Guardian Of Heart ผู้พิทักษ์ใจ(Fantasy) Spe : Hozier & Preme2/2 P.15 10/6/17
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Guardian Of Heart ผู้พิทักษ์ใจ(Fantasy) Spe : Hozier & Preme2/2 P.15 10/6/17  (อ่าน 99066 ครั้ง)

ออฟไลน์ game6969

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 :mew6: :mew6: :mew6: มาต่่อ ตอนต่อไปไวๆนะ ขอยาวๆเลย  :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
สำหรับเรา ก็รู้สึกว่าเรื่องอืดๆ  แต่การมาต่อบ่อยๆ ช่วยได้

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
ให้พรีมเป็นเคะก็ได้ค่ะ ส่วนเนื้อเรื่องเอาตามที่นักเขียนเห็นสมควรนะคะ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
จะมาเรื่อยๆ ทิ้งปมปริศนาต่างๆไว้ ขอแค่มาต่อจนจบยังไงก็ตามอ่านนะ
เอาตามที่วางพล็อตเรื่องไว้นั่นแหละ :L2: :L2: :L2:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
สำหรับเราไม่ยืดเยื้อนะ ค่อยๆเผยออกมาทีละจุดๆ
พรีมเอาเป็นเคะเลยดีไหม จะได้มีคนดูแลแบบถึงใจ ก๊ากก

ออฟไลน์ inspirer_bear

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-5
อ่านได้เรื่อยๆนะสนุกดี

ออฟไลน์ DESZCZ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
แต่ละคนนี่มีแต่ปัญหา หวังว่าเรื่องแย่ๆจะจบลงเสียที

ออฟไลน์ Ryu7801

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
ขอพรีมเมะน่ะ :mew2:

ออฟไลน์ lnwcool

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
พรีมเคะเถอะ55+

ส่วนเรื่องชักจะเริ่มยืดไปนิด มันดูช้าไปหน่อยแต่เข้าใจเพราะเเนวสงครามนี้นะ

อยากให้เร่งเวลาซักหน่อยเรื่องการฝึกของฟาเรส ช้าไปแล้ว ควรรีบๆเก่ง แล้วเรื่องจะเร็วขึ้นเอง

ออฟไลน์ kiolkiol

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ l3loodl2o5e

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-4
บทที่ 33


"รู้ สึกเป็นไงบ้าง" โอซี่

"ยังเจ็บแผลหรือเปล่า" มาวิค

"หิวไหม ป้าโอเรนทำขนมฝากมาให้" ฟาเรส

"ลูนก็มีผลไม้มานะ" ลูนบอกอย่างไม่ยอมแพ้ 

"เฮ้ลูน ผลไม้นั้นฉันซื้อมาต่างหากละ" ครึ่งเอลฟ์แย้ง

"ก็จะเอามาฝากพรีม ลูนก็ถือมาให้ไง"

"ไม่ต้องมาเนียนเลย"

"ฟาร์ขี้งกอะ" เจ้าแมวดำอุบอิบ

ห้องผู้ป่วย ในเช้าวันนี้เต็มไปด้วยเสียงโหวกเหวกโวยวายของผู้มาเยือน เหล่าเพื่อนๆ มารวมตัวกันทันทีที่รู้ว่าพรีมฟื้น จนคนเจ็บยังอดตื้นตันใจไม่ได้ ไอ้เรื่องเศร้ามันก็เศร้าอยู่หรอก แต่พอเห็นทุกคนมาอยู่ตรงหน้ามันทำให้รู้ว่าเขาได้เหลือตัวคนเดียว 

"เฮ้ พรีมยังฟังอยู่ไหม" ฟาเรสเขย่าแขนเพื่อน เมื่อเพื่อนเอาแต่เหม่อ "อ๊ะ เอ่อ ขอโทษ เจ็บไหม" แต่ก็รีบปล่อยเมื่อนึกขึ้นได้ว่าอีกคนอาจจะเจ็บพร้อมขอโทษเสียงอ่อย

"นิดหน่อยอะ มันไม่ได้แย่ขนาดนั้น" พรีมบอก

"แต่เชื่อหรอก ฮือขอโทษ" 

"ฟังจนเบื่อแล้ว พูดคำอื่นบ้างสิ อยากให้ฉันยกโทษไหมฟาร์ ยิ้มสิยิ้ม" คนป่วยว่าพลางยีหัวเพื่อนเบาๆ พยายามไม่แสดงอาการอะไรมากมายแม้จะเจ็บไปทั้งตัวก็ตาม

"แล้วเรื่องพวกนั้น จะเอายังไงเว" คนเจ็บหันไปถามเจ้าของชื่อ

"คงต้องตัดกำลังไปเรื่อยๆ เพราะริคัทโต้ สะสมกองกำลังพวกไวด์โซลมาเป็นสิบสิบปี ถ้าบุกเข้าไปตรงๆ ทีเดียว เราจะแย่เอง ตอนนี้พวกฉันเลยกระจายกำลังกันทำลายแคมป์พวกนั้นกัน" คิเมร่าหนุ่มอธิบาย เขาตั้งใจจะพาฟาเรสออกไปด้วย ฝึกยังไงก็ไม่ดีเท่ากับลุยของจริง

"เราคุยกันแล้ว จะไม่บุกไปอินเวียโนจนกว่านายจะหาย" โอซี่บอก

"แต่ ถ้าทุกคนต้องมารอฉัน มันจะดีหรอ" พรีมเอ่ยอย่างไม่มั่นใจ เขารู้ตัวเองดีว่าตอนนีอยู่ในสภาพแย่แค่ไหน

"สู้ด้วยกันมาจนขนาดนี้ จะให้ทิ้งนายหรือไง" เจ้าชายครึ่งออคสวนกลับทันที

"เอานะ ถ้าอยากให้เรื่องมันจบก็รีบๆ หายแล้วกัน" เวลอร์สรุป 

"ไปเถอะพวกเรา ให้พรีมได้พักบ้าง" มาวิคบอก "หายไวๆ นะพวก"

"แต่..." 

"ไปเถอะฟาร์ มีภารกิจต้องทำนะ" 

 

พอเพื่อนๆ ไปพ้นสายตารอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าก็จางหายไปทันที มาคิดๆ ดูแล้ว พรีมก็เคยสงสัยว่าทำไมพ่อแม่จึงไม่ค่อยให้เขาได้ยุ่งกับกิจการที่บ้านเท่าไหร่นัก วันนี้คำตอบมันชัดเจนแล้ว ว่าสิ่งที่พวกท่านได้ทำมันไม่ดีและเพราะทั้งสองรู้ว่าพวกฟอสโกเป็นเช่นไรจึงพยายามกันเขาให้ห่างจากเรื่องนี้ คิดในแง่ดี พ่อกับแม่ก็รักเขานั่นละ ส่วนเซียมันทำใจยาก เพราะยังไงเขาก็รักและผูกพันกกับเธอมานาน เอาจริงๆ เขายังภาวนาให้เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความฝัน

"อ้ะ!!" พรีมสะดุ้งเมื่อรับรู้ได้ว่าใครซักคนสะกินไหล่เบาๆ นี่เขาเหม่อจนไม่รู้ว่ามีคนมายืนตรงหน้าเลยหรอ "เอ่อ...ผม" เจ้าตัวพยายามปาดน้ำตาออกจากสองแก้ม

"ผม โฮเซียเป็นหมอเจ้าของไข้ เวลอร์ให้ผมมาดูแลคุณจนกว่าจะหายดี" เจ้าของชื่อแนะนำตัว ร่างสูงในชุดกราวผู้มีผมยาวสีดำสนิทและดวงตาสีเดียวกัน เขาไม่ได้แสดงท่าทีอะไรมากมายนอกจากยื่นผ้าเช็ดหน้าให้กับคนไข้

"เอ่อ ขอบคุณครับ"

"คุณหลับไปสองวัน พลังเวทย์ทำให้มีอาการช้ำและเลือดคั่งที่อวัยวะภายใน ส่วนบาดแผลในจุดอื่น ไม่ลึกเท่าไหร่แต่จะหนักหน่อยตรงต้นขาขวาเพราะค่อนข้างลึก ทำให้เส้นเอ็นบริเวรนั้นเสียหาย แต่เราได้ทำการผ่าตัดรักษาไปเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้คุณต้องทำกายภาพบำบัด" คนเป็นหมอร่ายยาว

"อีกนานไหม กว่าผมจะหาย"

"ขึ้นอยู่กับตัวคุณเอง ว่าจะทำกายภาพบำบัด ออกมาดีแค่ไหน" โฮเซียว่า "เอาละ ได้เวลาล้างแผลแล้ว"

"เดี๋ยวๆ หมอ ผมทำเองได้" พรีมเอ่ยเสียงตื่นเมื่อคุณหมอทำท่าจะถอดเสื้อเขา

"นี่มันงานผม ช่วยปฏิบัติตามด้วยครับ" น้ำเสียงนิ่งๆ เหมือนบังคับให้คนป่วยยอมอยู่เฉยๆ 

พรีมได้แต่นั่งนิ่งให้คุณหมอ? ทำแผลให้ เขาไม่จำเป็นต้องอายอะไรก็ผู้ชายเหมือนกัน แต่ก็รู้สึกเกร็งอย่างบอกไม่ถูก แม้โฮเซียจะมีท่าทางแข็งกระด้างแต่ใครจะคิดเล่าว่าชายคนนี้มือเบาเสียเหลือเกิน 

"เอ่อ...ผม อยากเข้าห้องน้ำ" พรีมว่า มองไปทางไม้ค้ำที่ถูกเตรียมไว้มุมห้อง 

"ได้" แต่แทนที่โฮเซียจะหยิบไม้ค้ำนั่นมาให้กลับขยับเข้ามาใกล้แทน

"เอ่อ หมอ เฮ้ยย" คนป่วยร้องลั่นเมื่อจู่ๆ ก็ถูกช้อนอุ้มขึ้นจากเตียง "ผมไปเองได้ ปล่อยผมลงเหอะ" 

"เดินไม่ไหวหรอก เชื่อผมดิ  ผมเป็นหมอ" คนเป็นหมอบอกหน้านิ่งก่อนจะก้าวยาวๆ เข้าห้องน้ำไป...เฮ้อ แล้จะให้เขาขัดยังไง ถึงจะอายก็ต้องทำใจสินะ

 

พรีมมองคนที่ก้มหน้าจดขยุกขยิกลงบนกระดาษอยู่ข้างเตียงอย่างไม่เข้าใจ ตั้งแต่เช้า โฮเซียยังไม่ได้ออกจากห้องเขาเลย จริงอยู่หมอต้องดูแลคนไข้ แต่ก็ไม่น่าจะต้องดูตลอดเวลาแบบนี้นี่นา ไอ้เรื่องเฮิธๆ เศร้าๆ คงต้องพักเอาไว้ก่อน เพราะความสงสัยมันมีมากกว่า เกี่ยวกับตัวชายผู้นี้

"หมอไม่ต้องไปดูคนอื่นหรอ"

"ไม่ครับ"

"แล้วทำงานอยู่โรงพยาบาลของมหาลัยหรอ ปกติไม่เคยเห็น" เจ้าของผมสีทองถามต่อ เพราะเรียนการทหาร ทำให้เขาและเพื่อนเข้าออกโรงพยาบาลของอนิมาประจำด้วยอาการบาดเจ็บจากการฝึกซ้อม

"เปล่า ปกติทำอย่างอื่นไม่ได้รักษาคน"

"อ่าว แล้วทำไมมาเป็นหมอเจ้าของไข้ผมละ"

"อยากทำ ทำไมครับ"

"เอ่อ ไม่มีอะไรครับ" เล่นตอบแบบนี้คนถามก็ไปต่อไม่ถูกนะสิ คนเจ็บละความพยายามก่อนจะเอนกายลงนอนกับเตียงพร้อมหันหลังให้ใครอีกคน

 

โฮเซียเงยหน้าจากบันทึกในมือมองคนที่น่าหลับไปแล้วก่อนจะลุกขึ้นไปจับให้นอนหงายดีๆแล้วห่มผ้าให้ เอื้อมมือไปปัดปรอยผมสีทองออกจากใบหน้าที่ยังดูอิดโรยอยู่บ้าง ไม่รู้อะไรทำให้รู็สึกวนใจเด็กคนนี้ เพราะการพบกันครั้งแรกของทั้งคู่ออกจะโชกเลือดไปนิด 

"พรุ่งนี้เริ่มทำกายภาพแล้วนะเด็ฏน้อย สู้ๆ ละ" ผู้เป็นหมอทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะเดินออกจากห้องไป

 

ในวันที่โฮเซียกำลังนอนสบายๆ ในบ้านพักชานเมืองเอสทีเรียดซึ่งเขาใช้มันซุกหัวนอนตลอดยี่สิบปีหลังจากตัดสินใจย้ายออกจากอินเวียโนมาใช้ชีวิตเรียบง่ายในโลกภายนอก ด้วยการขายสูตรยาที่คิดค้นขึ้นประทงชีวิต เวลอร์กับพักพวกก็บุกเข้ามาพร้อมพรีมที่อาการปางตาย เจ้านายและเพื่อนเก่าเมื่อครั้งเขายังเป็นหมอหลวงที่อินเวียโน ขอร้องกึ่งบังคับให้เขาทำยังไงก็ได้ให้เด็กคนนี้รอด 

พรีมในตอนนั้นแย่กว่าที่คิด ร่างกายเสียหายจากพลังเวทย์และมีบาดแผลหลายจุด อีกทั้งยังเสียเลือดมากและที่สำคัญเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา ถ้าเป็นแต่ก่อนหากคนไข้อาการหนักขนาดนี้เขาคงปล่อยตายเพราะโฮเซียมองว่ายื้อไปก็ทรมานเปล่าๆ แต่พรีมในวันนั้นแม้เจ้าตัวไม่ได้สติแต่สองมือกลับกำแน่นไม่ยอมคลายบอกให้รู้ว่าใจยังสู้ เขาจึงลองที่จะเสี่ยง ความเป็นหมอที่ฝั่งดินเอาไว้เลยถูกขุดมาใช้หมดหน้าตัก เพื่อรักษาชีวิตเด็กคนนี้ไว้ 

คนเจ็บถูกย้ายมาอยู่ในฐานลับของพวกอิเวียโนทันทีที่อาการคงตัวเพราะกลัวพวกฟอสโกตามมาซ้ำ ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาตามมาดูด้วย โฮเซียได้ฟังเรื่องของพรีมจากปากบรรดาเพื่อนฝูงที่มาเยี่ยมเยียน สิ่งหนึ่งที่ได้รู้เกี่ยวกับเด็กหนุ่มคนนี้คือความรักที่เจ้าตัวมีให้คนรอบข้างนั้นช่างมากมายนัก โดยเฉพาะกับผู้หญิงที่ชื่อเซีย จนนึกสงสัยเหลือเกินว่าหัวใจของเจ้าตัวในตอนนี้จะบอบช้ำมากเพียงใด แม้โฮเซียจะไม่เข้าใจนิยามคำว่ารักแท้เท่าไหร่นักแต่ถ้าเป็ฯเขาหากมีใครเทหัวใจให้เขามากขนาดนี้คงจะรักษามันไว้ดีๆ แน่ ร่างสูงตีหน้ายุงเมื่อคิดถึงเรื่องเหล่านี้ เป็นครั้งแรกที่ต้องมานั่งคิดวุ่นวายกับเรื่องของคนอื่น ผิดวิสัยของเขาเสียเหลือเกิน

"ทำงานเกินค่าจ้างจังเลยนะ" เสียงแซวดังขึ้นข้างหลัง ชายต่างวัยเดินคู่กันมา เจ้าของผมสีดำยาวหยุดเดินพลางเลิกคิ้วให้อย่างกวนๆ "ไม่ดีหรอ"

"ดีสิ" เอเบรียนว่า พลางเอาแขนคล้องคอเพื่อนที่ดูไม่แก่ตามวัยของเขาอย่างสนิทสนม "อยากให้จ่ายเพิ่มบอกได้นะ" 

"อยากได้เป็นอย่างอื่นตอบแทนมากกว่า" คนเป็นหมอบอก

"นั่นขึ้นอยู่กับนาย" เวลอร์ยิ้มอย่างรู้ทัน

"มือชั้นนี้แล้ว"



 :hao5: คิดถึงนะ  ข้าน้อยอัพช้ามากก จะโบยด้วยรักกี่ทีก็ยอม

 :ling1: บางทีก็สงสัย ว่าเงินที่ได้จาดจ๊อบกับค่าหมออันไหนมากกว่ากัน ว่าในฟรีเเลนซ์ซํนนี่ร่างพัง ตอนนี้ ไรท์พังกว่า

 :katai3: จบคู่พรีมแล้วเราไปเที่นสอินเวียโนกันค่ะ

 

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-10-2016 17:08:01 โดย l3loodl2o5e »

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
มีคนมาดามใจพรีมแล้ว อิอิ

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :mew1:  มันต้องแบบนี้

ออฟไลน์ jum1201

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-5

ออฟไลน์ l3loodl2o5e

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-4
บทที่ 34

     โฮเซียเดินไปตามโถงทางเดิน ใบหน้าเจือไปด้วยรอยยิ้มบาง ๆ เมื่อนึกถึงคนไข้ของเขาที่รออยู่ ถามว่าทำไมเขาถึงสนใจพรีมนะหรอ ตอบแบบตรงไปตรงมาก็คงเพราะสนใจในรูปลักษณ์ของอีกคน ยิ่งได้ยินเรื่องราวของเจ้าตัวจากคนรอบข้างยิ่งรู้สึกชอบยิ่งขึ้น พรีมเหมาะกับรอยยิ้มมากว่าสีหน้าที่เศร้าสร้อย อยากให้คนไข้คนนี้ยิ้มและหัวเราะออกมาจากใจไม่ใช่เพื่อตบตาให้คนรอบข้างรู้สึกดี

    "อรุณสวัสดิ์ครับ" คนเป็นหมอกล่าวทักทาย แต่คนถูกทักกลับนิ่งเฉยราวกับไม่ได้ยิน ดวงตาสีฟ้าเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ขอบตาช้ำโรยบอกให้รู้ว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ร่างสูงมองมื้อเช้าที่ยังวางอยู่โต๊ะข้างเตียงที่ยังไม่ถูกแตะต้องก็ได้แต่ถอนใจ ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาก็เป็นแบบนี้ตลอด คนไข้ไม่ให้ความร่วมมือแบบนี้เขาก็แย่นะสิ

    การเอาชีวิตไปผูกไว้กับใครซักคน บางครั้งมันก็อาจทำร้ายตัวเราเองเหมือนที่พรีมกำลังเป็นอยู่ตอนนี้ โฮเซียสะกิดไหล่คนที่กำลังเหม่อเบาๆ พรีมสะดุ้งหันกลับมามอง ดวงตาสีฟ้าหม่นแสงและว่างเปล่า จนร่างสูงพลอยรู้สึกหดหู่ไปด้วย 

    "อาหาร ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการฟื้นฟูร่างกายของคนเรา" คนโตกว่าว่าพลางเอาชามข้าวต้มที่เย็นชืดมาถือไว้ก่อนจะนั่งลงข้างเตียงอย่างถือวิสาสะ พรีมมองชามกระเบื้องที่ขึ้นไอร้อนจางๆ จากพลังเวทย์ที่ส่งผ่านจากมือใหญ่ บอกให้รู้ว่าเจ้าตัวคงไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาแน่

    "เอ่อ...ผมยังไม่หิว"

    "ไม่หิวก็ต้องกิน จะได้กินยา วันนี้คุณมีทำกายภาพ  ถ้าไม่ไหวผมคงต้องยกเลิกไป"
 
    "ไม่ได้นะ"

    "งั้นก็ต้องกินข้าวกินยาซะ จะได้มีเเรง" ร่างสูงตัดก่อนจะตักข้าวต้มทำท่าจะป้อนให้อีกคน 

    "ผมกินเองได้" มือขาวเอื้อมไปจับช้อน แต่อีกคนกลับดึงหลบ

    "เดี๋ยวป้อน เอ้ากินซะ อยากหายไวๆ ก็ทำตามที่บอก" พรีมตีหน้ายุ่ง นี่เขากำลังถูกบังคับใช่ไหมเนี่ย จากที่คิดว่าจะกินคำสองคำให้มันจบไป กลับถูกคุณหมอบังคับป้อนให้กินจนหมดชาม ตามด้วยน้ำและยา

   "เราไปกันได้หรือยัง" พรีมถามขึ้น

    "ไปไหน..." คนเป็นหมอถามกลับหน้ามึน

    "ก็ผมต้องไปทำกายภาพนิ"

    "อืมก็ใช่"

    "แล้วจะให้ไปที่ไหนละ"

    "ก็ที่นี่ไง" นี่พรีมอุส่าตั้งใจรอ เขาอยู่ในห้องนั่งๆ นอนๆ มาหลายวัน บอกตามตรงว่าฟุงซ่านสุดๆ

    "ที่ไหนก็เหมือนกันนั่นแหละ ขึ้นอยู่กับตัวคุณเอง" โฮเซียว่า พลางเอาไม้ค้ำ ไปพิงไว้อีกมุมของห้อง "เอาละ ไหนลองลุกขึ้นยืนซิ"

     เด็กหนุ่มถอนหายใจแบบเซ็ง ๆ ก่อนจะขยับลงจากเตียง สองเท้าแตะลงบนพื้นช้าๆ แต่พอทิ้งน้ำหนักตัวลงไป ความเจ็บแปลบก็เล่นริ้วไปทั้งขาจนแทบทรุดหากไม่มีลำแขนเกร่งประคองไว้

    "ไหวไหม"

    "ผม ไม่เป็นไร" พรีมปฏิเสธ กัดฟันข่มความเจ็บปวดแล้วพยายามยืนให้ได้ด้วยตัวเอง หากแต่สองขากลับแทบไม่มีแรง ก็พอจะรู้ตัวเองเพราะตั้งแต่ฟื้นมาเขาแทบจะไม่ได้ลุกจากเตียง ส่วนหนึ่งก็เพราะไม่สามารถเดินได้เลยหากปราศจากไม้ค้ำ จะไปทำธุระส่วนตัวก็อาศัยเพื่อนๆ ที่มาเยี่ยมคอยช่วย

    "ค่อยๆ นะอย่าฝืน" โฮเซียเตือน เพราะหากขยับร่างกายมากเกินไปจะทำอาจทำให้แผลตรงต้นขาที่เย็บไว้ปริได้

    "ไม่ได้ฝืน ผมทำได้ ปล่อยเลย" พรีมเถียงพร้อม ผลักร่างสูงออกห่างตัว พอเดินไปไม่กี่ก้าวกลับล้มพับลงกับพื้น ทำให้ต้นขาขวามีเลือดสีเข้มซึมเนื้อผ้าเป็นวงกว้าง คนเจ็บกลับไม่สนใจพยายามฝืนลุกยืนแต่ก็ล้มลงไปอีกครั้ง จนคนเป็นหมอต้องเข้ามาห้ามไว้ ก่อนจะแย่ไปกว่านี้

    "พรีมใจเย็น ๆ"

    "ปล่อยผม ผมไม่เป็นไร" เด็กหนุ่มยังคงดื้อดึง หงุดหงิดเหลือเกินกับสภาพที่อ่อนแอของตน 

    "เป็นสิ แผลปริหมดแล้วนี่" โฮเซียแย้ง พลางช้อนอุ้มคนที่นั่งอยู่บนพื้นขึ้นมานั่งบนเตียงดังเดิม
 
    คำบ่นทั้งหลายถูกกลืนหายไป เมื่อน้ำใสๆ ไหลออกจากดวงตาสีฟ้าช้าๆ แม้พรีมจะเบือนหน้าหนีแต่ก็ไม่อาจหลุดพ้นสายตาของร่างสูงไปได้ คุณหมอนั่งลงบนเตียงข้างคนเจ็บก่อนจะรั้งตัวอีกคนเข้ามากอดไว้แนบอก  พลางลูบเรือนผมสีทองนุ่มมืออย่างปลอบโยน ร่างโปร่งไม่มีท่าทีขัดขืนโฮเซียเลยถือโอกาสช้อนตัวอีกคนมาไว้บนตักอย่างแนบเนียน

   "หมอ..." พรีมที่นิ่งเงียบไปคู่ใหญ่ เอ่ยเรียก

   "ครับ"

   "ผมจะเป็นแบบนี้อีกนานไหม" คนเจ็บถามเสียงแผ่ว ในใจหวาดหวั่นไปหมด ถ้าเขาพิการถ้าเดินไม่ได้ตลอดไปแล้วจะสู้พวกฟอสโกได้อย่างไร เด็กหนุ่มสบตาอีกคนอย่างสิ้นหวัง 

    "ไม่นานหรอก เดี๋ยวก็หาย แต่ต้องรักษาตัวเองดีๆ อย่าทำอะไรเกินตัวแบบวันนี้อีก" ดวงสีรัตติกาลมองตอบคนถามอย่างจริงจัง "ไหน ขอดูขาหน่อยซิ"

    "เฮ้ย!! หมอจะทำอะไรผม" พรีมโวยวาย เมื่อคุณหมอทำท่าจะจับถอดกางเกง พึ่งนึกได้ว่านั่งอยู่บนตักอีกคน 

    "ก็จะดูแผลให้ไง เลือดออกเยอะขนาดนี้" โฮเซียว่า พลางกอดเอวไว้ไม่ให้หนี
 
    "หมอ ผมก็อายเป็นนะเฮ้ย"

    "อายทำไมผู้ชายด้วยกัน ถอดเสื้อด้วย เช็ดตัวทีเดียวเลย" ร่างสูงตัดบท พลางจับคนเด็กกว่าลอกคราบก่อนจะยกลงไปนั่งบนฟูกดังเดิม ส่วนตัวเองก็ลุกขึ้นไปเตรียมอุปกรณ์มาทำแผลและเช็ดตัว  พรีมได้แต่นั่งเหวอก่อนจะคว้าเอาผ้าห่มมาปิดส่วนสำคัญไว
โฮเซียหอบอุปกรณ์ทั้งหมดมาวางที่โต๊ะข้างเตียง ก่อนจะจัดการรวบผมยาวๆ ของตัวเองให้เรียบร้อย ลงมือเช็ดตัวให้คนเจ็บ ทั่วทั้งตัวยังคงมีรอยช้ำและบาดแผลเล็กๆ ประปายยิ่งทำให้ร่างสูงต้องระมัดระวังเบามือเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งยังต้องคอยข่มจิตข่มใจกับภาพตรงหน้า เพราะผิวกายขาวและรูปร่างที่แข็งแรงพองามไม่ถึงกับผอมบาง ไหนจะใบหน้าหล่อเหลาซึ่งล้อมกรอบด้วยเส้นผมสีทอง เมื่อรวมกับดวงตาสีฟ้าสดยิ่งทำให้ดูเป็นคุณชายผู้สูงศักดิ์ ดูมีเสน่ห์จนไม่อาจละสายตา

    "อ๊ะ!! " พรีมสะดุ้งเมื้อผ้าเย็นไล้ขึ้นมาตามเรียวขาสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำเอาขนลุกซู่ไปทั้งตัว ท่าทีประหม่าและใบหน้าแดงๆ ทำให้รู้สึกอยากแกล้ง  ร่างสูงจึงแกล้งเลื่อนผ้าซับขึ้นไปจนเฉียดกับส่วนที่ถูกผ้าปิดไว้อย่างหมิ่นเหม่

    "หึๆ" เสียงทุ้มหัวเราะชอบใจที่ได้แกล้ง ทำเอาคนที่กำลังอายค้อนให้อย่างหมั่นไส้

    "หมอ ถามจริง โรคจิตเปล่าเนี่ย"

    "ก็นิดนึง" โฮเซียว่ายิ้มๆ พลางจับจ้องริมฝีปากบางตรงหน้า ได้จูบซักทีคงดีไม่น้อย แต่เอาไว้ก่อนเดี๋ยวเด็กตื่น 

    "เสร็จยังเนี่ยผมหนาวนะ"

    "ครับๆ" ร่างสูงตอบรับ ต่อปากต่อคำได้ ก็ดีกว่าเศร้าแบบก่อนหน้านี้ละนะ คุณหมอเก็บอุปกรณ์เช็ดตัวก่อนจะลงมือจัดการแผลที่ต้นขาขวา แผลที่ถูกเย็บไว้ ปริออกจนเลือดไหล เห็นแบบนี้ร่างสูงถึงกับถอนใจเพราะมันคงจะทิ้งร่องรอยไว้บนเรียวขาสวยๆ นี่เป็นแน่

       ...เฮ้อ เซ็ง...

     วันนี้ดูเหมือนอะไรที่วางไว้จะถูกระงับไปเสียทุกอย่างเมื่อคนไข้ดื้อจนได้เลือด โฮเซียยังคนวนเวียนอยู่ในห้อง อ่านหนังสือบ้าง แหย่พรีมบ้าง แถมตอนกลางคืนยังหอบผ้าหอบผ่อนมานอนห้องเขาอีก จนชักสงสัยว่าคุณหมอผู้นี้ต้องการอะไรกันแน่ มันจำเป็นต้องเฝ้าตลอดเลยหรือไง พรีมได้แต่ถอนหายใจอย่างปลงๆ คุณหมอหน้ามึนคนนี้ไล่ยังไงก็คงไม่ไปแน่ คิดได้แบบนั้นจึงล้มตัวลงนอนพร้อมหันหลังให้ 

    "ฝันดีครับ" โฮเซียว่า พร้อมดับไฟแล้วล้มตัวนอนลงบนโซฟายาว

     ดวงตาสีฟ้าเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง วันนี้พระจันทร์เต็มดวง ชวนให้นึกถึงผู้หญิงที่ทำร้ายเขาปางตาย  เซียชอบแสงของดวงจันทร์ เธอบอกว่าสีของมันอ่อนโยนและนุ่มนวล ทุกคืนที่พระจันทร์เต็มดวงเซียจะขอให้เขาเปิดม่านไว้ แล้วทั้งคู่ก็จะนอนมองมันจนหลับไป จนถึงตอนนี้พรีมยังไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าเธอจะยอมทำร้ายทั้งเขาและฟาเรสเพื่อพวกสารเลวนั่น มันยากเหลือเกินที่ข่มตาหลับ เหมือนในคืนที่ผ่านๆ มา เด็กหนุ่มนอนคู้ตัวในความมืด เอาหมอมากอดพลางซุกหน้าสะอื้น พยายามที่จะไม่ส่งเสียงใดๆ เพราะยังมีใครอีกคนหลับอยู่ไม่ไกล

    "ไม่ต้องกลั้นก็ได้ ร้องออกมาเถอะ" น้ำเสียงทุ้มนุ่มมาพร้อมกับฝ่ามือใหญ่ที่วางลงบนไหล่ที่สั่นไหว ทำเอาพรีมสะดุ้งสุดตัว เพราะคิดว่าอีกคนน่าจะหลับไปแล้ว เขารับรู้ได้ถึงแรงยวบของที่นอนก่อนที่ร่างจะถูกรั้งไปกอดไว้ในวงแขนใหญ่
 
    "ทุกอย่างจะดีขึ้น" โฮเซียว่าพลางกระชับกอดให้แน่นยิ่งขึ้น รู้สึกใจหายไปวูบหนึ่งเมื่อพรีมขืนตัวจนเขาต้องคลายแขนออก ทั้งที่คิดว่าเด็กหนุ่มจะลุกหนีแต่กลับเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามเมื่อพรีมพลิกตัวเข้าหาพร้อมซุกหน้าลงกับอกเขาแล้วหลับตาลงและนิ่งไป
โฮเซียยิ้มกับตัวเองในความมืด ถึงมันจะดูไม่แฟร์ที่เข้าหาอีกฝ่ายในตอนที่อ่อนแอ แต่เขาก็มีเจตนาดี(มั้ง) เอาเป็นว่าจะรักษาให้หายทั้งกายและใจเลยก็แล้วกัน


     แม้ว่าการที่ถูกคนรักหักหลัง และต้องเป็นศัตรูกับคนครอบครัว จะทำร้ายจิตใจของพรีมอยู่มาก แต่ก็ไม่ได้เจ็บปวดทรมานเกินไปนัก เพราะเขายังมีเพื่อนที่คอยให้กำลังใจและเเวะเวียนมาหาอยู่ไม่ขาด ไหนจะมีหมอโฮเซียที่คอยมาก่อกวนวุ่นวายจนแทบไม่มีเวลาให้ฟุ้งซ่าน และไ่ม่ว่าใครเมื่อสุขภาพจิตดีสุขภาพกายก็ดีตาม  ในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา อาการของพรีมจึงดีขึ้นเรื่อยๆ พวกเพื่อนก็พลอยเบาใจไปด้วย พรีมเองอาจจะยังไม่รู้ตัว หากแต่ทุกคนก็สังเกตุได้ว่าเจ้าตัวค่อนข้างร่าเริงเวลาที่มีโฮเซียอยู่ใกล้
 
.................................................................

     ในช่วงที่รอพรีมพักฟื้นพวกของเวลอร์ได้ใช้เวลานี้ ตามหาและกวาดล้าง แหล่งที่อยู่ของพวกฟอสโก้ซึ่งกระจายอยู่โซนของเคลวิชและเดสเซนท์ ทำให้รู้ว่าในช่วงสิบกว่าปีที่เขาถูกผนึกไว้ ริคัทโต้ได้เรียกเหล่าไวโซลเข้ามาในเอสทีเรียดมากกว่าที่คิด จนไม่อยากจะนึกเลยว่าปีศาจเดินดินพวกนี้หากหลุดจากการควบคุมไปแล้วจะสร้างความเดือดร้อนมากแค่ไหน แต่ดูเหมือนทางนั้นจะเริ่มไหวตัวทัน เพราะบางที่ที่ไปก็ว่างเปล่า เพราะพวกฟอสโก้หลบหนีไปก่อนหน้าแล้ว  ส่วนทางด้านมอร์แกนดูแลเรื่องอาวุธยุธโธปกรณ์ที่กำลังสร้างโดยกลุ่มพวกดวอร์ฟ อยู่ที่เควิช ซึ่งทางนี้หากพรีมหายดีก็จะเดินทางไปสมทบกับเธอที่นั่นและมุ่งหน้าไปที่อิเวียโนพร้อมกัน

    "หวังว่าวันนี้คงไม่เสียเปล่าอีกวันนะ" ฟาเรส บ่นหน้ายุ่ง ตอนนี้พวกเขากำลังเดินเท้าเข้าไปในป่าลึกของเขตดิเมียร์ เป้าหมายครั้งนี้ก็คือ เหมืองคริสตัลขนาดใหญ่ซึ่งอยู่ในความดูแลของครอบครัวเซีย เขาได้ข้อมูลที่ตั้งเหล่านี้มาจากพรีม และคิดว่าต้องได้อะไรจากที่นี่บ้างเพราะครอบครัวของเซียทำงานให้กับพวกฟอสโกมานาน

    "ช่วยไม่ได้นิ ริคัทโตเองก็ไม่ใช่คนโง่ เจ้านั่นคงไม่ปล่อยให้เราโจมตีฝ่ายเดียวหรอก" เวลอร์บอก เขาเองก็รู้สึกว่าวิธีนี้เริ่มไม่ได้ผล ดูเหมือนเจ้านั่นจะเรียกพวกตัวเองกลับไปตั้งรับที่อินเวียร์โนบางส่วนแล้ว เพราะท้ายทีี่สุดพวกเขาก็ต้องบุกไปที่เมืองแห่งนั้นอยู่ดี

       เดินเท้ามาไม่นาน เมื่อเข้าใกล้พื้นที่ของเหมือง ทุกคนจึงหาที่กำบังและสังเกตุการอยู่รอบนอก

     "มันเงียบเกินไปหรือเปล่า" โอซี่ว่าพลางใช้กล้องส่องทางไกลมองไปยังเป้าหมาย

     "ก็คงเหมือนทุกทีละมั้ง มาช้า พวกนั้นชิ่งไปก่อน" ครึ่งเอลฟ์ว่าแบบเซ็ง ๆ เขาน่าจะเชื่อลูนเพราะก่อนเดินทางมาที่นี่เจ้าแมวดำบอกว่าไม่อยากให้มาคงเพราะแบบนี้ละมั้ง

      "งั้นเข้าไปดูข้างในกันเถอะ เผื่อจะได้อะไรบ้าง" เจ้าชายครึ่งออคเสนอ ทุกคนจึงออกจากที่กำบังแล้วมุ่งหน้าเข้าไปยังตัวเหมือง 

      ดูจากเครื่องไม้เครื่องมือที่ยังใหม่ บอกให้รู้ว่าที่นี่ไม่ได้ถูกทิ้งร้าง พวกเขาที่มากันเกือบสามสิบคนจึงกระจายกันไปตามทางเดินซึ่งแยกออกไปหลายทาง เวลอร์ได้กลิ่นเลือดจางๆ มาจากทางหนึ่งจึงเดินนำไป ยิ่งลึกกลิ่นคาวยิ่งรุนแรง จนเข้ามาถึงโถงใหญ่ ดวงตาสีอำพันกวาดมองในแสงสลัวจากคบเพลิงที่ติดผนัง คิ้วเข้มขมวดมุ่นอย่างหนักใจกับภาพตรงหน้า โถงถ้ำ และพื้นถูกย้อมด้วยเลือดจากศพของมนุษย์มากมาย ซึ่งถูกฉีกเป็นชิ้นๆ กระจายอยู่เต็มพื้น บางร่างบิดเกร็งจากความทรมาน บางร่างเละจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม บ่งบอกถึงความโหดร้ายป่าเถือนที่เกิดขึ้นก่อนหน้าในห้องนี้

     "นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน" ฟาเรสว่า ใบหน้าซีดเผือดกับสิ่งที่เห็น รู้สึกคลื่นไส้กับกลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้ง

     "ฟาร์ อย่ามอง" เวลอร์ว่า ดึงร่างบางมากอดพร้อมเอามือปิดตาไว้

     "ทหารของเอแวนการ์ดกำลังเข้ามาที่นี่" โอซี่ที่ตอนแรกแยกไปอีกทาง วิ่งมาหาพวกเขา บอกเสียงตื่น

     "ดูเหมือนเราจะติดกับแล้วละ" คิเมร่าหนุ่มบอกเสียงเครียด ศพอยู่ตรงหน้าขนาดนี้ ดูยังไงก็ฝีมือพวกเขาอย่างแน่นอน

     "ท่านเวลอร์ เอายังไงดีครับ" คนอื่นๆ ที่แยกไปอีกทาง เข้ามารวมตัวกัน 

     "มีทางออกอื่นไหม"

     "จากที่ดูพิมพ์เขียว ก็มีอยู่ ตามฉันมา" โอซี่ว่า พร้อมนำออกไปอีกทาง โดยเวลอร์ไม่ลืมที่จะใช้พลังเวทย์สร้างกำแพงน้ำแข็ง ขว้างกันไว้ตามทางเดินที่ผ่าน แม้การหนีไปจากที่นี่จะไม่ยากเกินความสามารถของพวกเขา หากแต่สิ่งที่สำคัญคือเขาต้องบอกให้เอเบรียนและพวกที่ฐานออกไปจากที่นั่นโดยไว เพราะดูเหมือนมีสิ่งที่ต้องรับมือเพิ่มขึ้นเสียแล้ว

...............................

- กลับมาแล้วค่ะ หลังจากนี้น่าจะลงตัวแล้วค่ะ คงมีเวลาเขียนเรื่องนี้มากขึ้น คนอ่านหลายท่านคงเริ่มนอยกับควาไม่ต่อเนื่องของเเรา ทางเราเองต้องขออภัยด้วยค่ะที่หายหน้า นั่นเพราะ จัดการเรื่องภาพประกอบในเล่มของ Night Knight  และตอนนี้เสร็จไปแล้ว เปิดพรีแล้วนะเออ กำหนดส่งสินค้ากลางเดือนพย. ค่ะ ไปดูรายละเอียดในนี้ได้เลยค่ะ http://www.whybooksth.com/   :katai2-1:

- เรื่องนี้ไม่เกิน 45 บทค่ะตามที่แพลน บวกลบ ตอนพิเศษตามสมควร  :katai5:
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-10-2016 00:09:32 โดย l3loodl2o5e »

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :L2:  ขอบคุณนะคะ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ปวดตับ

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
ตื่นเต้นน

ออฟไลน์ poopae

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ l3loodl2o5e

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-4
บทที่ 35

     "พรีม ตื่น พรีม เราต้องรีบไปแล้ว" เด็กหนุ่มถูกปลุกกลางดึก ร่างโปร่งงัวเงียขึ้นนั่งบนเตียงก็ต้องหรี่ตาเพราะแสงสว่างในห้อง ปรับตัวอยู่ซักพักก็เห็นโฮเซียในชุดพร้อมเดินทางกำลังเก็บอุปกรณ์ทำแผลและยาใส่กระเป๋า

    "หมอจะไปไหน"

    "ตอนนี้ทหารเอแวนการ์ดกำลังจะมาที่นี่ มาจับพวกเรา" โฮเซียว่าพร้อมปิดกระเป๋า ก่อนตรงมาที่เตียง

    "จับ จับทำไมพวกเราทำอะไรผิด แล้วรู้ได้ยังไงว่าเราอยู่ที่นี่" พรีมถามยาว ตอนนี้ตื่นเต็มตาแล้ว

    "พวกเวลอร์ไปเหมืองของบ้านเซีย ไปถึงก็เจอแต่ศพ พอดีกับเอแวนการ์ดมาเจอ แถมยังมีคนไปแจ้งว่าเรากบดานอยู่ที่นี่ วางแผนจะโจมตีเดสเซนท์"

    "แล้วเอแวนการ์ดก็โง่เชื่อพวกนั้น ? นี่เราโดนใส่ร้ายหรอ" เด็กหนุ่มตีหน้ายุ่ง "คนอื่นๆ ละ"

    "พวกชาวอินเวียโนที่มาจากไทวาส ให้ขึ้นเรือออกไปก่อนแล้ว ทหารเอเเวนการ์ดไม่มีข้อมูลหน้าตาคนเหล่านั้น ส่วนพวกเรา มีชื่อในพลเมืองเดสเซนท์ พวกนั้นรู้หน้าตาเราก็ต้องแยก แล้วค่อยไปรวมกันที่แคลวิช มอร์แกนรอเราอยู่นั่นเพราะเธอไปจัดการเรื่องยุโธปกรณ์อยู่ก่อนแล้ว"

    "แล้วท่านผู้อำนวยการจะเป็นอะไรไหม" พรีมถามอย่างกังวล เพราะผู้อำนวยการเป็นคนให้ที่พักพิงพวกเขา

    "ระดับเจ้านั่น จัดการได้อยู่แล้ว ถ้าไม่ไหวจริงๆ คิดว่าพวกเราจะทิ้งเพื่อนหรอ" โฮเซียว่า เขาก็ชวนหนีด้วยกันนั่นละ แต่ไอ้หงอกนั่นบอกไม่อยากทิ้งอนิมาไป สปีริตแรงกล้าขนาดนั้นก็ไม่อยากขัดได้แต่หงุดหงิดในใจ

    "เอ่อ คุณหมอไปเถอะ ผมจะถ่วงเปล่าๆ" พรีมบอกเสียงอ่อย เขาในตอนนี้แค่เดินยังลำบากเลย

    "หมอที่ไหนทิ้งคนเจ็บ" ร่างสูงยิ้มพลางเอากระเป๋าขึ้นสะพาย คว้าเสื้อโค๊ทตัวใหญ่แล้วเอามาคลุมให้เด็กหนุ่ม

    "แล้วจะให้ผมเดินไปยังไง"

    "ก็ไม่ได้จะให้เดิน" ว่าแล้วก็ช้อนอุ้มคนเด็กกว่าขึ้นจากเตียง

    "เฮ้ย ผมเดินเองได้" พรีมบอกปัด ช่วงนี้โดนอุ้มบ่อยไปนะ

    “ครับๆ รู้ว่าเก่ง ไว้ค่อยเก่งวันอื่นนะ ตอนนี้รีบ” โฮเซียกล่าวตัดบทแล้วออกจากห้องไปทันที ภายในตึกไร้ซึ่งผู้คน 

    "แล้วเราจะไปไหน ไม่ใช่ว่าพวกทหารล้อมเกาะอนิมาไว้หมดแล้วหรอ"

    "ท่าเรือเก่าทางตะวันตกของเกาะ ฝ่าป่าไป ถ้าผ่านทางนั้นพวกเอแวนการ์ดก็จะตามรอยยาก อีกอย่างท่าเรือตรงจุดนั้นไม่ค่อยมีคนรู้ว่ามี ส่วนชาวอินเวียโนคนอื่นๆ ล่วงหน้าไปก่อนแล้ว"

    "อ้าว ไม่ถูกเรือของทหารเอแวนการ์ดตามเหรอ"

    "ไม่หรอก เอเบรียนให้คนขับเรือใหญ่ล่อไปอีกทาง ไปเถอะพวกมาวิครอเราอยู่" เสียงโหวกแหวกที่ดังมาจากฝั่งทางเข้าฐานเตือนให้รู้ว่าคนของเอแวนการ์ดน่าจะมาถึงแล้ว 

    "พวกนั้นมาแล้ว ปล่อยผมไว้เถอะ เดี๋ยวก็ซวยกันทั้งคู่หรอก" ตอนนี้พวกเขาอยู่ตั้งชั้นหกของตึกกว่าจะลงไปถึงชั้นล่างอาจโดนจับตัวก่อนแน่ 

    "นี่กลัวความสูงไหม"

    "ฮะ อะระ เฮ้ย!!!" ยังไม่ทันเข้าใจอะไรดีก็ต้องร้องลั่นเมื่อจู่ๆ โฮเซียพาเขาโดดจากระเบียงชั้นหก  เด็กหนุ่มหลับตาแน่น ใจหายวาบ ตาย ตายแน่ๆ แบบนี้

   "หึๆ กลัวหรอ" เสียงหัวเราะชอบใจดึงดวงตาสีฟ้าใสให้หันมอง โฮเซียยิ้มขำกับคนในอ้อมกอดที่หน้าซีดไปซะละ พรีมมองรอบๆ ก่อนจะผ่อนลมหายใจเมื่อพบว่าเขาทั้งคู่ยังอยู่ดีแต่ก็ต้องผวากอดคอร่างสูงไว้แน่นเมื่ออีกฝ่ายออกวิ่งฝ่าเข้าไปในแมกไม้ด้วยความเร็วที่มนุษย์ไม่มีวันทำได้ และไม่นานท่าเรือที่ทำจากไม้เก่าๆ ก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า มีเรือเร็วขนาดกลางจอดอยู่ พอเข้าไปใกล้จึงพบว่ามาวิคและไมเรครออยู่ก่อนแล้ว ทั้งสองช่วยดึงตัวคนเจ็บขึ้นเรือ

    "นายโอเคไหม" มาวิคเอ่ยถามพลางประคองเพื่อนไปนั่งตรงที่นั่งด้านใน 

    "อืม รู้สึกไร้ประโยชน์ชะมัด" พรีมบ่นหน้างอ

    "เอาน่าเดี๋ยวก็หาย" มาวิคตบบ่าเพื่อนด้วยความเคยชินแต่หนักมือไปนิดทำเอาคนที่ยังระบมทั้งตัวสะดุ้งโหยง

    "เจ็บนะเฮ้ย"

    "โทษวะ"

    "เราจะไปรวมกับพวกเวที่แยนทราทางเหนืองของเเคลวิช เรื่องเรือเหอะตัดไปได้เลย เพราะทหารเอแวนการ์ดคงไปดักรอเราที่ท่าแล้ว ต้องไปขึ้นฝั่งที่ฮาสลาแล้วเดินเท้าต่อ เลี่ยงพวกแคมป์ของหทารเอแวนการ์ดเอา เดี๋ยวฉันนำทางเอง" อดีตหน่วยพิทักษ์บอก เขาทำงานกับเอแวนการ์ดมาหลายปีจึงรู้ข้อมูลเหล่านี้ดี ไมเรครับหน้าที่เป็นสารถีขับเรือออกจากท่า เกาะอนิมาห่างไปไม่ทันลับสายตาก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของเรือใหญ่ดังมาจากอีกฝากหนึ่งและดูเหมือนจะใกล้เข้ามาเรื่อยๆ 
"ทำไงดี ถึงเรือนี้จะอำพรางจากเรดาร์แต่ถ้าเข้าใกล้พวกนั้นต้องเห็นแน่" มาวิคว่าอย่างร้อนรนพลางใช้กล้องส่องทางไกลมองไปทางเสียง เห็นหัวเรือใหญ่ของเอแวนการ์ดกำลังจะเลี้ยวพ้นมุมอ่าวมา
โฮเซียเดินไปท้ายเรือ คุณหมอร่างสูงถอดเสื้อก่อนจะโยนออกห่างตัว ใครเล่าจะคิดว่าผู้ชายท่าทางสุภาพที่มักอยู่ในเสื้อกราวตัวใหญ่จะมีเรือนกายแข็งแรงไม่ต่างจากนายทหาร ทั้งพรีมแลัมาวิคได้แต่มองตามด้วยความฉงน

    "ล่วงหน้าไปก่อนเลยนะเดี๋ยวตามไป"

    "หมอจะทำอะ" เด็กหนุ่มผมทองเอ่ยท้วงไม่ทันจบ ร่างสูงก็ทิ้งตัวจากท้ายเรือสู่ผิวน้ำ

    ตูม ซ่าาา!!! นำทะเลสาดกระเซ็น ดวงตาสีฟ้าได้แต่มองตามวงคลื่นบนแผ่นน้ำที่นิ่งหายไปและยังคงเป็นแบบน้นจนพรีมเริ่มใจเสียเมื่อคนที่เพิ่งกระโดดลงไปไม่มีวี่แววจะโผล่พ้นผิวน้ำขึ้นมา แม้จะไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมต้องนึกห่วงคนคนนั้น

    "พี่ไมเรค จอดก่อน คุณหมอเขา" 

    "พรีมดูนั่น" มาวิคสะกิด พรีมมองตามมือเพื่อนไปก็เห็นว่า ด้านหลังห่างออกไปตรงจุดที่โฮเซียกระโดดลงจากเรือ เกิดเป็นหลุมน้ำวนขนาดใหญ่ ขวางหน้าเรือของเอแวนการ์ดไว้ 

    ปัง ปัง ปัง กระสุนไฟลูกถูกยิงมาทางเขาซึ่งไมเรคก็หักหลบได้อย่างเฉียดฉิว แต่ยังไม่ทััันที่ลูกอื่นๆ จะยิงตามมาเรือรบลำนั้นก็โคลงเคลงเหมือนถูกกระแทกจากใต้น้ำ ก่อนจะปรากฏสาเหตุที่ทำให้มันเป็นเช่นนั้น เมื่อร่างใหญ่ยักษ์โผล่พรวดขึ้นมาจากผิวน้ำ ลำตัวยาวรัดกลางลำเรือของเหล่าทหารจนไม่อาจเคลื่อนต่อไปได้ ดวงตาสีแดงเพลิงและเกร็ดสีดำสนิทหากแต่แวววาวยามต้องกับแสงจันทร์ทำให้ร่างนั้นดุจเหมือนมัจจุราจเเห่งท้องทะเล งูยักษ์ค่อยๆ รัดตำลำเรือจนเริ่มยับยู่ก่อนที่มันจะถูกลากสู่หลุมน้ำวนช้าๆ 

    ในขณะที่สองสหายกำลังตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น ไมเรคจึงอาศัยจังหวะนี้เร่งความเร็วออกมาให้ห่างจากจุดนั้น มาวิคได้แต่ปลอบใจเพื่อนว่าคุณหมอของมันคงไม่เป็นอะไร ขึ้นชื่อว่าเคยอยู่ในอินเวียโนต้องไม่ธรรมดาอยู่แล้ว
ทั้งสามขึ้นฝั่งที่เขตฮาสล่าตอนเที่ยงวันก่อนจะเดินเท้าขึ้นเหนือกันไปเรื่อยๆ โดยเลี่ยงพวกหมู่บ้านใหญ่ รวมไปถึงเขตค่ายของทหารเอแวนการ์ด แต่ก็ไปได้ไม่ไกลเท่าไหร่ เนื่องจากพรีมยังขยับตัวได้ไม่เต็มที่แต่ก็ได้มาวิคเพื่อนซี้ประคองไปตลอดทาง ตกเย็นจึงพากันตั้งเเคมป์  เป็นแบบนี้มาสี่วัน พรีมเองก็ดีขึ้นสามารถเดินได้เกือบปกติเม้จะมีอาการเจ็บรบกวนบ้างแต่เจ้าตัวก็ไม่ได้แสดงออกให้ใครเห็นเพราะไม่อยากเป็นตัวถ่วง



    พรีมนอนลืมตาในแสงสลัวจากกองไฟที่ใกล้มอด มาวิคนอนหลับสนิทอยู่ไม่ไกลจากความอ่อนเพลียที่เดินมาทั้งวัน เขาไม่อาจข่มตาหลับได้แม้ร่างกายจะเหนื่อยเต็มทนด้วยใจยังพะวงถึงอีกคนที่ป่านนี้ก็ยังไม่มีวี่แวว แม้จะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ แต่สิ่งที่โฮเซียทำให้นั้นก็มากมายพอจะให้ความรู้สึกผูกพัน เด็กหนุ่มถอนหายใจอย่าหงุดหงิดก่อนจะตัดสินใจลุกนั่ง เขาคว้าเอาฟืนที่ยังเหลือโยนใส่กองไฟก่อนจะหันไปกระชับผ้าห่มให้เพื่อนแล้วลุกขึ้น พรีมเดินออกมาตรงปากถ้ำขนาดเล็กที่ใช้เป็นที่พักพิงในวันนี้ พวกเขามาถึงเขตวายเนสเทียแล้วและคิดว่าอีกไม่ถึงห้าวันคงเดินเท้าถึงจุดที่นัดกับพวกเวลอร์ไว้

    "พี่ไมเรคไปพักก่อนก็ได้ ผมอยู่เวรเอง"

    "เอางั้นหรอ ไปนอนต่อก็ได้ พี่ไหวอยู่" ไมเรคหันไปตอบคนที่ติดว่าหลับไปแล้ว เขาอาสาเป็นเวรยามเฝ้าอยู่หน้าถ้ำต่อจากมาวิคที่อยู่ก่อนแล้วช่วงหัวค่ำ จริง ๆ ก็เป็นเขาที่ไล่อีกฝ่ายไปนอนเพราะห่วงคนรักที่เติบโตในเมืองไม่เคยต้องมาเดินทางลำบากแบบนี้ สำหรับเขาการอดหลับอดนอนหรือต้องเดินเท้าไกล ๆ ถือเป็นเรื่องปกติที่หน่วยพิทักษ์ต้องเจอ

    "ผมนอนอิ่มแล้ว พี่ไปพักเถอะ อากาศกางคืนเย็นนะ มาวิคมันคงอยากได้คนก่อน" เด็กหนุ่มผมทองแซวยิ้มๆ 

    "เอางั้นก็ได้ อืม นี่ก็ตีสามแล้ว" ไมเรคมองนาฬิกาที่อขวนไว้ที่คอ อีกไม่นานคงเช้าจึงวางใจให้รุ่นน้องอยู่เวรแทน ร่างสูงลุกยืนแล้วกล่าวทิ้งท้าย "พระอาทิตย์ขึ้นไปปลุกด้วยนะ"

    พรีมนั่งลงแทนที่ก่อนจะเอาผ้าห่มที่ถือติดมาด้วยคลุมกาย ตรงจุดนี้ที่เลือกจะไม่ก่อไฟ เพราะมันจะทำให้เป็นเป้าสายตา สายลมยามค่ำคืนเย็นยะเยือกจนเด็กหนุ่มต้องกระชับผ้าห่มแน่นขึ้นเพื่อบรรเทาความหนาวเหน็บ เขาแอนพิงผนังหินพลางเหม่อมองพระจันทร์ที่ให้ส่องสว่าง หากเป็นแต่ก่อนเขาคงนึกถึงเซียหากแต่ตอนนี้เขากลับนึกถึงใครอีกคน จากที่คิดว่านอนไม่หลับแต่พามาอยู่ตรงนี้กลับเริ่มล้า ก่อนดวงตาสีฟ้าสวยจะปิดลงเพราะไม่อาจฝืนความง่วงได้อีกต่อไป

    ซี่...

    เสียงหนึ่งดังอยู่ข้างหู ก่อนที่พรีมจะสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะรับรู้ได้ถึงแรงรัด ก่อนดวงตาทั้งคู่จะเบิกเพลิงเมื่อพบว่าร่างกำลังถูกรัดด้วยงูสีดำตัวใหญ่ เขาอยากจะร้องก็ร้องไม่ออกเพราะส่วนของลำตัวมันปิดปากเขาพอดี หัวขนาดใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยเกล็ดวาวยกขึ้นมาเสมอใบหน้าเขา ดวงตาสีเพลิงทำเขาชาวาบไปทั้งร่าง

    ...บ้าเอ้ย...พรีมสบถในใจเมื่อพบว่าไม่อาจขยับตัวได้

    ซี...

     เสียงร้องของมันยิ่งทำให้เขาใจหาย ในจังหวะที่หัวนั่นถอยห่างในท่าเตรียมจะฉกเด็กหนุ่มหลับตาแน่นใจเต้นแรงด้วยความหวาดกลัว เตรียมใจรับกับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นหากแต่สิ่งที่รู้สึกกลับตรงกันข้าม สัมผัสนุ่มหยุ่นที่ประทับลงบนเรียวปากทำให้ต้องลืมตามองอย่างกล้าๆ กลัวๆ 

    "หึๆ กลัวอะไรขนาดนั้น" ใบหน้าคม ที่ล้อมกรอบด้วยเรือนผมดำยาว นัยน์ตาเรียวสีรัตติกาลแพรวพราวอย่างขบขัน 

    "หมอ..." พรีมร้องออกมาเสียงแผ่ว ลำตัวยาวที่รัดเขาไว้บัดนี้มีเพียงวงแขนใหญ่ที่โอบรอบตัวเขาซึ่งมานั่งอยู่บนตักอีกคนเมื่อไหร่ก็ไม่รู้  ยังไม่ทันที่จะเอ่ยถามริมฝีปากบางก็ถูกช่วงชิงไปอีกครั้ง ร่างสูงบดจูบอ้อยอิ่งหลอกล่อให้คนที่ไม่ทันตั้งตัวต้องตอบสนอง ลิ้นชื้นที่ตอบรับเขาทำให้โฮเซียยิ่งจูบคนในอ้อมแขนดูดดื่มให้หายคิดถึง ก่อนจะถอนริมฝีปากออกอย่างเสียดาย

    "เอ่อ ถ้าอย่างงั้น งูยักษ์ที่ล่มเรือของเอแวนการ์ดก็คือหมองั้นหรอ" พรีมถามตะกุกตะกัก เพราะไอ้จูบเมื่อกี้มันทำเอาสติไม่อยู่กับร่องกับรอย เรียบเรียงคำพูดยากไปหมด เขาเองก็บ้าสมยอมเฉยเลย

    "แล้วคิดว่าไงครับ"

    "เห้อ...ทำผมตกใจหมด" เด็กหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อตระหนักได้ว่าอีกฝ่าย คงเป็นคิเมร่า แต่เมื่อกี้เขากลัวจริงๆ นะโฮเซียยิ้มกับท่าทางที่หลากหลายของคนบนตัก ก่อนจะเชิยคางเรียวให้เงยหน้าขึ้นสบตาแล้วเอ่ยถาม

    "นี่ คิดถึงฉันไหม" 

    "ผม..." ดวงตาสีเข้มที่จ้องมาสื่อความหมายชัดเจน หากแต่เป็นพรีมที่เป็นฝ่ายหลบ นัยน์ตาสีฟ้าฉายเเววเจ็บปวดและหมองเศร้า "ไม่รู้ ทำไมเป็นผมละ ยังไม่แน่ใจอะไรเลยด้วยซ้ำ ว่าผมยังกล้าที่จะรักใครอีกไหม"

    "งั้นยังไม่ต้องรัก" 

    "ฮะ..."

    "ตอบแค่ว่า อยู่กับฉันแล้วมีความสุขไหม" เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยถามอย่างใจเย็น สุขไหมงั้นหรอ มันก็ดีนะอย่างน้อยมีคนคนนี้อยู่ข้างกายเขาก็ไม่เศร้า

    "อืม คิดว่านะ"

"แค่นั้นก็พอแล้ว" คนโตกว่ายิ้มใจดีก่อนจะจูบหน้าผ้าเนียนเบาๆ พลางกอดร่างโปร่งเเน่นขึ้น ผิวนุ่มกับกลิ่นกายที่เขาชอบ คิดถึงเป็นบ้า

    "หมอ" คนที่นิ่งไปนานจู่ๆ ก็ร้องออกมาอย่างตกใจ 

   "อะไร"

    "งู งูอะหมอ" พรีมบอกเสียงสั่น

    "งูที่ไหน นี่ร่างคน" โฮเซียขมวดคิ้วอย่างข้องใจ

    "ก็งูหมออะ ทิ่มก้นผมอยู่เนี่ย ไปหาเสื้อผ้ามาใส่สิโว้ย" พรีมบ่นหน้างอ รับรู้ถึงส่วนแข็งขืนของอีกคนที่ดั้นก้นเขาผ่านเนื้อผ้า ชวนให้ใบหน้าร้อนผ่าวกับสภาพที่เป็น นี่คงลืมไปแล้ใช่ไหมว่าตัวเองไม่มีเสื้อผ้าซักชิ้นไอ้หมอบ้า เด็กหนุ่มกำมือทุบแผ่นอกหนาแรงๆ พลางขืนตัวออกจากตัก แต่อีกคนกลับกอดแน่นกว่าเดิม

   "หึๆ อย่าดิ้นสิ งูฉกไม่รู้นะ"

   "ไอ้หมอโรคจิต!!!"


........................................

-เริ่มเครียด จบแบบชิวๆ เอาเป็นว่าคู๋นี้สรุปตามนี้นะ แต่จะโดนงูฉกไหม ไม่รู้สิ  o18

- เนื้อหาจะเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ รายละเอียดจะเยอะ ใครงงถามเราได้ค่ะ ใครไม่เข้าใจที่ไหนเป็นที่ไหน เราเคยเเปะแผนที่เอทีเรียดที่เราเราวาด ไว้หน้าต้นๆ ดูได้นะค่ะ

-หมอชอบแกล้งอะ

- รักนะทุกคน  :กอด1:
 
 
 
 
 
 

ออฟไลน์ rayaiji

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 817
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
    • ray's deviantart
หมอน่ารักอ่ะ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
ขอให้พรีมโดนงูฉกสักทีเถอะ :z1:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
งานเข้าทุกวันจิงๆ

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
อันนี้แค่งูรัดอยากเห็นตอนงูฉก กรี๊ดด เขินน

ออฟไลน์ cinpetals

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
โอยยยย พรีมโดนงูฉกแน่ คริคริ

ออฟไลน์ m.starlight

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :hao5: รออ่านตอนต่อไปอยู่นะ หมอรุกหนักเชียว

ออฟไลน์ cinpetals

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
เข้ามารอทุกคนนน  :กอด1:

ออฟไลน์ l3loodl2o5e

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-4
บทที่ 36

      "ฮือออ ช้าหน่อย อ๊ะ" พรีมขบริมฝีปากแน่นกลั้นเสียงครางของตัวเอง มองมือจิกไหล่หนาของอีกคนแน่น

      "ฮึมมม ครางเลยอยากได้ยิน" โฮเซียว่าพลางขยับมือที่รวบแก่นแกนของทั้งคู่ให้รูดเร็วขึ้น 

       "มะ อ้าาา ไม่ เดี๋ยวพวกนั้น ได้ยิน" เด็กหนุ่มส่ายหน้ารัว ๆ ก่อนจะฟุบหน้าลงกับไหล่หมอเพราะไม่อาจกลั้นเสียงได้อีกต่อไป มันต่างจากช่วยตัวเอง อาจเพราะคนอื่นทำให้มันไม่ได้ดั่งใจแต่กลับรู้สึกมากว่าปกติ ใบหน้าอ่อนเยาว์ถูกรั้งออกมารับจูบดูดดื่ม ก่อนที่ห้วงอารมณ์ร้อนของทั้งคู่จะประทุเป็นน้ำอุ่น ๆ ที่เลอะเต็มมือ

       "พรีม ฮืมมม อีกได้ไหม" หมอหนุ่มว่าเสียงเพ้อ พลางไล้จูบขมับชื้นเหงื่อ ลากมาที่แก้มก่อนจะจบที่ริมฝีปากของเด็กหนุ่ม ใจจริงก็อยากจะทำมากกว่านี้ แต่รู้ดีถึงสัญชาติญาณของตัวเอง คิเมร่าถ้าได้เริ่มแล้วหยุดยาก แต่เขาไม่อยากรุกพรีมหนักไป แค่เด็กหนุ่มยอมเปิดใจให้เขาก็ถือว่ามากแล้ว แต่ในเมื่อลูกชายมันตื่นแล้วจะปล่อยไว้ก็ทรมาน เลยจบด้วยการอ้อนให้พรีมช่วยบรรเทาความอยากให้เพียงเท่านี้

       "พอแล้ว" พรีมว่า พยายามปรับอารมณ์ให้ปกติ แต่คุณหมอกลับเอาแต่พรมจูบไม่ห่างจนคนโดนลวนลามต้องฟาดแขนแรง ๆ ไปที

        "โหดร้ายตลอด" โฮเซียแซวพลางเช็ดไม้เช็ดมือแล้วกอดเด็กหนุ่มไว้หลวม ๆ สองชีวิตต่างเผ่าพันธุ์นั่งมองแสงอรุณที่กำลังฉาบฉายบนฟากฟ้าพลางครุ่นคิดถึงสิ่งที่ทั้งคู่กำลังจะเจอต่อจากนี้ บางทีสงครามก็ไม่ได้นำพาแต่ความสุญเสียหากแต่ยังทำให้ให้พวกเขาได้พบสิ่งดี จากคนที่ใช้ชีวิตผ่านวันต่อวันแบบโฮเซียได้พบกับพรีม และต่างคนต่างลองเปิดใจให้กัน

         "นี่หมอ จะไม่หาเสื้อผ้าใส่จริงดิ"

      "ชู่ววว อย่าทักสิ เสียบรรยากาศหมด" 


 
        ดวงตาสีเทากวาดตามองรอบห้องพิพากษาแหงศาลสูงเดสเซนท์ อัศจรรย์ขนาดใหญ่ครึ่งวงกลมตรงหน้า เต็มไปด้วยนักกฏหมายและนายทหารระดับสูง มีแท่นเงินอีกสี่แท่นที่ฉายภาพโฮโลแกรมของกษัตริย์จากสี่อาณาจักร เรเวนเนียแห้งนอธเทิร์นเรียม ริชาร์ดแห่งเคลวิช ดาเวนแห่งไวท์ออชาร์ด และอลูคัสแห่งเรดิเอนซี่ เอเบรียนยืนอยู่บนแท่นใจกลางห้อง ข้อมือข้อเท้าถูกล่ามด้วยโซ่ใหญ่

      "ทำไมท่านถึงให้ที่พักพิงคนเหล่านั้น ท่านเป็นถึงผู้อำนวยการของอนิมากลับเอาอันตรายไว้ใกล้นักศึกษาของท่าน" นายทหารท่าหนึ่งเอ่ย น้ำเสียงเผยความไม่พอใจอย่างชัดเจน

       "เพราะผมรู้ว่าคนเหล่านั้นไม่อันตรายต่อเรา"

      "พวกนั้นมันผู้ก่อการร้าย" ราชินีเรเวนเนียตรัสแย้ง

       "อะไรทำให้ฝ่าบาทคิดว่าเขาเป็น" เอเบรียนถามกลับอย่างใจเย็น สบตาเจ้าแห่งดินแดนเหนือผ่านมอนิเตอร์แบบไม่กลัวเกรง
"พวกเขาฆ่าคนไปมากมายในเหมืองนั่น ตอนที่เจ้าหน้าที่ของเราเข้าไปพวกนั้นอยู่ในนั้นและหลบหนีการจับกุม" เจ้าหน้าที่กล่าวก่อนฉายภาพอันน่าสยดสยองของผู้เสียชีวิตภายในเหมือง

       "แต่ก็ไม่ได้เห็นกับตาว่าพวกเขาทำ" เอเบรียนแก้ตัว

        "แต่ก็ไม่มีหลักฐานว่าไม่ได้ทำ" เจ้าแดนเหนือว่าต่ออย่างไม่ยอมแพ้

       "ใครเป็นผู้นำกลุ่มพวกนั้น" กษัตริริชาร์ดตรัสถาม "เจ้าบอกได้ไหม"

       "เวลาเรียสแห่งอินเวียโน"

        "ชาวอินเวียโน ข้าไม่ได้ยินข่าวคราวของพวกเขานานมากแล้ว เพราะเจ้าพวกนั้นตัดขาดจากโลกภายนอก ข่าวสุดท้ายที่ได้ยินคืออาณาจักรของเจ้าพวกนั่นล่มสลายไปแล้วไม่ใช่หรือ" กษัตริย์ดาเวนผู้สูงวัยที่สุดแสดงความเห็น

         "ถูกแล้วฝ่าบาท ที่พวกเขารวมตัวกันเพื่อจะกลับไปยังบ้านของเขาเท่านั้นไม่ได้เจตนาร้ายต่อเราเลย พวกเขาทำเพื่อปกป้องเราทุกคน" 

         "ปกป้องเราจากอะไร" 

        "ไวด์โซล พวกท่านอาจจะไม่รู้ ว่าในสายเลือดเอลฟ์จะมีผู้ที่มีพลังในการควบคุมรอยแยกระหว่างมิติ ไวด์โซลที่ถูกเรียกมาถูกควบคุมและทำให้เป็นทาสรับใช้กับพ่อค้าและนายทุน เพื่อแลกกับเงินให้กับคนที่เรียกพวกมันมา คนเหล่านั้นเรียกตัวเองว่าฟอสโก หากแต่เป้าหมายที่แท้จริงคือกระจายอันเดธเหล่านี้ไปให้ทั่วเอสทีเรียดของเรา" ทั่วทั้งของพิพากษาเงียบฟังทุกคำพูดของเอเบรียนอย่างตั้งใจ บางคนเชื่อบางคนไม่เชื่อ 

        "หากไวด์โซลใช้แทนแรงงานได้จริงก็ดีไม่ใช่หรือ" นักกฎหมายอาวุโสกล่าว
 
        "จริงอยู่ ไวด์โซลที่ควบคุมได้ คือแรงงานชั้นเยี่ยม แต่พวกท่านลองนึกดูสิ หากพวกมันถูกคลายผนึกและคุ้มคลั่ง ทั่วทุกดินแดนจะมีคนบาดเจ็บล้มตายแค่ไหน ประโยชน์หลักสิบเทียบได้หรือกับหายนะหลักล้าน และนี่คือสิ่งที่ชาวอินเวียโนกำลังทำ พวกเขาพยายามจะหยุดฟอสโก"

         "แล้วทำไมพวกเราต้องเชื่อ"

       "ผมไม่ขอให้พวกท่านเชื่อ เพราะหากทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นจริง คนเดือดร้อนคือเหล่าประชากรในเอสทีเรียดทุกคน"
"ฉันไม่สนหรอกว่าพวกอินเวียโนพวกนั้นมีเป้าหมายอะไร แต่ฉันคงไม่ยอมให้พวกมันเข้ามาในดินแดนฉันแน่นอน" ราชินีเรเวนเนียกล่าว "แล้วท่านละอลูคัส มีความเห็นอย่างไร"

        "เรื่องนี้จะจริงหรือไม่ ป้องกันไว้ก่อนก็ไม่เสียหาย" กษัตริย์ออคตอบ หากแต่มีแผนในใจไว้เรียบร้อยแล้วเพราะเขารู้เรื่องทั้งหมดมาตั้งแต่ต้นและแน่นอนคงไม่ปล่อยเพื่อนและลูกชายให้สู้ตามลำพัง

       "หึ ผมมั่นใจว่าเอแวนการ์ดสามารถรับมือได้" นายทหารใหญ่กล่าวอย่างมันใจ เอเบรียนก็ได้แต่ถอนหายใจเบา ๆ "แต่เอแวนการ์ดจะไม่นิ่งนอนใจกับเรื่องที่ท่านเล่ามา ระหว่างที่ทางการพิสูจน์ว่าเรื่องเหล่านี้จริงหรือไม่ ท่านจะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมตัวของเรา" ชายสูงวัยพยักหน้ารับ เขารู้ดีว่ามันคงไม่ง่ายแบบนั้น



        เพี๊ยะ!!! เสียงแส้เฆี่ยนลงบนแผ่นหลังหนาที่แม้จะเริ่มหยาบกร้านตามวัยแต่ยังคงมีกล้ามเนื้อแข็งแรงชัดเจน เอเบรียนกัดฟันแน่นร่างกายเจ็บจนชาไปทุกส่วน กับคนแก่ทีแม้จะยังแข็งแรงเกินวัย แต่ถูกทรมานยาวนานแบบนี้ก็ยากจะยืนไหว หากสองมือไม่ถูกล่ามด้วยโซ่ที่ขึงไว้กับขื่อภายในคุกเขาคงลงไปกองกับพื้นเป็นแน่

          “บอกมา ตอนนี้พวกมันอยู่ไหน” หนึ่งในนั้นถามเสียงเหี้ยม เครื่องแบบเต็มยศบอกให้รู้ว่าเป็นคนของเอแวนด์การ์ด เป็นอย่างที่คิด ในกองทัพมีพวกฟอสโกแฝงอยู่จริง ๆ 

         ทันทีที่เอเบรียนถูกพามาในแขนคุมขัง กลุ่มทหารเหล่านี้ก็เข้ามาอาสารับช่วงต่อและผาเขามายังชั้นสูงสุดของตึกฝั่งเหนือ ก่อนทรมานทุกวิถีทางให้เขาบอกที่อยู่ของพวกเวลอร์ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือร้าย ที่พวกมันไม่ทำเขาถึงตายเพราเอแวนการ์ดคนอื่น ๆ อาจสงสัยได้ ไม่ว่าพวกนั้นจะลงไม้ลงมือแค่ไหนเขาก็เลือกที่จะเงียบไม่หลุดข้อมูลใด ๆ ให้พวกมัน สิ่งเดียวที่เอเบรียนทำได้ตอนนี้คืออดทน อดทนให้พวกนั้นพิสูจน์ความจริงหรือไม่บางทีอาจมีใครมาช่วยก็ได้ 

        ร่างของอดีตผู้อำนวยการอนิมาถูกลากมาทิ้งไว้ในห้องขัง ที่มีเพียงประตูเหล็กกล้าซึ่งเจาะช่องเล็ก ๆ ขวางกั้น สองข้างเป็นกำแพงอิฐหนาและอีกด้านมีเพียงบานหน้าต่างขนาดกลางแต่ก็แคบเกินกว่าที่คนจะลอดผ่านได้ ถือต่อให้ผ่านไปได้ใช่ว่าจะมีชีวิตรอดเพราะที่คุมขังนี้อยู่บนหอคอยที่สูงกว่ายี่สิบชั้นตกลงไปตายแน่นอน   

        สำหรับชายแก่ที่อายุเฉียดเลขหกนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ตกอยู่ในสภาพเลวร้ายแบบนี้ ลมพายุและละอองฝนลอดผ่านหน้าต่างกระทบร่างที่ท่อนบนปราศจากเสื้อคลุมทำเอาหนาวสั่น เอเบรียนยันร่างนั่งพิงกำแพงไว้ สภาพยับเยินเกินกว่าจะใช้พลังเวทย์ใด ๆ เพราะยังไงเขาก็เป็นแค่มนุษย์ธรรมดา แม้จะเจ็บระบมไปทั่วร่างแต่ความอ่อนล้าก็ทำให้ดวงตาสีขี้เถ้าปิดลงอย่างง่ายดาย

          เสียงร้องแหลมปลุกเอเบรียนขึ้นมาตอนเช้ามืด ก่อนจะมีก้อนกระดาษโยนเข้ามาทางหน้าต่าง เมื่อคลี่อ่านก็พบข้อความว่า ...ถอยไปให้ห่างหน้าต่างซะ...ชายแก่ยังไม่ทันขยับกายให้ห่างดีกำแพงฝั่งหน้าต่างก็พังครืนลง เผยให้เห็นร่างใหญ่ที่ปกคลุมด้วยขนสีดำบินผ่านตรงหน้า เหยี่ยวยักษ์โฉบห่างก่อนบินวนเข้ามาใกล้จนเห็นดวงตาสีน้ำเงินชัดเจน 

       "มอร์แกน!!!"

        "เราถูกโจมตี"

        "เจ้านั่นกำลังจะหนี"

         เสียงโหวกเหวกจากข้างนอก ถามมาด้วยเสียงฝีเท้าหลายคู่ที่กำลังตรงเข้ามา เอเบรียนฝืนร่างที่เจ็บร้าวลุกขึ้นยืนแล้วกระโดดจนสุดตัวสู่ความว่างเปล่าของท้องฟ้าตรงหน้า ร่างร่วงลงสู่เบื้อล่างทำเอาใจหายวายแทนที่มันจะตกกระแทกพื้นก็ถูกรองรับด้วยร่างหนาหนุ่มของเยี่ยวยักษ์ก่อนร่างนั้นจะพาเขาพุ่งทะยานไปในอากาศทิ้งห่างจากเขตคุกของเอแวนการ์ดไว้เบื้องล่างก่อนจะหายลับไปในกลุ่มเมฆ

 
        "นี่เราถึงไหนแล้ว" เอเบรียนฟื้นขึ้นมาพบว่าตนเองกำลังนอนหนุนอยู่บนตักนุ่ม

         "เข้าเขตเหนือแล้ว อีกสองวันคงทันพวกท่านเวลอร์" มอร์แกนว่าพลางส่งสายพลังเวทย์เร่งกองไฟให้แรงขึ้น เผยให้เห็นใบหน้าสวยหมดจดที่ต้องกับแสงจากกองฟืน ร่างระหงมีเพียงผ้าผืนใหญ่ห่มคลุมกาย

         "อย่าบอกนะ ว่าเธอพาฉันบินจากเดสเซนท์มาถึงนี่"

        "อืมก็ใช่ สองวัน ท่านเองก็หลับไปสองวันเหมือนกัน แล้วเป็นอย่างไรบ้าง ร่างกายท่าน"

         "อืม ดีขึ้นมากแล้ว" เอเบรียนตอบแต่พอทำท่าจะลุก คิเมร่าสาวกลับกดไหล่เขาให้ยังนอนอยู่ที่เดิม

        "อย่าทำเก่งน่า อายุปูนนี้แล้ว" เธอว่า

         "ใครมันจะสาวจะสวยตลอดกาลได้แบบเธอเล่า" มอร์แกนยิ่มรับคำชม พลางสางมือเบา ๆ ไปตามเรือนผมสีดอกเลาของชายแก่บนตัก "มอร์แกน ทำไมถึงมาช่วยฉันละ เธอน่าจะตามพวกเวลอร์ไปไม่น่ามาเสียเวลากับฉันเลย"

         "ท่านน่าจะรู้คำตอบดี เอเบรียน" ดวงตาสีน้ำเงินมองมาอย่างจริงจัง "จริงอยู่ที่ฉันรับใช้นายท่านเสมอมา ตอนนี้ท่านเวลอร์เจอคนที่ท่านรักและได้ทำตามหัวใจตนเอง ฉันเองก็อยากจะทำตามหัวใจตัวเองเช่นกัน"
 
         "เธอยังรักฉันอยู่หรอ" เอเบรียนลุกขึ้นนั่งมองอีกฝ่ายเต็มตา

            "ทุกอย่างยังคงเดิม ดังเช่นครั้งแรกที่เราเจอกัน" หญิงสาวตอบด้วยรอยยิ้ม มันเป็นรอยยิ้มที่ช่างสวยงามเหลือเกินในสายตาเขา มันทั้งดีใจและกังวลใจ 

            เขายังจำวันแรกที่เจอมอร์แกนได้ ใบหน้างดงามผิวกายขาวและท่วงท่าสง่างามจนไม่อาจละสายตา เธอติดตามเวลอร์มารับเขาในตอนที่ไปเยือนอินเวียโนเมื่อครั้งยังหนุ่ม ทั้งสองได้รู้จักพูดคุยและนั่นทำให้เขาตกหลุมรักเธอโดยไม่รู้ตัว เอเบียนเลือกที่จะถอยออกมาส่วนหนึ่งเพราะเธอเป็นสนมของเพื่อน และอีกส่วนเพราะเขาเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา


            "ทำไมละ ฉันก็แค่มนุษย์ ดูตอนนี้สิฉันแก่ขนาดนี้คงอยู่กับเธอได้นานแค่ไหน" เสียงทุ้มสั่นพร่า "ถ้าวันหนึ่งเราต้องจากกัน ฉันไม่อยากทอดทิ้งเธอให้เดียวดายหรอกนะ"

            "แต่นั่นคือสิ่งที่ท่านทำตลอดหลายปีที่ผ่านมา" มอร์แกนว่า ดวงตาสีน้ำเงินสวยเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา ก่อนจะไหลออกมาแทนความรู้สึกในใจทั้งหมด"ท่านเลือกที่จะถอยห่างเลือกที่จะทอดทิ้งไป เรามาเริ่มใหม่เถอะนะ เลิกหนีหัวใจตัวเองเถอะนะ ฉันขอร้อง ถึงท่านจะแก่ แต่ก็ไม่ได้ตายวันนี้พรุ่งนี้ ฉันอยากให้เรามีช่วงเวลาที่ดีต่อกัน ถึงฉันจะเป็นคิเมร่าแต่ก็เป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่ง ท่านเข้าใจไหม"

            "ฉัน ขอโทษ" เอเบรียนว่าพลางดึงคนตรงหน้าเข้ามากอดไว้แน่นอย่างที่ใจอยากทำเสมอมา เขาเองก็เพิ่งจะรู้ว่าระยะห่างที่ได้สร้างกลับทำร้ายคนที่รักเสียเอง "เรามาเริ่มต้นใหม่กันนะ มันอาจจะเหลือเวลาไม่มากแต่ฉันสัญญาฉันจะทำให้ดีที่สุด"

          "ครั้งหน้าข้าไม่ให้อภัยท่านแล้วนะ" มอร์แกนรับบคำทั้งน้ำตา ไม่ใช่น้ำตาแห่งความเสียใจแต่เป็นน้ำตาแห่งความยินดีต่างหาก


...........................................

 :hao5: Miss U  ตอนหน้าไปเที่ยวอินเวียโนกัน  กลับมาแล้วค่าาา มีชายหญิงปนมาไม่ว่ากันเนอะเพื่อความครบถ้วนของเนื้อเรื่อง
 
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-12-2016 01:32:58 โดย l3loodl2o5e »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด