(ต่อ)
[หมอปาย]
บางครั้งการได้นั่งเงียบๆเพียงลำพังก็เหมือนกับการได้คิดทบทวนการกระทำที่แล้วมาของตัวเอง ยิ่งในสถานการณ์แบบนี้การได้อยู่กับตัวเองถือว่าเป็นเรื่องที่ผมคิดว่ามันดี ผมถอนหายใจแรงๆตอนที่ยืนกอดอกพิงขอบหน้าต่างเหลือบตามองไปยังหน้าคฤหาสน์และทางเข้าซึ่งเต็มไปด้วยชายฉกรรจ์ในสูทสีดำสนิทมากมายเต็มไปหมด หึ สภาพผมตอนนี้ไม่ต่างจากนักโทษที่รอคอยการตัดสินพิจารณาโทษเลย ดีหน่อยที่ประมุขของบ้านยังเมตตาให้เดินไปไหนมาไหนได้ในบริเวณบ้าน เรียกว่าไม่ถึงกับจำกัดอิสรภาพเพราะผมยังได้มีโอกาสพบปะพูดคุยกับคนในบ้านซึ่งก็มีแค่ปอกับลุงหาญเท่านั้นที่มักเข้ามาพูดคุยให้กำลังใจ ต่างจากคนอื่นๆที่แค่นิ่งมองและจ้องดูราวกับกลัวว่าผมจะหาวิธีหลบหนีออกไปได้
ชีวิตในแต่ละวันช่วงนี้มีแค่กินกับนอน ดังนั้นเวลาที่ปอกลับมาจากเรียนพิเศษข้างนอกคือช่วงที่มีความสุขที่สุด เสียงเจื้อยแจ้วของน้องทำให้ความรู้สึกเงียบเหงาถูกปัดเป่า ปอเหมือนพรวิเศษที่ทำให้คนที่รอบข้างสามารถขยับรอยยิ้มได้โดยไม่ต้องอาศัยการเสแสร้งใดๆ อาจจะเพราะน้องยังเด็กที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความใสซื่อบริสุทธิ์มันเลยทำให้ความคิดวุ่นวายต่างๆในหัวถูกแทนที่ด้วยความสดใสของน้อง มันทำให้ผมเผลอยิ้มออกมา เพราะนานมากแล้วที่ผมรู้สึกไม่อยากยิ้มเลยตั้งแต่ผมเสียแม่ไป นานมากแล้วที่ผมเผลอหัวเราะในขณะที่กำลังพบเจอเรื่องยากลำบากขนาดนี้
หากเป็นเมื่อก่อนผมคงไม่รีรอหรือยอมให้บิดากุมชะตาชีวิตแบบนี้ น่าแปลกที่ตอนนี้ผมนึกภาพที่ตัวเองดันทุรังปีกกล้าขาแข็งออกไปอยู่ตามลำพังไม่ออก ภาพจำในวันที่เราพ่อลูกทะเลาะกันใหญ่โตแล้วผมก็ก่อนออกจากบ้านอย่างไม่คิดหวนกลับ ตลอดเวลาหลายปีที่อยู่คนเดียวตามลำพังทำให้ได้รู้ว่าตัวเองเป็นคนเย่อหยิ่งเพียงไหน ทั้งพยายามสร้างกำแพงในใจเพื่อกันใครต่อใครเข้ามาล่วงล้ำพื้นที่ส่วนตัว ทำเข้มแข็งทั้งที่ในใจโคตรเงียบเหงา ทำเหมือนไม่สนใจสิ่งรอบกายทำใจให้นิ่งเพื่อรับรู้สิ่งต่างๆ แต่ลึกลงไปสิ่งที่ผมปรารถนามาตลอดแค่อยากกลับไปเป็นเด็กเหมือนเมื่อครั้งที่แม่ยังอยู่
ผมโหยหาความอบอุ่นของครอบครัวในวันวาน เพราะข้างในมันอ่อนแอถึงต้องทำตัวให้เข้มแข็งเข้าไว้ ผมรู้ดีว่าทิฐิของผมกับพ่อมีมากจนยากที่จะทลายมันลงได้จนเกิดช่องว่างระหว่างเราที่ปล่อยให้มันขยายตัวขึ้นทุกวัน ถึงอย่างนั้นผมก็อยากให้เขาจดจำผมได้ จดจำว่าผมยังเป็นลูกชายเขาคนหนึ่ง ยังเป็นที่ต้องการแม้จะมีเพียงแค่ความเย็นชาเท่านั้นที่ได้รับกลับมา ผมทำให้เขาเสียใจและเสียความรู้สึก ผมทำให้วงษ์วรกาญจน์แปดเปื้อนในสิ่งที่ผมเป็น มันยากเหลือเกินที่คนรอบข้างจะยอมรับได้ ไม่แปลกเลยที่เห็นสีหน้าเจ็บปวดของเขาและแววตาไม่แน่ใจที่พ่อมองผมแต่ละครั้ง เจ็บทั้งคนมองและคนถูกมอง เจ็บที่ผมเป็นในสิ่งที่พ่อรังเกียจ เจ็บจริงๆ
ในช่วงเวลาที่ยากลำบากแบบนี้ผมกลับนึกถึงมันที่สุด มันที่นำพารอยยิ้มมาให้ผมอีกครั้ง ทำให้โลกที่บิดเบี้ยวของผมกลับสมบรูณ์ขึ้น ทำให้การมองโลกรอบด้านเป็นสิ่งที่สมควรทำ สอนให้รักและใส่ใจผู้อื่นมากขึ้น สอนให้การนอนจับมือในวันฝนตกเป็นสิ่งที่ผมปรารถนาที่สุด สอนให้รู้ว่าการมีตัวตนของอีกฝ่ายเป็นสิ่งที่ทำให้รู้สึกดีแค่ไหน
....โคตรดีทุกครั้งที่มีมันอยู่ข้างๆกัน...
ผมเหม่อมองไปเบื้องหน้าอากาศยามเย็นมีลมอ่อนๆพัดเข้ามาในหน้าต่าง เสียงรอบกายเงียบสงัดจนได้ยินฝีเท้าของใครสักคนใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ร่างโปร่งบางของแม่เลี้ยงสาวมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าในมือของเธอมีถาดอาหารหน้าตาน่ากิน แต่เพราะคงตรงหน้าคือเธอความรู้สึกอยากอาหารของผมเลยไม่มีอยู่เลย
“ ปายคะ”
“.......”
“ ไอซื้อโจ๊กเจ้าดังมาให้ค่ะ” หล่อนยิ้มเอาใจ “ ปายลองชิมหน่อยสิคะ ไอรับรองว่ามันต้องอร่อยถูกปากคุณแน่นอน”
ผมถอนหายใจเหลือบตามองใบหน้างดงามที่แย้มยิ้มสดใส ภาพใบหน้านี้ทำให้ผมนึกถึงความงดงามในวัยเยาว์ ในอดีตเธอเคยงดงามทั้งกายและใจแต่พอเวลาผ่านไป กาลเวลาหมุนเปลี่ยนทุกอย่างจนทำให้คนดีในวันวานแปรเปลี่ยนไปตามกระแสของการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติ ธรรมชาติไม่เคยทำร้ายใครแต่การเปลี่ยนแปลงทั้งหลายนั้นเกิดขึ้นมาได้ด้วยการกระทำของคนทั้งนั้น
“ ไอ”
“ คะ”
“ คุณไม่เหนื่อยบ้างเหรอ”
เธอชะงักไปนิดหนึ่งก่อนจะยิ้มเสียกว้าง แต่เป็นรอยยิ้มที่ดูฝืนทนเหลือเกิน กี่วันแล้วที่เธอทำแบบนี้แต่สิ่งที่ได้กลับไปมีแต่ว่างเปล่า ราวกับว่ากำลังเล่นสงครามความเงียบใส่กัน ฝ่ายที่ทนไม่ได้ก็คงจะพ่ายแพ้ไปในที่สุด เธอยังคงทู่ซี้ทำดีกับผมเพราะหวังให้ผมเปลี่ยนใจเข้าสักวัน ขณะที่ผมนั่งมองสิ่งเหล่านั้นด้วยหัวใจที่แห้งแล้งความรู้สึกดีๆในฐานะของเพื่อนนับวันจะถดถอยลง
“ ไอไม่เหนื่อยหรอก เพราะไอทำให้คนที่ตัวเองรัก”
“ คุณไม่ละอายใจบ้างเหรอ” ผมถอนหายใจแรงๆ “ คุณบอกรักผมทั้งที่ยังอยู่ในฐานะแม่เลี้ยงของผม ซ้ำยังเป็นภรรยาของพ่อ ไอลดาคุณรักพ่อผมบ้างรึเปล่าผมไม่อยากรู้ แต่อยากให้คุณจำไว้ว่าปอเป็นลูกของคุณ เขารักแม่ด้วยใจบริสุทธิ์โดยไม่รู้ว่าแม่ตัวเองกำลังทำเรื่องสกปรก”
“ ปาย”
ไอลดาแหวขึ้นเสียงดัง
“ คุณไม่สงสารปอเหรอ”
“ สงสารแล้วยังไง แล้วใครบ้างที่มาสงสารเห็นใจไอ ไอไม่อยากให้เรื่องราวมันเป็นแบบนี้” หล่อนหลุดสะอื้น “ ไอพลาด ไอไม่ได้ตั้งใจที่จะมาเป็นแม่เลี้ยงปาย ไม่ได้ตั้งใจที่จะให้ปอเกิดมา”
...ไม่ได้ตั้งใจที่จะให้ปอเกิดมา...
ผมตัวสั่นทันทีที่ได้ยินแบบนั้น ชีวิตน้อยๆของปอทำไมถึงได้มีเรื่องเลวร้ายแบบนี้
“ แต่เขาเกิดมาแล้วไอลดา ในเมื่อทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ทำไมคุณไม่ยอมรับในสิ่งที่เป็นอยู่”
“ ไม่มีทาง”
ไอลดากรีดร้องทั้งน้ำตา “ ไอรักปายก่อนใคร ก่อนที่เมษาจะรักปายซะอีก ทำไมถึงไม่มีใครเข้าใจ”
“ พูดตอนนี้แล้วทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลงได้เหรอ คุณมีครอบครัวแล้วขณะที่ผมก็มีคนรักแล้วเหมือนกัน เราต่างคนต่างมีหน้าที่และความรับผิดชอบ”
ไอลดากรีดร้องปล่อยโฮด้วยใบหน้าสิ้นหวัง ใบหน้าสะสวยเต็มไปด้วยหยาดน้ำตาเพราะพิษรักที่ทำลายคนเราให้แหลกสลายได้ในพริบตา
“ ทำไม ทั้งๆที่ไม่มีเมษาแล้ว ทำไมปายถึงไม่มองมาที่ไอบ้าง ทั้งที่ไออยู่เคียงข้างคุณมาตลอด ไอมาก่อนทุกคน มาก่อนเมษา มาก่อนไอ้เกย์นั่นทำไมกันปาย ทำไมปายถึงใจร้ายนัก ทำไมคุณถึงไม่มองคนที่อยู่เคียงข้างคุณมาตลอดบ้าง”
“ เมษาคือรักแรก และยิมมันคงจะเป็นรักสุดท้ายของผม ส่วนคุณไอลดา คุณคือเพื่อนของผมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง”
“ ไม่”
ไอลดาถลามาตีอกผมราวกับควบคุมสติของตัวเองไม่อยู่
“ ปายต้องรักไอสิ ไออุตส่าห์ทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้รักคุณ กำจัดนังเมษาแล้วทำไมไอ้เกย์นั่นถึงได้โผล่มาจากไหนไม่รู้ ปายต้องรักไอสิ”
...กำจัดนังเมษา... หัวสมองผมชาวาบ หยุดนิ่งปัดป้องตัวเองจากโทสะของเธอ ไอลดาร้องไห้โฮสบตากับผมที่เต็มไปด้วยความเคลือบแคลงสงสัย
“ หมายความว่าไงไอ คุณอะไรเมษา”
ใบหน้าสวยบิดเบี้ยวแววตาคู่งามด้วยเลื่อนลอยแต่มีร่องรอยความสะใจจนผมนึกใจหาย ผู้หญิงตรงหน้าไม่ใช่ไอลดาที่ผมรู้จักเลย เหมือนว่าผมไม่เคยรู้จักเธอมาก่อนเลย
“ พูดมาสิไอคุณทำอะไรเมษา”
“ ฆ่ามัน” ผมแทบทรุดในอกสั่นระรัว หัวสมองมึนชาราวกับโดนค้อนทุบ ความเสียใจจากไหนไม่รู้มากมายถาโถมเข้ามัน ทำไมกัน ทำไมเธอถึงทำร้ายเพื่อนรักของตัวเองได้ขนาดนี้ ทำไม
“ นังผู้หญิงนั่นมันทำใสซื่อแกล้งอ่อนแอให้ปายต้องดูแล สุดท้ายปายก็ตกหลุมพรางมัน มันทำให้ไอแทบบ้าที่รู้ว่าท่าทางหงิมๆนั่นสุดท้ายมันได้ปายไปครอบครอง สมน้ำหน้ามันสุดท้ายก็ตายไม่ต่างจากหมาข้างถนน”
“ คุณทำอะไรเมษา”
ผมถามเสียงแหบพร่า เจ็บในอกเหมือนหายใจไม่ออก
“ ไอตัดสายเบรกรถมัน ทำให้มันไปซะ ไม่มีมันปายจะได้รักไอคนเดียว ฮือ แต่ปายก็ไปรักคนอื่นอีก ไอเจ็บนะ เจ็บที่สุด ทำไมคุณถึงใจร้ายกันไอนัก”
...ตัดสายเบรก... หัวสมองผมขาวโพรนเมื่อนึกถึงอุบัติเหตุในครั้งนั้น เหตุการณ์เลวร้ายที่พรากคนที่รักผมไปถึงสองชีวิต พยายามเข้าใจว่ามันคงเป็นอุบัติเหตุไม่นึกว่าได้ยินมันกับหูจากเพื่อนตัวเองแบบนี้ ผมเหมือนคนหัวใจสลาย เจ็บเหมือนจะขาดใจตาย
“ คุณรู้มั้ยว่าแม่ผมนั่งไปในรถคนนั้นกับเมษา คุณรู้มั้ย” ผมเหมือนคนเสียสติพุ่งไปเขย่าไหล่เธอแรงๆพร้อมกับตวาดด้วยเสียงกึกก้อง ในใจแสบร้อนเหมือนอยู่ในกองเพลิง ในหูอื้ออึงไม่ได้ยินเสียงใด ภาพผู้หญิงตรงหน้าแจ่มชัดจนอยากจะฉีกร่างเธอให้แหลกคามือ
“ ไอ ไม่รู้ ฮึก ฮื้อ ไม่ได้ตั้งใจ ไม่รู้ปาย ไอไม่รู้ ขอร้อง”
เธอร่ำร้องขอชีวิตหน้าดำหน้าแดงตอนที่ผมลืมตัวบีบคอเธอด้วยแรงเรี่ยวที่มี
“ คุณฆ่าแม่ผม”
“ ไอไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษ ฮือปายฟังไอก่อน ปาย”
ผมปล่อยมือจากคอของเธอก่อนจะหันหลังแต่เธอผวาเข้ามากอดผมจากข้างหลังท่าทางละล้ำละลัก
“ ปล่อย”
“ ไอแค่รักคุณ ไอไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าแม่คุณเลย มันเป็นอุบัติเหตุ”
“ อุบัติเหตุที่เกิดจากฝีมือคุณ”
“ ไอไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าแม่คุณเลยปาย ฮือ ไอรักคุณ”
“ เธอว่ายังไงนะ”
ผมมองฝ่าม่านน้ำตาไปเจอภาพบิดาที่ยืนกำหมัดนิ่งอยู่หน้าประตู ใบหน้าถมึงทึงบ่งบอกว่าพ่อคงได้ยินเรื่องราวทั้งหมดแล้วไม่ต้องสงสัย ไอลดาหน้าซีดตัวสั่นทรุดลงไปกองกับพื้น เธอร้องไห้คร่ำครวญราวกับคนเสียสติ ไม่ต่างจากบิดาที่ทำหน้าจ้องมองเธอราวกับเป็นของชั่วร้ายน่ารังเกียจ
“ เธอมีส่วนในการตายของภรรยาฉันเหรอ”
น้ำเสียงแหบพร่าของพ่อแต่แฝงไปด้วยความดุดันจนน่ากลัว ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยเห็นบิดาแสดงออกว่าโกรธที่สุดในที่ชีวิตได้ขนาดนี้ พ่อพุ่งถลาไปเขย่าตัวเธอแรงๆแล้วตบหน้าไอลดาจนร้องไห้โฮ เธอหมอบลงกับพื้นเหมือนสติล่องลอยไปไกล นับเป็นครั้งแรกในที่ชีวิตที่ผมเห็นพ่อทรุดตัวลงกับพื้นแล้วร้องไห้
ผมปาดน้ำตาช้าๆมองไปรอบกายเห็นลุงหาญยืนทำหน้าตกใจอยู่หน้าห้อง ผมรู้สึกว่าสิ่งที่ได้รับรู้มาวันนี้หนักหนาซะเหลือเกินมันดูจะเกินไปมากสำหรับผมในตอนนี้ ผมก้าวเท้าออกจากห้องนี้ช้าๆแล้วมุ่งตรงไปยังห้องนอนของแม่ ทุกอย่างในห้องยังดูเรียบร้อยสวยงามเหมือนเมื่อครั้งที่แม่ยังอยู่ ทุกย่างก้าวในห้องเต็มไปด้วยความทรงจำมากมายเหมือนว่าแม่ยังมีชีวิตอยู่ในตอนนี้
ผมเอื้อมมือไปหยิบเอากรอบรูปของแม่ที่ตั้งอยู่บนหัวเตียงมากอดแนบไว้กับอก ขอบกรอบรูปสีทองพอได้สัมผัสกลับอุ่นขึ้นอย่างประหลาด ผมทรุดตัวนั่งพิงขอบเตียงแล้วปล่อยน้ำตาให้ไหลลงช้าๆ
...สิ้นสุดกันสักที...มาพร้อมมาม่าอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดก็ถึงวันนี้ สงสัยหมอปายจังเลย 
อดทนหน่อยเนอะเดี๋ยวมาม่าก็ผ่านไป ฮ่าๆๆๆๆๆๆ
หนึ่งความดคิดเห็นคือหนึ่งกำลังใจนะคะ