Guardian Of Heart ผู้พิทักษ์ใจ(Fantasy) Spe : Hozier & Preme2/2 P.15 10/6/17
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Guardian Of Heart ผู้พิทักษ์ใจ(Fantasy) Spe : Hozier & Preme2/2 P.15 10/6/17  (อ่าน 98975 ครั้ง)

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ตั้ลล้ากกก!!

ออฟไลน์ l3loodl2o5e

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-4
บทที่ 9


    "ไง ไอ้หลานรัก ไหนมาสารภาพซิ ว่าก่อเรื่องอะไร" ลุงเอเบรียนมาเยี่ยมในสองวันต่อมา เพื่อนในห้องต่างมองหน้ากันอย่างวิตกระหว่างนั่งดูฟาเรสโดนท่านผู้อำนวยการสอบปากคำอยู่ในห้องนั่งเล่น

    "อะ เอ่อ ผมแค่ลองเทสยาที่ผสมเองนิดหน่อยตอนประลองนะครับ" 

    "ไม่นิดแล้วมั้ง ยาอะไร" คิ้วเข้มของผู้เป็นลุงขมวดมุ่นอย่างคาดคั้น มั่นใจเลยว่าต้องเป็นยาอันตรายไม่งั้นหลานชายคงไม่นอนซมก่อนหน้านี้หรอก

    "ก็ เป็นยาที่ผสมเจ็มโมเลกุลเล็กๆ อะเอ้อ...แบบ พอมีเจมไหลเวียนอยู่ในตัว เราจะได้ ใช้พลังเวทย์ได้อย่างอิสระไง แหะๆ" คนถูกสอบหัวเราะแห้งๆ เมื่อเห็นสายตากรุ่นโกรธของลุง "แต่มันก็ใช้ได้นะครับ"

    "ใช้ได้ แต่ผลข้างเคียงเกือบตายนี่นะ" เสียงแหบเข้มว่าดัง ทำเอาฟาเรสสะดุ้ง

    "ก็ผมอยากเข้ารอบแปดคนนี่ รอบที่แล้วผมโดนเตะอาวุธหลุดมือเกือบแพ้ เลยหาทางแก้ปัญหา แล้ว ตอนลองนิดๆ มันก็ไม่เป็นเป็นไร" ฟาเรสแก้ตัวเสียงอ่อยพลางก้มหน้างุด

    "เลยไม่สนว่าตัวเองจะเป็นยังไงงั้นหรอ" นัยน์ตาสีเทาดุดันจนทุกคนในห้องขนลุก ยกเว้นเวลอร์ที่นั่งสบายๆ อย่างไม่ยี่หระ 

    "ผมแค่อยากลองไปทำงานในหน่วยพิทักษ์" ดวงตาสีครามช้อนมองผู้เป็นลุงอย่างอ้อนๆ "ฟาร์ขอโทษ อย่าโกรธฟาร์เลย" เล่นเรียกชื่อแทนตัวเองแถมอ้อนเสียงอ่อนขนาดนี้ สุดท้ายคนสูงวัยก็ยอมแพ้อย่างจำนน เมื่อท่าทางพวกนั้นมาน่ารักเสียเหลือเกิน

     "อย่าให้มีอีก"

    "ครับท่านลุง" แล้วก็รับคำอย่างเริ่งร่า ทำเอาทั้งห้องยิ้มตาม 

    ยิ่งเพื่อนๆ ได้รู้จัก ตัวตนของฟาเรสยิ่งชัดเจนว่าแท้จริงแล้วเจ้าตัวเป็นพวกร่าเริงแถมยังมึนได้โล่ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทุกคนตระหนักได้ก็คือรอยยิ้มที่มักจะทำให้ทุกอย่างรอบตัวสดใสเสมอ

    "สังเกตุไหมทุกครั้งที่ฟาร์ใช้อาวุธ มักจะมีปัญหา บางครั้งเจมก็ไม่สามารถรองรับพลังได้จนกลายเป็นหลานที่เจ็บซะเอง" 

    "เอ่อ ครับ" ฟาเรสพยักหน้ารับ แม้เขาจะพยายามควบคุมพลังเวทย์ที่ไหลผ่านเจมให้พอเหมาะ แต่ในยามเผลอจัดเต็ม เจมมีอันต้องร้อนจนแตกทุกที

    "นั่นเพราะพลังของเราเป็นเวทย์บริสุทธิ์ไง พลังพวกนั้นมาจากเลือดเอลฟ์ในตัวหลาน ฟาร่าเป็นเอลฟ์ที่มีพลังแข็งแกร่ง มาจากสายเลือดเอลฟ์ชั้นสูง สิ่งเหล่านั้นจึงถ่ายทอดมาที่หลานไงละ เพียงแต่หลานต้องฝึกใช้มัน" เอเบรียนอธิบาย

    "นายเจ๋งขนาดนั้นเลยหรอเนี่ย" มาวิคว่า

    "ใช้พลังได้เเบบไม่ต้องพึงเจม น่าอิจฉา" พรีมมามั่ง

    "คนที่มีพลังเวทย์แฝงมากๆ ก็ทำได้นะ" คนแก่สุดบอกพร้อมยิ้มให้กับทุกคน "แต่อาจต้องฝึกหนักหน่อยจนพลังมันข้ามขั้นแล้วกลายเป็นพลังอิสระที่ไม่ต้องพึ่งตัวกลาง แต่ก็น้อยคนจริงๆ นั่นแหละ"

    "อืมม...ท่านลุงจะช่วยฝึกให้ผมได้ไหมครับ" ฟาเรสร้องขออย่างมีหวัง

    "ฉันก็ไม่ค่อยมีเวลาซะด้วยสิ ลำพังวิชาเอกยังแทบไม่ได้สอนเลย หลานก็เห็น งั้นเอางี้  ให้เวลอร์เป็นคนสอนก็แล้วกัน อยู่ด้วยกันตลอดอยู่แล้วนี่" เอเบรียนเสนอ "อย่างเวนะ น่าจะสอนได้สบายๆ นายว่าไง"

    "ก็แล้วแต่อารมณ์" เวลอร์ตอบเสียงเรียบ

    "ไม่เต็มใจก็ไม่ต้อง" ฟาเรสแขวะ หมั่นไส้คนขี้เก๊ก 

    "เห้อ ช่วยสอนฟาเรสเขาหน่อย เดี๋ยวมันไปทำอะไรแผลงๆ อีกจะวุ่นเอา" เอเบรียนคะยั้นคะย้อ อีกคนก็ไหวไหล่ให้ทีหนึ่ง "ไม่ปฏิเสธถือว่าตกลง งั้นให้เวลอร์สอนไปแล้วกันนะ"

     "แต่...เอ่อ ครับลุง" ฟาเรสรับคำอย่างเสียไม่ได้เมื่อเจอสายตาบังคับของผู้เป็นลุง

     อีกหน่อยฟาเรสคงต้องเรียกเวลอร์ว่าท่านอาจารย์แล้วละ เพราะหมอนี่สอนเขาหลายอย่างมาก ตั้งแต่เรื่องสมุนไพร การทำยา ทุกสิ่งทุกอย่างในวิชาเอก แล้วนี่ยังจะให้มาสอนการใช้พลังเวทย์ให้เขาอีก 

     ....ถ้ามันจะเก่งขนาดนี้บรรจุเป็นอาจารย์ไปเลยก็ได้นะ...

    "เอ้อ รอบชิงในวันจันทร์นี้นะ อย่าลืมเตรียมตัวกันไว้ละ เราจะเปิดให้คนนอกเข้ามาดูด้วย หวังว่าจะทำให้ผู้ชมสนุกนะ ส่วนเธอสองคน มาวิค พรีม รอบที่ผ่านมาพวกเธอทำได้ดีมาก ฉันสนุกกับการต่อสู้ของเธอจริงๆ ฝึกต่อไปนะ ฉันว่าปีหน้าถ้าลงอีกพวกเธอต้องทำได้เยี่ยมแน่ๆ" เอเบรียนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงทางการ

     "อืม รอบนี้หวังว่านายจะเอาจริงนะ" โอซี่หันไปบอกเวลอร์ นัยน์ตาสีดำเป็นประกายด้วยความสนุก

     "ได้เสมอถ้านายต้องการ"

      "งั้นฉันจะให้คนดูเรื่องความปลอดภัยของสนามแล้วกัน ว่าจะเพิ่มบราเรียขึ้นอีกชั้น กันคนดูโดนลูกหลง" ผู้อำนวยการแจง  จากการที่ได้เห็นสองคนนี้ประลองในรอบที่ผ่านๆ มา คนที่ประสบการณ์มากมายอย่างเอเบรียนสามารถรับรู้สึกพลังที่มีมากเกินมนุษย์ของทั้งคู่จึงเข้าใจสถานการณ์ดี

     "ขอบคุณครับ" โอซี่บอก

     "งั้นฉันไปละ ดูและตัวเองดีๆ นะไอ้หลานรัก ถ้ารู้ว่าก่อเรื่องลุงจะจับย้ายไปอยู่ด้วย คุมประพฤติไปในตัว เวมาด้วยกันหน่อยสิ" หันมาขู่เสร็จก็ออกจากห้องไป โดยหนุ่มสาวที่เหลือลุกขึ้นโค้งให้ตามมารยาท ส่วนเวลอร์ก็เดินตามผู้สูงวัยออกจากห้องไป


     มันก็เป็นไปตามคาด ที่สองคนนี้จะได้ชิงกัน เพราะพรีมเองก็แพ้ตอนรอบแปดคน มาวิคเองก็แพ้ให้เด็กปีสามไปเช่นกัน ทั้งคู่ยังแอบเสียดายนิดๆ ที่ไม่ได้เจอกันเองเพราะดันไปท้ากันไว้ก่อนแข่ง เลยมีแพลนจะนัดดวลกันนอกรอบอีกที 

     "ขอโทษนะ ที่ไม่ได้ไปดูพวกนายแข่ง" ฟาเรสหันไปขอโทษเพื่อนทั้งสอนเพราะมัวแต่พักฟื้นจนพลาดไป

     "ไม่เป็นไรๆ ยังไงพวกฉันก็นัดนอกรอบกันอยู่แล้ว" มาวิคบอกปัดยิ้มๆ 

     "หลังจบเราต้องไปฉลองอยู่แล้วใช่ไหมละ คนที่ชนะ ไม่โอซี่ก็เว เพื่อนเราทั้งคู่นั่นแหละ มาวิคกับพรีม ใครแพ้ก็เป็นเจ้าภาพไปแล้วกัน" เซียเสนอความคิด

    "เอางั้นก็ได้ ระวังกระเป๋าฉีกละเพื่อน" พรีมยกยิ้มพลางยักคิ้วท้าทายเพื่อน

     "แล้วเสาร์อาทิตย์นี้ยังไง พวกนายกลับบ้านหรือเปล่า ฉันต้องกลับวะ พ่อกับแม่จะตัดออกจากกองมรดกแล้วเนี่ย" มาวิคบ่นหน้างอ "ไปด้วยกันไหมฟาร์"

     "ไม่ละ ขี้เกียจ" คนถูกถามปฏิเสธ

     "ฉันว่าจะไปบ้านพรีมนะ อาทิตย์นี้ คุณแม่นัดทานข้าว" เซียบอกพลางยิ้มเขิน นี่คงได้เป็นลูกสะใภ้บ้านนี้ชัวร์ "คงเหลือแต่โอซี่กับเวละมั้ง"

     "เอิ่ม ไม่แน่ใจนะ อาจไปหาอะไรทำคลายเครียดในเดสเซนท์ อยากไปดื่มนะ" โอซี่บอกพลางยกยิ้มแบบมีเลศนัยน์ บอกให้รู้ว่าคงไม่จบด้วยการไปดื่มตามไสตล์เจ้าตัว 



    สรุปแล้วสุดสัปดาห์ของฟาเรสก็ต้องอยู่คนเดียวเพราะเวลอร์เองก็บอกว่าจะไปช่วยงานท่านลุง ก็ดีไม่มีหมอนั่นมากวนใจ อยู่ใกล้แล้วสมาธิไม่ค่อยมี  โชคดีที่เวลอร์ช่วยจดสรุปไว้ให้ ไม่ถึงครึ่งวันฟาเรสก็เคลียรายงานที่คั่งค้างเสร็จ ชีวิตมันว่าง ซ้อมก็ไม่ได้ซ้อม อยู่ที่นี่ก็ไม่มีอะไรทำฟาเรสจึงตัดสินใจนั่งเรือเข้าไปยังเดสเซนท์ว่าจะไปค้างซักคืน เดินเล่นในเมืองเผื่อมีอะไรใหม่ๆ ให้ซื้อ

     "เฮ้ย ฟาร์มาไงวะ" เสียงทักดังขึ้นระหว่างที่ฟาเรสกำลังนั่งชิวตรงท่าเรือของเดสเซนท์พร้อมกับเบียร์ในมืออีกกระป๋องนั่งชมประอาทิตย์ตกดิน

     "ไงโอซี่ เคลียงานเสร็จไม่มีอะไรทำเลยแวะเข้ามาเที่ยวเล่นนะ" โอซี่ยิ้มรับก่อนจะเดินมานั่งข้างๆ กับร่างโปร่ง "เอาไหม" ว่าแล้วก็ยื่นเบียร์ให้ผู้มาใหม่

    "ขอบใจ แล้วนี่พักที่ไหน"

    "โรงแรม...ใกล้ที่นี่แหละ" ฟาเรสบอกพลางทอดมองไปยังแสงสุดท้ายของวัน

    "นายกับเวรู้จักกันนานแล้วหรอ" 

    "ไม่หรอก ก็มาเจอกันที่อานิมานี่แหละ ทำไมละ" ดวงตาสีครามมองคนถามอย่างแปลกใจ

    "เปล่า แค่เหมือนเวจะรู้จักนายดี อย่างกับคนที่เจอมานาน" ฟาเรสได้แต่ยักไหล่

    "คืนนี้ไปดื่มกันไหม" โอซี่เอ่ยปากชวน

    "อายุไม่ถึงเข้าผับได้ที่ไหนละ" ที่เมืองไม่เหมือนอานิมา คงมีการตรวจบัตรแน่ๆ ฟาเรสเองก็เพิ่งสิบหก

    "เรื่องนี้เดี๋ยวจัดการให้"



     ฟาเรสนัดกับโอซี่ที่ผับไนท์เฮเวียตอนสองทุ่ม ผับหรูใจกลางเดสเซนธ์ทันทีที่มาถึง ฟาเรสในชุดลำลองเสื้อเชิตสีครีมกับกางเกงยีนเข้ารูปสีเทากำลังยืนเคว้งรอโอซี่ออกมารับ ไม่นานชายหนุ่มร่างผิวแทนออกมาในชุดเสื้อยืนแขนยาวสีขาวเข้ารูปกับกางเกงยีนสีซีด ถึงหน้าจะไม่หล่อเท่าเวลอร์แต่ก็คมเข้มดูดีพอตัว รูปร่างสูงใหญ่กับไลน์กล้ามเนื้อที่เห็นได้แม้มีเสื้อผ้าบดบังก็ทำให้เพื่อนเข้าคนนี้มีดูเท่มีสเน่ห์อยู่มากโข ยิ่งดวงตาสีดำแพรวพราวนั่นเปรียบสเมือนหลุมดำที่ดึงดูคนที่มองให้หลงไหล ถ้าให้ฟาเรสนิยาม โอซี่คงเป็นผู้ชายประเภท Sex Appeal สูง

     "ไงฟาร์ เข้าไปข้างในกัน จองโต๊ะไว้แล้ว" ว่าแล้วก็จูงมือคนตัวเล็กกว่าเข้าไปด้านในโดยที่การ์ดไม่กล้าวุ่นวายกับเขาเลยแม้แต่น้อย 

     ฟาเรสไม่รู้ตัวเลยว่าใบหน้าเนียนกับรูปร่างโปร่งและผิวผุดผ่องของตนเมื่ออยู่ใต้แสงสลัวของบรรยากาศในผับมันช่างดึงดูดเสียนี่กะไร จนโอซี่ที่ใบหน้ามักแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มหันไปส่งสายตาดุดันแก่คนรอบข้างที่มองมายังฟาเรสอย่างปรารถนาจนทั้งหญิงชายเหล่านั้นรีบหลบตาทันที

     "พามาแบบนี้คงไม่โดนไอ้เวฆ่าทิ้งหรอนะ" เสียงทุ้มพึมพำ ที่ชวนก็แค่อยากให้ฟาเรสได้เปิดหูเปิดตาบ้าง ชีวิตมีแต่เรียนกับป่วยกลัวจะเบื่อไปเสียก่อน 

    เขาไม่ได้ปราถนาอะไรในคนตัวเล็กอยู่แล้ว เพราะสำหรับเขานั้นเอ็นดูฟาเรสในฐานะเพื่อนแต่บางทีก็รู้สึกเหมือนเป็นน้องชายที่ต้องดูแล แต่ที่ท้าพนันเวลอร์ไปเพราะอยากเห็นพลังที่แท้จริงของอีกฝ่าย เพราะเขามั่นใจว่าหมอนั่นต้องหวงคนคนนี้แน่นอน

    "ไงโอซี่ ไปพาหนุ่มน้อยที่ไหนมา" สาวๆ ที่นั่งเต็มโต๊ะเอ่ยทักรีบมาคว้าฟาเรสดึงไปนั่ง ก่อนสาวสวยสองนางจะรีบประกบซ้ายขวาอย่างถูกใจ

    "ไงจ๊ะ ชื่ออะไรละเรา" สาวผมสีเบสเอ่ยถามพลางเคลียแก้มใสเบาๆ 

    "ฟาเรสครับ"

    "อุ้ย น่ารัก กินได้ไหมโอซี่" สาวผมดำอิกคนหันไปถามโอซี่ที่นั่งลงตรงโซฟายาวอีกตัว

    "จับได้ ดูได้ แต่ห้ามกิน" โอซี่ตอบยิ้มๆ พลางเอนหลังพิงพนักก่อนรับเหล้าที่สาวสวยนางหนึ่งชงให้ ในโต๊ะตอนนี้มีอยู่เจ็ดคนรวมเพื่อนเที่ยวที่โอซี่ชวนมาด้วยซึ่งทั้งหมดเป็นผู้หญิง 

     ดื่มกันไปคุยกันไป สาวๆ ต่างให้ความสนใจถามไถ่ฟาเรสเป็นอย่างดี พวกเธอพากันขุดเรื่องฮาๆ เปิ่นๆ ของโอซี่ออกมาเล่า แต่เจ้าตัวก็หาได้โกรธกับยิ้มรับเสียอีก แล้วก็ชวนฟาเรสไปออกเสตปบนฟลอแต่ได้ไม่นานโอซี่ก็ต้องลากเพื่อนกลับมานั่งโต๊ะเพราะทนเห็นฟาเรสโดนลวนลามไม่ไหว เป็นห่วงสวัสดิภาพของเพื่อนตัวเล็ก จวบจนเที่ยงคืนจึงพากันแยกย้าย

     ตอนแรกโอซี่ว่าจะไปส่งฟาเรสที่โรงแรม แต่ร่างโปร่งเห็นเพื่อนหิ้วสาวกลับมาด้วยเลยรู้สึกเกรงใจ เลยออกปากว่าจะกลับเอง จึ่งได้ร่ำราไปทางใครทางมัน

     "เจอกันวันจันทร์นะ" โอซี่บอกลาเพื่อนพลางมองตามร่างโปร่งที่เดินไปตามทางจนลับตา คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้งยังไงเจ้านั่นก็เป็นผู้ชายแถมต่อยตีเก่งพอตัว ก่อนจะเอาโทรศัพท์ออกมาโทร

     ...เด็กมันหนีมาเที่ยวรู้ไหมเนี่ย โทรไปแซวซักหน่อยดีกว่า...

     "ไงเว" เอ่ยทักทันทีเมื่อมีคนรับสาย

     "มีอะไรพวก"

     "ฉันเจอฟาเรสด้วยวะ"

     "ฮะ...ไปเจอได้ไง ไหนว่าอยู่อานิมา" ปลายสายถามเสียงขุ่น อารมณ์เหมือนพ่อที่ลูกหนีเที่ยว

     "เจอที่ท่าเรือเดสเซนท์เมื่อเย็นเลยชวนมาผับด้วย เพิ่งแยกกันเมื่อกี้นี่แหละ เห็นว่าจะกลับโรงแรม...แถวท่าเรือนั่นแหละ" โอซี่บอก ได้ยินเสียงถอนหายใจหนักๆ จากอีกฝั่ง ได้เห็นท่าทีร้อนรนของเวลอร์ทำให้เขารู้สึกสนุก จึงอดไม่ได้ที่จะแซว  "ให้ตามไปส่งไหม ถ้าเป็นห่วงขนาดนั้น"

    "ไม่ต้องเดี๋ยวจัดการเอง" ว่าแล้วอีกคนก็ตัดสายไป ในใจก็คิดเมื่อไหร่สองคนนี้จะลงเอยกันเสียที สงสารก็แต่มาวิคงานนี้อกหักชัวร์แต่ก็แอบกลัวใจเพื่อนตัวเองคนอย่างมาวิคเอาแต่ใจเป็นที่หนึ่งคงไม่เล่นอะไรสกปรกหรอกนะ




     ฟาเรสเดินไปตามทางเรื่อยโรงแรมอยู่ห่างจากที่นี่ราวๆ สองกิโลเมตร ที่เลือกจะเดินเพราะอยากซึมซับบรรยากาศของเมืองในยามค่ำคืน แม้จะปราศจากเสียงดังรถราและผู้คนแต่ไฟตามทางก็ยังส่องสว่างอวดโฉมสิ่งก็สร้างใต้แสดงสลัวให้ดูสวยไปอีกแบบ ในไวท์ออชาร์ดไม่ค่อยมีตึกสูงเหมือนที่นี่แต่อาคารบ้านเรือนก็สวยไม่แพ้กันเน้นตกแต่งด้วยลวดลาธรรมชาติให้กรมกลืนกับสภาพแวดล้อม 

     ชักคิดถึงบ้านขึ้นมาแล้วสิ คิดถึงท่านพ่อ ท่านแม่ที่รักเขาแม้ไม่ใช่ลูก เสียงเจื้อยแจ้วของน้องสาวทั้งสองลอยมาตามลมชวนให้ขอบตาร้อนผ่าวอย่างเลี่ยงไม่ได้ คิดถึงวิหารกลางน้ำคิดถึงรูปสลักที่นั่งอยู่ในนั้นถึงเจ้านั่นจะตอบโต้อะไรไม่ได้แต่ก็เป็นผู้รับฟังยามเขาทุกข์ใจ ถึงที่บ้านจะเหลือเพียงความทรงจำแห่งการสูญเสียแต่ก็อยากจะกลับไปซักครั้ง

     ขณะที่ปล่อยใจไปกับเรื่องราวแสนสุขในอดีตสองเท้ากลับหยุดชะงักเพราะรับรู้ถึงความผิดปกติรอบตัว แล้วชายสี่คนก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าฟาเรส ลางสังหรย้ำเตือนว่ากำลังจะมีอันตราย ดวงตาสีครามมองหาทางหนีทีไล่ แต่เมื่อจะวิ่งกลับไปดานหลังดันมีไวโซลสามตัวกระโจนมาขวางไว้ ก่อนที่ตัวอื่นๆ จะปรากฏกายออกมากจากความมืด นับดูๆ แล้วเป็นสิบ ทำเอาหัวใจดวงน้อยเต้นรัวด้วยความกลัว หากมีการประทะกันคงสู้ไม่ได้ 

    ...มนุษย์ที่มากับไวด์โซล นี่มันบ้าอะไรวะเนี่ย...

    "หึๆ กว่าจะหาโอกาสที่แกอยู่คนเดียวได้ ลำบากเป็นบ้า นึกว่าจะต้องบุกเข้าไปในอานิมาลากตัวแกออกมาเสียอีก" หนึ่งในนั้นเอ่ย พลางแสยะยิ้ม 

    "แกเป็นใคร ต้องการอะไร"

    "กำจัดแกไง" มันตอบเสียงดัง 

    "เฮ้เดรก นายท่านบอกให้เจรจาก่อน" อีกคนหนึ่งเอ่ยเย้ง ก่อนหันมายิ้มละไมให้ฟาเรส "ไปกับเราไหมเด็กน้อย ความสามารถของเธอนะเราต้องการมัน ทำงานกับเรา เราจะดูแลเธอเป็นอย่างดี" เจ้านั่นกล่อมเสียงนุ่ม 

    "ไม่มีทาง" ฟาเรสปฏิเสธทันที พวกนี้เป็นพวกเดียวกับไวด์โซลเขาคงไม่มีวันอยู่ร่วมกับสิ่งที่ทำลายครอบครัวเขาเด็ดขาด

    "แน่ใจนะที่ตอบแบบนั้น"

    "แน่สิ ฉันไม่มีวันทำงานกับพวกแกหรอกโว้ย" ฟาเรสปฏิเสธเสียงแข็งในสถานการณ์เป็นรองหากต้องสู้เขาก็จะสู้ให้ถึงที่สุด

    "งั้นก็ช่วยไม่ได้" 

    กรร!!! สิ้นเสียงเจ้านั่นเหล่าไวด์โซลก็ทะยานหาร่างโปร่งอย่างพร้อมเพรียง ฟาเรสสามารถหลบการโจมตีได้อย่างเฉียดฉิว ด้วยความรวดเร็วคล่องแคล่วที่ฝึกตัวเองมากอย่างหนักเพื่อการประลอง แต่ในมือกับไม่มีอาวุธใดๆ ให้สวนกลับนอกจากหมัดและเท้า ซึ่งมันก็ไม่สามารถหยุดพวกไวด์โซลนั่นได้จนฟาเรสเริ่มจะเหนื่อยเสียเอง ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปเขาแย่แน่

     "อั๊ก!!!!" ในช่วงชุลมุนหนึ่งในสี่ตัวนั้นพุ่งเข้าหาฟาเรสที่ยังไใ่ทันตั้งตัว ฝ่าเท้ากระแทกเข้าลำตัวบางอย่างจังจนกระเด็นไปไกลหลายเมตร เทาเอาจุกแทบลุกไม่ขึ้น "ชิ เจ้านี่"

    "ตอบรับพวกเราก็จบแล้วไม่ต้องมาเจ็บตัว" มันแสยะยิ้มร้าย พลางอวดคมมีดวาววับในมือ เจ้านั่นทะยานเข้ามา ด้วยสภาพแบบนี้คงยากที่จะหลบเพราะอีกคนช่างไวเหลือเกิน

    ฉัวะ!!! ความคมเฉือนลงผิวเนื้อตรงคอหอยก่อนเลือดของผู้เคราะห์ร้ายจะอาบไปทั่วร่างของฟาเรสที่ทรุดนั่งอยู่บนพื้น แล้วร่างของหมอนั่นจะค่อยๆ ร่วงลงสู่พื้นเผยให้เห็นโฉมหน้าผู้ลงมือ

    "วะ เว" ดวงตาสีครามเบิกกว้างอย่างตื่นตะลึง นัยน์สีอำพันบัดนี้วาวโรจน์ในแสงสลัวม่านตารีเรียวดุจดวงตาของสัตว์ร้ายที่มองมาทำเอาร่างฟาเรสเย็นเยียบไปทั้งตัว เวลอร์ยกมือที่อาบไปด้วยเลือดแลบเลียไปตามกรงเล็บแหลมคม ส่งเสียงคำรามในคอต่ำๆ อย่างพอใจ

    "แก ไอ้สารเลว" ชายอีกสามคนที่เหลือเดือดดาลเพราะเพื่อนกลายเป็นศพ กรูกันเข้ามาพร้อมกับเหล่าไวด์โซลหมายจะปลิดชีวิตพวกเขาทั้งคู่

    "หลับตาซะฟาร์ ถ้าไม่อยากเห็นอะไรน่ากลัว" เวลอร์สั่งด้วยน้ำเสียงแหบห้าวกว่าปกติพลางดึงให้ร่างโปร่งให้ยืนขึ้น 

ฟาเรสได้แต่ยืนตาค้างมองทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวร่างกายแข็งทื่อจนไม่อาจขยับได้ เสียงกรี๊ดร้องอย่างทรมานทั้งของอันเดธและมนุษย์อื้ออึงไปทั่วบริเวร เมื่อร่างแกร่งเคลื่อนผ่านและฉีกกระชากมันเป็นชิ้นๆ จนเลือดสาดกระเซ็นไปทั่วพื้นถนน ศพแล้วศพเล่าที่ล่วงกองสู่พื้น จนตอนนี้พื้นที่ฟาเรสยืนนองไปด้วยของเหลวสีแดงเข้ม 

    "ดะ ได้โปรด อย่า" มนุษย์คนสุดท้ายอ้อนวอนแทบเท้าของเวลอร์ด้วยความหวาดกลัว "เด็กนั่น ฮึก ฉันจะไม่ยุ่งกับเด็กนั่นอีก"

    แกรก!!! หัวเจ้านั่นถูกบิดแรงๆ จนหันกลับหลังดวงตาเบิกโพลงบอกถึงความกลัวสุดขีดก่อนตาย แล้วร่างก็กองกับพื้นกลายเป็นซากรวมกับคนอื่นๆ
 
    "ฟาร์..."

    "เฮือก!!!" ร่างบางสะดุ้ง พลางก้าวถอยทันทีที่เวลอร์เดินเข้ามา หัวใจเต้นเร็วเกินควบคุม  กลัว คือสิ่งเดียวในใจ ภาพศพที่นอนเกลื่อนกราดทำเอาทั้งร่างสั่นสะท้านเพราะเกรงจะเป็นหนึ่งในนั้น

    "กลัวฉันหรอ" เวลอร์ถามเสียงอ่อน ดวงตาสีอำพันหม่นลงอย่างเจ็บปวดกับท่าทีของฟาเรส เพราะอย่างงี้ถึงบอกให้หลับตา เพราะอย่างนี้ถึงไม่อยากให้เห็น

    เขาดีใจที่เวลอร์มาช่วยแต่ก็กลัวตัวตนเมื่อครู่ที่ได้เห็น ราวกับยมทูต ราวกับปีศาจแห่งความตาย สองเท้ายังคงก้าวถอยอย่างไม่รู้ตัว แต่ก็ไม่พ้นเพราะอีกคนถลาเข้ามาดึงรั้งเอวบางเข้าสู้อ้อมกอด 

    "เว...อย่า!!!" สัญชาติญาณทำให้ฟาเรสดิ้นรน พยายามรั้งตัวออกให้ห่าง ยิ่งได้เห็นใบหน้าคมที่มีคาบเลือดกระเซ็นติดอยู่ประปรายยิ่งทำให้สติหลุดกระเจิง ทั้งทุบทั้งตีเพื่อให้หลุดจากพันธนาการ

    "ฟาร์ใจเย็นๆ"

    "ไม่...เว ปล่อย"

    "ฟาร์"

     "ได้โปรด...ฮึก" ฟาเรสอ้อนวอนเสียงเครือ จนคิ้วเข้มขมวดหากันอย่างหนักใจ "เว เว ได้ป...อื้อ"

     ริมฝีปากนิ่มถูกปิดด้วยริมฝีปากหนาของอีกคนก่อนจะพร่ำเพ้อไปมากกว่านี้ ทำเอาร่างโปร่งที่ดิ้นรนหยุดชะงักอย่างตกใจ ริมฝีปากร้อนบดจูบแรงๆ พลางขบกลีบเนื้อนิ่มเบาๆ ลิ้นใหญ่สอดแทรกเข้าไปในโพรงปากอุ่นไล่ต้อนลิ้นเล็กที่พยายามหลบอย่างตระหนก 

     "อ่อย!!" ฟาเรสพยายามดันตัวออกแต่จะเอาแรงใดไปสู้ รสจูบจาบจ้วงร้อนแรงเล่นเอาสมองประมวลผลไม่ทันจนสติเริ่มล่องลอย จากมือที่ผลักดันออกห่างบัดนี้กลับขย้ำเสื้อร่างใหญ่อย่างหาหลักยึด ไม่ใช่จูบแรกของฟาเรสแต่ทุกครั้งเขามักเป็นคุมเกมไม่ใช่ถูกไล่ต้อนอย่างตอนนี้ ทำเอาคนเคยจูบอย่างเขาลืมหายใจไปเลยที่เดียว

     "แฮก วะ เว" ทันทีที่อีกคนผละออก ร่างโปร่งรีบโกยอากาศเข้าปอดแต่ยังไม่เต็มที่ใบหน้าเนียนก็ถูกช้อนให้เงยหน้าขึ้นรับจูบอีกครั้ง สัมผัสนุ่มนวลอ่อนโยนที่ได้รับหลอกล่อให้ฟาเรสตอบสนองอย่างลืมตัว รู้สึกวางใจและมั่นใจว่าจะไม่ถูกทำร้าย ฟาเรสหลับตาพริ้มตอบรับลิ้นร้อนที่รุกล้ำเข้ามา รสจูบเป็นไปอย่างเชื่องช้าแต่อ่อนหวานทำเอาร่างโปร่งบางยืนแทบไม่อยู่หากไม่มีแขนแกร่งกอดรัดเอวไว้

     เวลอร์ผละออกทอดมองริมฝีปากอิ่มที่เผยอหอบอย่างชอบใจ ใบหน้าเนียนแดงซ่าน เขาสามารถเห็นมันได้ชัดเจนแม้ในแสงสลัว ความกลัวเลือนหายไปแทนทีด้วยความเขินอายจนฟาเรสต้องซุกหน้ากับอกแกร่งเพื่อหลบสายตาซุกซนที่มองมา

    "หายกลัวหรือยัง" เสียงทุ่มหยอกเย้า ยกมือข้างหนึ่งมาลูบกลุ่มผมนุ่มเบาๆ 

     "อื้อ" รับคำได้แค่นั้นเพราะใจยังคงเต้นรัว มันทั้งหวาดหวั่นทั้งเขินจนสับสนไปหมด

     "คนเดียวที่ฉันไม่มีวันทำร้ายก็คือนาย" เวลอร์ย้ำเมื่อคนในอ้อมกอดยังคงสั่น "กลับกันเถอะฟาร์"

     "อืม"


................................................................

-เค้ามาแล้ว ช่วงนี้อาจห่างหายไปบ้างนะ ที่รักเค้าบินมาหา ขอเวลาทำตัวมุ้งมิ้งหน่อย อิอิ :o8:

-ตอนหน้าเราจะมาเฉลย ถึงสาเหตุที่น้องฟาร์โดนตามล่าแล้วนะค่ะ แล้วแอบรู้สึกว่าตัวเองยืดเยื้อไปนิด  :katai1:

-ติชมกันเข้ามาได้นะค่ะ อยากได้รูปอะไรก็ขอให้บอก เดี๋ยววาดให้ชมกันจ้า  :hao7:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-03-2016 08:08:00 โดย l3loodl2o5e »

ออฟไลน์ tiew93

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
พี่เวของเราโหดมากกกก
รอหนูฟาร์บู๊กับเค้าบ้าง  :katai2-1:

ออฟไลน์ double9JH

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1810
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-7
ดีนะที่เวมาทันนน

จะได้รู้แล้วววว หรือว่าเพราะต้องการพลังของฟาร์?

ออฟไลน์ nu-tarn

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 801
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-6
พี่เวโหดมากอ่ะ
หนูฟาก็แอบดื้อนะเนี่ย

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
งื้อ. ใจหายใจคว่ำตลอดอะหนูฟาร์
จับขังไว้เลยดีกว่าพี่เว.   :z1:   ขอบคุณที่มาต่อค่ะ

ออฟไลน์ MaRiTt_TCL

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-6
มีเรื่องเข้าหาตลอดเลยนะฟาร์

ออฟไลน์ DESZCZ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ปลอบได้น่ารักชวนเขินสุดๆ  :-[

ออฟไลน์ l3loodl2o5e

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-4
บทที่ 10

      ด้วยสภาพโชกเลือด(คนอื่น)ทั้งคู่ฟาเรสจึงโดนพากลับอานิมาทันที ส่วนของที่เอามาเวลอร์บอกว่าจะให้คนตามมาเก็บกลับไปให้ จำต้องทิ้งกุญแจห้องไว้กับคนของท่านลุง แล้วโดยสารเรือส่วนตัวที่เพื่อนร่วมเอกเตรียมมากลับสู่เกาะ ก็ดีขืนขึ้นเรือโดยสารของมหาวิทยาลัยคงโดนเจ้าหน้าที่รวบตัวเป็นแน่ ไม่ก็โดนจับส่งโรงพยาบาลก็เข้าคุกละนะ

      ตลอดทางที่นั่งเรือกลับมันมีแต่ความเงียบ เพราะเวลอร์ก็ขับเรือไปโดยที่ไม่พูดอะไร หมอนั่นรับปากว่าจะเล่าให้ฟังว่าที่เกิดขึ้นมันคืออะไรหลังจากกลับไปถึง กลับถึงหอพักประมาณตีสองโชคดีที่นักศึกษาส่วนใหญ่กลับบ้านในสุดสัปดาห์แถมยังเป็นเวลาดึกสงัดเลยไม่มีใครเห็นเราทั้งคู่ในสภาพหมาฟัดมาแบบนี้ พอไปถึงต่างคนต่างแยกย้ายไปชำระล้างตัวเอง เสื้อผ้าชุดนี้ของฟาเรสเป็นอันทิ้ง ไอ้ที่มึนๆ เมาๆ สร่างตั้งแต่จะโดนพวกไวด์โซลขย้ำ แล้วยิ่งตาสว่างเพราะโดนไอ้บ้าเวลอร์จูบ

     ...คิดแล้วโมโห อารมณ์ขึ้น หึ่ย!!!...

      สองเท้าพาร่างโปร่งมาหยุดหน้าประตูห้องข้างๆ ซึ่งเปิดออกต้อนรับทันทีอย่างรู้ดี เวลอร์หลบให้เขาเดินเข้าไปพลางเช็ดผมที่กำลังเปียกของตน เป็นครั้งแรกที่ได้เข้ามาในห้องนี้ปกติมีแต่เวลอร์ที่ไปตีเนียนนอนห้องเขา ช่างเป็นห้องที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากเฟอร์นิเจอร์ที่ทางมหาวิทยาลัยจัดไว้ให้ ฟาเรสนั่งลงตรงโซฟากลางห้องส่วนเจ้าของห้องดันนั่งขัดสมาธิบนพื้นตรงพร้อมหันหน้ามาหา

      "ทำอะไรนะ" คนตัวโตไม่ตอบกลับยื่นผ้าขนหนูมาให้ "มาถึงก็ใช้เลย" บ่นอุบอิบแต่ก็รับมาเช็ดผมให้อีกคนอย่างเบามือ ความเงียบยังคงดำเนินต่อไปเมื่อเจ้าของห้องไม่มีทีท่าว่าจะเปิดปากจนคนอยากรู้ทนไม่ไหวเริ่มเปิดประเด็นเสียเอง

      "ไหนว่าจะเล่าให้ฟังไง" ฟาเรสทวง คนถูกทวงโถมกายกอดเอวบางพลางซุกหน้าเข้ากับท้องทำเอาคนถูกกอดนั่งเกร็ง น่าแปลกที่ฟาเรสเองก็ไม่ได้รังเกียจที่ถูกอีกคนกอดเสียด้วย ไอ้ท่าทีออดอ้อนแบบนี้ไม่น่าเชื่อเลยว่าคือคนๆ เดียวกับที่ฉีกกระชากทั้งมนุษย์และอันเดธเป็นชิ้นๆ ในไม่กี่ชั่วโมงก่อน "เล่าแค่ที่เกี่ยวกับฉันก็พอ เรื่องของนายไว้อยากเล่าค่อยเล่าแล้วกัน"

      "จำได้ไหมที่ฉันบอก ไวด์โซลเป็นอันเดธที่มาจากอีกโลกผ่านรอยแยกที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่ก็มีคนที่มีพลังที่สามารถเปิดปิดรอยแยกระหว่างโลกนั้นได้ แม่ของนายก็เป็นหนึ่งในนั้น พลังนี้ถ่ายทอดทางสายเลือดทำให้นายเองก็มีพลังนี้อยู่เช่นกัน" ดวงตาคมเงยขึ้นสบกับคนฟังอย่างจริงจัง "มันมีคนที่ใช้พลังนี้ในทางที่ผิด อันเชิญพวกไวด์โซลมาเพื่อรับใช้ ระรานคนอื่นๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ พวกมันรู้ว่าฟาร่าตายจากโลกนี้ไปแต่ไม่รู้ว่ามีนาย จนวันหนึ่งพอนายเริ่มโตเริ่มออกงานสังคม มีพวกมันบางคนบังเอิญเห็นนาย เลยนึกสงสัยเพราะนายเหมือนแม่มาก ตามสืบจนรู้ถึงตัวตนของนาย ว่านายก็มีพลังในการเปิดปิดประตูระหว่างภพเหมือนกัน"

     "พวกมันเลยคิดกำจัดฉัน ที่อาจจะไปขัดขวางพวกมันได้ ทำให้คนที่บ้านฉันต้องมาตายไปด้วย" ฟาเรสต่อประโยคนั้นด้วยใจที่เจ็บร้าว 

     ทุกคนตายเพราะเขานั่นคือความจริง แล้วทำไมทุกคนถึงยังปกป้องเขาไว้ละ ทำไมต้องมาเป็นเดือดเป็นร้อนทั้งๆ ที่ซักวันจุดจบอาจเป็นแบบครอบครัวคาเดนเซีย น้ำตาคงอธิบายความรู้สึกนี้ได้ดีที่สุด ฟาเรสไม่รู้ตัวเลยว่ามือทั้งสองกำแน่นจนจิกเข้าไปในเนื้อ

      "ทำไมทุกคนถึง..." น้ำเสียงกลืนหายไปกับก้อนสะอื้น เวลอร์ลุกจากพื้นขึ้นมานั่งเคียงข้างก่อนดึงร่างบางมากอดไว้ 

      "ถ้ารอยแยกถูกเปิดออก ก็ต้องมีคนปิดมัน ฟาร์รู้ไหมว่าตัวเองสำคัญแค่ไหน แต่ที่ทุกคนปกป้องไม่ใช่เพียงเพราะนายมีค่าแค่เรื่องนั้น แต่เพราะเขาเห็นนายเป็นครอบครัวที่เขารัก"

      "ตอนที่แม่อยู่ แม่โดนฮึก...ตามล่าหรือเปล่า"

      "ไม่หรอก แม่เธอแกร่ง พยายามที่จะสู้กับพวกนั้นมาโดยตลอด ดังนั้นนายเองก็ต้องเก่งขึ้นให้ได้ เข้าใจไหมฟาเรส คาเดนเซีย"

      ฟาเรสเพียงพยักหน้ารับพร้อมซุกหน้าร้องไห้เงียบๆ อยู่อย่างนั้น แขนแกร่งกอดกระชับแล้วเอนกายลงกับโซฟานุ่ม ให้กำลังใจได้ เป็นที่พักพิงได้ แต่เวลอร์ไม่อาจไปจัดการจิตใจใครได้คงต้องปล่อยให้เจ้าตัวทำใจแล้วเข้มแข็งขึ้นมาเอง คนตัวเล็กสะอื้นให้อยู่พักใหญ่จนรับรู้ได้ว่าแน่นิ่งไป

      ...ร้องไห้จนหลับเป็นเด็กน้อยเลย หึๆ...

      ว่าแล้วก็พาเด็กขี้แยเข้านอน ก็ดีไม่ต้องตีเนียนไปขอนอนด้วย เพราะเจ้าตัวมาเป็นหมอนข้างให้ถึงที่




      วันจันทร์เป็นการแข่งขันรอบชิง ฟาเรสเลือกไม่ถูกเลยว่าจะเชียร์ใครดีก็เพื่อนเขาทั้งคู่นี่เนอะ แต่ใจแอบเชียร์เวลอร์มากกว่า

      อย่ามองแบบนั้นสิ...เพื่อนร่วมเอกก็ต้องสนิทมากกว่านะ

      โชคดีที่ผู้เข้าแข่งขันสามารถกั๊กที่นั่งข้างสนามให้คนสนิทได้แต่ทั้งโอซี่และเวลอร์ไม่มีญาติมาดูทั้งคู่ ที่นั่งเลยกลายเป็นของพวกเขาโดยปริยาย

      "มันต้องแต่งขนาดนี้เลยหรอวะ" พรีมว่าเมื่อเห็นเพื่อนทั้งสองที่ออกมาจากห้องเตรียมตัว

      โอซี่ในชุดเกราะสีทองแดงลายวิจิตรยิ้มกว้างมาทางพวกเขา มันช่างดูเข้ากันดีกับรูปร่างสูงใหญ่และไหล่กว้างของเจ้าตัว จนดูเหมือนนักรบผู้ทรงพลัง ในขณะที่เวลอร์เองก็อยู่ในชุดเกราะสีเงินที่ดูกลืนไปกับผมสีควัน ขนาดตัวไม่ได้แพ้คู่แข่งของเขาเลย ยิ่งรวมกับใบหน้านิ่งๆ ยิ่งทำให้ดูเยือกเย็นและแข็งแกร่งในคราเดียวกัน

      "เดินออกไปสาวคงกรี๊ดสนามแตก" เซียเอ่ยแซว เสียงประกาศก้องจากด้านนอกบอกเตือนว่าถึงเวลาแล้ว พวกเขาเดินไปส่งเพื่อนยังทางออกสู่สนาม 

      "ขอไม่เชียร์ใครแล้วกันนะ แต่ก็เต็มที่เลยพวก" มาวิคว่าก่อนตบไหล่เพื่อนทั้งสอง

      "ฉันก็เหมือนกัน" พรีมบอก

      "ลำบากใจนะเนี่ย แต่ก็สู้ๆ แล้วกัน ทั้งคู่เลย" เซียยิ้มหวานพลางกอดสองหนุ่มไปคนละที

      "เอ่อ สู้ๆ" ฟาเรสบอกแค่นั้น แต่จังหวะที่กำลังจะผละออกมา มือกลับถูกใครอีกคนรั้งเอาไว้ ดวงตาสีอำพันมองหน้าเขาก่อนจะก้มลงมากระซิบที่ข้างหู

      "จูบหน่อย" เป็นคำร้องขอที่เรียกเลือดมารวมบนใบหน้า 

      "บะ บ้า..." ด่าได้แค่นั้นแล้วหันหน้าหนี "อยากจูบผู้ชายมากหรือไง"

      "อยากได้กำลังใจต่างหาก" เสียงทุ้มเอ่ยอ้อน "นะ"

      "งั้นก็ชนะสิ...จะยอมให้จูบ" ฟาเรสบอกอย่างขัดเขิน

      ...นับวันยิ่งอาการหนักนะเราเนี่ย...

      คนตัวโตหัวเราะเสียงแผ่วก่อนยอมผละออกแต่ไม่วายขโมยหอมแก้มนิ่มไปหนึ่งที พอหันไปเจอสายตาล้อเลียนจากโอซี่ฟาเรสจึงรีบเผ่นหนีไปประจำที่นั่งแทบจะทันที

      ทั้งสองผู้ชิงชัยเยื้องย่างเข้าสู่สนามอย่างสง่างามเรียกเสียงกรี๊ดจากสาวๆ ลั่นสนามจนคนดูอย่างฟาเรสอดหมั่นไส้ไม่ได้ แถมไอ้คุณโอซี่ของเรายังโบกไม้โบกมือแถมยิ้มหวานเรียกเรตติ้งไปอีก

      "อ้าว สาวๆ ใจเย็นกันหน่อยครับ" เสียงพิธีกรเอ่ยแซว "รอบชิงปีนี้เป็นอะไรที่เกินคาดจริงๆครับ ใครจะคิดละครับ ว่าผู้ท้าชิงจะเป็นเฟรชชี่ทั้งคู่ โอซี่ อคูซิโอ และ เวลอร์ โมนาคา ถึงจะเป็นเฟรชชี่แต่ฝีไม้ลายมือก็ไม่ธรรมดา เรายังไม่เห็นพลังเวทย์ของสองหนุ่มนี้เลยในรอบที่ผ่านมา หวังว่ารอบนี้เราจะได้เห็นกัน ว่าแค่ไม่เห็นถืออาวุธกันมาเลย รอบชิงทั้งทีคงไม่มาต่อยกันกลางสนามหรอกนะใส่เกราะมาเต็มขนาดนี้ เอาละเพื่อไม่เป็นการเสียเวลาเรามาเริ่มการประลองกันเถอะ"

      สิ้นเสียงประกาศม่านพลังค่อยๆ ปกคลุมทั่วสนามประลองจนปราศจากรอยต่อ กันระหว่างผู้ชมและผู้ประลองไว้ถึงสองชั้น

      "เห็นมีมัดจำไว้ก่อนด้วย" โอซี่หันไปแซวคนข้างๆ คนโดนแซวยิ้มน้อยๆ แทนคำตอบ แล้วสองหนุ่มก็พยักหน้าให้กันก่อนจะเดินแยกไปคนละฝั่งของสนาม

      โอซี่ยื่นมือไปข้างหน้าก่อนที่จะเกิดสายพลังเคลื่อนขึ้นมาจากพื้นดิน แล้วหลอมรวมกลายเป็นดาบยาวสีทองแดงในมือใหญ่ ส่วยเวลอร์เองก็ไม่น้อยน่าเมื่อรอบกายเกิดลมกรรโชคพัดแปรเปลี่ยนเป็นสายพลังมาหลอมรวมเป็นดาบน้ำแข็งในมือเช่นกัน ทำเอาทุกคนในสนามถึงกับอึ้งก่อนจะส่งเสียงฮือฮาออกมายกใหญ่

      "พลังเวทย์บริสุทธิ์ ว้าวววว สมศักดิ์ศรีคู่ชิงของเราจริงๆ " พิธีกรบอกด้วยน้ำเสียงทึ่งๆ

      ...นี่สินะ พลังเวทย์บริสุทธิ์...

     ฟาเรสมองภาพในสนามอย่างสนใจ ท่านลุงบอกว่าเขาเองก็มีพลังเวทย์บริสุทธิ์เช่นกัน ถ้าทำแบบนั้นได้คงเท่ไม่น้อยแต่ก็คิดไม่ถึงว่าโอซี่จะมีพลังแบบนี้อาจเป็นเพราะมีสายเลือดออคนั่นเอง

      สองร่างทะยานเข้าหากันอย่างรวดเร็วจนเห็นเป็นเพียงเงาดำ คลื่นพลังจากการปะทะแผ่กระจายไปรอบด้านจนม่านพลังที่ครอบสนามสะเทือนในทุกจังหวะที่มีการโจมตีกันและกัน คมดาบน้ำแข็งเฉียดผ่านเกราะทองแดงทำเอาโอซี่ที่แอนหลบหลังกระแทกกับบราเรีย แต่ทันทีที่เท้าถีงพื้นก็ตั้งหลักหวดคมดาบสวนกลับ ฟาดใส่ร่างอีกคนที่เอาดาบน้ำแข็งรับมันไว้ได้อย่างพอดิบพอดีแต่ก็รุนแรงจนพื้นใต้เท้าคนตั้งรับยุบและร้าวเป็นวงกว้าง

      ในสนามยามนี้มีแต่ความเงียบเพราะทุกคนเอาแต่จับจ้องการต่อสู้อย่างตั้งใจ แม้แต่พิธีกรเองยังหาเสียงตัวเองไม่เจอด้วยซ้ำ

      การโจมตีทุกครั้งช่างรวดเร็วและรุนแรงเกินกว่าจะเชื่อว่าเป็นการต่อสู้ของมนุษย์ ซึ่งฟาเรสรู้ดีว่าทั้งสองไม่ใช่ ขนาดชุดเกราะที่ใส่มายังแตกร้าวจนคมดาบบาดลึกยันเนื้อใน ทำให้เลือดสีแดงเข้มไหลซึมออกมา แต่ทั้งสองกลับไม่แสดงอาการเจ็บปวดใดๆ ซ้ำร้ายยังแย้มยิ้มราวกลับสนุกเสียเต็มประดา แต่โอซี่ดูยับเยินกว่า เพราะชุดเกราะที่ใส่มาแตกร้าวจนไม่เหลือเค้าเดิม

      เวลอร์มองคู่ต่อสู้อย่างถูกใจ สิ่งหนึ่งที่ยอมรับคือฝีมือและแรงกาย ขนาดอายุเท่านี้ยังทำเขาบาดเจ็บได้ หากฝึกฝนนานๆ ไปคงกลายเป็นคนที่ไม่อยากเป็นศรัตรูด้วยแน่ๆ การต่อสู้คงต้องจบเพราะอีกคนดูท่าไม่ตายคงไม่เลิก รีบจบก่อนที่อีกฝ่ายจะเจ็บหนักไปมากกว่านี้จะดีกว่า

     "เบื่อหรือยัง" 

     "ยังอยากเล่นอยู่เลย" โอซี่บอกยิ้มๆ แม้จะเหนื่อยหอบและยืนเซ เวลอร์เองไม่รอช้ากำดาบให้กระชับก่อนจะทะยานเข้าหาไม่ให้อีกคนได้ตั้งตัว

     ฉึก!!! ดาบน้ำแข็งแทงเข้าเกราะทองแดงตรงช่วงท้องจนทะลุไปด้านหลัง คนแทงจงใจไม่ให้เข้าจุดตายแต่ก็ทำความเสียหายมากพอให้อีกคนทรุดลงไปกองกับพื้น

      "แต่ฉันเบื่อแล้ว โทษที" เวลอร์ว่าพลางตบบ่าเพื่อนเบาๆ

      "เฮ้อ" คนเจ็บทำหน้าเสียดาย ไม่ได้แคร์สภาพตัวเองเลยซักนิดแถมยังโบกมือโบกไม้ปฏิเสธแพทย์สนามที่จะยกเปลเข้ามารับ เวลอร์จึงเอาแขนเพื่อนพาดไหล่แล้วพยุงให้ยืนขึ้น

      "เอาเสียบไว้นั่นก่อนแล้วกัน ดึงออกเดี๋ยวเลือดจะไหล" เจ้าของดาบน้ำแข็งบอกยิ้มๆ 

      "เอ่อ...ครับสำหรับแชมป์ปีนี้ก็ตกเป็นของเวลอร์ โมนาคา แต่เราก็ขอชื่นชมโอซี่ อคูซิโอ ด้วยเช่นกัน มันช่างเป็นการดวลที่ดุเด็ดเผ็ดมันส์ยิ่งกว่าครั้งไหนๆ จริงๆ สำหรับรางวัลปีนี้ได้แก่....." สองหนุ่มยืนฟังพิธีกรร่ายยาวไป แถมไอ้คนโดนแทงยังยิ้มแย้มแจ่มใสราวกลับเป็นแชมป์เสียเอง กว่าจะแสดงความยินดีเสร็จ กว่าจะให้รางวัลเสร็จ ฟาเรสก็อดห่วงคนเจ็บไม่ได้ ก็เจ้าตัวเล่นดื้อไม่ยอมไปทำแผลบอกว่าจะอยู่ร่วมงานให้ได้ แต่ทั้งสองก็พยุงกันไว้ตลอดพิธีการราวกับเพื่อนที่ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กันมานาน




      "ขอบใจจ้าคนสวย" โอซี่ยิ้มหล่อให้พยาบาลที่เข้ามาทำแผล จนสาวเจ้าม้วนอายเดินละเมอจากห้องไป เลือดหยุดไหลไปแล้ว ไม่มีอะไรหน้าห่วงสายเลือดออคแบบเขาวันสองวันก็คงหาย
 
      "เจ๋งนี่ โดยเฉพาะพลังนั่น" เวลอร์เอ่ยชมพลางนั่งลงข้างเตียงคนเจ็บ ตอนนี้ในห้องมีแค่เขาสองคน

      "หึๆ แล้วนายละ ไม่คิดเลยว่าจะยังเหลือคนที่ใช้พลังแบบนี้อยู่ มำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่ละเว"

      "ลองเดาเหตุผลดูสิ"

      "หนึ่งในนั้นคงเป็นฟาเรส" เวลอร์พยักหน้ารับ "แล้วเหตุผลอื่นละ"

      "ยังไม่อยากบอก" 

      "เฮ้อ เอาเถอะไม่ว่าเหตุผลของนายคืออะไร ฉันจะอยู่ข้างเดียวกับนายก็แล้วกัน มีอะไรก็ชวนได้ยินดีเสมอ" โอซี่บอกเสียงใส เขามาอยู่ที่เดสเซนท์ก็หลายปี ละทิ้งตัวตนทุกอย่างแล้วใช้ชีวิตแบบง่ายๆ เป็นเพียงนักเรียนธรรมดา มีความสุขกับทุกวันของตัวเอง แต่นานๆ ไปก็เริ่มเบื่อ หวังว่าการเป็นเพื่อนกับเวลอร์คงมีอะไรน่าตื่นเต้นให้ทำนะ

      "ได้เลยพวก" เวลอร์รับคำ "เรื่องข้อตกลงที่บอกจะทำตามฉันหนึ่งอย่างถ้านายแพ้"

      "อ้อ ว่ามาสิ"

      "แปะไว้ก่อน คิดออกแล้วจะมาบอก"

      "หึๆ รู้งี้บอกวันหมดสัญญาก็ดี นั่น...รางวัลนายมาแล้ว" นัยน์ตาสีดำมองเลยไปยังประตูที่เปิดออก ฟาเรส มาวิค พรีมและเซียพากันเข้ามาในห้อง ทุกคนต่างซักถามอาการของคนเจ็บเป็นการใหญ่ แต่คนบนเตียงยังพูดจากวนประสาทได้จึงคิดว่าเพื่อนเขาคงไม่เป็นอะไรมาก ว่าแล้วก็ขนโขยงกันกลับห้องพัก 

      เรื่องฉลองในกลุ่มคงเบรกไว้ก่อนเพราะ พุธ พฤหัสบดี และวันศุกร์พวกเขาต้องสอบปลายภาคกันแล้ว ทั้งยังต้องรอพรีมกับมาวิคดวลกันนอกรอบเพื่อหาเจ้ามืออีก ส่วนทางมหาลัยจะเลี้ยงขอบคุณผู้เข้าแข่งขันในคือวันเสาร์ที่จะถึงโดยมีเอแวนการ์ดเป็นเจ้าภาพ




      ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูห้องดังระหว่างที่ฟาเรสกำลังจัดการมื้อดึกซึ่งเป็นผลไม้ใส่นมด้วยความหิว เพราะข้าวเย็นก็ไม่ได้ทานแถมอ่านหนังสือเพลินจนลืมไปเลย

      "นอนด้วย" เวลอร์บอกความประสงค์ทันทีที่ประตูเปิดรับ คิ้วสวยขมวดมุ่น หมอนี่มันจะขยันมานอนด้วยทำไมวะ

      "ห้องตัวเองไม่มีหรือไง" ฟาเรสบ่น แต่ก็หลบทางให้อีกคนเข้ามา ส่วนเขาเองเดินไปเก็บจานที่ตัวเองกินไปล้างก่อนจะไปล้างหน้าแปรงฟันเตรียมนอนเพราะดูเวลาก็เกือบเที่ยงคืนแล้ว

      เวลอร์นอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียงก่อนแล้ว พอเห็นร่างโปร่งออกจากห้องน้ำก็ตบฟูกข้างตัวแปะๆ ฟาเรสเบ้ปากใส่คนที่ทำตัวเป็นเจ้าบ้านแต่ก็ยอมคลานขึ้นเตียงไปใกล้จนถูกคนตัวใหญ่ช้อนอุ้มมานั่งบนตัก ไม่อยากยอมรับเลยว่าชอบเวลาอยู่บนตักเวลอร์ 

     ...ทำตัวเป็นสาวน้อยเข้าไปทุกทีสิฟาเรส...

      "ชนะแล้ว ไหนจูบ" เสียงทุ้มเอ่ยทวง ฟาเรสอึกอัก อุตส่าแกล้งลืมแล้วเชียวยังจะตามมาทวงถึงที่

      "ก็จูบสิ" บอกตะกุกตะกัก ก็ใจมันเต้นผิดจังหวะขนาดนี้ไม่ให้รนได้ยังไง

      "หึๆ มันเป็นรางวัลจากฟาร์นะ ฟาร์ต้องเป็นคนให้สิครับ" พูดเพราะไม่พอยังมาทำหน้าหล่อยักคิ้วให้อีก ตาย...ฟาเรสขอตายอย่างสงบ :-[  "ฟาร์ครับ"

      "เออ รู้แล้วน่าาาา" ว่าแล้วก็ยื่นหน้าเอาปากนิ่มไปเตะของอีกฝ่ายเบาๆ แล้วผละออก ใบหน้าเห่อร้อนไปหมด เวลาจูบสาวไม่เห็นมันเขินขนาดนี้

      "แบบนั้นไม่นับอะ" 

      "เรื่องมากจริง" บ่นเสียงเบาพลางขย้ำเสื้อนอนอีกคนแน่นอย่างไม่รู้จะทำยังไง ยิ่งนัยน์ตาคมสีอำพันจับจ้องมาไม่หยุดยิ่งเกร็งไปหมด "เว หลับตาก่อน"

      อีกคนยอมหลับตาลงอย่างว่าง่าย มือเรียวจึงเอื้อมไปประคองใบหน้าคมไว้ก่อนจะจรดริมฝีกปากลงอย่างตั้งใจ ละเลียดชิ้มริมฝีกปากหนาด้วยใจที่เต้นรัว บดคลึงแผ่วเบาอย่างเอาใจแต่ไม่ได้ลุกล้ำ จนคนโดนกระทำทนไม่ไหวเป็นฝ่ายลุกล้ำเข้ามาลิ้มรสโพรงปากหวานเอง หยอกเย้าเรียวลิ้นร้อนของคนตัวเล็ก หลอกล่อด้วยความอ่อนหวานจนอีกคนตอบสนองอย่างดูดดื่มและเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นเร่าร้อน ฟาเรสไม่รู้ว่าจูบที่มีให้กันนี้ในฐานะอะไร แต่เขาคงไม่ปฏิเสธว่ามันรู้สึกดีจนต้องเผลอไผลไปกับมัน

      "ฝันดีนะ" เสียงทุ้มกระซิบบอกก่อนจะล้มตัวลงนอนโดยกอดอีกคนไว้อย่างเคย ฟาเรสชักชินกับการโดนหมอนี่นอนกอดเสียแล้วสิ

      ...แล้วสรุปมันดีไม่ดีวะ...

......................................

-เลี่ยนตามสภาพอารมณ์คนเขียน ชีวิตมันเป็นสีชมพูวิ้งๆ แต่ต้องดับแสงลงเพราะสายตาอาฆาตจากบิดา งื้อ อย่าทำแบบนี้เลย หนูกลัวขึ้นคาน :ling1:

-เค้าอยากเขียน NC แล้วอะ อยากวาดมาลงด้วยแต่กลัวโดนแบนอะ  :hao5:

-ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านมาเม้น เลิฟๆ  :mew1:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :impress2:   โอ๊ย หวานมากๆ
เลือดสาดที่ผ่านมาลืมไปหมดเมื่อสองคนนี้จูบกัน อ้าก
ว่าแต่นี่ยังนอนหลับได้อีกเหรอฟา อะครีนาลีนคนอ่านนี่พุ่งไปแล้ว
จัดมาเลยค่ะ อยากเห็นรูปน้องนั่งตักให้รางวัลพี่เว
ไม่น่าโดนอุ้มนะเพราะคงไม่วาดสัณฐานของจุดนั้นแบบว่าละไว้ในฐานที่เข้าใจ   :katai3: 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-03-2016 10:49:36 โดย ❣☾月亮☽❣ »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
 :hao6: โ้ยยย นี่แค่บนะ

ออฟไลน์ double9JH

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1810
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-7
เพราะพลังจริงๆด้วย

มันก็ดีนะ ฟาเรส โดนกอดทุกคืนๆ :-[

ออฟไลน์ tiew93

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ดีสิฟาร์
ดีงามมากกกก  :katai2-1:

ออฟไลน์ MaRiTt_TCL

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-6
คนเขียนเขียนเลยค่ะ5555รออ่านเอ็นซี
คู่นี้ก็หวานซะ

ออฟไลน์ padloms

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เวความอดทนสูงกว่าที่คิด  :z1: ไม่เผด็จศึกหนูฟาร์สักที 555

ออฟไลน์ k_keenny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1

ออฟไลน์ DESZCZ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
น่ารักกก~~ ขอหวานเยอะๆนะคะ

ออฟไลน์ mi22

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
หวานนนนนนน แงงงง ชอบบบ
น่ารักกันจริงๆ

ออฟไลน์ l3loodl2o5e

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-4
บทที่ 11


     งานเลี้ยงสำหรับเหล่าผู้เข้าร่วมการประลองถูกจัดขึ้นที่หอประชุมใหญ่ของตึกอำนวยการ มีนายทหารของเวแวนการ์ดเข้าร่วมหลายนายส่วนหนึ่งเพื่อมาทำความรู้จักกับเหล่าผู้ชิงชัยที่ได้โอกาสทำงานกับหน่วยพิทักษ์ ส่วนเหล่านักเรียนที่เข้าร่วมบางคนก็ไม่ได้มาเปล่าเอาคู่ควงมาอวดกัน นอกจากนั้นยังมีเหล่าบรรดาคนดังในสังคมรวมไปถึงนักธุรกิจมาร่วมด้วย ซึ่งไม่เข้าใจว่าจะมาทำไม

      ฟาเรสในสูทสีงาช้างขับร่างโปร่งให้ดูงามสง่าออร่าจับดุจเอลฟ์หนุ่มในเทพนิยาย เพื่อนๆ ใช่ว่าจะน้อยหน้า เพราะสี่หนุ่มที่เหลือมากันในชุดสูทสีดำหลากดีไซน์ หล่อลากกระชากใจไสตล์ใครไสตล์มัน หญิงสาวคนเดียวในกลุ่มอย่างเซียก็สวยเผ็ดด้วยชุดแสกสีแดงสด จนแอบสงสารพรีมที่ต้องสงบสติอารมณ์ไม่ถลาไปฟาดหน้าหนุ่มๆ ที่มองคนรักตน

     ผู้ใหญ่ของเอแวนการ์ดให้ความสนใจกลุ่มฟาเรสมากเพราะทั้งแชมป์และรองแชมป์อยู่ในหมู่พวกเขา แถมฟาเรส มาวิคและพรีมเองก็เป็นหนึ่งในแปดคน จนไม่วายถูกทาบทามให้เข้าทำงานหลังเรียนจบ ซึ่งพวกเขาทำเพียงยิ้มรับไป

     เสียงเพลงช้าบ้างเร็วบ้าง คลอไปกับเสียงพูดคุย เสียงหัวเราะต่อกระซิก ให้บรรยากาศแห่งการสังสรรค์ได้เป็นอย่างดี ฟาเรสควรจะรื่นเริงไปกับมันแต่ทำไมความรู้สึกถึงตรงกันข้าม มาวิคไปทักทายเหล่าบรรดาคนดังร่วมกับพ่อแม่ของตนที่มาร่วมงานด้วย พรีมกับเซียไปเต้นรำทำหวานกันอยู่กลางฟลอ ส่วนสองหนุ่มข้างกายก็กำลังตอบคำถามจากบรรดาสาวๆ ที่เข้ามาพูดคุยอย่างสนใจ 

