ตอนที่ 21
วันสุดท้ายของการสอบ ฟ้าลั่นรีบตื่นแต่เช้าเพราะสอบเก้าโมง วิชาเดียวกันกับที่เชอเบทต้องสอบด้วยถึงต้องรีบตื่นเพราะไม่ไว้ใจว่าอีกฝ่ายจะปั่นงานหนักจนลืมตื่นมาสอบหรือเปล่า
ใกล้เวลาที่มันควรตื่นจึงโทรไปปลุก โทรไปถึงสามสายเชอเบทถึงงัวเงียมารับ เสียงงึมงำไม่ได้ศัพท์ต้องให้เรียกหลายรอบถึงเริ่มคุยรู้เรื่อง
“ขับรถไหวแน่นะ? มาแท็กซี่ดีกว่า”
“ไหว ฮ้าวววว”
“เมื่อคืนนอนกี่โมง?”
“ตีสี่มั้ง มาอ่านสรุปที่มึงซีลอคให้ตอนตีสอง โคตรเยอะ”
เป็นวิชาง่ายแต่เนื้อหาเยอะ ถ้าจำได้ก็ทำได้ไม่ต้องถึงกับมีวิเคราะห์อะไรมากมาย ฟ้าลั่นเดาะลิ้นเบาๆใช้ความคิด นอนตีสี่ ตอนนี้เจ็ดโมง…ไม่ควรเสี่ยง
“เชอ นั่งแท็กซี่มานะ เดี๋ยวตอนกลับกูไปส่งเอง”
“มึงสอบเสร็จวันนี้นี่ หาววววววววววววววว โอยง่วง”
“เออไง สอบเสร็จเดี๋ยวไปส่ง”
“ก็ได้”
“อาบน้ำแล้วรีบออกมา รถมันติด”
“คร๊าบบบบบบ”
“ครับก็ลุก อย่านอนต่อไอ้สัส เดี๋ยวไม่ตื่นจะยาว”
“เออลุกแล้วไอ้เหี้ย ดุเป็นพิตบูเลยว่ะ”
ยิ้มขำเมื่ออีกฝ่ายตัดสาย ก่อนจะเริ่มทำมื้อเช้าของตัวเองโดยทำแซนวิชจากขนมปังโฮลวีทง่ายๆ แต่ก็ทำเผื่อใส่กล่องถนอมอาหารไปให้คนผมยาวด้วย
มันต้องออกจากบ้านมาแบบท้องว่างชัวร์ ถ้าไม่มีคนทำให้อย่าหวังเลยจะดูแลตัวเอง…
“น่ากินอ่ะ”
เพี้ยะ!
“ฟ้า กูขออันเดียวเอ๊งงงทำไมต้องตีมือกูด้วย”
ปิงทำหน้ามุ่ยจ้องแซนวิชในกล่องน้ำลายสอ มีทั้งไส้ไข่ดาว ไส้เบคอนหอมชวนหิวยิ่งกว่าอะไร…ทำมาห้าชิ้นอยู่ในกล่องพลาสติกใส
“ของเชอ”
“โหยยยน้องเชอน่าอิจฉาสาสสสส มีฟ้าลั่นหนุ่มหล่อหน้าคมคารมดีดูแลทุกอย่าง หัวจรดตีนเลยป้ะ? คราวก่อนก็ซื้อยางรัดผมอันใหม่ให้ อะไรอีกนะแท๊ป”
“กางเกง”
“เออ ถุงเท้าด้วยป้ะ? ขาดรองเท้าก็ครบละ”
“มันจำเป็นเหอะ”
จำได้ดีวันนั้นมันโทรมาเสียงร้อนรนขอยืมกางเกง ฟังมันเล่าสาเหตุก็ต้องรีบไปร้านหน้ามอหาซื้อกางเกงมาให้มันเปลี่ยนเพราะอาจารย์ให้แต่งตัวเรียบร้อยเข้าควิซ ขาเดฟแบบมันอดเข้าห้อง ส่วนถุงเท้ามาจากวันนั้นมันซักถุงเท้าไม่ทัน รองเท้าหนังเลยกัดเข้าให้ต้องไปซื้อมาให้มันเดี๋ยวเท้าเป็นแผล
“แต่มึงไม่เคยทำให้ใครเลยนะ แซนวิชนี่อีก”
แท๊ปยิ้มขำ ฟ้าลั่นก็ได้แค่ถลึงตาใส่เพราะมันเป็นคนแรกที่รู้เรื่องของเขาแทบทุกอย่าง รู้ว่าเขาคิดอะไร รู้สึกยังไง
“อ้ะ น้องเชอมาแล้ว”
ฟ้าลั่นหันไปมองผู้ชายผมยาว มัดผมลวกๆวิ่งเข้ามาใต้ตึก มันหยิบมือถือมาดูเวลาแล้วถอนหายใจเพราะยังเหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมงก่อนสอบ
“น้องเชอออ”
ปิงยกมือเรียก แต่ขายาวกับก้าวไปทางอื่น….ไปที่โต๊ะของปริ๊นซ์ กลุ่มปริ๊นซ์นั่งกันอีกฝั่งหนึ่งสี่ห้าคนกำลังอ่านหนังสือ เชอเบทนั่งลงข้างเพื่อนตัวเอง
นั่งเฉยๆไม่ได้รึไงทำไมต้องยกมือขึ้นโอบไหล่ด้วย?
“อ้าวน้องเชอนั่งกับเพื่อน จะเอาแซนวิชไปให้ปะ?”
“มึงกินไปเลย”
หงุดหงิด…แบบไร้เหตุผล
ตืด…ตืด…
มือถือสั่นข้างตัวทำให้ต้องละจากชีทสรุป….’SB’
ถอนหายใจก่อนจะกดรับ
“ไง”
“ฟ้า กูถึงมอแล้วนะ”
“อื้อ”
“อยู่ไหนอ่ะ?”
ตาคมมองไปที่คนโทรมา มือมันไม่ได้โอบอยู่ที่ไหล่เพื่อนตัวเล็กแล้วแต่หันซ้ายหันขวามองหาใครสักคน นั่นก็คงเป็นเขา
“อ่านสรุปอยู่ อยากเจอกูรึไง?”
น้ำเสียงประชดประชัน…
“อารมณ์ไม่ดีหรอวะ ก็อยากเจอไงถึงโทรหา ถามตลกสัส”
คำตอบง่ายๆ ดับอารมณ์กรุ่นๆในอก เพราะได้ยินเสียงแซวจากเพื่อนในโต๊ะดังผ่านสายมาด้วย เจ้าตัวหันไปด่าเพื่อนก่อนจะถามย้ำอีกว่าอยู่ไหน
“เดี๋ยวเดินไปหา กินไรมายัง?”
“ยัง หิวมากกกกกกกกกก”
ฟ้าลั่นกดวางโทรศัพท์ทันที เงยหน้าจะคว้ากล่องแซนวิชก่อนจะชะงักเมื่อชิ้นหนึ่งไอ้ปิงกำลังเคี้ยวตุ้ยๆ มองดูแล้วมันกำลังกินชิ้นที่สองอย่างสบายอกสบายใจ
แท็ปเหมือนจะรู้ตัวมองเขาสลับกับปิงหัวเราะเบาๆ
“เชี่ยปิง ไอ้เหี้ย”
“อ้าวกูทำไรผิด ด่ากูทำไม”
ขี้เกียจคุยกับมัน คว้าฝาปิดกล่องแล้วรีบลุกเดินไปหาคนผมยาว…ก็รู้ว่ามันไม่ผิดล่ะเป็นคนออกปากให้มันกินได้เอง แต่มึงต้องกินไวขนาดนี้ปะ!!!
ไอ้เชอมันเลยได้กินแค่สามชิ้นเลย!!
“มึงนี่โง่ว่ะปิง”
“ไรวะ มึงอีกคน ทำไมต้องด่ากู แม่งงอน!!”
“เชอ”
เชอเบทหันตามเสียงเรียก ใบหน้าขาวซีดลงกว่าเดิมขอบตาคล้ำเหมือนคนนอนไม่พอ อันที่จริงกลุ่มสถาปัตย์ทั้งโต๊ะนี้ก็สภาพเดียวกันหมด
“ฟ้า”
เชอเบทเรียกชื่อเสียงเบา….มองอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้า ฟ้าลั่นยังเหมือนเดิม…ที่เพิ่มเติมคือเขาคิดถึงมันมาก
มากกว่าที่ตัวเองคาดการณ์ไว้เยอะ
“จะให้พี่ฟ้ายืนอีกนานปะเนี่ย เขยิบๆมา เกียร์เขยิบหน่อยให้พี่ฟ้านั่งด้วย”
ปริ๊นซ์ดึงแขนให้เชอเบทเขยิบตาม
เชอเบทกระพริบตาเรียกสติ ก่อนจะรีบเขยิบให้ร่างสูงนั่งลงข้างกัน ก่อนจะขมวดคิ้วงงเมื่อกล่องถนอมอาหารวางลงตรงหน้า
“แซนวิชหรอ?”
“ทำมาเผื่อ จริงๆเยอะกว่านี้ ปิงมันแดกไปก่อน”
“โหยยย ดูแลอย่างดีอ้ะ อิจฉาโคตร”
ปริ๊นซ์หลิ่วตาส่งเสียงแซว เชอเบททำหน้าไม่ถูกแต่ก็เปิดกล่องหยิบแซนวิชขึ้นมามอง ตาเรียวกระพริบปริบๆ ด้วยความรู้สึกแปลกๆ
ก็แค่แซนวิชไส้ไข่ดาว…มีมะเขือเทศฝานบาง กะหล่ำปลีม่วงกับหัวหอมที่เขาไม่ชอบกินเลยสักนิด แต่ชักจะได้กินบ่อยเพราะอยู่กับฟ้าลั่น….ก็แค่แซนวิช ที่โคตรตั้งใจทำมาให้
แล้วทำไมคิดถึงได้ขนาดนี้
“มองไร เอาเข้าปากได้แล้ว”
“อื้อ”
อ้าปากช้าๆค่อยๆกัดแซนวิชเข้าปากไปหนึ่งคำ…รสชาติผักแหวะๆผสมกับไข่ดาวสุกที่อยู่ในปากโคตรมีผลต่อความรู้สึก
“เห้ยเชอร้องไห้ทำไม”
“หา…”
ปริ๊นซ์ร้องทัก…คนถูกทักยกมือแตะแก้มตัวเอง ตาเบิกกว้าง…ร้องไห้จริงๆด้วย ร้องไห้ทำไมวะ หรือเป็นเพราะหัวหอม?
“เชอ เป็นไร”
ฟ้าลั่นหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตาให้ ตกใจเหมือนกันที่อยู่ดีๆอีกฝ่ายก็ร้องไห้ออกมาทั้งที่เพิ่งกินแซนวิชไปคำเดียว หรือเขาทำรสชาติแย่เกินไป?
แต่ทันทีที่ตาเรียวรื้นน้ำหันมาสบตา…ฟ้าลั่นรู้ว่าแซนวิชไม่ใช่ปัญหา
ปัญหาคือความรู้สึกที่ส่งผ่านนัยน์ตามาต่างหาก…มันเต็มไปด้วยความคิดถึง โหยหาย เว้าวอนและ…ความไม่แน่ใจ ถึงแม้อย่างหลังจะเป็นสัญญาณบอกว่าอีกฝ่ายยังไม่เป็นของเขาร้อยเปอร์เซ็นต์
แต่แค่นี้ก็พอแล้ว
“ร้องไห้ทำไมครับหืม”
บีบแก้มขาวซีดเบาๆพร้อมรอยยิ้มมุมปาก ก่อนจะสลับมาบีบปลายจมูกรั้นเบาๆ เชอเบทกระพริบตาปริบๆรีบหันหนี คงจะ
เขินอยู่ดีๆก็ร้องไห้ต่อหน้าเพื่อน
“รสชาติแม่งห่วยเกิ๊น”
ว่าไปนั่น…แต่เอาเถอะยังไม่คิดจะไล่ต้อนอีกฝ่าย…มันต้องค่อยเป็นค่อยไป
ให้เวลามัน…ให้เวลาตัวเอง
สอบเสร็จก็นั่งรถคู่กันกลับบ้าน บ้านของเชอเบทที่ฟ้าลั่นไม่ได้มาหลายวันเพราะติวหนังสือกับเพื่อน…เชอเบทสะลึมสะลือใกล้หลับเลิกคิ้วงงเมื่อฟ้าลั่นเลี้ยวรถมาจอดที่ซุปเปอร์ใกล้บ้าน
“จะซื้อไรหรอ?”
“ไหนว่าที่บ้านของหมด?”
“อ้อ…”
แอบยิ้มไม่รู้ตัว…อีกฝ่ายจำได้
เชอเบทผิวปากเบาๆเป็นทำนองเพลงตัวเองที่ตอนนี้เปิดเป็น Teaser ·ให้ฟังในยูทูป เพลงที่แต่งเสร็จคราวก่อนกำลังจะเป็นที่รู้จักของสาธารณะชนผ่านเสียงใสกังวลของนักร้องหญิงวัยรุ่นชื่อดังของอเมริกา
ขายาวก้าวตามฟ้าลั่นที่เข็นรถเข็นไปตามเชลฟ์วางของ ไม่รู้ทำไมถึงชอบเวลาฟ้าลั่นเลือกของกินของใช้ มันช่างดูใส่ใจ พิถีพิถัน…และยิ่งของที่มันตั้งใจเลือกขนาดนี้เป็นของเขา
…เหมือนกับฟ้าลั่นใส่ใจเขาคนเดียว
อันที่จริงฟ้าลั่นช่วงนี้ก็เปลี่ยนไปมาก…ไม่เที่ยว ไม่คุยกับใคร มาทำตัวติดกันกับเขาตั้งแต่วันนั้นที่ตกลงอยู่ด้วยกันแบบไร้คำถาม ไร้เหตุผล…
เพราะต่างคนต่างหาคำตอบไม่ได้….จากวันนั้นก็เดือนกว่าแล้วนะ
จะว่าแค่ช่วงสั้นๆมันก็ใช่…แต่สำหรับการอยู่ด้วยกันทุกวัน…มันรู้สึกเหมือนไกลกว่านั้น เวลาแค่เดือนกว่าแต่กลับคิดถึงจนร้องไห้ซะได้
หรือมันจะชินไปแล้วกับการที่มีใครอีกคนใช้ชีวิตด้วยกัน?
เขาอาจจะใส่ใจกับโปรเจคจนไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่น แต่อันที่จริงแล้วเวลาหันไปมองเตียงตัวเองเวลาเผลอๆ ก็รู้สึกได้ว่าเตียงมันดูกว้างไป โชคดีที่ปั่นงานก็หลับตรงที่ทำงาน บนพื้นนั่นแหละไม่งั้นไม่รู้ว่าตัวเองจะไปนอนด้วยความรู้สึกแบบไหน
หมอนข้างใบใหญ่ชื่อฟ้าลั่นไม่อยู่…
ของกินก็หมด…ข้าวก็ไม่ได้กินตามเวลา
ชีวิตเขาเคยอ่อนแอขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
“เชอ เชอ?”
“หะ หือ?”
หลุดจากภวังค์ ฟ้าลั่นยิ้มจางมุมปาก ก่อนจะชูน้ำผลไม้สองกล่องใหญ่ขึ้นมา
“เอาส้มเขียวหวาน หรือส้มแมนดาริน?”
“ต่างกันยังไงอ่ะ”
“ก็ไม่ต่าง แต่ไม่อยากให้ซื้อไปซ้ำกัน ชนิดละอย่าง ตอนนี้มีแอปเปิ้ล กีวี่ องุ่นแดง แล้วก็ผลไม้รวม ให้เลือกส้มได้แค่อย่างเดียว”
ฟ้าลั่นชะงักเมื่อคนผมยาวเดินลากเท้าเข้ามาใกล้ ก่อนแขนบางจะยกขึ้นโอบเอวเขาหลวมๆ มือที่ถือกล่องน้ำส้มต้องลดลงเมื่ออีกฝ่ายเขยิบเข้ามาก้มหน้าลงกับไหล่
“เชอ…”
เรียงเสียงแผ่วเบา…น้ำเสียงเจือความอ่อนโยนโดยที่ตัวเองไม่รู้ตัว แต่คนฟังที่จิตใจไม่ปกติกลับน้ำตาซึมอีกครั้ง อาจเพราะวันนี้เป็นวันธรรมดา อาจเพราะเป็นเวลาบ่ายกว่าๆที่คนไม่มี อาจเพราะแอร์มันเย็น อาจเพราะอะไรก็ตาม…
อยากกอดฟ้าลั่น…อยากกอดไว้แน่นๆเพื่อย้ำให้แน่ใจว่ามันกลับมาแล้ว
มันที่หายไปแค่ไม่กี่วัน กลับมาแล้วจริงๆ
“วันนั้น คืนนั้น ขอโทษ…ที่ไล่”
อดคิดไม่ได้ว่าที่หายไปอาจจะเพราะโกรธหรือเปล่า แค่ติวหนังสือกับเพื่อนจริงๆก็กลับมานอนที่บ้านก็ได้ไม่เห็นต้องหาย
ไป ไม่โทรมาก่อนด้วย ไลน์ก็ไม่มีสักข้อความ
“ไม่ได้โกรธซะหน่อย”
ฟ้าลั่นวางน้ำส้มทั้งสองกล่องลงในรถเข็น…ถือเป็นความดีความชอบที่ทำให้เชอเบทแสดงความรู้สึกออกมา นับว่ามีผลงาน สมควรได้เลือกไปทั้งสองกล่อง
“ขอโทษนะครับพี่ฟ้า”
“ร้องไห้ทำไมน้องเชอ งอแงว่ะ”
มือหนายกขึ้นลูบหัวปลอบประโลม…อีกมือโอบเอวบางหลวมๆก่อนจะกระชับแน่นขึ้น ปลายจมูกจรดลงที่กลุ่มผมยุ่ง…ถึงจะหัวมันหน่อยๆไม่ได้มีกลิ่นแชมพูแล้วแต่เขาไม่นึกรังเกียจสักนิด
“เออ งอแงว่ะ”
ยอมรับเองแต่ก็ไม่ปล่อย
“คราวหลังก็อย่าไล่กูอีก…ครั้งหน้ากูอาจจะไม่กลับมาแล้ว”
“อื้อ…อย่าไปนะ”
กระซิบเสียงแผ่ว…แต่หัวใจคนฟังพองโต
=================================================
น้องมันก็เริ่มรู้สึกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก คริคริ
ขอหายไปหลายวันนะคะเนื่องจากต้องเดินทางไปอเมริกา ที่วันเวลาจะช้ากว่าประเทศไทย และอาจจะต่อเน็ตไม่ได้

คิดถึงเก๊าด้วยน้า
ปล. เห็นไหมมเราไม่ได้หลอกกก น้องเชอร้องไห้จริงๆ ร้องเพราะอ้อนพี่ฟ้า

