ตอน 14
หนุ่มน้อยหน้าใสรูปร่างโปร่งบาง แต่ดูสมส่วน กำลังนั่งคิดอะไรเล่นเงียบๆคนเดียว บริเวณใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าบ้านที่ร่มดูร่มรื่น ดวงหน้าขาวเนียนใสของเขาดูเหมือนกำลังเหม่อลอย จมอยู่ในภวังค์ความคิดบางอย่าง.. ดวงตาที่เรียวยาวนัยน์ตาชั้นเดียวแบบลูกคนจีนกำลังเหม่อมอง ไกล.. ไกลออกไป.. ไปอย่างไร้จุดหมาย นี่.. เขากำลังคิดถึงใครกันหนอ? เขานั่งเงียบๆ นิ่งๆแบบนี้มาได้สักพักใหญ่แล้ว ดูเหมือนว่า.. ตอนนี้เขาจะไม่รู้สึกตัวเลยว่า.. พี่สาวกำลังเดินมาหา จนกระทั่งพี่สาวจับไหล่ขาเบาๆแล้วเอ่ยทักทำลายความเงียบขึ้น เขาจึงได้รู้สึกตัว แล้วเหลือบมองไปทางพี่สาว..
“ นั่งเหม่อคิดถึงใครอยู่ยะแก อย่าบอกนะว่า.. แกกำลังอินเลิฟ บอกมาเลยว่า.. กับใคร? ที่ไหน? สารภาพมาเดี๋ยวนี้ ฉันว่า.. ฉันเข้าใจไม่ผิดนะยะ อาการเหม่อๆ แบบนี้ละชัวร์เลย ”
เขาผงะเล็กน้อย ด้วยรู้สึกแปลกใจ.. ที่พี่สาวจับอาการเขาได้ มันจริงอย่างที่เธอพูด เขาคงกำลังมีความรู้สึกตามที่พี่สาวบอก เพราะเขากำลังคิดถึง.. คิดถึงใครบางคน ใครบางคนที่เพิ่งจะได้พบเจอ แม้เพียงชั่วเวลาไม่นาน แต่มันก็ทำให้ หัวใจของเขาวูบๆทุกครั้งเมื่อนึกถึงดวงหน้า กิริยา คำพูด ที่รู้สึกถูกชะตา อยากคบหา ทำไมวันนั้นเขาไม่ขอเบอร์ไว้นะ? แต่.. ถ้าขอ.. ก็คงดูน่าเกลียด? หรือว่า.. ไม่น่าเกลียด? หรือว่า.. เขาเฉิ่มเบ๊อะเกินไป จนนึกไม่ทันว่าควรขอ? หรือว่า.. หรือว่า.. หรือยังไงดี? เขารีบหยุดความคิดตัวเอง ก่อนที่มันจะไปไกลไปกว่านี้ และมีแต่คำถามๆๆๆ ที่ตัวเองหาคำตอบไม่ได้ เขารีบอ้อมแอ้มแก้ตัว แล้วชวนคุยเบี่ยงเบนเรื่องในทันที..
“ ป่าวน้าเจ๊ เค้าก็แค่.. กำลังคิดอะไรเล่นๆเพลินๆอ่ะ ไม่มีอะไรหรอก เออ.. เจ๊ วันก่อนเค้าขอโทษน้า ที่เค้าตื้อตามเจ๊ไปสวนสนุก แล้วพลัดกัน ทำให้เจ๊ต้องเดือดร้อนตาม เค้า จนแทบไม่ได้เล่นอะไรเลย เจ๊ไปกับแฟนแท้ๆ เลยเหมือนหมดสนุก ไม่ค่อยมีความสุขเลยอ่า เค้าขอโทษน้าเจ๊ ”
“ ช่างมันหอะ มันผ่านไปแล้ว แล้วอีกอย่างนะ ฉันก็ไม่ค่อยได้ชอบตาคนนั้นเท่าไรนักหรอก เขาก็แค่มาตามจีบฉัน ก็แค่นั้นเอง ที่ฉันไปก็เพราะอยากไปเที่ยวฟรีเท่านั้นแหละ ความจริง.. มันก็ดีเหมือนกันนะ ที่มีแกไปเป็นกันชน ถ้าไปตามลังพัง เขาคงมาทำท่าก้อร่อก้อติกจีบ พูดหวานๆ พาลให้เอียนเลี่ยนเสียเปล่าๆ น่าเบื่อจะตาย นี่เขาก็ชิ่งหายไปเลยตั้งแต่วันนั้น คงจะหัวเสียพอดู หึหึ แต่.. ก็ช่างเหอะ.. ไม่สนใจหรอก ”
“ อ่า.. ซะงั้น เลยกลายเป็นเรื่องดีไปซะได้ ว่าแต่.. เจ๊สวยอ่ะ จริงๆนะ เค้าป่าวแกล้งชมเพื่อเอาใจ เค้าพูดจริงๆ ก็เจ๊ลองคิดดูดิ มีแต่ผู้ชายมาตามจีบเจ๊ให้บึมไปหมดเลย.. ดีเนอะ ที่มีพี่สาวยแบบนี้ น่าภูมิใจดีออก อิอิ ”
“ มาทำปากหวาน ประเดี๋ยวเถอะ เดี๋ยวฉันใจอ่อนให้ตังค์แกกินขนมหรอก ฮ่าๆ แล้วแกรู้ไหม? แกก็น่ารักมากเลยนะ แต่คงไม่ถึงขั้นหล่อมั๊ง? เพราะแกยังเด็ก ฉันก็ไม่ได้มาแกล้งชมน้องชายตัวเอง เพราะแกมาชมฉันก่อนหรอกนะ แต่.. มันเป็นความจริงที่ฉันไม่ค่อยจะอยากพูดให้แกรู้ เพราะเดี๋ยวแกจะเหลิงไปเปล่าๆ อิอิ แต่ก็จริงๆนะ ฉันพูดจริงๆ แกหน้าตาน่ารักจริงๆ ฉันถึงได้หนีบแกไปไหนต่อไหนด้วยตลอด ก็เพราะอยากอวดใครต่อใครว่ามีน้องชายน่ารักไง จนทุกวันนี้แกเลยกลายเป็นลูกแหง่ติดพี่สาว ไปไหนก็ตามตลอดเลย จริงไหมล่ะ? ”
“ ง่า.. ก็ใช่ ก็ไปกับเจ๊ทีไร ฟรีทุกอย่างเลยง่ะ แล้วเจ๊ก็ใจดีมากๆด้วย ถึงจะขี้บ่นๆๆๆ จน ปากเป็นตะไกรไปหน่อยก็เหอะ อันนี้พอทนได้ อิอิ ”
“ ประเดี๋ยวโดนอัดน่วมเลย มาว่าฉันปากตะไกร เออ.. นี่.. หม่าม้า ให้มาเรียกไปกินข้าวแหนะ ไปเหอะ ป๊ากับหม่าม้าคงคอยแย่แล้ว ”
“ อืมมมม.. ”
. . . .
“ มาแล้วเหรอ กิ๊ก กับเอี้ยก้วย? มา มา นี่เลยกับข้าวกำลังร้อนๆ วันนี้หม่าม้ามีกับข้าวหลายอย่างเลย น่ากินทั้งนั้น ”
“ หม่าม้าง่า.. ทำไมหมู่นี้ชอบเรียกเค้าว่าเอี้ยก้วยอ่า ก็ตั้งชื่อเค้าแต่แรกว่ากล้วยแล้วไง แล้วทำไมตอนนี้ไหงมาเป็นเอี้ยก้วยไปได้อ่า เดี๋ยวต่อไปเรียกบ่อยๆ ก็ติดเป็นชื่อเล่นจริงๆหรอก เค้าไม่เอาหรอกน้า ชื่อเอี้ยก้วยอ่ะ ”
“ ก็.. ตอนนี้หม่าม้าของลูกกำลังบ้าหนังจีนมังกรหยก ภาคจอมยุทธอินทรีย์ เอี้ยก้วย เซียวเหล่งนึ่ง นะสิ ท่าจะเป็นเป็นเอามาก จนเพ้อแล้ว.. ฮ่าๆๆ ”
“ ป๊านี่ก็.. เดี๋ยวเหอะ ว่ามาหาว่าม้าบ้าหนังจีน ป๊าก็เหมือนกันนั่นแหละ ติดตามดูอยู่ด้วยกันทุกตอนไม่ยอมมีพลาด ถ้าว่าม้าบ้าหนังจีน ป๊าก็บ้าเหมือนกันนั่นแหละ มาทำเป็นพูดดี ว่าแต่.. เอี้ยก้วยของหม่าม้า หล่อน้า ตอนนี้ก็เป็นเริ่มหนุ่มแล้วด้วย อีกหน่อยก็คงมีสาวๆมาตอมให้หึ่งแน่เลย อย่าลืมนะ ยังไงก็.. เอาให้สวยเหมือนเซียวเหล่งนึ่งน้า เอี้ยก้วยสุดหล่อของหม่าม้า ”
“ เอาอีกแระ เรียกเอี้ยก้วยอีกแระ หม่าม้าก็.. ”
“ ฮ่าๆๆๆ สงสัยหม่าม้าอยากให้กล้วยมีแฟนแก่แน่เลย เพราะเซียวเหล่งนึ่งแก่กว่าเอี้ยก้วย ฮ่าๆๆ ขำเว๊ย อืมมม.. ป๊ากับหม่าม้า หนูว่านะ ตอนนี้ไอ้กล้วยคงกำลังอินเลิฟแน่เลย เมื่อกี้หนูเห็นมันนั่งทำเหม่อเก๊กหน้าเป็นพระเอกอยู่แหน่ะ ฮ่าๆๆๆๆ แหนะๆ ดูมันดิ นั่งหน้าแดงเลย สงสัยอาย ฮ่าๆๆ ”
“ เง้อออออออออ ”
“ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ ”
ทั้งหมดหัวเราะกันอย่างครื้นเครงในระหว่างอาหารมื้อนั้น ซึ่งเป็นอาหารมื้อสายๆในวันหยุดสุดสัปดาห์ โดยมีเจ้าหนุ่มน้อยนั่งอายม้วนต้วนเงียบกริบไม่พูดไม่จา ตักแต่ข้าวยัดใส่ปากอย่างเดียว ยัดเอาๆ จนแก้มพองตุ่ย โดยที่ไม่สนใจที่จะตักกับข้าวใส่ปากเลย สงสัย.. คงจะลืมไปว่า.. กินข้าว ก็ควรกินกับข้าวด้วย นี่.. คงเป็นเพราะ.. กำลังเขินจัดอยู่กระมัง? จะว่าไป.. ครอบครัวนี้.. ดูเป็นครอบครัวที่น่ารัก น่าอบอุ่นดีจริงๆ ทั้งหมดร่วมกันกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อยได้สักพักใหญ่ เจ้ากล้วยก็เอ่ยถามป๊าขึ้นมา.. ในขณะที่ข้าวกำลังเต็มปากแก้มตุ่ย ว่า..
“ ป๊าครับ อีก 2 วันโรงเรียนก็จะเปิดแล้ว เค้าว่าจะถามป๊าหลายทีแล้วก็ลืมทุกที วันนี้ขอถามเลยแล้วกัน เพราะ.. ไม่งั้นเดี๋ยวเค้าก็คงจะลืมอีก เค้ายิ่งเฉิ่มๆ ขี้ลืมอยู่ด้วย ป๊าให้เค้าย้ายโรงเรียนตอนจบ ม.2 ทำไมครับ เรียนที่โรงเรียนเก่าเค้าว่าก็ดีแล้วอ่ะ แล้วนี่ ป๊านึกยังไงเหรอครับ??? ”
“ อ่อ.. คืองี้นะลูก ก็ใช่.. โรงเรียนเก่าน่ะดี แต่ โรงเรียนใหม่ที่ป๊าให้หนูย้ายไปต่อ ม.3 ที่นี่เนี่ย ป๊าว่า.. มันน่าจะดีกว่านะลูก โรงเรียนเขามีชื่อเสียง แล้วก็สอนดีด้วย ป๊าอยากให้หนูเรียนเก่งๆไง อีกอย่างนะ มันใกล้บ้านกว่าด้วย นั่งรถก็แค่แปบเดียวหรือจะเดินไปก็ได้ ไม่ไกลมากเท่าไร หนูจะได้ไม่ต้องตื่นเช้ามากมายเพื่อเตรียมไปโรงเรียนไงลูก ป๊าคิดเอาไว้แล้วว่า.. พอจบ ม.3 ก็จะให้ต่อ ม.4 - 5 - 6 ไปเลย สรุปแล้วนะ ป๊าว่ามันมีข้อดีมากกว่านะลูก ”
“ ครับป๊า ถ้าป๊าว่าดี เค้าก็ว่าดีครับ ถึงแม้เค้าจะเสียดายที่ต้องจากเพื่อนๆที่โรงเรียนเก่าก็ตาม แต่.. เค้าเชื่อป๊า เค้าตามใจป๊าทุกอย่างเลยครับ เค้าเป็นลูกที่น่ารักจริงไหมครับ? อิอิ ”
“ เออเว๊ย.. ไอ้ลูกชายคนนี้มันช่างพูด ช่างประจบดีว่ะ เอางี้.. เดี๋ยวเปิดเทอมป๊าขึ้นค่าขนมให้อีกดีไหมลูก พูดจาถูกใจดีนักฮ่าๆๆๆๆ ”
“ ลาภลอยไปเลยนะแก ไอ้กล้วย ”
แล้วทั้งหมดก็ร่วมกินอาหารกันต่อจนอิ่มหนำ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดี นายกล้วยก็เอ่ยขออนุญาติป๊ากับหม่าม๊าไปหาซื้ออุปกรณ์เครื่องเขียน เพื่อสำหรับไว้ใช้ในวันเปิดเรียนที่ใกล้มาถึงนี้ ซึ่งจริงๆแล้ว ในวันนี้ นอกจากจะหาซื้อของใช้แล้ว เขาก็ตั้งใจว่า.. จะไปเดินเที่ยวด้วย เขาเอ่ยปากชวนพี่สาวแสนสวยให้ไปด้วยกัน แต่.. วันนี้พี่สาวเขาเกิดอาการขี้เกียจ ไม่อยากออกไปไหน? นายกล้วยจึงจำต้องฉายเดี่ยว หลังจากที่ขออนุญาต และขอสตางค์เป็นที่เรียบร้อย เขาก็ขึ้นห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่งตัวใหม่ในชุดหล่อเหลาทันสมัยที่แสนเท่ห์ และทำให้เขาดูน่ารักมากขึ้นอีกเป็นกองจากที่ดูน่ารักอยู่แล้ว เพียงใช้เวลาไม่นานเขาก็แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยดี จากนั้นก็ออกจากบ้าน ออกเดินทางในไปยังห้างสรรพสินค้าชื่อดังขนาดใหญ่ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านของเขามากนัก เพียงนั่งรถไปไม่กี่ป้ายรถเมล์ก็ถึงในชั่วเวลาไม่นาน..
. . . .
..ฉึ่งๆ โป๊ะฉึ่งๆ ฉึ่งโป๊ะ ฉึ่งๆ..
เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือ ของนายต๋อง อันมีจังหวะเร้าใจน่าดิ้น ดังขึ้นในขณะที่เขากำลังเลือกหาอุปกรณ์ของใช้ในร้านเครื่องเขียนขนาดใหญ่ในห้างสรรพสินค้าชื่อดัง เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นดูว่าใครโทรมา.. ซึ่ง.. ที่แท้ก็เป็น..
“ อ่อ.. ไอ้นัท.. ฮาโหลวววววว ว่าไงนัทเพื่อนเลิฟ โทรมามีอะไรวะ? ”
“ ต๋อง ตอนนี้นายอยู่ที่บ้านไหม? ”
“ เปล่าหว่ะ เราออกมาข้างนอก มาหาซื้อของในห้างอยู่ มีอะไรเหรอ? ”
“ เง้ออออ.. เวรกรรม แล้วนี่นายจะกลับมาบ้านกี่โมง? พอดีคืองี้นะ.. ตารางเรียนเทอมใหม่เราอ่ะ ที่ได้จากที่โรงเรียนวันนั้น พอได้มา เราก็พับเก็บใส่กระเป๋ากางเกง แล้วก็ลืม เพิ่งมานึกได้ตอนที่นิคเอาชุดวันนั้นใส่เครื่องซัก และไปตากจนแห้งแล้ว พอเรามาเปิดดู มันก็.. เง้อ.. ยุ่ยกรอบเลยง่า เซ็งเลย ”
“ โธ่.. ไอ้บ๊องเอ๊ย เป็นเด็กเป็นเล็ก ทำเป็นตาแก่ขี้ลืมไปได้ ฮ่าๆๆ ”
“ เออ.. แซวเข้าไป แล้วนี่จะกลับกี่โมง? ถ้ากลับมาถึงบ้านแล้ว โทรบอกเราด้วยดิ เราจะให้นายสแกนตารางเรียน แล้วส่งให้เราทาง MSN หน่อยอ่ะ ”
“ ไม่มีปัญหาหรอก ว่าแต่.. นิคมันก็เรียนห้องเดียวกับพวกเราด้วยไม่ใช่เหรอ? มันก็น่าจะมีตารางเรียนเหมือนกันด้วยนี่นา แล้วแก ถามนิคมันดูยัง? ”
“ เออ.. จริงด้วย ลืมนึกไป เดี๋ยวถามนิคก่อนแปบนึงนะ..
. . . .
นิคคคคคคค นายมีตารางเรียนไหม? อันของเรายุ่ยไปหมดแล้วง่า อะไรนะ? มีเหรอ? อ่อ.. อืมๆๆ
. . . .
เฮ้ย ต๋อง นิคมันมีหว่ะ ขอบใจน้าที่ช่วยเตือน อิอิ งั้นต๋อง นายก็ไม่ต้องแล้ว นายหมดประโยชน์แล้ว เชิญไปร่อนต่อได้ตามสบายเลย ชิ้วๆ อิอิ ”
“ เออ.. เอาเข้าไป ไอ้เวรนัท ไอ้จอมเบ๊อะ แล้วแกนะ.. อยู่ด้วยกันกับนิคทั้งวัน แกคุยกันมั่งป่าววะ? หา? เออ.. นี่ ตอนนี้เราจะซื้อปากกา เห็นมันสวยดี แล้วก็เขียนดีด้วยอ่ะ เราลองแล้ว นายจะเอาด้วยไหม? เดี๋ยวเราซื้อไปเผื่อ ”
“ เอาๆ เอา 2 ด้ามนะ แล้วเผื่อนิค 2 ด้ามด้วยนะ ว่าแต่.. ด้ามเท่าไรวะ? ”
“ ด้ามละ 22 บาทว่ะ ”
“ โหยยยย แพงอ่า 2 ด้ามก็ 44 บาท 4 ด้ามก็ 88 บาท เง้อ แต่ก็เอาว่ะ ซื้อมาเผื่อด้วย ”
“ ของดีมันก็ต้องแพงหน่อยดิ ไอ้จอมงก เดี๋ยววันเปิดเทอมเราไปเก็บตังค์ นี่เราว่า.. พอซื้อเสร็จนะ เดี๋ยวจะไป ร้านซีเอ็ด ไปหาหนังสือมาอ่านเล่นสักเรื่อง วันนี้เป้าตุงๆ กระเป๋าก็ตุงๆด้วย รวยเว๊ย อิอิ ”
“ ไอ้ทะลึ่ง ไอ้ลามก ที่บอกว่าเป้าตุงๆน่ะ อย่าบอกนะว่ากำลังมีอารมณ์ ฮ่าๆ ว่าแต่.. แกอ่านหนังสือเป็นกับเขาด้วยเรอะ ไอ้หอก ฉันว่านะ.. แกคงซื้อมานอนหนุนหัวมากกว่าแหละ ”
“ เป้าตุง ก็เพราะมันใหญ่เว๊ย ที่รู้ๆ ใหญ่กว่าของแกแน่นอน อิอิ แล้วแกก็พูดไป ฉันก็ชอบอ่านนะ แล้วหนังสือนิยายที่เราจะไปซื้อนี่สนุกด้วย เราคิดว่างั้น เพราะมันดังมากๆเลย เห็นใครๆที่อ่านแล้วเขาว่าสนุกอ่ะ เออ.. งั้นแค่นี้ก่อนนะ โทรนานเปลืองตังค์ สงสารแก แกยิ่งงกๆอยู่ด้วย แล้วเจอกัน คิดถึงน้า จ๊วบๆ อิอิ ”
“ เออ.. ไอ้บ้า คิดถึงเช่นกัน จู๊ดๆ ฮ่าๆ ”
หลังจากกดวางหู นายต๋องจอมกวน ก็เลือกหาสิ่งที่ต้องการต่อจนครบแล้วก็ไปจ่ายเงิน จากนั้นก็ดิ่งไปที่ร้าน ซีเอ็ด ร้านหนังสือชื่อดัง ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลมากนัก ที่จริง ร้านบีทูเอสที่เขาซื้อของเมื่อกี้ ก็มีหนังสือขายมากมาย แต่.. กลับไม่มีหนังสือที่เขาต้องการ เพราะมันหมด เขาคิดว่า.. ที่ซีเอ็ด น่าจะมีหลงเหลืออยู่บ้าง เขาเดินเข้าไปในร้าน มองหาหนังสือที่เขาต้องการในทันที นั่นไง.. เจอแล้ว.. วางอยู่ตรงนั้น เหลืออยู่แค่เล่มเดียว ต้องรีบไปคว้ามาแล้ว..
..โป๊กกกก!!..
..อูยยยยยยย..
นายต๋องดิ่งเข้าไปเพื่อรีบคว้าหนังสือ โดยไม่ทันสังเกตุว่า หนุ่มน้อยอีกคนก็ดิ่งเข้ามาเพื่อคว้าหนังสือเช่นกัน ต่างคนต่างรีบจนไม่ทันมอง หัวโขกเลยกันดังโป๊กสนั่น ท่าทางคงจะเจ็บพอดู ทั้งคู่ต่างคลำหัวป้อยๆ ด้วยความเจ็บ แล้วก็ยืนมองหน้ากันนิ่งอยู่
“ น้องขา.. ขอโทษนะคะ นั่นไง.. เหลือเล่มหนึ่งพอดี ยังไม่มีใครเอาเลย โชคดีจังเลย ”
..หมับ..
สาวรุ่นพี่คนหนึ่งเอ่ยขอทาง แล้วเธอก็คว้าหนังสือที่ทั้งคู่ต่างเล็งไว้ อย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ แล้วเธอก็เดินเฉิบๆไปจ่ายเงิน จากนั้นก็เดินตัวปลิวออกไปจากร้านอย่างสบายอารมณ์..
นายต๋องเอ่ยขอโทษหนุ่มน้อยคนนั้นที่หัวโขกกันตามมรรยาท แต่ในใจกลับอาฆาตที่ต้องเจ็บหัว และก็ชวดของที่เล็งไว้
เขาก็เดินคอตกออกจากร้านไปด้วยความเซ็ง พลางทำปากขมุบขมิบ บ่นอุบอิบกับตัวเองเงียบๆคนเดียว..
“ เซ็งเว๊ยย เลยอดเลย เพราะเจ้าบ๊องนั่นแท้ๆเลย เห็นน่าตาน่ารักหรอกนะ เลยพอหยวนๆให้อภัย แต่ก็.. เห้ออออออ.. อยากได้หนังสือเล่มนั้นจังเลยย ไม่น่าเลยยยย ซวยจริงๆ ”
ย้อนไปทางเจ้าหนุ่มจอมเปิ่นอีกคน หลังจากที่เขาเอ่ยขอโทษตามมรรยาทกลับคืน แต่ในใจกลับอาฆาตแบบเดียวกัน พอเห็นคู่กรณีเดินออกจากร้านไป เขาก็ตรงไปถามพี่พนักงานของร้านในทันทีว่า..
“ พี่ครับ.. หนังสือ….. หมดแล้วเหรอครับ? แล้วจะมาใหม่อีกเมื่อไรครับ พอดีผมอยากได้มากเลยๆครับ ”
“ อ่อ.. หมดแล้วค่ะ พอดีพี่คนเมื่อกี้ที่หยิบไปเป็นเล่มสุดท้ายพอดี หนังสือเรื่องนี้ขายดีมากๆเลยค่ะ พิมพ์แทบไม่ทันเลย ทางร้านสั่งเพิ่มไปแล้ว แต่ยังไม่มีของเลย พี่คิดว่า.. น่าจะราวๆ ไม่เกิน 2 สัปดาห์ค่ะ เอาไว้น้องมาดูใหม่อีกทีนะคะ ”
“ ว้า.. เสียดายจัง อีกตั้งนานแหนะ อยากได้มากๆเลย เห้อออ ขอบคุณนะครับพี่ ”
แล้วเขาก็เดินคอตก ออกจากร้านไปอีกทางด้วยความเซ็งเช่นกัน พลางนึกในใจไปด้วยว่า..
..กรรมจริงๆ อุตส่าห์หามาตั้งหลายร้านแล้ว ดันหมดทุกร้านเลย พอมาเจอที่นี่ ก็ดันอดอีก เพราะเจ้านั่นแท้ๆเลย เราคว้าเกือบได้แล้วเชียว แต่หัวดันมาโขกกันก่อน คนอะไรว้า ซุ่มซ่าม ไม่รู้จักดูเลย หน้าตาก็ออกจะหล่อ ถึงจะตัวดำไปหน่อยก็เหอะ จะว่าไป.. โดยรวมๆแล้วก็หล่อใช้ได้เลย แต่ก็ซุ่มซ่ามเกิ๊นนน ทำให้เราอดได้หนังสือเลย แบบไม่ไหวๆ แล้วนี่อีกตั้งนานแหนะ กว่าที่หนังสือจะมาใหม่ แล้วเราจะรอไหวไหมเนี่ยยย ไม่รู้ว่า.. ที่ห้องสมุดของโรงเรียนใหม่ที่เราจะไปเข้า จะมีให้ยืมไหมหนอ? มะรืนนี้เปิดเรียนแล้วด้วย เดี๋ยวคงต้องไปสำรวจดู เง้อออ เซ็งๆๆ..
. . . .
วันนี้เอามาลงให้อีก 1 ตอนครับ
ตอนนี้เขียนไปได้ทั้งหมด 22 ตอนแล้วครับ
จะทะยอยเอาลงให้อ่านเรื่อยๆนะคร้าบ อิอิ