ตอนที่ 9 [ ริว ♥ ปั้น 1 ]
“พี่ปุ่น พี่ปุ่น” ผมตะโกนเรียกเลขาพี่วีร์ที่เพิ่งเดินผ่านไป
พี่ปุ่นหันกลับมาตามเสียงเรียก และมีใครอีกคนหยุดยืนอยู่ข้างๆ ถ้าผมจำไม่ผิดเพื่อนพี่ปุ่นที่เจอวันงานเปิดตัวหนัง
ไอ้คนหน้ากวนๆ ที่ผมไม่ถูกชะตา
ทำไมพี่ปุ่นทำหน้าแบบนั้น ผมตาฝาดหรือเปล่าที่เห็นพี่ปุ่นทำหน้าตกใจและหน้าซีดลงไปนิดนึง
ก่อนจะยิ้มออกมาและทักทายผม
“บังเอิญจริง” ผมเดินเข้าไปหา ให้ความสนใจแค่พี่ปุ่นคนเดียว
“สวัสดีครับน้องริว มาคนเดียวเหรอครับ”
“ใช่ ริวเบื่อๆ เลยมาเดินเล่น พี่ปุ่นมาทำอะไร”
“พี่มาซื้อของกับ เอ่อ.กับพี่ปั้น”” พี่ปุ่นชี้มือไปทางคนที่ยืนอยู่ข้างๆ
“เดี๋ยวไปไหนต่อ ไปทานข้าวกับริวไหม เบื่อๆ ไม่มีเพื่อน” ผมกำลังเซ็งๆ ที่ต้องทานข้าวคนเดียว
“ไม่มีมารยาท” เสียงพูดลอยๆ ทำเอาผมต้องหันขวับไปมอง
“แล้วพูดขัดตอนคนคุยกันมีมารยาทมากสินะ”
“เป็นเด็กเป็นเล็กไม่รู้จักเคารพผู้หลักผู้ใหญ่”
“แก่แล้วว่างั้น”
“ไอ้เด็กนี้” ท่าทางหัวเสียน่าดูครับ ผมก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ เอาสิกลัวที่ไหน
“พี่ปั้นอย่า” พี่ปุ่นยกมือขึ้นแตะแขนนายยักษ์ ส่งสายตาเหมือนจะบอกอะไรบางอย่าง
นายหมีทำท่าฮึดฮัดแต่ก็ยอมเงียบเสียงลง
ทำไมพี่ปุ่นถึงเรียกพี่ไหนบอกว่าเป็นเพื่อนกัน แล้วท่าทางสนิทสนมจับมือถือแขนนี่อีก
หรือ..
เป็นแฟน
ต้องใช่แน่ๆ พี่ปุ่นถึงทำหน้าอึดอัดตอนเจอผม คงไม่อยากให้ใครรู้หรือเปล่าว่าคบกับผู้ชาย
“พี่ปุ่นไปกับริวนะเที่ยงแล้ว" พี่ปุ่นหันไปถามนายหมียักษ์ เห็นพยักหน้าแบบเสียไม่ได้
“ได้ครับน้องริว แต่ว่าพี่ต้องพาเพื่อนไปทานด้วยนะครับ น้องริวสะดวกหรือเปล่า”
ไม่สะดวก แต่ถ้าไม่ตกลงสงสัยพี่ปุ่นจะไม่ไป เอาเถอะ ดีกว่าทานข้าวคนเดียว
“ได้สิ ไม่มีปัญหา”
“เด็กสมัยนี่พูดจาไม่มีหางเสียง แย่มาก”
“ใครเอาหมามาเดินห้าง ไม่ดูแลเลย ปล่อยให้เห่าอยู่ได้”
“พี่ปั้นไม่เอาครับ ไม่ทะเลาะกัน”
“เฮ้ยปุ่น เราเห็นพี่เป็นหมาเหรอ” นายหมียักษ์ร้องเสียงหลง
พี่ปุ่นยกมือขึ้นลูบแขนยักษ์ปักหลั่นไปมา
“น้องขอโทษครับ ไม่ได้หมายถึงอย่างนั้น น้องแค่ไม่อยากให้เถียงกัน”
ที่สงสัยอยู่คำตอบชัดเจน ฟังพี่ปุ่นแทนตัวเองสิพูดเสียน่าเอ็นดู ท่าทางประจบเอาใจดูละมุนละไม
นายหมียักษ์คงรักคงหลงเหมือนกัน พี่ปุ่นพูดอะไรก็ฟัง ที่กับผมแยกเขี้ยวยิงฟันใส่
“น้องริวอยากทานอะไรครับ”
“ทาน...”
“พี่จะทานฟาสต์ฟู้ด ขี้เกียจเสียเวลา” นายหมียักษ์แย่งผมพูด
“ก็ไปสิ กินคนเดียวจะได้ไม่เสียเวลาสมใจ” ผมออกปากไล่
“น้องริว พี่ขอนะครับ อย่าทะเลาะกันเลย” พี่ปุ่นเริ่มหน้าเสีย ยังยืนกันอยู่ที่เดิมแต่ผมกับนายยักษ์ทะเลาะกัน
ไม่รู้กี่รอบแล้ว
“ก็พี่ปุ่นดูสิ หาเรื่องริวอยู่ได้ เป็นอะไรมากหรือเปล่า ไปหาหมอเช็คสุขภาพจิตหน่อยก็ดีนะ”
“เป็น....อยากฟาดเด็กนิสัยเสีย”
“หยุดดดดดดดดด”
“ถ้ายังเถียงกันจะให้ไปทานกันสองคนนะ จะได้เถียงกันให้หนำใจไม่ต้องมีใครขัด เอาไหมครับ”
เงียบ ผมได้แต่ฮึดฮัดขัดใจ เกลียดไอ้หมียักษ์ ไม่ชอบหน้ามัน
ผมเดินตามพี่ปุ่นมาจนถึงหน้าร้านอาหารไทย
“ทานร้านนี้” พี่ปุ่นเดินนำเข้าร้าน ไม่ถามความคิดเห็นใครสักคน
ผมเดินตามเข้าไปนั่งฝั่งตรงข้ามกับพี่ปุ่น นายหมียักษ์เตรียมจะนั่ง แต่โดนพี่ปุ่นเบรคไว้ก่อน
“พี่ปั้นไปนั่งข้างน้องริว จะได้ไม่ต้องมองหน้ากัน”
“จะบ้าหรือปุ่น”
“จะกินไม่กินครับน้องหิวแล้วนะ” หมียักษ์เดินหน้าเป็นตูดมานั่งข้างผม
ผมอยากไล่แต่กลัวพี่ปุ่นจะไล่ผมบ้าง เลยต้องสงบปากสงบคำ
ผมกับพี่ปุ่นคุยกันจนอาหารมา นายหมียักษ์เอาแต่นั่งเล่นโทรศัพท์
ผมหยิบช้อนขึ้นตักกับข้าว แต่โดนแขนคนข้างๆ ชนหล่น
“แกล้งเหรอ” ผมหันไปอาละวาด ถึงเพิ่งเห็นว่านายหมียักษ์ถนัดซ้ายแต่ผมถนัดขวาแขนเราเลยชนกัน
“ขยับออกไปสิ ที่นั่งเหลือตั้งเยอะ นั่งกันสองคนแต่นั่งเสียกลางโต๊ะ เด็กไม่มีมารยาทก็ไม่มีมารยาทวันยังค่ำ”
“ไม่คิดว่าจะมีใครมานั่งด้วย บังเอิญไม่ได้เชิญ นายนั่นแหล่ะขยับไป ตัวอย่างกับยักษ์กินพื้นที่”
“ว่าใครยักษ์ ตัวเองอย่างกับผู้หญิง ใส่กระโปรงหน่อยคงเผลอเรียกอีหนู”
“ว่าใครผู้หญิง” ไอ้หมียักษ์ทำเป็นมองผมหัวจรดเท้า
“เด็กตุ๊ด”
“นายหมีควาย”
ผมกับนายหมียักษ์เถียงกันจนลืมว่าคนที่คอยห้ามเรา ไม่ทักขึ้นมาสักคำ จนกระทั่ง....
“พี่ปั้น น้องริว “ เสียงเรียกย็นๆ สามารถสยบสถานการณ์คุกรุ่นได้
“น้องริวมายังไงครับ”
“ให้คนขับรถคุณพ่อมาส่ง”
“พี่ปั้น” นายหมียักษ์สะดุ้งนิดๆ
“ไปส่งน้องริวด้วยนะครับ น้องขอ” ผมกำลังจะบอกพี่ปุ่นว่าไม่เป็นไรแต่โดนดักไว้ก่อน
“น้องริวให้พี่ปั้นไปส่งนะครับ พี่ขอ” คนโดนขอสองคนได้แต่กลืนน้ำลาย เพราะคนขอหน้าซีเรียสมาก
“พี่ปั้น น้องไปหาอาปัทเลยนะครับ พี่ปั้นเอาของกลับบ้านไปก่อน”
“ น้องริวพี่กลับก่อนนะครับต้องรีบไปธุระต่อ สองคนทานข้าวกันให้อร่อยนะ”
พี่ปุ่นพูดรัวเป็นชุดแบบนันสต๊อป ยิ้มให้แล้วคว้ากระเป๋าลุกออกไปเลย
ผมกับนายหมียักษ์หันมามองหน้ากัน
“เพราะนาย” “เพราะเรา”
ผมรวบช้อนส้อม ไม่กงไม่กินมันแล้ว คว้ากระเป๋า
“หลีก” ผมนั่งอยู่ข้างใน ที่นั่งเป็นโซฟาตัวยาวเ จำเป็นต้องให้นายหมียักษ์ลุกขึ้นก่อน
“นั่งลง”
“หลีกไป” ผมเอาเท้าชนกับเท้าของนายหมียักษ์ ไม่ได้เตะ แค่ชนๆให้ขยับ เงียบ
“จะเอายังไง” ผมตะโกนเสียงดัง โต๊ะข้างๆ เริ่มหันมามอง ผมไม่สนใจ
“นั่งลง กินให้เสร็จ”
“ไม่นั่ง ไม่กิน”
“โอ้ย เจ็บนะโว้ยไอ้หมียักษ์” ผมโดนกระชากลงนั่ง ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีใครกล้าดีแบบนี้
“จะกินเองหรือจะให้จับยัด”
“ไม่กิน ไม่กิน ไม่กิน” ลงไปดิ้นเร่าๆ ได้ผมคงทำไปแล้ว
ผมไม่ยอมจับช้อน เม้มปากแน่น จะทำอะไรผมได้ ผมส่งสายตาท้าทายไปให้
“ไม่มีใครสอนเหรอว่าอย่ากินทิ้งกินขว้าง เสียดายเงิน”
“เรื่องนี้เอง จ่ายให้ก็ได้ ไม่ต้องทำมาเป็นบ่น” ผมเปิดกระเป๋าตังค์
“อย่ามาทำอวดรวย จะไม่กินใช่ไหม” ผมมองหน้านายหมียักษ์ ฟาดฟันกันด้วยสายตา
เหอะไม่ได้กลัวหรอกนะ แค่อยากให้มันเสร็จๆ ไปจะได้แยกกันเเสียที
ผมหยิบช้อนส้อมขึ้นมาตั้งหน้าตั้งตาทานข้าว ข้างๆ เงียบเสียงไปเหมือนกัน
“อิ่มแล้ว ไปได้หรือยัง”
“รอก่อน”
นายหมียักษ์เรียกเช็คบิล นั่งขวางผมอยู่ไม่ยอมขยับ ผมเริ่มนับหนึ่งถึงสิบในใจ
ไม่เคยต้องมานับเลขสะกดใจแบบนี้ ชาตินี้ไม่คิดว่าต้องทำ หนึ่ง สอง สาม...
