นเรือแต่ได้เวลอร์มาประคองไว้ เขารู้ว่าคนรักนั่นหนักแน่นมั่นคงเพียงใด แต่ก็รู้สึกหน่วงๆ ในใจเมื่อคิดได้ว่าหลังจากนี้ทั้งสองคนต้องเดินทางร่วมกัน จนอดกลัวไม่ได้ในเพราะรู้ดีว่ามอร์แกนเคยอยู่ในสถานะไหนมาก่อนสำหรับเวลอร์

   “เอาน่า เดียวพวกนั้นก็กลับ อย่าคิดมาก” มาวิคว่าพลางบีบไหล่เขาเบาๆ อย่างให้กำลังใจ นั่นสินะ สิ่งที่ฟาเรสควรสนใจตอนนี้คือทำยังไงให้ตัวเองเก่งขึ้น และตั้งใจกับสิ่งที่ควรทำก็พอ

......................................

- มาแล้วจ้า ตอนหน้าดราม่านิดๆ ก็แล้วกันเนอะ ส่วนตอนนี้ nc หน่อยๆ :hao5:

- ขอโทษที่หายหัวนะค่ะ งานเยอะมาก วันอาทิตย์ก็ไม่ได้หยุดเลย ทำโอทีสามสี่วันติดแล้วค่ะ  :ling3:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-06-2017 19:57:41 โดย l3loodl2o5e »

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
มีมาม่าไปอีกตอนหน้า

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
ดราม่านิดเดียวพอนะ :katai1:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
อ้าวเรอะ งั้นเตรียมตะเกียบรอ ขอรวดเดียวหวานเลยนะคะ
ขอบคุณคนเขียนค่ะ น้องฟาน่ารักเสมอ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด