หลงที่ 16 : ทะเล [หมอปาย]
“ ฮ่าๆๆ”
เสียงหัวเราะของคนในห้องดังลั่นทันทีตอนที่ผมเปิดประตูเข้าไปในห้องชุดคอนโดของตัวเอง ด้วยความสงสัยผมจึงค่อยๆสาวเท้าเข้าไปยังที่มาของเสียงทันได้เห็นไอ้เด็กข้างห้องที่วันนี้ทำตัวเป็นเด็กโข่งเพราะนำทีมเป็นหัวหน้าโจกพาเด็กตัวขาวอีกคนเล่นกันอะไรกันก็ไม่รู้ เห็นผุดลุกผุดนั่งอยู่หลายรอบก่อนจะปล่อยเสียงหัวเราะร่วนราวกับว่าสนุกสนานเสียเต็มประดา
ผมคลึงขมับมองภาพตรงหน้าแล้วนึกเวียนหัว สาเหตุที่ทั้งสองมาอยู่ห้องผมได้ก็เพราะว่าหลังจากที่เมื่อวานก่อนผมไปเยี่ยมน้องชายต่างมารดาที่โรงพยาบาลจนได้มีโอกาสเฝ้าไข้ทั้งคืนมันทำให้ผมเปลี่ยนแปลงความคิดบางอย่าง หากเป็นเมื่อก่อนผมคงไม่นึกพิศวาสหรืออยากเข้าใกล้น้องชายที่มีสายเลือดเดียวกันเพียงครึ่งเดียว นั่นเพราะทุกๆครั้งที่เห็นหน้า ‘ปอ’ มันทำให้ผมนึกถึงมารดาผู้ล่วงลับ
มันเป็นความรู้สึกทรมานเมื่อต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่ผมสูญเสียผู้หญิงที่รักที่สุดไปไม่ถึงสามเดือนด้วยซ้ำที่บิดาพาผู้หญิงคนใหม่เข้าบ้านที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือผู้หญิงคนนั้นดันเป็นเพื่อนของผมซ้ำเธอยังอุ้มท้องลูกชายคนใหม่ให้พ่อ
ในตอนนั้นผมโกรธพ่อจนถึงขนาดที่เราไม่พูดกัน ผมเสียใจที่พ่อพาผู้หญิงคนใหม่มาแทนที่แม่ของผมได้เร็วจนน่าตกใจ ยิ่งกว่านั้น ‘ไอลดา’ ซึ่งอุ้มท้องอยู่ดันแสดงท่าทีกับผมในเชิงชู้สาว มันเลยทำให้ผมทั้งเกลียดและขยะแขยงเธอรวมไปถึงเด็กในท้องด้วย
เด็กชาย “ปรมินทร์” หรือ “น้องปอ” เกิดมาท่ามกลางความรักความเอาใจใส่ของบิดา ต่างจากผมที่กลายเป็นไม้เบื่อไม้เมากับพ่อผู้ให้กำเนิด เพราะผมทำทุกอย่างที่บิดาสั่งห้ามเรียกได้ว่าถ้าหากบิดาสั่งให้ไปทางซ้ายผมจะไปทางขวาทันที จนถึงวันหนึ่งที่ความอดทนของแต่ละฝ่ายสิ้นสุด พวกเราระเบิดอารมณ์ใส่กันอย่างรุนแรงผมพลั้งปากในสิ่งที่สงสัยมาตลอดว่าบิดาอาจจะมีส่วนในอุบัติเหตุที่คร่าชีวิตแม่ของผม พ่อโกรธจัดถึงขนาดลงมือกับผมด้วยการตบหน้า ผมจึงก้าวออกจากบ้านหลังนั้นโดยไม่คิดจะหันกลับไปท่ามกลางคนไม่พอใจของบิดา
ประมุขของบ้านตัดขาดความช่วยเหลือผมแทบทุกอย่างในปีแรกๆเพื่อให้ผมซมซานกลับบ้าน แต่เคราะห์ยังดีที่ผมมีเงินเก็บจำนวนหนึ่งของแม่ในธนาคารที่แม่ฝากไว้ให้ตั้งแต่เกิดทำให้ผมใช้ชีวิตอยู่คนเดียวได้ไม่ลำบากนัก ถึงแม้หลังๆมาบิดาจะนำเอาสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆที่บิดาจัดหามาให้โดยผ่านคนกลางอย่างลุงหาญมือขวาของพ่อ
แต่ถึงอย่างนั้นความสัมพันธ์ของผมกับบิดาก็ไม่ได้ดีขึ้นสักเท่าไหร่ ถ้าไม่ใช่เพราะน้องชายต่างมารดาซึ่งวนเวียนอยู่ใกล้ผมตลอด พอรู้ความแล้วเจ้าเด็กนั่นดันรู้สึกรักและอย่างเข้าใกล้ผมอย่างประหลาด วันเกิดของเด็กนั่นทุกปีเจ้านั่นมักโยเยกับทุกคนเพื่อมาฉลองวันเกิดกับผม ทั้งๆที่ผมกับปอเราแทบไม่ได้ใกล้ชิดกันเรียกได้ว่าห่างเหินด้วยซ้ำ แต่ทำไมไม่รู้เด็กตัวขาวที่ผมสร้างกำแพงในใจดันนึกพิศวาสผมนัก ทั้งๆที่ถูกผมตั้งแง่รังเกียจแต่เจ้านั่นกลับอยากเข้าใกล้ผม
ยิ่งถูกผลักไสน้องชายต่างมารดายิ่งอยากเข้าใกล้ผมมากขึ้นเรื่อยๆ
ความใสซื่อไร้เดียงสานั่นค่อยๆทลายกำแพงที่ผมสร้างขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว ยิ่งได้ยินในสิ่งที่ไอ้เด็กข้างห้องพูดกับผมเมื่อวันก่อน ‘
เขายังบริสุทธิ์เกินกว่าจะรู้เรื่องสกปรกของผู้ใหญ่’ ใช่ ปอยังเด็กเกินกว่าจะรับรู้เรื่องของผู้ใหญ่และมันใจร้ายเกินไปถ้าผมจะผลักไสเด็กนั่นเหมือนที่แล้วมา
สุดท้ายผมก็เผลอใจอ่อนยอมให้น้องชายต่างมารดาก้าวเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวแบบนี้ ผมถอนหายใจนึกถึงเมื่อวานที่ปอมีอาการดีขึ้นจนสามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้วลุงหาญจึงเอ่ยขอร้องให้ผมรับเอาเด็กนั่นมาดูแลชั่วคราวระหว่างที่พ่อกับแม่ไปกันคนละทิศละทางแบบนี้ ครันจะให้กลับบ้านที่นั่นก็มีแค่ลุงหาญกับแม่บ้าน หากเกิดงอแงเอาแต่ใจขึ้นมาคนเหล่านั้นคงจะรับมือยาก
สุดท้ายเลยต้องเลยตามเลย แล้วก็ช่างบังเอิญพอพามาอยู่ด้วยกันเข้าคู่กับไอ้เด็กโข่งข้างห้องนี่เหลือเกิน ดูซิพากันเล่นอะไรก็ไม่รู้น่าเวียนหัวฉิบหาย
“ พี่ชาย”
ผมกระพริบตาปริบๆก้มมองเด็กตัวน้อยที่สูงเลยเข่าเขามานิดเดียว มือน้อยๆสองข้างกำลังประคองแก้วน้ำอย่างระมัดระวัง แววตากลมโตกำลังออดอ้อนให้ผมขยับเข้าไปใกล้
“ อะไร”
“ น้องเอาน้ำมาให้พี่ชาย”
ผมเลิกคิ้วอย่างแปลกใจเหลือบตามองไปยังตัวต้นคิดยืนกอดอกพิงเคาน์เตอร์อยู่โน้น ไม่รู้สั่งสอนอะไรเด็กซื่ออย่างปอถึงได้วิ่งตุบตับมาพร้อมกับแก้วน้ำมือเสมือนต้อนรับผมกลับมา
“ พี่ชาย”
มือเล็กกระตุกขากางเกงผมอีกรอบ เลยต้องจำใจย่อตัวไปรับน้ำเย็นฉ่ำจากมือคู่นั้น
“ ขอบใจ”
ปอยิ้มแก้มปริ่มก่อนจะร้องไชโยอย่างดีใจแล้วไปกอดไอ้ตัวต้นคิด พร้อมแท็คมือกันอย่างสนุกสนาน ผมได้แต่ส่ายหน้าอย่างไม่รู้จะทำอะไร จึงเดินเลี่ยงไปยังโซนครัวซึ่งถูกเตรียมอาหารเย็นไว้เรียบร้อยแล้วคงไม่พ้นฝีมือสองคนนั้น ทั้งๆที่รู้จักกันได้แค่วันสองวันแต่ดูเหมือนคู่หูต่างวัยนี่จะสนิทกันกว่าสายเลือดเดียวกันแบบผมซะอีก
“ ทะเล ทะเล้ ทะเล”
...หืม...
“ ทะเลจ๋า”
“.......”
“ โอ้ทะเลแสนงาม”
คราวนี้มาเป็นเพลงผมเลยหรี่ตามองต้นกำเนิดเสียงที่ครางหงุงหงิงเดินวนไปมารอบตัว และเหมือนว่าเจ้าตัวจะรู้ตัวแล้วว่าผมมองอยู่ศีรษะทุยสวยจึงเงยขึ้นพร้อมกับยิ้มแฉ่ง ก่อนจะโผมากอดขาผมอย่างที่เจ้าตัวชอบทำ
“ ทำอะไรปอ”
แววตาใสแจ๋วสบตาผมนิ่ง จนได้แต่ถอนหายใจเพราะผมเพิ่งรู้ความจริงว่าไอ้เด็กนี่อ้อนเก่งขนาดไหน โดยเฉพาะมันรู้ว่าถ้าผมสบตาเมื่อไหร่ผมมักจะใจอ่อนยอบอย่างประหลาด
“ จะขออะไร”
ใบหน้าขาวฉีกยิ้มทันที แสดงว่าที่ทำดีกับผมก่อนหน้านี้หวังผลสินะ
“ ทะเล”
“ อะไรนะ”
“ น้องอยากไปทะเล”
นั่นไงเล่นมาอ้อนขนาดนี้คงอยากได้อะไรสักอย่างจริงๆเหมือนที่ผมคาดเดาเอาไว้ไม่มีผิด
“ ฉันไม่ว่าง”
“......”
ใบหน้าขาวเหยเก แววตากลมโตหรุบลงดูน่าสงสารทั้งริมฝีปากยังเบะกว้างราวกับว่าจะปล่อยเสียงโฮเสียเดี๋ยวนี้ ผมถอนหายใจแรงๆกับปฏิกิริยาแสนงอนแบบนี้เพราะชักจะเริ่มชินเสียแล้ว และพอผมทำไม่สนใจคราวนี้เจ้าของศีรษะทุยสวยก็โผเข้าซุกที่อกซ้ำยังขยับไถหัวไปมาอย่างออดอ้อนสุดชีวิต
...มารยา...
ผมหรี่ตามองต้นฉบับเจ้ามารยาที่ทำเป็นนั่งเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่โซฟาโน่น แล้วผมก็เห็นริมฝีปากมันขยับยิ้ม นี่คงสอนกันมาสินะ
หึ ผมกระตุกยิ้มมุมปาก และนึกแปลกใจตัวเองที่ยิ้มง่ายกับเรื่องแบบนี้
“ ปอ”
“ ไปทะเล”
คราวนี้เล่นปืนขึ้นตัวผมมือทั้งสองข้างรัดคอผมแน่น ซ้ำขายังเกี่ยวเอวผมเอาไว้เรียกได้ว่าเกาะไม่ปล่อยแน่นอน ครันจะลุกหนีก็กลัวเจ้านี่จะตกจึงจำใจโอบอุ้มเอาไว้
...เจ้าเล่ห์นักไอ้เด็กนี่...
“ ฮ่าๆ”
ผมตวัดมองไปยังต้นกำเนิดเสียงที่ขยับปากหัวเราะอย่างขบขัน ผมเลยชี้นิ้วใส่มันอย่างคาดโทษ แต่ก็ไม่ถนัดนักเมื่อเจ้าเด็กนี่เล่นเกาะหนึบขนาดนี้ หากเป็นเมื่อก่อนผมคงตวาดลั่นแล้วไล่ตัวป่วนนี่ให้กลัวจนหัวหด แต่นี่อะไรแค่ได้ดูแลกันวันสองวันทำไมผมถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้
ความเดียงสานี่ทลายกำแพงที่แข็งแรงได้จริงๆเหรอ
“ พี่ชาย” ปอกระซิบข้างหูผมคล้ายกำลังกล่อมอะไรสักอย่าง “น้องอยากไปทะเล ทะเลมีหาดสวย มีคุณปูด้วย น้องอยากไปจับคุณปู”
“ แล้วไง”
“ ทะเลสวย”
แล้วก็ทำตาปริบๆได้อย่างน่ารักน่าชัง
“ แล้วถ้าไม่ได้ไปล่ะ”
“ น้องเสียใจ”
คราวนี้ทำหน้าเบ้ “ ทะเลสวยนะพี่ชาย” แล้วเอาหน้าผากมาสีไหล่ผมอีกที
จริงๆน้าไอ้เด็กนี่ ผมถอนหายใจแรงๆรู้สึกว่าเด็กนี่ชักจะรับมือยากขึ้นทุกวัน ‘ เด็กบ้านี่อะไรจะอ้อนเก่งขนาดนี้วะ ให้ตายเถอะ’
“ พี่ชาย” ปอทำเสียงอ่อย
“ เฮ้ย”
“ น้องอยากไปทะเล”
ผมถอนหายใจครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้
“ อยากไปทะเล” กระซิบข้างหูผมอีกครั้ง
“ โอเคไปทะเล” สุดท้ายก็รับคำไปอย่างเผลอไผล
คราวนี้ไอ้เด็กข้างห้องหัวเราะดังลั่น “ หมอแพ้เด็กแล้วครับ”
“ เออ”
ผมสบถเมื่อเด็กขี้อ้อนไถลลงจากตัวผมแล้ววิ่งปรู๊ดไปหาคู่หูต่างวัยแล้วพากันชี้ชวนดูที่พักในจอแท็ปเล็ตราวกับว่าตระเตรียมกันเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
...นี่ผมเสียรู้เด็กพวกนี้เหรอวะ ให้ตายเถอะ...
.
.
“ กลับห้องมึงไปเลย”
ผมชี้นิ้วไล่ไอ้ยิมกลับห้องมันไปหลังจากจำใจตกลงกับเด็กน้อยว่าจะไปทะเลกันพรุ่งนี้ซึ่งตรงกับช่วงเสาร์อาทิตย์ซ้ำวันจันทร์ยังเป็นวันหยุดชดเชยตามเทศกาล พอได้ยินคำตอบน่าสนใจตัวป่วนก็ทำตัวดีทันทีคือหลังจากกินข้าวเรียบร้อยแล้วก็วิ่งตุบตับไปอาบน้ำเองดีว่าปอถูกสอนให้ดูแลตัวเองมาตั้งแต่เด็กๆ ถึงแม้รอบกายจะพรั่งพร้อมไปด้วยบริวารมากมาย แต่เด็กนี่ยังเรียนรู้ที่จะทำอะไรด้วยตัวเองยกเว้นแต่ตอนที่งอแงเท่านั้นที่จะเอาแต่ใจเพราะมีแต่คนที่ตามใจตลอดเวลา
“ หมอ”
คราวนี้เป็นเด็กโข่งที่ทำหน้าออดอ้อนบ้าง แต่มันไม่ได้น่ารักน่าชังเหมือนปอซ้ำยังทำเอาขนลุกแปลกๆสิ่งที่มันทำไม่ได้น่าเกลียดอะไรตรงกันข้ามมันดูดีมาก ดูดีเกินไปพาลให้หัวใจผมพยศเจ้าของมันแบบนี้ หากว่ามันไปทำหน้าตาออดอ้อนสาวๆขี้คร้านผู้หญิงคงติดกันเป็นพรวน ผมไม่อยากจะยอมรับหรอกว่าคนอย่างไอ้ยิมมันเป็นผู้ชายดูดีถ้าจะพูดให้ถูกมันคงหล่อแบบพิมพ์นิยมสาวๆ เพราะบุคลิกที่ดูสดใสขี้เล่นบางทีก็กวนตีนทำให้กลายเป็นอีกคนที่น่าสนใจ
มันเป็นผู้ชายที่มีหลากหลายบุคลิกในตัว มีหลายด้านที่น่าประหลาดใจ เป็นผู้ชายยียวนกวนตีนเมื่ออยู่กับผม บางทีก็เจ้าเล่ห์และตรงไปตรงมาจนคาดไม่ถึง พออยู่กับปอกลับเป็นผู้ชายที่อบอุ่นดูเหมือนพี่ชายใจดี เดาได้ไม่ยากว่าน้องบัวคงโชคดีไม่น้อยที่มีพี่ชายอย่างมัน
“ หมอครับ”
“ กลับห้องไป”
“ครับ”
มันยิ้มๆแล้วทำเนียนเดินเข้าห้องนอนของผมไปเฉย
“ ไอ้ยิม” มันยิ้มทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ได้โคตรกวนตีน
“ ห้องมึงไม่ใช่ห้องนอนกู”
ผมชี้นิ้วไปที่ประตูทางออก
“ อะไรนะ” มันทำเสียงเหมือนคุยกับใครบางคน “ อ๋อ ให้พี่ยิมแต่งตัวให้เหรอครับ”
ผมทำหน้างง
“ ได้สิครับ เดี๋ยวพี่ยิมเข้าไปช่วยน้า” มันหันมาขยิบตาให้ผมก่อนเดินตัวปลิวเข้าไปในห้องนอนผมเฉย ปล่อยให้ผมยืนอ้าปากค้างในความเนียนของมัน เพราะก่อนหน้านี้ผมยังไม่ได้ยินเสียงอะไรนอกจากที่มันพูดเองเออเอง
...ไอ้ตอแหล...
ผมได้แต่นึกเข่นเขี้ยวในใจ
**************************************************
[ยิม]
ผมพยายามกลั้นขำสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของหมอเพราะน้องปอที่ถูกปลุกให้ลุกแต่เช้าดันงอแงเพราะความง่วงกว่าจะพาไปอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็เล่นเอาเหนื่อยซ้ำยังหลับคอพับคออ่อนเกาะหมอปายจนแน่นไม่ปล่อย สุดท้ายผมเลยต้องทำหน้าที่เป็นสารถีไปโดยปริยาย หมอทำหน้าหงิกเมื่อเห็นผมทำหน้ายิ้มมาตั้งแต่เช้ามันจะแปลกอะไรถ้าหากผมจะยิ้มเพราะมีความสุข...ความสุขที่เกิดจากหมอ...
หมอปายคงไม่รู้ว่านับวันเขาจะเข้ามายึดพื้นที่ในหัวใจผมมากขึ้น มากเกินกว่าคำว่าชอบไปไกลแล้ว หลังจากผ่านช่วงเวลาที่แย่ที่สุดจากการเปลี่ยนสถานะจากคนรักเป็นแค่เพื่อนกัน นัตตี้โทรหาผมสองครั้งพร้อมกับคำขอโทษเช่นเดิม แต่ผมไม่ได้ติดใจอะไรอีกแล้ว ผมพร้อมที่จะให้อภัยทุกสิ่งทุกอย่างซ้ำยังนึกขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้ผมเจอกับหมอ
เพียงไม่นานที่รู้จักกันผมกลับรู้สึกว่าผมรู้จักหมอมานานแล้ว ยิ่งได้รู้ว่าภายใต้ใบหน้าเฉยชากลับซ่อนความอบอุ่นไว้มากมาย ผมอิจฉาไม่น้อยที่ปอได้รับความอบอุ่นที่หมอมอบให้ถึงแม้หมอจะดูเย็นชาและเว้นระยะห่างกับน้องชายต่างมารดา แต่แววตาคู่นั้นกลับดูห่วงใย ผมเคยบอกแล้วว่าหมอเป็นผู้ชายที่มีรอยยิ้มและดวงตาสวย เป็นผู้ชายโครงหน้าเรียวบางมุมดูหล่อเหลาน่าค้นหา อีกมุมก็ดูสวยงามอย่างประหลาด ดังนั้นเวลาที่หมอยิ้มทั้งปากทั้งตามันอดทำให้ผมยิ้มตามทุกที
หมอรู้มั้ยว่าหมอเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์มาก
“ หมอ”
“อะไร”
“ หมอรู้ตัวมั้ยว่าหมอยิ้มสวย”
หมอรีบหุบยิ้มทันที แต่ไม่ทันเสียแล้วในเมื่อผมเห็นหมอยิ้มให้ปอที่หลับตาพริ้มในอ้อมกอดหมอ
“ ยิ้มบ่อยๆสิครับ”
“ พูดบ้าอะไร” หมอพยายามเปลี่ยนเรื่องมองออกไปนอกหน้าต่าง
“ ผมหวงนะ” ผมพูดยิ้มๆ “ หมออย่ายิ้มแบบนี้กับใครอีกนะ”
“ เรื่องของกู”
“ ครับ”
ผมขยิบตาให้ “ สักวันหนึ่งจะทำให้มันเป็นเรื่องของเรา”
“ พูดมากมึงขับรถตาก็มองไปถนนโน้น”
ผมหัวเราะร่วน
“ หมอ”
“ อะไรอีก”
“ ผมขอจีบหมอนะ” ผมเหลือบตามองหมอที่นิ่งเงียบไปนานจนได้ยินแต่เสียงแอร์ดังหึ่งๆ
“ แล้วที่ผ่านมามึงไม่ได้จีบรึยังไง” ...เชี่ย...
ผมเหยียบเบรกกะทันหัน หมอร้องโวยวายทำเอาน้องปอตื่นแต่ยังงัวเงียเลยทำท่าจะหลับต่อ ผมพึมพำขอโทษก่อนยิ้มระรื่นทั้งที่โดนหมอด่าเสียงดังลั่น
ผมฮัมเพลงไปเรื่อยโดยมีสายตาของหมอปายมองปรามๆ เมื่อสุดท้ายห้ามผมไม่ได้หมอเลยสะบัดหน้าหนีมองออกไปนอกหน้าต่างรถ
“หมอ”
“......”
“ ผมถือว่าหมอรับรู้แล้วว่าผมจะจีบหมอ”
“ เหอะ”
หมอทำเสียงในลำคอ
“ เตรียมใจให้ดีนะหมอ” หมอเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม “ ครั้งนี้ผมเอาจริง”
ผมขยิบตาให้หมอ
น่าแปลกที่ครั้งนี้หมอไม่ยักกะตอบโต้นอกจากหันไปยิ้มให้กับกระจกข้างรถ
ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผู้ชนะในการแข่งขันวิ่งยังไงไม่รู้
...รู้สึกดีเป็นบ้า...ฮิ้วๆๆๆๆๆๆ หลงกาว(น์)มั้ยล่ะตอนนี้ 55555++++
มีความเอ็นดูน้องปอของพี่ปาย ทำไมน่ารักน่าเอ็นดูแบบเน้คะเด็กน้อย 
ปล1.ขอแจ้งข่าวว่าจะงดอัพหนึ่งอาทิตย์เนื่องจากติดซ้อมรับปริญญาค่ะ ใครว่างๆไปเจอกันที่จุฬาฯได้น้า ^^
ปล2.เจอกันตอนหน้าวันจันทร์หน้านะจ๊ะ
ปล3.อ่านแล้วเม้นท์ด้วยน้า หนึ่งความคิดเห็นคิดเห็นกำลังใจให้นักเขียนจ้า