เดทแรกจบลงอย่างราบรื่นแต่ไม่ค่อยจะน่าจดจำสักเท่าไหร่
ผมเริ่มคิดว่าตัวเองอาจจะเป็นโรคจิตที่พอใจกับอะไรเล็กน้อยอย่างนี้ ถ้าเล่าให้ใครฟังคงโดนล้อแย่ แต่เอาเถอะ อย่างน้อยผมก็ภูมิใจกับวิธีเนิบนาบอย่างค่อยเป็นค่อยไปล่ะนะ
"สวัสดีครับบอส สวัสดีครับควีน"
ผมโค้งตัวเมื่อบอสกับควีนเข้ามาในคลับ ทั้งคู่มาทำงานตอนช่วงหนึ่งทุ่ม หลังเดินทักทายลูกค้าและพนักงานแล้วบอสมักจะตรงไปที่ออฟฟิศชั้นสองทันที และเก็บตัวอยู่อย่างนั้นจนได้เวลาเลิกงาน หากใครต้องการพบบอสจะต้องมีการนัดหมายล่วงหน้ากับเเว่น ซึ่งนั่งอยู่ตรงเคาน์เตอร์บาร์ชั้นสอง เป็นหน้าด่านคัดกรองและติดต่อรายละเอียดต่างๆ
ส่วนควีน...
"พี่เอกเจอนายบ้างมั้ย ให้เบอร์ไปรึยัง"
"ไม่ครับ เขาไม่ได้มาที่คลับเลย" ผมตอบเสียงเรียบ พยายามที่จะไม่สะทกสะท้านกับสายตาของบอสที่มองมาเมื่อควีนเข้ามากระซิบกับผม
"เอก"
"ครับบอส" ผมรู้ว่าบอสไม่หึงดะไร้สาระหรอก โดยเฉพาะกับลูกน้องของตัวเอง บอสให้ความไว้วางใจเสมอ แต่ถ้าเกิดจับได้ขึ้นมา...ก็แค่พิการหรือตาย บอสน่ะลงมือได้เหี้ยมอย่างที่ผมไม่เคยเจอใครใจเด็ดเท่านี้มาก่อน แถมยังเจ้าแผนการสุดๆ กว่าจะรู้ตัวว่าติดกับก็โดนปิดประตูหนีตายไปไหนไม่รอดแล้ว ผมน่ะรู้ซึ้งจากใจเลยทีเดียว
"เฝ้าประตูให้ดี อย่าให้มีตัวอะไรเล็ดลอดเข้ามา"
"ครับบอส!"
"ไอ้คิง มึงคงไม่ได้บอกให้พี่เอกโกหกกูเรื่องนายหรอกนะ"
อย่าตกใจครับ บอสกับควีนพูดกันด้วยภาษาเป็นทางการอย่างนี้เสมอ
"ยอมคายแล้วเหรอว่าแอบนัดเจอผู้ชาย"
"สัดคิง ถ้ามึงรู้แต่แรกก็บอกสิวะ กูจะได้ไม่ต้องเสียเวลาทำลับๆ ล่อๆ แล้วดูพูดเข้า กูบริสุทธิ์ใจขนาดนี้ มึงจะหึงทำซากอะไร"
เอ่อ...บอสครับ ยืนทะเลาะกันหน้าประตูคงไม่ใช่เรื่องดีมั้ง
"มึงเพิ่งพูดว่า 'ลับๆ ล่อๆ' นะนิลกาฬ หรือนั่นคือความบริสุทธิ์ใจของมึง"
"ก็ใครล่ะวะที่เขวี้ยงโทรศัพท์กูจากระเบียงชั้นบนสุดจนแตกละเอียด กูก็กลัวถูกมึงจับโยนเหมือนกันนี่หว่า" ควีนพูดจบก็ทำหน้าเจ็บปวดรวดร้าวราวกับเป็นโทรศัพท์เครื่องนั้นซะเอง "มึงเเม่งหวงไม่เข้าท่า กูกับนายจบไปแล้ว ที่เหลืออยู่มีแต่เรื่องบุญคุณความแค้นล้วนๆ"
"อย่าชวนทะเลาะ"
"หืม นี่เราทะเลาะกันอยู่เหรอ งั้นเอาใหม่ กูขอเทคสอง" ควีนสูดหายใจเข้าลึก "กูไม่ได้พิศวาสนายเลย ถ้ามึงระแวง มึงเจอกับนายพร้อมกูก็ได้ โอเคยังครับคุณผัว กูรู้ว่ามึงหงุดหงิดที่กูโดนแทง แต่แผลเท่าจิ๋มมดแค่นี้อย่าทำเหมือนผู้หญิงมีเมนส์เหวี่ยงไปทั่วสิวะ ตั้งแต่ตอนลงโทษพวกลำดับสูงแล้วนะมึง กูยังโกรธนะที่ต่อยพี่แว่นของกู"
แว่นกับควีนค่อนข้างสนิทสนมเหมือนพี่น้องน่ะครับ อย่าตกใจว่าทำไมควีนถึงเข้าข้างขนาดนั้น
"ถ้าไม่ลงโทษ พวกนั้นจะรู้เหรอว่าทำผิด" ไม่พูดเปล่าบอสยังเหล่มองผมที่ก้มหน้าต่ำหลบตา บอสทำถูกแล้ว อัศวินที่ปกป้องควีนไม่ได้ถือว่าทำหน้าที่บกพร่อง และการลงโทษของบอสก็ทำให้พวกเราตระหนักในหน้าที่และไม่กล้าประมาทซ้ำสอง
"กูรู้ แต่มึงต่อยพี่แว่นกูเบาๆ ก็ได้นี่หว่า พี่แว่นไม่ได้อึดอย่างไอ้เก่งนะ กว่าแก้มจะหายบวมใช้เวลาเป็นสัปดาห์"
...ผมเองกว่าแก้มจะหายก็ร่วมสัปดาห์เหมือนกันนะ
"มึงอารมณ์ดีขึ้นแล้ว งั้นเข้าเรื่องเดิม" ควีนฉีกยิ้มกว้าง "มึงถอดชื่อนายจากแบล็คลิสต์ทีสิไอ้คิง"
"ไม่!"
ควีนครับ...ควีนจะทำให้บอสโกรธอีกรอบทำไมเนี่ย
"กูมีเหตุผลนะคิง" ควีนยังพยักหน้าหงึกหงักกับตัวเองอย่างไม่รู้สากับสีหน้าเย็นชาของบอส "อย่างแรก กูจะได้ไม่ทำอะไรลับหลังมึงอีกไง และในเมื่อกูบริสุทธิ์ใจขนาดนี้ ก็เชิญนายเข้ามาตรงๆ เลยไม่ดีกว่าเหรอ นี่ถิ่นมึงกับกูนะ จะกลัวอะไร"
เหตุผลฟังขึ้น แต่ไม่อำนวยกับผมสุดๆ
"กลัวก็แต่มันจะไม่กล้ามาน่ะสิ" บอสแค่นหัวเราะชั่วร้าย "ใครจะบริสุทธิ์ใจเหมือนมึงล่ะเมีย"
"ใช่ ใครจะสดใสบริสุทธิ์เท่ากูอีก...เดี๋ยว! นี่มึงด่ากูเปล่าวะ"
"เอก"
"ครับบอส" ผมโค้งตัวเล็กน้อย ตอนนี้พวกเรายืนกันตรงประตูก็จริง แต่ปกติก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาขัดจังหวะบอสอยู่แล้ว และไม่กล้าแม้แต่จะสอดแนมด้วย ทุกคนต่างรู้ว่าเจ้าของคิงส์คลับนั้นโหดขนาดไหน
"อย่าให้มีเหลือบไรเข้ามา"
"ได้ครับ!"
เป็นอันว่าคำขอของควีนตกไป ผมล่ะแสนจะโล่งใจเป็นล้นพ้น คนที่พอจะยั้งควีนที่มีความคิดโลดโผนทีเล่นทีจริงตลอดเวลาก็มีแต่บอสเนี่ยล่ะ
"มึงจะไม่ให้กูเจอนายตลอดชีวิตเลยใช่มั้ย"
ผมว่าควีนพูดถูกแผง
"พี่เอก ฝากด้วยแล้วกัน ไอ้คิงแม่งงอแงอีกแล้ว"
"เอ่อ...ครับ"
ได้แต่รับปากไปก่อน คราวนี้ต่อให้ไม่ใช่เรื่องตัวเอง แต่ขืนทำจริงชะตาผมคงไม่จบแค่หมัดเดียวของบอสละครับ
เวรล่ะ ถ้าบอสตั้งใจไม่ให้ควีนเจอนายไปตลอดชีวิตจริงๆ งั้นการที่ผมวางแผนไว้ซะเต็มที่ก็...
ไม่เป็นไรน่าเอก ตอนนั้นบอสอาจจะเปลี่ยนใจแล้วก็ได้
แต่เป็นไปได้ยากสุดๆ
คนอย่างบอสย่อมเอาที่มั่นใจไว้ก่อน การที่ไม่ให้ควีนเจอกับนาย ก็เพราะไม่รู้ว่าฝั่งนายที่ไม่บริสุทธิ์ใจอยู่เห็นๆ แม้ควีนจะรับมือได้แน่นอนอยู่แล้ว แต่เพื่อป้องกันในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง บอสเลือกที่จะตัดความเป็นไปได้ทั้งหมดทิ้งอย่างไม่ลังเล
ผมมองส่งบอสและควีนที่เดินตรวจชั้นหนึ่งโดยมีพนักงานโค้งรับเป็นแนวยาวแล้วลอบระทึกใจอยู่ลึกๆ ควีนทักทายพวกลูกค้าด้วยรอยยิ้มไว้ทีท่าเช่นเดิม ก่อนจะเดินขึ้นบันไดชั้นสองไปพร้อมกับบอส วันนี้ก็คงไม่ลงมาเหมือนเดิม
ผมลดโทรศัพท์ที่แอบถ่ายรูปบอสกับควีนเดินควงกันแล้วส่งให้นาย ความจริงคลับมีกฎห้ามถ่ายรูป เพราะกลัวว่าหลักฐานผิดกฎหมายทั้งหลายจะรั่วไหล และจะเป็นการเปิดเผยหน้าตาของลูกค้าที่มาเข้าร่วมคลับ แต่ผมมีตำแหน่งเป็นอัศวิน ฉะนั้นถึงเบี้ยข้างๆ จะเห็นว่าผมกดถ่ายรูป ก็ไม่คิดปรามเพราะรู้ดีว่าไม่มีทางสร้างความเสียหายให้กับคลับแน่นอน
ยกเว้นก็แต่การทำร้ายจิตใจคนแก่คนหนึ่งที่ป่านนี้คงจะนอนเหงา อืม...ไม่ก็กำลังกอดเด็กเอ๊าะที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ
ซึ่งป่านนี้คงจะหมดอารมณ์ไปแล้ว
ผมมองข้อความของนายที่ขึ้นว่าอ่านแล้วแต่ไม่ยอมตอบกลับแล้วยิ้มบาง ทำเป็นพูดไม่ว่ารัก แต่พอเห็นภาพคู่ก็สะอึกเงียบหาย ไม่รู้ตัวเองเอาซะเลยว่าอาการหนักขนาดไหน
- คืนนี้ผมจะเข้าไป -
- ไม่ต้อง ฉันเหนื่อย -รู้อยู่แล้ว...อดนอนมาทั้งวัน แล้วยังเจอรูปปวดใจ ถึงอยากนอนก็คงไม่ได้นอน
- ถ้าเซ็กซ์ช่วยให้คุณอารมณ์ดีไม่ได้ งั้นลองทานซุปมั้ย -
- อะไรของแก -
- เมื่อคืนวานหลังทานแกงจืดของผมคุณก็หลับสนิทถึงเช้า วันนี้ผมเลยว่าจะทำซุปหัวหอมให้คุณทาน รับรองว่าอร่อยกว่าครั้งก่อนที่หยิบวัตถุดิบใส่ไปมั่วๆ แน่ -
- ... -
- วันนี้ควีนพูดถึงคุณด้วย -
- ห้องฉันไม่มีหัวหอม -
- เดี๋ยวผมซื้อเข้าไป -เป็นอันตกลง
เวลาตีสี่สิบห้านาที นายเปิดประตูด้วยท่าทางโทรมสุดขีด ขอบตาดำคล้ำใบหน้าหมองจากการอดนอน แต่ถึงอย่างนั้นก็นอนไม่หลับเพราะเขาอยู่ห้องคนเดียว
ผมวางถุงพลาสติกไว้ตรงโซฟา ก่อนจะหยิบหัวหอมหลายลูกไปล้างในครัว
"นิลกาฬพูดถึงฉันยังไง"
นายเดินตามผมมาถึงด้านใน ไม่คิดอาสาเป็นลูกมือช่วยเหลือ
"อืม...ผมถามว่าถ้านายอยากพบควีน ควีนจะยอมพบด้วยมั้ย" ผมพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ ยากจะจับผิดว่ากำลังโกหก ก่อนจะหันไปสวมผ้ากันเปื้อนที่ติดในครัวของนาย แล้วตั้งอกตั้งใจหั่นหัวหอม
"นิลกาฬตอบว่าอะไร"
"ควีนบอกว่า...โอ๊ะ คุณ หยิบทิชชูให้หน่อย ผมแสบตา"
นายสบถหงุดหงิด แต่ก็รีบเดินออกไปหยิบกระดาษทิชชูจากนอกห้องครัวเข้ามาให้ผมทั้งกล่อง
"มือผมเลอะหอม"
"แกนี่..." นายได้แต่ด่าพึมพำ แต่ก็ช่วยเช็ดหน้าให้ผมที่หลับตายื่นเข้าไปใกล้ "สรุปนิลกาฬตอบว่าอะไร"
"ตอบว่า...โอ๊ย คุณ เช็ดอีกทีได้มั้ย น้ำตาจะไหลแล้ว"
"เลิกหั่นแล้วตอบก่อนจะตายรึไง" คราวนี้นายแทบจะควักลูกตาผมออกมาเลย
"ผมไม่อยากให้รอนาน เดี๋ยวคุณนอนไม่พอ"
"แค่นี้ก็นอนไม่พออยู่แล้ว" นายชักเสียงหงุดหงิด "มานี่ ฉันหั่นเอง แค่หอมจะเป็นอะไรนักหนา"
ผมยกมือสองข้างขึ้นแบบจำยอมเมื่อนายเข้ามาแย่งมีดและเขียงไปไว้ข้างหน้าตัวเอง
"ล้างมือด้วยสิคุณ เดี๋ยวซุปก็เค็มหรอก"
"เออน่า" นายขานรับขอไปที แต่ก็ยอมไปล้างมือ เขาก็คงไม่อยากกินขี้มือตัวเองสักเท่าไหร่ "ตอบมาได้แล้วว่านิลกาฬพูดอะไร"
"ควีนบอกว่า...เขายังไม่อยากเจอคุณ"
"ทำไม"
"อย่าหยุดหั่นสิคุณ"
นายหันไปใจจดใจจ่อกับการหั่นหอมอีกครั้ง แม้แรงสับมีดจะค่อนข้างรุนแรงเกินจำเป็นไปสักหน่อย แต่ท่าทางว่าง่ายเพราะมัวแต่สนใจกับคำพูดของผมจนยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ฟังต่อนั้นเป็นภาพที่น่าเอ็นดูไม่เลว
...ภาพแบบนี้ชวนเข้าใจผิดจริงๆ ว่าใครเป็นเจ้านายกันแน่
"ถึงจะไม่เกี่ยว แต่การที่ควีนถูกแทงคุณก็มีส่วน แถมยังทำให้คลับเกือบถูกปิดบริการ จู่ๆ คุณบอกอยากพบ ควีนก็ต้องคิดระแวงอยู่แล้วสิครับ"
นายพยักหน้ารับเป็นระยะ อดคิดตามไม่ได้ว่าน่าจะจริง
ใช่...นั่นน่ะคนปกติ เว้นแต่นิลกาฬไม่ค่อยจะปกติธรรมดาสักเท่าไหร่ รายนั้นเป็นประเภทลุยเอาโต้งๆ เคลียร์กันตัวๆ ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรมทั้งนั้น
แต่นี่เป็นนิลกาฬที่ทุกคนในคลับรู้จัก ไม่ใช่นิลกาฬแสนเชื่องของนายที่เคยอยู่ด้วยกันเมื่อสี่ปีก่อน
"ผมว่าควรจะเว้นช่วงสักระยะ อย่างน้อยก็จนกว่าแผลของควีนจะหายสนิทดี จนกว่าบอสวางใจ และคนในคลับเริ่มลืมเรื่องที่เกิด อืม...คุณคงไม่รู้ว่าคนที่คุณขอซื้อยาเสพติดต่อนั้นโดนบอสลงโทษหนัก และทำให้ทางคลับของเราเข้มงวดมากขึ้น" ผมเอ่ยชัดถ้อยชัดคำและเน้นทีละประโยคเพื่อให้สลักลึกลงในใจของนาย กึ่งบอกเล่ากึ่งคาดโทษไปในตัว
"ฉัน..."
"สรุปแล้ว...เพราะการกระทำของคุณให้สถานการณ์ยังตึงเครียด ถ้าคุณไปเจอควีนตอนนี้ มีแต่จะทำให้ทุกคนมองไปในทางเลวร้ายมากกว่าการแสดงความจริงใจ"
ถ้าไม่นับเรื่องควีน สิ่งที่ผมพูดทั้งหมดถือเป็นความจริง
"...คุณน้ำตาไหลน่ะ"
"ช่างฉัน" นายหันหน้าหนีเมื่อผมถือกระดาษทิชชูหมายจะช่วยเช็ด เขาเดินไปล้างมือที่อ้างแล้วล้างหน้าไปในตัว พอได้คำตอบที่ต้องการก็เลิกล้มการหั่นหอมทันที
"ไม่ต้องห่วงหรอกคุณ"
ผมเดินตามไปยืนคร่อมอยู่ข้างหลังเขา สัมผัสบ่าที่สั่นเทาอย่างเจ็บปวดด้วยใบหน้าเรียบเฉย นายยังคงเปิดน้ำทิ้งไว้ ทำเป็นล้างหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า เขาไม่ใช่คนอ่อนแอ เเต่เป็นคนอ่อนไหวที่พอหลุดออกมา ก็แทบเก็บกลั้นความรู้สึกนั้นเอาไว้ไม่อยู่ เหมือนกับในวันนั้น...วันที่ชักชวนผมเพียงเพื่อรักษาแผลใจ
"ยังไงผมก็จะให้คุณเจอกับควีน" ผมเอ่ยปลอบเสียงทุ้มนุ่ม ยืนยันในข้อตกลงที่เขาเป็นคนตั้งขึ้น "เราวางแผนอย่างดี ทำทุกอย่างมาถึงตอนนี้..."
ผมตอกย้ำ...ทุกประโยคที่เอ่ยคือความจริง คือการแสดงซึ่งความซื่อสัตย์เชื่อฟังของผมที่ยอมอ่อนข้อให้โดยตลอด แต่ในตอนนี้...คงจะยิ่งเสียดลึกในใจอีกฝ่ายซะมากกว่า
"แม้ควีนจะบอกว่าไม่ แต่ผมจะทำให้คุณสมหวังเอง"
และปิดตายด้วยประโยคสุดท้ายที่ทำให้นายร้าวลึก ผมดึงตัวเขาให้หันมา นายไม่ได้ร้องไห้ แต่ท่าทางอ่อนแออย่างเปิดเผย ไม่แม้แต่จะขัดขืนนั้นทำให้ผมคิดว่าได้เวลากระตุกเบ็ดครั้งแรกแล้ว
ผมค่อยๆ เกลี่ยเส้นผมของนาย ริ้วร้อยแก่วัยที่เห็นชัดมากขึ้นจากการอดนอน อ่อนล้า ทำให้เขาดูเปราะบางจากปกติราวคนละคน เหมือนกับครั้งแรกที่เรานอนด้วยกัน...
"เพราะอะไร แกเป็นคนของคลับ แล้วทำไม..."
สายตาลังเลนั้นทำให้ผมอดที่จะก้มจูบเขาไม่ได้ นายไม่ขัดขืน แต่ขบริมฝีปากผมตอบเบาๆ ชวนให้เสียวซ่านไปทั้งตัว
ความอ่อนแอที่มาพร้อมกับความเร่าร้อน
จากวันนั้นก็ผ่านมาครบอาทิตย์ อุ่นเครื่องกำลังพอดี
"เพราะคุณเป็นเจ้านาย" ผมเอ่ยเสียงพร่า กระซิบข้างหูของเขา จงใจให้ฝังลึกไปในสมองว่าเขาจะทำยังไงกับผมก็ได้ แม้กระทั่งเป็นเครื่องระบายอารมณ์จากความสิ้นหวังที่มีแค่ผมที่เข้าใจ "เพราะคุณเป็นเจ้านาย..."
ฉะนั้นเมื่อผมกดจูบอีกครั้ง นายจึงบดเบียดตอบ
ผมช้อนสะโพกเขาขึ้นนั่งบนเคาน์เตอร์ห้องครัว นายเกาะเกี่ยวผมเอาไว้แนบแน่น ย่นคิ้วเล็กน้อยเมื่อผมค่อยๆ คุกเข่าแล้วกลืนกินส่วนนั้นของเขาจนเปียกชื้นไปหมด
นายจิกหลังศีรษะผมไม่คิดจะออมแรงสักนิด เขาไม่เคยจะใส่ใจคู่นอนอยู่แล้วว่าเป็นยังไง ผมผละปากออกเมื่อเขาตื่นตัวเต็มที่ ก่อนจะสอดนิ้วเข้าไปในช่องทางคับแน่นด้านหลังเพราะห่างเหินกันมาพอสมควร
"อี๊ เดี๋ยว..."
ผมจูบปิดปากเขา
ปลายนิ้วเคล้นคลึงอย่างค่อยเป็นค่อยไป ขืนนายอาละวาดตอนนี้ก็แย่น่ะสิ ผมกล่อมเขาด้วยการฉกจูบที่แลกลิ้นจนน้ำลายเปรอะเปื้อน ช่วงล่างก็ย้ำหนักๆ ตรงจุดกระสันที่จำได้ดีว่าอยู่ตรงไหน นายขดตัวอยู่บนเคาน์เตอร์ มือยังจิกศีรษะผมไม่ยอมปล่อยจนน่ากลัวว่าจบงานนี้อาจจะหัวล้านก็ได้
ผม 'ละเลียดชิม' เขาไปทั้งตัว นายชอบให้คนปรนเปรอ ผมก็เลยจัดให้ทุกตารางนิ้วตั้งแต่ริมฝีปาก ลำคอ ยอดอก หน้าท้อง สะดือ และจบที่ช่วงล่าง ก่อนจะไล่ยาวไปถึงปลายนิ้วเท้า สีหน้าของนายตอนมองผมลากปลายลิ้นวนที่ตาตุ่มนั้นทำเอาร้อนรุ่มไปหมด เหมือนกำลังจะละลาย ผมเลยจัดแจงท่าทางของเขาได้ง่ายกว่าที่คิด จับขาข้างหนึ่งของเขาพาดบ่า อีกข้างเกาะเกี่ยวไว้กับช่วงเอว ผมซูดซิบกางเกงลง ก่อนจะสวมถุงยางให้เรียบร้อยแล้วจัดการตีประตูเมือง
"อึก เดี๋ยว..."
"เดี๋ยวอะไรคุณ" ผมหยุดนิ่งตามคำพูดของเขา นายทำหน้าเหยเก คงเพราะส่วนนั้นของผมค้างๆ คาๆ ตรงช่องทางแค่ครึ่งเดียว มันเต้นตุบๆ และร้อนผ่าวพอๆ กับข้างในตัวเขาที่ตอดรัดแน่นจนต้องกลั้นหายใจ "ว่าไงครับนาย..."
นายไม่ตอบ เขามองผมทำตาประหลับประเหลือกเพราะดันหยุดนิ่งไม่ขยับเข้าจริงๆ แข่งความอดทนกับผมคงจะคิดผิดไปสักหน่อย กว่าจะไล่ต้อนมาถึงตอนนี้ได้ผมก็ทนแล้วทนอีกไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
"อยากให้ผมทำยังไงต่อ..." ผมกระซิบข้างหูเขา ก่อนจะดูดดุนติ่งเล็กๆ นั่น "พูดสิครับนาย..."
พอเรียก 'นาย' บ่อยเข้าเขาก็อ่อนยวบยาบ เมื่อครู่คงจะรุกหนักไปหน่อยนายถึงรู้สึกเหมือนถูกคุกคาม แต่พอผมทำตัวดีขนาดนี้ก็ปัดความคิดนั้นทิ้ง ไม่จำเป็นต้องถือทิฐิกับคนที่ด้อยกว่า ผมไม่เคยเรียกร้องอะไรนอกจากแสดงความภักดี
นายเชื่อแบบนั้น
ไม่มีอะไรต้องเสีย ไม่มีอะไรต้องกลัว
นายยังคงเชื่อแบบนั้น
"ผมขยับนะ"
...อย่างที่ผมทำให้เชื่อ
นายเปลี่ยนมาจิกที่บ่าของผมเมื่อดันตัวเองเข้าไปจนสุด เขาโน้มตัวก้มหน้าต่ำ พยายามกลั้นเสียง แต่พอโดนผมกระทุ้งหนักเข้า ร่างกายก็เอนหงายไปด้านหลัง บิดตัวตามความเสียวซ่านเพราะผมยังคงปรนเปรอเขาไม่หยุดด้วยริมฝีปาก
ผมพยายามอย่างมากที่จะทำให้นายถึงฝั่งก่อนด้วยเซ็กซ์ที่สมบูรณ์แบบ
น้ำขาวขุ่นเปรอะเสื้อคลุมของนาย ช่องทางของเขาตอดรัดผมตามจังหวะหอบหายใจ นายปรือตามองผม ถึงจะพยายามบ่ายเบี่ยงมาตลอดแต่ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าเขารู้สึกดีสุดๆ แตกต่างกับเซ็กซ์ครั้งแรกของเราที่ออกจะ...เอ่อ...ขยันขันแข็งกันไปสักนิด
แน่นอนว่าผมยังไม่เสร็จ พอเห็นนายสิ้นท่าโดยดีก็ถึงคราพยศ ผมช้อนเอวนายทั้งที่ยังคาส่วนนั้นไว้ออกจากห้องครัว นายรีบผวากอดผมแน่น พยายามจะยกมือต่อยผมที่ทำอะไรกะหันหัน แต่ก็ต้องครางลั่นอย่างอดไม่อยู่เมื่อผมดันตัวเขาไว้กับกำแพง ทั้งสอดทั้งเสียดทั้งกระแทกหนักจนตัวกระเด้งกระดอน
"...เอก..."
ตกหลุมตันหาอย่างกู่ไม่กลับ
ผมเสร็จตอนที่นายคว้าผมไปจูบเองด้วยความลุ่มหลงมัวเมา ก่อนจะถอนตัวเองออก ดึงถุงยางทิ้ง แล้วใช้ปากฉีกอันใหม่สวมอย่างรวดเร็วว่องไว ผมจับเขาหันหลังแล้วกระหน่ำเสยอีกรอบ ยังคงคากางเกงเอาไว้ เพราะในกระเป๋าด้านหลังผมเตรียมถุงยางไว้เพียบ
"ฉัน...ยืน...ไม่ไหว"
...ท่ายืนคากำแพงกับคนแก่คงจะหนักไปสักหน่อย ผมรั้งสะโพกนายเอาไว้ช่วยเขาประคองทั้งที่ยังกระทั้นตัวสอดใส่ไม่หยุด เสียงกระแทกของเนื้อแนบเนื้อดังลั่น ปลายเท้าของนายจิกกับปลายเท้าของผม ตัวสั่นไปหมด มองจากมุมนี้ไม่ว่ามองยังไงก็ไม่เหลือคราบความเย่อหยิ่งจองหองสักนิด
ยิ่งกินก็ยิ่งอร่อย เหมือนค่อยๆ ปลอกเปลือกลอกเนื้อในเขาออกมา
ผมแลบเลียริมฝีปากขณะดึงถุงยางอันที่สอง ก่อนจะเเกะอันที่สามแล้วสวมด้วยอารมณ์ที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ คราวนี้ผมอุ้มเขาไปที่ห้องนอนเพราะนายคงจะรับท่ายากไม่ค่อยไหว พอพาเขานอนหงายกับเตียงก็ตามขึ้นคร่อม แนบส่วนนั้นของตัวเองทิ้งตามน้ำหนักจนจมจ่อเข้าลึก นายครางหวิว ก่อนจะสะเทือนไปทั้งร่างเมื่อผมยึดสะโพกเขาให้ยกสูงไม่ติดเตียง พร้อมกระหน่ำตัวเองลงมา
"อ๊า...อ๊ะ"
นายเลิกกลั้นเสียงโดยสิ้นเชิง ถึงตอนนี้เขาคงลืมไปแล้วว่าตัวเองเป็นเจ้านาย ส่วนผมเป็นทาสแสนซื่อสัตย์
มีแต่การทำตามสัญชาตญาณดิบเท่านั้น
จากปลายนิ้วที่จิกทึ้งเริ่มกลายเป็นเกาะเกี่ยวต้องการ ผมเองก็สนองตอบเป็นเท่าตัว นับในใจเงียบๆ ว่ายังเหลือถุงยางอีกเท่าไหร่
สาม...ไม่สิ น่าจะได้อีกสักสี่ยกผมมองนาฬิกาบนผนังแล้วคะเนเวลาคร่าวๆ ช่วงเวลาที่เป็นต่อนี้คงอยู่ได้ไม่นาน แต่ก็นับว่าคุ้มค่าที่รอคอย
ไม่เป็นไร ไว้ครั้งหน้า....ผมเป็นคนใจเย็น แต่ไม่ใช่คนใจดี
ยอมบ้าง เเข็งบ้าง ให้ความหวัง ตัดความหวัง หลอกล่อให้ผ่อนคลาย และตีทะลุจุดอ่อน
นั่นล่ะคือวิธีการของผมล่ะ
-------
คิงกับนิลมีบทพร้อมกันทั้งที...โดนพี่เอกแย่งซีนหมดเลย
พี่เอกของบ่าววววว
กระตุกเบ็ดครั้งแรกแล้วค่ะ ล่อซะไปทั้งตัวและหัวใจ ตับไตไส้พุงทั้งยวง นายโดนทั้งไม้อ่อนไม้เเข็ง โดนกัดโดนชิมขนาดนี้ ใครจะทนไหว อัพยาวสะใจเพื่อก่อนลาหยุดไปเที่ยวค่ะ *0*
เพจนักเขียนที่อยากเป็นเขียงที่เธอหั่นหอมก็ยังดี