ยัง ยังไม่ขยับ สี่ ห้า หก.....โว้ยยยยย ไม่ทนแล้ว
ผมปีนข้ามตักนายหมียักษ์ ไม่ขยับใช่ไหมจะทับให้จุกเลยคอยดู
“เฮ้ย ปล่อย ปล่อยสิโว้ย” ผมดิ้นอยู่บนตัก
“อยากขึ้นมานั่งบนตักก็ไม่บอก ขอดีๆ พี่ก็ให้” มือข้างเดียวล็อคเอวผมไว้แต่แน่นมาก แกะยังไงง้างยังไงก็ไม่ออก
“ใครน้องแกนายหมียักษ์”
“เราไง อายุถึงยี่สิบหรือยังเถอะ”
“ถึงแล้ว”
“เอาบัตรประชาชนมาดูหรือไม่อย่างนั้นก็บอกมาดีๆ แล้วจะยอมปล่อย”
“19” ผมพึมพำในคอ
“สิบเก้า!! โครตเด็ก”
“บอกแล้วก็ปล่อยสิ” พอมือใหญ่คลายออก ผมตะกายกลับไปนั่งที่เดิม ไม่กล้าข้ามไปอีกด้าน
กลัวนายหมียักษ์มันจับเอาอีก
“พี่สามสิบเอ็ดแล้ว ห่างกับเราสิบสองปี รอบนึงเต็มๆ ต่อไปต้องเรียกว่าพี่ปั้น เข้าใจไหม”
“แก่”
“เดี๋ยวโดน”
นายยักษ์หันไปเซ็นสลิปที่พนักงานเอามาให้ ช้าชะมัดกว่าจะมาได้ อยากไปให้พ้นๆ นายหมีนี่เต็มที
พอนายหมียักษ์ลุกออกจากโต๊ะ ผมก็ก้าวพรวดแซงหน้า เดินเร็วๆ ออกจากร้าน
ชาตินี้อย่าได้เจอกันอีก เจอพี่ปุ่นคราวหน้าต้องยุให้เลิกคบ นิสัยเสีย หยาบคาย
“เฮ้ย อะไรอีก” แขนผมถูกดึงจากคนที่เดินตามมาข้างหลัง บังคับให้หยุดเดิน
“จะไปส่ง”
“ยังไม่กลับจะไปไหนก็ไป” ผมสะบัดแขน
“ยังไม่หายเบื่อเหรอ จะทำอะไรอีก เดินเล่น ซื้อของ ดูหนัง”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรด้วย”
“จะไปด้วย เสร็จแล้วจะได้ไปส่ง”
“โว้ย นี่นายซื่อหรือบื้อ ไม่ต้องทำตามคำสั่งพี่ปุ่นขนาดนั้นก็ได้”
“เขาเรียกว่ารักษาคำพูด ชีวิตนี้ไม่เคยทำใช่ไหม ถึงไม่รู้จักคำนี้”
“ไอ้..”
“อะ อะ ขืนยังขึ้นไอ้ขึ้นอีอีก จะตีมันกลางห้างนี่แหล่ะ ไม่มีใครสั่งใครสอนเหรอว่าพูดกับผู้ใหญ่ให้พูดยังไง”
“อย่ามาว่าพ่อแม่เรานะ”
“งั้นก็พูดดีๆ เรียกใหม่” ผมอยากจะบ้าตาย มันวันอะไรของผมกันต้องมาเจอไอ้บ้านี่ด้วย
ผมสูดลมหายใจลึกๆ พูดเน้นทีละคำ
“ลุงปั้น สุภาพพอหรือยังคุณลุง”
“โอ้ย” ไอ้บ้าหมียักษ์ตีเข้าที่ก้นผมแรงๆ
เกินไปแล้ว ไอ้หมีบ้านี่ทำเกินไปแล้ว พ่อกับแม่ผมยังไม่เคยตีสักแปะ
“ไอ้...” พอเห็นมือที่เงื้อขึ้นมา ผมเลยรีบงับคำที่จะพูดต่อเอาไว้ในปาก
“พี่ปั้น”
“ดีมาก ทีนี้อยากไปไหนก็นำไป จะไปเป็นเพื่อน”
“ก็ปล่อยสิ”
“ขี้เกียจวิ่งจับอีก เดินกันแบบนี้แหล่ะ”
“จะกลับแล้ว จะไปส่งใช่ไหม”
ผมเริ่มคิดได้ว่าถ้าอยากจะให้นายหมียักษ์ไปให้พ้นๆ มีทางเดียวคือผมต้องยอมให้ไปส่งบ้านให้จบๆ ไปซะ
บอกตัวเองให้ทนอีกนิดเดียว
“ดูหนังไหม”
“ไม่”
“กินไอศกรีมไหม”
“ไม่”
มือที่จับแขนผม เปลี่ยนมาเดินกอดไหล่
“ทำไมไว้ผมยาว” นายหมียักษ์จับปลายผมที่ยาวประบ่า
“จะถามอะไรเยอะแยะ สำรวจสำมะโนครัวเลยไหม”
“คิดอยู่” คำตอบคล้ายจะแซวเล่น แต่ก็ดูเหมือนจริงจัง
“อยากเล่าให้ฟังไหม เช่นสนิทกับพี่ชายหรือเปล่า พ่อเป็นคนยังไง”
“จะบ้าเหรอ ใครจะไปตอบ”
“ก็ลองถามดู จะกลับใช่ไหม ไปกันเถอะ”
นายหมียักษ์ยังไม่ยอมเอามือออกจากไหล่ผม แต่ผมจะยอมให้สักครั้ง
เพราะถ้าผมสะบัดออกก็คงหาทางล็อคผมไว้ทางอื่นอยู่ดี โชคดีที่บ้านผมอยู่ไม่ไกลมาก
ครั้งนี้ผมจะยอมหัดนับหนึ่งถึงสิบให้ครบ คงพอเอาตัวรอดจากไอ้บ้านี่ได้
ผมจะเริ่มนับแล้วนะ หนึ่ง...สอง...สาม...
..............................................................TBC............................................................
Part เล็กๆ ของปุ่น
“พี่สนิมเป็นยังไงบ้าง”
“ปกติครับ คุณสิทธวีร์ไม่ได้ออกจากบ้านไปไหน”
“อืม มีอะไรเปลี่ยนแปลงโทรบอกปุ่นด้วยนะ” ผมวางสายจากคนของพี่ปั้น
ตอนที่ผมไม่ได้อยู่กับคุณรองประธาน พี่ปั้นจะให้คนคอยดูแลแทน วันนี้เป็นคิวพี่สนิมที่ต้องเฝ้าอยู่นอกบ้านคุณวีร์
พูดถึงพี่ปั้น ผมยังปวดหัวไม่หาย อยากเขกหัวตัวเองสักพักครั้ง ที่ทำให้เรื่องมันบานปลายขนาดนี้
วันนั้นผมแค่ตอบส่งๆ ไปว่าจะกลับกับเพื่อน คิดว่าถ้าบอกไปว่ากลับกับพี่ชายน่าจะเรื่องยาวกว่า ไม่อยากถูกถาม
ว่าพี่ชายเป็นใคร ทำงานอะไร หรือมาที่งานได้ยังไง เพื่อนมีเยอะจะมีสักคนมาที่งานคงไม่แปลก
มันจะไม่แย่ขนาดนี้ถ้าน้องริวไม่ให้ผมชี้ให้ดูว่าเพื่อนผมคือคนไหน
และที่มันแย่จนผมปวดหัวแทบระเบิด เพราะดันมาเจอกันเข้าจังๆ แถมต่างฝ่ายต่างไม่ถูกชะตา เถียงกันอย่างกับ
เป็นศัตรูกันมาแต่ชาติปางไหน
ผมก็โมโหเป็นนะครับ ยิ่งตอนทานข้าวด้วย ปวดหัวก็ปวดหัว หิวก็หิวมาทะเลาะกันอยู่ได้ ผมเลยลุกออกมา
ก็ผมบอกแล้วว่าขืนยังทะเลาะกันต่อ ผมจะปล่อยให้อยู่กันสองคนให้เข็ด ไม่รู้ป่านนี้ตีกันตายไปหรือยัง
*.:。 ✿*゚‘゚・✿.。.:* *.:。✿*゚’゚・✿.。.:* *.:。✿*゚¨゚
ปล. FANPAGE กำลังทำนะคะ เดี๋ยวแจ้งให้ทราบค่า