     ริมฝีปากสวยจิบไวน์แดงรสเลิศพลางกวาดมองไปรอบๆ อย่างเหม่อลอย ทั้งโอซี่และเวลอร์ดูชุลมุนวุ่นวายกันดีกับบรรดาสาวสวยที่เข้ามาเสนอตัวเต้นรำด้วย ใช่ว่าฟาเรสจะไม่มีคนสนใจเข้ามาทักทายแต่เล่นเข้ามาทั้งหญิงทั้งชายเขาก็ไม่รู้จะรับมือยังไงจึงเร้นกายออกจากงานไปอย่างเงียบเชียบ

    กลับมาถึงห้องก็รีบถอดสูทตัวนอกออก ปลดกระดุสองเม็ดบนคลายความอึดอัดแล้วทิ้งตัวลงนั่งพิงโซฟาหยิบรีโมตขึ้นมาเปิดเพลงฟังอย่างผ่อนคลาย พรุ่งนี้ก็ปิดเทอมแล้ว การฝึกงานในหน่วยพิทักษ์จะเริ่มในอีกหนึ่งอาทิตย์ ทั้งที่ตั้งใจว่าจะกลับไปเยี่ยมท่านลุงกับท่านป้าแต่เมื่อวานโทรกลับไปเหมือนท่านทั้งสองจะหนีไปพักร้อนแถบเคลวิชเลยไว้โอกาสหน้า

     อารมณ์สุนทรีย์ถูกขัดด้วยเสียงเคาะประตู เปิดออกก็เจอกับมาวิคที่มาหาพร้อมขวดไวน์แดงสองขวดในมือ

     "หยิบติดมาจากงานนะ คิดว่านายคงยังไม่หนำใจ" มาวิคว่าพร้อมยิ้มกว้าง

     "ก็ว่าจะจิ๊กมาอยู่เหมือนกัน แต่เกรงใจ" ฟาเรสหัวเราะเบาๆ แล้วเดินไปหยิบแก้วมาสองใบพร้อมขนมขบเคี้ยวอีกถุง

     นั่งดื่มกันไปคุยกันไป ส่วนใหญ่มาวิคจะเป็นฝ่ายเล่าเรื่องของตัวเองมากกว่า ทั้งเรื่องบ้าๆ ห่ามๆ สมัยเรียนระดับพื้นฐานที่ทำให้ทั้งพรีม โอซี่ และตัวเขาโดนเอแวนการ์ดรวบไปโรงพักอยู่บ่อยครั้ง หรือไม่ก็เรื่องหนีไปเที่ยวผับตั้งแต่ยังอายุน้อย หรือออกไปเที่ยวนอกเมือง สถานที่สวยๆ ที่ยิ่งฟังคนเล่าบรรยายเท่าไหร่ยิ่งทำให้อยากไปเยือนซักครั้ง

     "แอบรู้สึกเสียดายชีวิตช่วงนั้นเหมือนกันแฮะ" ฟาเรสบ่น เพราะเขาไม่ได้เรียนในโรงเรียนแบบคนอื่น จึงไม่ได้ใช้ชีวิตในวัยระเริงอย่างคนทั่วไป

     "นายก็ใช่จะแก่มากมาย อยากไปเที่ยวที่ไหนตอนนี้ยังไม่สายหรอกนะ" มาวิคบอก

     "นั่นสินะ" ริมฝีปากสวยยิ้มกว้าง หากหมดฝึกงานกับหน่วยพิทักษ์ หาโอกาสไปเที่ยวบ้างคงจะดี

     นับจากวันแรกที่เจอจนวันนี้ มาวิคยังคงชอบรอยยิ้มของฟาเรสดังเดิม ใบหน้าขาวที่สองแก้มซับสีเลือดเพราะฤทธิ์แอลกอฮอลดูน่าสัมผัส ในทุกครั้งที่เขาบอกเล่าเรื่องต่างๆ ออกไป นัยน์ตาสีครามพราวระยับจะมองมาที่เขาพร้อมเสียงหัวเราะสดใส ทำให้ภาพตรงหน้าชวนมองเกินจะละสายตาจนอยากครอบครองคนๆ นี้ไว้ลำพัง

     ฟาเรสผ่อนลมหายใจออกหนักๆ เพื่อระบายอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นในกาย ไวน์แค่ครึ่งขวดไม่น่าจะทำให้เมามากนัก แต่กับร้อนรุ่มจนตาพร่า 

     "เฮ้ฟาร์" ทันทีที่มือร้อนของมาวิคแตะเบาๆ ที่ข้างแก้มเหมือนมีกระแสประหลาดแล่นผ่านไปทั่วร่าง

     "มาวิคนาย...ทำไม" ริมฝีปากสวยเอ่ยเสียงสั่น เขารู้ดีว่าอาการผิดปกตินี้เกิดจากการโดนวางยา แต่คิดไม่ถึงว่าเพื่อนเขาจะทำมัน

     "ขอโทษนะฟาเรส แต่ฉันรอไม่ไหวแล้วจริงๆ" มาวิคว่าเสียงอ่อนพร้อมดึงร่างโปร่งบางสู่อ้อมกอด

     "อึก อย่า"

     "ฉันชอบนายมากรู้หรือเปล่า" ดวงตาสีน้ำตาลบอกเล่าความรู้สึกมาจากใจ เขาก็ชอบมาวิคแต่ก็ไม่ได้ชอบในความหมายนั้น

     "แต่ฉัน อื้อ" ริมฝีปากร้อนถูกช่วงชิงไปก่อนจะได้ปฏิเสธ รสจูบอ่อนหวานอ้อยอิ่งชวนเคลิ้มจนร่างกายตอบสนองมันเพราะฤทธิ์ยา มันรู้สึกดี มันต้องการ แต่ในใจกลับสวนทาง บอกย้ำว่าไม่ใช่ ฟาเรสรวบรวมแรงทั้งหมดผลักอีกคนให้ผละออก

     "ฉัน...ขอโทษ ฉันรับมันไว้ไม่ได้" ตัดสินใจบอกออกไปตามใจคิด ใบหน้าที่เคยสดใสของมาวิคหมองเศร้าอย่างเจ็บปวด 

     "เป็นฉันไม่ได้จริงๆ หรอ" อีกคนยังพยายามเข้าหา

     "ไม่!!!" ฟาเรสบอกเสียงดังผลักอีกคนให้ห่างตัวแล้วหุนหันออกจากห้องไป

     ขาเรียวพาร่างวิ่งไปตามทางเดินที่มีเพียงแสงสลัวของไฟข้างทางเป้าหมายคือแลปใจกลางโดมกระจก มือเรียวพยายามไขกุญแจเข้าไปด้วยมือที่สั่นเทาจนทำมันตกหลายครั้งกว่าจะไขได้ พอเข้ามาก็ตรงไปยังตู้ยาพยายามรื้อหายาหรือสารสกัดอะไรก็ได้มาบรรเทาความร้อนรุ่มนี้ ไม่มีเวลามานั่งผสมแล้ว คว้าได้ยานอนหลับขนานแรงมาขวดคงพอช่วยให้พ้นผ่านคืนนี้ไปได้

     ฟาเรสพาร่างที่สั่นสะท้านขึ้นไปบนชั้นสองแล้วถลาเข้าไปในห้องน้ำ เปิดฝักบัวให้น้ำเย็นไหลผ่านเผื่อจะช่วยบรรเทาอาการร้อนรุ่มออกไป แต่สัมผัสจากสายน้ำกลับทำให้ความต้องการยิ่งประทุราวกับถูกมือที่มองไม่เห็นสัมผัสไปทั่วร่างจนสติแทบจะขาดหาย สองมือไร้เรียวแรงพยายามเปิดขวดยาออกอย่างยากลำบากแถมทำหกทิ้งไปเกือบครึ่งแต่ก็เอามันกรอกเข้าปากได้สำเร็จ ขวดเปล่าร่วงหล่นสู่พื้นไปพร้อมกับร่างโปร่งบางที่แน่นิ่งไปพร้อมกัน

     เวลอร์กลับห้องพักอย่างรีบร้อน กว่าจะปลีกตัวออกมาได้ทำเอาเหนื่อย เขาเห็นฟาเรสหลบออกนานแล้วตั้งใจนะตามออกมาแต่ก็โดนทั้งผู้ใหญ่ในงานทั้งสาวๆ รั้งเอาไว้ พอมาถึงกลับเห็นเพียงประตูห้องข้างกันที่เปิดทิ้งไว้ เขาเดินเข้าไปเพราะสัมผัสได้ว่ามีคนอยู่กลับเห็นเพียงมาวิคที่นั่งกอดเข่าอยู่บนพื้นห้องรับแขก ไหล่ที่สั่นน้อยๆ บ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังร้องไห้

     "เฮ้ เกิดอะไรขึ้น แล้วฟาเรสละ" เวลอร์ถามขึ้นอย่างร้อนใจ

     "ฉันไม่รู้ ฟาร์วิ่งหนีไปไหนไม่รู้" คนถูกถามเงยหน้ามาตอบทั้งน้ำตา "ฟาร์ต้องโกรธฉันแย่ๆ ฮึก เขาจะเกลียดฉันไหมเว" คนร้องไห้ละล่ำละลักถามออกมาด้วยสีหน้าเจ็บปวด

     "นายทำอะไรฟาร์"

     "ฉันทำสิ่งเลวร้าย ฉันฮึก วางยาฟาร์ ...มันเป็น ฮึกยาปลุก ฉันอยากให้ฟาร์เป็นของฉันคนเดียว" มาวิคตอบออกมาเสียงเครือ "แต่เขาปฏิเสธฉัน ผลักไสฉัน ฮือ...ฟาร์อาจจะเกลียดฉันไปแล้วก็ได้"

    "นายนี่มัน หึ่ย" เวลอร์พุ่งเข้าไปคว้าคออีกฝ่ายไว้อย่างเดือดดาล

    "นายจะต่อยก็ได้ เว ฉันทำผิด ทำผิดจริงๆ" มาวิคก้มหน้ารับชะตากรรม ดวงตาสีครามที่เขาชอบ มองเขาอย่างผิดหวังมันช่างเจ็บปวด สิ่งเดียวในตอนนี้คือไม่อยากเห็นสายตาแบบนั้นอีก เขายังอยากได้รอยยิ้มจากฟาเรสไม่ว่าในฐานะใดเขาก็ยินดี ขอแค่ได้ขอโทษขอแค่ฟาเรสให้อภัย หวังว่ามันจะยังไม่สายไป

    ผลัก!!!หมัดหนักๆ ซัดเข้าเต็มหน้าของมาวิคจมล้มหงายไปนับดาวกับพื้น ซึ่งคนทำก็ยั้งแรงไว้มากไม่งั้นอีกคนคงคอหักตายไปแล้ว เขาโกรธแต่เจ้านี่ไม่ได้เลวร้ายโดยสำนึก เพียงแต่อยู่ในสถานการณ์ที่พ่ายแพ้จึงเลือกทำอะไรโง่ๆ

     "ขอโทษฟาร์ซะถ้าทำได้" ทิ้งท้ายเสียงขุ่นก่อนจะออกไปตามหาอีกคนทันที

    คนอย่างฟาเรสต้องรู้ตัวเองดีกว่าโดนยาปลุกเซ็กส์และคงพยายามหาทางแก้มัน สถานที่เดียวที่จะมีสิ่งเหล่านั้นคือตึกวิจัยของเอก เวลอร์จึงตรงไปยังที่นั่นให้เร็วที่สุด แล้วมันก็เป็นไปตามคาดเมื่อเขาพบร่างโปร่งบางนอนไม่ได้สติอยู่ใต้สายน้ำเย็นเฉียบในห้องน้ำชั้นสองพร้อมขวดแก้วเปล่าในมือ หยิบขึ้นมาดมดูจึงรู้ว่าเป็นยานอนหลับขนาดแรง ปริมาณขนาดนี้น่าจะทำให้หลับลึกได้ประมานห้าถึงหกชั่วโมงหวังว่ายาปลุกเซ็กส์ที่มาวิคใช้คงจะไม่ออกฤทธิ์เกินนั้นหรอกนะ

    เวลอร์ปลดเปลื้องอาภรณ์ที่เปียกชุ่มออกเพราะกลัวอีกคนจะเป็นหวัด เรือนกายขาวเนียนที่บัดนี้เจือสีจางจากฤทธิ์ยาทำเอาเขาหยุดชะงักแต่ต้องจำใจไม่มองแม้จะยากลำบากเกินทน คนตัวใหญ่ถอดเอาสูทตัวนอกของตนมาห่อคลุมร่างเปลือยเปล่าเอาไว้แล้วอุ้มขึ้นมาจากพื้นกระเบื้องเย็นๆ ตรงไปยังชุดโซฟากลางห้องพักผ่อนแล้ววางลงให้นอนเหยียดไปกับฟูกก่อนผละออกไปรื้อหาเครื่องนอนที่เอามาทิ้งไว้ กางผ้าห่มผืนหนาคลุมกายให้ร่างบาง จัดการปูที่นอนกับพื้นสำหรับตัวเองเอาหมอนที่หยิบมาวางลงแล้วล้มตัวนอน เขาเฝ้ามองเสี้ยวหน้าเนียนที่หลับไหลแต่คิ้วยังขมวดมุ่นกับความทรมานด้วยความกังวลใจ




     แสงสว่างของวันใหม่ไม่ใช่สิ่งเดียวที่ฉุดดึงฟาเรสจาดนิทราหากแต่เป็นความรุ่มร้อนในร่างกายที่ดูจะมากมายกว่าเก่า พาลโกรธคนทำจนอย่างจะกระทืบหนักๆ ให้หายเคือง 

     "อือ...บ้าเอ้ย" ฟาเรสกัดฟันข่มความต้องการ เพียงเนื้อผ้าที่ห่มกายยังทำให้รู้สึกได้ขนาดนี้ 

     เด็กหนุ่มพยายามตั้งสติ มันช่างยากเหลือกำลังเมื่อสิ่งที่คุมกายเขาอยู่นั้นคือเสื้อสูทตัวใหญ่ที่จำได้ดีว่าของใคร อีกทั้งยังเหลือกลิ่นประจำกายติดอยู่กับเนื้อผ้า กลิ่นของเวลอร์มันกระตุ้นอารมณ์เขาเป็นอย่างดี

     "เว..." เสียงหวานเรียกหา แต่มีเพียงความเงียบที่ตอบกลับมา

    ...ไม่ไหว หากไม่ทำอะไรต้องช๊อคตายแน่ๆ...

     ขาเรียวพาร่างโปร่งเดินเซไปยังห้องน้ำหวังพึ่งสายน้ำเย็นอีกครา เขาต้องปลดปล่อยไม่งั้นแย่แน่ อย่างน้อยในนั้นคงไม่มีใครมาเห็นภาพอุจาดตาของเขาได้

    "ฮึก..." ริมฝีปากบางเม้มแน่นอย่างอดกลั้นเมื่อมือที่สั่นเทานั้น สัมผัสกับความแข็งขืนจนปวดร้าว มือเรียวกอบกำแล้วขยับรูดไปตามความยาว ทำเอาเสียวซ่านจนขนลุกไปทั้งตัว ปรนเปรอร่างกายหมายจะระบายความอยากจนปลดปล่อยออกมาในที่สุด แต่สิ่งนั้นกลับยังตื่น ซ้ำร้ายความรุ่มร้อนในกายเหมือนจะมากขึ้น จนต้องจัดการกับตัวเองอยู่อย่างนั้นอย่างจำใจ

     เวลอร์กลับมาพร้อมเสื้อผ้าที่เอามาให้คนร่างเล็กใส่ แต่บนโซฟากลับว่างเปล่าเหลืองเพียงกองผ้าห่ม เสียงครางผะแผ่วลอดมาจากห้องน้ำบอกให้รู้ว่าคนที่มองหาอยู่ในนั้น คนตัวโตวางเสื้อผ้าและของใช้เหล่านั้นลง สองเท้าก้าวเข้าหาเสียงนั้นช้าๆ ราวกับถูกสะกด

     ภาพของฟาเรสที่เปลือยเปล่าใบหน้าเนียนชุ่มน้ำกัดริมฝีปากจนช้ำกลั้นเสียงตัวเอง ผิวกายที่แดงซ่านกับเสียงครางหวานปลุกสัญชาติญาณนักล่าให้ตื่นขึ้น ประสาทสัมผัสอันยอดเยี่ยมทำให้ได้ยินเสียงหอบครางนั้นอย่างชัดเจน กลิ่นฟีโรโมนที่แผ่กระจาย กลิ่นกายและกลิ่นคาว กำลังทำให้เขาสูญเสียการควบคุม

     "เว...ฮึก ช่วย ฮ๊ะ ช่วยด้วย" เสียงหวานเว้าวอน ดวงตาสีครามช้อนมองอย่างออดอ้อน ฟาเรสไม่ต้องการสิ่งใดแล้วนอกจากสัมผัสของอีกคน 

     เวลอร์กัดฟันกรอด เขาไม่ใช่มนุษย์เขารู้ดีถึงปิศาจที่อยู่ภายใน ที่ผ่านมาพยายามไม่เกินเลยมากสุดก็แค่จูบเพราะเขากลัว กลัวว่ายามที่สัญชาติญาณก้าวนำจิตใจเขาอาจทำร้ายใครอีกคน แต่ตอนนี้ดูเหมือนสิ่งที่พยายามอดทนมาได้พังทลายเพราะความเย้ายวนเกินห้ามใจ

     "เว ฮึก เวกอด...กอดฉัน" ฟาเรสถลาเข้าสู่อ้อมกอดที่คุ้นเคย บดเบียดร่างกายที่สั่นสะท้านเข้าหาความอบอุ่นพลางโน้มใบหน้าของอีกคนลงมาจูบอย่างโหยหา

     เวลอร์ตอบสนองจูบนั้นอย่างเร่าร้อน สอดแทรกลิ้นหนาสู่โพรงปากอุ่นเกี่ยวกระหวัดพัวพันจนน้ำใสๆ ไหลเยิ้มออกมา ฟาเรสจูบเก่งกว่าปกติอาจเพราะความอยากจึงดูดดึงริมฝีปากและสิ้นสากราวกลับจะกลืนลงคอ

     "อื้อ...จูบอีก อื้อ" คนตัวเล็กร่ำร้องเมื่อเขาผละออกจนต้องจูบซ้ำตามคำขอ ลำแขนแกร่งช้อนอุ้มร่างบางจากพื้นกระเบื้องก่อนจะเดินช้าๆ ไปยังโซฟาแล้วตามไปทาบทับโดยที่ริมฝีปากไม่ได้ผละจากกันเลยแม้แต่วินาทีเดียวพลางสัมผัสปะป่ายไปทั่วกายจนอีกคนครางอื้อในลำคอ

     มือเรียวดันไหล่หนาให้ผละออก ดึงรั้งเสื้อผ้าของอีกคนอย่างเร่งร้อนจนเวลอร์ต้องหยัดกายขึ้นแล้วถอดมัน เผยให้เห็นเรือนกายงดงามพร้อมกล้ามเนื้อดูแข็งแรง แต่สิ่งที่ทำให้ดวงตาสีครามเบิกกว้างอย่างตื่นตะลึงนั่นคือสร้อยทองพร้อมจี้ทับทิมรูปดวงอาทิตย์บนอกแกร่ง

     ฟาเรสแตะมันเบาๆ อย่างไม่เชื่อสายตา ลวดลายของสร้อยยังแจ่มชัดในหัว วันสุดท้ายที่สร้อยอยู่ในมือ เขาสวมมันให้กับรูปสลักในวิหาร ก่อนที่ทั้งสองสิ่งจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย และวันนี้สร้อยเส้นนั้นอยู่ตรงหน้า งั้นคนคนนี้ก็เป็น...

     "มันเป็นของฟาร์ ฉันคืนให้" ดวงตาคมสบลึกลงมาอย่างจริงจังก่อนจะถอดมันออกจากคอแล้วคล้องให้คนข้างใต้ที่มองตอบมาด้วยสายตาที่หลากหลาย จี้ทับทิมดูสวยงามขึ้นทันตายามที่ตัดกับผิวกายขาวละเอียดของฟาเรส เหมือนจะบอกว่านี่คือเจ้าของที่แท้จริง ใบหน้าคมโนมลงประทับจูบตั้งแต่หน้าผาก เปลือกตา สองแก้มและจบที่ริมฝีอย่างอ่อนโยน

     "อึก..." จมูกโด่งก้มลงซุกไซร้ซอกคอขาว สูดกลิ่นเนื้อหอม ลิ้มรสผิวกายและขบกัดแรงๆ จนฟาเรสสะดุ้ง ริมฝีปากและลิ้นร้อนลากต่ำผ่านจี้ทับทิมสีสดมาจัดจากกับเม็ดทำทิมสีอ่อนบนอกแบนที่กระเพื่อมขึ้นลงจากแรงหอบหายใจ ลากเลียดูดดุนสลับกันเรียกเสียงครางสะท้านจากร่างบางที่แอ่นอกรับอย่างวาบหวาม ฤทธิ์ยาทำให้รู้สึกไม่สบาย ทุกสัมผัสสร้างกระแสประหลาดแผ่ซ่านไปทั่วร่างจนฟาเรสไม่อาจประคองสติได้อีกต่อไป

    "อ๊า ซี๊ด..." เสียงหวานหลุดครางเมื่อฟาเรสน้อยโดนกระทำชำเราจากมือใหญ่ 

     ขาเรียวแยกกว้างเบียดกายเข้าหาจนสัมผัสกับท่อนเนื้อร้อนของร่างใหญ่ที่ดันกางเกงจนโปร่งนูน มือเล็กซุกซนปะป่ายลูบไล้แผ่นอกกว้างอย่างหลงไหล ดวงตาฉ่ำน้ำปรือมองร้องขอจนคนถูกมองต้องกดฟันกรอดเพราะอยากขย้ำเสียเดี๋ยวนี้ หากเป็นคนอื่นเขาคงทำเพื่อระบายความใคร่ไม่จำเป็นต้องสนว่าอีกฝ่ายรู้สึกยังไง แต่ฟาเรสไม่ใช่ เขาอยากให้อีกคนรู้สึกดี จึงเล้าโลมร่างกายนี้อย่างเอาใจ

     มือกร้านยังคงสัมผัสปลุกเร้าร่างบาง พรมจูบลาดไหล่เปลือยเปล่าแวะระรานแผ่นอกที่หอบสะท้านแล้วลากต่ำลงมายังหน้าท้องแบนราบซึ่งเกร็งจัดจนเห็นแนวซี่โครงจางๆ ปฏิกริยาของฟาเรสยามถูกสัมผัสช่างน่ารักน่าแกล้งให้ร้องครางออกมาดังๆ

    "อ๊ะ อ๊าาาา เว อย่า อื้อ" เสียงหวานครางลั่น เมื่อส่วนอ่อนไหวถูกครอบครองด้วยโพรงปาก นิ้วเรียวจิกทึ้งกลุ่มผมหนาเพื่อระบายอารมณ์ ดวงตาคมช้อนมองคนถูกกระทำ สบเข้ากับดวงตาสีครามที่มองตอบ ริมฝีปากแดงช้ำเผยอครางเสียงขาด  แก้มนวลแดงซ่าน กระตุ้นให้ร่างสูงเร่งเร้าทุกอย่างจนอีกคนปลดปล่อยออกมา เวลอร์กลืนของเหลวรสคาวลงคออย่าไม่รังเกียจพลางทอดมองร่างโปร่งบางที่นอนหอบหากแต่ส่วนกึ่งกลางยังไม่มีทีท่าจะอ่อนลง

     เวลอร์ดูดเลียนิ้วมือจนชุ่มพลางดันเรียวขาของฟาเรสขึ้นแล้วกดนิ้วเข้ากับช่องทางสีหวานที่ปิดสนิทช้าๆ สิ่งแปลกปลอมที่ถูกสอดเข้ามา ทำให้ร่างบางรู้สึกเจ็บด้วยความไม่เคย แต่พอเริ่มคุ้นชินนอกจากเจ็บยังมีความเสียวซ่านก่อวนไปทั่วท้องน้อย นิ้วที่สองสามจึงตามมาเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กปรับตัวได้ ก่อนจะขยับคว้านช้าๆ เพื่อเบิกทาง พลันร่างบางกระตุกเกร็งเมื่อปลายนิ้วสัมผัสเข้ากับจุดกระสัน เขาจึงกดย้ำๆ จนฟาเรสครางสั่นน้ำตาคลอ ถึงอีกฝ่ายไม่ใช่มือใหม่แต่ก็เป็นครั้งแรกกับผู้ชาย เวลอร์จึงพยายากระทำอย่างใจเย็นแม้จะสวนทางกับความต้องการที่จวนปะทุเต็มทน

     "อ๊ะ เว มันฮึก" ฟาเรสมัวเมาไปกับสัมผัสหวาน ในใจกำลังเรียกร้องต้องการในสิ่งที่มากกว่า

     "พอ...อ๊า เว อยากได้ อื้อ อยากได้ของเว" จิตใต้สำนึกปลดปล่อยถ้อยคำน่าอายออกมาจากปากอย่างไม่รู้ตัวเพราะยามนี้เขาต้องการคนตรงหน้าจนแทบจะบ้า

    "ยั่วขนาดนี้ มาโทษกันทีหลังไม่ได้นะ" เวลอร์บอกก่อนผละออกไปกำจัดเสื้อผ้าส่วนล่างแล้วกลับมาทาบทับคนตัวเล็กบนโซฟาไว้ดังเดิม ฟาเรสโน้มใบหน้าคมลงไปจูบอย่างหิวกระหายเบียดกายร่ำร้องจนความอดทนทั้งหมดของคนตัวโตพังทลาย 

     ริมฝีปากหนาจูบตอบอย่างเร่าร้อนยาวนานจนร่างบางพ่ายแพ้อย่างหมดท่า ดวงตาสีอำพันวาวโรจน์ นัยน์ตาเรียวรีดุจนักล่ากำลังจับจ้องเหยื่ออันโอชะที่นอนทอดกายอยู่ใต้ร่าง เสียงคำรามต่ำๆ จากเวลอร์บ่งบอกถึงตัวตนอีกด้านได้เข้ามาแทนที่ เรียวขาเนียนถูกจับพาดบนไหล่หนาก่อนกดส่วนตื่นตัวลงไปยังช่องทางสีหวานที่ถูกเบิกทางไว้ก่อนแล้ว ลำพังยั้งแรงไม่ให้ขย้ำเรือนร่างบอบบางยังทำได้ยาก จะให้อ่อนโยนคงเป็นไปไม่ได้

    "ฮะ...อ๊ะ เจ็บ เว มันเจ็บ ฮึก" ฟาเรสกรีดร้องอย่างทรมานเมื่อความใหญ่โตแทรกผ่านเข้ามาในร่าง สร้างความร้าวรานอึดอัดจนต้องถดตัวหนีแต่กลับถูกมือใหญ่กดรั้งเอวเอาไว้พลางดึงดันเข้ามาจนสุดความยาว ร่างบางสั่นระริกด้วยความเจ็บปวดจากเบื้องล่าง น้ำตาไหลพรากอย่างน่าสงสาร นิ้วเรียวจิกเกร็งกับโซฟาจนขาดคามือพลางส่งเสียงสะอื้นไม่หยุด

      "รอไม่ไหวแล้วฟาร์" เวลอร์บอกเสียงแหบพร่า ก้มลงจูบซับหยาดน้ำตาอย่างปลอบโยน ช่องทางร้อนบีบรัดกลางกายทำเอาเสียวกระสันไปทั้งร่าง กลิ่นเลือดกลิ่นเหงื่อและกลิ่นกายปลุกสัญชาติญาณสัตว์ร้ายให้ลุกฮือ

     "อะ อ๊า!!!" ใบหน้าสวยแหงนครางเมื่อท่อนเนื้อร้อนเบื้องล่างดึงออกจนเกือบสุดแล้วกดย้ำเข้ามามิดลำ จังหวะช้าๆ ทว่าหนักหน่วงทำเอาเลือดคาวที่ไหลซึมอยู่ก่อนไหลเพิ่มขึ้นอีก กลายเป็นสารหล่อลื่นให้ความฝืดเคืองนั้นลดลง ท่อนเนื้อร้อนสอดลึกในทุกครั้งที่เอวหนากระแทกจนโดนจุดกระสัน เจ็บร้าวราวกับร่างจะสลายหากแต่ปนด้วยความรู้สึกซาบซ่านเกินบรรยายจนเริ่มคุ้นชินกับความทรมานที่แสนหวานและตอบรับมัน

     "เร็วอีก อ๊ะ ซี๊ด อ๊าาาา" เมื่อจิตใจถูกครอบงำด้วยความปราถนา ฟาเรสจึงเรียกร้องไขว่คว้าเรือนกายตรงหน้ามากอดไว้ จากที่กระแทกเข้าออกอย่างช้าๆ เวลอร์จึงเร่งจังหวะเพื่อสนองบัญชาเรียกเสียงครางสะอื้นอย่างสุขสมจากอีกคน

     เรี่ยวแรงมหาศาลทำให้ร่างโปร่งบางโยกคลอนตามแรงส่ง แม้เวลอร์จะพยายามยั้งไว้บ้างแต่ช่องทางตอดรัดจากคนข้างล่างทำให้ให้เขาอยากจะตอกเข้าไปให้ลึกและแรงยิ่งกว่าเก่า 

      เวลอร์สูดปากสูดคอข่มความบ้าคลั่งในจิตใจ มันเป็นการร่วมรักที่วิเศษกว่าครั้งไหนๆ ฟาเรสไม่รู้เลยหรือไง ว่าสีหน้าที่แสดงออกยามนี้ช่างเย้ายวนเชิญชวน ให้ต้องเชยชมเรือนกายนี้อย่างหลงไหล

     "ฮื้อ อย่ากัด" ฟาเรสร้องดังเมื่อเขี้ยวคมกัดแรงตรงคอจนสะดุ้ง คนทำผละออกมองผลงานอย่างชอบใจ ผิวกายขาวแดงช้ำเป็นรอยฟัน กระตุ้นอารมณ์ดิบให้กัดซ้ำจนได้ลิ้มรสเลือดหวาน เวลอร์คำรามต่ำๆ พลางขบกัดทิ้งรอยไปทั่วแผ่นอกราบขนาดที่ส่วนล่างยังสอดประสานรัวแรงจนอีกคนกรีดร้องครางปานจะขาดใจ

     "อ๊ะ เว ลึก ซี๊ด มันลึก ฮือ เบา" ความรู้สึกที่ได้รับหลากหลายมากมายจนตาพร่า นิ้วเรียวจิกยึดไหล่หนาขยับรับจังหวะรุนแรงที่ส่งมาด้วยเรียวขาสั่นระริกเพราะหยัดเกร็ง เสียงชื้นแฉะและเนื้อกระทบกันฟังดูหยาบโลนคลอไปกับเสียงคราง ห้วงอารมณ์พุ่งสูงลุกเป็นไฟก่อนจะแตกกระจายเป็นน้ำขาวขุ่นเปรอะเปื้อนไปทั่วหน้าท้องของทั้งคู่ มือกร้านกอบกำรีดเค้นทุกหยาดหยดจากคนใต้ร่างพลางกระแทกกระทั้นใส่ช่องทางที่ตอดถี่แล้วปลดปล่อยสู่ภายในจนไหลล้นออกมาแต่เอวหนาหาได้หยุด ยังคงรุกล้ำจนฟาเรสน้อยขืนมือขึ้นมาอีก แล้วบทรักร้อนแรงก็ถูกเริ่มอีกครั้ง

     "พอ แฮก อ๊ะ พอแล้ว" ฟาเรสห้ามเสียงสั่น หอบหายใจหนักอย่างอ่อนเพลีย กิจกามเมื่อคู่สูบเอาเรี่ยวแรงไปหมดสิ้น เวลอร์หยุดชะงักก่อนถอนกายออกแต่อย่าคิดเลยว่าจะรอด เมื่อร่างถูกช้อนอุ้มลงมาวางบนที่นอนนุ่มซึ่งปูแผ่อยู่บนพื้น เด็กหนุ่มถูกจับคว่ำ สะโพกมนถูกรั้งขึ้นรับส่วนแข็งขืนที่สอดใส่เข้ามารวดเดียวสุดลำแล้วขยับรุนแรงอย่างไม่เปิดโอกาสให้ปฏิเสธอีกต่อไป

     ฟาเรสได้แต่นอนครางอย่างไม่อาจต้านทานคนตัวใหญ่ที่กระทำชำเราร่างกาย ปล่อยให้อีกฝ่ายจับเปลี่ยนท่วงท่าไปตามใจและตอบรับสัมผัสวาบหวามที่อีกคนมอบให้เท่าที่สติยังพอมี ห้วงอารมณ์ถูกฉุดสู่ความรัญจวนครั้งแล้วครั้งเล่าจนสำลักความสุขสม ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร จำได้ว่าแสงของวันกำลังจากไปเมื่อบทรักบทสุดท้ายได้จบลง สัมผัสร้อนวาบจากภายในพร้อมกับรสจูบอ่อนหวานคือสิ่งสิ่งสุดท้ายที่ฟาเรสรับรู้ได้ก่อนหมดสติไปใต้ร่างของเวลอร์

 

 

 

 
...............................

-นึกสภาพอยู่ออฟฟิศไม่มีงานเลยนั่งพิมนิยายที่มีฉากอีโรติก พิมไปตื่นเต้นเหลียวหลังไป จะมีใครโผล่มาอ่านที่เค้าพิมไหมวะ เจ้านายโผล่มาอ่านด้วยมีกรี๊ดอะ

-หาก nc ยาวไปต้องขออภัย แบบไม่ได้เขียนฉากแบบนี้มาพักใหญ่ๆ เลยจัดหนักจัดเต็ม เพราะเห็นพี่เวแกรอนาน  :fire:

-อย่าไปโกรธมาวิคมันเลยเนอะ เพราะมีมันพระนายถึงได้เสีย จากความดีความชอบตรงจุดนี้ไว้แม่จะหาสามีให้หนูนะ  :hao7:

-หลังจากนี้อาจหายไปซักสามสี่วันเพราะเราจิไปเที่ยว ฮันนี่มูนกับที่รักก็ว่าไปนั่น ไปเที่ยวนั่นแหละจ้า พักร้อนๆ :katai5:

-บทหน้ามาเรามาดูความรู้สึกของเฮียเวแบบค่อนข้างเต็มกันเถอะจ้า :katai2-1:

-ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจ รูปคงต้องแปะโป้งไว้ ขอเวลาบิ้วอารมณ์ซักหน่อยเน้อ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-05-2017 11:33:33 โดย l3loodl2o5e »

ออฟไลน์ double9JH

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1810
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-7
หาสามีให้มาวิคเลยค่าาา  555
ยามาวิคแรงมากกอ่ะ  :hao3:
เลือดพุ่งเลยยยย :pighaun:


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ imac

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 931
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
เวจัดหนักเลยเหรอ

ออฟไลน์ RELAXED

  • ทำไงได้ก็ Y มันเรียกร้อง
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 449
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด :hao7: :hao7: :hao7: เอาอีกๆๆๆๆๆๆๆ :pighaun: :hao6: :pighaun: :hao6: :haun4:

ออฟไลน์ DESZCZ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
จัดหนักจริงๆ คนเขียนพิมพ์ในที่ทำงาน เราอ่านในห้องเรียน เลือดแทบหมดตัว  :jul1: ต้องหยุดอ่านเป็นระยะๆ พักฟื้นอาการชั่วคราว เหลือบมองเพื่อนข้างตัวที่มองมา 555
สงสารมาวิค เหมือนกันนะ อารมณ์ชั่ววูบ

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
เอาตรงๆนะ  เราผิดหวังในตัวมาวิคมากเลย
ตัวละครตัวนี้ไม่น่ามาสิ้นคิดทำเสียแบบนี้เลยอะ  เราเคยเชียร์มาวิตให้เป็นพระรองแบบหล่อๆดีๆจนฟาเสียดายอะไรแบบนี้
การจะจีบใครมันต้องทำดีกับคนนั้นไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่ทำเลว แล้วนีจีบหรือยัง เราว่าไม่ใช่ตั้งแต่แอบลักจูบเขาตอนหลับแล้วนะ
ความเป็นเพื่อนนี่ไม่มีความหมายเลยใช่ไหม  เพลียใจ
เราว่าฟารับบทหนักมากๆๆๆเรื่องนี้ ตั้งแต่ความทรงจำวัยเด็กแล้ว ไหนจะการถูกตามล่าอีก
การที่ได้กันเพราะว่ายามีส่วนค่อนข้างจะเป็นความทรงจำที่ไม่ดีสักเท่าไหร่
ถึงจะเจือไปด้วยความรักและการยินยอมพร้อมใจทั้งสองฝ่ายแต่ฟาจะหวนคิดถึงเซ็กส์ครั้งแรกพร้อมๆกับเรื่องยาไปด้วย 
มันแยกออกจากกันยากมากและลืมยาก  เราค่อนข้างจะผิดหวังนิดนึงนะเพราะเรามโนไปไกลมากด้วยล่ะระหว่างเวกับฟาร์ ขอโทษนะ ความคิดส่วนตัว

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ mi22

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
หูยยย  :pighaun:  จัดหนักจัดเต็มมาก

พูดถึงมาวิค อันนี้ไม่ค่อยชอบใจ ตอนผ่านๆมาก็ดูเหมือนจะยอมรับได้เรื่องฟาร์กับเว
เหมือนจะเข้าใจแล้ว แต่ทำไมตอนนี้ถึงมาทำแบบนี้ ดูห่างๆไปแล้วแท้ๆ เราก็นึกว่าจะทำใจและตัดใจซะ
หรืออย่างมากก็สารภาพรักไป แบบลูกผู้ชาย แมนๆ เพราะมาวิคก็ดีมา(แทบ)ตลอด
พอมาวางยาฟาร์คือค่อนข้างไม่ชอบแหละ ไม่ควรทำอย่างยิ่ง เป็นเพื่อนด้วยไง เป็นคนไว้ใจ แต่กลับทำกันได้
เดาว่าฟาร์เองก็คงโกรธ แล้วให้อภัยนั่นแหละ
จริงๆแล้ว ยังไม่สุดเท่าไร คนที่วางแผนมาแล้ว น่าจะทำมากกว่านี้ น่าจะคิดไว้แล้วว่าคงโดนปฏิเสธแน่ ถึงวางยาแล้วรวบหัวรวบหางซะ แต่ทั้งนี้ คนเขียนเองคงอยากเก็บตัวละครนี้ไว้ เลยไม่ใส่บทร้ายให้ 5555555 ไม่ได้เกลียด แต่ก็โกรธ.

คิดไว้อยู่บ้างว่าครั้งแรกของฟาร์กับเวนี่อาจเพราะยา (แต่ไม่คิดว่าคนวางยาจะเป็นมาวิค = = )
จริงๆค่อนข้างคาดหวังกับเรื่องนี้ อยากให้เกิดขึ้นเมื่อพร้อม เมื่อต้องการกันจริงๆ ไม่ใช่เพราะภาวะสถานการณ์บังคับ
แต่ก็โอเค อ่านสนุกๆ
 
อิน

ขอบคุณค่ะ


ปล. มีคำผิดอยู่ประปรายนะคะ

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
อ่าน 2 ตอนรวดเลยคร้าาาาาาา
เขินแทนฟาเรสที่โดนเต๊าะ โดนแต๊ะอั๋งเก็บสแปร์ไปเพียบบบบบบบ!! มาตอนนี้ก้อจัดหนักฝุดๆ >\\\<
มาวิค เกินไป เกินไปจิงๆ ทำกับเพื่อนถึงขนาดวางยาได้ยังไง เออ ถ้าแค่เมาขาดสติก้อว่าไปอย่าง -_-^^^

ออฟไลน์ HunterKill

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อื้อหืออ :haun4:




ออฟไลน์ imfckwn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 277
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
เลือดหมดตัว พร้อมกับ ฟ้าเหลือง 555555555555555  :haun4:

ออฟไลน์ Jadd

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด