ตอนที่ 35
ฟ้าลั่นทั้งขำทั้งเป็นห่วงแฟนผมยาวที่ขังตัวเองในสตูดิโอส่วนตัวมาค่อนวันแล้ว หลังจากไปกินเหล้ากับเพื่อนตัวเองเมื่อคืนให้เขาได้เป็นห่วง ตื่นมาก็บอกอยากแต่งเพลงอกหัก…เพราะเข้าใจแล้วว่าการสูญเสียคนรัก(หนวด)เป็นยังไง
เลยต้องปล่อยไปให้ทำงานไป เชอเบทเคยบอกไว้ว่าถ้าตอนทำงานห้ามเข้าไปรบกวนเด็ดขาด ถึงจะหายไปนานแค่ไหนเลยเวลากินข้าวก็ห้าม
เพราะถ้าอารมณ์ตัดไป อาจจะกลับมาต่องานไม่ได้แล้วที่ทำมาทั้งหมดก็ต้องทิ้งไป ฟ้าลั่นไม่เข้าใจเท่าไหร่แต่สรุปได้ว่า…อารมณ์ศิลปิน
เชอเบททำงานเขาเลยออกกำลังกายแทน เริ่มจากการไปวิ่งรอบหมู่บ้านของเชอเบท มากระโดดเชือก จนซ้อมฟุตเวิร์คไปจนครบทุกอย่าง
ข้าวก็ทำเผื่ออีกคนไว้แล้ว ส่วนตัวเองกินเรียบร้อยก็มานั่งคิดโปรเจคงาน…มองเวลาแล้วก็เป็นห่วงคนที่ยังไม่ออกมาสักที
ฉับพลันก็คิดอะไรเพลินๆก็เลยหยิบมือถือขึ้นมาเปิดเฟสบุค…ตั้งสเตตัสลอยๆว่า ‘เป็นห่วงครับแฟน มากินข้าวได้แล้ว’ ไม่ได้แทกใครแต่สักพักคอมเม้นแซวก็เริ่มมา
ผ่านไปตอนไหนไม่รู้ รู้ตัวอีกทีก็สะลึมสะลือตื่นมามีคนที่หายไปทั้งวันมามุดแขนซุก…ฟ้าลั่นถึงรู้ตัวว่าเผลอหลับไปบนกองฟูก
“กินข้าวยังเชอ?”
“กินแล้ว ง่วงอ่ะ”
“กี่โมงแล้ว”
“หกโมงเย็น เพิ่งปิดไฟ”
ไฟอัตโนมัติที่จะเปิดเวลานี้และจะหรี่ลงจนเหลือแค่บริเวณที่มีคนอยู่ ซึ่งตอนนี้มืดสนิทเพราะเจ้าตัวปิดไปเรียบร้อย
“งานเป็นไง”
“ร้องไห้ด้วยตอนแต่ง โคตรแย่เลยแต่เพลงโคตรรดี ฟังแล้วร้องไห้อีก เฮ้อ…”
หัวเราะเบาๆยกมือลูบหัวคนน้อง
“ไว้จะรอฟัง”
“เพลงนี้เชอว่าเชอจะร้องเอง…พี่ฟ้าว่าไง”
คนน้องดันตัวขึ้นมา สองมือทาบอยู่บนอกแกร่ง ท่ามกลางความมืดและแสงสลัวที่ลอดผ่านม่านเข้ามาจากข้างนอกทำให้เห็นแววตาไม่มั่นใจ
“เอาสิ ก็เชอเป็นคนอกหัก ใครจะเข้าใจเชอได้ดีกว่าตัวเชอเอง”
เจ้าตัวพยันหน้าหงึกๆ
“คงต้องหาห้องอัดก่อน”
“ไม่อัดในนี้ล่ะ แล้วอัปโหลดเอง”
“ก็…ติดลิขสิทธิ์อ่ะ งงใช่ปะ คือเซ็นสัญญากับที่อเมริกา เขาจ่ายสูงมากแต่แม้จะเพลงแต่งเล่นถ้าไม่ขอก่อนก็ห้ามโพสที่ไหนเลย ต้องขอเขาก่อน และคิดว่าเพลงคุณภาพขนาดนี้ต้องโดนบังคับให้ไปอัดห้องอัดดีๆแน่เลย”
“อื้อหือภูมิใจในงานตัวเองสุดๆเลยเรา”
“แหงดิ เศร้าอ่ะ ขอกอดที”
“หลายทีก็ได้”
ร้องโอยเบาๆเมื่อคนน้องทิ้งตัวลงมาทันที แต่สองมือก็ขยับกอดเอวบางแน่น แอร์เย็นกับร่างอุ่นๆในอ้อมแขนทำให้ง่วงอีกรอบ…
“No, I can’t go to USA. Hey Dad! I need to study … you need to find some place for me If you don’t want me to do it by myself. Ok fine. See you”
“พ่อว่าไง?”
ช่วงนี้เชอเบทคุยโทรศัพท์กับพ่อบ่อยเรื่องอัดเพลง ฟ้าลั่นยังไม่ได้ฟังแต่กระแสตอบรับของทีมงานทางอเมริกาคืออยากให้เชอเบทกลับไปอัดที่นั่นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้แม้ว่า…จะเป็นเพลงภาษาไทย
เชอเบทแต่งเพลงอกหักเพลงแรกในชีวิตเป็นภาษาไทย…
แต่เจ้าตัวไม่อยากไปเพราะติดเรียนแถมยังติดเขา…
‘ไปแล้วนอนไม่หลับแหง ไม่มีพี่ฟ้า’
บ่นอ้อมแอ้มและเขินหน้าแดงจนเขาอดฟัดไปอีกหลายทีไม่ได้ ตอนนี้เลยมาง้องแง้งว่าให้หาห้องอัดในไทยให้ จริงๆอัดเองก็ได้แต่ทางต้นสังกัดอยากได้ทีมงานคุณภาพจริงๆ
“พ่อบอกจะลองติดต่อพวกค่ายเพลงในไทยให้ ตื่นเต้นอ้ะ ดังแน่เลย ฮ่าๆ”
“คนก็จะรู้จักเชอมากขึ้น”
“เชอว่าจะทำแค่ออดิโอกับเอ็มวีที่…เชอไม่ต้องไปอยู่ในนั้นอ่ะ ไม่อยากดัง กลัวชีวิตถูกคุกคาม ไปกินเหล้ากับเพื่อนไม่ได้อีก ไปเล่นกีตาร์ที่ขอบโลกก็ไม่ได้ แย่ๆ”
“อยู่กับพี่ก็จับมือกันแบบนี้ไม่ได้ด้วยใช่ปะ”
ดึงมือคนน้องมาเดินกุม แม้จะเป็นที่สาธารณะแต่ไม่ใช้ห้างใกล้มหาลัยและไม่ใช่ห้างดัง ก็ซุปเปอร์ใกล้บ้านที่มาซื้อของกิน
“สำคัญตัวผิดสุดๆอ้ะ”
“หึหึ… แน่น๊อนคนมันหล่อ”
“โห จะอ้วกว่ะ”
“ท้องหรอ?”
“โหยพี่ฟ้า มุกกากมากสมัยไหนละวะน่ะ พอเลยเลือกอกไก่ต่อไป”
“อกไก่ต้องมีคนหมัก อกหักต้องไปกินไก่”
คำคมฮิตๆช่วงนี้ถูกแปลงเป็นเข้าเรื่องกินซะงั้น…ฟ้าลั่นผู้ชายมุกแป้ก
“พี่ฟ้าๆๆ นี่คือที่ไหนอ่ะ”
แชทเฟสบุคที่คงเป็นพ่อเชอเบทเพราะนามสกุลเดียวกันถูกส่งให้ดู สถานที่ที่อีกฝ่ายส่งมาให้
“นี่มันค่ายเพลง….อยู่แถวๆกลางเมืองหน่อย”
ค่ายเพลงแถวหน้าของประเทศไทย…คอนเนคชั่นระดับนี้ของเชอเบทเป็นตัวการันตีความสามารถของเจ้าตัวได้เลยว่าถูกให้ความสำคัญจริงๆ
คนดังระดับโลกเป็นแฟนเขาที่กำลังทำหน้าโง่ๆอยู่นี่เอง
“พาไปหน่อยดิ”
“วันไหน?”
“วันเสาร์ พี่ฟ้าว่างปะ?”
“ว่างครับ แล้ววอร์มเสียงยัง?”
“ต้องวอร์มด้วยหรอ ทำไงดีอ่ะ ไม่เคยร้องเพลงตัวเองเลย”
“น้ำผึ้งมะนาว แต่พี่ว่าเชอไม่ต้องตื่นเต้นหรอก ร้องขอบโลกทุกอาทิตย์นี่”
“หื้ออออ ไม่เหมือนกัน อันนี้จะดังเปรี้ยงๆ ฮ่าๆ”
“หึ…เป็นตัวเองก็พอ อย่าไปเกร็ง มั่นใจเข้าไว้ ไหนบอกดังเปรี้ยงๆ”
“เชอพูดไทยชัดพอยังอ่ะ แรกๆนี่พูดไม่ค่อยชัดเลย หลังๆนี่พยายามฝึก”
สำเนียงเชอเบทเรียกว่าแค่บางคำที่ยังพูดไม่ชัด แต่ภาพรวมแล้วก็คนไทยดีๆนี่เอง จึงส่ายหน้าว่าไม่มีปัญหาแน่นอน คนน้องก็ตื่นเต้นจัดรีบไปหามะนาวมาหั่น ฟ้าลั่นรีบเดินไปแย่งมีดกลัวน้องจะหั่นนิ้วตัวเองก่อนมะนาว
ถึงวันอัดเสียงเชอเบทตื่นเต้นเป็นพิเศษ รถอินโนว่าเลี้ยวเข้าจอดในอาคารจอดรถของค่ายเพลงใหญ่ ฟ้าลั่นไม่เคยเข้ามาในสถานที่แบบนี้เหมือนกัน
ในอาการตกแต่งสวยงามแปลกตาสมกับเป็นที่ทำงานศิลปิน สตูดิโออยู่ที่ชั้นเจ็ด เชอเบทหน้าตากังวลเล็กน้อยฟ้าลั่นเลยยกมือลูบผมคนน้องที่หันมาแกล้งงับแขนเล่น
“เดี๋ยวเจอพี่กัดบ้างนะเชอ”
“งับเฉยๆ ไม่ได้กัดเหอะ”
“หึ…ไม่ตื่นเต้นดิ มั่นใจหน่อย”
“ก็เคยแต่ไปนั่งดูเขาอัด ไม่เคยอัดเองเลยอ่ะ”
“แฟนพี่เก่ง”
“หล่อด้วย”
“ใครบอก?”
“บอกเองงงงงงง”
“หึหึ สู้ๆครับคนหล่อ”
บีบแก้มนิ่มให้กำลังใจ
“คร้าบบบบบบบ”
วันนี้เชอเบทปล่อยผมที่เขาเพิ่งสระไดร์ให้จนนิ่มลื่น เสื้อเชิ้ตสีขาวปกคอสีดำแขนยาวและกางเกงยีนส์ขาเดฟกับรองเท้าหนังสีน้ำตาล
มือถือแมคบุคเครื่องเก่งของตัวเองมาด้วย เราเดินมาถึงสตูดิโอที่นัดแต่พอเปิดประตูเข้าไปก็ต้องชะงักเมื่อเจอคนยืนกันสิบกว่าคน
“SB ครับ…”
เชอชะงักละล้าละลัง ก่อนคนในห้องจะเบิกตากว้างแล้วหนึ่งในนั้นที่น่าจะเป็นโปรดิวเซอร์รีบลุกจากเก้าอี้มาทักทาย
“โอ้โห สวัสดีครับ ไม่คิดว่าจะเด็กขนาดนี้ ผลงานของคุณเยี่ยมยอดมาก พอพวกเรารู้ว่าจะมาขอใช้สตูดิโอถึงกับตกใจเลยทีเดียวว่า
นักแต่งเพลงคนดังของอเมริกาจะมาทำงานที่นี่”
“อ่า…ผมเรียนที่ไทยน่ะครับ เอ่อ นี่ พี่ เอ่อคุณฟ้าลั่น…”
“ผู้จัดการส่วนตัวครับ”
เชอเบทชะงักมองคนยัดเยียดตำแหน่งให้ตัวเอง แต่ก็พยักหน้าหงึกๆตาม เพราะคนพี่ขยิบตาให้
ก่อนบทสนทนาจะเริ่มเข้าสู่เรื่องงาน เชอเบทดูจะชินที่ต้องทำงานกับคนในวงการนี้ มีศัพท์เฉพาะทางมากมายที่ฟ้าลั่นฟังไม่รู้เรื่อง จึงยึดเก้าอี้มุมหนึ่งนั่งรอ ส่วนทีมงานที่ไม่เกี่ยวข้องที่เข้ามารอเพื่อจะขอถ่ายรูปและลายเซ็นต์โดนโปรดิวเซอร์ไล่ออกไปก่อน
ฟ้าลั่นมองผมยาวๆที่มักจะหล่นลงปรกหน้าน้องที่ก้มหน้าอยู่กับจอแมคบุคกับทีมงานแล้วก็รำคาญแทนที่ต้องคอยยกขึ้นทัดหู
เลยเปิดกระเป๋าใบเล็กที่ใส่พวกกระติกน้ำรักษาความเย็นที่ชงมะนาวน้ำผึ้งและขนมจำพวกไม่คันคอมาเผื่ออีกฝ่ายขึ้นมาเปิด ดึงหนัง
ยางสีดำที่หยิบติดมาด้วยขึ้นมาก่อนจะเดินเข้าไปยืนซ้อนหลังคนน้อง
เชอเบทยังคงอธิบายเนื้องานของตัวเองให้ทีมงานฟัง ชะงักเล็กน้อยเมื่อถูกจับผม แต่ผมเงยหน้าเห็นเป็นคนพี่ยิ้มส่งมาให้ก็เลยยิ้มตอบแล้วกลับไปคุยงาน ปล่อยให้ฟ้าลั่นมัดผมให้จนเรียบร้อย
ร่างสูงกลับไปนั่งที่เดิมหยิบมือถือมาเล่นไปเรื่อยเปื่อยก่อนจะนึกสงสัยในความสามารถของอีกฝ่าย ได้ยินมาจากอาโปแล้วล่ะว่าเชอน่ะดัง แต่ไม่รู้ดังแค่ไหน
ว่าจะกดเสิร์ชแต่พอเงยหน้ามองหน้าใสๆที่กำลังทำหน้าจริงจังอยู่ก็คิดว่าไม่ดีกว่า…คิดว่าคงรู้สึกแปลกๆถ้าต้องมารู้ว่าคนธรรมดาที่อยู่ด้วยกันกลายเป็นคนดังระดับโลก
“พี่ฟ้า จะอัดแล้วอ่ะ”
คนผมยาวสไลด์เก้าอี้มีล้อที่ตัวเองนั่งเข้ามาหา มือหนาเอื้อมไปจับมือบางที่ยื่นมาก่อนจะกุมไว้บนตัก ตาเรียวฉายความตื่นเต้น
“จะไม่บอกให้สู้ๆเพราะคิดว่าเชอคงสู้เต็มที่อยู่แล้ว…”
“อื้อ…”
“เลยว่าจะบอก…รัก แทน แต่ไม่บอกดีกว่า”
คนน้องตาเบิกกว้างก่อนจะทำหน้ามุ่ย
“อ่าวเพลงอกหักนี่เนอะจะให้พี่บอกรักเดี๋ยวเชอจะไม่อิน ฮ่าๆ”
“ไอ้พี่ฟ้าบ้า”
“พี่รอฟังนะครับ”
ยกมือบางขึ้นจรดปลายจมูกแต่ตายังจ้องไปที่ใบหน้าคนเขิน
“สัส ที่สาธารณะปะล่ะ”
ดึงมือออกแต่ก็ยังไม่ลุกไปไหน ทีมงานที่พอจะดูสถานการณ์ออกก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ที่ว่าผู้จัดการส่วนตัวนี่คงควบผู้จัดการหัวใจไปด้วย
“อ่ะ กินน้ำผึ้งมะนาวก่อน”
“อื้อ…”
รับกระติกน้ำขึ้นมาดื่มไปอึกใหญ่ ก่อนจะเดินเข้าห้องอัดเพลง…
ก็รู้ว่าเสียงมันเพราะ ได้ฟังก็หลายหน แต่เพลงนี้มันพิเศษเพราะน้องมันแต่งเอง เพลงอกหักแสนไพเราะที่มีน้ำเสียงเศร้าสร้อยแหบเสน่ห์
ถึงจะแหบแต่กลับขึ้นเสียงสูงได้สูงจริงๆ จังหวะลงต่ำก็เพราะสมกับเป็นมืออาชีพ
ฟ้าลั่นยืนกอดอกมองอีกคนที่หลับตาร้องเพลงในห้องอัดแล้วรู้สึกหัวใจหลุดลอยไปเหมือนกัน ดีใจที่เห็นเชอเบททำได้ดี แต่อีกใจก็อดคิดไม่ได้…
ถ้าเชอเบทชอบร้องเพลงจริงจังขึ้นมา…อเมริกาคงทำให้อนาคตน้องมันไปได้ไกลมากกว่า
ตอนนี้น้องมันยังเรียนมันยังอยู่ที่นี่ แต่ถ้าเรียนจบไปแล้วมันอาจจะอยากไปเดินตามความฝันในบ้านเกิดตัวเองก็ได้ …แล้วถึงตอนนั้นเขาจะทำยังไง?
การอัดเสียงผ่านไปได้ด้วยดี มีการนัดประชุมอีกครั้งเพื่อตัดสินใจเรื่องทำเอ็มวีในอาทิตย์ถัดไป เหล่าคนที่รอขอลายเซ็นก็ได้ลายเซ็นไปสมใจ
ลายเซ็นง่ายๆที่เขียนแค่ตัว SB หวัดๆ
หลังจากออกมาจากค่ายเพลงฟ้าลั่นก็พาคนน้องไปกินข้าวเย็นมื้อใหญ่ เลี้ยงฉลองความสำเร็จไปอีกหนึ่งก้าวสำหรับการเป็นนักร้อง
“อยากกินอะไรเชอ?”
“บาร์บิกอนนนนนนนนน”
ร้านปิ้งย่างชื่อดังที่มาคู่กับมังกรเขียว ตาวาววับแต่สักพักก็ชะงักก่อนจะหันมามองคนพี่
“ไม่เอาอ่ะ ซิสเลอร์ดีกว่า พี่ฟ้านับแคลไปกินไม่อร่อยแหงๆเลย”
“ขอโทษที่ทำให้กินไม่อร่อย”
ยังกังวลกับความคิดตัวเองพอเจอคนน้องบอกจะกินไม่อร่อยก็เลยยิ่งนอยไปใหญ่
“ไม่ๆ พี่ฟ้าจะกินไม่อร่อยไงเพราะไม่ชอบพวกนี้นี่ พอพี่ฟ้ากินไม่อร่อยเชอก็ขี้เกียจกินแล้วอ่ะเพราะรู้สึกผิด กินอะไรที่เราสบายใจทั้งคู่ดีกว่าเนอะ ซิสเลอร์ก็ได้พี่ฟ้าชอบสลัดนี่นา เชอกินเนื้อ เข้ากันดี ดี้ดี”
คนน้องหัวเราะร่าเริงจนได้แต่ยิ้มตาม สุดท้ายมังกรเขียวก็ถูกปัดตกไปเรียบร้อยแล้วก็ไปซิสเลอร์แทน หัวใจพองโตเพราะคนน้องใส่ใจลักษณะนิสัยการกินของเขาเหมือนกัน
ยิ่งอยู่ด้วยกัน นับวันยิ่งน่ารัก
รู้สึกรักมากขึ้นทุกวัน…จนมองภาพวันหนึ่งที่ไม่มีกันไม่ออก
ถ้าน้องมันขอไป…เขาจะทำใจไม่เห็นแก่ตัวปล่อยมันไปได้หรือเปล่า?
“พี่ฟ้า เหม่ออะไรอ่ะ”
เชอเบทมองหน้าคนพี่ที่ดูกังวลตั้งแต่ออกจากค่ายเพลง
“แค่คิดว่า…อยากอยู่กับเชอไปทุกวัน”
“มาพูดไรกลางห้างเนี่ย…ทุกวันนี้ก็อยู่ด้วยกัน ตัวติดกันเป็นกล้วยหอมจอมซนแล้วเหอะ”
“แต่กล้วยพี่ใหญ่กว่ากล้วยเชอนะ”
“ไอ้เหี้ย!!!”
อ้าว…ก็เรื่องจริง
=============================================
นับวันฉันยิ่งหลงรักพี่ฟ้าค่ะ ฮืออออออออ พระเอกเรื่องไหนก็สู้พี่ฟ้าของน้องไม่ได้ ทำไมดูแลเชอเบทดีงี้
ฮืออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออ
ตอนจบให้พี่ฟ้าเปลี่ยนใจมาชอบฉันได้ไหม 555555555555555555
สวัสดีทีมทวิตเตอร์ในแทก #ฟ้าลั่นรัก ด้วยนะคะ ขอบคุณที่ช่วยกันเม้ามอย

ปล。 ที่มาอัพช้าเพราะนึกว่าตัวเองอัพไปแล้ว(ด้วยความเบลอ) ขอประทานอภัยด้วยค่ะ 5555