ตอนที่ 23
ก๊อกๆ
เชอเบทยกมือเคาะประตู สักพักเพื่อนตัวเล็กตาแพนด้าผสมกับบวมแดงก็มาเปิด
“เชอ..”
เสียงอ่อนระโหยโรยแรง ชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นฟ้าลั่นยืนอยู่ข้างเพื่อนตัวเอง รีบเปิดประตูห้องให้ทั้งสองคนเข้ามา บนพื้นห้องเต็มไปด้วยเศษโฟม มีโมเดลที่ต่อใกล้เสร็จอยู่มุมหนึ่ง
“เหลืออีกเยอะปะ?”
“สิบเปอร์เซ็นต์ โทษทีนะมึงน่าจะได้กลับไปนอน”
“เออไม่ไร มากูช่วย ฟ้ามึงหาที่นั่งเลย”
หอปริ๊นซ์ไม่ใช่หอพักหรูหรามากมายอะไร เป็นห้องแคบๆมีเตียง ตู้ โต๊ะธรรมดา เชอเบทนั่งลงบนพื้นที่เต็มไปด้วยโฟม ฟังเพื่อนตัวเล็กอธิบายงาน ฟ้าลั่นนั่งลงบนเตียงที่เป็นจุดเดียวที่สามารถนั่งได้
“นั่งได้มั้ยตรงนี้?”
“ได้ครับๆ”
ปริ๊นซ์พยักหน้าหงึกๆ แล้วหันไปคุยกับเชอเบทต่อ ฟ้าลั่นหยิบมือถือมาเล่นทำทีเหมือนไม่สนใจ เอาจริงๆพอมาเห็นสภาพหนูก๊องก็สงสาร เหมือนจะเป็นลมตลอดเวลาต่างกับเชอเบทที่ถึงจะปั่นงานไม่ทันแต่ก็ยังไม่ถึงกับสภาพย่ำแย่
“ฟ้า ซื้อกาแฟให้หน่อยได้ปะ”
หลังจากทำงานสักพักเชอก็เงยหน้ามาถาม สีหน้าลำบากใจเพราะกลัวอีกฝ่ายคิดมากเรื่องที่ต้องไปซื้อของให้ แถมยังต้องอยู่กับปริ๊นซ์สองคน
“ได้ เอาขนมด้วยปะ?”
“ไม่ต้องๆ มือเลอะกินยาก ปริ๊นซ์เอาชาเขียวพอเนอะ? เซเว่นมันมีชงสดๆ เดี๋ยวกินกาแฟจะหนักไป”
มือหนากำมือถือแน่น…เชอเบทมันเล่นเอียงคอถามเพื่อนเสียงนุ่มเป็นห่วงเป็นใย
“อื้อ ขอโทษด้วยนะครับพี่ฟ้าที่ทำให้ลำบาก”
“ไม่เป็นไร”
ฟ้าลั่นกลอกตาแต่ก็เดินออกจากห้องไปเซเว่นที่จำได้ว่าขับผ่านตอนเข้ามาที่หอพัก ในใจมันว้าวุ่นไปหมดแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ มันคงไม่มีอะไรนอกจากช่วยการทำงาน งานจะไม่ทันอยู่แล้วคงปลอบใจอะไรกันไม่ได้มากมายหรอก
แต่ฟ้าลั่นคิดผิด คิดไม่ถึงด้วยซ้ำว่ากลับมาถึงห้องที่ไม่ได้ล็อคตอนออกไป ไอ้สองคนที่ควรจะปั่นงานกันอยู่ดันนั่งกอดกัน…ปริ๊นซ์ร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของเชอเบท
“อ้ะ พี่ฟ้า”
หนูก๊องรีบผละออกเช็ดหน้าเช็ดตา เชอเบทเลิกลั่กลุกขึ้นเดินมาหา
“ฟ้า คือ”
“กาแฟกับชาเขียว”
กาแฟสดกับชาเขียวสองแก้ววางลงบนโต๊ะทำงานข้างประตู ก่อนคนซื้อจะเดินหันหลังกลับไปทางเดิม มันจะอะไรกันนักกันหนาวะ!
หงุดหงิด…
ไหนบอกไม่มีอะไร? แล้วทำไมพอเขาไม่อยู่ก็มากอดกันแบบนั้น ถ้าบริสุทธิ์ใจจริงๆจะกอดจะปลอบกันต่อหน้าเขาไม่ได้หรือไง
“ฟ้า”
เชอเบทวิ่งตามมาจับแขน แต่ก็ถูกสลัดออก
ร่างสูงไม่แม้แต่จะหันไปมอง เดินลงบันไดไปทันที หอพักของปริ๊นซ์อยู่แค่ชั้นสามจะลงบันไดก็ไม่ได้ลำบากอะไร
“ฟ้า เดี๋ยวก่อน”
เชอเบทยังคงวิ่งตามมา น้ำเสียงที่ได้ยินคือร้อนรน…แต่ฟ้าลั่นไม่คิดจะหันกลับไป ขายาวก้าวไปที่รถคราวนี่เชอเบทวิ่งมากางแขนกั้นทางอยู่ข้างหน้า
“หลบ”
“มึง ฟังกูก่อน”
“หลบ”
“ฟ้า กูอธิบายได้”
“ไม่ต้อง”
“มึงอย่าพึ่งโกรธ”
“กูไม่ได้โกรธ”
“ฟังกูก่อนนะ”
น้ำเสียงเว้าวอน…แต่ภาพที่อีกฝ่ายยืนยันว่าไม่มีอะไรก่อนจะมาถึงนี่มันย้ำชัดเหมือนคนเปิดหนังซ้ำๆ แล้วแค่แปปเดียวมันก็ผิดคำพูดหน้าตาเฉย
“กลับไปหาเพื่อนมึงไป”
“ปริ๊นซ์มันร้องไห้กูเลยปลอบเฉยๆ”
“ก็ไปปลอบมันต่อ กูจะกลับ”
“กูไม่ได้คิดอะไรจริงๆนะ”
หมดความอดทน ฟ้าลั่นผลักร่างเชอเบทชนกับตัวรถก่อนจะเท้าแขนกับกระจกกักร่างบางไว้ในอ้อมแขน
“แล้วมันล่ะคิดหรือเปล่า! แล้วจำเป็นต้องกอดมั้ยทั้งๆที่รู้ว่ากูไม่ชอบ! ปลอบใจกันน่ะได้มีเป็นล้านวิธีแต่มึงเลือกที่จะกอด! ชอบให้มันซบหรอ?”
“กู…กูก็แค่ทำตามปกติ”
“ตามปกติ?”
“ก็ทุกทีก็ทำแบบนี้”
“มึงคิดว่าเราสองคนอยู่ด้วยกันแล้วจะทำตามใจตัวเองเหมือนเดิมได้หรอเชอ …เคยคิดว่าเราจะต้องปรับตัวเข้าหากันบ้างหรือเปล่า เคยคิดถึงความรู้สึกกูสักนิดมั้ยว่ากูโอเคหรอให้มึงมากอดกับเพื่อนที่มึงเคยรู้สึกอะไรด้วย”
“ฟ้า กูไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้”
ยอมรับผิดเพราะผิดจริงๆ…เสียใจที่ทำให้ดวงตาคมฉายความเจ็บปวด…เสียใจ…ผิดหวัง…ทุกอย่างฟ้าลั่นแสดงออกมาชัดเจน
“กูไม่เคยบอกให้มึงเลิกเป็นเพื่อนกันถึงกูจะอยากมากแค่ไหนเพราะนั่นมันเพื่อนมึง…แต่แค่ทำให้กูสบายใจสักนิด…แค่นิดเดียว ต่อไป
กูจะเชื่อได้ไงวะเชอ…ว่าลับหลังกูมันจะไม่มากกว่านี้” เสียงแหบพร่ากับใบหน้าคมที่ก้มลงซบไหล่บาง มือที่กักอีกฝ่ายไว้ในอ้อมแขนลดลง เสียงถอนหายใจหนักๆทำให้เชอเบทยกมือขึ้นโอบแผ่นหลังกว้าง
รู้ว่าอีกฝ่ายไม่สบายใจเรื่องนี้…และมันก็ใจกว้างพอที่จะให้เขายังเป็นเพื่อนปริ๊นซ์ได้เหมือนเดิม ไม่เคยมายุ่ง ไม่เคยว่าอะไร…
“กูจะไม่ทำอีก”
“สัญญาหรือเปล่า”
“กูสัญญา”
“ถ้าผิดคำพูด?”
“แล้วแต่มึงเลย”
“ถ้ามึงผิดคำพูด…กูจะพาตัวเองออกจากชีวิตมึง” เชอเบทกลับขึ้นไปช่วยปริ๊นซ์ทำงาน ส่วนฟ้าลั่นนั่งรออยู่ที่ม้าหินด้านล่างหอไม่คิดจะขึ้นไปอีก ถ้าจะเกิดอะไรขึ้นก็ช่างมัน อย่างน้อยไม่รู้ไม่เห็นวันนี้ก็ยังพอจะมีกันต่อไปได้
เขารู้ตัวเองว่าต่อไปนี้คงมีชีวิตอยู่กับความระแวง…เขาจะระแวงเรื่องปริ๊นซ์จนน่าหงุดหงิดเลยล่ะ จุดปริร้าวในระยะปลอดภัยของความสัมพันธ์
ขาที่อยากจะก้าวเข้าไปใกล้อีกฝ่ายหยุดชะงักลงที่เดิม….ยอมรับว่าเขาไม่มั่นใจซะแล้ว
“ฟ้า เสร็จแล้ว”
เชอเบทขึ้นไปไม่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำก็กลับลงมา
“อือ”
“จริงๆก็เหลือนิดหน่อย แต่กูให้มันทำเองเพราะยังไงก็เสร็จทัน กลับบ้านกัน”
ฟ้าลั่นไม่ได้ตอบอะไรแค่ขึ้นรถขับออกมาเพื่อกลับบ้านเชอเบท จริงๆก็ใกล้เช้าแล้วแต่ก็เหลือเวลาอีกตั้งห้าชั่วโมงจะถึงเวลาส่งงาน
“เดี๋ยวร้องเพลงให้ฟังเอามะ”
คนผมยาวเอนตัวพิงบ่ากว้าง มือเรียวจับมือหนาที่วางบนเกียร์มากุมไว้ บีบเบาๆ รู้ว่าอีกฝ่ายยังกรุ่นๆเลยไม่คิดว่าตัวเองจะได้คำตอบ จัดการเลือกเพลงเอง ร้องเอง
“ไม่รู้ว่าเธออยู่ไหน ตรงที่ใด ต้องตามหาอีกนานเท่าไร
เธออยู่ไหน ใครสักคน คนที่เหงาเหมือนฉันเช่นกัน
ไม่ได้ขอ สิ่งอื่นมากมาย แค่เพียงใคร ที่เคียงข้างกาย อยู่ตรงนี้
เดียวดายกับฉัน โดดเดี่ยวด้วยกัน”
โดดเดี่ยวด้วยกัน – Getsunova
“หึ…”
ยิ้มจางจุดมุมปากคนขับรถ ก่อนจะบีบกระชับมือเรียวของคนผมยาว…โดดเดี่ยวด้วยกัน ไม่รู้เพลงนี้ทีมันเลือกมันจะสื่ออะไร อยากจะอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆไม่อยากมากกว่านี้ หรือแค่ร้องเพลงธรรมดา
“พี่ฟ้าคร้าบบบบบบ”
ฟ้าลั่นเงยหน้าจากจอมือถือมองคนผมสีทองสว่างที่เดินเข้ามาหา..อาโป
“อ่าวไหนว่าสอบเสร็จแล้ว?”
“เรียนชดเชยง่ะ”
คนน่ารักหน้ามุ่ยนั่งลงฝั่งตรงข้าม ฟ้าลั่นในชุดเสื้อยืดกับกางเกงยีนส์กำลังนั่งรอเชอเบทพรีเซ้นต์งานที่โรงอาหารกลางของมหาวิทยาลัย คนเริ่มบางตาเพราะบางส่วนสอบเสร็จกันไปแล้ว ตารางเรียนปกติก็เริ่มอาทิตย์หน้า
“พี่ฟ้าไม่กินข้าวหรอครับ?”
“อือ กินแล้ว”
“งั้นโปซื้อมากินนี่นะ นั่งด้วย อิอิ”
“ได้ๆ”
อาโปเดินไปซื้อข้าว ฟ้าลั่นก็ยังเลื่อนหน้าจอโซเชียลเน็ตเวิร์คไปเรื่อยเปื่อย สักพักรุ่นน้องผมสีสว่างก็กลับมานั่งกินข้าวตรงข้ามเหมือนเดิม
“พี่ฟ้ารู้จักเพลงนี้ด้วยหรอครับ?”
“หือ?”
“ที่ผิวปาก ทีเซอร์ออกแล้ว แค่จังหวะผมยังโคตรชอบอ่ะ”
“อ๋อ ช่วงนี้ติดหู”
ยิ้มเก้อไม่รู้ตัว เผลอผิวปากตามเพลงที่เชอเบทแต่ง ช่วงนี้คนผมยาวมันฮัมเพลงเต็มของตัวเองบ่อยๆ เลยติดมาด้วยเลย
“อยากเห็นเอ็มวีเต็มๆ”
“อยากฟังเพลงเต็มๆมากกว่า”
ขอฟังก็ไม่ยอมให้ฟัง บอกว่ารอดูเพิ่มยอดวิวเอาเอง
“คนแต่งเพลงนี้ดังมากเลยนะครับ ปีหนึ่งออกเพลงไม่ถึงสามเพลง แต่ดังทุกเพลง นักร้องที่ร้องก็โคตรดัง”
“พี่เพิ่งเคยฟังเพลงนี้ แต่ฟังก็ชอบเลย”
“ลองไปฟังเพลงเขาแต่งครับจะกลายเป็นสาวก SB แน่นอน ฮ่าๆ รู้เปล่าที่อเมริกามีเว็บบอร์ดสำหรับแฟนคลับเขาโดยเฉพาะ แต่
ไม่มีใครมีรูปสักคน งานเปิดตัวเพลงตัวเอง หรือหนังที่เพลงตัวเองได้เป็น Theme song ก็ไม่ไป”
คิ้วเขิ้มเลิกขึ้นเพราะไม่เคยคิดว่าคนผมยาวจะดังขนาดนั้น มันบอกแค่เป็นฟรีแลนซ์แต่งเพลง
“ดังมากเลยหรอ”
“มากกกกกก แต่ไม่ค่อยร่วมงานกับใครง่ายๆ ต้นสังกัดเขาก็บอกว่าให้โฟกัสที่ผลงานดีกว่า เพราะเจ้าตัวไม่สะดวกเปิดเผยชีวิตส่วนตัว”
“เป็นสาวก SB หรออาโป?”
“แน่นวลลลลลลล ชอบมากครับ อยากเจอตัวจริงสักครั้ง”
“แปปนะ”
โทรศัพท์จาก SB ตัวจริง ฟ้าลั่นกดรับทันที
“เสร็จแล้วหรอ?”
“เออ แม่งเกือบตาย ด่ากูทุกอย่าง แต่ก็ผ่าน อยู่ไหนอ่ะ หิวสัส”
“โรงอาหารกลาง เดี๋ยวไปรับ”
“เดี๋ยวกูไปนั่น อยากกินหมกไก่ที่โรงอาหาร อร๊อยอร่อย”
“ให้ซื้อไว้ให้เปล่า?”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวเพื่อนกูไปด้วยอีกสามคน”
“โอเค กูนั่งแถวๆร้านที่ห้า”
ชะงักเมื่อวางมือถือแล้วรุ่นน้องผมสีท้องจ้องเขม็งมา
“จ้องไรตาจะถลนออกมาละ?”
“พี่ฟ้ามีแฟนแล้วหรอ”
“หือ ไม่ใช่แฟนหรอก”
หัวเราะเบาๆกับคำตอบตัวเอง ก็ไม่ใช่แฟนจริงๆ แต่ก็ไม่ใช่เพื่อน มันมากกว่าเพื่อนมาตั้งนานแล้ว เฟรนด์วิทเบเนฟิตอะไรนั่นก็ถูกลืมไปนานแล้วเหมือนกัน
“แล้วมีคนที่ชอบยังครับ?”
“อยากรู้ทำไมล่ะเรา?”
“ก็ผมสงสัยยยย เห็นพี่ฟ้าไม่คุยกับใครเลยช่วงนี้ เมื่อก่อนข่าวลือเกี่ยวกับพี่ฟ้าเยอะจะตาย เปลี่ยนแฟนบ่อยไรงี้ จนตอนนี้นึกว่ามีแฟนแล้วเลยหยุด”
“ยังไม่ใช่เร็วๆนี้หรอก”
ระยะปลอดภัย…ไม่ควรหายไปถ้าตัวเขาเองยังระแวง “ฟ้า”
เสียงเรียบเรียบสนิท ฟ้าลั่นหันไปมองเชอเบทในชุดนักศึกษาผูกไทค์เรียบร้อย ผมยาวรวบเปิดโครงหน้าเรียวพร้อมแว่นวินเทจกรอบบาง
“มาแล้วหรอ”
“เชอ..”
“อาโป?”
ฟ้าลั่นมองเชอเบทกับรุ่นน้องผมสีสว่างสลับไปมา อาโปเป็นฝ่ายหลบตาก่อนจะก้มหน้ากินข้าวเหมือนไม่มีอะไร เชอเบททำหน้าอิหลักอิเหลื่อก่อนจะหันไปหาต้าที่เดินตามเข้ามา
“เดี๋ยวกูไปนั่งกับเพื่อนอีกโต๊ะแล้วกัน”
“นั่งนี่แหละ กลัวอะไร?”
ฟ้าลั่นยิ้มเครียด…ทำไมจะดูไม่ออกว่าโคตรมีพิรุธ เชอเบทสบถเบาๆแต่ก็นั่งลงข้างฟ้าลั่น ต้า เกียร์ ปริ๊นซ์ไม่ได้สังเกตอะไรก็นั่งลงต่อๆกัน ปริ๊นซ์นั่งข้างเชอเบทต่อด้วยเกียร์ ต้านั่งข้างอาโป
“นี่ฟ้าลั่น ปีสี่เศรษฐศาสตร์ นั่นเกียร์ คนอื่นเคยเจอฟ้าหมดแล้ว”
เกียร์กับฟ้าพยักหน้าทักทายกันเบาๆ
“นั่นอาโป”
“ป่ะ ซื้อข้าวกัน”
ต้าลุกไปก่อน ตามด้วยเกียร์และปริ๊นซ์ ส่วนเชอเบทจะลุกตามแต่ถูกฟ้าลั่นรั้งไว้ไม่ให้ลุก มือหนากุมมือเรียวขึ้นมาหอมหนึ่งฟอด
“ฝากซื้อด้วย”
เชอเบทกลอกตา…ฟ้าลั่นมันก็คงดูออกว่ากับอาโปอาจจะ ‘เคยๆ’ กันมาแม่งถึงบ้าโจ่งแจ้งได้ขนาดนี้ เรื่องอดีตวีรกรรมฉาวโฉ่ของทั้งคู่ก็รู้ว่าแก้ไขอะไรไม่ได้ ฟ้ามันเลยแสดงออกแบบนี้ไง!
แต่…จะว่าไปแล้วฟ้ากับอาโปมานั่งด้วยกันได้ไง? หรือมันก็มีซัมติงมาเหมือนกัน…หึ
“เอาไรอ่ะ…หิวมากป้ะ เมื่อเช้าก็เพิ่งกินด้วยกัน ซื้อมาจานเดียวมะ แบ่งกัน?”
ขยับมือสอดประสานนิ้วก่อนจะเขยิบเข้าไปใกล้พร้อมรอยยิ้มเย้าแหย่…ฟ้าลั่นเลิกคิ้วก่อนจะเดาะลิ้นชอบใจ เสียงหัวเราะรื่นรมย์ในลำคอดังเบาๆ
“ก็แล้วแต่ ซื้อมาเหอะ มึงก็รู้ว่ากูชอบกินอะไร”
“โอเคตามนั้น”
“ก็ไปดิ”
ยิ้มยั่ว
“ก็ปล่อยมือกูดิ”
ถลึงตายิ้มกวน
เชอเบทลุกไปแล้ว ส่วนฟ้าลั่นก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นหยิบมือถือมาสไลด์จอต่อ รู้ว่าอาโปชะงักไปเหมือนกัน คงอยากรู้เรื่องนี้
“กับเชอหรอครับ?”
เสียงแผ่ว…จากคนตรงข้าม
“ก็อย่างที่เห็นล่ะ”
“นึกภาพไม่ออกเลย…เชอก็…ไม่ธรรมดา”
“นี่ก็ยังไม่คิดเหมือนกัน”
“แต่อาจจะเหมาะกันก็ได้นะครับ ผมยินดีด้วยนะพี่ฟ้า”
ละสายตาจากมือถือมองคนแสดงความยินดี ยิ้มแห้ง หน้าเจื่อน… สรุปได้เลยว่าฟาดกับเชอมาเรียบร้อย เชอเบทเองก็คงเห็นเป็นแค่คนข้ามคืนไม่ทัก ไม่อะไร แถมยังมาเล่นกับเขาต่อหน้ามันอีก
ฟ้าลั่นควงก็หลายคน แต่ไม่เคยเมินเฉยขนาดนี้ มีทักบ้างไม่ได้ติดใจอะไร ต่างจากเชอเบทที่จบแล้วเมินเหมือนอีกฝ่ายไม่มีตัวตน
รู้สึกสงสารรุ่นน้องผมทองหน่อยๆ แต่ถ้าเชอยังทำเหมือนมีเยื่อไยเขาก็ไม่โอเคเหมือนกัน
“ขอบคุณครับ”
“งั้นโปไปก่อนนะครับ ไว้เจอกัน”
อาโปรีบลุกออกไป สักพักกลุ่มเชอเบทก็กลับมานั่ง ต้าถามนิดหน่อยว่าอีกฝ่ายไปแล้วหรอแต่ก็ไม่ได้สงสัยอะไร นั่งกินข้าวปกติ ที่ตรงข้ามฟ้าลั่นถูกเว้นไว้
ข้าวหมกไก่หนึ่งจานถูกวางลงตรงหน้าพร้อมกับต้มเลือดหมู
“ต้มเลือดหมู ไม่มีข้าวนะ มึงไม่กินแป้งนอกมื้ออาหาร โคตรเรื่องมาก”
เชอเบทส่ายหัวเบาๆ ฟ้าลั่นกินข้าวก็ต่อเมื่อตรงมื้ออาหาร นี่ยังไม่เที่ยว ข้าวเช้าก็เพิ่งกินไม่นานดังนั้นต้มเลือดหมูไม่มีแป้งนี่ล่ะเหมาะสุด
“ไหนว่าจานเดียวกัน?”
เดาะลิ้นยิ้มยียวน
“เสือก!”
==================================
น่าฉงฉานพี่ฟ้า ฮึก ฮืออออ
แต่เรื่องอาโปเคลียร์นะคะ ชัดนะคะ 55555555

นี่แหละ เดี๋ยวต้องแงะออกไปทีละคนนะจ๊ะ เก็บปริ๊นซ์ไว้สุดท้ายดีมุ้ย คิคิ
