❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 25-10-59 ❤ บทสุดท้าย ❤
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 25-10-59 ❤ บทสุดท้าย ❤  (อ่าน 124494 ครั้ง)

ออฟไลน์ neverland

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 653
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
รัมภ์หวั่นไหวแล้วสินะ เรานึกถึงทฤษฎีสะพานแขวนเลย  :hao3:
ขอให้คนร้ายถูกจับได้เร็วๆ

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 702
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
สรุปว่าไม่ได้โดนยิง แค่สะดุดล้มกระแทกหิน จริงอ่ะ!!!? เข็มพันเล่มทิ่มนี่คือ. เจ็บจนชานี่คือ .กระแทกหิน !?  โอ้วววว

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
รัมภ์ เริ่มรู้สึกดีที่มีคนดูแล ปกป้องแล้ว   :กอด1:
 :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
ล้มกระแทกพื้น? เอาจริงดิ คนเขียนเล่นงี้เลย :z3: :a5: o22

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3
บทที่ 8 เสียขวัญ

   ไม่รู้ว่าช่วงนี้เป็นโชคดีของผมรึเปล่าผมก็ไม่แน่ใจ พี่คินเริ่มกลับดึกมากขึ้นในบางวันก็กลับมาตอนเกือบสว่างและจะรีบออก
ไปอีกครั้งในช่วงสาย จึงทำให้พี่เขาไม่มีเวลาได้แตะต้องร่างกายของผมสักไร

   ผมได้รู้มาจากพี่คินบ้างในเวลาสั้นๆที่พี่เขากลับมากินข้าวที่บ้านว่าพ่อแม่นกในถ้ำเริ่มทยอยพากันทิ้งรังทั้งที่ลูกนกยังบินไม่
ได้ บางรังลูกนกยังไม่ฟักตัวเลยด้วยซ้ำ โดยที่คนงานในฟาร์มยังคงหาสาเหตุไม่ได้ว่าเพราะไร

   น่าแปลกที่ผมรู้สึกเป็นห่วงพี่เขาและยิ่งแปลกที่ผมเองก็พาลนอนไม่หลับทั้งที่ควรจะหลับอย่างสบายใจไม่ต้องมากังวล
คอยระแวงว่าพี่เขาจะทำอะไรผมเมื่อไร

   “ทำไมรัมภ์ยังไม่นอน”

   เสียงทุ้มหูถามทันทีที่เปิดประตูเข้ามา นาฬิกาบนฝาผนังบอกเวลาตีสองพอดิบพอดี พี่คินเดินเข้ามาในห้องด้วยท่าทาง
เหนื่อยอ่อนชุดที่สวมใส่และตามตัวมีคราบดินเปื้อนอยู่ประปรายดูมอมแมม

   “ผมนอนไม่หลับ”

   ผมตอบไปตามตรงพลางจ้องมองใบหน้าดูเหนื่อยๆของพี่เขา รอยยิ้มบางๆของพี่คินคลี่ยิ้มส่งมาให้ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้

   “รอพี่?”

   “ผมเปล่า”

   ผมส่ายหน้า เบี่ยงหน้าเล็กน้อยเมื่อมือที่เอื้อมมาใกล้นั้นเปื้อนดินจนมือดำ

   “คราวหลังไม่ต้องรอพี่ก็ได้ รัมภ์นอนไปก่อนเลย”

   “ผมบอกว่าไม่ได้รอ”ผมขมวดคิ้วไม่ชอบใจกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นบนใบหน้าของพี่เขา

   “หนังสือที่พี่หามาให้อ่านจบหมดแล้วเหรอ”พี่คินเหลือบตามองหนังสือสองสามเล่มบนโต๊ะ

   “อืม”

   “พี่จะไปอาบน้ำ ถ้ารัมภ์ง่วงก็นอนเลย ไม่ต้องรอพี่”

   พี่คินคว้าผ้าขนหนูเดินเข้าไปในห้องน้ำทิ้งให้ผมลอบมองตามเมื่อพี่เขาหันหลังให้

   ไม่นานกลิ่นสบู่หอมฟุ้งก็ลอยออกมาเตะจมูก พี่คินนุ่งผ้าขนหนูผืนเดียวเดินออกมาจากห้องน้ำ อวดแผงอกสีเข้มกำยำกับ
ช่วงเอวสอบดูแข็งแรงเรียกให้ผมอิจฉา ดวงตาคมกริบยังตงจับจ้องมองมาที่ผมเหมือนกับทุกครั้ง

   “ไว้เข้าเมืองพี่จะหาหนังสือเล่มใหม่มาให้”

   พี่คินทิ้งตัวนั่งลงข้างเตียง ก้มลงมาจูบลงบนแก้มผมเหมือนทุกที ก่อนจมูกและไรเคราจะคลอเคลียอยู่บนใบหน้าไม่ห่าง นิ้ว
หยาบกร้านแตะลงมาบนใบหน้าเกลี่ยไปมาแผ่วเบา ดวงตาคู่ดุยังคงจ้องมองมาเหมือนกับกำลังแฝงอะไรบางอย่างจนผมต้อง
หลุบตาหนี สะดุดตาเข้ากับรอยแผลถลอกบนท่อนแขน มีเลือดซึมออกมาเล็กน้อย

   “ไปโดนอะไรมา”ผมผละออกจ้องมองรอยแผลที่แขนพี่เขา

   “แผลนี่น่ะเหรอ หินมันบาดตอนที่ก้มเก็บไข่ในรัง ไม่เป็นอะไรมากหรอก”

   พี่คินส่งยิ้มให้แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมวางใจสักเท่าไร จึงต้องลุกไปหยิบกล่องยาในตู้ปลายเตียงแล้วเดินกลับมานั่งลงตรง
หน้าของพี่เขา

   พี่คินดูแปลกใจแต่ก็ยังคงยิ้มเล็กน้อยจ้องมองผมที่บรรจงทำความสะอาดแผลและติดปลาสเตอร์ยาให้

   “รัมภ์มักจะใจดีกับคนอื่นตลอด”พี่คินพูดเสียงเบา ยกมือขึ้นมาลูบหัวผมอย่างเบามือ “แต่พี่ไม่อยากให้รัมภ์ทำดีกับคนอื่น
นอกจากพี่” ประโยคนี้พี่คินดูไม่ค่อยพอใจ

   “พี่นอนเหอะ”ผมบอกเพราะพี่เขาจะต้องตื่นไปทำงาน

   “ขอบใจนะ ที่รัมภ์รอพี่”

   “ผมก็บอกว่าผมไม่ได้รอ”

   ผมสะบัดเสียงเล็กน้อย เบี่ยงหลบริมฝีปากที่ใกล้ลงมาอีกครั้ง แต่ก็ไม่รอดมือเมื่อถูกดึงเข้าไปหา ริมฝีปากร้อนบดจูบลงมา
อยู่นานสองนานกว่าพี่เขาจะปล่อยให้ผมนอนหลับในอ้อมกอดของเขาเช่นเคย



   ---------------------------------------------------------------------------------------------



   พี่คินกลับมากินข้าวอีกครั้งตอนห้าโมงเย็น ผมลอบมองหยดเหงื่อผุดซึมบนหน้าผากของพี่เขาประปรายตอนที่พี่เขากลับมา

   “ผมขอไปด้วยได้ไหม”ผมถามรั้งเอาไว้หลังจากที่พี่เขาใช้เวลากินมื้อเที่ยงแค่ไม่กี่นาที

   “อีกเดี๋ยวก็มืดแล้ว มันอันตราย พี่ไม่อยากให้รัมภ์ลำบาก”พี่คินส่ายหน้า

   “แต่ผมอยากไป”ความรู้สึกบางอย่างมันกำลังผลักดันให้ผมตามเขาไป

   “รัมภ์ขึ้นห้องได้แล้ว”

   “ให้ผมไปด้วย ผมอยากรู้ว่าทำไมพ่อแม่นกถึงทิ้งลูกของมัน”

   “ก็ได้ ถ้ารัมภ์ยืนยันว่าจะไปพี่ก็ไม่ห้าม แต่รัมภ์ต้องอยู่ใกล้พี่ตลอด ตกลงไหม?”

   “อืม”

   ผมตอบรับ ในบางทีผมก็ถามตัวเองเหมือนกันว่าอยากจะรู้สาเหตุที่นกทิ้งรังหรือว่าไม่อยากอยู่ในห้องแคบๆคนเดียวกันแน่



   “อยู่ใกล้ๆพี่ ตกลงไหม”พี่คินกำชับขณะสวมไฟฉายลงมาบนหัวของผม

   “ผมรู้แล้ว”

   ผมพยักหน้าเดินตามพี่เขาเข้าไป แสงไฟจากไฟฉายค่อนข้างจะริบหรี่มากกว่าครั้งที่แล้วที่ผมเข้ามาในตอนกลางวันเพราะ
กลัวว่ามันจะไปรบกวนนกที่ยังเหลืออยู่

   ผมมองแสงไฟของคนงานคนอื่นอยู่ในระยะไกลๆกันอีกสามดวง ปีนขึ้นไปบนนั่งร้านตัวที่อยู่ใกล้ปากถ้ำมากที่สุด

   “ถ้ารังไหนไม่มีพ่อแม่มันเฝ้าก็ลองเอากระจกส่องดู ค่อยๆส่อง เดี๋ยวนกมันจะตกใจ ถ้ารังไหนมีลูกนกหรือไข่ให้เรียกพี่ แต่
ถ้ารังไหนไม่มีรัมภ์ก็เก็บเหมือที่พี่สอน จำได้ไหม”พี่คินอธิบายแล้วหันมาถามเสียงเบา

   แสงไฟริบหรี่ส่องให้เห็นเสี้ยวหน้าคมกร้านดูจริงจังมากกว่าทุกที อาจจะเป็นเพราะว่ายังหาสาเหตุที่นกพากันทิ้งรังไม่ได้
เลยทำให้พี่เขาเป็นกังวล

   “จำได้”ผมพยักหน้า

   พี่คินขยับไปดูตรงนั่งร้านอีกฝั่งหนึ่ง ผมมองดูคนงานคนอีกคนที่อยู่ไกลๆในความมืดด้วยความสนใจเพราะว่าเขาไม่ได้ปีน
นั่งร้านแต่จะใช้เชื้อโรยตัวปีนขึ้นไปเพราะสภาพพื้นที่ที่แตกต่างกัน

   “ตรงนี้มีลูกนก”ผมหันไปเรียกเสียงเบาจนเกือบกระซิบ

   “รังไหน”


   พี่คินขยับเข้ามาใกล้ ใช้กระจกส่องไปดูรังนกที่ผมชี้ ผมมองดูมือใหญ่ของพี่เขาค่อยๆช้อนลูกนกออกมาอย่างเบามือ ลูกนก

ตัวเล็กดิ้นไปมาส่งเสียงร้องอย่างหิวโหยบ่งบอกว่ามันไม่ได้กินอะไรตั้งแต่ที่พ่อแม่ของมันทิ้งไป
      “เปิดกล่องใบนั้นให้พี่หน่อย”

   พี่คินพยักหน้า ผมเปิดกล่องตามที่พี่เขาบอก ข้างในกล่องมีผ้าขนหนูผืนหนาปูเอาไว้ พี่คินค่อยๆวางเจ้าลูกนกตัวน้อยลงไป
อย่างเบามือก่อนจะปิดลง

   “จะเอามันไปไหน”

   “เอามันไปไว้ในห้องพักฟื้น”พี่คินตอบก่อนจะถอนหายใจออกมา

   “แล้วถ้าเป็นไข่พี่จะทำยังไง”

   “ถ้าเป็นไข่ก็ต้องฟักแล้วค่อยปล่อยพวกมันไป”

   “อืม”

   ผมพยักหน้ารับ รู้สึกไม่ค่อยดีที่เห็นใบหน้าของพี่เขาเต็มไปด้วยความกังวลแบบนี้



   “นายหัว นายหัว ไอ้กิ่งมันโดนอะไรกัดมือไม่รู้ มันตกใจตกลงมาจากนั่งร้านเลือดออกเต็มขาเลยครับ”หนึ่งในคนงานเรียก
ด้วยภาษาได้ทำให้ทั้งผมและพี่คินหันไปมอง

   “อยู่ตรงไหน ไปเอากล่องยามารึยัง”

   “เอามาแล้วครับอยู่ตรงนั่นร้านตรงนู้น แต่ไอ้กิ่งมันดิ้นไม่ยอมให้ทำแผล”

   “จะไปดูเดี๋ยวนี้แหละ”พี่คินตอบรับก่อนจะหันมาหาผม “รัมภ์อยู่นี่นะ ห้ามไปไหน เดี๋ยวพี่มา”

   “อะ อืม”ผมพยักหน้าทั้งที่เริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมา

   สักพักพี่คินก็หายเข้าไปในความมืด ความเงียบทำให้ผมรู้สึกกลัวมากขึ้นเรื่อยๆ คนงานที่ก่อนหน้านี้อยู่ไม่ไกลก็หายเข้าไป
พร้อมกับพี่คิน

   แสงไฟจากไฟฉายด้วงเดียวที่อยู่บนหัวของผมจู่ๆมันก็กระพริบคล้ายกับว่ากำลังจะดับทำให้ผมเป็นกังวลเพราะมองไม่เห็น
แสงไฟของใครเลย

   ในที่สุดผมก็ตัดสินใจปีนลงมาก่อนที่ไฟฉายบนหัวมันจะเสียเข้าจริงๆ จำได้ว่าตู้ที่อยู่หน้าปากทางเข้าถ้ำมีไฟฉายอยู่หลาย
อัน

   ผมเดินออกมาจนถึงปากทางเข้าถ้ำได้ยินเสียงกึ่งกระซิบกันทำให้ชะงักกับบทสนทนานั้นที่ได้ยิน

   “รีบๆเอาไปปล่อยสิวะ เดี๋ยวพวกมันก็ออกมาเห็นกันพอดี”คนหนึ่งพูดขึ้นมาด้วยภาษาใต้

   “เออ นี่กูก็เอามาปล่อยเป็นร้อยๆตัวแล้วนะเว้ย เมื่อไรเสี่ยจะสั่งให้พอวะ กูขี้เกียจไปหาจับ”อีกคนก็ตอบกลับในภาษาใต้
เหมือนกัน

   ถึงจะฟังไม่ค่อยเข้าใจ แต่อะไรบางอย่างก็ทำให้ผมต้องหยุดยืนอยู่ข้างตู้แล้วฟังบทสนทนาของสองคนนั้นถึงแม้จะยังไม่
เข้าใจ

   “เทๆไปเลยจะได้รีบกลับกันสักที”

   “กูรู้แล้วน่า พรุ่งนี้มึงไปบอกเสี่ยเก้าด้วยนะมึงว่าปล่อยไปหลายร้อยตัวแล้ว เสี่ยเขาจะได้บอกให้หยุดสักที”

   “เออๆ เดี๋ยวกูไปบอกให้”

   แล้วบทสนทนาก็เงียบไปแทนที่ด้วยเสียงร้องจี๊ดๆเสียดแก้วหูร้องระงม ผมสะดุ้งสุดตัวเมื่อหนูหนึ่งในจำนวนหลายสิบตัวปีน
ขึ้นมาบนตัวเกือบจะมุดเข้าไปในเสื้อหากว่าผมไม่รีบปัด

   “ฮะ เฮ้ย”แต่เหมือนว่าความตกใจทำให้ผมร้องออกมาเสียงดัง สะดุ้งตัวออกมาจากที่ซ่อนทำให้ตอนนี้เผชิญหน้ากับผู้ชาย
ร่างใหญ่สองคนซึ่งอยู่ห่างจากผมไปไม่ถึงสิบก้าว แสงไฟจากไฟฉายบนหัวของพวกเขาทำให้ผมเห็นหน้าของเขาสองคนได้
ชัดเจน

   “มึงเป็นใครวะ”

   “มันเห็นหน้าพวกเราแล้ว”

   “ไอ้ห่าเอ้ย เอาจนได้ จับมันมาก่อน ไม่งั้นมันจะไปฟ้องนายหัวของพวกมันพวกเราจะแย่”อีกคนหนึ่งสั่งทำให้ผมเริ่มลุกลี้
ลุกลน

   “มึงเป็นใคร ทำไมกูไม่เคยเห็นหน้า”อีกคนถามขณะเดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆทำให้ผมต้องถอยหนี

   “ไม่ได้ยินที่ถามรึไง”อีกคนหนึ่งถามย้ำ

   “จับมัน”ทันทีที่อีกคนออกคำสั่งผมก็รีบวิ่งไปที่ทางเข้าถ้ำทันที

   “หยุดสิวะ ไม่หยุดกูยิงทิ้งแน่”

   “ยิงมันเลย มันเห็นหน้าพวกเราแล้ว ถ้ามันไปบอกนายหัวของมันเสี่ยไม่เอาพวกเราไว้แน่”

   “มึงจะบ้าเหรอ ถ้ายิงพวกมันก็แห่มากันหมด”

   “แต่มันเห็นหน้าเราแล้วนะไอ้ต้น”

   สองคนวิ่งตามมา ผมหันหลังกลับไปมองทั้งที่รอบด้านมืดสนิทมีเพียงแสงจากไฟฉายที่กระพริบติดๆดับๆคอยนำทาง ใน
มือของผู้ชายคนหนึ่งกำลังถือปืนเล็งมาที่ผม

   ปัง!!!

   เสียงปืนดังก้องไปทั่วจนหูผมรู้สึกอื้อไปหมด วินาทีนั้นราวกับเรี่ยวแรงที่มีมันเหือดหายลงไปในพริบตา ร่างของผมล้มลงไป
กระแทกพื้นเต็มแรง ความเจ็บปวดราวกับเข็มนับพันกำลังทิ่มแทงลงมาที่ช่วงเอว เจ็บจมร่างกายมันสั่นเทายากที่จะควบคุม

   “ไอ้ห่านี่ เดี๋ยวพวกมันก็แห่มากันหมด”

   ผมจับใจความได้เพียงแค่นั้น ไฟฉายที่อยู่บนหัวดับลงในที่สุด ผมพยายามลุกขึ้นกุมมือลงที่บั้นเอวรู้สึกถึงของเหลวมีกลิ่น
คาวคลุ้งค่อยๆไหลซึมออกมา ทางเบื้องหน้ามืดสนิทมองไม่เห็นอะไร แต่ผมก็ยังใช้มืออีกข้างพยายามคลำทางและเดินต่อไป หู
ของผมมันอื้ออึงมีแต่ความกลัวเท่านั้นที่ผมรับรู้ในเวลานี้

   ผมต้องการเขา ผมไม่สนใจว่าผมกำลังจะเดินไปทางไหน รู้แค่ว่าผมต้องหนี รู้แค่ว่าผมอยากจะเจอเขา ผมไม่กล้าหันไป
มองข้างหลังเพราะกลัวว่าสองคนนั้นจะตามมา ในเวลานี้สิ่งที่ผมต้องการมากที่สุดก็คือพี่คิน

   ผมล้มลงไปหลายครั้งเพราะความมืดทำให้มองไม่เห็นพื้นขรุขระหรือแม้กระทั่งก้อนหินที่งอกอยู่บนพื้น ร่างกายมันกำลังสั่น
เทา มือที่กุมบาดแผลเอาไว้กำลังฉ่ำไปด้วยของเหลวที่ไหลซึมออกมา

   จนในที่สุดผมปะทะเข้ากับใครตนหนึ่งจนเกือบล้มลงไปอีกครั้งหากไม่มีมือนั้นคอยประคองและรับเข้าไปสู่อ้อมกอด

   ความอบอุ่นที่แผ่ออกมาทำให้รับรู้ได้ทันทีว่าผมจะต้องซุกกายเข้าหาอ้อมกอดนั้น ร่างกายกำลังสั่นเทายากที่จะควบคุม
แนบใบหน้าเปื้อนน้ำตาลงกับแผ่นอกราวกับลูกนกกำลังหาที่พึ่ง

   “ทำไมรัมภ์ถึงไม่รอพี่ พี่บอกแล้วใช่ไหมว่าให้รัมภ์รอพี่”

   “พะ พี่คิน”เสียงของผมกำลังสั่นระริก มือที่กุมแผลเอาไว้ราวกับไร้สิ้นเรี่ยวแรง

   “รัมภ์เป็นอะไรไหม เจ็บตรงไหนรึเปล่า”พี่คินผลักผมออก มองสำรวจไปทั่ว

   “จะ เจ็บ ผมเจ็บ”ผมบอกออกไป ทันทีที่พี่เขามองเห็นเลือดที่ซึมออกมา ดวงตาดุดันคู่นั้นก็สั่นระริกทันที

   “กันไปเตรียมรถ”

   ผมได้ยินพี่เขาหันไปบอกคนงานอีกคนแค่นั้น ร่างของผมมันก็ไร้สิ้นเรี่ยวแรง ความเจ็บปวดฉุดดึงให้สติของผมดับวูบลงไป
ในที่สุด

   ------------------------------------------------------------------------------------------

   ผมตื่นขึ้นมาอีกทีในห้องพิเศษของโรงพยาบาลที่อยู่ในตัวอำเภอ กลุ่มผมสีดำที่อยู่ห่างจากสายตาไปไม่เท่าไรเรียกให้ผม
ชะงัก ขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะว่าพี่เขากำลังหลับ

   ผมขยับตัวไปมาเพื่อบิดขี้เกียจจากความเมื่อยล้า แต่ทันทีที่ขยับตัวความเจ็บปวดมันก็แล่นริ้วทั่วบั้นเอว

   “อะโอ๊ะ”ผมร้องออกมาเสียงเบา แต่ขนที่กำลังหลับอยู่ก็ดันตื่นขึ้นมาจนได้

   “ตื่นแล้วเหรอรัมภ์  เจ็บตรงไหนไหม ให้พี่เรียกหมอรึเปล่า”

   “มะ ไม่ ผมแค่หิวน้ำ”ผมตอบกลับไป ใบหน้าคมคายดูอ่อนล้ามากกว่าเดิมจนผมรู้สึกผิด

   “เอานี่น้ำ”

   “อืม”ผมพยักหน้ารับ “ผมถูกยิงเหรอ?”

   “หมอบอกว่ากระสุนแค่ถากๆ พี่ผิดเองที่ปล่อยให้รัมภ์อยู่คนเดียว”

   “ผมเป็นคนไปเอง”ผมแก้ต่าง รู้สึกไม่ค่อยดีเอเห็นสีหน้าดูเหนื่อยๆของพี่เขากำลังรู้สึกผิด

   “รัมภ์ไปทำอะไรตรงนั้น เห็นหน้าคนยิงรึเปล่า”

   “อืม มีสองคน”ผมพยักหน้า “แล้วจับได้ไหม”

   “ยังจับไม่ได้ มันหนีไปก่อน เรื่องนั้นช่างมันก่อน แค่รัมภ์ไม่เป็นอะไรมากก็พอ”พี่คินดึงมือผมไปจับ

   ความร้อนถูกส่งผ่านมาทางอุ้งมือ ดวงตาคมกริบดุเป็นกังวลนั้นกำลังจ้องมองมาที่ผมทำให้ใจนึกสั่น ผมยอมรับว่าในเวลา
นั้นผมต้องการพี่คินมาก ผมต้องการเพียงพี่เขาเท่านั้น อยากให้เขาปกป้องผม หากแต่ความคิดที่วูบขึ้นมาทำให้มันลบล้างความ
คิดที่ว่าไปโดยทันที

   ทั้งที่พี่เขาน่าจะดีใจที่ผมเจ็บ น่าจะดีใจที่ผมเป็นแบบนี้ ทำไมเขาถึงแสดงท่าทีว่าเป็นห่วงผม ทำไมเขาถึงแสดงท่าทีว่า
รู้สึกผิดแบบนั้น

   พอช่วงสายก็มีตำรวจคนหนึ่งเข้ามาในห้องพร้อมกับคนงานชื่อกันอีกคนที่อยู่ด้วยเมื่อคืน

   “ผมอยากจะถามน้องเขาหน่อยนะว่าเห็นหน้าคนร้ายหรือเปล่า หรือรูปพรรณลักษณะอะไรก็ได้เผื่อจะมีประโยชน์ในการตาม
จับผู้ร้าย”ตำรวจคนนั้นถาม

   “ต้องสอบพยานตอนนี้เลยรึไง คนเจ็บต้องพักผ่อน”เป็นพี่คินที่ไม่พอใจขึ้นมาทันที

   “ผมไม่เป็นไร ผมจำได้ มีคนหนึ่งที่ชื่อต้น แล้วพวกนั้นก็พูดถึงเสี่ยอะไรสักอย่าง ถ้าผมจำไม่ผิดน่าจะชื่อเก้าหรืออะไรประ
มานนั้นครับ”

   ผมห้ามทัพเอาไว้เพราะพี่คินดูหงุดหงิดขึ้นมาทันทีที่พูดถึงคนร้าย ผมต้องการให้ตำรวจจับคนร้ายให้ได้เพราะเป็นห่วงว่า
คนพวกนั้นจะไม่ยอมหยุดแค่นั้น

   ผมไม่อยากให้ลูกนกโดนทิ้งไปมากกว่านี้ เพราะเข้าใจว่าการถูกพ่อแม่ทิ้งมันเป็นยังไง ยังไงซะนกพวกนั้นก็สำคัญมาก
สำหรับพี่คิน มันถึงทำให้เขาดูไม่พอใจมากขนาดนี้

   ใช้เวลาสอบปากคำไปพักใหญ่จนเจ้าหน้าที่นำยาและมื้อกลางวันมาให้ตำรวจและคนงานถึงกลับกันไป ผมได้ยินตำรวจ
และพี่คินพูดกันถึงชื่อเสี่ยเก้าที่เจ้าของฟาร์มรุ่งฤดีซึ่งเป็นคู่แข่งของฟาร์มสานรักของพี่คินแต่ระหว่างนี้กำลังอยู่ในการรวบรวม
หลักฐานเพราะไม่มีหลักฐานอะไรที่จะเชื่อมโยงระหว่างคนร้ายสองคนกับเสี่ยเก้า

   “รัมภ์รู้ไหมว่าพี่เป็นห่วงรัมภ์แค่ไหน”พี่คินเดินกลับเข้ามาหลังจากเดินไปส่งตำรวจ

   ร่างสูงยืนชิดข้างเตียงก่อนจะโน้มหน้าลงมา ริมฝีปากร้อนกดจูบลงมาบนขมับอย่างแผ่วเบา ความอบอุ่นและความรู้สึก
ปลอดภัยทำให้ผมอุ่นใจ

   “กินข้าวเถอะ เดี๋ยวพี่ป้อนให้”ข้าวต้มคำแรกถูกเป่าแล้วส่งมาชิดริมฝีปาก หากแต่ผมเบือนหน้าหนีเพราะไม่พอใจ

   “มือผมไม่ได้เจ็บ ผมกินเอง”

   “รัมภ์เป็นคนป่วยอย่าดื้อได้ไหม”


   “ผมจะกินเอง”

   “ก็ได้ แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน”พี่คินยกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้ แต่มันก็ไม่ทันแล้วที่ผมจะเบี่ยงหลบและเสีย
ท่าให้กับความร้ายกาจของพี่เขา

   “อะไร อะ อื้อ”ริมฝีปากหยักทาบทาบลงมาก่อนลิ้นร้อนชื้นจะสอดเข้ามาสำรวจเป็นแบบนี้อยู่นานสองนานกว่าจะถูกปล่อย
ออกมา

   “เท่านี้ก็กินเองได้แล้ว”พี่คินยิ้มกริ่ม

   “นี่มันโรงพยาบาล!!อะไรของพี่ ละ แล้วผมก็ยังไม่ได้แปรงฟัน”ผมเช็ดปากถูไปมากับความโลภมากของพี่เขา

   “ไม่เป็นไร พี่เองก็ยังไม่ได้แปรง”ถึงพี่เขาจะพูดแบบนั้นแต่ผมก็ได้กลิ่นยาสีฟันในปากของเขาอยู่หรอก ว่าแต่ทำไมผมถึง
ได้ยิ้มออกมาทั้งที่ควรจะเจ็บแผลถูกยิง



-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
แก้ใหม่ค่ะ น่าจะหวานกว่าเดิม ถามว่านายหัวพี่คินโกรธไหม โกรธ แต่ไม่แสดงออกให้รัมภ์เห็น นายหัวพี่คินจะจัดการยังไงก็ต้องรอดู ต่อไป

ออฟไลน์ Serioz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 265
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
ดูหวานขึ้นเป็นกองเลย >__<

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เริ่มหวาน แต่สั้น........ :katai1:
อัพยาวๆ นะ  :mew1:
รอตอนต่อไป :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3

บทที่ 9 ปองร้าย

   “อะ เอ่อ ผมเคาะประตูแล้ว แต่ไม่มีใครเปิด ผมคิดว่าพี่หลับ”เสียงของภูผาขาดหายขณะที่ดวงตาคมหลุบต่ำมองพื้น “เดี๋ยว
ผมค่อยมาใหม่ดีกว่า”

   ผมผลักพี่คินออกทันทีที่ตั้งตัวได้ อีกแล้วที่คนอื่นมาเห็นผมในสภาพแบบนี้ ทำเหมือนกับว่าผมเป็นผู้หญิงของพี่คิน เหมือน
คนที่จะทำเรื่องอย่างว่าได้ง่ายๆไม่ว่าจะที่ไหนหรือต่อหน้าใคร

   “ไม่เป็นไร ไม่ต้องหรอก พี่จะกินข้าวพอดี เข้ามาก่อนสิ”

   “เจ็บไหมพี่ เป็นอะไรมากหรือเปล่า”ภูผานั่งลงบนโซฟาอีกฝั่งของห้อง ท่าทีสงบเสงี่ยมเพราะสายตาคมดุของพี่คินจับจ้อง
ภูผาอยู่วูบหนึ่งก่อนจะละความสนใจ คงจะเป็นเพราะที่ภูผาพาผมหนีไปครั้งที่แล้ว ภูผาเลยดูเกรงใจพี่คินขึ้นมาก

   “ไม่หรอก แค่ถากๆ แล้วนี่ไม่ไปโรงเรียนรึไง”

   “วันนี้วันเสาร์ ผมไม่ได้ไปหรอก”

   “นั่นสินะ แล้วกินข้าวมารึยัง”ผมชวนคุย

   “ผม กินมาแล้ว”

   “งั้นเหรอ”ผมพยักหน้ารับ

   “กินข้าว อย่ามัวแต่คุย”สุดท้ายก็ถูกปรามเมื่อผมไม่ได้กินข้าวสักที

   “พี่เองก็ไปหาอะไรกินได้แล้ว ไม่ต้องเฝ้าก็ได้ ผมไม่ได้หายไปไหน”อดประชดประชันไม่ได้ สัญญาฉบับนั้นมันก็น่าจะ
ยืนยันได้แล้วว่าผมไม่มีทางหนีไหน และต่อให้หนีผมก็ไม่มีปัญญาชดใช้ค่าเสียหายหลายแสนนั่นได้อยู่ดี อีกอย่างภูผาก็ดูอึดอัด
มาก

   “งั้นก็ได้ ฝากดูรัมภ์ด้วยล่ะ”ประโยคสุดท้ายหันไปบอกภูผาแล้วเดินออกจากห้องไป

   “ผมช่วย”ภูผาลุกขึ้นมาจากโซฟาเดินไปหยิบขวดน้ำให้เพราะเห็นว่าผมเอื้อมไม่ถึงหลังจากกินข้าวเสร็จ

   “ขอบใจ”ผมยิ้มรับ พอภูผาเข้ามาใกล้แล้วถึงได้เห็นว่าที่คอไม่ได้มีผ้าพันแผลแล้ว แต่มีรอยแผลเป็นใหม่สีจางๆอยู่ตรง
ต้นคอ

   “นายหัวไม่พอใจพวกนั้นมาก พี่รู้ไหม ตอนนี้คนงานเกือบทั้งหมดกำลังตามหาคนร้าย”

   “เป็นใครใครก็ไม่พอใจ นกพวกนั้นน่าสงสาร”

   “ไม่ใช่เพราะนกหรอก เพราะพี่ต่างหาก”

   “ไม่ใช่หรอก ถ้าเป็นพี่เราก็จะเข้าใจเอง”ว่าเขาไม่ได้เป็นห่วง เพราะว่าสิ่งที่ผมทำกับเขามันมากเกินไปที่จะทำให้เขามาห่วง
ผมได้

   “เดี๋ยวพี่ก็รู้เอง ว่าแต่หมอให้พี่กลับบ้านได้วันไหนอะพี่”

   “ยังไม่รู้”ผมส่ายหน้า

   จากการที่ภูผาเป็นคนเดียวที่คอยช่วยเหลือผมคอยเอาข้าวมาให้ผมในตอนที่ผมถูกขังเอาไว้ในห้องทำให้ผมเลือกที่จะ
วางใจและคุยกับภูผามากกว่าคนอื่นโดยไม่มีอะไรแคลงใจสักเท่าไร ไม่เหมือนกับคนอื่นๆ

   สักพักเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นตามด้วยร่างสูงของหมอนทีเปิดประตูเข้ามา ดวงตาคมดุดูเฉยชาปรายตามองภูผาอยู่วูบหนึ่ง
ก่อนจะหันมาคลี่ยิ้มบางให้กับผม

   “กินยาแล้วใช่ไหม”

   “ครับ”ผมพยักหน้ารับ ทำไมผมถึงได้รู้สึกว่าการแสดงออกที่ดูเป็นคุณหมอใจดีมันแตกต่างจากนัยน์ตาคู่นั้นที่แสดงออกมา
กัน

   “ออกไปรอข้างนอกก่อน”หมอนทีหันไปสั่งภูผา ทว่าภูผากลับทำเมินกับคำสั่งของเขาแล้วสนใจหน้าจอโทรศัพท์ในมือ
ราวกับว่าไม่ได้ยินคำสั่ง

   ทั้งที่เป็นเด็กที่ดูเชื่อฟัง แต่ทำไมถึงแสดงออกก้าวร้าวกับหมอนที พอคิดแบบนั้นภาพในคืนที่พี่คินทำร้ายผมในวันนั้น
หมอนทีก็เป็นคนหนึ่งที่เห็นผมในสภาพนั้น

   “ไปรอข้างนอก”คราวนี้กดเสียงต่ำ ภูผาถึงได้ลุกจากเก้าอี้ข้างเตียงแล้วเดินออกไปนอกห้อง

   “ตอนนี้ยังเจ็บมากอยู่ไหม ขอพี่ดูหน่อย”เขาแทนตัวเองว่าพี่แทนที่จะเป็นหมอ

   “ไม่ค่อยเจ็บเท่าไรแล้วครับ”

   “งั้นเหรอ โชคดีที่แผลแค่ถากๆ ถ้าเป็นอะไรไปคินคงจะแย่”

   “ครับ”

   ตอบไปด้วยท่าทีนิ่งเฉย ถ้าผมเป็นอะไรไปพี่คินน่าจะดีใจมากกว่า ไม่มีเหตุผลที่เขาจะต้องมาห่วงผมเหมือนที่คนอื่นๆชอบ
คิด

    ผมปล่อยให้หมอนทีตรวจ ดีที่แผลไม่ลึกมากผมจึงได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้เช้าวันพรุ่งนี้ อย่างน้อยห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ
มันก็ยังรู้สึกดีกว่าโรงพยาบาลที่มีแต่กลิ่นยาฆ่าเชื้อ

   “อ้อ เกือบลืม คินเขาฝากให้พี่มาบอกว่าออกไปทำธุระ เดี๋ยวกลับมา”

   “ครับ”พยักหน้ารับมองดูหมอนทีเดินออกจากห้องไป ไม่นานภูผาก็เดินเข้ามา

   “เขาว่ายังไงบ้าง”

   “พรุ่งนี้ก็กลับได้แล้ว”

   “ดีแล้วพี่ อยู่โรงพยาบาลน่ากลัวออก”

   “อืม คิดเหมือนกัน”ผมยิ้มบาง

   “เอ่อ พี่”

   “ว่าไง”

   “เดี๋ยวผมมานะ”บอกเสียงแผ่ว “พี่อยู่ได้ใช่ไหม”

   “อืม แผลแค่นี้ พี่อยู่ได้”

   “งั้นเดี๋ยวผมมานะ”ว่าแล้วภูผาก็ออกไปอีกครั้ง ยาที่กินเข้าไปเริ่มออกฤทธิ์ทำให้รู้สึกง่วงขึ้นมา

   ไม่รู้ว่าหลับไปนานแค่ไหนแต่รู้สึกเหมือนหายใจไม่ค่อยออก อึดอัดที่ช่วงคอทำให้ต้องลืมตาขึ้นมามอง คิดว่าเป็นพี่คิด แต่
กลับไม่ใช่ ดวงตาแดงก่ำของชายฉกรรจ์เบื้องหน้าทำให้ร่างกายของผมชาวูบความกลัวแล่นพล่านจนถึงขีดสุด

   เขากำลังบีบคอผมแล้งลงมือหนักขึ้นเรื่อยๆ ผมเริ่มดิ้นทุรนทุรายในขณะที่แผลเริ่มปริได้กลิ่นเลือดจางๆออกมา แต่ความ
เจ็บนั้นมันไม่เทียบเท่าความกลัวที่เกินขึ้น คนคนนี้กดกายโถมลงมาจนลมหายใจของผมเริ่มขาดห้วงมากขึ้นจึงต้องเผยอปาก
พยายามหายใจ

      “มึง เป็นเพราะมึงคนเดียวเสี่ยถึงไล่กูออก”

   ผมทั้งจิกทั้งผลักและทุบที่ใบหน้า แต่เหมือนคนคนนี้จะเลือดขึ้นหน้าจากดวงตาที่แดงก่ำและคำสบถที่ดูหยาบคายและ
เคียดแค้นผมมาก ผมจำใบได้ดีว่าเขาเป็นใคร เขาเป็นหนึ่งในสองคนเมื่อคืนที่บุกรุกเข้ามาปล่อยหนูในฟาร์ม ทำให้นกทิ้งรังและ
ลูกๆของมันเอาไว้   “ปะ ปล่อย”

   “ตายซะเถอะมึง งานนี้กูจะพลาดไม่ได้ ถ้ากูพลาดลูกเมียก็ก็ไม่รอด”

   “แค่กๆๆ”ผมเริ่มไอออกมา ยกเท้ายันที่บั้นเอวของผู้ชายตรงหน้า แต่ก็สู้แรงของเขาไม่ได้เลยเพราะความเจ็บแสบตรงแผล
ที่มีมากขึ้น   

      “กูจะเป็นจริงๆ อโหสิให้กูด้วย”

   จบคำพูดนั้นวินาทีนั้นลมหายใจแทบจะขาดห้วงสติของผมกำลังจะเลื่อนลอยเต็มที ทำไมผมถึงต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย
ผมได้แต่คิดวนเวียนซ้ำไปซ้ำมาในช่วงเวลาที่สุดแสนจะสั้น แต่แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่าง

   เพล้ง!!

   แจกันกระเบื้องเคลือบกระแทกลงมาที่หัวของผู้ชายตรงหน้าผมอย่างแรง แรงพอที่จะทำให้เขาล้มลงไปกองบนพื้นและ
หมดสติไปในที่สุด

   “ผมขอโทษ ผมไม่น่าทิ้งพี่ไว้คนเดียว ผมขอโทษ”ภูผาบอกเสียงสั่น ดวงตาสั่นระริกจ้องมองผู้ชายตรงหน้าที่ล่มลงไปกอง
อยู่บนพื้นห้อง

   “มะ ไม่เป็นไร”ตอบไปอย่างนั้นทั้งที่แผลที่เอวเลือดซึมออกมา มือทั้งสองข้างสั่นเทาไม่แพ้กัน

   “เกิดอะไรขึ้น!!! รัมภ์!!”พี่คินเปิดประตูเข้ามาด้วยท่าทางตื่นตระหนกพร้อมกับผู้ชายในเครื่องแบบอีกคน คงจะได้ยินเสียง
แจกันแตก

   ทันทีที่เห็นคนร้ายนอนกองอยู่ที่พื้นด้วยสภาพเลือดอาบใบหน้า ร่างสูงใหญ่ก็ปรี่เข้าหาผมทันที

   “ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้ ภูผาไปตามหมอเร็ว”หันไปสั่ง ในขณะที่ตำรวจที่มาพร้อมกับพี่คินกำลังจัดการกับคนร้ายที่ไม่ได้สติ
“รัมภ์เป็นอะไรไหม มองหน้าพี่”

   หน้าของผมถูกจับให้หันไปหาพี่คิน ถูกบังคับให้จ้องมองดวงตาคู่คุ้นเคย ฝ่ามือใหญ่ลูบลงมาที่หัวซ้ำไปซ้ำมาแล้วถูกดึง
เข้าไปกอด อีกแล้วที่ผมรู้สึกว่าผมปลอดภัยเวลาอยู่ในอ้อมกอดนี้

   สองครั้งแล้วที่ผมเกือบจะถูกฆ่า สองครั้งแล้วที่ผมเกือบต้องตายโดยที่ยังมีเรื่องมากมายค้างคาอยู่ในใจ



   -----------------------------------------------------------------------------------------

   สุดท้ายผมก็ต้องออกจากโรงพยาบาลก่อนกำหนด คนร้ายถูกตำรวจจับไปในที่สุด แต่ก็ไม่ยอมเปิดปากบอกอยู่ดีว่าใครเป็น
คนบงการอยู่เบื้องหลังจึงทำให้พี่คินต้องพาผมกลับมาพักฟื้นอยู่ที่บ้านโดยมีตำรวจผลัดเปลี่ยนเวรมาคอยคุ้มกันในฐานะพยาน

   ผ่านไปเกือบหนึ่งอาทิตย์พี่คินสั่งให้คนงานช่วยกันจับหนูในถ้ำออกเหลืออีกเพียงเล็กน้อย นกเริ่มทยอยกลับเข้ามาทำรังใน
ถ้ำอีกครั้ง ส่วนลูกนกกำพร้าที่เหลือก็ถูกเลี้ยงดูในห้องพักฟื้นอย่างดี

   การจัดการปัญหาของพี่คินทำให้ผมเห็นได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างในฟาร์มสานรักแม้แต่ไข่นกฟองเดียวก็มีความสำคัญสำหรับพี่
เขามาก ผมไม่รู้ว่าสำหรับเขาแล้วผมจะสำคัญแบบนั้นบ้างรึเปล่า การที่เขาทำท่าเหมือนห่วงใยทั้งที่เขากักขังและดึงรั้งผมเอาไว้
ไม่ให้ไปจากที่นี่

   หนึ่งอาทิตย์แผลเริ่มตกสะเก็ด หมอนทีแวะมาทำแผลให้ผมทุกวัน สุดท้ายผมก็กลับมาอยู่แต่ในบ้านเหมือนเดิม แต่อย่าง
น้อยกรงที่ขังมันก็กว้างขึ้น

   “วันนี้มีอะไรกินเหรอนุ่ม”ถามพี่นุ่มแต่กลับมายืนซ้อนด้านหลังของผมในขณะที่ผมกำลังใส่มะเขือเปาะลงไปในหม้อแกงป่า
ลมหายใจร้อนๆเป่ารดลงมาที่หลังหูก่อนที่ฟันคมจะขบเม้มติ่งหูของผมเบาๆ

   “แกงป่ามะเขือกับเนื้อครับ แล้วก็ไข่เจียวมะเขือเทศ”ผมตอบแทนเพราะหันไปหาคนที่ถูกถามอีกทีสาวเจ้าก็เดินถอยหลัง
ยิ้มกริ่มออกไปจากครัวเสียแล้ว

   ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพี่นิ่มเข้าข้างนายหัวของเขาและรู้เห็นกันอย่างดิบดี

   “หอม”บอกแบบนั้นแต่ก็กดจมูกลงมาที่หลังคอของผม แต่ผมก็เลือกที่จะนิ่งเฉย เพราะยังไงก็คงขัดพี่เขาไม่ได้อยู่แล้ว

   “หยิบถ้วยให้ผมหน่อย”เพราะว่าพี่คินทำให้พี่นุ่มลูกมือของผมหนีไปผมจึงต้องใช้เขาแทน จะถือว่าเป็นการแก้แค้นหรือเอา
คืนก็คงจะใช่

   “กล้าใช้เจ้านาย?”

   “อืม”ไม่ต้องย้ำผมก็รู้ว่าพี่เขาเป็นเจ้านาย เพราะผมต้องทำตามในสิ่งที่พี่เขาต้องการทุกอย่าง ผมรับถ้วยเซรามิคเคลือบมา
ไว้ในมือ

   “ยังเจ็บแผลอยู่ไหม”ถามพลางสอดมือเข้ามาในเสื้อของผมแล้วลูบอย่างเบามือ

   “เจ็บ”ไม่ได้สำออยแต่ก็ต้องตอบไปอย่างนั้น เพราะกลัวว่าพี่คินจะทำอะไรผมหลังจากที่เขาละเว้นเรื่องนั้นมานาน

   ได้ยินเสียงถอนหายใจเหมือนจะเนือยๆของพี่เขา เขาผละออกไป ผมปลายตามองยังโต๊ะทานข้าว พี่เขาไปนั่งรอแล้ว
สายตายังคงจับจ้องการกระทำของผมเช่นเดิม น่าอึดอัดแต่ก็จำใจจะต้องชินกับมัน

   “นายหัวคะ อาทิตย์หน้าน้องณินก็จะกลับมาแล้วใช่ไหมคะ นุ่มล่ะคิดถึ๊งคิดถึงเสียงน้องณิน”

   “อาทิตย์หน้านั่นล่ะ”

   ได้ยินเสียงนายหัวคุยกับเด็กในบ้าน จับใจความไม่ค่อยได้เพราะเป็นภาษาใต้ ถึงจะอยู่มาได้พักใหญ่แต่ยังไงก็ฟังไม่ค่อย
ออกอยู่ดี จึงได้ไม่สนใจตักกับข้าวใส่ถ้วยแล้วเตรียมเจียวไข่เป็นลำดับสุดท้าย



   “วันนี้ให้ผมไปด้วยได้ไหม”ถามหลังจากทานข้าวเสร็จ

   “แผลยังไม่หายดี รัมภ์อยู่ที่นี่ดีแล้ว”

   “ผมไม่ใช่ตัวเกะกะ”

   “การที่พี่ไม่ให้ไปด้วยไม่ได้หมายความว่ารัมภ์เป็นตัวเกะกะ”

   “งั้นก็ให้ผมไปสิ ผมอยากทำงาน”อย่างน้อยมันจะได้ไม่ต้องมีอะไรติดค้างกับเงินเดินที่พี่เขาจ่ายให้ ถึงแม้ว่าเงินนั้นจะถูก
ส่งไปถึงมือแม่ก็ตาม

   พอนึกถึงแม่ เรื่องที่ผมถูกทำร้ายถึงสองครั้งสองคราจะให้แม่รู้ไม่ได้เด็ดขาด ผมไม่อยากให้แม่เป็นห่วงไปมากกว่านี้

   “ไม่ได้”

   “อย่างน้อยให้ผมดูแลลูกนกก็ได้ มันไม่ต้องใช้แรงอะไรมากนี่”แตะแขนพี่คินเอาไว้ก่อนที่พี่เขาจะเดินหนี

   ถ้าไม่ได้คิดไปเองเวลาที่ผมพยายามขออะไรซ้ำๆพี่เขาจะยอมให้ผมตลอด อย่างเช่นครั้งนี้ ดวงตาคมดุอ่อนลงถอนหายใจ
ออกมาเบาๆ

   “งั้นก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า พี่ให้แค่ดูนกนะ”

   “อืม”พยักหน้ารับแล้วรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที ออย่างน้อยก็มีอะไรทำ อย่างน้อยก็ได้ทำงานที่เป็นงาน ไม่ใช่เป็นแค่ที่
รองรับอารมณ์ของพี่เขา



   ---------------------------------------------------------------------------------------



   พี่คินพาผมมาที่อาคารระบบปิดหลังหนึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้าน ใช้เวลาเดินเกือบสิบนาที พอได้เดินไปมาภายในฟาร์มสานรัก
แล้วถึงได้รู้สึกว่ามันกว้างกว่าที่เห็น พื้นที่ส่วนมากถูกปล่อยให้เป็นป่ารกตามธรรมชาติ

   เหมือนจะมองว่าพื้นที่กว้างแต่ถูกปล่อยให้รกร้างต้นไม้ขึ้นเกะกะแต่จริงๆแล้วมันคือแหล่งธรรมชาติอาหารชั้นดีสำหรับนก
นางแอ่นที่อยู่ในถ้ำ สภาพพื้นที่ภายในฟาร์มจึงได้ถูกใช้อย่างคุ้มค่าทุกตารางนิ้ว

   ผมเดินตามพี่คินเข้ามาในห้องสีขาวมีกระจกกั้นเป็นระบบปิด ภายในห้องถูกแบ่งเป็นสัดส่วน ข้างในค่อนข้างสลัวเพราะ
จำลองบรรยากาศให้เหมือนภายในถ้ำมากที่สุด

   พื้นที่ส่วนหนึ่งถูกแบ่งไว้ฟักไข่ อีกส่วนแบ่งไว้สำหรับลูกนกที่กำลังโต เสียงลูกนกร้องระงมมีคนงานอีกสองคนกำลังผลัด
กันป้อนอาหารให้ลูกนกทีละตัว

   “รัมภ์นี่ลุงเมฆเป็นคนคอยดูแลนกในฟาร์ม นี่ติน คนงานใหม่พึ่งจะเข้ามาทำงานได้สองอาทิตย์”พี่คินแนะทำให้ผมรู้จักคน
งานสองคนหลังจากที่สวมถุงมือยางให้ผมเรียบร้อย

   คนแรกลุงเมฆคุณลุงวัยกลางคนที่ดูท่าจะเหมือนพวกสัตวแพทย์หรืออะไรสักอย่างที่ดูเชี่ยวชาญเรื่องนกนางแอ่นมากเป็น
พิเศษ อาจจะเพราะลุงเมฆคลุกคลีอยู่กับฟาร์มนี้มานานตั้งแต่รุ่นพ่อของพี่คิน จะว่าไปผมยังไม่เคยเห็นพ่อพี่คินเลยแม้แต่ครั้ง
เดียว

   “รัมภ์”คนที่ชื่อตินหลุดปากเรียกชื่อผมออกมาเหมือนกับรู้จักผมอยู่ก่อนหน้า

   “พี่รู้จักผมด้วยเหรอ”

   “อะ เอ่อ รู้จักสิ คนในฟาร์มนี้เขาก็รู้จักกันหมดแหละ”เขายิ้มตอบกลับ

   คนที่ชื่อตินอายุมากกว่าผมเล็กน้อย น่าจะรุ่นเดียวกับพี่คินหรือมากกว่านั้น แต่ที่ผมสนใจไม่ใช่เพราะว่าเขาเป็นคนงานใหม่
แต่ท่าทางสูงใหญ่รูปร่างดีผิวขาวสะอาดอีกทั้งหน้าตาดีไม่ดูแล้วไม่น่าจะมาทำงานเป็นคนงานในฟาร์มได้ พี่คินเล่าให้ฟังอีกทีว่า
เขาถูกผู้หญิงหลอกจนหมดตัวเลยมาของานทำ

   “ถ้ามีอะไรหรือว่าเจ็บแผลก็ให้คนไปตาม พี่จะได้พากลับบ้าน”

   “อืม”พยักหน้ารับ

   “เดี๋ยวตอนเที่ยงพี่มารับกลับไปกินข้าว”

   “อืม ผมรู้แล้ว”

   เริ่มไม่พอใจ เพราะพี่คินไม่ยอมไปสักที

   “อย่าดื้อล่ะ”พูดส่งท้ายก่อนจะยกมือขึ้นมายีหัวผมจนฟูแล้วเดินยิ้มออกไป



   “ตินเดี๋ยวลุงฝากดูรัมภ์ด้วยนะ หนอนใกล้จะหมดแล้ว เดี๋ยวลุงไปเอามาเพิ่ม”ลุงเมฆหันมาบอกพี่ตินก่อนจะเดินออกไปไล่
หลังพี่คินไปติดๆ

   “ครับ เดี๋ยวผมดูให้”พี่ตินตอบรับหันมายิ้มอวดฟันขาวให้ผม ถ้าหากสีตาหรือสีผมของเขาไม่ใช่สีดำผมคงจะคิดว่าพี่เขาเป็น
ลูกครึ่งแน่

   “ได้ข่าวว่ารัมภ์พึ่งจะเข้ามาอยู่ที่นี่เหรอ”พี่ตินถามพลางจัดเตรียมอุปกรณ์เพื่อสอนงานผม

   “ครับ จะเรียกว่ามาอยู่ก็ไม่ถูก ผมมาทำงานน่ะ”เพราะรอยยิ้มกว้างที่ดูจริงใจทำให้ผมคุยกับขาวด้วยประโยคยืดยาวได้โดย
ไม่ติดขัด ผมเองก็แปลกใจกับตัวเองเหมือนกัน

   “ทำไมถึงเลือกมาทำงานที่นี่ล่ะ เป็นคนกรุงเทพไม่ใช่เหรอ”

   “ไม่รู้สิ เพราะเงินเดือนละมั้งครับ แต่ถ้าให้เลือกตอนนี้ผมเองก็ไม่อยากทำ”เพราะมันดูเหมือนผมเป็นสัตว์เลี้ยงในกรง
มากกว่าพนักงานในฟาร์ม

   “ทำไมล่ะ รัมภ์ไม่ชอบ?”

   “ไม่ใช่ไม่ชอบ เหตุผลอื่นน่ะ”ผมแค่นยิ้มรับตะกร้าอุปกรณ์มาถือไว้

   “แสดงว่ารัมภ์ไม่เต็มใจ?”

   คำถามของพี่ตินเหมือนจกตรงจุด แต่ผมก็ไม่ได้ตอบรับจับอุปกรณ์ในตะกร้าสำรวจว่ามีอะไรบ้าง

   “แล้วพี่ล่ะ ทำไมถึงมาทำงานที่นี่”

   “อยากเลี้ยงนกมั้ง”ตอบกวนอีกทั้งหัวเราะในลำคอไม่วายส่งยิ้มมาให้อีกเช่นเคย

   “อันนี้เอาไว้ทำอะไร”

   ผมชูกระบอกสลิ้งขั้นมาถามเพราะมันเหมือนกับเข็มฉีดยาที่ไม่มีปลายเข็มแหลมๆ

   “อันนี้น่ะเหรอ นี่ไง ถอดออกมาแล้วตักอาหารเหลวใส่แบบนี้แล้วก็ปิด เสร็จแล้วก็นี่เลย เอาไว้ป้อนลูกนกที่ยังกินอาหารเอง
ไม่ได้”ว่าพลางตัดอาหารเหลงสีน้ำตาลอ่อนใส่สลิ้งแล้วจับลูกนกตัวเล็กมาตัวหนึ่งค่อยๆกดสลิ้งลงดันอาหารลงไปในปากเล็กๆ

   “แล้วตัวใหญ่พวกนั้นล่ะ”

   “พวกนั้นต้องกินไอ้นี่”ว่าแล้วก็หยิบกล่องพลาสติกใสมีหนอนยั้วเยี้ยดิ้นไปมายื่นมาเกือบจะชิดหน้าให้ผมถอยหลังหนี ไม่
วายได้ยินเสียงหัวเราะของเขาออกมาจากลำคอ

   “ไม่ตลกนะครับ”

   “แต่ก็ยิ้มนี่”มันก็จริงอย่างที่เขาบอกว่าผมยิ้ม ก็ยิ้มตามเขานั่นแหละ





-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
มีตัวละครเพิ่มขึ้นมาอีกแล้ว พี่คินเองก็ยังคลุมเครือหรือน้องรัมภ์เข้าใจยากก็ไม่แน่ใจ รู้แค่ว่าตัวละครตัวใหม่ขาวสูงหล่อยิ้มเก่งพอที่จะทำให้น้องรัมภ์วางใจได้เลยล่ะ(เรียกว่าสปอยรึเปล่านะ)

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
พี่ติณนี่คือคนของพ่อน้องส่งมาตามหารึเปล่า(แอบคิดในแง่ดีว่าพ่อน้องมีความจำเป็นที่ต้องทิ้งน้องกับแม่ไป 555)
ส่วนสิ่งที่นายหัวอยากได้จากน้องเราว่าน่าจะเป็นความรักนะ แต่คืออออ เอ็งทำแบบนี้กับน้องเนี่ยนะน้องคงรู้ด้วยหรอกนะ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ neverland

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 653
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
พี่ตินสูงขาวหน้าตาดี  :hao7:
นายหัวดิบเถื่อนเหมือนเดิมมม

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
พี่ตินแท้จริงเป็นใครกันหนอ
น้องอ้อนนิดอ้อนหน่อยยอมตลอดเลยเนอะ อิอิ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
รัมภ์ รู้สึกปลอดภัยที่คินอยู่ใกล้  :mew1:
รัมภ์ รับรู้ว่าคินใจดีกับรัมภ์เวลาขออะไรก็ให้  :katai1:
แต่รัมภ์ ยังไม่รับรู้ความรักของคิน   :เฮ้อ:
ภูผา ดูแปลกๆ กับหมอนที หมอทำอะไรภูผาหรือเปล่า ?
ติน จะดีจะร้ายกับรัมภ์นะ ดูกันต่อไป  :hao3:
รอ  :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ lalaly

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
พี่ตินเป็นคนบงการเรื่องปล่อยหนูหรือป่าวน่ะ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
สนุกมากครับ เพิ่งเขามาอ่าน

อ่านไปก็สงสัยไป ว่าคินต้องการอะไรจากตัวน้อง


มาต่อไวๆนะครับ

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3
บทที่ 10 คนที่อยากให้เจอ


   ‘พี่นั่งคนเดียวเหรอพี่’ผมถามแต่เขาไม่ตอบกลับก้มลงอ่านหนังสือหลักเศรษฐศาสตร์ในมือไม่สนใจที่ผมทักไป

   ‘ผมขอนั่งด้วยนะ’ไม่ตอบอีกเหมือนเคย เย็นชาและเงียบขรึมอย่างที่คนอื่นชอบพูดถึงพูดถึงพี่เขา ไม่มีใครไม่รู้จักผู้ชายคน
นี้ผู้ชายที่ได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งของชั้นปีติดต่อกันทุกปี

   ‘ผมชื่อรัมภ์’ปรายตามองผมเล็กน้อยก่อนจะก้มลงอ่านหนังสือเหมือนเก่า ในตอนนั้นผมรู้สึกว่ายากจนแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่
จะทำความรู้จักกับคนคนนี้

   ‘รัมภ์มาจากรัมภา ที่แปลว่านางฟ้า ตอนแม่ท้องผมแม่ฝันเห็นนางฟ้า’ชวนคุยถึงแม้จะไม่ได้รับการตอบโต้แต่ก็รู้ว่าพี่เขาฟัง

ผมอยู่





   ‘ยากว่ะมึง พี่เขาไม่สนใจกูเลย’

   ‘แต่มึงก็รู้ว่ารู้ชอบแจ่มมันตั้งแต่ปีหนึ่ง แล้วตอนนี้แจ่มมันก็ไปชอบพี่เขา กูมองไม่เห็นใครแล้วนะมึง’เพื่อสนิทจับแขนผม
แน่น พยายามร้องขอ

   ‘สองพัน’

   ‘อะไร’   

   ‘กูขอเพิ่มอีกสองพัน’ต่อรองเพื่อเงินที่จะเอามาจ่ายค่าเทอมในเทอมถัดไปเพราะไม่อยากให้แม่ลำบากไปมากกว่านี้

   ‘เออๆ เพิ่มก็เพิ่ม แต่มึงต้องจีบพี่เขาให้ได้นะมึง ให้แจ่มมันเห็นว่าพี่เขามีแฟนแล้วแล้วพี่เขาเป็นเกย์ แจ่มมันจะได้เลิกชอบ
พี่เขาสักที’   

   ‘ก็แล้วทำไมมึงไม่จีบแจ่มมันวะ’

   ‘เออน่าเรื่องของกู’

   ‘ทีอย่างนี้มาเรื่องของกู’ตอบกลับไป เวลานั้นคิดแค่ว่าต้องทำยังไงถึงจะเข้าไปทำความรู้จักกับพี่เขาแล้วทำให้เขาสนใจ





   ‘ผมนั่งนะพี่’เชิญตัวเองนั่งลงตรงม้านั่งตัวตรงข้ามของพี่เขาเองทุกครั้ง หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป แทบจะไม่มีคำโต้กลับสำหรับ
เขาเลย

   ‘อ้าวพี่จะไปไหน’

   ‘กินข้าว’ในที่สุดก็ยอมตอบกลับ อาจจะเป็นเพราะรำคาญผมก็เป็นได้เลยลุกหนีไป

   ‘จริงดิ ผมไปด้วย หิวเหมือนกัน’เดินตามพี่เขาไป

   ‘โรงอาหารไปทางนี้’

      ‘วันนี้ไม่มีเรียนแล้ว’คำตอบที่ได้รับในเวลานั้นทำให้นึกแปลกใจ ในเมื่อไม่มีเรียนแล้วจะมานั่งอ่านหนังสือใต้ตึกคณะ
ทำไมในเมื่อกลับไปอ่านที่ห้องก็ได้ แล้วก็ได้รู้ว่าเขารอให้ผมเลิกเรียน



   ‘พี่แวะนี่ให้หน่อยดิ’บอกขณะที่พี่เขาขับรถผ่านห้างสรรพสินค้า

   ‘ทำไมต้องแวะ’

   ‘ไหนพี่จะกินข้าวไง มื้อนี้ผมเลี้ยงเอง’สุดท้ายก็ยัดเยียดให้พี่เขาจอดรถที่ห้างสรรพสินค้าแล้วซื้อของสด

   เป็นครั้งแรกที่มาที่ห้องของพี่เขา คอนโดขนาดพอดี เป็นระเบียบเรียบร้อยตามที่คิดเอาไว้ไม่มีผิด ทำกับข้าวง่ายๆให้พี่เขา
กิน แอบเห็นรอยยิ้มเล็กๆที่มุมปากเวลาที่ข้าวคำแรกเข้าปากของเขา

   ‘ตอบแทนที่ผมเลี้ยงข้าวพี่ พี่ไปส่งผมที่หอหน่อยสิ’มัดมือชกเสร็จสรรพ มันง่ายมากที่จะปฏิเสธแต่พี่เขาก็ยอมไปส่งผมที่
หอ



   ‘ผมนั่งนะ’เชิญตัวเองอีกเช่นเคย

   ‘หิวข้าว’พี่เขาบอกแบบนั้นในวันถัดมาแล้วเดินออกไป ครั้งแรกผมงงเล็กน้อยก่อนจะยิ้มออกมาแล้วเดินตามเขาขึ้นรถไป
แวะที่ห้างสรรพสินค้าเดิม ทำกับข้าวเมนูใหม่ให้พี่เขากิน แอบเห็นรอยยิ้มที่มุมปากแล้วพี่เขาก็ไปส่งผมที่ห้องเหมือนเดิม แต่ไม่
เหมือนเดิมตรงที่

   ‘พี่ผมยืมโทรศัพท์หน่อย’

   ‘เอาไปทำอะไร’ถามกลับมาเสียงเรียบแถมมองมาเหมือนไม่ไว้ใจแต่ก็ยื่นให้

   ‘นี่เบอร์ผมนะ ไว้หิวตอนไหนโทรเรียกได้เลย’

   ‘ไม่ได้อยากได้’

   ‘เอาไว้โทรเรียกผมเวลาหิวไง’บอกไปแบบนั้นอันที่จริงต้องการจะเม็มเบอร์เพื่อเอาไลน์ของพี่เขาต่างหาก


   I am Rampa : สวัสดีครับ นอนรึยังครับ

   Pakin : ใคร?

   I am Rampa : ผมเอง

   I am Rampa : พ่อครัวของพี่ไง

   Pakin : มีอะไร?

   I am Rampa : เปล่า แค่อยากคุย

   Pakin :อืม (แค่นั้นแล้วก็เงียบหายไปพักใหญ่)

   I am Rampa : หิวไหมพี่

   Pakin : ไม่

   I am Rampa : พี่อาบน้ำยัง

   Pakin : อืม

   I am Rampa : อึมนี่คือ?

   Pakin : อาบแล้ว

   I am Rampa : แล้วพี่มีแฟนยัง (พอถามไปแบบนั้นข้อความถูกอ่านแต่พี่เขาก็หายไป)

   I am Rampa : เงียบ

   I am Rampa : หาย?

   I am Rampa : หลับ?

   I am Rampa : ปกติพี่นั่งตรงนั้นทุกวันรึเปล่า

   I am Rampa : ปกติเสาร์อาทิตย์พี่จะไปไหน

   I am Rampa : ปกติพี่เป็นคนเงียบๆแบบนี้เหรอ? (ยิงคำถามรัวไปเมื่อพี่เขาไม่ยอมตอบ ตอนนั้นไม่ได้สนใจเงิน แต่สนใจ
รอยยิ้มของพี่เขาและตัวตนที่ถูกซ่อนเอาไว้ภายใต้ใบหน้านิ่งๆนั่นมากกว่า)

   Pakin : ปกติ

   I am Rampa : ปกติเป็นคนเงียบๆเหรอ?

   Pakin : ปกติจะถามคนอื่นว่ามีแฟนแล้วแบบนี้งั้นเหรอ (เป็นประโยคที่ยาว แต่ก็ทำให้ผมยิ้มออกมาเพราะเหมือนกับถูกพี่
เขากวนตีนกลับยังไงยังนั้น

   I am Rampa : ผมถามแค่พี่คนเดียว

   Pakin : นอนแล้ว

   I am Rampa : ฝันดีครับ

   Pakin : อืม

   Pakin : ฝันดีเช่นกัน

   จำได้แค่ว่าวันนั้นเป็นวันที่ผมฝันดีมากอีกหนึ่งวัน ตื่นขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มที่ติดอยู่บนใบหน้าจนคนรอบข้างต่างก็ตาม
ความรู้สึกในตอนนั้นมันถูกเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เร็วจนไม่ทันได้ตั้งตัว



   “รัมภ์ เสร็จแล้วทำไมไม่ลงไปล่ะ”พี่คนเปิดประตูเข้ามา ถามคำถามทันทีเมื่อเห็นว่าผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วแต่
กลับนอนต่อ

   “ครับ”ตอบรับเพียงแค่นั้นแล้วลุกขึ้นนั่ง ผมนอนต่อเพราะพี่เขาบอกไม่ให้ผมทำกับข้าวแล้ว ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องดีที่ผมไม่ต้อง
ทำอะไรที่มันไม่ใช่งาน

   “มีคนที่พี่อยากให้รัมภ์เจอ”พี่คินเดินเข้ามาจับมือของผมแล้วดึงให้เดินตาม

   ผมเดินตามแรงดึงอย่างว่าง่าย จ้องมองมือใหญ่ที่กุมมือด้วยสายตาว่างเปล่า เดินไปหยุดอยู่ที่โต๊ะกินข้าวในครัว ปกติจะมี
แค่พี่นิ่มบางวันก็มีภูผา แต่วันนี้กลับแปลกไป แปลกไปจนผมนึกใจสั่น

   ผู้หญิงอีกคนที่ไม่ใช่พี่นิ่มยืนอยู่ในครัวจับจ้องมองมาทางผม กับเด็กผู้ชายตัวเล็กผิวเข้มนั่งอยู่ตรงที่ผมเคยนั่ง ทั้งคู่จ้อง
มองมาที่ผมด้วยสายตาไม่เป็นมิตร

   “รัมภ์นี่ฟาง เป็นพี่เลี้ยงของณิน”

   “อืม”ผมพยักหน้ารับ ดวงตากระตุกวูบเมื่อสายตาไม่เป็นมิตรของฟางหายวับไปกับตาเวลาที่พี่คินหันไป

   “ณินนี่น้ารัมภ์สวัสดีน้ารัมภ์สิ”

   “ณินไม่หวัดดี ณินไม่ชอบเขา เขาจะมาแย่งพ่อไปจากณิน”คำพูดของเด็กคนนั้นทำให้ผมหน้าชา มือที่กำแน่นสั่นจนแทบ
จะควบคุมไม่ไหว

   “ใครเป็นคนบอกกับณินแบบนั้น”

   “อะ เอ่อ มะไม่ใช่นะคะนายหัว ฟางแค่บอกว่าพี่รัมภ์จะมาเป็นแม่น้องณิน”เธอรีบบอกพลางโบกมือปฏิเสธ

   “ณิน ขอโทษน้ารัมภ์เดี๋ยวนี้”

   “ไม่เป็นไร ผมขอตัว”ผมบอกไปแบบนั้นแล้วกลับขึ้นมาบนห้องไม่สนใจเสียงเรียกที่ไล่หลังมา

   “รัมภ์ กลับไปกินข้าว”เป็นอย่างที่คิด พี่คินเดินตามขึ้นมาแล้วดึงแขนของผมเอาไว้ให้หันกลับไป

   “ผมไม่หิว”

   “ไม่หิวก็ต้องกิน รัมภ์เป็นคนบอกพี่แบบนี้เอง”

   “ผมไม่อยากกิน”ผมดึงแขนเอาไว้เมื่อพี่เขาพยายามดึงให้ผมเดินตาม

   “รัมภ์อย่าดื้อจะได้ไหม ไม่ใช่เด็กๆ”

   “พี่โกหก โกหกผม”ในที่สุดก็ทนไม่ไหม

   พี่เขาบอกว่าไม่เคยมีใคร ไม่เคยบอกว่ามีคนอื่น ไม่เคยบอกว่ามีลูก แล้วนี่อะไร ลูกโตตั้งสี่ห้าขวบขนาดนี้มันอะไรกัน

   มันเหมือนกับฟ้าผ่ากลางแจ้ง ความรู้สึกมันเจ็บจนบอกไม่ถูก

   “รัมภ์พูดอะไร”

   “ผมผิดมากใช่ไหมที่ทิ้งพี่ไป แล้วทีพี่ล่ะ ทั้งที่มีลูกโตขนาดนี้แล้วยังจะมาคบกับผมทำไม ทั้งที่บอกว่าไม่มีใครไม่ใช่รึไง”

   “ฟังพี่ก่อน”พี่คินเริ่มเสียงแข็ง มือหยาบกร้านจับต้นแขนทั้งสองข้างของผมแล้วดึงเข้าไปหา

   “ปล่อย”

   “รัมภ์!! ฟังพี่”

   ผลั๊วะ!!

   เพราะความโมโหและความไม่พอใจเหมือนกับถูกหักหลังทำให้ผมบัลดาลโทสะออกไป เข้าใจความรู้สึกของพี่คินก็วันนี้
เข้าใจว่าเวลาถูกหักหลังมันรู้สึกยังไง

   ผมกัดฟันแน่นจ้องมองใบหน้าของพี่เขานิ่ง หยดเลือดสีแดงสดซึมออกมาจากมุมปากของพี่เขา

   “รัมภ์คงจะอยากอยู่คนเดียว”

   บอกด้วยเสียงราบเรียบก่อนจะปิดประตูห้อง ได้ยินเสียงล็อกดังทำให้รู้ได้ทันที่ว่าผมถูกขังเอาไว้อีกแล้ว



   “ผมเอาข้าวมาให้ พี่เจอน้องณินแล้วใช่ไหม”ภูผาเปิดประตูเข้ามาในตอนสายพร้อมกับมื้อเช้า

   “เจอแล้ว แล้วนี่ไม่ไปโรงเรียนรึไง”

   “วันนี้วันเสาร์พี่ ทำไมพี่ชอบถามผมแบบนี้ทุกครั้งที่เจอกัน”

   “ไม่รู้สิ ขี้เกียจนับวันมั้ง”เพราะยิ่งนับมันก็รู้สึกเหมือนวันเวลามันยิ่งผ่านไปช้าลงทุกวันๆ

   “ทำไมพี่ถึงได้ถูกขังอีกแล้ว”

   “เผลอไปต่อยนายหัวของเราเข้า”

   “โม้แล้วพี่ พี่กล้าต่อยนายหัวด้วยเหรอ”ภูผาหัวเราะเล็กๆ ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมยิ้มตาม

   “ทำไมจะไม่กล้า แล้วแผลที่คอหายดีรึยัง”

   “พี่เห็นเหรอ”จากที่ยิ้มอยู่รอยยิ้มเลือนหายไปแทบจะทันทีที่ถาม

   “อืม”

   “หายแล้ว แต่คงเป็นแผลเป็น ผมไปก่อนนะพี่ ขึ้นมานานคนข้างล่างจะว่าเอา”

   “พี่ขอถามอะไรอย่างหนึ่งได้ไหม”

   “เอาดิ”

   “แม่ของน้องณินเป็นใครเหรอ”

   “เป็นคนแถวนี้แหละพี่ แต่ตายไปได้สองปีแล้วมั้ง”

   “งั้นเหรอ ช่วยพี่อีกอย่างสิ”

   “จะดีเหรอพี่?”ถามกลับพลางขมวดคิ้วมุ่น สงสัยคิดว่าผมจะให้พาหนีอีกครั้ง

   “ไม่ได้ให้พาหนี แต่ไปซื้อขนมให้หน่อย แถวนี้มีช็อกแลตขายไหม”

   “มีดิ ไม่ได้บ้านนอกขนาดนั้น เดี๋ยวตอนเที่ยงผมเอามาให้”

   “อืม ขอบใจ”ผมยิ้ม

   เวลาแล้วตกอยู่ในความคิดอีกรอบ ภาบอกว่าแม่ของน้องณินเสียไปเมื่อสองปีก่อน เป็นเวลาเดียวกับที่ผมบอกเลิกพี่คิน ซึ่ง
หมายความว่าในระหว่างนั้นพี่เขาคบผมทั้งที่มีลูกและคนอื่นอยู่แล้ว

   ผมควรจะทำยังไงดี เจ็บจนไม่อยากจะรับรู้อะไร ตาของผมมันสั่นพร่า ภาพที่เห็นพล่าเบลอไปหมด ในเมื่อพี่เขามีคนอื่นอยู่
แล้ว มีลูกอยู่แล้วแล้วเขาจะขังผมเอาไว้ทำไม ให้ผมเป็นเหมือนสัตว์ในกรงผมก็พอจะรับไหวเพราะเข้าใจว่าที่เป็นบทลงโทษที่

ผมสมควรจะได้รับ แต่จะให้ผมมารับรู้ว่าพี่เขามีคนอื่นผมรับไม่ไหวจริงๆ

   ถ้านี่เป็นการแก้แค้นมันก็มากเกินไปแล้ว มากจนหัวใจของผมมันรู้สึกว่ารับเรื่องราวที่เกิดขึ้นแทบจะไม่ไหวอีกต่อไป ผมควร
ทำยังไงดีในเมื่อทั้งอยู่ต่อและจากไปมันเจ็บพอๆกัน

   



ตัวละครใหม่มาเพิ่มอีกแล้ว จะงงกันไหมนะ อย่าเพิ่มทิ้งกันไปไหนน๊าาาาาา อยู่ด้วยกันก่อนนนน

ออฟไลน์ magic-moon

  • magKapleVE
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
    • Freedom of meetups, no obligations

ออฟไลน์ neverland

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 653
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ benicezii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เริ่มจะซัยซ้อนน  :katai1:

ออฟไลน์ ifangza!

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
รอทุกวัน จะให้ทิ้งไปได้ไงล่าาา

ออฟไลน์ ไอ้ดื้อ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ใช่ลูกคินจริงๆ หรือ  :katai1:
รัมภ์เจ็บปวด ที่คินคบซ้อนมีลูก แต่รัมภ์รักคิน แล้วทิ้งคิน ?
ถ้าคนที่รักรัมภ์ ยึดติดรัมภ์อย่างคินจะคบซ้อน ไม่น่าเป็นไปได้  :hao7:
รอ  :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ MK

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
เจ็บปวดดดดด

เพราะรักจึงเจ็บปวด

เรานี่มันสายmสุดๆ

ฮือออออออ  น้องรัมภ์น่าสงสารนะ แต่พี่เค้าก็น่าสงสารเหมือนกัน


ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
น้องณินอาจไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของพี่เขาก็ได้นะ

ออฟไลน์ loneliest

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เนื้อเรื่องสนุกและน่าติดตามมากค่ะ  เป็นกำลังใจให้นะคะ

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
ไม่ทิ้งเรื่องสนุกๆอย่างนี้แน่นอน

ออฟไลน์ Sweettemp

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 169
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
เนื้อเรื่องน่าติดตามค่ะ รอต่อๆ

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-04-2016 05:46:39 โดย NeLy เนลี่ »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด