ตอนที่ 29
“เชอ ตื่นครับ ไปเรียน”
ปลายจมูกจรดลงที่กลุ่มผมคนในอ้อมแขน เสียงครางรับเบาๆแต่ก็ยังไม่มีทีท่าจะขยับตัวเรียกรอยยิ้มจางมุมปาก
“เชอ น้องเชอ”
มือเริ่มลูบแผ่นหลังเปล่าเปลือย
“อือ..”
“ตื่นเร็ว สายแล้ว”
สุดท้ายมือก็เลื่อนต่ำลงบีบลงเบาๆที่ก้นนิ่ม
“ฟ้า กูปวดหัว…”
เสียงแหบพร่ากับตาที่เริ่มปรือ มือที่ซุกซนรีบยกขึ้นมาทาบลงที่หน้าผากเชอเบท ตัวไม่ร้อนแต่คงเมาค้าง ตาแดงก่ำอย่างเห็นได้ชัด
“เมาค้างว่ะคนเรา”
“แดกไปเยอะ”
“ไปเรียนไม่ไหวแล้วมั้ง นอนดีกว่า”
“อือ มึงไปเรียนเลย”
“อยู่ได้นะ?”
“เออ อยู่ได้ เดี๋ยวก็หาย”
“กูเลิกบ่าย เดี๋ยวกลับมาหามึงก่อนแล้วค่อยไปซ้อมละคร โอเค๊?”
“อื้อ”
“อยู่บ้านทำตัวดีๆ ไม่ดื้อไม่ซนนะน้องเชอ”
จับแก้มคนเมาค้างมาฟัดไปมา จนได้เสียงร้องโวยวายดังลั่นถึงพอใจ ฟ้าลั่นหัวเราะอารมณ์ดีลุกไปแต่งตัว ส่วนเชอเบทนอนแยกเขี้ยวใส่แผ่นหลังคนกวน
เกือบเก้าโมงเชอเบทตื่นมาอีกทีกับหัวที่ยังมึนๆ แต่ก็ต้องรีบควานหาโทรศัพท์มาส่งข้อความบอกปริ๊นซ์ว่าวันนี้จะไม่ไปเรียน เมื่อข้อความขึ้นว่าอีกฝ่ายได้รับแล้วไม่นานโทรศัพท์ก็ดัง
“ว่าไงเมีย”
“ป่วยหรอ? เป็นไรมากปะ”
“เมาค้างเฉยๆ เมื่อคืนหนักไปหน่อย”
“ไปกินกับใครมาล่ะ”
“ไอ้ชาร์ลกับเพื่อนมันแล้วก็ฟ้า”
“ทำไมกินซะเยอะ มาเรียนไม่ได้เลย”
“ขอโทษษษ ไม่ได้กินนานเลยเพลินไปหน่อยว่ะ นั่งเรียนกับไอ้เกียร์ไปก่อนนะ”
“เดี๋ยวเลิกสิบโมงครึ่งจะไปหานะ อยู่คอนโดหรือเปล่า?”
“ไม่เป็นไรปริ๊นซ์ กูอยู่บ้านฟ้า ไม่ต้องมาหรอก เดี๋ยวบ่ายๆไอ้ฟ้าก็มาแล้ว”
“บ้านพี่ฟ้า? อ่า เคเค ไม่ไหวก็โทรมานะ”
“คร้าบเมีย พรุ่งนี้เจอกัน”
ฟ้าลั่นเดินเข้าโรงอาหารกลางของมหาลัยด้วยความรู้สึกแปลกๆ เหมือนมีสายตาจากหลายคนมองมาที่ตัวเองมากกว่าทุกทีหรือว่าเพราะโปสเตอร์พี่มากที่ติดประกาศแล้ว?
“คนมองมึงเยอะมากเพื่อน”
“กูเป็นพระเอกก็เงี้ย”
หัวเราะอารมณ์ดีกับปิง ก่อนจะเดินไปสั่งข้าวร้านอาหารตามสั่งกิน แท๊ปเดินตามหลังเล่นมือถือไปเรื่อยเปื่อย หลังจากได้ข้าวตามที่ต้องการก็ไปหาโต๊ะนั่ง
“เห้ยกูว่าคนมองมึงมีสองประเด็นว่ะ”
แท๊ปส่งมือถือตัวเองให้ฟ้าลั่นที่นั่งตรงข้าม ฟ้ารับมางงๆก่อนจะหลุบตามองจอ คิ้วเข้มเริ่มขมวดมุ่น ก่อนจะหัวเราะออกมาขำๆ
รูปตัวเองนั่งโอบเอวคนผมยาวในร้านเหล้ากับรูปที่อีกฝ่ายตอนเมาเอียงตัวมาซบถูกแชร์ในเพจคิ้วบอย คอมเม้นไม่รู้ไปกี่ร้อยไม่ได้สนใจ
“เป็นเมื่อก่อนล่ะหงุดหงิด กับคนนี้ล่ะหัวเราะอารมณ์ดี”
“เออน่ะ เลิกเสือก แดกข้าว”
“ละน้องมันเห็นยังวะ?”
“ไม่รู้มัน เดี๋ยวก็คงเห็น”
ฟ้าลั่นอารมณ์ดี อารมณ์ดีอย่างที่ตัวเองยังแปลกใจตัวเอง ไม่หงุดหงิดเวลามีคนมองด้วยสายตาแปลกๆ ไม่หงุดหงิดเวลามีคนแซว อารมณ์ดีไปทั้งวัน
“ยังไม่ตื่นอีก”
ร่างสุดทรุดตัวนั่งริมขอบเตียง หัวเราะเบาๆเมื่อคนเมาค้างยังนอนซุกอยู่ใต้ผ้าห่ม ผมยาวแผ่กระจายไปรอบหมอนแถมผมบางส่วนยังปรกหน้าจนต้องค่อยๆเอามือจับออกให้
“เชอ ตื่นได้แล้ว กินข้าว”
“อืออ…”
คิ้วขมวดมุ่นก่อนดวงตาเรียวจะขยับช้าๆและปรือออก กระพริบปริบๆปรับสายตาก่อนจะอ้าปากหาวเป็นการทักทายคนมาปลุก
“ขี้เซาว่ะ”
“กี่โมงแล้ววะ กูว่ากูนอนแปปเดียวเองนะ”
“จะบ่ายสองแล้ว กินข้าวยัง?”
“ยัง โอ้ยยมึนหัว”
ดันตัวลุกขึ้นนั่ง เสยผมยุ่งปรกหน้าของตัวเองขึ้นก่อนจะเอียงตัวพิงลงกับไหล่คนพี่ซะอย่างนั้น
“ขอพิงหน่อย”
“คิดค่าพิงนะ”
“รวย เท่าไหร่ก็จ่ายไหว”
“งั้นจ่าย”
“เอาบัตรเครดิตในกระเป๋าตังค์กูไปเลยสัส”
งับไหล่คนกวนตีนเบาๆ แต่คนพี่กลับหัวเราะแล้วใช้มืออีกข้างเชยคางที่พิงไหล่ตัวเองขึ้นจูบเบาๆที่มุมปาก..แผ่วเบา ราวกับผีเสื้อแตะลงบนกลีบดอกไม้แล้วผละออกช้าๆ
“เชี่ย จูบอนุบาลว่ะ”
ทุบไหล่ที่ใช้เป็นหลักแรงๆแก้เขิน แต่คนพี่ไม่ถือสากลับหัวเราะเบาๆ
“มันต้องมีมุมอ่อนโยนกันบ้าง เพราะพี่ฟ้าเป็นเจนเทิลเมนไงครับน้องเชอ”
“ถุ้ยยยย กลับไปนับตอนมึงกระแทกกูป้าบๆบ้างนะสัส เจนเทิลลงขยะไปเลย”
“หึหึ นับว่าได้ผล”
“ผลเหี้ยไรของมึง”
“น้องเชอเขินหน้าแดง พี่ฟ้าก็ดีใจ”
“เชี่ยฟ้าปากดี เขินเหี้ยไรของมึงงงง”
มือทุบปั้กไปอีกหลายปั้ก แต่ก็ถูกคนแรงเยอะกว่าล็อคข้อมือไว้ ก่อนจะยกขึ้นจรดริมฝีปากที่ข้อมือด้านใน เหมือนที่เคยทำเมื่อนานมาแล้ว…แผ่วบาว นุ่มนวน…แต่ความร้อนกับพุ่งขึ้นหน้าคนน้องจนต้องเอนตัวทิ้งลงกับเตียง แล้วเอาหมอนปิดหน้า
มือที่ยังถูกยึดไว้อยู่ก็พยามดึงออกแต่คนพี่ก็ไม่ยอมปล่อยง่าย กับหัวเราะอารมณ์ดี
“เขินเสร็จก็ไปอาบน้ำ ไปกินข้าวนอกบ้านกัน”
“สัส ไม่ได้เขินโว้ยยยยยยยยยยย”
“งั้นขอดูหน้าหน่อย”
มือแกร่งแกล้งจะดึงหมอนออก แต่เชอเบทกลับกอดหมอนแน่นไม่ยอมปล่อย ส่งเสียงด่ารัวๆ จนคนพี่ยอมเลิกแกล้ง รอให้คนไม่ค่อยเขินหายเขินโผล่หน้ากลับตาเรียวๆออกมาแอบดู เมื่อเห็นว่าฟ้าลั่นยอมหันไปสนใจมือถือแล้วถึงได้ยันตัวลุกขึ้น หัวที่ยังปวดตุบๆ
ทำเอาเดินเซเล็กน้อยแต่ก็เข้าห้องน้ำไปจัดการตัวเอง
อาบน้ำสระผมจนกลิ่นแชมพูฟ้าลั่นกำจายไปทั่วห้องเมื่อเดินออกมา คนพี่เดินตามเข้าห้องแต่งตัวช่วยเสียบปลั๊กไดรเป่าผมบริการเป่าผมให้อย่างดี
“ฮื่ออ ไม่ปรับเป็นไดร์ร้อนวะ”
“เดี๋ยวผมเสีย ผมยาวนุ่มๆแบบนี้เสียดาย”
“เออน่า ค่อยตัดทิ้งก็ได้”
“รักผมตัวเองขนาดนี้ ทำมาปากดี”
บีบแก้มเด็กปากแข็งไปหนึ่งทีให้ได้โดนด่า ผมเปียกแฉะเริ่มหมาดชื้นก็เลิกเป่าเพราะอยู่ด้วยกันมาทำไมจะไม่รู้ว่าเชอเบทไม่ชอบให้ผมแห้งเพราะไดร์ ต้องปล่อยให้ชื้นๆเย็นๆจนกว่าจะแห้งเองทุกที
คนพี่ชุดนักศึกษา คนน้องเสื้อยืดคอกลมแขนยาวสีดำสนิทกับกางเกงขาเดฟสีดำสีเดียวกันกับแว่นตาวินเทจและหมวกส่งวินเทจปีกกว้าง
“ดำทั้งตัวเลยดิ?”
“งานศพมึงอ่ะฟ้า”
“ป่ะ ขึ้นห้องอีกรอบ จะตายทั้งทีก็ปี้มึงก่อนให้หายคัน”
ขายาวยกถีบขาแกร่งข้อหาหื่นไม่รู้เวลา เดินมาถึงหน้าประตูปัญหาก็คือรองเท้าหนังหุ้มข้อด็อกเตอร์มาตินของเชอเบทนี่ใส่ยากใส่เย็น ต้องก้มลงไปจัดการ คนปวดหัวก็เลยเบ้หน้าเซ็งๆ
กำลังจะก้มตัวคนพี่ก็ดันลงให้นั่งเก้าอี้สตูข้างตู้รองเท้า ก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้าหยิบรองเท้าออกมา
“เห้ย เดี๋ยวใส่เอง”
“ปวดหัวยังจะดื้อ”
“ห่า ไม่ต้อง”
จะก้มตัวไปแย่งก็ถูกปัดมือ
“เออน่า นั่งดีๆไป”
เดาะลิ้นยียวน ก่อนจะจัดการหยิบถุงเท้าข้อสั้นสีขาวที่สีเริ่มตุ่นๆจากการใช้มานาน เชอเบทนั่งพิงกำแพงจิ้ปากขัดใจก่อนจะแกล้งยกขายาวพาดบ่าฟ้าลั่นหนึ่งข้าง
“แหม่…ที่วางขานี่ใช้ดีว่ะ”
“แหงดิ ท่าชอบมึงนิ สองขาพาดบ่ากู นอนครางอื้ออ้าๆทั้งคืน ไม่ต้องขยับ”
“เชี่ย ไอ้หื่นนน”
คนเขินจัดเขินขึ้นมาอีกรอบ ขาอีกข้างที่ว่างตั้งท่าจะยกถีบแต่ฟ้าลั่นกลับมือไวกว่าล็อคข้อเท้าไว้ด้วยมืออีกข้าง จนเชอเบทดิ้นไม่หลุด
“แม่งขี้โกงสัส ปล่อยได้ละ กูเมื่อย”
“หึหึ…”
กางเกงขาเดฟเลิกขึ้นเล็กน้อยให้เห็นข้อเท้าเปลือยสีขาว…ฟ้าลั่นยิ้มกริ่มก่อนจะยกข้อเท้าขึ้นจูบลงแผ่วเบาอีกครั้ง…
“พี่ฟ้า…”
คราวนี้เขินจนพูดไม่ออก จูบที่แผ่วเบาราวกับผีเสื้อแตะลงบนกลีบดอกไม้ที่ได้รับไปหลายครั้งมันทำเอาหัวใจเต้นรัว…ทำได้แค่สองมือกำแน่นบนตัก ก้มหน้าหงุด คำโวยวายและคำด่าถูกซ่อนไว้ในปากที่เม้มสนิท หน้าร้อนผ่าว
เสียงฮึมฮัมจังหวะเพลงในลำคอ กับการค่อยๆใส่รองเท้าให้และผูกเชือกให้เรียบร้อย
เชอเบทไม่พูดอะไรได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายจูงมือออกจากบ้าน
ความรู้สึกอุ่นและหวามไหวยังไปรวมกันอยู่ที่ข้อเท้าข้างนั้น…
“บ้านหญิงนะเชอ กูอยากกินอาหารไทย”
“อื้อ”
ห้างใจกลางเมืองชั้นบนสุดที่มีร้านอาหารหลากหลาย สองคนเดินเคียงกันเข้าร้านอาหารไทย ทุกสายตามองมาที่คนสองคน ผู้ชายผิวเข้มมาดเนียบในชุดนักศึกษา กับผู้ชายมาดเซอร์ที่แต่งตัวโดดเด่น
“กินไร เลือก”
“เอาไรก็ได้เปรี้ยวๆ ปวดหัวอ่ะ”
“ต้มยำ? ปลาเนอะ แคลอรี่น้อย”
“จะมากินตามใจปากยังลำบากนับแคลอีกมึงนี่”
“คนมันรักสุขภาพ หึหึ”
เมนูรักสุขภาพเท่าที่จะเลือกได้ก็ถูกเลือกไปสองสามอย่าง เวลาเย็นๆแบบนี้คนเริ่มเยอะบ้างเหมือนกันแต่ก็ไม่ถึงกับแน่น
ผู้ชายสองคนนั่งตรงข้ามกัน หนึ่งคนนั่งจดอะไรยิกๆลงในกระดาษทิชชู่ อีกคนนั่งสไลด์มือถือไปเรื่อยเปื่อย แค่ใช้เวลาด้วยกันท่ามกลางคนมากมาย
“เชอ กินไรอีก?”
“มึงไม่กินไรแล้วไม่ใช่รึไง ค่ำแล้ว”
“เผื่อมึงอยากกิน ไอติม? เดี๋ยวไปนั่งด้วย”
“ขี้เกียจว่ะ อยากเดินดูเสื้อ”
“อ่าห้ะ”
เดินตามผ่านร้านต่างๆในห้างที่เป็นของแบรนด์ทั้งหมด ร้านที่ฟ้าลั่นจะมองนานหน่อยก็จะเป็นพวกรองเท้ากีฬาหรือพวกเสื้อผ้าค่อน
ข้างเรียบหรู แต่ร้านที่สะดุดใจเชอเบทจะเป็นร้านที่ตกแต่งแหวกแนวโดดเด่น แต่ก็ชอบแต่เสื้อผ้าสีขาวดำ
“ใส่เสื้อกล้ามดีปะวะ ตัวนั้นแม่งสวยว่ะ”
ดึงแขนคนตัวหนาให้ดูเสื้อกล้ามสีดำมีริ้วขาดๆตรงชายเสื้อที่หุ่นโชว์ใส่อยู่ ก็เรียบและดูดี แต่ดูจากช่วงคอที่คว้านต่ำลงมาเป็นสี่เหลี่ยมทำให้กว้างเกินความจำเป็น และช่วงแขนที่ทำกว้างขึ้นเพื่อแฟชั่นหรืออะไรก็ตาม
ปกติเสื้อกล้ามก็เป็นเสื้อผ้าที่เปิดเผยมากอยู่แล้ว ยิ่งมาทำแบบนี้…ก้มทีคงเห็นไปถึงสะดือ!
“ตลกว่ะ อย่าใส่เลย เหมือนผ้าขี้ริ้ว”
ทำเสียงไม่ใส่ใจ แต่แอบโล่งใจที่เชอเบทดูไม่ได้ถูกใจอะไรนักหนา ก็แค่พยักหน้าแล้วก็เดินผ่านไปร้านอื่น คราวนี้มาหยุดที่ร้านหนึ่งซึ่งคุ้นๆว่าเคยขายผ่านเน็ตและมีนิตยสารออนไลน์ของตัวเองมาก่อน จนมาเปิดสาขาแรกที่นี่
“เห้ยดูร้านนี้กัน”
มือเรียวยกขึ้นมาลากมือหนาให้เดินตามไปไม่รู้ตัว ฟ้าลั่นหลุบตามองมือที่กุมกัน…สิบนิ้วประสานกันไม่แน่นเกินไปไม่หลวมเกินไป … เชอเบทชินที่จะกุมมือเขาแล้ว
“สวัสดีครับ สนใจตัวไหนแบบไหนถามได้นะครับ”
พนักงานผู้ชายที่หน้าตาน่ารัก ยิ้มจนตาปิดเดินเข้ามาทัก เชอเบทถึงกับชะงักส่วนฟ้าลั่นขมวดคิ้วมุ่นเมื่อคนของตัวเองถูกใจอีกฝ่ายขนาดนั้น
“ครับ…ปิ๊ง”
คนผมยาวเกิดการเขี้ยวงอกหางงอก เรียกชื่อพนักงานจากป้ายชื่อที่ติดบนอกทำคะแนน
“อะแฮ่ม”
กระตุกมือตัวเองที่อีกฝ่ายยังกุม เชอเบทชะงักก่อนจะหันมายิ้มทำเหมือนไม่มีอะไร
“อะไรติดคอครับมึง ไปๆดูเสื้อ เนี่ยมีแบบที่มึงชอบด้วยดูๆ เชิ้ตแบบใหม่เห็นมั้ย”
ฟ้าลั่นยังแกล้งหน้าบึ้งแม้อีกฝ่ายจะทำเป็นเลือกเสื้อหลายแบบ และสีโทนเทาหรือน้ำเงินเข้มที่เขาชอบมาทาบตัว ก็รู้ว่าเชอเบทมันคงมองเฉยๆ หลุดบ้างแต่ไม่ได้อะไรแต่แค่อยาก…หยั่งเชิง
“ฟ้า…”
“กูอยากสูบบุหรี่ว่ะ”
“ฟ้า…”
ทำเป็นไม่สนใจ ก่อนจะดึงมือออก
“เลือกไปก่อนละกัน เดี๋ยวมา”
หันตัวเดินออกจากร้าน…ยิ้มติดมุมปาก…เสียงรองเท้าหนังอีกคนกระทบพื้นรีบร้อนตามมา ช่วงขาที่ยาวเท่าๆกันทำให้ตามกันได้ไม่ช้า มือขาวพยายามดึงมือสีเข้มแต่ก็ทำไม่ได้เพราะคนพี่สอดมือล้วงกางเกงซะอย่างนั้น
เดินตามกันมาถึงลานจอดรถ ยังทำอะไรไม่ถูกเพราะฟ้าลั่นแค่หยิบบุหรี่มาสูบเงียบๆ ตามองไปทางรถมากมายที่จอดแน่นในลานจอดรถ ปล่อยควันสีเทาให้ลอยไปเรื่อยเปื่อย
“ฟ้า…”
“พี่ฟ้า…”
“อะไร…”
“ขอโทษ”
“เรื่องอะไร? ไม่มีอะไรนี่ ฮะๆ”
เสียงหัวเราะแกนๆ ทำเอาคนน้องยิ่งรู้สึกผิด ช่วงนี้ไม่รู้ทำไมถึงไม่อยากให้ฟ้าลั่นเป็นแบบนี้ ทั้งๆที่เมื่อก่อนไม่เคยสนใจเลยด้วยซ้ำ…
“เรื่องพนักงานคนนั้น”
“อือ น่ารักดี”
“แต่ไม่ได้รักนะ”
“บอกทำไม ไม่ได้ถาม”
“ก็พี่ฟ้าไม่ชอบ…เชอขอโทษ”
จับมือไม่ได้ ขอจับชายเสื้อก็ยังดี จับแน่นจนข้อนิ้วขึ้นขาว
“พี่บังคับเชอไม่ได้หรอก พี่ต่างหากที่ต้องขอโทษที่อารมณ์เสีย จริงๆมันก็สิทธิ์ของเชอนะที่จะไปกับใครทำอะไร พี่จะเอาอะไรไปบังคับเชอได้ เราไม่ได้เป็นอะไรกันนี่”
…ตาเรียวเบิกกว้างเมื่อเจอแบบนี้นี้ ตาใจหายวูบกว่าเมื่อเจอสายตาหม่นแสงของคนพี่ ยิ่งช่วงนี้เพิ่งมีเรื่องพายมาให้คนพี่คิดมาก ยังจะเรื่องนี้อีก
“พี่ฟ้า…เชอ …”
“พี่งี่เง่าเอง ขอโทษครับ”
คนน้องเริ่มทำหน้าเครียด อยากจะพูดให้สบายใจ อยากจะอธิบาย แต่คำว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกันมันดังก้องไปในหัว ใช่…ไม่ได้เป็นอะไรกัน แล้วทำไมรู้สึกผิดขนาดนี้ ทำไมแคร์อีกฝ่ายขนาดนี้
แล้ว…ควรทำยังไงดี
บรรยากาศดีๆหายวับไปกลับตา กลับบ้านมาก็ต่างคนต่างทำธุระส่วนตัวและเข้านอน ไม่มีการบอกราตรีสวัสดิ์กระเซ้าเย้าแหย่เหมือนทุกที ฟ้าลั่นยังนอนตะแคงหันหลังให้
ไม่มีอ้อมกอดอุ่นๆ…กับต้นแขนแกร่งที่เป็นหมอนหนุนมาทุกคืน
เชอเบทพลิกตัวกลับไปอีกทาง น้ำตาคลอบนดวงตาเรียว รู้ตัวอีกทีก็ตอนมันหยดแหมะลงมา…
ไม่ชอบเลย ไม่อยากให้เป็นแบบนี้
นอนไม่หลับ…
คราวนี้เป็นคนน้องเองที่ปาดน้ำตาลุกจากเตียง คว้าซองบุหรี่เดินลงไปชั้นล่าง…ไปที่สระว่ายน้ำ อัดควันเข้าปอดให้หายเครียด แม้จะช่วยอะไรไม่ได้เลย
“แม่งเอ้ยยยยยยยยยยยยยย”
มือขยี้หัวตัวเองจนฟู ตายังชื้นน้ำ….
ทำไมมันกลายเป็นแบบนี้ได้วะเนี่ย!
=============================================
พี่ฟ้าแกล้งน้องงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง เอาน่า ต้องให้เจอคิดเยอะๆ คิดให้มากๆ 55555 จะได้ปูทางการเป็นแฟนกัน (ห้ะ แค่ปูทาง?)
ปิ๊งแค่มาช่วยปัณณ์ขายเสื้อเองงงงงงงงงงงงง
ปล。 หายไปหนึ่งเดือนเจ็ดวัน ในที่สุดดด เราก็ต่อเน็ตได้อย่างยากลำบากค่ะ T-T
ทีมพี่ฟ้าทีมน้องเชอยังอยู่กันหมัยยยยยยยยยยยยยยยย ขอเสียงหน่อยยย โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮอ (อันนี้เสียงแบมคร่ำครวญ)