หลงที่ 18 : หลงกาว(น์) “ ไปทะเลมาเหรอ”
ผมเงยหน้าจากแอพพลิเคชั่นซึ่งใช้สำหรับโพสรูปภาพอย่างอินสตราแกรมซึ่งล่าสุดผมอัพรูปถ่ายทะเลยามค่ำไปเมื่อเช้า แล้วพยักหน้าตอบคำถามอั้ม ก็จะไม่ให้สงสัยได้ยังไงในเมื่อผมหิ้วของฝากจากทะเลมาฝากมันด้วย อั้มนิ่งไปมันทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็เงียบไปก่อนจะคลึงพวงกุญแจเปลือกหอยในมือเล่น เห็นของฝากดังกล่าวแล้วนึกถึงปอเพราะเจ้านั่นร่ำร้องจะเอาให้ได้จนอ้อนให้ผมซื้อให้สุดท้ายเลยต้องหอบซื้อมาเผื่ออั้มกับหยกมันด้วย
ทริปทะเลจบลงเมื่อคืนที่ผ่านมาซึ่งเพื่อนข้างห้องอาสาขับรถมาให้จนมันจอดสนิทอยู่ใต้คอนโด ลุงหาญมารับปอกลับตั้งแต่หัวค่ำเพื่อพาเจ้านั่นกลับบ้านใหญ่ แต่ปอก็งอแงอยู่นานต้องใช้สารพัดวิธีงัดมาปลอบใจกว่าใบหน้าขาวที่เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตาเพราะต้องถูกแยกกลับไปจะดีขึ้น นึกแล้วก็ยังอดขำไม่ได้เพราะปอคาดคั้นเกี่ยวก้อยสัญญากับผมเป็นนานสองนานว่าให้ไปหาที่บ้านทุกอาทิตย์จนผมต้องรับคำนั่นแหละเด็กนั่นถึงอิดออดกลับไปพร้อมลุงหาญ
ทุกอย่างกลับมาสู่สภาวะปกติหลังจากกลับจากทะเลจะมีก็แต่ท่าทีที่เปลี่ยนไปของเพื่อนข้างห้อง ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ยังจะเรียกมันเป็นแค่ ‘คนรู้จัก’ ได้รึเปล่า เพราะผมไม่สามารถนิยามความสัมพันธ์ของเราตอนนี้ได้เลย รู้แต่ว่า ‘มัน’ มีอิทธิพลกับความรู้สึกผม ตั้งแต่วันที่มันบอกว่าจะจีบผมและมันก็ได้ลงมือทำจริงๆบอกเลยว่าผมใจเต้นแรงทุกครั้ง เพราะทุกการกระทำของมันสั่นสะเทือนต่อหัวใจผมจริงๆ ทั้งๆที่ผมคิดมาตลอดว่าผมคงจะไม่เปิดใจให้ใครเข้ามาอีกแล้ว และผมก็ไม่คิดว่าผู้ชายเพศเดียวกันแท้ๆจะสั่นคลอนความรู้สึกของผมได้
คิดแล้วก็ได้แต่ปลงตก เฮ้ย บางครั้งมันก็เหนื่อยยากเหลือเกินกับการยอมรับว่าหัวใจผมกลับมาเต้นไม่เป็นจังหวะอีกครั้ง
“ ไปกับใครเหรอ”
อั้มนิ่งไปนานแล้วถามขึ้นอีกครั้ง มันดูเป็นคำถามธรรมดาน้ำเสียงก็ดูเรียบเฉยไม่ได้มีนัยยะอะไร แต่แววตาภายใต้กรอบแว่นกลับดูเศร้าแปลกๆ อั้มมันหรุบตามองพื้นอาการเหล่านั้นทำให้อดถอนหายใจตามไม่ได้
“ อั้ม”
“ มันยากนะ” มันพูดช้า “ยากจริงๆว่ะที่ต้องยอมรับ”
“ มึงจะพูดอะไร”
มันหันมายิ้มให้ผมถึงเป็นรอยยิ้มที่ฝืดเฝื่อนเหลือเกิน “ เจ็บเหมือนกันนะโว้ยที่วันนี้มันมาถึงแล้ว วันที่กูต้องยอมรับว่ามึงเปิดใจให้คนอื่นแล้ว สุดท้ายกูก็ต้องยอมรับความจริงว่าเป็นได้แค่เพื่อนมึง”
“......”
“ มึงรู้มั้ยว่าต่อให้มึงปฏิเสธกูทุกครั้งกูก็ยังมีความหวังมาตลอด จนเมื่อเช้าที่กูเห็นมึงมากับคนอื่น ไอ้เด็กนั่นโคตรโชคดีเลยว่ะที่ทำให้มึงกลับมายิ้มได้อีกครั้ง”
ผมคลึงขมับนึกถึงเหตุการณ์เมื่อเช้าที่ยิมขอติดรถมาด้วย และอั้มมันคงบังเอิญเห็นเข้า
“ อั้ม”
ผมเอื้อมมือไปตบบ่ามัน “ กูขอโทษที่ทำให้มึงรู้สึกไม่ดี”
มันส่ายหน้าก่อนจะเอื้อมมือคว้าข้อมือผมเอาไว้ “ กูยอมรับว่าเสียใจและยังทำใจไม่ได้ว่าคนที่ยืนอยู่ข้างมึงไม่ใช่กู แต่กูไม่เคยโกรธมึงเลย กูคิดกูหวังของกูเองทั้งๆที่ก็รู้ดีว่าสุดท้ายแล้วมันไม่มีอะไรทำให้ความสัมพันธ์ของเราขยับเข้าไปใกล้กันมากกว่าคำว่า ‘เพื่อน’ ”
“ ขอเวลากูหน่อย ขอให้กูทำใจหน่อย”
ผมลูบบ่ามันเบาๆ เมื่อจับได้ถึงน้ำเสียงสั่นเครือ “ได้สิ ถ้าเพื่อนขอทำไมกูจะให้ไม่ได้ มึงโกรธกูได้นะอั้มที่กูตอบรับมึงไม่ได้ แต่ขอเถอะนะอย่าโกรธกูนานได้มั้ย สำหรับกูแล้วกูขาดเพื่อนแบบมึงไม่ได้จริงๆ”
“ อืม”
ผมสวมกอดมันแล้วนึกถึงเรื่องราวตั้งแต่เด็ก ผมมีเพื่อนคนแรกคืออั้ม และมันเป็นเพื่อนคนเดียวที่อยู่เคียงข้างผมมาตลอดไม่ว่าจะเจอกับเรื่องร้ายแรงขนาดไหน มันก็ยังอยู่ที่เดิมถ้าผมต้องเสียมันไปเพราะเรื่องนี้ผมคงทนไม่ได้เช่นกัน
“ ไม่นานหรอกปาย...กูสัญญาว่าจะกลับมาเป็นเพื่อนมึงเหมือนเดิม”
มันลูบศีรษะผมแบบที่ชอบทำเหมือนเมื่อครั้งอดีต ก่อนที่เราจะเผลอหัวเราะออกมาพร้อมกันถึงสีหน้ามันอยากจะร้องไห้เต็มแก่ แต่แววตามันบอกผมว่า ‘อีกไม่นาน’ จริงๆที่เราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม
.
.
.
“ ปาย อั้ม”
หยกวิ่งหน้าบานมาแต่ไกลก่อนจะหยุดชะงักหน้าเจื่อนลงเมื่ออั้มกำลังผุดลงขึ้นเดินสวนออกไป เพราะเข้าใจผิดว่าอั้มมันไม่อยากคุยด้วยจนหน้าเสีย อั้มมันเลยหยุดอยู่หน้าหยกก่อนจะยิ้มบางๆให้
“ กูไปเข้าห้องน้ำ เดี๋ยวกลับมา”
หยกพยักหน้ารับยิ้มน้อยๆ ตอนที่มือของอั้มโยกศีรษะมันเบาด้วยท่าทางอ่อนโยน
“ อื้ม”
“ อะแฮ่ม”
ผมทำเสียงในลำคอเมื่อเห็นเพื่อนตัวน้อยยืนมองตามแผ่นหลังอั้มไปแล้วยิ้มน้อยๆ
“ ไงหยก”
“ ไม่ไงหรอกปาย” หยกยิ้มๆทำลอยหน้าลอยตาก่อนจะทำตาโตเหมือนเพิ่งนึกอะไรได้แล้วแล้วล้วงแท็บเล็ตในกระเป๋าออกมา
“ เออปายดูนี่สิ”
“ อะไร”
หยดเปิดเข้าไปในเพจคิ้วท์บอยซึ่งเป็นเพจที่มักมีคนแอบถ่ายรูปผมไปลง ที่ผมรู้เพราะหยกนี่แหละที่คอยเล่าให้ฟัง แต่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรทั้งๆที่เป็นคนชอบความเป็นส่วนตัวขนาดนี้ ผมมองตามนิ้วของหยกไปเห็นรูปๆหนึ่งพร้อมแคปชั่นแปลกๆ
Status : ‘ เอาแหล่ว อะไรยังไงจ๊ะหนุ่มๆ cuteboy’
ภาพตรงหน้าเป็นภาพแคปหน้าจออินสตราแกรมส่วนตัวของใครคนหนึ่งซึ่งโพสภาพเสื้อกาวน์พร้อมแคปชั่นสั้นๆว่า
“หลงกาว(น์)” ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าของไอจียังแท็คชื่อผมตรงบริเวณเสื้ออีกด้วย ภาพนั้นพาให้หัวใจผมสั่นระรัววูบวาบไปหมด บอกตรงๆว่ามันไม่ได้เลวร้ายเกินรับไหว ตรงกันข้ามมันรู้สึกอุ่นๆในใจ และเหนือสิ่งอื่นใดผมสัมผัสได้ว่าใครบางคนกำลังสื่อสารอะไรกับผม
มันกำลังจะบอกอะไรผมสักอย่าง
“ ปาย” หยกเขย่าไหล่ผมแรงๆเพื่อดึงสติผมให้กลับมา “ ปายทำไมนิ่งไปอ่ะ”
“ เปล่านี่”
“ โกหก” หยกยิ้มเผล่ “ มีอะไรจะเล่าให้ฟังรึเปล่า” สีหน้าแววตาหยกเหมือนพอจะเดาอะไรบางอย่างออก
“ ไม่มีอะไรนี่” หยกกอดอกหรี่ตามองผมยิ้มๆ “ ถ้าเป็นคนเดียวกับที่มาพร้อมปายเมื่อเช้าก็หล่อดีนะ”
“ หยก”
“ แสดงว่าคนเดียวกัน” หยกหัวเราะจนผมหน้าร้อนไปหมด “ เด็กนั่นคงมีอะไรดีๆสินะ”
“ ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ”
“ จีบกันมาได้สักพักแล้วสิ”
“ มันก็แค่เด็กข้างห้อง” หยกปิดปากเมื่อผมหลุดปากอธิบาย “ไม่มีอะไรทั้งนั้น”
“ มี”
หยกพูดยิ้มๆ “รับมือยากแล้วล่ะปาย...เพราะเด็กนั่นเล่นประกาศจีบขนาดนี้”
ผมถอนหายใจแรงๆนึกอยากจะด่าตัวต้นเรื่องที่มันทำอะไรพิเรนทร์แบบนี้ ก่อนหน้านี้นเห็นเขาโพสรูปทะเลจนต้องจำใจกดติดตามไอจีอีกฝ่าย ใครจะไปคิดว่ามันจะโพสอะไรอุตริแบบนี้ซ้ำยังแท็คผมมาอีกเป็นใครก็ต้องคิดว่าระหว่างผมกับมันคงมีสถานะพิเศษระหว่างกัน
บ้าเอ้ย ผมหัวเสียและมันคงจะบ้าจริงๆที่รู้สึกว่าใบหน้าตัวเองมันกระตุกแปลกๆ
แล้วนี่ผมจะยิ้มทำไมวะ ผมนึกรำคาญปฏิกิริยาประหลาดของตัวเองที่พยายามแค่ไหนทำไมถึงรู้สึกว่าหุบยิ้มลงไม่ได้เลย.....แม่งเอ้ย....
*** ก่อนต้องขออภัยที่บอกว่าจะอัพวันจันทร์( เมื่อวาน) พอติดธุระค่ะ เลยยกยอดมาวันนี้แทนนะ***
เอาไปแค่นี้ก่อน ที่เหลือให้เวลาพักให้หุบยิ้มกันบ้าง โฮ๊ะๆๆๆๆ
ปล. รูปไม่ค่อยชัดเลยอ่ะ ยังไงตามไปดูเต็มๆที่เพจนะคะ 
หนึ่งความคิดเห็นคือหนึ่งกำลังใจสำหรับคนเขียนนะคะ