❤ หลงกาว(น์) ll Love Addict ❤ [END]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ❤ หลงกาว(น์) ll Love Addict ❤ [END]  (อ่าน 425911 ครั้ง)

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0

ออฟไลน์ Kalamall

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 729
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-2
เคลียร์ปัญหาคาใจกันได้ไปเปราะหนึ่ง ได้มีคุณหมอส่วนตัวละสิยิม ที่นี้ก็เตรียมรับครอบครัวตัวฮาละ  :hao3:

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
เป็นแฟนกันแล้ววววว,,,,

ออฟไลน์ pkjoe

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
มันดีต่อใจมากจริงๆ อ่านรวดเดียวจนทัน

ขอให้ปัญหาข้างหน้าอย่าได้เยอะนักนะ รอลุ้นอยู่

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
 :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1:อยากมีแฟนเป็นหมอปาย.....อุ๊ยๆๆๆยิมตบหัวทิ่ม :z6: :z6:

ออฟไลน์ wakwan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เพิ่งเริ่มอ่านเรื่องนี้ จนถึงตอนล่าสุด ขอสมัครเป็นFC cuteboy คู่นี้ได้ไหมคะ  :hao7: :hao7: / มันดียยยยยย์ต่อใจ หลงกาว(น์)ไปกับยิมด้วยคน!!

ออฟไลน์ lovenadd

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-11
ลองเข้ามาอ่าน แล้วหยุดไม่ได้ สนุก ฟินมาก

ออฟไลน์ lovenadd

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-11

ออฟไลน์ [Karnsaii]

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +523/-17




         หลงที่ 22 : ครอบครัว




         [ยิม]




         ผมกำลังนิ่งมองอดีตเพื่อนข้างห้องซึ่งขยับสถานะมาเป็นคนรู้ใจแล้วตอนนี้กำลังหลับคอพับคออ่อนคาโต๊ะหนังสือที่เต็มไปด้วยตำรับตำราทางวิชาการที่เข้าใจยาก มันเป็นภาพชินตาที่เห็นภาพหมออ่านหนังสือดึกดื่น ซ้ำในเวลากลางวันยังเต็มที่กับการเรียนและการราวน์วอร์ดในทุกๆเช้า

         หมอปายขยันจนผมนึกระอาในความขี้เกียจของตัวเอง เพราะนอกจากการเรียนซึ่งไม่ได้ยุ่งยากเหมือนหมอแล้ว ผมก็มีแค่ทำโปรเจ็กต์ภาพถ่ายส่งประกวดเท่านั้นเอง มันเลยทำให้ผมมีเวลาว่างพอสมควรถึงขนาดมานั่งดูคนนอนหลับคาโต๊ะแบบนี้เป็นนานสองนาน

         “ หมอครับ”

         “.......”

         “ หมอครับ” ผมเกลี่ยปลายนิ้วไปตามใบหน้าขาว “ลุกไปนอนในห้องดีๆเถอะครับ”

         “ อื้ม”

         หมอปายเริ่มขยับตัวแต่ดวงตายังปิดสนิท คิ้วเรียงสวยขมวดมุ่นเหมือนไม่สบายตัว


         “ หมอปาย”


         “ อืม”

         ผมโน้มใบหน้าลงไปใกล้กับใบหน้าของหมอก่อนจะกดจูบที่ขอบปากสีชมพูอมส้มอย่างมันเขี้ยว ปฏิกิริยาตอบสนองของหมอก็รวดเร็วเหลือเกินเมื่อฝ่ามือคู่นั้นฟาดหัวไหล่ผมเต็มๆ
 

          “ มึงแม่ง”

          หมอขยี้ตาตื่นทำหน้าเคืองใส่ผมก่อนจะผุดลุกขึ้นเดินสะโหลสะเหลไปล้มตัวลงนอนที่โซฟาตัวใหญ่กลางห้อง ท่าทางครึ่งหลับครึ่งตื่นของหมอน่าดูไม่หยอก ยิ่งทรงผมชี้ฟูไม่เป็นทรงยิ่งทำให้หมอดูเด็กลงถนัด ผมมองภาพนั้นแล้วรู้สึกดีไม่น้อยที่หมอยอมที่จะละทิ้งท่าทีแข็งกร้าวภายนอก ให้เหลือแต่ท่าทางสบายๆแบบเป็นกันเองซึ่งเป็นตัวตนที่แท้จริงที่ผมไม่เคยสัมผัสมาก่อน

          ผมหันกลับไปปิดโคมไฟที่โต๊ะหนังสือของหมอแล้วเดินไปปิดไฟทั่วห้องก่อนจะเดินมาทรุดตัวลงนอนเคียงข้างหมอ หมอหลับตาอยู่แต่สะลึมสะลือมือกอดหมอนนอนตะแคงข้าง ผมเลยสอดแขนไปรองคอให้หมอแล้วใช้มืออีกข้างกอดเอวหมอจากด้านหลัง

         “ ทำไมไม่ไปนอนในห้องล่ะครับ”

         “........”

         หมอส่ายหัวใบหน้ายังซุกอยู่ที่หมอนแล้วตอบเสียงอู้อี้ “ เผื่อตอนตื่นเช้าจะไปใส่บาตร”


         ช่วงนี้แม้หมอจะนอนดึกแค่ไหนแต่ก็ยังอุตส่าห์ตื่นไปใส่บาตรเพราะเหตุผลที่ว่าอาทิตย์นี้เป็นช่วงวันเกิดของมารดาผู้ล่วงลับซึ่งหมอยังไม่มีเวลาว่างไปทำบุญถวายสังฆทานอย่างที่ทำทุกๆปี หมอเลยตั้งใจว่าจะตื่นมาใส่บาตรทั้งอาทิตย์เพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้มารดา

         บอกตรงๆว่าการกระทำของหมอดังกล่าวทำให้หมอรู้สึกปลื้มใจอย่างบอกไม่ถูก ผมรู้ว่าหมอเป็นคนน่ารักและอ่อนโยนขนาดไหน ยิ่งได้มีโอกาสอยู่ใกล้ชิดแบบนี้ผมยิ่งรู้สึกรักหมอมากขึ้นจริงๆ

         “ อย่ามากอด กูร้อน”

         โธ่หมอ ร้อนอะไรกันข้างนอกฝนตาปรอยๆทำให้อุณหภูมิในห้องเย็นขึ้นจนต้องเพิ่มอุณหภูมิขึ้นขนาดนี้  ซ้ำหมอยังเอาผ้ามาคลุมแบบนี้ ยิ่งทำให้ข้ออ้างของหมอดูไม่น่าจะฟังขึ้นเท่าไหร่ นอกจากความคิดเห็นของผมที่คิดว่า ‘หมอคงจะเขินผมอยู่’

         “ แต่ผมหนาว”

         ผมเลยเอาคางไปวางที่ไหล่หมอก่อนจะสีไปมาชวนจั๊กจี้ หมอทำหน้ารำคาญก่อนจะพลิกตัวกลับมา

         “ หนาวมากใช่มั้ย”

         "ครับ”

          “ ดี” หมอทำหน้าแสยะยิ้ม ก่อนจะกดศีรษะผมให้ซุกลงที่แถวๆจั๊กแร้และแผ่นอก ตอนนี้เลยเหมือนว่าผมกำลังนอนซุกอกหมออยู่

          “  หมอ”

          “ หุบปาก กูจะนอน”
     
          “ ครับนอนก็นอน”

          ผมนอนนิ่งได้สักพักฟังเสียงลมหายใจที่ขยับขึ้นลงอย่างสม่ำเสมอของหมอ มือของหมอข้างที่ผมซุกอยู่ถูกวางไว้บนศีรษะผม ซึ่งก่อนหน้านี้หมอขยับมือลูบไปมาราวกับกำลังกล่อมผมนอน คล้ายๆกับว่าหมอจะเข้าใจว่าคนในอ้อมแขนคือน้องปอซึ่งมักชอบมานอนซุกให้หมอกล่อมนอน


          ในความมืดผมมองเห็นแต่เงาสลัวๆของเราทั้งสองที่นอนเคียงข้างกัน หัวใจผมรู้สึกอิ่มเอมอย่างบอกไม่ถูก มันรู้สึกดีมากจริงๆที่เราอยู่เคียงข้างกันแบบนี้

          “ ฝันดีนะครับหมอ”

          ผมขยับไปจูบปลายคางอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบาก่อนจะขยับมาซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของหมอตลอดทั้งคืน




          .

          .


          สุดท้ายหมอก็ตื่นไม่ทันไปใส่บาตรครับ นั่นคงเป็นเพราะหลายวันมานี้หมออ่านหนังสือดึกแล้วต้องตื่นเช้าจนสุดท้ายร่างกายก็ไม่ไหว เมื่อได้พักผ่อนหลับสนิทในคืนที่ผ่านมาเลยหลับยาวจนตื่นมาอีกทีเกือบสิบเอ็ดโมง ดีว่าเป็นเสาร์อาทิตย์ผมเลยไม่ปลุกเพราะอยากให้หมอได้นอนพักผ่อนอย่างเต็มที่

          หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวแล้วผมก็ลุกขึ้นมาเตรียมอาหารกลางวันให้อีกฝ่ายซึ่งยังทำหน้ามึนกินโกโก้ร้อนอยู่ในครัว พอจัดการกับมื้อเที่ยงเป็นที่เรียบร้อยแล้วผมเลยพาหมอไปแวะถวายสังฆทานที่วัดแถวชานเมืองก่อนจะพาหมอไปรอรับครอบครัวผมซึ่งจะเดินทางมาถึงวันนี้ที่สนามบิน ตั้งแต่เช้าที่ผมเห็นหมอทำหน้าเครียดๆก็พอจะเดาออกว่าหมอกำลังขบคิดเรื่องอะไรในใจ

         “หมอ”

         “ อะไร”

         ผมเลื่อนมือไปกุมมืออีกฝ่ายแล้วบีบเบาๆ

         “ อย่ากังวลไปเลยครับ พ่อกับแม่ผมใจดี”

         “ มึงไม่คิดบ้างเหรอว่าสิ่งที่เราเป็นอยู่มันเป็นเรื่องผิดปกติ”

         “ ไม่คิดครับ”

         ผมตอบยิ้มๆเพราะผมคิดแบบนั้นจริงๆมันจะผิดธรรมชาติยังไงในเมื่อมันเป็นแค่ความรู้สึก ‘รัก’ ของคนสองคน ถึงแม้จะเป็นความรักของเพศเดียวกันที่ไม่ได้เปิดเผยแพร่หลายมากนักในสังคม แล้วยังไงในเมื่อสิ่งที่เกิดขึ้นมันเรียกว่า ‘ความรัก’ เหมือนๆกัน
หมอถอนหายใจแรงๆ “ มึงยังมีโอกาสเปลี่ยนใจนะ”


         “ ผมขอใช้สิทธิ์ไม่เปลี่ยนครับ”

         “ แน่ใจเหรอ”

         “ แน่ที่สุดในชีวิตเลยครับ”

          ผมสำทับแล้วบีบมือหมออีกที

         “ จำคำพูดของมึงวันนี้ให้ดี”

         “ ทำไมครับ”

         ผมทำใจกล้าสบตากับหมอตรงๆ ก่อนที่ฝ่ายนั้นแสยะยิ้มมุมปากขึงตาใส่ “ วันไหนที่มึงผิดสัญญากูฆ่าหั่นศพมึงแน่”
หมอบีบข้อมือแรงๆก่อนที่จะหัวเราะออกมาอย่างเหี้ยมโหด






*************************************************





          [หมอปาย]




         “ พี่ยิม”

         ...หืม...

         “ พี่ยิมทางนี้”

         ขณะที่พวกเรากำลังชูป้ายต้อนรับครอบครัวมันพอดีเสียงสดใสคุ้นหูก็ดังขึ้น ก่อนจะปรากฏร่างของสาวน้อยซึ่งได้มีโอกาสคุยกันผ่านหน้าจอมือถือ เด็กสาววัยเรียนตรงหน้ากำลังฉีกยิ้มสดใส ดวงตาคู่สวยกลมโต ริมฝีปากเป็นกระชับรับกับใบหน้าเกลี้ยงเกลาบ่งบอกว่าอีกไม่กี่ปีข้างหน้าคงกลายเป็นสาวสะพรั่งและงดงามอย่างไม่ต้องสงสัย เจ้าตัวไว้ผมหน้าม้าส่วนผมที่ยาวสลวยซึ่งเคยปล่อยยาวถูกถักเป็นเปียเดี่ยวไว้ด้านหลัง

         ใยบัวฉีกยิ้มดีใจก่อนจะโผเข้ากอดพี่ชายของตัวเองแล้วเจ้าตัวไม่รอช้าจูบแก้มซ้ายขวาของไอ้ยิ้ม มันหัวเราะแล้วทำกลับไปเช่นเดียวกันแต่เปลี่ยนจากหอมเป็นจูบหน้าผากน้องสาวสุดรักของมัน ทั้งคู่กอดกันกลมจนผมยิ้มตาม

         “ กอดน้องแล้วก็มากอดพ่อกับแม่ด้วยสิยิม”

         “ คุณพ่อคุณแม่สวัสดีครับ”

         ยิมมันผละจากน้องสาวตรงเข้าไปสวมกอดและหอมแก้มผู้หญิงวัยกลางคนซึ่งอยู่ในชุดเดรสสีฟ้าอ่อนลายดอกไม้เรียบแต่หรูและคลุมทับด้วยเสื้อคลุมไหมพรมเนื้อดีสีดำสนิท ใบหน้างดงามนั่นยิ้มกว้างทันทีตอนที่เอียงหน้าให้ลูกชายแสดงความรัก แวบแรกที่เห็นผมอดประหลาดใจไม่ได้ที่แม่ของไอ้ยิมถึงได้ดูสาวขนาดนี้ ซ้ำยังดูเป็นผู้หญิงทันสมัยที่คล่องแคล่วซะเหลือเกิน ท่าทางการเดินเหินก็ราวกับนางพญาทั้งสง่าและสวยอย่างบอกไม่ถูก

         ส่วนท่านทูตพ่อของมันคือชายวัยกลางคนที่รูปร่างสูงใหญ่ออกจากลงพุงนิดๆ แต่เพราะท่านสูงเลยมีรูปร่างใกล้เคียงกับผู้ชายไซค์ฝรั่งที่ตัวหนา แต่ถึงอย่างนั้นบุคลิกภายนอกก็ดูคล้ายกับผู้ใหญ่ใจดี เพราะใบหน้านั่นเต็มไปด้วยรอยยิ้มเหมือนไอ้ยิมไม่มีผิด ไอ้ยิมมันโชคดีที่ได้ส่วนดีของพ่อกับแม่มาอย่างละนิดละหน่อย ดังนั้นเวลาที่ครอบครัวนี้ยืนอยู่ด้วยกันมันเลยไม่แปลกเลยที่ผมจะรู้สึกว่าเป็นครอบครัวที่ดูแล้วอบอุ่น


        “ ยิมเป็นยังไงบ้างลูกสบายดีมั้ยลูก”

        “ ครับ”

        มันกุมมือแม่ที่ลูบเนื้อลูบตัวมันแล้วเขย่าเบาๆ “ แล้วพ่อกับแม่ล่ะครับสบายดีมั้ย”

         “ ไม่ค่อยเท่าไหร่หรอกเพราะแม่เราบ่นคิดถึงเราให้พ่อฟังทุกวัน”

         “ แหมคุณก็”

         พ่อมันเอ่ยเย้าแม่ดูแล้วเหมือนรักที่ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันจนน่าอิจฉา ภาพเหล่านั้นทำให้ผมจุกในอกนึกอิจฉามันไม่ได้เพราะยิมมันโชคดีเหลือเกินที่มีครอบครัวแบบนี้

         “ พ่อครับ แม่ครับ”

         “ ว่าไงจ๊ะ”

         “ ผมมีคนมาแนะนำให้รู้จักครับ”

         “ ใครเอ่ย”

         “ หมอ”

         มันสะกิดไหล่ผมจนสะดุ้งโหยง พอเงยหน้าขึ้นจึงเห็นแววตาประหลาดใจของทั้งสาม และเป็นน้องสาวมันคนแรกที่ร้องออกมา “ พี่ปาย”

         “ พี่หมอปายตัวจริงๆ ตัวเป็นๆใช่มั้ยคะ”

         ว่าแล้วก็โผเข้ากอดผมเสียแน่น ศีรษะทุยสวยสีไปที่ต้นแขนเป็นกิริยาอออดอ้อนเหมือนปอไม่มีผิดจนอดใจไม่ไหวต้องยื่นมือลูบศีรษะน้อง

        “ ครับ”

        แล้วหันไปยกมือไหว้พ่อกับแม่มันซึ่งท่านทั้งสองก็ยิ้มรับด้วยความยินดี

        “ เพื่อนยิมเหรอลูก”

        “ ไม่ / ครับ”

        ผมกับมันพูดขึ้นพร้อมกัน ก่อนที่มันจะหันมาทำหน้าล้อๆผมที่ไม่ยอมให้มันบอกสถานะที่แท้จริงระหว่างเรา ก็จะทำแบบนั้นได้ยังไงเมื่อท่านทั้งสองเพิ่งมาเหนื่อยๆเกิดมารับรู้เรื่องนี้แล้วช็อกขึ้นมาผมคงรู้สึกผิดไม่น้อย

        “ ว่าแต่น้องบัวไปรู้จักพี่เขาได้ยังไง ดูสิกระโดดกอดพี่เขาอย่างสนิทสนมขนาดนั้นเชียวลูกคนนี้” น้องบัวยู่หน้า “ ความลับค่ะคุณแม่”

        “ แก่แดดจริงยัยหนูบัว” แม่มันส่ายหน้า “ ว่าแต่เพื่อนยิมชื่ออะไรเหรอลูก”

        “ ปายครับ”

        “ พี่หมอปายค่ะคุณแม่”  ใยบัวภูมิใจนำเสนอ

        “ เรียนหมอเหรอลูก” แม่ทำหน้าประหลาดใจ “ ท่าทางดูเป็นเด็กเรียนขนาดนี้ไม่น่าจะมาคบกับจอมกระล้อนอย่างลูกแม่ได้นะ”

         “ โธ่แม่ครับ”

         มันโอดครวญจนผมเผลออมยิ้ม

         “ เราเป็นเพื่อนข้างห้องกันครับ”

         พ่อกับแม่มันสบตากันแวบนึงก่อนจะหันมายิ้มให้ผม “ อ๋อ อย่างนี่เอง”

         “ ช่วงที่ยิมมากรุงเทพฯใหม่ๆคงจะสร้างเรื่องปวดหัวให้พี่หมอไม่น้อยสินะ”

         ‘พี่หมอ’ สรรพนามที่แม่มันเรียกผมฟังแล้วชวนจั๊กจี้ แต่ก็ไม่อาจหาญที่จะท้วงติงเลยได้แต่ปล่อยเลยตามเลย

         “ ไม่เท่าไหร่หรอกครับ”

         ผมปฏิเสธทั้งที่การพบเจอกันในครั้งแรกเป็นความรู้สึกที่เรียกได้ว่าโคตรไม่ชอบขี้หน้าและมันก็สร้างเรื่องปวดหัวให้ผมไม่น้อยจริงๆ เหมือนที่แม่มันพูดนั่นแหละ

         “ อะไรกันครับแม่” มันบ่นไม่จริงจังนัก “ ยิมออกจะน่าคบขนาดนี้”

         “ จ๊ะน่าคบมาก”

 
          แม่มันทำหน้าไม่เชื่อ แต่มันกลับหันมาขยับปากให้ผมเห็นเหมือนรู้กันสองคนว่า ‘มันน่าคบ’ และตอนนี้ ‘เราก็คบกันแล้ว’ ผมเลยขยับปากด่ามันทันที

         “ อะไรกันสองคนนี้”

         ผมสะดุ้งโหยงเมื่อแม่มันเดินมาโอบเอวผม “ ไปลูกแม่หิวแล้วไปกินข้าวกันดีกว่า”

         มันพยักหน้ารับทราบเพราะก่อนหน้านี้มันโทรไปจองร้านอาหารแล้วเนื่องจากคาดว่าเมื่อมาถึงทุกคนในครอบครัวคงจะหิวกันพอดี

         “ ผม”

         “ ไปพี่หมอ ไปกินข้าวกับแม่”

         “ เอ่อ ครับคุณน้า”

         “ คุณน้าอะไรกัน เรียกแม่สิพี่หมอ แม่ได้ยินว่าตอนที่ยิมกลับมาใหม่ๆ เพื่อนข้างห้องดูแลเขาดีไม่น้อย แม่ต้องขอบคุณมากนะพี่หมอที่ช่วยดูแลยิม”

         จริงๆแล้วเราห่างไกลคำว่าดูแลมากในตอนแรก ผมได้แค่คิดในใจไม่ได้พูดออกไป ยิ่งตอนนี้อยู่ตรงกลางขนาบข้างซ้ายขวาด้วยใยบัวและแม่มัน พอเอี้ยวหันกลับไปเห็นมันกำลังยิ้มขำผมอยู่ แล้วผละไปเข็นรถเดินคุยกับพ่อไม่คิดจะช่วยอะไรผมเลย




           [ยิม]


          ผมมีความรู้สึกว่าหมอปายดูจะเป็นขวัญใจของคนในครอบครัวผมซะแล้ว เพราะตั้งแต่ร้านอาหารจนกลับมายังคอนโดของผม ทุกคนโดยเฉพาะแม่กับใยบัวก็ยังติดพันบทสนทนากับหมอไม่หยุด จนพ่อผมหันมายิ้มให้ผมราวกับว่าท่านพอจะรู้อะไรบางอย่าง

          ตอนนี้พวกเราทุกคนกำลังเดินออกมาจากตัวลิฟต์หลังจากที่อิ่มท้องมาจากร้านอาหาร วันนี้ครอบครัวผมตัดสินใจที่จะค้างที่คอนโดผมแทนการกลับบ้านของเราที่ตั้งอยู่แถบชานเมืองซึ่งก่อนหน้านี้ผมจ้างแม่บ้านไปดูแลทำความสะอาดแล้ว แต่แม่และคนอื่นๆก็ยืนยันว่าอยากจะนอนกับผมที่นี่สักคืนก่อน ซึ่งมันก็ดีไม่น้อยเพราะนานมากแล้วที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกันแบบพร้อมหน้าพร้อมตากันแบบนี้


          “ ห้องพี่หมออยู่ข้างๆนี่เองเหรอลูก”

          แม่ผมถามเมื่อเดินมาหยุดอยู่หน้าห้อง

          “ ครับ”

          “ ดีเลย คืนนี้พี่หมอมานอนคุยกับแม่มั้ยลูก”

          “ เอ่อ”

          หมอปายทำเสียงอึกอักเมื่อแม่ผมถามยิ้มๆ แต่ท่าทางไม่เปิดโอกาสให้ปฏิเสธเลย
 
          “ คุณเอ่อ คุณแม่ มาเหนื่อยๆพักผ่อนให้สบายดีกว่ามั้ยครับ”

          “ ไม่หรอก”

         คุณหญิงนิตยาเขย่ามือหมอเบาๆ “ เพิ่งมาถึงแม่ยังปรับตัวให้นอนตามเวลาบ้านเราไม่ได้หรอกเนอะพ่อเนอะ” หันไปขอความเห็นจากบิดาที่ยิ้มรับอย่างอารมณ์ดี “ พี่หมอมานอนคุยเป็นเพื่อนแม่ด้วยกันคืนนี้นะลูก”

          “ นะคะ”

          คราวนี้ใยบัวกอดแขนหมดเสียแน่น หมอทำหน้าไม่ถูกกันมาขอความช่วยเหลือจากผม แต่ผมก็ได้แต่ยักไหล่เพราะว่าลองแม่ได้เอ่ยปากแล้วล่ะก็ผมยากที่จะทัดทานเหมือนกัน ขนาดท่านทูตใหญ่อย่างพ่อยังไม่ค่อยอยากเอ่ยขวางอะไรเลย คิดดูสิว่าแม่ผมมีอิทธิพลขนาดไหนในบ้านเรา

          “ นะลูก คืนนี้มานอนกับแม่นะ”

          “ ครับ”

          สุดท้ายแล้วหมอก็รับคำเสียงอ่อย ก่อนจะขอแยกตัวไปทำธุระส่วนตัวที่ห้องก่อน แม่ยิ้มกริ่มทันทีเมื่อได้รับคำตอบที่ถูกใจก่อนจะเดินเข้าห้องไป ผมนึกตงิดๆในใจตอนที่แม่กับใยบัวเดินกระซิบกระซาบกันเข้าไปในห้องนอน ทิ้งให้ผมกับพ่อไม่แต่มองตากันปริบๆ ก่อนจะช่วยกันรื้อกระเป๋าเสื้อผ้าซึ่งก่อนหน้านี้ทางสถานทูตไทยส่งรถมารับ พ่อเลยให้ขนมาเฉพาะกระเป๋าเดินทางจากสนามบินมาไว้ที่นี่ก่อน

          จริงๆแล้วพ่อบอกว่าตอนแรกจะมีข้าราชการในกระทรวงการต่างประเทศมาต้อนรับแต่ท่านต้องการความเป็นส่วนตัวและอยากใช้เวลากับครอบครัวมากกว่า เพราะถึงยังไงสิ้นเดือนนี้ก็มีงานเลี้ยงเกษียณอายุราชการของพ่ออยู่ดี  ผมชินซะแล้วเพราะพ่อเป็นคนสบายๆไม่มีพิธีรีตองอะไร แม้จะดำรงตำแหน่งสูงใหญ่เป็นหน้าเป็นตาของประเทศ แต่เวลาที่อยู่กับครอบครัวพ่อเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาๆ และมันทำให้ผมกล้าพอที่จะเปิดปากเล่าทุกเรื่องของผมให้ท่านฟัง


          “ นี่ครับพ่อ”

          ผมยื่นน้ำเปล่าเย็นๆให้ตอนที่พ่อถอดสูทสากลออกซ้ำยังพับแขนเสื้อขึ้นให้ดูสบาย

          “ ขอบใจลูก”

         พ่อรับแก้วน้ำขึ้นดื่ม “ เป็นยังไงบ้างฮึเรา พอได้มาอยู่คนเดียวแบบนี้”

          “ แรกๆก็ปรับตัวยากเหมือนกันนะครับ มาอยู่ในที่ใหม่ๆก็ต้องเรียนรู้อะไรใหม่ๆเยอะ”

          ใบหน้าที่มีริ้วรอยของกาลเวลาขยับยิ้ม

          “ สิ่งเหล่านั้นมันจะทำให้ยิมโตขึ้น”

          “ ครับผมจำได้ว่าตอนอยู่ที่โน่นผมต้องไปโรงเรียนด้วยรถไฟประจำ ทั้งๆที่ก็มีรถของสถานทูตมาคอยให้บริการ ตอนนั้นยังนึกน้อยใจพ่อว่าทำไมถึงไม่ให้ผมใช้ชีวิตสบายๆเหมือนลูกทูตคนอื่นๆบ้าง”
พ่อหัวเราะ

          “ เป็นลูกทูตหรือลูกคนธรรมดาก็คนเหมือนกัน ไม่ได้วิเศษวิโสมาจากไหน ถ้าพ่อหยิบยื่นความสะดวกสบายให้ยิมจนเคยตัว เราก็จะไม่รู้ว่าชีวิตนอกบ้านที่ไม่มีพ่อกับแม่มันเป็นยังไง ไม่มีโอกาสได้เรียนรู้ที่จะทำอะไรด้วยตัวเองเพราะชินชากับความสะดวกสบายที่พ่อแม่ประเคนให้ แล้วถึงวันนั้นยิมจะไม่มีวันเติบโตและเป็นที่พึ่งให้กับคนอื่นได้”

           “ ครับผมเข้าใจ”

           ผมอดยิ้มนึกถึงคำสอนของพ่อที่ได้ยินมาตั้งแต่เล็กๆ “ พ่อบอกผมเสมอว่าลูกผู้ชายที่แท้จริงคือคนที่พร้อมจะเอื้อเฟื้อให้กับผู้ที่ด้อยโอกาสกว่าและต้องเป็นที่พึ่งพาให้กับคนที่รักได้”


          ท่านหัวเราะก่อนจะเอื้อมมือมาตบบ่าผมเบาๆ “ มันคือความรู้สึกภาคภูมิใจที่เราสามารถเป็นที่พึ่งให้กับที่คนเรารักได้”


          ‘ที่พึ่ง’ ที่คอยกุมมือหมอให้หลับสนิทในวันฝนพรำ

          ‘ที่พึ่ง’ ยามที่หมอหมดเรี่ยวแรงและเติมรอยยิ้มให้กำลังใจกัน

          ‘ที่พึ่ง’ เวลาที่หมอมักคิดว่าตัวเองไม่มีใคร

          และเป็นที่ ‘พักใจ’ เพื่อให้รักของเราก้าวต่อไปอย่างมั่นคง

          “ ยิ้มแบบนี้แสดงว่ายิมเป็น ‘ที่พึ่ง’ ให้เขาคนนั้นได้แล้วสิ”

          ผมนึกเอะใจตอนที่พ่อพูดว่า ‘เขา’ แต่ยังไม่ถามกลับไปพอดีเสียงเรียกของแม่ให้ไปช่วยดูอะไรสักอย่างพอดี พ่อเลยผุดลุกขึ้นไปหาทันที

          “ จ๊ะแม่”

         พ่อรับคำแม่ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน เต็มไปด้วยความรักที่แฝงอยู่ในกระแสเสียงนั้น ความรักของพ่อที่มีให้แม่และครอบครัวทำให้ผมรู้สึกศรัทธาและผมคิดว่าผมอยากเป็นแบบพ่อ อยากเป็นคนดูแลและเป็นที่พึ่งให้กับคนที่รักให้ได้



         .

         .

         .

        ...ออด...

         เสียงออดหน้าประตูดังขึ้นตอนที่เรานั่งพร้อมหน้าพร้อมตากันอยู่กลางห้อง ผมเลยลุกไปเปิดประตูรับหมอซึ่งพร้อมอยู่ในชุดนอนเรียบร้อยแล้วไม่ต่างจากพวกเรา แต่หมอคงจะแปลกใจไม่น้อยเมื่อเห็นสภาพห้องนั่งเล่นที่บัดนี้ราบเรียบเพราะผมกับพ่อยกโซฟาไปวางไว้รอบๆห้อง แล้วลากฟูกมาปูนอนเรียงอยู่กับพื้น

         “ ทุกครั้งที่พวกเราต้องห่างกันไปไกลๆ พอกลับมาพร้อมหน้าพร้อมตา พวกเราจะหอบที่นอนมานอนรวมกันแบบนี้แหละครับ”

         ผมอธิบายให้หมอฟังกับสิ่งที่ปรากฏตรงหน้า หมอยิ้มน้อยๆเมื่อแม่กวักมือเรียกให้ไปใกล้ๆ

          “ พี่หมอ”

          “ ครับ”

          “ คืนนี้นอนพื้นกันนะลูก ไม่รู้ว่าพี่หมอจะนอนได้รึเปล่า แต่แม่ปูผ้าห่มหลายชั้นนะรับรองว่านิ่มไม่ต่างจากเตียงเลยเชียว”

          “ น่าอบอุ่นดีนะครับ” หมอพึมพำ

          “ เมื่อก่อนพ่อกับแม่ไม่ค่อยมีเวลาให้ยิมกับใยบัวมากนัก กลับจากงานที่สถานทูตทีไรสองพี่น้องนี่ก็นอนกอดกันกลมแล้ว” แม่เล่าขำๆ “ เห็นแล้วสงสารตั้งแต่นั้นมาถ้าใครไปธุระไกลๆหรือไปงานหลายวัน เราจะมีข้อตกลงกันว่าต้องมานอนรวมกันจนกว่าจะหายคิดถึง”

          “ แบบนี้ใช่มั้ยคะ”


         ใยบัวถลากมานอนหนุนตักแม่ทันที แม่เลยได้แต่ส่ายหัว ถึงอย่างนั้นมือคู่นั้นของแม่ก็ลูบศีรษะน้องสาวผมเบาๆ ภาพนั้นทำให้ผมนึกอยากอ้อนแม่ขึ้นมาเหมือนกันเลยเนียนไปแย่งตักแม่นอนเบียดเจ้าแสบจนเด็กนั่นโวยวายเคล้าเสียงหัวเราะของพ่อ

         “ พี่หมอ”

         ผมสะดุ้งโหยงเมื่อแม่อุทานเสียงดังลั่น ซ้ำยังขยับไปใกล้คนของผมแทบจะทันทีทำให้ผมกับใยบัวผุดลุกหนีแทบไม่ทัน

         “ ขอโทษครับ”

         หมอพึมพำเสียงแหบพร่า

         “ ร้องไห้เหรอลูก” น้ำเสียงแม่อ่อนโยนทำเอาหมอหรุบตามองพื้น “ เป็นอะไรบอกแม่ได้นะพี่หมอ”

          หมอส่ายหน้า “ พอดีฝุ่นมันเข้าตาเลยเคืองๆครับ” สีหน้าแววตาหมอดูฝืดเฝื่อน “ ว่าแต่ครอบครัวของคุณแม่ดูอบอุ่นดีนะครับ”

          แววตาของหมอโคตรน่าสงสารจนผมรู้สึกใจหายขณะที่กำลังจะขยับไปปลอบ แม่ก็อ้าแขนออกกว้างพร้อมกับยิ้มรอท่า

          “ไหนมาให้แม่กอดทีซิ”

           หมอทำหน้าอึ้งแววตาคู่นั้นสั่นระริกเป็นกิริยาที่ผมนึกเอ็นดูอย่างประหลาดใจ

          “ ขยับไปสิคะพี่หมอ”

         ใยบัวดันหลังหมอให้ขยับเข้าไปใกล้แม่ก่อนที่แม่จะโอบกอดหมอแล้วลูบไล้แผ่นหลังนั้นเบาๆ แล้ววงแขนของหมอจึงค่อยๆโอบรัดแม่แล้วซุกใบหน้าที่ลำคอ ผมสัมผัสได้ว่าหมอกำลังตัวสั่น

         “ นิ่งซะนะ”

         แม่ปลอบเสียงอ่อนโยน “ พี่หมอกอดแม่ให้แน่นขึ้นสิ ให้เรารู้สึกว่า ‘แม่’ อยู่ตรงนี้”

         “ ขอบคุณครับ”

         เนิ่นนานกว่าหมอจะหลุดคำขอบคุณด้วยเสียงแหบพร่า

         “ ไม่เป็นไรแล้วน้า”

         “ ครับ”

         เมื่อหมอยกมือไหว้แม่แล้วเลยไปที่พ่อซึ่งนั่งยิ้มรอท่าอยู่

         “ ขอโทษที่ทำให้ทุกคนตกใจนะครับ”

         “ ไม่เป็นไรลูก ไม่เป็นไรใช่มั้ยคะพ่อ” แม่หันไปถามพ่อ

         “ เอาล่ะ เมื่ออยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันแล้วเรามาเล่นเกมกันดีกว่า”

         ใยบัวทำตาเป็นประกายก่อนจะฉวยเอาเกมเศรษฐีออกมาวางกลางวง ท่าทางมีเลศนัยนั่นทำเอาทุกคนหัวเราะขำ

         “ อะไรกันตัวแสบ”

          “ กติกาง่ายๆใครแพ้ถูกทำโทษ”

          “ ด้วยวิธีไหน”

         ผมถามพอดีพ่อลุกไปหยิบขวดไวน์ซึ่งหอบมาจากต่างประเทศ

          “ อะไรกันน่ะพ่อ”

          “ ไวน์แดง” ใยบัวตาเป็นประกายจนแม้ค้อนให้ “ ใครแพ้ดื่มตาละแก้ว”

          “ พ่อเอาของแบบนี้มาใช้ลงโทษได้ยังไงคะ ใยบัวยังเด็กแม่ไม่ให้ลูกดื่มหรอก”

          “ โธ่แม่คะทีพี่ยิมยังแอบกินตั้งแต่สิบสามเลย ตอนนี้หนูสิบเจ็บแล้วนะคะ”

          นั่นย้อนผมเข้าจนได้ ดูสิแม่ทำตาเขียวใส่ผมอีกคนเลย

          “ เอาน่าแม่ อย่างน้อยถ้าลูกเมาก็ยังมีพ่อกับแม่คอยดูแลนะ ดีกว่าไปอยากรู้อยากลองนอกบ้านเพียงลำพังนะแม่” พ่ออธิบายมือก็โยกศีรษะยัยแสบไปด้วย

          “ นะคะแม่” ใยบัวอ้อนแม่

          “......”

          “ นะคะ”

          “ แม่จ๋า”

          “ ก็ได้”

          แม่พยักหน้ารับ “ แม่เห็นว่าพ่อกับยิมอยู่หรอกนะ แล้วอย่าริอาจไปลองเองลับหลังแม่ล่ะ”

         “ ครับป๋ม”

         พอตัดปัญหาเรื่องนี้ได้พวกเราก็เริ่มสนุกสนานกับเกม ผมเลยเหลือบตามองใบหน้าของหมอที่ดูจะตื่นเต้นเหมือนเด็กๆ

         “ เล่นด้วยกันนะครับ”

         “ อืม”

         ขณะที่คนในครอบครัวกำลังจดจ่ออยู่ในกระดานเกม ผมเลยขยับไปกุมมือหมอเอาไว้จนฝ่ายนั้นรู้สึกตัว

         “ หมอครับ”

         “ อะไร”

         “ นอกจากผมแล้วหมอยังมีครอบครัวของผมนะครับ”

         ผมกระชับฝ่ามือแล้วบีบเบาๆ

         “ อืม”

         “ เย้”


         ผมกับหมอสะดุ้งโหยงถึงอย่างนั้นเราก็ไม่ปล่อยมือจากกัน ก่อนจะมองไปยังต้นกำเนิดเสียงคือยัยเด็กแสบที่ดีใจเสียเต็มประดาที่ตัวเองแพ้ตาแรกเพราะนั่นหมายถึงเจ้าตัวแสบจะได้ดื่มของมึนเมา พ่อหัวเราะขำมือก็รินไวน์แดงใส่แก้วขณะที่แม่ทำหน้ามุ่ยไม่ชอบใจนักแต่ถึงอย่างนั้นทุกคนก็มองเด็กแสบด้วยความเอ็นดู

         ผมรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่มี ‘ครอบครัว’ และ ‘ หมอปาย’

         ผมโชคดีจริงๆที่ได้เห็นรอยยิ้มหมอในระยะใกล้ชิดแบบนี้







โย่ว โย่ว ครอยครัวสุขสันต์มั้ยล่ะตอนนี้ คนมีความสุขก็เงี้ยยิมปายไม่ได้กล่าว เค้ากล่าวเอง ฮ่าๆๆๆๆๆ
ตักตวงความสุขกันให้พอ (หัวเราะด้วยความร้ายกาจ อิอิอิ)
หนึ่งความคิดเห็นคือหนึ่งกำลังใจนะจ๊ะ จุ๊บๆๆๆ


ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
น้ำตาซึมตามหมอปายเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
ตักตวงความสุขให้พอจากนักเขียนที่ทำเอาหนาวสันหลังวาบๆ ว่ามาม่าจะโผล่  :mew5:

ออฟไลน์ jamesnaka

  • วิหคเหมันต์
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
รอตอนต่อไปจ้า   :pig4:

ออฟไลน์ mareya.no7

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
เป็นครอบครัวที่อบอุ่นและน่ารักมาก :mew1:

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2922
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
ครอบครัวยิมน่ารักกกกกกก :impress2:

ออฟไลน์ Ra poo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
หมอมีความสุข เราก็ดีใจ งือ  :hao5:

ออฟไลน์ GOLDMIND

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
น่ารัก อ่านเพลิน แป็บเดียวจบตอนแล้ว~

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5591
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
ครอบครัวยิมน่ารัก

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
ซึ้งงงงง แม่ยิมกอดหมอปาย TT ดีใจกับหมอปายที่มาเจอครอบครัวอบอุ่นน่ารักแบบนี้ ดีจริงๆ ชอบมากไม่ต้องกังวลนะหมอ พ่อแม่ยิมใจดี ^^ น้องใยบัวน่าร๊ากกกก ต่อไปยิมจะกลายเป็นหมาหัวเน่าละ ใครๆก็โอ้หมอปาย น้องใยบัวติดหนึบล่ะ 5555

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ครอบครัวยิมอบอุ่นมากเลย

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
น้ำตาไหลตามหมอปายไปด้วยเลย :mew4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ asakurafy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 :-[ แบบนี้ยิมหมดสิทธิ์เลิกกับหมอล่ะ เดี๋ยวโดนหมอชำแหละ 555+ ครอบครัวยิมดี๊ดี อบอุ่น น่ารัก

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
ด้วยประโยคที่ว่า  ตักตวงความสุขกันให้พอ (หัวเราะด้วยความร้ายกาจ อิอิอิ)  :ling3: :ling3:
พ่อของหมอเสิร์ฟมาม่าเหรอ :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ครอบครัวอบอุ่นมาก. อ่านไปยิ้มไป,,,,

ออฟไลน์ Yunatsu

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-5
ความสุข มันสุขมาก จนคิดว่าจากนนี้ต้องเจออะไรเนี่ยยยย

ออฟไลน์ chuagporz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
มีความเอ็นดูหมอ
แอบน้ำตาคลอตามเลยตอนที่แม่ยิมโผเข้าไปกอด อะฮึก....
ยิมโชคดีมากที่มีครอบครัวดีแบบนี้

ออฟไลน์ Kalamall

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 729
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-2
 :monkeysad: หมอปายสู้ๆ

ออฟไลน์ [Karnsaii]

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +523/-17



        หลงที่ 23 : เผชิญหน้า





         [หมอปาย]





         “ จริงๆมึงไม่ต้องมาส่งกูก็ได้ห้องกูอยู่แค่นี้” ผมพูดกับมันตอนที่ไอ้ยิมอาสาเดินจากห้องมันมาส่งถึงหน้าห้องผม

         “ ได้ไงล่ะครับ  แฟนทั้งคน”

         มันแซวขำๆเลยได้รับหมัดตรงหัวไหล่ขวาจนฝ่ายนั้นเบ้หน้า

         “ กลับห้องมึงไปได้แล้ว เดี๋ยวพ่อกับแม่จะรอนาน”

         “ ไม่เปลี่ยนใจไปกับผมเหรอครับ”

         “ ไม่”



         ผมส่ายหน้าปฏิเสธคำชวนของมันเนื่องจากวันนี้สายๆมันจะไปส่งพ่อแม่และน้องสาวที่บ้านแถบชานเมือง ก่อนหน้านี้พ่อแม่มันก็เอ่ยชวนให้ไปค้างอีกสักคืน แต่ผมก็ปฏิเสธไปเพราะอยากให้มันได้ใช้เวลากับครอบครัวอย่างเต็มที่ และบ่ายนี้ผมเองก็สัญญากับปอไว้ด้วยว่าจะไปรับที่โรงเรียน ดีว่าช่วงนี้เป็นเวลาปิดภาคการศึกษาของเด็กมหาลัยผมเลยมีเวลาว่างเต็มๆเกือบสองอาทิตย์ก่อนจะกลับไปลุยเรื่องเรียนต่อ ช่างเป็นช่วงเวลาปิดเทอมที่น้อยนิดเมื่อเทียบกับนิสิตคณะอื่นๆที่ปิดเทอมที่เป็นเดือนๆ


        “ วันนี้กูต้องไปรับปอที่โรงเรียน สัญญากับน้องไว้ว่าจะพาไปกินไอศกรีม”

        “ งั้นก็รอไปพร้อมกับผมสิครับ”

        ผมส่ายหน้าอีกครอบ “ มึงน่ะไปใช้เวลาอยู่กับครอบครัวซะบ้าง ไม่เจอกันตั้งนานไปอยู่กับพ่อแม่และน้องสาวให้หายคิดถึงไป๊” มันเบ้หน้ารวบมือผมไปเขย่าเบาๆ “ อย่างนี้ผมก็คิดถึงแฟนแย่สิ”

        คำพูดตรงไปตรงมาของมันทำให้ลมหายใจผมแทบจะสะดุด รู้สึกได้เลยว่าใบหน้าตัวเองร้อนเห่ออย่างไม่มีสาเหตุ ไอ้ยิมยิ้มกว้างโน้มใบหน้ามาจนหน้าผากเราชิดกัน

        “ หมอครับ”

        “ เออๆ” ผมตัดบททำทีว่ารำคาญ ทั้งที่ใจหวิวๆชอบกลที่ได้สบตากันในระยะประชิดเช่นนี้ “ ถ้าคิดถึงก็อย่าไปนานสิ”

        “ อะไรนะผมได้ยินไม่ชัด”

        มันทำท่าแคะหูต่างจากสีหน้าที่ยิ้มแย้มจนน่าหมั่นไส้

        “ ไม่ได้ยินก็ถือว่าไม่ได้พูด”

        “ โธ่หมอ”

        ผมหันหลังหนีเตรียมเสียบคีย์การ์ดเปิดประตูห้อง แต่ติดที่ว่าไอ้ยิมมันมือไวเพราะมันรีบกอดผมจากด้านหลังโดยวางคางไว้ที่หัวไหล่ผม ทำให้ริมฝีปากมันใกล้กับใบหูแบบไม่ต้องสงสัย

        “ เชี่ยยิมมึงจะทำอะไรเนี่ย” ผมดิ้นหนี “ ปล่อยนะโว้ยนี่มันหน้าห้องนะ”

        “ งั้นหมอรีบเสียบคีย์การ์ดสิครับ จะได้เข้าไปทำในห้อง”

        “ กูไม่ได้หมายความแบบนั้น”

        "งั้นผมทำหน้าห้อง”

        “ กวนตีน” ศอกใส่แต่มันหลบทัน “ กูไม่ให้มึงทำอะไรทั้งนั้นเข้าใจมั้ย”

        “ ไม่อยากเข้าใจ”

        “ ไอ้หมายิม”

        ผมถอนหายใจคิดดูสิว่าผู้ชายสองคนมายืนกอดกันบริเวณโถงหน้าห้องแบบนี้ ถ้าหากเจ้าของห้องคนอื่นๆในชั้นนี้เปิดประตูออกมาเห็นที่นี้แหละคงไม่รู้จะทำหน้ากันยังไง

        “ อยู่นิ่งๆก่อนสิครับหมอ”

        “ ปล่อยเถอะ”

        “ แป๊บนึง”

        เสียงลมหายใจที่กระซิบข้างหูชวนจั๊กจี้ แต่กระแสเสียงอ่อนโยนนั่นทำให้ผมหยุดนิ่ง

        “ ผมดีใจนะครับที่หมอยิ้มอย่างมีความสุขเวลาที่อยู่กับครอบครัวผม”

        ‘ มีความสุข’ งั้นเหรอ คงจะจริงอย่างที่มันพูด ผมรู้สึกผ่อนคลายและเป็นตัวของตัวเองจริงๆ เวลาที่อยู่กับครอบครัวนี้ เพราะรู้สึกสบายใจและมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ไม่แปลกใจเลยที่ยิมมันถึงเป็นคนที่มีความคิดทางบวกแบบนี้เพราะมันมีครอบครัวที่ดีที่เป็นเบ้คอยหล่อหลอม


        “ ต้องขอบคุณมึง”

         ผมหันมาเผชิญหน้ากับมัน

        “ ขอบคุณผม” มันทำหน้างง “ ขอบคุณผมทำไมครับ”

        “ ก็ขอบคุณที่มึงพากูไปเจอสิ่งดีๆ”

        มันอมยิ้ม “แค่ขอบคุณงั้นเหรอครับ”

        “ อืม”

        “ ไม่มีรางวัลสำหรับคนทำดีเหรอครับ”

        แววตามันพราวระยิบท่าทางดูเจ้าเล่ห์ จนผมต้องหรี่ตามองอย่างจับผิด

        “ จะเอาอะไร”

        “ แล้วแต่หมอจะกรุณา”

        ผมกระตุกยิ้มก่อนจะยืดตัวขึ้น ดันให้มันถอยหลังไปจนชิดกำแพงแล้วยกแขนขึ้นเท้ากับผนังเป็นการปิดทางให้มันถอยหนี เจ้าตัวมันก็เหมือนจะเต็มใจเมื่อมันเอื้อมมือข้างหนึ่งมาคล้องที่บ่าผมแล้วเชิดใบหน้าให้หงายแหงนเป็นเชิงท้าทาย


        “ ได้สิ”

        ผมก้มลงไปประกบริมฝีปากมันอย่างอย่างแผ่วเบา จากนั้นเลื่อนใบหน้าไปบริเวณซอกคอของอีกฝ่ายก่อนจะกระซิบเบาๆว่า ‘ขอบคุณ’ แล้วเม้มเนื้ออ่อนบริเวณนั้นจนขึ้นสีแดงเรื่อยทันทีทันใด


        “ โอ้ย”

       มันหลุดอุทานออกมาก่อนจะตวัดพลิกตัวให้ผมไปแทนที่ตำแหน่งมัน ผมพยายามบ่ายเบี่ยงแต่แผ่นหลังที่ติดกำแพงทำให้ขยับมากไม่ได้ ซ้ำมือของมันยังรัดรอบเอวเสียแน่น ไอ้ยิมมันยิ้มกว้างตาเป็นประกายโคตรไม่น่าไว้ใจ ขณะที่ผมกำลังคิดวิธีเอาตัวรอดมันก็ประกบปากจูบผมโดยไม่ทันให้ได้คิดเลย


        “ อื้อ”

       มันขบตามขอบปากผมเบาๆหวังให้เปิดริมฝีปากใหมันเข้าไปสำรวจ แต่ผมรู้ทันเลยเม้มปากแน่น

       “ เปิดปากหน่อยสิครับหมอ”

       “ ไม่”

       “ อื้ม”

       มันยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะคว้ามือข้างหนึ่งของผมไปวางที่กึ่งกลางลำตัวของมน แรกสัมผัสส่วนที่โป่งนูนทำเอาผมสะดุ้งโหยงเผลออ้าปากให้มันเข้ามารุกรานได้สำเร็จ คราวนี้มันเลยบดจูบอย่างเอาแต่ใจ

       “ พอ”

       “ ไม่พอ”

       “ กูหายใจไม่ทัน”

       คราวนี้มันค่อยๆผ่อนจูบลงเปลี่ยนจากการบังคับหนักหน่วงกลายเป็นสัมผัสที่แผ่วเบาและวนชิมริมฝีปากของอยู่นานสองนาน ผมแทบจะยืนไม่อยู่ตอนที่มันถอนริมฝีปากถอยออกไป แต่ยังไม่ทันจะได้เปิดปากด่ามัน บุคคลที่ผมไม่อยากให้มาเจอในสถานการณ์แบบนี้ที่สุดกลับมาปรากฏอยู่ตรงหน้า


       “ ไอ้ปาย”


       “ คุณพ่อ”

        ผมยืนตะลึงสบตากับพ่อที่หน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ ลมหายใจผมสะดุดเป็นช่วงๆจนรับรู้ได้ถึงฝ่ามือของมันที่สอดเข้ามากุมมือกันเอาไว้ พ่อมองภาพผมกับมือกุมมือกันแล้วถึงกับตัวสั่นก่อนจะกระชากแขนผมแรงๆเพื่อแยกพวกผมให้แยกออกจากกัน


        “ เอาตัวมันกลับบ้าน”

        “ หมอ”



        ทุกอย่างรอบตัวผมเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก บอดี้การ์ดนับสิบในชุดสีดำตรงเข้าจับตัวผมก่อนจะผลักมันออกไป ผมพยายามดิ้นหนีแต่ไร้หนทางได้แต่มองมันที่ถูกผลักจนหงายล้มไปกองกับพื้น ผมเจ็บเหลือเกินกับภาพที่มันพยายามตะเกียกตะกายพุ่งมาหาผมได้คว้าได้แต่อากาศ

        ภาพนั้นค่อยๆหลายไปจากสายตาเมื่อเราห่างกันมากขึ้น ไม่นานพวกเราก็มองไม่เห็นกันแล้ว วินาทีนั้นผมเห็นแววตาสะใจของไอลดาที่ยืนอยู่เบื้องหลังพ่อ นั่นหมายความว่าการที่พ่อซึ่งไม่ค่อยจะใยดีผมเท่าไหร่มาเหยียบที่นี่ได้ก็เพราะเธอ



      .

      .

      .




        ผมรู้ว่าพ่อกำลังโกรธ ไม่ใช่แค่โกรธธรรมดา แต่โกรธจัดจนผมเดาอารมณ์พ่อไม่ได้เลย หากพ่อลงไม้ลงมือกับผม ผมคงไม่ทรมานแบบนี้ แต่นี่พ่อแค่เหลือบตามองผมด้วยแววตาที่ชวนอึดอัด พ่อไม่เคยมองผมอย่างผิดหวังและเสียใจขนาดนี้มาก่อนเลยแม้แต่ตอนที่ผมทะเลาะกับพ่อเสียใหญ่โตและตัดสินใจก้าวออกจากบ้าน พ่อก็แค่โกรธไม่นานหลังจากนั้นก็เหมือนจะทำลืมๆไป แต่วันนี้ความผิดหวังเสียใจปรากฏชัดในแววตาคู่ที่ผมถอดแบบท่านออกมา ทุกครั้งที่มองหน้ากันเหมือนเห็นภาพสะท้อนตัวตนของอีกฝ่าย พ่อไม่ปริปากพูดกับผมสักคำเดียว มีแค่เสียงลมหายใจรุนแรงที่บ่งบอกถึงอารมณ์โกรธ

         ระหว่างเรามีแต่ความเงียบจนกระทั่งบีเอ็มซีรีย์สีดำสนิทพามาจอดสนิทอยู่หน้าบ้านซึ่งนานมากแล้วที่ผมไม่ได้กลับมาเหยียบตั้งแต่ประกาศกร้าวว่าจะออกไปใช้ชีวิตตามลำพังข้างนอก ผมกวาดตามองคฤหาสน์หลังงามที่เป็นสมบัติตกทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ทุกอย่างภายนอกยังคงความสวยงามสมกับเป็นวัง เพราะที่คือความภาคภูมิใจของตระกูล “วงษ์วรกาญจน์” ไม่แปลกหากพ่อผู้มียศศักดิ์ถึงได้ภาคภูมิใจในเชื้อสายของตัวเองนัก และคงไม่แปลกหากพ่อจะเกลียดชังรอยด่างพร้อยของตระกูลแบบผม



         ผมก้าวเดินตามประมุขของบ้านเข้าไป โดยมีบอดี้การ์ดนับสิบประกบหน้าหลังราวกับนักโทษ ผมถอนหายใจเพราะจนป่านนี้บิดาก็ยังไม่เปิดปากพูดอะไรแม้แต่คำเดียว จนกระทั่งพ่อไปหยุดยืนอยู่ที่มุขหน้าบ้าน


        “ เฝ้ามันเอาไว้ให้ดี” พ่อหันไปสั่งบอดี้การ์ดด้วยเสียงเฉียบขาด “ อย่าให้มันเล็ดลอดออกไปทำความขายหน้าให้ฉันได้อีก” ท้ายประโยคเหลือบตามองผม

        “ คุณพ่อ”

       ผมเรียกผู้ให้กำเนิดเสียงแผ่วตอนที่ท่านกำลังจะเดินผละออกไป พ่อหยุดชะงักก่อนจะเหลือบตามองผมอีกครั้ง

        “ ฉันไม่อยากคุยกับแก” พ่อตวาดเสียงดังลั่น “ แกทำให้ฉันผิดหวังจริงๆ”

        ผมกำหมัดแน่นตอนที่พ่อฉุนเฉียวขึ้นไปยังห้องทำงาน ในอกผมร้อนรนเต็มไปด้วยความอึดอัด ผมถอนหายใจแรงหันกลับมาเห็นบอดี้การ์ดสี่คนยืนนิ่งเฉยเสมือนผู้คุมยังไงยังงั้น พอกวาดสายตามองไปด้านนอกชายชุดดำจำนวนไม่น้อยก็กระจายอยู่รอบบ้าน


        หึ...นี่คงเป็นกรงขังอย่างสมบรูณ์แบบ


        ผมหลับตานิ่งพยายามคิดหาหนทาง หากเป็นก่อนหน้านี้ผมคงมุทะลุลองงัดข้อกับพ่อสักตั้ง แต่วันนี้สถานการณ์ตอนเช้าบอกผมว่าการทะเลาะกันครั้งนี้ไม่มีอะไรที่เหมือนเดิม หากผมลองดีคงส่งผลลัพธ์ที่ไม่น่าพิสมัยเท่าไหร่ ผมไม่นึกห่วงตัวเองหรอกจะห่วงก็แต่มันและครอบครัว ภาพที่มันล้มหงายหลังแววตาดูเจ็บปวดยังติดตามผมอยู่ ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นยังไง



        ...มันจะคิดถึงผมแบบที่ผมกำลังคิดถึงมันรึเปล่า...


        “ ปายคะ”

        ผมเบือนหน้าหนีตอนที่ไอลดาถือวิสาสะเปิดประตูเข้ามาในห้องผม หล่อนพยายามฉีกยิ้มให้ผมแต่ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกขยะแขยงรอยยิ้มของเธอนัก

        “ ปาย”

        “.......”

        “ ไอดีใจนะคะที่คุณกลับมาอยู่บ้านสักที”

        “ แต่ผมเสียใจ”

        เธอทำหน้าเสีย “ ทำไมละคะ”

        “ ผมเสียใจที่ต้องกลับมาเจอคุณ”

        “ ปาย”

        ไอลดากรีดร้องเสียงดัง ใบหน้างดงามบิดเบี้ยว “ ทำไมคะ เสียใจมากเหรอที่ต้องห่างไอ้คู่ขานั่น”


         “ ครับ”

        ผมรับคำสีหน้ายิ้มๆ ทำให้เธอโมโหกระฟัดกระเฟียด

         “ ทำไมคุณใจร้ายกับไอแบบนี้”

         “ แล้วคุณล่ะไอ ทำไมถึงใจร้ายกับผมนัก”

        ผมจ้องมองเธอจนอีกฝ่ายหน้าเสีย

         “ คุณบอกพ่อเรื่องผมกับยิม”

         “ ไอเปล่า”

          เธอละล้ำละลักปฏิเสธ “ ไอไม่ได้บอก พ่อคุณรู้เอง”


        “ งั้นเหรอ”

        ผมแค่นยิ้ม ปฏิกิริยาร้อนตัวแบบนี้ทำไมผมจะไม่รู้ว่าทั้งหมดเป็นฝีมือใคร แต่จะยังไงก็ช่างถึงไม่มีไอลดาสักวันหนึ่งพ่อก็ต้องรู้อยู่ดี ไม่ช้าก็เร็ว

        “ ขอบคุณคุณมากไอ” ผมยิ้มให้เธอ “ เพราะมันทำให้ผมกล้าที่จะคบเขาอย่างเปิดเผย”

        “ ปาย”

        หล่อนร้องเสียงสูงสีหน้าตกใจสุดขีด “ ปายจะต้องเสียใจเพราะมัน”


        “ ไม่เป็นไรหรอก เพราะผมได้เลือกมันแล้วต่อให้เจอเรื่องเลวร้ายขนาดไหนผมจะไม่มีวันเสียใจ”

         ไอลดากรีดร้องเสียงดัง ก่อนจะปล่อยโฮแล้วผลุนผลันออกจากห้องผมไป

         ผมลูบใบหน้าตัวเองให้คลายความตึงเครียดทั้งที่ในอกมันเต็มไปด้วยความอึดอัดคับข้องใจ ถ้าหากมันอยู่ตรงนี้ด้วยก็คงดี ถ้ามันอยู่ตรงนี้ อยู่ข้างๆกัน


        ...เวลาแบบนี้ผมโคตรอยากมีมัน...

        สายฝนข้างนอกกำลังโปรยปราย บรรยากาศรอบข้างมืดครึ้มเสียงฟ้าร้องคำรามพาให้รู้สึกหวาดหวั่น ถ้าหากฝนตกในค่ำคืนนี้ผมจะนอนได้ยังไง หากไม่มีมันนอนกุมมือเหมือนในวันฝนพรำที่มีมันอยู่ข้างกาย ผมเงี่ยหูฟังเสียงเปิดประตูที่ดังขึ้นอีกครั้ง แต่ไม่ได้หันไปมองได้แต่ส่งเสียงออกไปเมื่อผู้มาเยือนมาถึง



       “ ออกไป”

      เสียงประตูปิดลงก่อนที่ใครคนนั้นจะสาวเท้าเข้ามาใกล้เรื่อยๆ

       “ บอกให้ออกไป”

       “ พี่ชาย”

       เสียงเจื้อยแจ้วของปอดังขึ้นก่อนที่เจ้านั่นจะโผเข้ากอดผม “ น้องเอง”

       “ ปอ”

       ผมสวมกอดร่างเล็กๆนั่นทันที ความรู้สึกเหมือนว่าตัวเองอยู่โดดเดี่ยวหายวับไปทันตาดวงตากลมโตช้อนมองผมแล้วฉีกยิ้ม ความไร้เดียงสานั่นทำให้ผมอดน้ำตาซึมไม่ได้

       “ น้องคิดถึง”

       “ อื้อคิดถึงเหมือนกัน คิดถึงที่สุด”


        ผมกระซิบบอกคนในอ้อมแขน หวังจะให้คำๆนั้นถูกสายลมพูดพาไปให้คนที่ ‘คิดถึง’ ได้ยิน

        ...คิดถึงมากเจ้าของ 1216...

        ...คิดถึงใจจะขาด...







          [ยิม]


         “ ผมมีเรื่องจะบอกพ่อกับแม่ครับ”

        ผมเอ่ยขึ้นหลังจากนิ่งเงียบอยู่นาน พ่อกับแม่พยักหน้ารับพร้อมกับยืดตัวขึ้นเหมือนเตรียมพร้อมจะรับฟังทุกอย่าง ผมยิ้มบางๆรู้สึกดีใจมากที่พ่อกับแม่ผมอดทนรอฟังทุกอย่างจากปากผม ไม่ซักไซ้และทำให้รู้สึกอึดอัดใจ ทุกครั้งที่มีปัญหาก็พร้อมจะอยู่เคียงข้างและโอบอุ้มไว้ไม่ต่างจากตอนวัยเยาว์

        ...ในวันที่มืดมนก็ยังมีมือพ่อกับแม่คอยจับประคอง...

        ผมผุดลุกขึ้นก่อนจะสาวเท้าไปทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้นก่อนจะพนมมือก้มกราบปลายเท้าท่านทั้งสอง พ่อกับแม่ดูตกใจไม่น้อยรีบดันตัวผมให้เงยหน้าขึ้น

        “ อะไรกันลูกยิม”

        “ ผม”

        “ มีอะไรอยากบอกพ่อกับแม่มั้ย”

         พ่อตบบ่าผมเบาๆ แววตาที่จ้องมองกลับมาดูอาดูร

        “ ถ้าผมผิดปกติไปจากคนอื่น พ่อกับแม่จะรังเกียจในสิ่งที่ผมเป็นมั้ยครับ”


         แม่รีบส่ายหน้ามือบางลูบใบหน้าผม “ ผิดปกติของลูก แม่ไม่รู้หรอกว่ามันหมายความถึงอะไร แต่สำหรับแม่ ผิดปกติหมายถึงคนที่ชอบดูถูกคนอื่นและรังเกียจเดียดฉันท์ในความต่างของฐานะในสังคม เพราะนั่นหมายถึงเขามีจิตใจที่มืดบอด คนเหล่านั้นมักมองความผิดพลาดของคนอื่นเป็นเรื่องใหญ่ และยกตัวเองเป็นศูนย์กลางของทุกอย่าง ถ้าลูกแม่ไม่ได้ประพฤติตัวเช่นนั้นลูกก็ไม่เห็นมีอะไรที่ผิดปกติ”


        “ ผมชอบผู้ชายครับ”

          ผมสารภาพอย่างหนักแน่น เพราะยอมรับหมดหัวใจว่าผม ‘รัก’ หมอ และในเมื่อรักแล้วผมพร้อมจะรับสภาพทุกอย่าง


         “ ยิมลูก พ่อกับแม่เราต่างใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศมานาน เรามองเห็นความเปลี่ยนไปหลายอย่าง ได้พบเห็นหลายๆเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ และได้รู้จักกับความรักหลากหลายรูปแบบ แต่ทุกรูปแบบมันมีสิ่งดีๆที่น่าจดใจ เราไม่รู้หรอกว่าวันหนึ่งเราจะมีความรู้สึกเปลี่ยนไป ทุกอย่างเกิดขึ้นได้เสมอเมื่อถึงเวลา”


          พ่อเอ่ยขึ้นเบาๆ “ เรื่องของจิตใจมันห้ามไม่ให้รู้สึกไม่ได้หรอกลูก ยิมไม่ได้ทำไม่ดี ไม่ได้ฆ่าใครสักหน่อย ทำไมพ่อกับแม่ถึงจะยอมรับไม่ได้ ถ้ามันคือชีวิตของลูกคือความรักของลูกเอง พ่อขอให้ยิมจำไว้ว่าถ้ารู้สึกแล้วขอให้รับผิดชอบกับความรู้สึกของตัวเอง ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นต้องยอมรับผลของมันให้ได้”

          “ ครับ”

         แม่ลูบขอบปากผมซึ่งก่อนหน้านี้แม่ลงมือทำแผลให้โดยไม่ปริปากถามอะไร ทั้งๆที่ท่านดูตกใจไม่น้อยที่เห็นสภาพผมในตอนแรก “ ยิมกับพี่หมอคบกันนานรึยัง”


         “ แม่รู้ได้ไงครับว่าเป็นหมอ”

         แม่หันไปยิ้มกับพ่อก่อนจะบุ้ยปากไปที่ขอบประตูซึ่งน้องสาวผมยืนแอบฟังอยู่ และเหมือนเจ้าตัวจะรู้ตัวถึงได้ค่อยๆกระมิดกระเมี้ยนเดินมาหา ผมอ้าแขนโอบกอดน้องสาวที่ถลาวิ่งมาซุกอก

         “ พี่ยิมเจ็บมากมั้ย” ใยบัวลูบมุมปากผมเบาๆ “ พี่ยิมอย่ายอมแพ้นะตามพี่หมอกลับมาให้ได้” ผมรับคำแล้วลูบศีรษะใยบัว

         “ ยิม”

         “ ครับผม”


         “ ถ้าเราชอบพอกัน พ่อว่าไปคุยกับพ่อเขาให้รู้เรื่องเถอะ ยิมคงจะรู้ว่าเรื่องนี้มันละเอียดอ่อนยากจะที่จะยอมรับกันได้ง่ายๆ พ่อกับแม่น่ะเห็นเรื่องพวกนี้มาจนชินตอนที่อยู่ต่างประเทศมันเลยให้ทำให้พวกเรายอมรับได้ แต่ไม่ใช่กับพ่อของหมอปายนะ ศิววงษ์น่ะเป็นคนปากร้ายใจดี ที่ทำแบบนี้มันคงช็อคไม่น้อยที่มารับรู้ความสัมพันธ์ของลูกเขากับเรา”


         “ พ่อรู้จักพ่อหมอปายด้วยเหรอครับ”

         พ่อพยักหน้าน้อยๆ “ เคยเรียนรุ่นเดียวกันตอนมัธยม ก่อนที่จะแยกย้ายไปเรียนต่อต่างประเทศ”

         ผมทำหน้าประหลาดใจ


         “ ศิววงษ์มันเป็นคนเงียบๆ เป็นพูดน้อยมาแต่ไหนแต่ไร แต่เป็นคนเอาการเอางานและจริงจังกับทุกเรื่อง บางครั้งมันถึงดูเคร่งขรึมจนยากที่จะเข้าหา แต่เชื่อเถอะว่าพ่อทุกคนย่อมรักลูกของตัวเอง ถึงไม่ได้พูดแต่การกระทำก็แสดงออกชัดเจนว่าเขารักลูกเขา และมันเป็นสิทธิ์เขาที่จะปกป้องลูกจากสิ่งที่ตัวเองคิดว่าไม่ถูกไม่ควร แต่เชื่อเถอะว่าถ้าเราแสดงความจริงจังซะ อย่างแสดงออกให้เขาเห็นพ่อว่าศิววงษ์ต้องยอมรับได้สักวัน”




       .

       .

       .



        ผมตัดสินใจขับรถมาจอดอยู่หน้าคฤหาสน์หลังจากรวบรวมกำลังใจมาอย่างเต็มเปี่ยม แต่พอยามหน้าประตูเห็นหน้าผมก็ไล่กลับออกมาแทบไม่ทัน ผมเดาได้ไม่ยากคงเป็นเพราะคำสั่งประมุขของบ้าน ผมถอนหายใจโทรเข้าโทรศัพท์มือถือของหมอแต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีสัญญาณบ่งบอกว่าเราตัดขาดจากกันอย่างถาวร ผมนั่งนิ่งเหลือบตามองออกไปนอกรถที่ฝนกำลังลงเม็ด


         ...อากาศแบบนี้ไม่รู้ว่าหมอจะนอนยังไง...

         ...หมอจะรู้มั้ยว่าผมห่วงเขามากแค่ไหน...


        ผมกวาดตามองฝ่าความมืดไปยังคฤหาสน์ที่เงียบสงัด หมอกลับมาบ้านแบบนี้คงยากที่จะเข้าถึง ผมคลึงขมับก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าน้องปอมีโทรศัพท์เครื่องเล็กที่ผู้ปกครองให้ติดตัวเอาไว้ แต่น้องไม่ค่อยได้ใช้หรอกเพราะหมอไม่เห็นด้วยสักเท่าไหร่ ผมเคยแอบโทรคุยกับน้องบ่อยๆ แต่ต้องเป็นตอนที่น้องมีคนดูแลอยู่ด้วยไม่งั้นน้องก็ไม่อนุญาตให้ใช้โทรศัพท์เด็ดขาด
ยังไงก็แล้วแต่ผมจะลองเสี่ยงดู

        ผมเบอร์น้องโทรออกไม่นานแค่เสียงรอสายก็ทำให้ผมกระวนกระวานใจแล้ว ผมภาวนาไม่กี่อึดใจก็ได้ยินเสียงกดรับสาย

        “ สวัสดีจ้า”

        เสียงเด็กน้อยลอดมาตามสาย ทำให้ผมเผลอยิ้มไม่ได้

        “ น้องปอ”

        “ พี่ยิม น้องปอเอง” น้องร้องอย่างตื่นเต้น

        “ ครับ น้องปอพี่ปายอยู่แถวนั้นมั้ยเอ่ย”


        ปลายสายไม่ทันได้ตอบแต่ผมได้ยินเสียงกุกๆกักๆและเสียงน้องปอบอกคนที่อยู่ใกล้ๆตัวว่าผมโทรมา


        “ หมอ”

        “มึง”

        น้ำเสียงของหมอดูตื่นเต้นทำให้หัวใจผมอิ่มเอมอย่างประหลาด

        “ หมอปายครับ”

        “ มึงจริงๆด้วย”

        “ ครับผมเอง”

        “ มึงเป็นยังไงบ้าง แผลที่โดนต่อยเจ็บมากมั้ย แล้วมึงทำแผลรึยัง ตอบกูสิยิมว่ามึงไม่เป็นอะไรแล้ว”

        ผมอมยิ้มนึกภาพใบหน้าหมอร้อนรนกระวนกระวายเพราะผม แค่คิดก็รู้สึกสุขใจอย่างประหลาด

        “ ผมไม่เป็นไรครับ”

        “ มึงแน่ใจนะ”

        “ ครับ”

        หมอทำเสียงงึมงำ ก่อนจะพูดประโยคหนึ่งที่ผมฟังแล้วหัวใจเต้นแรง “ กูคิดถึง”

        “ ผมก็คิดถึงหมอครับ”

        “ กูคิดถึงมึงมากกว่า”

        “ ผมคิดถึงหมอมากที่สุด”

        ผมกับหมอหัวเราะออกมาพร้อมๆกัน

        “ แล้วมึงอยู่ไหน”

        “ ผมอยู่หน้าบ้านหมอครับ”
 
        “ พูดจริง”

        ผมเหลือบตามองไปยังคฤหาสน์ที่มืดมิดอยู่ๆไฟก็สว่างขึ้นที่ห้องๆหนึ่งแล้วเห็นร่างของหมอเปิดประตูตรงระเบียงออกมา

        “ ทำไมมึงถึงอยู่ตรงนี้”

        “ ผมเป็นห่วง”

        ผมมองฝ่ายสายฝนไปเบื้องหน้าเพื่อให้แน่ชัดว่าหมอยังอยู่สบายดี

        “ หมอครับ ผมอยู่ตรงนี้นะ หมออย่ากังวล อย่ากลัวการนอนหลับท่ามกลางความมืดในวันฝนตก อย่ากลัวเพราะผมจะเฝ้ามองหมอจากตรงนี้”


       “ ยิม”

       “ ครับ”


       ผมตอบรับหมอก่อนที่หมอจะพูดคำๆหนี่งที่แผ่วเบาแต่กลับดังกล้องอยู่ในใจผมอย่างไม่ลืมเลือน


       “ กูรัก” หมอหยุดไปพักหนึ่งแล้วสูดลมหายใจ “มึง”










อ้าวต้มน้ำเดือดรึยังจ๊ะ ใส่มาม่าเร้ววววววว ฮ่าๆๆๆๆ :laugh:
ท่ามกลางมาม่าพี่หมอก็หลุดปากบอกรักแล้วน้า อิอิ อีกสามตอนก็จบแล้วอู้ๆๆๆ ลุ้นๆ
หนึ่งความคิดเห็นคือหนึ่งกำลังใจนะคะ

ออฟไลน์ andaseen

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 742
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-1
จุกมาม่าเลย ชามใหญ่ไปมั้ยยยยย :m8:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
โอ๊ยยยยย กำลังดี กำลังอบอุ่น
มาเจอหมัดฮุคพ่อปายไป เป็นอันจบข่าวเลยค่ะ

สงสารปาย คงเคว้งมาก คิดว่าพ่อไม่เข้าใจอีกแน่

ครอบครัวยิมดีค่ะ อบอุ่น ยิมก็ดี อบอุ่น จนปายบอกรักได้
แถมยังเหงา รู้สึกขาดไม่ได้ไปอีก

ยิมจะได้เจอปายตอนไหน หรือต้องให้พ่อกับแม่ยิมบุก

น้องปอเป็นกามเทพตัวน้อยนะคะ ทำให้พี่ชายได้บอกรักพี่ยิม

ลุ้นๆๆๆๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด