❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 25-10-59 ❤ บทสุดท้าย ❤
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 25-10-59 ❤ บทสุดท้าย ❤  (อ่าน 124685 ครั้ง)

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
เอาแล้วไงไปประกาศตัวเลย

ออฟไลน์ aommama

  • เป็ดมึน คนเซอร์
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 144
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-5
คือติดนิยานเรื่องนี้มาก สนุกอ่ะ พี่คินรีบไปตามหาหัวใจด่วนๆ ก่อนที่จะสายนะคะ

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
รัมภ์กำลังจะแต่งงาน!?

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3
บทที่ 32 บทส่งท้าย

   หนึ่งปีต่อมา…

   “ลุกขึ้นมากินข้าวได้แล้วภาคิน ลูกไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เมื่อเย็นวานแล้วนะ”นภาปลุกลูกชายที่นอนคุดคู้อยู่บนเตียง เสี้ยว
หน้าคมคายถูกปรกคลุมไปด้วยไรหนวดขึ้นครึ้มจนแทบไม่เหลือเค้าโครงเดิม

   ยิ่งเห็นเธอก็ยิ่งเป็นทุกข์ใจ นับตั้งแต่วันนั้นที่เด็กคนนั้นยอมเดินจากไปตามคำขอของเธอ ลูกชายของเธอก็ไม่ได้ก้าวออก
จากห้องๆนี้อีกเลย เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องมืดทึบแล้วกอดเสื้อผ้าของรัมภ์ที่ทิ้งเอาไว้…ราวกับเป็นสิ่งที่หวงแหนไม่ยอมปล่อย
ข้อมือซูบผอมสวมนาฬิกาเรือนสวยที่บัดนี้สายของมันหลวมโพรกเพราะคนที่ใส่ผอมลงไปมาก ไม่ต้องเดาก็รู้ว่านาฬิกาที่ลูกชาย
เธอมักจะมองด้วยความเหม่อลอยนั้นมาจากใคร เธอทำผิดไปมากกว่าจะรู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว เธอคิดว่าเธอเลือกทางเดินที่ถูก
ต้องให้กับลูกชาย แต่กลับตรงกันข้ามเลย หนทางที่เธอคิดว่าสว่างไสวกลับดำมืดจนลูกชายของเธอไม่ต่างอะไรกับคนตาบอด

   ตั้งแต่นั้นมาภาคินก็ไม่ยอมทำงานเพราะข้อตกลงที่เธอกับสามีตั้งเอาไว้มันได้ขาดสะบั้นลง กลับกลายเป็นว่าสามีของเธอ
ต้องกลับมาดูแลฟาร์มสานรักดังเดิม และเธอต้องไปกลับระหว่างรีสอร์ทสิรนภากับที่นี่เพราะเป็นห่วงความเป็นอยู่ของลูกชายที่นับ
วันแย่ลงเรื่อยๆ เธอจ้องมองใบหน้าซีดเผือดของลูกชาย ตาคู่หม่นแสงจ้องมองนาฬิกาเรือนที่ยังเดินอยู่ก่อนจะเบือนหน้าจ้องมอง
ถ้วยข้าวต้มในถาดที่เธอวางเอาไว้ที่ปลายเตียงและเบือนหน้าหนี

   “แม่ออกไปได้แล้ว”

   ภาคินบอกเสียงแข็ง เพราะไม่อยากให้กลิ่นของคนอื่นลบกลิ่นอายของรัมภ์ที่กำลังจางหายไป อยากที่จะเก็บทุกสิ่งทุก
อย่างในห้องนี้ให้คงเดิม ให้เหมือนกับว่ารัมภ์ยังอยู่ไม่ได้หนีเขาไปอีกครั้ง…ถึงแม้ว่าเวลานี้มันได้จืดจางจนแทบไม่หลงเหลือแล้ว
ก็ตาม

   “อย่างน้อยก็สนใจลูกบ้างก็ยังดีนะภาคิน”สิ่งที่นภาพูดทำให้ชายหนุ่มหันไปมองแม่ของตัวเอง ก่อนจะลดสายตาลงจ้องมอง
ร่างจ้ำม่ำของเด็กวัยหกขวบยืนหลบอยู่ข้างหลัง

   นภาดันร่างของภาณินให้ปีนขึ้นไปบนเตียง เด็กชายตัวเล็กนั่งลงข้างๆพ่อก่อนจะกระตุกชายเสื้อของพ่อเบาๆ

   “พ่อคิน”

   “ว่าไง”ภาคินตอบรับเสียงเบา ก้มลงมองใบหน้ากลมของลูกชาย  เห็นคิ้วเล็กๆขมวดมุ่นเข้าหากัน…เขารู้ดีว่าลูกชายกำลัง
จะขออะไร

   “น้องณินคิดถึงน้ารัมภ์”

   เขาทำพียงแค่พยักหน้ารับ พ่อก็คิดถึง…เขาอยากจะบอกออกไปอย่างนั้น แต่ถ้าพูดออกไปมันจะยิ่งทำให้เขาเจ็บใจกับสิ่ง
ที่ตัวเองทำจนต้องปล่อยให้รัมภ์หลุดมือไป เขาทำได้เพียงแค่ใช้มือลูบลงบนหัวของลูกชายเบาๆราวกับกำลังปลอบโยนเมื่อเขา
ไม่สามารถทำในสิ่งที่ลูกต้องการได้

   “น้องณินคิดถึงน้ารัมภ์ น้องณินอยากไปหาน้ารัมภ์พ่อคินพาน้องณินไปหาน้ารัมภ์ได้ไหม”เขารู้ดีว่าลูกชายพยายามอดกลั้น
มากแค่ไหนที่เลิกขอของเล่นอย่างที่เคยแล้วหันมาขอให้เขาพาไปหารัมภ์แทน

   “พ่อ…ขอโทษ”เขาตอบเสียงเครือ

   เขาคิดถึงรัมภ์จนรู้สึกว่าก้อนเนื้อในอกมันแทบจะแตกสลายเต็มกลืน เขาอยากที่จะไปหารัมภ์ อยากที่จะไปตามอีกฝ่ายกลับ
มา หากแต่เขาไม่อยากให้รัมภ์ต้องเจ็บปวดกับการกระทำที่เห็นแก่ตัวของตัวเองอีกต่อไป บอกไม่ได้เลยว่าเขาจะห้ามไม่ให้ตัว
เองทำเหมือนเดิมได้อีกไหม…ห้ามไม่ให้ตัวเองกักขังอีกฝ่ายเพื่อที่จะได้อยู่ด้วยกันตลอดไปได้รึเปล่า

   “พอกันที!!แม่ทนเห็นลูกตัวเองเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว แม่ผิดเองภาคิน แม่ผิดเองทุกอย่าง แม่โกหกที่ว่าเด็กคนนั้น
เรียกร้องเงินแล้วจากลูกไป”เป็นนภาเองที่ทนเห็นสภาพของลูกชายไม่ไหว เธอทนที่จะทำร้ายหัวใจตัวเองไม่ได้อีกต่อไป

   “แม่พูดอะไร”

   “แม่เป็นคนขอให้เด็กคนนั้นไปจากชีวิตลูกเพื่อตัวลูกเอง เขาไม่ได้เรียกเงินจากแม่สักบาท เป็นแม่เองที่ยัดเยียดเงินให้กับ
เขาทั้งที่เขาไม่ต้องการ”

   “ทำไมแม่….”ภาคินถามออกไปเสียงเบาอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน

   “แม่ยอมแพ้แล้วภาคิน ทีนี้ลูกจะไปตามเด็กคนนั้นกลับมาหรือว่าจะไปหาเด็กคนนั้นแม่ก็จะไม่ว่าอะไร แม่ตามใจทุกอย่าง
ขอแค่ลูกกลับมาเป็นลูกชายของแม่คนเดิม เป็นพ่อที่ดีเหมือนเดิม แม่ทนเห็นลูกหลานตัวเองเจ็บอย่างนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว”นภา
บอกเสียงเครือ ริมฝีปากสวยเม้มเข้าหากันแน่น มือกำในสิ่งที่เธอเพิ่งจะได้รับจากบุรุษไปรษณีย์เมื่อเช้านี้เอาไว้แน่น

   “แม่โกหก”

   “แม่โกหกก็เพื่อลูกนะภาคิน แม่เห็นแก่ตัวไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว แม่ขอโทษ แต่ตอนนี้แม่รู้ว่าสิ่งที่แม่ทำมันทำร้ายลูกมาก
แค่ไหน ทำร้ายพวกเรามากแค่ไหน ลูกไปตามคนรักของลูกกลับมาเถอะนะ เพื่อตัวของลูกเอง”

   “ผม…ทำอย่างนั้นไม่ได้”เพราะรัมภ์นั้นอยู่ในที่นี่แสนไกล เขาก็ไม่รู้ว่ารัมภ์อยู่ที่ไหน สำคัญที่สุดก็คืออิสระที่รัมภ์ได้รับ เขา
หวังว่าอีกฝ่ายจะมีความสุขไปกับมัน เขาเองก็พยายามข่มใจตัวเองไม่ให้ทำลายมันอีกครั้ง

   “มีจดหมายส่งมาถึงลูก มันถูกส่งมาจากต่างประเทศ”นภายื่นจดหมายให้กับลูกชาย

   “รัมภ์”

   ภาคินหลุดเรียกออกไปเสียงเบาก่อนจะคว้าเอาซองจดหมายจ่าหน้าซองถึงตัวเองด้วยความกระตือรือร้น ไม่รีรอที่จะเปิดมัน
ออกด้วยความตื่นเต้น…มันหมายถึงว่าเขาไม่ได้ถูกลืม ชายหนุ่มดึงสิ่งที่อยู่ด้านในออกมาด้วยความดีใจ รอยยิ้มปรากฏอยู่บน
ใบหน้าหลังจากที่มันจางหายไปนาน แต่ทว่าไม่นานรอยยิ้มนั้นก็เลือนหายเมื่อสิ่งที่อยู่ด้านในได้ปรากฏ

   การ์ดสีชมพูลายดอกกุหลาบที่ดึงออกมาก็ทำเอาชายหนุ่มตัวชา โลกทั้งใบเหมือนกับหมุนคว้าง รูปที่ปรากฏอยู่บนการ์ด
เป็นรูปของรัมภ์ในชุดทักสิโด้สีดำตัดกับสีผิว ข้างกายมีหญิงสาวผมบลอนในชุดเจ้าสาวกำลังคล้องแขนของรัมภ์และยิ้มให้กล้อง
อย่างมีความสุข วันที่ที่ระบุในการ์ดคืออีกสองวันที่ที่กำลังจะมาถึง นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!! ไม่มีทางที่รัมภ์จะแต่งงาน มันเป็นแค่
ภาพลวงตา มันเป็นแค่ภาพลวงตาเท่านั้น!! ภาคินตะโกนก้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ในใจ การ์ดในมือล่วงหล่นลงบนที่นอนราวกับว่ามือ
ของเขาหมดสิ้นเรี่ยวแรง เขาอยากจะให้นี่เป็นแค่เพียงความฝัน เสียงทุ้มพึมพำออกมาราวกับคนไม่ได้สติ



   “ไม่…จริง”



   ------------------------------------------------------------



   กว่าหนึ่งปีแล้วที่ผมมาอยู่ที่นี่…ระยะเวลาครึ่งโลกที่ผมใช้ชีวิตอยู่ไกลกับหัวใจของตัวเอง มันเป็นเรื่องยากที่ผมจะทำใจและ
ลืมความรักที่มีต่อพี่คิน อาจเป็นเพราะว่าส่วนลึกใจของผมนั้นไม่ต้องการที่จะลืมมัน ทุกอย่างยังคงชัดเจนอยู่ในความทรงจำของ
ผมเสมอ ทุกๆวันผมไม่สามารถอยู่เฉยและต้องคอยหาอะไรทำอยู่ตลอดเวลาเพื่อจะได้ไม่มีเวลาคิดถึงเรื่องในอดีต ผมรู้ดีว่าหัวใจ
ของตัวเองกำลังร้องไห้ ตลอดเวลาผมคิดว่าระยะทางและวันเวลาอันยาวนานจะช่วยให้เสียงของมันเบาลง แต่ไม่เลย ผมรู้ดีว่า
หัวใจของผมมันไม่มีวันที่จะหยุดร้องไห้ ตราบใดที่ความรักของผมมันยังคงไม่จางหายและมั่นคงอยู่อย่างนี้

   “ฟาตา ทำไมถึงมาช้า”ภาษาอังกฤษในสำเนียงที่ไม่ต่างอะไรกับเจ้าของภาษาถามทักเมื่อผมเปิดประตูเข้าไปพร้อมกับ
หายใจหอบด้วยความเหนื่อย ผมยิ้มให้กับชายวัยกลางคนเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลเหมือนกับสีของดวงตา

   “วันนี้ผมเลิกเรียนช้ากว่าที่คิด ผมขอโทษ”ผมตอบรับพ่อด้วยภาษาอังกฤษที่ไม่ค่อยแข็งแรงสักเท่าไร ยิ้มให้กับพ่อที่แต่ง
ชุดสูทดูดีก่อนพ่อจะเดินเข้ามาโอบไหล่ให้ผมเดินตามเข้าไปในสตูดิโอ

   ผมกับพ่อเราตกลงกันที่การสื่อสารกันผ่านทางภาษาอังกฤษเพราะตอนนี้ภาษาอิตาลีมันยากเกินไปสำหรับผมและคงอีก
นานกว่าผมจะคุ้นเคยกับมัน พอเข้ามาด้านในก็เห็นว่าพี่ตินกับแม่แต่งตัวเรียบร้อยดีแล้วเหลือแค่เจ้าสาวที่ยังแต่งตัวไม่เสร็จเพราะ
ค่อนข้างใช้เวลานาน ผมได้แต่ยิ้มแหยให้กับแม่และเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวคนอื่นๆที่กำลังรอการมาของผมเพราะรู้ดีว่าผมมักจะ
ผิดนัดเสมอจากการเรียนที่เริ่มจะหนักขึ้น

   “ทำไมถึงมาช้านักล่ะลูกคนนี้ ไปเลย รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า คนอื่นเขารอนานแล้วนะ”แม่รีบปรี่เข้ามาหาก่อนจะยื่นชุดทักสิโด้
สีดำใส่มือ

   สำหรับแม่แล้วผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าแม่สามารถพูดได้หลายภาษาและพูดได้ดี แม่เคยทำงานเป็นไกด์พาเที่ยวตาม
สถานที่ท่องเที่ยวมาก่อน แต่ก็เป็นเพียงแค่ไกด์ที่ไม่ได้จดทะเบียน ซึ่งนั่นก็ทำให้แม่เจอกับพ่อแล้วตัดใจทิ้งพ่อมาในที่สุดเมื่อรู้ว่า
พ่อมีภรรยาอยู่ก่อนแล้ว ตลอดมาแม่ปิดบังเรื่องทุกอย่างกับผมตลอด ผมอยากที่จะโกรธแม่ แต่เหตุผลของแม่ก็ทำให้ผมไม่
สามารถโกรธแม่ได้เลย…เพราะว่าแม่ทำทุกอย่างก็เพื่อทุกคน เพื่อที่พ่อจะได้ไม่หนักใจกับแม่ที่จะต้องเป็นภาระ เพื่อตัวเองจะได้
ไม่เสียใจหากจะต้องถูกทอดทิ้งซะเอง แล้วก็เพื่อผมที่ไม่รู้อะไรเลยดีกว่าต้องมาเจ็บปวดเพราะรู้แต่ก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้

   ในวันนั้นวันที่เรื่องทุกอย่างมันจบลง พี่ตินเป็นคนไปเจอผมที่บ้านตึกแถวสองชั้นหลังเก่าและเป็นคนพาผมมาที่อิตาลีเพื่อที่
จะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน พอผมมาถึงที่นี่ได้เพียงไม่กี่วันพ่อกับแม่ก็ตกลงที่จะแต่งงานกันซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดี และความ
สุขที่เกิดขึ้นก็มากพอที่จะทำให้ผมยิ้มได้และพยายามที่จะใช้ชีวิตต่อไปข้างหน้า เลือกที่จะเรียนต่อปริญญาโทเพื่อที่จะทำตัวให้
ยุ่งกับการเรียน เวลาที่เหลือก็เอาไปช่วยงานในร้านอาหารไทยที่พ่อเปิดให้แม่เพราะแม่ไม่ต้องการที่จะอยู่เฉยๆแล้วพึ่งพาพ่อ
เหมือนอย่างที่เคยเป็น อีกทั้งชั้นบนของตัวร้านก็เปิดเป็นโรงแรมเล็กๆเพื่อให้คนไทยที่มาเที่ยวได้พักในราคาถูกและเป็นกันเอง
งานของผมจึงค่อนข้างยุ่งจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน ซึ่งนั่นก็เป็นการดีที่มันทำให้ผมเหนื่อยจากงานแล้วหลับทันทีเมื่อหัวถึงหมอน
ไม่มีเวลาให้ได้คิดฟุ้งซ่านหรือเสียใจอะไรไปมากกว่านี้

   “หล่อมากฟาตาของพี่”

   ทันทีที่ออกมาจากห้องแต่งตัวหลังจากปล่อยให้ช่างแต่งหน้าจัดการกับผมและหน้าตาเสร็จเรียบร้อยพี่ตินก็ตรงเข้ามาคว้า
คอของผมเข้าไปกอดแล้วดึงให้ผมเดินตามมายังฉากที่เตรียมเอาไว้สำหรับถ่ายรูป

   “หล่อใช้ได้”แม่ที่อยู่ในชุดราตรีสวยพยักหน้ายิ้มให้กับการใส่ทักสิโด้ครั้งแรกในชีวิตของผม

   นานนับหลายชั่วโมงกว่าพวกเราจะถ่ายรูปกันเสร็จ ผมได้แต่ถอนหายใจเพราะต้องรีบไปอ่านหนังสือเนื่องจากวันพรุ่งนี้มี
สอบ อีกทั้งยังต้องช่วยงานที่ร้านของแม่

   “ฟาตามานี่ ถ่ายรูปคู่กับเจ้าสาวหน่อย”

   แต่ระหว่างที่กำลังจะเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับมาเป็นชุดเดิมแขนก็ถูกดึงเอาไว้ให้ชะงัก หันกลับไปจ้องมองว่าที่เจ้าบ่าว
และเจ้าสาวผมบลอนยิ้มเผล่ส่งมาให้ท่าทางมีเลศนัยจึงได้ถามออกไป

   “ก็ถ่ายไปแล้วนี่ครับ”

   “อยากให้ถ่ายคู่กับเจ้าสาวของพี่หน่อย”

   “แล้วทำไมผมจะต้องถ่ายคู่กับเจ้าสาวแค่สองคนด้วย”ผมถามพร้อมกับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย แต่ก็ยอมเดินตามแรงจูง
ของทั้งสองคนไปเพราะถูกดึงแขนขนาบข้างเอาไว้ทั้งว่าที่เจ้าบ่าวและว่าที่เจ้าสาว

   “เอาน่า ไม่เห็นจะเสียหายอะไรตรงไหนนี่”ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่จะให้ผมไว้ใจคนอย่างพี่ตินได้ยังไงในเมื่อรอยยิ้มที่ส่งมา
นั้นมันเจ้าเล่ห์จนน่าขนลุก

   “ไม่เอาด้วยหรอกครับ”

   “เอาน่า เจ้าสาวออกจะสวย จริงไหมมาเรีย”หันไปถามมาเรียเป็นภาษาอังกฤษ

   มาเรียเป็นคู่หมั้นของพี่ตินตั้งแต่สมัยที่พี่ตินไปเรียนที่อเมริกา ทำให้ทั้งคู่ได้เจอกัน และที่สำคัญว่าที่พี่สะใภ้ของผมคนนี้
ดีกรีนางแบบจากนิตยสารดังอันดับต้นๆของโลก ไม่รู้เลยว่าทำไมถึงได้ตกลงปลงใจยอมแต่งงานกับพี่ตินได้ยังไง

   “ถ่ายรูปด้วยกันเถอะนะ”เจ้าสาวชาวอเมริกันพยักหน้าทำท่าขอร้องใส่จนผมต้องจำยอมพยักหน้าตอบรับด้วยท่าทางเหนื่อย
ใจกับลูกตื๊อของทั้งสองคน

   “แค่แปบเดียวนะครับ พรุ่งนี้ผมมีสอบผมต้องไปอ่านหนังสือ”

   “โอเค”พี่ตินพยักหน้าก่อนจะเดินมาจัดท่าทางให้ผมกับมาเรีย ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อมาเรียดึงแขนของผมไป
คล้องเอาไว้แล้วเอนหน้ามาซบไหล่

   “พอใจรึยังครับ”ถามพลางจ้องมองเจ้าบ่าวในชุดทักสิโด้สีขาวสะอาดตา   “พอแล้วๆ ไปเปลี่ยนชุดได้แล้ว”มือใหญ่ตบ
ลงมาที่ไหล่ของผมเบาๆก่อนจะเดินไปหาตากล้องแล้วกระซิบบางอย่าง…บางอย่างที่ทำให้ผมสงสัยแต่ก็เลือกที่จะไม่ใส่ใจกับ
ความขี้แกล้งของพี่ชายตัวเอง…อาจจะเพราะเคยชินก็เป็นได้ กับเวลาหนึ่งปีที่พยายามปรับตัวเข้ากับครอบครัวที่มีขนาดใหญ่ขึ้น

   

   ---------------------------------------------------------------------------------

   

   เสียงเปียโนดังก้องไปทั่วโบสถ์ หญิงสาวในชุดเจ้าสาวสีขาวฟูฟ่องเดินเข้ามา ใบหน้ามีผ้าคลุมสีขาวโปร่งแสงปิดเอาไว้
ชายกระโปรงสีขาวยาวเหยียดมีเด็กหญิงผมสีบลอนคอยจับและเดินตามด้วยรอยยิ้ม บาทหลวงจะยิ้มรับและกระแอมเล็กน้อยเป็น
สัญญาณให้นักเปียโนหยุดบรรเลงและให้สักขีพยานนับหลายสิบเงียบลงเมื่อเจ้าสาววางมือลงบนมือเจ้าบ่าว

   งานแต่งของพี่ตินกับมาเรียถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายเพราะมาเรียไม่ต้องการให้มีนักข่าวมาแทรกแซงหรือรบกวนงานแต่ง
ของตัวเอง ดังนั้นสักขีพยานที่อยู่ในโบสถ์จึงมีแค่ญาติสนิทของทั้งสองฝ่ายเท่านั้น ผมได้แต่จ้องมองคู่บ่าวสาวในที่ของเพื่อนเจ้า
บ่าวข้างๆกับริค วูบหนึ่งรอยยิ้มที่ทั้งคู่มีให้กันมันทำให้ผมเริ่มรู้สึกอิจฉาขึ้นมา ถ้าหากผมเป็นผู้หญิงก็คงจะดี เรื่องทุกอย่างมันคง
ไม่จบที่ผมจะต้องหนีมาอยู่ในที่ที่แสนไกลแบบนี้

   บาทหลวงยังคงอ่านคำภีร์คู่ชีวิตต่อไป จนถึงพิธีกล่าวคำสาบาน ทั่วทั้งโบสถ์ตกอยู่ในความเงียบสงัด คู่บ่าวสาวต่างก็จ้อง
ตากันอย่างมีความสุข

   “เป็นเพราะเป็นความประสงค์ของพวกเธอที่จะแต่งงาน ให้ประสานมือขวา และประกาศความยินยอมของพวกเธอต่อหน้า
พระองค์ และศาสนิกชนของพระองค์”บาทหลวงพูดท่ามกลางความเงียบที่ทุกคนต่างก็จดจ้องไปที่คู่บ่าวสาว

   “เดสติโน่คุณจะรับมาเรียเป็นภรรยาของคุณไหม คุณสัญญาว่าจะซื่อสัตย์ต่อเธอ ทั้งในยามสุขและยามยาก ในยามไข้และ
สบายดี จะรักเธอและให้เกียติเธอชั่วชีวิตของคุณหรือไม่”

    “ผมเดสติโน่ ขอรับมาเรียเป็นภรรยาของผม และสัญญาว่าจะซื่อสัตย์ต่อคุณทั้งในยามสุขและยามยาก ในยามไข้และ
สบายดี ผมจะรักคุณและให้เกียรติคุณตลอดชั่วชีวิตของผม”

   “มาเรียคุณจะรับเดสติโน่เป็นสามีของคุณไหม คุณสัญญาว่าจะซื่อสัตย์ต่อเขา ทั้งในยามสุขและยามยาก ในยามไข้และ
สบายดี จะรักเขาและให้เกียติเขาชั่วชีวิตของคุณหรือไม่”

   “ดิฉันมาเรียขอระ…”

   ปึงงงงง!!!!

   “ผม….ไม่เห็นด้วย”


-------------------------------------------------------------------------------------------

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-12-2016 18:32:40 โดย NeLy เนลี่ »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
อ้าว...อ้าว... มีผู้มาคัดค้านการแต่งงานของพี่ติน ซะแล้ว
จะเป็นใครน้า น่าจะเป็นพี่คินนะ
สมใจพี่ตินและ ที่ส่งการ์ดแต่งงาน
ที่ทำเป็นว่ารัมภ์ เป็นเจ้าบ่าว ไปยั่วยุ
พี่คินที่ไม่กระดิกกระเดี้ย เป็นปี
ยอมลุกออกจากห้อง เดินทางมาหารัมภ์ได้
พี่คิน รัมภ์ ทำความเข้าใจกันสักทีนะ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ pawara123

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ชอบนายหัววววว หล่อ เถื่อน โหด หวง หึง  ขี้เอา ครบสูตรผู้ชายในฝัน  :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ EARTHYSS :)

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
อีตาคินนิสัยโจรอีกแล้วนะ จะมาฉุดลูกเค้าอีกหรอ

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
อะไรยังไงต่อคะ?

ออฟไลน์ magic-moon

  • magKapleVE
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
    • Freedom of meetups, no obligations

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ GGamy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
คือไร!!? ไรท์กลับมาเดี๋ยวนี้ เธอจะตัดจบอย่างนี้ไม่ได้ :katai1:

ออฟไลน์ mareya.no7

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
จบอย่างนี้น่ัะเหรอ ที่เหลือคือรอในเล่มใช่ไหม เฮ้อ~ เวรกำ (อย่าโกรธนะคนเขียนถ้าจะบอกว่าเราไม่น่าอ่านเลย)

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3
32.2 ท้ายที่สุด[จบ]
   ปึงงงงง!!!!

   “ผม….ไม่เห็นด้วย”

   ยังไม่ทันที่มาเรียจะกล่าวคำสาบานเพื่อตอบรับพี่ตินเป็นสามี ประตูโบสถ์ก็ถูกเปิดออกอย่างแรงตามด้วยลมหนาวของฤดู
พัดเข้ามาด้านในชวนใหขนลุก เสียงคัดค้านเป็นภาษาไทยประกาศก้องไปทั่วบริเวณ สักขีพยานนับหลายสิบต่างก็ต้องมองไป
ทางต้นเสียงเป็นสายตาเดียวกัน สภาพของคนที่ยืนอยู่หน้าประตูโบสถ์ทำให้เกิดเสียงฮือฮาก้องโบสถ์ ร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อโค้ท
หลุดลุ่ยผ้าพันคอผืนหนาพันหมิ่นเหม่จะหล่นแหล่มิหล่นแหล่ ข้างตัวมีกระเป๋าเดินทางนอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้นทำให้ค่อนข้างจะดู
ไม่จืด ริมฝีปากได้รูปเปิดขึ้นเล็กน้อยเพราะกำลังหอบหายใจราวกับว่าผ่านการวิ่งมานับร้อยเมตร ก่อนที่ใบหน้าคมซูบตอบจะซีด
เผือดเมื่อมองเข้ามาด้านใน


   “อะ…เอ่อ คือ ผม”เสียงแหบพร่าปนหอบอึกอัก

   พี่คินอ้าปากค้างก่อนจะจ้องมองมาทางผมที่ยืนอยู่ในตำแหน่งของเพื่อนเจ้าบ่าว ตาคู่คมสั่นระริกและจ้องมองมาที่ผมไม่
วางตา เพียงไม่กี่วินาทีที่เราสบตากันราวกับนานนับชั่วโมง เป็นพี่คินจะเป็นคนออกหน้าแก้สถานการณ์ทุกอย่างก่อนที่แขกคนอื่น
จะหายตกใจและแสดงความไม่พอใจออกมาเสียก่อน

   “ไม่ต้องตกใจครับ ผมเป็นคนเชิญเขามาเอง”พี่ตินหัวเราะร่วนหันไปบอกกับทุกคนในงาน “ ไม่ดีเลยนะครับที่จะมาพังงาน
แต่งของคนอื่นเขาอย่างนี้ ทำไมถึงได้มาสายนักล่ะครับนายหัวภาคิน ผมอุตส่าห์ส่งการ์ดเชิญล่วงหน้าแล้วนะครับ”พี่ตินชิงเดิน
เข้าไปกอดคอพี่คินด้วยท่าทางสนิทสนมแล้วพาให้เดินไปนั่งลงข้างๆกับแม่ แต่พี่คินก็ยังคงจ้องมองมาทางผมไม่ละสายตาถึง
แม้ว่าท่าทีจะยังคงมึนงงกับเรื่องราวที่เกิดอยู่เล็กน้อย

   จนบาทหลวงทำพิธีต่อ มาเรียตอบรับพี่ตินเป็นสามีและสัญญาจะดูแลกันตลอดชีวิต ต่อด้วยพิธีแลกแหวนแต่งงาน ทันทีที่
บาทหลวงประกาศให้ทั้งคู่เป็นสามีภรรยากัน ทั่วทั้งโบสถ์ก็เต็มไปด้วยเสียงโห่ร้องแสดงความดีใจ เปียโนเริ่มบรรเลงอีกครั้งพร้อม
กับเจ้าบ่าวและเจ้าสาวที่จูบกันไม่ยอมปล่อย ทุกคนในงานลุกขึ้นปรบมือให้ทั้งคู่ และนั่นก็ทำให้ความวุ่นวายเกิดขึ้นภายในโบสภ์

   มากพอที่จะทำให้ผมใช้โอกาสนี้หลบออกมาทางประตูด้านข้างของตัวโบสถ์พร้อมกับหัวใจที่เต้นรัว ผมยังไม่พร้อมที่จะเจอ
กับอะไรแบบนี้ มือข้างหนึ่งยกขึ้นทาบบนอกข้างซ้าย ก้อนเนื้อข้างในมันแทบจะหลุดออกมานอกอก ริมฝีปากเม้มแน่นเข้าหา
กัน…นานเท่าไรแล้วที่ผมไม่รับรู้ถึงความรู้สึกแบบนี้ ทั้งดีใจและตกใจในเวลาเดียวกัน ผมเดินสาวเท้าห่างออกมาจากโบสถ์ที่จัด
งานเรื่อยๆ ในขณะที่หิมะแรกของฤดูหนาวเริ่มตกลงมา

   ว่ากันว่า…หิมะแรกตกสามารถทำให้คำอธิฐานของคนเราเป็นจริงได้ ผมไม่เคยเชื่อเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เลยจนกระทั่งวันนี้ ปี
ที่แล้วที่ผมได้เจอกับหิมะเป็นครั้งแรกและตัดสินใจอธิฐานขอพรที่ไม่มีวันจะเป็นไปได้…ผมอธิฐานขอให้ผมได้พบกับพี่คินอีกครั้ง
มันเป็นคำอธิฐานที่โง่เง่าและผมรู้ดีว่ามันไม่มีทางจะเป็นจริงถึงได้อธิฐานออกไปแบบนั้น ราวกับต้องการจะท้าทายในสิ่งที่มองไม่
เห็น แต่สุดท้ายแล้วพรของผมก็ถูกรับเอาไว้และเป็นจริงในที่สุด ผมหัวเราะออกมาราวกับเรื่องที่กำลังเจออยู่เป็นเรื่องน่าขบขัน
มือที่กุมอกข้างซ้ายเอื้อมออกไปรองรับเกล็ดน้ำแข็งสีขาวที่ร่วงหล่นลงมาจากฟ้าเอาไว้แล้วจ้องมองดูมันละลายหายไปในอุ้งมือ

   ครั้งนี้ผมควรจะขออะไรดี…จะเป็นไปได้ไหมถ้าผมจะขอให้ผมกับพี่คินได้อยู่ด้วยกันตลอดไป ไม่มีอะไรจะมาพลัดพรากเรา
จากกันอีกครั้ง คำขอของผมจะเป็นจริงอีกครั้งหรือเปล่า…ผมคงไม่ได้ขอมากไปใช่ไหม



   ---------------------------------------------------------------------------

   
   ผ่านมาหนึ่งวันเต็มหลังจากงานแต่งของพี่ตินกับมาเรียจบลง ผมได้รู้จากแม่มาว่าพี่ตินเป็นคนส่งการ์ดเชิญไปให้พี่คินมา
ร่วมงานแต่ง ไม่รู้ว่าส่งไปอีท่าไหนถึงได้จู่ๆก็โผล่มาคัดค้านงานแต่งอย่างที่เห็น แม่เล่าพลางหัวเราะราวกับเป็นเรื่องตลก และ
ด้วยรถแท็กซี่คันที่พี่คินนั่งมาดันเสียเอากลางทางประกอบกับโบสถ์ที่อยู่ค่อนข้างไกลจากตัวเมืองทำให้พี่คินต้องวิ่งตามจีพีเอส
ในมือถือมาจนถึงโบสถ์เป็นระยะทางกลายกิโลสภาพจึงเป็นอย่างที่เห็น แต่นั้นผมรู้ดีว่ามันไม่รวมถึงสภาพซูบผอมต่างไปจากเก่า
จากที่ก่อนหน้านี้ทุกในครอบครัวเข้าใจและรับรู้กับความสัมพันธ์ของผมกับพี่คินดี ผมจึงขอให้ทุกคนห้ามไม่ให้บอกที่อยู่ของผม
กับให้พี่คินรู้

   ถึงแม้เมื่อวานผมจะอธิฐานไปอย่างนั้น…ถึงแม้ว่าลึกๆข้างในใจจะหวังให้คำอธิฐานเป็นจริงดั่งคำอธิฐานแรก แต่มันก็คงจะ
ไม่มีวันเป็นจริงไปได้ในเมื่อผมกับพี่คินต่างก็ต้องเดินไปตามเส้นทางของตัวเอง และสัญญาที่เคยให้ไว้กับตัวเองมันคอยตอกย้ำ
อยู่เสมอว่าสิ่งที่ผมเลือกเป็นสิ่งที่สมควรแล้ว อนาคตของพี่คินสำคัญที่สุด เหมือนกับอนาคตของตัวผมเองที่จะต้องเดินไปข้าง
หน้า…ถึงแม้ว่าทางข้างหน้ามันจะโดดเดี่ยวก็ตาม

   “ฟาตา…มีลูกค้าผู้ชายเป็นคนไทยมากินอาหาร เขามาคนเดียวด้วย แต่เขาบอกว่าอยากกินอาหารที่ไม่มีอยู่ในเมนู ผมว่า
คุณน่าจะคุยกับเขารู้เรื่องกว่าผมนะเขาจดเมนูมาให้เองเลย”แอนดี้รุ่นน้องที่มหา’ลัยพ่วงท้ายด้วยลูกจ้างในร้านเพราะต้องการหา
รายได้พิเศษเดินมาสะกิด ทำให้ผมสะดุ้งเล็กน้อยและเงยหน้าจากแตงกวาที่ปอกเสร็จแต่ไม่ได้ลงมือหั่นสักที

   “อ่อ ได้สิ เดี๋ยวไปดูให้”พยักหน้ารับก่อนจะเช็ดมือแล้วเดินออกไปจากครัว อดแปลกใจไม่ได้ที่เมนูแต่ละอย่างเป็นของที่
ผมชอบทั้งนั้น

   ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูหนาวประกอบกับหิมะแรกได้ตกลงมาแล้วจึงทำให้เป็นช่วงฮันนีมูนของคู่รักหลายคู่ที่เดินทางมาท่องเที่ยว
ผมกวาดตามองลูกค้าในร้านที่ค่อนข้างจะเยอะเป็นพิเศษ อาจจะด้วยการตบแต่งของร้านเป็นโทนอบอุ่นทำให้ลูกค้าค่อนข้างเยอะ
เพราะอากาศข้างนอกค่อนข้างหนาวจัด

   “คุณต้องการอะไรเป็นพิเศษไหมครับ พอดีว่าบางเมนูทางร้านเรามีวัตถุดิบไม่เพียงพอ”ผมถามออกไปเป็นภาษาไทย

   มีโต๊ะเดียวภายในร้านที่มีผู้ชายนั่งเพียงคนเดียวนอกนั้นจะมาเป็นครอบครัวหรือไม่ก็มาเป็นคู่ ผมจ้องมองสมุดเมนูที่ถูกยก
ขึ้นอ่านทำให้มองไม่เห็นใบหน้าของลูกค้า จนผมถามจบสมุดเมนูก็ถูกปิดลงและวางลงบนโต๊ะ และนั่นก็ทำให้ผมเห็นใบหน้าของ
ลูกค้าได้อย่างชัดเจน รอยยิ้มที่มีค่อยๆเลือนหาย สมุดจดเมนูกับปากกาในมือร่วงหล่นลงไปบนพื้น ก่อนที่ผมจะถอยหลังออกห่าง
ออกมาด้วยความตกใจ และวิ่งออกไปจากร้านโดยไม่ฟังเสียงเรียกของแอนดี้และกับเขาคนนั้น…กี่ครั้งกันนะที่ผมทิ้งพี่คินแล้ววิ่ง

หนีความต้องการของตัวเอง

   “รัมภ์!!!”

   ความหนาวเย็นของพื้นที่ฉาบด้วยหิมะในเวลานี้มันไม่ได้เรียกความสนใจจากผมเลยในเมื่อผมยังคงวิ่งต่อไปไม่หยุด ทั้งที่มี
ถุงเท้าเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่ขวางกั้นระหว่างเท้าของผมพื้นน้ำแข็ง เกร็ดน้ำแข็งสีขาวยังคงร่วงหล่นลงมาจากฟ้าไม่มีทีท่าว่า
จะหยุดในขณะที่ผมเอาแต่วิ่งและวิ่งเพื่อที่จะหนีเจ้าของเสียงเรียกที่ดังไล่หลังมาติดๆ

   “รัมภ์ รอพี่ก่อน!!”

   “ไม่ อย่าตามผมมา”ผมได้แต่พึมพำเสียงเบาทั้งที่ยังคงหอบ เท้าเกือบเปลือยทั้งสองข้างยังคงย่ำลงไปบนพื้นหิมะหนาว
เหน็บ

   “รัมภ์ รอพี่ก่อน”

   “อย่าตามผมมานะ”บอกออกไปราวกับคนเสียสติเพราะเสียงที่ไล่ตามดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังวิ่งไปทางไหน
และมันจะไปสุดลงที่ไหน แต่ขาทั้งสองข้างมันก็ยังคงพาผมไปต่อไม่ยอมหยุด

   “รัมภ์ ขอร้อง อย่าหนีพี่อีกเลย”

   “กลับไป…อย่ามาตามผม”

   “รัมภ์ พี่บอกให้หยุด”

   “หยุด…นะ”

   “รัมภ์!! หยุดวิ่ง”

   “ไม่…กลับไป”

   “หยุดเถอะนะรัมภ์ รองเท้า…รัมภ์ไม่ได้ใส่รองเท้าออกมา รัมภ์จะเจ็บเท้านะรู้ไหม”สิ่งที่พี่คินพูดทำให้ผมชะงัก เพราะความ
รีบและตกใจทำให้ผมวิ่งออกมาทั้งที่ยังไม่ได้ใส่รองเท้า ผมหยุดและหอบจนตัวโยน หันไปมองพี่คินที่หยุดยืนห่างออกไปเพียง
ไม่กี่ก้าว พี่คินเองก็หอบไม่แพ้กัน ใบหน้าคมคายแดงเรื่อ ก่อนที่ตาคู่คมกริบจะจ้องมาที่ผม ขายาวก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าวเข้ามา
ใกล้ขึ้นอีก
   “อย่า…เข้ามาใกล้ผมนะ”ผมร้องห้ามก่อนจะถอยหนี

   “รัมภ์…อย่าหนีพี่อีกเลยนะ พี่ขอร้อง”น้ำเสียงนั้นแหบพร่าและเว้าวอนไม่ต่างอะไรกับในตอนนั้นที่พี่คินเดินเข้ามาขอให้เรา
กับไปคบกัน

   “พี่ไม่ควรอยู่ที่นี่ ไม่ไม่ควรจะมาที่นี่เลย”ผมส่ายหน้าไปมาราวกับคนที่แทบจะไม่หลงเหลือสติ

   “พี่จะไม่ไปไหนทั้งนั้นถ้าหากไม่มีรัมภ์ไปด้วย”

   “ระหว่างเรามันจบไปแล้ว อย่าทำให้ชีวิตของตัวเองต้องพังเพียงเพราะผมเลย”ผมถอยหลังอีกก้าวเมื่อพี่คินทำท่าว่าจะเดิน
เข้ามาใกล้…ทำไมกันนะ ทั้งที่ร่างกายกำลังถอยหนีแต่หัวใจนั้นกลับอยากที่จะอยู่กับที่

   “ชีวิตที่ไม่มีรัมภ์มันไม่ต่างอะไรกับการอยู่อย่างไม่มีชีวิตหรอกนะ พี่ขอโทษ…”

   “หยุด…อย่าพูด”

   “พี่ขอโทษกับสิ่งที่พี่ทำลงไป พี่เป็นคนผิดเองที่พยายามใช้ความรักกักขังรัมภ์เอาไว้ พี่ผิดที่ไม่เชื่อที่รัมภ์พูดในวันนั้น ผิด
ทั้งหมดและทุกอย่างที่ทำลงไป แต่อย่างเดียวที่พี่เชื่อว่าพี่ไม่ผิดก็คือการที่พี่ได้รักรัมภ์ รัมภ์คือทุกสิ่งทุกอย่างที่พี่ต้องการและ
อยากจะอยู่ด้วยกันตลอดไป อย่าหนีพี่อีกเลยนะ พี่คงต้องตายแน่ๆหากไม่มีรัมภ์อยู่ด้วย”

   พี่คินต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมพี่คินถึงทำราวกับว่าสิ่งที่ผมทำเอาไว้มันไม่ได้เลวร้ายอะไรนัก เป็นผมที่ทิ้งพี่
คินถึงสองครั้ง…วิ่งหนีทุกครั้งที่มีโอกาส แล้วนี่มันอะไรกัน หัวใจของผมมันเต้นรัวจนแทบจะบ้าตายอยู่แล้ว

   “มะ…มันไม่ถึงตายหรอกน่า”ผมตอบด้วยน้ำเสียงพร่า ภาพตรงหน้ามันช่างพร่าเบลอราวกับถูกปิดทับด้วยกระจกฟ้า

   “ตายสิ ตรงนี้ของพี่มันเกือบจะตายไปแล้วรู้ไหม”

   เพียงไม่ถึงเสี้ยววินาทีร่างสูงตรงหน้าก็ก้าวเข้ามาใกล้ จับมือของผมทาบลงไปบนอกข้างซ้ายของตัวเอง ได้ยินเสียงของ
หัวใจดวงใหญ่เต้นระรัวผ่านฝ่ามือได้อย่างชัดเจน หมดสิ้นแล้วกับเรี่ยวแรงที่จะถอยหนีอีกต่อไป ได้แต่ปล่อยให้ตัวเองหยุดนิ่งอยู่
กับที่ สัมผัสไออุ่นที่ส่งผ่านมาทางร่างกาย

   “ผมบอกว่าอย่าเข้ามาใกล้…ไม่ได้ยินที่พูดรึไง”ออกแรงผลักอกของพี่คินเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้สะเทือนเลยสักนิด

   “พี่รักรัมภ์นะครับ”เสียงทุ้มกระซิบบอกแผ่วเบาก่อนจมูกโด่งจะกดลงมาบนหน้าผากเย็นเฉียบของผม

   “ผม…ไม่ได้ถาม”ตอบออกไปเสียงเบา ใบหน้าร้อนวูบทั้งที่อากาศรอบข้างหนาวจัด หลุบตาเมื่อปลายนิ้วเกลี่ยเอาเกร็ดน้ำ
แข็งที่ร่วงลงมาติดที่แก้มออก

   “แล้วรัมภ์ล่ะ ยังรักผู้ชายที่เคยเล่นบทร้ายคนนี้ไหม”

   “ผมจะไม่ตอบในสิ่งที่เคยบอกไปแล้วหรอกนะ”

   “พี่รักรัมภ์”

   “อย่าพูดย้ำจะได้ไหม”แค่นี้หัวใจของผมมันก็แทบจะรับไม่ไหวอยู่แล้ว

   “พี่รักรัมภ์”พี่คินยังคงพูดซ้ำและยิ้มออกมา…รอยยิ้มที่เหมือนกับตอนนั้น

   “ผมบอกว่าอย่าพูดไง”ผมใช้มือปิดปากพี่คินเอาไว้ ใบหน้ารู้สึกร้อนผ่าวจนแทบจะทนไม่ไหว

   “พี่จะบอกรักจนกว่ารัมภ์จะยอมรับรักของพี่ พี่รักรัมภ์ พี่รักรัมภ์ พี่รักรัมภ์”

   “พะ พอแล้ว ผมบอกแล้วไงว่าจะไม่พูดซ้ำในสิ่งที่พูดไปแล้ว แล้วผมก็ไม่มีวันรับรักของพี่อีกครั้ง”บอกเมื่อเสียงของพี่คิน
เริ่มดังขึ้นและคนที่เดินผ่านไปมาเริ่มหันมามอง หัวใจของผมมันเต้นแรงจนแทบจะบ้าตายอยู่แล้ว

   “รัมภ์หมายความว่ายังไง”พี่คินถาม รอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าคมคายค่อยๆเลือนหายไป

   “จะให้ผมรับรักพี่อีกได้ยังไง….ในเมื่อผมรับรักพี่มาตั้งนานแล้ว”

   ก้มหน้าตอบออกไปในที่สุด…จะเป็นอะไรไหมถ้าผมจะเห็นแก่ตัว ตอบรับในสิ่งที่ตัวเองต้องการมาตลอด ในเวลานี้ไม่รู้เลย
ว่าระหว่างหัวใจของผมกับของพี่คินของใครจะเต้นแรงกว่ากัน ลมหายใจที่กลายเป็นไอร้อนเป่ารดลงมาบนใบหน้า ความอบอุ่นที่
คุ้นเคยกำลังกอบกุมมือของผมเอาไว้ ระยะเวลากว่าหนึ่งปีมันช่างยาวนานราวกับชั่วกัปชั่วกัลป์ มันมากพอที่จะทำให้ผมได้หยุด
คิดแล้วค้นพบว่าแท้จริงแล้วใจของผมต้องการที่จะวิ่งหนีหรือว่าหยุด…เพื่อหยุดที่จะยืนเคียงข้างคนที่ผมรัก ตอบรับจูบร้อนที่
ประทับลงมา ตอบรับอ้อมกอดอุ่นที่โอบอุ้มร่างกายท่ามกลางความหนาวเหน็บเยียวยารักษาแผลเป็นที่ตีตราเอาไว้จนหายดี…ผม
คงจะเห็นแก่ตัวจริงๆ

   “ผมรักพี่”



   The End



--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
จบไปแล้ววววว จบจริงๆแล้วนะ ฮือออออออ (เจ๊ลืมบอกว่าจะมาต่อ)  ที่เหลือก็รอตอนพิเศษไข่ไส้กรอก
สักวันจะมีคนมาตามชั้นแบบเน้ มาวิ่งตามแล้วบอกรักท่ามกลางหิมะตก จุ๊บเหม่งด้วย ฮรื่ออออ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-10-2016 14:40:33 โดย NeLy เนลี่ »

ออฟไลน์ awfsp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ตลกตออนพี่คินผิดคิว

ออฟไลน์ omuya

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2023
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +121/-9

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
......เรื่องจบและ
แต่พี่คิน รัมภ์ สมรัก ซักที  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ขอตอนพิเศษ หลายๆ เด้อ NC  หวานๆ  :-[ :o8: :-[
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
กรี๊ดดด จบแล้วว
ตอนพิเศษขอบแบบหวานๆลืมโลกเลยนะคะ

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0

ห๊ะ.........

จบแล้ว

ยังอ่านเพลินๆอยู่เลย

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ


ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Gear77

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
พอจะง่ายก็ง่ายเนอะ ก่อนหน้าเรื่องง่ายๆ กลับทำเป็นเรื่องยาก  :angry2:

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3
บทสุดท้าย


“หนาวไหมครับ”ผมถามพลางดึงมือใหญ่ทั้งสองข้างมากุมเอาไว้ พี่คินกำลังสั่นเพราะอากาศหนาวแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงยิ้มอย่าง
ดีใจกับสิ่งที่ได้ยิน จมูกโด่งขึ้นสีแดงเรื่อหายใจเอาลมหายใจเป็นไอร้อนออกมา มือทั้งของข้างถูเข้าหากันไปมาเพื่อบรรเทาความ
หนาว

   “ไม่เลยไม่หนาว แล้วรัมภ์ล่ะหนาวไหม กลับกันเถอะ”ยังคงไม่ยอมรับทั้งที่แสดงท่าทางหนาวจัดแบบนั้นออกมา พูดจบก็
หันหลังและย่อตัวลงไปทำให้ผมชะงัก “ขึ้นมาสิ”

   “อะ…ไรครับ”

   “พื้นมันเย็น รัมภ์จะเจ็บเท้าเอา”

   “พี่ก็เจ็บเหมือนกันไม่ใช่รึไง”

   “พี่ไม่เป็นไร รัมภ์ขึ้นมาสิ เดี๋ยวจะไม่สบายเอานะ”

   “อืม”พยักหน้าตอบรับก่อนจะขึ้นไปขี่อยู่บนแผ่นหลังกว้าง จ้องมองพื้นน้ำแข็งขาวโพลนเบื้องหน้าราวกับเป็นงานชิ้นเอกถูก
สรรสร้างด้วยความบรรจงด้วยมือของจิตรกร

   “รัมภ์”

   “ครับ”

   “พี่จะบอกว่าไม่ได้มีอะไรกับฟางจริงๆนะ เรื่องนั้นรัมภ์เข้าใจผิด”

   “ทำไมถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมาล่ะ”ผมเกือบจะลืมเรื่องนี้ไปซะสนิทหากพี่คินไม่พูดขึ้นมา

   “พี่ไม่อยากให้รัมภ์เข้าใจผิด ตอนนั้นพี่มัวแต่โมโหตัวเองที่ปล่อยให้รัมภ์เข้าโรงพยาบาลก็เลยไม่สนใจฟังที่รัมภ์พูด…พี่

ขอโทษ”

   “แล้วตอนนั้นซองถุงยางมันมาอยู่ในกระเป๋าพี่ได้ยังไง”

   “ซองถุงยางนั่นไม่ใช่ของพี่ พี่ไม่เคยใช้ของแบบนั้นด้วยซ้ำ ฟางเป็นคนเอามาใส่ตอนที่พี่กับรัมภ์เผลอ หลังจากที่รู้เรื่องนั้น
พี่ก็ไล่ฟางออกจากสานรักแล้วรีบไปโรงพยาบาลเพื่อจะอธิบายทุกอย่างให้รัมภ์เข้าใจ…แต่พอไปถึงรัมภ์ก็ไม่อยู่แล้ว เชื่อพี่เถอะ
นะคนเดียวที่พี่จะมีอะไรด้วยก็มีแค่รัมภ์จริงๆ”พี่คินบอกพลางเดินไปต่อไปข้างหน้าทั้งที่ยังแบกผมเอาไว้

   “ช่างเถอะครับ ผมลืมเรื่องพวกนี้ไปหมดแล้ว”ราวกับภูเขาถูกยกออกไปจากอกทำให้หัวใจที่รู้สึกหนักอึ้งมันล่องลอยไปมา
อย่างมีความสุข ผมยิ้มรับให้กับความรู้สึกของตัวเองก่อนจะซุกหน้าเข้ากับผ้าพันคอผืนหนาของพี่คิน “ผมเองก็ต้องขอโทษ
เหมือนกันที่ไม่เชื่อใจพี่ เอาแต่กลัวคำตอบที่ยังไม่ทันได้รู้”

    “พี่ไม่เคยโกรธรัมภ์ พี่แค่โกรธตัวเองมากกว่าที่ตอนนั้นน่าจะฟังรัมภ์”

   “เราเลิกพูดถึงเรื่องนี้เถอะนะครับ”ผมว่าพลางเปลี่ยนเรื่อง ไม่อยากจะหยิบยกอดีตที่ไร้ค่าขึ้นมาพูดถึงมันอีกแล้ว “แล้วอยู่ๆ
ทำไมถึงได้ไปคัดค้านงานแต่งของพี่ตินล่ะครับ”ถามพลางก้มมองพื้นที่ปรกคลุมด้วยเกร็ดน้ำแข็งสีขาว มองดูมันยวบไปเมื่อเท้า
เกือบเปลือยของพี่คินเหยียบย่ำมันลงไป คางเกยอยู่บนลาดไหล่หนา ท่อนแขนทั้งสองข้างกอดคอของอีกฝ่ายแน่น

   “พี่นึกว่ารัมภ์จะแต่งงาน”พี่คินตอบเสียงเบา

   แอบเห็บใบหูสีน้ำผึ้งแดงระเรื่อเพราะความเขินอาย เป็นใครก็คงต้องอายเมื่อจู่ๆก็โผล่เข้าไปคัดค้านงานแต่งงานของคนอื่น
ทั้งที่ไม่รู้ว่าคู่บ่าวสาวเป็นใคร ผมหัวเราะเล็กน้อยในขณะที่พี่คินยังคงแบกผมเดินย่ำไปบนหิมะ

   “ทำไมพี่ถึงคิดว่าผมจะแต่งงานล่ะ?”

   “ก็การ์ดนี่ไง รัมภ์เป็นคนส่งมาให้พี่เอง”พี่คินว่าพลางล้วงหยิบการ์ดลายกุหลาบในเสื้อโค้ทส่งมาให้ ทันทีที่ได้เห็นการ์ดผม
ก็อดที่จะหัวเราะออกมาเสียงดังไม่ได้ นานเท่าไรแล้วที่ผมไม่ได้หัวเราะเสียงดังขนาดนี้ รู้แค่ว่าสิ่งที่เห็นมันช่างตลกสิ้นดี

   “พี่โดนหลอกแล้วล่ะ”

   พี่ชายของผมแสบกว่าที่คิดเอาไว้เยอะ การ์ดที่ด้านหน้าถูกเปลี่ยนเป็นรูปคู่ของผมกับมาเรีย ชื่อของพี่ตินถูกเปลี่ยนเป็นชื่อ

ของผม ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพี่คินถึงวิ่งมาอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อมาคัดค้านงานแต่ง

   “พี่ไม่ตลกด้วยนะรัมภ์ รู้ไหมพี่เกือบจะลักพาตัวรัมภ์ไปอีกรอบถ้าหากว่ารัมภ์แต่งงานจริงๆ”

   “แล้วถ้าผมจะลักพาตัวพี่อย่างที่ผมทำเคยกับพี่บ้างล่ะ”

   “ไม่จำเป็นต้องลักพาตัวพี่หรอก พี่เต็มใจไปกับรัมภ์ทุกที่ตราบใดที่รัมภ์อยู่กับพี่ที่นั่นด้วย”

   “แล้ว…แม่พี่ล่ะครับ”อดที่จะถามออกไปเสียงเบาไม่ได้

   “ทั้งตั๋วเครื่องบินวีซ่าและพาสปอร์ตแม่พี่เป็นคนจัดการให้ทั้งหมดเพื่อที่จะให้พี่มาทันคัดค้านงานแต่งแต่กลับเป็นงานแต่ง
ของคนอื่นไปซะได้”

   “งั้นเหรอครับ”

   หวนนึกไปถึงวันที่ผมมาอยู่ที่นี่ได้เพียงสามเดือน แม่ของพี่คินมาตามหาผมที่โรงแรมของพ่อ โชคดีที่พ่อได้กำชับกับทุกคน
ที่นั่นเอาไว้แล้วว่าหากมีใครมาถามหาผมให้ทุกคนปฏิเสธว่าไม่รู้จักผมเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นแม่ของพี่คินก็ยังไม่ยอมกลับไป ยัง
คงพักอยู่ที่โรงแรมอีกหลายวันและคอยถามหาผมกับคนแถวนั้น สุดท้ายก็ยอมตัดใจเมื่อนานวันขึ้นและทิ้งโน้ตฝากเอาไว้กับ
พนักงานต้อนรับของโรงแรม หลังจากนั้นมาแม่พี่คินก็ยังคอยส่งคนมาตามหาผมตลอดแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่มีวี่แววของผมเพราะ
ตินเป็นคนช่วยซ่อนผมเอาไว้ เป็นพี่ตินที่เอาโน้ตที่แม่พี่คินทิ้งเอาไว้มาให้กับผม เนื้อหาข้างในนั้นคือคำขอโทษและแสดงถึง
ความรู้สึกผิด ทิ้งท้ายด้วยข้อความที่บอกว่ายอมรับความรักระหว่างผมกับพี่คินที่กำลังรอคอยให้ผมกลับไป ในเวลานั้นผมเกือบที่
จะลบล้างความตั้งใจของตัวเอง หากแต่ทิฐิที่มีและเวลาที่ผมต้องการเพื่อที่จะคิดทบทวนกับเรื่องต่างๆมันรั้งให้ผมต้องโยนกระ
ดาษโน้ตแผ่นนั้นทิ้งลงถังขยะ แต่สุดท้ายแล้วมันก็เป็นเพียงแค่อดีตในเมื่อเวลาที่ผ่านมาทำให้ตอนนี้ผมได้คำตอบที่ตัวเอง
ต้องการแล้ว…นั่นคือยอมรับหัวใจตัวเอง

   “พี่ขอโทษแทนแม่พี่ด้วย ขอโทษที่ปล่อยให้แม่พี่พูดไม่ดีกับรัมภ์”

   “เรื่องพวกนั้นผมลืมไปหมดแล้วล่ะ”

   “แม่พี่ฝากของขวัญมาขอโทษรัมภ์ด้วย แต่พี่ลืมเอาไว้ในกระเป๋าที่โรงแรม”

   “อืม ไม่เป็นไรครับ”ผมพยักหน้ารับ อันที่จริงแล้วสำหรับแม่พี่คินผมไม่เคยโกรธเขาเลยสักนิดและเข้าใจว่าทุกอย่างที่ทำก็
เพื่อลูกชายของตัวเอง

   “น้องณินเองก็บ่นคิดถึงรัมภ์ทุกวัน”

   “ผมก็คิดถึงเหมือนกัน”ยิ้มเล็กน้อยเพราะผมเองก็คิดถึงน้องณินไม่แพ้กัน คิดถึงเสียงช่างจ้อและยิ้มอวดเหงือกสีสด

   “แล้วพี่ล่ะ…รัมภ์คิดถึงพี่บ้างไหม”

   “ไม่รู้ครับ”จะให้บอกได้ยังไงกันว่าผมคิดถึงเขาตลอดเวลา ได้แค่ปฏิเสธที่จะตอบแล้วซุกหน้าลงกับผ้าพันคอผืนหนา

   “พี่รักรัมภ์นะ”

   “หยุดพูดได้แล้วครับ”

   “แต่พี่อยากบอกรัมภ์”

   “เลี้ยวซ้ายข้างหน้าก็ถึงแล้วครับ”ผมทำเป็นไม่สนใจก่อนจะบอกทางเมื่อพี่คินเดินแบกผมมาได้สักพัก

   “รัมภ์แน่ใจนะว่าทางนี้ พี่จำได้นะว่าเราไม่ได้ผ่านทางนี้”

   “ทางนี้แหละครับ ถูกแล้ว”

   “ไม่ใช่ว่ากำลังแกล้งให้พี่แบกรัมภ์ทั้งที่ไม่ได้ใส่รองเท้าอย่างนี้ใช่ไหม มันเย็นนะรู้ไหม แล้วก็หนาวมากด้วย”จะไม่ให้หนาว
ได้ยังไงในเมื่อหิมะมันตกหนักอย่างนี้

   “ผมไม่ได้แกล้งสักหน่อย แค่ทางไปบ้านผมมันใกล้กว่าไปที่ร้าน…แค่นั้นเอง”ประโยคสุดท้ายพูดออกไปเสียงเบา

   “พี่นึกว่ารัมภ์อยู่กับพ่อแม่?”

   “ผมอยู่คนเดียว”ตอบเสียงเบาพลางซุกหน้าลงกับผ้าพันคอของพี่คินเพื่อหาไออุ่น หลังจากมาอยู่ที่นี่ได้เพียงไม่กี่เดือนผม
ก็ขอพ่อออกมาใช้ชีวิตอยู่คนเดียวในแมนชั่นเล็กๆ อาจจะเป็นเพราะว่าไม่คุ้นชินกับบ้านหลังใหญ่และครอบครัวใหญ่เพราะมันพาล
ให้นึกถึงบ้านที่อยู่ด้วยกันกับพี่คินและน้องณินก็เป็นได้ แต่เหตุผลหลักเลยที่ผมหยิบยกมาอ้างก็คงไม่พ้นว่าเพราะมันใกล้กับ

มหา’ลัยเพียงไม่กี่นาที

   “รัมภ์”เสียงทุ้มเรียกให้ขานรับ

   “ครับ”

   “พี่คิดถึงรัมภ์มากเลยนะ”

   “อืม”ไม่รู้ว่าพี่คินอยากให้ผมบ้าตายไปเลยรึไงถึงได้พูดย้ำซ้ำซากอยู่อย่างนี้ ตลอดเวลาความคิดถึงที่มีต่อเขามันยิ่งทำให้
ตอนนี้ผมแทบจะสำลักความสุขออกมาให้รู้แล้วรู้รอด หัวใจมันรู้สึกเบาโหวงและล่องลอยไปมาอย่างมีความสุข ได้แต่ซุกหน้าลง
กับผ้าพันคออุ่นๆของพี่คิน

   “รัมภ์”

   “อะไรอีกล่ะครับ”

   “พี่แค่อยากได้ยินเสียงรัมภ์”

-------------------------------------------------------------------------------------------------
สุดท้ายแล้วค่าาาาาาาาา ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมาจนจบนะคะ ยังไงก็ฝากอีกหนึ่งเรื่องที่อยู่ในซีรี่ส์ "บทร้าย"
ฺ"Bad Guy!! บทร้าย นายหมอเถื่อน" ซึ่งเป็นคู่ของภูผา กับคุณหมอน่านนทีของเรานั่นเอง ยังไงก็ฝากด้วยนะคะ

แล้วก็ ใครที่สนใจผลงานรวมเล่มของ "Numb Guy!! บทร้าย ผู้ชายเย็นชา" เหลือเวลาเปิดพรีฯอีกแค่ 6 วันแล้วนะคะ
ใครสนใจ ติดต่อได้ที่แฟนเพจ เด็กหญิงเย็นชา ได้เลยค่ะ
 




ออฟไลน์ TiwAmp_90

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 292
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
กราฟชีวิตของรัมภ์นี่ขึ้นๆลงๆตลอด
อ่านไป หน่วงๆบ้าง ยิ้มๆบ้าง
ความรักแบบขี้หวงเกินไปของพี่คิน บางทีก็น่ากลัวนะคะ นี่ถ้าไม่ใช่รัมภ์คงไม่มีใครทนได้อ่ะ 5555 รักมากมายขนาดนั้น

ปล.คิดถึงน้องณินจังเลย น้องน่ารักมากกกกก

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ความรักของพี่คิน ที่มีต่อรัมภ์
ช่างมากมาย เต็มเปี่ยม:กอด1: :กอด1: :กอด1:
ดีจังเลยที่รัมภ์ ยังได้รับความรักนั้น
ต่างคนต่างก็รักกัน แล้วลงเอยกันด้วยดี
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ บีเวอร์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
อ้ายยย ขอรอคู่ ณิณมิน  :hao7:

ออฟไลน์ КίmY

  • BJYX♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-3
โอ้ยยย อย่างติดเรื่องนี้ อ่านแล้ววางไม่ลง  o18
ในที่สุดก็สมหวังกันสักที  :hao7:
 :L2: :pig4: :pig4: :L2:

ออฟไลน์ oppapp

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 54
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
รอตอนพิเศษหวานๆ

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
ถึงพี่ตินจะแสบไปบ้าง แต่พี่ตินก็รักน้องน่าดูเลยเนอะ


ออฟไลน์ mickeyz.min

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ตามรักข้ามน้ำข้ามทะเลกันเลย ลุ้นแทบตาย รักกันแต่ไม่เข้าใจกัน ปวดใจ

ออฟไลน์ pogpax

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด