Guardian Of Heart ผู้พิทักษ์ใจ(Fantasy) Spe : Hozier & Preme2/2 P.15 10/6/17
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Guardian Of Heart ผู้พิทักษ์ใจ(Fantasy) Spe : Hozier & Preme2/2 P.15 10/6/17  (อ่าน 99150 ครั้ง)

ออฟไลน์ l3loodl2o5e

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-4
บทที่ 4
[/size][/color]


      วันนี้เป็นวันแรกของวิชาเสรี เวลอร์และฟาเรสมายังสนามพร้อมกันแต่เช้า เป็นความบังเอิญอย่างร้ายกาจที่เพื่อร่วมเอกดันพักอยู่ห้องข้างๆ กันกับเขา 

      มือของฟาเรสดีขึ้นมากเพราะมีเวลอร์ช่วยทำแผลให้ทุกเช้า ตอนแรกเจ้าตัวดื้อดึงจะทำเอง แต่ผลงานการพันแผลหลุดรุ่ยเกินรับจนโดนอีกคนมองด้วยสายตาดุๆ เลยต้องยอมตามใจคุณหมอจำเป็น

      "มือเป็นไงมั่ง" มาวิคถามขึ้นขณะที่พวกเขานั่งรออาจารย์อยู่ข้างสนามฝึก 

      "ดีขึ้นแล้ว ไม่ระบมแล้วด้วย" ฟาเรสตอบ ต้องขอบคุณยาที่เวลอร์ผสมมาให้ ถึงรสชาติจะทรมานลิ้นแต่ก็ช่วยลดอาการอักเสบและอาการปวดลงได้เยอะ...รู้เยอะขนาดนี้ไม่ต้องเรียนแล้วมั้ง...

      "ไปทำอิท่าไหน ถึงได้เจ็บขนาดนี้" เซียถาม พลางดึงมือบางไปสำรวจ

      "ก็เอ่อ..."

      "ก็เมื่อวันอาทิตย์พาฟาเรสไปฝึกการใช้เจมมา น่าจะถ่ายพลังสู่เจมมากไปอาวุธเลยร้อนจัดจนลวกมือ" มาวิคชิงตอบ ทำเอาฟาเรสหันไปเจอสายตาดุๆ จากเวลอร์ จึงได้แต่หลุบตาลงต่ำ เพราะถูกจับได้ว่าโกหก

      "เจมมีหลายระดับ รองรับพลังเวทย์ที่ไหลผ่านได้ต่างกัน เจมที่ใช้ทำอาวุธที่ใช้ในการฝึกส่วนใหญ่เป็นเจมระดับกลางเพราะคนที่หัดส่วนใหญ่ไม่ได้มีพลังเวทย์แฝงมาก แต่หากมีพลังไหลผ่านมากเกินไปเจมมีปฏิกริยาอันตรายหรืออาจแตกได้ ต้องใช้เจมในระดับที่สูงขึ้นหรือในกรณีที่มีความชำนานมากๆ อาจควบคุมระดับพลังให้เหมาะกับเจมที่ใช้ได้ แต่ก็มี พวกที่พลังเวทย์สูงเกิน ไม่จำเป็นต้องมีเจมเป็นสื่อกลาง พลังแบบนั้นเรียกพลังเวทย์บริสุทธิ์" เวลอร์พูดขึ้นสายตาที่มองมาทางฟาเรสเดาว่าน่าจะบอกเขา
 
     "เห...มีคนแบบนั้นด้วยหรอ" พรีมถามอย่างสนใจ
 
      "มีแต่น้อย พวกที่มีพลังเวทย์บริสุทธิ์ส่วนใหญ่ก็ไม่ใช่มนุษย์ มักจะเป็นพวก เอลฟ์ ออค ดวอร์ฟ หรือพวกคิเมร่า เพราะเผ่าพันธุ์พวกนี้แข็งแกร่งกว่ามนุษย์อยู่แล้ว ในมนุษย์ก็มีแต่หายาก "

      "ไอ้สามอันแรกนะ เคยเห็น โอซี่เองก็มีเชื้อสายออค ดูตัวเจ้านี่สิใหญ่อย่างกับหมี นี่ขนาดมีแค่ครึ่งเดียวนะเนี่ย"

      "แหมคนสวยก็เปรียบซะ" เจ้าตัวบ่น

      "แต่คิเมร่านี่มีจริงหรอเกิดมายังไม่เคยเห็นเลยซักครั้ง" เซียแย้ง เผ่าพันธุ์เอลฟ์ส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ทางเหนือ ออคจะพากันอยู่แถบเรดิเอนซี่ ส่วนดวอร์ฟก็กระจายกันทั่วไปปะปนกับพวกมนุษย์ แต่คิเมร่าตั้งแต่เกิดมา เธอเคยได้ยินแต่ตำนานเป็นเผ่าพันธุ์ที่ลึกลับที่สุดในเอสทีเรียดก็ว่าได้

      "ไม่เคยเห็นไม่ได้แปลว่าไม่มีนิ" ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยกับพรีม


       ไม่นานอาจารย์ประจำวิชาก็เข้ามา สำหรับวันแรกฝึกการควบคุมพลัง ก็ไม่มีอะไรมาก อาจารย์ให้ใช้พลังทำลายเสาเหล็กเส้นผ่านศูนย์กลางขนาดหนึ่งฟุต สูงเมตรครึ่ง โดยใช้วิธีใดก็ได้ให้มันหักลงมาภายในคาบ คะแนนให้ตามความเสียหายที่เกิดขึ้น พอสิ้นคำสั่งก็ได้ยินเสียงโอดครวญยกใหญ่จากบรรดานักศึกษาว่าใครจะไปทำได้ แต่ประเด็นมันอยู่ที่อาจารย์ให้จับคู่สองคนต่อหนึ่งเสา ความวุ่นวายเล็กๆ จึงเกิดขึ้น

      "ฉันจะคู่กับฟาเรส" มาวิคบอกทันทีที่อาจารย์พูดจบ พอๆ กับเวลอร์ที่คว้าจับมือบางเอาไว้ก่อนแล้ว

      "เฮ้อ!!! ฉันละอิจฉาคนเนื้อหอมซะจริงๆ" เซียเบ้ปากใส่อย่างหมั่นไส้ 

      "ให้เด็กวิทย์คู่กันเองไม่น่าจะรอด" มาวิคให้เหตุผล ซึ่งอีกคนไม่ตอบแต่เลิกคิ้วน้อยๆ ประมาณว่า...จริงหรอ!!? จนคนกลางเริ่มเห็นเค้าลางหายนะ 

      "เวลอร์ นายคู่กับเซียแล้วกันนะ" ฟาเรสไกล่เกลี่ย นัยน์ตาสีอำพันมองเขานิ่งๆ "นะ นะ"   

      "ก็ได้" เวลอร์น่าจะพูดง่ายกว่าในความคิดของฟาเรส การจับคู่จึงจบลงที่ โอซี่กับพรีม เวลอร์กับเซีย และเขากับมาวิค แล้วแยกย้ายไปประจำเสาของตัวเอง

      "เอ่อ ฟาเรส นายไม่ต้องก็ได้นะ มือนายเจ็บอยู่"

      "มือซ้ายแทนก็ได้ ช่วยๆ กัน" เขาตั้งใจจะมาเรียนจะให้นั่งเฉยๆ ได้ยังไง

      "ถ้าไม่ไหวก็อย่าฝืนแบบวันนั้น เข้าใจไหม" ร่างโปร่งพยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้เมื่อแววตาสีน้ำตาลนั้นฉายแววห่วงใยชัดเจน
 
      ฟาเรสเลือกดาบขนาดพอดีมือมาหนึ่งเล่ม พอถือข้างที่ไม่ถนัดรู้สึกมันขัดๆ ชอบกล กวาดตามองไปรอบๆ ทุกคนเริ่มลงมือกันบ้างแล้วจนเสียงโลหะกระทบกันดังก้องสนาม พลันสายตาก็ไปสะดุดกับใครบางคนที่มองมาทางนี้แบบไม่พอใจ ฟาเรสหันซ้ายหันขวาอยากรู้ว่าเขามองใครพอหันกลับไปคนคนนั้นกลับกลืนหายไปกับกลุ่มนักเรียนแล้ว

      เสียงบ่นดังมาให้ได้ยินเป็นพักๆ แม้อาวุธจะเป็นเหล็กแต่จะให้ฟันเหล็กเข้าเลยนี่ยาก ต่อให้มีพลังเวทย์เคลือบดาบไว้ก็ตาม ตอนนี้เสาถูกฟันซ้ำๆ จนแหว่งเข้าไปถึงหนึ่งในสามเล่นเอาซะเหงื่อตก แถมยังเป็นฝีมือมาวิคเสียส่วนใหญ่ ครั้นจะใส่พลังไปเต็มๆ ก็กลัวเป็นแบบวันนั้น แต่นานๆ ก็ชักจะโมโห

      ...จัดเต็มไปเลยแล้วกัน ช่างแม่ง...

      "อยากมือเจ็บอีกข้างหรือไง" เสียงทุ้มดังข้างหูพร้อมกับข้อมือบางที่ถูกร้ังไว้ พอหันไปมองเลยรู้ว่าเป็นเวลอร์นั่นเอง

      "ของคู่ตัวเองเสร็จแล้วหรอ" มาวิคหันมาถาม อีกคนเพียงพยักเพยิดไปที่เสาเหล็กของตัวเอง ฟาเรสได้แต่มองมันอึ้งๆ เพราะถูกฟันเป็นสองท่อน ส่วนล่างยังตั้งอยู่ แต่ส่วนบนกองอยู่กับพื้น แถมรอยฟันยังราบเรียบราวกับปาดเต้าหู้  o22

      "ฉันเก่งใช่ไหมละ" เซียยิ้มหวานพลางส่งจูบมาให้พวกเรา "ล้อเล่นนะ เวลอร์เป็นคนทำต่างหาก"

      "นายทำได้ยังไง" มาวิคถามอย่างสนใจ

      "จะพยายามอธิบายดูแล้วกัน" มือสากเลื่อนจากข้อมือบางมากุมทับมือที่จับดาบของฟาเรสเอาไว้ ท่านี้เหมือนถูกอีกฝ่ายโอบไว้จากด้านหลังซึ่งนั้นมันทำให้ร่างโปร่งรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องเอาเสียเลย 

      "จะ...จะทำอะไร" ...แล้วเสียงจะสั่นเพื่อ!!!...ฟาเรสกำลังตกอยู่ในสภาวะทำตัวไม่ถูกในยามนี้  :o8:

      "เวลาที่จะใช้พลัง ไม่ควรโฟกัสที่อาวุธและเจมเพียงอย่างเดียว การทุ่มเทพลังสู่เจมเพียงอย่างเดียว อาจทำให้ได้พลังเวทย์ที่รุนแรง แต่ก็ไร้ทิศทาง" เสียงทุ้มนุ่มที่เริ่มอธิบาย นิ้วโป้งที่เกลี่ยเบาๆ บนหลังมือช่วยฟาเรสเริ่มสงบและตั้งใจฟัง "เรามีจุดหมายของพลัง หากมันถูกถ่ายทอดด้วยความเกรี้ยวกราดมันก็อาจจะร้อน" 

      "อ๊ะ!!!" พลันดาบในมือก็เริ่มอุ่นขึ้น พร้อมเจมที่เรื่องแสง เหมือนมีบางสิ่งถ่ายทอดจากฝ่ามือใหญ่ผ่านมือเขาลงสู่เจม
 
      "หรือ ความรู้สึกที่สงบ อยากควบคุม อยากปกป้องบางสิ่ง มันอาจจะเย็น" แล้วดาบในมือก็เย็นขึ้นราวกับก้อนน้ำแข็ง "หรือแม้แต่ ความรู้สึกอยากทำลาย สิ่งตรงหน้า อยากทิ่มแทง ฆ่าฟัน พลังเวทย์แฝงเหล่านั้นก็จะถูกเปลี่ยนเป็นความคม เปลี่ยนคุณสมบัติของมันไปตามความต้องการของผู้ใช้"

      มือของฟาเรสถูกดึงให้เงื้อขึ้นในท่าเตรียมฟันด้วยมือของอีกคน ฝ่ามืออุ่นกำแน่นบนมือเขา

      "ลองจินตนาการว่าเสาตรงหน้าเป็นสิ่งที่เราอยากทำลายดูสิ อยากที่จะฆ่ามัน อยากให้มันขาดสะบั้นด้วยดาบในมือเราอย่างง่ายดาย" 

      สิ่งที่อยากทำลายงั้นหรอ ภาพของไวด์โซล์แจ่มชัดในความคิด อยากจะทำลายมันทุกตัวไม่ให้ไปทำร้ายใครอีก ไม่ว่ามันจะมีสักกี่ร้อยกี่พันเขาก็จะกำจัดมันให้สิ้นซาก

      ฉัวะ!!! คมดาบเฉือนผ่านเนื้อเหล็กอย่างง่ายดาย ก่อนที่เสาจะขาดเป็นสองท่อนจนส่วนบนหล่นกลิ้งลงมา แล้วฟาเรสก็พบว่าทั้งหมดเกิดขึ้นด้วยแรงของเขาเองเพราะอีกคนละมือไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

      "นี่ฉัน เป็นคนทำหรอ" ดวงตาสีครามกวาดมองเพื่อนอย่างขอคำยืนยัน

      "ใช่ ฝีมือนายนั่นแหละ" เซียบอกอย่างดีใจราวกับนั่นเธอเป็นคนทำเอง มาวิคเองก็พยักหน้าพลางยกนิ้วโป้งให้เลย
 
      "เราไปลองบางดีกว่า" ว่าแล้วโอซี่กับพรีมที่มายืนดูก้กลับไปที่เสาตัวเอง แม้มันจะไม่ขาดในดาบแรงของพรีมแต่เมื่อโอซี่ฟันซ้ำลงอีกดาบเสาเหล็กหนานั่นก็ขาดลงมาทันที

      "ไปฝึกทำซ้ำๆ จนกลายเป็นความเคยชินก็จะช่วยให้ใช้ได้คล่องขึ้น" เวลอร์บอกทุกคนแต่ดวงตากลับมองมาที่ร่างโปร่งราวกับเน้นย้ำที่เจ้าตัว "มีพลังมากแต่ถ้าใช้ไม่เป็นก็มันก็ไร้ผล"

      บางทีฟาเรสก็สงสัยเหลือเกินว่า เวลอร์เป็นใครกันแน่ สิ่งที่หมอนี่รู้ช่างมีมากมาย ไม่ใช่แค่ทฤษฎีแต่คนคนนี้ยังสามารถลงมือปฏิบัติได้อย่างยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน จนคิดว่าเขาไม่จำเป็นต้องมาเรียนเลยด้วยซ้ำให้มันเสียเวลา
 
      วิชาเสรีคาบแรกจบไปอย่างสวยงาม และดูเหมือนจะมีเพียงพวกฟาเรสเท่านั้นที่ทำตามอาจารย์มอบหมายได้สำเร็จจึงได้คะแนนงามๆ กันไปตามระเบียบ

.......................................

      ชีวิตมหาลัยผ่านไปร่วมสองเดือน อานิมาไม่ได้สอนแค่ความรู้ แต่ยังสอนเรื่องมิตรภาพให้แก่ฟาเรส ว่าการมีใครซักคนที่ไม่ใช่ครอบครัวเข้ามาในชีวิตมันไม่ใช่เรื่องน่ากังวลใจอย่างที่คิด แม้ความสุขความสนุกที่ได้รับมันจะไม่ได้ทำให้เขาลืมเรื่องร้ายที่เกิดขึ้น แต่กลับช่วยให้ฟาเรสสามารถเดินต่อไปอย่างเข้มแข้งและมีกำลังใจ 

      ส่วนมาวิคกับเวลอร์แม้ทั้งสองจะชอบมึนตึงใส่กัน หากแต่ในเวลาสำคัญทั้งสองกับร่วมมือกันได้เป็นอย่างดี ก็แค่ไม่ถูกชะตากันแต่ก็ยอมรับในความสามารถของกันและกันประมาณนั้น

      "หิวเป็นบ้าเลย" ฟาเรสบ่นขณะที่กำลังวิเคราะห์สารประกอบจากสมุนไพรตัวอย่างหลายชนิดบนโต๊ะ 
หันไปดูนาฬิกาบอกเวลาบ่ายสาม พลางนึกได้ว่าเมื่อวานลุงเอเบรียนหอบสะเบียงมายัดใส่ตู้เย็นไว้ให้  เพราะช่วงนี้ฟาเรสใช้ชั้นสองของตึกวิจัยเป็นที่ซุกหัวนอนเพราะต้องทำวิจัยเรื่องพืชสมุนไพรที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทเป็นรายงานสอบกลางภาคแล้วขี้เกียจหอบเอกสารไปๆ มาๆ แน่นอนรายงานกลุ่มมีเวลอร์ทำด้วยอีกคน แต่รายนั้นบางวันก็นอนที่ตึกบางวันก็กลับห้อง

      "ขึ้นไปชั้นสองเอาอะไรไหม" ฟาเรสหันไปถามร่างสูงที่กำลังพิมพ์บทวิเคราะห์อยู่หน้าจอคอมฯ

      "นมกล่องหนึ่ง"

      ร่างโปร่งเดินขึ้นมาชั้นสองก่อนจะเปิดตูเย็นหยิบนมมาสองกล่อง กับเค้กชิ้นเล็กๆ ออกมา เสียงข้อความโทรศัพท์ดัง เขาจึงวางทุกอย่างไว้บนเคาท์เตอร์ครัวแล้วเปิดดู

      ...วันนี้ไม่มีฝึก ฉันมาเดินเล่นตรงสวนสัตว์เอกชีวะ มาด้วยกันสิ ฉันรออยู่แถวกรงเสือนะ... 

      เป็นข้อความจากมาวิค เจ้าตัวเคยบ่นว่าอยากไปเดินดูสวนสัตว์ขนาดย่อมที่อยู่ในเอกชีวะ สงสัยวันนี้ว่างไม่มีฝึกจึงชวนเขา จะว่าไปช่วงนี้ฟาเรสเองก็ไม่ได้ไปตามคำชวนของเพื่อนๆ ซักเท่าไหร่เพราะมัวแต่วุ่นกับรายงาน เอกชีวะอยู่ห่างจากที่นี่ไม่ไกล แวบไปซักหน่อยคงไม่เป็นไรมั้ง

      "เอ้อ เวลอร์ฉันว่าจะออกไปข้างนอกหน่อย" ฟาเรสบอกพลางยื่นกล่องนมให้เพื่อน

      "ไปสิ ไปเดินเล่น พักซักหน่อยก็ได้" เสียงทุ้มตอบก่อนจะหันกับไปสนใจหน้าจอต่อ

      "ขอโทษที่อู้นะ แล้วจะรีบกลับมา"

      ฟาเรสเดินไปยังสวนสัตว์ของเอกชีวะ ซึ่งเต็มไปด้วยกรงสัตว์น้อยใหญ่ที่แบ่งเป็นโซนๆ ตั้งแต่สัตว์น้ำ สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และตระกูลสัตว์อันตราย ซึ่งกรงเสือน่าจะอยู่ในโซนนี้

      สองเท้าก้าวช้าๆ ไปยังจุดหมาย เสียงคำรามต่ำๆ จากกรงนักล่าทั้งสองข้างทางชวนขนลุกดีแท้ ดวงตาสีครามมองหาคนที่นัดเขาไว้แต่ไร้วี่แวว ...หรือว่าจะเป็นด้านบน... ร่างบางเดินขึ้นบันใดชั้นสองก่อนจะเดินไปตามสะพานที่ถูกสร้างกระจายไปทั่วบริเวณเพื่อใช้สำรวจสัตว์ในกรงต่างๆ จากมุมสูง เผื่อจะมองหาอีกคนได้ง่ายขึ้นแต่ก็ไม่มีใครจึงตัดสินใจกดโทรศัพท์หา

      "ไงฟาเรส" เสียงเหนื่อยหอบดังมาจากปลายสาย

      "นายอยู่ไหนเนี่ย"

      "ก็สนามฝึกไง" คำตอบที่ได้รับทำเอาเจ้าตัวมึนงง
 
      "แต่เมื่อกี้นายส่งข้อความมาหาฉันไม่ใช่หรอ ว่าให้ออกมาเดินเล่นตรงสวนสัตว์เอกชีวะด้วยกัน" ฟาเรสถามออกไปแบบไม่เข้าใจ

      "ฮะอะไรนะ ข้อความงั้นหรอ...หรือว่า"

      "เฮ้ย!!!" ฟาเรสร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อจู่ๆ ก็ถูกใครไม่รู้ผลักหลังเขาอย่างแรงจนหน้าทิ่มราวสะพาน ร่างบางร่วงลงกระแทกพื้นดินด้านล่าง นอนแผ่หราอยู่กับพื้น จากความสูงเกือบสามสิบเมตรทำเอาทั้งร่างเจ็บร้าวไปหมด มันจุกเกินจะขยับ แรงกระแทกเล่นเอาตาพร่าเกินกว่าจะเห็นหน้าคนทำที่ทอดมองเขาจากบนสะพานได้อย่างชัดเจน

      ...เจ้านั่นเป็นใคร ทำไมถึงทำแบบนี้...

       เสียงคำรามต่ำๆ ดังขึ้นรอบตัว เสือโคร่งสี่ตัวกำลังย่างเท้าเข้าหาร่างที่นอนนิ่งอยู่บนพื้นอย่างสนใจ จมูกชื้นของนักล่าสูดดมไปตามร่าง สติที่แสนลางเลือนรับรู้ถึงอันตรายแต่กลับไม่มีแรงแม้แต่จะร้องออกไป

.............................................

-เรือหายแล้วหนูฟาร์อิฉัน

-มาอัพให้แล้วจ้า  :mew1: ช่วงนี้งานที่บริษัทไม่เยอะ เลยมีเวลานั่งพิมพ์ในเวลาทำงาน  :katai4: เปล่าอู้นะค่ะ วันว่างงงงง




ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
แอร๊ย มาแย้ว มาทุกวัน ขอบคุณคนเขียนมากๆเลยนะคะ รอทุกวันก็มาทุกวัน ปลื้มมม
ใครนะใครยังอาจทำร้ายฟาเรส!!! แง่ง ค้างมากกกก

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 o22.  อ่าวเห้ย. มาวิคจะช่วยได้ไหมนะ. น้องฟามาเร็วๆนะ

ออฟไลน์ MaRiTt_TCL

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-6
แย่แล้วฟาเรส เวลอร์มาช่วยเร็วววว

ออฟไลน์ kdds

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
ตกจากความสูงสามสิบเมตรไม่ตาย(?) แต่จะไม่รอดเพราะเสือนี่แหล่ะน้า

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
โห~~~~!!! จะรอดไหมเนี่ยยยย ฟาร์

ออฟไลน์ double9JH

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1809
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-7
ฟาร์เอ้ยยจะรอดมั้ยเนี่ยยย   :katai1:
เวลอร์หรือมาวิคจะมาช่วยกันนะ :hao3:

ว่าแต่ใครทำ มาวิคต้องรู้แน่ๆเลย

ออฟไลน์ SaJung13

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1057
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
คนนั้นรึป่าวที่ชนกันในห้องน้ำอ่ะ
ต้องใช่แน่ๆเลย เหมือนเขาจะชอบมาริค
นะ

ออฟไลน์ padloms

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
จับได้ละก็จัดหนักๆ บังอาจทำร้ายหนูฟา

ออฟไลน์ mellowshroom

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 976
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
ไม่ได้อ่านนิยายแฟนตาซีนานมากก รู้สึกชอบนิยายแนวนี้ ในที่สุดก็มีมาให้อ่านในแบบที่ชอบแล้ว ดีใจ:)  เราตามอ่านมา 2เรื่องแหละ ตามมาอ่านเรื่องนี้ด้วยเลย จะตามติดไม่ไปไหนเลย สู้ๆน้าา  o13 :impress2: :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ nu-tarn

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 800
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-6
หนูฟาเจออะไรอีกแล้วเนี่ย

ออฟไลน์ ตีสี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-5
    • 61'
เราเพิ่งอ่านDark Wing จบ เรื่องนั้นทำให้กระหายอยากในแฟนตาซีฝุดๆ มาเปิดเรื่องนี้เพราะแฟนตาซีอีกนั่นละ ถึงได้เห็นว่าเอ้า!!! คนเขียนคนเดียวกัน ดีใจจัง แต่ว่านะขออ้างถึงอันนี้ย่อหน้านี้หน่อยนะ

"พวกไวด์โซล มันบุกบ้านเรา" ท่านพ่อบอก ไวด์โซล ผมเคยได้ยินเรื่องพวกนี้มาบ้าง เป็นอันเดธหรือปีศาจประเภธหนึ่งที่ไล่ล่ามนุษย์ แต่ในเมืองที่มีการคุ้มกันแบบนี้พวกมันหลุดมาได้ยังไง อีกอย่างผมไม่เคยได้ยินข่าวการถูกโจมดีในเมืองแถบนี้เลยด้วยซ้ำ

สรรพนามบุรุษที่หนึ่งในย่อหน้านี้ตั้งใจใช้หรือเปล่า อยากจะบอกว่ามันไม่เข้ากันมากๆเลยละ

ออฟไลน์ l3loodl2o5e

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-4
เราเพิ่งอ่านDark Wing จบ เรื่องนั้นทำให้กระหายอยากในแฟนตาซีฝุดๆ มาเปิดเรื่องนี้เพราะแฟนตาซีอีกนั่นละ ถึงได้เห็นว่าเอ้า!!! คนเขียนคนเดียวกัน ดีใจจัง แต่ว่านะขออ้างถึงอันนี้ย่อหน้านี้หน่อยนะ

"พวกไวด์โซล มันบุกบ้านเรา" ท่านพ่อบอก ไวด์โซล ผมเคยได้ยินเรื่องพวกนี้มาบ้าง เป็นอันเดธหรือปีศาจประเภธหนึ่งที่ไล่ล่ามนุษย์ แต่ในเมืองที่มีการคุ้มกันแบบนี้พวกมันหลุดมาได้ยังไง อีกอย่างผมไม่เคยได้ยินข่าวการถูกโจมดีในเมืองแถบนี้เลยด้วยซ้ำ

สรรพนามบุรุษที่หนึ่งในย่อหน้านี้ตั้งใจใช้หรือเปล่า อยากจะบอกว่ามันไม่เข้ากันมากๆเลยละ

เราลืมแก้นะค่ะ ตอนแรกจะพิมพ์ เป็ยบุรุษที่หนึ่งแล้วอยากลองเปลี่ยน ขอโทษค่ะๆ  :mew2:

ออฟไลน์ l3loodl2o5e

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-4
บทที่ 5

      มาวิคมองโทรศัพท์อย่างงุนงง จู่ๆ ฟาเรสก็โทรมาบอกว่าเขาส่งข้อความนัดเจ้าตัวไปเดินเล่น ทั้งที่ยังคุยไม่รู้เรื่องแต่กลับตัดสายไปดื้อๆ โทรกลับก็ไม่ติด

      ...อาจเกิดเรื่องไม่ดีก็ได้...

      ร่างสูงแทบจะเหาะไปยังโดมกระจกด้วยความร้อนใจ บางทีฟาเรสอาจจะอำเขาเล่นก็ได้เพราะช่วงนี้ต่างคนต่างไม่ว่างมาเจอกันเลยด้วยซ้ำ แต่พอไปถึงกับเจอเพียงเวลอร์ที่กำลังง่วนกับงานตรงหน้า

      "ฟาเรสละ" มาวิคถามเสียงตื่นพลางก้มหอบจนตัวโยน เพราะเล่นวิ่งมากจากตึกคณะ

      "ออกไปข้างนอก ไม่ได้ไปหานายหรอ" นัยน์ตาสีอำพันฉายแววฉงน "เกิดอะไรขึ้น" อีกคนถามเสียงเครียด

      "เมื่อกี้ฟาเรสโทรมาพูดอะไรแปลกๆ บอกว่าฉันส่งข้อความมานัดหมอนั่นไปเดินเล่นตรงสวนสัตว์เอกชีวะ" 

      "แล้วนายไม่ได้ส่งสินะ"

      "ก็ใช่นะสิ" พอได้ยินดังนั้น เวลอร์ก็ทิ้งทุกสิ่งที่ทำอยู่ก่อนวิ่งพรวดออกจากห้องวิจัยไป โดยมีมาวิคตามมาด้วย สองหนุ่มตรงไปยังสวนสัตว์ของเอกชีวะ พอมาถึงทั่วบริเวณกับเงียบงันมีแต่เสียงร้องของสัตว์ดังมาเป็นระยะๆ เพราะนักศึกษาคนอื่นๆ ไปรวมกันอยู่ในแลบ

      "ทางนี้ๆ" เวลอร์บอกพลางก้าวยาวๆ นำไปยังโซนสัตว์อันตราย มาวิคมองสิ่งมีชีวิตในกรงต่างๆ ด้วยใจเต้นรัว 

      "มั่นใจได้ไงว่าทางนี้"

      "สันชาตญาณบอก" คิ้วเข้มขมวดมุ่นกับคำตอบ แต่ก็ยอมตามมา ก่อนที่ภาพตรงหน้าแทบทำให้หยุดหายใจ

      "นั่นฟาเรส?" ในกรงเสือโคร่งตรงหน้าร่างบางที่เขาตามหานอนแผ่หราอยู่บนพื้น ดูจากตำแหน่ง น่าจะตกลงมาจากสะพานด้านบน โทรศัพท์ตกอยู่ข้างๆ โชคยังดีที่ไม่โดนรุมทึ้งร่าง อาจเพราะนอนนิ่งไม่ได้สติ ปราศจากเลือดและการเคลื่อนไหว จึงไม่ไปกระตุ้นสัญชาติญาณนักล่าทั้งสี่ตัวที่ล้อมรอบ

      "ไปตามคนมาเปิดกรง" เวลอร์หันไปบอกคนข้างๆ 

      "แล้วนายจะทำอะไร...เฮ้ย!!!" มาวิคร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อจู่ๆ อีกคนกระโดดข้ามกรงที่สูงร่วมยี่สิบเมตรเข้าไปข้างในแบบที่ไม่คิดว่าคนธรรมดาจะทำได้

      "ไปสิวะ" แม้คำถามในใจจะมีมากมายแต่ตอนนี้ความปลอดภัยของฟาเรสต้องมาก่อน มาวิคจึงรีบไปตามคนอย่างที่อีกฝ่ายบอก

      กรร!!! นักล่าทั้งสี่หันมาขู่คำรามใส่ผู้มาใหม่ แต่พอสบกับนัยน์ตาสีอำพันวาวโรจน์กลับถอยกรูดออกจากร่างบางราวกลับผู้ถูกล่า หางตกลู่อย่างหวาดกลัวในตัวบุรุษตรงหน้ายิ่งนัก

      สองเท้าก้าวไปข้างหน้าอย่างสงบก่อนที่ร่างสูงจะคุกเข่าลงตรงฟาเรส พลางสัมผัสเบาๆ ไปทั่วร่างคนเจ็บ แล้วผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อพบว่าไม่มีกระดูกส่วนใดหัก

      แขนแกร่งช้อนอุ้มฟาเรสขึ้นอย่างแผ่วเบา เวลอร์เลือกที่จะเดินออกไปทางประตูเพราะไม่อยากให้ร่างในอ้อมกอดกระทบกระเทือนไปมากกว่านี้หากต้องกระโดดข้าวรั้วออกไป ไม่นานมาวิคก็วิ่งกลับมาพร้อมคนดูแลเพื่อเปิดกรงให้เขาพาฟาเรสออกไป

      "นายทำได้ไง" เวลอร์ไม่ตอบแต่รีบพาอีกคนไปที่ส่วนพยาบาลของตึกอำนวยการอย่างรวดเร็ว เมื่ออีกฝ่ายไม่มีทีท่าจะบอกมาวิคจึงเลือกที่จะตามมาเงียบๆ เพื่อดูอาการคนเจ็บแทน

...............................................


      "เวลอร์ นายเป็นใครกันแน่" มาวิคถามคนที่ยืนกอดอกอยู่ฝั่งตรงข้าม ขณะกำลังรอฟาเรสอยู่หน้าห้องตรวจ "ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่ ต้องการอะไรจากฟาเรส"

      "นายไม่จำเป็นต้องรู้ สิ่งเดียวที่นายควรรู้คือฉันไม่มีวันทำร้ายฟาเรส" เป็นการตัดบทสนทนาที่ชัดเจน 

      เวลอร์เป็นคนแรกในชีวิตที่ทำให้มาวิครู้สึกว่าด้อยกว่าในทุกด้าน ถึงหมอนี่จะน่าหมั่นไส้แต่ต้องยอมรับเลยว่าเก่ง และสิ่งถึงที่เขามั่นใจคือชายหนุ่มตรงหน้าไม่ใช่มนุษย์แน่นอน

      "คิดว่าเป็นฝีมือใคร" เวลอร์ถามขึ้นหลังจากมองหน้าเขาอยู่นาน มาวิคพยายามนึกถึงเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในวันนี้ ว่านอกจากเขาแล้วมีใครยุ่งกับโทรศัพท์บ้าง

      "ไคโอ" ชื่อนี้แล่นเข้ามาในความคิด "หมอนั่นมายืมโทรศัพท์ฉันเมื่อบ่าย บอกลืมเอาโทรศัพท์มาจะโทรหาเพื่อน"

      ไคโอเรียนที่เดียวกับมาวิคมาตั้งแต่เด็ก และหมอนั่นก็ชอบมาวิคมานานแล้ว ก่อนเรียนจบขึ้นพื้นฐานหมอนั่นเคยมาสารภาพรักกับมาวิคแต่ถูกปฏิเสธไป แม้เจ้าตัวจะเคยเสนอความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนให้เขา หากเป็นคนอื่นมาวิคคงรับไว้ แต่อีกฝ่ายเป็นญาติกัน ไคโอจึงเปรียบเสมือนน้องคนหนึ่งที่เขาไม่อยากจะทำร้ายจึงรักษาระยะห่างตลอดมา

      "มันทำแบบนี้เพื่ออะไร" นัยน์ตาสีอำพันครุกรุ่นอย่างเห็นได้ชัด

      "ไคโอชอบฉัน พอรู้ว่าฉันชอบฟาเรส เลยคิดจะกำจัดฟาเรสละมั้ง ไม่คิดเลยว่าหมอนั่นจะกล้าทำแบบนี้" มาวิคบอกอย่างหนักใจ นี่ฟาเรสต้องมาซวยเพราะเขาหรอเนี่ย

      "คนเราทำได้ทุกอย่างเพื่อความรัก" เวลอร์บอกพลางสบตาเขาตรงๆ "เรื่องมาจากนาย เอาเป็นว่าจัดการตามที่นายเห็นควรก็แล้วกัน"

      "รู้แล้วน่า"

...................................................

      ฟาเรสฟื้นขึ้นในวันต่อมาท่ากลางเพื่อนๆ ที่มาเฝ้ารอเขาด้วยความเป็นห่วง ทำเอาเจ้าตัวอดซาบซึ้งใจไม่ได้ แม้จะปราศจากบาดแผลใดๆ แต่ก็ช้ำในไปตามระเบียบ ไม่นานป้าโอเรนก็เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับลุงเอเบรียน

      "โอ้ ฟาเรสหลานป้า เจ็บมากไหมลูก" หญิงชราน้ำตาคลอพลางดึงมึงหลานชายไปกุมไว้แนบอก "พอป้าได้ยินเรื่องป้าก็รีบมาที่นี่เลย ลุงมาคัสเองก็ตกใจเหมือนกัน ถ้าไม่ติดภารกิจท่านคงตามมาด้วยอีกคน" 

      "ผมไม่เป็นไรแล้วครับ" ริมฝีปากสวยแย้มยิ้มให้กับผู้ใหญ่ทั้งสอง

      "ไหนบอกลุงซิ ไปทำอิท่าไหนถึงตกลงไปในกรงแบบนั้น" ผู้อำนวยการถามขึ้นพลางลูบหัวหลานชายเบาๆ สรรพนามที่แทนตัว ทำเอาเพื่อนในห้องถึงกับเหวอเมื่อรู้ว่าฟาเรสมีความสำคัญกับผู้อำนวยการแค่ไหน

      "มีคนผลักผมลงมา ผมเองก็ไม่รู้ว่าใคร" 

      "ใครกันที่มันกล้าทำแบบนี้ในที่ของฉันบังอาจเกินไปแล้ว" ลุงเอเบรียนบอกเสียงเย็น "ถ้าจับได้ ฉันไม่เอาไว้แน่"

      "ต้องขอบคุณสายเลือดของฟาร่าในตัวหลาน นี่ถ้าเป็นคนทั่วไปคงกระดูกหักทั้งตัวแล้วมั้ง" คำบอกเล่าของท่านลุงทำให้ฟาเรสรู้สึกแปลกใจ

      "แม่ผมทำไมหรือครับ"

      "ก็แม่เธอเป็นเอลฟ์ไงจ๊ะ นี่อินดิโก้มันไม่เคยบอกเลยหรือไง" ร่างบางส่ายหัวแทนคำตอบ งั้นแสดงว่าเขาก็เป็นลูกครึ่งนะสิ "ต้องขอบคุณเวด้วย ถ้าไม่ได้เขาคงแย่" ชื่อที่ท่านป้าเรียกบอกให้รู้ว่าทั้งสองรู้จักกันอยู่แล้ว
 
      "ป้าโอเรนรู้จักเวลอร์ด้วยหรอครับ"

     "ใช่จ้ะ จริงๆ แล้วเขามาอยู่ที่นี่เพื่อดูแลหลานไงจ๊ะ" ฟาเรสหันไปมองเจ้าของชื่อ สบตาสีอำพันอย่างขอคำตอบ ซึ่งร่างสูงก็พยักหน้ารับในสิ่งที่ท่านป้าบอก

      งั้นที่ผ่านมา ที่เวลอร์คอยดูแลเอาใจใส่ คอยบอกคอนสอน ช่วยเหลือฟาเรสสารพัด มันคือหน้าที่อย่างนั้นหรอ งั้นเวลอร์ก็เป็นคนของท่านลุงนะสิ 

      ...ทำไมถึงรู้สึกผิดหวังเหลือเกิน...

      ฟาเรสพักฟื้นอยู่เป็นอาทิตย์โดยมีป้าโอเรนคอยเฝ้าในสามวันแรกก่อนจะกลับไวท์ออชาร์ดเพราะกลัวท่านลุงจะเหงา แต่วันต่อๆ มาก็ใช่ว่าจะอยู่คนเดียวเพราะมาวิคแม้จะต้องไปสนามฝึกในตอนกลางวัน แต่กลางคืนก็จะมาอยู่ดูแลเขา โดยให้เหตุผลว่าตัวเองเป็นต้นเหตุให้ร่างบางเจ็บตัว 

      นัยน์ตาสีน้ำตาลที่มองเขามักเจือไปด้วยความห่วงใยจนบ้างครั้งก็รู้สึกอบอุ่นไปกับมัน บางทีก็ฉายแววรู้สึกผิดจนฟาเรสรู้สึกสงสาร เขาเข้าใจว่ามาวิคคงไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้จึงไม่ได้ถือโทษโกรธอะไร ได้ยินมาว่าไคโอคนที่ทำร้ายเขาลาออกไปจากอานิม่าไม่กี่วันให้หลัง ซึ่งนั่นก็มากพอแล้วสำหรับฟาเรสเพราะมันหมายถึงอนาคตทางการศึกษาที่ต้องแลกกับสิ่งที่ทำ เขาเองก็คงไม่อยากจองล้างจองผลาญไปมากกว่านี้

      รายงานสอบกลางภาคผ่านไปด้วยดีเพราะเวลอร์จัดการต่อจนเสร็จ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะทำให้ด้วยความอารีหรือหน้าที่แต่ฟาเรสก็รู้สึกขอบคุณ

...............................................

      ฟาเรสกลับมาเรียนตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือเขาพูดน้อยลงโดยเฉพาะกับเวลอร์ ฟาเรสไม่รู้สึกดีใจเลยที่รู้ว่ามีคนคอยดูแล หากนั่นไม่ได้มาจากใจแต่เป็นหน้าที่ มันยากที่จะยิ้มให้อีกฝ่ายได้ดังเดิม ซึ่งฟาเรสก็ไม่เข้าใจตัวเองเช่นกันว่าทำไมถึงได้คาดหวังกับอีกฝ่ายมากมายขนาดนี้

      ในเย็นวันเสาร์พวกมาวิคชวนเขาไปดื่มที่บาร์ตรงหาดทรายขาว เซียบอกว่าอยากฉลองที่เขาหายดีจึงรับคำชวนไป มีเพียงเวลอร์ที่ปฏิเสธคำชวนครั้งนี้เพราะต้องไปช่วยงานผู้อำนวยการ

     "นี่ฟาเรส นายเคยมีแฟนหรือเปล่า" มาวิคถามขึ้น ตอนนี้เซียกับพรีมกำลังวาดลวดลายอยู่ยนฟลอร์ ส่วนโอซี่หายวับไปกับสาวที่คุยถูกคอเมื่อครู่

     "ก็มีเข้ามาเสนอตัวให้บ้าง แต่ไม่ได้คบใครจริงจัง" ฟาเรสตอบพลางกระดกเครื่องดื่มในมือ โชคดีที่ผับแห่งนี้ไม่ตรวจบัตรไม่งั้นฟาเรสคงอดเข้าเพราะอายุไม่ถึง เนื่องจากอยู่ในเขตอานิมาซึ่งส่วยใหญ่ก็อายุสิบแปดกันหมดแล้ว 

      ตอนที่อยู่บ้านเขามีโอกาสได้ดื่มบ้างเวลาที่ท่านพ่อจัดงานสังสรรค์ ซึ่งบางทีก็หิ้วสาวขึ้นห้องจากงานนี่แหละ ถึงแม้ฟาเรสจะหลงไหลใหนตำราแต่ใช่ว่าเขาจะไม่รู้อะไรเลยในเรื่องเซ็กส์

      "หน้าอย่างนายไม่มีสิแปลก" มาวิคแซว แก้มเนียนที่ซับสีเลือดจางๆ จากฤทธิ์เหล้าช่างน่ามองเหลือเกินจนเผลอเอามือเกลี่ยเบาๆ อย่างลืมตัว ท่าทางขัดเขินของร่างบางทำให้ชายหนุ่มอดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ ว่าอีกฝ่ายคงเริ่มหวั่นไหวบ้างแล้ว ฟาเรสที่เริ่มเมากลายเป็ยคนช่างพูดช่างเล่า นั่นยิ่งทำให้ร่างโปร่งตรงหน้าช่างน่ารักเหลือเกินสำหรับเขา



      กว่าทั้งห้าจะกลับก็เกือบเที่ยงคืน พรีมพาเซียกลับห้อง โอซี่หายไปกับสาว มาวิคที่ดูสภาพเป็นคนสุดจึงรับหน้าที่พาคนเมาไปส่ง ฟาเรสกึ่งหลับกึ่งตื่นถูกแบกขึ้นแผ่นหลังกว้างเดินไปตามทาง ตัวฟาเรสเบามากเหมือนแบกเด็กน้อยก็ไม่ปาน จนมาถึงห้องของเจ้าตัวในที่สุด 

      "ฮึบ" มาวิคค่อยๆ ปล่อยคนเมานอนราบลงโซฟา ด้วยระยะขนาดนี้ทำให้เขามองเห็นใบหน้าเนียนได้ชัดเจน แม้จะมีกลิ่นเหล้าแต่ก็ไม่อาจกลบกลิ่นหอมอ่อนๆ จากร่างบาง มันชวนให้สมองมึนเบลอ ริมฝีปากอิ่มสวยดูเข้มขึ้นเพราะความร้อนในกาย ดึงดูดให้มาวิคสัมผัสมันอย่างลืมตัว ก่อนประทับจูบลงไปอย่างเกินจะห้ามใจ

      ริมฝีกปากหวานล้ำ ทำให้มาวิคหลงไหล เข้มเม้มริมฝีปากนั้นอยา่งหิวกระหาย ก่อนรุกล้ำเข้าไปสัมผัสกับลิ้นชื้นซึ่งตอบสนองอย่างลืมตัว

      ก๊อก ก๊อก ก๊อก!!!เสียงเคาะประตูดึงสติที่หลุดลอยให้กลับสู่ร่าง ก่อนที่มาวิคจะตระหนักว่าเขาเผลอจูบร่างบางไปเสียแล้ว ร่างสูงหยัดกายขึ้นอย่างเสียดายก่อนจะเดินไปเปิดประตูให้แขกยามวิกาล

      "อ่าวเวลอร์ มาทำอะไรตอนนี้" มาวิคถามอย่างฉงน
 
       "ได้ยินเสียงเปิดประตู คิดว่าฟาเรสกลับแล้วเลยจะเอาหนังสือมาคืน" ว่าพลางโชว์หนังสือเล่มหนาในมือ "แล้วนายละ"

       "ฟาเรสเมา ฉันเลยอาสามาส่ง" มาวิคตอบ นัยน์ตาสีน้ำตาลฉายแววสับสนอย่างปิดไม่มิด ไม่มีคนเคาะประตูเขาอาจเผลอทำอะไรเกินเลยมากกว่านี้ แต่ลึกๆ ก็แบบเสียดาย

      "กลับไปก่อนเถอะห้องฉันอยู่ข้างๆ เดี๋ยวฉันดูฟาเรสให้เอง" เสียงทุ้มกล่าวเรียบๆ

      "แต่เอ่อ...ฉันดูเองก็ได้" มาวิคแย้ง

      "จริงหรอ" นัยน์ตาคมหรี่มองอย่างจับผิด "นายดูเมาๆ นะกลับไปพักเถอะ" คงไม่รู้สึกไปเองใช่ไหมว่าถูกไล่ แต่มาวิคยอมรับว่ารู้สึกมึนๆ อย่างอีกฝ่ายว่าจริงๆ ถึงขอตัวกลับ ระหว่างทางที่เดินกลับห้องสัมผัสจากริมฝีปากนุ่มยังคงตราตึงจนทำให้ใจเต้นรัว

      เวลอร์มองตามหลังมาวิคจนลับตา ประสาทสัมผัสอันยอดเยี่ยมทำให้ให้รู้ว่าหมอนี่พาฟาเรสกลับมา แต่การที่อีกฝ่ายหายเข้าห้องมานานทำให้เวลอร์ยากจะวางใจ

     ปัง!!! ประตูปิดดังตามแรงอารมณ์ เวลอร์ก้าวยาวๆ ไปยังร่างที่นอนนิ่งอยู่บนโซฟา ก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้าสำรวจสภาพร่างบางอย่างกังวล ริมฝีปากแดงช้ำบอกให้รู้ว่าเพิ่งโดนจูบ นำพาให้ตาคมแข็งกร้าวขึ้นทันใด

    ...ถ้าช้ากว่านี้จะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้...

       "ไม่รู้จักระวังตัวเลยให้ตายสิ" เสียงทุ้มบ่นอุบอย่างโมโห พลางช้อนอุ้มคนเมาให้มานอนบนเตียง 

      ถอดรองเท้าถุงเท้าทิ้งไป ตามด้วยเสื้อเชิตและกางเกงขายาวเหลือไว้เพียงบอกเซอร์กับชั้นใน มองหากะลังมังพร้อมผ้าสะอาดมาชุบน้ำเช็ดตัวให้คนที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง ร่างกายขาวเนียนตรงหน้าช่างล่อตาล่อใจ แต่เวลอร์ก็ไม่ใจร้ายพอจะล่วงเกินคนเมา จึงรีบเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้เสร็จก่อนจะตบะแตกไปจริงๆ 

       เสื้อยืดสีเทาถูกใส่ให้ฟาเรสเพราะถ้าปล่อยให้นอนไปทั้งอย่างนี้ก็กลัวจะเป็นหวัด เวลอร์ดึงผ้าห่มขึ้นคลุมจนถึงอกก่อนที่จะดับไฟในห้อง เปิดไว้เพียงโคมหัวเตียง แพขนตาหลับพริ้มอย่างเป็นสุข มือใหญ่ลูบเบาๆ ที่กลุ่มผมนุ่ม ฟาเรสในยามหลับยังน่าเอ็นดูไม่เคยเปลี่ยน ริมฝีปากสวยจรดลงบนหน้าผากมนอย่างแผ่วเบาแล้วผละออก

       "ฝันดีนะฟาร์" เสียงทุ้มกระซิบเบา ก่อนที่เวลอร์จะออกจากห้องไปโดนไม่ลืมล๊อคประตู

..........................................

-เง้อ หนูฟาร์ อย่าได้น้อยใจ มันเป็นหน้าที่ของหัวใจมั้งจ้ะ อิอิ :hao3:

-ช่วงนี้พอจะมีเวลาบ้างเพราะงานไม่มี เลยรีบเอามาลง  :katai4: ส่วนหนึ่งคือกำลังคึกนั่นเอง ถ้าช่วงไหนหายๆ ก็ไม่ต้องแปลกใจนะค่ะ นั่นแปลว่างานท่วมหัว  :katai5: จนต้องหอบกลับมาบ้าน :ling3:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-02-2016 00:20:44 โดย l3loodl2o5e »

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
เอิ่ม เสียใจด้วยนะมาวิคแต่นายคงได้แค่นั้นแหละ
องครักษ์เวความอดทนสูงมาก ปลื้ม. เดาว่าท่านรูปปั้นแน่ๆ เหมือนเห็นน้องฟามาตั้งแต่เล็ก
คนเขียนสู้ๆนะคะ   :mew1:

ออฟไลน์ kdds

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
มาวิคสู้เวเลอร์ไม่ได้อ่ะ ออร่าพระเอก เวแรงกว่ามาก
ล่วงเกินเพื่อนตอนเมา ไม่ดีนะจ๊ะ

ออฟไลน์ double9JH

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1809
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-7
เวลอร์ต้องเป็นรูปปั้นหรืออะไรสักอย่างที่อยุ่ในวิหารแน่เลยอ่ะ

มีหวงๆนะเวลอร์ ฟาร์เรสอย่าคิดมากๆ  :mew1:

ออฟไลน์ buathongfin

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1244
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
คือเวนี่ดูลึกลับกว่านะจ้ะ ซังบักคนฉวยโอกาสจริงๆ

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ชอบจัง เวย์จะใช่รูปปั้นมั้ยนะ!!

ขอตามด้วยคน มาต่อบ่อยๆน้า

ออฟไลน์ l3loodl2o5e

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-4
บทที่ 6

      เช้านี้ฟาเรสตื่นมาด้วยอาการมึนๆ มันตื้อไปหมด แถมยังปวดหัวจี๊ดๆ อีก ร่างโปร่งลากสังขารเข้าห้องน้ำจัดการตัวเอง น้ำเย็นๆ ไม่ได้ช่วยเลย ให้ตายเหอะ วันนี้มีวิชาเอกไม่อยากขาดเพราะตอนเกิดเรื่องก็ขาดเรียนไปเยอะแล้ว

      ฟาเรสจัดการตัวเองเสร็จก็ออกจากห้องพัก พอดีกับเวเลอร์กำลังล๊อคห้องตัวเองอยู่พอดี

      "ไง เว" ร่างโปร่งนิ่งงันไปชั่วครู่ก่อนจะนึกได้ว่าควรเอ่ยทักทาย 

      "หน้าซีดๆ นะ"

      "เมื่อคืนดื่มหนักไปหน่อย เลยแฮง" ว่าแล้วก็กระชับกระเป๋าแล้วเดินตรงไปยังลิฟโดยมีร่างสูงเดินตามมาติดๆ 

      ไม่รู้สิ ฟาเรสไม่อย่างเห็นหน้าไม่อยากสนิทไปมากกว่านี้ เหมือนมีแค่เขาที่รู้สึกผูกพัน แต่อีกฝ่ายอาจไม่รู้สึกแบบนั้นเพราะรู้ดีอยู่แล้วว่าเวลอร์เข้าหาเขาเพราะอะไร...แล้วทำไมต้องมาคิดเล็กคิดน้อยด้วยก็ไม่รู้

      "เฮ้ เป็นอะไรหรือเปล่า" ไม่รู้ฟาเรสทำหน้าแบบไหนอีกฝ่ายถึงทักขึ้น

      "แค่ปวดหัวนิดหน่อย" เมื่อมือใหญ่กำลังจะเอื้อมมาสัมผัส ร่างบางเอนหลบแทบทันที "เอ่อ ฉันไม่เป็นอะไรหรอก"
 
       "เป็นสิ!!!" นัยน์ตาคมหรี่มองอย่างคาดคั้น 

      "เอ๊ะ นายนี่บอกไม่เป็นก็ไม่เป็นสิ" ฟาเรสบอกปัดอย่างหงุดหงิด ทำไมต้องทำท่าเป็นห่วงมากมายแบบนั้นด้วย แล้วคนโดนว่าก็เอื้อมมือไปกดปุ่มหยุดลิฟทันที

       "ไม่พอใจอะไรฉัน" เวลอร์มองเขาอย่างคาดคั้น

       "เปล่านี่" ปัง!!! ฝ่ามือใหญ่กระแทกเข้ากับผนังลิฟอย่างแรง แขนแกร่งกักร่างของฟาเรสไว้ติดมุมกันหนี จำต้องสบกับนัยน์ตาสีอำพันวาวโรจน์อย่างเลี่ยงไม่ได้

      "ปล่อย!!!

      "จนกว่าจะบอกว่าเคืองฉันเรื่องอะไร" เสียงทุ้มกล่าวเรียบๆ พยายามดันอกแกร่งออกให้ห่างตัวแต่ไม่แม้แต่ขยับจนฟาเรสเริ่มรน

      "นายจะสนทำไมว่าฉันจะรู้สึกยังไง ป้ากับลุงส่งนายมาดูแลฉัน แต่ตอนนี้มันไม่มีอันตรายอะไร เราก็ต่างคนต่างอยู่สิ" นัยน์ตาสีครามจ้องเขม็งไปที่ร่างสูงตรงหน้า "ไม่ต้องมาทำเป็นห่วง เป็นแคร์ ไม่ต้องมาบอกมาสอน ไม่ต้องมาทำอะไรทั้งนั้นถ้านั่น มันเป็นแค่หน้าที่" น้ำเสียงสั่นเครือดังขึ้นเรื่อยๆ จนแทบตะโกนใส่หน้าอีกคน 

      ฟาเรสก้มหน้านิ่ง สูดหายใจเข้าลึก ๆ พยายามสงบสติอารมณ์ที่ขุ่นมัวของตัวเอง คนที่ไม่เคยแคร์อะไรแบบเขาต้องมาหัวร้อนไปกับเรื่องของคนอื่น ตลกสิ้นดี

      "รู้ไหมฟาร์" เสียงทุ้มเอ่ยเรียกหลังจากเงียบไปซักพัก "คนอย่างฉันไม่มีใครสั่งได้หรอกนะ"

      "แล้วที่ป้าโอเรนบอกละ" 

      "นั่นก็ใช่  แต่เธอไม่ได้บอกนิว่าส่งฉันมา" 

      ใบหน้าคมก้มลงมาจนแทบชิดปลายจมูกแตะกันผะแผ่วชวนให้ใจสั่น นัยน์ตาสองสีสบกันอย่างเลี่ยงไม่ได้

      "ฉันอยู่ตรงนี้เพราะอยากอยู่ ทำเพราะอยากทำ ไม่มีใครสั่งทั้งนั้นเข้าใจไหม" น้ำเสียงทุ้มนุ่มกระซิบบอก ถึงมันจะเบาแต่ก็ได้ยินชัด เพราะยืนใกล้กันขนาดนี้ ขนาดที่สัมผัสถึงไออุ่นจากร่างสูงใหญ่ตรงหน้า มันช่างให้ความรู้สึกปลอดภัยเหลือเกิน จึงได้แต่พยักหน้าว่าเข้าใจ

       "เลิกคิดมากซะนะ"

       ฟาเรสเลือกที่จะหลับตาลงเพราะไม่อาจสบตาอีกฝ่ายไปมากกว่านี้ หัวใจเต้นแรงเกินจะควบคุม ความร้อนซ่านทั่วใบหน้าไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันแดงแค่ไหน

      "น่ารัก หึๆ" คำชมที่มาพร้อมกับเสียงหัวเราะอย่างถูกใจ ยิ่งทำให้ร่างบางถึงกับไปไม่เป็น แก้มที่แดงอยู่แล้วยิ่งแดงเข้าไปอีก ฟาเรสผลักไหล่หนาออกห่างจนเห็นหน้าอีกฝ่ายชัดเจน ใบหน้าคมคายที่มักจะเรียบเฉยบัดนี้แต่งแต้มด้วยรอยยิ้ม ที่แม้ฟาเรสจะเป็นผู้ชายยังเขินแทบตาย  :-[

      "นี่ จะอยู่ในนี้อีกนานไหม" ฟาเรสอุบอิบพลางทำหน้ามุ่ย คนข้างนอกคงคิดว่าลิฟค้างแล้วมั้ง คนตัวโตผละออกแล้วหันไปกดซ้ำปุ่มเดิมเพื่อให้ลิฟไปต่อ แล้วหันยิ้มกวนๆ ใส่  เขาละอยากจะเอาเล็บข่วนหน้าหล่อๆ นั่นซักทีข้อหาหมั่นไส้

............................................

      "นี่พวกนายเห็นประกาศมหาลัยหรือยัง" เซียเปิดประเด็นขณะที่พวกเขาทั้งหกกำลังจัดการมื้อเช้าอยู่

      "เรื่องการประลองนะหรอ" พรีมถาม

      "ใช่ เอแวนการ์ดจัดงานประลองประจำปี ใครลงก็ได้ไม่จำกัดคณะ ไม่จำกัดชั้นปีด้วย คนชนะก็จะได้โควต้าบรรจุเข้าทำงานในเอแวนการ์ดทันทีหลังเรียนจบ" มาวิคอธิบายอย่างตื่นเต้นดูก็รู้ว่าเขาสนใจในการประลองไม่น้อย

      "แต่อีกเดือนก็จะสอบปลายภาคแล้วเนี่ยนะ" ฟาเรสแย้ง ก็รู็ๆ กันว่าคะแนนสอบปลายภาคแรกมันเป็นการตัดสินว่าคุณจะได้อยู่ในอานิมาต่อหรือไม่

      "แต่ครั้งนี้พิเศษหน่อย ที่รีบจัดเพราะแปดคนที่เข้ารอบสุดท้ายจะถูกส่งไปลองงานกับหน่วยพิทักษ์ของเอแวนการ์ดตอนปิดเทอมนะสิ เป็นหน่วยที่ทำงานอิสระ ส่วนใหญ่เป็นงานจัดการกับพวกปีศาจ งานหลักๆ ก็คือพวกไวด์โซล" คำบอกเล่าของโอซี่ดึงความสนใจของฟาเรส

       ...หน่วยที่กำจัดไวด์โซลงั้นหรอ...

      "ว่าแต่เปิดรับสมัครวันไหน" ฟาเรสถาม

      "นายจะลงหรอ เริ่มวันนี้ไปจนถึงมะรืน" โอซี่ถามอย่างแปลกใจ "จริงๆ ส่วนใหญ่ที่ลงก็มีแต่เด็กคณะฉัน จะไหวหรอเนี่ย" คนถูกถามได้แต่ยิ้มแห้งๆ กลับไป 

      "ด้านการใช้เวทย์น่าจะไหวอยู่ ส่วนการต่อสู้ทางกายภาพนี่ไม่รู้แฮะ แต่ถ้าอยากลงจริงๆ ฉันช่วยซ้อมให้ได้นะ" มาวิคบอกพร้อมยิ้มกว้าง "แล้วถ้านายจับคู่มาเจอฉันละก็ ยอมนอนให้เหยียบเลยเอ้า!!!" คำพูดทีเล่นทีจริงเรียกเสียหัวเราะของคนในโต๊ะ

      "จะไปได้ซักเท่าไหร่เหอะมาวิค ไม่ใช่ว่าตกตั้งแต่รอบแรกหรอกนะ" พรีมแขวะ 

      "หึ ถ้าฉันเจอนายรอบแรกไม่ตกหรอก" มาวิคย้อนเรียกเสียงหัวเราะอีกระลอก

      "พูดแบบนี้ไปกรอกใบสมัครเลยไป" พรีมท้า

      "หึๆ จัดไปอย่าให้เสีย"

...............................................................

      ฟาเรสแทบจะไม่มีสมาธิเรียนวิชาเอกเลยวันนี้ ในหัวกำลังคิดเรื่องการประลองที่จัดขึ้นว่าควรลงดีไหม เขาไม่ได้อยากชนะ แค่อยากลองไปทำงานในหน่วยพิทักษ์ อยากจะล่าพวกไวด์โซล อยากกำจัดมัน ฆ่าพวกมันด้วยมือตัวเอง 

      "ฟาร์! ฟาเรส" เสียงเรียกใกล้ๆ ทำเอาร่างบางสะดุ้ง นัยน์ตาสีเทาของลุงเอเบรียนหรี่มองอย่างจับผิด "ดูไม่มีสมาธิเลยนะ"   

      "คิดเรื่องการประลองอยู่สินะ" เวลอร์ถามพลางหันมามองเขาอีกคน

      "หลานอยากลงหรอ" ชายสูงวัยถามพลางวางตำราลงบนโต๊ะ

      "ก็คิดๆ อยู่ ผมสนใจหน่วยพิทักษ์ครับ อยากล่าพวกไวด์โซล อยากทำกับมันแบบที่มันทำกับครอบครัวผม" ดวงตาสีครามหมองเศร้า เขานิ่งเฉยกับการตายของครอบครัวมานานเกินไป อย่างน้อยก็อยากจะทำอะไรบ้างแม้รู้ดีว่าตอนนี้เขาไม่พร้อม

      "ลุงเข้าใจในสิ่งที่หลานต้องการ ก็ลงแข่งสิ ทำในสิ่งที่อยากทำจะได้ไม่ต้องมาเสียดายตามหลัง" ชายชราบอกพลางลูบหัวเขาเบาๆ "หลานอยากเรียนอยากรู้อะไรขอแค่บอก ลุงกับเวนะพร้อมจะช่วยเสมอ จริงไหมเว" เจ้าของชื่อพยักหน้ารับเพื่อย้ำคำ

      "นั่นสินะ ถ้าแค่การประลองยังไปไม่รอดแล้วจะเอาปัญญาที่ไหนมาแก้แค้นให้ท่านพ่อกัน ว่าแต่พวกไวด์โซลเนี่ยเกิดขึ้นได้ยังไงครับ" นอกจากรู้ว่าเป็นปิศาจจำพวกหนึ่งฟาเรสก็ไม่รู้อะไรเกียวกับมันเลย

      "เป็นปิศาจที่มาจากโลกอื่นนะ" เวลอร์บอก "นอกจากโลกที่เราอยู่ก็จะมีโลกของคนตาย มีการบิดเบี้ยวของมิติเวลาทำให้เกิดช่องว่าง เลยมีปีศาจจากอีกโลกหลุดรอดออกมา มันเป็นแบบนี้มานานแล้ว เป็นธรรมชาติของโลกก็ว่าได้" เสียงทุ้มอธิบายชัดถ้อยชัดคำ

      "แต่พวกที่โจมตีครอบครัวผมละ มันเจาะจงอย่างกับว่ามีใครสั่งมันมางั้นแหละ" ฟาเรสแย้ง เป็นไปได้ไหมที่มีคนเรียกมันออกมา ไม่มีทางที่กองทัพย่อมแบบนั้นจะผ่านเข้าเมืองมาโดยไม่มีใครเห็นเว้นแต่ ช่องว่างจะถูกเปิดขึ้นใกล้ๆ

      "ก็มีนะสิ คนที่มีพลังเวทย์และสายเลือดที่เหมาะสมจะสามารถเปิดปิดประตูมิติได้ตามใจ และคนที่เรียกพวกมันมาก็สามารถควบคุมไวด์โซลพวกนั้นได้ ถ้าทำถูกวิธี"

      "เพราะอย่างนั้นหลานถึงถูกส่งมาอยู่ที่นี่ เพราะดูเหมือนว่าหลังจากเกิดเรื่อง มีไวด์โซลถูกส่งมาเก็บหลานอยู่หลายรอบ มาคัสกับโอเรนเห็นท่าไม่ดีเลยส่งเรามา ในเขตอานิมาซึ่งถูกกางด้วยอาคมน่าจะปลอดภัยจากพวกนั้น อย่างน้อยๆ จนกว่าจะเรียนจบก็จะไม่มีใครทำอะไรเราได้ ถึงตอนนั้นลุงว่า ฟาเรสของลุงคงเก่งพอจะเอาตัวรอดแล้วละ" ร้อยยิ้มอบอุ่นถูกส่งให้  ทำไมทุกคนถึงพยายามปกป้องฟาเรสนัก นี่เขามีค่าขนาดนั้นเลยหรอ

      กว่าวิชาเอกจะจบเล่นซะบ่าย ทั้งที่ลุงเอเบรียนตั้งใจจะสอนถึงเที่ยง ก็มัวแต่คุยเรื่องการประลองกับเรื่องไวด์โซลนี่แหละเลยทำให้เสียเวลาไปบ้างจนถูกผู้เป็นลุงบ่นนิดหน่อย 


       "เว เหลือแค่สปาเกตตี้กับข้าวผัด นายเอาอันไหน" ฟาเรสถามพลางสำรวจสะเบียงที่เหลือในตู้เย็น เดี๋ยวนี้เรียกเวตามท่านลุง ต้องขอบคุณบ้านหลังที่สองในโดมกระจกแห่งนี้ที่ทำให้ฟาเรสไม่ต้องหิ้วท้องที่กำลังหิวไปถึงโรงอาหาร

      "อันที่นายไม่กิน" เยี่ยม...ตอบแบบนี้

      "อยากกินทั้งสองเลยอะ" ร่างบางหันไปบอกพลางทำหน้าละห้อย 

      "งั้นก็อุ่นมาแล้วแบ่งกัน" หันมาตอบแค่นั้นก่อนกลับไปสนใจหนังสือในมือต่อ ร่างสูงกึ่งนั่งกึงนอนอยู่บนโซฟาตัวยาว ดูสบายๆ

      ...รอกินเป็นคุณชายเลยนะ...

       หลังจัดการอาหารมื้อเที่ยงในยามบ่ายกลายเป็นฟาเรสที่มานอนเหยียดบนโซฟาแทน ในเมื่อเขาเป็นคนทำอีกคนก็ต้องเป็นคนเก็บสิ ว่าแล้วก็หยิบหนังสือที่เวลอร์อ่านทิ้งไว้มาดูฆ่าเวลา พึ่งสอบกลางภาคไปหยกๆ เลยค่อนข้างว่างในช่วงนี้

      เป็นตำนานปรัมปราของนอธ เรื่องคิเมร่า คิเมร่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่อยู่กึ่งกลางระหว่างคนกับสัตว์ ในยามปกติมีร่างกายเป็นมนุษย์บางทีก็กลายร่างเป็นสัตว์ได้ ว่ากันว่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งและมีอายุยืนยาวแล้วก็ลึกลับที่สุดในเอสทีเรียด 

      ...ชักอยากเห็นตัวเป็นๆ แล้วสิ...

      "เฮ้ย!!!" ฟาเรสร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อจู่ๆ ก็ถูกช้อนอุ้มขึ้น แถมคนอุ้มยังทิ้งตัวลงบนโซฟาแทน ทำให้ร่างทั้งสองเอนลงไปด้วยกันจนกลายเป็นตัวเขาทับอยู่บนตัวอีกฝ่าย ใบหน้าเนียนกระทบเข้ากับอกแกร่งอย่างไม่ทันตั้งตัว

      "เล่นบ้าอะไรของนาย" ฟาเรสโวยอย่างตระหนก

       "ง่วง" เวลอร์บอกแค่นั้นก่อนจะหลับตาลงทันที แต่ไอ้รอยยิ้มน้อยตรงมุมปากนี่สิ ไม่บอกก็รู้ว่าถูกแกล้ง

      "ง่วงก็นอนไปคนเดียวสิ จะมากอดฉันไว้ทำไมเล่า" ว่าพร้อมกับฟาดที่ไหล่ของคนใต้ล่างเต็มมือ แต่พอทำท่าจะลุกออกกลับถูกแขนแกร่งกอดเอวไว้แน่น "ปล่อยเลย" ฟาเรสบอกเสียงสั่นเพราะหัวใจที่เริ่มเต้นแรง 

      ...หมอนี่เป็นผู้ชายจะตื่นเต้นทำไมเนี่ย...

      "เขินหรอ" ดวงตาสีอำพันลืมขึ้นมามองอย่างล้อเลียน ฟาเรสก็คนนะ ถูกกอดไว้แบบนี้ไม่รู้สึกอะไรก็บ้าแล้ว แถมไอ้คนกอดนี่หน้าตาก็ไม่ใช่เล่นๆ 

      "เปล่าซักหน่อย" แล้วใครเล่าจะยอมรับ

      "งั้นที่หน้าแดงก็ไม่สบายสินะ หึๆ" เสียงทุ้มพูดเนิบๆ พลางหัวเราะเบาๆ นี่เขาแฮงจนเบลอหรือเวลอร์กินยาผิด ปกติเห็นออกจะเงียบดีแท้ แต่ทำไมวันนี้กวนประสาทจริง

      "วันนี้นายมาแปลก" นัยน์ตาสีครามมองคนตรงหน้าอย่างงุนงง

      "นี่ฉลาดแต่เรียนเรียนใช่ไหม" พูดแบบนี้หมายความว่าไง นี่ว่าเขาบื้อหรอ ฟาเรสค้อนควับใส่คนพูดแทบจะทันที ไอ้อาการมุ่ยหน้าอย่างขัดใจช่างดูน่ารักเสียจนเวลอร์ชักสนุกที่ได้แหย่อีกฝ่ายเล่น

      "ปล่อยเลย" ฟาเรสบอกเสียงห้วน

      "ไม่" อีกฝ่ายหลับตาหนี อยู่แบบนี้นานๆ เริ่มอึดอัด ร่างบางดิ้นไปมาอย่างหงุดหงิดพยายามขืนตัวออก "อยู่นิ่งๆ เป็นไหม" คนตัวโตดุ พร้อมกดหัวเด็กดื้อแนบอกพลางกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นจนอีกฝ่ายหมดทางดิ้น

      ฟาเรสได้แต่ถอนหายใจอย่างปลงๆ กับความเอาแต่ใจของอีกคน พอเริ่มเงียบจิตใจก็เริ่มสงบ กลิ่นไอจากร่างที่โอบกอดเขาไว้ มันช่างอบอุ่นอย่างประหลาด

      ...อยู่แบบนี้ก็สบายดีเหมือนกัน... ฟาเรสคิด

      "เฮ้ เว" ฟาเรสเรียกเสียงเบาหลังจากเงียบไปนาน

      "ว่าไง"

      "ฉันจะเข้าร่วมการประลอง" อย่างที่ท่านลุงบอก ทำถ้าอยากทำไม่ต้องมาเสียดายทีหลัง

      "อืม เดี๋ยวลงด้วย" อีกคนรับคำพลางลูบผมนุ่มเบาๆ ทั้งที่ยังหลับตาอยู่แบบนั้น ทำอย่างกับเขาเป็นเด็กเล็กๆ

      "นายก็อยากลองทำงานในหน่วยพิทักษ์เหมือนกันหรอ" 

      "ไม่อยาก" 

      "หรือว่านายอยากชนะ" 

      "ฉันไม่สนใจเรื่องแบบนั้นหรอก" 

      "แล้วจะลงทำไมละ" ฟาเรสเงยหน้ามองอีกฝ่ายอย่างสงสัย เวลอร์ลืมตาขึ้นมามองเขาอีกครั้ง นัยน์ตาสีอำพันฉายแววจริงจังจนไม่อาจละสายตาไปได้ ก่อนที่คำพูดต่อมาจะทำให้ใบหน้าเนียนแดงซ่านอยากห้ามไม่อยู่

      "ก็แค่อยากอยู่กับนาย ฟาเรส"


......................................

-พี่เว เริ่มแล้วเนอะ ปล่อยให้คนอื่นแซะมานาน  :mew1:

-มาอัพแล้ว แอบมาอัพในเวลางาน นั่งว่างๆ มองซ้ายมองขวาเจ้านายไม่อยู่ คิคิ o18

-สำหรับเรื่อง Dark Wing จริงๆ เราไม่ได้ทิ้งน้องเรนหรอก กำลังเขียนๆ อยู่ รอทกับโยนาห์ก็เขียนอยู่ เขียนหลายเรื่องไม่เสร็จซักกะอัน  :katai4: มาตามสภาพอารมณ์ แต่ตอนนี้กำลังเห่อเรื่องนี้อยู่อะ

-ขอบคุณทุกคนนะค่ะ มีอะไรแนะนำได้น้าาา นี่ก็เรื่องที่สามแล้วเราเลยอยากให้มันออกมาดี ในแบบที่ทั้งเราและผู้อ่านมีความสุขกับมัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-03-2016 15:39:08 โดย l3loodl2o5e »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
โอ๊ย งานหยอด งานเอสก็มานะพี่เว
คือนี่พอน้องฟาหน้าแดงแล้วพี่แกรัวใส่เลย
ชอบตอนนี้ค่ะ เหมือนนายเอกของเราจะนำพาตัวเองเข้าสายบู๊เสียแล้ว
ที่เลือกเรียนนนั่นแค่สกิลสนับสนุนใช่ไหม  ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ MaRiTt_TCL

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-6
แหนะๆๆ ไม่บอกเขาไปเลยอ่ะว่าชอบ

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
มาแรงแหกทุกโค้งมากพี่เว 55

ออฟไลน์ double9JH

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1809
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-7
เวมาแบบนิ่มๆ(?)  ขนาดนี้แล้ว ฟาเรสก้อย่างอนเวเลยนะ อิอิ

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ร้ายกาจที่สุด เวย์เป็นสายพันลึกลับสินะ อิอิ

ออฟไลน์ tiew93

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
น่ารักกกก
แต่สงสารมาวิคจัง มาซบอกเจ๊มาลูกมา ฮ่าาา
 :hao7:

ออฟไลน์ nightsza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-1
พี่เวมาแรงแซงทางโค้ง

ออฟไลน์ padloms

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
พี่เวทำคะแนนนำเยอะมาก หนูฟาไม่น่ารอดจากพี่เวละ

ออฟไลน์ M_mA

  • เด้กน้อยที่จมอยู่กับความฝัน....
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
โอ้ย!! ทำไมพี่เวถึงน่ารักน่าซังขนาดนี้  :-[
เจ้เชียร์เต็มที่

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
อ่านตอนนี้แล้วเอ็นดู ฟาฟสของเราจริงๆ
เหตุผลที่งอน มุ้งมิ้งน่ารัก โดนใจเจ๊~~~!!!!
เวสุดยอด ทำคะแนนได้เริ่ด ^0^

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด