หลงที่ 21 : อยากมีแฟนเรียน ‘นิเทศ’ [หมอปาย]
“ ปอ”
ผมทำเสียงขุ่นเท้าสะเอวมองตัวต้นเหตุที่ทำให้ของขึ้นแต่เช้าซึ่งกำลังส่ายเอวดุ๊กดิ๊ก ปอยิ้มทะเล้นใส่นอกจากจะไม่ฟังเสียงผมแล้วยังวิ่งหลีกหนีผ้าเช็ดตัวที่ผมกางรอท่าเจ้าตัวแสบที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ ร่างเปล่าเปลือยของเด็กตัวขาวนี่วิ่งฉิวไปผึ่งพุงสะบัดเกี๊ยวของตัวเองอยู่หน้าทีวีท่าทางน่าตีไม่น้อย
“ พี่ชายจับน้องให้ได้สิ”
“ ทำไมซนจังวะ”
ผมสบถยิ่งเหลือบตาไปมองไอ้ยิมซึ่งทำหน้าที่อาบน้ำให้ปอ แต่สภาพมันออกจากห้องน้ำมาเปียกปอนไปทั้งตัวราวกับว่าไปเป็นคนอาบซะเอง ดูสิเนื้อตัวเปียกโชคซะขนาดนั้น
“ หมอให้ปอกินอะไรเนี่ย คึกตั้งแต่เช้าเลย ปกติอาบเองได้ วันนี้นึกยังไงไม่รู้ว่าชวนเล่นน้ำซ้ำยังสาดน้ำใส่ผมโครมๆ”
มันเขย่าชายเสื้อที่เปียกชุ่มไปมา สภาพที่เห็นชวนขบขันไม่น้อย
“ ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าไป”
“ ครับ”
มันรับคำแต่เหมือนมันนึกอะไรขึ้นได้จึงหันกลับมาถามผม “ ว่าแต่หมอจะกางผ้าเช็ดตัวรอเช็ดตัวให้ผมป่ะ”
“ ตีน”
พูดไม่พอผมยังยกปลายเท้าใส่มันเป็นการยืนยัน ไอ้คนชอบแหย่เลยรีบหลบฉากไปทันทีพร้อมเสียงหัวเราะร่วน หลังจากนั้นผมจึงหันมาจัดการตัวป่วนของเช้านี้
“ ปอ”
“ ครับ”
รับคำเสียงใสเชียว
“ มานี่”
ปอพยักหน้าหงึกหงักเมื่อเห็นผมเอาจริงเลยรีบวิ่งตุบตับมาเกาะขาผมแล้วมารยาออดอ้อนที่ทำแล้วได้ผลทุกครั้ง กว่าจะแต่งตัวให้ปอเสร็จก็พอดีมันอาบน้ำแต่งตัวออกมาพอดี วันนี้ผมตื่นตั้งแต่เช้า จริงๆแล้วจะเรียกว่า‘ตื่น’ คงไม่ถูกเพราะผมยังไม่ได้นอนเลยตั้งแต่ตื่นมาคุยกับมันตอนดึกสงัด ไม่ใช่ว่านอนไม่หลับหรืออะไร แต่ผมต้องอ่านหนังสือไปทะเลาะกับมันไปนั่นแหละ
จริงๆแล้วการอดนอนถือเป็นเรื่องธรรมดาของนิสิตแพทย์โดยเฉพาะช่วงสอบที่พวกเราแทบจะหัวหมุนถึงอย่างนั้นผมก็ชินซะแล้ว เพราะผมเป็นคนเลือกเส้นทางนี้เองแม้จะเหนื่อยยากลำบากแค่ไหนผมก็พร้อมจะอดทน เหมือนที่ใครๆบอกว่าถ้าได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักย่อมต้องอดทนเพื่อให้อยู่กับสิ่งที่รักได้ นั่นอาจจะรวมถึง ‘มัน’ ด้วย มันที่ว่าก็ไอ้เด็กข้างห้องเจ้าของใบหน้ากวนๆนั่นแหละ น่าแปลกที่ผมโคตรอุ่นในเวลาที่อยู่ใกล้มัน และยิ่งแปลกไปกว่านั้นคือผมเองเป็นคนยอมให้มันก้าวเข้ามายึดครองพื้นที่ในใจของผมซะแล้ว
ตลอดชีวิตที่ผ่านมาของผมไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมารู้สึกดีๆกับผู้ชาย ไม่เคยคิดว่าคนที่เคยมีแฟนเป็นผู้หญิงมาก่อนแบบผมจะมาใจเต้นแรงกับเพศเดียวกัน แต่ทุกอย่างก็เกิดขึ้นแล้ว ผมยอมรับว่าชอบและรู้สึกดีกับมัน ยิ่งไปกว่านั้นมันเป็นผู้ชายคนแรกที่ทำให้ผมอ่อนไหวทุกครั้งที่อยู่ใกล้กัน ทำให้มีความสุขทุกครั้งที่ได้คิดถึงคงไม่ต่างจากมันที่พูดและแสดงออกว่ามันคิดกับผมยังไง
...และถ้าวันไหนผมมีความกล้ามากพอ ผมจะบอกทุกอย่างที่รู้สึกให้มันได้รับรู้...
“ หมอจะไปไหนเหรอครับ”
“ เดี๋ยวถึงแล้วก็รู้”
ผมตอบยิ้มๆก่อนจะหันไปสนใจถนนข้างหน้า หลังจากเช้าที่วุ่นวาย มันและปอก็ขึ้นรถมาแบบงงๆก่อนที่ผมจะขับพาทั้งสองมุ่งสู่ถนนนอกเมือง จากตึกสูงใหญ่ค่อยๆกลายเป็นชุมชนหมู่บ้านแถบชานเมืองเมื่อถึงจุดหมายผมจึงจอดรถนิ่งสนิทอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งซึ่งบรรยากาศโดยรอบดูนิ่งสงบ
ไอ้ยิมมันทำหน้าไม่ค่อยเข้าใจนักแต่ก็ตามผมไปซื้อพวงมาลัยที่มีชาวบ้านร้อยขายอยู่ตรงทางเข้า ไม่นานหลังจากนั้นปอที่หลับมาตลอดทางก็ตื่นขึ้นก่อนจะมองไปรอบๆ
เด็กน้อยงึมงำ “ น้องเคยมากับคุณพ่อ”
“ มากันสองคนเหรอ”
ปอพยักหน้าหงึกหงัก “ แอบหนีแม่ไอมาฮะ คุณพ่อบอกว่ารักที่นี่ เพราะแม่ใหญ่อยู่ที่นี่”
“ ว่ายังไงนะ”
ผมขมวดคิ้วนึกประหลาดใจเพราะนึกไม่ถึงว่าบิดาจะเคยพาปอมานี่ที่ และยิ่งไปกว่านั้นผมยังประหลาดใจกับคำพูดในตอนท้ายของปอ
“ แม่ใหญ่อยู่ที่นี่ คุณพ่อรักแม่ใหญ่”
“ ไม่จริง”
ปอทำหน้านึกๆก่อนจะชี้ไปทางธาตุเก็บอัฐิด้านหลังวัด “ คุณพ่อบอกว่าแม่ใหญ่อยู่ที่นี่ คุณพ่อพาน้องมาไหว้แม่ใหญ่ บอกให้น้องเป็นเด็กดีเหมือนพี่ชายแล้วแม่ใหญ่จะได้คุ้มครอง”
ผมเบือนหน้าหนีรู้สึกได้ถึงขอบตาที่ร้อนผ่าว ซ้ำยังจุกๆในลำคอบอกไม่ถูก จนกระทั่งยิมมันแตะบ่าผมเบาๆ รอยยิ้มของมันทำให้ความรู้สึกอึดอัดใจหายไปราวกับว่าไม่เคยเกิดขึ้น เหมืองปอจะคุ้นเคยที่นี่ถึงขนาดรู้จักกับเด็กวัดที่เดินผ่านมาพอดี เด็กนั่นจึงอ้อนขอเล่นรอตรงลานวัดกับเพื่อนวัยเดียวกัน
บรรยากาศวัดในสุดสัปดาห์ช่วงสายยังเงียบสงัดเห็นแต่ภิกษุรูปหนึ่งกวาดลานวัดอยู่ไม่ไกล ผมสาวเท้าไปยังจุดหมายซึ่งเป็นที่ตั้งของธาตุหินอ่อนขาวบริสุทธิ์หลังใหญ่ตั้งอยู่ใต้ต้นไม้ที่ให้ร่มเงา ทุกอย่างรอบตัวเงียบงันจนได้ยินเสียงลมพัดผ่านรอบกาย ผมวางพวงมาลัยลงที่พานแล้วสบตากับผู้หญิงในรูปที่แปะอยู่หน้าธาตุ ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนจะผ่านออกมาทางแววตาคู่นั้น เหมือนว่าแม่กำลังมองผมอยู่เหมือนกัน
“ แม่ของหมอสวยจังเลยนะครับ”
ใช่ สวยมาก แม่เป็นผู้หญิงที่งดงามทั้งร่างกายและจิตใจ แต่เสียดายสวรรค์ให้เวลาเธอน้อยไปหน่อย เธอถึงจากผมไปอย่างรวดเร็วทิ้งให้คนที่อยู่ข้างหลังได้แต่จดจำวันเวลาที่สวยงามนั้น
“ ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหมอถึงยิ้มสวยนัก” ยิมมันยิ้มน้อยๆก่อนจะวางพวงมาลัยใส่พานแล้วยกมือไหว้แม่อย่างตั้งใจ
“ ผมเชื่อว่าถ้าคุณน้ายังอยู่จะต้องภาคภูมิใจที่ลูกชายคุณน้าเก่งขนาดนี้”
มันสบตากับผมแล้วยิ้มกว้าง
“ หมอปายเป็นคนยิ้มยากครับ แต่ผมกลับรู้สึกว่าเขาเป็นคนอ่อนโยนเหลือเกิน คุณน้าเลี้ยงดูเขามาดีมากครับ เพราะลูกชายที่แสนเย็นชาของคุณน้ากลับพร้อมจะหยิบยื่นความหวังดีให้ใครต่อใคร เขาทำแผลให้ผมอย่างเบามือ เขาใส่ใจคนไข้เหมือนเป็นญาติ และเอ็นดูคนที่แม้จะเข้ามาแย่งความรักความอบอุ่นที่เขาควรได้รับ”
ผมเบือนหน้าหนี
“ ขอบคุณที่คุณน้าคลอดเขาออกมา และดูแลอย่างดี ขอบคุณที่ทำให้ผมกับหมอได้เจอกัน”
“ พอเถอะ”
ผมพูดเสียงแผ่วแต่มันกลับยิ้มเฉยแล้วกุมข้อมือผมแน่น
“ คุณน้าครับผมขออนุญาตกุมมือลูกชายคุณน้านะครับ” มันสอดนิ้วประสานกันทำให้มือของเรากุมกันแน่น “ ผมคิดว่าตั้งแต่คุณน้าจากไปก็เหมือนว่ารอยยิ้มของหมอจะหายไปด้วย ถ้าไม่เป็นการขอมากเกินไป ผมขอเป็นคนรักษาและดูแลรอยยิ้มของลูกชายคุณน้านะครับ”
“ นี่มึง”
ยิมมันส่ายหัว เมื่อผมจะพูดแทรก “ อาจจะดูผิดกาลเทศะไปบ้าง แต่ผมอยากให้คุณน้าอวยพรให้เรา ขอให้เรากุมมือกันให้แน่น แม้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตามในวันข้างหน้า ขอให้หมอปายกลับมายิ้มได้เหมือนเดิม ขอให้เขาเป็นที่รักของผมและขอให้เขาเป็นหมอปายคนที่พร้อมจะรักษารอยยิ้มของคนที่เฝ้ารอคนไข้ไว้ให้นานที่สุด”
ผมน้ำตาร่วงทันทีที่มันพูดจบ ในหัวผมเต็มไปด้วยคำพูดมากมายแต่ยากที่จะเอ่ยเอื้อน ผมมองภาพแม่นิ่งเหมือนสัมผัสได้ถึงความรักความคิดถึงจากภาพถ่ายใบนั้น และผมสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นในใจจากความร้อนที่แผ่ซ่านผ่านทางฝ่ามือของมันที่กระชับมือผมแน่น
.
.
.
“ ผมบอกเธอว่า ผมขอบคุณที่ในช่วงเวลาหนึ่งเธอทำให้หมอมีความสุข และขอโทษหากผมจะเป็นคนทำให้หมอมีความสุขในวันที่ไม่มีเธอ ทำให้เธอกลายเป็นแค่คนในความทรงจำของหมอ สุดท้ายผมขอโอกาสที่จะรักหมอแทนเธอตลอดไป”
ผมนิ่งฟังในสิ่งที่มันบอกผมว่าพูดอะไรบ้างที่หน้าธาตุของเมษาซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากแม่ผม ก่อนหน้านี้ผมเห็นมันยืนนิ่งอยู่ต่อหน้าบ้านหลังสุดท้ายของเมษาอยู่นาน จนตอนนี้เรากลับมานั่งพิงฝากระโปรงหน้ารถใต้ต้นไม้มองปอและเด็กวัดเล่นกันอย่างสนุกสนาน
อย่างที่บอกว่าผมไม่เคยลืมเธอ จนถึงขนาดที่ไม่คิดอยากจะเริ่มต้นใหม่กับใคร จนกระทั่งวันหนึ่งมันก้าวเข้ามาทุกอย่างที่คิดไว้ถึงเปลี่ยนไป มันทำให้ความรู้สึกของผมเปลี่ยนไป แต่ความคิดเธอยังชัดเจนอยู่ในหัวเหมือนเป็นความรู้สึกดีๆที่อยากเก็บเอาไว้ มันทำให้ความคิดถึงคนในอดีตไม่เจ็บปวดทรมานเหมือนก่อน กำแพงแข็งแรงที่ผมสร้างขึ้นเพื่อกันไม่ให้ตัวเองต้องเจ็บปวดได้ทะลายลงแล้วเพราะความรู้สึกดีๆของมัน
ผมยอมแล้ว ผมยอมรับแล้วว่ากำลังพ่ายแพ้ให้ความรู้สึก ‘รัก’ อีกครั้ง “ ยิม”
“ ว่าไงครับ”
ผมอมยิ้มมองไปยังปอที่ทำสีหน้าสนุกสนานเมื่อได้เล่นกับเด็กวัยเดียวกัน
“ กูคิดเสมอว่าตั้งแต่แม่จากไป กูคงไม่มีความสำคัญกับพ่ออีกต่อไป กูยอมรับว่าโกรธและน้อยใจเขาถึงขนาดคิดใส่ร้ายกล่าวหาว่าเขาอาจจะมีส่วนรู้เห็นในการตายของแม่”
มันทำหน้าประหลาดใจ
“ แต่ตอนนี้กูไม่อยากรับรู้อีกแล้วว่าแม่จากไปเพราะอะไรจะเป็นอุบัติเหตุหรือฝีมือใครนั่นไม่มีประโยชน์อะไรกับกูอีกแล้ว เพราะแม่ยังอยู่ในใจกูเสมอ กูเข้าใจแล้วว่าเขาไม่เคยไปไหน ความรักของแม่ทำให้กูพร้อมจะให้อภัยทุกคนหากนั่นไม่ใช่อุบัติเหตุ เพราะอย่างน้อยเขาก็เคยพาปอมาที่นี่ อย่างน้อยเขาก็ไม่เคยลืมแม่”
“ หมอไม่ได้มีตัวตนแค่กับคุณน้านะครับ ตั้งแต่วินาทีที่ผมรู้สึกกับหมอเปลี่ยนไป หมอมีความสำคัญและมีตัวตนกับผมตลอดไป”
เราต่างคนต่างยืนนิ่งเงียบเพื่อฟังเสียงลมที่พัดรอบกายผสานกับเสียงหัวเราะของปอ ผมเหลือบไปมองมันซึ่งเท้าแขนไปด้านหลังกับฝากระโปรงรถท่าเดียวกันกับผม แต่ถึงอย่างนั้นมือข้างหนึ่งของมันก็ยังวางทับฝ่ามือผมอีกที ผมเลยขยับเข้าไปใกล้ให้มันกุมได้ถนัดขึ้น แล้วเราต่างคนต่างก็เบือนหน้าหนีไปทางอื่นเพื่อซ่อนรอยยิ้ม
...ไม่ใช่ผมมีตัวตนสำหรับมันฝ่ายเดียวหรอก เพราะมันเองก็มีตัวตนสำหรับผมเหมือนกัน...
[ยิม]
หลังออกจากวัดหมอพาแวะเที่ยวตลาดน้ำแถวๆนั้น น้องปอดูตื่นเต้นมากเจ้าตัวบอกว่าไม่เคยเที่ยวแบบนี้ถึงได้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ทุกครั้งที่หมอจับจูงพาเดินเที่ยวไปเรื่อยๆ ผมสังเกตว่าใบหน้าของสองพี่น้องดูมีความสุขก็อดยิ้มตามไม่ได้ ระหว่างนั้นผมก็ยกกล้องที่ติดมาด้วยแอบถ่ายใบหน้ายิ้มๆของหมอ แต่ทุกครั้งที่หมอหันมาผมก็ทำเป็นถ่ายภาพบรรยากาศทำให้ผมเก็บภาพอิริยาบถสบายๆของหมอไปเยอะ
ผมยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายของกินที่หากินยากอย่างบุหลันดั้นเมฆของโปรดของแม่ผมแล้วส่งไปในไลน์กลุ่มครอบครัว เพียงไม่นานคนอีกซีกโลกก็ส่งสติกเกอร์น้ำลายไหลมาทันท่วงที จนอดตกใจไม่ได้ยิ่งดูนาฬิกาข้อมือที่บอกเวลาบ่ายกว่า หากเป็นอีกซีกโลกคงดึกมากแล้ว
Mom-Nidtaya : ไปเที่ยวเหรอยิม
Yim_YOTid : ครับแม่
BuaBua : พาแฟนเที่ยวเหรอ อิอิ
Mom-Nidtaya : หา ยิมมีแฟนใหม่แล้วเหรอลูก
BuaBua : คนนั้นไงที่บัวเล่าให้ฟังอ่ะ
Yim_YOTid : เล่าอะไรตัวแสบ
Ambassador[Aus] : เล่าว่าแฟนใหม่เราหล่อมาก
Yim_YOTid : ........
Mom-Nidtaya : หึ กลับไปคราวนี้คงต้องคุยกันยาว แค่ข้อความก็อดเสียวสันหลังไม่ได้เมื่อนึกถึงเสียงหวานๆใบหน้ายิ้มๆแต่มองแล้วสยองทุกครั้งที่แม่เริ่มซักฟอก
Yim_YOTid : ดึกแล้วยังไม่นอนอีกเหรอครับ
Mom-Nidtaya : แม่เตรียมแพ็คเก็บของน่ะลูก
Yim_YOTid : ครับ หลังจากนั้นแม่ก็ขอตัวไปเก็บของพร้อมกับพ่อและน้องสาว ผมเลยได้แต่อมยิ้มเมื่อนึกขึ้นได้ว่าสัปดาห์หน้าครอบครัวผมจะย้ายกลับมาอยู่ด้วยกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาสักที พ่อผมคงจะได้พักผ่อนหลังเกษียณอายุราชการ ส่วนแม่คงจะได้ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ดูแลพ่อและพวกเราตามที่แม่ปรารถนามาตลอด
...แค่คิดถึงวันที่พวกเรากลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้งผมก็มีความสุขแล้ว...
คงเหมือนกับความรู้สึกที่ผมมีหมออยู่ข้างๆกันแบบนี้
“ หมอครับ”
ผมยกกล้องถ่ายรูปขึ้นมากดชัตเตอร์ตอนที่หมอหันมาทางผมแล้วยิ้มน้อยๆ พอรู้ว่าโดนแอบถ่ายหมอชูนิ้วกลางให้ผมก่อนจะคว้ามือน้องน้องปอไปนั่งให้อาหารปลาที่ริมแม่น้ำ
“ หมอครับ”
“ อืม”
“ อาทิตย์หน้าหมอไปรับครอบครัวผมที่สนามบินนะ”
หมอทำหน้างงๆในตอนแรกก่อนจะพึมพำเหมือนนึกขึ้นได้ เพราะก่อนหน้านี้ผมเคยบอกว่าครอบครัวผมจะย้ายกลับมาอยู่ไทยอย่างถาวรหลังจากบิดาเกษียณอายุราชการในตำแหน่งทูต
“ ไปด้วยกันนะครับ”
“ แล้วมึงจะแนะนำกูกับพ่อแม่มึงว่ายังไงล่ะ” หมอถามเสียงแผ่วหรุบตามองสายน้ำเบื้องหน้าซึ่งน้องปอกำลังเกาะรั้วกั้นพร้อมกับตั้งอกตั้งใจให้อาหารปลาไม่สนใจสิ่งรอบข้างเลย
“ แล้วหมออยากให้ผมแนะนำว่าอะไรล่ะครับ”
ผมถามกลับซึ่งหมอก็แค่ยักไหล่เช่นเดิม
“ นั่นสินะ มึงกับกูเป็นอะไรกัน”
หมอหันมาถามผมยิ้มๆ ผมเลยอาจหาญเลื่อนมือไปกุมฝ่ามือของหมอแล้วบีบเบาๆ
“ เพื่อนข้างห้องดีมั้ย”
“ เพื่อนข้างห้องไม่จูบกันหรอกหมอ” ผมแซวกลับ
“ เชี่ย”
หมอสบถไม่จริงจังนักใบหน้าคมคายกดยิ้มมุมปาก
“ แล้วจะเป็นอะไรกันดีล่ะทีนี้”
“ เพื่อนข้างห้องก็เป็นไม่ได้ เพื่อนสนิทก็ไม่น่าเชื่อถือ ถ้างั้น” ผมหยุดพูดก่อนจะสบตากับอีกฝ่ายนิ่ง
“ งั้นคงมีสถานะเดียวเท่านั้นแหละครับ”
“ อะไรล่ะ”
“ เป็นแฟนผมสิ”
ผมยักคิ้วให้อย่างกวนๆ หมอทำตาโตก่อนจะเหลือบตามองผม
“ นี่ยังไม่ได้เป็นอีกเหรอ” “ หมอ”
ผมครางเมื่อหมอหันมายักคิ้วให้ด้วยสีหน้ายิ้มๆ แต่มันทำให้ผมใจเต้นแรงจริงๆ
“ มึงบอกกูแล้วนี่ว่าอยากมีแฟนเรียนหมอ”
“ แล้วหมอก็บอกผมด้วยว่า หมออยากมีแฟนเรียนนิเทศ”
“ งั้นก็ดีล” หมอตัดบทด้วยสีหน้ายิ้มๆ
...ดะ ดะ เดี๋ยวนะ...
“ นี่ความหมายว่า”
ผมกุมหัวใจที่เต้นแรงแทบจะทะลุมานอกอก
“ หมอ จริงเหรอครับหมอ”
ผมกระตุกชายเสื้อหมอแรงๆ เพื่อให้เจ้าของใบหูแดงก่ำหันมาอธิบายเพิ่มเติม
“ หมอครับ”
“ อืม”
“ อืมอะไรครับ”
“ กูอยากมีแฟนเรียนนิเทศ” เสียงหมอแผ่วเบาแต่กลับดังก้องในใจผม
“ หมายความว่าหมอกับผม”
“ โอ้ย”
หมอชกไหล่ผมแรงๆ “ เออ จะให้พูดย้ำอะไรบ่อยๆวะ กูก็อายเป็นนะโว้ย”
หมอหันมาทำหน้ายักษ์ใส่ด้วยใบหน้าแดงก่ำ ก่อนจะแก้เก้อด้วยการเดินไปจูงมือน้องปอให้เดินไปทางอื่น จนเด็กตัวน้อยทำหน้างงๆ เพราะกำลังสนุกสนานกับการให้อาหารปลา
หมอนี่แม่ง....โคตร ‘น่ารัก’ เลยวะ
@Yim_YOTiD
- ผมมีเจ้าของไข้แล้วครับ -
งื้อออ
เป็นแฟนกันแล้วววววววว
นิเทศนี้งานดีย์ งานแน่น 5555+++
วันนี้อัพหัวค่ำเช่นเดิมเพิ่มเติมคือรีบอัพเพราะติดสายโลหิตหนักมาก ถถถถถ
ปล.หนึ่งความคิดเห็นคิอหนึ่งกำลังใจนะคะ