❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 25-10-59 ❤ บทสุดท้าย ❤
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 25-10-59 ❤ บทสุดท้าย ❤  (อ่าน 124677 ครั้ง)

ออฟไลน์ ไอ้ดื้อ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
ชอบน้องงง น่ารักจัง

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เข้าใจกันแล้ว กำลังจะลงโทษหวานๆ กันซะหน่อย
มีคนกล้ามาขัดจังหวะนายหัว  :z6:
ฟาง ตัวจุ้น เสี้ยมน้องนิน หวังจะเป็นเมียคินเองป่ะ  :m16:
รอ  :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-07-2016 20:50:30 โดย ทฟเืนสรฟ »

ออฟไลน์ neverland

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 653
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
คิดเหมือนรัมภ์เลย จะเลี้ยงน้องยังไงก็ให้มีลิมิตหน่อยไม่ใช่เอาแต่ใจแบบนี้ พี่เลี้ยงโคตรเจือกกกกก จุ้นเรื่องชาวบ้าน

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ tookta18515

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3
บทที่ 11 ภาณินหัวขโมยตัวน้อย




   ไม่รู้ว่าเผลอหลับไปตั้งแต่ตอนไหน รู้ตัวอีกทีก็ได้ยินเสียงกุกักจากปลายเตียงจึงได้หรี่ตาขึ้นมอง

   แต่สิ่งที่ทำให้ผมแปลกใจไม่ใช่ร่างคุ้นตาของพี่คิน แต่เป็นร่างปุ๊กลุกของเด็กตัวเล็กผิวเข้มใบหน้ากลมเเป้นแล้นแก้มใส
ป่องจนเกือบจะปิดเวลาที่ยิ้มจนตาหยี

   น้องณินเข้ามาในห้องน้ำไม? แล้วเข้ามาได้ยังไง? ผมขมวดคิ้วจ้องมองร่างของเด็กตัวเล็กเดินต้วมเตี้ยมไปที่โต๊ะริมหน้า
ต่างค่อยๆตะกายปีนขึ้นไปบนเก้าอี้ ส่งเสียงฟึดฟัดขัดใจเล็กน้อยเมื่อเก้าอี้มันสูงจนเกือบจะปีนไม่ถึง


   จนสุดท้ายก็ปีนขึ้นไปจนได้ ดูท่าน้องณินจะยังไม่รู้ว่าผมนอนมองลุ้นอยู่บนเตียงว่าจะล่วงหรือจะรอด พอปีนขึ้นไปได้น้องนิ
นก็ยืนบนเก้าอี้ ปากเล็กยิ้มแป้นโชว์ฟันน้ำนมกับเหงือกสีสดออกมาเมื่อมองไปยังถาดอาหารกลางวันของผม

   หมดทันทีสงสัยว่าทำไมน้องณินถึงมาทีนี่ ช็อกโกแลตที่วางอยู่ในถาดข้าวถูกหยิบขึ้นมา ได้ยินเสียงพึมพำเหมือนร้องเพลง
ที่ไม่รู้ว่าเพลงอะไรอย่างอารมณ์ดีแว่วๆ

   หัวขโมยตัวเล็กย่อตัวลงนั่งบนเก้าอี้แกะห่อช็อกโกแลตส่งมันเข้าปาก หารู้ไม่ว่าเจ้าของช็อกโกแลตแท่งนั้นกำลังนอนมอง
อยู่ แต่แล้วทันทีที่ได้ลิ้มรสช็อกโกแลตหัวขโมยน้อยก็คายออกมาแทบจะทันที

   “แค่กๆ แหวะ ขมปี๋ ไม่เห็นอร่อยเลย”สำเนียงแปร่งๆพูดออกมา ยกมือป้อมๆเช็ดปากตัวเอง จะไม่ให้ขมได้ยังไงในเมื่อมัน
เปนดาร์กช็อกโกแลต

      “ไม่มีใครบอกเหรอครับว่ากินของคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตเขาเรียกว่าขโมย”

   พอบอกแบบนั้นดวงตากลมเล็กก็เบิกกว้างหันมามองผมด้วยสีหน้าตกใจแล้วก็เปลี่ยนเป็นหน้ามุ่ยใส่ผมทันที

   “น้องณินไม่ใช่ขโมย พี่ฟางบอกว่าน้องณินกินได้ทุกอย่างที่อยู่ในบ้านนี้ ไม่ต้องขอใคร”เข้าใจแล้วว่าทำไมถึงได้เป็นแบบนี้
เชื่อเลยว่าเด็กๆมักจะติดนิสัยมาจากพี่เลี้ยง

   “กินของอื่นโดยไม่ขอยังไงก็เป็นขโมยอยู่ดี”


   “แต่น้องณินไม่ใช่ขโมยนะ”น้องนินเถียงแต่หน้าเริ่มเสีย “อันนี้ของน้ารัมภ์เหรอ”ถามเสียงอ่อย

   “ใช่”

   พอเห็นหน้ากลมๆมุ่ยหน้า แต่ก็หน้าเสียทำให้รู้สึกว่าอยากจะแกล้งขึ้นมา แต่ลึกๆแล้วอยากจะสอนเด็กให้ถูกต้องมากกว่า
ไม่รู้ว่าพี่เลี้ยงของน้องณินเป็นพี่เลี้ยงประเภทไหนกันแน่ถึงได้เลี้ยงให้เอาแต่ใจแบบนี้

   “แต่มันอยู่ในบ้านของพ่อคิน”

   “แต่มันเป็นของน้า ถ้ากินโดยไม่ขออนุญาตเจ้าของยังไงก็ต้องเป็นขโมย”

   “แต่น้องณินไม่อยากเป็นขโมย”น้องณินทำท่าจะร้องไห้ ปีนขึ้นมาบนเตียงนั่งจุมปุ๊กลงข้างๆผม ตากลมโตนัยน์ตาสีดำสนิท
ช้อนขึ้นมามอง

   “ถ้าไม่อยากเป็นขโมยก็ต้องขอกันก่อน”

   “ทำไมต้องขอด้วย”


   “ถ้าไม่ขอก็เป็นขโมย ตกลงจะขอไม่ขอ”

   “งั้นน้องณินขอได้ไหม แต่ช็อกแลตอันนั้นมันไม่อร่อยเลย”

   “เห็นไหม คราวหลังจำเอาไว้ด้วยล่ะว่ากินอะไรต้องขอผู้ใหญ่ก่อน บางอย่างมันไม่ใช่ของที่จะกินได้ เหมือนช็อกโกแลตอัน

นี้ เข้าใจไหม”

   “อื้อ น้องณินเข้าใจ”ผงกหัวหงึกๆ “น้องณินไม่เป็นขโมยแล้วใช่ไหม”

   “ใช่ ไม่เป็นแล้ว”ผมพยักหน้า ดูๆไปแล้วน้องณินเป็นเด็กที่สอนง่าย แต่การสอนง่ายมันก็ส่งผลเสียตรงที่เชื่อคนสอนง่ายๆ
โดยไม่รู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก

   ถ้าน้องณินไม่ได้เป็นลูกของผู้หญิงคนอื่นของพี่คิน บางทีผมอาจจะเอ็นดูน้องณินมากกว่านี้

   “น้ารัมภ์เป็นแฟนกับพ่อคินเหรอ”เงยหน้าขึ้นมาถาม

   ผมไม่ตอบแต่ส่ายหน้าแทน ไม่ได้ยอมรับ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ ที่ส่ายหน้าเป็นเพราะไม่รู้ว่าจะแทนสถานะอะไรให้ตัวเองใน
เมื่อพี่เขามีคนอื่นอยู่แล้ว

   “แต่น่าฟางบอกว่าน้ารัมภ์จะมาแย่งพ่อ น้ารัมภ์เป็นแฟนพ่อ น้ารัมภ์จะมาเอาพ่อไป”

   “น้าไม่เอาพ่อของน้องณินไปหรอก วางใจได้”เพราะเมื่อครบสามเดือนผมก็จะไปตามทางของผมสักที

   “จริงเหรอ”

   “อืม แล้วเข้ามาได้ไง ประตูมันล็อกไม่ใช่รึไง”

   “น้องณินเอากุญแจไขเข้ามา”น้องณินยิ้มเหมือนจะภูมิใจรีบล้วงเข้าไปในกระเป๋าหยิบกุญแจขึ้นมาอวด “ห้องนี้เป็นห้องของ
น้องณิน แต่พ่อให้น้องณินย้ายไปอยู่ข้างล่างเพราะน้องณินเคยตกบันได เจ็บขาตรงนี้”มือป้อมชี้ตรงข้อเท้าตัวเอง



      “แล้วแม่น้องณินไปไหนล่ะ”ไม่รู้จะถามอะไร แต่พอถามออกไปก็พึ่งจะรู้ตัวว่าไม่ควรถาม

   น้องณินชะงักเล็กน้อยก่อนจะหันมายิ้มแป้น

   “พ่อบอกว่าแม่กับพ่อของน้องณินอยู่บนนั้น”น้องณินชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้านอกหน้าต่าง

   แต่ถ้าผมหูไม่เพี้ยนหรือว่าน้องณินพูดผิดทำไมน้องณินถึงได้บอกว่าพ่อกับแม่อยู่บนนั้นทั้งที่น่าจะเป็นแค่แม่อย่างเดียว จู่ๆก็
รู้สึกมีหวังขึ้นมาทั้งที่มันไม่เป็นจะจำเป็นอะไรเลยสักนิด

   “ทำไม…ถึงบอกว่าพ่อกับแม่ล่ะ พ่อก็อยู่ที่นี่ไม่ใช่รึไง”

   “หื้อ ไม่ใช่ พ่อคินเอาน้องณินมาเลี้ยง น้องณินรักพ่อ”

   น้องณินส่ายหน้า คำตอบของน้องณินทำให้หัวใจผมมันอุ่นวาบขึ้นมาทันที ถ้าน้องณินไม่ใช่ลูกของพี่คิน ก็แสดงว่าพี่คินไม่
ได้โกหกผม ไม่ได้นอกใจผม

   ทั้งที่ไม่มีสิทธิที่ไม่ควรจะโกรธไม่ควรจะไม่พอใจที่พี่เขามีคนอื่น เพราะผมทิ้งพี่เขาและหลอกพี่เขา แต่ผมก็ทำ ความรู้สึก
ผิดในเวลานี้มันเข้ามาแทนที่ความดีใจเสียแล้ว

   ผมก้มมองน้องณินที่ตอนนี้นอนเกลือกกลิ้งไปมาบนที่นอนข้างๆผม แต่ก็ยังมีอีกอย่างที่ค้างคาอยู่ในใจ ในเมื่อพี่คินรับน้อง
ณินมาเลี้ยงได้สองปีแล้วก็แสดงว่าพี่เขารับน้องณินมาเป็นลูกตั้งแต่ยังไม่เลิกกับผม

   แล้วประตูห้องก็เปิดออกแต่ไม่ใช่พี่คินที่ผมอยากเจอในตอนนี้ กลับเป็นภูผาที่ยืนถอนหายใจเมื่อเห็นว่าน้องณินนอนกลิ้งอยู่
บนที่นอน

   “กะแล้วว่าต้องมาอยู่ที่นี่ มานี่เลยไอ้แสบ”พูดเป็นภาษาใต้ก่อนจะตรงเข้ามาดึงขาน้องณิน

   แต่หัวขโมยตัวเล็กก็คลานหนีหัวเราะคิกคัก หนำซ้ำปีนขึ้นมาหลบอยู่ข้างหลังของผม

   “ไม่เอาๆ น้องณินอยู่นี่”

   “น้องณินมากวนพี่รึเปล่า เผลอแปบเดียวแอบตามช็อกโกแลตมาจนได้”ภูผาส่ายหน้า

   “ไม่กวน แค่พูดมากไปหน่อย”ผมยิ้มบาง ตอนนี้เรื่องที่หนักใจมันคลายออกไป ตอนนี้ก็เหลือแค่…ขอโทษพี่คินที่ผมต่อยพี่
เขา

   “น้ารัมภ์เล่านิทานเป็นไหม”

   “ไม่”

   “จริงเหรอ ทำไมบนนั้นมีนิทานด้วย”ชี้ไปที่หนังสือบนโต๊ะ

   “นั่นเรียกว่านิยาย ไม่ใช่นิทาน”

   “ไม่เหมือนกันเหรอ”เอียงคอถาม

   “ไม่”ขืนตอบว่าเหมือนคงจะต้องโดนถามอีกเยอะแน่ ผมส่ายหน้ามองไปทางภูผา เห็นว่าเจ้าเด็กหัวเกรียนขยิบตาให้แล้ว
พูดภาษาปากชี้ไปที่หัวขโมยช่างจ้อ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าอะไร

   ผมคว้าตัวน้องณินช่างจ้อเอาไว้ก่อนที่เจ้าตัวจะซนไปหยิบหนังสือนิยายมาถามมากความส่งให้ภูผารับตัวไป

   “ไปกินข้าวได้แล้ว ไม่งั้นจะฟ้องนายหัว”

   “ไม่เอา น้องณินดูนิยายได้ไหม น้ารัมภ์เล่านิยายให้ฟังได้เปล่า ไม่เหมือนกันเหรอ”

   สุดท้ายก็ได้ยินแค่เสียงแว่วๆหลังจากที่ประตูปิดลง ผมถอนหายใจ อะไรหลายอย่างมันเริ่มเด่นชัดขึ้นมาอีกครั้ง จนผมนึก
กลัวใจตัวเอง



   ------------------------------------------------------------------------------------

   

   ผมเฝ้ามองนาฬิกาบนฝาผนังที่บอกเวลาเลิกงานของนายหัวของฟาร์ม แต่พี่เขาก็ไม่มาสักที หนังสือนิยายเล่มใหม่ที่พี่คิน
หามาให้ปิดลงเป็นรอบที่เท่าไรผมเองก็จำไม่ได้ รู้แค่ว่าคอยสลับหันไปมองประตู รอว่าเมื่อไรมันจะเปิดออก จนในที่สุดสิ่งที่ผมรอ
คอยมันก็สิ้นสุดลง

   “กินข้าวได้แล้วรัมภ์”พี่คินเดินเข้ามาบอกเสียงเรียบ

   “อืม”ผมพยักหน้าตอบรับ หลุบตาเมื่อมองเห็นรอยช้ำบริเวณมุมปากของพี่เขา

   “ภูผาบอกว่าน้องณินเข้ามาในนี้ เขากวนรัมภ์รึเปล่า”

   “ไม่ครับ”ผมส่ายหน้า มองร่างสูงยืนอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งพลางปลดกระดุม

   ตอนนี้เริ่มกระดากใจแล้วว่าจะขอโทษยังไงเพราะผมเป็นคนผิดที่ไม่ยอมฟังอะไรจากพี่เขา

   ผมเดินเข้าไปใกล้ได้กลิ่นกายประจำตัวของพี่เขาลอยเข้ามาในจมูก เดินไปหยุดอยู่เบื้องหน้าแล้วช่วยปลดกระดุมให้ที
ละเม็ด

   “ผมช่วย”

   “หิวแล้วเหรอ?”

   ผมส่ายกับคำถาม คำขอโทษมันติดอยู่ที่ปาก แต่ก็พูดไม่ออกเพราะมันกระดากใจกับรอยช้ำที่มุมปากนั้น

   แต่แล้วริมฝีปากนุ่มโน้มลงมากดจูบลงบนหน้าผากทำให้เงงยหน้าขึ้นไปมองพี่เขา ดวงคู่ดุจ้องมองลงมา

   “น้องณินเป็นเด็กที่พี่รับมาเลี้ยง น้องณินเป็นลูกบุญธรรม”

   “อืม ผมรู้แล้ว”

   ผมตอบเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบเสื้อยืดส่งให้

   “พ่อแม่น้องณินเสียได้สองปีแล้ว พี่รับน้องณินมาเลี้ยงตอนที่เรายังคบกัน ตอนนั้นน้องณินอายุสองขวบเกือบจะสามขวบ ที่
พี่ไม่ได้บอกกเพราะว่าพี่กลัวว่ารัมภ์จะไม่พอใจเพราะพี่ไม่ได้ถามความสมัครใจจากรัมภ์”

   “พี่ไม่จำเป็นจะต้องถามผมถ้าพี่อยากจะทำ”

   “ต้องถาม เพราะถ้าพี่ถ้าน้องณินเป็นลูกของพี่ น้องณินก็ต้องเป็นลูกของรัมภ์เหมือนกัน”คำพูดของพี่เขามันทำให้หัวใจของ
ผมสั่นรัว มันเหมือนกับพี่เขากำลังบอกผมว่าเขาแคร์ความรู้สึกของผมทุกเวลาในตอนที่เราคบกัน

   “ผม…หลังจากกินข้าวเสร็จผมไปเดินเล่นที่หาดได้รึเปล่า”ผมเบือนหน้าหนีฝ่ามือที่แตะลงมาบนแก้ม

   ผมผิดทั้งหมด ทั้งที่หลอกพี่เขา ทิ้งพี่เขา อีกทั้งยังไม่ฟังพี่เขา แล้วทำไมพี่คินถึงยังรั้งผมเอาไว้ ถ้าจะแก้แค้นก็ทำร้ายผม
กลับสิ ไม่ใช่มาเล่นกับหัวใจของผมอย่างนี้ มันสั่นจนผมแทบบ้าอยู่แล้ว




   ---------------------------------------------------------------------------------------



   “พ่อกับน้ารัมภ์จะไปไหน ณินไปด้วยได้ไหม”

   “ไปไม่ได้ เข้านอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียน”พี่คินอุ้มน้องณินส่งให้ฟางก่อนเจ้าตัวที่สุดแสนจะพูดมากจะตามออกมา

   “มืดแล้วจะไปไหนกันเหรอคะ”

   พี่เลี้ยงของน้องณินถามทันที ซึ่งนั่นทำให้ผมมองหน้าเธอ ยังไงพี่คินก็เป็นเจ้านาย ไม่ใช่เรื่องที่เจ้านายจะต้องคอยรายงาน
ลูกน้องว่าจะไปไหนมาไหน ผมดึงแขนพี่คินออกมาก่อนที่จะตอบ ได้ยินเสียงน้องณินเรียกไล่หลังตามมาแว่วๆ

   เราเดินมาที่ชายหาดหลังบ้าน ท้องทะเลยามค่ำคืนเงียบสงัดแต่มันก็ไม่ได้สงบ คลื่นน้ำยังคงซัดสาดเข้าหาฝั่ง สายลมพัด
ผ่านพาให้เส้นผมบนหัวปลิวมาปรกหน้า เรสองคนเดินย่ำหากทรายสีขาวด้วยเท้าเปลือยเปล่าวไปเรื่อยๆ

   “อย่าใส่ใจเลย น้องณินอาจจะพูดมากไปหน่อย แต่น้องณินเป็นเด็กฉลาด”พี่คินบอกเสียงเบาพลางเกลี่ยปอยผมออกจาก
หน้าของผม ดวงตาคู่ดุในความมืดจ้องลึกลงมาราวกับว่าต้องการจะอ่านใจผม

   “พี่…เจ็บไหม”ถามพลางแตะนิ้วลงตรงรอยช้ำบนมุมปาก พี่คินส่ายหน้าเบาๆ   

   “พี่ผิดเองที่ไม่บอกรัมภ์ก่อน”

   “พี่ไม่ผิด ผมต่างหากที่เป็นคนผิด ผมไม่ยอมฟังพี่เอง” ผมหลุบตามองฝืนทราบ มองดูปลายเท้าเปลือยเปล่าของเรากำลัง
แตะกัน “ตอนนั้นผมไม่พอใจมาก แต่ผมไม่ตั้งใจจะทำพี่เจ็บ ผมขอโทษ”

   “เวลาขอโทษใครอย่าหลบตาสิ”พี่คินบอกเสียงเบา ช้อนใบหน้าของผมขึ้นมาบังคับให้จ้องตอบนัยน์ตาคู่ดุนั่น ใบหน้า
คมคายเบื้องหน้าค่อยๆโน้มลงมาใกล้ขึ้นจนผมนึกหวั่นกับสิ่งที่พี่เขากำลังจะทำ

   “จะทำอะไร”

   “พี่จะคิดค่าขอโทษเป็นจูบจากรัมภ์ก็แล้วกัน”รอยยิ้มเล็กๆจุดอยู่ที่มุมปากของพี่เขา แต่ผมก็ผละออกเพราะกลัวว่าคนอื่นจะ
มาเห็น

   “ที่นี่ไม่ได้”

   “ไม่เป็นไร ตอนกลางคืนไม่มีใครมาที่นี่”

   “กลับไปทำที่ห้องได้ไหม”ผมดันตัวออกจากวงแขนแข็งแรงที่โอบรัด แต่พี่คินเองก็ไม่ยอมปล่อยง่ายๆรั้งผมเข้าไปจนชิด

   ถึงแม้ว่าจะผิดและต้องชดใช้ แต่ผมคิดว่ามันมากเกินไปที่จะบังคับให้ผมทำอะไรในที่โล่งแจ้งแบบนี้

   ผมพยายามขืนตัวเอาไว้เบี่ยงหน้าหลบริมฝีปากที่ฉกจูบลงมาจนมันเบียดเข้าที่แก้ม ผมรู้ว่ายังไงมันก็เลี่ยงไม่ได้ที่ผมจะ
ต้องชดใช้ แต่อย่างเดียวที่ผมจะยอมรับไม่ได้ก็คือการที่ผมจะต้องอับอายกับการต้องทำอะไรในที่โล่งๆแบบนี้

   ผมไม่รู้ว่าสวรรค์หรือนรก อะไรที่เข้าข้างผมกันแน่ในเมื่อมีเสียงหนึ่งแทรกขึ้นมาขณะที่พี่คินกำลังจะจูบผมให้ได้



   “บังเอิญจังเลยนะครับ ไม่รู้ว่านายหัวกับน้องรัมภ์ก็ออกมาเดินเล่นเหมือนกัน”พูดแทรกขึ้นมา เดินออกมาจากมุมมืด

   “ไม่มีใครบอกรึไงว่าห้ามคนงานมาเพ่นพ่านที่หาดเวลากลางคืน”พี่คินพูดในเชิงดุ ดวงตาคมปรายตามองไปทางคนงาน
ใหม่ของฟาร์ม

   “อา จริงเหรอครับ ผมต้องขอโทษด้วย ไม่มีใครบอกผมเลย ผมไม่รู้ว่าที่นี่มีกฎแบบนี้ ยังไงก็ขอโทษที่มารบกวนนะ
ครับ”ผงกหัวขอโทษพลางยิ้มแห้ง

   “คราวหลังก็จำเอาไว้แล้วกัน”

   พี่คินพูดจบก็ดึงผมเดินออกมาจากหาด แต่มันจะบังเอิญหรือว่าอะไรที่ผมหันกลับไปมองพี่ตินเวลาที่พี่คินเผลอด้วยความ
มึนงงว่าพี่เขาโผล่มาได้ยังไง แต่แล้วพี่เขาขยิบตาให้พลางยกนิ้วโป้งขึ้นมาสองนิ้วเหมือนกับส่งซิกอะไร หรือว่าผมคิดไปเองกัน
แน่ว่าพี่เขาจงใจจะมาขัดพี่คินเอาไว้ แต่ผมก็ยิ้มตอบให้ทั้งที่ยังคงมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว



   



--------------------------------------------------------------------------------------------------

ครอบครัว 3 ภา จะบอกว่าพี่คินนอกจากจะขี้หวงแล้วขี้งกมาก คิดค่าขอโทษเป็นจูบเลยล่ะ

                                                             Numb Girl เด็กหญิงเย็นชา



ออฟไลน์ chouxcream59

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ยัยพี่เลี้ยงนี่คิดจะจับนายหัวใช่ไหม  :z6:
น้องณินน่ารักมากกก ช่วยพ่อกับแม่ปรับความเข้าใจกันหน่อยยย
รออ่านอยู่ค่ะ  :กอด1:

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-07-2016 14:26:07 โดย NeLy เนลี่ »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
 :katai2-1:ดีใจมาต่อแล้ว
ฟาง นี่น่าจะมีคนมาทำให้สำนึกนะ ทำตัวเกินฐานะ
แล้วยังวุ่นวายอีก ชอบส่อเสียด เสือกจริงๆ
รอตอนใหม่  :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: 

ออฟไลน์ neverland

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 653
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
หายนานจังค่ะ เข้ามาส่งข่าวบ้างอะไรบ้าง
ชะนีฟางน่าหมั่นไส้ขึ้นแบบทวีคูณเลยทีเดียว  :beat:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ เอมมี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 572
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
ยังรออยู่น้าาาา

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
ยังติดตามอยู่นะครับ คือแบบหายไปนานมากอ่ะ
นี่ต้องย้อนไปอ่านใหม่ ว่าเกิดอะไรขึ้น 555+

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3
บทที่ 12 เหตุผลของคู่แข่ง


   “กลืนเข้าไป อย่าให้โดนฟันนะ อย่างนั้น เด็กดี ค่อยๆทำ”เสียงแหบพร่ากระซิบเบายาวที่มือใหญ่คอยประคองหัวของกดลง
เข้าหากึ่งกลางกาย

   ทั้งหมดนี้เป็นเพราะผมยังคงอ้างว่าตัวเองเจ็บแผล ข้างในโพลงปากมันกำลังคับแน่นและร้อนผ่าว มีเพียงเสียงของเครื่อง
ปรับอากาศกับเสียงกระซิบแผ่วเบาเท่านั้นยามในเวลากลางดึกอย่างนี้

   ผมถูกปลุกขึ้นมาในระหว่างที่กำลังนอนหลับ ถูกมือคู่เดิมปลุกเร้าและหลอกล่อให้ยอมทำตาม เพราะหากไม่ทำตาม
สุดท้ายแล้วคงจะเป็นผมเองที่เป็นฝ่ายที่ถูกกกกอกจนไม่ได้นอน



   ตื่นขึ้นมาอีกทีแสงแดดก็ส่องเข้ามาแยงตา กว่าจะถูกปล่อยให้นอนเวลาก็ล่วงเลยเข้าไปเกือบรุ่งเช้า ประตูห้องถูกเปิดออก
ทำให้ผมชะงักและจ้องมองเมื่อคนที่เข้ามาไม่ใช่เจ้าของห้องอย่างพี่คิน และไม่ใช่พี่นุ่มหรือว่าภูผาที่มักจะเข้ามาทำความสะอาด
หรือว่าเก็บผ้าไปซัก

   “นานกินบ้านกินเมืองไม่รู้จักเวล่ำเวลาซะจริง”

   ถูกพี่เลี้ยงของน้องณินเหน็บแนมเข้าจนได้ ผมยันตัวขึ้นลุก จ้องมองเด็กสาวอายุน้อยกว่าผมแค่ปีหรือสองปีเดินลงส้นเท้า
เข้ามาในห้องพลางถือตะกร้าผ้าไว้ในมือ

   ผมคงจะลืมตัวไปว่าตัวเองใส่แค่กางเกงชั้นในแบบขาสั้นตัวเดียวถึงได้ทำให้ฟางที่หันมามองค้อนหน้าแดงอยู่แบบนั้น แค่
แปบเดียวก่อนเจ้าหล่อนจะหันหน้าหนีก้มเก็บผ้าในตะกร้ามุมห้อง

   “หน้าไม่อาย”

   ไม่วายพูดเหน็บผมอีกเช่นเคย จนผมเริ่มชิน จึงได้ลุกขึ้นจากเตียงทั้งที่ใส่แค่กางเกงชั้นในขาสั้นตัวเดียวอย่างนั้น

   “แล้วใครบอกให้เข้ามาในห้องโดยไม่ถามคนข้างในก่อนล่ะ”ผมยืนกอดอกเหยียดยิ้มจ้องมองดูฟางเก็บจัดของหน้าโต๊ะ
เครื่องแป้ง

   มองเห็นหน้าฟางบนเงาสะท้อนของกระจก ผมจ้องมองฟางอยู่อย่างนั้น ตั้งใจที่จะกวนสมาธิของเธอ จะให้ยอมรับตามตรง
ผมไม่ชอบสายตาที่ฟางมองมาที่ผม มันเหมือนกับว่ากำลังโดนดูถูกเหยียดหยาม ซึ่งแน่นอนว่าผมไม่ยอมง่ายๆ

   เคร้งงงงง

   กระป๋องแป้งหล่นลงมาบนพื้นเพราะมัวแต่ลนลานจ้องระหว่างกระจกกับบนโต๊ะทำให้ฟางพลาดทำของตก

   “ให้ช่วยไหม”ผมถามคล้ายจะเย้ย จงใจเดินเข้าไปใกล้ พออยู่ในระยะแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าระดับความสูงของผมกับฟางต่าง
กันแค่ไหน

   “ว่าไง ให้ช่วยไหมล่ะ”ผมก้มลงจ้องมองฟางนิ่ง

   “ไม่ต้องมายุ่ง ออกไปห่างๆสิ จะเข้าไปใกล้ทำไม นะหน้าไม่อายจริงๆเลย เป็นผู้ชายซะเปล่า ไม่เลือกหน้าเลยจริงๆ”

   ฟางผละออกไป ดูเหมือนว่าเธอจะเห็นรอยจูบที่หลงเหลืออยู่บนตัวผม ถึงได้จ้องมองไม่วางตาอยู่อย่างนั้น

   “ทำไมล่ะ เก็บเสร็จแล้วรึไง เอานี่ไปสักด้วยสิ”ทำท่าจะถอดกางเกงชั้นใน

   แต่ฟางก็รีบคว้าตะกร้าผ้าผลุนผันออกไปจากห้องซะก่อน ผมอดจ้องมองตามแผ่นหลังของฟางไม่ได้

   แบบนี้แหละดีแล้วเพราะผมไม่ชอบใจเวลาที่ฟางเข้ามาในห้องนี้โดยไม่เคาะประตู ถ้าหากว่าพี่คินอยู่ในห้องนี้คนเดียวผม
คิดว่าผมคงจะรู้สึกไม่พอใจ



   ------------------------------------------------------------------------------



   “ตื่นแล้วเหรอ พอดีเลย กิ่งมันมาตามแน่ะ เห็นบอกว่านายหัวให้มารับไปที่ออฟฟิต”พี่นุ่มบอกทันทีที่มเดินลงมาจากชั้นบน

   “อ่อ ครับ งั้นพี่นุ่มบอกให้พี่เขารอแปบนะครับ เดี๋ยวผมไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”ผมบอกพลางเหลือบมองฟางยืนมองค้อนมา
ที่ผมอยู่ไม่ไกล



   ผมใช้เวลาเปลี่ยนเสื้อผ้าไม่นานก่อนจะเดินตามพี่กิ่งไปขึ้นรถที่จอดรออยู่หน้าบ้าน ระหว่างทางผมเหลือบไปมองที่ขาของ
พี่กิ่ง ปกติต้องใส่กางเกงขายาวแต่ครั้งนี้ใส่กางเกงขาสั้นเพราะมีผ้าปิดแผลปิดเอาไว้

   “แผลเป็นยังไงบ้างครับ ใกล้หายดีรึยัง”ผมชวนคุย

   “อ้อ นี่เหรอ เล็กน้อย ว่าแต่น้องรัมภ์ แผลที่ถูกยิงล่ะ ใกล้หายดีรึยัง ไอ้พวกนั้นมันก็เหลือเกินจริงๆ เล่นสกปรกครั้งแล้วครั้ง
เล่า”พวกนั้นคงหมายถึงเสี่ยเก้าที่พี่คินเคยพูดถึง ยิ่งทำให้ผมสงสัยว่าทำไมถึงต้องทำกันขนาดนี้ ถ้าถึงขั้นเอาชีวิตกันคงจะไม่ใช่
เรื่องเล่นๆของคู่แข่งทั่วไป



   “ว่าแต่ผมขอถามจะได้ไหมครับว่าทำไมคนของเสี่ยเก้าที่ว่าจะต้องทำอย่างนั้นด้วย มันไม่แรงไปหน่อยเหรอครับที่จะทำกัน
แบบนี้”

   “จะว่าแรงมันก็แรงไปนั่นแหละ เรื่องมันก็นานมาแล้ว จะว่าเป็นเพราะความอิจฉาก็ได้ เพราะฟาร์มนู้นเขาไม่ใช่ฟาร์มแบบ
ธรรมชาติเหมือนของฟาร์มเรา”

   “ไม่ใช่ฟาร์มธรรมชาติ?”

   “จะให้อธิบายยังไงดี มันก็เหมือนเป็นบ้านที่สร้างขึ้นมาให้พวกนกเข้าไปทำรังนั่นแหละ”

   “แล้วมันต่างกันยังไงในเมื่อก็ได้รังนกออกมาเหมือนกัน”

   “ถ้าเหมือนมันก็ดีน่ะสิ ใครๆก็รู้ว่ารังนกที่ได้มาจากธรรมชาติมันหอมกว่า แล้วอีกอย่างในอำเภอนี้แถวนี้มีที่ฟาร์มสานรักที่
เดียวแหละที่เป็นรังนกที่ได้จากฟาร์มธรรมชาติ นกฟาร์มอื่นๆส่วนมากก็กินอาหาร บางฟาร์มก็เก็บรังนกบ่อยจนพ่อแม่นกพากันหนี
อย่างฟาร์มของเสี่ยเก้านี่ยิ่งแล้วใหญ่ ลูกค้าส่วนมากก็ชอบของที่มันมาจากธรรมชาติอยู่แล้ว จะว่าพาลมันก็พาลนั่นแหละนะ”

   “อ่อ  ขัดแย้งทางผลประโยชน์สินะครับ”

   “ไอ้เรื่องนั้นก็เรื่องหนึ่ง เรื่องที่ใหญ่กว่าก็คงจะไม่พ้นนายหัวไปปฏิเสธไม่ยอมรับลูกสาวของเสี่ยเก้าเป็นเมีย เห็นๆกันอยู่ว่า
หวังจะใช้ลูกสาวมาฮุบฟาร์มสานรักของฝั่งนี้ถึงได้จับคู่กันเองดิบดี ดีที่นายหัวไม่สนใจ”

   “อย่างนี้นี่เอง ถึงว่าเล่นกันถึงตาย”

   อดพูดประชดออกไปไม่ได้ เกือบที่จะต้องเอาชีวิตมาทิ้งให้กับความอิจฉาความโลภมากของคนอื่นโดยใช่เรื่องซะแล้ว



   ---------------------------------------------------------------



   “มาแล้วเหรอคะน้องรัมภ์ เดี๋ยวพี่อิงขอโทรไปบอกนายหัวแปบนึงนะคะ น้องรัมภ์จะเดินขึ้นไปชั้นบนก่อนก็ได้ค่ะ ห้อง
ทำงานนายหัวอยู่ริมในสุดนะคะ”พี่อิงประชาสัมพันธ์ยิ้มรับก่อนจะยกหูโทรศัพท์

   “ขอบคุณครับ”

   ผมพยักหน้าก่อนจะเดินผ่านพนักงานคนอื่นๆขึ้นมายังชั้นบน พอก้าวพ้นบันใดไม่ทันได้ครึ่งก้าว แขนก็ถูกดึงให้ไปตามแรง

   “ให้คนไปตามผมมาทำไมครับ”

   ผมเงยหน้าถาม ดันตัวออกห่างพี่คินเมื่อพนักงานสองสามคนที่ประจำอยู่ชั้นบนพากันหันมามอง

   “รัมภ์รู้ใช่ไหมว่าอะไรควรพูดไม่ควรพูด อย่าดื้อนะ เข้าใจไหม”พี่คินกระซิบข้างหูก่อนจะกดจูบลงมาบนขมับ

   นั่นทำให้ผมตกใจหันไปมองรอบๆ เห็นเพียงแต่รอยยิ้มของพนักงานที่พากันมองมา ในสายตาของพวกเขาผมคงจะเป็น
เหมือนคนรักของพี่คินสินะ

   “เข้าไปข้างในสิ”

   ถูกดันหลังให้เดินเข้าไปในห้องที่อยู่ด้านในสุด แล้วสิ่งที่ทำให้ผมประหลาดใจก็คือร่างสูงโปร่งของคนที่ผมคุ้นเคยดึงให้ผม
เข้าไปหา



   “ไอ้รัมภ์ เงียบไปเลยนะมึง ทำไมมึงไม่บอกกูวะว่าเจ้าของบริษัทที่มึงมาฝึกงานคือพี่คิน แล้วนี่มึงไม่ได้ทำงานที่นี่รึไง หรือ
ว่าพี่เขามีออฟฟิตที่อื่น”วินดึงผมเข้าไปกระซิบกระซาบ ไม่วายเหลือบมองไปข้างหลังผมด้วยความระแวงว่าพี่คินจะได้ยิน

   “วันนี้วันหยุดน่ะ”ผมตอบ ปลายตามองไปทางพี่คินที่เดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานกลางห้อง ส่วนผมกับวินนั่งอยู่บนโซฟาฝั่งตรง
กันข้าม

   “แล้วทำไมมึงเงียบหายไปเลย ไม่ติดต่อกูบ้าง ดีที่กูแวะมาทำธุระกับพ่อแถวนี้ เลยขอที่อยู่มาจากจารย์ ว่าแต่มึง โอเคไหม
เนี่ย ต้องมาทำงานอยู่ใกล้ๆพี่เขา มึงคงลำบากแย่”

   “อืม กูเลือกไม่ได้น่ะ”ฝืนยิ้มตอบวินมันออกไป

   “มึงคงไม่กำลังอึดอัดอยู่ใช่ไหม”

   “กูเลือกไม่ได้กูบอกแล้ว”

   “นั่นสินะ ว่าแต่ทำไมกูถึงโทรหามึงไม่ติดล่ะ”

   “โทรศัพท์กูพัง กู…ยังไม่มีเวลาไปซื้อใหม่เลย”ผมโกหกพลางจ้องมองไปทางพี่คิน เป็นอย่างที่คิด พี่คินกำลังจ้องมองมา
ทางผมกับวินเหมือนจะจับผิดอยู่เป็นระยะ พี่เขาคงไม่พอใจที่มีคนใกล้ชิดกับผมมาหาผมที่นี่ พี่เขาคงกลัวว่าผมจะบอกความลับ
กับคนอื่น



   “แล้วกูจะติดต่อกับมึงยังไงวะ มึงก็ไม่โทรมาหากูบ้าง”

   “กูจำเบอร์มึงไม่ได้น่ะ คงต้องรอซื้อโทรศัพท์ใหม่”ผมบ่ายเบี่ยง หลุบตามองไปทางอื่น

   “งั้นเอางี้ มึงเอาเบอร์กูไป เดี๋ยวกูจดให้”วินยังคงเป็นตัวของตัวเอง ยังพูดมากและจัดการอะไรเองทุกอย่างเหมือนเดิม ต่าง
จากผมที่กำลังอึดอัดจากสายตาที่คอยจับจ้อง

   นี่คงจะเป็นสาเหตุที่พี่คินบอกให้ผมพูดอะไรที่ควรพูดและห้ามพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูด

   “พี่คินมีกระดาษโน้ตกับปากกาไหมพี่ ผมขอหน่อยดิ จะเขียนเบอร์ให้รัมภ์มัน”วินหันไปขอความช่วยเหลือจากพี่คิน ซึ่งผมก็
เกือบจะเอื้อมมือไปรั้งมันไว้ หากสายตาคู่คมกริบไม่จ้องมองมาที่ผมให้ชะงักเอาไว้ก่อน

   “มาเอาสิ”พี่คินตอบเสียงเรียบ

   “ขอบคุณครับพี่”วินเดินถือปากกากับกระดาษโน้ตแผ่นเล็กกลับมาจากโต๊ะทำงานของอย่างอารมณ์ดี

   ผมเหลือบมองพี่คิน อาศัยจังหวะที่พี่เขาเผลอดึงตัววินมันเข้ามาใกล้ก่อนกระซิบ

   “เขียนเบอร์มึงใส่มือกูที อย่าให้พี่เขาเห็น”วินมีท่าทีแปลกใจแต่ก็พยักหน้าและทำตาม แอบเขียนเบอร์ใส่มือของผมไว้
ก่อนจะเขียนใส่กระดาษโน้ต



   ผมกับวินคุยกันพักใหญ่ก่อนที่วินจะเงยหน้ามองนาฬิกาบนผนังห้องแล้วถอนหายใจ

   “เดี๋ยวกูต้องไปแล้วนะ ต้องไปรับพ่อที่บ้านเพื่อน เดี๋ยวไปช้าพ่อกูด่าเอาอีก”

   “อะ อืม”ผมตอบรับอย่างรู้สึกเสียดาย

   ข้างในใจมันรู้สึกอึดอัดอยากจะบอกสิ่งที่เก็บเอาไว้ในใจกับเพื่อสนิทเต็มกลืน แต่ก็ทำไม่ได้เพราะโซ่ตรวนที่มองไม่เห็นมัน
กำลังรัดผมเอาไว้แน่น หลายอย่างทำให้ผมต้องกลืนทุกสิ่งทุกอย่างลงคอไป ฝืนยิ้มมองวินมันลุกขึ้นบอกลาพี่คิน

   “ผมไปก่อนนะพี่ พ่อรออยู่ ผมฝากดูรัมภ์มันด้วยล่ะ”วินบอก พี่คินได้ตอบรับด้วยการพยักหน้า “กูไปก่อนนะรัมภ์ ไว้เจอกัน
อย่าลืมโทรหากูล่ะ”พูดจบวินก็คว้าตัวผมเข้าไปกอดแล้วตบไหล่อย่างที่เคยทำ

   “เดี๋ยวกูไปส่ง”ผมออกปากเสนอ มีหลายอย่างที่ผมอยากจะพูดกับวิน

   “ไม่ต้องหรอก กูไปเองได้น่า มึงนี่ก็ผิดปกติแปลกคน”

   “ให้กูไปส่งมึงนะ”ผมยังคงยืนยัน

   “พี่ว่าไม่ต้องหรอก วินไม่ใช่เด็ก ออฟฟิตเล็กๆแค่นี้คงจะไม่หลงทางหรอก ใช่ไหม”ประโยคสุดท้ายหันไปถามวิน

   เมื่อไรไม่รู้ที่พี่คินเดินมาจากโต๊ะแล้วยืนซ้อนอยู่ข้างหลังของผม ตอนนี้รู้เพียงแค่ว่าแผ่นหลังรู้สึกเย็นเยือกอย่างไม่เคยเป็น
สะดุ้งตัวเล็กน้อยเมื่อฝ่ามือใหญ่แตะลงบนไหล่ก่อนจะออกแรงบีบเล็กน้อยราวกับว่าเป็นคำเตือน

   “กลับดีดีล่ะ”พี่คินบอกย้ำก่อนจะส่งยิ้มให้วิน รอยยิ้มที่ดูยังไงก็เป็นการแสร้งยิ้มออกมา

   “ครับ กูไปนะ”

   วินบอกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินออกจากห้องไป แล้วประตูห้องก็ปิดลง กายของผมมันแข็งทื่อเมื่อรอบเอวถูกกอดรัด
ด้วยอ้อมแขน ถูกดึงเข้าไปหา ทั้งที่พยายามขืนตัวเอาไว้แต่ก็เซตามแรงดึงจนนั่งทับลงบนหน้าขาของพี่เขา

   “ไอ้นี่น่ะ พี่จะเป็นคนเก็บไว้ให้เอง”กระดาษโน้ตจดเบอร์โทรศัพท์พึ่งได้รับมาถูกดึงออกไปจากมือ

   พี่คินเก็บมันใส่กระเป๋าเสื้อเชิ้ต ตามที่ผมคาดเอาไว้ ผมกำมือแน่น รู้สึกเป็นกังวลไม่น้อยกลัวว่าพี่เขาจะเห็นสิ่งที่ผมซ่อนเอา
ไว้ในมือ

   “ปล่อยผม”

   ผมพยายามขืนตัวออกจากอ้อมแขนและตักของพี่เขาเพราะผมไม่ชอบนั่งอยู่บนตัวใครเหมือนผู้หญิง อีกทั้งที่นี่ยังเป็นที่
ทำงาน มีพนักงานอีกหลายคนที่ทำงานอยู่ข้างนอก ประตูเองก็แค่ปิดเอาไว้ ไม่ได้ล็อก บอกไม่ได้เลยว่าจะมีใครเข้ามาเห็นสภาพ
แบบนี้ของผมเมื่อไรไม่รู้เลย

   แต่คำพูดของผมคงจะเป็นเหมือนสายลมสำหรับพี่เขา ริมฝีปากร้อนกดจูบลงมาเร็วจนผมต้องนิ่วหน้า พยายามเบี่ยงหลบ
แต่ก็จับหน้าบังคับเอาไว้ให้ตอบรับจูบ

   ลิ้นร้อนชื้นดันทุรังสอดเข้ามาในปากของผมได้ในที่สุด รู้สึกผ่านการเคลื่อนไหวได้ทันทีว่าพี่คินกำลังไม่พอใจกับสิ่งที่เกิด
ขึ้นมากแค่ไหน

   “อะ อื้อ ปะ ปล่อย”

   ยิ่งขืนจูบที่ถูกป้อนก็ยิ่งหนักแน่น และแข็งกร้าว  แขนที่โอบรอบเอวกอดกระชับให้ผมขยับเข้าไปใกล้พี่เขามากขึ้น

   แต่แล้วสิ่งที่ทำให้ผมไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ประตูห้องทำงานของพี่คินถูกเปิดออก คนที่ผมไม่อยากให้มาเห็นในสภาพนี้มาก
ที่สุดเดินเข้ามา ก่อนที่ดวงตาที่จ้องมองมาจะเบิกกว้าง

   “อะ เอ่อ ผมหาโทรศัพท์อยู่ ไม่รู้ว่าลืมเอาไว้ที่นี่รึเปล่า”วินเดินเข้ามาพลางยิ้มแห้งๆให้กับพี่คิน

   “อยู่บนโต๊ะน่ะ มาเอาไปสิ”พี่คินผละจูบออกก่อนจะพยักหน้าไปที่โต๊ะ ให้ผมได้มองตาม

   โทรศัพท์อยู่บนโต๊ะจริงๆ ซึ่งนั่นแสดงว่าพี่คินรู้อยู่ก่อนแล้วว่าวินจะต้องกลับมาเอามัน ผมผละตัวลุกออกมาจากพี่คิน จ้อง
มองพี่เขาด้วยความไพอใจก่อนจะหันไปทางเพื่อนสนิทอย่างวิน

   “มะ มันไม่ใช่อย่างที่มึงคิดนะวิน”ผมละล่ำละลัก “มึงกำลังเข้าใจกูผิด มันก็แค่…”

   “ลืมอะไรอีกไหม”เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นแทรกก่อนที่ผมจะพูดแก้ตัวไปมากกว่านี้

   “มะ ไม่เป็นไร กูเข้าใจ กูไปก่อนนะ พ่อกูรอ”วินยิ้มแห้งก่อนจะพยักหน้าแล้วเดินออกไปอีกรอบ

   “ดะ เดี๋ยว”ผมได้แต่นิ่งอึ้ง กว่าจะรู้สึกตัวอีกทีวินก็ออกไปแล้ว ผมจะปล่อยให้วินเข้าใจผิดกับสิ่งที่เห็นไม่ได้

   พอนึกได้ผมก็รีบตามออกไปทันที ทว่าเดินออกไปไม่กี่ก้าวแขนก็ถูกดึงเอาไว้ด้วยมือที่แข็งราวกับคีมเหล็ก

   “ปล่อยผม”ผมบอกเสียงเข็ง “พี่ทำทำไม พี่ก็รู้ว่าวินมันจะต้องกลับมา ทำไมพี่ต้องทำแบบนี้กับผมด้วย วินมันเป็นเพื่อนผม
พี่ก็รู้”

   “อย่าปล่อยให้ใครมาแตะต้องตัวง่ายๆ พี่ไม่ชอบ รัมภ์น่าจะรู้ดี”

   คำตอบที่ได้รับไม่ใช่คำตอบที่ผมต้องการเลยสักนิด ผมได้แต่จ้องมองตาคู่คมด้วยความไม่พอใจ ผมจะต้องเสียอีกแค่ไหน
กันถึงจะสาแก่ใจของพี่เขากันแน่

   

   

   

   
นายหัวทำเกินไปม๊ายยยย ขี้อวดมากมายเจ้าค่า แต่ขี้หวงเกินไปเจงๆ นั่นเพื่อนเขานะนายหัวววววววว

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
นายหัว ทำเกินไปมั้ย กอด หอม รัมภ์ อวดวิน
 :เฮ้อ: ทั้งรัก ทั้งหลง ทั้งหื่น
เมื่อไหร่จะเข้าใจกันซักที
รอ  :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ naya-devil

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ต้องการความรักแหงๆๆๆๆๆ   อีกคนอยากไป อีกคนอยากให้อยู่ 

แต่ดูเหมือนรัมภ์เองก็เริ่มรักหน่อยๆแล้วนะ

 :call: :call: :call: :call:

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-07-2016 04:20:07 โดย NeLy เนลี่ »

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ naya-devil

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ติดตามตอนต่อไป ไป ไป


ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
มีตัวละครใหม่ให้แปลกใจกันอีกแล้ว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ plengtwtf

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
หลงรักน้องณิน เข้าแล้ววว  :katai2-1:  :hao3:

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3
ตอนนี้เขียนขึ้นใม่ทั้งตอนเลย อยากให้ลองอ่านใหม่ดู ขออภัยในความไม่สะดวกล่วงหน้านะคะ

บทที่ 13 เด็กตัวเล็กผิวขาว


   ‘พี่ วันนี้ผมได้ส่วนลดตั๋วหนังมา ไปดูหนังกันไหม’ผมถามเสียงดังก่อนจะเชิญตัวเองลงนั่งตรงข้ามพี่คินตามปกติ เป็นเวลา
หลายสัปดาห์ที่แล้วที่เรารู้จักกัน ไปไหนมาไหนด้วยกันแทบทุกวัน

   ‘รัมภ์อยากไป?’พี่คินเงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือเรียนก่อนจะเลิกคิ้วถามด้วยสีหน้าแปลกใจ

   ‘ใช่ ผมอยากไปดูหนังกับพี่ ไปเถอะนะ หนังเข้าใหม่โคตรน่าดูอ่ะ ไปกับผมนะ มื้อนี้ผมเลี้ยงเอง’

   ‘เอาสิ พี่ตามใจรัมภ์’พี่คินพยักหน้าตอบรับ เวลาที่ผมขออะไรย้ำๆมันมักจะเป็นแบบนี้เสมอ จบที่พี่คินยอมตามใจผมจนได้

 

   ‘โคตรหนุกเลยเนอะ’ผมหันไปมองพี่เขาหลังจากเดินออกมาจากโรงหนัง ผมหันไปจ้องหน้าพี่เขาเพื่อที่จะสังเกตสีหน้าและ
ท่าทางของเขาเวลา แต่ก็ถูกจ้องมองอยู่ก่อนแล้ว

   ‘อืม สนุก ไว้ภาคต่อพี่จะพารัมภ์มาดู’พี่คินยิ้ม

   ‘พี่สัญญากับผมแล้วนะว่าจะพาผมมาดูอีก’

   ‘อืม’

   ‘ผมหิวแล้ว เราไปหาอะไรกินกันดีกว่า’

   ‘รัมภ์อยากกินอะไรล่ะ’

   ‘ผมอยากกินผัดไทยที่แถวๆหอผมน่ะ เจ้านี่เจ้าอร่อยเลย พอดีพี่ไปส่งผมด้วยไง’


   ‘เอาสิ พี่ตามใจรัมภ์’ไม่บ่อยที่พี่เขาจะยิ้ม

   ในตอนนั้นผมรับรู้ได้ทันทีว่าพี่เขาค่อยๆเปิดรับผมเข้าไปในชีวิต ทั้งที่พี่เขาเป็นคนที่ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร จนแทบจะไม่มี
เพื่อนที่เรียกว่าสนิทกันจริงๆ ครั้งแรกที่เจอกัน ผมคิดว่าเขาเป็นคนหยิ่งไม่เข้ากับใคร แต่จริงๆแล้วพี่เขาเป็นคนที่ใจดีและค่อนข้าง
จะเอาใจใส่คนรอบข้างมากเลยทีเดียว



   ‘รกหน่อยนะ ผมอยู่คนเดียวน่ะ ห้องอาจจะเล็กไปสำหรับพี่ พี่จะนั่งบนเตียงก็ได้นะ ผมไม่ถือ’ครั้งแรกที่ผมพาพี่คินมาที่ห้อง
ผม หอ้งที่เมื่อเทียบกับคอนโดของพี่เขาแล้วดูเล็กไปถนัดตา

   ‘ไม่เป็นไรครับ’พี่คินส่ายหน้าพลางยิ้มอย่างไม่ถือตัว

   ‘เอาน้ำไหม มีแต่แบบไม่เย็นนะ”เพราะห้องผมไม่มีตู้เย็น

   ‘ไม่เป็นไร พี่กินได้’ผมยื่นขวดน้ำให้พี่เขา

   พี่คินไม่ได้รับขวดน้ำจากมือผม แต่จับแขนมเอาไว้แล้วดึงเข้าไปหาจนผมเซเข้าใส่พี่เขา เข่าข้างหนึ่งยันกับที่นอนเอาไว้
มือข้างหนึ่งวางบนไหล่หนาเพื่อที่จะทรงตัว

   มือที่ทั้งใหญ่ทั้งร้อนถูกส่งมาเบื้องหน้าของผม ผมมองมันนิ่งด้วยความตกใจ ในท่าทางของเรา แต่ผมก็ทำอะไรไม่ถูก
ปล่อยให้มือนั้นวางลงบนใบบนกรอบหน้าก่อนจะประครองให้เงยหน้าขึ้นจ้องตอบนัยน์ตาที่ดุดัน ใบหน้าหล่อเหลาของพี่เขาค่อยๆ
เคลื่อนเข้ามาใกล้จนเห็นขนตาเส้นเล็กๆจมูกโด่งของพี่เขาแตะลงมาชนที่จมูกของผม ก่อนที่ริมฝีปากได้รูปของเราจะชนกัน พี่คิ
นกดน้ำหนักลงมาแผ่วเบาค่อยๆเน้นย้ำ ใช้ปลายลิ้นแลบเลียริมฝีปากของผมให้เปิดออก ก่อนที่ลิ้นร้อนจะลอดเข้ามา ปลายนิ้ว
หยาบกร้านเกลี่ยลงมาบนแก้มของผมอย่างเบามือ ค่อยๆลูบไปมาราวกับพยายามจะปลอบประโลม

   และที่สำคัญนั้นผมไม่ได้ขัดขืน กลับตรงกันข้าม ผมตอบรับในจูบแรกของผม ตอบรับในจูบแรกของเราด้วยความเต็มใจ

   นั่นคือภาพในอดีตที่ยากจะลบเลือน มันยังคงฝังลึกและตราตรึงอยู่ในจิตใจของผมเสมอ







   “รัมภ์”

   “รัมภ์”

   “รัมภ์ ถึงแล้ว”เสียงทุ้มหูเอ่ยเรียกอยู่หลายรอบจนผมตื่นจากภวังค์แห่งความคิดของตัวเอง ผมนั่งเหม่อมองออกไปนอก
หน้าต่างรถอยู่นานสองนาน

   “ครับ”ผมพยักหน้ารับ

   วันนี้พี่คินไม่ได้ไปทำงานเพราะวันนี้เป็นวันหยุดของออฟฟิต แต่ทว่าพอตื่นขึ้นมาพี่เขาก็บอกให้ผมแต่งตัว ในตอนนั้นผมได้
แต่สงสัย แต่ก็ยอมทำตามอย่างช่วยไม่ได้



   “เรามาที่นี่กันทำไมครับ”ผมถามเสียงเบา จ้องมองไปรอบๆ

   รถมาจอดที่ลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าในตัวเมือง เป็นห้างขนาดไม่ใหญ่มากเท่าในกรุงเทพฯ แต่คาดเดาจากระยะ
ทางและเวลาการเดินทางแล้ว คิดว่าน่าจะเป็นห้างสรรพสินค้าใหญ่ในตัวจังหวัด

   “ไปกันเถอะ”พี่คินไม่ตอบคำถาม

   แต่กลับเปิดประตูรถแล้วเดินอ้อมมายังฝั่งที่ผมนั่ง เปิดประตูรถแล้วดึงให้ผมลงไป

   มือใหญ่จับมือของผมเอาไว้ สอดประสานมันเข้ากับมือของมก่อนจะจูงให้ผมเดินตามอย่างว่าง่าย ผมได้แต่จ้องมองมือของ
เราทั้งสองคนแกว่งไปมา

   พอเดินเข้ามาในตัวห้าง คนหลายคนเริ่มจับจ้องมองมาที่เรา หลายคนยิ้มทักทายพี่คินเหมือนรู้จัก แต่ส่วนมากก็แค่มองมาที่
เรา พอเห็นแบบนั้นผมรู้สึกว่าสายตาพวกนั้นมันกำลังทำให้ผมอึดอัด

   ผมได้แต่ภาวนาเพียงแค่ว่าพวกเขาจะมองที่ผมเป็นแค่เด็กลูกครึ่งสีตาและสีผมเป็นสีน้ำตาลไหม้ดูแปลกตาเพียงแค่นั้น
ไม่ใช่ในฐานะผู้ชายของพี่คิน

   เราเดินขึ้นบันไดเลื่อนขึ้นมายังชั้นสองของตัวห้าง เดินมาหยุดที่หน้าโรงหนังที่ในช่วงสายแบบนี้ไม่ค่อยจะมีคนสักเท่าไร

   “เรามาทำอะไรที่นี่?”ผมถามเมื่อมองเห็นภาพโปรโมทหนังเรื่องหนึ่งที่คุ้นหา หากแต่ว่ามันเป็นภาคต่อของหนังเรื่องนั้นที่
เราดูด้วยกัน

   “พี่อยากจะทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้กับรัมภ์”พี่คินยิ้มออกมาบางเบาก่อนที่มือใหญ่จะเอื้อมมาแตะหัวผมแล้วลูบอยู่สอง
สามที

   ผมอยากจะโยกหัวหลบสัมผัสนั้นที่ทำให้คนรอบข้างมอง หากแต่ว่าหัวใจของผมกำลังจะเต้นรัว ผมยังจำได้ดีกับสัญญาที่พี่
เขาเคยให้ไว้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมไม่เคยคิดที่จะใส่ใจ เพราะว่าเวลานั้น อีกไม่นานความสัมพันธ์ของเราจะต้องตัดขาดออกจากการ



   -----------------------------------------------------------------------



   “สนุกไหม”พี่คินถามเสียงเบาเมื่อเราเดินออกมาจากโรงหนังหลังจากที่หนังจบ

   “อืม สนุกดีครับ ไม่คิดว่าตัวโกงที่ตายในภาคที่แล้วจะฟื้นกลับมาอีก”

   “พี่เคยบอกรัมภ์แล้วไง ว่ายังไงตัวโกงตัวนี้ไม่ตายง่ายๆ เห็นไหมล่ะ”พี่คินยิ้ม

   “ใครจะไปฉลาดเหมือนพี่ล่ะ”ผมเบือนหน้าหนี จงใจจ้องมองไปทางอื่นเพราะรอยยิ้มที่พี่เขาส่งมานั้นมันเหมือนกับตอนที่
เราคบกัน

   “ไปกันเถอะ”พี่คินจับมือของผมอีกครั้งก่อนนะจูงให้ผมเดินตาม





   “เราไม่ได้กลับกันเหรอครับ”

   “พี่เคยบอกแล้วไง ว่าจะพารัมภ์มาซื้อหนังซื้อ”พี่คินพาผมมาหยุดที่หน้าร้านหนังสือ “ร้านนี้หนังสือจะมาใหม่บ่อย รัมภ์ลอง
เข้าไปเลือกสิ”พี่คินดันหลังของผมให้เดินเข้าไปในร้าน

   ความอ่อนโยนของพี่เขาช่างแตกต่างกับตอนที่วินมาหาผมที่ออฟฟิต พอนึกย้อนไปตอนนั้น ทั้งน้ำเสียงและแววตามันช่าง
แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าตัวตนไหนกันแน่ที่เป็นตัวตนจริงๆของพี่เขา





   “เสร็จแล้วครับ”ผมบอก

   “แค่นี้ใช่ไหม”ผมพยักหน้า พี่คินเอื้อมมือมารับหนังสือในมือของผมไปถือเอาไว้เองก่อนจะเดินนำไปที่เคาน์เตอร์คิดเงิน

   “เดี๋ยว…ก่อนครับ”ผมดึงแขนพี่คินเอาไว้เมื่อเดินผ่านโซนของหนังสือเด็ก

   “รัมภ์อยากได้อะไรเพิ่มรึเปล่า”

   “ผมขอเลือกอีกนิดนึง”ผมบอกเสียงเบา

   ก่อนจะเดินเข้าไปเลือกหนังสือเด็ก หนังสือส่วนมากที่ผมเลือกจะเป็นหนังสือสองภาษากับหนังสือป็อบอัพแบบสามมิติที่
เด็กๆชอบอ่าน

   เพราะจำได้ว่าน้องณินเคยบอกว่าชอบหนังสือนิทาน และเคยรบเร้าให้เล่านิทานให้ฟัง คงจะไม่เป็นไรถ้าผมจะเอ็นดูน้อง
ณิน

   “เอาหนังสือเด็กพวกนี้ด้วยเหรอ?”พี่คินมองหน้าเป็นเชิงตั้งคำถาม

   “ครับ”



   

   หลังจากที่ผมเลือกหนังสือเสร็จ พี่คินก็ขอตัวเข้าห้องน้ำ ผมจึงรอพี่เขาอยู่หน้าห้องน้ำ ระหว่างนั้นที่ผมเอาแต่จ้องมอง
ปลายเท้าตัวเองเพราะความอึดอัดจากสายตาของหลายๆคนที่มองมา

   ผมสะดุดเข้ากับรองเท้าหนังคู่สีน้ำตาลคู่หนึ่งในระยะประชิด อีกแค่ไม่ถึงครึ่งก้าวหากเจ้าของรองเท้าหนังคู่นั้นไม่หยุดเดิน
เขาก็จะเหยียบเท้าของผม หรือไม่ก็ชนผม โชคดีที่เขายอมหยุด แต่เขายังยืนอยู่เบื้องหน้าของผมไม่ยอมเคลื่อนที่ไปจากตรงนั้น
ทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นมามองเขา

   เขาเป็นชายวัยกลางคนท่าทางยังดูไม่แก่มากเท่าไร แต่ผมสะดุดตาเขาตรงที่ว่าเขากำลังจ้องมองผมด้วยสายตาที่แตกต่าง
จากคนอื่น สายตาที่เหมือนกับกำลังดูถูกและเหยียดหยาม จ้องมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า พลางเหยียดยิ้มน่ากลัว

   “ดูสิว่าเรามาเจอใคร”เขาพูดกับผู้ชายที่ติดตามเขามาอีกสองคน

   ผมมองผ่านข้างหลังของเขา เขาดูเป็นคนที่ไม่ธรรมดาเมื่อด้านหลังของเขามีผู้ติดตามมาด้วย

   “ท่าทางแปลจะหายดีแล้วสินะ”สิ่งที่เขาพูดในประโยคถัดมาทำให้ผมหน้าชา

   เขารู้ได้อย่างไรว่าผมมีแผลและแผลกำลังจะหายดี!!

   “เพิ่งจะเคยเห็นฝรั่งขี้นกใกล้ๆ ไม่คิดว่าสีตากับสีผมจะเป็นแบบนี้จริงๆสินะ คงไม่ได้ย้อมมาใช่ไหม”

   น้ำเสียงที่เหยียดหยันปนเยาะเย้ยยังคงพูดดูถูกผมเรื่อยๆ เขาเอื้อมมือมาข้างหน้าของผม มือนั้นมันใกล้เข้ามาเรื่อยๆ อีก
เพียงไม่ถึงคืบ มือนั้นก็จังแตกลงบนหน้าของผม แต่ทว่า



   “อย่าแตะต้องของคนอื่นง่ายๆสิครับเสี่ย”เสียงทุ้มหูแต่กลับเต็มไปด้วยความไม่พอใจดังขึ้นขัด ก่อนที่มืออันคุ้นเคยจะปัดมือ
หยาบนั้นออกห่างจากใบหน้าของผม

   “ก็เห็นว่าเจ้าของมันไม่ได้เฝ้าอยู่นี่นะ ก็เลยกะว่าจะมาเล่นด้วยแก้เหงาสักพัก”

   คำว่าเจ้าของยิ่งทำให้ผมรู้สึกชาไปทั้งตัว ผมจ้องมองเขาด้วยความไม่พอใจ ทั้งไม่พอใจและทั้งกลัวในสิ่งที่เขาพูด เพราะ
ผมไม่ใช่สัตว์เลี้ยง ผมไม่จำเป็นจะต้องมีเจ้าของ

   “ถ้ามีเวลามาเล่นกับคนอื่น ทำไมไม่ลองไปตามหาคนของตัวเองดูล่ะครับ ผมได้ข่าวว่าคนงานในไร่ของเสี่ยหายไปไม่ใช่รึ
ไง”น้ำเสียงของพี่คินดูแข็งกร้าวต่างออกไปจากทุกที ใบหน้านิ่งขรึมไม่แสดงออกถึงความรู้สึกใดใดทำให้ดูน่ากลัว พี่คินที่อยู่ตรง
หน้าในตอนนี้ต่างออกไปจากทุกที เป็นพี่คินที่ทั้งแข็งกร้าวและน่ากลัว

   “ฉันก็แค่มาเดินดูสถานการณ์ ได้ข่าวว่าฟาร์มสานรักมีสมาชิกใหม่ที่น่าสนใจเข้ามา เพิ่งจะได้เห็นด้วยตาตัวเองนี่เอง มิน่า
ล่ะชาวบ้านเขาถึงได้ชมนักชมหนาว่าสมาชิกใหม่ของฟาร์มสานรักไม่ธรรมดา”

   “ผมว่าเอาเวลาเดินเล่นของเสี่ยไปจัดการเรื่องที่คนงานของตัวเองหายไปดีกว่านะ บางทีคนคนนั้นอาจจะตกอยู่ในมือของ
คนที่เสี่ยคิดไม่ถึงอยู่ก็ได้”

   “หึหึ ดูท่าว่าการมาเดินเล่นครั้งนี้จะไม่สนุกแล้วสินะ”เขาชักสีหน้าอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะปั้นยิ้มกลับมาเหมือนเดิม คนคนนี้คง
เป็นเสี่ยก้าวอย่างที่พี่คินเคยบอกสินะ ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงจ้องมองและพูดกับผมด้วยคำพูดพวกนั้น
   “ชื่อรัมภ์สินะ ไว้เจอกันใหม่ล่ะ”

   สิ่งที่เขาพูดกับแววตาที่เขาจ้องมอง มันเหมือนกับกำลังสูบเรี่ยวแรงที่มีอยู่ไปจากผม มันเหมือนกับเป็นคำขู่ให้ผมระวังตัว
และเป็นคำเตือนว่าเราจะต้องได้พบกันอีก ผมได้แต่จ้องมองเสี่ยก้าวเดินออกไปด้วยความกลัว มือของผมจู่ๆมันก็สั่นขึ้นมาเมื่อ
นึกถึงเหตุการณ์ที่ทำให้ผมเกือบตายถึงสองครั้งสองครา

   ความเจ็บตรงที่รอยแผลถูกยิงมันยังคงตอกย้ำอยู่ตรงนั้น เช่นเดียวกับความอึดอัดที่ช่วงคอ ตรงที่มือของใครที่ผมไม่เคย
รู้จักกดและบีบลงมาเพื่อที่จะปลิดชีพของผม ยิ่งคิดผมก็ยิ่งรู้สึกกลัว กลัวว่ามันจะเกิดขึ้นอีกครั้ง แค่คิดขามันก็พาลก้าวไม่ออกขึ้น
มา ทว่าเสียงๆหนึ่งก็ดังเรียกสติของผมเอาไว้ ฉับพลัน ความกลัวทั้งหมดก็เหมือนจะหายไปลับตาเมื่อความอุ่นร้อนถูกส่งผ่านมา
ทางมือที่ถูกกุมเอาไว้



   “อย่ากลัวไปเลย พี่อยู่ตรงนี้ พี่จะเป็นคนปกป้องรัมภ์เอง”



   ----------------------------------------------------------------------------------



   รถขับแล่นออกมาจากห้างสรรพสินค้าจนเข้ามาในตัวอำเภอที่ฟาร์มสานรักตั้งอยู่ แต่ก็ยังไม่ใช่ทางกลับบ้านอยู่ดี

   “ไม่ใช่ทางกลับบ้านนี่ครับ”ถึงจะไม่คุ้นเคยเส้นทาง แต่พอนานวันเข้าผมก็พอจะจำทางได้บ้างแล้ว

   “พี่ต้องไปรับน้องณินที่โรงเรียน”

   ผมพยักหน้ารับ พอพูดถึงน้องณิน น้องณินคงจะดีใจถ้าหากรู้ว่าผมซื้อหนังสือนิทานมาให้ แอบคาดเดาอยู่ในใจลึกๆว่า พอ
น้องณินได้หนังสือเล่มใหม่แล้ว น้องณินจะให้ผมอ่านให้ฟัง หรือว่าจะเอาไปให้พี่เลี้ยงอ่านให้ฟังกันแน่



   รถขับมาได้อีกสักระยะก็เลี้ยวเข้าโรงเรียนอนุบาล หน้าโรงเรียนมีสนามเด็กเล่นและมีครูหลายคนคอยยืนคุมระหว่างที่เด็กๆ
กำลังเล่นและรอให้ผู้ปกครองมารับ

   ผมเดินตามพี่คินเข้ามาในตึกกลาง มีเด็กหลายคนกำลังนั่นเล่นในห้องที่เต็มไปด้วยของเล่น บางคนก็กำลังกินนมอย่าง
เอร็ดอร่อย บางคนก็กำลังสะลืมสะลือเนื่องจากพึ่งตื่นนอน

   “มารับเด็กๆเหรอคะนายหัวภาคิน ว่าแต่คนนั้น”ว่าแล้วคุณครูผู้หญิงที่น่าจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับพี่คินก็หันมามองทางผม
“คนนั้นน้องรัมภ์สินะคะ”

   “ครับ”พี่คินพยักหน้าส่งยิ้มให้คุณครู

   “รอสักครู่นะคะ ส้มเดี๋ยวจะเข้าไปตามให้”

   คุณครูส้มหันมายิ้มให้ผมก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องก่อนจะกลับออกมาพร้อมกับน้องณินกับเด็กผิวขาวตัวเล็กอีกหนึ่งคน

   น้องณินเดินตามครูส้มออกมาด้วยท่าทางกึ่งหลับกึ่งตื่น มือป้อมยกขึ้นมาขยี้ตาตัวเองไปมา บนใบหน้าสีน้ำผึ้งทาแป้งจน
ขาววอกดูน่าเอ็นดูไปอีกแบบจนผมอดหลุดยิ้มออกมาไม่ได้เมื่อเห็นท่าทางน่าชังแบบนั้น

   “น้ารัมภ์มาด้วยเหรอ น้ารัมภ์มารับน้องณินด้วย”พอเจ้าตัวลืมตากลมๆขึ้นมาเห็นผม ปากเล็กๆก็ยิ้มกว้างออกมาจนเห็น
เหงือกแดงๆ

   ดูท่าเจ้าตัวคงจะตื่นเต็มตาแล้ว ถึงได้วิ่งเข้ามาเกาะขาผม ทว่ายังไม่ทันไร เจ้าตัวเล็กตัวแสบก็ถูกหิ้วขึ้นมาด้วยฝีมือของพี่
คิน ก่อนที่เจ้าตัวจะทำหน้ามุ่ยใส่

   “ไม่เอาพ่อคินอุ้มไม่ได้เหรอ อยากให้น้ารัมภ์อุ้มบ้าง”

   “ไม่ได้”พี่คินส่ายหน้าไปใส่ ยิ้มให้ลูกชายตัวเอง

   พอมองดูพี่คินแบบนี้แล้ว นี่ก็คงจะเป็นอีกหนึ่งบุคลิกสินะ ที่ผมยังไม่เคยเจอ

   “อยากให้น้ารัมภ์อุ้มอะ น้องณินเบื่อพ่อคินอุ้มแล้วนี่”น้องรินทำแก้มป่องกอดใส่พี่คิน

   “กลับกันได้แล้ว อย่าดื้อ”พี่คินดุเบาๆก่อนจะพยักหน้าส่งสัญญาณให้ผม

   แต่ในระหว่างที่ผมกำลังจะเดินออกไป มันเหมือนมีอะไรที่ทำให้ผมก้าวขาไม่ออก อะไรบางอย่างที่ทำให้ผมก้มลงไปมอง



   “พี่…คิน”ผมเรียกพี่คินเอาไว้เมื่อก้มลงไปมองเห็นอะไรบางสิ่งบางอย่างที่มันผิดปกติ

   เด็กตัวเล็กผิวขาวไม่ต่างจกน้ำนมกำลังเงยหน้าขึ้นมา จ้องมองผมด้วยดวงตากลมใส มือเล็กป้อมนั้นกำลังจับชายเสื้อของ
ผมเอาไว้และกำเอาไว้แน่น ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ แต่ทำไมผมถึงไม่รู้ตัวว่ามีเด็กมาเกาะเอาตอนไหน

   “อุ้มเขามาด้วยสิ”

   “ทำไมล่ะ เอาเขากลับไปด้วยเหรอครับ”

   ผมยังไม่รู้เลยว่าเด็กตัวเล็กๆนี่เป็นใคร จู่ๆก็มาเกาะเสื้อผมไม่ปล่อย แถมยังจ้องผมตาแป๋วแบบนั้นอีก ผมมองหน้าพี่คินอีก
ครั้งเพื่อถามย้ำให้แน่ใจ แต่พี่คินก็พยักหน้ารับ

   เลี่ยงไม่ได้จึงได้ย่อตัวอุ้มเด็กตัวเล็กผิวขาวคนนั้นขึ้นมาอย่างงงๆก่อนจะเดินตามพี่คินออกไป ไม่ลืมที่จะหันไปยิ้มแห้งๆให้
กับคุณครูที่ส่งยิ้มมาให้



   ระหว่างที่รถกำลังขับตรงกลับบ้าน ผมได้แต่ลอบมองไปยังเบาะหลัง จ้องมองเด็กตัวเล็กๆผิวขาวที่นั่งนิ่งมองไปยังท้อง
ถนนเบื้องหน้า แตกต่างจากน้องรินที่อยู่ไม่สุขสักเท่าไร

   หวังว่านี่คงจะไม่ใช่ลูกอีกคนของพี่คิน ไม่อย่างนั้นผมคงรู้สึกว่าตัวเองรู้จักพี่เขาน้อยลงไปทุกที

   “นั่นลูกของหมอนที”พี่คินตอบแทนคำตามที่ผมตั้งผ่านทางสายตา

   “ผมไม่รู้ว่าหมอนทีมีลูก”บางทีผมอาจจะคิดไปเองว่าหมอนทีกับภูผามีอะไรแปลกๆระหว่างกัน ผมคงจะคิดมากไปเอง

   “ชื่อภูมินทร์ หรือจะเรียกเขาว่าน้องมินก็ได้ วันนี้ภูผาไม่ว่างมารับหมอนทีเลยฝากให้พี่มารับ”

   “ครับ”

   ผมพยักหน้าตอบรับ มองน้องมินผ่านกระจกมองหลังอีกครั้ง

   “มินมิน ไปเล่นหุ่นยนต์ของพี่ณินไหม พี่ณินมีหุ่นยนต์ตัวใหม่ด้วย พ่อคินซื้อให้ใหม่”

   “เอาสิ”น้องมินตอบเสียงเรียบ ว่าแต่ ไอ้พี่ณินที่ว่านี่คืออะไร ผมได้ข่าวว่าสองคนนี้อยู่อนุบาลสองเหมือนกัน

   “ไม่อยากให้น้าภูผามารับมินมินเลย พี่ณินอยากเล่นกับมินมินทั้งคืนเลย”

   “อื้อ”

   คนหนึ่งท่าทางตื่นเต้นพูดมาก อีกคนกลับตรงกันข้าม น้องมินเป็นเด็กที่ค่อนข้างนิ่ง นิ่งจนไม่ค่อยพูดอะไร ไม่แม้แต่
แสดงออกทางสีหน้า จนผมอดตกใจไม่ได้ว่ามีเด็กแบบนี้อยู่ในโลกนี้ด้วย แต่ถึงอย่างนั้นน้องมินทร์ก็ดูน่ารักเหมือนกับตุ๊กตา
กระเบื้องเคลือบ ยังดีที่น้องมินไม่พูดมากเหมือนน้องณิน ไม่อย่างนั้นในรถคันนี้คงจะหนวกหูไม่น้อย

   



-----------------------------------------------------------------------------------------

ชื่อนางครึ่งหนึ่งเหมือนใคร ให้เดาเอาเนอะ  :hao7:

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
รัมภ์ ต้องเจอภัยจากเสี่ยแน่ๆ เลย :katai1:
 :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3
บทที่ 14 ของขวัญ

   “พี่ไปทำงานก่อนนะครับ เดี๋ยวพี่จะกลับมากินข้าวด้วย”

   เสียงกระซิบทุ้มต่ำดังขึ้นข้างหูก่อนที่ริมฝีปากร้อนจะกดจูบลงมาบนซอกคอขบเม้มทิ้งร่องรองเอาไว้เพิ่ม

   ผมขมวดคิ้วขยับตัวเล็กน้อยเพื่อเบี่ยงตัวหนี ความง่วงงุนที่ยังคงเข้ามาโจมตีเมื่อถูกปลุกขึ้นมากลางดึกเพื่อรองรับบทรัก
ของพี่คินจนเกือบถึงรุ่งเช้า

   “อือ”

   “อย่าลืมดูลูกด้วยล่ะครับ”จูบลงมาที่ขมับอีกครั้ง ทำเหมือนสามีสั่งภรรยาเวลาจะออกไปทำงานยังไงไม่รู้ ผมรู้สึกว่ามันเป็น
แบบนั้น

   “ตะ เดี๋ยวก่อน วันนี้…ผมขอไปที่ฟาร์มได้ไหม อยากไปดูลูกนก”ผมขอเสียงเบา ปรือตาขึ้นมาจ้องมองพี่เขาด้วยความหวัง

   “เอาไว้พรุ่งนี้นะครับ วันนี้รัมภ์ต้องดูแลเด็กๆแทนพี่ พี่ไปนะครับคนเก่ง”วางมือลงมาบนหัวของผมแล้วลูบเบาๆ

   หลายวันแล้วหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ร้ายๆขึ้นกับผม ผมไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปข้างนอกเลยหากว่าพี่คินไม่อยู่ด้วย ไม่
ได้ไปทำงานอย่างที่อยากทำ ความรู้สึกที่ว่าตัวเองยิ่งไร้ค่าเมื่อทำอะไรไม่ได้เลยมันก็กลับมาอีกครั้ง



   ผมค่อยๆลุกขึ้นมาจากเตียงด้วยความเมื่อยล้า หยุดยืนอยู่หน้ากระจก จ้องมองเงาสะท้อนของตัวเองผ่านกระจกเงา รูปร่าง
สูงโปร่งพอมีกล้ามเนื้ออยู่บ้างสะท้อนภาพขึ้นมา ผิวขาวจัดที่ก่อนหน้ามักจะตกกระเพราะเจอแดดแรงๆตอนนี้ถูกแทนที่ด้วยรอย
จูบประปรายทั่วร่าง

   ยังสัมผัสได้ถึงความร้อนของฝ่ามือที่ลูบไล้ไปทั่วร่างได้เป็นอย่างดี ราวกับว่าจะตอกย้ำว่าผมไม่มีทางหลีกหนีไปจากเงื้อมือ
นั้นได้

   กี่วันแล้วนะหลังจากที่ผมถูกพี่คินจับมาขังเอาไว้ที่นี่ ผ่านไปนานเท่าไรแล้วที่ถูกริบรอนอิสระราวกับนกที่ถูกเด็ดปีกไม่
สามารถโผบินไปบนท้องฟ้าอย่างที่ใจนึกได้

   ผมเหลือบมองวันที่บนปฏิทินที่ไม่ได้ได้สนใจจะมองมันมาหลายวัน วันที่หกมิถุนายน ในที่สุดวันนี้ของปีก็เวียนกลับมาอีก
ครั้ง



   ‘พี่ วันนี้ตอนเย็นพี่ไปไหนไหม มีธุระที่ไหนรึเปล่า’ผมถามพลางเคี้ยวข้าวเที่ยงแล้วกลืนลงกระเพาะด้วยความหิวหลังจากที่
ผ่านวิชาเรียนแสนโหด

   ‘ไม่มีนี่ รัมภ์มีอะไรรึเปล่า หรือว่าอยากจะไหน’

   ‘งั้นวันนี้ผมแวะไปห้องพี่นะ แต่ว่าผมมีธุระต้องไปทำกับเพื่อก่อนคงจะตามพี่ไปทีหลัง’

   ‘ได้สิ ถึงแล้วก็โทรบอกพี่แล้วกัน’พี่คินยิ้มรับ



   หลังจากที่เลิกเรียนเสร็จ วันนี้ต่างจากทุกทีที่ผมไม่ได้กลับกับพี่คินหรือว่าแวะไปไหนด้วยกันก่อนที่เราจะแยกย้ายกลับห้อง

   ผมแวะไปที่ห้างสรรพสินค้าที่อยู่ระหว่างทางไปคอนโดพี่คินเพื่อซื้อของสดมาเตรียมทำกับข้าว จากนั้นก็แวะไปที่ร้านเบเก
อรี่เพื่อรับเค้กวันเกิดที่แอบมาสั่งเอาไว้

   ‘ซื้ออะไรมาเยอะแยะล่ะรัมภ์ ทำไมไม่ให้พี่ไปรับ’

   ‘ไม่เป็นไร ผมนั่งแท็กซี่มา เดี๋ยววันนี้ผมเลี้ยงข้าวพี่นะ หายกันที่ผมปล่อยให้พี่กลับมาก่อนคนเดียว’

   เพราะว่าเค้กก้อนไม่ใหญ่มากกล่องของมันเลยถูกหิ้วรวมๆไปกับถึงของสด โชคดีที่พี่คินไม่สังเกตเห็นมัน

   ผมทำกับข้าวตามปกติเหมือนที่เคยทำให้พี่คินกิน ต่างจากที่เคยก็ตรงที่มีเค้กซ่อนเอาไว้ในครัวเตรียมเอามันออกมาเซอ
ไพรส์

   พอกินข้าวเสร็จเราสองคนก็มานั่งดูทีวีกันต่อเงียบๆเหมือนกับทุกที มีชวนคุยกันบ้างเมื่อหนังที่ดูอยู่เริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ

   ‘ผมไปเข้าห้องน้ำก่อน เดี๋ยวผมมา’บอกเมื่อนาฬิกาบอกเวลาใกล้จะเที่ยงคืน

   ผมแอบชะเง้อมองเมื่อพี่คินยังคงสนใจหนังที่ฉายอยู่บนจอทีวี อาศัยจังหวะนั้นเบี่ยงทำทีเป็นเข้าห้องน้ำแต่เบี่ยงตัวหลบ
เข้ามาในครัว

   จุดเทียนเล่มสีฟ้าที่ปักอยู่บนเค้กก้อนขนาดหนึ่งปอนด์พลางยิ้มอย่างตลกเมื่อจินตนาการถึงสีหน้าของพี่เขาเวลาที่เห็นเค้ก
ก้อนนี้

   พรึบ!!


   ไฟในห้องดับลงหลังจากที่ผมสับสวิตซ์

   ‘รัมภ์’พี่คินเรียกหาผมทันทีที่ไฟดับ

   แต่พอพี่เขาจะลุกขึ้นมาเพื่อไปตามผมที่ห้องน้ำ ผมก็ยืนถือก้อนเค้กอยู่ข้างหน้าพี่เขาแล้ว

   ‘แฮปปี้เบิร์ดเดย์ครับ’ผมยิ้ม

   พี่คินเองก็ยิ้มตาม สีหน้าที่ดูประหลาดใจและดีใจนั้นติดตาผมไม่มีวันลืม

   ‘เป่าได้แล้ว เดี๋ยวเทียนก็ดับพอดี อย่าลืมอธิฐานล่ะ’



   ‘อื้ม’พี่คินพยักหน่าก่อนจะก้มลงเป่าเทียน

   ‘อธิฐานว่าไรอะ บอกผมหน่อยดิ’

   ‘ถ้าบอกก็จะไม่เป็นจริงน่ะสิ’ตอบพลางอมยิ้มอย่างมีเลศนัย

   



   ‘ผมกลับแล้วนะพี่’บอกเมื่อเห็นนาฬิกาบนผนังบอกเวลาเกือบจะตีสอง

   ‘ดึกแล้ว นอนค้างที่นี่เถอะ พี่ไม่อยากให้รัมภ์กลับ มันอันตราย’พี่คินดึงมือของผมเอาไว้

   เป็นครั้งแรกที่ผมนอนค้างห้องพี่เขา นั่นเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยคิดเอาไว้ล่วงหน้าว่ามันจะเลยเถิดมาจนถึงขนาดนี้ หลับในอ้อม
กอดของพี่เขาโดยที่ผมไม่รู้ตัว เป็นอีกหนึ่งความทรงจำของผมที่มันยากจะลบเลือน



   พอนึกๆดูแล้ว สถานะของผมในตอนนี้ผมควรจะต้องให้อะไรกับพี่เขาในวันนี้ไหม เพราะว่าผมไม่รู้ว่าตัวตอนของผมสำหรับ
พี่เขาในเวลานี้คืออะไร ลูกจ้าง หรือว่า ของเล่น

   ผมถอนหายใจก่อนจะเดินลงมายังชั้นล่าง เสียงเอะอะดังลอดเข้ามาในหูตั้งแต่เท้ายังก้าวไม่ถึงพื้น

   “น้ารัมภ์มาแล้ววววววว”ไอ้แสบพูดมากกระโดดมาเกาะขา ในมือถือหุ่นยนต์ตัวสีเหลืองเอาไว้พลางเงยหน้าขึ้นมายิ้มแป้น

   “เอะอะอะไรแต่เช้า”พยายามงัดลิงตัวเล็กออกไปจากขา

   “น้ารัมภ์มาอ่านนิทานให้ฟังหน่อย วันนี้น้องมินมาเล่นด้วย”น้องณินดึงมือให้เดินตามที่ที่ห้องนั่งเล่น เจอเข้ากับน้องมินนอน
วาดรูประบายสีอยู่บนพื้น น้องมินเงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อยก่อนจะยิ้มให้ผมเล็กๆ

   จะว่าไปหนังสือนิทานที่ผมซื้อมาเมื่อครั้งก่อน ผมยังไม่ได้เอาให้น้องณินเลย ลืมไปซะสนิท

   “ถ้าจะให้ผู้ใหญ่ทำอะไรให้ต้องพูดว่าไงครับ”

   “อ่านนิทานให้ฟังหน่อย”พอสังเกตดูแล้ว น้องณินเป็นเด็กที่พูดไม่มีหางเสียงเลยสักครั้ง ผมไม่เข้าใจเลยว่าแค่เรื่องง่ายๆ
ทำไมฟางถึงไม่สอน

   “ไม่ใช่ครับ”

   “อ่านนิทานให้ฟังที”

   “ไม่ใช่ครับ”

   “แล้งน้องณินต้องพูดว่าไงอ่า น้ารัมภ์บอกน้องณินหน่อยนะ”

   “ไม่เอาครับ คิดเอาเอง”ผมทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา น้องณินเองก็ปีนตามขึ้นมา ไม่พอแค่นั้น ยังทิ้งตัวลงมานั่งบนตักแล้วเงย
หน้าจ้องมองผมอีกต่างหาก

   “ดุจัง”น้องณินกอดอกมุ่ยหน้าใส่ หันไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อวันเดียวกัน “น้องมิน พี่ณินต้องพูดว่าไงอะ” ถึงจะอย่าง
นั้นทำไมน้องณินถึงเรียกตัวเองว่าพี่ตลอดทั้งที่อายุเท่ากันล่ะนั่น

   “ต้องพูดว่าครับ”น้องมินตอบเสียงเบา

   “งั้น น้ารัมภ์อ่านนิทานให้น้องณินกับน้องมินฟังหน่อยนะครับ…อย่างนี้ถูกไหม”

   “ถูก แต่ต่อไปนี้ต้องพูดครับต่อท้ายทุกครั้ง เข้าใจไหม”ผมยกนิ้วขึ้นชี้หน้าอย่างคาดโทษ

   “โอเชครับ”พอได้ยินดังนั้นก็ยิ้มแป้น ยกมือขึ้นมาทำท่าตะเบะใส่

   “งั้นรออยู่นี่ เดี๋ยวน้ามา”

   ผมเดินย้อนกลับขึ้นไปบนห้องอีกครั้งก่อนจะกลับมาพร้อมหนังสือนิทานป๊อบอัพเล่มใหม่ เลือกที่จะหยิบมาเล่มเดียว เพราะ
คิดว่าเด็กๆควรได้อะไรทีละชิ้นเพื่อเห็นค่าในสิ่งที่ได้รับมา

   “อ่าวพี่ ลงมาแล้วเหรอ กินอะไรหน่อยไหม เดี๋ยวผมไปเตรียมให้”ภูผาทักเมื่อเดินออกมาจากห้องครัวแล้วเจอผมพอดี

   “ไม่เป็นไร พี่ยังไม่หิว เดี๋ยวกินแค่กาแฟก็พอ”ผมส่ายหน้ายิ้มออกมา

   “งั้นผมฝากดูน้องมินด้วยนะพี่ น้องมินอาจจะไม่ค่อยพูดอะไร แต่ถ้าถามอะไรไปรับรองว่าตอบทุกคำถามนั่นแหละ”

   “อืม ไม่เป็นไร”ผมยิ้มรับ มันก็จริงที่เวลาถามอะไรแล้วน้องมินจะตอบทุกคำถามอย่างที่ว่า ไม่เหมือนไอ้แสบน้องณิน ถาม
อย่างตอบอย่าง ถามอย่างเดียวตอบสิบอย่าง จ้อไม่ยอมหยุดจริงๆ

   

   “น้ารัมภ์เอาอะไรมา…ครับ”น้องณินวิ่งเข้ามากระโดดดูสิ่งที่มือผมถือเมื่อมันไม่คุ้นตา ก่อนจะไม่ลืมลงท้ายอย่างที่ผมสอน
พอสอนไปก็ว่าง่ายดีนี่ ไม่เข้าใจทำไมถึงไม่สอนกันบ้างเลย “หูย นิทานเล่มใหม่ น้องมินมาดูดิ น้ารัมภ์มีนิทานเล่มใหม่”

   ทันทีที่นั่งลงไอ้เด็กตัวแสบมันก็ปีนขึ้นมา เห็นนิทานเล่มใหม่ก็กระโดดดีใจยกใหญ่ เรียกให้น้องมินเงยหน้าขึ้นมาจากสมุด
ระบายสี ยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะปีนตามขึ้นมานั่งขนาบข้างกับผมด้วย

   “หูยมีภาพขยับด้วยอะ”น้องณินผู้โอเว่อในทุกเรื่องที่ทำให้ตื่นเต้นร้องออกมาเมื่อเปิดหน้าแรกแล้วกระดาษป๊อบอัพมันก็เด้ง
ออกมาเป็นสามมิติ “โคตรเท่เลยอะ”อ้าปากค้างทำตาเป็นประกาย ไม่ยอมหยุดตื่นเต้นสักที

   หรือว่าผมคิดผิดที่ซื้อเจ้านี่มาให้เด็กพูดมากแบบนี้กันนะ ยังดีที่น้องณินยอมเงียบตั้งใจฟังทันทีที่ผมเริ่มอ่านนิทานให้ฟังจน
จบ

   “น้ารัมภ์ใจดี”น้องมินบอกเสียงเบา เอนตัวลงมาพิงผม

   “ใช่ไหมล่ะ พี่ณินบอกน้องมินแล้วว่าน้ารัมภ์ใจดี น้ารัมภ์จะมาเป็นแม่ใหม่น้องณิน”น้องณินขี้อวดพูดเกทับ

   แต่ว่าประโยคสุดท้ายของน้องณินทำให้ผมรู้สึกแปลกๆขึ้นมา แม่ใหม่งั้นเหรอ ดูเหมือนว่าน้องณินจะยังเข้าใจผิดอยู่สินะ
น้องณินคงไม่รู้ว่าหลังจากครบสามเดือนไปแล้ว คนที่น้องณินบอกว่าจะมาเป็นแม่ใหม่อย่างผมจะหายออกไปจากชีวิตของเขา
ตลอดกาล

   น้องณินกับน้องมินนั่งเล่นหนังสือยังคงนั่นเล่นหนังสือนิทานป๊อปอัพกันอยู่สักพัก ก่อนที่น้องมินจะเป็นฝ่ายเผลอหลับไป
ก่อน ตามด้วยน้องณินที่หลับคาหนังสือนิทานอีกคน

   นี่สินะที่เรียกว่าเด็ก นึกจะหลับตอนไหนก็หลับเอาง่ายๆ ผมจัดท่าทางของเด็กๆให้นอนบนฟูกปูพื้นหน้าทีวีก่อนจะเอา
หมอนมารองให้



   “หลับกันแล้วเหรอเนี่ย นี่กาแฟ พี่เอามาให้ เห็นน้องรัมภ์ไม่เข้าไปหาอะไรกินสักที”พี่นุ่มเดินสวนออกมาขณะที่ผมกำลังจะ
เดินเข้าไปในครัว

   “ครับ หลับกันไปแล้ว”ผมพยักหน้ารับแก้วกาแฟมาดื่ม “พี่นุ่มครับ ถ้าหากว่าผมอยากจะขอออกไปข้างนอกเพื่อซื้อของ พี่
ช่วยโทรไปขอนายหัวให้ผมหน่อยได้ไหม”ออกปากถามออกไป

   “จะออกไปข้างนอกเหรอ วันนี้ทุกคนก็ยุ่งกับการเตรียมงานเลี้ยงด้วยสิ งั้นเอาอย่างนี้ เดี๋ยวพี่ลองโทรถามนายหัวให้นะ”พี่
นุ่มพยักหน้าก่อนจะโทรศัพท์ไปหานายหัวของพวกเขา ได้แต่ยืนลุ้นอยู่ข้างๆว่าเขาจะยอมรึเปล่า หากว่าผมจะออกไปข้างนอก
โดยที่ไม่มีพี่เขาไปด้วย

   “ว่าไงครับ”

   “นายหัวจะคุยด้วยน่ะ”พี่นุ่มยื่นโทรศัพท์มาให้ ผมรับมันมาคุยเองอย่างช่วยไม่ได้



   “ครับ”

   ‘ทำไมเมื่อเช้ารัมภ์ไม่บอกพี่ล่ะว่าอยากออกมาซื้อของ’

   “ผมพึ่งนึกได้น่ะ”ตอบเสียงเบา

   ‘รัมภ์อยากได้อะไรล่ะ เดี๋ยวขากลับพี่แวะซื้อไปให้’

   “แต่ผมอยากไปเลือกเอง”

   ‘ไว้พรุ่งนี้พี่ค่อยพาไปซื้อ’

   “ผมต้องใช้วันนี้”

   ‘เอางั้นก็ได้ งั้นเอาโทรศัพท์ให้พี่คุยกับนุ่มอีกที’ผมได้ยินเสียงถอนหายใจเล็กลอดออกมาจากโทรศัพท์ก่อนจะส่งคืนให้กับ
พี่นุ่ม



   “เขาว่าไงบ้างครับ”ผมถามย้ำอีกรอบ

   “วันนี้นายหัวยุ่งมากเลยล่ะ แต่นายหัวก็อนุญาตนะ แต่ต้องเอาภูผาไปด้วยนะ”

   “ขอบคุณพี่นุ่มมากครับ”

   “ไม่เป็นไร มีอะไรก็บอกพี่ได้ เดี๋ยวรอพี่แปบนะ ไม่รู้ว่าคนงานในฟาร์มตอนนี้มีใครว่างบ้าง เดี๋ยวพี่ไปเรียกมาขับรถให้”

   ผมเดินตามพี่นุ่มออกมายังหน้าบ้าน เป็นจังหวะเดียวกันกับที่พี่ตินเดินยกลังน้ำอัดลมผ่านมาพอดี

   “ติน ติน มานี่หน่อยสิ มีอะไรจะวานหน่อยน่ะ”พี่นุ่มตะโกนเรียก

   ผมไม่รู้ว่าผมคิดเองรึเปล่า ว่าทันทีที่พี่ตินหันมาเจอผม รอยยิ้มบนใบหน้าของพี่เขาก็ผุดขึ้นมาทันที เป็นยิ้มที่ทำให้ผมอด
ยิ้มตอบคืนไม่ได้

   “ว่าไงครับ มีอะไรให้ผมคนนี้รับใช้รึเปล่า”พี่ตินเดินเข้ามาในส่วนของหน้าบ้านถามอย่างอารมณ์ดี

   “ว่างไหม อยากจะให้ช่วยขับรถพาน้องรัมภ์เข้าไปในเมืองหน่อยน่ะ”

   “ว่างเสมอถ้าหากเป็นนุ่มคนนี้”พี่ตินไหวไหล่ยกยิ้มให้พี่นุ่มเชิงหยอกล้อตามปกติของพี่เขา “ยิ่งถ้าเป็นน้องรัมภ์ล่ะก็ ว่าง
ตลอดยี่สิบสี่”

   “ทำเป็นพูดไป เอานี่กุญแจรถ”

   “ครับๆ”พยักหน้าอย่างอารมณ์ดี “ไปแต่งตัวรอเลยหนุ่มน้อย เดี๋ยวโชเฟอร์คนนี้จะวนรถมารับเอง”ไม่วายหันมาพูดติดตลก
ใส่

   “ผมไม่มีทิปให้หรอกนะ”อดเบ้ปากพูดเหน็บกลับไม่ได้กับท่าทีขี้เล่นแบบนั้น

   พี่ตินหัวเราะออกมา ผมเองก็เช่นกัน อดหัวเราะออกมาเบาๆตามพี่เขาไม่ได้ ไม่เคยรู้เลยว่าบนโลกใบนี้มีคนอารมณ์ดีตลอด
เวลาแบบนี้อยู่จริง



   ------------------------------------------------------------------------



   พี่นุ่มให้เงินสดผมติดตัวมาพันหนึ่งกับบัตรเครดิตสีเงินอีกใบหนึ่งเพื่อใช้ซื้อของ เรามาหยุดอยู่ที่ห้างสรรพสินค้าในตัวเมือง
ที่เดียวกับที่พี่คินพาผมมาดูหนังเมื่อครั้งที่แล้ว อดหวั่นใจลึกๆไม่ได้ว่าจะถ้าเจอกับเสี่ยก้าวอีกครั้งผมจะทำยังไงดี

   “พี่มาซื้อไรอ่ะ ร้อยวันพันปีไม่เห็นอยากออกมาข้างนอก”ภูผาถาม

   “พี่ยังไม่รู้เลย”ผมส่ายหน้า มันก็จริงอยู่ที่ให้บัตรเครติตผมมาแล้วบอกว่าจะซื้ออะไรก็ได้ แต่จะให้ผมเอาอัฐยายมาซื้อขนม
ให้ยายผมเองก็รู้สึกว่ามันแปลกๆอยู่

   “จะซื้อของขวัญให้เขาใช่ไหมล่ะ”พี่ตินเดินมาขนาบข้าง กระซิบเสียงเบา ไม่รู้ว่าพี่เขารู้ได้ไง แต่ผมก็พยักหน้าตอบรับ

   ยอมรับว่าอยากจะซื้ออะไรสักอย่างให้กับพี่คิน แต่ก็ยังนึกไม่ออกว่าจะซื้ออะไรให้

   “ภูผา ไปซื้อน้ำให้พี่หน่อยสิ”พี่ตินหันไปยื่นเงินแบงค์ร้อยให้ภูผา

   “ทำไมผมต้องไปซื้อให้พี่ด้วยอะ”ภูผาหันไปบ่นใส่พี่ติน

   “งั้นเอาไป ซื้อน้ำอะไรมาก็ได้ ไม่ต้องมาทอน”ครั้งนี้เปลี่ยนเป็นแบงค์ห้ารอย แล้วก็อย่างที่คิน ภูผาคว้าหมับเอาไปทันที

   “ผมไม่ได้เห็นแก่เงินหรอกนะ แค่กลัวเสียดุลการค้า รออยู่นี่ล่ะ เดี่ยวไปซื้อมาให้”พุดจบก็เดินไปยังร้านน้ำที่อยู่ไม่ไกล

   “เราไปลองไปดูที่ร้านนาฬิกาดูไหม เผื่อมีอะไรที่รัมภ์ถูกใจ”

   “แต่ว่าภูผา…”ไม่ทันได้พูดจบพี่จับแขนให้ผมเดินไปตามแรงดึงอย่างช่วยไม่ได้

   พอหันมามองหน้าพี่เขาก็พบว่าพี่เขากำลังยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์มาที่ผม ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงบอกภูผาว่าไม่ต้องทอน

   เพราะว่าพี่เขาตั้งใจจะดึงตัวผมออกมาจากภูผาตั้งแต่แรกแล้ว

   “ทำไมถึงไม่รอภูผาล่ะครับ”

   “นานๆทีพี่จะเจอรัมภ์พี่อยากอยู่กับรัมภ์แค่สองคนมากกว่า”เขาหันมายิ้มให้



   เราเดินมาหยุดอยู่ที่ร้านนาฬิกาที่ดูท่าแล้ว ราคาคงจะไม่ใช่เล่นๆเลย

   “ทำไมต้องนาฬิกาล่ะครับ”

   “ก็เวลาที่เราซื้ออะไรให้ใครสักคนเพื่อเป็นของขวัญ เราก็อยากให้เขาได้ใช้มันใช่ไหมล่ะ นาฬิกาก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่จะติด
อยู่กับตัวผู้ใช้ตลอดเวลา นาฬิกาเนี่ยแหละ ดีที่สุดแล้ว”

   “นั่นสินะ พี่คงจะซื้อให้ผู้หญิงบ่อยๆใช่ไหม ถึงได้ชำนานแบบนี้”อดแซวไม่ได้กับท่าทางที่ดูอารมณ์ดีและเจ้าชู้เวลาคุยกับผู้
หญิงแบบนี้

   “ใช่ที่ไหนกันเล่า ไปๆเข้าไปเลือกได้แล้ว เดี๋ยวไอ้ตัวเกะกะมันก็มาเจอพอดี”พี่ตินพูดถึงภูผาสินะ



   ในที่สุดเราก็กลับมาถึงบ้านจนได้ ระหว่างทางภูผาก็บ่นกระปอดกระแปดตลอดเวลาว่าผมกับพี่ตินทิ้งให้เขาเดินหาทั่วห้าง
จนน้ำที่ซื้อมาหายเย็นหมด แต่พี่ตินก็จ่ายค่าปิดปากด้วยใบสีแดงไปอีกใบจนเงียบไป จะว่าไปภูผาเองก็ตอบสนองกับเงินอยู่ไม่
น้อยเลยทีเดียว ผมได้แต่หัวเราะกับคนสองคนที่นั่งเถียงกันมาตลอดทาง

   นานแค่ไหนแล้วนะที่ผมไม่ได้หัวเราะแบบที่ลืมทุกสิ่งทุกอย่างแบบนี้ตั้งแต่มาที่นี่



   “รัมภ์”

   ระหว่างที่กำลังจะเดินตามภูผาเข้าไปในบ้าน ข้อมือก็ถูกดึงเอาไว้ให้หันไปมองตามเสียงเรียก

   “มีอะไรเหรอครับ”

   “คืนนี้เจอกันที่งานเลี้ยงนะ”เสียงที่ดูห่วงใยบอกพร้อมกับส่งรอยยิ้มมาให้ มือใหญ่ยกขึ้นมาลูบเบาๆที่หัวผม น่าแปลกที่มันดู
เหมือนกับว่าผมคุ้นเคยกับมือนี้เป็นอย่างดี

   “ครับ”พยักหน้า

   คืนนี้ที่ฟาร์มจะมีงานเลี้ยงฉลองที่หาดเหมือนทุกปีที่เคยจัดเพื่อฉลองให้กับคนงานได้ผ่อนคลายกับการทำงานหนักมา
อย่างเต็มที่ ทุกคนต่างก็เฝ้ารอให้ถึงเวลาอย่างใจจดใจจ่อ

   ของขวัญในกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินถูกเอาไปเก็บซ่อนเอาไว้ที่ลิ้นชักตู้ปลายเตียง รอคอยให้ถึงเวลาที่ผมจะเอาออกมาให้
กับเจ้าของที่แท้จริง



   ------------------------------------------------------------------







   




เรื่องนี้มันน่าเบื่อมากเลยใช่ไหมเนี่ยยยย ทำไมคนอ่านถึงได้น้อยขนาดเน้ๆๆๆๆ ผิดพลาดตรงไหนใครก็ได้ช่วยบอกเจ๊ที



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-07-2016 17:01:08 โดย NeLy เนลี่ »

ออฟไลน์ jaejae

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ไม่น่าเบื่อจร้า สนุกมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆเลย

เป็นกำลังใจให้ค่ะ

ออฟไลน์ เจเจจัง

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
ไม่น่าเบื่อค่า สนุก ชอบ

รู้สึกว่าพี่คินรักรัมภ์มากอ่ะ แต่รัมภ์ยังไม่รู้ตัวหรือป่าวว่ารัก

คือตอนนี้มันมึน ๆ อึน ๆ พี่คินคิดว่ารัมภ์รู้ว่ารัก แต่รัมภ์ไม่รู้งัยว่าอยู่ในฐานะอะไร

โอ๊ยเมื่่อไหร่จะเข้าใจกันเนี่ย

อยากอ่านพาร์ทพี่คิน ตอนที่โดนรัมภ์บอกเลิกค่ะ หลังจากนั้นที่ตามราวี แย่งแฟน เรียนจบไป แล้วกลับมาแก้แค้น

ออฟไลน์ sosi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 246
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ณินกับมิน สงสัยสลับพ่อกันแน่ๆเลย. ตรงกันข้ามทุกอย่าง

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
แต่งสนุกน้า อย่าน้อยใจไปค่า
รักน้องณินเด็กช่างจ้อ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด