บทที่ 21 ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่
จุดหมายปลายทางของพวกเขาคือ อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ โดยตั้งแพลนไว้คร่าวๆว่าจะไปนอนเต้นท์กันแถวจุดชมวิว
แต่พอไปถึงจริงๆ ก็ต้องโบกมือลากับจุดชมวิวอันสวยงาม เพราะมวลมนุษย์ที่มีความคิดเหมือนกับพวกเขา ต่างมาจับจองที่นอนเรียงกันเป็นตับ
เอกสบสายตากับเพื่อน ก็ได้คำตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า
กูขอบาย รู้สึกพลาดที่เลือกมาในวันหยุดแบบนี้ แต่ก็ทำไงได้ กว่าพวกเขาจะสอบเสร็จ ส่งงานเสร็จก็ปาไปเกือบสิ้นปีจริงๆ
สุดท้ายก็เลยต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญอย่างแม่ของเอก
ซึ่งได้คำตอบว่า..
“ไปนอนบ้านเก่าแม่กูแล้วกัน” เอกว่า ก่อนจะช่วยกันหามข้าวของที่กะจะมาตั้งเต้นท์ขึ้นรถ
เป็นความโชคดีที่บ้านเก่าที่ว่านั้น อยู่ไม่ไกลจากตัวอุทยานเท่าไหร่ นั่งชมวิวไปเพลินๆก็ถึง
บ้านครึ่งไม้ครึ่งปูนขนาดย่อมปรากฏต่อสายตาของพวกเขา ดูจากสภาพแล้ว ยังคงได้รับการดูแลเป็นอย่างดี แม้จะไม่มีคนอยู่ก็ตาม
“แม่กูให้คนดูแลอ่ะ มีคนมาขอซื้อนะ แต่แกไม่ขาย หวงอะไรก็ไม่รู้” เอกอธิบาย พลางยืนรอให้คนมาเปิดประตูรั้ว
“มากันแล้วเหรอ เราบอกกะทันหันไป ป้าเลยจัดเสร็จแค่ห้องเดียว เดี๋ยวไปเรียกเด็กๆมาช่วยแล้วกันนะ” หญิงสาววัยใกล้ปลดเกษียณ ท่าทางใจดี เดินออกจากตัวบ้าน พอเห็นเอกยกมือสวัสดี คนอื่นต่างยกมือไหว้แทบไม่ทัน
“หวัดดีครับป้าจู”
“ไหว้พระเถอะหลานๆ ไปกินน้ำกินท่ากันก่อนไป”
หลังจากพักดื่มน้ำกันเสร็จ พวกเขาต่างขนสัมภาระที่จำเป็นเข้ามาในตัวบ้าน พอดีกับป้าคนเดิมเพิ่มเติมคือมีลูกมือเป็นเด็กผู้หญิงวัยไม่เกิน 10 ขวบลงมาจากชั้นสองพอดี
“ป้าจัดห้องให้ 2 ห้อง พอไหมลูก”
“พอแล้วครับป้า ขอบคุณมากครับ” เหล่าชายหนุ่มต่างยกมือไหว้ขอบคุณป้า และไม่ลืมให้ติ๊ปเด็กสาวแสนขยันที่ยิ้มแฉ่งให้เป็นการชอบคุณ
“ขาดเหลืออะไรบอกได้นะเอก ใกล้จะเที่ยงแล้ว ไปกินข้าวที่บ้านป้าไหม?”
เอกกวาดตามองเหล่าผู้ร่วมเดิมทางทุกคน ก่อนจะพยักหน้ารับ
“รบกวนด้วยครับ”
หลังจากสอบถามแล้ว ป้าคนนี้ชื่อ ป้าจู เป็นผู้ดูแลบ้านให้ หลังจากที่แม่ของเอกแต่งงานแล้วย้ายเข้าไปอยู่ในกรุงเทพ นานๆทีจะกลับมาซักครั้ง
มื้อเที่ยงของวัน จบลงที่ไปฝากท้องที่บ้านป้าจูที่อยู่ใกล้ๆกัน ต่ายรู้สึกชื่นชอบบรรยาศที่เป็นหมู่บ้านแบบร่วมด้วยช่วยกันแบบนี้จริงๆ ต่างจากในกรุงเทพที่แม้จะเป็นหมู่บ้าน แต่ก็ต่างคนต่างอยู่ ไม่ได้มาพึ่งพาอาศัยกันแบบนี้
ตกบ่าย หลังจากอิ่มหน่ำสำราญกับอาหารฝีมือป้าแล้ว พวกเขาต่างนอนผึ่งลมกันอยู่ที่แคร่ไม้ใต้ถุนบ้าน
“เย็นนี้เอาไงดี” ต่ายพูดขึ้นมา ว่าจะไปฉลองกัน แต่พอมาเป็นอีหรอบนี้ แพลนอื่นๆเลยล่มไปด้วย
“ซื้อของมาฉลองกินกันที่นี้ก็ได้ เอาไรดี สุกี้ดีไหม ” แชมเสนอ คนอื่นต่างพยักหน้าเห็นด้วย
“เออ สุกกี้ก็ดี แล้วมีหม้อเหรอวะ”
“กูเอามา” แกนพูดเรียบๆ
“ห้ะ!!!” คนอื่นต่างร้องเสียงหลง เพราะไม่คิดว่าจะมีคนแบบหม้อสุกี้มาด้วย
“ก็มันจำเป็นไม่ใช่เหรอวะ”
ที่เหลือต่างกระพริบตาปริบๆ
“เออ เอามาก็ดี กู้ดจ๊อบมากแกน”
“งั้นที่เหลือก็ต้องไปซื้อของมา”
“อยู่นี่แหล่ะ อยู่กับพี่แชมพี่แกนไง” ต่ายพูดเสียงอ่อน เมื่อเห็นเด็กโค่งคิดจะตามเขาไปซื้อของด้วย
ไทกริสหน้ามุ่ยลง แต่ก็พยักหน้ารับ ก่อนจะเดินกลับไปนั่งดูทีวีกับเพื่อนของต่าย
พอถึงห้าง เอกและต่ายต่างเข็นรถตรงไปทางซูเปอร์ มาร์เก็ต หยิบผัก หยิบเนื้อสัตว์ที่เป็นถาดๆ จนเป็นกองพะเนิน คิดว่าพอแล้วก็เดินเข็นไปเพื่อจะคิดเงิน แต่เพื่อนที่มาด้วยกลับ กับหายไปดื้อๆ
เดินเข็นวนไปวนมาซักพัก คนตัวโตก็เดินมา
“โห กะจะเมาหัวทิ่มเลยใช่ไหมเนี่ย” ต่ายร้อง หลังเห็นเอกยกลังเบียร์ 2 ลังมาใส่รถเข็น
“แค่นี้ยังเบาๆเว้ย” ขยิบตาให้เพื่อน ก่อนจะเดินนำไป โดยทิ้งให้ต่ายเข็นตาม
จ่ายค่าเสียหายเสร็จ ก็เดินทางกลับที่พัก
“สรุปพวกมึงเป็นแฟนกันแล้ว” อยู่ๆเอกก็พูดขึ้นมา ต่ายที่กำลังเคลิ้มๆจะหลับ สะดุ้งเฮือกกับคำถาม
“ก็..... มั้ง” ต่ายตอบหลังจากประมวลคำถามที่คิดว่าดีที่สุดแล้ว
“มั้ง?”
“...”
“นี่ยังไม่ได้ขอเป็นแฟนอะไรงี้เหรอ”
“ทำไมวะ ไม่เห็นจำเป็นเลย”
“พวกมึงนี่ เหมือนพวกเด็กใจแตกหนีอยู่ด้วยกันเลยเนอะ”
“สัด”
“มึงไม่ลองขอไทกริสเป็นแฟนดูล่ะ”
เขาคิดไม่ออกเลยว่า หนุ่มรุ่นน้องคนนั้นมาขอเพื่อนเขาเป็นแฟนแบบไหน
“อย่างกูนี่นะ” ต่ายพูดเสียงหลง
“เอ้า แล้วจะให้อยู่ในแบบสถานะที่คลุมเครือนี่นะ”
“ก็ไม่แย่อะไรขนาดนั้น”
“พวกมึงนี่แปลก ใจตรงกันแท้ๆ แต่ไม่ทำอะไรให้มันจบๆ”
“......”
เอกเหลือบมองคนข้างๆ ที่หันหน้าเข้าหาประตู แสร้งทำเป็นมองตามทางที่ผ่าน
“แต่ถ้ามึงมีความสุขก็ดีแล้ว...”
ตกเย็นพวกเขาก็จัดการตั้งหม้อสุกี้ที่บริเวณแคร่ใต้ถุนบ้านเช่นเดิม โชคไม่ค่อยดีเท่าไหร่ที่พอตอนกลางคืน ยุงและแมลงตัวเล็กๆก็จะมา
ดังนั้นกลิ่นสุกี้ก็เลยทะแม่งๆเพราะปะปนกับกลิ่นยาจุดกันยุง
“ห้ามกินนะ” ต่ายร้องห้ามเด็กโค่งที่เตรียมกระดกแก้วเบียร์
ไปแอบเอามาตอนไหน ?!!
“ทำไมเล่า ปล่อยๆน้องมันเถอะน่า จะปีใหม่แล้วนะเว้ย” เอกบ่น พลางยกเท้าเขี่ยๆที่สีข้างเพื่อนจอมเฮี๊ยบ
“เกิดไม่สบายอีกขึ้นมาจะเป็นยังไง แผลก็ยังไม่หายดีเลย” ต่ายว่าเสียงแข็ง พร้อมดุเต็มที่
หัวเด็ดตีขาดยังไงก็จะไม่ให้ไทกริสกินอีกเด็ดขาด
นัยน์ตาสีอ่อนจ้องมองแก้วของตัวเอง (ถ้าต่ายไม่ได้คิดไปเอง สายตาเหมือนอาลัยอาวรณ์ชอบกล) ก่อนจะวางลง
พอต่ายเห็นเลยจัดการเทเป๊ปซี่ใส่แก้วแล้วยัดใส่มือให้แทน
“กินอันนี้ไป โอเค๊” เด็กโค่งทำสีหน้าแบบขัดใจ แต่ไม่กล้าแย้งกับต่าย เลยจำใจดื่มเป๊ปซี่เสียแทน
“เสียดายว่ะ เลยอดกินลม ชมวิวเลย” แชมบ่น
“นี่ไงวิว” เอกชี้ไปข้างหน้า ซึ่งก็มี ….
รั้วเหล็กดัดสนิมเขรอะกับถนนลาดยาง ที่นานๆทีจะมีรถสวนกันให้ได้ยิน
“แต่แบบนี้ก็ดี บรรยากาศบ้านๆ เงียบๆดี” แกนบอก
บรรยากาศยามดึกนั้นเย็นสบาย มีลมโชยเป็นพักๆ เสียงจักจั่นเรไรร้องกันระงม กลิ่นดินกลิ่นทรายที่พื้นที่พวกเขานั่งกัน นั้นเป็นสิ่งที่หาไม่ได้ ถ้าอยู่ในกรุงเทพ มันเป็นอะไรที่ผ่อนคลายจริงๆ
“อย่ารีบเมาก่อนนะเว้ย โต้รุ่งนะเว้ยรอบนี้” เอกกำชับกับคนอื่นๆ
จริงๆแล้ว จะเรียกว่ารีบเมาก็ไม่ถูก
เรียกว่าอย่าคออ่อนจะดีกว่า
ต่ายส่ายหัวอย่าเบลอๆ หลังภาพตรงหน้าเริ่มเลือนๆ
“มึงเมาแล้วใช่ไหมเนี่ย ไอ้ต่าย”
“ใครมาว ยังเว้ย” ต่ายแก้ตัว พลางโชว์กระดกเบียร์หมดแก้วให้ดู
“แบบนี้นี่แหล่ะเมา อย่างน้อยก็อยู่ในถึงเที่ยงคืนสิวะ” แชมโคลงหัวอย่างปลงๆกับความคออ่อนของเพื่อนคนนี้ ขนาดแค่เบียร์ กินไปไม่กี่แก้วก็เริ่มแล้ว
“กูอยู่ถึงอยู่แล้วน่า จิ๊”
เสียงหัวเราะกับมุขแป้กของเอก ยังคงฮอตฮิตในวงเหล้า(เบียร์) แม้จะผ่านการพูดมาเกือบทุกครั้งที่เมาก็ตาม
“เฮ้ย ไอ้สองคนนั้นอ่ะ สงสารคนไร้คู่หน่อย”
เอกที่กำลังกรึ่มๆ พอเห็นเพื่อนตัวเองกับไอ้รุ่นน้องที่นั่งเงียบมาตั้งนาน กำลังคลอเคลียกัน ก็รีบจับแยก
ถึงตอนแรกจะอยากให้รู้ใจตัวเองซักที แต่พอมาเห็นแบบนี้คนไร้คู่มันก็เหงาเป็นนะเว้ย
“อะไรของมึงเนี่ย” ต่ายบ่น
เขายังไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ มีแต่เจ้าเด็กโค่งนี่ต่างหาก ที่เริ่มมานัวเนีย ไม่อายฟ้าอายดิน
“ว่าแต่ สรุปสองคนมึงนี่ยังไงกันเนี่ย ถึงขั้นไหนแล้ว” แกนถามขึ้นอย่างสงสัย
“ขั้นไหนไรวะ” ต่ายเริ่มลุกลี้ลุกลน คนอื่นๆต่างหรี่ตาใส่กับท่าทางน่าสงสัยนั้น
“กริส เป็นคนสำคัญของกู พอใจยังวะ” พูดอย่างเขินๆ
“เหรอออออออ” เอกลากเสียงยาว ยิ่งเห็นท่าทางของเพื่อน ยิ่งนึกสนุก ดูท่าคนอื่นๆก็คิดไม่ต่างจากเขา แม้กระทั่งโจทก์ร่วมอย่างไทกริส
“ไม่ใช่แฟนเหรอวะ” แชมหันไปหาไทกริส ที่ตีสีหน้านิ่งๆ แต่สายตาทอดมองมาทางต่าย
“..... พวกมึงเมาแล้ว” คนเมาที่สุดพูด แชมหลุดขำอย่างห้ามไม่ได้
สภาพของพวกเขาเรียกเมา สภาพของเพื่อนคนเรียกว่าเมาเละ
“บอกให้เด็กมันชื่นใจหน่อยสิวะ ดูหน้าไทกริสดิ” เอกไล่ต้อน พลางส่งไม้ต่อให้ไทกริส
ต่ายสบตากับไทกริส ซึ่งก็จริงอย่างที่เอกพูด หน้าของไทกริสเหมือนกับครั้งนั้น ลูกหมาขอความรักอีกแล้ว!!
“เกลียดพวกมึง” ต่ายก้มหน้าซ่อนความเขินอาย ไทกริสนี่ก็อีกคน ทั้งๆที่เป็นคนเริ่มก่อนแท้ๆ แต่ทำไมเป็นเขาที่ต้องมารับผิดชอบด้วย
“ต่าย มึงไม่แมนเลย” แชมจี้จุด และดูเหมือนจะได้ผล เมื่อจบประโยคนี้ คนที่ก้มหน้านิ่งกเงยหน้าพรวดขึ้นมา มองหน้าเพื่อนๆอย่างขึงขัง
“มึงจะเอากับกูนักเนี่ย
ถ้าพวกมึงผูกพันกับใครจนมีความรู้สึกว่าปล่อยเขาไปไม่ได้ แปลว่าคนนั้นเป็นคนสำคัญของมึง และนั่นก็คือความรู้สึกของกู นายก็ด้วยไทกริส แฟนเฟินไม่จำเป็นหรอก นายเป็นนายตอนนี้ อยู่ให้พี่ดูแลก็พอ อย่าทิ้งกันไปไหนก็แล้วกัน” พูดหน้าดำหน้าแดง ยิ่งเห็นปฏิกิริยาของเพื่อน เริ่มรู้สึกว่าตัวเองผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่
“ว้าวว พี่ต่ายคนแมนนน ”
“หล่อเลย”
“ให้มันได้แบบนี้ดิ”
“..หึ”
“โอ๊ะ กดไลค์เลย อย่างนี้ต้องจด!”
“เอ้า 9”
“8”
“7”
“6”
“5”
“4”
“3”
“2”
“1”
“0!!!”
“สวัสดีปีใหม่เว้ยยยยยยยย !!” เหล่าชายหนุ่มต่างประสานเสียงกันอย่างพร้อมเพียง พร้อมๆกับชนแก้ว
เสียงเฮฮา ที่ได้ยินแว่วๆ กับพลุที่จุดกันสนั่น
“กระต่าย Happy new year” ไทกริสกระซิบข้างหูอีกคน สำเนียงแบบเจ้าของภาษามาเอง ทำให้ต่ายรู้สึกจั๊กจี๋หูแปลกๆ
“อือ หวัดดีปีใหม่”
“เอามันไปเก็บเลยก็ได้นะ” แชมบอก พยักเพยิดให้เด็กหนุ่มรุ่นน้องรีบเอาเพื่อนของเขาไปเข้านอนเสียที จะให้นอนให้ยุงหามก็คงไม่ไหว
“เดี๋ยวพวกพี่จัดการเอง” แกนสมทบ ไทกริสรับคำ ก่อนจะค่อยพยุงต่ายที่ดูท่าจะไปต่อไม่ไหว
“งืออออออ We Wish You a Merry Ch------ เอิ๊กก”
พอเมานิสัยที่ชอบร้องเพลงก็กลับมา คนที่รู้จักนิสัยนี่ดีต่างชินชากับเรื่องแบบนี้ ไทกริสเองแม้จะเคยเจอแค่ครั้งเดียว แต่ก็รับมือได้
“กระต่ายเดินไหวไหม” เด็กโค่งถามเสียงนุ่ม คนเป็นพี่หรี่ตามอง
“ไหวดิ ไม่ได้เมาขนาดนั้น” คน(ไม่)เมาว่า แต่รอบนี้ ก็ไม่หนักเท่ารอบที่แล้ว เพราะเป็นเบียร์ อีกทั้งต่ายเองก็ไม่ได้ดื่มเยอะเท่าไหร เพราะเมาเสียก่อน อาจจะมีเดินเซบ้าง แต่ถามอะไรก็ตอบได้อยู่
ต่ายเดินสะโหลสะเหลเข้าห้องน้ำไป คนตัวขาวทำท่าจะเข้ามาด้วย แต่ได้ยินเสียงขู่เสียก่อน เลยต้องเบรก
แต่ก็ยืนเฝ้าหน้าห้องน้ำ อย่างกับบอดี้การ์ด
ไม่นานต่ายก็ออกมาพร้อมกับใบหน้าที่เปียกโชกกับชุดนอน สีหน้าดีขึ้น
“โอยยยยย มึนหัว” บ่นออกมา ก่อนจะล้มตัวลงนอน ครางฮือเพราะเหมือนมีอะไรมาทุบในหัว
“กระต่าย กินน้ำก่อน” เด็กโค่งยื่นแก้วน้ำมาให้ ต่ายปรือตาอันแสนหนักหน่วง ก่อนจะรับแก้วนั่นมา ดื่มไปครึ่งแก้วก็คืน
“นายก็ไปอาบน้ำได้แล้ว” โบกมือไล่ร่างโปร่งที่ยืนคิ้วขมวดกับสภาพของเขา แถมพยายามดื้อดึงจะอยู่เฝ้าด้วยซ้ำ
แต่ก็ต้องยอมทำตาม เพราะคำพูดนี้ …….
“รีบๆไปอาบ แล้วมากู้ดไนท์คิส ง่วง” ต่ายพูดเสียงยานคราง
ไม่เกินสิบนาที ร่างเปียกๆของไทกริสก็มาอวดเรือนร่างต่อหน้าต่าย ที่แม้สติจะหลุดหายไปบ้าง แต่ก็ยังพอรู้เรื่องว่าอะไรเป้นอะไร
“ไปแต่งตัวดีๆสิ คิดว่าหุ่นดีไง!” ไทกริสยักคิ้วให้ก่อนจะแต่งตัวตรงหน้ากระต่ายที่นอนคว่ำอยู่
ไม่นาน เตียงก็ยวบลง พร้อมกับวัตถุปริศนา?ที่มาล้มลงนอนข้างๆ เท่านั้นยังไม่พอ ทั้งแขนทั้งมือ กอดก่ายคนที่นอนคว่ำอยู่อย่างเต็มที่
“เกินไปละ ไอ้เด็กบ้า” ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอ ก่อนขาขาวจะยกออกไป แต่แขนยังอยู่ที่เดิม และเริ่มซนกว่าเดิม
“กระต่าย กู้ดไนท์คิส” ไทกริสกระซิบบอก มือลูบเบาๆที่หน้าท้องของต่าย
ต่ายพลิกตัวนอนหงาย มองไทกริสที่ยื่นหน้าเข้ามาพลางยิ้มกริ่ม
จุ๊บ! จ๊วบบ !
ตอนแรกก็กะแค่จุ๊บ แต่เจ้าเด็กโค่งโลภมาก ได้คืบเอาศอกตลอด
.......TBC...
ฺBEVA TALK : รู้สึกว่าตอนนี้ยังแต่งไม่ดีเท่าที่ควร มีหลายๆเรื่องเข้ามารุมเร้า ต้องเดินทางด้วย
เจอกันตอนหน้านะคะ
รักคนอ่าน รักคนเม้นท์
ขอบคุณที่เป็นกำลังใจให้มาตลอดนะคะ